ใจลวง ตอนที่ 12
เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
ประตูห้องพักของดาวิกาเปิดออก ดาวิกาเข้าห้องมา ตามด้วยเพชรแท้ซึ่งตามคอยดูแลดาวิกาอยู่ ข้อมือของดาวิกามีรอยพันแผลอยู่
“ส่งดาแค่นี้ก็พอ คุณเพชรกลับบ้านได้แล้วล่ะค่ะ”
“แต่หมอบอกว่าไม่ควรปล่อยให้คุณดาอยู่ตามลำพัง”
“ดาไม่ทำอะไรแบบนั้นอีกแล้วล่ะค่ะ คุณกลับไปเถอะ คุณเสียเวลาไปเฝ้าดาที่โรงพยาบาลมาตั้งหลายวันแล้ว”
“ร่างกายอาจไม่เป็นไร แต่หมอบอกว่าสภาพจิตใจของคุณต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด”
“ดารู้ตัวเองดีค่ะ ดาเป็นโรคซึมเศร้าอยู่ก่อนและก็หาหมอมาได้สักพักแล้ว ที่ดาทำร้ายตัวเองแบบนั้น เพราะดาลืมกินยา อาการก็เลยกำเริบขึ้น หลังจากนี้ ถ้าดากินยาอย่างสม่ำเสมอคงไม่เป็นไร”
เพชรแท้ยังคงเป็นห่วง แต่ก็รู้ว่าต้องให้เวลาส่วนตัวกับดาวิกา
“ผมกลับก่อนก็ได้ แต่พรุ่งนี้ผมจะมาหาใหม่ มะรืนนี้ผมก็จะมา รวมถึงวันต่อๆ ไปด้วย ผมจะมาหาคุณทุกวัน”
ดาวิกายิ้มรับ เพชรแท้จะออกจากห้อง แต่ยังไม่วายหันกลับมาสั่งต่อ
“ผมจะโทรหาคุณทุกชั่วโมง และคุณต้องรับโทรศัพท์ผมทุกครั้ง ถ้าคุณไม่รับสายผมจะบุกมาหาคุณทันที เข้าใจไหมครับ”
ดาวิกายิ้มขำๆ เพชรแท้ยิ้มตอบก่อนจะออกไป ดาวิกามองตามแล้วกลับมาครุ่นคิดเรื่องของรวิปรียาที่ค้างคาใจ
ห้องนอนเทวา บ้านบริรักษ์ รวิปรียาและเทวาอยู่ในชุดสากล หลังงานเลี้ยงตอนกลางคืนเสร็จสิ้นแล้ว
เตียงนอนในห้องมีกลีบดอกไม้โรยตกแต่งเป็นรูปหัวใจ สัญลักษณ์ของคืนส่งตัวเข้าหอ รวิปรียาในชุดราตรีเจ้าสาวสีขาว และเทวาในชุดสูทเจ้าบ่าว ก้มลงกราบบรมซึ่งนั่งอยู่บนเตียง
“ ถึงแม้วันนี้ แม่ของเทวาจะไม่ได้อยู่กับเราที่นี่แล้ว แต่พ่อเชื่อว่าแม่เขาคงมองลูกอยู่จากที่ไหนสักแห่ง และเขาก็คงมีความสุขมากที่ได้เห็นเทวามีความสุข”
เทวายิ้มรับแบบไม่เต็มที่
“จากประสบการณ์ของพ่อ คำว่าแต่งงานมันไม่ใช่จุดหมายปลายทางหรอก แต่มันคือจุดเริ่มต้นที่จะนำพาลูกทั้งคู่ไปสู่สิ่งที่ดีกว่านั่นก็คือคำว่าครอบครัว นับตั้งแต่วินาทีนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือเรื่องร้าย ไม่ว่าลูกสองคนจะทะเลาะหรือโกรธกันก็ขอให้นึกไว้เสมอว่า รวิเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเรา”
รวิปรียาไหว้บรมอีกครั้ง “ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
“งั้นพ่อไม่กวนล่ะ” บรมลุกขึ้น “แต่ขออย่างเดียว มีหลานให้พ่ออุ้มเร็วๆแล้วกัน จะหลานสาวหรือหลานชายพ่อก็ไม่เกี่ยง ได้ทั้งนั้น”
รวิปรียาตกใจ
บรมเดินไปที่ประตูห้อง แต่ชะงักหันกลับมาพูดต่อ
“อ้อ.. แต่ถ้าเป็นหลานชายก็น่าจะดีกว่า เพราะหลานสาวก็มีอยู่แล้วคนนึง”
รวิปรียาเขิน เทวาส่ายหน้ากับมุกของบรม บรมหัวเราะอารมณ์ดีออกไปจากห้อง
ถึงคราวเทวากับรวิปรียาอยู่กันสองต่อสอง หันกลับมามองหน้ากัน บรรยากาศเริ่มอึดอัด จะยังไงต่อดี
ดาริน จ๊ะเอ๋ ตะวัน โผล่หน้ามาจากห้องนอนของตะวันเพื่อแอบดูสถานการณ์ทางห้องนอนเทวา
“ส่งตัวเข้าหอนี่มันเป็นยังไงหรือคะอาริน” ตะวันถาม
“ส่งตัวเข้าหอ ก็.. เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่เขาทำกันวันแต่งงานน่ะจ้ะ”
“สนุกไหมคะ”
ดารินกับจ๊ะเอ๋สะอึก มองหน้ากัน จะตอบเด็กยังไงดี
“เอ่อ.. อาก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“คุณรินจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อคุณรินยังไม่ได้แต่งงาน”
ดารินถลึงตามองจ๊ะเอ๋ซึ่งหัวเราะคิกคัก
“งั้นเราเข้าไปดูกันดีมั้ยคะ ตะวันอยากเห็นจัง” ตะวันว่า
“ว้าย ไม่ได้หรอกค่ะคุณตะวัน มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กๆดูไม่ได้”
“ตอนรดน้ำสังข์ยังดูได้เลย”
“อาว่าตะวันไปนอนได้แล้วล่ะจ้ะ นี่มันดึกมากแล้ว มัวแต่ตื่นเต้นซะจนไม่ง่วงเลยล่ะสิ” ดารินพยายามตัดบท
“จริงด้วยค่ะ นอนดีกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาถามคุณรวิว่าเข้าหอสนุกมั้ย” จ๊ะเอ๋พูดแล้วหัวเราะคิกคัก
ภายในห้อง รวิปรียายังคงนั่งนิ่ง มือกำชายกระโปรง เริ่มกระอักกระอ่วนใจ อึดอัดที่ต้องอยู่กับเทวาสองต่อสอง ส่วนเทวาผุดลุกผุดนั่งอยู่ไม่สุข สักพักเทวาก็ตัดสินใจลุกขึ้น ถอดเสื้อสูทออก
“ผมไม่ไหวละ”
รวิปรียาสะดุ้ง “คุณจะทำอะไรน่ะ”
“จะอาบน้ำน่ะสิ อยู่แบบนี้อึดอัดจะแย่ ร้อนก็ร้อน”
รวิปรียากลัวว่าเทวาจะถอดเสื้อตรงหน้าเธอ รีบพูด
“งั้นฉันขออาบก่อน”
“เชิญ” เทวาผายมือให้
รวิปรียารีบเข้าห้องน้ำไปทันที เทวามองตาม ส่ายหัวกับท่าทีพิลึกของรวิปรียา
รวิปรียาอยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ โผล่หน้ามาจากประตูห้องน้ำเพื่อดูลาดเลาก่อน ไม่เห็นเทวาอยู่ในห้องก็ถอนหายใจ แต่ก็คว้าผ้าขนหนูมาพันรอบตัวด้วยอีกชั้นนึงเผื่อไว้
เธอเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดนอน หยิบชุดนอนเซ็กซี่ที่อยู่บนไม้แขวนออกมามอง
“หูว์.. ไม่ไหวนะรวิ เซ็กซี่ไป”
เธอรีบเอาชุดนอนเซ็กซี่เก็บเข้าตู้แล้วหาชุดอื่นอยู่สักพัก หยิบได้ชุดนอนแบบเสื้อกางเกงสีเข้าชุด ดูมิดชิด
“นี่ก็โบราณซะ”
รวิปรียาค้นตู้อีกรอบ ได้เสื้อกล้ามกับกางเกงมาชุดหนึ่ง
“นี่ละกัน”
ว่าแล้วเธอก็ผลุบหายเข้าห้องน้ำไปอีกรอบ
รวิปรียาเปลี่ยนชุดเรียบร้อย อยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงผ้ายืดสำหรับใส่นอน มองตัวเองในกระจก
“นี่แหละ ดูไม่เป็นมนุษย์ป้า แล้วดูไม่จงใจเชื้อเชิญ”
เธอมองกระจกไปมา เริ่มกังวลขึ้นมาอีก ก่อนรีบไปเปิดตู้ ดึงเสื้อยืดตัวหนึ่งออกมาสวมทับ เสร็จปุ๊บ เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นพอดี รวิปรียาสะดุ้งโหยง ตื่นเต้น.. เทวากลับมาแล้ว
“มาแล้ว”
เธอมองซ้ายมองขวาลนลาน แล้วคว้าเสื้อแจ็คเก็ตออกมาสวมทับไปอีกชั้น
เทวาเปิดประตูเข้ามาพอดี เห็นภาพรวิปรียากำลังสวมสเวตเตอร์ตัวหนา ดูเทอะทะ
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคุณ ทำไมต้องใส่เสื้อซะแน่นขนาดนั้น”
รวิปรียาแก้ตัว “ฉัน..ฉันหนาวน่ะ”
เทวายิ้มขำ แล้วก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น
“หนาวเหรอ หนาวหรือว่ากลัวว่าผมจะทำอะไรกันแน่”
“มะ ไม่ใช่อย่างนั้น”
ยิ่งรวิปรียาหน้าตาตื่น เทวายิ่งอยากจะแกล้ง เขาเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตรงหน้ารวิปรียา
รวิปรียาตกใจตาเบิ่งค้าง “นี่คุณ! จะทำอะไร”
“จะอาบน้ำน่ะสิ”
“แล้วมาถอดเสื้อตรงนี้เนี่ยนะ”
“ปกติตอนอยู่คนเดียว ผมก็ถอดตรงนี้ทุกวันอยู่แล้ว”
รวิปรียาเดินหนีไปทางเตียงนอน “แต่ตอนนี้คุณไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว”
“ใช่ ผมกำลังอยู่ในห้องนี้สองต่อสองกับคุณไง” เขาเดินตามรวิปรียามาที่เตียง “ทำไม กลัวเหรอ.. นี่มันเป็นเรื่องปกติของคนเป็นสามีภรรยากัน อีกหน่อยเราก็ต้องเห็นอะไรๆ ของกันและกันมากกว่านี้”
เทวาเดินเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รวิปรียาถอยหลังหนี
“อย่านะ”
เทวาเอื้อมมือจับไหล่รวิปรียา เท้ารวิปรียาสะดุดเข้ากับเตียงแล้วเสียหลักล้มลงบนเตียง พาเอาเทวาลงไปด้วย ร่างของรวิปรียาถูกร่างของเทวาทับอยู่
“นี่คุณไม่รู้จริงๆหรือว่า คืนส่งตัวเข้าหอแบบนี้ เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวเขาต้องทำอะไรกัน”
รวิปรียาเริ่มกลัว
“ผมบอกคุณไปแล้วนี่ ว่าการแต่งงานมันไม่ใช่แค่การมานั่งมองตากันหรือแค่จับมือกัน แต่มันมีอะไรที่มากกว่านั้น” เขามองที่เสื้อรวิปรียา “คิดว่าใส่ซะหลายชั้นขนาดนี้ มันจะช่วยอะไรคุณได้หรือไง”
เทวาก้มหน้าลงไปทำท่าเหมือนจะจูบ แต่รวิปรียาหันหน้าหนีไปอีกทาง เทวาจึงหอมแก้มและลำคอ รวิปรียาไม่กล้าเลี่ยงแต่ก็ไม่พร้อม จึงได้แต่หลับตากลัวๆ หันหน้าไปทางอื่น
เทวามองยิ้มๆ ได้ใจ เป็นโอกาสของเขาแล้ว แต่แล้วคำพูดของอิงอรตอนรดน้ำสังข์ก็ดังขึ้นมาในหัว
“ตอนนี้แม่ได้วางดวงใจของแม่ในมือคุณเทวาแล้ว หวังว่าคุณจะรักและทนุถนอมดวงใจดวงนี้เหมือนอย่างที่แม่เคยทำ ฝากรวิด้วยนะคะคุณเทวา”
คำพูดของอิงอรเตือนสติไม่ให้เขาทำร้ายความรู้สึกรวิปรียา เทวาชะงักแล้วค่อยผละออกจากรวิปรียาเบาๆ
รวิปรียาลืมตาขึ้น ไม่เข้าใจว่าเทวาเป็นอะไรแน่
“คุณพักผ่อนเถอะ ผมจะไปนอนห้องอื่น”
เทวาลุกออกจากเตียง แล้วออกจากห้องนอนไป รวิปรียาลุกขึ้นนั่งมองตามไปไม่เข้าใจอารมณ์เทวา
เทวาเดินเล่นอยู่ในสวน นอนไม่หลับ อึดอัดกลัดกลุ้ม บางครั้งก็ถอนหายใจ ผ่านเวลา... กับอิริยบทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เดิน ยืน นั่ง ไปมา เหมือนคนที่คิดไม่ตก ว่าจะทำยังไงต่อไปดี ใจหนึ่งก็รัก ใจหนึ่งก็คิดจะแก้แค้นให้น้องสาว
ฝ่ายรวิปรียา เปลี่ยนชุดอยู่ในชุดนอนเสื้อกล้าม นอนพลิกไปพลิกมาบนเตียง นอนไม่หลับ
เธอพลิกไปตัวด้านหนึ่ง ใจหนึ่งก็โล่งอก
“รอดตัวจนได้นะเรา”
เทวายืนขึ้นถอนหายใจ เงยหน้ามองไปที่ห้องนอนของเขาซึ่งรวิปรียานอนอยู่ แสงไฟในห้องเพิ่งดับลง เทวายืนมองอยู่อย่างนั้น
“ผมควรทำยังไงกับคุณดี รวิปรียา”
ที่อพาร์ทเม้นท์ในอเมริกา ดาวิกากดโทรศัพท์ออกหาเทวา
เทวารับสาย ที่หน้าจอโทรศัพท์มีภาพของเทวาปรากฏขึ้น
เทวา คุยfacetime กับดาวิกาอยู่ในห้อง ภาพของดาวิกาอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์
“ดา..นี่ดาหายไปไหนมาตั้งหลายวัน พี่พยายามโทร. หาดาตั้งหลายครั้ง แต่ดาปิดเครื่องไม่รับสาย ไม่โทร.กลับพี่เลย”
“ดาไปโรงพยาบาลมาค่ะ แล้วหมอขอให้พักผ่อน ดาเลยปิดเครื่องชั่วคราว”
“โรงพยาบาล ? เกิดอะไรขึ้น”
ดาวิกาชูข้อมือที่มีผ้าพันแผลให้ดู
เทวาตกใจ “ดา..! นี่ดาทำร้ายตัวเองอีกแล้วเหรอ”
“ดาไม่เป็นไรแล้วค่ะพี่เทวา ตอนนั้นดาน็อตหลุดไปหน่อย”
“ดาอยากให้พี่ไปหาไหม พี่จะบินไปให้ด่วนที่สุด”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ บอกแล้วไงคะว่าตอนนี้ดาโอเคแล้ว แต่ที่ดาต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะผู้หญิงคนนั้น” ดาวิกาเพิ่งสังเกตว่าเทวาอยู่คนเดียว “นี่พี่เทวาไม่ได้นอนห้องเดียวกับเขาหรือคะ”
“เปล่า”
“ผู้หญิงคนนั้นคงจะพยายามทำทุกวิถีทางให้พี่เทวาต้องหลงเสน่ห์เขา พี่เทวาห้ามใจอ่อนเป็นอันขาด พี่ต้องทำให้ผู้หญิงคนนั้นหลงรักพี่ แล้วก็มีชีวิตอยู่อย่างหวาดระแวง ถูกหักหลังจากคนที่ตัวเองรัก ต้องนอนร้องไห้จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด เขาจะได้รู้ซะทีว่า การใช้ชีวิตที่เจ็บปวดยิ่งกว่าตายทั้งเป็น มันเป็นยังไง”
“ดา.. พี่ว่าดาอย่าเอาแต่เจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้เลย มันไม่ดีกับตัวดาเอง”
“ทำไมคะ หรือว่าพี่เทวาจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับดา”
“พี่ไม่ได้จะผิดสัญญา แต่พี่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีของพี่เอง ฟังนะดา อะไรที่จะช่วยให้ดาดีขึ้นได้ พี่จะทำทุกอย่าง แต่พี่ขอร้องนะดา อย่าทำร้ายตัวเองอีก”
“ตราบใดพี่เทวายังทำตามสัญญาของเรา ดาก็สัญญาว่าดาจะไม่ทำร้ายตัวเองแบบนั้นอีก”
เทวาวางสายจากดาวิกาแล้วแต่ยังลำบากใจ และรู้สึกหนักใจที่ดาวิกาสร้างเงื่อนไขกับเขา
บรรยากาศเช้าวันใหม่ที่บ้านบริรักษ์
บรม ดาริน ตะวัน นั่งกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร สีหน้าทุกคนสดชื่น ตื่นเต้นกับสมาชิกใหม่
รวิปรียานั่งอยู่ที่เก้าอี้ใกล้กับตะวัน รู้สึกวางตัวไม่ถูกที่ทุกคนในบ้านต่างจับจ้องมองเธอ
“พี่เทวายังไม่ตื่นหรือคะ คุณรวิ” ดารินถาม
“เอ่อ ...” รวิปรียายังไม่ทันตอบ ทำหน้าไม่ถูก บรมสังเกตเห็นคิดว่ารวิเขิน จึงชิงพูด
“เรียกซะห่างเหินเชียวยัยริน ตอนนี้รวิเขาเป็นพี่สะใภ้เราเต็มตัวแล้วนะ”
“จริงด้วย รู้ไหมคะ พี่รวิน่ะเป็นไอดอลของรินมาตลอดเลย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนนี้พี่รวิมาเป็นพี่สะใภ้ของรินแล้ว”
“งั้นตะวันก็ต้องเรียกน้ารวิว่าคุณแม่ด้วยสิคะ”
บรมกับดารินหัวเราะชอบใจ
“รอคำนี้มานานแล้วสินะเรา” บรมรูปหัวหลานสาวอย่างเอ็นดู
“ต่อไปนี้ตะวันก็เป็นลูกสาวของคุณแม่แล้วนะคะ”
“เย้ๆๆ ตะวันมีแม่เหมือนคนอื่นแล้ว”
เทวามาสมทบที่โต๊ะอาหาร ทำตัวสบายๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่งลง จ้ะเอ๋ เสิร์ฟกาแฟ
“คุณพ่อมาแล้ว คุณพ่อขา ส่งตัวเข้าหอเมื่อคืนสนุกมั้ยคะ”
บรมกับดารินแอบขำ รวิปรียาเขิน เทวาหน้าตาตื่น สำลักกาแฟ
“ใครสอนให้พูดจาอะไรแบบนี้ ตะวัน” เทวาเหล่มองจ้ะเอ๋ที่รีบหลบตา
“ทำไมถึงพูดไม่ได้คะคุณพ่อ” ตะวันทำหน้า งง สุดขีด
“เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีก เข้าใจไหมตะวัน”
ตะวันพยักหน้ารับ แม้จะยังไม่เข้าใจนัก เทวาก้มหน้ารีบกินอาหารเหมือนไม่อยากสนทนาอะไรอีก
บรมมองเทวา “ว่าแต่ทำไมแต่งตัวแบบนี้ จะออกไปทำงานเหรอ”
“ครับ คุณพ่อ”
“แต่แกเพิ่งแต่งงานเมื่อวานนี้นะ”
“นั่นสิ หลังแต่งงานปุ๊บก็ไปทำงานปั๊บเลยเหรอคะพี่เทวา ที่ออฟฟิศมีอะไรด่วนหรือไง”
“แล้วนี่จะพาหนูรวิไปฮันนมูนที่ไหน เมื่อไหร่ คิดไว้หรือยัง”
“คงไปไม่ได้หรอกครับ เพราะช่วงนี้ผมมีงานหลายโปรเจกต์ที่ต้องจัดการ”
“อะไรของแกเนี่ยเทวา”
“เรื่องนี้รวิคงเข้าใจดี ... ใช่ไหมจ๊ะ”
รวิปรียาอึกอัก งงๆ ตอบไม่ถูก เทวาลุกขึ้นจะไปทำงาน และจุ๊บหัวรวิปรียาแบบเฟคๆต่อหน้าคนอื่นๆ ก่อนจะเดินออกไป รวิปรียารู้สึกแปลกๆกับท่าทีของเทวา
“อะไรของมัน”
ประเทศสหรัฐอเมริกา เพชรแท้นั่งหลบอยู่มุมหนึ่งในบริเวณห้องสมุด เพื่อคุยกับรวิปรียาทางโทรศัพท์
“สวัสดีครับพี่รวิ”
ภาพของเพชรแท้ปรากฏอยู่บนหน้าจอแทบเล็ตของรวิปรียา รวิปรียาคุยกับเพชรแท้ผ่านวิดีโอคอล เพชรแท้โบกมือให้ ด้านหลังเป็นชั้นหนังสือในห้องสมุดมหาวิทยาลัย
“เป็นไงบ้างเพชร นี่อยู่ที่ไหนเนี่ย”
“ห้องสมุดครับพี่รวิ”
“อะไรกัน ที่นั่นเพิ่งจะเก้าโมงเช้าไม่ใช่เหรอ ทำไมไปห้องสมุดเช้าขนาดนั้น”
“เพราะน้องชายพี่รวิขยันไงครับ อยากจะเอาปริญญาเอกไปฝากพี่ไวๆไง”
“จ้า”
“เสียดายที่ผมไม่ได้ไปงานแต่งงานพี่ เป็นไงบ้างครับ วันแรกของการแต่งงาน”
“ไม่รู้สิ ก็แปลกๆอยู่เหมือนกันที่ต้องมาอยู่บ้านที่ไม่ใช่บ้านเรา”
“เดี๋ยวก็ชินครับพี่ เขาว่ากันว่า ที่ไหนที่มีคนที่เรารัก ที่นั่นก็คือบ้าน ผมขออวยพรให้พี่รวิมีความสุขมากๆนะครับ”
“ขอบใจมากจ้ะเพชร”
ระหว่างนั้นตะวันยื่นหน้าโผล่มาเยี่ยมๆมองๆ ทางด้านหลังรวิ
เพชรแท้เห็นตะวันผ่านจอ
“แล้วนั่นใครเอ่ย”
“ตะวันจ้ะ ลูกสาวพี่เอง” รวิปรียาจับมือตะวันให้มานั่งหน้าจอด้วยกัน
“อะไรกัน แต่งงานได้วันเดียวมีลูกโตซะแล้ว”
“ใช่ รีบๆมี จะได้โตทันใช้ไงล่ะ ตะวัน สวัสดีน้าเพชรสิคะ”
ตะวันยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ ใครอ่ะคะคุณแม่”
“น้าเพชรจ้ะ เป็นน้องชายแม่รวิเองค่ะ”
“ตะวันไม่เห็นมีน้องชายมั่งเลย”
“ตะวันอยากมีน้องชายเหรอ งั้นก็บอกคุณพ่อสิว่าอยากมีน้อง คุณพ่อจะได้รีบหาน้องคนใหม่มาให้ตะวัน”
“จริงหรือคะ คุณพ่อจะหาน้องชายมาให้ตะวันได้จริงๆหรือคะ”
รวิปรียาปรามๆ “เพชร”
ตะวันพูดคุยกับเพชรแท้ผ่านจอหัวเราะสนุก
คืนนั้น เทวานั่งดื่มอยู่ตามลำพังในบาร์
นึกถึงเหตุการณ์ที่เขาจูบรวิปรียาที่บาร์นี้เมื่อครั้งก่อน
นึกถึงคำพูดของเพชรพริ้งที่ว่า
“พริ้งแค่อยากเตือนว่า รวิปรียาไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี ไม่คู่ควรกับคุณ พริ้งเคยเล่าให้คุณฟังแล้วนี่คะว่ารวิเขาเป็นยังไง ผู้หญิงคนนี้เป็นพวกร้อยเล่ห์มารยา หว่านเสน่ห์ใส่ทุกคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชาย เขาถึงขนาดเคยทำให้ผู้ชายคนหนึ่งต้องกระโดดตึกฆ่าตัวตายมาแล้ว”
เทวาสะดุดหูกับคำพูดนั้น แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้เพราะรู้ว่ารวิปรียาใกล้จะมาแล้ว
“แล้วคุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง”
เพชรพริ้งอึกอัก หาข้อแก้ตัวเล็กน้อย
“พริ้งอยู่บ้านเดียวกับรวินะคะ แล้วก็เรียนมหาลัยเดียวกันด้วย มีเรื่องที่พริ้งรู้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ”
เทวาตัดสินใจกดโทรศัพท์หาเพชรพริ้ง
เทวาพูดโทรศัพท์ “คุณพริ้งหรือครับ”
เวลาเดียวกัน ทางด้านรวิปรียานั่งคอยเทวากลับบ้านอยู่ที่ห้องรับแขก ตะวันนั่งเล่นอยู่เป็นเพื่อน แต่ก็หาวหวอดๆ รวิปรียามองตะวันด้วยความเอ็นดู
“ไปนอนได้แล้วล่ะจ้ะตะวัน เดี๋ยวแม่พาไปนอนนะ”
“ แต่ตะวันอยากรอคุณพ่อเป็นเพื่อนคุณแม่รวิค่ะ”
“แต่นี่มันดึกแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นไปโรงเรียนไม่ทันนะคะ”
รวิปรียากำลังจะลุกขึ้นจูงมือตะวันพาไปนอน แต่ดารินเพิ่งกลับเข้าบ้านร้องทักขึ้น
“ทำไมมาอยู่ตรงนี้กันล่ะคะ”
“พวกเรารอคุณพ่ออยู่ค่ะอาริน”
“อะไรกัน ก็ออกมาจากออฟฟิศตั้งนานแล้วนี่ ทำไมยังไม่ถึงบ้านอีก”
“พี่พาตะวันขึ้นนอนก่อนนะคะ นี่ก็เลยเวลานอนมาแล้ว”
ดารินพยักหน้ารับ มองตามรวิปรียาจูงมือตะวันขึ้นบันไดไป
“พี่เทวานะพี่เทวา เพิ่งแต่งงานแท้ๆ ทำไมกล้าทำแบบนี้”
เธอกดโทรศัพท์หาเทวาทันที
โทรศัพท์เทวาที่วางอยู่บนโต๊ะด้านหน้าเทวา มีสัญญานไฟเรียกเข้ากระพริบดังขึ้น เป็นชื่อดารินโทรมา
เทวามองโทรศัพท์เฉยๆ ไม่รับสาย เทวานั่งอยู่กับเพชรพริ้งอยู่แล้ว
“พริ้งดีใจที่สุดเลยค่ะ ที่คุณโทรชวนพริ้งออกมา”
“ผมดื่มคนเดียวแล้วรู้สึกเหงาๆน่ะครับ ก็เลยนึกถึงคุณพริ้ง”
เพชรพริ้งซบไหล่อ้อนๆ
“คุณนี่น่ารักจัง ว่าแต่ฟังดูแปลกๆนะคะ ผู้ชายที่เพิ่งแต่งงานกลับบอกว่าตัวเองเหงา”
เทวาไม่ได้ตอบอะไร
“พริ้งอยากจะเตือนคุณตั้งแต่งานแต่งงานแล้ว แต่ไม่มีโอกาส พริ้งอยากให้คุณระวังรวิเอาไว้ให้ดี”
“ระวังเรื่องอะไรครับ”
“เหตุผลเดียวที่รวิเขาแต่งงานกับคุณก็คือ เพื่อเอาชนะพริ้ง เขาไม่ได้รักคุณหรอกค่ะ”
เทวาเจ็บแปลบในใจ ระแวงเรื่องนี้มาก่อนแล้ว
“สักวันหนึ่งเขาจะทำให้คุณต้องเสียใจแทบบ้า เหมือนที่เคยทำกับนิมมานและพศิน”
“พศิน..?”
“ชื่อผู้ชายคนนั้นไงคะ ที่พริ้งเคยเล่าให้คุณฟังว่ากระโดดตึกตายเพราะรวิ”
ดารินกดวางสายอย่างรู้สึกขัดใจ
“ไม่รับสายแล้วคิดว่าจะรอดงั้นเหรอ มีคนนึงที่ต้องรู้ว่าพี่เทวาอยู่ไหน”
ดารินกดหาชื่อเมฆาในเครื่องแล้วกดโทรออก รอสักพักก็มีคนรับสาย
“คุณเมฆาหรือคะ รู้ไหมคะว่าตอนนี้พี่เทวาอยูที่ไหน”
เทวายังคงนั่งคุยกับเพชรพริ้งอยู่ เพชรพริ้งใส่ไฟอย่างหนัก
“พศินเขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนของรวิน่ะค่ะ รวิจะคอยปั่นหัวให้พศินหลงรัก ก็คงจะแบบ..เอาตัวเข้าหลอกล่อจนมีอะไรกันน่ะค่ะ แต่รวิเองเขาก็ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไร พอรวิทิ้งพศินไปเรียนต่ออเมริกา พศินเขาทำใจไม่ได้ก็เลยกระโดดตึกฆ่าตัวตาย”
เทวาฟังเรื่องจากปากของเพชรพริ้ง ยิ่งมั่นใจว่า รวิปรียาเป็นต้นเหตุ
“แต่รวิเขาไม่แคร์หรอกค่ะ ขนาดผู้ชายของตัวเองตายไปทั้งคน ยังบินไปอเมริกาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ทุกคนก็คงลืมเรื่องของพศินไปหมดแล้ว”
เทวาเหมือนพูดกับตัวเอง “ไม่ทุกคนหรอก”
“คุณเทวาว่าอะไรนะคะ”
“ผมหมายความว่า ต่อให้ใครๆจะลืมเรื่องบางเรื่อง แต่ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ คนทำผิดก็ควรจะต้องชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำ”
ต่อมา ดารินจูงมือรวิปรียาออกมาจากตัวบ้าน เพื่อไปขึ้นรถที่จอดอยู่ตรงชานบันได
“อย่าไปเลยค่ะคุณริน ทำแบบนี้มันจะดูไม่ดีนะคะ”
“คนที่ทำตัวไม่ดีคือพี่เทวาต่างหากค่ะ แต่งงานได้แค่คืนเดียวยังมีอารมณ์หนีเมียไปเที่ยว ปล่อยให้พี่รวินั่งเหงาอยู่ที่บ้านแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”
“คุณเทวาเขาคงมีธุระจริงๆ”
“อยู่ที่บาร์เนี่ยนะคะมีธุระ มีหรือไม่มีเราต้องไปให้เห็นกับตาค่ะ ถ้าคุยงานจริงก็แล้วไป แต่ถ้าทำอย่างอื่นอยู่พี่รวิพาตัวกลับบ้านมาเลยนะคะ”
“แต่ว่า...”
“ไปเถอะค่ะ งานนี้รินอยู่ข้างพี่รวิเต็มที่”
ดารินเปิดประตูฝั่งคนนั่งให้รวิปรียาเสร็จสรรพ รวิปรียาจำต้องขึ้นไปแม้จะไม่สบายใจนัก
ดารินอ้อมไปขึ้นรถด้านคนขับ แล้วขับรถออกไป
ดารินกับรวิปรียามาถึงด้านในของบาร์แห่งนั้น ทั้งคู่มองไปรอบๆ เห็นเทวานั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่ง มีหญิงสาวคลอเคลียอยู่ข้างๆ พอหญิงสาวคนนั้นหันหน้าให้เห็นชัดก็เห็นว่าเป็นเพชรพริ้ง
รวิปรียาไม่พอใจและไม่เข้าใจว่าเทวาทำอะไรของเขา แต่ก่อนจะได้ทำอะไร ดารินก็เดินตรงไปทางเทวาแล้ว
เพชรพริ้งกำลังกุมมือเทวา ออกอาการกระฟัดกระเฟียด
“ถ้าเรานัดกันคราวหน้า พริ้งอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปทานข้าวที่บ้านคุณบ้าง จะได้ไหมคะ”
เทวาคิดถึงการใช้ประโยชน์จากเพชรพริ้งในครั้งต่อไป
“ถ้ามีโอกาสที่เหมาะสมเมื่อไหร่ ผมจะเชิญคุณมาที่บ้านเอง”
เสียงดารินขัดขึ้น
“พี่เทวาคะ นี่มันอะไรกัน” ดารินมองเพชรพริ้งอย่างไม่พอใจ
รวิปรียาตามมาที่โต๊ะ เทวากับเพชรพริ้งหันมอง เทวาไม่คิดว่ารวิปรียาจะมา เพชรพริ้งเบะปากใส่รวิปรียาอย่างสะใจ
“รินขอคุยด้วยหน่อยค่ะ”
ดารินดึงตัวเทวาออกไปด้วยกันทันที ไม่รอให้เทวาตั้งตัว
เหลือไว้แต่รวิปรียากับเพชรพริ้งที่มองหน้ากัน
ดารินดึงเทวามาที่มุมหนึ่งเงียบๆ แล้วยิงคำถามรัวๆ
“ทำไมพี่เทวาทำแบบนี้ พี่เป็นอะไรของพี่ โดนยัยเพชรพริ้งทำเสน่ห์ใส่ หรือสมองกระทบกระเทือนตรงไหนหรือเปล่า”
“ไร้สาระน่ายัยริน”
“แต่พี่เทวาที่รินรู้จักไม่ใช่แบบนี้”
“หมดเรื่องหรือยัง พี่จะได้กลับไปกินเหล้าต่อ”
“ยัง รินจะหมดเรื่องก็ต่อเมื่อพี่เทวากลับบ้านพร้อมกับพี่รวิเดี๋ยวนี้”
“นี่เธอกลายเป็นผู้ช่วยของรวิปรียาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่ที่พี่ตัดสินใจแต่งงานกับเขา แล้วเขาก็มาเป็นพี่สะใภ้ของรินน่ะสิคะ รินจะช่วยพี่สะใภ้ตัวเองน่ะไม่แปลก แต่ที่พี่เทวาออกมากับผู้หญิงคนอื่นหลังวันแต่งงานของตัวเองนี่แหละค่ะที่แปลก ถ้าพี่เทวาไม่กลับ รินจะโทรฟ้องคุณพ่อเดี๋ยวนี้”
ดารินพูดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมกดทันที
“จะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไมยัยริน”
“ถ้าไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็พาพี่รวิกลับบ้านสิคะ หรือจะต้องให้รินคุยกับคุณพ่อ”
ดารินทำท่าจะกดหาบรมจริงๆ แต่เทวารีบดึงโทรศัพท์มาจากมือดารินแล้วกดตัดสายทิ้ง
“โอเคๆ”
“ก็แค่นี้แหละ”
ที่โต๊ะของเทวา รวิปรียานั่งอยู่ตรงข้ามกับเพชรพริ้งระหว่างรอดาริน เพชรพริ้งกำลังเป็นต่อ แต่รวิปรียาก็ทำท่าเหมือนใจเย็น
“เธอนี่ทำหน้าที่เมียได้ดีมากเลยนะรวิปรียา แต่งงานได้แค่คืนเดียวก็ทำเอาคุณเทวาถึงกับแจ้นหนีออกมานอกบ้าน”
“ก็แค่สามีอยากออกมาเที่ยวกลางคืนบ้าง ไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นตรงไหน”
“ถ้าไม่ตื่นเต้นเธอคงไม่แล่นมาเสนอหน้าถึงที่นี่”
“ถ้าไม่มาก็คงไม่รู้น่ะสิว่าผู้หญิงที่มารอรับเศษของเหลือจากฉันเป็นใคร แต่พอเห็นว่าเป็นเธอฉันก็ไม่แปลกใจหรอก เพราะผู้หญิงอย่างเธอคงทำอย่างอื่นไม่เป็นนอกจากคอยทำตัวเป็นแมวขโมย”
“เหรอ แต่หลังจากคืนส่งตัวเข้าหอ สามีเธอก็เลือกที่จะมาอยู่กับแมวโขมยอย่างฉัน แทนที่จะอยู่กับพวกผีดิบจืดชืดเย็นชาอย่างเธอ”
เทวากลับเข้ามาถึงโต๊ะพอดี เขาหยุดอยู่ใกล้พอที่จะได้ยินเสียงสองสาวคุยกัน
“ใช้สมองหน่อยสิพริ้ง ถ้าคุณเทวาเขาสนใจเธอจริง เขาคงไม่เลือกแต่งงานกับฉันหรอก”
“อย่าลำพองเกินไปนักรวิ คิดหรือว่าคุณเทวาเขาแต่งงานกับเธอเพราะความรัก ที่เขาแต่งงานกับเธอก็เพราะหวังผลทางธุรกิจเท่านั้น”
รวิปรียาทำใจแข็ง เหมือนไม่แคร์
“ฉันไม่สนใจหรอกว่าเขาจะแต่งงานกับฉันเพราะอะไร ส่วนฉัน..แค่เอาชนะเธอได้ ฉันก็มีความสุขมากแล้ว”
ประโยคนั้นของรวิปรียาทำเอาเทวาหน้าตึง ลึกลงไปก็เสียใจ
เพชรพริ้งเหลือบสายตาไปเห็นเทวา รวิปรียามองตามแล้วตกใจเล็กน้อยที่รู้ว่าเทวาคงได้ยิน
เทวาเข้ามาดึงแขนรวิปรียาออกไป
“คุณมาตามผมกลับบ้านไม่ใช่เหรอ ไปสิ”
เทวาดึงแขนรวิปรียาออกไป ท่ามกลางความไม่พอใจของเพชรพริ้ง
“คุณเทวา เดี๋ยวสิคะ คุณเทวา”
ดารินเพิ่งตามออกมา เห็นเพชรพริ้งถูกทิ้งไว้ตามลำพังก็เบะปากใส่ แล้วมองตามคู่เทวากับรวิปรียาไปอย่างเป็นห่วงสถานการณ์
รวิปรียานั่งอยู่ข้างๆเทวาในรถ ซึ่งเทวาเป็นคนขับ เธอเหลือบมองหน้าเคร่งขรึมของเทวา เทวาดูโกรธๆไม่พูดอะไรสักคำ
รวิปรียาคิดในใจ เริ่มกังวล “เขาได้ยินที่เราพูดหรือเปล่า”
เทวาคิดในใจโดยไม่หันมองหน้า
“พูดออกมาได้หน้าตาเฉย ว่าแต่งงานกับเราเพราะต้องการเอาชนะคนอื่น”
รวิปรียาคิดในใจ “สงสัยจะได้ยินจริงๆ ถึงได้เงียบแบบนี้ ท่าทางจะโกรธจริงซะด้วย”
เธอเหลือบตามองเทวาอีกครั้ง เหมือนจะรู้สึกผิด ทำท่าจะเอ่ยปากอธิบาย แต่แล้วก็รู้สึกตัวหันหน้าหนี
รวิปรียาคิดในใจ “แต่เดี๋ยวนะ ฉันต่างหากล่ะที่ต้องโกรธ”
เสียงของเพชรพริ้ง ดังเข้ามาในหัว
“อย่าลำพองเกินไปนักรวิ คิดหรือว่าคุณเทวาเขาแต่งงานกับเธอเพราะความรัก ที่เขาแต่งงานกับเธอก็เพราะหวังผลทางธุรกิจเท่านั้น”
รวิปรียาคิดในใจ “หวังผลทางธุรกิจงั้นเหรอ”
รวิปรียาเริ่มหน้างอบ้างเช่นกัน
ต่อมา รวิปรียาเข้ามาในห้องนอน เทวาตามหลังมาติดๆ ท่าทางอารมณ์ไม่ดี ไม่ค่อยพอใจ
“ในหัวคุณคิดแต่เรื่องจะเอาชนะหรือไง”
“แล้วในหัวคุณล่ะ มีแต่เรื่องธุรกิจหรือไง”
เทวาประชด “ใช่”
“แค่อยากควบรวมกิจการไม่เห็นจะต้องลงทุนมาแต่งงานกับฉันเลย”
“ผมไม่ได้แต่งงานกับคุณเพราะเรื่องนั้น”
“แล้วคุณมาแต่งงานกับฉันทำไม”
“เพราะผม...” เขามองรวิปรียาเหมือนอยากส่งกระแสจิตให้รู้ว่า เพราะผมชอบคุณ “เพราะผม.. ผมต้องการจะรับผิดชอบคุณเรื่องคืนนั้นที่คอนโดผม ผมกลัวคุณจะท้องขึ้นมาน่ะสิ”
รวิปรียาอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็ตอกกลับอย่างเจ็บๆ
“ทำไม กลัวฉันจะเอาลูกมาให้คุณเลี้ยงเหมือนแม่ของตะวันงั้นเหรอ ฉันไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นของคุณหรอกนะ ต่อให้ฉันท้อง ฉันก็ดูแลลูกฉันเองได้”
คำพูดนั้นเหมือนตอกหมุดเข้ากลางใจเทวา ท่าทีเขาเปลี่ยนเป็นกร้าวขึ้น ก้าวเข้ามาใกล้ขึ้น มองรวิปรียาดุๆ
“คุณไม่รู้อะไรก็อย่าพูดดีกว่า แล้วอย่าเอ่ยถึงเรื่องแม่ของตะวันอีกเป็นอันขาด”
ทั้งคู่มองตากัน รวิปรียาสังเกตเห็นความหวั่นไหวของเทวา เทวาหันหลังออกจากห้องไป รวิปรียาพูดพึมพำกับตัวเองตามหลังเทวาไป
“รักเขามากล่ะสิ ทำไมไม่แต่งงานกับเขาไปซะเลยล่ะ”
บรรยากาศประเทศสหรัฐอเมริกา
ในห้องพักของดาวิกา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอเดินมาหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะ แล้วกดรับสาย
เพชรแท้ที่กำลังเดินอยู่ในทางเดินหน้าห้องในอพาร์ทเม้นท์ ขณะโทรศัพท์คุยกับดาวิกา
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีขึ้นมากแล้วค่ะ”
“แล้วแผลคุณล่ะ”
“แผลเริ่มแห้งแล้วค่ะ”
“เช้านี้คุณทายาที่แผลหรือยัง กินยาครบตามที่หมอสั่งหรือเปล่า ยาก่อนอาหารต้องกินก่อนครึ่งชั่วโมงนะ นี่ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว อีกสักพักก็ควรกินยาได้แล้ว”
ดาวิกาขำ
“รู้แล้วค่ะ คุณโทร.มาพูดแบบนี้ตั้งแต่เช้าแล้วนะ คิดจะโทรหากันทุกชั่วโมงเลยหรือไง”
“ก็ใช่น่ะสิครับ ผมเคยพูดไว้แล้วว่าจะโทรหาคุณทุกชั่วโมง ก็ต้องทำตามนั้น”
“แล้วที่บอกว่าจะมาหาทุกวันล่ะคะ”
“ก็มาแล้วไง เปิดประตูสิ”
ดาวิกาแปลกใจ พอเธอไปเปิดประตูห้องก็พบว่าเพชรแท้ยืนอยู่ที่หน้าห้องแล้ว ทั้งคู่กดวางสายโทรศัพท์ ดาวิกายิ้มออก
“นึกว่าวันนี้จะไม่มาซะแล้ว”
เพชรแท้ชูถุงใส่ผัก ผลไม้ที่หิ้วมาด้วยให้ดาวิกาดู
“วันนี้มาช้าหน่อยเพราะมัวแต่ไปซื้อของพวกนี้อยู่”
“ซื้อมาทำอะไรคะ”
“ทำอาหารให้คุณกินไง”
เพชรแท้เข้ามาในห้องอย่างคุ้นเคย ตรงไปที่ครัวเตรียมจะทำอาหาร ดาวิกามองตาม รู้สึกดี
ต่อมา ดาวิกากับเพชรแท้นั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันในอพาร์ทเม้นท์
มีอาหารพวกสลัด พาสต้าง่ายๆ วางอยู่บนโต๊ะอาหาร
“ชิมดูสิครับว่ารสชาติเป็นไงครับ”
ดาวิกาลองตักอาหารเข้าปากคำหนึ่ง แล้วทำหน้าบอกไม่ถูก
เพชรแท้ซึ่งรอลุ้นอยู่ ถึงกับหน้าถอดสี
“เป็นไงบ้าง ทำไมทำหน้าแบบนั้น ไม่อร่อยเหรอ”
ดาวิกายิ้มออกมา “อร่อยมากจนดาแปลกใจต่างหากล่ะคะ”
“ค่อยยังชั่วหน่อย คราวก่อนผมแอบดูในตู้เย็นคุณ เห็นมีแต่พวกอาหารแช่แข็ง ก็เลยอยากให้คุณกินอาหารที่เป็นอาหารจริงๆบ้าง มันมีประโยชน์กว่าอาหารสำเร็จรูปพวกนั้นตั้งเยอะ”
“ทำอาหารเก่งแบบนี้ คงทำให้ใครต่อใครกินบ่อยๆล่ะสิ”
“ก็มีบ้าง”
ดาวิกาแอบมีสีหน้าผิดหวังไปเล็กน้อย
“โดยเฉพาะผู้หญิงหน้าตาดี อย่าง ... พี่สาวของผม ตอนที่เขามาเยี่ยมผมที่นี่”
ดาวิกาแอบโล่งใจ
“พี่สาวเหรอคะ”
“ครับ จะเรียกว่าผมมีพี่สาวสองคนก็ได้ คนนึงเป็นพี่สาวจริงๆ ส่วนอีกคนเป็นลูกพี่ลูกน้องแต่ผมรักและเคารพยิ่งกว่าพี่สาวตัวเอง”
“ดาก็มีพี่ชาย แล้วก็น้องสาวอีกคนนึง แม่ของดาเสียตั้งแต่พวกเรายังเด็กๆ พี่ชายดาก็เลยดูแลพวกเรามาตลอด เขาเป็นคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ดามีความสุข”
“ท่าทางคุณจะรักพี่ชายมาก”
“ค่ะ”
“ชักอยากจะเห็นหน้าพี่ชายคุณซะแล้วสิ นี่ถ้าพี่สาวผมยังโสด ผมจะเชียร์ให้เขาไปเจอพี่ชายคุณทันทีเลย”
“แต่พอดีว่าพี่ชายดาก็แต่งงานแล้วเหมือนกันค่ะ”
“งั้นเป็นอันจบ”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน แต่จิตใจดาวิกาหวนคิดไปถึงรวิปรียาขึ้นมาเมื่อพูดถึงเรื่องแต่งงานของพี่ชาย
เช้าวันใหม่ ที่เมืองไทย ที่โต๊ะอาหารของบ้าน บรม ดาริน เทวา รับประทานอาหารเช้าด้วยกัน รวิปรียาเพิ่งมาถึง
พอเทวาเห็นก็วางช้อนแล้วลุกขึ้น อย่างหมางเมิน
“ผมไปทำงานนะครับคุณพ่อ”
“อ้าว ยังกินไม่หมดเลยนะเทวา”
เทวาลุกเดินออกไป รวิปรียา นั่งลงยิ้มให้บรมและดาริน ทำไม่สนใจว่าเทวาจะเป็นยังไง
บรมดับดารินมองหน้ากัน.. ท่าจะไม่ค่อยดี
หลังมื้ออาหาร ดาวิกากำลังเตรียมล้างจาน เพชรแท้รีบเข้ามาห้าม
“นี่คุณจะทำอะไร”
“ล้างจานไงคะ”
ดาวิกาพูดแล้วเปิดก๊อกน้ำทันที กำลังจะยื่นมือเข้าไปที่อ่าง เพชรแท้รีบปิดน้ำ ดึงมือดาวิกาออกมาจับไว้
“แผลคุณยังไม่หายดี ไม่ควรให้โดนน้ำ พอได้แล้วล่ะ เดี๋ยวผมล้างให้เอง”
“แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไร ผมทำเอง”
“ขอบคุณค่ะ”
มือของเพชรแท้ยังจับที่มือของดาวิกาอยู่ เขามองที่แผลซึ่งมีผ้าพันอยู่ ดาวิกาเขินๆจะดึงมือกลับ แต่เพชรแท้ยังจับมือไว้
“ดาครับ ... คุณจะบอกผมได้ไหมว่า ทำไมคุณถึงต้องทำร้ายตัวเอง”
ดาวิกาไม่ตอบแล้วดึงมือกลับอย่างระแวง
“ทำไมคุณต้องถามดาเรื่องนี้ด้วย”
“ผมขอโทษที่ละลาบละล้วง ที่ผมอยากรู้เพราะอาจจะมีอะไรที่ผมพอช่วยคุณได้บ้าง”
“ไม่มีใครช่วยฉันได้หรอกค่ะ”
“คุณเล่าให้ผมฟังได้นะดา”
“ดาไม่มีอะไรจะเล่าให้ฟังทั้งนั้น” ดาวิกาเริ่มรู้สึกไม่มั่นคง ปิดตัวเองอีก “คุณกลับไปเถอะค่ะ”
“ดา ผมขอโทษถ้าทำให้คุณโกรธ”
“คุณกลับไปเถอะค่ะ ตอนนี้ดาอยากอยู่คนเดียว”
เพชรแท้จะพูดแก้ตัว แต่ดาวิกาเดินหนีเข้าห้องนอนแล้วปิดประตูเงียบ เพชรแท้ถอนหายใจ ทำพลาดซะแล้ว
บรรยากาศยามเช้าที่บ้านบริรักษ์
เทวาเปิดประตูห้องนอนแขกออกมา แล้วจะเดินลงบันไดไปชั้นล่าง
รวิปรียาเดินกลับขึ้นบันไดมาพอดี พอเธอเห็นเทวาก็ชะงักเล็กน้อยแล้วทำไม่ใส่ใจ เดินต่อไป
เทวาเดินสวนกับรวิปรียา กายทั้งคู่เฉียดกันแต่ท่าทีเขาเฉยชา เทวา ไม่มองรวิปรียาด้วยซ้ำ เทวาลงบันไปชั้นล่าง ส่วนรวิปรียาเปิดประตูห้องนอนเข้าไป
ดารินอยู่ที่มุมหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
“สองคนนั้นไม่ได้นอนห้องเดียวกันเหรอเนี่ย”
ดารินครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
บรมรับรู้เรื่องจากดารินอย่างแปลกใจ
“ว่าไงนะ เทวากับหนูรวิไม่ได้ห้องนอนเดียวกัน”
“ก็ใช่น่ะสิคะคุณพ่อ”
“พ่อเองก็สังเกตมาหลายวันแล้วว่าคู่นี้เขาดูตึงๆ กันอยู่ ทำไมเป็นแบบนั้นไปได้ แต่ก่อนเห็นเทวามันชอบหนูรวิจะตายไป”
“ รินว่าสองคนนั้นต้องมีปัญหาอะไรบางอย่าง ตั้งแต่แต่งงานกันมา รินยังไม่เห็นเขานอนห้องเดียวกันเลย ขืนเป็นแบบนี้คุณพ่อไม่มีทางได้อุ้มหลานแน่ๆ”
บรมครุ่นคิดเริ่มไม่สบายใจตามดารินไปด้วย
“แล้วจะทำยังไง”
“เรื่องนี้เราต้องมีตัวช่วยค่ะ”
ในห้องนั่งเล่น ตอนเย็น รวิปรียากับตะวันกำลังเล่นเกมส์บางอย่างอยู่ด้วยกัน โดยมีจ๊ะเอ๋ยืนมองอยู่ข้างๆยิ้มๆ
เทวาเดินเข้าบ้านมาจากทำงาน จ๊ะเอ๋ไปรับกระเป๋ากับเสื้อสูท ตะวันมองเห็นแล้ววิ่งเข้าไปหา
“คุณพ่อ”
“ทำอะไรอยู่ลูก”
“เล่นเกมส์จิ๊กซอว์กับคุณแม่ค่ะ คุณพ่อมาเล่นด้วยกันนะคะ”
ตะวันดึงมือเทวามานั่งด้วยกันโซฟา เทวาเห็นรวิปรียาอยู่แล้ว ทำเหมือนไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ตามใจลูก รวิปรียามองเทวาแบบไม่ค่อยเต็มใจเหมือนกัน
พอเทวานั่งลงแล้ว ตะวันก็ส่งแผ่นจิ๊กซอว์แผ่นหนึ่งในเทวา แล้วส่งอีกแผ่นหนึ่งให้รวิปรียา
เทวากับรวิปรียาใจตรงกัน จะวางแผ่นจิ๊กซอว์ที่ช่องว่างหนึ่งพร้อมกันแล้วมือทั้งคู่บังเอิญชนกัน
รวิปรียาวางแผ่นจิ๊กซอว์ลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้น
“คุณแม่จะไปไหนคะ”
“แม่มีงานน่ะค่ะ ตะวันเล่นกับคุณพ่อไปก่อนนะคะ”
รวิปรียาเดินไปเลย เทวาทำไม่สนใจแต่ก็อดชายตามองตามไม่ได้ จ๊ะเอ๋เกาหัวแกรกๆ อย่างไม่เข้าใจ
เวลากลางคืน
ตะวันกำลังเคาะประตูห้องรวิปรียา เธอเปิดประตูออกมา แล้วก้มมองเห็นตะวันมายืนอยู่
“มีอะไรคะตะวัน เมื่อกี๊คุณแม่พาเข้านอนนึกว่าหลับไปแล้วซะอีก”
“ตะวันฝันร้ายค่ะ”
รวิปรียานั่งลงลูบหัวเอ็นดู “มันก็แค่ฝันน่ะค่ะ ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ตะวันกลัว คืนนี้ตะวันขอนอนกับคุณแม่ได้ไหมคะ”
“ได้สิ”
ตะวันถามย้ำ
“จริงๆนะคะ ให้มานอนด้วยจริงๆนะคะ”
“ก็จริงสิคะ”
“งั้นเดี๋ยวตะวันมาค่ะ ต้องไปเอาของก่อน”
“ต้องให้แม่ไปเป็นเพื่อนมั้ยคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
ตะวันตอบแล้วก็ผลุบออกไปทันที รวิปรียาได้แต่มองตามยิ้มๆ
ทางด้านเทวาวางเอกสารงานในมือที่กำลังอ่านค้างอยู่ลงกับเตียงในห้องรับแขก แล้วถามตะวัน
“ว่าไงนะลูก ฝันร้ายเหรอ”
“ใช่ค่ะ ร้ายมากๆเลยด้วย คืนนี้ตะวันเลยอยากนอนกับคุณพ่อ”
“ได้สิ งั้นก็ขึ้นมานอนเลยมา”
ตะวันส่ายหน้า
“อ้าว ยังไงกันน่ะเรา”
“ตะวันอยากให้คุณพ่อไปนอนห้องโน้นกับตะวันน่ะค่ะ”
“ห้องโน้น? เตียงมันจะไม่เล็กไปหรือลูก”
“ตะวันจะได้นอนใกล้ๆคุณพ่อไงคะ นะคะคุณพ่อ ... นะคะ”
“โอเคจ้ะ ไปก็ไป”
เทวาลุกขึ้นจากเตียง จูงมือตะวันออกไปด้วยกัน
ตะวันจูงมือเทวามาที่หน้าห้องรวิปรียา ซึ่งประตูเปิดแง้มรอตะวันอยู่
“ทำไมไม่ไปห้องตะวันล่ะ”
“ตะวันอยากนอนกับคุณแม่รวิด้วยค่ะ”
เทวาจะทักท้วง แต่ไม่ทันซะแล้วเพราะตะวันผลักประตูเข้าไปแล้ว พอเปิดประตูเข้าไป รวิปรียาที่อยู่ในชุดนอนนอนรอตะวันบนเตียงก็สะดุ้งพรวดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นเทวามาด้วย
“คุณเข้ามาทำไม”
เทวายักไหล่ ช่วยอะไรไม่ได้
“ตะวันพาคุณพ่อมาเองค่ะ”
“พ่อว่าตะวันไปนอนที่ห้องพ่อไหมลูก”
“ใช่ค่ะ หรือไม่..ก็พาคุณพ่อไปนอนที่ห้องตะวัน”
“ไม่ค่ะ ตะวันอยากนอนกับคุณพ่อและคุณแม่ที่ห้องนี้”
ตะวันพูดแล้วก็กระโดดขึ้นเตียงไปนอนข้างรวิปรียาทันที
“คุณแม่นอนข้างนี้ ตะวันนอนกลาง ส่วนคุณพ่อก็นอนตรงนี้” ตะวันตบที่นอนตรงที่ว่างอีกข้างของเธอ เพื่อเรียกเทวา
รวิปรียาหน้าเหวอๆ ส่วนเทวายืนเก้ๆกังๆ เอาไงดี ตะวันตบที่นอนพยักหน้าเรียกเทวา
ตะวันนอนยิ้มมีความสุขอยู่บนเตียง ส่วนเทวากับรวิปรียานอนขนาบข้างตะวันอยู่ ทั้งคู่ลืมตาโพลงอย่างอึดอัด
“ได้นอนกลางระหว่างคุณพ่อกับคุณแม่ คืนนี้ตะวันต้องฝันดีแน่ๆเลยค่ะ”
ตะวันดึงมือของรวิปรียากับเทวาให้มาจับกันบนตัวเธอ แล้วหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข รวิปรียากับเทวาต่างจับมือกันไปแบบฝืนๆ พอเห็นตะวันหลับตาแล้วก็จะเอามือออก
ตะวันลืมตามอง
“ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ปล่อยมือ ตะวันจะต้องฝันร้ายแน่ๆ เลยค่ะ”
เทวากับรวิปรียาจำต้องจับมือกันอยู่อย่างนั้น
บรรยากาศเช้าวันใหม่ที่บ้านบริรักษ์
ในห้องนอนของเทวา เทวานอนอยู่บนเตียงกับรวิปรียา ทั้งคู่ยังคงหลับ รวิปรียานอนหันด้านหลังให้เทวาอยู่ แล้วสักพักก็พลิกตัวหันหน้ามาทางเทวา ร่างของรวิปรียากลับไปซุกอยู่กับอกของเทวาโดยไม่รู้ตัว เทวาเผลอเอื้อมมือไปกอดไว้
ทั้งคู่นอนกอดกัน ไม่นานนักรวิปรียาก็รู้สึกตัว ค่อยๆลืมตาตื่น แล้วรู้สึกถึงใบหน้าเทวาอยู่ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจ เธอเงยหน้ามองเห็นเทวาอยู่หลับอยู่ พอรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไรก็ตกใจ เทวาเองก็ลืมตาตื่นขึ้นพอดี พอเห็นรวิปรียาก็ตกใจเล็กน้อย ทั้งคู่รีบผละออกจากกัน
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วยคุณ”
“ก็คุณกอดฉัน”
“ก็คุณนอนหันมาทางผม แต่จะว่าไป นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรานอนเตียงเดียวกันแบบนี้ คืนนั้นที่คอนโด..เราทำอะไรกันมากกว่ากอดซะอีก”
รวิปรียาลุกขึ้นจากเตียง อายจนอยากจะหลบเลี่ยงออกจากห้องไป
“ฉันไม่เคยคิดจะจำเรื่องแย่ๆแบบนั้นหรอก”
“อะไรกัน นี่รสรักผมมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ คืนนั้นไม่เห็นคุณพูดแบบนี้นี่”
รวิปรียาโมโหจะเดินไปทางประตูห้อง
“แล้วนั่นคุณจะไปไหน”
“กลับห้อง”
“ห้องคุณอยู่นี่ จำไม่ได้เหรอ”
“งั้นคุณก็ออกไปได้แล้ว ฉันจะได้อาบน้ำแต่งตัว”
รวิปรียาเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องน้ำไป เทวานอนยิ้มขำๆ
ที่โต๊ะอาหารเช้า ดารินกับตะวันตีมือกันดีใจกับภารกิจที่ลุล่วง
“ทำได้ดีมากหลานอา แล้วตอนที่ตะวันตื่นออกมาจากห้อง ไม่มีใครรู้เลยเหรอ”
“ไม่มีเลยค่ะ ตะวันย่องออกมาเงียบๆ เหมือนที่อารินสอนเปี๊ยบเลย”
บรมชอบใจ
“ฉลาดสมกับเป็นหลานปู่จริงๆ”
“เดี๋ยวอาจะให้รางวัลจัดชุดเจ้าหญิงเอลซ่าชุดใหญ่ให้เลย”
ตะวันตบมือดีใจ “เย้...”
เทวาเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหารทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอน หน้าตาเตรียมพร้อมเอาเรื่อง
“ตะวัน!”
“ขา...”
“เดี๋ยวนี้รู้จักโกหกเหรอ พ่อเคยสอนไม่ให้โกหกไง”
“ตะวันไม่ได้โกหกซะหน่อย ก็ตะวันฝันร้ายจริงๆ”
“ก่อนที่เราจะมาหาพ่อที่ห้อง เรายังไม่หลับเลย จะฝันร้ายได้ยังไง”
“ตะวันก็ไม่ได้บอกว่าฝันร้ายเมื่อคืนนี่คะ หมายถึงฝันร้ายเมื่อคืนวันก่อนโน้นต่างหาก”
บรมทำเป็นจิบกาแฟแต่แอบยิ้มขำ ดารินกับบรมเหลือบมองตากัน
“แล้วที่มาบอกพ่อให้ไปนอนที่ห้องลูก”
“ตะวันแค่บอกว่า.. ให้คุณพ่อไปนอนด้วยที่ห้องโน้น แต่ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าเป็นห้องไหน”
“อ้าว แสดงว่าแกคิดเองเออเองล่ะสิ แบบนี้มาโทษตะวันก็ไม่ถูกนะ”
บรมรีบให้ท้าย เทวาต้องยอมแพ้เพราะจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
“คราวนี้ถือว่ารอดตัวไป” เทวายีหัวลูกสาวหมั่นเขี้ยว “ร้ายนักนะเรา ไม่รู้เอานิสัยจอมวางแผนมาจากใคร”
ตะวันชี้นิ้วไปที่เทวา ฉีกยิ้ม ยักคิ้ว
รวิปรียาเพิ่งตามมาสมทบที่โต๊ะอาหาร อยู่ในชุดทำงานแล้ว
ดารินถามยิ้มๆ “เมื่อคืนหลับสบายไหมคะพี่รวิ”
รวิปรียาอึกอัก แต่ก็ตอบไป “ค่ะ”
“สงสัยจะฝันดีด้วยใช่ไหมคะ เพราะสีหน้าพี่รวิสดชื่นกว่าทุกวันเลยค่ะ”
รวิปรียาจับหน้าตัวเอง พาซื่อแบบงงๆ “เหรอคะ”
“คุณพ่อคุณแม่ขา ตะวันอยากมีน้องชายบ้าง คุณพ่อรีบหาน้องชายมาให้ตะวันหน่อยสิคะ”
บรมหัวเราะชอบใจ
“ปู่ก็อยากให้ตะวันมีน้องเหมือนกัน ขอหลานปู่เพิ่มให้พ่อสักคนนะเทวา”
รวิปรียารีบหาทางตัดบท ก่อนที่จะถูกแซวไปมากกว่านี้
“ตะวันคะ ถึงเวลาไปโรงเรียนแล้วค่ะ ไปกันเถอะ”
“ไม่ทานอาหานเช้าก่อนเหรอคะพี่รวิ”
“สายแล้วค่ะ เดี๋ยวตะวันไม่ทัน พี่ไปทานที่ออฟฟิตได้ค่ะ”
รวิปรียาจูงมือตะวันออกไปจากตรงนั้นทันที รีบเลี่ยงออกจากสถานการณ์ ตะวันตามไปงงๆ
รวิปรียาจูงมือตะวันออกจากบ้านมาขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าบันได พอถึงรถเธอนั่งลงจัดชุดนักเรียนให้ตะวัน
เทวาก้าวออกจากบ้านมาหยุดยืนมอง ภาพของรวิปรียาดูแลตะวันอย่างอบอุ่น และพาตะวันนั่งรถคาดเข็มขัดให้ก่อนจะอ้อมไปที่คนขับ ทำให้เขาเริ่มมีรอยยิ้มที่มุมปาก
เทวายังคงมองตาม รถที่รวิปรียาขับออกไป
อ่านต่อตอนที่ 13
#ใจลวง #thaich8 #ละครออนไลน์