xs
xsm
sm
md
lg

ละคร ใจลวง ตอนที่ 16

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ใจลวง ตอนที่ 16

มนัสกับดารินเดินเล่นอยู่ด้วยกัน
 
สีหน้ามนัสดูเครียดๆ จากเรื่องที่บ้าน ดารินอ้อมมาตรงหน้ามนัส พลางเอียงหน้ามองซ้ายมองขวา
“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ นี่คุณทำหน้าแบบนี้ตั้งแต่มาถึงแล้วนะ อุตส่าห์นัดออกมาเพื่อให้โอกาสทำคะแนนทั้งที กลับทำหน้าเป็นปลาสำลักน้ำอยู่เนี่ย”
“ผมมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”
“เรื่องงานเหรอ”
“เรื่อง..” มนัสพยายามเลี่ยง ไม่ตอบตรงๆ “ที่บ้านน่ะครับ”
“มีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกได้นะ”
“ขอบคุณครับ แต่ไม่เป็นไร เรื่องนี้ไม่มีใครช่วยผมได้หรอก”
“แต่มีอยู่เรื่องนึง ที่ฉันช่วยคุณได้ พาคุณไปกินข้าวไงล่ะ เผื่อจะทำให้คุณสบายใจขึ้น”
มนัสยิ้มออก “ผมจะสบายใจมากขึ้นเป็นสองเท่า ถ้าคุณยอมให้ผมเป็นเจ้ามือ”

ภายในร้านหมูกระทะปิ้งย่าง เนื้อหมูกำลังย่างอยู่บนเตา ... ควันลอยขึ้นฉุย
มนัสกับดารินมานั่งอยู่ที่ร้านหมูกระทะด้วยกัน มนัสกำลังใช้ตะเกียบกลับชิ้นเนื้อ แต่ดารินกลับทำ
หน้าไม่ไว้ใจ
“แน่ใจนะว่ากินได้น่ะ”
“ต้องได้สิ ผมมากินบ่อยๆ ก็ยังสบายดีอยู่นี่”
ดารินทำหน้ายู่ "อี๋ ดูสิ มีมันหมูด้วย"
"มันนี่แหละ อร่อยที่สุด" มนัสคีบหมูใส่จานให้ดาริน "เอ้า ชิ้นนี้สุกแล้ว กินดูสิ"
ดารินยังมองหมูในจานอย่างไม่ไว้ใจ
"ลองดูเถอะน่า แค่นี้ไม่ตายหรอกคุณ"
ดารินลองคีบหมู จิ้มซอสแล้วใส่ปาก
ดารินตาโตตื่นเต้น "หืม.. อร่อยอ้ะ"
"บอกแล้ว นี่คุณไม่เคยมากินที่ร้านแบบนี้ล่ะสิ"
"ไม่เคย"
"ไฮโซ"
"ไฮซงไฮโซอะไรกันล่ะ แค่ไม่เคยมีคนพามา"
"ไม่เคยมีคนพามา แสดงว่าไม่เคยมีแฟน"
"เคย แต่พวกแฟนเก่าเขาพาไปกินแต่อาหารญี่ปุ่น อาหารฝรั่ง อะไรแบบนี้"
"งั้นที่ยอมมากับผมแบบนี้ แสดงว่าตอนนี้เริ่มชอบของแปลกแล้วล่ะสิ"
"แปลกแต่อร่อยก็โอเค"
มนัสมองดารินยิ้มมีความสุข เริ่มเดินหน้าจีบ
"วันศุกร์นี้เรามากันอีกไหม"
"มาได้ไงล่ะ ฉันต้องทำงาน"
"งั้นผมจะไปหาคุณที่ออฟฟิศ จะไปนั่งเฝ้าคุณทำงาน แล้วพอคุณเลิกงานก็จะพาคุณมากินหมูกระทะ จากนั้นเราก็ไปดูหนังกัน"
"ฟังดูเหมือนกำลังชวนเดทแบบครบสูตรเลยนะ"
"ก็ใช่ไง จะได้เริ่มเดทกันอย่างเป็นทางการซะที พร้อมป่ะล่ะ"
"คิดว่ากลัวเหรอ"
"งั้นตกลงตามนั้น"
"ตามนั้น"
ทั้งคู่เอาตะเกียบแตะกัน เป็นสัญลักษณ์ว่าตกลงกัน

วันใหม่ ในห้องทำงาน เทวานั่งเหม่อลอยนึกถึงเรื่องเขากับรวิปรียาอยู่ที่โต๊ะทำงาน เมฆาเข้ามาในห้อง เอาแฟ้มเอกสารมาวางบนโต๊ะ
"งานทั้งหมดของสองสามวันที่ผ่านมาครับ ผมสรุปให้อยู่ในแฟ้มนี้เรียบร้อยแล้ว"
"ขอบใจ"
เมฆาสังเกตเห็นเจ้านายดูใจลอยๆ เหม่อๆ เหมือนมีเรื่องในใจ
"คุณเทวา เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
"ไม่มีอะไร"
เมฆาทำท่าจะหันกลับออกไป แต่เทวาท้วงไว้
"เออ เมฆา"
"ครับ"
"ถามหน่อยสิ"
"ครับ"
"คือ.." เทวาอ้ำอึ้งเล็กน้อย
เมฆาเลิกคิ้วอย่างสงสัยที่เจ้านายไม่พูดสักที รอฟังอยู่
"เราจะรู้ได้ยังไงว่าเราเป็นคนแรกของผู้หญิงที่เรามีอะไรด้วย"
เมฆาหลุดหัวเราะออกมา "นึกว่าเรื่องอะไร แค่เนี้ยเหรอครับ"
เทวาพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ
"คุณเทวาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะครับ ทำยังกับวัยรุ่นเพิ่งมีความรัก ทำไมไม่ถามผู้หญิงเขาดูล่ะครับ"
"ถามไปก็คงจะโดนตบกลับน่ะสิ"
"คุณเทวาครับ คุณเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้ซะหน่อย เราเป็นคนแรกของเขาหรือเปล่าเนี่ย.. คุณก็น่าจะรู้ด้วยตัวเองอยู่แล้วนะครับ"
เมฆาขำๆแล้วออกไป ปล่อยให้เทวานั่งสับสนในตัวเองต่อไป

แจนวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะตรงหน้ารวิปรียา แล้วนั่งลงตรงข้าม
"สรุปว่าเธอไปฮันนีมูนมานี่เอง"
รวิปรียานั่งคุยกับแจนอยู่ที่โต๊ะ
"ฮันนีมูนอะไรกัน แค่ไปเยี่ยมคุณแม่เหมือนเดิมนั่นแหละ"
"เยี่ยมแม่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีสามีไปด้วย แล้วนี่เข้าใจกันแล้วใช่ไหม"
"จะว่าอย่างนั้นก็ได้"
"ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเธอรักเขา"
รวิปรียาเงียบคิดสักพัก ไม่แน่ใจตัวเอง
"ไม่รู้สิแจน ความรักมันคืออะไรกัน? ความสัมพันธ์แบบไหนที่เรียกว่าความรัก แล้วมันต้องทำยังไงถึงจะจบลงอย่างมีความสุข"
"ความรักมันไม่มีสูตรตายตัวซะหน่อยรวิ เธอจะมานั่งคิดวิเคราะห์เหมือนเขียนแผนธุรกิจไม่ได้"
"แต่ฉันยังไม่รู้จักเขาดีพอที่จะรัก ขนาดแม่ฉันรู้จักพ่อดีที่สุดแต่สุดท้ายก็ยังต้องแยกทางกัน หรือแม้แต่กับนิมมาน ขนาดฉันรู้จักกับเขามาหลายปี แต่สุดท้ายมันก็จบลงด้วยความเจ็บปวด"
"นี่เธอกำลังกลัวใช่ไหม"
รวิปรียาพยักหน้ายอมรับ
"ฉันกับคุณเทวาแทบจะไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ การแต่งงานของเรามันไม่ได้เริ่มต้นที่ความรัก ฉันกลัวว่า...มันจะจบไม่แฮปปี้"
"การที่เรารู้จักคนๆนึงดี ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะนำไปสู่ความรักได้ซะหน่อย ดูอย่างเธอกับพศินซิ เริ่มต้นจากความเป็นเพื่อนที่รู้จักกันดีแทบจะทุกเรื่อง แต่สุดท้ายเธอก็รักเขาอย่างคนรักไม่ได้"
"ฉันไม่เคยคิดกับพศินแบบนั้นเลยนะเธอก็รู้"
"ฉันรู้ พศินถึงต้องเจ็บปวดจนต้องจบชีวิตตัวเองไง"
"นี่เธอก็คิดว่าที่พศินฆ่าตัวตาย เป็นเพราะฉันงั้นเหรอ"
"มันไม่ใช่เพราะเธอโดยตรง แต่มันเป็นเพราะพศินเขาอ่อนแอเอง เราก็รู้กันดีว่าพศินชอบเธอมานานแล้ว แต่พอเธอปฏิเสธแล้วยังจะบินไปเรียนต่ออีก เขาก็เลยทนไม่ได้ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ฉันก็นึกไม่ออกว่ามีจะมีเรื่องอะไรอีก"

รวิปรียาอึ้งไป ความรู้สึกผิดปะทุขึ้นมาอีกครั้ง

เทวากำลังนั่งคิดเรื่องรวิปรียาในห้องทำงานที่เดิม เสียงของเพชรพริ้งดังลอยเข้ามา

เพชรพริ้งใส่ไฟอย่างหนัก
"พศินเขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนของรวิน่ะค่ะ รวิจะคอยปั่นหัวให้พศินหลงรัก ก็คงจะแบบ..เอาตัวเข้าหลอกล่อจนมีอะไรกันน่ะค่ะ แต่รวิเองเขาก็ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไร พอรวิทิ้งพศินไปเรียนต่ออเมริกา พศินเขาทำใจไม่ได้ก็เลยกระโดดตึกฆ่าตัวตาย"

เทวานึกถึงตอนที่เขาจูบรวิปรียาที่บ้านสวน
รวิปรียาเอนหลังลงบนเตียง เทวาโน้มตัวตามมา ทั้งคู่มองตากันในความมืดสลัว เทวาก้มลงจูบรวิปรียาด้วยความรัก รวิปรียาหลับตาพริ้ม มือของเธอโอบกอดเทวาไว้

เสียงของเมฆาลอยเข้ามาในหัว
"คุณเทวาครับ คุณเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้ซะหน่อย เราเป็นคนแรกของเขาหรือเปล่าเนี่ย.. คุณก็น่าจะรู้ด้วยตัวเองอยู่แล้วนะครับ"
เทวาพึมพำกับตัวเอง ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
"นั่นสิ เรื่องแบบนี้ถ้าเราไม่รู้แล้วใครจะรู้"
สักพักสีหน้าเทวาเปลี่ยนไปค่อยๆหุบยิ้ม เมื่อนึกถึงดาวิกา
"ขอโทษนะดา พี่ทำตามที่ดาต้องการไม่ได้ พี่รักรวิปรียา รักตั้งแต่แรกพบ"
จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์รวิปรียา โทร. ออก

รวิปรียากำลังจะออกจากร้านกาแฟของแจน โดยมีแจนเดินตามมาส่ง สายจากเทวาโทร. เข้ามาพอดี เธอกดรับสาย เสียงเทวาดังลอดเข้ามา
"คุณอยู่ไหน"
"อยู่ร้านแจนน่ะค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ"
เทวา พูดยิ้มๆ
"ต้องมีอะไรด้วยเหรอถึงจะโทร.หาได้ ถ้าคิดถึงเฉยๆโทร. หาไม่ได้หรือไง"
รวิปรียายิ้มเขินๆ ขณะเดียวกับที่แจนกำลังเหล่มองเป็นทำนองแซว รวิปรียาเห็นเพื่อนมองรีบหันหลัง
"เย็นนี้คุณว่างไหม เราไปรับตะวันที่โรงเรียนด้วยกันนะ แล้วก็ไปหาอะไรกินนอกบ้านกัน"
"ได้ค่ะ ตะวันต้องดีใจแน่ๆเลย"
"งั้นเดี๋ยวเจอกันนะครับ"
"ค่ะ"
รวิปรียากดวางสาย หันกลับมา สายตาแจนจับจ้องอยู่แล้วอย่างอยากรู้อยากเห็น
"สวีทเชียวนะ"
รวิปรียาเพียงแต่ยิ้มรับ
"ฉันพูดตรงๆนะรวิ ลืมเรื่องพศิน แล้วก็ลืมความผิดหวังจากนิมมานซะ ตอนนี้ เธอมีผู้ชายที่เธอรักและเขาก็รักเธออยู่ข้างๆแล้ว เธอไม่ต้องกังวลอะไรอีก"
"ไม่กังวลคงไม่ได้หรอกแจน ยังไงฉันก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่า ฉันรู้จักคุณเทวาไม่ดีพอ เขาอาจจะดูเหมือนรักฉันเป็นห่วงฉัน แต่บางทีฉันก็รู้สึกว่าในใจเขายังมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่เคยพูดออกมา บางทีอาจเป็นเรื่องแม่ของตะวัน"
"ทำไม เธอคิดว่าเขายังรักแม่ของตะวันอยู่เหรอ"
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันก็ไม่กล้าถาม"
แจนจับมือรวิปรียามาบีบไว้ พยายามให้กำลังใจเพื่อน
"ฉันว่านะรวิ เธอไม่ต้องไปคร่ำครวญถึงอดีต แล้วก็ไม่ต้องกังวลถึงอนาคต แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ"
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน รวิปรียาพยักหน้ารับเป็นเชิงว่าจะพยายามทำแบบที่แจนแนะนำ

ตะวันเดินจับมือเทวากับรวิปรียาคนละข้าง เธอยิ้มแย้มกระโดดโลดเต้นมีความสุข ในมือเทวาถือถุงใส่ของเล่นที่เพิ่งซื้อมาด้วย
"ไงเรา ยิ้มไม่หุบเลยนะวันนี้"
"ก็ตะวันดีใจนี่คะ ได้มาเที่ยวพร้อมกันสามคนเลย"
"แถมยังได้ของเล่นติดมือกลับบ้านด้วยล่ะสิ" รวิปรียาว่า
"แล้วนี่อยากทำอะไรต่อ ข้าวก็กินแล้ว ของเล่นก็ได้แล้ว"
ทั้งสามคนกำลังเดินผ่านหน้าร้านไอศครีมพอดี ตะวันหยุดแล้วชี้ไปในร้านทันที
"นี่ค่ะ"
ตะวันยิ้มหวานออดอ้อน

ในร้านไอศครีม สามคนพ่อแม่ลูกกำลังนั่งกินไอศครีมด้วยกันดูน่ารัก ตะวันนั่งฝั่งรวิปรียา
ตะวันตักไอศครีมขึ้นมา
"คุณแม่ลองชิมไหมคะ"
"จ้ะ"
ตะวันป้อนไอศครีมให้รวิปรียา แต่ช้อนพลาดไปโดนแก้ม รวิปรียาแก้มเลอะไอศครีม
เทวาหัวเราะ "เปื้อนหมดแล้วรวิ มาผมเช็ดให้"
เทวาช่วยเอากระดาษทิชชู่มาเช็ดให้
รวิปรียาเขินๆ "ขอบคุณค่ะ"
ทั้งคู่ส่งสายให้กัน ตะวันกินไอศกรีมเลอะเต็มปาก แต่ไม่มีคนสนใจ

ด้านนอกร้าน นิมมานเดินมากับรริศาถึงบริเวณร้านไอศครีม นิมมานถือถุงช้อปปิ้งให้
"คุณนิมมานคะ ที่จริงเราไม่น่ามาเดินที่แบบนี้กันเลย ริศากลัวจะเจอคนรู้จัก ถ้ามีคนเห็นเข้ามันจะดูไม่ดี"
"เจอก็เจอสิ ผมไม่แคร์คนอื่น ...คนที่แคร์มีแค่...." นิมมานมองเข้าไปในร้านไอศครีม เห็นรวิปรียาพอดี
รริศามองตามนิมมานเข้าไปในร้าน เห็นครอบครัวเทวา
"พี่เทวากับคุณรวินี่คะ"
ในร้าน พนักงานเข้ามาหาครอบครัวเทวาพร้อมกล้องถ่ายรูป
"ขอโทษนะคะคุณพ่อคุณแม่ ขอถ่ายรูปครอบครัวเป็นที่ระลึกหน่อยได้ไหมคะ พอดีเราจะลงรูปโปรโมทร้านในเฟซบุ๊กน่ะค่ะ"
"ได้ครับ"
รวิปรียาโอบกอดตะวันที่นั่งติดกันอยู่ รับหน้าตะวันเหมือนนึกอะไร ยิ้มยิงฟันพูดกับพนักงาน
"ให้คุณพ่อหอมแก้มคุณแม่ด้วยมั้ยคะ"
"ดีค่ะ"
เทวากับรวิปรียาผงะไปเล็กน้อย
"นะคะคุณพ่อ รูปจะได้สวยๆ"
"หอมสิคะคุณพ่อ หอมเลย"
พนักงานตั้งกล้องเตรียมถ่าย เทวายื่นหน้าไปหอมแก้มรวิปรียาค้างไว้ให้พนักงานถ่ายรูป โดยมีตะวันตบมือชอบใจ รวิปรียายิ้มเขิน
"หนึ่ง... สอง.. อุ๊ย แป๊บนึงนะคะ หน้าจอหาย"
รวิปรียารีบผละออกจากเทวา
"กลับมาแล้วค่ะ อีกทีนะคะคุณพ่อคุณแม่ หอมแก้มเลยค่ะ"

เทวาต้องหอมรวิปรียาอีกครั้ง

ที่นอกร้าน
 
นิมมานกับรริศากำลังมองผ่านกระจกเข้ามาเห็นภาพที่เทวาหอมแก้มรวิปรียาพอดี นิมมานมองภาพตรงหน้าอย่างเจ็บใจ แววตาโกรธแค้น กำมือแน่นโดยที่รริศาไม่ทันสังเกตุ
"เรารีบไปกันดีกว่าค่ะ"
นิมมานปรับท่าที แกล้งแสดงความจริงใจ "แต่เราไม่จำเป็นต้องหลบนี่ครับ ในเมื่อผมจริงใจกับคุณก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังคุณเทวากับรวิ"
"ไม่ดีหรอกค่ะ ริศาไม่อยากให้เป็นเรื่อง"
"แต่ว่า..."
นิมมานทำท่าจะเข้าไปในร้านจริงๆ แต่รริศาดึงแขนพานิมมานออกไปก่อนที่เทวาจะเห็น นิมมานยังคงหันกลับมามองภาพรวิปรียากับเทวาอย่างไม่พอใจ

คืนนั้น ตะวันนอนยิ้มมีความสุขอยู่บนเตียงนอน เทวาห่มผ้าให้ รวิปรียานั่งอยู่ที่ข้างเตียงอีกด้านหนึ่ง
"เอาล่ะ นอนได้แล้ว"
เทวาลูบหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู รวิปรียาก้มลงหอมแก้มกู๊ดไนท์
"ฝันดีนะคะตะวัน"
"คืนนี้คุณพ่อจะนอนที่ห้องไหนคะ"
"ถามทำไม"
"ก็ถ้าตะวันฝันร้ายจะได้ไปเคาะประตูห้องถูกไงคะ"
"วันนี้พ่อจะนอนที่ห้องนอนของพ่อไง"
"แล้วคุณแม่ล่ะคะ"
เทวารีบพูดแทน
"คุณแม่ก็ต้องนอนห้องเดียวกับคุณพ่อน่ะสิ"
"เย้ๆๆ อารินบอกว่าถ้าคุณพ่อคุณแม่นอนห้องเดียวกัน ตะวันจะมีน้อง"
เทวากระชับผ้าห่ม "นอนได้แล้ว"
ตะวันรีบหลับตาลง ประมาณว่าดีใจ เทวากับรวิปรียามองหน้ากันยิ้มๆ แล้วพากันลุกจากเตียงออกจากห้องไป

รวิปรียาเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน เทวาตามหลังเข้ามาติดๆ แล้วเข้ามากอดรวิปรียาทางด้านหลังทันที
"จะทำอะไรคะ"
"ก็กอดน่ะสิ วันนี้ทั้งวันยังไม่ได้กอดเลย"
รวิปรียาอมยิ้ม มีความสุข
"ผมมีความสุขมากเลยคุณรู้ไหม ต่อไปนี้เราจะนอนในห้องนี้ บนเตียงนี้ด้วยกันทุกคืน" เขาจับไหล่รวิปรียาให้หันหน้ามาหาตัวเอง "ตกลงคุณจะบอกว่า รักผมได้หรือยัง"
"ฉันจะยังไม่พูดคำนั้นจนกว่าฉันจะมั่นใจ"
"มั่นใจอะไร? มั่นใจในตัวผม หรือว่าความรู้สึกของคุณเอง"
"ทั้งสองอย่าง"
"ไม่เป็นไร ผมจะรอจนกว่าคุณจะมั่นใจ"
"แล้วคุณล่ะคะ มั่นใจในตัวฉันหรือเปล่า"
"ผมไม่รู้ว่าผมจะเชื่อใจคุณได้แค่ไหน แต่ที่ผมบอกได้ก็คือ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน"
"แล้วแม่ของตะวันล่ะคะ"
เทวาอึ้งไป ไม่คิดว่ารวิปรียาจะถามขึ้นมา
"เขาเป็นใคร แล้วเขาไปอยู่ที่ไหน ทำไมเขาถึงทิ้งตะวันไว้ให้อยู่กับคุณ"
เทวาเครียดขึ้น มองหน้ารวิปรียาจริงจัง "รวิ.. อะไรก็ตามที่คุณอยากรู้ ผมอาจจะบอกคุณได้ทุกเรื่อง แต่ขออย่างเดียว อย่าพูดถึงเรื่องแม่ของตะวันอีก"
เทวาดึงรวิปรียาเข้ามากอด ความรู้สึกอัดอั้นเต็มไปด้วยความลับที่ไม่อยากเปิดเผยให้ใครรับรู้ รวิปรียาไม่เข้าใจปฏิกริยาของเทวา แต่ก็ไม่กล้าพูดอีก ต่างฝ่ายต่างจมอยู่กับความคิดในใจของตัวเอง
รวิปรียาคิดในใจ "คุณคงรักเธอมากซินะ"
ส่วนเทวาคิดในใจ "ดาพี่ขอโทษ พี่ไม่รู้ว่าจะทำร้ายผู้หญิงคนนี้ที่พี่รักได้ยังไง"

วันใหม่ ที่บ้าน มนัสนั่งจิบกาแฟอยู่ที่โซฟาตามลำพัง นิมมานที่อยู่ในชุดพร้อมไปทำงานแล้วเดินเข้ามาหา
"วันนี้แกต้องไปกับฉัน"
"ไปไหน"
"ฉันต้องไปคุยเรื่องประมูลโรงแรมในเครือนาวารีสอร์ต คุณพ่อบอกให้มาลากตัวแกไปให้ด้วยกัน"
"แต่ผมมีนัดแล้ว"
"มีนัดแล้วก็ยกเลิกไป นัดอื่นมันไม่สำคัญเท่ากับงานของบริษัทเราเองหรอก"
"พี่นิมมาน ผมบอกแล้วว่าผมทำงานบริหารแบบนั้นไม่เป็น"
"แต่คุณพ่อสั่งมาแล้วว่าถ้าแกไม่ไปทำงานที่บริษัท แกก็อยู่บ้านนี้ไม่ได้อีก"
มนัสลุกขึ้น "งั้นผมจะเก็บข้าวของออกไปอยู่ที่อื่น"
"มนัส แกอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย ถึงแกจะไม่พอใจฉันกับพ่อ แต่แกก็ควรจะยอมรับความจริงว่านี่แหละคือโลกธุรกิจ แกอาจจะเรียกฉันว่าคนขี้โกง แต่อย่างน้อยฉันก็ยังลงมือทำอะไรเพื่อครอบครัวบ้าง แต่แก.. แกทำอะไรบ้าง นอกจากแบมือขอเงินใช้ไปวันๆ แบบนี้เขาเรียกคนเห็นแก่ตัว"
มนัสรู้สึกฮึดขึ้นมาเพราะถูกนิมมานดูถูก
"พี่นิมมาน !"
"ถ้าแกไม่อยากถูกเรียกว่าเป็นคนกระจอก เห็นแก่ตัว แกก็ต้องพิสูจน์ด้วยการมาช่วยฉัน"

มนัสลำบากใจแต่ก็จำใจต้องยอม

เทวาอยู่ในชุดพร้อมไปทำงาน
 
พอลงมาจากชั้นบนก็เจอกับดารินที่กำลังจะออกไปทำงานเหมือนกัน
"ไงคะ พอกลับมาจากบ้านสวนล่ะก็ หน้าตาสดใสคล้ายคนกำลังอินเลิฟเลย""น้อยๆหน่อยเถอะเราน่ะ"
"อืม.. วันนี้พี่เทวาต้องเข้าไปคุยตกลงเรื่องการซื้อโรงแรมในเครือนาวารีสอร์ตใช่มั๊ยคะ"
"พี่กำลังจะมาบอกรินพอดีว่าจะให้รินไปกับเมฆาแทน"
"ทำไมคะ ติดนัดเดทกับพี่รวิเหรอ"
"พี่ติดงานเรื่องการประมูลโครงการใหม่ต่างหาก แต่พี่โทร.คุยกับคุณนนท์เจ้าของนาวารีสอร์ตเรียบร้อยแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร"
"ได้ค่ะ"

ดารินกำลังจะออกจากบ้านไปที่รถ แต่ก็กดข้อความส่งออกหามนัส
"ที่นัดไว้วันนี้ ยกเลิกก่อนนะคะพอดีฉันติดธุระด่วน"

มนัสอยู่ในชุดใหม่ที่เตรียมไปประชุม กำลังเดินตามนิมมานออกจากบ้าน เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น มนัสกดอ่าน
"โอเคครับ กำลังจะบอกคุณเหมือนกันว่าผมก็ไปไม่ได้แล้ว"
"งั้นไว้นัดกันวันหลังนะ"

นิมมานกับมนัสมานั่งคุยกับเจ้าของโรงแรมในห้องประชุม
"คุณนนท์ครับ ทางนิรมิตอยากได้โรงแรมของคุณจริงๆ คุณพ่อตั้งใจจะรีโนเวทโรงแรมในเครือนาวารีสอร์ตให้เป็นคอนโด แล้วท่านก็ตั้งความหวังกับโครงการนี่ไว้มาก"
"ทางผมก็รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ทางนิรมิตสนใจโรงแรมของเรา"
"ผมพร้อมจะเพิ่มราคาจากตัวเลขที่ประมูลไว้ตอนแรก คุณนนท์อยากได้ที่ตัวเลขเท่าไหร่ เสนอมาได้เลยครับ"
"ผมเกรงว่าทางคุณนิมมานจะมาคุยกับผมช้าไปหน่อย เพราะทางบริรักษ์ก็มาคุยกับผมเหมือนกัน และตอนนี้ผมก็ตัดสินใจขายโรงแรมให้กับบริรักษ์ไปแล้ว"
"ว่าไงนะ"
"ขอโทษจริงๆครับ"
นิมมานยิ่งแค้นใจหนักที่เขาช้ากว่าเทวาไปเพียงแค่ก้าวเดียว มนัสได้แต่นั่งฟังอย่างไม่ค่อยรู้เรื่องนักว่าเกิดอะไรขึ้น

นิมมานกับมนัสออกมาจากห้องประชุม เจอกับเมฆาที่ยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว
"สวัสดีครับคุณนิมมาน" เมฆาเยาะๆแบบนิ่งๆ "สีหน้าไม่ดีเลยนะครับ"
"เจ้านายแกไม่ว่างหรือไง ถึงได้ส่งลูกน้องให้มาเห่าแทน"
"ผมไม่ได้มาเห่าครับ บังเอิญผมมาทำความตกลงกับนาวารีสอร์ตเรื่องการซื้อโรงแรม"
"แกมันก็แค่หมารับใช้ อย่าปากดีให้มันมากนัก"
และแล้ว.. ดารินกับรริศาก็เพิ่งปรากฏตัวขึ้น ทั้งคู่เดินมาสมทบกับเมฆาพร้อมกัน
"ขอโทษนะคะที่มาช้า รถติดน่ะค่ะ"
มนัสตกใจที่เห็นดาริน
"คุณริน"
"คุณ..."
เมื่อดารินกับมนัสเจอกัน ต่างก็อึ้ง
"นี่คุณรู้จักน้องชายผมแล้วเหรอ"
"น้องชาย"
"ครับ นี่มนัสน้องชายผม ตอนนี้เขาช่วยงานผมอยู่ที่บริษัท"
ดารินอึ้งยิ่งกว่าเดิม สับสน ไม่อยากเชื่อ
"ไปเถอะมนัส อยู่ไปก็เสียเวลา"
ก่อนไปนิมมานยังเหลือบสบตากับรริศา มนัสจำต้องเดินตามนิมมานออกไป แต่ยังคงหันมามองดารินอยู่อย่างกังวลใจ เมฆาเก็บรายละเอียดสังเกตท่าทีดารินและมนัส

รวิปรียานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นชื่อเทวาโทร.แบบวิดีโอคอลเข้ามา รวิปรียากดรับสาย
ภาพของเทวาขึ้นที่หน้าจอโทรศัพท์
"คุณทำอะไรอยู่"
"ทำงานน่ะสิคะ"
"จริงด้วย ยังอยู่ในห้องทำงานนี่"
"วิดีโอคอลมาเพราะจะเช็คพฤติกรรมกันหรือคะ"
"เพราะผมอยากเห็นหน้าคุณต่างหากล่ะ คุณกินข้าวกลางวันหรือยัง"
"ยังค่ะ ยังยุ่งเคลียร์งานอยู่เลย"
"ทำงานก็ต้องพักบ้างนะรวิ นี่คุณทำงานหนักไปแล้วรู้ไหม"
"คุณก็เหมือนกันน่ะแหละ ถ้าจะให้เดา คุณเองก็คงยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน"
"ยัง เพราะยังหาคนไปกินข้าวด้วยไม่ได้"
"งั้นรอเจอกันตอนเย็นแล้วกันนะคะ แค่นี้นะคะ ทำงานอยู่"
รวิปรียากดวางสายทันที ยิ้มกับตัวเองแล้วจะเปิดแฟ้มดูงานต่อ เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้อง
"เข้ามาได้เลยค่ะ"
เทวาเปิดประตูเข้ามา รวิปรียาแปลกใจ
"คุณ !"
"ถ้าผมไม่มา เราทั้งคู่ก็คงไม่ได้กินข้าวซะที"
"คุณนี่จริงๆเลย"
"ผมมานึกๆดูแล้ว เราควรจะใช้เวลาด้วยกันให้มากขึ้น ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันบ้าง หาเวลาไปช้อปปิ้ง ดูหนังเหมือนคู่รักอื่นๆเขาทำกันบ้าง"
เทวาเข้ามาที่โต๊ะทำงานรวิปรียา ปิดแฟ้มงานซะอย่างนั้น
"ทำอะไรคะ"
"บังคับให้คุณหยุดพักแล้วไปกินข้าวกับผมไง"
เทวาเข้ามาจับมือรวิปรียาให้ออกไปด้วยกัน รวิปรียาจำต้องเดินตามไปแต่โดยดี
"นี่คุณเป็นผู้ชายติดแฟนแบบนี้ตลอดเลยหรือเปล่าเนี่ย"
"เปล่า ผมเป็นแบบนี้เฉพาะกับคุณคนเดียว"

รวิปรียาแอบยิ้มพอใจ ปล่อยให้เทวาจูงมือออกจากห้องไป

เพชรพริ้งเพิ่งมาถึงโต๊ะทำงาน
 
ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้แบบเบื่อหน่าย พนักงานอื่นๆ พยักเพยิดกระซิบกระซาบใส่กัน
พนักงาน1 บอก "จะบ่ายแล้ว เพิ่งจะมาทำงาน อภิสิทธิ์อะไรเบอร์นั้น"
และแล้ว เทวาจูงมือรวิปรียาออกมาจากห้องทำงานก็ปรากฏแก่สายตาทุกคน เพชรพริ้งตาโตเมื่อห็นเทวา เธอลุกพรวดขึ้น
"คุณเทวา! นี่คุณมา...."
รวิปรียาเห็นเพชรพริ้งก็จับมือเทวาตอบแบบสอดนิ้วเข้าด้วยกัน แสดงความรักและเป็นเจ้าของต่อหน้าเพชรพริ้ง
"จะไปพักทานข้าวกันหรือคะคุณรวิ คุณเทวา" เลขาฯว่า
"ครับ เดี๋ยวสักพักจะพาตัวมาส่งนะครับ"
"โอ๊ย เอาตัวไปนาน ๆเลยก็ได้ค่ะ"
เทวาทัก "สวัสดีครับคุณพริ้ง ไว้เจอกันนะครับ"
เพชรพริ้งอ้าปากค้าง พูดไม่ออก เหล่าพนักงานพากันสะใจที่เทวาทักและบอกลาในประโยคเดียว
เทวาพารวิปรียาออกไปจากบริเวณนั้น พอคล้อยหลังไปแล้ว สาวๆพนักงานก็กรี๊ดกร๊าด
"น่ารักอ่ะ"
"สวีทเนอะ เห็นแล้วมีความอิจฉาเบาๆ ตาร้อนผ่าวๆ"
พนักงานพากันเหล่มองเพชรพริ้ง รู้ว่าถึงเวลาร่วมหัวจิกกัดเพชรพริ้งแล้ว
"อิจฉาได้ แต่อย่าให้ถึงขนาดลงแรงไปแย่งคู่เขานะจ๊ะเธอ"
"ถึงจะแย่งก็แย่งไม่สำเร็จหรอกจ้า คุณเทวาเขารักคุณรวิซะขนาดนั้น ต่อให้เอาชะนีมาร้อยตัวก็ลากคุณเทวาไปจากคุณรวิไม่ได้หรอก"
แล้วสาวๆก็หัวเราะกันเสียงแหลมบาดใจเพชรพริ้ง
เพชรพริ้งทนไม่ได้กวาดกองเอกสารบนโต๊ะโครม! ข้าวของกระจายเกลื่อนพื้น
"อ๊าย"
เพชรพริ้งโวยออกมาอย่างหงุดหงิด แล้วเดินพรวดๆออกจากตรงนั้นไป

ดารินนั่งประชุมงานพร้อมกับเมฆา และรริศา แต่ไม่ค่อยมีสมาธิเพราะส่งข้อความคุยกับมนัสตลอดเวลาปล่อยให้เมฆาคุยไป
"นี่เป็นร่างสัญญาข้อตกลง ลองอ่านดูก่อนครับ ถ้าติดขัดตรงไหนผมจะแก้ไขให้"
ดารินก้มหน้ากดข้อความหามนัส “นี่คุณเล่มเกมส์อะไรของคุณ”

มนัสนั่งอยู่ในรถของนิมมาน กำลังส่งข้อความคุยกับดาริน ขณะที่นิมมานขับรถไป
" ผมอธิบายได้ แต่เราต้องเจอกัน"
" งั้นเจอกันหลังฉันประชุมเสร็จ"
นิมมานขับรถอย่างหงุดหงิด สบถออกมา
"ไอ้เทวากับพวกบริรักษ์ งานนี้แกอาจจะชนะ แต่ฉันไม่ปล่อยให้พวกแกชนะไปได้ทุกครั้งแน่"
" ใจเย็นๆ เถอะพี่"
"แกเห็นหรือยังว่าฉันกำลังสู้อยู่กับอะไร ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป แกต้องมาช่วยงานฉันที่ออฟฟิศ"
"แต่ผม..."
"ไม่ต้องมีแต่ เราต้องช่วยกันนะมนัส ถึงจะเอาชนะพวกบริรักษ์ได้"
มนัสถอนใจอย่างหนักใจ แต่รู้ว่าคราวนี้เขาปฏิเสธไม่ได้อีกแล้ว

หลังการประชุม เมฆา ดาริน รริศาเดินกลับมาที่ที่จอดรถ เสียงโทรศัพท์รริศาดังขึ้น เธอห็นชื่อนิมมานโทรมาจึงหยุดเดิน ปล่อยให้ดารินกับเมฆาเดินนำไปก่อน
"ค่ะ คุณนิมมาน"

นิมมานซึ่งกำลังขับรถ กำลังคุยกับรริศา
"ผมดีใจนะครับที่ได้เจอคุณอีก ขอโทษที่ผมไม่ได้ทักคุณ เพราะผมไม่อยากให้คุณมีปัญหา"
"ไม่เป็นไรค่ะ ริศาเข้าใจ"
"เอาไว้เรานัดกันใหม่นะครับ"
"ค่ะ"
รริศากดวางสายจากนิมมาน ดารินเดินกลับเข้ามาหารริศาสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
"พี่ริศากลับออฟฟิศไปพร้อมคุณเมฆาก่อนนะคะ รินมีธุระที่ต้องไปจัดการให้เรียบร้อยก่อน"
"จ้ะ นี่รินเป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าไม่ดีเลย"
"ไม่มีอะไรค่ะ"
ดารินกับรริศาพากันเดินตรงไปที่รถ

ดารินกำลังโกรธใส่มนัส ในมุมหนึ่งที่นัดหมาย
"ทำไมคุณไม่เคยบอกฉันว่าคุณเป็นน้องชายคุณนิมมาน เป็นลูกชายเจ้าของนิรมิต เป็นคู่แข่งของบริษัทฉัน"
ทั้งคู่ยืนคุยกัน
"ผมไม่เคยคิดจะปิดบังคุณนะ"
"ไม่ได้ปิดบัง แต่คุณรู้แต่แรกแล้วว่าฉันเป็นน้องสาวพี่เทวา แล้วก็ยังเข้ามาตีสนิทกับฉันโดยไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร แบบนี้จะให้คิดยังไง"
"ผมไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มตีสนิทกับคุณนะ อย่าลืมสิ คุณเป็นฝ่ายโทร.หาผมก่อนด้วยซ้ำ"
"เพราะคุณหลอกให้ฉันเข้าใจว่าคุณเป็นแค่ช่างภาพจนๆ ที่ไม่มีพิษภัยไง ฉันไว้ใจคุณ ไปไหนมาไหนกับคุณ แถมยังให้คุณเข้ามาในบริษัทด้วย"
"ใช่ผมรับงานเป็นช่างภาพ ผมไม่เคยบอกเลยสักคำว่าผมจน ผมไม่เคยพูดถึงฐานะบ้านผมสักครั้ง ทุกอย่างคุณพูดเองเออเองคนเดียว"
"อ้อ นี่จะหาว่าฉันผิดล่ะสิ ที่คุณไม่เคยอ้าปากพูดความจริงออกมา นี่คุณไม่ผิดเลยงั้นสิ สนุกมากใช่ไหม ที่เห็นฉันเป็นนังหน้าโง่ให้คุณปั่นหัวเล่น"
"มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคุณริน ผมก็พยายามจะบอกคุณแล้ว แต่ผมยังไม่มีโอกาสเหมาะๆ"
"นี่ไง เหมาะที่สุดแล้ว ตอนนี้ฉันรู้ความจริงแล้ว ฉันเคยบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าถ้าคุณมาจากฝ่ายตรงข้าม แม้แต่ความเป็นเพื่อนฉันก็ไม่มีให้คุณ"
"คุณริน"
"ต่อไปนี้เราไม่ต้องมาเจอกันอีก"
ดารินเดินหนีออกไปเลย มนัสพยายามส่งเสียงเรียก
"คุณริน เดี๋ยวสิคุณริน" มนัสจะตามไป

"ไม่ต้องตามมานะ เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว"

ฝ่ายนิมมานกลับมาถึงบ้าน อารมณ์ยังฉุนเฉียวเรื่องที่ประมูลราคาแพ้อยู่

ในห้องนอน เพชรพริ้งกำลังหงุดหงิดเรื่องที่เทวาไปรับรวิปรียาถึงบริษัท
"คุณเทวาหายไปกับนังรวิสองสามวัน.. พอกลับมาก็อี๋อ๋อกันผิดปกติ หรือว่าสองคนนั้นจะเข้าใจกันแล้ว"
เพชรพริ้งยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด
"โอ๊ย"
เพชรพริ้งหยิบหมอนเขวี้ยงออกไปที่ประตูห้อง เป็นจังหวะเดียวกับที่นิมมานเปิดประตูเข้ามา หมอนเฉียดหน้าเขาไปหวุดหวิด
"เป็นบ้าอะไรขึ้นมา"
"บ้าเพราะนังรวิของคุณน่ะสิ"
"แล้วคุณรู้ไหมว่าไอ้เทวาแฟนใหม่คุณมันทำอะไร"
"อ๋อ หงุดหงิดกลับมาแบบนี้ นี่คงโกรธที่เทวาเขาทำอะไรก็เหนือกว่าคุณไปซะทุกอย่างล่ะสิ ก็เลยมาลงที่ฉัน แต่ฉันก็ไม่แปลกใจหรอกนะ เพราะผู้ชายโง่ๆ กระจอกอย่างคุณน่ะ ต่อให้เกิดใหม่อีกสิบชาติก็ไม่ทีทางเอาชนะเทวาได้หรอก"
นิมมานเดินเข้ามาจ้องหน้าเอาจริง
"ผัวคุณยืนหัวโด่อยู่นี่ทั้งคน อย่าร่านให้มันมาก"
"ทีอย่างนี้ มาทำเป็นอ้างสิทธิ์ว่าเป็นผัว เพิ่งจะยอมรับเหรอว่าคุณเป็นผัวพริ้ง แล้วทีคุณล่ะ หายใจเข้าก็นังรวิ หายใจออกก็นังรวิ ถ้าคุณว่าฉันร่าน นังนั่นมันก็ร่านไม่แพ้ฉันหรอก"
"ผมเคยเตือนคุณแล้วว่าอย่าพูดถึงรวิแบบนั้น"
"ฉันจะพูด เพราะนังรวิมันเป็นเป็นนังแพศยา มันเองก็สำส่อนพอๆกับคุณนั่นแหละ"
"คำว่าแพศยาน่ะ เก็บไว้ใช้กับตัวคุณจะเหมาะกว่า ส่วนเรื่องสำส่อนน่ะ ไม่มีใครเก่งกว่าคุณหรอกพริ้ง ผมชักจะหมดความอดทนกับคุณเต็มทีแล้ว ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ผมจะหย่ากับคุณให้เร็วที่สุด ผมจะได้เป็นอิสระแล้วกลับไปหารวิซะที"
"ก็ดี.. หย่าเลย ฉันเองก็แทบจะรอหย่ากับคุณไม่ไหวอยู่แล้ว"
เพชรพริ้งร้องท้าทาย แล้วกระทืบเท้าตึงๆจากไป

วันใหม่ เทวากำลังประชุมกับเมฆา ดาริน และรริศาอยู่ในห้อง สีหน้าดารินไม่ร่าเริงอย่างเคย
"เมื่อวานพี่ไปคุยงานเรื่องโปรเจกต์ใหม่มา เป็นงานการก่อสร้างและบริหารเมืองใหม่บนที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยา เจ้าของโปรเจกต์เป็นองค์กรของรัฐที่กำลังต้องการบริษัทมาดูแลรับผิดชอบโครงการนี้ทั้งหมด"
"งั้นก็ต้องมีการประมูลอีกแล้วสิครับ"
"ใช่ เมืองใหม่นี้จะมีทั้งคอนโดมิเนียม คอมมิวนิตี้มอลล์ สวนสาธารณะริมแม่น้ำ"
ดารินบอก "โปรเจกต์ใหญ่ขนาดนี้ การแข่งขันต้องดุเดือดแน่เลยค่ะพี่เทวา"
"ตอนนี้ทางเจ้าของโปรเจกต์ยังไม่ประกาศให้ยื่นเสนอราคาอย่างเป็นทางการ แต่หลายบริษัทคงได้ข่าวจากวงในกันไปแล้ว ทุกบริษัทคงกำลังจ้องงานนี้ตาเป็นมัน"
"งั้นเราก็ต้องเตรียมรับงานหนักกันอีกแล้วล่ะสิครับ"
"ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น กลับไปทำงานต่อกันได้แล้ว แต่หลังเลิกงานวันนี้เราคงต้องมาประชุมกันต่อ เอารายละเอียดที่พอมีมาคุยกัน ถ้าโปรเจกต์เปิดให้ประมูลเมื่อไหร่ เราจะได้มีเอกสารพร้อมอยู่ในมือ"
ทุกคนพยักหน้ารับ
"ริศาคงต้องทำงานกับพี่เยอะหน่อยนะช่วงนี้"
"ค่ะ"
ทุกคนลุกขึ้น เตรียมจะออกจากห้อง ดารินตามหลังรั้งท้าย เทวามองน้องสาวแล้วเรียกไว้
"ริน"
"คะ"
"ช่วงนี้เป็นอะไรหรือเปล่า ท่าทางซึมๆไปนะเรา"
"เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร"
ดารินฝืนยิ้มแล้วออกจากห้องไป เทวาไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร

ด้านนิมมานเข้ามาที่บริษัทสยามเอ็นจิเนียริ่ง เดินผ่านโต๊ะพนักงานอื่นๆ ตรงไปทางห้องทำงานรวิปรียา
เพชรพริ้งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน มองเห็นนิมมานแล้ว แต่นิมมานไม่สนใจเธอสักนิด เพชรพริ้งก็เบะปากใส่เช่นกัน
"เชอะ พอว่างปุ๊บก็แจ้นมาหาชู้ปั๊บเชียวนะ"
ยังไม่ทันที่นิมมานจะถึงห้องทำงาน รวิปรียาก็ออกมาจากห้องแล้วเห็นนิมมานพอดี
"อ้าว นิมมาน"
"ผมมีเรื่องงานจะมาปรึกษารวิ ขอคุยด้วยหน่อยสิ"
"เข้ามาสิคะ"
เพชรพริ้งยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดถ่ายภาพของนิมมานกับรวิปรียารัวๆเก็บไว้
ภาพที่นิมมานกำลังตามรวิปรียาเข้าไปในห้องทำงาน
เพชรพริ้งมองภาพถ่ายพวกนั้นกระหยิ่มยิ้มย่อง
"ภาพมันฟ้องซะขนาดนี้ เย็นนี้แกบ้านแตกแน่นังรวิ"
เธอกดส่งภาพออกไปหาเทวา

เทวาได้รับข้อความทางโทรศัพท์ จึงกดเปิดดู
มีภาพถ่ายขึ้นเรียงกัน4-5ภาพ เป็นภาพของนิมมานกับรวิปรียาเข้าไปในห้องทำงานด้วยกัน

"นิมมาน? ไปหารวิทำไมอีก"

นิมมานตามรวิปรียาเข้ามาในห้องทำงาน ขณะชวนคุยมาด้วย

"คุณคงรู้แล้ว เรื่องที่บริรักษ์ประมูลได้นาวารีสอร์ตไป"
"ค่ะ เสียใจด้วยนะคะ"
"ช่างเถอะครับ ทำธุรกิจก็ต้องมีแข่งขัน มีแพ้มีชนะบ้างเป็นธรรมดา"
"นี่คุณเปลี่ยนไปมากจริงๆนะคะนิมมาน"
"ผมรู้ ปกติผมไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ คงเพราะผมผิดหวังมาเยอะมังครับ โดยเฉพาะการที่ผมผิดหวังจากรวิ ผมถึงค่อยๆเรียนรู้ที่จะรอคอยจนกว่าจะกลับมาสมหวังอีกครั้ง ...ที่ผมมาวันนี้เพราะจะชวนสยามเอ็นจิเนียริ่งทำโปรเจกต์ด้วยกัน"
"โปรเจกต์อะไรคะ"
"ตอนนี้กำลังจะมีการประมูลสร้างเมืองใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นโปรเจกต์ที่ใหญ่และท้าทายมาก บอกตรงๆว่าผมอยากได้สยามเอ็นจิเนียริ่งมาเป็นพันธมิตรกัน"
"นิมมานคะ ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกัน เป็นคู่ค้าทางธุรกิจกันก็จริง แต่คุณคงไม่ลืมว่ารวิแต่งงานแล้ว การที่จะไปร่วมหุ้นกันมันไม่ใช่ว่าจะตัดสินใจกันได้ง่ายๆ"
"แต่ที่ผมกล้าชวนเพราะผมมั่นใจว่ารวิที่ผมรู้จักเป็นคนที่แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันได้"
"นั่นมันก็ใช่ค่ะ แต่ว่า"
"แล้วที่สำคัญ ผมรู้ว่ารวิก็ไม่ได้รักเขา เพราฉะนั้นก็ไม่เห็นจำเป็นต้องแคร์"
"ความรู้สึกคนเรามันเปลี่ยนกันได้ทุกวันนี่คะ คนที่เคยรักกัน วันนึงอาจจะหมดรัก ส่วนคนที่เราไม่เคยรู้สึกอะไรมาก่อน พอได้รู้จักกันมากขึ้น วันนึงเราอาจจะรักเขาขึ้นมาก็ได้"
"นี่หมายความว่ารวิ..."
รวิปรียาตัดบท "เอาเป็นว่า เรื่องโปรเจกต์ใหญ่ที่คุณว่ามา เอาไว้ให้ถึงเวลาเราค่อยมาคุยกันดีกว่าค่ะ"
นิมมานผิดหวังกับคำตอบของรวิปรียา และยิ่งไม่สบายใจเมื่อเห็นท่าทีว่ารวิปรียาจะมีใจให้เทวา

ตอนเย็น เพชรพริ้งเข้ามาในห้องตอนที่นิมมานยังคงอยู่ในห้องน้ำ แล้วเห็นกล่องสร้อยที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง เธอเข้ามาหยิบและเปิดดูอย่างแปลกใจ เป็นสร้อยเส้นเดียวกับที่รริศามองที่ห้าง
เพชรพริ้งแอบเข้าข้างตัวเอง "หรือจะซื้อมาให้เราเพราะสำนึกผิด"
พอนิมมานออกจากห้องน้ำ เธอก็ยังถือกล่องนั้นอยู่
"นี่สร้อยของใคร"
"ไม่ใช่ของคุณก็แล้วกัน"
เพชรพริ้งเยาะๆ
"จะซื้อให้นังรวิงั้นเหรอ ตอนนี้เขาเป็นถึงเมียเจ้าของบริรักษ์แล้ว เขาคงไม่มาสนใจของกระจอกๆแบบนี้หรอก"
"จะสนหรือไม่สน มันก็ไม่ใช่กงการอะไรของคุณ"
นิมมานไม่อยากต่อความ เข้ามาดึงกล่องจากมือเพชรพริ้งแล้วออกไป

เวลาเดียวกัน ที่บ.บริรักษ์
เทวา เมฆา รริศานั่งทำงานอยู่ด้วยกันจนดึกในห้อง ท่าทางเทวาเอาจริงเอาจัง แต่รริศาดูลุกลี้ลุกลน มองโทรศัพท์ตลอดเวลา บ้างก็หยิบขึ้นมากดข้อความ
เทวาเหลือบตามองรริศา
"เป็นอะไรหรือเปล่าริศา ท่าทางลุกลี้ลุกลน มีนัดหรือไง"
"จริงๆริศานัดกับเพื่อนไว้น่ะค่ะ แต่ว่าเสร็จงานก่อนค่อยไปก็ได้"
"เพื่อนพิเศษหรือเปล่าครับ ถึงได้ใจลอยขนาดนี้" เมฆาว่า
รริศารีบปฏิเสธเหมือนร้อนตัว "ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น"
"เอาล่ะๆ วันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกัน ริศากลับไปก่อนเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว วันหลังค่อยมาดูกันต่อ"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะพี่เทวา"
รริศาเก็บข้าวของลุกขึ้นแล้วออกไป เทวากับเมฆามองหน้ากันไม่ได้เอะใจอะไร

ในห้องนั่งเล่น ตะวันนั่งหาวหวอดอยู่ข้างๆรวิปรียา จ๊ะเอ๋นั่งอยู่ด้วย
"ง่วงแล้วก็ให้พี่จ๊ะเอ๋พาเข้านอนเถอะนะตะวัน"
"แต่ตะวันอยากรอคุณพ่อ"
"วันนี้คุณพ่อโทร.มาบอกว่าจะเลิกงานดึกค่ะ"
"ป่านนี้ไม่รู้ว่าคุณเทวาจะทานอะไรหรือยังนะคะ เวลาคุณเทวาทำงานหนักๆ บางทีก็จะลืมกินข้าวกินปลา หรือบางทีก็หอบงานไปทำที่คอนโด ไม่กลับบ้านด้วยล่ะค่ะ"
"ไม่กลับบ้านด้วยเหรอ"
"แต่ตอนนี้มีคุณรวิอยู่ที่บ้าน ยังไงคุณเทวาก็คงกลับน่ะค่ะ"
"งั้นเดี๋ยวฉันรอคุณเทวาเอง จ๊ะเอ๋พาตะวันขึ้นนอนเถอะไป"
"ค่ะ ไปค่ะคุณตะวัน"
ตะวันลุกขึ้นแต่โดยดี เข้ามากอดรวิปรียา ให้รวิปรียาหอมแก้ม
"กู๊ดไนท์นะคะ"
จ๊ะเอ๋ก็พาตะวันออกไป รวิปรียาชะเง้อมองไปหน้าประตูรั้ว แต่ก็ไม่มีเสียงรถใดๆ จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดก็ลังเล เธอพึมพำกับตัวเอง "อย่าโทรเลย ถ้าเขาทำงานยุ่งอยู่ก็จะกวนซะเปล่าๆ"


รวิปรียานั่งปอกผลไม้เตรียมใส่กล่องเอาไว้ จ๊ะเอ่ส่งตะวันเข้านอนไปแล้วก็ลงมาดู
"คุณรวิทำอะไรคะ"
"ปอกผลไม้ไว้ให้คุณเทวาน่ะ เผื่อว่ากลับมาแล้วจะหิว"
"หืม.. ถ้าคุณเทวารู้ว่ามีคนเป็นห่วงขนาดนี้คงจะดีใจ"
รวิปรียาปอกผลไม้เรียงใส่กล่องสวยงาม เสร็จพอดีจึงปิดฝาส่งให้จ๊ะเอ๋
"เดี๋ยวจ๊ะเอ๋ช่วยเอาไปใส่ตู้เย็นไว้นะ ฉันต้องไปนอนแล้วเหมือนกัน พรุ่งนี้ต้องไปส่งตะวันแต่เช้า"
จ๊ะเอ๋รับกล่องไป "ค่ะ"

รวิปรียาลุกขึ้นเดินไป

รริศานั่งคุยอยู่นิมมานในร้านเดิม นิมมานกำลังปั้นหน้าเศร้าจนรริศาเป็นห่วง

"เสียใจด้วยนะคะ เรื่องการประมูลซื้อโรงแรม"
"ช่างมันเถอะครับ เรื่องธุรกิจก็เป็นแบบนี้แหละ ผมไม่ได้ติดใจอะไร"
"แต่สีหน้าคุณดูไม่ค่อยสบายใจเลย"
"ผมไม่สบายใจคือเรื่องที่บ้านน่ะครับ ตอนนี้คุณพ่อผมไม่พอใจมากที่ผมพลาดโครงการของนาวารีสอร์ต ท่านก็เลยต่อว่าผมใหญ่ แล้วผมก็ทะเลาะกับพริ้งด้วย"
"การที่ริศาออกมากับคุณแบบนี้เนี่ย ริศาสร้างปัญหาให้คุณหรือเปล่าคะ"
"ปัญหาอะไรครับ"
"ก็ตอนนี้บริษัทของคุณถือว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับบริรักษ์ และอีกเรื่องนึงก็คือคุณแต่งงานแล้ว ถ้าใครมาเห็นเข้า เขาจะเอาเราไปพูดถึงในแง่เสียหายได้"
"ผมรู้ว่าผมไม่ใช่ผู้ชายโสด คุณมากับผมแบบนี้คงรู้สึกลำบากใจ งั้นต่อไป ผมคงไม่นัดคุณออกมาอีก"
"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ คือ.. ริศาแค่ไม่อยากให้ภรรยาคุณเข้าใจผิด"
"พริ้งเขาไม่สนใจหรอกครับว่าผมจะทำอะไร ผมแต่งงานกับเขาทั้งที่ไม่เคยรักเขา เราสองคนไม่เคยเข้ากันได้เลย ตอนนี้ชีวิตแต่งงานผมก็กำลังมีปัญหา ไม่รู้ว่าจะทนกันไปได้ถึงเมื่อไหร่ ถ้าคุณไม่มาเจอผมอีก ผมก็คงไม่เหลือเรื่องดีๆในชีวิตแล้ว"
รริศามองนิมมานซึ้งใจ คิดไปว่านิมมานแคร์เธอมากจริงๆ
"ริศายังมาเจอคุณได้เหมือนเดิมค่ะ เพียงแต่ว่า ตอนนี้คุณยังมีพันธะอยู่ ริศาอยากให้เราสองคนคบกันเป็นเพื่อนแบบนี้ไปก่อน"
"แค่นั้นผมก็พอใจแล้วครับ"
นิมมานกุมมือรริศา รู้ว่าเขาเอาชนะใจรริศาได้แน่นอนแล้ว

ทางเข้าบาร์แห่งหนึ่ง เป็นจังหวะเดียวกับที่เพชรพริ้งมาที่นั่นนั้นพอดี พร้อมกับกลุ่มเพื่อนๆ
"ที่นี่อีกแล้วเหรอ"
เพื่อน1บอก"ก็นังเจนนี่มันนัดไว้ที่นี่ ไม่รู้มันมาถึงหรือยัง"
"เข้าไปดูข้างในละกัน"
ทั้ง 2 คนเดินเข้าไป
รริศามานั่งอยู่ในบาร์กับนิมมานต่อ หลังจากกินข้าวเสร็จ เด็กเสิร์ฟวางเครื่องดื่มให้ทั้งคู่บนโต๊ะแล้วเลี่ยงไป
นิมมานยกแก้วเครื่องดื่มให้รริศาชนแก้ว รริศายกแก้วเธอขึ้นชนแล้วจิบเบาๆ
"วันนี้ริศาสนุกมากค่ะ ขอบคุณคุณนิมมานมากนะคะ"
นิมมานดึงมือรริศามากุมไว้ หวังซื้อใจเต็มที่
"รู้ไว้เลยนะครับริศา ว่าริศามีความสุขมากแค่ไหน ผม..มีความสุขมากกว่าคุณเป็นสองเท่า"
รริศายิ้มมีความสุข นิมมานได้โอกาสจึงเอากล่องสร้อยคอเล็กๆออกมาจากกระเป๋ากางเกง
"อะไรคะ"
นิมมานเปิดกล่องออก แล้วดึงสร้อยออกมา
"ของขวัญสำหรับริศาครับ"
"เนื่องในโอกาสอะไรคะ"
"เพื่อมิตรภาพของเราที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นไงครับ ผมขอใส่สร้อยให้ริศาได้ไหม"
"ค่ะ"
นิมมานขยับเข้าไปใกล้ ใส่สร้อยรอบคอรริศา
เพชรพริ้งกับเพื่อนเดินเข้ามา มองไปรอบๆภายในบาร์
ทันใด.. ภาพที่นิมมานกำลังโอบรริศาเพื่อใส่สร้อยให้รริศาก็ปรากฏแก่สายตาพวกเธอ
"นั่นผัวแกไม่ใช่เหรอพริ้ง นี่แกปล่อยให้นิมมานทำแบบนี้ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าระดับแกยังคุมผัวตัวเองไม่อยู่"
เพชรพริ้งของขึ้น เดินผละจากเพื่อนตรงเข้าไปหานิมมานทันที เมื่อถึงตัวก็กระชากแขนนิมมานออกมา
"ทุเรศที่สุด นี่คุณกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง"
"พริ้ง มาที่ได้ยังไง"
"ถ้าไม่มาแล้วจะรู้เหรอว่าผัวตัวเองกำลังเล่นชู้อยู่กับผู้หญิงไร้ยางอาย"
"แต่เราสองคนเคยคุยกันแล้วว่าจะต่างคนต่างอยู่ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน"
"ถึงไม่เกี่ยวข้อง แต่ฉันก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นเมียคุณ ถึงคุณจะเป็นแค่ซากสามีเน่าๆ แต่ก็เป็นซากที่ฉันเป็นเจ้าของ แล้วฉันก็จะไม่ยอมให้อีแร้งที่ไหนมารุมทึ้งคุณต่อหน้าต่อตาแบบนี้... แกนี่เอง ฉันเคยเจอแกที่งานแต่งงานคุณเทวา ไอ้ที่แกกับเพื่อนตั้งวงเมาท์ฉันกันก็เพราะอิจฉาฉัน จ้องจะฉกผัวฉันอยู่ล่ะสิ"
"ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะคุณพริ้ง"
"ไม่ใช่เหรอ"
เพชรพริ้งเอาแก้วเครื่องดื่มสาดใส่หน้ารริศา
"กระแดะ"
นิมมานปราม "หยุดนะพริ้ง"
"ไม่หยุด แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ"
เพชรพริ้งมองเห็นสร้อยที่ลำคอของรริศาแล้วจำได้ว่าเป็นเส้นที่เธอเคยเห็นที่บ้าน เธอกระชากดึงคอรริศามาดูสร้อยชัดๆ
"นี่มันสร้อยเส้นนั้น นี่คุณซื้อสร้อยเส้นนี้ให้มันเหรอนิมมาน"
"ใช่"
"แอร๊ย"
เพชรพริ้งจิกผมรริศาขึ้นมาแล้วตบซ้ายขวาจนรริศาเซล้มลงไปกับพื้น เพชรพริ้งตามไปขึ้นคร่อมแล้วตบซ้ำอีก รริศาสู้ไม่ไหวได้แต่ร้องไห้ นิมมานพยายามจะห้ามแต่ไม่เป็นผล เพราะเพชรพริ้งกำลังคลั่ง
"พริ้ง หยุดเดี๋ยวนี้นะ"
นิมมานจึงต้องไปดึงตัวเพชรพริ้งออกมาจากรริศา เพชรพริ้งยังคงคลั่งจะเข้าไปหารริศาต่อให้ได้
"ปล่อยนะ ฉันจะตบมัน"
"หายบ้าได้แล้ว กลับบ้าน"
นิมมานต้องใช้แรงลากตัวเพชรพริ้งออกไป รริศานั่งจมอยู่กับพื้นในสภาพยับเยิน สายตาคนในบาร์ต่างจับจ้อง รริศาร้องไห้เจ็บและอาย

ด้านเทวาเพิ่งกลับเข้าบ้านมา เดินมาที่บริเวณโต๊ะอาหาร จ๊ะเอ๋ออกมาพร้อมกับยื่นกล่องใส่ผลไม้ไปให้ตรงหน้า
"อะไร"
"ผลไม้ค่ะ"
"ฉันไม่หิว"
"แต่ผลไม้นี่คุณรวิปอกไว้ให้นะคะ เธอเป็นห่วงว่าคุณเทวาทำงานเหนื่อยๆ กลับมาแล้วจะหิวน่ะค่ะ"
"รวิเหรอ"
"ค่ะ ปอกเองด้วยมือและด้วยหัวใจเลย"
"งั้นเอามา"
เทวารับกล่องมาจากจ๊ะเอ๋ แล้วนั่งลงหยิบผลไม้ใส่ปาก จ๊ะเอ๋มองแล้วอิน มีความสุขไปด้วย
จ๊ะเอ๋แซว "หวานใช่ไหมคะ"
"อย่าพูดมาก ไปนอนได้แล้วไป"

เทวาเปิดประตูห้องนอนเข้ามาเบาๆ เห็นภาพรวิปรียานอนหลับอยู่บนเตียง เขาไม่อยากส่งเสียงให้รวิปรียาตื่น จึงก้าวเบาๆ เข้ามายืนข้างเตียง
เทวายืนมองภาพรวิปรียาที่หลับอยู่ ด้วยสายตาอ่อนโยน
จากนั้นเขาก็นั่งลงข้างรวิปรียา แล้วล้มตัวลงนอนกอดรวิปรียา
รวิปรียาสะลึมสะลือยิ้ม ทั้งที่ดวงตายังหลับอยู่
"กลับมาแล้วหรือคะ"
"ครับ คุณนอนเถอะ"

รวิปรียาหลับต่อ เทวานอนกอดรวิปรียาอยู่แบบนั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความรักและอบอุ่น

อ่านต่อตอนที่ 17

#ใจลวง #thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น