ซิ่นลายหงส์ ตอนที่14 พ่อเจ้าได้เสียเป็นผัวเมียกับสอาง
บทประพันธ์ : ณไทย ภัทรกวีกานท์ บทโทรทัศน์ : ปริศนา / ณไทย ภัทรกวีกานท์
แรงตบส่งให้สอางเซถลาไปชนนางงอสองคนล้มไปด้วยกัน นางงอลุกขึ้นจะช่วยสอาง แต่ไม่ทัน ไฉไลตามมาจิกหัว
“กล้าดียังไงเอาความโสโครกของมึงมาแปดเปื้อนกู หา อีเลว”
“มึงมันแปดเปื้อนตั้งแต่ใช้ผัวคนเดียวกับกูแล้ว อีหน้าโง่”
สอางจับมือไฉไลข้างที่จิกหัวตัวเองไว้ ไฉไลร้องกรี๊ด เงื้อมืออีกข้างจะตบซ้ำ แต่สอางจับแขนไว้ได้ แล้วเอาเท้าถีบไฉไลหงายหลังล้มไปบนโต๊ะเตรียมของในครัว สอางกระโจนขึ้นคร่อมตบเอาคืนไม่ยั้ง ได้นางงอช่วยจับไฉไลให้ โซ่ทอง และสะออนได้ยินเสียงวิ่งเข้ามาดู พร้อมกับชาวบ้านอีกกลุ่ม
“ยาเอื้อย”
ไฉไลร้องวี้ดๆ ถูกตบยับ โซ่ทองดึงสอางที่ขึ้นคร่อมตบตีไฉไล แยกออกมา กอดไว้ทั้งตัว
“สอาง อย่า”
“ปล่อยกู บักขี้ข้า มื่อนี่ กูสิเอาเลือดหัวกบาลอีผู้ดีตีนแดงนี่ออก สิได้เห็นกัน ว่าเลือดมัน สิขาวสะอาดกว่าไทบ้านไทเมืองบ่อ”
สอางดิ้นจะไปตบไฉไลให้ได้ โซ่ทองต้องออกแรงกระชากสอางออกมา
ไฉไลลุกขึ้นได้ก็เข้าไปขย้ำคอสอางคืน นางงอกับสะออนพยายามเข้าไปแยก จนพ่อเจ้ากับกำจรวิ่งลงมาพอดี
“เกิดอะไรขึ้น”
สอางได้ยินเสียงพ่อเจ้าก็ทำเป็นหมดเรี่ยวแรง บีบน้ำตา ร้องไห้โฮทันที
“พ่อเจ้า ซ่อยข้าน้อยแนเจ้าค่ะ เมียสารวัตรกำจรฆ่าตีข้าน้อย”
“อีจอมมารยา ตายซะเถอะ”
ไฉไลลืมตัวจะเข้าตบสอางอีก จนกำจรต้องวิ่งไปกระชากตัวไว้
“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ ไฉไล อย่านะ”
ไฉไลแค้นจะฟ้องเรื่องน้ำชาใส่น้ำลาย “อีชั่วนี่มันทำสกปรกกับฉัน คุณรู้ไหมว่ามันบ้วน...”
สอางร้องไห้สะอึกสะอื้นห้พ่อเจ้าสงสาร “ข้าน้อยลงมาเตรียมข้าวน้ำซ่ามปลากับแม่งอ แต่ท่านนางคนนี่ตามมาหาเรื่องข้าน้อย”
“แม่นแล้วเจ้าค่ะ พ่อเจ้า ข้าน้อยอุตส่าห์พาสอางหนีมาทางนี่แล้ว แต่เพิ่นก็ยังบ่อลดราวาศอก พอถืกสอางว่าหน่อยเดียว ก็แล่นเข้ามาฆ่าตีสอาง” นางงอช่วยพูด
“อิตอ...” ไฉไลพูดไม่ทันจบคำ
กำจรตวาดลั่น “หยุดนะ ถ้าคุณพูดจาหยาบคายออกมาอีกคำเดียว ผมจะตบปากคุณ”
ไฉไลเต้นเร่าๆ “กำจร”
“ผมยอมให้คนประณามว่าเป็นไอ้หน้าตัวเมียรังแกผู้หญิง ดีกว่าปล่อยให้เมียอย่างคุณทำขายหน้าวันละห้าเบี้ยอย่างนี้”
ไฉไลมองผัวอ้าปากค้าง กำจรชี้ไปทางหน้าวัด
“ไปรอผมข้างนอก”
ไฉไลชักสีหน้า ขัดขืนไม่ยอมขยับ กำจรจ้องดุ
“หรือจะกลับไปพระนครวันนี้เลย ผมมีทางเลือกให้คุณแค่นี้”
ไฉไลชะงักเห็นท่าทางกำจรเอาจริง เลยไม่กล้าอาละวาดต่อ กระแทกเท้าออกไป
กำจรหันกลับมามองสอางเชิงขอโทษ แต่สอางกลับเมินหน้าหนี หันไปซบพ่อเจ้า
โซ่ทองมองดูท่าทางสอางกับพ่อเจ้าด้วยความกังวลในใจ
นางงอเอาผ้ามาช่วยสอางเช็ดเนื้อตัวที่เปรอะเปื้อนน้ำยาขนมจีน โดยมีสะออนช่วยด้วย
“ยาเอื้อยเมือเฮือนเฮาไปอาบน้ำอาบท่าก่อนดีบ่อ ผ้าผ่อนยาเอื้อยอยู่เฮือนก็ยังมี”
“บ่อ” สอางบอก
“ถ้าอย่างนั่น กินหยังจักหน่อยบ่อ ข้าน้อยสิหามาให้”
“กูสิกินหยังลง เนื้อตัวเหม็นคาวน้ำปลาแดกจั่งซี่”
นางงอหันไปเห็นพ่อเจ้าเดินเข้ามา ก็แกล้งพูดเสียงดังกับสะออน
“สอางเพิ่นอยากกลับวัง เจ้าไปบอกข้าหลวงแนได้บ่อ สะออน”
ได้ผล พ่อเจ้าหันมาบอกว่า “สอาง เธอจะกลับก่อนได้อย่างไร มาด้วยกัน ก็ต้องกลับด้วยกันสิ”
สอางเหลือบไปมองพ่อเจ้า ทำเป็นทอดถอนใจเกรงใจ
“อย่าให้ข้าน้อยสร้างปัญหาไปหลายกว่านี่เลยเจ้าค่ะ พ่อเจ้าอยู่ฟังเทศน์มหาซาตสา”
“เกิดเรื่องแบบนี้ ฉันก็ไม่มีอารมณ์จะฟังเทศน์ฟังธรรมอะไรทั้งนั้น ถ้าเธอจะกลับ ฉันก็จะกลับด้วย”
พ่อเจ้ายื่นมือให้จับ สอางน้ำตาคลอๆ มองอย่างซึ้งใจ แล้วลุกขึ้นจับแขนพ่อเจ้าเดินออกไปด้วยกัน นางงอรีบลุกตาม สะออนมองไป
ระหว่างทางสอางรีๆ รอๆ กระซิบกระซาบกับนางงอที่มาส่ง
“อีงอ ว่านเมากูเดะ”
“ข้อยมีอยู่ห่อเดียว ก็เอาใส่พาข้าวปุ้นที่อีไฉไลมันเฮ็ดเหี่ยไปแล้ว”
สอางโมโห “อ้าว อีนี่ แล้วกูสิเฮ็ดจั่งได๋ล่ะบาดนิ”
นางงอจับแขนปลอบ “ใจเย็นๆ เจ้ากลับวังไปก่อน แล้วข้อยสิฟ่าวเอาไปให้”
“อย่าลืมล่ะ”
นางงอพยักหน้ารับ สอางรีบเดินตามพ่อเจ้าไป นางงอออกไปอีกทาง
เสียงฆ้องเสียงระฆังดังกังวานไปทั่วบริเวณวัด ซึ่งตกแต่งคล้ายป่าหิมพานต์ ประดับด้วยต้นกล้วย ต้นอ้อย และตุงอีสาน
พิธีแห่ข้าวพันก้อน เป็นประเพณีหนึ่งในงานบุญผะเหวด ซึ่งชาวบ้านเอาข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลมๆ ใส่ลงในกระจาดไม้ไผ่ ตั้งอยู่รอบๆ โบสถ์ สะออนเดินเคียงโซ่ทองใส่ข้าวปั้นจนรอบโบสถ์
“สอางเมือแล้วเบาะ” โซ่ทองถามขึ้น
“จ้ะ ยาเอื้อยบ่อยอมไปอาบน้ำเปลี่ยนผ้าที่เฮือน ฮนแต่สิเมือวัง พ่อเจ้าเพิ่นก็เลยพาเมือไปแล้ว”
“พ่อเจ้าก็เมือไปนำกันซั่นเบาะ” มีวี่แววไม่สบายใจในน้ำเสียงโซ่ทอง
สะออนพยักหน้า โซ่ทองฟังแล้วกังวลหนักกว่าเดิม
“แล้วนี่...ยาเอื้อยสะอาดไปถือศีลจักมื่อ มื่อใด๋สิกลับคืนมา”
“สามมื่อสามคืน”
โซ่ทองรำพึง “อีกตั้งสองคืนเลยบ้อ”
สะออนเห็นโซ่ทองถอนอกถอนใจ ก็รู้สึกแปลกๆ
“มีหยังบ่ออ้ายโซ่ เป็นหยังเฮ็ดหน้ากลุ้มอกกลุ้มใจ”
โซ่ทองมองหน้าสะออนอย่างลังเลว่าจะพูดดีหรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจพูดในที่สุด
“สะออน คือว่า...อ้ายเห็นท่าทีของ สอางกับพ่อเจ้าแล้ว อ้ายบ่อสำบายใจ แล้วนี่ ยาเอื้อยสะอาดก็บ่ออยู่ อ้ายย่านว่า...”
สะออนนึกไปอีกอย่าง “อ้ายโซ่ อย่าบอกเด้อ ว่าอ้ายหวงยาเอื้อยสอางขึ้นมา”
“บ่อแม่นจังซั่น อ้ายบ่อได้คึดหยังกับสอางตั้งโดนแล้ว เพียงแต่อ้ายแค่ย่านว่า เรื่องมันสิซ้ำฮอยเก่า ถ้าบ่อแม่นสอาง อ้ายก็สิบ่อคึดหยังหลายปานนี่ดอก”
สะออนนิ่งคิดตาม แล้วกังวลขึ้นมาเหมือนกัน แต่ก็รีบไล่ความคิดนั้นทิ้งไป เพราะยังไงก็พี่สาวตัวเอง
“บ่อมีหยังดอก พ่อเจ้าเพิ่นเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ก็คงให้ความเมตตายาเอื้อยในฐานะน้องเมีย คงบ่อมีหยังหลายกว่านั้นดอกอ้าย”
“ก็ขอให้มันเป็นแค่ความคึดซั่วทรามของอ้ายผู้เดียวก็แล้วกัน”
โซ่ทองพึมพำแล้วจัดก้อนข้าวเหนียวเรียงบนเสาตะกร้าที่ตั้งอยู่ข้างโบสถ์ จนเห็นชาวบ้านทยอยกันขึ้นไปบนศาลาฟังเทศน์
“หลวงปู่หลวงตาใกล้สิเริ่มเทศน์แล้ว เจ้าขึ้นศาลาไปก่อนสา น้องหล่าเจ้าอยากฟังเทศน์บ่อแม่นบ้อ”
“แล้วอ้ายเด้”
“อ้ายเรียงข้าวพันก้อนให้งามๆ จักหน่อยก่อน เดี๋ยวสิตามขึ้นไปดอก”
“ตามมาเร็วๆ เด๊ออ้าย”
สะออนพยักหน้ารับแล้วเดินไปทางศาลา
ชาวบ้านแน่นศาลารอฟังเทศน์จากยาครู สะออนเลือกเอาที่นั่งเอาด้านหน้าๆ เพ็ง กะเภาตามขึ้นมาติดๆ กัน
“เอื้อยเพ็ง เอื้อยเภา หม่องนี่จ้ะ”
สะออนกวักมือเรียก แล้วชี้ที่ว่างด้านหลังของตนที่ปูผ้าจองไว้ เพ็งมองฉงน
“อ้าว หม่องนั่นสิให้ไผนั่งล่ะ แม่สะออน”
“ข้อยกันไว้ให้อ้ายโซ่ทอง เดี๋ยวเพิ่นสิบ่อมีหม่องนั่ง”
เภายิ้มเย้า “เบ๊ย... แม่สะออน ห่วงบักโซ่ ย่านมันสิบ่อได้ขึ้นสวรรค์บ้อ...”
สะออนเขินแก้ตัวพัลวัน “เพิ่นมาซ่อยเวียกซ่อยงานยาครูตั้งหลายมื่อ ก็ควรได้นั่งหม่องดีๆแหน่ บ่อแม่นไปอยู่ท้ายศาลาพู่น เดี๋ยวบุญก็ไปบ่อฮอด”
เพ็งกะเภามองหน้ากันอมยิ้มมีเลศนัย สะออนเขินแล้วเขินอีก
ด้านโซ่ทองนั่งจัดสำรับถวายพระ ได้ยินเสียงพระเริ่มสวดพึมพำมาจากศาลา นางสายเดินเข้ามาตาม
“โซ่ทอง ขึ้นศาลากันเถาะลูก ได้เวลาแล้ว”
“ใกล้แล้วแล้วจ้ะ อีแม่”
“ไปเถาะ เดี๋ยวค่อยมาเฮ็ด ปานนี่ บ่อแม่นแม่สะออนเพิ่นคอยถ่าโดนแล้วบ้อ”
โซ่ทองรับเอาคำ ยอมวางมือจากงานแล้วจูงแขนนางสายาไปที่ศาลา แต่พอออกจากโรงครัวก็เห็นศรีธารากระหืดกระหอบมาหา
“อ้ายโซ่ทอง”
“ท่านชาย หายไปไสมาหลายมื่อเลย”
“ผมไปธุระที่พระนคร พอกลับมาก็รีบไปที่เรือนพุทไธเทพ แต่ไม่มีใครอยู่เลย เห็นชาวบ้านมาทำบุญกันที่วัด ก็เลยคิดว่าคงมาอยู่กันที่นี่”
“มื่อนี่มีงานบุญผะเหวดฟังเทศน์มหาชาติเจ้าค่ะ แต่พ่อแพทย์กับญาแม่บ่ได้อยู่ที่นี่ดอกเจ้าค่ะ เพิ่นแยกย้ายกันไปธุระทางอื่น” นางสายบอก
ศรีธาราไม่สนใจเรื่องพ่อแพทย์กับญาแม่ รีบถามหาอีกคน “แล้วสะออนล่ะครับ”
โซ่ทองชะงัก พลันนึกถึงคำพูดที่ญาแม่สั่งไว้ขึ้นมา
บนศาลาแน่นขนัดไปด้วยผู้คนที่นั่งพนมมือพร้อมเพรียง เสียงเทศน์ของญาครูดังกังวานไปทั่ว
สะออนนั่งฟังเทศน์ด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมเลื่อมใส จนกระทั่งหางตาเห็นว่ามีคนเดินเข้ามานั่งข้างๆ พอหันไปทัก ก็ต้องชะงักหน้าเสีย เพราะเห็นคนที่มานั่งข้างๆ คือศรีธารา
“ท่านชาย...”
“ขอผมฟังเทศน์ด้วยคนนะ สะออน”
สะออนหน้าเจื่อน ผิดหวังที่ไม่ใช่โซ่ทอง แต่ฝืนยิ้มให้ ไม่วายมองหาโซ่ทองอย่างแปลกใจ
บริเวณท้ายศาลาแถวๆ บันได โซ่ทองขึ้นมานั่งกับนางสายตรงนั้น มองมายังสะออนกับศรีธาราสีหน้าเศร้า นึกถึงคำพูดญาแม่ที่คุยกับเขาในห้องเก็บยา
“เจ้าฮู้อยู่แม่นบ่อ โซ่ทอง ว่าเจ้าศรีธาราถืกอกถืกใจลูกสาวหล่าของข้อย”
โซ่ทองตอบไม่เต็มปาก “จ้ะ...”
“เจ้าซ่อยหยังข้อยอย่างหนึ่งแหน่ได้บ่อ ซ่อยให้ทั้งคู่มีโอกาสได้ใกล้ซิดกัน ข้อยอยากให้เพิ่นสานสัมพันธ์กันได้เร็วๆ”
นึกแล้วโซ่ทองทอดถอนใจหนักหน่วงออกมา พยายามปลอบใจตัวเองว่าทำถูกแล้ว โซ่ทองยกมือขึ้นพนมฟังเสียงพระเทศน์ พยายามเลิกคิดเรื่องสะออน
ที่วังอินทนิล พ่อเจ้าเดินเข้ามาในตำหนัก แต่เห็นสอางยังคงนั่งนิ่ง เบือนหน้าหนีไปอีกด้าน
“สอาง...”
สอางยังนิ่งเฉย จนพ่อเจ้าแปลกใจ ต้องเดินกลับมาหา
“สอาง...”
สอางทำเป็นสะอื้นเบาๆ แล้วหันกลับมาในสภาพน้ำตานองหน้า
“เธอเป็นอะไรไป”
“ข้าน้อยขอสมมาเจ้าค่ะ ที่เกิดเรื่องวันนี้ พลอยขัดบุญขัดกุศลพ่อเจ้า ทั้งที่วันนี้เป็นงานบุญใหญ่แท้ๆ”
“อย่าคิดมากไปเลย โอกาสหน้าก็ยังมี”
“คนบาปหนาอย่างข้าน้อย คงสิบ่อกล้าบากหน้าไปงานบุญทางใด๋อีกแล้วล่ะเจ้าค่ะ เพราะข้าน้อยบ่ออยากไปเห็นท่านสารวัตรกำจรกับเมียอีก”
สอางเช็ดน้ำตาหันมามองพ่อเจ้า ด้วยท่าทีอันน่าสงสาร
“พ่อเจ้าคงคึดสมน้ำหน้าข้าน้อย ที่เคยไปยาดไปแย่งสารวัตรกำจรมาแต่งดอง จนกลายเป็นตราบาปให้เมียเพิ่นตามมาประจานแบบนี่”
สอางเสียงสั่นเครือ ทำท่าจะร้องไห้ออกมาอีก
“ไม่เลย ฉันไม่เคยโทษเธอ ฉันรู้ความจริงทุกอย่างจากแม่เจ้าสะอาดแล้ว เธอถูกหลอกลวง ไม่ใช่หรือ”
“ยาเอื้อยบอกพ่อเจ้าแล้วรึเจ้าคะ”
พ่อเจ้าพยักหน้า “เธอไม่ผิดดอกสอาง ที่ไม่รู้เท่าทันเล่ห์กลของผู้ชาย ฝ่ายนั้นต่างหากที่ผิด ที่ไม่ยอมเลิกราสักที แทนที่จะต่างคนต่างอยู่ กลับยังเทียวมาหาเรื่องราวีกันแบบนี้ ฉันคงต้องเจรจากับสารวัตรกำจรให้รู้เรื่องเสียแล้ว”
“พ่อเจ้าสิซ่อยข้าน้อยรึเจ้าคะ”
“ตอนนี้เราเป็นคนเรือนเดียวกันแล้ว ถ้าคนในเรือนฉันเป็นทุกข์ ฉันก็ต้องหาทางบรรเทาให้”
สอางเงบมองหน้าพ่อเจ้าอย่างซาบซึ้งใจ น้ำตาคลอๆ
“เป็นความเมตตากรุณาหลายเจ้าค่ะ
สอางพนมมือโผเข้ากราบที่อกพ่อเจ้า อีกฝ่ายนิ่งตะลึงงันตัวร้อนผ่าว เหมือนเปลวไฟจากกายสอางแล่นเข้าหาจนต้องนิ่งชา ไม่มีแรงขยับ
ยิ่งสอางซุกกราบอยู่ที่อกโดยไม่ยอมผละออกพ่อเจ้าก็ยิ่งสะท้านหวั่นไหว เพราะโหยหารสสัมผัสใกล้ชิดจากผู้หญิงมานาน พ่อเจ้าเผลอเอามือโอบกอดสอางตอบหลวมๆ
ทั้งสองยังกอดกันนิ่งอยู่อย่างนั้น ราวกับทั้งวังมีกันอยู่แค่สองคน
ส่วนที่วัดป่า สะอาดนั่งสมาธิอยู่สะดุ้งลืมตาขึ้นเหมือนมีอะไรมาดลใจเข้าอย่างจัง แม่ชีพี่เลี้ยงมองมาเห็นพอดี
“แม่ขาวน้อย มีหยังบ่อลูก”
“บ่อมีหยังเจ้าค่ะ ข้าน้อยเผลอคึดเรื่องอื่น จิตก็เลยหลุดจากภวังค์”
“บ่อเป็นหยังดอก นิวรณ์ทั้งห้ามันแวบเข้ามาเพื่อพิสูจน์จิตเฮา หลุดแล้วก็กลับเข้าไปใหม่ได้ ตั้งสมาธิ ดึงจิตเข้ามาสถิตอยู่กับกาย กำหนดลมหายใจใหม่เด้อลูก”
สะอาดค่อยๆ หลับตาลงพยายามตั้งสติอีกครั้ง
ญาแม่ แม่ครูและคนอื่นๆ นั่งสมาธิอยู่ข้างๆ กัน
หลวงพ่อญาครูเทศน์อยู่บนธรรมาสน์น่าเลื่อมใส ผู้คนนั่งฟังเทศน์จนจบกัณฑ์ช่วงเช้า พักฉันท์เพล ชาวบ้านลุกไปจัดเตรียมสำรับถวายพระ ศรีธาราขยับเข้ามาหาสะออนใกล้ๆ ชวนคุย
“ตั้งแต่เกิดมา ผมเพิ่งเคยได้ฟังเทศน์มหาชาติ ซาบซึ้งดีนะครับ”
“แม่สะออนก็เพิ่งเคยได้ฟังเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ เวลาพระเทศน์ เพิ่นก็แล่นเล่นกับซุมเด็กน้อยอยู่ลานวัดพู่นเจ้าค่ะ” เพ็งแซวอีก
“เอื้อยเพ็ง”
สะออนเสียงขุ่น หันไปหยิกเพ็งแก้เขิน เภายิ้มเอ็นดูแล้วพูดต่อ
“แต่ก็ดีแล้วล่ะเจ้าค่ะ ฟังเทศน์มหาซาตเพิ่นว่าได้บุญใหญ่ แฮงฟังจบ 13 กัณฑ์ภายในคืนเดียว ตายไปสิได้ขึ้นสวรรค์”
“มิน่าล่ะ อ้ายโซ่ทองถึงไล่ให้ผมมานั่งฟังเทศน์กับสะออน สงสัยกลัวว่าสะออนจะได้ขึ้นสวรรค์คนเดียว”
ศรีธาราหันมายิ้มกับสะออน โลกสวยสุดๆ แต่สะออนกลับรู้สึกอึดอัดกว่าเดิม ยิ้มไม่ออก เบือนหน้าหนี จนสายตามองไปเห็นโซ่ทองเดินเตร็ดเตร่อยู่ข้างล่างเข้าจึงลุกขึ้นขอตัว
“ข้าน้อยขอตัวลงไปธุระสักครู่นะเจ้าคะ”
โซ่ทองเดินลงมาตักน้ำฝนในตุ่มกินแก้กระหาย พอหันมาก็เห็นสะออนยืนจ้องอยู่
“สิกินน้ำเบาะ สะออน”
โซ่ทองจึงหันไปตักน้ำยื่นให้ แต่สะออนส่ายหน้าไม่กิน เอาแต่จ้องหน้าอยู่อย่างนั้น
“เป็นหยังอ้ายบ่อขึ้นไปฟังเทศน์”
“ฟัง แต่อ้ายนั่งอยู่ท้ายศาลากับแม่”
“ข้อยอุตส่าห์กันที่หน้าธรรมาสน์ไว้ให้”
“เจ้าศรีธาราเพิ่นก็ไปนั่งแล้วเด้”
โซ่ทองตอบเหมือนไม่คิดอะไร แล้วเดินหนีไป สะออนเดินตาม
“ก็ย่อนอ้ายยอมให้เพิ่นไปนั่งแทน ทั้งๆ ที่หม่องนั่นมันเป็นของอ้าย” สะออนพูดเป็นนัย
โซ่ทองหันกลับมาหา รับรู้ว่าสะออนไม่พอใจมาก แต่พยายามฝืนยิ้มปลอบ
“ก็บ่อเห็นสิเป็นหยังเล่ย อ้ายสินั่งหม่องใด๋ มันก็คือกันนั่นล่ะ แต่เจ้าศรีธาราเพิ่นเป็นแขกของเจ้า ก็ควรแล้วที่ได้นั่งฟังเทศน์กับเจ้า”
สะออนหงุดหงิด รู้ทัน “ฮึ สิมัดหัวมัดหางส่งข้อยกับเพิ่นขึ้นสวรรค์นำกันซั่นเบาะ”
โซ่ทองชะงัก สีหน้าเจื่อนไป เพราะสะออนพูดจี้ใจดำจังๆ
“ก็ได้ กินเพลแล้วแล้ว ข้อยสิกลับไปนั่งฟังเทศน์กับเจ้าศรีธาราให้จบ สิได้ฮับบุญใหญ่ ขึ้นสวรรค์ซั้นฟ้าไปนำกัน อย่าลืมจับคู่อ้ายโจ้นอ้ายก้านให้เอื้อยเพ็งเอื้อยเภานำล่ะ มักคักแม่นบ๊อ เป็นพ่อสื่อให้คนไปทั่วนิ”
“สะออน...”
โซ่ทองอ้าปากจะอธิบาย แต่สะออนไม่ฟังสะบัดหน้าหนี แล้วเดินฉับๆ ขึ้นศาลาไป โซ่ทองได้แต่ถอนใจ
ที่บ้านพัก กำจรเดินลิ่วขึ้นเรือนมาเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเครื่องแบบมาสวม ไฉไลตามเข้ามา ทำท่าทางสำออย
“นี่คุณยังจะมีกะจิตกะใจไปทำงานอีกเหรอกำจร ฉันโดนอีบ้านนอกนั่นตบตีช้ำระบมไปทั้งร่างแบบนี้ แทนที่จะอยู่ดูแลกัน”
“ใครใช้ให้คุณไปตบกับเขาล่ะ” กำจรหันไปมองโดยไม่ไยดี “คุณตบตีกับคนไปทั่วจนน่าจะชินชาได้แล้วนะ เจ็บตรงไหนก็เรียกแม่คำสีมาช่วยใส่ยาให้แล้วก็กัน ผมมีงานต้องไปทำ”
กำจรแต่งตัวเสร็จจะเดินออกจากห้อง ไฉไลคว้าตัวไว้
“อย่ามาทำดูดายกับฉันนะ ฉันเป็นเมียคุณ ใส่ใจฉันหน่อยสิ”
“คุณก็ดีแต่เรียกร้องสิทธิ์ความเป็นเมีย แต่ไม่เคยให้เกียรติคนเป็นผัว รู้ไหมว่าเกิดเรื่องแต่ละครั้ง คนมันก็เอาผมไปนินทาเสียๆหายๆ จนใกล้จะได้เอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีแล้ว”
“ดินที่อีสานมันฝังหน้าคุณไม่มิดหรอก ลาออกแล้วกลับพระนครกับฉันสิ”
“ไม่ เรื่องอะไรผมจะต้องกลับไปเป็นกุลีรับใช้เตี่ยคุณ ให้ตระกูลของคุณดูแคลนเหมือนผมไปขอทานเขากิน ไฉไล ถ้าคุณยังรักผมอยู่ ก็ปล่อยให้ผมเหลือศักดิ์ศรีลูกผู้ชายบ้าง”
กำจรสะบัดแขน แล้วเดินออกไปอย่างไม่ใยดี ไฉไลกระฟัดกระเฟียด
บนศาลาวัดแคนหลวง สะออน โซ่ทอง ศรีธาราและคนอื่นๆ นั่งฟังพระเทศน์ ด้วยอารมณ์ต่างๆ กัน เสียงหลวงพ่อเทศนาดังจับใจไปทั่วทั้งศาลา คลอเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในวันนี้
ศรีธาราฟังเทศน์ด้วยความเลื่อมใส มีความสุข คอยเหลือบมองสะออนเป็นระยะๆ ดีใจที่ได้ฟังเทศน์ข้างๆ สะออน
ขณะที่สะออนแม้จะพนมมือฟังพระ แต่ใจกลับคิดวุ่นวายเพราะอารมณ์น้อยอกน้อยใจโซ่ทอง จนออกมาทางสีหน้าที่ไม่เป็นสุขนัก
ส่วนโซ่ทองนั่งห่างออกไป สายตาคอยมองสะออนตาละห้อยด้วยความรู้สึกผิด
ที่วังอินทนิล สอางเดินออกไปที่หน้าวังทำตัวลับๆ ล่อๆ จนเห็นนางงอเอาห่อว่านเมามาให้ สอางรีบเอาซ่อนใส่เสื้อแล้วกลับเข้าตำหนัก ตรงมาที่ห้องครัว มองซ้ายแลขวา จนแน่ใจว่าปลอดคนแล้วรีบเอาว่านเมาห่อเล็กๆ ออกมา เทใส่ลงไปในแก้วกาแฟ ก่อนจะคว้าเข็มเล็กๆ มาจิ้มนิ้วให้เลือดหยดลงไปในถ้วยกาแฟ รีบคนให้เข้ากัน ในเวลาอันรวดเร็ว คอยระวังหน้าระวังหลังไปด้วย จนเรียบร้อยจึงยกถาดกาแฟออกไป
พ่อเจ้านั่งทำงานอยู่ที่ห้องกับข้าหลวง จนเห็นสอางยกกาแฟมาให้ ทั้งสองส่งสายตาเชื่อมหวานใส่กัน แต่พอเห็นข้าหลวงมองอยู่ สอางก็รีบก้มหน้าก้มตาเดินออกไป
ที่สำนักสมิงพันดง สมิงพันดงกำลังรักษาคนไข้ที่มานอนขอความช่วยเหลือที่สำนัก พ่นยาท่องคาถาไปตามเรื่อง ปลายสายตาเห็นใครคนนึ่งกำลังกำลังเดินขึ้นเรือนมาก็เหลือบมอง
คนที่ขึ้นเรือนมาคือนางงอ ด้วยที่ท่ายังคงหวาดระแวง ไม่ไว้ใจเต็มร้อย
สมิงพันดงเหลือบมองนางงอยิ้มๆ แต่ทำเป็นไม่สนใจ ท่องคาถารักษาคนไข้ต่อ
ที่สถานีตำรวจ กำจรนั่งทำงาน แต่ใจพะวักพะวนถึงสอาง เพราะได้พบกันอีกครั้งในวันนี้
ด้วยมนต์เสน่ห์ซิ่นลายหงส์ นับตั้งแต่วันที่พบสอางครั้งแรก จนถึงวันแต่งงานกับสอาง ผุดขึ้นมาในหัว กำจรทำงานไม่มีสมาธิ อารมณ์ร้อนรุ่มกระวนกระวายคิดถึงแต่สอาง
ที่วัดป่าริมแม่น้ำชี สะอาด ญาแม่ แม่ครูและคนอื่นๆ นั่งสมาธิกันอยู่อย่างสงบ สะอาดหลับตานิ่ง จิตกำลังเข้าสู่ภวังค์ และเห็นภาพเหตุการณ์บางอย่าง
มีเสียงแทรกเข้ามาในภวังค์จิตที่นิ่งด้วยสมาธิ
“ความทุกข์ของมึง เป็นความสุขของกู นี่ล่ะคือสิ่งที่คนบาปอย่างมึงสมควรได้ฮับ”
เมื่ออดีตชาติ ภายในคุกหลวงอันมืดสลัวมัวมน มีเพียงแสงคบไฟ หูกคำถูกล่ามด้วยสายโซ่ทองคำ นุ่งห่มด้วยผ้าสีมัวหมอง สภาพผ่ายผอมตรอมใจ ร่างกายเปื้อนมอมด้วยฝุ่นผงธุลีดิน
อัญญานางศรีสะอาดเดินเข้ามาในนั้นกับบรรดาข้าหลวงที่ถือไหมาคนละใบ ศรีสะอาดแผดเสียงหัวเราะเยาะเย้ย หูกคำค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองดู
“นี่ล่ะหนา กฎแห่งกรรมเพิ่นว่า ฮอยกรรมคือฮอยเกวียน ที่หมุนเวียนตามฮอยตีนงัว งัวย่างไปทางใด๋ ล้อเกวียนก็หมุนตามไปทางนั่น”
“อัญญาเอื้อย...”
“อีหูกคำเอ๋ย บาปนำกรรมไล่มึงแล้ว มึงหนีไปไสบ่อหวิดดอก”
“ข้าน้อยเฮ็ดผิดอันใด๋ จึงได้ใส่ร้ายให้โทษกันปานนี่”
“อย่ามาแถลงแปลงลิ้น มึงกับอีพวกขี้ข้าห้าเบี้ยของมึง สมคบฮ่วมคิด ลอบปลงพระซนม์กูกับอัญญาแม่”
“ความคึดซั่วทรามจังซั่น บ่อเคยมีในขันธสันดานของข้าน้อยเลย”
ศรีสะอาดโกรธ “อย่ามาปากดี บ่อแม่นสันดานมึง แล้วสิเป็นสันดานไผ”
“สันดานไผ ก็กลับไปถามใจกันเอาเองเพคะ”
“มึงอย่ามาปากปลาแดกกับกูหนา อีหูกคำ ลูกอีทองจันทร์ พวกคนอุบาทว์บ้านอุบาทว์เมือง”
หูกคำจ้องมองดูศรีสะอาดด้วยแววตาเจ็บแค้น
“กูอ่านสายตามึง กูก็เห็นถึงสันดานฆาตกรของมึงแล้ว”
ดวงตาของหูกคำไหวระริก อัดแน่นไปด้วยแรงแค้น
“แม่นหยัง มึงสิฆ่ากูซั่นบ้อ”
ข้าหลวง1 เอ่ยขึ้นว่า “อัญญานางศรีสะอาดเพคะ อย่าไปยืนใกล้เพิ่นเพคะ อันตราย”
“คนจิตใจอำมหิต สิฆ่าเฮาตายตอนใด๋ มันก็บอกบ่อถืกดอกเพคะ” ข้าหลวง2 เสริม
“เบิ่งดู๊ล่ะเพคะ แม้แต่แววตาเพชฌฆาตก็ยังมีเมตตาหลายกว่าแววตาคู่นี่” ข้าหลวง1 ว่า
“ถอยออกมาก่อนเถิดเพคะ อัญญานาง” ข้าหลวง2 บอก
ดวงตาของหูกคำจ้องมองศรีสะอาดด้วยแรงแค้น แน่วนิ่งดั่งดวงตาปลาตาย
“มึงอาฆาตกูบ่อ มึงคึดสิฆ่ากูซั่นบ้อ คนอย่างกู สะหลาดพอที่สิบ่อยอมให้ไผมาฆ่าก่อนดอก จัดการมัน”
ศรีสะอาดหันมาสั่งข้าหลวง หูกคำเสียงแหบโหย พนมมือไหว้วอน เพราะเห็นแก่พวกนางข้าหลวงของตน
“เวทนาสัตว์ผู้ยากเถิดเพคะ อัญญาเอื้อย น้องเกิดมาอาภัพ ต่ำต้อยด้อยวาสนา มีพ่อแม่ก็คือบ่อมี ยศถาบารมีแนวใด๋ก็เทียบอัญญาเอื้อยบ่อได้”
ศรีสะอาดมองดูหูกคำที่หมดสภาพยกมือไหว้วอนร้องขอ ใจหนึ่งก็รู้ว่าเป็นแผนการใส่ร้ายของมหาเทวี
“หุบปาก อีสันดานฆาตกร มึงสิฆ่ากู ฆ่าแม่กู กูสิเก็บมึงไว้เป็นเสี้ยนหนามเฮ็ดหยัง พวกมึงอย่าไปใจอ่อน สั่งสอนมันให้หลาบจำไปฮอดซาตหน้า”
เหล่าข้าหลวงรับคำ เปิดปากไหเทมดแมลงออกมาใส่หูกคำ
หูกคำถูกมดกัด ร้องไห้โอดโอยด้วยความเจ็บปวดด้วยเสียงแหบโหยเท่าที่มีแรง พยายามปัดมดแมลงออก เสียงสายโซ่ทองคำที่คล้องกายอยู่ดังกระทบกัน
“ความทุกข์ของมึง เป็นความสุขของกู นี่ล่ะคือสิ่งที่คนบาปอย่างมึงสมควรได้ฮับ”
ศรีสะอาดเยาะเย้ย มองดูหูกคำทุกทรมานด้วยความสาสมใจ แล้วเดินออกจากคุกหลวงไป
สอางหลับอยู่ในห้องที่วัง ฝันถึงเหตุการณ์เดียวกับที่สะอาดเห็นในสมาธิ นอนดิ้นทุรนทุราย ปัดเนื้อปัดตัวเหมือนกำลังโดนตัวอะไรกัดอยู่
“โอ๊ย ซ่อยแน้ ออกไป๊”
สอางดิ้นไปดิ้นมาแล้วสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงคนเรียก
“ท่านนาง ท่านนาง”
สอางลืมตาเห็นทองมี แล้วมองไปรอบๆ พบว่าตัวเองเผลอหลับไปในห้อง
“ฝันร้ายเบาะเจ้าคะ”
สอางพยักหน้าก้มลงดูเนื้อตัวตัวเอง เห็นว่าไม่มีริ้วรอยถูกแมลงกัดต่อยก็โล่งใจ เงยหน้ามองทองมีอย่างระแวง
“อีทองมี มึงเข้ามาเฮ็ดหยังในห้องกู”
“พ่อเจ้าเพิ่นเห็นว่าค่ำมืดแล้ว ท่านนางยังบ่อออกจากห้อง ก็เลยให้ข้าน้อยมาเอิ้นไปกินข้าวกินน้ำเจ้าค่ะ”
ได้ยินชื่อพ่อเจ้าสะอาดก็ดีดตัวลุกพรวด สีหน้าชื่นบานขึ้นมาทันควัน
“บอกพ่อเจ้าว่าขอกูล้างหน้าล้างตาก่อน เดี๋ยวสิตามออกไป”
ทองมีรับคำแล้วคลานออกไป สอางหันไปมองกระจก ลูบหน้าลูบตายิ้มกับตัวเอง
พ่อเจ้าทอดสายตามองสอางที่นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ถามยิ้มๆ
“ฉันเห็นเธอหายเงียบเข้าห้องไป ก็เลยกลัวว่าจะไม่สบาย”
“ข้าน้อยบ่อได้เป็นหยังดอกเจ้าค่ะ แค่เมื่อยไปจักหน่อย ก็เลยเผลอหลับไป”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ขอโทษที่ให้ทองมีไปปลุก”
“บ่อเป็นหยังดอกเจ้าค่ะ ข้าน้อยก็ต้องขอสมมาพ่อเจ้า เพราะมัวแต่รีบร้อน ก็เลยบ่อทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดีกว่านี้”
พ่อเจ้ามองสอางด้วยสายตาหวานเชื่อม หลงใหล
“ไม่เห็นมีอะไรต้องอาย เธอแต่งตัวแบบนี้ก็งามดีอยู่แล้ว จะไปเปลี่ยนทำไม”
สอางทำเป็นก้มหน้าเอียงอาย แต่รู้ดีว่าสิ่งที่พ่อเจ้าพูดเกิดจากฤทธิ์ว่านเมาที่ใส่ลงไปในถ้วยกาแฟ
สะอาดเข้ามากราบแม่ชีที่ปักกลดอยู่ในมุมสงบ ลับตาคนอื่น เพื่อปรึกษาภาพที่เห็นในสมาธิ
“แม่ขาวน้อย ลูกเห็นภาพนิมิตซั่นบ่อ” (แม่ขาว (สรรพนาม) = แม่ชี)
“เจ้าค่ะท่านแม่ซี ความจริงแล้วข้าน้อยเห็นภาพเหล่านี้มาหลายเทือแล้วในฝัน แต่นี่เป็นเทือแรกที่ข้าน้อยเห็นในภวังค์สมาธิ มันแม่นภาพหยังเจ้าคะท่านแม่ซี”
“ลูกเห็นหยังแน”
“ข้าน้อยเห็นโตเองแต่งตนแต่งโตคือเป็นเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน มีซีวิตอยู่ในอีกยุคสมัย ภาพที่เห็นนั่นมีพ่อแม่พี่น้องของข้าน้อยอยู่พร้อมหน้า แต่ความสัมพันธ์นั่นผิดเพี้ยนไป”
“ผิดเพี้ยนจั่งได๋”
“ในภาพนิมิต ข้าน้อยมีจิตใจซั่วซ้าสามานย์ ใส่ทุกข์ใส่กรรมให้น้องสาวตกแก่ความลำบาก ผิดกับในภพซาตนี่ ที่ข้าน้อยเองต้องตกเป็นฝ่ายอ่อนยอมให้น้องสาวกดขี่ข่มเหง มันเกิดหยังขึ้นเจ้าคะ ท่านแม่ซี เป็นหยังภาพเหล่านี่จึงมาปรากฏให้เห็น”
แม่ชีมองสะอาดนิ่ง ใช้ความคิด
“จิตที่นิ่งในภวังค์สมาธิอันใสสะอาด อาจมีพลานุภาพวิเศษ ดลให้เฮาเห็นภาพ กรรมนิมิต จิตนิวรณ์ สะท้อนให้เห็นกรรมเก่า หรือสิ่งที่ใจเฮาพัวพันนึกถึง จิตของลูกอาจผูกพันกับสิ่งเหล่านั่น จึงเห็นมโนภาพนั่นซ้ำๆ”
“ภาพที่ข้าน้อยเห็น มันเกิดขึ้นจริงแท้บ่อเจ้าคะ”
“แม่ตอบบ่อได้ดอก ย่อนว่านิมิตของแต่ละคนบ่อคือกัน บางนิมิตเป็นภาพจริง บางนิมิตเป็นภาพลวง บางนิมิตปรากฏขึ้นเพื่อเตือนสติ ลูกต้องหาคำตอบเอง”
สะอาดกลุ้ม กังวล และสับสนหนัก
ด้าน สะออน โซ่ทอง เพ็ง เภา กลับเรือนพุทไธเทพมาด้วยกัน ตรงไปทางเรือนใหญ่ ศรีธาราเดินตามมาส่ง
“ท่านชายรีบกลับวังเถอะเจ้าค่ะ มืดค่ำแล้ว พ่อเจ้าสิเป็นห่วง”
“ให้ผมส่งคุณขึ้นเรือนก่อน แล้วถึงจะไป ผมจะได้สบายใจ”
เพ็งกะเภาอมยิ้ม มองสะออนที่หน้าแดง สะออนก้มหน้าก้มตา พอเหลือบไปเห็นโซ่ทองก็สะบัดหน้าพรืดใส่ เดินตามเพ็งเภาขึ้นเรือนไป
ศรีธารามองตามสะออนไป แล้วเข้ามากอดโซ่ทองอย่างดีใจ
“ขอบคุณอ้ายมากนะ ที่ให้ผมได้ฟังเทศน์มหาชาติกับสะออน ถึงยังไม่ตาย แต่ผมก็ได้รู้แล้วล่ะว่าการได้ขึ้นสวรรค์มันเป็นยังไง”
สะออนที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดเรือนได้ยินศรีธาราพูด ก็หยุดหันมามองโซ่ทอง
“ข้าน้อยดีใจที่ได้ทำให้ท่านชายมีความสุข”
ศรีธาราตบอกโซ่ทองอย่างขอบใจ แล้วเตรียมจะแยกย้ายกัน สะออนมองโซ่ทองอย่างน้อยใจ
“ท่านชายเจ้าคะ”
สะออนแกล้งเรียกไว้ แล้วลงบันไดมาอีกครั้ง โซ่ทองชะงักหันไปมอง เห็นสะออนถอดสไบให้
“ผ้าสไบผืนนี้ ข้าน้อยขอมอบให้ท่าน เป็นเครื่องรำลึกว่า บุญผะเหวดปีนี้ ท่านชายกับข้าน้อยได้ร่วมฟังเทศน์มหาชาติด้วยกัน”
ศรีธาราดีใจ “คุณให้ผมจริงๆ หรือ สะออน”
“ท่านชายจะได้ระลึกถึงงานบุญคืนนี้ตลอดไปเจ้าค่ะ”
สะออนปรายตาหันไปมองค้อนโซ่ทอง ขณะที่ฝ่ายนั้นยืนอึ้งกับท่าทีสะออนอยู่
“ขอบคุณนะ สะออน ผมจะไม่มีวันลืมงานบุญผะเหวดครั้งนี้เลย”
ศรีธารารับผ้าสไบมากอดแนบอก แล้วหันไปยิ้มดีใจกับโซ่ทองที่ยังมีอาการเหวอๆ อยู่
สะออนมองดูสีหน้าโซ่ทองด้วยความสะใจ แล้วขึ้นเรือนไป
พอลับตาสะออนศรีธาราก็เอาผ้าสไบมาจูบมาหอม เดินออกไปที่รถอย่างอารมณ์ดี ทิ้งให้โซ่ทองยืนเคว้งคว้างอยู่ลำพัง
นางสายกำลังจัดที่นอนให้ตัวเองและลูกชายอยู่ในกระท่อม จนเห็นโซ่ทองเปิดประตูเข้ามาพอดี
“เจ้าศรีธาราเพิ่นเมื่อวังไปแล่วบ้อลูก”
“จ้ะ อีแม่”
โซ่ทองตอบซึมๆ แล้วเดินไปช่วยนางสายจัดที่นอน ก่อนจะล้มตัวลงนอนดื้อๆ
“อ้าว มาฮอด กะล่มโต่ลงนอนเลย น้ำกะบ่ออาบ เป็นหยังน้อ ลูก”
“ข้อยเมื่อยจ้ะ อีแม่”
นางสายมองโซ่ทองอย่างเอ็นดูทรุดนั่งลง ลูบหัว
“แม่เห็นยุ ว่างานบุญมื่อนี่ เจ้าแลนหน่าแลนหลัง ซอยเวียกงานตั้งแตเซ่าๆ นังฟังเทศน์ได้บ่อถึงเคิงกัณฑ์ กะต้องได้ลุกไปเฮ็ดเวียกอื่น บอได้พักได้ว่าง”
“จ้ะอีแม่ แต่ข้อยก็มีความสุข ที่ซ่อยงานบุญจนลุล่วงไปด้วยดี ถึงสิฟังเทศน์บ่อครบกัณฑ์ บ่อได้ขึ้นสวรรค์กับเพิ่นก็ตาม”
โซ่ทองยิ้มฝืนๆ ปลอบใจด้วยตัวเอง เมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้สะออนกับศรีธาราได้ใกล้ชิดกัน
อีกฟากหนึ่ง หลังมื้อค่ำพ่อเจ้านั่งดื่มไวน์อ้อยอิ่งอยู่ที่ห้องโถงรับแขก สอางแสร้งทำเป็นเดินผ่านมาเห็น
“ข้าน้อยคึดว่าพ่อเจ้าเข้าห้องบรรทมแล้ว ถ้าอย่างนั่น ข้าน้อยสิเข้าครัวไปหาหมากไม้หมากไหล่มาให้เจ้าค่ะ”
พ่อเจ้าเหลือบมองแล้วคว้ามือสอางไว้ทันที
“ไม่ต้องดอก ถ้าเธอยังไม่ง่วง ก็มานั่งดื่มเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
สอางแกล้งทำเป็นชะงักตกใจ
“แต่ข้าน้อย...ดื่มบ่อเป็นดอกเจ้าค่ะ น้ำหยังก็บ่อฮู้”
“เขาเรียกว่าไวน์ พวกฝรั่งชอบดื่มกันตอนกินอาหารหรือหลังอาหาร มันช่วยให้เลือดไหลเวียนดี”
สอางแสร้งยิ้มซื่อ “ดีกว่ายาของยาพ่อข้าน้อยแม่นบ่อเจ้าคะ”
พ่อเจ้าหัวเราะ “ตำราแพทย์ฝรั่ง จะดีกว่าของพ่อแพทย์พุทไธหรือเปล่า ฉันก็ไม่รู้ เธอลองชิมดูสิ จะได้รู้ว่ามันดีหรือไม่”
พ่อเจ้ารินไวน์ใส่แก้วส่งให้ สอางทำกล้าๆ กลัวๆ มองอย่างไม่เคย
“ขนาดเหล้าอุที่เฮือน ข้าน้อยหมักเองแท้ๆ ยาพ่อก็ยังบ่อเคยให้ข้าน้อยได้ลอง เพิ่นสอนว่า แม่ญิงกินเหล้ามันบ่องาม”
“แต่ไวน์นี่ หญิงฝรั่งก็ดื่มก็เป็นปกติ โดยเฉพาะเวลาเข้าสังคม ฉันเองก็อยากให้สะอาดหัดไว้เหมือนกัน แต่สะอาดก็ยังไม่กล้า”
สอางได้ยินพ่อเจ้าพูดถึงสะอาดก็เกิดลูกฮึดขึ้นมาทันที
“ถ้าจังซั่น ข้าน้อยสิหัดไว้เจ้าค่ะ เผื่อมีวาสนาได้เข้าสังคมผู้ดีกับเพิ่นบ้าง”
สอางรับแก้วไวน์มาจากมือพ่อเจ้าทันที แล้วเทเข้าปากอย่างหิวกระหาย ก่อนจะสำลักพรวดเพราะไม่คุ้นลิ้น
พ่อเจ้าหัวเราะ “เอ้า ค่อยๆ ไวน์มันต้องละเลียดไปทีละน้อย ถึงจะได้รสชาติ”
“ขอสมมา ข้าน้อยบ่อฮู้เจ้าค่ะ”
สอางสำลักไอ มองดูเนื้อตัวที่เปื้อนไวน์สีแดงอย่างเขินอาย แล้วหันไปหาผ้ามาเช็ด จังหวะเดียวกับที่พ่อเจ้าเอื้อมมือไปหยิบผ้า เลยเกิดสัมผัสกันอย่างจัง
สอางกับพ่อเจ้ามองหน้ากันเหมือนเกิดแรงดูดดึงในกันและกัน ลืมตัวกันไปทั้งคู่
พ่อเจ้าพูดเหมือนคนละเมอ “มา ฉันเช็ดให้”
พ่อเจ้าดึงผ้ามาจากมือ แล้วค่อยๆ บรรจงเช็ดริมฝีปากสอาง ไล่ลงมาที่คาง คอ ขณะที่สอางนิ่งเฉยเหมือนตกอยู่ในภวังค์
มือของพ่อเจ้าเลื่อนต่ำลงมาเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่วาบวามขึ้นแล้วหยุดนิ่ง พร้อมๆ กับมือของสอางที่เลื่อนขึ้นมากุม ทั้งสองมองหน้ากันนิ่ง
สัมผัสของสอางทำให้พ่อเจ้ารู้สึกโหยหาความเป็นผู้หญิงขึ้นมาอย่างรุนแรง จนควบคุมไม่อยู่ ค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าจูบสอาง แล้วล้มลงไปบนโซฟาด้วยกัน
ฝ่ายสะอาดที่ยังคงนั่งสมาธิอยู่ในกลด พยายามตั้งจิตเพื่อกลับเข้าไปในนิมิตอีกครั้ง ขณะที่นึกถึงเสียงแม่ชี
“จิตที่นิ่งในภวังค์สมาธิอันใสสะอาด อาจมีพลานุภาพวิเศษ ดลให้เฮาเห็นภาพ กรรมนิมิต จิตนิวรณ์ สะท้อนให้เห็นกรรมเก่า หรือสิ่งที่ใจเฮาพัวพันนึกถึง จิตของลูกอาจผูกพันกับสิ่งเหล่านั่น จึงเห็นมโนภาพนั่นซ้ำๆ”
“ภาพที่ข้าน้อยเห็น มันเกิดขึ้นจริงแท้บ่อเจ้าคะ”
“แม่ตอบบ่อได้ดอก ย่อนว่านิมิตของแต่ละคนบ่อคือกัน บางนิมิตเป็นภาพจริง บางนิมิตเป็นภาพลวง บางนิมิตปรากฏขึ้นเพื่อเตือนสติ ลูกต้องหาคำตอบเอง”
สะอาดพยายามเพ่งสมาธิจนคิ้วขมวด เพราะหวังจะกลับไปค้นหาความจริงในนิมิตอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับไม่สำเร็จ
สอางกับพ่อเจ้าจูงกันเข้ามาในห้องนอนด้วยอารมณ์วาบหวาม พ่อเจ้าดูหื่นกระหายจะเข้าหาสอาง เหมือนชายหนุ่มที่อยากใกล้ชิดหญิงสาว ทั้งสองล้มตัวลงนอนบนเตียง สอางยิ้มแย้มมีความสุข
ที่ด้านนอกวัง กำจรยืนมองเข้าไปในวังด้วยความรู้สึกโหยหาอาลัยอาวรณ์ สีหน้าแววตาเต็มด้วยความเสียดาย
ศรีธาราลงรถ เดินถือผ้าสไบของสะออนเข้ามาในวัง ลูบคลำผ้าสไบเดินผ่านห้องพ่อเจ้า ได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกแว่วออกมาก็ชะงักหยุดมองแว่บหนึ่ง ก่อนจะเดินจูบผ้าสไบเข้าห้องตัวเองไป โดยไม่ได้คิดอะไร
ในประตูห้องพ่อเจ้าที่ปิดสนิท เสียงหัวเราะค่อยๆ เงียบลง
เวลาผ่านไป สอางนอนหลับอยู่บนเตียง โดยมีพ่อเจ้านอนโอบกอดอยู่เคียงข้าง สอางหลับตาพริ้มเพราฝันหวาน
เสื้อผ้าสองคนกระจัดกระจายเกลื่อนห้อง ผ้าซิ่นลายหงส์พาดอยู่มุมหนึ่ง
เมื่ออดีตชาติ เวียงคำนาคประเทศราช
อัญญานางหูกคำนั่งอยู่ที่หูกประจำตัว แม่ไอ่นั่งอยู่ในหูกอีกหลังมองดูด้วยความเอ็นดู
นางข้าหลวงโรงทอผ้า นั่งพับผ้าไหมกองเต็มละลานตา หูกคำนั่งบนพื้นอย่างเรียบง่ายไม่ถือตัว แม่ไอ่นั่งอยู่ด้วย ช่วยกันเลือกผ้าสำหรับส่งถวายเป็นเครื่องราชบรรณาการพระเจ้าล้านช้าง
“ฝีมือทอผ่าซิ่นของอัญญานางนั่นประณีตขึ้นหลายกว่าต่อนเป็นเด็กน้อย มีแต่ลายงามๆ ทั้งนั่น”
“แม่ไอ่สอนข้อยทอผ้ามาหลายปี จนข้อยมีผ้าซิ่นงามไว้ใส่บ่ออายไผ เก้าผืนเก้าลายนี่ ข้อยขอยกให้แก่แม่ไอ่ผู้เป็นครูของข้อย ขอให้แม่ไอ่ฮับไว้ให้เกิดสิริมงคลแก่ข้อย” หูกคำยื่นพับผ้าเก้าผืนมีช่อดอกจำปาลีลาวดีวางอยู่บนผ้าให้นางไอ่
“ขอบพระทัยอัญญานางหลายเพคะ” แม่ไอ่รับไว้ด้วยความซาบซึ้งใจ
“ส่วนเก้าผืนเก้าลายนี่ ข้อยสิเอาขึ้นถวายอัญญาพ่อ เพื่อส่งไปกับเครื่องราชซะบรรณาการดอกไม้เงินดอกไมคำ อ่อนยอมต่อพระเจ้าล้านซ้างเวียงจันทน์ในปีนี่”
“อัญญานางซางเป็นพระธิด่าที่ค่ำคูนของอัญญาหลวง ข่าน่อยเซือวาบุญที่สมสร่างสิซงผลให่อัญญานางมีบารมียิ่งใหญทั่งซาตนี่ซาตหน่า”
“บุญที่ข้อยเฮ็ดเพื่อคนอื่นนั่นมีหลายแล้ว ปีหน้า พระพุทธศักราชสองพันสองฮ้อยซาวสอง ตกปีเลขเนื้อคู่ ข้อยอยากเฮ็ดหยังเพื่อโตเองบ้าง”
แม่ไอ่กังวล “แต่เรื่องอัญญานางพัวพันฝันใฝ่มีใจฮักมั่นต่ออัญญาเจ้าราชซะบุตรศรีโซ่ท่องนั่น เป็นการยากเหลือหลายที่สิสำเร็จสมมุ่งมาดปรารถนา”
“ข้อยฮู้ดี ว่าอัญญาแม่คำอ่อนมหาเทวีเพิ่นซังข้อย แต่บ่อว่าสิเป็นตายฮ้ายดีจั่งใด๋ ข้อยก็ปรารถนาสิอภิเษกสมพงศ์กับอัญญาอ้าย”
“จิตใจของอัญญานางแน่วแน่อีหลี หลายฟ้าหล่าปีแล้ว ยังบ่อเปลี่ยนใจอีกบ้อเพคะ”
“แม่ไอ่ฮู้จักใจข้อยดีที่สุด ถ้าข้อยได้ฮักสิ่งใด๋แล้ว ถึงฆ่าให้ตาย เลือดหยดสุดท้ายของข้อยก็ยังฮักสิ่งนั่น บ่อมีมื่อเปลี่ยนแปลง”
แม่ไอ่ถอนใจด้วยความเห็นใจ และรู้ว่าหูกคำแน่วแน่จริงจัง สงสารและอยากให้สมหวัง
“มีวิธีทางเดียวที่สิเฮ็ดให่สุขสมหวัง เหนือกำแพงบุญกำแพงกรรม”
“วิธีใด๋หรือแม่ไอ่ จงฟ่าวบอกข้อยมา ทุกข์ยากปานใด๋ ข้อยก็สิอดสาเฮ็ด” (อดสา =อดทน)
หูกคำดีใจ แววตามีความหวัง น้ำตาเริ่มชุ่มฉ่ำอาบกลบดวงตาที่แห้งแล้งความสุข
เครื่องสักการะ ธูปเทียน กำยาน ผลหมากรากไม้ มะพร้าว สาลี่ ชมพู่ กล้วย อ้อย ขนมหวาน น้ำนม ดอกบัว ถูกแม่ไอ่กับหูกคำ พร้อมด้วยนางข้าหลวงโรงทอ นำมาไหว้พระพรหมเพื่อขอพร ต่อหน้ารูปปั้นที่นางไอ่หามา
“ทุกซีวิตในโลกล้วนมีพระมหาพรหมเป็นผู้ลิขิต กำหนดโซคชะตา ถ่าอัญญานาง ขอพรจากพระมหาพรหมได้ เพิ่นสิประทานพรวิเศษให่”
“แปลกแท้ เหตุใด๋แม่ไอ่จึงได้ฮู้เรื่องเหล่านี่”
“บิดาของข่าน่อยเป็นพราหมณ์ขะแมร์ สืบสายจากบรรพบุรุษที่อพยพม่าจากแคว้นกัษมี (แคชเมียร์) เฮียนคัมภีร์พระเวท และมีเวทมนต์แก่กล้า ข่าน่อยเลยพลอยได้ฮู้เรืองเทพเจ้ามาบ้าง และได้ฮู้วาพระมหาพรหมคือผู้สร่างโลกและทุกสรรพสิ่ง”
“พระมหาพรหมเพิ่นทรงสัตว์ใด๋เป็นพาหนะหรือ แม่ไอ่”
“สัตว์พาหนะทรงของพระมหาพรหม คือ หงส์สวาหน”
“หงส์สวาหน ...” หูกคำทวนคำอย่างสนใจ
“พญาหงส์สวาหนถือวาเป็นเจ้าแฮงหงส์ทั่งป่วง โบยบินไปได้ทุกแฮงหนในจักรวาล”
“แม่ไอ่... ข้อยอยากต่ำผ้าซิ่นผืนใหม่ขึ้นเป็นลายหงส์สวาหน ถวายเป็นบรรณาการแด่พระมหาพรหม ให้เพิ่นดลบันดาลให้ข้อยสุขสมหวัง ได้ขึ้นอภิเษกสมพงศ์กับอัญญาอ้ายศรีโซ่ทอง”
“อัญญานางเกิดในสายโลหิตของราชซะวงศ์ที่สืบสายจากพญ่านาคสิบหาตระกูล ถ้าสิขึ่นฮูปสัตว์ปีกในลายผ่า กะต้องเซียงเฮ็ดยางระมัดระวัง ยาให่ไผล่วงฮู่ บอซั่น สิถึงแกอาญาตราแผ่นดิน”
“จ้ะ แม่ไอ่”
หูกคำมีความสุขกับความหวังครั้งใหม่ แม่ไอ่แม้จะเกรงกลัวอาญา แต่ก็อยากเห็นหูกคำสุขสมหวัง
เช้าวันนี้ สะออนถือกล้วยสุกขึ้นเรือนมา พร้อมกับส่งเสียงเรียกนกแก้วมาแต่ไกล
“อีแก้วลูกแม่ หิวข้าวเซ้ารึยังลูก”
สะออนโผล่หน้าขึ้นมาบนเรือน แล้วชะงัก เพราะเห็นโซ่ทองกำลังป้อนผลไม้ให้อีแก้วเสร็จพอดี
“อ้ายกำลังป้อนให้มันพอดี เป็นจั่งได๋แนหล่า อิ่มแล้วยัง อีแก้วลูกพ่อ”
สะออนมองโซ่ทองแล้วทำหน้ามึนตึง เดินไม่รู้ไม่ชี้ไปที่กรง
“กินของแม่ดีกว่า แม่เก็บกล้วยสุกมาจากสวน”
สะออนยัดกล้วยชิ้นเล็กๆ เขาไปในกรง พยายามให้ตรงปากนก อีแก้วผละจากโซ่ทองมากินที่มือสะออน
“แซบบ่อลูก กล้วยสุกแซบกว่าตั้งหลายเนาะ”
สะออนพูดคุยอ้อล้อกับอีแก้ว ทำเหมือนไม่เห็นโซ่ทองอยู่ตรงนั้น โซ่ทองมองเห็นนกเริ่มเบือนหน้าหนี
“กินอีกจักหน่อยเด้อลูก”
“มันอิ่มแล้วล่ะสะออน ก่อนเจ้ามา อ้ายก็ให้กินไปตั้งหลวงหลาย”
“มันบอกอ้ายซั่นบ้อว่าอิ่มแล้ว” สะออนแค่นหัวเราะ “อ้อ คงบ่อได้บอกดอก ย่อนว่าอ้ายฮู้ไปเหมิดว่าไผอยากได้หยัง หรือบ่ออยากได้หยัง หรือถ้ามันสิอิ่ม ก็บ่อเห็นเป็นหยัง ยัดเยียดให้มันกินเข้าไปเลย จั่งได๋ข้อยก็เฮ็ดย่อนหวังดี”
สะออนลอยหน้าลอยตาประชด แล้วป้อนกล้วยให้นกแก้วอีก
“กินเข้าไปหลายๆ เด้อลูก อย่าให้เสียของ แม่หวังดีกับเจ้า”
“สะออน พอแล้ว”
สะออนยิ่งประชดยัดกล้วยสุกใส่กรง จนโซ่ทองทนไม่ไหว ต้องดึงมือออกมา
“เจ้าเคียดอ้ายก็อย่าไปลงใส่ลูก” สองคนมองสบตากัน “อีแก้วมันบ่อฮู้เรื่องหยังกับเฮาดอก”
“ข้อยน่ะบ้อเคียด ข้อยสิเคืยดอ้ายเฮ็ดหยัง ในเมื่ออ้ายก็หวังดีกับข้อยทุกอย่างทุกแนว ข้อยควรสิสำนึกบุญคุณหลายกว่า”
“ถ้าสำนึกบุญคุณอีหลี เจ้าคงบ่อหาเรื่องแบบนี่ดอก” โซ่ทองถอนใจ “เรื่องเจ้าศรีธาราน่ะ...”
“ข้อยบ่ออยากฟัง ข้อยเอาข้าวมาให้อีแก้ว แล้วแล้วกะสิฟ่าวอาบน้ำแต่งโตงามๆ ไว้รอต้อนฮับเจ้าศรีธารา”
สะออนพูดเสียงหวานแต่สีหน้าบึ้งตึง เดินกระแทกเท้าจากไป โซ่ทองมองตามส่ายหัวอ่อนใจ
ทางด้านสะอาดเดินกวาดใบไม้อยู่กับญาแม่และแม่ครู ซักพักก็เหนื่อยเดินมานั่งพัก ยาครูเอาน้ำมาให้
“บอส่ำบายกะยาไปฝืนสังขารเลยลูก เดี๋ยวแม่กั้บป้าเฮ็ดเอง”
“ข้าน้อยเฮ็ดไหวจ้ะ แต่ฮู้สึกเมื่อยๆ อาจเป็นย่อนว่า มื่อคืนนอนบ่อหลับ”
“กะสิไปหลับได้จั่งได๋ แม่เห็นดึกดืน เจ้ากะยังหักโหมนังสมาธิบ่อหลับบ่อนอน ท่านแม่ซีกะบอกแล่ว วาถึงยามพักกะต้องพัก มื่อใหม่กะจังมาวากันต่อ” ญาแม่ว่า
“ข้าน้อย...กำลังติดใจน่ะจ้ะ ก็เลยนั่งต่อจนซอดแจ้ง”
“โอยน้อ เวรกรรมแท้ๆ เอื้อยสิบ่อบาปหรือแม่คำอ่อน พรากลูกเมียเพิ่นมานั่งสมาธิจนติดใจจ้อย นี่ถ้าแม่เจ้าสะอาดบ่อยอมกลับเมือวังขึ้นมาล่ะ พ่อเจ้าได้มาฮ้ายคอเอื้อยแท้ๆ”
สะอาดยิ้มแห้งๆ ให้แม่กับป้า แต่สีหน้ายังกังวล เพราะยังไม่เห็นภาพนิมิตอย่างที่อยากเห็น
สะอาดนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้าแม่ชี หลังจากเข้ามาปรึกษา
“ยังบ่อเห็นก็บ่อต้องไปเร่งมัน ของแบบนี่มันกำหนดบ่อได้ดอกว่ายามใด๋มันสิมาให้เห็น”
“แต่ข้าน้อยอยากฮู้ให้แจ้ง ว่าข้าน้อยมีความผูกพันหยังกับเรื่องพวกนั่น ถ้าหากว่ามันเป็นเวรกรรมเก่า ข้าน้อยสิได้หาทางแก้”
“กรรมเก่าให้เฮาซดใซ้ กรรมใหม่ให้เฮาซดเซย อย่าไปติดใจใฝ่ฮู้มันเลยลูก ลางเทือ ยิ่งฮู้ก็ยิ่งทุกข์ แม่ขาวน้อย... ลูกต้องมีสติ อย่าไปหลงติดกับภาพนิมิตเหล่านั่น บ่อเซ่นนั่น ลูกสิหาความสุขในซีวิตบ่อพบพ้อเลย”
สีหน้าสะอาดเหมือนยังคาใจไม่หาย ต้องการหารคำตอบอยู่ดี
สอางนอนซบอกพ่อเจ้าอยู่บนเตียง จนกระทั่งพ่อเจ้าลืมตาตื่นขึ้นมาก่อน เหลือบมองสอางที่นอนอิงอยู่ข้างๆ พลันได้สติ ตกใจเอามากๆ
“สอาง...”
“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ พ่อเจ้า”
สอางงัวเงียเข้ามาคว้าตัว พ่อเจ้าตั้งตัวไม่อยู่ ถอยหนี ด้วยคาดไม่ถึงว่าตนจะเผลอเรอได้เสียกับสอาง แต่ไม่ได้รังเกียจสอางแต่อย่างใด
“นี่เรา...”
สอางขยี้ตามองพ่อเจ้า เห็นท่าทางพ่อเจ้าตกใจ ก็ย้อนถาม
“พ่อเจ้าจำบ่อได้หรือเจ้าคะ ถ้าอย่างนั่น ก็คึดเสียว่ามันเป็นแค่ความฝันเถาะเจ้าค่ะ เรื่องมื่อคืนนี่ ข้าน้อยสิบ่อบอกให้ไผฮู้ดอก”
สอางสะบัดเสียงแง่งอน ลุกพรวดขึ้น รวบผ้าห่มมาคลุมตัว จะลุกไปพ่อเจ้าคว้าไว้
“เดี๋ยวก่อนสอาง...”
สอางบีบน้ำตา “บ่อเป็นหยังดอกเจ้าค่ะ ข้าน้อยสัญญาแล้วว่าสิบ่อเว้า ก็คือบ่อเว้า เว้าไป ก็ส่ำว่าประจานโตเอง ให้ผีสางเทวดาเพิ่นสมน้ำหน้า ที่เป็นแม่ญิงใจง่าย ยอมตกเป็นเมียพี่อ้ายโตเอง ไทบ้านไทเมืองฮู้เข้า มีแต่เขาสิสาปส่ง”
พ่อเจ้านิ่งงัน ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก สอางถือโอกาสสะบัดตัวคว้าเสื้อผ้ามาสวมลวกๆ แล้วออกจากห้องไป
สอางสวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยนักเปิดประตูออกมาจากห้อง เจอกับทองมีที่เดินผ่านมาพอดี ทองมีหยุดชะงักมองสอางอย่างตกใจ เพราะเห็นสอางสวมชุดเมื่อคืนแถมยังยับย่นแปลกๆ
สอางมองตาเขียว “แนมเบิ่งหาสะแตกหยัง”
ทองมีคอหดหลบสายตาวูบ รีบหลีกทางให้สอางเดินผ่านไป ก่อนจะมองไปทางห้องพ่อเจ้าอย่างใจคอไม่ดี
ศรีธาราเดินมาจากอีกทาง เห็นทองมียืนเก้ๆ กังๆ อยู่ก็แปลกใจ
“มีอะไรหรือทองมี ทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก”
“บ่อ...บ่อมีหยังเจ้าค่ะ”
ทองมีตอบแล้วลนลานหนีไป ศรีธารามองตามงงๆ แต่ไม่คิดอะไร เดินเข้าไปเคาะห้องพ่อเจ้าแล้วเข้าไป
ศรีธาราเปิดประตูห้องเข้ามา ชะงักเมื่อเห็นเตียงนอนของพ่อยับยู่ยี่ ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วหันไปมองพ่อเจ้าที่ยังนั่งมึนงงอยู่
“มอร์นิ่งครับ ท่านพ่อ”
พ่อเจ้าหันไปมองศรีธารา พยักหน้ารับใจลอย เพราะยังคิดวกวนเรื่องสอางอยู่
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไร ศรีธารา”
“เมื่อวานครับ แต่ผมแวะไปฟังเทศน์มหาชาติที่วัดบ้านแคนหลวง ก็เลยกลับดึก เมื่อคืนเลยไม่กล้ารบกวนท่านพ่อ”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”
“ครับ ญาติๆ ทางพระนครฝากความระลึกถึงท่านพ่อมาด้วย แล้วฝากเรียนว่า ถ้าเป็นไปได้ งานอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษครั้งหน้า อยากจะขออัญเชิญเถ้ากระดูกของท่านแม่ไปร่วมพิธีด้วย”
“ใกล้ถึงวัน ช่วยเตือนพ่ออีกทีนะ”
พ่อเจ้าพยักหน้ารับอย่างใจลอย ศรีธารามองฉงน แต่ไม่กล้ารบกวน จำต้องลุกออกมา
พ่อเจ้านั่งนิ่งอยู่ตามลำพัง สีหน้ายังคงครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับสอาง
ภาพตนกับสอางหัวร่อต่อกระซิก กินไวน์ใกล้ชิดกัน ไปจนถึงการกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันบนเตียง แล่นเข้ามาราวสายน้ำไหล
พ่อเจ้ายกมือกุมหัว ทั้งกลัดกลุ้ม ทั้งละอายใจ พ่อเจ้าต้องมนต์ซิ่นลายหงส์ประสมฤทธิ์ยาเมา แต่พอสร่างเมา เลยรู้สติยั้งคิดมากขึ้น แต่ก็ยังมีความหลงใหลสอางอยู่
ฝ่ายสอางกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เดินกระวนกระวายอยู่ในห้อง
“อีงอ ยาของมึงนี่มันได้ผลบ่อ เป็นหยังพ่อเจ้าเฮ็ดท่าทางแปลกๆ กับกู มึงเฮ็ดหยังอยู่ มาหากูแน้”
สอางเดินวนเวียนกระสับกระส่ายอยู่อย่างนั้นแล้วต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู
ด้านนางงอนั่งอยู่ในเรือน กำลังแก้ห่อยาของสมิงพันดงออกดู นึกถึงคำพูดของสมิงพันดง
“แม่งอ จงเอายาของข้อยไปผสมกับเขากวางฝน ดื่มกินมื่อละสองเทือเซ้าแลง มันสิซ่อยประสานเอ็นกระดูกให้เจ้า แต่ยานี่มีฤทธิ์แฮงคัก ให้ใซ้แต่ในหม่องลับตาคนทอนั่น อย่าให้คนเห็นความผิดปกติเป็นอันขาด”
นางงอตวงยาในห่อใส่ถ้วยน้ำ แล้วเก็บห่อยาซ่อน ก่อนจะมองถ้วยยาอย่างลังเล
“อีกอย่างที่แม่งอต้องจำไว้ ยาขนานนี่ออกฤทธิ์ต่อเนื่อง ต้องใซ้เวลา เจ้าอย่าใจฮ้อนใซ้เทือละหลายเกินความจำเป็น มันอาจสิให้โทษหลายกว่าคุณ”
นางงงอมองยาสีแดงในถ้วย แล้วตัดสินใจยกขึ้นดื่ม
ทันทีที่ยาไหลเข้าสู่ร่างกาย นางงอก็ร้อนผ่าวไปทั้งตัว เหมือนกินน้ำร้อนจัด จนสำลักยาออกมา ดิ้นทุรนทุรายปวดแสบปวดร้อนอยู่ภายใน อาการเหมือนคนโดนยาพิษ
นางสายเดินมาที่กระท่อมนางงอ ได้ยินเสียงคนดิ้นทุรนทุรายตึงตังดังมาจากในเรือนก็แปลกใจ ร้องเรียก
“แม่งอ...”
ไม่มีเสียงตอบ แต่เสียงดิ้นตึงตังยังดังต่อเนื่อง นางสายสงสัยเลยเดินขึ้นเรือนไปเปิดประตู แล้วผงะ เมื่อเห็นนางงอดิ้นรนอยู่กับพื้น ด้วยอาการเหมือนคนโดนยา
“ตายแล้ว อีพ่ออีแม่ข่อย แม่งอ เจ้าเป็นหยังไป แม่งอ”
นางสายเข้าไปเขย่าตัวนางงอด้วยความตกใจ
ด้านสอางเปิดประตูให้พ่อเจ้าเข้ามาในห้อง แล้วทำเป็นเมินหนี เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
“ข้าน้อยกำลังเก็บของ ใกล้สิเสร็จแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
“เก็บของ เธอจะไปไหน”
สอางหันมาทำตาแดงๆ พลางเก็บเสื้อผ้าใส่ห่อ
“ข้าน้อยสิไปจากนี่เจ้าค่ะ สิให้ข้าน้อยหน้าด้านหน้าทนอยู่ต่อได้จั่งได๋”
“สอาง... เรื่องมื่อคืนนั้น ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ข้าน้อยฮู้ พ่อเจ้าบ่อได้ตั้งใจเอาข้าน้อยเป็นเมีย คุณค่าของข้าน้อยมันก็มีอยู่แค่คืนเดียว ถึงได้รีบไสหัวไปให้พ้นๆ ก่อนที่สิอัปยศอดสูไปหลายกว่านี่” สอางปาดน้ำตาเสียใจ “ซ่างมันเถาะเจ้าค่ะ พ่อเจ้าลืมๆ มันไปสาเจ้าค่ะ”
“ฉันจะลืมเรื่องคาวราคีที่ทำไว้กับเธอได้อย่างไร ฉันเป็นลูกผู้ชายนะ”
สอางทรุดลงนั่งยกมือปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น พ่อเจ้าเห็นแล้วยิ่งว้าวุ่นใจ เข้าไปคุกเข่าตรงหน้า
“ฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ไข่ทิ้งไข่ขว้างเรี่ยราดนะ สอาง ฉันก็แค่...ตกใจที่มันเกิดขึ้นโดยที่ฉันไม่รู้ตัว”
สอางเสียงเครือสั่น “แล้วตอนนี่...พ่อเจ้าฮู้โตแล้วยังเจ้าคะ”
พ่อเจ้ามองหน้าสอางอย่างละอายใจ แต่ก็จดจำความรู้สึกเมื่อวานได้ดี
“ฉันรู้ว่ามันไม่เหมาะไม่ควร แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดพลาด”
พ่อเจ้าจับมือสอางไว้ พอได้สัมผัสตัวก็เหมือนตกอยู่ในภวังค์อีกครั้งพูดลอยๆ
“เพราะอันที่จริงแล้ว ฉันต้องการเธอนะสอาง ฉันเลือกที่จะอยู่กับเธอ”
สอางมองพ่อเจ้าอึ้งๆ ประกายตาบ่งบอกว่าเริ่มรู้ว่าพ่อเจ้าต้องมนต์อีกครั้ง
“เธอเป็นลูกผู้หญิง ที่ลูกผู้ชายคนนี้ ยินดีจะรับผิดชอบ ไม่ให้ได้อายคน”
สอางได้ยินแล้วแสร้งสะอื้น ทรุดลงกราบเท้าพ่อเจ้า
“เป็นกรุณาหลายล้นเจ้าค่ะ ข้าน้อยมันต่ำต้อยด้อยวาสนา ขอพ่อเจ้าจงเมตตาเอ็นดู”
พ่อเจ้าอาการเหมือนมึนๆ งงๆ ทรุดลงรับขวัญสอางประคองมากอด แล้วค่อยๆ เชยคางสอางขึ้นมา
ก้มลงจูบอีกครั้งอย่างดูดดื่ม
อ่านต่อตอนที่ 15