ตี๋ใหญ่ 2 ดับ เครื่อง ชน ตอนที่ 3
ชื่อภาษาอังกฤษ : THE LEGENDAEY OUTLAW
บทประพันธ์ : “ปีเตอร์” นพชัย ชัยนาม
บนรถเรย์ ตี๋ใหญ่ขับมาจอดอยู่ในซอยเปลี่ยว
แว่นเรย์แบนของเรย์ถูกถอดวางไว้บนเบาะรถ
เสียงซ่าๆ ..ของวิทยุตำรวจดังคลอเป็นระยะ..
ตี๋ใหญ่มองผ่านกระจกมองหลัง สำรวจแผลที่ถูกไม้หน้าสามตีในวันนั้นเป็นรอยฟกช้ำจางๆ
เสียงวิทยุตำรวจดังว่า
“พบวัยรุ่นรวมตัวกันที่หน้าตึกร้างบางเเสม 24 พบเอ็ดดี้เหยาอยู่ด้วย”
วิทยุตำรวจ 2 ว่า “ทราบเห็นอาวุธหรือสิ่งเสพติดอะไรมั้ยถ้าไม่มีให้ถอนกำลังเเล้วคอยดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆ”
ตี๋ใหญ่ฟังแล้วหยิบมือถือมากดแมพพิมพ์บางแสม 24 แผนที่เริ่มนำทาง
ตี๋ใหญ่มองเสื้อตัวเองที่เปื้อนเลือด เขามองไปหลังรถเจอเสื้อคลุมแบบมีฮู้ดของเรย์ เขาหยิบมาสวม
ตี๋ใหญ่ใส่เรย์แบนแล้วสตาร์ทรถ
ภายนอกโกดังแห่งหนึ่ง
สารวัตรบัญชาน้ำผึ้งและทีมตำรวจกำลังซุ่มดูการส่งยา
มุมหนึ่ง... อาต๊ะแอบมองเหตุการณ์นี้จากระยะไกล
ลูกน้องของเสี่ยวิชัยขนแพ็คยาจากท้ายรถไซเรนไปยังรถตัวเองทุกคนขึ้นรถเตรียมออก
สารวัตรบัญชากำลังซุ่มดูสถานการณ์อย่างจดจ่อเขาหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้น้ำผึ้ง
และส่งสัญญาณมือบอกให้ทีมเข้ามาจับกุม
ทีมตำรวจของบัญชาวิ่งเข้าล้อมรถไว้
ไซเรนที่อยู่ในรถของตัวเองยกมือขึ้น
ทุกอย่างสงบนิ่งก่อนระเบิดสุดท้ายลูกน้องเสี่ยยกปืนขึ้นทางบัญชาจึงระดมยิง
ทุกคนตายหมด
อาต๊ะเห็นเหตุการณ์ก็รีบโทร.บอกแรม
“พี่แรม... พี่ไซเรนโดนจับ!!”
อาต๊ะมองไซเรนที่ถูกสารวัตรบัญชาคุมตัวใส่กุญแจมือขึ้นรถของบัญชา
บัญชาขับมาจอดอีกที่หนึ่งเปิดกระเป๋าดูหลักฐานต่างๆที่ไซเรนใส่กระเป๋ามาส่วนน้ำผึ้งและไซเรนอยู่ที่เบาะหลังบัญชาหันไปพูดกับไซเรน
“ขอบคุณเธอมาก”
น้ำผึ้งถอดเครื่องดักฟังออกจากตัวไซเรน
น้ำตาของไซเรนค่อยๆไหลออกมาเขาโล่งใจที่ได้อิสรภาพกลับมา
“เธอทำได้แล้วนะ”น้ำผึ้งบอก
บัญชาพูดกับไซเรน“ช่วงนี้ก็มาอยู่กับพี่ละกันพักให้หายเหนื่อยก่อน”
“ได้ครับ”
น้ำผึ้งถาม
“แล้วไซเรนอยากทำอะไรหลังจากนี้ล่ะ”
ไซเรนหยุดคิดเล็กน้อย
“ตอนนี้ผมอยากช่วยน้องคนนึงออกมาจากแรมมันแค่ถูกหลอกให้มาส่งยา”
จู่ๆมีรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาชนรถของตำรวจอย่างรุนแรงและภาพทุกอย่างดับมืดไป
สายตาของไซเรนยังคงมึนงงเพราะแรงกระแทกสายตาของเขาพร่ามัว
เขาเห็นคนสองคนอย่างเบลอๆน้ำผึ้งสลบบัญชาเหมือนตายแล้วสายตาของไซเรนค่อยๆชัดขึ้น
เขาเห็นบัญชาคอพับไปกับคอนโซลหน้ารถไซเรนตาเบิกโพลง
เหตุการณ์ที่ไซเรนกับบัญชาเคยทำงานด้วยกันผ่านเข้ามา ...
บัญชามาเยี่ยมไซเรนในคุก
บัญชาสอนไซเรนยิงปืน
บัญชาคุยกับไซเรน ... สารวัตรบัญชาเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องไซเรน
ไซเรนมองดูบัญชาที่คอพับสลบไปแต่เขาทำอะไรไม่ได้
สารวัตรบัญชาพยายามหยิบปืนแล้วเหมือนจะพูดอะไรกับไซเรน
แล้วแรมก็โผล่เข้ามายิงบัญชาสะดุ้งแล้วมาดึงตัวเขาออกไปจากรถไซเรนช็อกๆ
“มัวแต่ฝันไรห่าอยู่ว๊ะเรามารับนายกลับแล้ว”
ขณะที่รถวิ่งออกไปแรมมองหน้าไซเรน
“คิดว่าทำไมตำรวจถึงตามนายมาได้ว๊ะ!”
ไซเรนอึ้งไม่กล้าตอบอะไร
“พวกนายช่วยไซเรนมันคิดซิ! ใครตอบได้กูให้รางวัล”
ลูกน้องในรถของแรมนิ่งเงียบมองหน้ากันเลิ่กลักจู่ๆอาต๊ะก็โพล่งขึ้นมา
อาต๊ะพูดเพื่อเอาใจแรม
“ใครสักคนในนี้ต้องไปบอกตำรวจแน่ๆครับพี่”
แรมพูดกับอาต๊ะ “หรือตำรวจอาจตามกลิ่นใครสักคนมาหว่ะ! เชี่ย... วันนี้นายทำงานดีว่ะ"อาต๊ะยิ้มกว้าง
แรมยิงอาต๊ะเลือดกระเด็นไปทั่ว
ทุกคนนิ่งเงียบเช่นเดียวกับไซเรน
แรมบอก
“ตั้งแต่ไอ้นี่มาแม่งเหมือนแม่เหล็กดูดเอาตำรวจมาหาเราอยู่เรื่อย...มันเป็นเด็กดีนะอุตส่าห์โทร.มาตามเราให้มาช่วยนาย" แรมหันไปพูดจ้องไซเรน "แต่จริงๆแล้วเรื่องนี้นายต้องรับผิดชอบเพราะนายพามันมาแต่ยังไม่ใช่วันนี้ !"
รถเคลื่อนออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะสะใจของแรม
ไซเรนเหวอ... เศร้า
บาร์แห่งหนึ่ง ในเวลากลางคืน
ภาพรายงานข่าวการปะทะกันระหว่างแกงค์ค้ายากับตำรวจ
ผู้ประกาศข่าวรายงานว่า
“เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างตำรวจกับแกงค์ค้ายาในครั้งนี้ส่งผลให้ตำรวจเสียชีวิต 2 รายได้เเก่.."
รองฯเผด็จกำลังดูทีวีอยู่ในความมืดแสงจากทีวีสาดเข้าหน้าใบหน้า เห็นแววทั้งโกรธทั้งเศร้า
ภาพติดบัตรของบัญชากับน้ำผึ้งขึ้นเป็นกราฟิกชื่อนามสกุลในทีวี
มือของเผด็จกำเเก้วเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะในแก้วยังมีน้ำเเข็งก้อนใหญ่อยู่
เผด็จยังนั่งนิ่งในความมืดที่โต๊ะหนึ่งในบาร์จนเงาของผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา
เผด็จเงยมอง
“ภัทรา..”
ภัทรายืนมองเผด็จในความมืดยิ้มให้
“เป็นไงบ้างคะ”
รองฯ เผด็จไม่ตอบได้เเต่นั่งจ้องไปข้างหน้า
“ขอนั่งด้วยนะคะ”
ภัทรานั่งลงตรงข้ามกับเผด็จ
“เสียใจด้วยนะคะเรื่องบัญชาเเล้วก็น้ำผึ้ง”
“..ครับ”
“ตอนที่พี่กวินเสียชั้นก็มาร้านนี้บ่อยๆพี่กวินเค้าชอบมาที่นี่หลังเลิกงาน”
ภัทรามองไปที่ประตูร้าน
เผด็จนึกถึงเรื่องในอดีต
ในงานศพกวิน
ภัทรายืนถือกรอบรูปกวินในชุดตำรวจเต็มยศอยู่ในงานศพของสามี
น้ำตาของภัทราหยด ... เสียใจ
“คุณเป็นยังไงบ้างครับ”
ภัทราหันมาเห็นเผด็จในเครื่องแบบเต็มยศ
“ก็... พยายามหาอะไรทำให้ยุ่งๆเข้าไว้น่ะค่ะ”
ภัทราหัวเราะกลบเกลื่อนความเศร้า
“ผมเสียใจด้วยนะครับพี่กวินเป็นตำรวจดีที่สุดคนนึงที่ผมรู้จักถ้าไม่ได้พี่กวินผมคงมาไม่ถึงตรงนี้”
ภัทราพยักหน้ายิ้มๆ
“ค่ะแล้วตอนนี้คุณยังสอนนายร้อยอยู่ใช่มั้ยคะ”
“ผมกำลังจะย้ายไปที่เดิมครับ”
“พี่กวินคงดีใจที่คุณกลับไปทำงานต่อจากเค้า”
ภัทราเริ่มร้องไห้
เผด็จจะยื่นมือไปปลอบแต่ก็เปลี่ยนใจยกมือวันทยาหัตแทน
ในบาร์ ... ภัทราบอก
“ชั้นชอบมองไปที่ประตูร้านคิดว่าบางทีพี่กวินอาจะเปิดประตูร้านเข้ามา”
ภัทรามองไปที่เผด็จ
“ชั้นเข้าใจดีค่ะว่าการเสียคนที่เรารักมันเป็นยังไง”
“คุณไม่เข้าใจหรอกเพราะคุณไม่ได้เป็นคนที่ทำให้คนที่คุณรักตาย!”
“ไม่ว่าคุณอยู่ตำเเหน่งสูงเเค่ไหนวางแผนดีขนาดไหนคุณก็ห้ามบางอย่างให้เกิดขึ้นไม่ได้”
รองฯ เผด็จครุ่นคิด
“บางทีถ้าผมเชื่อตัวเองน้อยกว่านี้ทุกอย่างมันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้”
เผด็จมองแก้วเหล้าที่ตอนนี้น้ำเเข็งละลายจนหมด
ตี๋ใหญ่เดินเข้ามา ... เขาดึงฮู้ดคลุมหัวมองรอบๆตึกThe caveที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ
ด้านในตึกการ์ดคนหนึ่งเอาปืนเเละมีดมาใส่รวมกันในตะกร้า
ปืนเเละมีดขนาดต่างๆอยู่เต็มตะกร้ามองตรงไปมีลิฟท์สีเเดงตัวหนึ่ง
เรย์เห็นด้านหน้าของThe cave ที่เหมือนตึกร้างไม่มีป้ายใดๆ
มีการ์ด 4 คนตรวจอาวุธลูกค้าอย่างเข้มงวดการ์ดมองหน้าและค้นตัวตี๋ใหญ่ละเอียดก่อนปล่อยผ่านไปแต่ยังมองตามอย่างไม่ค่อยวางใจ
รถเคลื่อนช้าๆเข้ามาหยุด
ทองดีบอก
“สงสัยมันจะปิด GPS ติดรถไม่เป็น"
“วนดูรอบๆก่อนเถอะพี่ทองดี”เรย์ว่า
รถเคลื่อนและหลุดไป
The cave ตกแต่งแบบถ้ำค่อนข้างมืดครึ้มรอบนอกมีโต๊ะเก้าอี้สำหรับดื่มกินตรงกลางเป็นลานโล่งสำหรับต่อสู้มีคนดูยืนดูรอบๆ
นักสู้สองคนกำลังซัดกันบนลานกอดปล้ำกันเหมือนหมากัดกันคนดูบางคนถึงกับโห่ไล่
ตี๋ใหญ่มองไปตามโต๊ะรอบๆพลันเห็นเอ๊ดดี้เหยาแหกปากตะโกนไล่นักสู้บนเวทีอยู่ตรงมุมร้าน
“เฮ้ย! What da fuck ดูหมากัดกันเเม่งยังมันกว่าเลย !!”
ลูกน้องเอ๊ดดี้หัวเราะกันสนุก
คนดูบอก “ลงไปลุยเองเลยพี่เอ็ดดี้”
ทุกคนร้องเชียร์ “เอ็ดดี้ๆๆๆ”
เอ็ดดี้ทำท่าขี้เกียจๆทำนองว่ายังไม่อยากออกโรงตี๋ใหญ่มองเห็นว่าใครคือเอ็ดดี้
ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจเดินเข้าหาเอ๊ดดี้ระหว่างทางเหลือบเห็นลูกน้องเอ๊ดดี้เดินสวนมาแวะส่งยาให้ชายเสื้อเทา
ลูกน้องเอ๊ดดี้ซุกยาในฝ่ามือส่งให้ชายเสื้อเทาพร้อมรับเงินกลับมาแล้วเดินต่อ
ลูกน้องเอ๊ดดี้เปิดแจ็กเก็ตออก..เก็บเงินในกระเป๋าเสื้อชายเสื้อเทาซิ้ดยาเข้าจมูกเเล้วทำท่าชกลมต่อ
ตี๋ใหญ่เดินไปคว้าขวดเหล้าจากโต๊ะหนึ่งในขณะที่ไม่มีคนมองจังหวะที่มีเสียงคนเฮ... ตี๋ใหญ่ฟาดขวดกับเสา
เสียงเฮกลบเสียงขวดเเตก
ตี๋ใหญ่มุ่งตรงไปที่เอ็ดดี้ที่กำลังโห่ไล่นักต่อยบนลานพร้อมกับขวดปากฉลามที่ซ่อนไว้ข้างหลัง
เอ๊ดดี้พลันลุกขึ้นเดินตรงไปที่ลานต่อสู้อย่างหงุดหงิดเอ๊ดดี้เดินเข้าไปในวงของนักสู้
“เฮ้ย Bitches!! ถ้ามึงไม่สู้กัน For realเดี๋ยวกูจะลงไปบู๊กับพวกมึงละนะ”
คนดูชอบใจเชียร์เอ๊ดดี้เอ๊ดดี้ค่อยหายอารมณ์เสียหน่อยยิ้มออกมาชูมือสูงกำมือเข้าหากันเขย่า
นักสู้สองคนเริ่มออกหมัดใส่กันอย่างจริงจังทั้งกัดกระทืบหน้าจนคนหนึ่งน็อคไป
พิธีกรเดินเข้ามาในลานต่อสู้
พิธีกรว่า
“มันส์!! มั้ยพี่น้องสังเวียนเดอะเคฟของเราที่จะปลุกสัญชาติญาณดิบของลูกผู้ชายทุกคนที่มีมาตั้งเเต่สมัยที่เรายังเป็นมนุษย์ถ้ำแค่มือเปล่ากับกฎข้อเดียวของเดอะเคฟคือมนุษย์ถ้ำ…..ไม่มีกฏระบายสัญชาติญานดิบของพวกคุณออกมา... ใครต่อ.....”
ถึงระยะใกล้เอ็ดดี้แล้ว ... ตี๋ใหญ่กำลังจะดึงขวดปากฉลามออกจากหลังเอว
พลันมีมือข้างหนึ่งคว้าข้อมือตี๋ใหญ่ไว้ไม่ให้ดึงปากฉลามออกจากหลังเอวมือของชายเสื้อเทาดึงไว้
ชายเสื้อเทาดีดๆจากยา“ไอ้น้อง! มึงจะทำอะไร? ที่นี่เค้าให้ใช้เเค่มือเปล่า”
ตี๋ใหญ่สะบัดมือชายเสื้อเทาออกเเล้วเดินต่อไป ชายผู้นั้นล๊อกเเขนตี๋ใหญ่จนปากฉลามหลุดจากมือ
ตี๋ใหญ่หันไปต่อยชายเสื้อเทาจนหน้าหันเเต่ชายเสื้อเทาก็เข้าต่อสู้ตี๋ใหญ่เข้าไปในลานต่อสู้
“เฮ้ยไรว๊ะ? ลัดคิวเหรอ ?”
ลูกน้องกำลังจะเข้าไปห้ามเเต่เอ็ดดี้ทำมือห้ามไว้
ตี๋ใหญ่จะลุกไปหาเอ็ดดี้โดยไม่สนใจชายเสื้อเทาเเต่ชายเสื้อเทาก็เข้ามาถีบหลังตี๋ใหญ่จนถลาไป
ชายเสื้อเทาถอดเสื้อออก“มึงมา! สัส.!”
ตี๋ใหญ่ยังหันหลังให้ชายเสื้อเทาเเละเดินไปหาเอ็ดดี้ ชายเสื้อเทาโมโหมากเข้ามาชาร์จตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่บ้องหูและใช้หลังหัวโขกหน้าชายเสื้อเทาที่วิ่งเข้ามาเต็มๆ
ชายเสื้อเทาล้มหมดสติไปคนดูทั้งหมดอึ้งเเล้วก็ส่งเสียงเฮพร้อมกัน
ตี๋ใหญ่มองมาที่เอ็ดดี้ตาไม่กระพริบ
เอ็ดดี้งง“กู? มึงจะเอากะกูใช่มั้ย? Bitch!!”
“เฮ้ย!!! พี่.... ผมเอง!”ลูกน้องว่า
ลูกน้องเอ็ดดี้วิ่งเข้าไปกระโดดถีบตี๋ใหญ่เเต่ตี๋ใหญ่หลบได้เเล้วเตะผ่าหมากเข้าไปเต็มๆ
ลูกน้องล้มลงไปดิ้นพราดๆด้วยความเจ็บปวด
ตี๋ใหญ่มองมาที่เอ็ดดี้ที่มองกลับมาที่ตี๋ใหญ่เเล้วยิ้มอย่างเหี้ยมๆ
ลูกน้องของเอ็ดดี้กรูเข้าไปหาตี๋ใหญ่
ลูกน้องเอ็ดดี้เข้าไปทีละคนถูกตี๋ใหญ่ซัดหมอบในจังหวะเดียวล้มเเทบเท้า
ตี๋ใหญ่มาหยุดตรงหน้าเอ็ดดี้ตี๋ใหญ่เพิ่งบู๊เมื่อสักครู่ มีเลือดออกบ้าง
เอ็ดดี้ยิ้มถอดเเว่นเเล้วถอดเสื้อนอก
เเต่ในขณะที่เอ็ดดี้กำลังถอดเสื้อนอกได้ลงมาเเค่ศอกของตี๋ใหญ่โขกหน้าผากไปที่จมูกเอ๊ดดี้ทันที
เอ็ดดี้ตอบโต้ไม่ทันเพราะเเขนติดเสื้ออยู่
เอ๊ดดี้ทรุดลงไปจมูกที่มีเลือดไหลถอดเสื้อนอกออก
เอ๊ดดี้ยิ้มมุมปาก“มึงแม่งมันส์ดีว่ะ!”
ตี๋ใหญ่เดินเข้าไปถีบเอ็ดดี้เอ๊ดดี้จับเท้าตี๋ใหญ่ได้จับเท้าบิด
ตี๋ใหญ่ล้มหน้าฟาดพื้นเเต่พลิกตัวทันทีแต่เอ๊ดดี้ถึงตัวแล้ว
เอ๊ดดี้เลือดกบจมูกขึ้นคร่อม..ตะปบมือซ้ายเข้าที่คอตี๋ใหญ่กดลงพื้นมือขวาสาวไปที่หน้าตี๋ใหญ่ไม่ยั้ง
เอ๊ดดี้พูดไปต่อยไป
“มึงหน้าใหม่เหรอวะกูไม่เคยเห็นมึงมาก่อน?”
ตี๋ใหญ่ทุบไปที่ข้อพับศอกซ้ายเอ๊ดดี้ที่บีบค้ำคอตัวเองอยู่ศอกเอ๊ดดี้งอพับลง
ตัวเอ๊ดดี้ก็ทรุดฮวบลงตามศอกตี๋ใหญ่ต่อยหน้าเอ็ดดี้ไปทีหนึ่ง
เเต่เอ็ดดี้เหมือนไม่รู้สึกอะไรโขกหัวเข้าไปที่จมูกตี๋ใหญ่เเล้วลุกออกไปเรียกเสียงเชียร์จากคนดู
ตี๋ใหญ่ยังนอนกับพื้นโงหัวขึ้นมาสะบัดหน้าอย่างมึนงงแล้วพยายามลุกขึ้นมาช้าๆ
ในกลุ่มคนดูเรย์และทองดีแหวกคนดูเข้ามาเรย์มองตี๋ใหญ่อย่างเป็นห่วง
ตี๋ใหญ่ลุกขึ้นมาหน้าตาเละเทะ
“กูชักชอบมึงแล้วว่ะ..มึงทำงานให้ใครอยู่ป่าวว๊ะ”
ตี๋ใหญ่เดินเข้าหาต่อยหมัดใส่อีกสองหมัด
แต่นอกจากไม่โดนแล้วยังโดนเอ๊ดดี้สวนหมัดเข้าใส่หน้าอย่างจัง
“ถ้ามึงเป็นฟรีเเลนซ์สนใจมาทำกับกูมั้ยลูกน้องกูเเม่งไม่ได้เรื่องซักตัว”
เอ็ดดี้ผายมือไปที่ลูกน้องตัวเองที่ยังนอนกองอยู่กับพื้น
ตี๋ใหญ่บุกต่อยอีกหลายหมัดแต่ไม่โดนและโดนเอ๊ดดี้สวนมาอย่างแรงสองหมัดรวด
ตี๋ใหญ่ถึงกับเข่าทรุดลงข้างหนึ่งใช้มือยันพื้นไว้อีกข้างหน้าตาบวมเป่ง
เอ๊ดดี้ยิ้ม
“เริ่มอยากทำงานให้กูรึยัง?”
ตี๋ใหญ่หอบหนักเอ็ดดี้กำลังจะเข้ามาอีกครั้งเเต่ตี๋ใหญ่ยกมือเเบบบอกว่าเดี๋ยวก่อน
“...ตกลงมึงจะทำงานให้กูใช่มั้ย ?”
ตี๋ใหญ่นั่งอยู่กับพื้นทำท่าลุกไม่ไหวแกล้งพูดเบาๆเอ็ดดี้เอาหน้าไปใกล้ๆเพื่อฟังว่าตี๋ใหญ่พูดอะไร
“มึงว่าไงนะ!?”
ตี๋ใหญ่พุ่งทั้งตัวทำให้หัวไปกระเเทกหน้าเอ็ดดี้เซถอยหลังไป
ตี๋ใหญ่ตามเอ็ดดี้ไปจะสาวหมัดเเต่เอ็ดดี้หลบได้ ทั้งคู่ต่อสู้กัน ตี๋ใหญ่กระเเทกพื้นอย่างเเรง
เอ๊ดดี้ที่คร่อมตัวตี๋ใหญ่อยู่ต่อยรัวอย่างบ้าคลั่งท่ามกลางเสียงเชียร์ของคนดู
ตี๋ใหญ่เริ่มตาปรือสติหลุดลอย
กลางคืนต่อมา ในห้องเรย์
ในห้องมีตี๋ใหญ่นอนสลบบนเตียงใบหน้าเต็มไปด้วยผ้าพันแผลเรย์เข้าห้องมาดูอาการตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่พลันลืมตาขึ้นจับข้อมือเรย์บิดอย่างแรงแล้วพลันชะงักเมื่อเห็นเป็นเรย์
ตี๋ใหญ่งง..รีบปล่อยเรย์ ... มองไปรอบๆ
เรย์สะบัดข้อมือเล็กน้อยแล้วกุมไว้บิดข้อมือไปมา
“คุณถูกเอ๊ดดี้ต่อยจนสลบพวกการ์ดลากคุณไปทิ้งไว้หลังตึกชั้นกับพี่ทองดีเลยพาคุณออกมาได้”
พาสเวิร์ดพูดแทรก แต่ขำๆ “พี่ตี๋ไปโดนอะไรมาหน้าตาเป็นเเบบนี้อะ”
ตี๋ใหญ่เพิ่งเห็นพาสเวิร์ดในห้องด้วย “พาสเวิร์ด..ทำไมยังอยู่ที่นี่”
“รอกลับพร้อมกันเหงา”
“คุณไปทำอะไรอยากฆ่าตัวตายเหรอ”เรย์ถาม
“มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ”ตี๋ใหญ่ตัดบท
“ใช่!! มันไม่ใช่เรื่องของชั้นหรอกเเต่เกี่ยวกับเค้ามั้ยหล่ะ?” เรย์มองไปทางพาสเวิร์ด
ตี๋ใหญ่หันขวับมองเรย์อย่างโกรธๆเรย์ไม่สนใจสะบัดหน้าจากไปปิดประตูไล่หลังดัง ‘ปัง’
พาสเวิร์ดจับแขนตี๋ใหญ่
“พี่เรย์เค้าพูดถึงอะไรเหรอพี่เเล้วพี่ตี๋ไปไหนมาผมอยากกลับบ้านเเล้ว”
“พี่ขอโทษนะเวิร์ด...พี่มีธุระที่นี่แต่พี่จะหาทางให้เวิร์ดกลับบ้านเร็วที่สุด”
พาสเวิร์ดถอนหายใจเเบบเซ็งๆ
ไซเรนนั่งจ้องเหล้าค่อนแก้วอยู่ในมือขมวดคิ้วแน่นยกแก้วดื่มรวดเดียวหมด
เขากระแทกแก้วลงบนเคาน์เตอร์บาร์
“เอาเหล้ามาอีก”ไซเรนสั่ง
“พี่เรน..ไม่เยอะไปหรอแบบนี้เดี๋ยวก็ตายหรอก!”ไผ่หวานบอก
ไซเรนกลับโมโห
“แล้วเสือกอะไรด้วยบอกให้เอาเหล้ามา”
“ใช่!!!..บอกให้เอาเหล้ามานายก็ไปเอามาสิวะ”
ไซเรนหันมองแรมแล้วมองไผ่หวานอย่างหงุดหงิด
บาร์เทนเดอร์เอาเหล้ามาจะเทให้ไซเรนแต่แรมดึงขวดเหล้าออกจากมือบาร์เทนเดอร์ก่อน
แรมกระดกเหล้าเข้าปากอึกใหญ่แล้วยัดขวดเหล้าเข้าใส่อกไซเรนไซเรนรับไว้แรมตบบ่าไซเรน
แรมลอบมองไซเรนที่ดูเครียดและดื่มหนักแรมลงนั่งข้างๆ
“นายคิดว่าพวกมันมาที่นี่ทำไมทุกวัน…….เพราะอะไรรู้มั้ย?”
ไซเรนส่ายหน้ามองตามภาพจะเห็นเป็นเงาเซลูเอททาบลงบนผ้าคนใส่หน้ากากแก็สสูบไอซ์ควันโขมง... ภาพเรื่อยมาถึงผู้หญิงและไผ่หวานแรมว่า
“เพราะมันทนอยู่กับความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ไงแค่ขอให้ได้หายเข้าไปในโลกสมมุติ
เพื่อต่อเวลาไม่ให้มึงสติแตกกับโลกที่มันรับไม่ได้ฮะฮะฮ่า ดูไอ้เด็กลูกนักการเมืองนั่นพ่อมันคนเกลียดทั้งเมือง...เด็กมันรับไปได้หรอกอีผู้หญิงนั่นก็เหมือนกันรวยฉิบหายแต่ก็เหงาสัส!!..เพราะมัวแต่คิดถึงอดีตไผ่หวานไงมันเล่นเพราะมันรับไม่ได้ว่าพ่อแม่ขายมันเป็นกระหรี่ตั้งแต่อายุ 12แล้วมันยังต้องส่งเงินให้พ่อแม่อีกนี่แหละความถูกต้องบนโลกเหี้ยๆนี้หรือไม่ก็เจ็บปวดเพราะคาดหวังกับอนาคตที่ไม่มีจริงอะไรจริงวะไซเรน..?นายอ่ะใจลอยไปไหนใช้ชีวิตอยู่ตอนไหนกันแน่ ?”
ไซเรนทำหน้างงแรมจับมือไซเรนวางกางที่โต๊ะคลำดูจุดที่จะแทงเพื่อไม่ให้โดนเส้นเอ็น
แรมหยิบที่แทงน้ำแข็งแทงลงกลางมือไซเรนทันทีไซเรนทรุดร้องอ๊ากกกจะดึงออก..
“แค่ตอนนี้เท่านั้นนายรู้สึกแค่ตอนนี้เท่านั้นเห้ยๆๆๆ... อย่าเพิ่ง” แรมห้ามไม่ให้ดึงเหล็กออก “แค่รับความจริงที่เกิดขึ้นก็แค่นั้นตอนนี้นายเจ็บเดี๋ยวก็หายตอนนี้มึงคิดถึงอะไรห๊ะ ! ก็แค่เหล็กเหี้ยนี่ที่แทงมือมึงใช่มั้ย ?ก็ใช่ไง?”
แรมดึงเหล็กออก ไซเรนทรุดลงแรมหัวเราะ แล้วเอาเหล้าเทใส่มือไซเรน
“เงินแม่งคือทุกอย่างอย่าไปสนใจศีลธรรมห่าเหวอะไร...มันก็แค่สิ่งที่คนที่เกิดก่อนมึงบัญญัติคำว่าถูกต้องดีงามขึ้นมาฮ่ะฮ่ะฮ้า….ก็แค่นั้น !! สมมุติผิดชอบชั่วดีก็เพื่อแบ่งแยกยิ่งสร้างความเกลียดชังที่ไม่มีอยู่จริงด้วยซ้ำนายต้องหาเงิน...แล้วค่อยทำสิ่งที่มึงชอบถ้าสิ่งที่นายชอบทำแล้วได้เงินด้วยนายโชคดีไป!”
“แล้วพี่ชอบอะไร ?”ไซเรนถาม
“เราชอบเห็นการเปลี่ยนแปลง”แรมหมายถึงไซเรน
ผ่านเวลาแก้วเหล้าถูกวางลงตรงหน้าไซเรนไซเรนมองคนที่เอามาให้ ... เป็นไผ่หวานเธอยังมีเหล้าอีกแก้วอยู่ในมือเธอจิบมันคำหนึ่งไซเรนคว้าแก้วตรงหน้ามากรอกลงคอไป
ไผ่หวานยิ้มนั่งลงข้างๆอย่างไม่สงวนท่าที
ไซเรนพูดโดยไม่มองหน้าไผ่หวาน
“ใครบอกให้เธอนั่งตรงนี้?”
ไผ่หวานทำไม่แยแสจิบเหล้าในมืออีกคำ
ไซเรนไม่มองหน้าบอกย้ำเสียงเข้ม “ออกไป!”
ไผ่หวานขมวดคิ้ว
“หวานไปทำอะไรพี่เหรอ? หรือพี่แค่กลัวผู้หญิง?...หรือเป็นเกย์”
ไซเรนหันมาจ้องไผ่หวานอย่างไม่สนุกด้วย
“เมื่อกี้... ขอบคุณมากนะที่ช่วยอัดไอ้หื่นนั่น”
ก่อนหน้านี้ ที่หลังบาร์
ไผ่หวานยืนเลือดกบปากไซเรนซัดแขกลงไปจมตีนลงคร่อมต่อย
เสียงของแรมเข้ามาเหมือนถามย้ำว่า
“ส่วนตอนนี้นายต้องถามตัวเองแล้วหละว่านายชอบสิ่งที่นายทำรึเปล่า?”
ไผ่หวานแอบมองไซเรน
เลือดกระเด็นโดนหน้าไซเรนในที่สุดไซเรนจากใบหน้าที่เครียดก็รู้สึกผ่อนลงแล้วกลายเป็นความสะใจยิ้มมุมปากในที่สุดแรมก็ดึงไซเรนเข้าสู่โลกของเค้าจนได้
ไซเรนคว้าแก้วเหล้าในมือไผ่หวานมากรอกลงไปจนหมด
ไผ่หวานเหมือนตกใจนิดหน่อยอ้าปากจะห้ามแต่ก็หยุดไว้กลางคัน
ไซเรนกระแทกแก้วเหล้าลงบนโต๊ะแล้วเริ่มรู้สึกแปลกๆ
ไซเรนเห็นสิ่งรอบข้างเดี๋ยวเบลอเดี๋ยวชัดและมีสีผิดเพี้ยนไปจากปกติ
ไซเรนหันขวับมากระชากคอเสื้อไผ่หวาน
“นี่อะไรใส่ยาลงไปใช่มั้ย?”
“เปล่านะ..หวานใส่เฉพาะแก้วของหวานพี่แย่งไปเอง”
ไซเรนสะบัดมือผลักไผ่หวานล้มลงไปแล้วรีบลุกออกไป
วันรุ่งขึ้นที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ตี๋ใหญ่ส่งตั๋วรถให้พาสเวิร์ด
“กลับบ้านพร้อมกันเลยนะพี่ตี๋”
“เดี๋ยวเสร็จธุระเเล้วพี่จะรีบตามไปเวิร์ดกลับไปดูเเลไร่ของเราให้ดีๆนะ”
“คงเหนื่อยน่าดูเลยทำคนเดียวไม่มีพี่หลินมาช่วยเเล้ว”
ตี๋ใหญ่ชะงัก“อือ..ไปได้แล้วได้เวลาแล้ว”
พาสเวิร์ดเดินขึ้นรถไฟไปก่อนขึ้นหันมาตะโกนให้ตี๋ใหญ่
“แล้วพี่ว่าพี่หลินจะมองลงมาเห็นไร่เราจากบนนั้นมั้ยจะเห็นเวิร์ดมั้ยจะเห็นพี่ตี๋มั้ย”
ตี๋ใหญ่ตอบเสียงเบา
“อืมเห็นสิ”
รถทัวร์ออกจากท่า
ตี๋ใหญ่มองตามพาสเวิร์ด
พาสเวิร์ดยิ้มโบกมือลาตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่ก็โบกมือลาพาสเวิร์ดมองตามรถไปอย่างเป็นห่วง
ในอดีต ที่หน้าห้องสมุดของมหาวิทยาลัยตอนกลางวัน ช่วงนั้นไซเรนไว้ผมดำ
ธารใสหอบหนังสือเดินออกมาแล้วเอามาให้ไซเรนด้วย
“เรายืมหนังสือที่จะใช้สอบมาให้ไซเรนด้วยเธอต้องใช้เล่มนี้นะ” ธารใสวางให้
“แล้วก็นี่”วางให้อีกเล่ม “แล้วก็นี่”วางอีกเล่มเป็นเล่มที่ 3
ไซเรนมองหนังสือที่ธารใสวางเอาไว้ธารใสวางหนังสือของตัวเองแล้วเปิดหนังสือของไซเรน
“เราเก็งข้อสอบมาให้แล้วด้วยนะคิดว่าน่าจะออกตรงนี้” ธารใสวงกลมหัวข้อในหนังสือ “แล้วก็นี่” วงกลมให้อีก“แล้วก็...”
ธารใสยังพูดไม่จบ ไซเรนพูดขัด
“เราคงไม่สอบเข้ามหาลัยหรอกธารใส”
“อ้าวทำไมอ่ะ”
“เรา….”ไซเรนอ้ำอึ้ง
“เกี่ยวกับตำรวจหรืออะไรแบบนั้นอีกรึป่าว”
ไซเรนเงียบเพราะตอบไม่ได้
ธารใสขอร้อง
“เราอยากให้ไซเรนมีงานดีๆทำเราไม่อยากให้ไซเรนไปเสี่ยงอีก”
“ธารใสเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ที่ลงทุกวันว่ามีคนตายเพราะยาแล้วมันจะมีคนตายเพิ่มเรื่อยๆถ้าไม่มีใครทำอะไรเลย”ไซเรนว่า
“ก็ให้คนอื่นทำไปสิทำไมต้องเป็นไซเรนมันมีทางอื่นตั้งเยอะที่จะทำอะไรดีๆที่พ่อแม่ไซเรนจะภูมิใจได้อะ”
ไซเรนนิ่งธารใสคิดว่าจะรั้งไซเรนได้แต่ไซเรนตัดสินใจลุกออกไปธารใสอึ้ง
“ตอนเค้ายังอยู่เค้าก็อยากเห็นเราเป็นตำรวจมาตลอดถ้าเราทำเรื่องนี้สำเร็จเราอาจจะมีโอกาสอีกครั้ง....ธารใสเข้าใจเราใช่มั้ย”
ธารใสมองไซเรนแบบไม่อยากจะเชื่อแล้วเดินจากไป
ภายในห้องพักของไซเรนเวลากลางวัน
ไซเรนได้ยินเสียงเคาะประตูไซเรนเดินไปเปิดประตู
ธารใสยืนอยู่หน้าประตูไซเรนตะลึงจ้องเธออึ้งๆไปพักหนึ่ง
ไซเรนรีบดึงธารใสเข้ามาในห้องเพราะกลัวลูกน้องแรมคนอื่นจะมาเห็น
“เข้ามาก่อน ...เร็ว!”
ธารใสเข้ามาในห้องแล้วไซเรนหันไปดุ
“ที่นี่มันอันตราย!”
“ถ้าเราไม่มาที่นี่จะมีโอกาสได้เจอเธอมั้ย ?”
ไซเรนกับธารใสจ้องหน้ากันแล้วเลื่อนหน้าเข้าไปหากันเหมือนจะจูบกัน
ธารใสเอื้อมมือไปด้านหลังไซเรนและหยิบปืนที่วางอยู่บนเตียงด้านหลังไซเรน
“เธอเป็นโจรใช่มั้ยเธออยู่กับพวกมันมานานเธอเลยกลายเป็นพวกเดียวกับมัน”
“ไม่ใช่ !!”
“เธอเปลี่ยนไปเธอก็รู้ตัวเองหนิเธอมีความสุขที่ทุกคนกลัว”
“ไม่จริง!!! เรา...เราไม่ได้เป็นแบบนั้น!”
“เธอเป็นพวกมันไปแล้วเธอไม่รู้ตัวเหรอ”ธารใสบอก
“ไม่ใช่”ไซเรนยืนยัน
คนที่นั่งอยู่ตรงหน้าไซเรน ไม่ใช่ธารใส แต่กลายเป็นไผ่หวาน
ไซเรนอึ้ง
ไผ่หวานถาม “ว่าไงนะ!?”
ไซเรนตกใจผงะออกไป
“เข้ามาในห้องทำไม?”
“พี่เรนละเมอโวยวายอะไรก็ไม่รู้แล้วก็ลุกขึ้นมาตะโกนบอกว่า…”
“พอหยุด! ออกไปเลยไป”
“พี่แรมให้มาตาม”
“ออกไป!”
ไซเรนมีอาการปวดหัวเฉียบพลันเขาคู้ตัวและกุมหัวด้วยมือสองข้าง
“เอฟเฟกยาน่ะ”ไผ่หวานบอก
ไซเรนทนไม่ไหวลุกขึ้นกระชากไผ่หวานลากออกไปนอกห้องแล้วก็ปิดประตูใส่หน้า
ไซเรนเดินไปล้างหน้ามองตัวเองในกระจก
วันเดียวกัน พอขึ้นรถเรย์ ตี๋ใหญ่คิดย้อนเหตุการณ์
ลูกระเบิดถูกโยนไปกระแทกเสาแล้วกลิ้งมาใต้ท้องรถที่ตี๋ใหญ่และหลินซ่อนอยู่
เเรงระเบิดขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากรถ …
บนรถเรย์รองฯ เผด็จกุมขาตัวเองด้วยความเจ็บปวด
ตี๋ใหญ่มองหน้าเผด็จทำเป็นไม่สนใจเรื่องขา
“มีอะไรกับผม?”ตี๋ใหญ่ถาม
“ผมอยากให้เรามาร่วมมือกัน”
ตี๋ใหญ่สงสัย
“คุณจะได้แก้แค้น”
เผด็จมองหน้าตี๋ใหญ่
“ส่วนผมจะได้กำจัดไอ้พวกเลวนั่น”
“ผมมีทางของผม”
“ผมเคยศรัทธาในความดีความถูกต้องนะเพราะผมถูกสอนมาอย่างนั้นแต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่ากฎหมายมันใช้ไม่ได้กับไอ้คนที่พยายามจะทำลายมันมีแต่จะสูญเสียมากขึ้นและจะไม่มีทางหยุดคนพวกนี้ได้”
เรย์มองเผด็จอึ้งๆ
รองฯ เผด็จมองไปนอกหน้าต่าง
“ถ้าคุณร่วมมือกับผมผมมีวิธีที่จะหยุดคนพวกนี้แบบถาวรแต่คุณต้องยังไม่ฆ่าพวกมันตอนนี้”
“ยังไง.... ตอนนี้ตำรวจอย่างคุณจะใช้วิธีนอกกฎหมายงั้นเหรอ ... ผมแค่อยากเห็นพวกมันตาย”
“คุณก็รู้แล้วหนิว่าทำคนเดียวมันไม่ง่าย…..ผมช่วยคุณแล้วเราจะได้กำจัดพวกมันทุกคน”
ตี๋ใหญ่มองเผด็จแบบชั่งใจแล้วก็เห็นความจริงใจของเผด็จ
“แผนคือ…..”
“ผมได้ยินมาว่าเอ็ดดี้อยากได้คุณเข้าแก๊ง..คุณต้อง…”
ตี๋ใหญ่ตัดบทเปิดประตูออกไป
“ผมรู้ว่าต้องทำยังไง”ตี๋ใหญ่บอก
“หัวหน้าจะทำยังไงคะ”เรย์ถาม
คืนนั้น ... เอ็ดดี้ขับรถเข้ามาในสถานอาบอบนวด heart attack
ตี๋ใหญ่ยืนรออยู่
เอ็ดดี้เลื่อนกระจกลงมองหน้าตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่ฝืนยิ้มซ่อนแค้นเอ็ดดี้ก็ยิ้มทั้งสองมองหน้าเหมือนรู้กัน
เผด็จตอบคำถามของเรย์ว่า
“แผนผมคือยืมมือโจร...ฆ่าโจร” ….
ตี๋ใหญ่เหงื่อแตกเต็มหน้า
ต่อมา ... ตี๋ใหญ่สักลายเล็กๆเป็นเครื่องหมายแก๊งลงบนแผ่นหลัง
“เพื่อทำลายสามแก๊งแก๊งเอ็ดดี้แก๊งสัวและแก๊ง 21 พร้อมๆกัน”เผด็จบอกเรย์
ตี๋ใหญ่โรยผงโค้กเป็นสัญลักษณ์รูป heart attack บนโต๊ะ
พวกนักเลงหยิบหลอดเข้าไปสูดขึ้นจมูกทีละคนแล้วส่งต่อกันให้สูดต่อไปเรื่อยๆ
เครื่องหมาย heart attack ค่อยๆหายไปหายไป...
หลอดนั้นถูกส่งมาสู่มือตี๋ใหญ่แตี๋ใหญ่รับมาอย่างลังเล
เอ็ดดี้มองตี๋ใหญ่อย่างลุ้นๆ
ตี๋ใหญ่เห็นเอ็ดดี้มองอยู่ จึงตัดสินใจลงไปสูดยาขึ้นจมูก
สัญลักษณ์ heart attack ที่เอ็ดดี้โรยไว้เมื่อครู่อักษรค่อยๆเลือนหายเพราะฝุ่นยาถูกสูดและเผยให้เห็นว่ามีมีดด้ามเล็กๆซ่อนอยู่ข้างใต้
ด้ามมีดมีรูปสลักลาย heart attack
ตี๋ใหญ่มีอาการเมาเห็นแสงสีวูบวาบเหมือนลอยคว้างอยู่ในห้อง
เอ็ดดี้วางปืนพร้อมลูกกระสุนลงตรงหน้าตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่รับปืนไปและบรรจุลูกกระสุน
“ผมเป็นห่วงว่าไม่รู้ว่าเค้าจะห้ามใจไม่ให้ฆ่าเอ็ดดี้ได้รึเปล่า”เผด็จบอก
ตี๋ใหญ่บรรจุกระสุนเสร็จก็ตั้งปืนขึ้นทันทีเล็งไปที่ใครคนหนึ่ง
ดวงตาตี๋ใหญ่มุ่งมั่น มือของเขาเหนี่ยวไก
ตี๋ใหญ่เดินนำพวกสาวๆมาขึ้นรถตู้ดึงประตูปิดแล้วโจนขึ้นนั่งด้านคนขับ
ตี๋ใหญ่เปิดรถตู้ให้สาวๆที่เพิ่งกลับจากทำงานกลับขึ้น heart attack
เด็กสาวคนหนึ่งแอบเอายาให้ผัวแมงดาที่มาตอดตี๋ใหญ่โผล่มาถีบผัวแมงดาของเด็กสาวล้มลง
ผัวแมงดากลัวตี๋ใหญ่รีบวิ่งหนีไป
เผด็จบอก “อยู่ที่ว่าตี๋ใหญ่จะทำให้มันไว้ใจได้เร็วแค่ไหน”
เอ็ดดี้ทะเลาะกับลูกค้าชาวจีนคนหนึ่งเป็นภาษาจีนโฉงเฉงกัน
ตี๋ใหญ่เอาเหล้าผสมยาเสพติดไปให้ลูกค้าชาวจีนคนนั้นกิน
เอ็ดดี้กับลูกค้าชาวจีนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
เอ็ดดี้เดินผ่านตี๋ใหญ่และโยนเงินมัดนึงให้แล้วหันมายิ้มให้ตี๋ใหญ่ตี๋ใหญ่ยิ้มตอบ
ตี๋ใหญ่มานั่งเครียดอยู่ที่มุมหนึ่งเขาเริ่มสงสัยว่าตัวเองกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องจริงหรือเปล่า
เด็กสาวคนหนึ่งนั่งสูบบุหรี่อยู่ใกล้ๆเด็กสาวอยู่ในเงามืดยื่นบุหรี่มาให้ตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่เงยหน้าขึ้นเห็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยน่ารักและดูยังเด็กอยู่มาก
เชอรี่ถาม “เอาปะพี่จะได้หายเครียด”
ตี๋ใหญ่มองบุหรี่ในมือเด็กสาวนิ่งๆ
“ตัวละ 20 หนูขาย ...หมายถึงบุหรี่นะ”
ตี๋ใหญ่ทำท่าจะลุกหนีไป
“พี่… อย่าเพิ่งไปพอ...มียืมร้อยนึงดิ"
ตี๋ใหญ่ไม่สนใจเด็กสาวยังตื๊อ
“เฮ้ยพี่! ถ้าไม่ให้ตังค์อะเลี้ยงข้าวก็ยังดีนะ”
ตี๋ใหญ่ไม่เชื่อเดินหนีเชอรี่ร้องตาม
เชอรี่ลุกขึ้นแสงตกกระทบใบหน้าทั้งหมดและเห็นว่าใบหน้าเชอรี่อีกซีกหนึ่งมีรอยช้ำเส้นเลือดฝอยแตกตี๋ใหญ่อึ้งไป
ตี๋ใหญ่ถาม“หน้าไปโดนอะไรมา?”
“ก็ไอ้ลูกค้าแก่นั่นอะมันทำอะไรหนูไม่ได้มันมะเขือเผาพี่เข้าใจใช่ปะพอมันทำไม่ได้มันก็โกรธมันโทษหนูมันเลยซ้อมหนูหนูซวยเลยแล้วทำไมมึงไม่รู้จักแดกไวอากร้าว๊ะ" เชอรี่ว่า
ตี๋ใหญ่มองหน้าเชอร์รี่ด้วยความสงสาร
"พี่มีไรกินมั้ย... หิว”
ตี๋ใหญส่งแซนวิชที่ซื้อมาจากเซเว่นให้เชอรี่เชอรี่กินอย่างตะกละ
“ขอบคุณมากพี่... หิวมากพี่ไม่ได้กินไรมาจะวันนึงแล้ว”
“ทำไมอดข้าวนานขนาดนั้น”
“ยาไงพี่ที่เค้าให้บางคนอดได้สามวันแม่บอกเราต้องผอมต้องขาวแขกจะชอบความจริงยังกินไม่ได้นะต้องมาแอบกินเนี่ย”
ตี๋ใหญ่ทำหน้าเหมือนไม่อยากฟังและยกแซนวิชของตัวเองให้เชอรี่อีกชิ้น
“อายุเท่าไหร่น่ะเรา”
เชอรี่กระซิบ
“อย่าบอกใครนะพี่หนู 18 แล้วที่นี่ทุกคนต้องโกงอายุพี่ยิ่งเด็กยิ่งตังค์ดีถ้าซิงนี่แพงสุดอะไปก่อนแล้วพี่”
ตี๋ใหญ่นั่งเงียบๆไม่ตอบอะไรเชอรี่รีบยัดแซนวิชทั้งอันเข้าไปในปาก
ตี๋ใหญ่มองตามเชอรี่ไปอย่างเวทนาเชอรรี่ยิ้มให้
ต่อมา ตี๋ใหญ่ยืนรออยู่ที่รถตู้
มาม่าซังพาเชอรี่ที่เเต่งหน้าปกปิดรอยเเผลเรียบร้อยเเล้วมาส่งขึ้นรถตู้
เชอรี่สีหน้าไม่สู้ดีนักมาม่าซังปลอบมาตลอดทาง
“หนูต้องอดทนนะลูกหนูต้องไม่เลือกงานเรายังเด็กอยู่เป็นช่วงกอบโกยถ้าเราเลือกงานเราก็ไม่รวยแม่พูดถูกไหมลูก”
เชอรี่เดินขึ้นรถตู้ไป
ตี๋ใหญ่ถามมาม่าซัง
“ส่งลูกค้าที่ไหนครับ?”
“ลูกค้าประจำสโมสรมหาสมุทรเสี่ยอิ๊กมาเล่นที่บ่อนประจำชอบพนันท้าเลี้ยงผู้หญิงอาทิตย์ที่แล้วชนะเค้าสั่งเชอรี่ไปสงสัยคงติดใจเลยสั่งอีกเค้าบอกมันทนดี”
มาม่าซังยัดยาลงมือตี๋ใหญ่
“ถ้ามันเกิดดีดดิ้นขึ้นมาจะไม่ทำงานก็เอานี่ให้มันกินรับรองกลับมาแรดเเต่ให้นิดเดียวนะของมันเเรง”
มาม่าซังพูดยิ้มๆแล้วก็เดินไปตี๋ใหญ่หันไปมองเชอรี่บนรถตู้เห็นเธอน้ำตาซึมๆ
เวลากลางคืนต่อมา ...
ตี๋ใหญ่ส่งเชอรี่ไปให้ลูกค้าของสโมสรมหาสมุทรโดยเข้าทางประตูลับของโรงแรม
ตี๋ใหญ่ยืนให้เจ้าหน้าที่แก๊งตรวจและค้นตัวเชอรี่อยู่หลังม่าน
เชอรี่ออกจากหลังม่านแก๊งผลักหลังเชอรี่ไปเข้าห้องๆหนึ่ง
เมื่อใกล้ถึงประตูห้องเชอรี่มีอาการสั่นๆกลัวๆและขาอ่อนเหมือนจะเดินไม่ไหว
เจ้าหน้าที่แก๊ง 21 ดึงเชอรี่ขึ้น...แล้วพาไปส่งให้ลูกค้าแก๊ง 21 ที่ยืนรออยู่
ตี๋ใหญ่ยืนรอเฝ้าอยู่ด้านนอกเห็นคนกลุ่มหนึ่งถือถาดที่มีอุปกรณ์ทรมานเข้าไปในห้องๆนั้น
ตี๋ใหญ่มองตามสีหน้าเหมือนใจไม่ดีตี๋ใหญ่ก้มลงมองพื้นพยายามข่มอารมณ์
พวกเจ้าหน้าที่แก๊ง 21 ชวนกันออกไปสูบบุหรี่
ตี๋ใหญ่เงยหน้าขึ้นอีก...และเห็นหลินยืนอยู่หน้าห้องนั้น
หลินจ้องมองตี๋ใหญ่ด้วยแววตาผิดหวัง
ตี๋ใหญ่ยืนตัวแข็ง
ภายนอกบ่อนกาสิโน 21 เวลากลางคืน
ตี๋ใหญ่พาเชอรี่ออกมานอกบ่อน โดยผ่านทางประตูหลังซึ่งติดกับลานจอดรถ
พวกลูกน้องของปารเมศกำลังจะเดินมาเข้าประตูหลังพอดี
ตี๋ใหญ่รีบดึงเชอรี่หลบไปในมุมมืดทันก่อนที่พวกนั้นจะเดินมาอย่างฉิวเฉียด
ในความมืดตี๋ใหญ่ยัดเงินทั้งหมดที่เขามีให้เชอรี่
“นี่น่าจะพอกลับบ้านนะ”
“เฮ้ยพี่ทำไมอะ?”
“เธออยากกลับบ้านไม่ใช่เหรอ”
“แล้วเอ็ดดี้ล่ะ?”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น”
เชอรี่มองหน้าตี๋ใหญ่อย่างรู้สึกขอบคุณก่อนจะตัดสินใจกอบเงินทั้งหมดวิ่งกระเผลกๆ
หนีและหายไปกับความมืดของลานจอดรถ
ตี๋ใหญ่มองตามอย่างรู้สึกโล่งใจ
ตี๋ใหญ่เดินออกจากที่มืดและสวนกับลูกน้องของปารเมศที่เพิ่งเดินเข้ามาในกาสิโน
ลูกน้องปารเมศเห็นตี๋ใหญ่เดินออกไป
มุมหนึ่งตอนกลางวัน ด้านนอกของ Last Day Pub
ไผ่หวานกำลังนั่งกินขนมกันอยู่กับเพื่อนๆ
เจ๋ถาม “กูอยากตัดผมหน้าม้าดีมั้ยว๊ะ”
“หน้ามึงเนี่ยนะ ... จะตัดหน้าม้า”ไผ่หวานว่า
“ไม่ดีเหรอว๊ะ… กูว่าเทรนกำลังมานะมึง”
“อยากไปทำอะไรก็ทำความสุขของพวกเราก็คงมีเท่านี้”
เพื่อนๆของไผ่หวานสะกิดให้ไผ่หวานหันไปดูด้านหลัง
ลูกค้าของไผ่หวานเดินตรงเข้ามา
“เฮ้ยมึง" เจ๋พึมพำกับตัวเอง "แม่ง! มาอีกละ”
ไผ่หวานหันไปมองลูกค้าสีหน้าเครียดๆแต่แป๊ปเดียวก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานแล้วเดินตรงไปหาลูกค้าคนนั้น
“มาเร็วจังค่ะวันนี้....”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบชายคนนั้นก็ต่อยหน้าไผ่หวานล้มคว่ำไปเพื่อนๆสาวบาร์ใน last day กรีดร้อง
ลูกค้าพุ่งเข้าบีบคอไผ่หวาน
“เอายามาให้กู”
เพื่อนๆช่วยกันดึงผู้ชายคนนั้นออกจากไผ่หวาน
แต่ผู้ชายคนนั้นขึ้นค่อมไผ่หวานไว้แล้วบีบคอแน่นไม่ยอมปล่อย
ลูกค้าบอก “เอายามาให้กูเอายามา!”
ไผ่หวานไอไม่หยุดมือจิกข่วนผู้ชายคนนั้นพยายามเอาตัวรอดแต่ดูท่าจะไม่ไหว
“ช่วยด้วย ! ช่วยด้วย! เฮ้ยแม่งเมายาปอีหวานจะตายแล้ว”
ไซเรนเดินมาพอดีเห็นพวกสาวๆกรี๊ดกร๊าดกันโต๊ะอาหารล้มระเนระนาดลูกค้าบีบคอไผ่หวานอยู่
ไซเรนมองอย่างสมเพชแล้วเดินเข้าร้านไปแบบไม่ไยดีเสียงโวยวายยังดังมาจากด้านนอก
ไผ่หวานหยิบเศษจานที่ตกอยู่แถวนั้นฟาดหัวชายคนนั้นแล้ววิ่งหนี
ชายคนนั้นวิ่งตามไปจิกหัวไผ่หวานแล้วต่อยล้มอีกรอบ
ไผ่หวานล้มลงกับพื้นชายคนนั้นกระทืบซ้ำเสียงกรี๊ดดังไม่หยุด
ชายคนนั้นกระทืบไผ่หวานจนเธอหมดแรงสู้ และเข้าค้นตัวแล้วเอายาส่วนหนึ่งออกมา
ชายคนนั้นถูกกระชากหัวให้หันไปมองหน้าและเห็นไซเรน
ไซเรนต่อยหน้าชายคนนั้นเต็มแรงหัวของชายคนนั้นไม่หันไปตามแรงต่อยเพราะถูกไซเรนกระชากหัวไว้
ไซเรนใช้มือขวาต่อยซ้ำอีกซ้ำอีกขณะที่มือซ้ายกำผมผนึกหน้าของชายคนนั้นไว้แน่นจนเป็นเป้านิ่งแล้วต่อยจนชายคนนั้นเข่าอ่อนทรุดลงไปกับพื้น
ที่พื้นเห็นฟันตกลงมาสองซี่พร้อมกับกองเลือดจำนวนหนึ่ง
ไซเรนต่อยอีกเป็นครั้งสุดท้ายชายคนนั้นน็อคสลบไป
ไซเรนเงยหน้าขึ้นและเห็นที่กำปั้นของไซเรนมีฟันของชายคนนั้นปักติดมาด้วย
ไซเรนสะบัดกำปั้นให้ฟันของชายคนนั้นหลุดไปและหันไปมองไผ่หวาน
เพื่อนๆสาวบาร์กำลังพยุงไผ่หวานขึ้น
ไผ่หวานอ้าปากเหมือนจะพูดขอบคุณไซเรนแต่ไซเรนสะบัดหน้าเดินหนีไปก่อน
วันเดียวกัน ตี๋ใหญ่ส่งข้อความไปหาเรย์
‘ผมทำพลาดฝากขอโทษเผด็จด้วยไม่ต้องห่วงผมจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง
ฝากดูแลพาสเวิร์ดด้วยถ้าผมเป็นอะไรไป’
ตี๋ใหญ่ใส่แมกกาซีนลงไปในปืนสีดำเหน็บปืนไว้ที่เอวแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องทำงานของเอ็ดดี้
เอ็ดดี้และลูกน้องทั้งหมดและจ้องตี๋ใหญ่อย่างอำมหิตขณะที่ตี๋ใหญ่ตรงเข้าไป
ตี๋ใหญ่เดินไปหยุดตรงหน้าเอ็ดดี้มือยังคงกำแน่น
เอ็ดดี้บอก “กูรู้เรื่องหมดแล้ว”
ตี๋ใหญ่จ้องเอ็ดดี้อย่างเตรียมพร้อมที่จะตาย
“ลูกค้าในสโมสรตาย”เอ็ดดี้บอก
ตี๋ใหญ่ตกใจเพราะไม่คิดว่าจะทำให้คนนั้นถึงกับตาย !
“ส่วนอีเชอรี่ก็หายไป”เอ็ดดี้บอกต่อ
ตี๋ใหญ่ค่อยๆเลื่อนมือช้าๆไปที่เอว
“สโมสรแม่งโยนขี้ให้กู”
ตี๋ใหญ่ชะงักนึกว่าหูฝาดที่ได้ยินแบบนั้น
“ปารเมศน่าจะจัดยาพิเศษไว้บริการลูกค้าลูกค้าตายแม่งกลัวโดนญาติเอาเรื่องเลยจัดฉากให้อีเชอรี่หนีไปและโยนความผิดให้อีเชอรี่ว่าเป็นคนเอายาของเราให้ลูกค้าแต่จริงๆแม่ง!! คงจับอีเชอรี่โบกปูนไปแล้ว”
เอ็ดดี้ลุกขึ้นและหยิบ Glock 19 สีทองออกมาลูกน้องทุกคนลุกตามเอ็ดดี้
เอ็ดดี้ท่าทางโมโหอยู่ๆเล็งปืนไปที่ตี๋ใหญ่
“What hell are you doing ?”
ตี๋ใหญ่ยังมีสีหน้างงๆเหมือนจับต้นชนปลายไม่ถูก
“หยิบปืนออกมาสิ fuck!”
ตี๋ใหญ่นิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้รีบหยิบปืนออกมาถือไว้
“ใครพร้อมแล้วไปลุยกับกูใครทำท่ากลัวให้เห็นกูจะยิงแม่งก่อนเลย go!”
เอ็ดดี้เดินนำออกไปทุกคนตามตี๋ใหญ่รีบตามน้ำเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกลูกน้องเอ็ดดี้
ณ ลานจอดรถของบ่อนกาสิโน 21
ตี๋ใหญ่เอ็ดดี้เหยาและพรรคพวกแก๊งเอ็ดดี้ลงจากรถพร้อมอาวุธครบมือ
พวกเอ็ดดี้บุกเข้าไปในบ่อนของปารเมศตี๋ใหญ่รั้งท้ายสุด
ลูกน้องทุกคนของปารเมศแตกตื่นเมื่อเห็นเอ็ดดี้ยกพวกขึ้นมา ทุกคนรีบควักอาวุธของตัวเองออกมาพร้อมสู้
ลูกน้องของปารเมศเดินมาประจันหน้ากับลูกน้องของเอ็ดดี้
ขณะที่ปารเมศเดินแหวกลูกน้องของตัวเองออกมาเผชิญหน้ากับเอ็ดดี้
“มีปัญหาอะไรหรือครับคุณเอ็ดดี้”ปารเมศถาม
“คราวที่แล้วกูยกให้....เพราะกูเห็นแก่แม่กู แต่คราวนี้กูจะไม่ทนแล้ว”
“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด เด็กคุณทำลูกค้าผมตายในโรงแรมผม ในที่ของผม ผมต้องทำความสะอาดต้องปิดข่าวเคลียร์ญาติๆเขา ผมคือฝ่ายที่เดือดร้อน”
“กูไม่ทนฟังมึงพล่ามไอ้เหี้ย! เอาเด็กกูคืนมา !”เอ็ดดี้ตวาด
“เด็กคุณไม่อยู่แล้วครับคุณเอ็ดดี้ ต้องการดูภาพจากกล้องของเรามั้ยครับ”
เอ็ดดี้ตะโกน
“บอกแล้วไงให้เอาเด็กกูคืนมา ต่อให้มันเป็นศพไปแล้ว มึงก็ต้องคืน!”
“เขาหนีไปแล้วครับหลักฐานจากกล้องวงจรปิดก็มี แล้วทำไมผมต้องซ่อนผู้หญิงคนนั้นไว้ด้วยต่อให้เป็นศพด้วย ยิ่งไม่มีความจำเป็นใหญ่เลย”
เอ็ดดี้ควักปืนออกมาจ่อหัวปารเมศ
“มึงพูดไม่รู้เรื่องใช่มั้ย Bitch!!”
พลัน! ทั้งสองแก๊งชักอาวุธใส่กันเหมือนจะเกิดการปะทะกันขึ้น
ตี๋ใหญ่สีหน้าลุ้นๆเเล้วเริ่มเดินไปข้างหลังทุกคน
“แม่คุณคงอารมณ์เสีย ถ้ารู้ว่าคุณบุกเข้ามาฆ่าผมเพื่อทวงกับโสเภณีเกรดบี”
“มึงอ้างแม่กูอีกแล้วนะ กูบอกแล้วไงว่าคราวนี้กูไม่ยอมมึงอีก มึงทำลูกน้องกูตาย”
“ถ้าอย่างนั้น... ยิงเลย”ปารเมศบอก
เอ็ดดี้และลูกน้องทุกคนอึ้งกับสิ่งที่ปารเมศพูด
ตี๋ใหญ่แอบยิ้ม
“ยิงลูกน้องผมสักคนนึง คุณเสียคนนึง ผมเสียคนนึงจะได้หายกัน”
ลูกน้องของปารเมศทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เหงื่อแตก มีอาการกลัวจนขาสั่น
เอ็ดดี้เหยาเริ่มส่ายปืนไปมาที่คนนั้นทีคนนี้ทีเหมือนกำลังเลือกว่าจะยิงใคร
“มึงพูดเองนะ!!”
เอ็ดดี้เล็งปืนไปที่ปารเมศทำท่าจะยิง
“งั้นกูฆ่ามึงล้างหนี้ละกัน!!”
“ต่อให้ฆ่าผมหนี้ก็ยังอยู่ พอผมตายนายจ้างของผมก็จะส่งคนมาทำงานต่อจากผม และทำหน้าที่ทวงหนี้แทนผมต่อ แต่ว่า...ถ้าคุณใจเย็นลงและคุยกับผมดีๆ ผมจะอนุโลมค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเดินเรื่องศพลูกค้าผม โดยการเอาเงินส่วนตัวออกให้ก่อน”
เอ็ดดี้มองปารเมศแค้นๆมือค่อยๆลดปืนลงอย่างช้า ลูกน้องของสองฝ่ายสีหน้าโล่ง
เอ็ดดี้บอก
“มึงใช้เรื่องเงินขู่กูไปตลอดไม่ได้หรอก แล้วอย่าให้มีเรื่องแบบนี้อีกละกัน !”
“ไม่มีใครอยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอกครับ...เว้น... แต่" ปารเมศมองไปที่ลูกน้องของเอ็ดดี้ทีละคน "ผมอยากรู้ว่าใครเป็นคุมผู้หญิงมาที่นี่?”
ตี๋ใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังสุด พยายามจะไม่แสดงตัวแต่เหมือนหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ผมเอง...” ตี๋ใหญ่บอก
“คุณไม่รู้หรอว่า เขาหนีไปจากห้อง?!”
“ผมก็เข้าไปรับเด็กตามเวลาที่เค้ากำหนดแหละ พอเข้าไปก็เจอลูกค้านอนตาย ส่วนเชอรี่ไม่อยู่ในห้องแล้ว”
ตี๋ใหญ่พูดพลางมองหน้าลูกน้องของปารเมศที่เขาจำได้ว่าสวนกันตอนที่แอบปล่อยเชอรี่
ลูกน้องบอก “หัวหน้าครับ ผมเจอเค้าที่ลานจอดรถเห็นเขาขึ้นรถคนเดียว ไม่มีผู้หญิงไปด้วย”
ปารเมศถามเอ็ดดี้ “จะว่าไรมั้ยถ้าผมจะขอตัวเขาไปสอบถามเพิ่ม”
" ไม่ได้!! เพราะมันเป็นลูกน้องกู คนกูกูถามเอง มึงอย่าเสือก!!”
“งั้นก็ไม่เป็นไรแต่ผมค่อนข้างมั่นใจ...ว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ” ปารเมศทิ้งท้าย
เอ็ดดี้เหยาถ่มน้ำลายใส่พื้นแล้วหันหลัง นำลูกน้องของตัวเองออกจากบ่อนของปารเมศไปรวมทั้งตี๋ใหญ่ด้วย
ตี๋ใหญ่หันไปมองปารเมศ เห็นปารเมศจ้องเขาด้วยสายตาเรียบเฉย
ตี๋ใหญ่ท้าทายกลับ ให้ปารเมศและเดินตามพวกเอ็ดดี้ไป
แรมนั่งสูบบุหรี่อยู่ในห้องมืดสลัวมีแสงรำไร ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่งผ่านหน้า
เงาอดีตในวัยเด็กผ่านเข้ามาในความทรงจำ ... แม่กลับมาจากที่ทำงาน บ้านซ่อมซ่อ
“ตอนเด็กๆแม่ทำงานกลับดึกทุกวัน กว่าแม่จะซื้อข้าวมา รอนานกว่าจะได้กิน เลยถามแม่ว่าเมื่อไหร่จะรวยเบื่อไข่ต้มแล้ว.. อยากกินเป็ดย่าง แม่บอกอย่าเสือก ! เก่งนักมึงก็ออกไปหางานสิ ถ้ามึงทำให้กูรวยได้ กูจะซื้อเป็ดย่างให้มึงกินทุกวัน เป็นประโยคสุดท้ายที่ได้คุยกัน อีกไม่กี่วันแม่ก็ตายโดนฆ่า โจรแม่งเอาไปหมด นาฬิกาเก๊ ตุ้มหู เสื้อผ้าชั้นใน แต่แม่งไม่เอาเป็ดย่างไป !”
แรมเด็กกินเป็ดย่างใกล้ศพแม่ที่ตำรวจกำลังชันสูตร
แรมไปหาสัวที่กำลังนั่งกินเป็ดย่างอยู่ตรงข้ามแรม สัวมองแรมเหยียดๆ
“เราจำวันแรกที่พี่ให้งานเราได้ตอนนั้นคิดว่ายังไงแม่งต้องรวย”
พัศดียืนคุมอยู่ไม่ไกลนัก แรมพูดเรื่องขายยาไอซ์ไม่ได้
“ลูกค้าลดลงครึ่งหนึ่งจากปีที่แล้วแต่รายจ่ายเท่าเดิม เราต้องกันเงินส่วนหนึ่งไว้ให้ลูกน้อง เงินไม่ถึงคนเก่งๆมันก็ไม่ทำงาน ยังมีเด็กๆในผับอีก เงินค่าความสวยความงามแม่งเยอะนะพี่ เงินมีแต่ออกไม่มีเข้า หายากขึ้นทุกวัน”
สัวถามนิ่งๆ
“ถามหน่อย !! หน้ากูเหมือนแม่มึงเหรอมึงถึงมาพล่ามใส่หน้ากูไม่หยุด”
สัวกินเสร็จยกมือเช็ดปาก แรมมองจานของสัวเห็นสัวกินเหลือเกือบครึ่งหนึ่ง
แรมเอาบุหรี่จี้เป็ด
“ซื้อมาจากเล่งหัว แม่งแพงชิบหาย แต่เรารู้ว่าพี่ชอบเลยซื้อมาให้”
สัวบอก “แล้วกูต้องไหว้ขอบคุณมึงมั้ย? ที่มึงเบิกเงินในบัญชีกูออกมาซื้อเป็ดให้กู”
สัวเช็ดปากแล้วเขียนตัวเลขในเศษกระดาษที่จดเลขที่บัญชีส่งให้แรม
“เบิกเงินหกล้านแล้วเอาไปเข้าบัญชีนี้!!”
แรมหยิบขึ้นมาเปิดดู
“คราวที่แล้วหมดไป เรื่องก็ไม่เดิน ยังเอาเงินไปประเคนให้มันไม่พอเหรอพี่ ที่เราเล่าให้พี่ฟังเรื่องธุรกิจพี่...ไม่เก็ทเลยเหรอ?”
“เงินกู!!! ไม่ใช่เงินมึง กูเป็นคนเริ่มต้นธุรกิจนี้ ทำไมกูจะไม่รู้ว่าต้องทำยังไง! หน้าที่มึงตอนนี้ ...แค่เอาเงินไปวิ่งเต้นให้กู แล้วกูจะออกไปสอนมึงเองว่า มันต้องทำไง !?"
สัวลุกเดินออกไปจากห้องเยี่ยมคนคุก แรมมองตาม พ่นหัวเราะหึ สมเพชแล้วดับบุหรี่ลงเป็ดที่สัวกินเหลือ
แรมออกจากในคุกหลังจากไปเยี่ยมสัว แรมหน้าตาเบื่อๆ
ไซเรนมารอรับ ไซเรนนั่งรออยู่ในรถ ขณะที่แรมเดินมาขึ้นรถ
แรมขึ้นรถแล้วกดโทรศัพท์หาใครคนหนึ่ง
“มุ้ยกะไอ้แหลมนายไปทำงานกับเสี่ยสามนะวันนี้” แรมว่า
แรมวางหูแล้วหันไปหาไซเรน
“ไหนพี่บอกจะไม่ทำกับเสี่ยสามแล้วไง มันชอบกดราคา?”
แรมไม่ตอบและทำหน้าไม่แยแส
ไซเรนมองหน้าแรมผ่านทางกระจกหลัง สีหน้าครุ่นคิดเหมือนมีแผนการบางอย่าง
ที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติด
จอโทรทัศน์ เป็นสกู๊ปข่าวปัญหายาเสพติดที่กำลังลุกลามในสังคมไทย
นักข่าวยืนพูดอยู่หน้าจอกราฟฟิกที่ฉายภาพข่าวประมวลเหตุการณ์ที่ผ่านมา ข่าวการโจมตีที่แม่สอด ตามด้วยข่าวการจับกุมเอ็ดดี้และปารเมศ ตามด้วยข่าวการลอบยิงเผด็จที่อาคารร้าง และข่าวบัญชาและน้ำผึ้งถูกยิงคารถตำรวจปิดท้าย ...
นักข่าวบอก
“จากเหตุลอบยิงรองผบ.หน่วยปส. อย่างอุกอาจในลานจอดรถตึกร้างย่านเพชรบุรีเมื่อหลายเดือนก่อน โดยผู้ต้องสงสัยที่อยู่เบื้องหลัง คือกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่มีข้อหาพัวพันกับคดียาเสพติด สร้างความสะเทือนขวัญแก่ประชาชนเพราะเหยื่อเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่จนป่านนี้ก็ยังจับตัวผู้ร้ายไม่ได้ ทุกคนเริ่มสิ้นหวังกับระบบความยุติธรรมในสังคม ดูเหมือนเรากำลังเข้าสู่ยุคที่อำนาจมืดมีอิทธิพลเหนือกฎหมาย”
รองฯ บรรจงกดรีโมทปิดข่าว แล้วหันมาหาเผด็จที่นั่งอยู่
“นี่คือผลงานที่น่ายินดีของคุณใช่มั้ยรองฯเผด็จ ... ให้นักข่าวมารายงานว่า มีคนเสียชีวิตจากเหตุการณ์เท่าไหร่? และพวกค้ายาก็ยังลอยนวลอยู่ได้ .... ต้องให้มีอีกกี่คนต้องตาย คุณถึงจะจับคนร้ายได้ ?”
“ผมทำอยู่ครับ แต่เป็นภารกิจแบบค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้สาวตัวใหญ่ๆได้ ถ้าให้ผมออกเคลื่อนไหวตอนนี้ จับได้แต่พวกที่ขายตัวเล็กๆซึ่งมันก็ไม่มีผลอะไร"
“ก็ยังดีกว่าไม่มีงานให้ประชาชนเห็นเลยนะเผด็จ ผมเข้าใจว่า ส่วนใหญ่มันภารกิจลับแต่มันก็มีออกไปจับบ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวเขาจะคิดว่าปส.เป็นง่อยอยู่เฉยๆ"
เผด็จเงียบไปเพราะไม่อยากเถียงอีก
รองฯ เผด็จมองเลยหลังบรรจงไปสบตากับกวิน...ในภาพที่ประดับอยู่ด้านหลังห้องทำงานของบรรจง
เป็นภาพที่บรรจงมอบรางวัลให้กวิน
เผด็จจ้องหน้ากวินในรูปนิ่งๆอย่างเห็นใจว่า กวินคงเคยถูกกดดันแบบนี้มาก่อน
...เสียงรองบรรจงค่อยๆจางไป
ภายใน Last Day Pub
ลูกน้องแรมนั่งคุยกันอยู่ เฝ้ามองสังเกตคนในร้าน แต่ไม่ได้สนใจชายในมุมมืดเลย
ลูกน้อง1 บอก
“กูว่าคนนั้นเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบแม่ง ! ตาล่อกแล่กมองมาทางนี้ตลอด”
ลูกน้อง2 บอก “เชื่อกู คนนั้นไม่ใช่ คนนั้นผมยาว ตำรวจจริงไม่ล่อกแล่กจะนิ่งๆและผมสั้นๆ
แบบคนนั้นมึงเห็นปะ พี่ใส่เสื้อเขียวมีกระเป๋าสะพายข้างด้วยคนนั้นล่ะใช่”
“กูว่าไม่ใช่ตำรวจ ต้องไม่ใส่เสื้อเขียว”
“แล้วไอ้นั่นเห็นมานั่งอยู่ทุกวัน สั่งเยอะชิบหาย แต่ไม่กินอะไรสักอย่าง น่าสงสัย”
ไซเรนนั่งอยู่กับเพื่อนๆ ...อยู่ๆมุ้ยก็เดินตรงมาหาไซเรน
“พี่แรมเปลี่ยนให้แหลมเฝ้าบาร์แล้วให้มึงไปกะกูแทน”
ไซเรนชะงักนิดหนึ่ง
รองฯ เผด็จมองตรงไปข้างหน้า แววตาเด็ดเดี่ยว มีเสียงว. รายงานลอดออกมาจากวิทยุสื่อสารเป็นระยะ
“รถผู้ต้องสงสัยเข้ามาที่………”
จ่าทองดีขับรถ เรย์นั่งอยู่เบาะหลัง
เรย์สีหน้ากังวล ส่วนทองดีนั่งกดมือถือเล่นตลอดเวลา
บริเวณลานซื้อขายยาเสพติด .... ของถูกยกออกไป
ไซเรนขนของไปไว้รถอีกคัน
รองฯ เผด็จ ที่แอบซ่อนในบริเวณนั้น เห็นไซเรน ก็ชะงักไป
จ่าทองดีมองหน้ารองฯเผด็จอย่างสงสัยว่า ทำไมคนร้ายเหมือนรู้ตัวก่อนว่ามีตำรวจแอบมอง
เรย์ซ่อนตัวอยู่ไม่ห่างจากนั้น เฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด
ไซเรนไขกุญแจเปิดฝาหลังรถ ...เห็นยากองเป็นตั้งๆอยู่ภายใน
ลูกน้องของเสี่ยสาม พ่อค้ายากรูมาขนยาลงจากรถ
ยาถูกนำออกมาวางกองนอกรถหมด เพื่อเตรียมจะขนขึ้นสู่รถอีกคัน
ไซเรนเปิดกระเป๋าเงินดู ส่งต่อให้มุ้ย มุ้ยขึ้นไปรอในรถ
รองฯ เผด็จส่งสัญญาณให้ลูกน้องค่อยคืบตัวออกจะบุก
ทันใดนั้นแสงสปอตไลท์บนรถตำรวจก็สว่างวาบขึ้น และเข้ามาขวาง
เผด็จ เรย์ ทองดีงง !?
สารวัตรนัทเปิดประตูจ่อปืนไปที่กลุ่ม
“หยุด! ทิ้งอาวุธนอนลงๆ”
ทั้งหมดนิ่งงง ! อยู่ชั่วอึดใจก่อนที่เสี่ยสามจะเปิดฉากยิง
กระสุนสาดกันไปมาระหว่างผู้ร้ายกับตำรวจ รองฯเผด็จในที่ซ่อนหันไปมองหน้ากับทองดี สีหน้าสับสน
“นั่นทีมเรารึเปล่า ?”
ทองดีบอก “ไม่ใช่ครับหัวหน้าเรามากันแค่นี้”
ฝั่งเสี่ยสามโดยยิงร่วงไป
ไซเรนที่หลบอยู่หลังรถมุ้ย ตัดสินใจเดินจะมอบตัว เดินออกมาด้านหน้ายกมือขึ้นเหนือหัว
เผด็จคุ้นหน้าไซเรน
เผด็จจ้องมองไซเรน รองฯเผด็จตะโกนบอก
“อย่ายิงนะ! คนร้ายมอบตัวแล้ว”
แต่สารวัตรนัท...หันไปตะโกนบอกลูกน้อง
“คนร้ายมีอาวุธ!”
เผด็จเห็นตำรวจอีกทีมโหมยิง ลูกน้องเสี่ยสามล้มตายลงเกือบหมด
ส่วนไซเรนถูกกระสุนเจาะหัวไหล่ล้มลงกับพื้น
มุ้ยเข้าเกียร์ถอย
ไซเรนเกาะกันชนหน้าได้ถูกรถลากไป ก่อนรถจะหยุดไซเรนกลิ้งม้วนไป มุ้ยเปิดประตูให้
พร้อมสาดปืนกลใส่ตำรวจ
ฝั่งตำรวจหลบลูกปืน
ไซเรนขึ้นรถหนีไปได้
สารวัตรนัทและคนอื่นๆวิ่งเข้ามาควบคุมพื้นที่
“สั่งปิดถนน !!! ยางแบนมันน่าจะไปได้ไม่ไกล” สารวัตรนัทบอก
ตำรวจกลุ่มหนึ่งวิ่งไปขึ้นรถแล้วขับตามไป
ผ่านเวลา ...
ลูกน้องของสารวัตรนัทกำลังขนของกลาง สารวัตรนัทเดินผ่านอย่างผยองๆ
“เอาของกลางมาเรียงให้ดีนักข่าวกำลังมาแล้ว” สารวัตรนัทบอก
เรย์ที่เดินตรงไปหาสารวัตรนัท
“รู้ได้ไงว่าจะมีการส่งยาที่นี่”
“ไม่ยากหนิ เราก็มีสายข่าวของเราเหมือนกัน”
รองฯ เผด็จมองเรย์กับนัทคุยกันอยู่ไกลๆแต่ไม่ได้ยินว่าคุยอะไร
เผด็จเดินแยกตัวออกไปที่รถอย่างไม่สบอารมณ์
ทองดีเหมือนอ่านออก...รีบตามมาเดินข้างๆ
“เหมือนทุกอย่างที่เราทำ มันมีคนรู้ก่อนเรา 1 ก้าวตลอด”
“เอาไงครับหัวหน้า”
เผด็จหันไปหาทองดี
“ตรวจสอบประวัติทุกคนในหน่วยเรา”
ภายใน Last day Pub เวลากลางคืน
มุ้ยวางกระเป๋าลง เปิดออกเห็นเงิน
“ตำรวจน่าจะได้ของไป เฮียสามไม่รอด”
“เฮ้อ !!! …..หยั่งงี้คงได้เวลาหาเกลือที่มันเป็นหนอนแล้ว!!” แรมบอก
หลังกระเป๋าหมอที่มีรูปหมาแปะอยู่ ไซเรนนอนเจ็บปวดอยู่ แรมยืนมองอยู่ด้านข้างๆ
แรมยิ้ม
“ความช่วยเหลือเดินทางมาถึงแล้ว หวัดดีด็อก!”
กรรไกรตัดเสื้อไซเรนออก ... เข็มฉีดยา คีมคีบกระสุนออกมา
หน้าหมอเนิร์ดๆลุ้น ... ที่แท้หมอหมา !
ไผ่หวานยืนมองอยู่ห่างๆ
แรมยื่นเงินปึกนึง หมอยิ้ม รับเงิน
แรมพูดกับไผ่หวาน
“ดูแลมันด้วยอย่าให้มันตาย!!”
ผ่านเวลา ...
ไผ่หวานสะดุ้งตื่นขณะนั่งหลับพิงผนังห้องอยู่ เพราะไซเรนละเมอครางเพราะพิษไข้
ไผ่หวานรีบเดินเข้าไปแตะตัวไซเรน แล้วสะดุ้งเพราะไซเรนตัวร้อนจัด
ไผ่หวานสีหน้าเหมือนคิดอะไรได้ ก้มลงดูดยาไอซ์เข้าปากจนเต็มสูบอมควันไว้เต็มในปาก
ไผ่หวานตัดสินใจก้มลงปล่อยควันควันลอยเข้าจมูกไซเรนที่มีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น
ทั้งคู่ใกล้กันจนจูบกันท่ามกลางควันนั้น
ทั้งสองจูบกัน...และมีควันออกจากจมูกของไซเรน
ไซเรนหยุดดิ้น...และมีอาการเคลิ้ม
ทั้งสองนอนจูบกันนิ่งๆ
ผ่านเวลา ... ไซเรนดวงตาลอย เคลิ้ม ไม่เจ็บปวดอีกต่อไป และยอมให้ไผ่หวานจับตัวโดยดี
ไผ่หวานเช็ดตัวให้ไซเรน ไซเรนจ้องหน้าหวานซึ้งให้ไผ่หวาน
ไซเรนมองเห็นไผ่หวานเป็นธารใส
ธารใสยืนแทนที่ไผ่หวาน เธอแบมือออกและเห็นเกล็ดใสๆของยาไอซ์ ปลิวกระจายระยิบระยับไปทั่ว
ไซเรนเคลิ้มยา
“ขอบใจนะที่มาอยู่กับเราหายโกรธเราแล้วใช่มั้ย”
ไผ่หวานไม่สนใจไซเรน เพราะรู้ว่าเป็นเอฟเฟกต์จากฤทธิ์ยา ...ยังเช็ดตัวให้ไซเรนต่อไป
ไซเรนดึงมือไผ่หวานมากุมไว้แล้วจ้องตาพูดเพ้อๆตาลอยๆ
“ทุกคน... ที่เคยอยู่ใกล้เราหายไปหมด หายไปทีละคน”
ไผ่หวานนิ่งฟังไซเรนพูดเพ้อ
ไซเรนบีบมือไผ่หวานไว้แน่น
“แต่เธอ... จะอยู่เป็นเพื่อนเราใช่ไหม ?”
ไผ่หวานพยายามดึงมือออก แต่ไซเรนยื้อมือไว้ ทั้งสองยื้อมือกันไปมาครู่หนึ่ง
ก่อนไซเรนจะกระชากไผ่หวานไปกอดแน่น
ไผ่หวานตกใจดิ้นขลุกขลักพักหนึ่งก่อนจะรู้สึกได้ว่าไซเรนกำลังสะอื้นแล้วซบหน้าที่บ่าของเธอ
“เราไม่มีใครแล้ว พ่อแม่น้องก็ไม่อยู่ เราไม่เหลือใครแล้ว”
ไผ่หวานรู้สึกเห็นใจไซเรนจึงยอมให้ไซเรนกอดนิ่งๆแทนการปลอบใจ
ทั้งคู่กอดกัน
หัวมุมด้านบนของแฟ้มเอกสาร เห็นชื่อ นามสกุลของเรย์บนใบสมัครตำรวจและเอกสารอื่นๆ
เอกสารถัดไปเป็นเอกสารการเปลี่ยนชื่อของเรย์
แผ่นถัดไป เป็นเอกสารสำเนาทะเบียนบ้านของเรย์ที่บอกว่าเป็นคนกาญจนบุรี
“ขอข้อมูลวันเดือนปีเกิดภูมิลำเนาของร้อยเอกหญิงรังสิยา ประทุม”
ฝ่ายทะเบียนบอก "ไม่มีบุคคลชื่อนั้นในทะเบียนประวัติของเรานะคะ"
ทองดีวางเอกสารทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรย์เรียงรายอยู่บนโต๊ะ
“ภูมิลำเนาบอกว่าเป็นคนกาญจนบุรี แต่ที่เช็คไม่เคยพบหลักฐานการทำบัตรประชาชนหรือบัตรทองสำหรับเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของคนชื่อนี้ที่จังหวัดกาญจนบุรีเลย”
ทองดีหยิบรูปถ่ายที่ดูเหมือนจะเป็นรูปถ่ายวัยเด็กของเรย์ออกมาดู
เห็นเครื่องแบบเอกชนโรงเรียนราคาแพงซึ่งน่าจะอยู่ในกรุงเทพฯ
ทองดีสีหน้าเครียดขึ้นเรื่อยๆทองดีเคาะไปที่รูปแบบเผลอๆ
ทองดีพูดสไตล์กวนตีน
“ยังไงกับครับนี่!?”
“พี่ทองคะ”
จ่าทองดีสะดุ้งนิดหนึ่ง แล้วรีบเก็บเอกสารทั้งหมดเข้าแฟ้ม
เรย์ถาม
“พี่เอกตามไปประชุมค่ะ แล้วทำไมหัวหน้าถึงไม่มาทำงาน พี่ทองรู้ไหมคะ”
เรย์มองแฟ้มของทองดีอย่างรู้สึกมีพิรุธ
“หัวหน้าไปจัดการเรื่องเงินชดเชยญาติของเจ้าหน้าที่ๆเสียชีวิตอยู่น่ะ แต่หัวหน้ากำชับให้ทุกคนอยู่เฉยๆก่อน”
จ่าทองดีเดินออกไปพร้อมแฟ้มที่มีประวัติเรย์ เรย์มองตามอย่างสงสัย
รองฯ เผด็จเดินถือซองเอกสารเข้ามาในที่ทำงานของภัทรา
ภัทรากำลังคุยกับหญิงชาวบ้านอยู่ด้วยสีหน้าเครียดๆ
“ในข้อกำหนดของทางราชการคือ จะได้เงินไม่เกิน12,000 ต่อเดือน”
“ชดเชยเดือนละ12,000 จะไปพออะไร ลูกตั้งสามคนจะเลี้ยงดูเค้ายังไง?”
“ดิฉันเข้าใจนะคะ แต่ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฏระเบียบ”
“อ้างง่ายๆนี่ไม่เห็นแก้ปัญหาอะไร อย่างนี้มาทำสังคมสังเคราะห์ทำไม? กินภาษีประชาชนเปล่าๆ สามีชั้นตายในหน้าที่นะคุณ !!”
“ดิฉันเข้าใจความรู้สึกคุณนะค่ะเพราะสามีดิชั้นก็ตายในหน้าที่เหมือนกัน”
เผด็จมองภัทราอย่างเห็นใจ
ภัทรานิ่งคิด
“ดิฉันจะหาทางช่องทางช่วยคุณอีกทางนึงนะคะ ใจเย็นๆ”
ภัทราเซ็นต์บางอย่างในเอกสารให้ผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นรับไปสีหน้าดีขึ้น
เผด็จมองอย่างแปลกใจ
ภัทราหันมาเห็นเผด็จพอดียิ้มเหนื่อยๆ เผด็จยิ้มตอบ
เผด็จกับภัทราเดินขนาบข้างไปด้วยกันตามทางเดิน
“เรื่องเงินชดเชยให้ครอบครัวจ่าสมหมายกับจ่าชัยเดี๋ยวจะรีบดำเนินการให้นะคะ”
“ครับ”
“ปัญหาคือจ่าสมหมายเนี่ยอายุงานยังไม่10 ปีอาจจะไม่ได้บำเหน็จ”
เผด็จสีหน้าเครียด “ครับผมเข้าใจครับ”
“แต่ดิฉันจะหาช่องทางให้ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ ทำตามระบบดีกว่า เดี๋ยวผมหาทางช่วยลูกน้องส่วนตัว”
“อย่าก้าวก่ายงานกันสิคะ เรื่องนี้ขอดิฉันจัดการเองดีกว่าค่ะ”
เผด็จมองภัทรายิ้มนิดๆ
“ผมเคยคุยกับพี่กวิน เค้าชอบบ่นอึดอัดเวลาต้องพูดว่า ...ต้องทำไปตามระบบ
ทั้งที่ก็รู้ว่าจริงๆระบบมันแก้ปัญหาไม่ได้”
“ก็เพราะเงินเดือนกับตำแหน่งเค้าเหมาให้เราต้องรับผิดชอบส่วนนี้ด้วยไงคะ”
เผด็จเริ่มยิ้มออกมา
“จ้างให้เรามาโดนด่าแทนระบบ แต่โดนด่ายังดีกว่าไม่มีใครพูดอะไรเลย แสดงว่ายังพอจะเปลี่ยนแปลงได้ คือถ้าไม่มีใครพูดอะไรเลย แสดงว่าทุกคนสิ้นหวังกันหมดแล้ว”
“ก็จริงนะครับ”
“โดนชาวบ้านด่าก็ยังดีกว่าโดนรองบรรจงด่านะคะ”
เผด็จหัวเราะออกมาจนได้ ภัทรายิ้มๆ
ทั้งสองมองหน้ากัน บรรยากาศดูอบอุ่นเป็นมิตร
ในห้องพัก ไซเรนสะดุ้งตื่น และพบว่าตัวเองอยู่ในห้องที่ปิดม่านและหน้าต่างจนเกือบมืดสนิท
ไซเรนก้มดูแผลและเห็นว่ามีการทำแผลไว้อย่างดี
ไซเรนมองไปทั่วห้องเห็นห้องสะอาดเรียบร้อย คราบเลือดและเศษแก้วแตกหายไปหมดแล้ว
ไผ่หวานเปิดประตูเข้ามา แสงสาดเข้าในห้อง
ไซเรนเห็นแสงแดดขาวจ้ากว่าปกติ
ไซเรนแสบตาแล้วรีบยกมือบังแสง
“แสบตาใช่ไหม? เดี๋ยวก็หาย”
ไซเรนพยายามนึกทบทวนความทรงจำเมื่อคืน
ไผ่หวานสูดยาแล้วปล่อยผ่านปากไซเรนอีกที
ไซเรนเริ่มมีอาการหวาดระแวง หูแว่วได้ยินเสียงคล้ายคนซุบซิบกันสลับกับได้ยินเสียงหวอรถตำรวจ
ไซเรนยกมือปิดหู
“ถ้าปวดหัวก็กินยาพารานะ มันจะนอยด์ๆเป็นธรรมดา”
ไผ่หวานวางยาลงข้างๆไซเรนพร้อมกับขวดน้ำ
ไซเรนปัดขวดน้ำและยาทิ้ง
“เธอยัดยาชั้นอีกแล้วใช่ไหม? บอกแล้วว่าอย่า!”
“หวานแค่พยายามจะช่วย”
“ช่วยเหรอ ! ทำไม?”
“ที่มาอะเพราะพี่แรมสั่ง ถ้าปล่อยให้ตายได้คงสะใจดี”
ไผ่หวานชักโมโหแล้วลุกหนีออกไปจากห้อง
ในสำนักงานปรามปรามยาเสพติด
เรย์เดินเข้ามาที่พาสเวิร์ดและเผด็จยืนอยู่ด้วยกัน
“นี่เค้ามาเองเหรอคะหัวหน้า”
เผด็จบอก
“คุณช่วยหาที่อยู่ให้เค้าสักพักจนกว่าจะเสร็จเรื่องได้ไหม”
พาสเวิร์ดถาม
“พี่ตี๋อยู่ไหนอ่ะคุณตำรวจ คิดถึง ผมจะไปหาพี่ตี๋เอง”
รองฯ เผด็จดึงเรย์ออกไปคุยห่างๆจากพาสเวิร์ด
“ช่วงนี้งานคุณคือให้เฝ้าเด็กคนนี้ไว้ก่อน อย่าให้ไปไหน ให้เค้าอยู่ที่เซฟเฮ้าส์ไปก่อน
ผมกลัวว่าถ้าเขาหาทางติดต่อพี่เค้าได้แล้ว ตี๋ใหญ่จะเสียสมาธิ”
“ค่ะเข้าใจค่ะหัวหน้า” เรย์รับคำแต่สีหน้าเหมือนไม่เห็นด้วย
“ฝากด้วยส่วนเรื่องภารกิจผมกับทองดีจะจัดการเอง ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งติดต่อตี๋ใหญ่”
“ทำไมคะ?”
“เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งติดต่อ... ปฏิบัติตามคำสั่ง”
เรย์ลำบากใจ “ค่ะ... หัวหน้า”
เรย์เดินออกไปหาพาสเวิร์ด
“พาสเวิร์ดที่พี่ชายเราเค้าไม่ติดต่อมา แสดงว่าเค้าคงไปทำธุระบางอย่างอยู่ เดี๋ยวเค้าเสร็จธุระเค้าคงติดต่อกลับมาเอง ไม่ต้องห่วง ช่วงนี้ไปอยู่กับพี่ก่อน”
“หิวหิว” พาสเวิร์ดบอก
เผด็จมองเรย์คุยกับพาสเวิร์ด
ที่แท้ รองฯเผด็จต้องการแยกเรย์ออกจากภารกิจชั่วขณะหนึ่ง เพราะไม่ไว้ใจเรย์ จึงให้เรย์เฝ้าพาสเวิร์ดไว้
ณ สถานอาบอบนวด heart attack
เด็กผู้หญิงอายุประมาณ 13 ถูกพาเข้ามาใน heart attack พวกเธอมองไปทั่วๆแบบตื่นๆท่าทางดูก็รู้ว่าเป็นเด็กใหม่
เด็กหญิงเดินผ่านแล้วสบตากับตี๋ใหญ่ ตี๋ใหญ่รีบก้มหน้าหลบตาแล้วตั้งใจทำงานต่อ
ตี๋ใหญ่กำลังใช้มีดบดยาแล้วยัดยาเข้าไปในซองเล็กๆเพื่อเตรียมให้ผู้หญิงแต่ละคน
มาม่าซังเดินมากอบถุงยาเล็กๆที่มัดยางแล้วนำไปแจกให้หญิงแถวนั้น และแจกให้เด็กสาววัย 13 ท่าทางไม่ประสีประสาที่เป็นเด็กใหม่ด้วย
“อะไรอะคะแม่”
มาม่าซังบอก
“เทคนิคไงลูกจ๋าทำให้รับงานได้ทั้งคืนไงอะเอาไปคนละอัน”
เด็กสาวคนอื่นๆแบมือ มาม่าซังหย่อนถุงยาเล็กๆลงในมือเด็กสาวทีละคนๆ
เด็กสาวคนที่โตสุดทำหน้าที่จัดการยาให้เพื่อน
เด็กสาวล้อมวงกันหลังม่าน ควันล่องลอย ... เด็กสาววัย 13 ถูกมาม่าซังให้เสพยาเป็นครั้งแรก
ผงะออกมา...มีอาการมึนๆ
หน้าตี๋ใหญ่เศร้าๆ มองมือซึ่งเปื้อนผงยาเต็มไปหมด
ภายใน Last day เวลากลางคืน
ไผ่หวานเดิน entertain ลูกค้าตามโต๊ะ ทักทายอย่างเป็นกันเอง เดินไปกอดคอลูกค้า
“โหเฮียวันนี้ใส่เนคไทค์ใหม่ด้วยสวยเชียว”
ลูกค้าทักทายด้วยการบีบก้นไผ่หวานกลับไผ่หวานรู้สึกไม่ชอบ แต่ก็ยังยิ้ม
ไซเรนเดินเข้ามาในบาร์และเห็นพอดี
ไผ่หวานหันไปเห็นไซเรน ท่าทางงอนรีบเดินหนีไปหลังร้าน
ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
กระดาษที่ปริ้นท์ออกมาต่อหน้าเผด็จ เขาหยิบ คิดๆยกโทรศัพท์ขึ้น
บนจอคอมพิวเตอร์ตำรวจใช้โปรแกรมเพื่อหารูปพรรณสัณฐานคนร้าย
ที่เครื่องปรินท์ เป็นภาพวงจรปิด เห็นไซเรนกับมุ้ยยืนหน้าร้านสะดวกซื้อ
ทางด้านไผ่หวานยืนสูบบุหรี่อยู่ด้านหลังร้าน เห็นไซเรนเดินมาใกล้ๆก็ทำเป็นไม่สนใจ
“มีปัญหาอะไรอยากให้ยัดยาอีกรึเปล่า” ไผ่หวานถาม
“เมื่อวานขอโทษที่พูดไม่ดีทั้งที่เธออุตส่าห์มาช่วย”
“ก็บอกแล้วไงว่าทำไปตามพี่แรมสั่ง”
“พี่แรมสั่งให้เธอจูบชั้นด้วยหรอ”
ไผ่หวานอึ้งไปแต่ทำเป็นพ่นควันต่อไม่สนใจที่ไซเรนพูด ไซเรนยิ้มนิดๆแล้วเดินเข้าร้าน
ตี๋ใหญ่เดินเข้ามานั่งใน Last day เดินเข้ามาพร้อมพวกลูกค้าคนอื่น
ตี๋ใหญ่ไปนั่งอยู่ในที่นั่งมุมอับๆแล้วสังเกตการณ์ภายในร้าน
ตี๋ใหญ่มองหาไอ้หัวทองในร้านของแรม
ตี๋ใหญ่มองลูกน้องของแรม
มุ้ยหันมาสบตาตี๋ใหญ่มองอย่างสงสัย
ตี๋ใหญ่หลบตามุ้ยและนั่งดื่มเหล้าไปเรื่อย
ไซเรนเดินเข้ามาในร้าน ในร้านมืดๆ ไม่เห็นหน้าชัดแต่สีหัวของไซเรนโดดเด่นออกมา
ตี๋ใหญ่ยังไม่กระโตกกระตากค่อยๆจิบเหล้าแล้วทำเป็นลุกไป
ไซเรนเดินเข้ามาในห้องน้ำ ตี๋ใหญ่ที่ฉี่อยู่ พยายามลอบมองแต่ไม่เห็นหน้า
ไซเรนออกไป
ตี๋ใหญ่จะตามกลายเป็นว่าไซเรนรู้ตัวพุ่งใส่ ทั้งคู่งัดกัน หมุนเข้าไปในห้องส้วม
เสียงกริ้กของปืนทั้งคู่ดังขึ้น จึงหยุด
ไซเรนถูกตี๋ใหญ่ล็อกและจ่อปืนจากด้านหลัง ตี๋ใหญ่ก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองถูกจ่อปืนที่ท้ายทอยเช่นกัน
ไซเรนค่อยๆหันหน้าไปมองตี๋ใหญ่
ตี๋ใหญ่ตะลึงเมื่อเห็นว่าไอ้หัวทองคือไซเรนจริงๆ
ตี๋ใหญ่เอาปืนจ่อหัวไซเรนไว้ ทั้งสองจ้องหน้า ตะลึงไปทั้งคู่
ในอดีต ... ทั้งคู่ตอนเจอกัน ไซเรนวิ่งไล่ตามตี๋ใหญ่ตะโกน “มึงฆ่าพ่อกู”
ตี๋ใหญ่ช่วยไซเรนไว้แล้วบอกว่า “ผมไม่ได้ฆ่าพ่อคุณ”
ตี๋ใหญ่ถูกยิงแล้วหายตัวไปในน้ำ !
ที่โรงพยาบาล ... ตี๋ใหญ่ช่วยเอายาหอบพ่นให้ไซเรนแล้วบอกว่า
"มึงไม่อยากแก้แค้นแทนพ่อมึงหรอ"
ตี๋ใหญ่คุยโทรศัพท์กับไซเรน ตี๋ใหญ่อยู่บนดาดฟ้า ไซเรนอยู่ในโรงเรียนนายร้อย ตี๋ใหญ่พูดว่า
“บางอย่างมันก็ไม่ได้ชัดอย่างที่คุณเห็นและมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”
ไซเรนบอกว่าตี๋ใหญ่ที่ช่วยเขาไว้และเป็นเหยื่อเหมือนๆกัน
ไซเรนเห็นตี๋ใหญ่ถูกอัศวินยิงตกลงไปในน้ำ
“ผมนึกว่าคุณตายไปแล้ว”
“ทำไมมาอยู่นี่!!”
ไซเรนจ้องตี๋ใหญ่อย่างเริ่มมีความหวัง
“คือ... คุณฟังผมก่อนนะผมไม่ใช่พวกมัน....”
ไซเรนอึ้งค้างไปไม่พูดต่อให้จบเพราะเห็นพวกมุ้ยเดินมาด้านหลังตี๋ใหญ่
“ไม่ใช่ยังไงแล้วมาทำอะไรที่นี่ ?”
ไซเรนนมองหน้าตี๋ใหญ่แล้วพูดใหม่
ไซเรนกระซิบ เพราะพูดตรงๆไม่ได้แล้วเพราะมุ้ยอยู่ข้างหลัง
“จำได้มั้ย ...ที่คุณเคยพูดกับผมน่ะ”
ไซเรนเลื่อนมือช้าๆไปกดปืนตี๋ใหญ่ลง
“บางอย่าง ...มันก็ไม่ได้ชัดอย่างที่เห็นไม่ได้เป็นอย่างที่คิด”
ไซเรนพูดจบ ตี๋ใหญ่ก็ถูกถีบกระเด็นไปชนถังขยะล้ม
มุ้ยเตะปืนหลุดจากมือตี๋ใหญ่แล้วพรรคพวกของแรมทั้งหมดก็เดินเข้ามาล้อมตี๋ใหญ่ไว้
“ใจเย็นก่อนพี่เพื่อนผมเองแค่เล่นกัน”
มุ้ยไม่สนใจที่ไซเรนพูด พยักหน้าให้ลูกน้องคนอื่นๆช่วยกันค้นตัวตี๋ใหญ่กระชากเสื้อ
บริเวณคอเสื้อยืดออกและเจอรอยสักของแก๊งเอ็ดดี้บนไหปลาร้า
มุ้ยหันไปมองหน้าไซเรนเหมือนจะถาม
“เพื่อนเก่าหน่ะไม่ได้ติดต่อกันนานแล้ว”
“ได้ข่าวว่ามันถูกยิงผมเลยมาดูให้แน่ใจว่ามันตายจริงหรือเปล่า พอผมเห็นมันไม่ตายก็เลยกะลองยิงเผื่อมันจะได้ตายจริงๆ”
“เออเพื่อนกูเหี้ยแบบนี้แหละ ที่เราสนิทกันได้เพราะว่า...มันฆ่าพ่อกูตาย”
ทุกคนรู้ว่าไซเรนพูดเล่นจึงหัวเราะกันหมดยกเว้นมุ้ย
เสียงฝีเท้ามา ทุกคนหยุดหัวเราะ แรมหยิบปืนตี๋ใหญ่ซึ่งหล่นอยู่ที่พื้น
แรมโผล่มายืนด้านหลัง ลูกน้องทุกคนทุกคนอึ้งหยุดหัวเราะ แรมเดินเข้าไปหาตี๋ใหญ่
แรมเก็บปืนของตี๋ใหญ่ที่มุ้ยเพิ่งเตะทิ้งมาด้วย
ตี๋ใหญ่/ไซเรนจ้องแรมด้วยสีหน้าลุ้นๆว่าจะทำอะไร
แรมยื่นปืนมาใกล้ตี๋ใหญ่แล้วก็ตวัดปืนให้หันทางด้ามจับไปหาตี๋ใหญ่แทน
ตี๋ใหญ่คว้าปืนกลับไปอย่างระแวดระวังแล้วเก็บปืนลงซอง
“พวกนายสองคนฮาดี เราชอบ”
แรมท่าทางครึกครื้นจับมือตี๋ใหญ่มาเช็คแฮนด์กับมือตัวเอง
“last day ยินดีต้อนรับทุกคนอยู่แล้ว กินเหล้าตามสบายนะ เบื่องานแมงดาเมื่อไหร่มาอยู่กับเราได้ เราชอบคนเหี้ยๆ”
แรมปล่อยมือตี๋ใหญ่แล้วเดินกลับเข้าบาร์ ลูกน้องคนอื่นๆตามไปเกือบหมด
ไซเรนหันมามองตี๋ใหญ่นิดหนึ่งแล้วเดินตามพวกแรมไปอีกคน
ตี๋ใหญ่มองตามอย่างรู้สึกคาใจ พลันนั้นก็มีเสียงเตือนมือถือเข้า
ตี๋ใหญ่กดอ่านเห็นเป็นข้อความจากเรย์ “มีเรื่องสำคัญจะคุย”
เรย์นั่งอยู่ในร้านกาแฟ ตี๋ใหญ่เดินเข้ามาในร้าน ทั้งสองไม่สบตากัน
ตี๋ใหญ่เดินเลยเรย์ไปนั่งโต๊ะตัวถัดไปหันหลังชนกับผนังของเรย์
“ผมบอกคุณแล้วไงว่าอย่ามาอีก!!”
“แค่จะมาบอกเรื่องพาสเวิร์ด”
ตี๋ใหญ่เกือบหลุดอาการหันไปจ้องเรย์ทันที
“พาสเวิร์ดทำไม!”
“พาสเวิร์ดมาตามหาคุณที่ปส. เค้าบอกคุณหายไปนานติดต่อไม่ได้เลยเป็นห่วง เค้ามาขอที่อยู่คุณกับหัวหน้าค่ะ แต่เรายื้อๆเขาไว้ตอนนี้อยู่ที่บ้านชั้น”
ตี๋ใหญ่เริ่มเห็นสายตาคนอื่นมองมาที่โต๊ะเขา ตี๋ใหญ่รีบทำเป็นสงบ
“คุณต้องดูพาสเวิร์ดดีๆนะ เค้าชอบขัดคำสั่งทำอะไรไม่ค่อยคิด ฝากคุณดูแลก่อนละกันแล้วผมจะหาทางติดต่อเค้าอีกที”
“โอเค... คุณไม่ต้องห่วง”
จ่าทองดีแอบมองทั้งสองคนคุยกันจากภายนอกร้าน
พาสเวิร์ดที่อยู่ในคอนโดเรย์ มีคนส่งเอกสารสีน้ำตาลมาให้ที่คอนโด
พาสเวิร์ดเดินออกไปรับเอกสารแทน
พาสเวิร์ดเห็นเอกสารนั้นเขียนชื่อเขา พาสเวิร์ดรีบแกะดูทันที
ในซองเอกสารมีรูปตี๋ใหญ่ที่เป็นภาพแอบถ่ายตอนทำงานอยู่ใน heart attack
พาสเวิร์ดพลิกดูด้านหลังเห็นที่อยู่ของ heart attack
พาสเวิร์ดรีบออกไปทันที
อีกฟากของถนนเห็นตี๋ใหญ่คุมเด็กสาวออกมาจาก heart attack
ตี๋ใหญ่เปิดประตูให้เด็กสาวทั้งหมดขึ้นรถตู้ไป
รถแท็กซี่ของพาสเวิร์ดแล่นมาจอด สวนกับตี๋ใหญ่ที่เพิ่งออกไปพอดี
รถแท็กซี่จอดพาสเวิร์ดรีบเปิดประตูออกมา
พาสเวิร์ดเห็นรถของตี๋ใหญ่แล่นไปไกลแล้ว
ตี๋ใหญ่คุมเด็กสาวมาส่งถึงที่สโมสรกาสิโน โดยเดินขึ้นมาทางประตูหลังที่เชื่อมกับลานจอดรถ
ลูกน้องปารเมศมองเด็กสาวแล้วกันเด็กสาวเข้าไป ที่บริเวณหนึ่งตรงมุมห้องซึ่งใกล้กับประตูหลัง
เด็กสาวเริ่มถอดเสื้อผ้าก่อนที่จะมีคนเลื่อนฉากกั้นห้องมาบังไว้
ตี๋ใหญ่ยืนรออยู่หน้าห้อง ทันใดนั้นก็มีเสียงกรี๊ดดังขึ้น
ตี๋ใหญ่ดันม่านออกและเห็นพาสเวิร์ดเพิ่งเดินเข้ามาใน casino
ตี๋ใหญ่ตะลึง
“พี่ตี๋ พี่ตี๋ คุณตำรวจไม่ยอมบอกว่าพี่อยู่ไหน”
ลูกน้องปารเมศเดินเข้ามาหาพาสเวิร์ด ตี๋ใหญ่รีบตัดบท
“ผมไม่รู้จักคนบ้าที่ไหนก็ไม่รู้”
“เราไม่อนุญาตให้เอาคนอื่นเข้ามาในนี้”
“พี่ตี๋ทำไมพูดแบบนี้อะ” พาสเวิร์ดถาม
ตี๋ใหญ่หันไปตวาดพาสเวิร์ด
“กูไม่รู้จักมึง มึงเป็นใคร!! ไป! ออกไปเลย !”
ตี๋ใหญ่ลากคอพาสเวิร์ดไปทางประตูหลัง แต่ลูกน้องของปารเมศรีบวิ่งไปกระชากพาสเวิร์ดกลับมา
“เมื่อกี๊ได้ยินมันพูดถึงตำรวจ
“มันก็แค่คนบ้ามันจะพูดอะไรก็ได้”
“ผมไม่ได้บ้านะพี่ตี๋ พี่ตี๋เป็นไรเนี่ย พี่ตี๋ต่างหากเป็นบ้าไปแล้วรู้ตัวเปล่า”
ลูกน้องปารเมศกรูเข้าล็อคคอทั้งตี๋ใหญ่และพาสเวิร์ดแล้วลากเข้าไปในบริเวณบ่อน
ลูกน้องของปารเมศลากตี๋ใหญ่และพาสเวิร์ดเข้ามาในห้องทำงานของปารเมศ
พาสเวิร์ดหันไปเห็นหน้าจอของปารเมศที่เปิดค้างอยู่เพียงแวบเดียว
หน้าจอ...ไฟล์บัญชีโปรแกรม excel เห็นตัวเลขเป็นพรืด
ปารเมศเงยหน้าขึ้นมองพาสเวิร์ดกับตี๋ใหญ่พร้อมกับคว่ำหน้าจอโน้ตบุ๊คลง
"คุณปารเมศครับไอ้นี่ มันพาคนนอกเข้ามาใน casino เรา”
“มีอะไรกัน ไม่เห็นเหรอว่าทำงานอยู่ เรื่องแค่นี้เคลียร์กันเองไม่ได้รึไง?”
“ไอ้เด็กนี่ มันพูดถึงตำรวจ”
ปารเมศชะงักนิดหนึ่งสีหน้าเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมขณะจ้องพาสเวิร์ด
“มันก็เป็นแค่คนบ้า คนบ้าที่ไหนไม่รู้ สนใจมันทำไมกัน”
ปารเมศลุกจากที่นั่งแล้วเดินตรงมาหาพาสเวิร์ด
ปารเมศชี้ตี๋ใหญ่
“ว่าไง... รู้จักคนนั้นหรือเปล่า”
พาสเวิร์ดมองปารเมศอย่างรู้สึกกลัว พาสเวิร์ดหันไปมองหน้าตี๋ใหญ่อีกครั้ง
ตี๋ใหญ่จ้องพาสเวิร์ดเขม็งเหมือนจะส่งสัญญาณบอกไม่ให้พูด
พาสเวิร์ดสีหน้าสับสน ตัดสินใจไม่ถูกว่า จะพูดหรือไม่พูดดี
ทันใดนั้น! ลูกน้องปารเมศพุ่งมาจับพาสเวิร์ดบิดแขนจนพาสเวิร์ดร้องลั่น
ตี๋ใหญ่แทบสะกดอารมณ์ไว้ไม่ไหว แต่ก็ต้องฝืนทำนิ่งแล้วพูดอย่างใจเย็น
“ทำมันทำไมพี่ ก็แค่เด็กปัญญาอ่อนที่ไหนก็ไม่รู้ ปล่อยมันไปเหอะ”
ลูกน้องปารเมศบิดแขนพาสเวิร์ดหนักขึ้น พาสเวิร์ดเจ็บจบน้ำตาทะลัก
ตี๋ใหญ่กัดฟันทำเป็นไม่สนใจแล้วมองไปทางอื่น
พาสเวิร์ดหันไปมองตี๋ใหญ่พร้อมน้ำตา สีหน้าแค้นๆ
“ผมไม่ได้ปัญญาอ่อน ปล่อยผมดิ..แล้วผมจะแสดงให้ดูว่าผมไม่ได้ปัญญาอ่อน”
ปารเมศมองพาสเวิร์ดอย่างสนใจแล้วส่งซิกให้ลูกน้องปล่อยพาสเวิร์ด
พาสเวิร์ดลุกขึ้นแล้วพูดออกมา...
“H32 256895 k45 258941 I51 254789”
พาสเวิร์ดพูดตัวเลขไปเรื่อยๆทุกคนมองงงๆว่าพาสเวิร์ดกำลังทำอะไร
อ่านต่อตอนที่ 4