xs
xsm
sm
md
lg

ละคร ใจลวง ตอนที่ 19

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ใจลวง ตอนที่ 19

เทวายังคงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่เตียงระหว่างรอรวิปรียากลับเข้ามา
 
เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เทวาหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อดาวิกาโทรเข้ามา
เทวาลังเลอยู่สักพัก อีกใจก็กลัวว่ารวิปรียาจะกลับเข้ามา เขาตัดสินใจกดตัดสายทิ้ง แล้วส่งข้อความบอกดาวิกา “ขอโทษนะดา ตอนนี้พี่ไม่สะดวกรับสาย”

เมื่อเทวากดวางสาย ฝ่ายดาวิกาก็คิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจ สักพักก็ได้รับข้อความจากเทวา เธอกดอ่าน
“ขอโทษนะดา ตอนนี้พี่ไม่สะดวกรับสาย”
ดาวิการู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกได้ชัดเจนว่าเทวาเปลี่ยนไป

บรรยากาศยามเช้าตรู่ที่บ้านบริรักษ์
ดารินนั่งซึมๆเหม่อๆอยู่ที่โซฟาบริเวณห้องรับแขก ตะวันเล่นอยู่ใกล้ๆ ทั้งคู่มองดารินอย่างสงสัยในท่าที
“อารินเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“เปล่านี่ ทำไมเหรอ”
“ก็ช่วงนี้ตะวันยังไม่เห็นอารินยิ้มเลย”
ดารินลูบหัวตะวันอย่างเอ็นดู “ช่างสังเกตเกินไปแล้วนะเราน่ะ”
แล้วเสียงโทรศัพท์ดารินก็ดังขึ้น ดารินกดรับสาย
“ไงคะพี่ดา โทรมาแต่เช้าเลย”

ดาวิกาโทร. หาดารินเพื่อสืบข่าวของเทวา
“เช้าไปหรือเปล่า นี่ทำอะไรอยู่”
“กำลังจะไปทำงานค่ะ ตะวันก็กำลังจะไปโรงเรียน” ดารินหันไปบอกตะวัน “สวัสดีอาดาหน่อยสิตะวัน”
ดารินเอาโทรศัพท์ไปแนบหูตะวันให้ฟังเสียงจากปลายสาย
“สวัสดีค่ะอาดา”
ดาวิกายิ้มอบอุ่นเมื่อได้ยินเสียงลูก “อาดาคิดถึงตะวันจังเลย นี่จะไปโรงเรียนแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
“ใครไปส่งตะวันคะ”
“คุณแม่ค่ะ”
ดาวิกาไม่ค่อยพอใจ “ แม่...”
ดารินดึงโทรศัพท์กลับมาพูดกับดาวิกาต่อ
“แม่รวิไง เดี๋ยวนี้หายใจเข้าออกเป็นแม่รวิคนเดียว”
ดาวิกาไม่ค่อยพอใจยิ่งขึ้น
“พี่โทร.มาเพราะอยากถามว่าพี่เทวาเป็นไงบ้าง”
“ก็กำลังงานยุ่งเรื่องประมูลโครงการใหม่น่ะค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ รายนั้นน่ะเขามีกำลังใจดี มีพี่รวิคอยดูแลกระหนุงกระหนิงกันตลอด”
ดาวิกายิ่งฟังคำจากดารินยิ่งโกรธและเครียด
“ตั้งแต่รินรู้จักพี่เทวามา ยังไม่เคยเห็นพี่เทวารักแล้วก็แคร์ผู้หญิงคนไหนมากขนาดนี้ นี่ยัยตะวันก็กำลังรบเร้าพี่เทวาว่าอยากมีน้องชายซะด้วย สงสัยยัยตะวันจะได้น้องจริงๆก็งานนี้ล่ะ”

ในห้องทำงานของเทวา เมฆากำลังรายงานผลการประมูลให้เทวาฟัง
“ผลการประมูลออกมาแล้วนะครับ”
เทวานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ดารินกับรริศาก็อยู่ในห้องด้วย
“ผมเพิ่งโทรคุยทางผู้ดำเนินโครงการเมื่อสักครู่นี้เอง”
“เป็นไงบ้าง”

ที่บ้านนิรมิต นิมมานกำลังรายงานผลให้มิตรฟังอยู่อย่าลิงโลดใจในชัยชนะ มนัสนั่งฟังอยู่ด้วยนิ่งๆ
“มีมติเป็นเอกฉันท์ให้บริษัทนิรมิตเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการเมืองใหม่ริมเจ้าพระยา ผมบอกแล้วไงครับคุณพ่อ ว่างานนี้เราจะไม่พลาดอีก”

ทางด้านเทวา
“นี่เราพลาดตรงไหน”
“คนข้างใน แจ้งนอกรอบมาว่าเป็นเรื่องราคาครับ นิรมิตเสนอราคาสูงกว่าเราเพียงแค่หนึ่งล้านบาทเท่านั้น”
“ว่าไงนะ”
“ส่วนแบบแปลน ระยะเวลาทำงาน รูปแบบการบริหาร และรายละเอียดทั้งหมด ของนิรมิตก็คล้ายกับเรามาก เรียกว่าแทบจะไม่มีตรงไหนที่ต่างกันเลย”
เทวาคิ้วขมวดครุ่นคิด

ฝ่ายนิมมานกำลังยิ้มสะใจ
“ต่อให้มันรู้ว่าเราก๊อปปี้แผนงานของมันมาเกือบหมด มันก็ไม่มีหลักฐาน แล้วก็ทำอะไรไม่ได้”
มนัสชะงักเมื่อได้ยิน มองนิมมานและมิตรอย่างตั้งใจฟัง
“เยี่ยมมากนิมมาน ไม่เสียแรงที่พ่อวางใจให้แกดูแลโปรเจกต์นี้ นี่แกไปล้วงข้อมูลของพวกมันมาได้ยังไง”
“ผมมีวิธีของผมก็แล้วกันครับคุณพ่อ”

มนัสเข้าใจทันทีว่าพี่ชายทำเรื่องไม่สะอาดอีกแน่ ดวงตามีแววเครียดรู้สึกไม่ดี

เทวาเชื่อว่า

“ฉันสงสัยว่าจะมีคนขโมยเอกสารการยื่นประมูลของเราไปให้นิรมิต”
รริศาหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัด แต่ทุกคนไม่ทันสังเกต
“ใครจะกล้าทำแบบนั้นครับ แล้วเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอดของบริษัท”
“นั่นสิคะ คนที่ได้เห็นตัวเลขในเอกสารนั้นก็มีไม่กี่คน พี่เทวา คุณพ่อ ริน แล้วก็พี่ริศา ซึ่งพวกเราก็ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นกันอยู่แล้ว” ดารินบอก
เทวามองไปไกลๆ พยายามคิดว่าจะเป็นใคร

มิตรจิบกาแฟอย่างพึงพอใจกับผลงานของนิมมาน
“ความฝันที่จะได้เป็นผู้นำในวงการอสังหาริมทรัพย์ของพ่อก็คงจะเป็นจริงซะที” มิตรเหลือบตาหันไปเห็นมนัสนั่งนิ่งอยู่ “ไงมนัส เห็นฝีมือพี่ชายแกหรือยัง แกต้องเรียนรู้ จากพี่เขาไว้ให้มากๆ”
มนัสโพล่งขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว
“เรียนรู้เรื่องกลโกง การลอบแทงคู่แข่งข้างหลัง และการเหยียบหัวคนอื่นขึ้นไปเป็นบริษัทอันดับหนึ่งน่ะเหรอครับ”
นิมมานบอก “แกอย่ามาทำตัวเป็นแกะดำในเวลาแบบนี้ นะมนัส”
“ผมอาจจะเป็นแกะดำ ผมอาจจะโง่เง่าในสายตาของพ่อกับพี่ แต่อย่างน้อยผมก็ภูมิใจว่า ผมไม่เคยใช้วิธีสกปรกคดโกงใคร”
“นี่แกกำลังเห็นขี้ดีกว่าไส้ เห็นศัตรูสำคัญกว่าครอบครัวงั้นเหรอ!” มิตรถาม
“ผมไม่เคยเห็นฝ่ายโน้นดีกว่า แต่ผมไม่อยากให้คุณพ่อกับพี่นิมมานกลายเป็นปีศาจร้ายในคราบนักธุรกิจที่ทำเรื่องเลวๆได้ทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตัวเอง”
มิตรทนไม่ไหว เข้ามาตบมนัสฉาดใหญ่ มนัสอึ้งไป
“พวกฉันเป็นปีศาจ แล้วคนอย่างแกมันสูงส่งนักงั้นสิ? ทุกวันนี้แกทำอะไรที่มีประโยชน์กับธุรกิจของเราได้บ้าง นอกจากแบมือขอเงินใช้ไปวันๆ คนแบบแกรู้ไหม เขาเรียกอะไร เขาเรียกพวกขี้แพ้ ไร้ค่า มือไม่พายแล้วยังเอาเท้ามาราน้ำ”
มิตรเดินออกไปอย่างหงุดหงิด นิมมานเหล่มองมนัสอย่างผิดหวัง ดูแคลนแล้วตามพ่อออกไป ทิ้งมนัสไว้กับความเสียใจ

ในห้องทำงาน เทวาเดินไปเดินมาครุ่นคิด แล้วคำของนิมมานเมื่อวันก่อนก็ผุดเข้ามาในความคิด
“เรื่องงานประมูล มันไม่ใช่เรื่องของการทำการบ้าน แต่บางครั้งมันก็เป็นเรื่องไหวพริบแล้วก็ต้องรู้เขารู้เรา คนที่มีข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามมากกว่าก็ย่อมมีโอกาสชนะมากกว่า”
เทวาหันมาถามเมฆาทันที
“เมฆา.. วันก่อนมีคนมาจัดห้องทำงานฉัน นายรู้ไหมว่าใคร”
“ไม่ทราบครับ ผมสั่งแม่บ้านไว้อย่างดีว่าไม่ให้แตะต้องโต๊ะทำงานคุณเทวา”
เทวาเข้าไปที่โต๊ะอีกครั้ง แล้วลองเปิดกองแฟ้มที่ซ้อนกันอยู่อย่างคร่าวๆ ก่อนพบว่า
“เอกสารการประมูลหายไปจริงๆ ต้องมีคนมาดึงไปจากโต๊ะทำงานฉันแน่ๆ”
“ใครจะทำแบบนั้นคะ แล้วจะทำไปเพื่ออะไร” ดารินถาม
“คนที่จะทำแบบนี้ก็คือคนที่สนิทกับนิมมาน สนิทมากพอที่จะหักหลังเราเพื่อให้นิมมานชนะ”
“ต้องสืบให้รู้ว่าหนอนบ่อนไส้ของบริษัทเราเป็นใคร สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือคนไม่ซื่อสัตย์”
“ บอกฝ่ายรักษาความปลอดภัยให้เอาเทปจากกล้องวงจรปิดมาเปิดเดี๋ยวนี้”
รริศาที่นั่งนิ่งมาตลอด กลืนน้ำลายยากเย็น ใจคอสั่น

เทวา เมฆา ดาริน และรริศากำลังยืนอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ของฝ่ายรักษาความปลอดภัย
“นี่เป็นเทปที่ได้มาจากกล้องตรงบริเวณหน้าห้องคุณเทวาครับ ผมให้รปภ.ดึงข้อมูลย้อนไปเมื่อวันก่อนที่เราจะยื่นซองประมูล”
รปภ.คลิกเปิดหน้าต่าง ภาพโชว์ขึ้นบนหน้าจอคอมพ์
“นั่นเป็นวันที่คุณเทวาออกไปหาลูกค้าที่ไซต์งาน”
ภาพถูกเร่ง forward ให้เร็วขึ้นแล้วหยุดเป็นปกติเมื่อเกิดภาพของรวิปรียา
“นั่นพี่รวิ!”
รวิปรียาเดินมาที่หน้าห้องของเทวาแล้วหยุดคุยกับพนักงาน1 จากนั้นรวิปรียาก็เข้าไปในห้อง
ภาพถูกเร่งสปีดforwardอีกครั้ง เห็นภาพพนักงานหลายคนทยอยออกจากออฟฟิศ จนออฟฟิศโล่งไม่มีคน รวิปรียาออกมาจากห้องทำงานของเทวาอีกครั้ง แล้วเดินไป
“ก็ดูเหมือนเขามาหาพี่เทวาปกตินี่คะ” ดารินบอก
“วันนั้นคุณรวิก็โทรถามผมเหมือนกันครับว่าคุณเทวาจะกลับเข้ามาที่ออฟฟิศอีกหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่ได้บอกว่าเธอมาหาคุณเทวาที่นี่”
“ถ้าดูจากเวลาแล้ว รวิอยู่ในห้องทำงานพี่เกือบสองชั่วโมง เขาจะเข้าไปทำอะไรนานขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะ...”
“แต่จากภาพในกล้อง เราก็ไม่เห็นนี่คะว่าตอนออกมาพี่รวิหยิบเอาเอกสารนั่นไปด้วย”
รริศารู้สึกอึดอัด ใจหนึ่งก็อยากจะโยนความผิดให้รวิ จะได้รอดคัว แต่ก็ยังรู้สึกผิด แต่สุดท้ายก็โพล่งออกมา
“ริศาก็เห็นคุณรวิค่ะ ตอนนั้นริศาเพิ่งเลิกงานกำลังจะออกจากบริษัทพอดี แล้วริศาก็เจอคุณรวิที่ทางออก เอกสารอาจจะถูกพับใส่กระเป๋าถือก็ได้นะคะ เพราะเป็นแค่ใบเสนอราคาและข้อมูลไม่กี่แผ่น”
“เป็นไปไม่ได้ ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันแน่ๆ”
ทุกคนเงียบ อึ้ง.. ดารินยังไม่อยากเชื่อแต่ทุกอย่างดูจำนนด้วยหลักฐาน เทวาพยายามข่มความผิดหวัง
“พี่ขอร้องทุกคน อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อจนกว่าพี่จะรู้แน่ว่า ใครเป็นคนเอาเอกสารไปให้ฝ่ายตรงข้ามกันแน่”
รริศามีสีหน้าไม่ดี ทั้งกลัวความผิด
 
ทั้งอีกใจหนึ่งก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่พูดไป

เมฆากำลังแปลกใจ ที่เทวาบอกกับเขา

“คุณเทวา จะให้ส่งคนตามประกบคุณรวิเนี่ยนะครับ”
เทวายืนอยู่ในห้องทำงานคุยกับเมฆาสองต่อสอง ท่าทางมีกังวล
“ใช่ ตามสอดส่องดูพฤติกรรมของเขา แต่อย่าให้เจ้าตัวรู้ตัวเด็ดขาด”
“แต่คุณรวิเป็นภรรยาคุณนะครับ ทำแบบนี้มันจะดีหรือครับ เหมือนไม่ไว้ใจภรรยาตัวเอง”
“ก็เพราะเขาเป็นเมีย เป็นคนที่ฉันไว้ใจ ฉันถึงต้องรู้ให้ได้ว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือเปล่า ฉันก็ไม่ได้อยากทำ แต่เรื่องนี้มันจำเป็น”
“คุณเทวาอยากให้เริ่มตามเมื่อไหร่ครับ”
“ตั้งแต่ตอนนี้เลย ส่งข้อมูลมาเป็นระยะ ฉันอยากรู้ว่าวันนึงเขาออกไปไหน เจอกับใครบ้าง”
เมฆาพยักหน้ารับคำสั่ง แม้จะรู้สึกไม่สบายใจไปกับเจ้านายด้วย

เวลาต่อมา รวิปรียาออกมาจากบริษัท เดินตรงมายังรถของเธอที่จอดอยู่ ทุกการกระทำของเธอมีสายสืบของเมฆา 2คน ที่จอดมอเตอร์ไซค์ดักซุ่มมองอยู่
รวิปรียาขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนจะขับรถออกไปจากออฟฟิศ
สายของเมฆาสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ตามรถรวิปรียาไป

รวิปรียานั่งคุยกับมนัสอยู่ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“ขอบคุณมากนะครับพี่รวิที่อุตส่าห์มา”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เราสองคนก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันสักหน่อย”
“ผมแอบกลัวอยู่ว่าพอพี่รวิเลิกกับพี่นิมมานแล้ว จะพลอยเลิกคบผมไปด้วย”
“เห็นพี่เป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนั้นเลยหรือ ตกลงว่ามีเรื่องอะไร”
“เรื่องผมกับคุณริน”
“คุณริน”
“ครับคุณริน น้องสาวคุณเทวา ผมกับคุณรินรู้จักกันมาได้สักพักแล้ว ที่จริง..เรากำลังเริ่มคบกัน”
“อะไรนะ มนัสกับคุณรินเนี่ยนะ พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“ไม่มีใครรู้หรอกครับ คุณรินเองเขาก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าผมเป็นน้องชายพี่นิมมาน”
ระหว่างที่รวิปรียาคุยกับมนัส คนของเมฆาก็แอบใช้กล้องมือถือถ่ายภาพสองคนนั้นเป็นระยะ

ภาพของรวิปรียากับมนัสถูกส่งเข้ามือถือของเทวา เทวากำลังนั่งมองภาพถ่ายนั้นจากหน้าจอโทรศัพท์อย่างสงสัย
“นี่เขาไปหาใคร”

มนัสเล่าเรื่องให้รวิปรียาฟังจบแล้ว
“ก็ตามที่ผมเล่ามานั่นแหละครับ ตอนนี้คุณรินเขาโกรธผมมาก ผมโทรหาเขาก็ไม่รับสาย เขาปิดทุกช่องทางไม่ให้ผมติดต่อได้เลย ผมก็เลยนึกถึงพี่รวิ พี่เป็นคนเดียวที่จะช่วยผมได้”
“พี่เข้าใจความรู้สึกมนัสดี”
รวิปรียายื่นมือไปจับมือมนัสแล้วตบหลังมือมนัสปลอบๆ
สายสืบของเมฆาถ่ายภาพนั้นไว้รัวๆ
“เอาไว้ถ้ามีโอกาสพี่จะช่วยพูดกับคุณรินให้”
“ขอบคุณครับพี่รวิ ผมคิดไม่ผิดจริงๆที่มาหาพี่”

เทวามองภาพล่าสุดที่ถูกส่งมา ภาพที่รวิปรียากุมมือมนัสทำให้เขาร้อนรนใจ เครียดๆ
“หรือว่านอกจากนิมมานแล้วยังมีผู้ชายคนอื่นอีก”
เทวาวางโทรศัพท์ลงอย่างหงุดหงิดไม่อยากเห็น เมฆาเข้ามาในห้องพอดี
“คุณเทวาได้ภาพที่ผมส่งให้หรือยังครับ”
“อืม..”
“คุณเทวารู้ไหมครับว่าผู้ชายที่คุณรวิไปเจอเป็นใคร”
“ไม่รู้”
“เขาชื่อมนัส เป็นน้องชายคุณนิมมาน”
“แล้วเขาไปเจอน้องชายแฟนเก่าทำไม”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
“หรือจริงๆแล้ว ฉันมองเขาผิดมาตลอด เขาเป็นอย่างที่คนอื่นว่าจริงๆ”
“ถ้ายังไม่รู้ความจริงจากปากคุณรวิ คุณเทวาอย่าเพิ่งรีบสรุปไปเองก่อนเลยครับ เดี๋ยวจะยิ่งผิดใจกันไปเปล่าๆ แล้วคุณมนัสคนนี้ก็ดูมีอะไรบางอย่างกับ.. “ เขานึกถึงดาริน
“นายหมายถึงอะไรเมฆา”
“ผมไม่อยากพูดในสิ่งที่ผมไม่แน่ใจ แต่ที่มั่นใจคือคุณรวิกับคุณมนัสไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด”
“ฉันก็อยากจะมั่นใจได้อย่างนายเหมือนกัน เมฆา คืนนี้ฉันจะไปค้างที่คอนโดนะ ช่วยโทรไปบอกที่บ้านฉันให้ด้วยว่าฉันมีงานต้องสะสาง ค้างที่คอนโดจะสะดวกกว่า”
“แล้วคุณเทวาจะไม่กลับบ้านไปคุยกับคุณรวิให้เข้าใจหรือครับ”
เทวาไม่ตอบคำถาม แต่สีหน้าของเขาทำให้เมฆารู้ว่าไม่ควรเซ้าซี้ต่อ

ที่อเมริกา ดาวิกานั่งอยู่ในแสงสลัวของบรรยากาศยามค่ำคืน ที่ใกล้สว่าง
เบื้องหน้าเธอคือภาพถ่ายหลายภาพของพศินที่เธอเก็บเอาไว้ เธอหยิบภาพถ่ายพศินที่คู่กับรวิปรียามาดู ความโกรธแค้นใจยังสุมอก
“จะมีลูกด้วยกันงั้นเหรอ ฝันไปเถอะรวิปรียา”
ดาวิกาคว้ากรรไกรขึ้นมา จ้องมองที่ภาพใบหน้าของรวิปรียาอย่างชิงชัง
“ทุกอย่างที่ฉันเสียไป เธอจะต้องชดใช้” ดาวิกาจิ้มกรรไกรลงบนภาพใบหน้าของรวิปรียาไม่หยุด
 
“ชดใช้! ชดใช้!”

รวิปรียาขมวดคิ้วอย่างสงสัย เมื่อรับฟังคำบอกเล่าของจ๊ะเอ๋

“คุณเทวาจะไปนอนค้างที่คอนโดคืนนี้”
“ค่ะ เมื่อครู่นี้คุณเมฆาเพิ่งจะโทรมาบอก”
รวิปรียาเหมือนบ่นกับตัวเอง “แล้วทำไมไม่โทรมาบอกเอง”
“ก็นั่นสิคะ จ๊ะเอ๋ก็งสงสัยอยู่เนี่ยว่าทำไมไม่โทรบอกคุณรวิเอง”
ตะวันนั่งเล่นอยู่แถวนั้น เงยหน้าขึ้นมาถามตาปริบๆ
“คุณพ่อกับคุณแม่ทะเลาะกันหรือคะ”
“เปล่าจ้ะ”
“ดีค่ะ เพราะตะวันไม่ชอบให้คุณพ่อกับคุณแม่ทะเลาะกัน ตะวันดูการ์ตูนเมื่อวันก่อน เด็กที่พ่อแม่ทะเลาะกันเค้าน่าสงสารมากเลยค่ะ”
“อู๊ย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่รักกันขนาดนี้ ไม่ทะเลาะกันหรอกค่ะ”
รวิปรียายิ้มแทนคำตอบให้ความมั่นใจกับตะวัน

เทวานั่งซึมๆ เหม่อๆอยู่ในห้องในคอนโด หวนกลับมาคิดถึงสิ่งที่ดาวิกาพยายามพูดกับเขามาตลอดเรื่องรวิปรียาเป็นผู้หญิงไม่ดี
เขาสูญเสียความเชื่อใจที่เคยมีต่อรวิปรียา
“ถ้าคุณเป็นคนอย่างนั้นจริงๆ ผมจะให้อภัยคุณได้ยังไง รวิ”
เสียงโทรศัพท์ของเทวาดังขึ้น เทวาเห็นเป็นเชื่อรวิปรียาโทร.มา เขาลังเลอยู่สักพักว่าจะเอายังไงดี ทั้งกลัวตัวเองใจอ่อน ทั้งกลัวรวิปรียาจะเล่นละครตบตาอีก เสียงโทรศัพท์ดังจนสายตัดไป เทวาถอนหายใจกลุ้มๆ

รวิปรียา มองที่โทรศัพท์ แปลกใจที่เทวาไม่รับสาย แต่ด้วยความซื่อไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงกดโทรออกใหม่
เสียงโทรศีพท์ดังขึ้นอีกครั้ง สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจกดรับ
รวิปรียายิ้มดีใจเมืออีกฝั่งรับสาย “นึกว่าคุณจะไม่รับสายซะอีก ยุ่งอยู่หรือคะ”
“ครับ”
“ฉันโทรมารบกวนหรือเปล่า”
น้ำเสียงเทวา มีแววห่างเหิน ตึงๆ
“ไม่หรอก รวิมีอะไรหรือเปล่า”
“แค่เป็นห่วงน่ะค่ะ เห็นคุณงานยุ่งถึงขนาดไม่กลับบ้านเลย”
“อืม”
“คุณทานข้าวเย็นหรือยัง อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวฉันหาซื้อไปให้”
“ไม่เป็นไร ผมกินข้าวแล้ว”
“แล้วพรุ่งนี้จะกลับมาบ้านไหมคะ”
“ผมคงค้างที่คอนโดอีกสักสองสามวัน”
รวิปรียาผิดหวังเล็กน้อย รู้สึกได้ว่าเทวาเย็นชากับเธอ
“งั้นก็อย่าทำงานดึกมากนะคะ ตะวันเขาก็เป็นห่วงคุณเหมือนกัน เขานึกว่าเราสองคนทะเลาะกัน”
เทวาลำบากใจไม่ได้ตอบอะไร
“ฉันก็เลยคิดได้ว่า เราสามคนไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนานแล้ว เอาไว้คุณว่างเมื่อไหร่ เราพาตะวันไปเที่ยวทะเลกันดีไหมคะ หรือไปบ้านสวนก็ได้ ตะวันต้องชอบแน่ๆเลย”
“เอาไว้ตอนผมหายยุ่งแล้วกันนะ”
รวิปรียาเริ่มสงสัย
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เทวาอึดอัดใจ จนต้องตัดสินใจถาม
“รวิ วันนี้คุณไปไหนมา”
“วันนี้หรือคะ ฉันมี...” รวิปรียาชะงัก
รวิปรียาลังเลว่าจะบอกดีไหม แต่ยังนึกถึงคำพูดของเทวาเมื่อวันก่อน
เสียงเทวา ดังแทรกเข้ามา
“ความรักมักทำให้คนเราเป็นทุกข์เสมอ ถ้าผมรู้ก่อนหน้านี้ผมจะไม่ยอมให้เขาต้องเจ็บ และถ้าเป็นไปได้ผมจะไม่ยอมปล่อยให้น้องๆของผมมีความรักเลย”
รวิปรียาเปลี่ยนเรื่อง “ก็แค่ออกไปกินข้าวกับลูกค้าน่ะค่ะ”
เทวาผิดหวังที่รวิปรียาไม่พูดความจริง “อืม.. งั้นเหรอ”
รวิปรียาตอบไม่ค่อยเต็มเสีย “ค่ะ”
“งั้นเท่านี้นะ ผมต้องทำงานต่อ”
“กู๊ดไนท์ค่ะ”
ก่อนเทวาจะกดวางสาย รวิปรียาก็เรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะ”
เทวาชะงัก
“รวิคิดถึงคุณนะคะ”
ไม่มีเสียงตอบจากเทวา รวิปรียาจึงกดวางสายแล้วถอนหายใจ พึมพำกับตัวเอง
“บอกเรื่องคุณรินไปตอนนี้ก็จะกลายเป็นปัญหาเปล่าๆ”
หลังจากวางสาย เทวาก็ยิ่งเครียดกว่าเดิม เพราะคิดไปว่ารวิปรียาตั้งใจโกหกเขา

เพชรพริ้งนั่งจิบไวน์อยู่ในบาร์ตามลำพัง เหงาๆ ครุ่นคิดวางแผนว่าจะเอายังไงต่อไปดี เริ่มกึ่มๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
“เอาไวน์มาอีกแก้วนึง”
“วันนี้พอก่อนดีไหมครับพี่”
“บอกให้เอามาก็เอามาเถอะน่า”
บาร์เทนเดอร์ส่งแก้วไวน์แก้วใหม่ให้เพชรพริ้ง ขณะเพชรพริ้งกำลังจะยกขึ้นดื่มก็ได้ยินเสียงคนหัวเราะพูดคุยกันดังมาจากโต๊ะหนึ่งที่ไม่ไกลกัน เพชรพริ้งหันไปมอง หญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับรวิปรียา กำลังคุยหัวเราะอยู่กับแฟนหนุ่ม เพชรพริ้งเบะปากใส่ แล้วหันกลับมาคุยกับบาร์เทนเดอร์
“รู้ไหมพี่เกลียดผู้หญิงแบบไหนที่สุด”
บาร์เทนเดอร์หนุ่มส่ายหน้า
“แบบนั้นไง ผู้หญิงที่เกิดมามีพร้อมทุกอย่าง มีครอบครัวที่ดี แล้วยังมีผู้ชายมาหลงรักหัวปักหัวปำอีก”
“โห.. แบบนี้เรียกอิจฉาหรือเปล่าพี่”
“ก็คงใช่ ความอิจฉามันก็ซ่อนอยู่ในใจผู้หญิงทุกคนนั่นแหละ อยู่ที่ใครจะกล้าเปิดเผยมันออกมามากกว่ากัน แต่ที่มากกว่าความอิจฉาก็คือความเกลียด โดยเฉพาะถ้าผู้หญิงคนนั้นเกิดมาใกล้เคียงกับเรา นามสกุลเดียวกับเรา แต่มันกลับได้ทุกอย่าง ในขณะที่เราไม่มีอะไรเลย”
“นอกจากอิจฉา เกลียด แล้วท่าทางจะแค้นมากด้วยนะพี่”
เพชรพริ้งไม่ตอบแต่ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเร็วๆ
เมฆาเดินเข้ามามองเห็นเพชรพริ้งนั่งดื่มอยู่คนเดียว ตัดสินใจเดินเข้าไปหา
เมฆาเดินมาหยุดอยู่ข้างเพชรพริ้ง ทักขึ้นอย่างแปลกใจ
“คุณพริ้ง!”
เพชรพริ้งเหล่มองเมฆา ไม่ได้ตื่นเต้นนัก “ฉันรอคุณอยู่พอดีเลย”
“รอผม”

“ใช่ เพราะฉันรู้..ว่าคุณชอบมาที่นี่”

ต่อมา เมฆากับเพชรพริ้งขึ้นไปนั่งบนรถ
 
เมฆาประจำอยู่ฝั่งคนขับ เพชรพริ้งปิดประตูรถ ทิ้งตัวเอนหลัง
“พริ้งยังไม่อยากกลับบ้าน”
“งั้นคุณพริ้งจะให้ไปส่งที่ไหนครับ”
เพชรพริ้งคิดๆ “คืนนี้น่ะเหรอ”
เธอเอี้ยวตัวมามองหน้าเมฆาใกล้ๆ ยื่นมือไปจับมือเมฆา “ มีที่เดียวที่พริ้งอยากไป”
สายตาเพชรพริ้งมองเมฆา ส่อเป็นนัย

ในคอนโดของเมฆา เขากับเพชรพริ้งกอดจูบนัวเนียกันขณะเข้ามาในห้องนอน อารมณ์เตลิดกันมาก่อน
หน้านี้แล้ว ปากเมฆายังถามเพื่อความแน่ใจ แม้จะยังนัวเนียกันอยู่
“แน่ใจนะครับว่าคุณพริ้งอยากทำแบบนี้”
“ทำไม”
“ตอนนี้คุณกำลังเมา พรุ่งนี้คุณอาจจะนึกเสียใจก็ได้ที่ผู้ชายที่คุณนอนด้วยเป็นผู้ชายธรรมดาอย่างผม”
เพชรพริ้งชะงัก หยุดมองเมฆา
เพชรพริ้งขำๆ “นี่คุณกำลังน้อยใจเหรอ รึว่าคุณแกล้งโง่หรือไม่รู้จริงๆว่าพริ้งไปนั่งรอคุณที่บาร์เพื่ออะไร”
“ผมก็แอบคิด เพียงแต่ไม่กล้าเข้าข้างตัวเอง”
“คุณนี่ถ่อมตัวตลอดเวลานะ แม้แต่ในเวลาแบบนี้”
“เปล่าครับ ผมแค่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น”
“แล้วคุณยอมรับฉันในสิ่งที่ฉันเป็นได้หรือเปล่า”
“คนทุกคนมีปมปัญหาของตัวเองทั้งนั้น เราไม่จำเป็นต้องยอมรับให้ได้ทุกอย่างนี่ครับ แค่มีช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกัน โดยไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน นั่นก็น่าจะพอแล้ว ในเมื่อตอนนี้คุณเป็นอิสระ ไม่ได้เป็นภรรยาของใครก็เท่ากับว่าเราไม่ได้ทำผิดอะไร”
ทั้งคู่จูบกันต่อก่อนที่จะพากันไปล้มตัวลงบนเตียง

รุ่งขึ้น รวิปรียาเดินลงมาจากบันไดบ้าน แล้วเห็นว่าดารินนั่งเบื่อๆอยู่คนเดียวที่โซฟา
“วันนี้ไม่ไปทำงานหรือคะคุณริน”
“วันนี้รินรู้สึกปวดหัวน่ะค่ะ แล้วก็เบื่อๆ เลยว่าจะโดดงานสักวัน แล้วพี่รวิล่ะคะ”
“พี่มีประชุมช่วงบ่ายน่ะค่ะ ก็เลยว่าจะเข้าออฟฟิศช้าหน่อย คุณรินมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าคะ ท่าทางดูซึมๆมาหลายวันแล้ว”
“เปล่าค่ะ รินแค่เครียดเรื่องงานนิดหน่อย”
“งั้น.. เราไปช้อปปิ้งแก้เครียดกันดีไหม”
“ก็ดีค่ะ เพราะรินเองก็มีเรื่องที่ต้องถามพี่รวิหลายเรื่อง”

ในห้างสรรพสินค้า ดารินกับรวิปรียากำลังเลือกเสื้อผ้าอยู่ด้วยกัน แต่ทั้งคู่ก็เลือกไปแกนๆ เพราะรวิปรียาคอยสังเกตอารมณ์ของดารินอยู่เป็นระยะ ดารินเองก็คอยหาโอกาสจะถามเรื่องที่เกิดขึ้น
รวิปรียาหยิบชุดขึ้นมาชุดหนึ่ง โชว์ให้ดารินดู
“ตัวนี้เป็นไงคะคุณริน เหมาะกับคุณรินดีนะคะ”
“เดี๋ยวรินเอาไปลองดูก่อนแล้วกันค่ะ” ดารินรับเสื้อมาจากรวิ “เออ พี่รวิคะ เมื่ออาทิตย์ก่อน พี่รวิได้ไปที่ห้องทำงานที่เทวามาหรือเปล่าคะ”
“ไปค่ะ พี่ตั้งใจจะไปคุยกับเขา แต่บังเอิญวันนั้นคุณเทวาไปดูงานข้างนอก พี่รออยู่สักพักก็เลยกลับ”
“แค่นั้นเหรอคะ”
“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
“พี่รวิเห็นกระดาษเอกสารที่เกี่ยวกับราคาประมูลงานอะไรพวกนั้นบ้างไหมคะ”
“เอกสารอะไรคะ พี่ไม่ทันได้สังเกต มีอะไรสำคัญหรือคะ”
ดารินไม่แน่ใจว่าควรพูดหมดหรือเปล่า เพราะยังไม่กล้าไว้ใจรวิปรียาเต็มร้อย
“เปล่าค่ะ งั้นเดี๋ยวรินไปลองเสื้อก่อนดีกว่า”
ดารินเดินหายเข้าไปในห้องลอง รวิปรียามองตามไม่แน่ใจว่าดารินอยากพูดอะไรกับเธอกันแน่แต่ก็ไม่ได้คิดมาก

ดารินเปิดประตูห้องลองเสื้อออกมา พร้อมชุดที่ลองอยู่
“เป็นไงบ้างคะพี่รวิ”
คนที่ดารินเห็นไม่ใช่รวิปรียา แต่กลับเป็น..มนัสซึ่งยืนคอยอยู่แล้ว

มนัสกับดารินคุยกันอยู่ที่มุมเงียบๆมุมหนึ่ง ดารินยังคงไม่พอใจมนัสอยู่
“พี่รวิไปไหน”
“เขาต้องไปประชุม เลยให้โอกาสผมมาทำความเข้าใจกับคุณ”
“ไม่จำเป็น ตอนนี้ฉันรู้ธาตุแท้คุณหมดแล้วว่าพวกคุณมันสกปรกขนาดไหน ใช้วิธีการต่ำๆเข้ามาตีสนิทฉัน ให้คนมาโขมยข้อมูลของบริษัทฉันเพื่อเอาไปเสนอราคาตัดหน้า จนชนะการประมูล สะใจพอหรือยัง แล้วที่ยังเสนอหน้ามาหาฉันเนี่ย ยังจะต้องการอะไรอีก”
“ผมต้องการอธิบายเรื่องทั้งหมดให้คุณฟัง ผมรู้ว่าพ่อผม พี่ชายผมอาจจทำไม่ดีกับพวกคุณไว้มาก แต่ผมกับคุณ.. เราสองคนไม่เกี่ยวกับเขา คุณก็เป็นคุณ ผมก็ยังเป็นผมคนเดิม ทำไมเราจะคบกันเหมือนเดิมไม่ได้”
“ไม่ได้เพราะพวกคุณเป็นศัตรูกับครอบครัวฉัน”
“งั้นเราก็เลิกยุ่งกับธุรกิจครอบครัวเราซะ แล้วเราก็หนีไปอยู่ด้วยกัน มีแค่คุณกับผม แค่คุณบอกมาว่าคุณจะไปกับผม ผมจะยอมทิ้งทุกอย่าง จะยอมให้พ่อตราหน้าว่าเป็นลูกอกตัญญูก็ได้”
“อย่าเพ้อไปหน่อยเลย ฉันไม่มีวันทอดทิ้งครอบครัวฉันเพราะผู้ชายเพียงคนเดียวแน่ อยู่กับความเป็นจริงเถอะมนัส เรื่องของเรามันไม่มีทางเป็นไปได้”
มนัสอ้อนวอน “คุณริน”
“แล้วพี่ชายฉันก็สอนฉันเสมอว่า เมื่อคนที่ไม่รู้ทำผิดเราควรให้อภัย แต่คนพวกเจ้าเล่ห์ ไม่มีความซื่อสัตย์ ที่ตั้งใจทำผิดซ้ำๆ เป็นพวกที่น่ารังเกียจที่สุด”
ดารินยังคงทำใจแข็ง พูดแล้วเดินหนีไปทันที มนัสมองตามสะท้อนใจกับตัวเอง
 
เมื่อเป็นแบบนี้เขาก็ไม่มีหน้าไปขอคืนดีกับดารินอีกแล้ว

ที่คอนโดฯ เมฆาอยู่ในชุดเสื้อกล้าม
 
เดินไปหยิบผ้าขนหนูเหมือนเตรียมจะไปอาบน้ำ เพชรพริ้งในชุดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเมฆาเข้ามากอด
“อะไรกัน นี่ยังต้องไปทำงานอีกเหรอ”
“ครับ นี่ก็จะเที่ยงแล้ว ถือว่าเข้างานสายมาก”
“ก็ลาหยุดไปสิคะ เราจะได้ใช้เวลาด้วยกันต่อทั้งวัน”
“วันนี้ไม่ได้จริงๆครับ ช่วงนี้คุณเทวายิ่งมีเรื่องเครียดๆอยู่”
“คุณเทวาเครียด? เรื่องอะไรคะ”
“ก็หลายเรื่องน่ะครับ”
“แหม ไม่เห็นจะต้องพูดอ้อมค้อมเลย ข่าวที่นิรมิตตัดหน้าได้งานเมกกะโปรเจกต์ไปก็ออกจะใหญ่โต เขารู้กันทั้งนั้นแหละ พริ้งยังคิดอยู่เลยว่ามันแปลกๆ ปกตินิรมิตไม่เคยประมูลงานชนะบริรักษ์ได้เลยสักครั้ง ครั้งนี้คงจะดวงดี”
“มันไม่ใช่แค่เรื่องดวงน่ะสิครับ”
“หมายความว่าไง”
“ช่างเถอะครับ ผมไม่อยากเอาเรื่องงานมาทำให้คุณพริ้งเครียดไปด้วย”
เสียงโทรศัพท์เมฆาดังขึ้น เมฆากดรับสาย
“ว่าไง”
เพชรพริ้งทำเป็นไม่สนใจเดินไปรินกาแฟใส่ถ้วย พลางจิบช้าๆ ขณะที่แอบคอยเงี่ยหูฟังเมฆาอย่างสนใจ
“ก็คงต้องตามประกบต่อไปสักพัก คุณเทวาเขาสั่งมาอย่างนั้น” เมฆาหยุดฟังอีกฝ่าย “เอาไว้เสร็จงานแล้วก็ส่งราคามา ฉันจะจัดการเรื่องเงินให้”
เมฆากดวางสาย แล้วหันบอกเพชรพริ้ง
“ผมต้องรีบแล้ว ก่อนไปทำงานผมจะไปส่งคุณนะ”
“ค่ะ”
เมฆาคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป เพียงแค่เมฆาคล้อยหลังเพชรพริ้งรีบไปหยิบโทรศัพท์ของเมฆขึ้นมาดูทันที เธอสไลด์เปิดหน้าจอ
หน้าจอโทรศัพท์ของเมฆาเป็นภาพถ่ายของรวิปรียากับมนัสที่สายสืบส่งให้หลายภาพ
เพชรพริ้งเลื่อนดูภาพถ่ายเหล่านั้น พอจับเรื่องราวได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

นิมมานกำลังจะเดินออกจากห้อง เสียงโทรศัพท์ดัง มองชื่อ กดรับสายจากเพชรพริ้ง ส่งเสียงห้วนๆไป
“ว่าไง”

เพชรพริ้งในชุดใหม่ที่บ้านสิริคุณานันท์
“ฉันเคยบอกคุณแล้วใช่ไหมว่า สักวันเราสองคนอาจต้องร่วมมือกัน ตอนนี้ฉันมีข่าวมาบอกคุณ เรื่องรวิกับคุณเทวา”

หลังจากคุยกันได้สักพัก นิมมานเดินลงบันไดพูดสายกับเพชรพริ้งต่อเนื่องมาจนถึงบริเวณห้องนั่งเล่นของบ้าน
“แน่ใจนะคุณจะไม่แว้งกัดผมทีหลัง”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะฉลาดพอที่จะจัดการเรื่องนี้หรือเปล่า ฉันทำในส่วนของฉันแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับคุณ หวังว่าคุณคงรู้นะว่าจะต้องทำยังไง”
นิมมานกดวางสายจากเพชรพริ้งขณะมาถึงห้องนั่งเล่น เห็นภาพที่มิตรกำลังคุยโทรศัพท์อยู่พอดีเช่นกัน
“เท่าที่ฟังข้อเสนอของทางผม คุณวิษณุคิดยังไงบ้างครับ … ผมเข้าใจว่าตอนนี้ทางคุณเป็นดองอยู่กับบริรักษ์ แต่ก็อย่าลืมว่าเรากำลังทำธุรกิจ ถ้าอยากเป็นมืออาชีพก็ควรจะแยกเรื่องส่วนตัวกับธุรกิจออกจากกันได้ เรื่องง่ายๆแค่นี้ทางบริรักษ์น่าจะเข้าใจ..... ไม่เป็นไรครับ ค่อยๆคิดดูก่อน แล้วผมจะส่งนิมมานไปคุยกับหนูรวิอีกที”
มิตรกดวางสาย นิมมานจึงเข้ามาคุยด้วย
“คุยกับคุณลุงวิษณุหรือครับคุณพ่อ”
“ใช่ พ่อกำลังชวนเขามาร่วมลงทุนในโครงการใหม่”
“แล้วเขาจะยอมหรือครับ”
“แกเพิ่งเลิกกับเพชรพริ้ง เขาคงไม่ยอมง่ายๆหรอก แต่ลองชวนดูก็ไม่เสียหายอะไร จะว่าไปคุณวิษณุน่ะยังไงก็ได้ แต่ตัวละครสำคัญคือรวิ เพราะสุดท้ายเขาก็เชื่อแต่รวิอยู่ดี”
“เรื่องรวิ ผมจะจัดการเองครับพ่อ”
“แกแน่ใจนะว่าเขายังมีเยื่อใยกับแกอยู่”
“ผมเคยเป็นผู้ชายที่เขารัก ที่สำคัญตอนนี้ผมก็ไม่มีพันธะเรื่องเพชรพริ้งแล้ว แค่รอเวลาให้เขาเลิกกับไอ้เทวาเมื่อไหร่ ผมจะทำให้เขาหันกลับมามองผมอีกครั้ง”

รวิปรียาคุยกับนิมมานอยู่ในห้องทำงาน
“เรื่องร่วมทุนในโปรเจกต์เมืองใหม่ คุณพ่อก็บอกรวิคร่าวๆแล้วค่ะ”
“แล้วรวิคิดว่าไงบ้าง”
“เอาตรงๆนะคะ รวิกับคุณพ่อเห็นเหมือนกันว่าเรายังไม่อยากตัดสินใจร่วมทุนกับนิรมิตในเวลานี้ เพราะเกรงใจทางบริรักษ์”
“แต่ถ้าคุณเทวาเขารักรวิจริง เขาก็ต้องเข้าใจภรรยาตัวเองสิว่านี่เป็นเรื่องของธุรกิจ ทางสยามเอ็นจิเนียริ่งเองก็ยังไม่ได้คิดจะควบรวมกิจการกับบริรักษ์นี่”
“ถ้าทางเราจะร่วมทุนจริง รวิคิดว่าคุณเทวาคงเข้าใจ ถึงรวิกับคุณพ่อจะยังไม่เห็นด้วย แต่ทางหุ้นส่วนคนอื่นๆเขาสนใจโปรเจกต์นี้ค่ะ”
นิมมานพอใจ “นั่นไง ผมว่าแล้ว เมกกะโปรเจคท์แบบนี้ ไม่มีใครอยากพลาดหรอก”
“ทุกคนเลยลงความเห็นให้รวิมาลองฟังข้อเสนอของทางคุณดูก่อน”
“ได้เลย งั้นเราไปหาที่คุยกัน ผมจะบอกรายละเอียดทุกอย่างที่รวิอยากรู้”
“แต่ว่า” เธอกลัวว่าเทวาจะหึงหวงเหมือนกัน “เราคุยกันที่นี่ดีกว่าไหมคะ”
“นี่มันก็จะเที่ยงแล้วนะรวิ กลัวคุณเทวาโกรธเหรอ ถ้าโกรธเพราะเรื่องแค่นี้ คุณเทวาก็เป็นผู้ชายที่ใจแคบเกินไป และถ้าเขาเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนั้น ผมก็คิดว่าเขาไม่คู่ควรกับรวิ”
“งั้นคุณก็เลือกสถานที่แล้วกันค่ะ”

นิมมานยิ้มอย่างลิงโลดใจ

ในรถนิมมาน รวินั่งมาด้วย
 
นิมานยิ้มพอใจ ขับรถมาถึงหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง นิมมานมองผ่านกระจกหลังรู้ว่ามีสายสืบขับมอเตอร์ไซค์ตามมา เขาแอบยิ้มมีแผน
นิมมานเลี้ยวรถเข้าไปในโรงแรมแห่งนั้น รวิปรียาแปลกใจ
“มาที่นี่ทำไมคะ”
“ก็มากินข้าวไง ที่โรงแรมนี้มีร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่งเปิดใหม่ รวิชอบอาหารญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ”
“ยังไงก็ได้ค่ะ เราแค่มาคุยงานอยู่แล้ว ไม่ต้องพิถีพิถันมากก็ได้”
นิมมานไม่ตอบอะไร แต่ขับรถเข้าไปภายในบริเวณโรงแรม
ที่ถนนด้านนอก สายสืบจอดมอเตอร์ไซค์ที่หน้าโรงแรม หยุดมองรถของนิมมานที่แล่นเข้าไป คนนั่งหลังยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพท้ายรถนิมมาน

เทวากำลังนั่งมองภาพถ่ายที่เพิ่งถูกส่งเข้าโทรศัพท์มือถือ เมฆายืนอยู่ตรงหน้า
ในจอโทรศัพท์เป็นภาพท้ายรถของนิมมานที่แล่นเข้าโรงแรมไป และภาพป้ายชื่อโรงแรม
“คนของเรารายงานว่าคุณรวินั่งรถคันนั้นเข้าไป ส่วนรถคันนั้นผมก็เช็คแล้ว เป็นรถของคุณนิมมาน”
เทวานิ่งไปเพราะโกรธ แล้วลุกขึ้นจะออกจากห้อง
“คุณเทวาจะไปไหนครับ”
เทวาไม่ตอบแต่หุนหันออกไปเลย

ที่หน้าโรงแรมแห่งเดิม รวิปรียาเดินออกมาพร้อมด้วยนิมมาน
“รวิแน่ใจนะว่าไม่ต้องให้ผมไปส่ง”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันโทร.เรียกคนขับรถของบริษัทให้มารับแล้ว ขืนให้คุณไปส่งก็จะเป็นปัญหาขึ้นมาอีก”
“ผมเข้าใจ นี่รวิกับคุณเทวาไม่ได้มีปัญหาอะไรกันใช่ไหม”
“ไม่มีค่ะ ตอนนี้เราเข้าใจกันดี” ดวงตารวืปรียาเป็นประกายด้วยความรัก
นิมมานดูรวิปรียาออก
“รวิรักเขาเหรอ”
รวิปรียาตอบมั่นใจ “ค่ะ ฉันไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่เราสองคนคบกัน”
นิมมานอึ้งสะเทือนใจจริง แต่พยายามเล่นละครต่อไป
“รวิโชคดี แต่ผมสิ ชีวิตรักของผมก็ผิดพลาด ชีวิตครอบครัวก็ล้มเหลว ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนไม่เหลือใครอีกแล้ว”
“อย่างน้อยเราก็ยังเป็นเพื่อนกันนะ”
นิมมานรู้ว่ามีคนตามคอยถ่ายภาพอยู่ เข้าเข้าไปกอดรวิปรียาไว้แบบสุภาพ รวิปรียาตกใจพยายามขืนตัวไว้
“ขอบคุณมาก แค่ได้มาคุยกับบรวิผมก็รู้สึกดีมากแล้ว อย่างน้อยก็ยังรู้สึกว่ามีเพื่อน”
รวิปรียา ลำบากใจ
กล้องถ่ายภาพของสายสืบจากมุมหนึ่ง กดบันทึกคลิปวิดีโอไว้

รวิปรียาเพิ่งกลับเข้ามาถึงบ้าน พบว่าเทวานั่งรอนิ่งๆอยู่แล้ว รวิปรียาทักอย่างแปลกใจ
“กลับมาบ้านแล้วหรือคะ”
เทวาลุกขึ้นหันมาถามทันที
“ผมกำลังรอคุณอยู่พอดี คุณไปไหนมา”
“ไปคุยเรื่องงานมาค่ะ”
“นี่คุณเห็นผมเป็นไอ้งั่งที่จะจูงจมูกไปทางไหนก็ได้งั้นเหรอ”
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ”
“ก็ที่คุณสร้างเรื่องหลอกผมมาตลอดไง ไหนคุณว่าไม่มีเยื่อใยกับนิมมานแล้ว แต่พอผมเผลอคุณก็เข้าโรงแรมแอบไปพรอดรักกับมัน”
“นี่คุณเอาอะไรมาพูด”
เทวากดเปิดคลิปแล้วโยนโทรศัพท์ไปตรงหน้ารวิปรียา รวิปรียาหยิบขึ้นมาดู
หน้าจอ เป็นคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายตอนเธอรอรถอยู่หน้าโรงแรม นิมมานเข้ามากอดเธอ
รวิปรียามองคลิปนั้นโกรธๆ
“หรือจะปฏิเสธว่าผู้หญิงในภาพไม่ใช่คุณ”
“นี่คุณกล้าดียังไง ถึงส่งคนไปตามฉัน”
“ถ้าไม่ตามผมก็คงไม่รู้ว่าลับหลังผม คุณไปทำเรื่องอะไรไว้บ้าง ทำเป็นใสซื่อให้ผมตายใจว่าคุณยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ที่จริงคุณผ่านมือผู้ชายมากี่คนแล้วก่อนที่จะมาถึงผม แสดงละครตบตาว่ารักผมให้ผมตายใจ แล้วโขมยข้อมูลบริษัทผมไปให้ชู้รักเก่า”
รวิปรียาเสียงดังมากขึ้น “ฉันไม่ได้ทำ”
เทวาเสียงดังบ้าง “แล้ววันนั้นคุณไปที่ห้องทำงานผมทำไม”
“ฉันเคยบอกแล้วว่าฉันไปรอเพื่อที่จะคุยกับคุณ แล้วก็แค่จัดโต๊ะทำงานให้ ไม่ได้หยิบเอกสารอะไรไปเลยแม้แต่แผ่นเดียว”
“เหตุผลข้างๆคูๆแบบนี้ ใครๆก็พูดได้ ถ้าไม่ใช่คุณ แล้วจะมีใครอีกที่อยากให้นิมมานชนะการประมูลถึงกับต้องทำแบบนี้”
“ในเมื่อคุณปักธงเชื่อไว้แบบนั้นแล้ว ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายไปทำไม ตั้งแต่ที่เราแต่งงานกันมา คุณเคยเชื่อใจฉันสักครั้งไหม เคยเชื่อมั่นในความรักที่ฉันมีให้คุณบ้างไหม”
“ผมเชื่อคุณมาตลอด จนกระทั่ง....”
“ไม่จริง! ถ้าคุณเชื่อใจฉันอย่างที่คุณว่า คุณจะไม่มีวันคิดว่าฉันเป็นคนทำเรื่องเลวๆนั่น คุณจะไม่พยายามมาคอยจับผิดฉันอย่างที่คุณทำอยู่”
“งั้นคุณก็รู้ไว้ด้วยว่า ที่ผมกำลังทำอยู่ก็คือหาทางปกป้องศักดิ์ศรีของคุณ แต่คุณเองต่างหากที่เอาแต่จ้องทำลายศักดิ์ศรีของตัวเอง แล้วสิ่งที่คุณทำมันก็ทำลายศักดิ์ศรีของผมด้วย อ้อ.. คุณเคยพูดเองนี่ว่าคุณเองก็เคยหว่านเสน่ห์ปั่นหัวผู้ชายจนทำให้ผู้ชายคนนึงต้องฆ่าตัวตายมาแล้ว”
รวิปรียารับฟังอย่างเจ็บปวด
“ถ้าคุณจะกล่าวหาว่าฉันเป็นผู้หญิงร่าน หว่านเสน่ห์ปั่นหัวผู้ชายไปทั่ว คุณเองก็เลวไม่แพ้กันหรอก คุณหลอกให้ฉันแต่งงานด้วยทั้งที่ในใจยังรักผู้หญิงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา”
เทวายังไม่ทันได้เถียงอะไร เสียงตะวันก็ร้องไห้โฮเสียงดังขึ้น เธอยืนฟังอยู่สักพักแล้วโดยไม่มีใครเห็น ทั้งคู่หันไปเห็นตะวันแล้วตกใจ
“ตะวัน”
ก่อนที่จะได้ไปหาตะวัน เสียงดารินก็ดังขึ้นจากประตูหน้าบ้าน
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
ดารินถลาไปกอดตะวัน แล้วเทวาก็ช็อกกว่านั้นเมื่อดาวิกายืนอยู่ข้างๆดารินพร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางที่เพิ่งกลับมา
“ดา”
“สวัสดีค่ะพี่เทวา คุณรวิ”

ดาวิกาเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว รู้ว่าการมาของตัวเองครั้งนี้ช่างถูกจังหวะพอดี

ดารินนั่งกอดปลอบตะวันซึ่งยังคงสะอื้นเบาๆอยู่

“ขวัญเอ๋ยขวัญมานะตะวันของอา คงตกใจแย่เลยล่ะสิ”
ดาวิกาได้แต่มองตะวันอย่างอาวรณ์
“ตะวันมานั่งกับอาดาไหมลูก”
“ไม่ค่ะ ตะวันอยากไปหาคุณแม่”
“ตอนนี้คุณแม่กำลังอารมณ์ไม่ดี ให้คุณแม่พักก่อนนะ” ดารินบอก
“คุณพ่อกับคุณแม่ทะเลาะกันทำไมคะอาริน”
“ไม่มีอะไรหรอก คุณพ่อคุณแม่ก็แค่พูดเสียงดังเฉยๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม”
จ๊ะเอ๋เข้ามาพอดี
“ให้พี่จ๊ะเอ๋พาไปกินขนมดีกว่านะ กินขนมเสร็จแล้วก็ไปดูการ์ตูนต่อจะได้อารมณ์ดี”
ตะวันพยักหน้าปาดน้ำตา จ๊ะเอ๋มาจูงพาตะวันไป
“เวลาคุณตะวันร้องไห้แล้วไม่สวยเลย หยุดร้องเถอะนะคะ”
พอตะวันพาจ๊ะเอ๋คล้อยหลังไป เทวาก็เข้ามาสมทบกับน้องๆ
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะพี่เทวา” ดารินถาม
“พี่ถามรวิเขาเรื่องเอกสารที่หายไป แต่เขาไม่ยอมรับ”
“ถ้าเขาไม่ได้ทำเขาก็คงไม่รับหรอกค่ะ”
“แต่หลักฐานทุกอย่างมันชัดมากนะริน”
“แต่...”
“วันนี้เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้กันเลย พี่เหนื่อย ดาก็เพิ่งกลับมาด้วย”
“ดามีธุระด่วนน่ะค่ะเลยกลับมา พอถึงปุ๊บก็เลยโทรเรียกให้ยัยรินไปรับที่สนามบิน แล้วดาก็มีเรื่องต้องคุยกับพี่เทวาด้วย”
“เอาไว้คุยกันวันหลังได้ไหม วันนี้พี่ยังไม่พร้อมจะฟังเรื่องอะไรอีกแล้ว”
เทวาจะออกไปนอกบ้าน
“แล้วพี่เทวาจะไปไหนคะ” ดารินถาม
“ไปค้างที่คอนโด”
เทวาเดินออกไปอย่างอารมณ์ไม่ดี
“เฮ้อ ทำไมมันมีแต่เรื่องยุ่งไม่หยุดหย่อนเลยน้า เนี่ย..มันยุ่งมาตั้งแต่ยัยเพชรพริ้งเสนอหน้ามาที่นี่แล้ว แล้วยังมีเรื่องนายนิมมานนั่นอีก เมื่อไหร่สองคนนี้มันจะเลิกยุ่งกับครอบครัวเราสักที”
“เพชรพริ้ง? ใครกัน” ดาวิกาถาม
“โห พูดเรื่องนี้ต้องเล่ายาวเลยพี่ดา”

ดารินตั้งท่าเหมือนจะเล่าทุกอย่างให้ดาวิกาฟัง

อ่านต่อตอนที่ 20

#ใจลวง #thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น