ใจลวง ตอนที่ 22
วันใหม่ มนัสเปิดประตูเข้ามาในห้องนิมมานอย่างร้อนใจ
ในมือมีแฟ้มเอกสารการจัดซื้อ เขาตรงดิ่งมาหานิมมานขณะโพล่งถาม
“นี่มันอะไรกันพี่นิมมาน”
“อะไรของแก”
“ก็รายการสั่งซื้อของพวกนี้ มันไม่ตรงตามสเป็กที่เราระบุไปในสัญญาการก่อสร้างโครงการเมืองใหม่นี่พี่”
“ฉันรู้แล้ว แล้วฉันก็เป็นคนเซ็นอนุมัติการสั่งสินค้าพวกนี้เอง”
“แต่ของที่เรากำลังจะสั่งมันเป็นของราคาถูก คุณภาพด้อยก็กว่าที่เราเสนอไป แบบนี้มันเท่ากับเราผิดสัญญาชัดๆ”
นิมมานทำสีหน้าเซ็งๆ ผลักเอกสารตรงหน้าแล้วลุกจากเก้าอี้มาประชันหน้าน้องชายตัวเองที่ไม่รู้อะไรเสียเลย
“พี่ทำอย่างนี้ทำไม”
“เพราะราคาที่บริษัทเราเสนอทำโปรเจกต์นี้มันถูกจนเราแทบไม่เหลือกำไรเลย”
“ผมไม่เชื่อว่าเราไม่เหลือกำไร ราคาที่เรายื่นเสนอไป มันไม่ได้ต่ำขนาดนั้น”
“ต้องให้ฉันสอนแกอีกกี่ครั้งแกถึงจะจำใส่สมองเฮอะมนัส” นิมมานจ้องน้องชาย “หัวใจของการทำธุรกิจก็คือทำกำไรให้ได้มากที่สุด”
“ด้วยการโกงสเป็กวัสดุก่อสร้าง”
“อย่าใช้คำพูดอะไรที่มันเป็นการให้ร้ายตัวเอง แล้วก็อย่าให้คนอื่นรู้เรื่องนี้”
“ทำแบบนี้ อีกหน่อยมันจะเป็นปัญหานะพี่”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันคุมเกมส์ไว้หมดแล้ว เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโครงการก็เป็นพวกเดียวกับเราทั้งนั้น”
“นี่พี่”
“เลิกพูด เลิกปอดแหกได้แล้วมนัส แกไปจัดการเรื่องสั่งซื้อพวกนี้ให้เรียบร้อยเถอะ อ้อ มีอีกเรื่องนึง อีกสองสามวันจะมีงานสัมนาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ แกไปเป็นตัวแทนบริษัทด้วย”
มนัสพยักหน้ารับแกนๆ ก่อนจะออกไป
สนามหญ้าริมน้ำ บ้านบริรักษ์
ตะวันกำลังปิดตานับเลข
“เจ็ด แปด เก้า สิบ”
ตะวันลืมตาขึ้นมองหาคนไปรอบๆ แต่ไม่เห็นใคร เธอเดินหาไปรอบๆ
ที่มุมหนึ่งหลังหิน ดาวิกาแอบซ่อนอยู่ อมยิ้มมีความสุข พอตะวันเข้ามาใกล้ขึ้น เธอก็กลัวว่าตะวันจะหาเธอไม่เจอ จึงแกล้งยื่นเท้าออกไปจากมุมก้อนหินให้ตะวันเห็น
ตะวันมองเห็นเท้าของดาวิกา แล้วรีบวิ่งเข้าไปทันที
“โป้ง อาดา”
“ว้า โดนจับจนได้”
“ก็อาดาหลบไม่ดีนี่คะ”
“งั้นคราวหลังอาจะหลบให้ดีกว่านี้นะ”
“ว่าแต่พี่จ๊ะเอ๋ไปหลบที่ไหนนะ”
“มา เดี๋ยวอาช่วยหาอีกแรง”
ดาวิกายื่นมือไปจับมือตะวัน ตะวันยอมให้จับแต่โดยดี ทั้งคู่เดินไปด้วยกัน ดาวิกามองมือน้อยๆที่จับเธออยู่อย่างสุขใจ
เทวากับรวิปรียาเดินมาด้วยกันที่บริเวณนั้นพอดี
พอตะวันเห็นพ่อกับแม่ก็ดีใจ ปล่อยมือดาวิกาวิ่งไปกอดรวิปรียา ดาวิกามองมือที่ถูกตะวันปล่อยอย่างอาลัย แล้วมองรวิปรียาที่กอดตะวันอยู่อย่างไม่พอใจ
“คุณแม่ คุณแม่กลับมาบ้านแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ” รวิปรียาเงยหน้ามองดาวิกา ยิ้มให้ “สวัสดีค่ะคุณดา”
ดาวิกายิ้มให้แกนๆ
“กลับมาเล่นๆ หรือกลับมาจริงๆอ่ะคะ” ตะวันถาม
“กลับมาจริงๆสิคะ”
“เย้ๆ” ตะวันยิ่งดีใจกอดแน่นขึ้น รวิปรียาหอมแก้มซ้ายขวาอย่างคิดถึง
เทวาย่อตัวนั่งลงไปสะกิดตะวัน
“นี่ๆ พอแม่กลับมาก็เลยลืมคนอื่นเลยนะเรา”
ดาวิการู้สึกไปด้วยกับคำพูดของเทวา
“ลืมแม้กระทั่งพ่อด้วย”
ตะวันนึกได้จะเข้าไปกอดเทวา แต่กอดไปโดนต้นแขนที่บาดเจ็บอยู่ จนเทวาหน้านิ่ว
“โอ๊ย”
“คุณพ่อเจ็บเหรอคะ”
ดาวิการีบเข้ามาดูเทวา
“พี่เทวาเป็นอะไรคะ”
“เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
ต่อมา เมื่อรู้เรื่องทั้งหมด ดาวิกาเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ
“นี่หมายความว่าพี่เทวาเจ็บตัวเพราะรวิ”
ดาวิกาคุยกับเทวาอยู่ที่มุมหนึ่ง
“จะไปโทษรวิแบบนั้นก็ไม่ถูก มันเป็นเรื่องสุดวิสัยน่ะดา ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหรอก”
“แต่ผู้หญิงคนนั้นมันเป็นตัวกาลกิณี เป็นตัวซวย ทำให้ชีวิตของผู้ชายที่ใกล้ตัวเขาต้องพังพินาศ”
เทวาพยายามปราม “ดา”
“ดาไม่อยากให้ตะวันอยู่ใกล้เขา”
“พี่บังคับตะวันไม่ได้ ตะวันรักรวิเหมือนแม่แท้ๆ”
“แต่แม่แท้ๆของตะวันคือดา”
“แต่ดาไม่ได้อยู่กับตะวัน ตะวันเขาไม่ได้ผูกพันกับดา แล้วก็ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นแม่ ทุกวันนี้ตะวันก็มีความสุขดี เราจะเอาเหตุผลนี้ไปบังคับไม่ให้ตะวันอยู่ใกล้รวิไม่ได้”
คำพูดของเทวา ทำให้ดาวิกายิ่งเจ็บ
“แล้วที่ตะวันไม่รู้ว่าดาเป็นอะไร ที่ตะวันไม่รักไม่รู้สึกผูกพันกับดา มันเป็นความผิดของใครล่ะคะ ของรวิปรียาไม่ใช่เหรอ”
“พูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว พี่ว่าเราอาจต้องมาทำความเข้าใจกันใหม่ พี่อยากให้ดาใช้สตินึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น มันอาจไม่ใช่ความผิดของรวิก็ได้ การที่ผู้ชายคนนึงจะฆ่าตัวตายเพราะความรัก บางทีมันก็ไม่ใช่ความผิดของผู้หญิง แต่มันเป็นปัญหาของผู้ชายเอง”
“พูดแบบนี้ พี่เทวาจะทรยศดาใช่ไหมคะ พี่เทวาจะบอกว่าเป็นเพราะพศินอ่อนแอเอง พี่เทวาเองก็อ่อนแอไม่ต่างกันหรอกค่ะ”
“พี่อยากให้ดาลืมเรื่องเก่าๆไปซะ แล้วมาเริ่มต้นกันใหม่ อยากให้ดาลองจับเข่าคุยกับรวิดูสักครั้ง แล้วพี่จะบอกความจริงกับทุกคนรวมทั้งตะวัน ว่าดาเป็นแม่ของเขา ตะวันเขาจะได้มองดาใหม่ พี่เชื่อว่าทุกคนต้องยอมรับได้”
ดาวิกาเงียบไปพักนึง แล้วตอบด้วยเสียงเย็นชา
“ได้ค่ะ เราจะเริ่มต้นกันใหม่”
“ จริงนะดา”
“หลังจากที่พี่เทวาทิ้งผู้หญิงนั้น หรือไม่.. ก็หลังจากที่ดาตายไปแล้ว”
ดาวิกาเดินหนีไป เทวายังหนักใจที่ไม่มีอะไรทำให้ดาวิกาใจอ่อนได้เลย
รวิปรียานั่งคุยกับดารินอยู่มุมหนึ่ง ท่าทางดารินลิงโลดใจเมื่อได้รู้ข่าว
“นี่หมายความว่าพี่รวิไม่โกรธพี่เทวาแล้วใช่ไหมคะ”
“ไม่โกรธแล้วค่ะ”
“งั้นก็ค่อยโล่งอกไปหน่อย เฮ้อ... จบเรื่องกันซะที”
“ว่าแต่เรื่องคุณรินกับมนัสล่ะคะ”
ดารินชะงักเมื่อถูกถามถึงมนัส รวิปรียาพยายามช่วยไกล่เกลี่ย
“ท่าทางมนัสเขาแคร์คุณรินมาก พี่อยากให้คุณรินกับมนัสเข้าใจกัน พี่รู้จักมนัสมานานตั้งแต่ตอนที่คบกับนิมมาน มนัสเขาไม่เคยสนใจเรื่องธุรกิจเลย ไม่เคยแม้แต่คิดจะไปทำงานที่นิรมิตด้วยซ้ำ”
“แต่ตอนนี้เขาก็ไปแล้วนี่คะ”
“เพราะมนัสเขาเป็นทายาทคนหนึ่งของนิรมิต มันเป็นการแสดงความรับผิดชอบของเขาที่มีต่อครอบครัว ถ้าเขาไม่ทำงาน ทุกคนก็ไม่มีทางมองว่าเขาเป็นผู้ใหญ่”
“เขาอยากเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ ตอนนี้เขาก็เลยต้องมาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับรินไปแล้ว”
“แล้วคุณรินไม่คิดหรือคะว่าที่เขาอยากเป็นคนมีความรับผิดชอบก็เพื่อคุณริน”
ดารินอึ้งไป เหมือนเริ่มจะหวั่นไหวใจอ่อน
“มนัสเขาไม่เคยคิดหลอกคุณรินหรอกค่ะ พี่รับรองได้”
ดารินนิ่งคิด
ห้องสัมมนา ในโรงแรมแห่งหนึ่ง มีป้าย “งานสัมมนาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์”
ผู้คนกำลังเดินทยอยเข้างานไป ดารินมาถึงประตูด้านหน้าของงาน กำลังจะเข้าไป แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อใครบางคนมาถึงหน้าประตูและจะเข้างานพร้อมกัน
ดารินหันไปมอง พบว่าเป็นมนัส
มนัสแปลกใจ ไม่คิดว่าจะเจอดารินที่นี่ “คุณก็มาเหมือนกันเหรอ”
ดารินไม่พูดด้วย เมินหน้าหนีแล้วเลี่ยงมนัสเข้างานไป มนัสยืนมองตามอย่างไม่สบายใจ ก่อนจะเข้าห้องไปอีกคน
เวลาผ่านไป หลังจากงานสัมมนา ดารินเดินออกมาจากห้องพร้อมผู้ชายผู้บริหารอีกคน คุยกันมาอย่างถูกคอ ทั้งคู่หยุดคุยกันที่มุมหนึ่งหน้าห้อง
มนัสเดินออกมาทีหลังหยุดมองอยู่สักพักแล้วตัดสินใจเข้าไปหา
“คุณริน”
ดารินปรายตามองแวบเดียว แล้วทำไม่สนใจ คุยกับชาย1ต่อ
“งั้นรินไปก่อนนะคะ มีอะไรเพิ่มเติมก็โทรหาเลขารินได้เลยค่ะ”
ดารินเดินเลี่ยงออกไปในทิศตรงข้ามกับมนัส มนัสเดินตาม
“เดี๋ยวก่อนคุณริน นี่เราจะคุยกันบ้างไม่ได้เลยเหรอ”
ดารินหันมามองมนัสแล้วหันกลับ เดินต่อไป แต่แล้วในสมองก็ได้ยินเสียงของรวิปรียาแว่วมา
“แล้วคุณรินไม่คิดหรือคะว่าที่เขาอยากเป็นคนมีความรับผิดชอบก็เพื่อคุณริน”
ดารินชะงัก
“ถ้าคุณไม่สบายใจที่ผมเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ อย่างน้อยเราก็น่าจะทักทายกันได้ในฐานะคนรู้จัก”
ดารินตัดสินใจ หันมาหามนัส
“ฉันหิวข้าวแล้ว คุณกินอะไรมาหรือยัง”
มนัสยิ้มออก รู้ว่านั่นคือการตอบรับของดาริน
กระทะปิ้งในร้านหมูกระทะกำลังขึ้นควันฉุย มีเนื้อหมูวางเรียงราย
มนัสกับดารินนั่งอยู่ที่ร้านหมูกระทะด้วยกัน มนัสมองหน้าดารินยังคงดีใจ
“ผมไม่รู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ แต่ผมดีใจนะที่คุณยอมมาที่นี่กับผมอีกครั้ง”
“ฉันมาคิดๆดูแล้ว บางทีการที่คุณเป็นลูกชายของบ้านนิรมิตมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร และการที่เราสองคนจะเป็นเพื่อนกัน มันก็ไม่เกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวเรา”
“ผมก็คิดแบบนี้เลย ดีใจที่คุณเข้าใจซะที แล้วคุณยังโกรธเรื่องที่บริษัทผมชนะการประมูลโครงการเมืองใหม่อยู่ไหม”
ดารินกำลังจะคีบหมูเข้าปาก ถึงกับชะงัก แต่ไม่ได้ตอบอะไร
“ยังโกรธอยู่แน่เลย”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”
“นิสัยอย่างคุณน่ะ เดาออกง่ายจะตาย รู้สึกอะไรก็แสดงออกมาทางหน้าหมด โกรธง่ายแต่หายเร็ว อย่างที่คุณหายโกรธผมนี่ไง”
“ฉันทำใจแล้ว เมื่อมันเป็นเรื่องของธุรกิจก็ต้องมีแพ้ มีชนะ ต่อให้มันเป็นชัยชนะที่ไม่สะอาดนัก แต่ที่สุดแล้วเราก็ต้องยอมรับผลของมัน”
“งั้นเราสองคนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”
“เหมือนเดิมยังไง เราเคยเป็นอะไรกันด้วยเหรอ”
มนัสหน้าเสียเล็กน้อย
“ไม่เคยก็ไม่เคย งั้นมาเริ่มต้นกันใหม่ เอาเป็นว่าเรามาเดินเรื่องต่อจากนัดที่เราค้างไว้คราวก่อนไหม”
“นัดอะไร”
“ก็เริ่มเดทกันไง”
“แน่ใจนะว่าคุณจะไม่เสียใจ ที่ทำแบบนี้”
“ไม่เสียใจ วันจันทร์ผมจะไปรับคุณที่ออฟฟิศ แล้วเราไปกินข้าว ดูหนัง อย่างที่คู่รักเขาทำกัน หรือว่าจะมากินร้านนี้อีกก็ได้ เพราะต่อไปนี้ผมจะถือว่า ร้านนี้เป็นที่พิเศษสำหรับเราสองคน”
“พูดเองเออเองตลอด แต่ฉันไม่ตกลง”
“อ้าว”
“เพราะฉันจะเป็นคนไปรับคุณที่ออฟฟิศเอง”
“ยินดีครับ คุณผู้หญิง”
“เอ้า นี่สุกแล้ว รีบกินเร็ว เดี๋ยวเย็นแล้วไม่อร่อยนะ”
มนัสคีบหมูใส่จานให้ดาริน ดารินเหลือบตามองมนัสโดยที่มนัสไม่รู้ตัวเพราะกำลังสาละวนกับการย่างหมูในกระทะ
เธอมีความลำบากใจบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ
วันใหม่ ตะวันอยู่ในชุดสวยเปรี้ยว ดูน่ารัก
แถมยังสะพายกระเป๋าถือใบเล็กส่วนตัว พร้อมจะไปเที่ยว จ๊ะเอ๋ช่วยแต่งตัวอยู่ ตบมือชมเปาะ
“คุณตะวันของจ๊ะเอ๋น่ารักที่สุดในโลกเลยค่ะ เดี๋ยวเอาแว่นดำติดไปด้วยสักอันดีกว่านะคะ”
จ๊ะเอ๋กำลังช่วยเลือกแว่นตาดำที่เหมาะกับชุดให้
ดาวิกาเข้ามาในห้อง เห็นภาพตะวันกำลังหมุนซ้ายหมุนขวาน่าเอ็นดู
“โอ้โห วันนี้ตะวันแต่งตัวสวยจังเลยลูก”
“วันนี้วันหยุดค่ะ ตะวันจะไปเที่ยว”
“อยากไปเที่ยวเหรอคะ งั้นอาจะพาตะวันไปเที่ยวสวนสนุกดีไหม เราไปด้วยกันนะ”
“ตะวันก็อยากไปกับอาดานะคะ แต่ว่า... ตะวันมีนัดแล้วค่ะ”
“นัด ? กับใครคะ”
ยังไม่ทันได้ตอบ รวิปรียาเข้ามาในห้องพอดี
“ไงลูก พร้อมหรือยัง คุณดาก็อยู่นี่หรือคะ”
“หูย... พร้อมตั้งแต่ไก่โห่แล้วล่ะค่ะ”
“จะไปไหนกันคะ”
“คุณเทวาเขาว่าจะพาตะวันไปเที่ยวฟาร์มน่ะค่ะ”
“คุณแม่ชวนอาดาไปด้วยสิคะ ไปกันเยอะๆ สนุกดี” ตะวันบอก
“ไปด้วยกันไหมคะคุณดา”
ดาวิกาสีหน้าเรียบเฉย แต่แอบไม่พอใจ ลึกๆแล้วมีความเป็นเจ้าของตะวัน
“ไม่ล่ะค่ะ ดาไม่ชอบไปที่กลางแจ้งแบบนั้น ตะวันเองก็ไม่ควรไปตากแดดแรงๆเหมือนกัน ถ้าเกิดไม่สบายขึ้นมาจะทำยังไง”
“แต่ตะวันอยากไป”
“แล้วตะวันไม่อยากไปสวนสนุกในห้างกับอาหรือคะ เดี๋ยวอาจะพาไปกินไอศครีม แล้วก็ซื้อตุ๊กตาเจ้าหญิงแบบที่ตะวันชอบให้ด้วยน้า”
ตะวันรีบวิ่งเข้ามาจับมือรวิปรียาแน่น เหมือนกลัวจะไม่ได้ไป
“ไม่เอาค่ะ ตะวันอยากไปเที่ยวกับคุณแม่”
รวิปรียายิ้มเจื่อนให้ดาวิกาแบบช่วยไม่ได้
ดาวิกาพยายามข่มอารมณ์ มือกำแน่นสั่นๆ
เทวา รวิปรียา พากันเที่ยวชมสวนจิมทอมป์สัน สวีทหวาน ไปหลายๆจุด
มุมหนึ่ง ตะวันเดินอยู่ตรงกลางจับมือพ่อกับแม่คนละข้าง
สักพักตะวันก็เอามือของเทวากับรวิปรียาให้มาจับกัน ตัวเองเดินไปจับมือรวิปรียาอีกข้างนึง เทวากับรวิปรียามองหน้ากันยิ้มๆ
มุมหนึ่ง ตะวันถือโทรศัพท์ตั้งท่าจะถ่ายรูปคู่ให้เทวากับรวิปรียา ทำมือกำกับภาพให้พ่อกับแม่เข้ามาใกล้ๆกัน แล้วกดถ่ายภาพ
แชะ! ภาพคู่ของเทวากับรวิปรียา
ตะวันกำกับอีกครั้ง ให้เทวาหอมแก้มรวิปรียา
แชะ! ภาพคู่เทวาหอมแก้มรวิปรียา
ตะวันวิ่งเอารูปมาอวดพ่อแม่ หัวเราะมีความสุข 3 คน พ่อแม่ลูก
ขณะเดียวกัน ดาวิกาอยู่ในห้อง กำลังนั่งนึกถึงรวิปรียาอย่างโกรธขึ้ง คับแค้นใจ
“รวิ..เธอไม่ใช่แค่ทำลายชีวิตคนรักของฉัน แต่กำลังจะแย่งทุกอย่างไปจากฉันด้วย”
เทวาและรวิปรียา ทั้งคู่กำลังมองตะวันที่กำลังเล่นสนุกกับการเลือกลูกฟักทองอยู่ รวิปรียายิ้มอย่างเอ็นดู
“ถ้าเรามีลูกของเราเองอีกสักคนนึง ตะวันก็น่าจะมีเพื่อนเล่นสนุกกว่านี้นะคะ”
เทวาตอบไม่เต็มเสียง “อืม”
“ไม่อยากมีหรือคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ผมว่า รอไปอีกหน่อยน่าจะดีกว่า”
“ยังไงก็ได้ค่ะ เราไม่จำเป็นต้องรีบเพราะยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกตั้งเยอะ”
เทวายิ้มรับ
“รวิ ผมมีเรื่องบางอย่าง...ต้องบอกคุณ”
“อะไรคะ”
“เรื่องที่ผมแต่งงานกับคุณ ตอนนั้นเป็นเพราะ”
“รวิเข้าใจค่ะ ตอนนั้นที่เราสองคนตัดสินใจแต่งงานกัน มันไม่ใช่เพราะความรักเป็นเหตุผลหลัก”
เทวาพยักหน้ารับ
“แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ตอนนี้มันก็ทำให้เราได้มาอยู่ที่นี่ด้วยกัน ณ.ที่ตรงนี้ เวลานี้ นี่เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากที่สุด สำหรับเราสองคน ค่ะ”
เทวามองรวิปรียาอย่างรักใคร่ ภูมิใจที่เขารักคนไม่ผิด
“ผมเคยบอกหรือยังว่าทำไมผมถึงรักคุณ”
รวิปรียาส่ายหน้า ยิ้มสวยให้
“เพราะคุณเป็นเหมือนแสงสว่างในชีวิตของผม ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมเห็นคุณในร้านดอกไม้ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้คุยกับคุณ แล้วก็เพราะรอยยิ้มแบบนี้ เป็นรอยยิ้มที่ผมอยากเป็นเจ้าของตลอดไป”
“ถ้าอยากเป็นเจ้าของรอยยิ้มฉัน งั้นคุณก็ต้องไม่ทำให้ฉันร้องไห้”
“ผมจะไม่ทำให้คุณร้องไห้อีก ผมสัญญา”
เสียงตะวันเรียกขึ้นขัดจังหวะพอดี
“คุณพ่อคุณแม่ขา ดูนี่สิคะ ฟักทองค่ะ”
รวิปรียากับเทวาเดินไปหาตะวัน ที่กำลังอุ้มฟักทองลูกย่อมๆลูกหนึ่งขึ้นมา เอาใส่มือเทวา
“คุณพ่อถือให้หน่อย ตะวันจะเอากลับบ้านค่ะ”
“ฟักทองเนี่ยนะ”
“ค่ะ แล้วก็นี่อีกลูกนึง”
ตะวันอุ้มฟักทองอีกลูกหนึ่งขึ้นมา ใส่มืออีกขางหนึ่งของเทวา
“ถือดีๆ นะคะคุณพ่อ อย่าให้ตกล่ะ”
“โอเคๆ”
แล้วตะวันก็วิ่งไปหาฟักทองลูกอื่นๆต่อ มือเทวาเต็มสองข้าง มองรวิปรียาแบบไม่รู้จะทำยังไง รวิปรียาหัวเราะเอากล้องขึ้นถ่ายภาพไว้
รวิปรียามองภาพเทวาผ่านเลนส์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก เธอจึงก้าวไปหาเทวา แล้วยืนประจันหน้า
“ยืนเฉยๆนะคะ”
เทวามองงงๆ รวิปรียาเข้าไปโอบกอดเทวาไว้ด้วยแขนข้างหนึ่งแล้วยื่นมือที่ถือกล้องออกไปเพื่อเซลฟรี่
“ขอบคุณ สำหรับทุกอย่างค่ะ” รวิปรียาหอมแก้มเทวา อีกมือกดชัตเตอร์
ทั้งคู่มองหน้ากัน ยิ้มมีความสุข แม้เทวาจะกอดตอบไม่ได้เพราะมีลูกฟักทองอยู่ในสองมือ
ดาวิกาหยิบมีดคัตเตอร์มาถือไว้ในมือ มือสั่นระริก เตรียมจะทำอะไรบางอย่าง
“พี่เทวาจะต้องเสียใจที่ทรยศดา”
เธอจรดมีอลงบนข้อมือ คมมีดจ่อพาดเส้นเลือดใหญ่ที่เห็นได้ชัดบนผิวหนังบางๆ
ดาวิการ้องไห้ ตั่วสั่นกดมีดลงช้าๆ แล้วสักพักเธอก็หยุด ความแค้นมีมากกว่าความเศร้า
เธอโยนมีดทิ้งลงพื้น เปลี่ยนใจไม่ทำร้ายตัวเอง แล้วร้องไห้คร่ำครวญ
“ทำไมฉันจะต้องทำร้ายตัวเองเพราะผู้หญิงอย่างเธอด้วย รวิ ทำไม”
สักพักดาวิกาเงยหน้าขึ้นมามองตรงไปข้างหน้า หยุดร้องไห้ แม้น้ำตาจะยังอาบบนใบหน้า แต่แววตาของดาวิกา ไม่ใช่แววตาของคนที่ยอมรับความพ่ายแพ้
วันใหม่ ในห้องทำงาน มนัสนั่งดูเอกสารในแฟ้มงานอยู่ สีหน้ากังวลใจ
“สั่งวัสดุผิดสเป็ก ใช้อุปกรณ์ก่อสร้างคุณภาพต่ำ พี่นิมมานทำแบบนี้ ถ้าทางโครงการจับได้ล่ะก็เกิดเรื่องใหญ่แน่”
เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น
“เชิญครับ”
คนที่เปิดประตูเข้ามาคือดาริน มนัสแปลกใจ แล้วรีบปิดแฟ้มเอกสาร
“คุณริน ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนว่าจะมา”
“โทร.มาก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ”
“แล้วคนข้างนอกเขาไม่แปลกใจเหรอ”
“ก็บอกว่านัดคุณไว้ มีเดทกัน”
“ขอให้ทำจริงอย่างที่พูดเถอะ”
“ถ้าทำไม่จริงก็คงไม่มารับถึงที่นี่หรอกค่ะ แล้วนี่ยังไงกัน เดี๋ยวนี้เป็นนักธุรกิจใหญ่ แล้วเลยต้องทำงานหน้าเคร่งเครียดแบบนี้เหรอ”
“ถ้าได้ไปกินข้าวกับคุณก็คงหายเครียดแล้ว”
“งั้นจะไปกันได้หรือยังล่ะคะ”
“ผมมีธุระต้องจัดการก่อนนิดหน่อย ขอไปเคลียร์งานกับลูกน้องข้างนอกก่อน คุณรออยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวผมมาแล้วเราออกไปกันเลย”
“ค่ะ ไปเถอะ รินรอได้” ดารินนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง
มนัสออกจากห้องไป ปล่อยดารินให้นั่งรอ ดารินเอี้ยวตัวมองจนมั่นใจว่ามนัสไปแน่ๆแล้ว เธอรีบลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะทำงาน มองแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ พลางคอยระแวดระวังมองว่า มนัสจะกลับมาตอนไหน แล้วตัดสินใจเปิดแฟ้มที่มนัสเพิ่งปิดออกดู ... เอกสารการสั่งซื้อสินค้า
“นี่มันเอกสารการสั่งสินค้า สำหรับโครงการเมืองใหม่ริมเจ้าพระยา”
ดารินเปิดหน้าต่อไป
“แผนงานงบประมาณการก่อสร้างทั้งหมด เหลือกำไรเยอะเลยนี่ พวกนี้นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ”
ดารินมองซ้ายมองขวา แล้วตัดสินใจเอากล้องออกมา
ฝ่ายมนัสเดินกลับมาถึงหน้าห้องพอดี
ในห้อง ดารินถ่ายภาพเอกสารทุกหน้าในแฟ้มนั้นไว้
มนัสกำลังจะเปิดประตูห้องออก มือจับลูกบิดจะเปิด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะซะก่อน มนัสกดรับสาย
“ไงครับพี่”
นิมมานถาม “ได้เอกสารที่พี่ส่งให้หรือยัง”
“ได้แล้ว กำลังดูอยู่”
“เอกสารนั้นเป็นความลับสุดยอดของเราสองคนเท่านั้น นอกจากคุณพ่อแล้ว ห้ามให้คนอื่นเห็นเด็ดขาด”
“ผมรู้แล้ว”
ดารินจะปิดแฟ้มวางเข้าที่แต่พลั้งมือกวาดเอาเอกสารตกพื้น ดารินตกใจรีบก้มลงเก็บ
“ตายล่ะ ยัยรินเอ๊ย ทำไมซุ่มซ่ามแบบนี้”
ที่หน้าห้อง มนัสเปิดประตูเข้ามา เป็นจังหวะเดียวกับที่ดารินยื่นมือขึ้นไปวางแฟ้มกลับบนโต๊ะพอดี แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้น มนัสเห็นภาพที่ดารินกำลังนั่งอยู่ที่พื้นข้างๆโต๊ะทำงานเขา
“ริน คุณไปทำอะไรตรงนั้น”
มนัสเดินตรงใกล้เข้ามาดู ดารินใช้มือควานหาของอยู่
“กำลังหาต่างหูน่ะสิ เมื่อกี๊มันตกอยู่แถวๆนี้”
มนัสมองที่หูดาริน มีต่างหูอยู่เพียงข้างเดียว
“ผมช่วยมั้ย”
ดารินลุกขึ้นพร้อมต่างหูข้างหนึ่งในมือพอดี
“เจอพอดี ค่อยยังชั่วหน่อย คู่นี้เป็นคู่โปรดซะด้วย”
มนัสยิ้มให้ แต่ก็รู้สึกว่าดารินมีท่าทีแปลกๆ
เอกสารการจัดซื้อของบริษัทนิรมิต และบัญชีตัวเลขงบปรระมาณการก่อสร้าง ถูกปรินท์จากภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถือเป็นเอกสาร เทวาที่เปิดดูอยู่
“นี่มันของจริงแน่นะริน”
ดารินนั่อยู่ตรงข้ามเทวาที่โต๊ะทำงาน
“ของจริงค่ะ รินเห็นเอกสารพวกนี้กับตา ถ่ายรูปไว้เองกับมือ แล้วปรินท์ออกมาให้พี่เทวาดู”
“แล้วรินไปได้มาจากไหน”
“รินมีวิธีของรินค่ะ”
เทวาอ่านสถานการณ์ออก
“มนัสเหรอ”
“เมื่อนิมมานใช้วิธีสกปรกกับพี่ริศาได้ รินก็ใช้วิธีเดียวกันกับน้องชายเขาได้เหมือนกัน”
“ทำแบบนี้มันอันตรายนะริน ถ้าเขาจับได้ขึ้นมาจะว่ายังไง ถ้าเขาหาทางแก้แค้นหรือทำร้ายรินขึ้นมาล่ะ”
“เขาไม่ทำหรอกค่ะ รินรู้จักเขาพอตัว แต่ถึงเขาคิดจะทำอะไรริน รินก็ดูแลตัวเองได้ พี่เทวาไม่ต้องห่วงหรอก”
“ริน... เรื่องผู้ชายคนนี้ เรายังไม่เคยคุยกันจริงจังเลยนะริน รินอยากเล่าให้พี่ฟังหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ เพราะหลังจากวันนี้ ทุกอย่างมันจะจบแล้ว รินตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปเจอเขาอีก”
“นี่รินกำลังทำร้ายจิตใจตัวเองอยู่หรือเปล่า เท่าที่พี่คุยกับรวิ มนัสเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงรินนี่”
“ถึงเขาไม่ได้หลอก แต่ความจริงก็ยังเป็นความจริงวันยังค่ำ ความจริงที่ว่าเขาเป็นฝ่ายนิรมิต เป็นน้องชายนิมมาน ครอบครัวเขากับเราไม่มีทางลงรอยกันได้ ยังไงซะ เรื่องระหว่างรินกับเขามันก็เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ”
ดารินปากแข็ง ทำเข้มแข็ง แต่ในใจก็เจ็บปวดกับสิ่งที่ตัวเองทำ และตระหนักถึงความจริงที่เป็นไปไม่ได้ เธอลุกขึ้น
“รินหวังว่าข้อมูลพวกนี้จะเป็นประโยชน์กับฝ่ายเรา พี่เทวาลองดูแล้วกันนะคะ”
ดารินจะเดินออกไป แล้วนึกได้ หันมาบอกเทวาอีกครั้ง
“แล้วรินก็เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่แล้ว รินจะส่งเบอร์ให้พี่ทีหลัง”
ดารินออกจากห้องไป เทวามองตามน้องสาวเข้าใจในความรู้สึก
มนัสนั่งยิ้มน้อย ยิ้มใหญ่อารมณ์ดีเพราะคืนดีกับดารินได้แล้ว
เขากดโทรศัพท์ โทรออกหาชื่อดาริน แต่สัญญาณที่ได้ยินเป็นสัญญาณว่าปิดเครื่อง
มนัสหน้านิ่ว แปลกใจ
“ปิดเครื่อง? นี่ก็ปิดมาทั้งวันแล้วนะ เป็นอะไรของเขา”
ด้านเทวากำลังโทรศัพท์ รอให้อีกฝั่งหนึ่งรับสาย
“สวัสดีครับคุณวิชิต ผมเทวาจาก บีอาร์ คอนสตรัคชั่น ผมทราบมาว่าคุณวิชิตดูแลโครงการเมืองใหม่ริมเจ้าพระยาอยู่ …. ผมมีข่าวบางอย่างจะแจ้งให้ทราบ เกี่ยวกับแผนงานการก่อสร้างที่นิรมิตรับผิดชอบ เราน่าจะเจอกันหน่อยนะครับ”
วันใหม่ แม่บ้านเอาจานผักต้มมาวางบนโต๊ะอาหาร พร้อมกับอาหารอื่นที่เตรียมไว้ให้ตะวัน
รวิปรียาชะโงกหน้ามาดู ใช้ส้อมลองจิ้ม
“นิ่มดีแล้วล่ะ ขอบใจนะ”
แม่บ้านเดินออกไป สวนกับดาวิกาที่เข้ามาหารวิปรียา เธอมองอาหารบนโต๊ะ
“เตรียมอาหารให้ตะวันหรือคะคุณรวิ”
“ค่ะ”
“แต่ยัยตะวันไม่ชอบกินบล็อกโคลี่นะคะ”
“รวิรู้ค่ะ แต่บล็อกโคลี่มีประโยชน์กับเด็กๆ ถึงไม่ชอบกินก็ต้องบังคับให้กินบ้างค่ะ ไม่งั้นก็จะกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจเลือกแต่ของตัวเองชอบ นี่รวิก็ให้เขาต้มให้จนนิ่มไม่ขมแล้ว”
“คุณรวิชอบบังคับให้ใครๆทำโน่นทำนี่เสมอหรือคะ” ดาวิกาเปิดฉาก
“ก็แล้วแต่สถานการณ์น่ะค่ะ ถ้าบังคับแล้วทำให้เกิดประโยชน์ บางทีก็ต้องทำ”
“แล้วการบังคับให้คนไปตายล่ะคะ เคยทำหรือเปล่า”
“นี่คุณดาพูดอะไรคะ”
“ดาพูดไปเรื่อยน่ะค่ะ อย่าถือเลย ว่าแต่วันนี้ช่วงเช้าคุณรวิว่างไหม ดาว่าจะไปทำบุญที่วัด เลยจะชวนคุณรวิไปด้วยกัน”
รวิปรียาคิดสักพัก เห็นว่าเป็นโอกาสที่จะสานสัมพันธ์กับดาวิกาให้มากขึ้น จึงตอบตกลง
“ได้สิคะ วันนี้ไม่มีงานด่วนอะไร เดี๋ยวรวิเข้าออฟฟิศบ่ายๆก็ได้”
ดาวิกายิ้มน้อยๆ แต่บางมุมยิ้มนั้นก็ดูเยือกเย็นอย่างน่ากลัว
ดาวิกาเดินนำรวิปรียาเข้ามาในบริเวณวัด ทางที่จะตรงไปยังที่เก็บอัฐิของพศิน รวิปรียามองไปรอบข้างอย่างแปลกใจ เพราะรู้จัก คุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี
“ปกติคุณดามาทำบุญที่วัดนี้หรือคะ”
“ใช่ค่ะ”
“แล้วไม่ไปทำบุญที่..” รวิปรียาประมาณจะถามว่าไม่ไปศาลาหรือกุฎิเหรอ
ดาวิกาชิงตอบเพื่อไม่ให้รวิปรียาถามมาก “ใกล้ถึงแล้วค่ะ”
ดาวิกาเดินนำรวิปรียามาจนถึงบริเวณที่เก็บอัฐิ เห็นเจดีย์อื่นๆ รวิปรียาเริ่มไม่เข้าใจว่าดาวิกาจะมาไม้ไหน ดาวิกายังคงมุ่งหน้าเดินต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจความกังวลของรวิปรียา จนกระทั่ง..
“ตรงนี้ค่ะ”
ดาวิกามาหยุดอยู่ตรงหน้าที่เก็บอัฐิของพศิน รวิปรียามองภาพถ่ายพศินแล้วมองดาวิกาอย่างไม่เข้าใจ
“ที่นี่มัน”
“พศินไงคะ”
“นี่คุณดา”
“คนที่คุณทำให้เขาต้องตายไง เขาเป็นคนรักของดาเอง”
รวิปรียาตกตะลึง สับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก
“คนรัก? คุณดากับพศิน”
“เราคบกันหลังจากที่พศินเรียนจบและมาทำงานที่บริรักษ์ เราสองคนอาจจะได้แต่งงานกันไปแล้ว ถ้าไม่มีผู้หญิงบางคนพยายามใช้เสน่ห์หลอกล่อให้พศินสับสน ผู้หญิงคนนั้นก็คือเธอ”
“ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้ ไม่เคยรู้ว่าพศินกับคุณคบกัน เขาไม่เคยบอกอะไรฉันเลย”
“ถึงเธอจะไม่รู้ เธอก็ไม่มีสิทธิ์ไปล้อเล่นกับความรักที่เขามีให้กับเธอ! ฉันไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจเธอมันเลวทรามต่ำช้าได้ถึงขนาดนี้ เธอยั่วยวนปั่นหัวให้เขาหลง แล้วก็เขี่ยเขาทิ้งเหมือนหมาข้างถนนตัวนึง”
ดาวิกาเห็นพศินกอดกันกับรวิปรียาที่คอนโด
“ฉันกับพศิน เราไม่ได้...”
ดาวิกาไม่ฟัง
“เธอทำให้หัวใจของพศินแหลกสลาย เขาแทบไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา เพราะเขาเอาแต่บ้าคลั่งถึงเธอ ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เธอก็เป็นคนที่บีบให้พศินต้องไปตาย แล้วตอนที่พศินตาย ฉันก็กำลังท้อง! ท้องลูกของพศินไงล่ะ”
รวิปรียาช็อก
“เป็นไปไม่ได้”
“เธอคิดว่าตะวันเป็นลูกใครล่ะ”
“ตะวัน?”
“ตะวันไม่ใช่ลูกของพี่เทวา แต่เป็นลูกของฉันกับพศิน พี่เทวาต้องรับตะวันไปเป็นลูกของตัวเองเพราะกลัวว่าฉันจะถูกประณามว่าท้องไม่มีพ่อ ตะวันต้องโตมาโดยที่ไม่รู้เลยว่า แม่ที่แท้จริงของเขาเป็นใคร ทุกคนต่างก็คิดว่าพี่เทวาเป็นผู้ชายเสเพลที่ไปทำผู้หญิงท้อง ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอ”
ความจริงจากปากดาวิกาถูกซัดเข้าสมองรวิปรียาเป็นระลอกอย่างไม่ยั้ง รวิปรียามึนงง พยายามจับต้นชนปลาย
“ฉันเกลียดเธอรวิ เกลียดทุกอย่างที่เป็นเธอ ที่ต้องทนอยู่บ้านเดียวกันทุกวันนี้ฉันก็ขยะแขยงเต็มทีแล้ว แต่พี่เทวาเขาก็เก่งนะ ทั้งที่เขาขยะแขยงเธอมากขนาดนั้น เขาก็ยังทนนอนร่วมเตียงเดียวกับเธอได้ทุกคืน”
“หมายความว่าไง”
ในห้องทำงาน
เทวานั่งมองภาพถ่ายคู่กันของรวิปรียากับเขาในมือถือ ตอนไปเที่ยวด้วยกันแล้วรู้สึกคิดถึง ทั้งที่ตะวันถ่าย รวิถ่าย
เขากดโทรศัพท์ออกหารวิปรียา แต่มีเพียงเสียงสัญญาณ ไม่รับสาย
“ทำอะไรอยู่ถึงไม่รับสาย”
เทวากดข้อความส่งไป “อยู่ไหนครับ” คิดถึงคุณนะ” “อยากกลับบ้านไปเจอคุณไวๆ”
ดาวิกาเดินหน้าเข้าหารวิปรียาอย่างเป็นต่อ รวิปรียาเริ่มไม่มั่นคง สั่นไหว เจ็บปวด
“เธอคิดว่าทำไมพี่เทวาถึงเลือกที่จะแต่งงานกับเธอ ทั้งที่เขาเพิ่งจะรู้จักเธอได้ไม่นาน”
รวิปรียาเริ่มกลัวความจริงชุดต่อไปที่จะได้ฟัง
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน หยุดนะ ฉันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้นแล้ว ฉันจะกลับ”
รวิปรียาหันหลังจะกลับ แต่ดาวิกาเข้ามาดึงแขนให้หันกลับมาฟัง
“แต่เธอต้องฟัง! พี่เทวาเขาไม่เคยรักเธอ”
“ไม่” รวิปรียาพยายามจะไม่ฟัง
ดาวิกาไม่หยุด
“เขาแต่งงานกับเธอเพราะฉันขอร้องให้เขาทำเพื่อแก้แค้น เขาทำให้เธอรัก ได้ครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ ยิ่งเธอดำดิ่งจมลงไปในความรักกับพี่เทวามากเท่าไหร่ เขาก็จะทำร้ายจิตใจเธอได้มากเท่านั้น วันนึงพี่เทวาเขาจะทิ้งเธอเหมือนหมาข้างถนนอย่างที่เธอทำกับพศิน แล้วเขาก็จะทำให้เธอต้องท้องไม่มีพ่อ ต้องมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยว ตรอมใจเพราะความผิดหวังอย่างที่เธอทำกับฉัน”
รวิปรียาช็อก คำพูดของดาวิกาทิ่มแทงเข้าไปในใจ
รวิปรียาเริ่มร้องไห้ “พอเถอะ พอได้แล้ว”
“พี่เทวาเขาหลอกเธอ เขาไม่ได้รักเธอเลยแม้แต่นิดเดียว คำว่ารักทุกคำที่เขาบอกเธอ มันก็เป็นแค่คำโกหกเพื่อให้เธอตายใจ มันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการแก้แค้นเท่านั้น”
รวิปรียานั่งลงร้องไห้ ดาวิกายืนมองอย่างสาแก่ใจ
“เจ็บปวดใช่ไหมรวิ นี่คือผลกรรมจากสิ่งสิ่งที่เธอก่อไว้ไงล่ะ ฉันรอที่จะเห็นภาพนี้มานาน 5 ปีแล้ว ตอนนี้เธอคงเข้าใจแล้วสิว่าความเจ็บปวดจนอยากจะตายไปให้พ้นๆ มันเป็นยังไง”
ดาวิกาเดินจากไปนิ่ง ๆ ช้าๆ สง่างาม..
วันนี้ เธอคือผู้ชนะ ทิ้งผู้แพ้คือรวิปรียาให้ร้องไห้อยู่ด้านหลังเพียงลำพัง
รวิปรียานั่งร้องไห้เสียใจอยู่ที่หน้าเจดีย์บรรจุอัฐิ ทบทวนถึงเหตุการณ์หลายอย่างที่ผ่านมา
ครั้งแรกที่เทวากับรวิปรียาเจอกัน
เทวาเริ่มตามจีบเธอ ตอนเธอได้รับอุบัติเหตุที่ไซต์ก่อสร้าง
รวิปรียาตื่นขึ้นมาที่คอนโดฯ แล้วนึกว่าตัวเองมีอะไรกับเทวาไปแล้ว
เทวาบอกว่าจะแต่งงานกับรวิปรียา
ทั้งคู่แต่งงานกัน
เทวาบอกรักรวิปรียา
รวิปรียา เปิดข้อความในโทรศัพท์ออกดู เห็นข้อความจากที่เทวาเพิ่งส่งมา “อยู่ไหนครับ” คิดถึงคุณนะ” “อยากกลับบ้านไปเจอคุณไวๆ”
ข้อความยิ่งบาดใจ รวิปรียาร้องไห้โฮออกมา เธอตระหนักแล้วว่าเทวาไม่เคยรักเธอ เพียงใช้เธอเป็นเครื่องมือแก้แค้นให้ดาวิกาเท่านั้น
ต่อมา มิตรเดินมาตามทางที่ตรงเข้าสู่ห้องทำงานนิมมาน มีมนัสตามหลังมาอย่างไม่สบายใจ
มิตรเปิดประตูผัวะเข้ามาในห้อง นิมมานกำลังเดินไปมาด้วยความกังวลใจเหมือนหนูติดจั่น
“นิมมาน! หมายความว่าไงที่ว่าทางโครงการเมืองใหม่อาจจะยกเลิกสัญญากับเรา”
“ผมเองก็เพิ่งรู้นี่แหละครับคุณพ่อ จู่ๆทางโครงการก็โทรมา บอกว่าจะทำการสืบสวนการก่อสร้างของบริษัทเรา ให้เราพักทุกอย่างไว้ก่อน”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ใครรู้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น”
“สืบสวน? แสดงว่าทางโครงการได้รับข้อมูลที่บ่งบอกว่าเราไปทำอะไรไม่ดีไว้” มนัสว่า
“ไอ้เรื่องนั้นเราก็คุยกันแล้วนี่นิมมาน ว่าอย่าทำให้มันเอิกเกริก”
“ผมทำทุกอย่างรอบคอบและรัดกุมที่สุดแบบที่คุณพ่อบอกนั่นแหละครับ เรื่องนี้มีคนรู้อยู่ไม่กี่คน คือผม คุณพ่อ มนัส แล้วก็คนข้างในซึ่งผมซื้อตัวไว้แล้ว”
“แล้วทางโครงการไปได้ข้อมูลอะไรมาถึงมาตรวจสอบงานเรา หรือว่า” มิตรหันมองที่มนัส
“อย่ามองผมแบบนั้นนะ ถึงผมจะไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่พี่นิมมานกับคุณพ่อทำ แต่ผมไม่ลากครอบครัวตัวเองลงเหวแน่”
“แต่คนที่มีเอกสารการจัดซื้อก็มีแต่แกกับฉันเท่านั้น จะมีใครที่เห็นเอกสารพวกนั้นอีก”
และแล้วมนัสก็นึกบางอย่างขึ้นได้ ภาพของดารินแวบเข้ามาในสมอง
วันนั้น ดารินกำลังนั่งอยู่ที่พื้นข้างๆโต๊ะทำงานเขา
“ริน คุณไปทำอะไรตรงนั้น”
มนัสเดินตรงใกล้เข้ามาดู ดารินใช้มือควานหาของอยู่
“กำลังหาต่างหูน่ะสิ เมื่อกี๊มันตกอยู่แถวๆนี้”
มนัสมองที่หูดาริน มีต่างหูอยู่เพียงข้างเดียว
“ผมช่วยมั้ย”
ดารินลุกขึ้นพร้อมต่างหูข้างหนึ่งในมือพอดี
“เจอพอดี ค่อยยังชั่วหน่อย คู่นี้เป็นคู่โปรดซะด้วย”
มนัสเก็บคำเงียบเชียบ แต่ข้างในเสียววูบว่าจะเป็นฝีมือของดาริน
“พ่อเองก็ไม่เชื่อว่ามนัสจะทำ อาจจะเป็นฝีมือคนนอกก็ได้ เรื่องนั้นค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้บอร์ดเรียกประชุมด่วน แกต้องหาคำอธิบายให้ดี ไม่งั้นแกเดือดร้อนหนักแน่”
มิตรบอก
รวิปรียายืนซึมเหม่อลอยอยู่ตามลำพังมองไปทางแม่น้ำตรงหน้า
เทวาเดินมาจากทางด้านหลัง แล้วเข้ามากอดหลัง
“คิดอะไรอยู่ครับ”
แต่รวิปรียานิ่งเฉย เย็นชา
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
รวิปรียาหันหน้ากลับมา เทวาถามขึ้นงงๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่ารวิ ทำไมทำหน้าเหมือนโกรธคนทั้งโลก”
รวิปรียา ตัดสินใจพูดไปซะที
“ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว”
เทวาช็อก ไม่ทันคาดคิดมาก่อนว่าจะได้ยินแบบนี้
“เรื่องดาวิกา เรื่องตะวัน” เธอเสียงสั่นเครือ น้ำตาเริ่มไหลอย่างกลั้นไม่อยู่ “แล้วฉันก็รู้แล้วว่าคุณแต่งงานกับฉันเพื่ออะไร ช่วยบอกฉันอีกทีได้ไหมว่า สิ่งที่คุณดาพูดมัน ไม่จริง”
เทวายอมรับความจริง พร้อมรับผิดทุกอย่าง
“เรื่องดา..เป็นเรื่องจริง เหตุผลหนึ่งที่ผมแต่งงานกับคุณก็คือเรื่องดา แต่คุณบอกเองนี่รวิว่าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร มันก็ทำให้เราสองคนรักกัน ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว”
“เปลี่ยน? คุณเปลี่ยนอดีตได้เหรอ ความเจ็บปวดที่ฉันต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ มันจะเปลี่ยนไปได้ยังไง”
“ผมขอยอมรับความผิดทั้งหมด ผมผิดที่ไม่เคยบอกความจริงกับคุณตั้งแต่แรก”
“คุณไม่คิดจะบอกเลยต่างหาก เพราะถ้าบอก.. แผนการแก้แค้นของคุณมันก็คงไม่สำเร็จน่ะสิ”
“แต่ตอนนี้ผมอยากอยู่กับคุณจริงๆ ผมลืมเรื่องแก้แค้นอะไรนั่นไปหมดแล้ว ผมจะพูดกับดาให้เข้าใจ”
รวิปรียาฝืนกลั้นน้ำตา ท่าทีของเธอเริ่มเย็นชา หมางเมิน
“ฉันทำให้พศินต้องตาย ทำให้ดาวิกาต้องท้องโดยไม่มีพ่อ ทำให้ตะวันโตขึ้นมาด้วยการถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กไม่มีแม่ เรื่องทั้งหมดนี้ฉันเป็นคนทำ คุณยังอยากจะอยู่กับฉันอีกเหรอคุณเทวา”
“ใช่”
“แต่ฉันไม่อยากอยู่กับคุณ” รวิปรียาถอดแหวนแต่งงานออกจากนิ้วนางข้างซ้าย “ที่ผ่านมา ทั้งหมดถือว่าฉันชดใช้ให้ครอบครัวคุณหมดแล้ว จากวินาทีนี้ไป เราจบกัน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
รวิปรียาดึงมือเทวามา แล้ววางแหวนใส่ลงในมือ แล้วจะไป เทวาคว้ามือของรวิปรียาไว้
“ไม่! ผมทำไม่ได้”
“แต่คุณต้องทำ เพราะฉัน.. ไม่ต้องการคุณอีกแล้ว”
เทวาอึ้ง น้ำตาคลอ
“แต่ผมรักคุณ”
“ถ้ารักฉัน ก็ปล่อยฉันไป เรื่องระหว่างเราถือว่าจบไปแล้ว”
รวิปรียาดึงมือเทวาออกไปช้าๆ นิ่งๆ แต่หนักแน่น แม้จะเสียใจแต่เธอก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ เธอหันหลังให้เทวาแล้วเดินจากไปช้าๆน้ำตาไหลนอง เทวาสุดปัญญาที่จะรั้งเอาไว้ เขามองตามรวิปรียาไปอย่างเจ็บปวด น้ำตาไหลออกมาเช่นกัน
ที่บ้านนิรมิต มิตรเดินมามองหน้านิมมานนิ่งๆ แล้วตบฉาดใหญ่เข้าที่หน้า
“โง่ !”
“คุณพ่อ!”
มนัสซึ่งยืนอยู่บริเวณนั้นด้วยก็ช็อกไปเหมือนกัน
“ฉันตบให้แกได้รู้สึกซะบ้าง แกเป็นลูกที่ฉันภูมิใจที่สุด เป็นคนที่ฉันปั้นมากับมือ แต่แกก็ทำให้ฉันผิดหวังจนได้ รู้ไหมว่างานนี้บริษัทเราเสียหายเท่าไหร่”
“แต่มันสุดวิสัยนะครับพ่อ ใครจะไปรู้ว่าข้อมูลนั่นมันจะหลุดรอดไปถึงมือทางผู้บริหารโครงการ”
“แล้วตอนนี้เป็นไง เราโดนบอกยกเลิกสัญญาไปแล้ว ไอ้ที่ลงทุนไปทั้งหมดมันเท่ากับว่าสูญไปเปล่าๆ ได้ข่าววงในมาว่าเขาจะเอาโปรเจกต์นี้ส่งต่อไปให้บริรักษ์”
“ก็ให้มันไปสิ งานหน้าก็ยังมี คราวหน้าผมจะแก้ตัวให้ดีกว่างานนี้”
“แกไม่มีโอกาสแล้ว ที่ประชุมบอร์ดลงมติมาแล้วว่าจะพักงานแกโดยไม่มีกำหนด”
“ว่าไงนะ”
“เพราะแกทำให้บริษัทเสียหาย ตอนนี้บริษัทเราอาจถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ ดีไม่ดีก็อาจถูกฟ้องร้องข้อหาฉ้อโกง แล้วคนที่จะโดนหนักสุดก็คือแก เพราะแกเป็นคนเซ็นสัญญา รวมทั้งเอกสารการจัดซื้อทุกใบ”
“แล้วผมจะทำยังไงดี”
“ถ้าฉันเป็นแก ฉันจะอยู่นิ่งๆไว้ รอจนเรื่องเงียบแล้วหาทางกลับมาใหม่ ทางเดียวที่จะทวงตำแหน่งคืนมาได้คือทำให้บอร์ดเห็นว่าแกยังสร้างความดีความชอบได้ ด้วยการดึงสยามเอ็นจิเนียริ่งมารวมกิจการให้ได้”
“พอเถอะครับพ่อ ไอ้เรื่องพี่รวินี่ให้มันจบซะทีเถอะครับ พี่รวิเองเขาก็ไปเริ่มต้นใหม่ได้ดีกับสามีเขา เขาไม่ได้อาลัยอาวรณ์พี่นิมมานอีกแล้ว” นมัสบอก
นิมมานรู้สึกโกรธ แม้จะ รู้ว่ามนัสพูดถูกที่รวิปรียาไม่สนใจเขาแล้ว มิตรมองนิมมานเหยียดๆ
“แกนี่มันกระจอกจริงๆ ถามจริงๆเถอะนะนิมมาน ชีวิตแกนี่เคยทำอะไรชนะไอ้เทวามันได้บ้างไหม”
มิตรเดินเลี่ยงออกจากห้องไปอย่างไม่ได้ดังใจ แต่คำพูดของเขาทำให้นิมมานฮึดขึ้นมา เหมือนพร้อมจะทำอะไรบางอย่าง
รวิปรียาหลยมาพักผ่อนที่บ้านพักริมทะเล
เธอเปิดประตูเข้ามาในบ้าน วางกระเป๋าเสื้อผ้าที่ถือมาลงบนพื้น เธอมองบรรยากาศรอบๆบ้านอย่างเงียบเหงา
ภาพเก่าๆ ผุดขึ้นมาในความทรงจำ
เทวาเดินตามมาส่งรวิปรียาถึงหน้าบ้านพัก
“ นี่คุณจะตามฉันมาทำไมไม่ทราบ”
“ ผมไม่ไว้ใจ กลัวว่าคุณจะทำอะไรโง่ๆอีกหรือเปล่า”
“เรื่องที่โง่ที่สุดที่ฉันเคยทำ ก็คือมาเลือกที่พักอยู่ใกล้ๆกับคุณนี่แหละ”
เทวาโดนแขวะ แต่กลับชอบใจ
เทวายืมซึมอยู่ที่สนามหญ้าของบ้านมองไปบนพื้นน้ำเบื้องหน้า นึกถึงเหตุการณ์เก่าๆระหว่างเขากับรวิปรียาตอนรักกัน
รวิปรียานั่งอยู่ในบ้านพักริมทะเล นึกถึงเหตุการณ์ระหว่างเธอกับเทวาเช่นกัน
ที่สะพานไม้แห่งเดิม รวิปรียาเดินอยู่บนสะพานตามลำพังเศร้าๆ นึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นตรงนี้
รวิปรียาลุกขึ้นเตรียมจะกลับบ้านพัก แต่จังหวะที่ลุกขึ้นก็เสียหลักทำให้โทรศัพท์หลุดจากมือพลัดตกทะเล
“แย่แล้ว โทรศัพท์”
รวิปรียาคิดอย่างรวดเร็วว่าจะเอายังไง
“เบอร์โทร งาน รูปภาพ”
โทรศัพท์รวิปรียา ค่อยๆจมลงในน้ำ
เธอตัดสินใจกระโดดลงทะเลตามโทรศัพท์ไปทันที
จากมุมของเทวา ดูเหมือนว่ารวิปรียากระโดดลงน้ำด้วยความเสียใจ
“คุณรวิ!”
ปัจจุบัน เทวายืนอยู่ตรงที่เดิมที่เขาเคยเฝ้ามองรวิปรียา ณ เวลานี้เขาก็ยืนมองรวิปรียาอยู่ไกลๆ
รวิปรียานึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
เทวากับรวิปรียากลับขึ้นมาบนชายหาดเนื้อตัวเปียกโชก รวิปรียาหันหน้ามาโวยใส่เทวา
“นี่คุณจะทำอะไของคุณเนี่ย”
“คุณนั่นแหละคิดจะทำอะไร เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องฆ่าตัวตายเลยรึไง”
“ฆ่าตัวตาย”
“ทำไมไม่นึกถึงคนที่เขารักคุณ เป็นห่วงคุณบ้าง ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาเขาจะเสียใจกันขนาดไหน ถึงจะอกหักแต่คุณก็ยังมีคนที่รัก มีครอบครัว มีหน้าที่การงานที่ดี มีบริษัทที่ต้องรับผิดชอบ คุณก็โตแล้วนะแต่ทำไมถึงคิดอะไรตื้นๆแบบนี้”
“โอย จะบ้าหรือคุณ ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตาย โทรศัพท์ฉันตกไปในทะเลฉันก็เลยจะลงไปเก็บ”
เทวารู้สึกหน้าแตกดัง เพล้ง!
เทวา นึกถึงเหตุการณ์เดียวกันอยู่
เทวา รวิปรียา ตะวัน เดินเล่นอยู่บนชายหาด รวิปรียาจูงมือตะวันคุยเล่นกัน โดยมีเทวารั้งท้าย
เทวาแอบมองรวิตลอดเวลา แล้วตัดสินใจเร่งฝีเท้าขึ้นมาเดินขนาบข้างตะวันและมองรวิปรียา
เทวาบอกเธอว่า
“ความทรงจำบางอย่างที่ไม่น่าจดจำก็ทิ้งมันไปเถอะครับ การที่โทรศัพท์ของคุณตกลงไปในน้ำ อาจเป็นเพราะเบื้องบนเขาต้องการช่วยให้คุณลบความทรงจำส่วนนี้ทิ้งไปก็ได้”
รวิปรียา ปรารภกับตัวเอง
“จากนี้ไป คุณเองก็จะเป็นอีกหนึ่งความทรงจำของฉัน แล้ววันนึง..ความทรงจำส่วนนี้ก็จะถูกลบทิ้งออกไป ลาก่อนคุณเทวา”
ทางด้านเทวา“ทางเดียวที่จะไม่ทำให้คุณร้องไห้อีก ก็คือทำให้คุณเลิกรักผมไปซะ แล้วทั้งคุณและดา ก็จะไม่มีใครต้องเจ็บปวดอีก”
เทวายืนมองรวิปรียาเศร้าๆอยู่อย่างนั้น
ดารินกำลังขับรถมาตามทาง มุ่งหน้าสู่บ้าน สักพักรถแท็กซี่คันหนึ่งก็แล่นแซงขึ้นมาทางด้านข้าง แล้วปาดหน้าจอดขวางหน้ารถดารินซะอย่างนั้น ดารินจอดรถเอี๊ยดกระทันหัน
ในรถ ดารินโวยออกมา
“ขับรถประสาอะไร”
ดารินออกมาจากรถเตรียมจะเอาเรื่อง คนที่ออกมาจากรถแท็กซี่คันหน้าคือมนัส ลงมาหาดารินสีหน้าเอาเรื่องเช่นกัน
“นี่คุณเองเหรอ ตั้งใจจะหาเรื่องกันใช่ไหมเนี่ย”
มนัสไม่พูดอะไร เดินตรงเข้ามาหาแล้วดึงแขนดารินลากมาขึ้นรถดารินโดยไม่พูดจา รถยังสตาร์ทอยู่
“นี่มันอะไรกัน นี่ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
มนัสลากดารินมาขึ้นรถ ดันตัวดารินเข้าไปตรงเบาะข้างๆ คนขับ ได้สำเร็จ แม้ว่าดารินจะคอยดิ้นหนีอยู่ตลอด
มนัสขึ้นรถตาม นั่งประจำที่คนขับ ดารินจะเปิดประตูออกอีกฝั่ง มนัสกดล็อคทันที
“เป็นฝีมือคุณใช่ไหม”
ดารินรู้ตัวทันทีว่าเรื่องอะไร
“รู้ก็ดีแล้วนี่ แล้วก็รู้ไว้ด้วยนะว่าที่ฉันทำ เป็นเพราะพี่ชายคุณเล่นไม่ซื่อมาหลอกพี่ริศาก่อน”
“แสดงว่าที่คุณกลับมาหาผม ไม่ใช่เพราะคุณรักผม แต่เพราะคุณต้องการมาล้วงความลับบริษัทผม”
“สำหรับฉัน ครอบครัวต้องมาก่อน ถึงยังไงเราสองคนก็ไปด้วยกันไม่ได้อยู่แล้ว”
“ทำไม”
“ต้องให้ฉันบอกคุณอีกกี่ครั้ง ว่าบ้านเราไม่ถูกกัน พ่อฉันไม่มีทางยอมรับคุณ แล้วครอบครัวคุณก็ไม่มีทางยอมรับฉัน”
“ได้.. งั้นเราไปด้วยกัน”
“คุณจะพาฉันไปไหน”
มนัสไม่ตอบแต่ขับรถออกจากตรงนั้นไปเลย
มนัสเดินดึงมือดารินตรงมาที่ประตูเข้าตัวบ้านนิรมิต ดารินละล้าละลัง
“พาฉันมาบ้านคุณทำไม จะจับฉันมาขังเหรอ”
มนัสไม่ตอบ
“หรือว่าจะเอาฉันมาทำมิดีมิร้ายเพื่อแก้แค้น”
มนัสเงียบอีก แต่ก็ลากดารินเข้ามาถึงตัวบ้านจนได้ มิตรลุกขึ้นยืนมองเมื่อเห็นมนัสพาใครบางคนมา
“อะไรกันมนัส แล้วนี่ผู้หญิงที่ไหน ... จำได้แล้ว ลูกสาวคุณบรม เธอมาที่นี่ ทำไม”
“ผมพาเขามาสารภาพกับคุณพ่อครับ”
ดารินหน้าเหวอ
“สารภาพอะไร” ดารินถาม
“สารภาพว่า.....” มนัสทิ้งจังหวะเล็กน้อย “ผมชอบคุณริน ต่อไปนี้ผมจะคบกับเขาอย่างจริงจังและเปิดเผย”
“แล้วแกมาบอกฉันทำไม”
“ผมบอกคุณพ่อเพราะผมอยากแสดงให้ผู้หญิงคนนี้เห็นว่าผมจริงใจกับเขา”
มิตรนึกบางอย่างออก
“นี่.... หรือว่าเป็นฝีมือแกจริงๆ...แกเป็นคนเอาข้อมูลไปให้แฟนแกหักหลังบริษัทเราใช่ไหม”
“คือ... ไม่ใช่นะคะ คือที่จริง”
“ส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของผมเองครับ”
มิตรโกรธ “ไอ้ลูกทรพี นี่แกร่วมมือกัน แกเห็นผู้หญิงสำคัญกว่าครอบครัวงั้นเรอะไอ้มนัส!”
“ผมไม่ได้เห็นเขาสำคัญกว่า ผมยังเคารพพ่อ ยังรักพี่นิมมาน แต่ผมอยากให้พวกเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
“สิ่งที่ถูกต้องก็คือแกต้องมายืนอยู่ข้างพวกเรา แล้วเลิกกับผู้หญิงคนนี้ซะ เขาเป็นคนของบริรักษ์ สักวันเขาจะแว้งกัดหรือไม่ก็หักหลังแก”
“เอาไว้ให้ถึงวันนั้นซะก่อน แล้วผมจะตัดสินใจเองว่าผมจะเลิกกับเขาหรือเปล่า”
“ถ้าแกจะคบกับลูกนายบรมจริงๆ แกก็ไม่ต้องมาเป็นลูกฉัน ออกจากบ้านนี้ไปซะ”
“ผมก็รอให้คุณพ่อไล่มานานแล้ว ผมจะไปจากบ้านนี้แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมก็จะยังเป็นลูกของคุณพ่อเสมอ”
มนัสไม่หวั่นไหวอีกแล้ว มิตรยืนกำมือแน่นโกรธๆ
ดารินกับมนัสนั่งอยู่ในรถที่จอดนิ่งอยู่ริมถนนด้วยกัน ดารินถอนหายใจโฮ้ย... ยาวๆ
“โฮ้ย นี่คุณ สติยังดีอยู่หรือเปล่า ไปรับว่าเป็นความผิดตัวเอง แถมยังไปบอกว่ารักลูกสาวศัตรูอีก”
“ก็ผมอยากแสดงความจริงใจกับคุณ คิดวิธีอื่นไม่ออกแล้ว”
“แล้วนี่จะเอายังไงต่อ บ้านก็กลับไม่ได้ งานก็ไม่มีทำ”
“ก็กลับไปเป็นช่างภาพจนๆ เหมือนเดิม คุณจะได้กลับมาคบกับผมอย่างสะดวกใจเหมือนเดิมไง ส่วนเรื่องที่พักน่ะไม่ต้องห่วง เพื่อนผมมีเยอะ ไปขอนอนตามบ้านเพื่อนก่อนก็ได้”
“คุณนี่จริงๆเลย”
“ว่าแต่คุณจะไม่ขอโทษผมสักคำเลยหรือ”
“ขอโทษ ฉันยอมรับว่าฉันผิดที่โขมยข้อมูลของริษัทคุณ แต่เป็นเพราะพี่ชายคุณ..”
“เอาล่ะ ได้ยินแค่นี้ผมก็พอใจแล้ว ไม่ต้องสาธยาย”
“แล้วคุณยังรักผมหรือเปล่า ตอบ...”
ดารินเริ่มเขิน พูดจาวนไปวนมาจับใจความไม่ค่อยได้ ไม่กล้าตอบตรงๆ
“คืองี้นะ... คือฉันเนี่ย... ที่ฉันกลับไปหาคุณ ตอนแรกใจนึงก็คิดถึง แต่อีกใจนึงก็โมโห พอตอนหลังใจนึงก็ไม่อยากทำ แต่ที่นี้อีกใจนึงก็.....”
ดารินยังไม่ทันพูดจบเพราะมัวแต่พูดวนไปมา มนัสชะโงกหน้าไปหอมแก้มดารินทันที ดารินตกใจตาค้าง แล้วค่อยๆหลับตาพริ้ม มนัสกับดารินจูบกันอยู่ในรถ
ต่อมา เทวากำลังจะออกจากบ้าน แต่ไม่ได้อยู่ในชุดไปทำงาน ดาวิกาเดินตามมาเรียกทักไว้
“พี่เทวา จะไปไหน”
“ไปธุระข้างนอก”
“จะไปหารวิใช่ไหม นี่พี่เทวาจะไปตามมันกลับใช่ไหม”
“เปล่า พี่แค่จะไปดูว่าเขาเป็นไงบ้าง”
“ไปดูก็ไม่ได้ พี่เทวาห้ามไปเจอมันอีก”
“ฟังนะดา... ถึงรวิเขาจะเลิกกับพี่ แต่พี่ก็จะไม่เลิกรักเขา พี่จะไม่ไปตามเขากลับมา แต่ผู้หญิงคนเดียวในโลกพี่ต้องการก็คือรวิ”
เทวาพูดแล้วหันหลังกลับจะออกไป
“พี่เทวา! ถ้าพี่ก้าวขาออกไปจากบ้านนี้ ดาจะตายให้พี่ดู”
ดาวิกาหยิบมีดที่เตรียมมาขึ้นมาถือไว้ในมือ
เทวาชะงัก หยุดคิด.. ชั่งใจ... วัดใจ..คิดว่าดาวิกาคงแค่ขู่ เขาตัดสินใจก้าวขาไปหนึ่งก้าว
ดาวิกาลงมีดมาปาดแขนตัวเองฉับ แล้วปาดอีกหลายครั้งอย่างไม่ยั้ง เลือดท่วมข้อมือ
“ดา! หยุดพอได้แล้ว หยุด”
เทวาวิ่งเข้ามาแย่งมีดในมือ ดารินกับจ๊ะเอ๋วิ่งออกมาเพราะเสียงดัง พอเห็นภาพดาวิกานอนจมอยู่กับกองเลือดก็พากันกรี๊ดลั่น
“แอร๊ย ...คุณดา”
“พี่ดา....”
อ่านต่อตอนที่ 23
#ใจลวง #thaich8 #ละครออนไลน์