ใจลวง ตอนที่ 15
รถของเทวาเลี้ยวผ่านรั้วบ้านเข้ามาถึงลานด้านใน แล้วจอดสนิทที่มุมหนึ่ง
เทวามองไปรอบๆด้วยความสงสัย
“ที่นี่ที่ไหน”
รวิปรียาไม่ตอบ
“แล้วคุณมาที่นี่ทำไม”
รวิปรียาไม่สนใจจะตอบอีก เปิดประตูลงจากรถไปเลย เทวารีบลงตามมา
อิงอรและจอยเดินออกมาจากตัวบ้านเพราะได้ยินเสียงรถ เทวาเห็นอิงอรจึงเข้าใจแล้วว่าที่นี่คือที่ไหน
“รวิ.. มาแล้วหรือลูก อ้าว คุณเทวาก็มาด้วยเหรอ”
รวิปรียาไหว้อิงอร “คุณแม่ สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับคุณแม่”
รวิปรียาเหล่มองเทวาประมาณว่า.. ทีนี้รู้หรือยังล่ะ
เทวากับรวิปรียาเดินตามอิงอรเข้ามาในบริเวณบ้าน
“ขอบคุณนะคะคุณเทวาที่อุตส่าห์มาเยี่ยมแม่ถึงที่นี่”
เทวาตอบรับไปเก้อๆ
“อ๋อ.. คะ.ครับ”
“รวิก็เหลือเกิน ทำไมไม่บอกกันก่อนว่าจะพาคุณเทวามาด้วย แม่จะได้เตรียมทำอาหารอร่อยๆไว้คอยต้อนรับ”
“คือ...”
“ผมเป็นคนบอกรวิเองครับว่าอย่าบอกคุณแม่ คือ..ผมอยากมาทำเซอร์ไพรส์น่ะครับ” เขาหันไปถามรวิปรียา “แล้วนี่..คุณมาค้างที่นี่บ่อยเหรอ”
รวิปรียายังหมั่นไส้เทวาอยู่ ไม่ตอบ อิงอรจับอาการได้ว่าลูกสาวคงจะงอนอะไรเทวา จึงตอบแทน
“เขามาทุกครั้งที่มีเวลาว่างน่ะค่ะ มาทีนึงก็อยู่ให้แม่หายเหงาได้สองสามวันแล้วก็ต้องกลับไปทำงานต่อ แต่คราวนี้พิเศษตรงที่มีคุณเทวามาค้างด้วย”
“คุณเทวาเขาไม่ได้มาค้างหรอกค่ะ เขาแค่มาส่งรวิ เดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“อ้าว ทำไมไม่อยู่ค้างซะด้วยกันล่ะคะ”
“คุณเทวาเขางานยุ่งน่ะค่ะ”
เทวารีบตอบ “อยู่ก็ได้ครับ พอดีมาเห็นบรรยากาศดีๆที่นี่แล้ว ผมว่าผมค้างที่นี่ด้วยดีกว่า”
รวิปรียาหันขวับไปมองเทวาทันที แอบถลึงตาใส่
“เรื่องงานยังมีลูกน้องทำแทนได้ แต่เรื่องใช้เวลาส่วนตัวกับภรรยา คงให้ใครมาทำแทนไม่ได้ จริงไหมครับ”
อิงอรหัวเราะชอบใจเบาๆ ที่อย่างน้อยลูกเขยเธอก็ยังดูเอาใจใส่รวิปรียา
จอยถือกระเป๋าเสื้อผ้าของรวิปรียามาวางไว้ที่พื้นในห้องนอน รวิปรียาเข้าห้องมาโดยมีเทวาตามหลังมาด้วย
รวิปรียาปรายตามองเทวา ตาขุ่นๆ
“คุณตามเข้ามาทำไม”
จอยตอบแทน “อ้าว ก็คุณเทวาเป็นสามีคุณรวิ ก็ต้องมานอนห้องนี้ด้วยกันสิคะ”
รวิปรียาปฏิเสธไม่ได้ เทวายิ้มชอบใจที่จอยพูด
“จอยจัดที่นอนไว้ให้แล้วค่ะ เตียงเล็กไปหน่อยอาจจะต้องนอนเบียดกันนิดนึง แต่ปกติคู่แต่งงานใหม่ก็น่าจะอยากนอนใกล้ๆกันอยู่แล้ว” จอยหัวเราะคิกคัก
“ขอบใจมากจอย” เทวาบอก
“คุณเทวาไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาใช่ไหมคะ ที่บ้านนี้ไม่มีผู้ชายอยู่เลย ไม่มีเสื้อผ้าผู้ชายเก็บไว้เลยค่ะ เอายังไงดีคะ”
“ไม่เป็นไรจอย ท้ายรถชั้นมีกระเป๋าเสื้อผ้าที่ไว้ใช้เปลี่ยนเวลาไปออกกำลังน่ะ ช่วยไปหยิบให้หน่อยแล้วกันนะ” เทวาหยิบกุญแจจากกระเป๋าส่งให้
จอยออกจากห้องไป รวิปรียาหันมาหาเทวาทันทีที่จอยคล้อยหลัง
“ฉันไม่ให้คุณนอนในห้องนี้”
“ไม่ให้นอนห้องนี้แล้วจะให้ผมไปนอนที่ไหนล่ะ”
“ข้างนอกโน่นไง”
“เดี๋ยวคุณแม่ก็สงสัยกันพอดี”
รวิปรียาเถียงไม่ออกอีก เพราะเทวาพูดจริงเลยทำไม่สนใจแล้วเดินเลี่ยงไปเปิดกระเป๋าเสื้อผ้า
เทวามองรวิปรียา สายตาจริงจังขึ้นมา เลิกล้อเล่น เขาก้าวเข้ามาหา
“รวิ.. เรื่องเมื่อตอนบ่าย ผมขอโทษ คือผมนึกว่าคุณ...”
รวิปรียาตอบแทน “นึกว่าฉันนัดกับนิมมาน”
เทวาพยักหน้ารับผิด
“แต่ฉันไม่ยกโทษให้”
“ไม่ยกโทษให้ก็ไม่เป็นไร แต่สองสามวันนี้เราสองคนต้องทำตัวดีต่อกันไว้”
“ทำไมฉันต้องดีกับคุณ”
“หรือคุณอยากให้คุณแม่ไม่สบายใจ”
ก่อนที่รวิปรียาจะอ้าปากเถียง อิงอรก็มายืนหน้าห้องที่ประตูเปิดค้างอยู่
“รวิ คุณเทวา เดี๋ยวอาบน้ำอาบท่าแล้วออกมากินข้าวกันนะ”
เทวายิ้มเต็มใจ “ครับ”
รวิปรียาทำหน้าบูดใส่
เมฆามารายงานข่าวเรื่องงานตรงหน้าดาริน
“เมื่อวานนี้มีลูกค้าคนหนึ่งที่ซื้อคอนโดในโครงการของเรา ได้ร้องเรียนเข้ามาว่าการก่อสร้างคอนโดของเราไม่ได้มาตรฐาน”
“แล้วเป็นเรื่องจริงหรือปล่า”
“ผมกำลังจะส่งคนไปตรวจสอบ แต่ลูกค้ารายนั้นกลับไม่ยอมรอให้เข้าไปตรวจห้อง แถมตอนนี้ก็ยังโพสต์ ภาพถ่ายภายในคอนโดของเราพร้อมกับข้อความเสียๆหายๆ ทางอินเตอร์เน็ต ตอนนี้โพสต์นั้นถูกแชร์ไปทั่วโซเชียลมีเดียแล้วครับ”
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง แล้วพี่เทวาว่าไงบ้างคะ”
“ผมโทร.คุยกับคุณเทวาแล้ว คุณเทวาอยากให้คุณรินเป็นคนจัดการเรื่องนี้ในฐานะพีอาร์เมเนเจอร์”
“ได้ค่ะ งั้นคุณเมฆา ช่วยหาเบอร์ของลูกค้ารายนั้นให้หน่อยได้ไหมคะ รินจะโทรไปเจรจาไกลเกลี่ยด้วยตัวเอง”
“ได้ครับ”
ที่บ้านสวน ตอนเย็น รวิปรียากำลังช่วยอิงอรจัดโต๊ะอาหาร อิงอรอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“คุณเทวานี่เขาน่ารักนะ ตัวเองก็งานยุ่งจะแย่ ยังทำตัวเป็นลูกเขยที่ดีมาเยี่ยมแม่ได้”
รวิปรียายิ้มฝืดให้อิงอร แต่แอบคิดในใจ
“สร้างภาพล่ะสิไม่ว่า”
อิงอรบอก “ท่าทางคุณเทวาเขารักรวิมาก ลูกเองก็ควรจะเอาใจเขามากๆหน่อย”
รวิปรียาแอบทำปากย่น จอยยกสำรับอาหารออกมาจากครัว จัดวางบนโต๊ะ
“มาแล้วค่า อาหารฝีมือคุณอรวันนี้ มีแกงจืดตำลึง ของโปรดคุณรวิด้วยนะคะ”
“เออ รวิรู้ไหม คุณเทวาเขาชอบทานอาหารอะไร พรุ่งนี้แม่จะได้เตรียมทำกับข้าวให้ถูกปาก”
“เอ่อ... ชอบทานอะไรน่ะเหรอคะ ก็..” เธอมองชามแกงจืดบนโต๊ะ แล้วตอบแบบส่งเดชไป “ก็แกงจืดนี่แหละค่ะ”
“งั้นมีอะไรที่เขากินไม่ได้บ้างไหมลูก”
รวิปรียาอึ้ง เงียบ ไม่เคยรู้มาก่อน
“อย่าบอกนะว่าไม่รู้น่ะ”
รวิปรียารีบแก้ตัว “รู้สิคะ เขากินอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ เขาไม่เรื่องมากหรอก”
"แล้วกินเผ็ดได้ไหม ถ้าไม่ได้แม่จะได้ลดเผ็ดลง"
"เอ่อ... คุณแม่คะ ไม่ต้องเอาใจมากขนาดนั้นหรอกค่ะ"
"ต้องเอาใจสิ เขาจะได้ดีกับลูกของแม่มากๆไง"
เทวาออกมาที่โถงของบ้านพอดี อยู่ในชุดเสื้อผ้าใหม่อาบน้ำแล้ว ลำลองขึ้น
ทุกคนหันไปเห็น อิงอรยิ้มให้เทวา
"มาทานข้าวกันค่ะคุณเทวา"
"ครับคุณแม่"
ผ่านเวลาเทวา รวิปรียากินข้าวเย็นร่วมโต๊ะอยู่กับอิงอร อิงอรมองลูกสาวและลูกเขยปลื้มๆ
"คุณแม่ทำอาหารอร่อยมากเลยครับ"
"น่ารักจริงๆ ลูกเขยคนนี้ รู้จักชมให้คนแก่ชื่นใจด้วย ถ้าอร่อยก็กินเยอะๆนะคะ"
รวิปรียาตักแกงจืดใส่จาน แต่เทวาไม่ได้ตักเลย อิงอรมองอยู่แล้วทักขึ้น
"แม่เพิ่งรู้นะว่าของโปรดของคุณเทวากับรวิเหมือนกันเลย"
เทวางง "ของโปรดผม"
รวิปรียารีบมัดมือชก เพราะกลัวแม่รู้ว่าตัวเองมั่ว "ก็แกงจืดผักตำลึงนี่ไงคุณ"
รวิปรียาตักผักตำลึงใส่จานให้เทวา แต่เทวาดูอึกอัก มีอะไรบางอย่างในใจ
"แต่ที่จริงผม..."
อิงอรถาม "ไม่ชอบแกงจืดหรือคะ"
"ไม่ใช่ไม่ชอบครับ แต่ผม..."
รวิปรียาขัดขึ้นทันที "โดยเฉพาะผักตำลึงนี่แหละ ของโปรดคุณเลย" เธอทำขยิบตาให้เทวาเออออด้วย "ไม่ใช่เหรอ ฝีมือระดับคุณแม่หาทานที่ไหนไม่ได้นะคะ"
รวิปรียาไม่พูดเปล่า พยายามโน้มน้าวเทวาด้วยการเอาช้อนกลางตักผักตำลึงขึ้นมาใส่ช้อนเทวา ป้อนเทวาเอง ถึงปากแล้วฉีกยิ้มทำเป็นสวีท
เทวามองยิ้มๆ แล้วตัดสินใจยอมทำตาม กินคำที่รวิปรียาป้อนให้
"ขอบคุณครับ รวินี่เอาใจเก่งจริงๆ เลยนะครับคุณแม่"
"แต่ก่อนก็ไม่เห็นเคยเอาใจใครนะ เพิ่งเห็นเอาใจคุณเทวานี่แหละเป็นคนแรก"
เทวาอึ้งเมื่อได้ยิน ยิ้มมีความสุข มองหน้ารวิปรียาที่หลบตา
เพชรพริ้งเดินครุ่นคิดไปมาอยู่ไม่ติด
"ขับรถตามนังรวิไป โทรหาก็ไม่รับสาย เขาไปไหนของเขา"
เพชรพริ้งตัดสินใจโทรออกอีกครั้ง
เมฆากำลังเดินออกมาตามทางเดินจะออกจากบริษัท ขณะคุยสายกับเพชรพริ้งไปด้วย
"คุณเทวาหรือครับ"
"ค่ะ พอดีพริ้งมีเรื่องงานจะปรึกษาคุณเทวาหน่อยน่ะคะ แต่โทรหาไม่ติดเลย"
"คุณเทวาเขาไปค้างที่บ้านสวนกับคุณรวิน่ะครับ แถวนั้นคงไม่ค่อยมีสัญญาณ คุณพริ้งมีอะไรก็คุยกับผมก่อนได้นะครับ"
เพชรพริ้งเบะปากใส่เบื่อๆ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเมื่อคิดว่าอาจใช้ประโยชน์จากเมฆาได้
"งั้นคืนนี้คุณเมฆาว่างไหมคะ"
เทวาเดินเล่นอยู่ตามลำพังในสวนยามค่ำคืน อิงอรเดินผ่านมาเห็นเทวายืนอยู่คนเดียวจึงเข้ามาคุยด้วย
"ทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะคุณเทวา"
"มาเดินเล่นรับลมน่ะครับ ที่นี่สงบดีนะครับ แถมอากาศก็ดีด้วย"
"ใช่ แม่ถึงมาอยู่ที่นี่จนไม่คิดจะกลับกรุงเทพเลยไง"
"ผมรู้ว่าคุณแม่แยกบ้านอยู่กับคุณพ่อนานแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่าคุณแม่มาอยู่ไกลถึงนี่"
"รวิไม่เคยบอกคุณหรือ"
เทวาส่ายหน้า
"สารภาพเลยก็ได้ครับ ที่จริงผมไม่ได้ตั้งใจจะมาค้างที่นี่หรอก แต่ผมตามรวิมาโดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะมาที่นี่"
อิงอรแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่ซักไซ้มาก
"แม่ไม่รู้หรอกนะว่าลูกสองคนเป็นยังไงกัน แต่วันนี้เห็นลูกสองคนรักใคร่กันดีแบบนี้ แม่ก็ดีใจ เห็นรวิเขาใจแข็งแบบนั้น จริงๆแล้วเขาอ่อนไหวกับเรื่องชีวิตคู่มาก เขามีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีนัก ตั้งแต่ที่คุณวิษณุนอกใจแม่ไปมีผู้หญิงคนอื่น แล้วก็ยังจะนิมมานอีก"
"นิมมาน? คุณนิมมานเขาคบกับคุณพริ้งมาก่อนไม่ใช่เหรอครับ"
"เอาอะไรมาพูด นิมมานเขารู้จักพริ้งหลังจากที่คบกับรวิแล้วต่างหาก สองคนนั้นคบกันมาตั้งสองสามปีโดยไม่เคยมีปัญหาอะไรกันเลย จนกระทั่งนิมมานนอกใจรวิไปหาพริ้ง"
เทวาแปลกใจเพราะเรื่องที่ฟังจากอิงอร เป็นหนังคนละม้วนกับที่เพชรพริ้งเคยบอกเขา เริ่มจะเข้าใจความจริง
"รวิเขาอาจจะรับมือปัญหาหลายๆอย่างได้ แต่ถ้าเขาพบว่าคนที่เขารักหักหลังเขาอีกครั้ง เขาคงรับไม่ไหว เพราะฉะนั้นที่แม่อยากจะขอคุณเทวาก็คือ อย่าทำร้ายจิตใจรวิเหมือนที่ผู้ชายคนอื่นเคยทำ"
เทวาฟังแล้วไม่สบายใจอยู่ลึกๆ
เทวาเดินจะกลับมาที่ห้องนอน เริ่มมีอาการคันตามตัว
เขาเป็นลมพิษจากการแพ้อาหาร เขาเหลือบเห็นรวิปรียานั่งเล่นอยู่ตามลำพังที่ระเบียง
รวิปรียานั่งเหม่อมองท้องฟ้า เทวาเข้ามานั่งลงข้างๆ
"ดูอะไรอยู่"
รวิปรียาพยักเพยิดไปบนฟ้า เทวาเงยหน้ามองตาม เห็นท้องฟ้าสีดำเกลื่อนไปด้วยดวงดาว
รวิปรียายิ้มแย้มมีความสุขกับหมู่ดาว
"ที่กรุงเทพไม่เห็นดาวเยอะขนาดนี้"
เทวามองรวิปรียา สายตาอ่อนโยน มีความสุข
"ผมไม่ได้เห็นคุณยิ้มแบบนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เราไปเจอกันที่บ้านพักริมชายหาด"
ตอนที่รวิปรียาจับได้ว่าเทวาหลอกว่าทำอาหารเองที่บ้านพักริมทะเล หัวเราะมีความสุข
"ฉันชอบความสงบของบ้านสวน มันทำให้ใจฉันเย็นลง แต่พวกเพลย์บอย เจ้าสำอางค์อย่างคุณเนี่ย คงจะคันคะเยออยากกลับกรุงเทพ"
ยังไม่ทันจบคำรวิปรียา เทวาก็เริ่มคันตามลำตัวขึ้นมาอีก เขาเกาตามแขน ลำตัวและลำคอ
"นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ"
เทวาสีหน้าไม่ดี "ผมคันจริงๆนะคุณ"
รวิปรียางงๆ ไม่ทันคิดว่าเทวาจะเป็นอะไรมาก แต่เทวาคันมากขึ้นจนทนไม่ได้ แกะกระดุมเสื้อแล้วถอดเสื้อออก
รวิปรียาตกใจ
"จะบ้าเหรอคุณ ถอดเสื้อทำไม"
"ก็ผมคันนี่ ผมแพ้อาหารน่ะ"
"แพ้อะไร"
"ผักตำลึง ที่คุณบังคับให้ผมกินน่ะ"
รวิปรียาเพิ่งสังเกตุเห็นตามผิวหนังบนตัวเทวา มีผื่นแดงขึ้น
"แล้วทำไมไม่บอก"
"ผมก็กำลังจะบอก แต่คุณก็ตักตำลึงมาใส่ปากผม"
"ตายแล้ว ลมพิษขึ้นทั่วตัวแล้วเนี่ย เดี๋ยวฉันจะไปหายาแก้แพ้มาให้"
รวิปรียารีบลุกขึ้นแล้วออกไปอย่างเร็ว
นอกชาน บ้านสวน รวิปรียานั่งลงตรงหน้าเทวา เปิดขวดโลชั่นแก้ผื่นคัน แล้วดึงแขนเทวามาเพื่อทายาให้ตามท่อนแขน
เทวาอมยิ้มมองรวิปรียาขณะที่เธอก้มหน้าก้มตาทายาให้เขา
"เคยเห็นแต่คนเขาแพ้กุ้ง แพ้ถั่ว นี่อะไร.. แพ้ผักตำลึง ไม่เคยได้ยิน"
"เพราะผมเป็นคนพิเศษไง ก็เลยแพ้อะไรไม่เหมือนใคร"
"หันหลังมาสิ"
เทวาขยับตัวหันหลังให้รวิปรียาทาโลชั่น รวิปรียาบ่นไปขณะทาโลชั่นที่แผ่นหลังให้
รวิปรียาบ่นๆ "รู้ว่าตัวเองแพ้แล้วจะกินทำไม"
"ก็เพราะคุณป้อนผม"
"เพราะฉันป้อนก็เลยยอมกิน ทั้งที่รู้ว่าตัวเองจะต้องเป็นแบบนี้น่ะเหรอ"
"ใช่"
"คุณนี่จริงๆเลย ดีนะที่ไม่มีอาการรุนแรงกว่านี้"
"ถึงจะหนักกว่านี้ แต่ถ้ามีคุณมาคอยดูแล มันก็คุ้มนะ"
"ยังจะมาทำเป็นพูดดี"
รวิปรียาทำเป็นบ่น แต่ก็แอบยิ้มเหมือนกัน แต่แล้วโทรศัพท์ของรวิปรียาก็ดังขึ้น มีสายเรียกเข้าจากนิมมาน
รวิปรียามองโทรศัพท์ลังเล เทวามองหน้าจอโทรศัพท์เห็นชื่อนิมมาน ก็ลุ้นๆว่ารวิปรียาจะรับสายไหม
รวิปรียาตัดสินใจกดตัดสายนิมมานไป เทวายิ้มโล่งใจ
มุมหนึ่งในบ้าน นิมมานกำลังพยายามโทรหารวิปรียา แต่โดนตัดสายทิ้ง เขามองโทรศัพท์ในมืออย่างหงุดหงิด
รวิปรียาทาโลชั่นบนหลังเทวาเสร็จเรียบร้อย
"ดีขึ้นไหมคะ"
"ครับ ขอบคุณมาก"
"ยาแก้แพ้ก็กินไปแล้ว สักพักก็คงดีขึ้น งั้นฉันจะไปนอนแล้ว"
รวิปรียาถือขวดยาลุกขึ้น แล้วเดินหายไป เทวามองตาม
ในห้องนอน ฟูกนอนที่ปูอยู่กับพื้นพร้อมหมอนผ้าห่มพร้อม เทวามองที่นอนนั้นทำหน้าอ้อน
"ผมไม่สบายเพราะคุณนะ จะให้ผมนอนที่พื้นจริงๆหรือ"
"ใช่ ตอนอยู่บ้านคุณ คุณบังคับให้ฉันลงไปนอนกับพื้น ตอนนี้คุณมาอยู่บ้านฉันบ้าง ฉันก็จะให้คุณลองสัมผัสกับประสบการณ์การนอนพื้นแข็งๆดูบ้าง"
แต่แล้วโทรศัพท์ของเทวาก็มีสายเข้าจากเพชรพริ้งเช่นกัน ทั้งคู่มองโทรศัพท์เทวาซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ เทวาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เป็นชื่อของเพชรพริ้ง รวิปรียามองลุ้นๆ
เทวากดตัดสายแถมกดปิดเครื่องให้เห็นด้วย
รวิปรียาทำเฉยๆ ล้มตัวลงนอนบนเตียง หันลังให้เทวาแล้วแอบยิ้มพอใจอยู่คนเดียว แล้วต้องสะดุ้งเมื่อรู้สึกได้ว่าเทวากำลังเอนตัวลงบนเตียงข้างๆเธอ รวิหันกลับมา
"จะทำอะไร ที่นอนคุณอยู่ข้างล่างโน่น"
"ผมไม่สบายอยู่นะ คุณจะใจดำไล่ผมลงไปนอนพื้นจริงๆเหรอ ที่คันคะเยอไปหมดทั้งตัวแบบนี้ก็เพราะคุณนะ"
รวิปรียารู้สึกผิดขึ้นมาหน่อยๆ
"สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ผมจะไม่แตะต้องตัวคุณถ้าคุณไม่อนุญาติ"
รวิปรียาไม่ได้ตอบแต่เขยิบตัวแบ่งที่ให้ แล้วพลิกตัวหันหลังให้ เทวาล้มตัวลงนอน ตะแคงข้างมองรวิปรียายิ้มๆ
"ที่สำคัญก็คือ... ผมอยากนอนข้างๆคุณ"
รวิปรียาแอบอมยิ้ม เทวายังชวนคุยต่อ
"เรื่องคุณกับนิมมาน ผมเข้าใจผิดเอง"
"ถ้าคุณไม่ไว้ใจฉัน คุณก็ไม่ควรจะแต่งงานกับฉันตั้งแต่แรก"
"แล้วคุณไว้ใจผมเหรอ"
"ถ้าไม่ไว้ใจ.. ฉันคงไม่แต่งงานกับคุณ ฉันมั่นใจตัวคุณ ตั้งแต่วันนั้น ที่คุณบอกกับเพชรพริ้ง"
ครั้งนั้น รวิปรียามาถึงหน้าห้องพอดี
ก่อนจะเคาะประตูห้องเธอก็ชะงักเพราะได้ยินเสียงเทวาคุยกับใครบางคนที่ด้านใน
"ไม่ว่าใครจะว่ารวิปรียาว่าเป็นยังไง ผมก็ยังเชื่อมั่นในตัวเขา"
รวิปรียาหยุดฟัง
ภายในห้อง เทวายังคงดำเนินแผนของเขาต่อไป จงใจให้รวิปรียาได้ยินบทสนทนา
"ที่ผมอยากจะแต่งงานกับรวิปรียา ไม่ใช่แค่เพราะความรับผิดชอบ แต่เพราะผมรักเขาด้วยความจริงใจ ผมคิดเรื่องนี้อยู่ทุกวันจนถึงตอนนี้ ผมมั่นใจแล้วว่าผู้หญิงที่ผมอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยก็คือ..รวิปรียา"
เทวายังนอนหันมองด้านหลังของรวิปรียา เอื้อมมือออกไปอยากจะลูบผม แต่ก็ยั้งตัวเองไว้ ได้แต่มองอย่างรู้สึกผิด
เทวาพูดในใจ "ผมขอโทษนะรวิ ผมขอโทษ"
คืนเดียวกัน ณ มุมหนึ่งของบาร์ เพชรพริ้งพยายามโทร. หาเทวา แต่เทวาก็ไม่รับสาย เธอพยายามกดหาอีกครั้งก็โทร. ไม่ติดแล้ว
"ปิดเครื่องเหรอ โฮ้ย" เธอถอนใจหงุดหงิด
เพชรพริ้งเดินมาเรื่อยๆจนถึงโต๊ะหนึ่งซึ่งเมฆานั่งอยู่แล้ว เธอนั่งลงข้างๆ
"ขอบคุณนะคะที่มาดื่มเป็นเพื่อนพริ้ง"
"คุณเทวาไม่อยู่ ผมไม่มีอะไรทำอยู่แล้วครับ"
เพชรพริ้งนึกถึงคำพูดของพัชชาขึ้นมา
"งั้นแกควรจะตีสนิทนายเมฆาคนนี้ไว้...... นายเมฆาก็อาจมีประโยชน์กับเราขึ้นมาในอนาคต"
ดังนั้น ... เพชรพริ้งทำเสียงหวาน "แล้วคุณเมฆา ไม่มีแฟนหรือคะ"
"ยังครับ แล้วคุณพริ้งกับคุณนิมมานเป็นยังไงบ้างครับ"
"ก็แย่เหมือนเดิมค่ะ พริ้งกับเขาคงจะหย่ากันเร็วๆนี้ คนไม่มีใจให้กันยื้อไปก็เท่านั้น สักวันนึงพริ้งคงจะได้เจอคนที่รักพริ้งจริงๆ"
เพชรพริ้งยังคงแอบหยอดเมฆา เมฆามีความหวังรางๆ
บรรยากาศยามเช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านสวน
เทวาเพิ่งตื่นนอน เดินออกมาจากห้องนอนสายตามองหารวิปรียา จอยเดินออกมาจากครัวแล้วเห็นเทวา
"อ้าว คุณเทวาตื่นแล้วหรือคะ"
"รวิไปไหนล่ะจอย"
"ออกไปตักบาตรกับคุณอรค่ะ นั่นไงกลับมาพอดีเลย"
รวิปรียากับอิงอรเดินกลับเข้ามาในบริเวณบ้าน
"หลับสบายไหมคะคุณเทวา" อิงอรถาม
"ครับ" เทวาเดินไปคุยกับรวิปรียา "ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกผมล่ะ ผมจะได้มาตักบาตรด้วย"
"ก็เห็นคุณกำลังหลับสบาย"
รวิปรียาพูดแล้วเดินต่อไป เทวาเดินตามไม่ห่าง
"แล้วนี่คุณจะไปไหน"
อิงอรกับจอยมองตามเทวาไปยิ้มๆ
ต่อมา อิงอรกำลังนั่งทำขนมหวานงานประจำอยู่ รวิปรียาช่วยนั่งจีบแป้ง
เทวาเข้ามาหยุดมอง
"ทำอะไรกันครับ"
"ขนมช่อม่วงค่ะ"
"ทำไมทำเยอะจังครับ"
"ส่วนนึงก็เอาไว้ทานค่ะ ของชอบของรวิเขา ส่วนที่เหลือบางทีก็เอาไปฝากเพื่อนบ้านบ้าง ไปฝากวางขายตามร้านขายของฝากบ้าง ลองชิมดูไหมคะ รวิ..ส่งให้คุณเทวาชิมหน่อยสิลูก"
รวิปรียาหยิบขนมชิ้นหนึ่งส่งให้เทวา เทวาไม่รับแต่กลับยื่นหน้าเข้าไปเหมือนจะให้ป้อน รวิปรียาทำท่ารำคาญ เทวาจึงจับมือรวิปรียาส่งขนมเข้าปากเขา
"ชอบไหมคะ" อิงอรถาม
"อร่อยครับ ปกติผมไม่ค่อยกินขนมจุกจิก แต่นี่อร่อยจริงๆครับ"
"อยากลองทำดูบ้างไหมคะ แม่จะสอนให้"
เทวาพยักหน้ารับ อิงอรสอนเทวาให้จับจีบขนมช่อม่วง ดูสนิทสนมกัน รวิปรียามองภาพแม่กับเทวาแล้วยิ้มกับท่าทีเก้กังของเทวา
ในห้องรับแขก บ้านนิรมิต
มนัสอยู่ในชุดพร้อมออกไปข้างนอก เดินผ่านห้องโถงรับแขก แต่ก็ชะงักเมื่อเห็นภาพมิตรกับนิมมานนั่งอยู่พร้อมหน้า
"อยู่กันพร้อมหน้าเลย หลบไปทางอื่นดีกว่าเรา"
มนัสเห็นว่า ผู้หญิงคนที่เขาเคยเจอ และบอกว่ามาคุยเรื่องงานกับนิมมาน ก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย เธอกำลังรับซองจดหมายซองหนึ่งเก็บใส่กระเป๋า
"นี่เป็นก้อนแรกตามสัญญา ถ้างานสำเร็จคุณจะได้มากกว่านี้อีกเท่านึง" นิมมานบอก
"ขอบคุณนะคะ" เพ็ญนภาบอก
มนัสไม่ได้ใส่ใจนัก รีบเผ่นออกไปทางอื่น เพื่อไม่ให้มิตรเห็น
ที่มุมของมิตรกับนิมมาน สองพ่อลูกคุยกันหลังจากที่เพ็ญนภาลาไป
"ถ้าบริษัทมันเสียชื่อ ทางโรงแรมนาวารีสอร์ตคงจะไม่อยากขายโรงแรมให้มัน เราก็มีสิทธิ์ที่จะชนะการประมูลครั้งนี้"
สองพ่อลูกมองหน้ากันพอใจในแผนของตัวเอง
มนัสเดินดูรอบๆห้องทำงานของดาริน พลางทำท่าเหมือนตื่นเต้น
"นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ย ที่กำลังจะจีบผู้หญิงที่มีห้องทำงานใหญ่โตขนาดนี้"
"คุณจะตื่นเต้นทำไม ฉันเคยบอกคุณแล้วไงว่าฉันไม่ได้มองคนที่ภายนอก"
"พูดแบบนี้แสดงว่า คุณยอมให้ผมจีบแล้วล่ะสิ"
"ยอมมาตั้งนานแล้วยังดูไม่ออกหรือไง"
มนัสดีใจที่ได้ยิน ตาโตเป็นประกาย กางแขน จะเข้ามากอดดาริน ดารินชี้นิ้วสั่งห้าม
"หยุดเลย อย่าแม้แต่คิด ฉันยอมให้คุณจีบไม่ได้หมายความว่า ฉันจะยอมให้คุณทำอย่างอื่นมากกว่านั้น จะไม่มีการจับมือ ห้ามกอด ห้ามแต๊ะอั๋ง จนกว่าฉันจะมั่นใจในตัวคุณ"
“เซ็งเลย แบบนี้จะเรียกให้ผมมาหาถึงนี่ทำไมเนี่ย”
“ก็เรียกให้มาช่วยงานไง ฉันอยากให้คุณช่วยดูเว็บไซต์ใหม่ให้หน่อย เว็บดีไซเนอร์เขาเพิ่งทำเสร็จแล้วส่งมาให้ดู เลยอยากได้ความเห็นจากคุณ”
“ในฐานะอะไร.. แฟน? หรือลูกจ้าง?”
“ไม่ใช่ฐานะอะไรทั้งนั้น แต่ฉันกำลังให้โอกาสคุณทำคะแนนอยู่ รีบๆทำซะด้วยล่ะ”
ขณะที่มนัสกำลังดูหน้าเว็บไซต์อยู่ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น แล้วเมฆาก็เปิดประตูเข้ามารายงาน
“ คุณรินครับ ลูกค้าที่มีปัญหารายนั้นเพิ่งขู่ว่าจะฟ้องบริษัทเรา นี่เขากำลังได้รับเชิญให้ไปออกรายการข่าวเย็นนี้”
“บ้าจริงๆเลย”
“คุณรินควรจะต้องจัดการเรื่องนี้ด่วน ผมส่งเบอร์เขาเข้ามือถือคุณรินแล้ว”
“โอเคค่ะ รินจะไปเดี๋ยวนี้”
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ รินจัดการเองได้”
มนัสกำลังงงๆ เมฆามองมนัสแวบหนึ่งอย่างไม่ได้ให้ความสนใจนัก แล้วออกไป
“ฉันต้องไปธุระข้างนอก”
“แล้วผมล่ะ”
“คุณก็ไปกับฉันด้วย”
ต่อมา ดารินนั่งคอยลูกค้าที่นัดไว้อยู่ที่โต๊ะหนึ่ง
ห่างออกไปมนัสนั่งคอยดารินอยู่ที่อีกโต๊ะหนึ่ง ดารินหันมามองหน้ามนัส มนัสชูสองนิ้วให้กำลังใจ
ไม่นานนัก “เพ็ญนภา” ลูกค้าต้นเรื่องก็เข้ามาในร้านอาหาร เธอมองหาดารินแล้วตรงเข้ามาหา
“คุณดารินใช่ไหมคะ ดิฉันเพ็ญนภาค่ะ”
“เชิญนั่งสิคะ คุณเพ็ญนภา”
มนัสเห็นเพ็ญนภาแล้วรู้สึกคุ้นหน้า ขมวดคิ้วครุ่นคิด จำได้
ตอนที่มนัสเจอกับเพ็ญนภาที่หน้าบ้าน
“มาหาใครครับ”
“คุณนิมมานค่ะ นัดกันไว้เรื่องงาน”
และก่อนหน้านี้ ก่อนมาพบกับดาริน
“นี่เป็นก้อนแรกตามสัญญา ถ้างานสำเร็จคุณจะได้มากกว่านี้อีกเท่านึง”
“ขอบคุณนะคะ”
มนัสนึกออกแล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เอะใจว่านี่จะเป็นแผนที่พ่อกับพี่ชายเขาจัดฉากขึ้น แต่ไม่กล้าเข้ามาเพราะเกรงว่าเพ็ญนภาจำเขาได้เช่นกัน !
ที่หน้าจอแทบเล็ตของดาริน มีรูปของภาพถ่ายจุดต่างๆภายในคอนโดที่ดูไม่เรียบร้อย
ดารินดูภาพถ่ายแล้วเงยหน้ามองเพ็ญนภา
“คุณเพ็ญนภาคะ คุณต้องการให้ทางเราทำอะไรเพื่อชดเชยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็เสนอมาได้เลย”
“เป็นเกียรติมากเลยนะคะที่ผู้บริหารของBR ยอมมาเจรจากับดิฉันด้วยตัวเอง แต่ดิฉันเรียนตรงๆนะคะว่าดิฉันไม่พอใจกับมาตรฐานของบริษัทคุณอย่างมาก คอนโดห้องนึงราคาเป็นล้านๆ แต่งานออกมาชุ่ยไม่สมราคา ที่ฉันต้องมาปวดหัวกับเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างการติดตั้งแอร์ การเก็บงานทาสี อะไรแบบนี้ มันเสียเวลามากแค่ไหนรู้ไหมคะ”
มนัสนั่งดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ
"งั้นดิฉันขอยื่นข้อเสนอให้ทางเราเข้าไปตรวจสอบ ถ้าพบว่าห้องมีปัญหาจริงๆ ดิฉันจะทำการปรับปรุงห้องให้ใหม่ทั้งหมดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แล้วก็จะยกเว้นค่าส่วนกลางให้ตลอดชีพ แต่ขอแค่ให้คุณลบภาพถ่ายและโพสต์ทั้งหมด แบบนี้โอเคไหมคะ"
"ไม่โอเคค่ะ ดิฉันไม่ยอมให้พวกคุณเข้าไปในห้องของฉันง่ายๆหรอก เกิดไปทำเสียหายมากกว่าเดิม หรือมีแผนอะไรขึ้นมา ดิฉันจะไว้ใจได้ยังไง"
"ถ้าคุณไม่ยอมให้เราเข้าไปตรวจสอบ เราก็ช่วยอะไรไม่ได้นะคะ"
"งั้นก็ไม่ต้องช่วย ดิฉันไม่ต้องการอะไรจากพวกคุณทั้งนั้น ดิฉันต้องการแค่ความเป็นธรรม แล้วฉันก็จะแฉถึงความชุ่ยของBR Construction ให้สังคมรับรู้"
มนัสได้ยินบทสนทนาอยู่บ้าง เขาคิดหาทางช่วยดาริน
เพ็ญนภาลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไป ดารินถอนหายใจหมดหวัง ผลงานล้มเหลว
เพ็ญนภาเดินออกมาจากร้านอาหาร มาที่รถตัวเองซึ่งจอดอยู่ตรงที่จอด กำลังหยิบรีโมทกุญแจออกมาจะเปิดล็อครถ แต่กุญแจหลุดมือตกลงพื้น เพ็ญนภากำลัจะก้มลงไปเก็บ แต่มนัสมาเก็บกุญแจขึ้นให้ซะก่อน มนัสส่งกุญแจคืนเพ็ญนภา
"ขอบคุณค่ะ"
"ไม่เป็นไรครับ"
เพ็ญนภาคุ้นหน้ามนัส
"คุณ.. ฉันเจอคุณที่บ้านคุณนิมมาน"
"ผมเป็นน้องชายพี่นิมมาน"
"งั้นก็ดีเลย ฝากไปบอกคุณนิมมานด้วยนะคะว่าฉันทำงานของฉันแล้ว อย่าลืมโอนเงินส่วนที่เหลือให้ตามที่ตกลงกันไว้"
"คุณคิดผิดแล้วครับ งานนี้ผมไม่ได้อยู่ข้างพี่นิมมาน แต่ผมมาเตือนให้คุณทำสิ่งที่ถูกต้อง"
"หมายความว่าไง"
"ถ้าคุณไม่อยากให้ผมบอกความจริงกับคุณดาริน หรือแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท และสร้างหลักฐานเท็จ คุณก็ต้องทำตามที่ผมบอก"
เพ็ญนภาเริ่มหน้าเสีย เพราะมนัสรู้เบื้องหลังของเธอ มนัสทำหน้าเอาจริง
ทางด้านเทวาเดินตามรวิปรียามาจนถึงศาลาริมน้ำหลังบ้าน
"คุณจะตามฉันไปถึงไหน"
"ก็ตามไปทุกที่ที่คุณไป"
"ฉันจะไปพายเรือเล่น เผื่อจะเก็บสายบัวมาให้แม่ทำกับข้าว"
"งั้นผมไปด้วย"
"พายเรือเป็นเหรอคุณน่ะ"
เทวายิ้มมั่นใจแทนคำตอบ
เรือพายล่องไปตามลำคลอง เทวาเป็นฝีพาย รวิปรียานั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเรือ หันหน้าเข้าหากัน บรรยากาศรอบตัวสดใส
"ผมมีเรื่องจะสารภาพ"
ทั้งคู่มองหน้ากัน รวิปรียารอฟัง
"ผมว่ายน้ำไม่แข็ง"
"แล้วตอนนั้นที่ไปทะเล คุณกล้ากระโดดลงไปช่วยฉันได้ยังไง"
"ตอนนั้นผมเป็นห่วงคุณจนลืมตัว"
"ฉันมาคิดดูแล้ว เราสองคนควรจะทำความรู้จักกันให้มากขึ้น เผื่อว่าคราวหน้าคุณแม่ถามอะไรเกี่ยวกับคุณอีก ฉันจะได้ตอบถูก"
"ดี ผมเห็นด้วย ผมจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนลมพิษขึ้นเพราะแพ้ผักตำลึงอีก"
"งั้นเรามาตั้งคำถามคนละหนึ่งคำถาม แล้วอีกฝ่ายก็ต้องตอบตามความจริง"
"ได้ คุณเริ่มเลย"
"นอกจากผักตำลึงแล้วคุณแพ้อะไรอีก?"
"แพ้ทางคุณไง"
"จริงจังหน่อยสิคุณ"
"โอเคๆ งั้นมาเริ่มใหม่ คุณชอบกินอะไรมากที่สุด"
" ชอบกินขนมหวานที่แม่เป็นคนทำ"
"ผมชอบไข่เจียว"
"ง่ายไปไหมคุณ"
"เอ้า ชอบของง่ายๆ ก็ผิดอีก"
"คุณชอบสีอะไร"
"ดำ"
"ฉันชอบสีฟ้า"
"ชอบไปเที่ยวที่ไหน"
"ทะเล"
ทั้งคู่คุยกันเรื่อยๆ ทำความรู้จักกันมากขึ้น
ดารินยังคงนั่งเซ็งอยู่ที่โต๊ะ
เธอมองหามนัสที่โต๊ะเดิมแต่ไม่เห็น แต่เพ็ญนภาเป็นฝ่ายเดินกลับเข้ามาในร้านอาหาร ตรงมาหาดาริน
"คุณดารินคะ ดิฉันยินดีรับข้อเสนอทุกอย่างตามที่คุณว่ามาค่ะ"
ดารินงงๆ "อะ..อะไรนะคะ"
"ดิฉันจะเขียนแก้ข่าวให้คุณทั้งหมด จะไม่ไปออกรายการข่าว และหลังจากคุณส่งช่างไปแก้ไขห้องดิฉันแล้ว ก็ขอให้เราเลิกแล้วต่อกัน"
"ได้..ได้ค่ะ งั้นคุณช่วยเซ็นต์ยินยอมในเอกสารนี้ด้วยนะคะ"
ดารินดึงเอกสารออกมาจากแฟ้มของเธอ เพ็ญนภาลนลานเซ็นต์เอกสารแต่โดยดี ดารินมองอย่างไม่เข้าใจแล้วเห็นมนัสกลับเข้ามาในร้านอาหาร เขาส่งยิ้มให้เธอ
เทวากับรวิปรียายังนั่งคุยกันอยู่บนเรือ แต่ตอนนี้ทั้งสองหยุดพายแล้ว ปล่อยให้เรือลอยอยู่อย่างนั้น เพราะคำถามเริ่มเข้มข้นขึ้นทุกที
"คุณยังรักนิมมานอยู่ไหม"
"นี่คุณถามฉันหลายครั้งแล้วนะคำถามนี้"
"ก็ทำไงได้ ผมอยากฟังซ้ำๆ"
"ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้ว แล้วคุณล่ะ หลงเสน่ห์พริ้งเหมือนคนอื่นหรือเปล่า"
"ไม่เลย ... คุณชอบผมหรือเปล่า"
"คำถามนี้ขอผ่าน"
"อ้าว โกงกันนี่"
"งั้นคุณตอบคำถามฉันมาก่อน แล้วฉันอาจจะตอบคุณ คุณล่ะ ชอบฉันหรือเปล่า"
"ชอบ"
รวิปรียาอึ้งไป ไม่คิดว่าเทวาจะตอบเร็วและมั่นใจขนาดนั้น
"คุณแต่งงานกับผมเพราะต้องการเอาชนะพริ้งใช่ไหม"
"นั่นเป็นแค่เหตุผลหนึ่ง ที่ฉันแต่งกับคุณเพราะฉันทำตามหัวใจตัวเอง"
"หมายความว่าไง"
"อ๊ะๆ ห้ามถามเกินหนึ่งคำถามไง ถือว่าฉันตอบแล้วคำถามเมื่อกี้"
เทวาจำยอมปิดปาก
"คุณเทวาที่ฉันเคยเจอที่บ้านริมทะเลคนนั้น กับคุณเทวาคนที่แต่งงานกับฉันในวันนี้ คนไหนคือตัวจริงของคุณกันแน่"
"ทั้งสองคน"
รวิปรียารู้สึกคำตอบช่างขัดใจ ขยับปากจะพูด แต่เทวาขัดขึ้นทันที
"ตาผมแล้ว"
"ถามมาสิ"
"ผมจูบคุณตอนนี้ได้ไหม"
รวิปรียาชะงัก แล้วตอบล้อๆ "ถ้าไม่กลัวเรือล่มก็ลองดูสิ"
เทวาไม่กลัว ค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นยืน เรือโคลงเคลงไปมา
"หยุดนะคุณ เดี๋ยวได้ตกน้ำกันหมดพอดี"
"ก็คุณท้าผม"
"นั่งลงเดี๋ยวนี้ ห้ามลุกขึ้นเด็ดขาด"
แต่เทวาไม่หยุด ยังคงขยับตัวไปข้างหน้าเพื่อตรงไปหารวิปรียา เรือยิ่งโคลงหนักขึ้นและแล้วก็..โครม! เทวาพลัดตกลงไปในน้ำ
"คุณเทวา!"
รวิปรียามองหาเทวาในน้ำแต่ไม่เห็นเทวาโผล่ขึ้นมา เธอเป็นห่วงจึงกระโดดตามลงไปหา
รวิปรียาดำลงไปอยู่สองสามรอบแต่ไม่เจอเทวา พอขึ้นมาเกาะเรือไว้ เทวาก็โผล่มาจากด้านหลังแล้วโอบหลังรวิปรียาไว้ รวิปรียาหันขวับมาเห็นเทวายิ้มอยู่
"นี่คุณหลอกฉันเหรอ"
"ผมตกน้ำจริงๆ แล้วก็ว่ายน้ำไม่แข็งจริงๆ แต่บังเอิญตรงนี้น้ำมันไม่ลึก"
ทั้งคู่ยืนประจัญหน้ากัน รวิปรียาโกรธยกมือจะทุบเทวา
"คุณนี่จริงๆเลย"
แต่เทวาจับมือรวิปรียาไว้
"คุณอนุญาตผมแล้วนะ"
เทวาจูบรวิปรียาตรงนั้นเอง รวิปรียากอดตอบ บรรยากาศหวานชื่น
เทวากับรวิปรียาตัวเปียกปอนทั้งคู่ กลับเข้ามาถึงบ้าน อิงอรกับจอยเห็นแล้วตกใจ
"ตายแล้ว ไปทำท่าไหนกัน ถึงได้เปียกปอนกลับมาแบบนี้" อิงอรว่า
"มีคนอยู่ไม่สุขบนเรือน่ะสิคะคุณแม่"
"รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเถอะ เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี"
พอรวิปรียากับเทวาคล้อยหลังไป อิงอรกับจอยก็มองหน้ากัน
"ฉันชักจะงงเหมือนกันนะจอย ตกลงคู่นี้เขาสวีทกันหรือคอยหาเรื่องแกล้งกันกันแน่"
"คุณอรไม่เคยได้ยินหรือคะ สามีภรรยากัน ยิ่งทะเลาะกันก็ยิ่งลูกดก"
"ทะเล้นใหญ่แล้วนะเรา"
ต่อมา มิตรนั่งอยู่ที่โซฟา นิมมานเพิ่งกดวางสายหลังจากคุยทางโทรศัพท์กับใครบางคน มารายงานให้มิตรฟัง
"แผนที่เราจ้างคนไปดิสเครดิตของบริรักษ์ล่มแล้วครับ"
"ล่ม? เป็นไปได้ยังไง"
"ผู้หญิงที่เราจ้าง จู่ๆก็ขอล้มเลิกข้อตกลงกลางคัน เขาโทรมาบอกว่าเป็นเพราะน้องชายของผม"
"น้องชายแก? ก็มนัสน่ะสิ มนัสมันไปยุ่งอะไรด้วย"
"คุณพ่อรอถามมนัสเองเถอะครับ"
ดารินกับมนัสเดินมาด้วยกันที่ลานจอดรถ คุยกันขณะที่เดินไปที่รถดาริน
"คุณหมายความว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นมาลอยๆ เพื่อดิสเครดิตบริรักษ์"
"ผมก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า"
"คุณรู้ได้ยังไง"
"ผมไม่รู้ ผมแค่เดาเอา เพราะดูเอาจากลักษณะและพฤติกรรมที่คุณเล่าให้ฟัง คนที่เดือดร้อนจริงๆเขาควรจะต้องนึกถึงห้องพักที่ตัวเองอาศัยอยู่ แต่ผู้หญิงคนนั้นพุ่งไปแต่เรื่องจะแฉเท่านั้น มันมีอะไรน่าสงสัยอยู่"
"ก็จริงของคุณ"
มนัสโล่งอกที่เอาตัวรอดไปได้ ดารินไม่ได้สงสัยอะไรในตัวมนัส
"เอาเป็นว่า วันนี้ฉันอารมณ์ดีแล้ว ฉันจะพาคุณไปเลี้ยงขนม"
"จริงอ่ะ"
"จริงสิ จะไปไม่ไป"
"ไปอยู่แล้ว"
ทั้งคู่เดินไปขึ้นรถของดาริน
มิตรกับนิมมานนั่งคุยกันอยู่ที่โซฟา กำลังรอมนัสกลับบ้าน มนัสกลับมาถึงบ้านพอดี ท่าทางของทั้งสองฝ่ายพร้อมเอาเรื่องกันและกันเต็มที่
มิตรลุกขึ้น "กลับมาแล้วเรอะไอ้ตัวดี"
"ผมรู้นะครับว่าคุณพ่อกับพี่นิมมานทำอะไรกันอยู่"
"แล้วแกมายุ่งอะไรด้วย"
"ผมก็ไม่อยากยุ่ง แต่สิ่งที่พี่ทำมันเป็นวิธีสกปรก ผมรู้นะว่าพี่ตั้งใจจะทำลายชื่อเสียงของบริษัทคู่แข่ง ด้วยการจ้างคนไปปั้นเรื่องเพื่อดิสเครดิตเขา"
"รู้ไว้ก็ดีแล้ว แล้วก็ศึกษาไว้ซะด้วยว่านี่เป็นวิธีอยู่รอดในวงการธุรกิจ"
"วิธีอยู่รอด? หรือวิธีลอบกัดกันแน่"
มิตรตบหน้ามนัสทันที
"นี่แกกำลังด่าฉันเหรอไอ้มนัส ฉันเป็นพ่อแกนะ"
"ผมรู้ครับว่าพ่อเป็นพ่อ ผมเคารพและนับถือในตัวคุณพ่อกับพี่นิมมานมาตลอด ผมหลงภูมิใจว่าคุณพ่อเก่งถึงได้พาบริษัทมาถึงจุดนี้ได้ แต่วันนี้ผมเห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร วิธีสกปรกแบบนี้เหรอครับคุณพ่อ การทำธุรกิจที่คุณพ่อพยายามจะสอนผม"
"ฉันอาจจะโกง อาจจะมีเล่ห์เหลี่ยม แต่ไอ้ที่แกมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายทุกวันนี้ แกก็กำลังเสวยสุขอยู่บนเล่ห์เหลี่ยมฉัน รู้ไว้ซะด้วย"
นิมมานถาม "แล้วแกมีปัญหาอะไร ถึงต้องมาเดือดร้อนแทนบริษัทคู่แข่งเรา"
"ผมไม่ได้เดือดร้อนแทนเขา แต่ที่ผมต้องพูดเพราะผมรับไม่ได้ที่พี่ใช้วิธีสกปรกแบบนี้"
"แกไม่มีสิทธิ์จะมาสั่งสอนฉัน หรือแม้แต่จะออกความเห็นแกก็ยังกระจอกเกินไป เอาไว้แกรู้จักมาทำงานมีความรับผิดชอบเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นฉันอาจจะพอรับฟังแกบ้าง" นิมมานบอก
"แกเตรียมตัวไปทำงานกับนิมมานตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป"
"แล้วถ้าผมไม่ไปล่ะ"
"ถ้าแกไม่ไป ก็คืนสมบัติทุกอย่างมา ทุกอย่างที่ใช้เงินของฉันซื้อ แล้วก็เก็บข้าวของออกไปจากที่นี่ซะ"
มิตรเดินออกไปทันทีอย่างโกรธๆ นิมมานมองหน้ามนัสอย่างไม่พอใจแล้วตามมิตรไป ปล่อยมนัสยืนเสียใจอยู่ตรงนั้นตามลำพัง
ตอนกลางคืน รวิปรียานอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง นึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน แล้วผุดลุกขึ้นนั่งเอาพัดมาพัดตัวเองให้คลายอารมณ์พลุ่งพล่าน แล้วนึกบางอย่างขึ้นมา รีบเอาหมอนหลายๆใบมาวางพาดเป็นแนวกั้นกลางครึ่งเตียง
ทางด้านเทวาเดินกระสับกระส่ายอยู่ในสวน ถึงจุดหนึ่งก็ตัดสินใจ ทำท่าจะเดินกลับไปที่ห้องแต่แล้วก็หยุดชะงักไม่แน่ใจ
"ถ้าเข้าไปในห้องคืนนี้ ต้องแย่แน่ๆ เราต้องถอนตัวไม่ขึ้นแน่"
เทวาเดินหันหลังกลับ แล้วชะงักอีก
"แต่เราเป็นสามีนะ แต่งงานกันถูกต้องแล้ว จะกลัวอะไรอีก"
รวิปรียายังไม่สงบดี ผุดลุกขึ้นนั่งอีก แล้วเอาที่นอนเสริมมาปูที่นอนกับพื้น
"แบบนี้น่าจะปลออดภัยกว่า"
ว่าแล้วเธอก็ล้มตัวลงนอนบนเตียง
เทวาหยุดเดิน คิดตัดสินใจในเสี้ยววินาทีนั้น... เป็นไงเป็นกัน แล้วหันตัวเดินกลับไปทางห้อง
รวิปรียานอนหลับตาเหมือนหลับแล้ว แต่แล้วก็ลืมตาโพลงขึ้นมาถอนหายใจหงุดหงิดตัวเอง แล้วผุดลุกขึ้นนั่ง
"โอย จะเอายังไงของเขา"
รวิปรียาลุกขึ้นเดินไปที่ประตูห้อง พอเปิดประตูออกก็เจอเทวากำลังจะเปิดประตูเข้ามาพอดี ทั้งคู่ชะงักมองหน้ากัน
"คุณจะไปไหน"
"ไป..."
ยังไม่ทันได้ตอบ เทวาก็รุกเข้ามาแล้วจูบทันที รวิปรียาไม่ได้หลบหลีก จูบตอบอย่างดูดดื่ม
รวิปรียาเอนหลังลงบนเตียง เทวาโน้มตัวตามมา
ทั้งคู่มองตากันในความมืดสลัว เทวาก้มลงจูบรวิปรียาด้วยความรัก รวิปรียาหลับตาพริ้ม มือของเธอโอบกอดเทวาไว้
บรรยากาศยามเช้าที่บ้านสวน เทวากับรวิปรียานอนซบกันอยู่บนเตียง กำลังมองหน้ากันมีความสุข เทวายิ้มเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่าง
"ยิ้มอะไรคะ"
"ผมกำลังนึกถึงคืนนั้นที่คอนโดของผม"
"คืนนั้น"
"ผมไม่ได้ทำอะไรคุณหรอก คืนนั้นเราสองคนไม่ได้มีอะไรกัน"
"บ้าที่สุด นี่คุณหลอกฉันเหรอ"
"ถ้าไม่ทำแบบนั้น คุณก็คงไม่ยอมแต่งงานกับผม"
"คุณนี่จริงๆเลย"
"เรื่องที่คอนโดอาจเป็นเรื่องหลอก แต่เรื่องเมื่อคืนนี้มันเป็นความจริง หรือถ้าคุณไม่มั่นใจ จะลองดูอีกทีก็ได้นะ"
เขาพลิกตัวไปดึงม้วนผ้าห่มมาคลุมตัวเองและรวิปรียา แต่รวิปรียาผลักออกขำๆ
"บ้าเหรอ" เธอขยับตัวเหมือนจะลุกหนี "ฉันต้องลุกแล้ว"
เทวารวบตัวไว้ "จะรีบไปไหน"
"ฉันบอกคุณแม่ไว้ว่าเช้านี้จะออกไปใส่บาตร"
"เว้นสักวันไม่ได้เหรอ อยู่ให้ผมชื่นใจก่อน"
"ก็อยู่ด้วยกันทั้งคืนแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรือไง"
"ยัง"
เทวาม้วนผ้าห่มมาคลุมตัวเขากับรวิปรียาอีกครั้ง ทั้งคู่ขยับตัวไปมาอยู่ใต้ผ้าห่ม เสียงรวิปรียาหัวเราะลอดออกมา
"อยู่เฉยๆสิคุณ"
เสียงจอยร้องเรียกขึ้นที่หน้าห้อง
"คุณรวิขา พระจะมาแล้วนะคะ"
ผ้าห่มถูกเปิดออก เทวาทำท่าเซ็งที่ถูกขัดจังหวะ รวิปรียาหัวเราะ
ต่อมา เทวากับรวิปรียาตักบาตรพระสงฆ์ด้วยกัน แล้วนั่งลงรับพรข้างๆกัน
อิงอรกับจอยมองอยู่ห่างๆ
"สองคนนั้นเหมือนคู่แต่งงานใหม่เลยนะคะ คุณอร"
อิงอรยิ้มเห็นด้วย
เทวากับรวิปรียาลุกขึ้น แล้วยิ้มให้กัน
ต่อมา เทวากับรวิปรียาเดินเล่นอยู่ด้วยกันที่ริมลำคลอง มองสายน้ำที่ไหลช้าๆ
"ฉันขออะไรอย่างนึงได้ไหมคะ ขอให้คุณซื่อสัตย์กับฉัน ไม่โกหก และไม่ทำให้ฉันเสียใจ"
"คุณไม่จำเป็นต้องขอเลยรวิ นอกจากคุณแล้วผมจะไม่มีใครอีก"
รวิปรียามองเทวาอย่างมั่นใจ ซึ้งใจ เทวายื่นมือให้รวิปรียาจับ รวิปรียาจับมือเทวาประสานมือกันแล้วพากันเดินไป บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข
ถึงเวลากลับกรุงเทพฯ เทวากับรวิปรียาไหว้ลาอิงอรก่อนจะไปขึ้นรถกลับ
"ขับรถกันดีๆล่ะลูก คราวหน้ามาเยี่ยมแม่อีกก็ชวนตะวันมาด้วยนะ"
"ถ้าได้มาที่นี่ ตะวันต้องสนุกแน่ๆเลยครับ ได้ทั้งทำขนม ได้ทั้งเก็บดอกไม้" เทวาบอก
"คงไม่ใช่ตะวันหรอกจ้ะที่จะสนุก แม่เองก็คงจะสนุกเลี้ยงหลานด้วยเหมือนกัน"
"งั้นรวิไปนะคะคุณแม่ บ่ายนี้คุณเทวาต้องเข้าไปทำงานที่บริษัทอีก"
"จ้ะ งั้นก็รีบไปกันเถอะ"
"คุณแม่ดูแลตัวเองด้วยนะคะ"
อิงอรยืนมองภาพของรวิปรียาและเทวาที่เดินไปขึ้นรถด้วยกัน
อ่านต่อตอนที่ 16
#ใจลวง #thaich8 #ละครออนไลน์