xs
xsm
sm
md
lg

ละคร ใจลวง ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ใจลวง ตอนที่ 13

เทวานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน
 
เอกสารงานกางอยู่ตรงหน้าแต่เขาไม่มีอารมณ์จะอ่าน นึกถึงแต่ภาพเมื่อเช้า
ร่างของรวิปรียาซุกอยู่กับอกของเทวาโดยไม่รู้ตัว เทวาเผลอเอื้อมมือไปกอดไว้ ภาพที่ทั้งคู่นอนกอดกัน
เทวาพยายามไล่ภาพรวิปรียาออกจากสมอง พึมพำกับตัวเอง
“แค่ร่วมเตียงกันคืนเดียว เรายังเกือบเอาตัวไม่รอด นี่ถ้าต้องนอนห้องเดียวกัน เราคง..”.
เทวาชะงักกับความคิดตัวเอง แล้วถอนใจ แววตาค่อยๆแข็งกร้าว
“เราต้องทำให้ผู้หญิงคนนี้เจ็บปวด เพื่อชดใช้ให้ยัยดาและตะวัน”

เช่นเดียวกับรวิปรียาที่กำลังเหม่อลอย คิดถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า... ในร้านกาแฟ
รวิปรียารู้สึกตัว ค่อยๆลืมตาตื่น แล้วรู้สึกถึงใบหน้าเทวาอยู่ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจ เธอเงยหน้ามองเห็นเทวาอยู่หลับอยู่
เสียงแจนดังโพล่งขึ้นมาขัดจังหวะความคิด
“เหม่ออะไรอยู่คะคุณเพื่อน คิดถึงเรื่องเข้าหออยู่เหรอ”
รวิปรียาสะดุ้งหลุดจากภวังค์
“บ้าน่ะแจน”
“ว่าฉันบ้าๆๆ แต่หน้าเธอน่ะแดงแป๊ดเชียว”
“อะไร นี่ฉันดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
แจนพยักหน้ายืนยัน
รวิปรียาพึมพำ
“งั้นเขาก็คงดูออกเหมือนกันล่ะสิ”
“แล้วตกลงเป็นไงบ้างจ๊ะ ชีวิตหลังแต่งงาน” แจนทำหน้าทะเล้นๆ แซว “มีอะไรตื่นเต้นมั้ย”
สีหน้ารวิปรียาเหมือนไม่สบายใจ

ผ่านเวลา แจน แปลกใจมากกับเรื่องที่เพื่อนเล่าให้ฟัง
“คุณเทวาเนี่ยนะ นัดออกไปเจอยัยพริ้ง”
“ใช่”
“แล้วเธอกับเขาก็แยกห้องนอนกันด้วย”
“ใช่ แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าขืนนอนห้องเดียวกัน ฉันคง...”
“คงจะอะไร”
“ช่างเถอะ”
“เธอก็เลยเสียใจเรื่องยัยพริ้ง”
“เสียหน้ามากกว่า”
แจนถามล้อๆ “แค่นั้นจริงๆอ่ะ”
“มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกน่าแจน เธอเองก็รู้ว่าฉันแต่งงานกับคุณเทวาเพราะอะไร”
“นี่รวิ ฉันคบกับเธอมาสิบปีนะ คนอย่างเธอไม่มีทางเอาความสุขของตัวเองไปแลกกับการแก้แค้นหรอก ต่อให้อยากเอาชนะเพชรพริ้งสักแค่ไหน ถ้าเธอไม่มีใจให้คุณเทวา เธอก็คงไม่มีทางแต่งงานกับเขาแน่”
รวิปรียาเถียงเพื่อนไม่ออก
“แต่ที่เขาแต่งงานกับฉัน ..ก็ไม่ใช่เพราะเขาชอบฉันซะหน่อย”
“ถ้าไม่ชอบ แล้วเขาจะแต่งงานกับเธอทำไม”
“ก็เพราะเขา...”
รวิปรียาชะงัก นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนๆ ที่เธอถาม
“แล้วคุณมาแต่งงานกับฉันทำไม”
“เพราะผม... เพราะผม.. ผมต้องการจะรับผิดชอบคุณเรื่องคืนนั้นที่คอนโดผม ผมกลัวคุณจะท้องขึ้นมาน่ะสิ”
รวิปรียาไม่กล้าบอกแจนเรื่องนั้น จึงเฉไปทางอื่น
“เขาแต่งงานกับฉันเพราะผลประโยชน์เรื่องธุรกิจเท่านั้น”

แจนมองรวิปรียา ยังไม่อยากจะเชื่อ

มิตรโยนเอกสารลงบนโต๊ะตรงหน้านิมมาน

“แกเห็นเอกสารเรื่องการประมูลโรงแรมในเครือนาวารีสอร์ตหรือยัง”
นิมมานหยิบเอกสารมาเปิดดู เงยหน้าขึ้นถาม
“ยังครับพ่อ มีอะไรหรือครับ”
“เครือนาวารีสอร์ตกำลังจะขายกิจการโรงแรมในเครือทั้งหมด เพราะผลประกอบการช่วงสองสามปีที่ผ่านมาไม่ค่อยดีนัก รายละเอียดอยู่ในแฟ้มนั้น”
“คุณพ่อสนใจจะซื้อไว้หรือครับ”
“ใช่ โรงแรมของเครือนี้ส่วนใหญ่อยู่ในทำเลที่ดี พ่อกำลังคิดว่าจะซื้อมารีโนเวทเป็นคอนโดมิเนียม แต่เพราะมีคนสนใจหลายเจ้า ทางเครือนาวารีสอร์ตเลยจะจัดให้มีการประมูล พ่อได้ยินมาว่าทางบริรักษ์ก็กำลังสนใจที่ดินของโรงแรมนี้อยู่เหมือนกัน”
พอนิมมานได้ยินชื่อบริรักษ์ก็สนใจขึ้นมาทันที
“งั้นผมขอคุมงานนี้เอง”
มนัสอยู่ในชุดที่เตรียมจะไปข้างนอก เดินผ่านห้องรับแขก มิตรกับนิมมานหันไปเห็นพอดี
“นี่แกจะไปไหนมนัส”
“ไปทำงานครับพ่อ”
“ทำงาน? ทำอะไร”
“ถ่ายภาพครับ”
“งานที่บริษัทมีเยอะแยะทำไมไม่มาช่วยทำ วันๆเอาแต่ลอยไปลอยมา รู้จักเอาการเอางานทำตัวเป็นประโยชน์เหมือนพี่ชายแกบ้างสิ”
“ก็ผมไม่ถนัดเรื่องธุรกิจเหมือนพี่นิมมานเขานี่ครับ ผมก็เลยต้องไปทำอย่างอื่นที่ผมถนัดกว่าเช่นถ่ายภาพ ผมไปก่อนนะครับคุณพ่อ พี่นิมมาน พอดีนัดลูกค้าไว้ นี่สายแล้ว”
มนัสไม่อยากโดนบ่นต่อเลยรีบเผ่นออกไป
นิมมานบ่น “เมือไหร่มันจะเลิกทำตัวไร้สาระซะที”
“แกก็พูดกับมนัสจริงๆจังๆซะทีสินิมมาน ว่ามันน่ะควรจะมาทำงานช่วยแกบ้าง”

มนัสเดินออกมาที่หน้าบ้าน ตั้งใจจะไปเรียกแท็กซี่แทนการเอารถไป
พอถึงประตูรั้วบ้าน ก็เห็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูรั้วอยู่แล้ว
“มาหาใครครับ”
“คุณนิมมานค่ะ นัดกันไว้เรื่องงาน”
เด็กรับใช้เดินมาเปิดประตูให้หญิงคนนั้นพอดี
“พี่นิมมานอยู่ในบ้านน่ะครับ ให้เด็กพาเข้าไปแล้วกัน”
“ค่ะ”
เธอเดินตามเด็กรับใช้ไปในบ้าน
มนัสมองตามแล้วบ่นๆ งงๆกับตัวเอง
“พี่นิมมานนัดคนคุยงาน แต่ทำไมมานัดที่บ้าน”
มนัสไม่ได้สนใจต่ออีก ออกจากบ้านไป

ทุกคนกำลังนั่งประชุมกันแบบวงในที่ห้องประชุมของ BR Construction
บรมหันมาบอกทุกคน
“พ่อสนใจโรงแรมเครือนาวารีสอร์ตมาก เราจะร่วมประมูลงานนี้ด้วย เราจะเสียโรงแรมนี้ไปให้คนอื่นไม่ได้ เทวาเตรียมเรื่องประมูลให้พร้อมด้วย”
“ครับ” เทวาหันไปบอกรริศา “วันประมูลรริศาไปกับพี่ด้วยก็ดีนะ จะได้ช่วยพี่ดูท่าทีบริษัทอื่นด้วย ว่าคู่แข่งเรามีใครบ้าง และสภาพการเงินเขาเป็นยังไง”
“ค่ะ”
“งานประมูลนี้ ได้ยินมาว่าคู่แข่งเจ้าสำคัญเป็นบริษัทนิรมิต” เมฆาบอก
“เราต้องไม่ปล่อยให้นิรมิตได้ไป”
“ใช่ แล้วเรื่องงานPR บริษัทเราไปถึงไหนแล้วล่ะยัยริน” บรมถาม
“ตอนนี้รินกำลังดูเรื่องปรับภาพลักษณ์ของโครงการในเครือของเราทั้งหมดค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วงค่ะ รินไม่ให้เสียชื่อลูกสาวคุณบรมแน่”
บรมพยักหน้ายิ้มรับ เช่นเดียวกับเทวาที่มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้

ภาพนิ่งจากวิวโฟเดอร์ของกล้องถ่ายภาพ เป็นภาพมุมต่างๆ ของคอนโดแห่งหนึ่งซึ่งเป็นโครงการในเครือของ BR Construction ภาพถูกสไลต์ดูเก๋ๆ ทันสมัย

ดารินเข้ามายืนประกบข้างๆ ขณะมนัสกำลังเล็งกล้องถ่าย มนัสดูจริงจังตั้งใจกับงาน
“แน่ใจนะว่าถ่ายสวยน่ะคุณ”
“คุณนี่วุ่นวายจริงๆ ปล่อยให้ผมได้ทำงานของผมเถอะน่า”
มนัสเดินหนีไปทางอื่น ดารินยังตามมาใกล้ๆอีก
“อย่าลืมมุมนั้นด้วยล่ะ”
“นี่คุณ ผมเป็นตากล้องนะ ปล่อยให้ผมเลือกมุมของผมเองได้ไหม”
“แต่ฉันเป็นคนคุมงานนี้ มีหน้าที่ต้องคอยควบคุมงานที่จะออกมา”
“แต่ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณ”
“แต่ถึงยังไงฉันก็เป็นคนจ้างคุณมา คุณก็ต้องฟังคำสั่งของฉัน”
“ถ้าไม่เชื่อใจผมแล้วคุณมาจ้างผมทำไม ไปจ้างคนอื่นแล้วกัน”
มนัสเดินหนีไปอีก
“อุ๊ยๆ มีงอนด้วย”
“ไม่ได้งอน แต่มีเสียงคุณมาจุ๊กจิ๊กงุ้งงิ้งอยู่ข้างหูผมแบบนี้ ผมไม่มีสมาธิทำงาน” มนัสกำลังจะเล็งกล้องถ่าย
“ตอนคุณทำงานดูซีเรียสแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะ”
มนัสลดกล้องลง หมดอารมณ์
“โอเคๆ งั้นไม่พูดก็ได้ แต่ขอดูภาพที่ถ่ายไปแล้วนิดนึงได้ไหมอ่ะ”

“ไม่ได้”

รวิปรียานั่งทำงานอยู่ เลขาฯเคาะประตูแล้วเปิดประตูเข้ามา

“คุณรวิคะ มีคนมาหาค่ะ”
นิมมานก้าวเข้ามาในห้องตามหลังเลขา

ดารินนั่งดูภาพนิ่งที่ถ่ายไว้แล้วผ่านทางหน้าจอคอมพ์บนโต๊ะในห้องตัวอย่างของโครงการ มนัสกำลังถ่ายภาพมุมต่างๆ ในห้องนั้นไป พอเสร็จแล้วก็หันมามองดาริน
"ผมยังไม่เคยได้ยินว่ามีบริษัทไหนเขาส่งผู้จัดการแผนกลูกค้าสัมพันธ์ลงมา คุมเรื่องพวกนี้เองเลยนะ"
"ก็บริษัทไม่ได้ส่งนี่ ฉันส่งตัวเองมา ...เพราะฉันอยากให้งานออกมาดูดีที่สุด"
มนัสเข้ามายืนข้างๆ ก้มตัวลงพูดใกล้ๆ
"เหรอ นึกว่าที่คุณมาคุมงานถ่ายภาพเองเพราะคุณหาโอกาสมาอยู่ใกล้ผมซะอีก"
"ไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหน"
มนัสยื่นหน้าไปใกล้ขึ้น
"ก็จากสายตาที่คุณมองผมไง"
ดารินหันมองมนัสที่หน้าอยู่ใกล้เพียงแค่คืบ ทั้งคู่มองตากัน จนเธอเขิน ต้องแก้เขินด้วยการทำดุใส่
"ถ้าเอาหน้าเข้ามาใกล้กว่านี้ล่ะโดนดีแน่"

ทางด้านนิมมานกำลังยืนง้อรวิปรียาอยู่ตรงหน้าโต๊ะ แต่รวิปรียาไม่ได้สนใจนัก
"ฉันทำงานอยู่ค่ะนิมมาน ยังไม่ว่างออกไปข้างนอก"
"แต่นี่มันเที่ยงแล้วนะรวิ จะทำงานจนไม่พักเลยเหรอ"
"คุณคงยังไม่ลืมใช่ไหมคะ ว่าฉันแต่งงานแล้ว"
"ผมรู้ แล้วผมก็รู้ด้วยว่ามันเป็นการแต่งงานแค่ในนาม รวิไม่ได้รักมัน แล้วไอ้เทวามันก็ไม่ได้มีรวิแค่คนเดียว"
รวิปรียาอึ้งไป แอบสะเทือนใจ

ขณะเดียวกัน เทวากำลังเดินตรงเข้ามาตามทางเดิน ในบริษัทสยามเอ็นจิเนียริ่ง สาวๆพนักงาน หันไปมองเทวา ปลาบปลื้มชื่นชม แล้วกันซุบซิบ
สีหน้าเทวาเฉยเมย
พนักงาน1บอก "คุณเทวา... สงสัยจะมาหาคุณรวิ"
"อู๊ย... สวีทอ่ะ อยากจะหาแบบนี้ไว้ที่บ้านสักคน"
"ถ้าฉันเป็นคุณรวินะ เวลาข้าวใหม่ปลามันแบบนี้ ฉันจะไม่ออกจากห้องนอนมาทำงานให้เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว"
เลขารวิปรียาเห็นเทวามาก็รีบเข้ามาหา
"สวัสดีค่ะคุณเทวา มาหาคุณรวิหรือคะ"
"ครับ"
เลขาฯยิ้มกว้างต้อนรับ ยอมให้ผ่านไปแต่โดยดี พนักงาน1 เพิ่งนึกได้รีบถลาเข้ามาหาเลขาหน้าตื่น
พนักงาน1บอก "พี่.. แต่ในห้องคุณรวิตอนนี้"
เลขาฯ นึกได้ "ว้าย แย่แล้ว รถไฟชนกันล่ะสิเนี่ย"
ทุกคนเริ่มกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น

เทวาเปิดประตูห้องเข้ามาโดยไม่ได้เคาะห้อง เขาเห็นคือนิมมานที่ยืนอยู่อีกฝั่งของโต๊ะทำงาน ทั้งคู่หันมามองเทวา
"อ้อ..ผมเข้าใจแล้ว ที่อยากมาทำงานทุกวันก็เพราะแบบนี้เอง แต่งงานย้ายไปอยู่บ้านผมแล้วคงทำให้คุณสองคนลำบากในการนัดเจอกันสินะ ถึงต้องมาแอบพรอดรักกันที่นี่"
"ใช่ ผมมาหารวิที่นี่ทุกวัน คุณรู้ไว้ก็ดีแล้ว คราวหลังจะได้ไม่พรวดพราดเข้ามาขัดจังหวะแบบนี้"
"ขัดจังหวะงั้นเหรอ"
"ไปกันเถอะค่ะนิมมาน ฉันหิวแล้ว"
รวิปรียาคว้ากระเป๋าถือลุกขึ้น จะออกนอกห้องไปกับนิมมาน แต่พอเดินผ่านเทวา เขาก็จับแขนรวิปรียาไว้แบบนิ่งๆ
"เรามีเรื่องต้องคุยกัน"
"ถ้าคุณมาเพื่อคุยงาน ก็ฝากเรื่องไว้กับเลขาฯฉัน แต่ถ้ามาคุยเรื่องส่วนตัวก็กลับไปคุยกันที่บ้าน" เธอมองมือเทวาที่จับเธออยู่ "ปล่อย"
นิมมานยิ้มมุมปากพอใจ รู้ว่าสองคนมีปัญหากัน
เทวายอมปล่อยมือให้รวิปรียากับนิมมานเดินออกไปด้วยกัน ได้แต่มองตามอย่างหงุดหงิด

ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง จานอาหารวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้ารวิปรียา แต่เธอไม่ค่อยกินอะไร ได้แต่นั่งเหม่อๆ
"ผมอยากจะขอโทษเรื่องวันนั้น ที่ผมทำตัวรุ่มร่ามกับรวิที่บ้าน"
"คนที่คุณควรจะขอโทษคือคุณเทวามากกว่า" รวิปรียาบอก
"ผมผิดเองที่ใจร้อนพลั้งมือทำร้ายเทวา แต่ที่ผมทำทั้งหมดก็เพราะ... "
"นิมมานคะ" เธอตัดบทไม่ให้นิมมานพูดต่อ "ถ้าคุณยังเห็นแก่มิตรภาพของเรา คุณก็ควรอยู่ห่างจากคุณเทวาไว้ดีกว่า ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องยุ่งเพราะฉันเป็นต้นเหตุอีก"
"ถ้าผมไม่ทำพลาด เจ้าบ่าวที่จะอยู่เคียงข้างรวิในวันนั้นก็คงจะเป็นผม"
"เลิกพูดเรื่องเก่าๆเถอะค่ะ ตอนนี้ทั้งฉันกับคุณต่างก็กำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเส้นทางของตัวเอง"
"รวิ..."
"เส้นทางของเราสองคนไม่มีวันที่จะมาบรรจบกันได้อีกแล้ว ต่อไปนี้คุณกับฉันก็เป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น"
นิมมานเงียบไปสักพักอย่างเสียใจ แล้วตัดสินใจทำทีเหมือนยอมตัดใจ
"ก็ได้ ถ้ารวิต้องการอย่างนั้น ต่อไปนี้ผมจะไม่ตามตื๊อรวิแบบนี้อีก เราสองคนจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพื่อนคนนี้จะอยู่เคียงข้างรวิเสมอ"
นิมมานพูดให้รวิปรียาเห็นใจ แต่ใจจริงแล้วคือแผนที่จะเอารวิปรียากลับมา
 
รวิปรียายิ้มขอบคุณนิมมานจากใจจริง

คืนนั้น ... เทวาปิดประตูตามหลังตัวเอง เมื่อตามรวิปรียาเข้ามาในห้อง

"ท่าทางคุณจะมีความสุขมากนะ ที่ควงชู้รักเย้ยผมออกไปแบบนั้น"
"ทีคุณยังไปเที่ยวกลางคืนกับผู้หญิงคนอื่นได้ พอฉันไปบ้างคุณจะมาเดือดร้อนทำไม"
"เดือดร้อนสิ เพราะคุณเป็นเมียผม"
"อย่าลืมสิว่าเราสองคนไม่ได้เต็มใจจะแต่งงานกัน"
"ไม่เต็มใจ แต่ว่าคืนนั้นที่คอนโดของผม คุณยินยอมพร้อมใจที่จะเป็นเมียผม ก่อนที่เราจะแต่งงานกันเสียอีก"
รวิปรียาอับอาย พูดไม่ออก เทวาเดินย่างเข้าหา
"ทำไม? รสรักของผมเมื่อคืนนั้นมันไม่ฉ่ำใจพอ จนคุณต้องกลับไปเล่นชู้กับแฟนเก่างั้นเหรอ"
รวิปรียาโกรธยกมือขึ้นจะตบหน้า แต่เทวาคว้าจับข้อมือไว้ได้ก่อน
"จะตบเหรอ มุกมันเก่าไปหน่อยแล้วมั้งรวิ"
เทวาก้มจูบรวิปรียาทันทีแบบไม่รอให้ตั้งตัว รวิปรียาตกใจจะผลักก็ไม่ได้เพราะถูกจับมือไว้
พอเคลิ้มไปได้สักพักก็รู้สึกตัวแล้วผลักเทวาออก แล้วตบเทวาหนึ่งฉาดได้สำเร็จ
รวิปรียารีบเบี่ยงตัวหนีออกจากตรงนั้นไป เทวาจับใบหน้าของตัวเองมองตามรวิปรียา ทั้งสับสนทั้งอิ่มเอมใจ แล้วคลี่ยิ้มที่มุมปาก

วันใหม่ บรมและดารินนั่งรับประทานอาหารเช้าอยู่ด้วยกัน เทวาเพิ่งมาถึงโต๊ะอาหารมองหารวิปรียากับตะวัน
"ตะวันไปแล้วหรือริน"
"พี่รวิพาไปส่งรงเรียนแต่เช้าแล้วค่ะ"
เทวานั่งลงที่เก้าอี้ บรมโพล่งขึ้น
"นี่แกจะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่"
เทวาชะงัก งงๆ
"อย่านึกว่าพ่อไม่รู้นะว่าแกกับหนูรวิแยกห้องนอนกัน"
เทวาเหล่มองดารินรู้ว่าเป็นตัวการ ดารินทำไม่รู้ไม่ชี้
"วันนี้แกต้องกลับไปนอนห้องตัวเอง"
"คุณพ่อ"
"ฉันขอหนูรวิเขามาเป็นลูกสะใภ้ ไม่ใช่ให้แกมาทำทิ้งขว้างแบบนี้"
"แต่ผม..."
"นี่เป็นคำสั่ง ถ้าแกไม่เข้าไปนอนในห้องกับหนูรวิคืนนี้ ฉันจะใช้อำนาจปลดแกออกจากการเป็นประธานบริษัท"
"คุณพ่อ!"
ดารินแอบยกนิ้วให้บรมว่าเฉียบมาก
เทวาถอนหายใจอย่างลำบากใจก่อนจะเดินออกไป บรมบ่นตามหลัง
"แค่นอนห้องเดียวกับเมียตัวเอง มันจะลำบากใจอะไรนักหนา ตอนยังไม่แต่งก็มาเร่งให้รีบไปสู่ขอ อะไรของมันกันไอ้ลูกคนนี้"
"หรือว่าพี่เทวากับพี่รวิ มีเวลาศึกษาดูใจกันน้อยหรือเปล่าคะคุณพ่อ พอแต่งก็เลยเกิดปัญหาไม่เข้าใจกัน ทะเลาะกัน แบบนี้"
"ก็อาจเป็นได้นะ ว่าแต่เราเถอะยัยริน มีหนุ่มมาศึกษาดูใจบ้างหรือยัง"
ดารินนึกถึงมนัส เมื่อเขายื่นหน้าไปใกล้ขึ้น
"ก็จากสายตาที่คุณมองผมไง"
ดารินบอกพ่อ"ก็มีบ้าง ค่ะ"
"ดูให้ดีๆ ล่ะ ถ้าจะให้ดีก็พามารู้จักพ่อบ้าง"
"ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอกค่ะคุณพ่อ อีกนาน" ดารินยิ้มให้พ่อ

ในเวลากลางคืน ... รวิปรียาเปิดประตูห้องเพื่อดูว่าใครมา เห็นเทวายืนคอยอยู่หน้าห้องแล้วอยู่ในชุดนอน
"คุณมาทำไม"
"ผมจะมานอนห้องนี้" เทวาเข้ามาในห้องเลย
"ว่าไงนะ! ไม่ได้ ฉันไม่อนุญาต"
"นี่คุณ ผมก็ไม่ได้อยากมานอนห้องนี้กับคุณนักหรอกนะ แต่นี่คุณพ่อบังคับให้ผมมา"
"คุณก็บอกคุณพ่อไปสิ ว่าเราสองคนแยกห้องกันอยู่"
เทวาตัดบท "ผมง่วงแล้ว ขอนอนเลยแล้วกันนะ"
เทวาไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอนหน้าตาเฉย รวิปรียาอึดอัดเข้ามายืนสั่งข้างๆ
"นี่คุณ ถ้าจะนอนที่นี่ คุณก็ต้องลงไปนอนที่พื้น เพราะเตียงนี้เป็นของฉัน"
"ก่อนที่คุณจะมา เตียงนี้มันเป็นของผมมาก่อน เพราะฉะนั้น ผมจะนอนตรงนี้"
"ไม่ได้"
รวิปรียาไม่ยอมแบบจริงๆจังๆ

ที่หน้าห้องนอน ดารินกับบรมยืนรีๆรอๆ ดูสถานการณ์ ดารินเงี่ยหูฟังแนบประตู
“ให้พ่อทำแบบนี้จะดีหรือยัยริน”
“ดีสิคะคุณพ่อ เราต้องเห็นกับตาว่าสองคนนั้นเขานอนเตียงเดียวกันจริงๆ”

บรมพยักหน้า “เอางั้นก็เอา”

ภายในห้อง ขณะที่รวิปรียากำลังดึงแขนเทวาให้ออกมาจากเตียง เทวาก็ยื้อกลับ

“ก็บอกว่าไม่ได้ไงล่ะ เตียงนี่มันของฉัน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งคู่จึงชะงัก มองไปที่ประตู
“ใครมาเคาะประตู” รวิปรียาพูดขึ้น
เสียงบรมดังลอดเข้ามา
“เทวา นอนหรือยัง นี่พ่อเอง”
เทวาเหมือนจะรู้ว่าพ่อมาเช็ค จึงดึงแขนรวิปรียาให้ล้มลงมาบนเตียง
“อะไรเนี่ยคุณ”
“อยู่เฉยๆเถอะน่า ถ้าไม่อยากให้คุณพ่อมาคอยบังคับเราให้ทำโน่นทำนี่ก็ช่วยแสดงละครว่าเรารักกันสักแป๊บได้ไหม”
รวิปรียาจึงสงบลง ยอมร่วมมือก็ได้ เทวาโอบไหล่รวิปรียาเข้ามาใกล้ชิดนั่งพิงหัวเตียงด้วยกัน ส่งเอกสารงานให้รวิปรียาไปทำท่าเหมือนอ่านงานอยู่ด้วยกัน
เทวาตะโกนตอบ “เข้ามาเลยครับคุณพ่อ ประตูไม่ได้ล็อก”
พอบรมเปิดประตูเข้ามา เทวากับรวิปรียาก็ต้องเล่นละครทำเป็นสวีตกันมาก เทวาโอบรวิปรียาแนบชิด รวิปรียาทำยิ้มแย้มมีความสุข
บรมพูดอ้อมๆแอ้มๆ “นี่พ่อเข้ามากวนหรือเปล่า”
“ไม่ครับคุณพ่อ พวกเรายังไม่นอนครับ กำลังดูโครงการที่ปากช่องด้วยกันอยู่ คุณพ่อมีอะไรครับ”
รวิปรียายิ้มเออออไปด้วย
“อ๋อ.. พ่อจะมาเตือนแกว่า อย่าลืมเรื่องการประมูลพรุ่งนี้”
“ไม่ลืมครับ”
“งั้น.. พ่อไปนอนนะ”
“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณพ่อ ผมสองคนก็กำลังจะนอนเหมือนกัน”

บรมกับดารินโล่งใจกันอยู่หน้าห้องนอน
“ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะยัยริน”
“รินก็หวังอย่างนั้นแหละค่ะ หวังว่านี่จะเป็นวิธีที่จะช่วยให้สองคนนั้นเข้าใจกัน”

ในห้องนอน เทวากับรวิปรียาชะเง้อคอยสัญญาณจากนอกห้อง จนแน่ใจว่าบรมไปแน่ๆแล้ว รวิปรียาดันแขนเทวาออกจากไหล่ของเธอ
“จบเรื่องแล้ว งั้นคุณก็ลงไปได้แล้ว”
“ทำไมผมต้องลง นี่มันเตียงผม ผมจะนอนบนนี้”
“แต่ฉันนอนของฉันอยู่ดีๆ มาตั้งหลายคืน จู่ๆคุณจะมาแย่งที่ฉันได้ยังไง”
“คุณมีทางเลือกสองทางนะรวิ หนึ่งคือนอนลงเงียบๆที่ข้างผมนี่ สอง.. ถ้าคุณไม่อยากนอนใกล้ผม ก็ลงไปนอนที่พื้น”
ว่าแล้วเทวาก็ล้มตัวลงนอนอย่างไม่เกรงใจ รวิปรียานั่งคิดอยู่ เทวาแกล้งพลิกตัวมาใกล้จะยื่นแขนมาโอบ รวิปรียาจึงรีบลงจากเตียงไป
เทวาลืมตามายักคิ้วให้แบบยั่วโมโห รวิปรียาจึงดึงผ้าห่มซึ่งมีอยู่ผืนเดียวลงมาจากเตียง
“นี่คุณ เอาผ้าห่มไปแล้วผมจะห่มอะไร”
“ก็ไปหาผืนใหม่เอาเองสิ”
“ในห้องนี้ไม่มีผ้าสำรอง เด็กเขาเก็บไว้ที่ห้องอื่นหมด ถ้าออกไปตอนนี้เดี๋ยวคุณพ่อก็สงสัยพอดี”
รวิปรียาไม่แคร์ ซ้ำยังดึงหมออีกใบหนึ่งมาจากเตียง จัดการพื้นที่ของตัวเองสำหรับนอน เทวาเอื้อมมือไปจะดึงผ้าห่มมา แต่รวิปรียาเอาผ้าห่มห่อตัวไว้แน่น จนเทวาถอนใจยอมแพ้

ผ่านเวลาไป ยามดึกในห้องนอน รวิปรียานอนห่มผ้าอยู่ที่พื้น เธอลืมตาตื่นขึ้นมา ก็ลุกมานั่งดูเทวาซึ่งนอนอยู่บนเตียง เทวานอนขดตัวหนาวอยู่บนเตียง มีแต่หมอนไม่มีผ้าห่ม
รวิปรียามองเทวายังคงนึกหมั่นไส้อยู่ จึงคว้ารีโมทแอร์มา จากเลข 25 รวิกดจนเหลือ 20 เร่งแอร์ให้เย็นขึ้นไปอีกเพื่อแกล้งเทวา เทวานอนขดตัวแน่นขึ้นเพราะอากาศหนาวจากแอร์ รวิยิ้มสะใจจากนั้นเธอก็ล้มตัวลงนอนสบายใจ

บรรยากาศยามเช้าที่รอบบ้านบริรักษ์
รวิปรียาตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นเทวาอยู่บนเตียงแล้ว
“ออกไปแล้วมั้ง”
เธอจึงลุกขึ้นพับเก็บผ้าห่มแล้วไปเข้าห้องน้ำ พอจะเข้าห้องน้ำเทวาก็โผล่ออกมาจากห้องน้ำพอดีทั้งที่ยังใส่แค่ผ้าขนหนู
รวิปรียาตกใจรีบเอามือปิดหน้า
“ว้าย.. จะบ้าเหรอคุณ ทำอะไรเกรงใจกันบ้างสิ คุณไม่ได้อยู่ในห้องนี้คนเดียวนะ”
“แค่นี้ก็ตกใจแล้วเหรอ คุณเอง ก็คงไม่ได้เคยเห็นผู้ชายเปลือยเป็นครั้งแรกหรอกใช่ไหม”
เทวาก้าวเท้าเข้าใกล้รวิปรียา จงใจจะแกล้ง
“บ้า นี่อย่าเข้ามานะ”
เทวายิ้มขำ เห็นรวิปรียากลัวแล้วยิ่งได้ใจ
“ เราสองคนก็เคยเห็นอะไรๆ ไปถึงไหนๆแล้ว คุณยังไม่ชินอีกเหรอ”
เทวายังก้าวเข้าหา รวิปรียาถอยหนีไปเรื่อยๆ จนหลังแทบชนกำแพง เทวายิ้มกระหยิ่ม
“บ้าที่สุดเลย”

รวิปรียารีบเบี่ยงตัวหนีออกจากเทวา แล้วเลี่ยงออกจากห้องไปแบบใจสั่นๆ เทวามองตามขำๆ

เช้าเดียวกัน
 
นิมมานพร้อมจะออกไปประมูลงานข้างนอก ยืนคุยกับมิตรก่อนจะออกจากบ้าน
“แกอย่าให้พลาดล่ะนิมมาน พ่อตั้งความหวังกับโปรเจกต์นี้ไว้สูงมาก”
“ไม่พลาดแน่ครับพ่อ คนที่จะชนะการประมูลโปรเจกต์นี้ ต้องเป็นเรา ไม่ใช่ไอ้เทวา บริรักษ์”
“ถ้าแกทำได้สำเร็จ พ่อจะคุยกับบอร์ดของบริษัทให้เสนอชื่อแกเป็นหนึ่งในกรรมการบริหาร”
“ผมจะเอาชนะบริรักษ์ให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ยิ่งถ้าทำให้บริษัทมันล่มได้ก็ยิ่งดี”
“ถ้าบริรักษ์ล่ม สยามเอ็นจิเนียริ่งของรวิก็จะล่มไปด้วย แกรับได้เหรอ”
“อะไรที่ผมไม่ได้คนอื่นก็อย่าหวังจะได้เหมือนกัน และถ้าสยามเอ็นจิเนียริ่งล่มจริง ผมก็จะเข้าไปช่วยประคับประคองเอง ถึงตอนนั้นรวิก็จะหันกลับมามองผมอีกครั้ง”
“แล้วเรื่องโครงการที่ปากช่องล่ะ”
“เริ่มลงมือแล้วครับ หัวหน้าคนงานของพวกมันถูกเราซื้อตัวไว้เรียบร้อยแล้ว”
มิตรพยักหน้าพอใจ นิมมานยกโทรศัพท์ขึ้นมากดออก แววตาเต็มไปด้วยแผนร้าย

พื้นที่ปากช่อง บริเวณที่เทวาเคยมาดูงานกับรวิปรียาด้วยกัน ตอนนี้มีอุปกรณ์สำหรับก่อสร้างต่างๆ วางทิ้งอยู่ มีป้ายปักไว้ว่าเป็นสถานที่ก่อสร้างโครงการ Wood Land ของบริษัท BR Construction
หัวหน้าคนงานกำลังซุ่มโทรศัพท์คุยกับนิมมานอยู่มุมหนึ่ง
“ครับ คุณนิมมาน ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน ถ้าไอ้เทวามามันเจ็บตัวแน่ แล้วจากนั้นผมก็จะพาลูกน้องออกไปให้หมด”
หัวหน้าคนงานวางสาย จากนั้น เขาเดินตรงมาสมทบกับกลุ่มที่คนงานกำลังยืนรวมตัวกันเพื่อประท้วงเรียกค่าแรงเพิ่ม
คนงาน1 บอก “เราไม่ยอม เราจะไม่ทำงานให้พวกเอาเปรียบอีกต่อไป”
หัวหน้าคนงานบอก “เราต้องการเจรจากับผู้บริหาร”
ขณะที่คนงานกำลังส่งเงียบประท้วงกัน วิศวกรก็กำลังพยายามโทร.หาเทวา สีหน้าวิตก
“คุณเทวา.. ทำไมไม่รับสายนะ คุณเมฆาก็อีกคน”

เทวาเดินนำรริศาและเมฆามาตามทางเดินในโรงแรมแห่งหนึ่ง จนถึงหน้าห้องประชุม รริศาและเมฆาหอบเอกสารงานมาพร้อม ท่าทางเทวาดูอิดโรยจนเมฆาทัก
“สีหน้าคุณไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายหรือเปล่าครับ”
“ปวดหัวนิดหน่อย ไม่เป็นไรมาก”
นิมมานและลูกน้องผู้ติดตามก็มาถึงหน้าห้องประชุมในเวลาเดียวกัน
“คุณเทวา”
“ไงครับคุณนิมมาน การประมูลวันนี้ก็เหมือนการเสี่ยงโชค ถ้าคุณอยากจะชนะคุณคงต้องมาพร้อมกับโชคตัวใหญ่ๆ”
“บังเอิญผมไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องโชคชะตา แต่ผมเชื่อฝีมือตัวเอง”
เทวากับนิมมานจ้องหน้ากันไม่มีใครยอมใคร รริศาแอบมองนิมมานปลื้มๆ ยังคงประทับใจเหตุการณ์ที่งานแต่ง แต่นิมมานไม่ได้สนใจมองมาทางเธอเลย

ภายใน บ. สยามเอ็นจิเนียริ่ง เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของเลขาฯ รวิปรียาดังขึ้น เลขาฯยกหูขึ้นมาตอบรับ
“สวัสดีค่ะ หน้าห้องคุณรวิค่ะ” เธอรอฟังสักพักแล้วตกใจ “ว่าไงนะคะ!”

ต่อมา เลขาฯ เข้ามารายงานรวิปรียาหน้าตาตื่น
“คุณรวิคะ ทางวิศวกรของโครงการWood Land เพิ่งโทรมาว่าตอนนี้ที่ไซต์งานกำลังมีปัญหาใหญ่ค่ะ”
รวิปรียานั่งที่โต๊ะทำงาน เงยหน้าขึ้นมอง
“จู่ๆคนงานก่อสร้างก็ประท้วงหยุดทำงานเพราะเรียกร้องขอค่าแรงเพิ่ม”
“แต่เราก็ให้ค่าแรงถูกต้องตามที่กฏหมายกำหนดแล้วนี่ แถมยังมีสวัสดิการอย่างอื่นให้อีกด้วยซ้ำ”
“ค่ะ แต่ทางวิศวกรบอกว่าทางหัวหน้าคนงานปลุกระดมให้คนงานลุกขึ้นต่อต้าน โดยให้เหตุผลว่าเพราะพื้นที่ไซต์งานของเราส่วนใหญ่ยังเป็นป่า แล้วทางเราก็ยังไม่ยอมให้ตัดต้นไม้ การปรับสภาพพื้นที่ก็ต้องใช้เวลาและยากกว่าปกติค่ะ”
“เรื่องนี้เราก็ตกลงกันไว้ก่อนแล้วนี่ ทำไมจู่ๆถึงลุกขึ้นมาประท้วง”
“ทางนั้นยังบอกด้วยค่ะว่า ถ้าไม่มีผู้บริหารมาคุยด้วยภายในสามชั่วโมง เขาจะพาคนงานออกไปให้หมด”
“ถ้าไม่มีคนงาน การก่อสร้างก็ต้องหยุดชะงักน่ะสิ นี่คุณเทวารู้หรือยัง”
“วิศวกรพยายามโทร. หาคุณเทวากับคุณเมฆาแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ไม่รับสายเลย สงสัยจะติดประชุมอยู่”
รวิปรียาลุกขึ้นยืนตัดสินใจ “งั้นฉันจะไปดูเอง”
“จะดีหรือคะคุณรวิ”
“แค่เจรจากับคนงาน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก”
รวิปรียารีบออกจากห้องไปทันที

ภายในห้องประชุม ผู้เข้าประมูลทุกบริษัทนั่งกันอยู่รายรอบโต๊ะประชุม โดยมีผู้บริหารนั่งอยู่หัวโต๊ะ
เมฆายื่นเอกสารซองสีน้ำตาลไปให้ทางผู้บริหารโรงแรม พร้อมๆกับที่ลูกน้องของเมฆาก็ยื่นเอกสารไปเช่นกัน
ผู้บริหารโรงแรมบอก
“เป็นอันว่าทุกคนได้ยื่นโพรไฟล์บริษัทและเสนอราคาประมูลมาแล้วนะครับ ผมขอเวลาดูข้อเสนอและเอกสารของทุกคนและจะให้คำตอบกับทุกท่านเร็วๆนี้”
เทวาและนิมมานเหล่มองหน้ากัน

กลุ่มของเทวาออกมาจากห้องประชุมเป็นกลุ่มแรก
“ริศาขอไปห้องน้ำก่อนนะคะพี่เทวา เดี๋ยวจะตามไปเจอที่รถ”
เทวาพยักหน้ารับ รริศาเดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง เทวากับเมฆาแยกไปอีกทางหนึ่ง
เป็นเวลาเดียวกับที่นิมมานกับลูกน้องออกมาจากห้องประชุม
 
นิมมานมองตามรริศาไปอย่างมีแผน

รริศาออกมาจากห้องน้ำหญิง เจอเข้ากับนิมมานที่ออกมาจากห้องน้ำชายพอดี

“คุณนิมมาน”
“อ้าว คุณริศา ผมนึกว่าคุณกลับไปแล้วซะอีก ตอนแรกยังนึกเสียดายอยู่เลยที่ยังไม่ได้คุยกับคุณ”
“นึกว่าคุณจะจำริศาไม่ได้แล้วซะอีก”
นิมมานหว่านเสน่ห์
“ผมไม่มีทางลืมคุณริศาได้หรอกครับ เพียงแต่เมื่อกี๊มันไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะทักกัน เพราะเราต่างมาในฐานะ...”
“ริศาเข้าใจค่ะ เราเป็นคู่แข่งกัน”
นิมมานพยักหน้ารับ ทำทีเป็นลำบากใจ
“ริศายังไม่ได้คืนเสื้อสูทให้คุณเลย”
“งั้นเรา.. นัดเจอกันสักวันดีไหมครับ คุณจะได้เอาเสื้อมาคืนผม แล้วผม..จะได้ถือโอกาสทานข้าวกับคุณสักมื้อ”
รริศาเขินๆ “ก็ได้ค่ะ”

เทวากำลังจะเดินออกจากบริเวณโรงแรม เมฆาหยุดอยู่ด้านหลังไกลๆ เพราะกำลังพูดสายโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ เมฆากดวางสายแล้วรีบเดินเร็วมาตามมาหาเทวา
“คุณเทวาครับ เลขาฯคุณรวิแจ้งมาว่าตอนนี้ไซต์งานWood Land มีปัญหาเกี่ยวกับพวกคนงานก่อสร้าง ตอนนี้คุณรวิกำลังเดินทางไปจัดการ”
เทวาตกใจขึ้นมา “รวิ! ไปกับใคร”
“คนเดียวครับ”
“บ้าจริงๆเลย คิดอะไรของเขานะ”
เทวารีบเดินออกไปจากโรงแรมอย่างร้อนใจ

เวลาต่อเนื่องมา รวิปรียามาถึงสถานที่ก่อสร้าง เธอเดินตามวิศวกรไปทางกลุ่มคนงานที่นั่งประท้วงอยู่
หัวหน้าคนงานเพ่งมองรวิปรียามาแต่ไกล แล้วยิ้มกระหยิ่ม
“คิดว่าไอ้เทวาจะมาเอง แต่ส่งเมียมาแบบนี้มันลาภปากชัดๆ”
รวิปรียามาถึง หัวหน้าคนงานก็เดินมายืนประจัญหน้า
“คุณคงรู้ว่าฉันเป็นใคร”
“ผมรู้”
“ฉันมาเจรจาหาข้อตกลงร่วมกัน พวกคุณต้องการอะไรก็ว่ามาได้เลย ถ้าข้อเรียกร้องไม่เหลือบ่ากว่าแรงเกินไป ฉันก็ยินดีจะเอาเรื่องไปหารือกับคุณเทวาอีกที”
“ผมขอคุยกับคุณตามลำพัง”
รวิปรียาชะงัก เริ่มรู้สึกไม่อยากไว้ใจ ลังเล
วิศวกรไม่สบายใจ “คุณรวิครับ”
“หรือว่าคุณไม่อยากคุยก็ตามใจ พรุ่งนี้ผมจะได้สั่งให้ทุกคนขนของออกไปจากที่นี่”
รวิปรียาตัดสินใจเด็ดขาด “ได้”
หัวหน้าคนงานแอบยิ้มซ่อนแผนการร้าย

เทวานั่งอยู่ในรถที่เมฆาเป็นคนขับมา เขากดโทรศัพท์แล้วรอฟัง แต่ไม่มีการรับสาย
“ทำไมไม่รับสาย”
เทวาลดมือลง ถอนหายใจ ศีรษะพิงพนักหน้าเหนื่อยๆ และป่วยๆ
“คุณเทวาสีหน้าไม่ดีเลย ไปหาหมอก่อนไม่ดีหรือครับ”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอก รีบขับไปให้ถึงที่นั่นเร็วที่สุด”

หัวหน้าคนงานนำรวิปรียากับวิศวกรมาถึงบริเวณหน้าบ้านพักคนงานก่อสร้าง เขาเปิดประตูบ้าน
ออกเพื่อให้รวิปรียาเข้าไป เธอยืนลังเลอยู่สักพัก แล้วปลอบตัวเองว่าคงไม่มีอะไร จึงก้าวเข้าบ้านพักไป
หัวหน้าคนงานก้าวเข้าบ้านตามหลังรวิปรียามา แล้วปิดประตูลงกลอนจากด้านใน
รวิปรียาตกใจหันขวับมา พบว่าหัวหน้าคนงานแสยะยิ้มให้อยู่แล้ว
“ทำไมต้องล็อคประตูด้วย”
ที่หน้าบ้านพัก วิศวกรเห็นประตูถูกล็อคจากด้านในก็เริ่มวิตกมากขึ้น เห็นท่าไม่ดีแน่ๆ
“เฮ้ย เปิดเดี๋ยวนี้ เปิด”
พอเขาหันหน้ามา หมัดของคนงานอีกคนก็ชกใส่เข้าหน้าเต็มๆ

รวิปรียายืนหน้าตื่นอยู่ในบ้านพักหลังนั้น หัวหน้าคนงานย่างสามขุมเข้ามาใกล้
“นี่จะทำอะไร ไหนว่าจะมาหาข้อตกลงกันไง”
“ก็ข้อตกลงระหว่างเธอกับฉันไง รับรองว่าถ้าได้ฟังแล้วเธอปฏิเสธไม่ออกแน่”
รวิปรียาถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาจะโทรหาใครสักคน แต่หัวหน้าคนงานพุ่งเข้ามาปัดโทรศัพท์ตกจากมือ
รวิปรียาจะร้อง “ช่วยด้วย”
หัวหน้าคนงานเข้ามาเอามือปิดปากไว้
“อย่าฝันเลยว่าจะมีคนมาช่วย ข้างนอกมันคนของฉันทั้งนั้น ตอนแรกคนที่ฉันต้องจัดการคือไอ้เทวา แต่เธอมันแส่หาเรื่องมาถึงนี่เอง ช่วยไม่ได้”

รวิปรียาตาโพลง พยายามดิ้นหนี

เทวากับเมฆามาถึงบริเวณหน้าบ้านพักคนงาน
 
ทั้งสองเห็นกลุ่มคนงานที่นั่งเฝ้าหน้าบ้านอยู่ เทวารีบตรงเข้ามาถามอย่างร้อนใจ
“รวิอยู่ที่ไหน”
พวกคนงานอึกอักไม่มีใครพูด แต่ลุกขึ้นฮือพร้อมตั้งรับ
ภายในบ้านรวิปรียากัดมือของหัวหน้าคนงานจนร้อง “โอ๊ย” แล้วพลางสะบัดมือเร่าๆ
รวิปรียาหนีหลุดออกมาได้ จะวิ่งไปที่ประตู แต่หัวหน้าคนเข้ามาดึงแขนไว้ได้ทัน เหวี่ยงร่างรวิปรียาไปชนกับผนังเซล้มลง
“หยุดนะ ช่วยด้วย”
เทวาได้ยินเสียงรวิปรียาจากด้านใน
“รวิ!”
เทวาถีบคนงาน1 ที่อยู่ตรงหน้าโครม คนงาน1ล้มลง คนที่เหลือเข้ามารุม แต่เมฆาเข้ามาชกสวนคนงานที่2

ภายในบ้าน หัวหน้าคนงานก้าวเข้าหารวิปรียา แต่รวิปรียาทั้งถีบทั้งชกสู้สุดชีวิต
เทวากับเมฆาชกต่อยกับกลุ่มคนงานอยู่อย่างอุตลุตอยู่ด้านนอก แต่ใช้เวลาไม่นานก็ทำเอาทุกคนลงไปนอนกอง
ภายในบ้าน รวิปรียากำลังหยิบขวดเบียร์เล็กๆข้างตัว ฟาดใส่หัวของหัวหน้าคนงาน ขวดแตกเพล้ง เลือดไหลย้อยลงมาที่หน้าฝาก หัวหน้าคนงานโกรธจัดพุ่งเข้าไปบีบคอรวิปรียา
“ฤทธิ์เยอะนักนะมึง งั้นก็ตายไปซะเถอะ”
เมฆาสะกัดคนงานไว้ขณะที่เทวาวิ่งไปถีบประตูบ้านพักให้เปิดออก
หัวหน้าคนงานกำลังขย้ำคอรวิปรียาอยู่ เทวาพุ่งเข้ามาถีบหัวหน้าคนงานออกไป แล้วเข้ามาดูรวิปรียา
“รวิ เป็นไงบ้าง”
รวิปรียาได้แต่ส่ายหน้า พูดไม่ออกเพราะเจ็บที่ลำคอ หัวหน้าคนงานคว้าท่อนไม้ใกล้ตัว จะพุ่งเข้ามาหาเทวา แต่รวิปรียาเห็นก่อน
“คุณ ระวัง!”
เทวาพลิกตัวตั้งรับได้ทัน เหวี่ยงหมัดใส่หัวหน้าคนงาน แล้วเข้าไปชกซ้ำ
เมฆาเข้ามาในบ้านเพื่อจะช่วย
“โทร.เรียกตำรวจเดี๋ยวนี้เมฆา”
เมฆาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก หัวหน้าคนงานเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งออกไปนอกบ้าน พวกลูกน้องพากันแตกตื่น
“ไปสิวะ จะอยู่รอพ่อมึงมาเหรอ”
ทุกคนวิ่งหนีออกไปจากบริเวณนั้น
ภายในบ้าน รวิปรียาโล่งใจเพิ่งผานพ้นวิกฤติไปได้หวุดหวิด เทวายืนหายใจหอบมองรวิปรียา
“คุณรวิโอเคหรือเปล่าครับ”
รวิปรียาพยักหน้า

เทวาขึ้นไปนั่งบนรถอย่างคนหมดแรงเพราะฤทธิ์ไข้ รวิปรียากับเมฆายืนมองอยู่นอกรถ
“ผมจะขับรถคุณรวิกลับเอง คุณรวิช่วยขับคันนี้กลับบ้านเถอะครับ ท่าทางคุณเทวาจะไม่สบายมาก”
“ไม่สบาย?”
“ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วครับ”
รวิปรียาพยักหน้ารับ แล้วขึ้นนั่งที่คนขับ

รถของเทวามุ่งตรงไปตามถนนข้างหน้า
รวิปรียาขับรถมาตามทาง หันมองเทวาเป็นระยะ เทวานั่งซมหลับตาพิงหลังกับพนักเบาะ เขาลืมตาขึ้นมองรวิปรียาช้าๆ ให้รู้ว่ายังไม่ได้หลับสนิท
“แบบนี้งานก่อสร้างของเราก็ต้องหยุดชะงักสิคะ”
เทวาพูดดุๆ
“แทบจะเอาตัวไม่รอด ยังจะมาห่วงเรื่องงานอีก โครงการนี้เนี่ย ถึงมันจะหยุดไปสักปีสองปี หรือแม้แต่สิบปี ผมก็ไม่ห่วงหรอก ที่ผมห่วงก็คือคุณต่างหาก วันหลังถ้ามีปัญหาเรื่องคนงานอีกคุณอยู่เฉยๆผมจัดการเอง”
พูดแล้วเทวาก็หลับตาหันไปทางอื่น รวิปรียาหันมองเทวาเริ่มซาบซึ้งใจ

มิตรนั่งอยู่ที่โซฟา นิมมานกำลังรายงานให้มิตรฟัง
“เรื่องยื่นซองประมูลราคา เรียบร้อยแล้วนะครับคุณพ่อ”
“หวังว่างานนี้เราคงไม่ผิดหวัง”
เสียงโทรศัพท์นิมมานดังขึ้นพอดี เขากดรับสาย
“ว่าไงนะ! “ เขารอฟังสักพัก แล้วหงุดหงิด “ไอ้บ้าเอ๊ย เออ! ฉันจะโอนเงินไปให้เพิ่ม พวกแกหาทางหลบซ่อนตัวให้ดี อย่าให้ถูกจับจนสาวมาถึงฉันได้ล่ะ”
นิมมานกดวางสาย
“เกิดอะไรขึ้น”
“โครงการที่ปากช่องของพวกมันต้องหยุดชะงักแล้วครับคุณพ่อ”
“ก็ดีสิ”
“แต่รวิเกือบจะลำบากไปด้วย เพราะไปที่ไซด์งาน”
“ถือว่ารวิโชคไม่ดีเองก็แล้วกัน ทำงานใหญ่อย่าใจอ่อนเด็ดขาดนิมมาน จำไว้ แล้วอีกแผนนึงที่เราคุยกันไว้ล่ะ”
“ผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ งานนี้บริรักษ์ไม่รอดแน่”

เทวานอนหลับซมด้วยพิษไข้อยู่บนเตียงนอน รวิปรียากำลังประคองเทวาให้ขึ้นมาจิบน้ำ จากนั้นก็ค่อยๆวางศีรษะเทวาลงกับหมอน
“ขอโทษนะคุณ เป็นเพราะฉันแท้ๆเลย”
รวิปรียาบิดผ้าขนหนูที่แช่อยู่ในกาละมัง แล้วบรรจงเช็ดตัวให้เทวาตามใบหน้า แขน มือ จากนั้นเธอค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อเพื่อเช็ดลำตัวให้เทวาอย่างนุ่มนวล

บรมกับดารินกลับเข้าบ้านพร้อมกัน บรม เป็นกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“คุณเมฆาโทร.มาบอกว่าพี่รวิกับพี่เทวามาถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้วค่ะ แล้วก็ไปแจ้งความไว้เรียบร้อยแล้ว”
บรมพยักหน้ารับรู้
“เรื่องนี้ จู่ๆพวกคนงานไม่มีทางลุกขึ้นมาประท้วงกันเองแน่”
“คุณพ่อคิดว่ามีคนอยู่เบื้องหลังหรือคะ ใครกันคะ”
“คนที่อยากเป็นศัตรูกับเรา มันมีอยู่ไม่กี่รายหรอก แต่ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐาน อย่าเพิ่งเอะอะไปจะดีกว่า”
“แล้วนี่พี่เทวาไปไหนของเขา”
จ๊ะเอ๋เอาน้ำมาเสิร์ฟให้พอดี เลยได้จังหวะตอบ
“คุณเทวาป่วยค่ะ ตอนนี้อยู่ในห้อง”
“อ้าว แล้วมีใครไปดูหรือยัง” บรมถาม
จ๊ะเอ๋ทำหน้าทะเล้น “คุณรวิดูแลอยู่ค่ะ”

บรมกับดารินมองหน้ากัน แล้วยิ้มแบบรู้กัน

อ่านต่อตอนที่ 14

#ใจลวง #thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น