ใจลวง ตอนที่ 11
ที่บ้านสวน อิงอรกำลังจัดขนมบางส่วนใส่กล่องดูสวยงาม
จอยเป็นลูกมือคอยช่วยเก็บของมีถังน้ำขนาดกลางวางอยู่บริเวณนั้น มีน้ำอยู่ครึ่งถัง
“ขนมพวกนี้ เดี๋ยวพอฉันแพคเสร็จแล้ว จอยช่วยเอาไปส่งที่ร้านขายของฝากร้านเดิมด้วยนะ”
“ค่ะ พี่เจ้าของร้านต้องดีใจแน่ๆเลยค่ะ เขาพูดตลอดเลยนะคะว่าขนมคุณอรมาลงวันไหน ขายหมดเกลี้ยงวันนั้นเลย”
เสียงพัชชาดังแทรกขึ้นทันที
“นี่ตกอับถึงขนาดต้องมาทำขนมขายแล้วเหรอคะ คุณอร”
อิงอรกับจอยหันไปมอง พัชชากำลังขึ้นบ้านมาพร้อมเพชรพริ้ง ยืนมองอิงอรเหยียดๆ
“น่าสมเพชจริงๆ”
“พัชชา เธอมาที่นี่ทำไม”
“ก็แวะมาเยี่ยมเยียนตามประสา...คนเคยรู้จักกัน หรือควรจะพูดว่า..คนที่ใช้สามีร่วมกัน”
จอยพูดเบาๆ ลอยๆ “หน้าด้าน”
เพชรพริ้งชี้หน้าจอย “แกกล้าด่าแม่ฉันเหรอ”
เพชรพริ้งไม่ตะคอกเปล่าๆ เดินตรงเข้ามาตบจอยเสียฉาดใหญ่
อิงอรส่งเสียงดังห้าม
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! อย่ามาแสดงนิสัยต่ำๆในบ้านของฉัน พัชชา พาลูกของเธอออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้”
“จะให้ฉันไปเหรอ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”
พัชชาเดินไปตรงถาดขนมแล้วใช้มือปัดถาดขนมตกพื้น ถาดกระทบพื้นเสียงดัง ขนมหกเรี่ยราดเกลื่อนกลาด
เพชรพริ้งเอาบ้าง เธอเดินไปเตะกล่องขนมที่เตรียมไว้แล้วจนหกเกลื่อนกระจาย
“หยุดเดี่ยวนี้นะ ฉันกับเธอเราต่างคนต่างอยู่ ไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกัน ทำไมต้องมาหาเรื่องกันขนาดนี้”
“ก็ลองไปถามลูกสาวเธอดูสิ”
“ฝากไปบอกนังรวิด้วยนะคะคุณป้า ว่าอย่ามายุ่งกับคุณเทวา ไม่อย่างนั้นคุณป้าจะไม่มีทางอยู่กันอย่างสงบแน่”
“อ้อ..ที่แท้ก็เรื่องผู้ชาย ความบ้าผู้ชายนี่มันส่งผ่านกันทางพันธุกรรมได้ด้วยหรือไง”
พัชชามองอิงอร สายตาข่มขู่อาฆาต
รวิปรียาขับรถผ่านรั้วเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน เมื่อรถจอดแล้ว เธอเปิดประตูลงจากรถอย่างร้อนใจ
พัชชากำลังย่างสามขุมเข้ามาหาอิงอร
“ปากดีเหมือนกันนะ เธอมันก็แค่ผู้ดีตกอับที่ถูกผัวทิ้ง อย่าคิดว่าฉันจะไม่กล้ากับเธอนะอิงอร”
“อย่าทำอะไรคุณอรนะ”
จอยพยายามจะเข้าไปขวาง แต่ก็โดนเพชรพริ้งเข้ามาจิกหัวลากตัวออกไป
“สาระแนนักนะแก”
แล้วเพชรพริ้งก็ตบจอยจนเซไป จอยไม่ยอมง่ายๆ จะกระโจนเข้าหาเพชรพริ้ง แต่พัชชาก็เข้ามาช่วยลูกสาวกลายเป็นสองรุมหนึ่ง เพชรพริ้งจับตัวจอยไว้ให้พัชชาตบอยู่ฝ่ายเดียว
อิงอรทนดูไม่ได้เข้ามาห้าม
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
มือของรวิปรียาคว้าถังน้ำที่อยู่บริเวณนั้น
พัชชาไม่หยุด เงื้อมือกำลังจะตบจอยอีก แต่อิงอรคว้าแขนพัชชาไว้
“ฉันบอกให้หยุด!”
พัชชาหันมาเผชิญหน้ากับอิงอรแทน แววตาเกรี้ยวกราด
“เธอเองก็อยากโดนด้วยเหมือนกันใช่ไหม มาสิ ฉันจะจัดให้”
พัชชาดึงมือกลับจากอิงอรแล้วเงื้อมือขึ้น แต่จอยยกขาถีบยันพัชชาออกไปเพื่อช่วยอิงอร พัชชาเซไปล้ม เพชรพริ้งโกรธแทนแม่ หันมาจิกผมจอยอีก แล้วจะตบ
“แก”
โครม !! ... รวิปรียาสาดน้ำใส่เพชรพริ้ง พัชชาที่กำลังจะเข้ามาเล่นงานจอยอยู่ก็พลอยโดนน้ำไปด้วย
“แอร๊ย ... นังรวิ”
รวิปรียาโยนถังน้ำในมือใส่พัชชาและเพชรพริ้ง สีหน้าดุดันเอาจริง
“พวกหมาบ้าก็ต้องโดนน้ำสาดถึงจะหายคลั่ง ออกไปจากบ้านแม่ฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจข้อหาบุกรุก”
พัชชากับเพชรพริ้งยังนิ่งรีๆรอๆอยู่ เพชรพริ้งจะปรี่เข้ามาหารวิปรียา รวิปรียาหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์ทันที
“สถานีตำรวจใช่ไหมคะ แจ้งเรื่องคนบุกรุกบ้านค่ะ”
พัชชากับเพชรพริ้งชะงัก อิงอรเริ่มหน้ามืดจะเป็นลมเพราะอาการความดันกำเริบ แล้วทรุดลง
“โอย...”
จอยกับรวิปรียารีบเข้าไปประคอง
“คุณแม่ !”
“คุณอร”
“จอย ไปเอายาดมมา”
“ค่ะ”
สองแม่ลูกเบะปากสมน้ำหน้า
“ถึงไม่ต้องทำอะไร อีกหน่อยมันก็คงตายเพราะโรคเก่ากำเริบอยู่ดี วันนี้เราสนุกกันพอแล้ว กลับกันเถอะพริ้ง”
“ค่ะ คุณแม่”
สองแม่ลูกเดินเชิดนวยนาดออกไปอย่างสะใจ
ทิ้งรวิปรียาไว้กับความแค้นเคืองใจขณะที่กำลังประคองแม่อยู่
ต่อมา อิงอรที่นอนพักอยู่ในบ้าน
เธอนั่งหลังพิงกับเตียงดื่มน้ำที่รวิปรียาเอามาป้อนให้ แล้วสูดยาดมหายใจลึกๆ
รวิปรียานั่งมองอิงอรอย่างเป็นห่วง ขณะที่จอยคอยดูอยู่ใกล้ๆ
“เป็นไงบ้างคะคุณแม่”
“ดีขึ้นแล้วจ้ะ”
รวิปรียาโกรธขึ้นมาอีก “รวิจะบอกเรื่องนี้กับคุณพ่อ”
“บอกแล้วจะมีประโยชน์อะไร คุณพ่อทำได้ก็แค่ตักเตือนต่อว่าเขา แล้วสุดท้ายคุณพ่อเองนั่นแหละที่จะเครียดซะเอง ถ้าลูกเป็นห่วงคุณพ่อก็อย่าให้คุณพ่อรู้เรื่องนี้เลย”
“คุณแม่ก็เป็นแบบนี้ทุกทีเลย แต่ถึงจะไม่บอกคุณพ่อ รวิก็จะไม่ยอมให้สองแม่ลูกนั่นมารังแกคุณแม่ได้อีก เรายอมเขามานานแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องโต้กลับ”
“รวิ... แม่ไม่ได้สอนรวิให้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนี้นะ”
“แต่แม่สอนให้รวิปกป้องคนที่อ่อนแอกว่าไม่ใช่หรือคะ แล้วคุณแม่ก็เป็นคนสำคัญที่รวิต้องปกป้อง รวิจะเอาคืนสองแม่ลูกนั่นให้เจ็บแสบที่สุด ยัยพริ้งจะต้องโดดเดี่ยว สิ้นหวัง ทุกข์ทรมานจนอยากจะกระอักเลือดตาย”
อิงอรสีหน้าอ่อนระโหยโรยแรง มองรวิปรียากังวล
“ดีค่ะ คุณรวิ จัดให้หนักเผื่อจอยด้วยเลยนะคะ” จอยบอก
อิงอรปราม “จอย” แล้วหันไปหาลูกสาว “ รวิ.. ลูกพูดจาแบบนี้ไม่น่ารักเลย”
“กับพวกนิสัยต่ำทรามแบบนั้น ไม่ต้องน่ารักหรอกค่ะ ดูแต่ละคำที่เขาพูดกับพวกเราสิคะ”
“ถึงเราจะรู้ว่าเขาต่ำ แต่เราไม่จำเป็นต้องทำตัวต่ำตามเขาไปด้วยนี่ลูก”
รวิปรียาเถียงไม่ออก ได้แต่ทำหน้าบูดเหมือนเด็กถูกขัดใจ
คืนนั้น เทวานั่งอยู่ในห้องกำลังครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา
รวิปรียาลงมือทำแผลให้ โดยเอาสำลีชุบยาแตะบนรอยช้ำบนหน้าเทวา เทวาสูดปากอ้อนๆ
“เบาๆหน่อยสิคุณ”
“นี่ก็เบาที่สุดแล้วค่ะ”
รวิปรียาเช็ดแผลให้อย่างระมัดระวัง เทวาเหล่มองใบหน้าของเธอที่อยู่ใกล้กับเขามาก
“เป็นห่วงผมขนาดนี้ ยังจะใจแข็งไม่แต่งงานกับผมอีกเหรอ”
“ใครว่าฉันเป็นห่วงคุณ”
“ถ้าไม่ห่วง คุณคงไม่มาหาผมถึงที่นี่หรอก”
รวิปรียาเขิน ตอบไม่ถูกหาเรื่องออกห่าง “เสร็จแล้วค่ะ”
รวิปรียาจะลุกขึ้น แต่เทวากลับคว้าข้อมือดึงเธอลงมา ร่างของรวิปรียาชนกับแผ่นอกของเทวา ทั้งคู่มองตากันเนิ่นนาน กำลังจะจูบกัน
เทวา เผลอยิ้มน้อยๆ มีความสุข
เวลาเดียวกัน รวิปรียานั่งเหม่อลอยรับลมอยู่ตามลำพังที่ชานเรือน นึกถึงภาพเหตุการณ์เกี่ยวกับเทวา
รวิปรียาไม่ตอบแล้วลุกขึ้น เทวาลุกขึ้นตามดึงรวิปรียาเข้ามาจูบทันทีโดยรวิปรียาไม่ทันตั้งตัว
รวิปรียาพบว่าเธอนอนอยู่กับเทวาที่คอนโดของเขา
เทวาพูดกับเพชรพริ้งในห้องทำงานว่าเขาจะแต่งงานเพราะเขารักรวิปรียาด้วยความจริงใจ
รวิปรียาถอนหายใจ มีความลังเล อิงอรยืนมองอยู่สักพักแล้ว เธอเข้ามานั่งลงข้างๆลูก
“รวิไม่คิดจะบอกแม่เลยหรือ”
“คะ”
“เรื่องที่มีคนมาสู่ขอเราน่ะ”
“คุณแม่รู้...”
“พ่อเขาโทร. มาเล่าให้ฟังแล้ว”
“รวิไม่ได้คิดจะปิดบังคุณแม่นะคะ แค่คิดว่ามันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ ก็เลยไม่อยากบอกให้คุณแม่ตกใจไปก่อน”
“ทำไมถึงคิดว่าการแต่งงานอาจจะไม่เกิดขึ้นล่ะ ลูกไม่ชอบคุณเทวาเขาเหรอ”
“ไม่รู้สิคะคุณแม่ รวิเคยมีบทเรียนมาแล้วว่าชีวิตคู่มันไม่ได้สวยงามเหมือนในนิยาย รวิเคยเชื่อใจนิมมาน เชื่อว่าเขารักรวิมากแต่เขาก็ทำให้รวิต้องเสียใจ แม้แต่คุณแม่กับคุณพ่อ คุณพ่อก็ทำให้คุณแม่ต้องเสียใจเหมือนกัน”
“รวิ.. แม่รู้ว่ารวิกลัวที่จะต้องเจ็บปวดอีก แต่ผู้ชายไม่ได้เป็นเหมือนกันทุกคน แล้วบทสรุปของชีวิตคู่ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องผิดหวังเหมือนกันหมด ถ้ารวิรักผู้ชายคนนั้นมากพอ แม่เชื่อว่าความรักจะทำให้ลูกผ่านอุปสรรคทุกอย่างไปได้”
รวิปรียาถอนหายใจ เธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอรักเทวามากพอหรือเปล่า อิงอรพูดราวกับรู้ใจลูก
“ถ้าลูกไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไง แม่แนะนำว่า.. ให้ทำตามหัวใจของตัวเอง”
บรรยากาศเมืองซานฟรานซิสโก ประเทศอเมริกา
ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง นศ.ต่างชาติ บางคนกำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ
ดาวิกาเดินเลือกหาหนังสืออยู่ตามซอกทางเดินระหว่างชั้นหนังสือ พอเจอหนังสือเล่มหนึ่งน่าสนใจเธอก็กำลังจะหยิบออกมา แต่มีมือผู้ชายคนหนึ่งมาหยิบหนังสือเล่มนั้นในจังหวะเดียวกัน
ดาวิกาหันมามอง เพชรแท้ที่มาเลือกหนังสือเล่มเดียวกันโดยบังเอิญ
“Sorry” เพชรแท้รีบชักมือกลับ
เพชรแท้เห็นหน้าดาวิกาชัดก็จำได้ว่าเคยพบกันมาก่อน
“คุณนี่เอง”
ทั้งคู่เจอกันครั้งแรกที่งานแต่งงาน
เพชรพแท้ดีใจที่เจอดาวิกาอีก แต่ดาวิกาดูเฉยๆ
“เราเคยเจอกันมาก่อน จำได้ไหมครับ ที่งานแต่งงานของ...”
ดาวิกาตัดบท แต่ทำเฉยๆ ไม่ได้มีท่าทีตื่นเต้น “ค่ะ”
“แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่”
“ก็มาเรียนน่ะสิคะ”
“เรียน? นี่คุณก็เรียนที่นี่เหมือนกันเหรอ ผมก็เรียนอยู่ที่นี่ แทบไม่เคยเจอนักเรียนไทยคนอื่นเลย”
“แล้วไงคะ”
เพชรแท้ชะงัก เงิบไปเล็กน้อยที่ดาวิกาไม่มีไมตรีเอาเสียเลย
“ฉันจะอ่านหนังสือเล่มนี้ แต่บังเอิญมันมีอยู่เล่มเดียว ถ้าคุณอยากอ่านคุณยืมไปก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รีบ คุณเอาไปก่อนก็ได้”
“ขอบคุณ”
“คุณชอบหนังสือเล่มนี้เหรอ ผมก็ตามหาอยู่เหมือนกัน พยายามไปหาซื้อที่ร้านแต่ก็ไม่มี เขาบอกว่ายังไม่มีการพิมพ์ใหม่ออกมา”
“พูดจบหรือยังคะ ฉันได้ไปหาที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ”
เจอท่าทีเย็นชาของดาวิกาเข้าไป เพชรแท้ถึงกับปิดปาก ชะงักแล้วปล่อยให้ดาวิกาเดินไปแต่โดยดี
ดาวิกานั่งเปิดหนังสืออ่านอยู่ตามลำพังที่โต๊ะหนึ่ง
เพชรแท้เข้ามานั่งตรงข้าม ยังไม่เลิกชวนคุย
“ผมไม่เคยเจอคุณตามร้านอาหารไทยหรืองานเลี้ยงนักเรียนไทยมาก่อนเลย”
ดาวิกาเงียบ ไม่มีแต่จะชายตามอง
“นี่คุณจำผมได้จริงๆหรือเปล่า ที่ผมให้ผ้าเช็ดหน้าคุณตอนคุณร้องไห้”
“จำได้ แล้วยังไงคะ”
“วันนั้นผมยังแอบสงสัยว่าคุณเป็นกิ๊กกับเจ้าบ่าวหรือเปล่า ถึงได้ไปยืนร้องไห้ในงานแต่งแบบนั้น”
ดาวิกาถอนหายใจใส่ เหมือนว่าเพชรแท้พูดอะไรไร้สาระ
“งั้นผมขอเบอร์คุณไว้หน่อยได้ไหม เผื่อว่าเวลานักเรียนไทยนัดรวมตัวกันผมจะได้โทรบอกคุณ”
“ปกติฉันไม่ค่อยชอบไปงานเลี้ยงสังสรรค์”
“แต่คุณดูเหงาๆนะ บางทีคุณอาจต้องการเพื่อนกินข้าว”
ดาวิกาเริ่มรำคาญ เสียงดังขึ้น “นี่คุณ!”
เจ้าหน้าที่ห้องสมุด ซึ่งเดินมาหยุดมอง ทำเสียงกระแอมแล้วเอามือจุปาก
เพชรแท้กับดาวิกาส่งยิ้มกลับแหยๆ ให้เจ้าหน้าที่
“อยากโดนไล่ออกจากห้องสมุดทั้งคู่หรือไง”
“ไม่อยาก”
“ถ้าไม่อยากก็เงียบซะทีสิ”
“ผมจะเงียบก็ได้ แต่ ...” เขาเอาปากกาเขียนบางอย่างลงบนกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆ แล้วยื่นให้ดาวิกา “นี่เบอร์ผม เผื่อคุณมีเรื่องอะไรก็โทร.หาผมได้”
เพชรแท้ส่งเบอร์ให้แล้วก็ลุกออกไป ดาวิกาหยิบกระดาษโน้ตขึ้นมาดู เป็นลายมือเขียนเบอร์โทรศัพท์พร้อมชื่อ “เพชรแท้”
วันใหม่ ในประเทศไทย แจนนั่งอยู่ตรงข้ามรวิปรียาที่โต๊ะในร้านกาแฟ เธอจับมือรวิปรียาขอโทษขอโพย
“ฉันขอโทษจริงๆนะรวิ ถ้าคืนนั้นฉันไม่ปล่อยเธอไปกับคุณเทวา เรื่องก็คงไม่เป็นแบบนี้ ว่าแต่เขาไม่ได้บังคับขู่เข็ญเธอใช่ไหม”
“คิดว่าไม่นะ”
“แสดงว่าเธอสมยอมน่ะสิ แหม..ร้ายเหมือนกันนะเพื่อนฉันเนี่ย”
รวิปรียากระอักกระอ่วนใจ “คืนนั้นฉันเมามากนะแจน จำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“แต่ไหนๆ เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็แต่งงานกับคุณเทวาไปซะเถอะ ผู้ชายที่ดีพร้อมทุกอย่าง ที่สำคัญรักเธอได้อย่างคุณเทวา ต่อให้พลิกหาทั่วทั้งสามโลกก็อาจหาไม่เจออีกแล้วนะ”
รวิปรียาทำสีหน้าเหมือนไม่มั่นใจนัก แจนได้โอกาสถามเพื่อนตรงๆ
“ถามจริงๆนะ เธอรักเขาหรือเปล่า”
รวิปรียาอึ้งไป ตอบไม่ถูกและไม่กล้าตอบ ได้แต่นึกถึงสองแม่ลูก
“ถึงตอนนี้ ชอบหรือไม่ชอบก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ”
รวิปรียายังคงนึกถึงแต่เรื่องที่จะเอาคืนเพชรพริ้งกับพัชชาให้สาสม
หลายวันผ่านมา ในห้องทำงานวิษณุ บ.สยามเอ็นจิเนียริ่ง
วิษณุกำลังคุยกับรวิปรียาที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“วันนี้คุณบรมเขาเร่งขอคำตอบมาอีกแล้วนะรวิ เขาอยากรู้ว่าลูกจะว่ายังไง”
“รวิคิดว่า...” เธอหยุดคิดสักพัก “รวิอยากจะขอนัดเจอคุณลุงบรมและครอบครัวบริรักษ์แบบพร้อมหน้ากันสักครั้งน่ะค่ะ”
“นัดเจอครอบครัวบริรักษ์งั้นเหรอ”
“ค่ะ เพราะเราสองครอบครัวยังไม่เคยได้คุยกันแบบจริงๆจังๆเลย ก่อนที่รวิจะตัดสินใจไปอยู่กับครอบครัวเขา เราก็ควรจะมีโอกาสได้ศึกษาพวกเขาก่อน”
“มันก็จริง งั้นพ่อจะเชิญคุณบรม และครอบครัวมารับประทานอาหารที่บ้านเราดีไหม”
“ดีค่ะ แล้วหลังจากนั้น รวิจะให้คำตอบกับคุณลุงบรมด้วยตัวรวิเอง”
รวิปรียามีแผนบางอย่างอยู่ในใจ
เทวานั่งทำงานอยู่ในบริษัทฯ สักพักเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น รวิปรียาเปิดประตูเข้ามา เทวาเงยหน้ามอง
รวิปรียาเดินเข้ามายืนตรงหน้าเทวา
“ฉันมาที่นี่เพื่อจะให้คำตอบเรื่องแต่งงาน”
เทวาลุกขึ้นยืน “แล้วคำตอบของคุณคือ..”
“ฉันจะบอกคุณ ในวันที่ครอบครัวของเราสองคนได้พบกัน”
เทวากับรวิปรียายืนมองหน้ากัน
ต่อมา เทวาเดินไปเดินมาครุ่นคิด คิดถึงรวิปรียา ไม่รู้ว่ารวิปรียาคิดอะไรอยู่
“ผมเองก็ไม่แน่ใจ ว่าผมอยากได้ยินคำตอบแบบไหนจากคุณกันแน่”
อพาร์ทเม้นท์ดาวิกา ในอเมริกา ตอนกลางวัน โทรศัพท์บนโต๊ะมีสายเข้าเสียงดัง ดาวิกาหยิบมาดูชื่อ แล้วกดรับสาย
“ค่ะ พี่เทวา”
ประเทศไทย ตอนกลางคืน ที่ห้องนอน เทวาโทร. ไปหาน้องสาว
“ค่ะ พี่เทวา”
เทวากำลังคุยสายกับดาวิกา
“พี่กำลังจะขอรวิปรียาแต่งงาน”
“นี่เป็นแผนใช่ไหมคะ พี่เทวากำลังจะเข้าใกล้ผู้หญิงคนนั้นไปอีกก้าวแล้วใช่ไหมคะ”
เทวาตอบแบบยังไม่ค่อยมั่นใจ “อืม..”
“ขอบคุณมากค่ะ ถ้าชีวิตดาไม่มีพี่เทวา ดาก็คงไม่อยู่มาจนถึงวันนี้ พี่ต้องทำให้รวิปรียาเจ็บปวดมากกว่าที่ดาเคยเจ็บนะคะ”
“แล้วนี่ดาเป็นยังไงบ้าง มีเพื่อนบ้างหรือยัง”
“ก็เหมือนเดิมค่ะ”
“ ดา.. ดาไปเรียนที่นั่นมาหลายปีแล้วนะ แต่พี่ไม่เคยได้ยินว่าดามีเพื่อนเลยสักคน จำที่หมอบอกได้ไหม นอกจากจะกินยาให้ครบตามที่หมอสั่งแล้ว ดาต้องพยายามเปิดตัวเอง มีเพื่อน มีสังคม ทำกิจกรรมกับคนอื่นๆบ้าง เข้าใจไหม”
“แต่ว่าดา...”
“พี่ทำเพื่อดาแล้ว ดาจะทำเพื่อพี่บ้างได้ไหม พี่ขอร้อง”
ดาวิกาเงียบไปสักพัก ก่อนจะยอมรับปากอย่างไม่แน่ใจตัวเองนัก
“ค่ะ พี่เทวา”
ดาวิกานั่งอ่านหนังสืออยู่ตามลำพัง
นึกถึงเรื่องที่เทวาเพิ่งพูดกับเธอแล้วเปิดหนังสือไปที่หน้าหนึ่ง เบอร์โทร.ของเพชรแท้ที่เขียนใส่กระดาษโน้ตแผ่นเล็กถูกเสียบคั่นไว้ที่กลางหน้าหนังสือนั่น
ดาวิกาหยิบโน้ตออกมาดู
ต่อมา ... ดาวิกากำลังพูดสายกับเพชรแท้
“นี่ฉันเองนะคะ ดาวิกา ก็คนที่คุณให้เบอร์ไว้ที่ห้องสมุดไงล่ะคะ เรื่องที่คุณบอกว่าฉันอาจจะอยากมีเพื่อนกินข้าว คุณว่างวันไหนบ้างคะ”
ที่บ้านสวน จอยวางแก้วน้ำลงตรงหน้าวิษณุที่มาหาอิงอร ทั้งคู่นั่งอยู่ตรงนอกชาน มีโต๊ะไม้เตี้ยๆเป็นโต๊ะกลางวางแก้วน้ำและขนม จอยเสิร์ฟน้ำแล้วเลี่ยงออกไป
วิษณุมองไปรอบๆบ้าน “ผมไม่ได้มาที่นี่นานเท่าไหร่แล้วนะ”
อิงอรนั่งคุยกับวิษณุด้วยดี แม้จะยังคงมีท่าทีหมางเมิน
“คุณมาเพื่อคุยเรื่องลูกไม่ใช่หรือคะ รวิเขาว่ายังไงบ้าง”
“ก็ยังไม่เห็นเขาว่ายังไง”
“คุณเทวาเขาเป็นคนยังไงคะ”
“เขาก็ดูเป็นคนดีนะ ดูฉลาดพอฟัดพอเหวี่ยงกับรวิได้ แล้วก็เป็นถึงประธานบริหารของบริรักษ์ คู่ควรกับลูกเราทุกด้าน”
“ฉันไม่สนใจเรื่องฐานะ หน้าที่การงานอะไรนั่นหรอกค่ะ แค่อยากรู้ว่าเขา รักรวิรึเปล่า เป็นสุภาพบุรุษและเข้มแข็งพอที่จะเป็นหลักให้รวิในวันที่ลูกอ่อนแอไหม และที่สำคัญ..” เธอประชดวิษณุอยู่กลายๆ “เขาเป็นพวกหูเบาที่มักจะฟังคนอื่นมากกว่าภรรยาตัวเองหรือเปล่า”
“คุณอร...ต้องให้ผมขอโทษคุณสักกี่ครั้ง คุณถึงจะยกโทษให้ผม”
“ฉันกำลังพูดเรื่องของลูกอยู่ค่ะ ไม่ใช่เรื่องของเรา”
“เรื่องที่คุณอยากรู้ ผมเองก็ตอบไม่ได้ มีคนเดียวที่จะตอบได้ก็คือตัวลูกเอง ที่ผมมาก็เพื่อปรึกษากับคุณในฐานะของพ่อแม่”
“ฉันว่าเราไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ ปล่อยให้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกเอง รวิน่าจะรู้ดีที่สุดว่าตัวเองต้องการอะไร”
คล้อยเวลาพอสมควร วิษณุกำลังจะกลับ อิงอรมาส่งวิษณุที่ชานบ้าน
วิษณุมองอิงอรอย่างห่วงใย “รวิบอกผมว่าช่วงนี้คุณสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง อยู่ที่นี่คงไปหาหาหมอไม่ค่อยสะดวกนัก อร..เอ่อ.. อยากกลับไปอยู่บ้านเราไหม”
“อย่าใช้คำว่าบ้านของเราเลยค่ะ นั่นมันบ้านของคุณ ไม่ใช่บ้านของฉัน”
“จะยังไงก็เถอะ คุณไม่อยากกลับไปอยู่ใกล้รวิหรือ”
“รวิก็มาหาฉันที่นี่บ่อยๆอยู่แล้ว ฉันอยู่ที่นี่ก็มีความสุขดีอยู่แล้ว”
“แต่ผมเป็นห่วงคุณนะ”
อิงอรตัดบท “ฉันส่งคุณแค่นี้นะคะ มีงานต้องกลับไปทำต่อ”
อิงอรเดินกลับเข้าบ้าน วิษณุมองตามถอนหายใจกับความใจแข็งของอิงอร
ผ่านเวลา จนถึงวันใหม่ ในบรรยากาศยามเย็น ที่บ้านสิริคุณานันท์
บรม เทวา ดารินนั่งกันอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก มีวิษณุ พัชชา เพชรพริ้งนั่งต้อนรับพูดคุยกันอยู่แล้ว
เทวาชะเง้อมองหารวิปรียาเป็นระยะ เพราะยังไม่เห็นตัว ดาริน มองหน้าเทวา แล้วตัดสินใจถามแทนพี่ชาย
“คุณรวิไปไหนคะ ตั้งแต่มายังไม่เห็นเลย”
“รวิเขาบอกว่าจะไปข้างนอกน่ะ แต่ไม่ได้บอกไว้ว่าจะไปไหน”
เพชรพริ้งเอียงตัวไปบ่นกับพัชชาเบาๆ
“ปล่อยให้คนอื่นมารอ คงคิดว่าตัวเองสำคัญนักหนา”
แม่บ้านบอก “คุณรวิโทร.มาบอกแล้วค่ะว่าทำธุระอยู่ข้างนอก แต่ตอนนี้ถึงบ้านแล้ว เดี๋ยวก็คงเข้ามา โต๊ะอาหารพร้อมแล้ว เชิญทุกท่านเลยค่ะ”
ทุกคนเดินเข้ามายืนอยู่รอบโต๊ะอาหาร ซึ่งจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว ทั้งแก้วน้ำและไวน์ แต่ยังไม่เสิร์ฟอาหาร รวิปรียาเพิ่งจะปรากฏตัวขึ้น
“ขอโทษนะคะทุกคนที่มาช้า”
“ไม่น่ารักเลยนะคะหนูรวิ แขกผู้ใหญ่มาที่บ้านทั้งที ปล่อยให้รออยู่แบบนี้ คุณบรมจะหาว่าบ้านเราไม่สั่งสอนเรื่องมารยาท”
บรมบอก
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ลูกสาวบ้านผมมารยาทแย่กว่านี้” ก่อนหันไปมองดาริน แหย่ๆ “ผมก็ยังเอ็นดูอยู่เลย”
“คุณพ่ออ่ะ”
บรมกับวิษณุหัวเราะ เพชรพริ้งหน้างอตลอดเวลา ส่วนเทวามองรวิปรียานิ่งๆไม่มีปฏิกริยาใดๆ
“ก็เพราะมารยาทนี่แหละค่ะ รวิถึงเพิ่งมา วันนี้รวิเชิญใครบางคนมาร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเราด้วย ... เชิญค่ะ”
อิงอรค่อยๆปรากฏตัวขึ้น ทุกคนหันไปมอง พัชชากับเพชรพริ้งตาถลึงค้าง หน้าเสียรู้สึกเหมือนถูกตบหน้ากลางอากาศ วิษณุแปลกใจ
“คุณอร ?”
รวิปรียาเข้าไปจูงมืออิงอรมายืนข้างๆ
รวิปรียาแนะนำกับครอบครัวบรม “นี่คุณแม่อิงอร แม่ของรวิเองค่ะ”
เทวากับดารินยกมือไหว้ อิงอรรับไหว้แล้วไหว้ทักทายบรม
“สวัสดีค่ะคุณบรม”
“สวัสดีครับคุณอร ดีใจนะครับที่ได้เจอคุณอรวันนี้ นี่เราไม่ได้เจอกันมาร่วมสิบปีแล้วนะครับเนี่ย”
“ค่ะ”
“ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะคะหนูรวิ ว่าจะพาคุณอรมาด้วย อาจะได้เตรียมมื้อเย็นเพิ่มไว้แต่เนิ่นๆ”
“ที่รวิพาแม่มาที่นี่ในวันนี้ เพราะรวิอยากให้คุณแม่รับรู้เรื่องนี้พร้อมๆกับทุกคน”
รวิปรียาเดินไปหาเทวา แล้วกอดแขนเทวาทำประหนึ่งว่ารักกันมาก เทวาชะงักเล็กน้อย รวิปรียาแอบปรายตามองเพชรพริ้ง
“รวิ.. ตกลงที่จะแต่งงานกับคุณเทวาค่ะ”
เทวามองรวิปรียาอย่างแปลกใจที่รวิปรียาตอบตกลงง่ายกว่าที่เขาคิด
ทุกคนตรงนั้นดีใจ ยกเว้นพัชชาและเพชรพริ้ง
วิษณุแปลกใจและดีใจ “รวิ...”
“จริงหรือคะ คุณรวิ” ดารินว่า
“มันต้องอย่างนี้สิ นี่เป็นข่าวดีที่สุดในรอบสิบปีของผมเลยทีเดียวนะคุณวิษณุ”
เพชรพริ้งทนไม่ได้ระงับอารมณ์ไม่อยู่ เดินกระแทกส้นเท้าออกไปจากตรงนั้นทันที ไม่แคร์ใคร พัชชาพยายามจะห้ามแต่ก็ไม่ทัน
“เรื่องการจัดการงานแต่งงาน ทางคุณลุงบรมจัดการได้ทุกอย่างตามที่เห็นสมควรค่ะ รวิไม่มีปัญหาอะไร ขอแค่เรื่องเดียวเท่านั้น คือในงานวันนั้นจะมีเพียงคุณพ่อกับคุณแม่เท่านั้นที่จะเป็นผู้ใหญ่ฝั่งรวิ” แล้วปรายตามองพัชชา “คนอื่นไม่เกี่ยว”
พัชชามองอิงอรและรวิปรียา กำมือแน่นโกรธจัดที่ถูกอิงอรมาเย้ยถึงที่
“ได้ๆ ได้ทุกอย่างตามที่หนูรวิต้องการ ลุงจะจัดงานแต่งงานของหนูกับเทวาให้เร็วที่สุด จากนี้เราก็เป็นญาติกันแล้วสินะคุณวิษณุ” บรมเดินไปหยิบแก้วไวน์ ที่โต๊ะอาหารแล้วยกขึ้นชู “มาฉลองกันหน่อย”
วิษณุหยิบแก้วไวน์หัวโต๊ะมาชนแก้วไวน์กับบรม เทวาจับตามองรวิปรียาไม่วางตา
หลังมื้ออาหาร วิษณุ อิงอร รวิปรียามาส่งครอบครัวบริรักษ์ขึ้นรถกลับบ้าน รถของเทวาจอดเทียบรออยู่ตรงเชิงบันไดบ้านแล้ว
“ขอบคุณมากนะหนูรวิที่ให้เกียรติครอบครัวของเรา ลุงดีใจจริงๆที่รวิจะมาเป็นสะใภ้ของบ้านเรา แต่คนที่ดีใจที่สุดก็น่าจะเป็นเทวา ใช่ไหมเทวา”
“ครับ”
“ผมจะจัดการเรื่องงานแต่งงานให้เร็วที่สุดนะครับคุณวิษณุ คุณอิงอร แล้วเอาไว้เรานัดคุยรายละเอียดกัน”
เทวาเข้าพูดกับรวิปรียาใกล้ๆ
“ผมขอคุยด้วยหน่อย”
มุมหนึ่งของบ้าน เทวายืนคุยกับรวิปรียาอยู่ตามลำพังสองคน รวิปรียาหันมาถาม
“ทำไมคุณถึงตอบตกลงแต่งงานกับผม”
“แล้วมันทำให้คุณดีใจหรือผิดหวังล่ะคะ”
“ผมแค่แปลกใจ เพราะท่าทีของคุณก่อนหน้านี้มันไม่ใช่แบบนี้”
“ฉันเคยบอกคุณแล้วไงคะว่าคนเราเปลี่ยนกันได้ทุกวัน ที่ฉันตัดสินใจแต่งงานกับคุณก็เพราะ..คำพูดที่คุณพูดกับพริ้งเมื่อวันนั้น”
เทวาบอกว่า “ที่ผมอยากจะแต่งงานกับรวิปรียา ไม่ใช่แค่เพราะความรับผิดชอบ แต่เพราะผมรักเขาด้วยความจริงใจ ผมคิดเรื่องนี้อยู่ทุกวันจนถึงตอนนี้ ผมมั่นใจแล้วว่าผู้หญิงที่ผมอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยก็คือ..รวิปรียา”
ทั้งคู่ยืนมองหน้ากัน เพชรพริ้งเดินดุ่มๆมาบริเวณนั้นพอดี ตั้งใจจะมามองหาเทวา แต่เห็นเทวากับรวิปรียายืนคุยกันอยู่แล้ว จากมุมของรวิปรียา สายตาเธอเห็นเพชรพริ้งพอดี รวิปรียายิ้มให้เทวาแล้วเข้าไปจับมือไว้ เพื่อจงใจให้เพชรพริ้งเห็น
“แต่ก่อนฉันอาจไม่มั่นใจในตัวคุณ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าคุณจริงใจกับฉัน คุณเป็นคนที่เหมาะสมที่ฉันจะแต่งงานด้วยที่สุด”
เทวากอดรวิปรียากลับ รวิปรียาตกใจเพราะนี่มันเกินเลยกว่าที่เธอคิด แต่เธอไม่กล้าผละออกเพราะกำลังยั่วโมโหเพชรพริ้งอยู่ เพชรพริ้งรับไม่ได้ เดินจากไปแบบโกรธๆ รวิปรียาขืนตัวจะออกจากอกเทวา แต่เทวากอดไว้ไม่ไปล่อย
“แล้วที่คุณตัดสินใจแต่งงานกับผมเนี่ย คุณเข้าใจดีใช่ไหมว่าการแต่งงานมันไม่ใช่แค่การอยู่บ้านเดียวกัน กินข้าวด้วยกัน หรือแค่จับมือกัน แต่มันหมายถึงการที่เราสองคนต้องนอนบนเตียงเดียวกันด้วย”
รวิปรียาตาโพลง ผลักเทวาออก
“น่าเกลียด”
“อะไรกัน เมื่อกี๊คุณยังบอกผมว่าอยากแต่งงานกับผมอยู่เลย ตอนนี้มาว่าผมน่าเกลียดซะงั้น”
รวิปรียาอายจัด ก้มหน้างุดๆเดินหนีไป เทวามองตามแล้วยิ้มมีความสุขแบบลืมตัว แล้วนึกขึ้นได้ เรื่องแก้แค้นรอยยิ้มค่อยๆจางลง
ในห้องนอน เพชรพริ้งกำลังโมโหจัด ใส่อารมณ์เต็มที่
“เมื่อไหร่คะคุณแม่ เมื่อไหร่นังรวิมันจะสาบสูญไปจากโลกนี้ พริ้งเกลียดมัน”
“นังรวิมันร้ายขึ้นทุกวัน นี่เหิมเกริมถึงขนาดเอานังอิงอรมาหักหน้าแม่ถึงที่นี่”
“มันกำลังจะแต่งงานกับคุณเทวา ทำไมต้องเป็นคุณเทวาด้วย เขาเป็นผู้ชายที่พริ้งฝันหามาชั่วชีวิตนะคะคุณแม่”
“แต่งได้ ก็หย่าได้ ขอแค่แกอย่าเพิ่งยอมแพ้เท่านั้น สักวันคุณเทวาจะกลับมาเป็นของแก อย่าลืมสิ กับนิมมานที่คบกับรวิมาหลายปี แกยังแย่งมาได้ กับคุณเทวาที่เขาเพิ่งรู้จักกันไม่กี่เดือน ทำไมจะแย่งมาอีกไม่ได้ ปล่อยให้มันได้ใจไปก่อน ลูกจะได้ขยี้นังรวิปรียาไว้ใต้ฝ่าเท้าแน่นอน แม่สัญญา”
แววตาพัชชา อาฆาตดุดัน
ดาวิกากำลังคุยโทรศัพท์ พูดสายกับเพชรแท้
“คุณอยู่ไหนแล้วคะ ... ออกจากสถานีแล้ว งั้นก็คงใกล้ถึงแล้วล่ะค่ะ ฉันอยู่ที่ห้อง กำลังเตรียมอาหารอยู่ อร่อยหรือไม่อร่อย พอคุณมาถึงก็รู้เอง คุณรู้รหัสเปิดประตูอพาร์ทเมนต์แล้วใช่ไหมคะ ที่ฉันส่งข้อความไปให้ งั้นเดี๋ยวพบกันค่ะ”
พอกดวางสายจากเพชรแท้ ดาวิกาจะเดินไปดูอาหารที่เคาน์เตอร์ครัว แต่ได้รับคลิปวิดีโอจากดารินเสียก่อนจึงเปิดดู
ในคลิปเป็นภาพตะวันกำลังนั่งวาดรูปอยู่ตรงโต๊ะกลางห้อง เสียงดาริน ดังลอดเข้ามาในวิดีโอ ตอนถ่ายคลิป
“ตะวันวาดรูปใครอยู่เอ่ย”
เป็นภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวถือช่อดอกไม้
“นี่อาดารินหรืออาดาวิกาเนี่ย”
ตะวันก้มหน้าตอบ เพราะยังตั้งตาตั้งตาวาดรูป “รูปน้ารวิค่ะ”
ภาพหมุนกลับมารับหน้าของดาริน หัวเราะ พูดกับกล้อง
“สงสัยเราจะตกกระป๋องแล้วล่ะพี่ดา เพราะตอนนี้พี่เทวาจะให้คุณพ่อไปสู่ขอคุณรวิ ยัยตะวันกำลังจะมีแม่ใหม่แล้ว ท่าทางจะเห่อแม่คนนี้มากซะด้วย”
ดาวิการีบปิดคลิปเพราะรู้สึกบาดใจ รู้สึกเกลียดรวิปรียามากขึ้นทวีคูณ
“นี่เธอจะเอาทุกอย่างไปจากฉันใช่ไหม รวิปรียา”
สายตาและสีหน้าดาวิกาเหมือนเริ่มคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
เพชรแท้กำลังมาหาดาวิกาที่ห้อง ขณะเดินอยู่ตามทางเดินในอพาร์ทเม้นท์ เขาก็พยายามโทร.หาดาวิกาเพื่อจะบอกว่ามาถึงแล้ว แต่ดาวิกาไม่รับสาย
เพชรแท้กดวางสายงงๆ
“เมื่อกี๊ยังคุยกันอยู่เลย สงสัยทำกับข้าวยุ่งอยู่มั้ง”
ในห้องพัก ดาวิกากำลัง หยิบมีดเล่มหนึ่งขึ้นมา เธอนึกถึงภาพติดตาศพของพศินที่อาบไปด้วยเลือดที่พื้นหน้าคอนโดมิเนียม
ดาวิกาเครียดร้องไห้ พร่ำเพ้อ
“พศิน... ทำไมทำแบบนี้ ทำไมทำกับดาแบบนี้”
ดาวิกามองมีดในมือ แล้วค่อยๆลดมีดลงที่ข้อมือ เธอกรีดแขนตัวเองด้วยน้ำตานองหน้า
เพชรแท้เคาะประตูห้องอยู่หน้าห้อง แต่ไม่มีการตอบรับ เพชรแท้ลองเคาะดูอีก
“คุณดา...คุณดาครับ”
แต่ทุกอย่างยังคงเงียบ
“อะไรของเขา หรือจะไปข้างนอก ... ไม่สิ จะไปได้ยังไง เมื่อกี๊ยังคุยกันอยู่เลย”
เพชรแท้กดโทรศัพท์ออกหาดาวิกา
ภายในห้อง ดาวิกายังคงร้องไห้ นั่งอยู่กับพื้นหลังพิงโซฟาไว้ เธอใช้มืออีกข้างกดรับสายอย่างไร้เรี่ยวแรง เบลอๆ
“คุณดา..นี่คุณอยู่ไหน ยังอยู่ในห้องใช่ไหม”
ดาวิกาพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่เหมือนไม่มีแรง เอาแต่ร้องไห้ แล้วปล่อยโทรศัพท์ลงจากมือ
เสียงเพชรแท้ร้องเรียกดาวิกายังดังลอดออกมา
“คุณดา..ฮัลโหล คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า”
เพชรแท้ที่หน้าห้อง เขาเริ่มกังวลใจเมื่อดาวิกาไม่พูดอะไร
“คุณดา”
เพชรแท้ได้ยินเสียงเหมือนร้องไห้ ดังอยู่ไกลๆ ในสาย เขาสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเหตุร้ายกับดาวิกา เขาเริ่มเคาะประตูห้องแรงขึ้น
“คุณดา เปิดประตู เกิดอะไรขึ้น” เขาเคาะประตูดังๆ “เปิดสิ”
เพชรแท้บิดลูกบิดประตูแต่มันก็ล็อคอยู่ เขานิ่งคิด
“คุณรู้รหัสเปิดประตูอพาร์ทเม้นท์แล้วใช่ไหมคะ ที่ฉันส่งข้อความไปให้”
เพชรแท้จึงกดรหัส ประตูเปิดออก เขา ถลันเข้าห้องไป แล้วต้องช็อคกับภาพที่เห็น
ดาวิกานอนฟุบอยู่กับพื้นหายใจแผ่วเบา ที่ข้อมือมีเลือดอาบ เพชรแท้เข้ามาช้อนร่างพลางเรียกชื่อ
“คุณดา...คุณดา ลืมตาสิ”
ผ่านเวลาไปหลายวัน
ตะวันเดินจับมือดารินตามหลังบรมมาตามทางเดินจะเข้าไปที่ห้องจัดงานเลี้ยง รริศา หลานสาวของบรม ตามหลังมาด้วย
ตะวันกระโดดโลดเต้นดีใจ
“วันนี้เป็นวันแต่งงานของคุณพ่อกับน้ารวิ น้ารวิจะมาเป็นแม่ของตะวันแล้ว ไชโยๆๆ”
ดารินหัวเราะ บรมหันมามองหลานสาว
“คนที่ตื่นเต้นที่สุดในงานไม่ใช่เจ้าบ่าวเจ้าสาวหรอกค่ะคุณพ่อ น่าจะเป็นยัยตะวันนี่แหละ”
บรรยากาศงานแต่งงานของเทวาและรวิปรียาในห้องจัดงานเลี้ยงของโรงแรม แขกเริ่มทยอยมางาน วิษณุกับอิงอรยืนเคียงคู่กันคอยรับแขกที่เพิ่งมาถึงงาน
วิษณุและอิงอร กำลังทักทายกับแขกคู่หนึ่งที่มางาน
“ยินดีด้วยนะครับ คุณวิษณุ คุณอิงอร”
“ขอบคุณครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ไม่ได้เห็นคุณสองคนออกงานคู่กันมานานมากแล้วนะคะ แต่คุณอิงอรก็ยังสวยสง่าเหมือนเดิม”
“คุณหญิงก็ยังดูงามไม่เปลี่ยนเลยนะคะ”
“เห็นแบบนี้แล้วดิฉันยิ่งมั่นใจ ว่าคุณอิงอรเป็นคนที่เหมาะกับคุณวิษณุที่สุด”
“ขอบคุณครับคุณหญิง”
“งั้นเดี๋ยวค่อยคุยทีหลังในงานนะ ขอเข้าไปทักเพื่อนๆก่อน”
“เชิญค่ะ”
“ตามสบายครับคุณหญิง”
วิษณุเหลือบมองอิงอรด้วยความภูมิใจ และสุขใจ แต่อิงอรเบือนหน้าหนี
บรมพาดาริน รริศา และตะวันเข้ามาหาวิษณุ
“คุณวิษณุ คุณอิงอร ขอโทษทีนะที่ผมมาสายไปหน่อย รอสาวๆเขาแต่งตัวอยู่น่ะ”
ดารินไหว้ทัก “สวัสดีค่ะคุณอา”
“คุณวิษณุกับคุณอรยังไม่เคยเจอรริศาใช่ไหมครับ รริศาเขาเป็นลูกของน้องสาวผมเอง ตอนนี้ก็ช่วยงานด้านบัญชีการเงินอยู่ที่บริษัท”
รริศาไหว้วิษณุและอิงอร ผู้ใหญ่สองคนรับไหว้
“ส่วนนี่ตะวัน ลูกสาวของเทวา”
ตะวันยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณตา คุณยาย”
“แหม น่ารักจริงๆเลย ไม่ทันไรก็เรียกตายายซะแล้ว” อิงอรว่า
“รวินี่โชคดีจริงๆ แต่งงานปุ๊บได้เป็นคุณแม่เลย รวิเขารักเด็กน่ะครับ ถ้ามีหนูตะวันอยู่ด้วยผมคงไม่ห่วงว่าลูกจะเหงาแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณอา ใครที่ได้อยู่ใกล้เด็กคนนี้ไม่มีทางรู้จักคำว่าเหงาหรอกค่ะ แล้วนี่เจ้าบ่าวเจ้าสาวไปไหนซะล่ะคะ”
“แต่งตัวอยู่ในห้องน่ะจ้ะ แต่น่าจะใกล้เสร็จแล้ว หนูรินจะไปดูเขาที่ห้องแต่งตัวก็ได้นะ” อิงอรว่า
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวรินกับริศาจะคุยกับเพื่อนๆอยู่แถวๆนี้แหละค่ะ”
ดารินจูงมือตะวัน คล้องแขนรริศาออกไปด้วยกัน ปล่อยให้ผู้ใหญ่คุยกันไป
อีกมุมหนึ่งบริเวณทางเข้างาน นิมมานกับเพชรพริ้งเดินมาด้วยกัน แต่สีหน้าทั้งคู่ไม่สดชื่นนัก
“คุณนี่กระจอกจริงๆ ไหนคุยนักคุยหนาว่าคุณกับนังรวิรักกันปานจะกลืนกิน แค่ให้ขัดขวางการแต่งงานของสองคนนี้ก็ยังทำไม่สำเร็จ”
“คุณก็เหมือนกัน มารยาร้อยเล่มเกวียนที่เคยใช้กับผมหายไปไหนหมด ทำไมไม่ขุดมาใช้กับไอ้เทวามันบ้าง”
“ที่มารยาของฉันมันใช้ได้ผลกับคุณ เพราะคุณมันก็แค่ผู้ชายโง่ๆคนนึงไงล่ะ”
“หรือไม่ก็เพราะไอ้ของที่คุณเคยใช้จับผู้ชายน่ะ มันถูกใช้บ่อยจนเยินหมดแล้ว มันถึงหลอกล่อไอ้เทวาไม่ได้”
ทั้งคู่สาดกันไปมา เพชรพริ้งจ้องนิมมานอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไปทางอื่น
มุมหนึ่งไม่ไกลนัก ดาริน ตะวันกับรริศาผ่านมาเห็นนิมมานยืนอยู่พอดี จึงหยุดมอง นิมมานดูโดดเด่นท่ามกลางผู้คน จนรริศารู้สึกสะดุดตา
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครน่ะริน”
ดารินมองตามรริศาไปที่นิมมาน
“คุณนิมมาน ลูกชายเจ้าของนิรมิต คู่แข่งบริษัทเราไง”
“ดูดีจังเลยนะ”
“อย่าไปหลงเสน่ห์เข้าล่ะริศา เขาแต่งงานแล้ว”
รริศาแอบเสียดาย ดารินดึงตัวรริศาไปทางอื่น
รวิปรียาอยู่ในชุดสำหรับงานรดน้ำสังข์ ยืนอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว มีแจนเป็นเพื่อนเจ้าสาวกำลังช่วยแต่งตัวสำรวจความเรียบร้อยให้เป็นครั้งสุดท้าย
“เจ้าสาวสวยซะขนาดนี้ ถ้าเจ้าบ่าวมาเห็นคงตะลึงไปเลย นึกๆแล้วก็โชคดีนะที่นิมมานเขาปล่อยเธอหลุดมือไป ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ได้ลงเอยกับคู่แท้อย่างคุณเทวา”
อิงอรเข้ามาในห้อง
“เป็นไงบ้างลูก เรียบร้อยหรือยัง”
“เจ้าสาวพร้อมแล้วค่ะคุณแม่” แจนบอก
“ขอบใจมากจ้ะแจนที่มาช่วย”
“เดี๋ยวฉันไปรอข้างนอกนะรวิ”
แจนเลี่ยงออกไป อิงอรปลื้มใจมองรวิปรียา
“วันนี้เป็นวันที่ลูกของแม่สวยที่สุด แม่ดีใจกับลูกจริงๆ นะรวิ”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่”
รวิเข้ามากอดอิงอรแน่น สีหน้าดูไม่สบายใจ
“อะไรกัน เจ้าสาว ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“คือ..รวิไม่แน่ใจว่ารวิพร้อมที่จะแต่งงาน ไม่แน่ใจว่ารวิตัดสินใจถูกหรือเปล่า”
“ไม่ว่าจะถูกหรือผิด รวิก็เลือกแล้ว ต่อจากนี้ไปรวิก็ต้องพร้อมจะรับมือกับทุกอย่างที่จะเข้ามา คุณเทวาเองก็ดูเป็นผู้ชายที่ดี เป็นผู้ใหญ่ มีความหนักแน่น เมื่อเขาเลือกรวิเป็นเจ้าสาวแสดงว่าเขาต้องรักและเห็นความพิเศษในตัวรวิ”
รวิปรียาค่อยรู้สึกใจชื้นขึ้น
มุมหนึ่งเงียบๆในงาน รริศากับกลุ่มพนักงานบริษัทสาวๆร่วมงานที่บริษัท กำลังจับกลุ่มพูดคุยกัน ขณะดื่มเครื่องดื่มกินของว่าง 4-5 คน รวมรริศาอยู่ในกลุ่ม
หญิง1บอก “ที่เขาพูดกันว่าแฟนเก่าคุณรวิคือคุณนิมมาน MD ของนิรมิตนี่จริงหรือเปล่า”
รริศาสนใจฟังขึ้นมาทันที
“จริงสิ เคยถึงขนาดจะแต่งงานกันเลยนะ แต่มาโดนคุณพริ้งเขมือบไปซะก่อน แต่ตอนนี้ฉันได้ยินข่าวลือว่าคู่นี้น่าจะไปไม่รอดนะเธอ”
“ทำไมเขาถึงมีปัญหากันล่ะ” รริศาถาม
“ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะคุณริศา แต่ได้ยินว่าตอนแต่งงานกัน เขาสองคนไม่ได้รักกัน อะไรทำนองนี้แหละค่ะ”
“แต่ฉันเคยเห็นคุณเพชรพริ้งไปหาคุณเทวาถึงห้องทำงานด้วยนะเธอ”
“ไม่ว่ามองยังไง๊ยังไง ฉันก็ว่าคุณรวิปรียานี่ทั้งกริยาท่าทางดูเป็นผู้ดีผิดกับคุณเพชรพริ้งเลยนะ ไม่รู้เป็นญาติกันได้ยังไง”
และแล้วรริศาก็เหลือบเห็นเพชรพริ้งที่เข้ามายืนอยู่บริเวณนั้นด้านหลังเพื่อนๆร่วมงาน เธอพยายามส่งสัญญาณให้เพื่อนหยุดเมาท์ แต่ไม่มีใครเก็ท
“นั่นสิ คุณรวิเนี่ยทั้งสวย ทำงานก็เก่ง พูดจามีการศึกษาดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนอีกคน..เอิ่ม นอกจากสวยเซ็กซี่แล้ว ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรสู้คุณรวิได้ ก็อย่างว่าแหละหงส์ก็คือหงส์ กาก็คือกา คุณเทวาเจ้านายของพวกเรานี่ก็เหมาะกับหงส์อย่างคุณรวิที่สุดแล้ว”
ทุกคนกำลังกรี๊ดสนับสนุนความคิดกันและกัน ทันใด.. เพชรพริ้งก็เข้ามาเหวี่ยงกระเป๋าลงกลางโต๊ะ ปัง! ทำเอาวงแตก
“สนุกกันนักใช่ไหม ที่ได้เที่ยวนินทาคนอื่นเขาไปทั่วแบบนี้”
“เบาๆเถอะค่ะคุณ แขกมองหมดแล้ว” รวิศาบอก
“มองก็ดีเขาจะได้รู้ว่าพวกพนักงานบริษัทนี้ถูกผีเจาะปากให้มาพูด”
“แต่นี่มันงานมงคลของพี่เทวานะคะ”
“แล้วเธอรู้ไหมว่าฉันเป็นอะไรกับคุณเทวา”
เพชรพริ้งเห็นรริศาดูอึกอัก ไม่มีพิษสง
“หน้าอย่างเธอ จะทำอะไรฉันได้”
เพชรพริ้งก้าวเข้าไปผลักไหล่ ประจัญหน้ารริศาใกล้ๆ รริศาไม่ได้ตอบโต้กลับ มีท่าทีหวาดๆ คนอื่นๆก็ตกใจกันอยู่ จนดารินปรากฏตัวขึ้น
“พี่ริศาคงไม่ทำอะไรคุณหรอกค่ะ แต่ฉัน..กำลังจะเรียกรปภ.ให้มาลากตัวคนบ้าออกไป”
เพชรพริ้งกับรริศาหันไปมองดาริน
“ถ้าคุณยังอยากอยู่เป็นแขกจนจบงาน ก็อย่ามาแสดงพฤติกรรมต่ำๆ ที่งานของพี่ชายฉัน”
เพชรพริ้งจำต้องหยุด คว้ากระเป๋ามาจากโต๊ะแล้วเดินปึงๆออกไป
ทางด้านเทวาจูงตะวันเข้ามาในห้องแต่งตัว
“โอ้โห วันนี้คุณน้ารวิสวยจังเลยค่ะ”
รวิปรียากับอิงอรหันมามอง รวิปรียาโน้มตัวลงกอดตะวัน
“ตะวันก็สวยเหมือนกันค่ะ เหมือนเจ้าหญิงเลย”
“งั้นแม่ไปรอข้างนอกนะ ตะวันไปกับยายไหมลูก คุณพ่อกับน้ารวิจะได้คุยกัน”
“ค่ะ”
อิงอรจูงมือตะวันออกไป เทวาหันมามองรวิปรียาปลื้มๆ
“วันนี้คุณสวยมาก”
“ขอบคุณค่ะ”
“พิธีข้างนอกใกล้เริ่มแล้ว พร้อมไหมครับ” เทวายืนมือส่งให้รวิปรียา
รวิปรียามองมือเทวาแล้วตัดสินใจยื่นมือมาจับ “ค่ะ”
ทั้งคู่ยืนจับมือมองหน้ากัน ต่างคนต่างมีเรื่องในใจ
“ผมเคยฝันว่าวันหนึ่ง ผมจะได้กุมมือคุณและยืนอยู่เคียงข้างคุณ แต่ไม่เคยคิดว่าเราจะต้องมาแต่งงานกันเพราะเหตุผลแบบนี้”
“ขอโทษนะคะคุณเทวา ถ้าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีเหตุผลอื่นเข้ามาเกี่ยว ฉันคงเป็นผู้หญิงที่โชคดีและมีความสุขที่สุดในวันนี้”
รวิปรียาบอก
เทวา กำลังเดินทักทายแขกและเพื่อนๆที่มาร่วมงาน
นิมมานมองเทวาอยู่จากมุมหนึ่ง แล้วเดินตรงเข้ามาหา
“คุณเทวา”
“คุณนิมมาน ผมเซอร์ไพรส์มากนะที่เห็นคุณในงานนี้”
“ผมไม่ได้มาแสดงความยินดี และก็อย่าหวังว่าผมจะขอโทษเรื่องที่ผมต่อยคุณ เพราะคุณสมควรโดนมากกว่านั้นด้วยซ้ำ”
“ ผมก็ไม่หวังจะได้ยินคำขอโทษจากคุณเหมือนกัน จริงๆ แล้ว ผมต้องขอบคุณคุณมากกว่า เพราะหมัดของคุณแท้ๆที่ช่วยเรียกคะแนนสงสารจากรวิ จนรวิยอมแต่งงานกับผมในที่สุด”
นิมมานโกรธ “ต่อให้คุณได้ครอบครองตัวรวิ แต่ผมก็จะไม่หยุดอยู่แค่นี้”
“นี่คุณกำลังขู่จะแย่งว่าที่ภรรยาผมกลางงานแต่งงานของเราเหรอครับ”
“ผมไม่ได้ขู่ แต่ผมจะทำจริงๆ ถ้าผมไม่ได้รวิ ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะได้”
ทั้งคู่มองหน้ากัน ไม่มีใครยอมใคร
ช่วงพิธีหมั้นในโรงแม บรม วิษณุ อิงอรนั่งอยู่บนโซฟาบนเวทีในฐานะญาติผู้ใหญ่ของบ่าวสาว เทวากับรวิปรียากำลังก้มกราบรับพร
พัชชาไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปนั่งบนเวทีจึงได้แต่กระฟัดกระเฟียดอยู่กับเพชรพริ้ง
ดาริน ตะวัน และกลุ่มสาวๆ นั่งอยู่ที่แถบเดียวกัน มองคู่บ่าวสาวอย่างชื่นชมไปด้วย พนักงานคนหนึ่งเอียงตัวมากระซิบถามดาริน
“นี่คุณริศาเขาไปไหนของเขาคะคุณริน”
“เห็นบอกว่าลืมกล่องใส่ของชำร่วยน่ะ ก็เลยไปบอกพนักงานโรงแรมให้ช่วยยกมาให้” บนเวที เทวาสวมแหวนให้รวิปรียา เขามองรวิปรียาพอใจที่ทุกอย่างดำเนินไปตามแผน รวิปรียามีความสุข
ห่างออกไป นิมมานยืนมองภาพรวิปรียากับเทวาอย่างบาดตาบาดใจ
ต่อมา ... นิมมานออกจากห้องจัดงานมา เขาเดินเร็วๆ เพราะความชอกช้ำใจและหงุดหงิด
รริศาเดินถือกล่องของชำร่วยตรงมาทางห้องจัดงาน พอนิมมานออกมาโดยไม่ได้มองเขาก็บังเอิญชนเข้ากับ
รริศาที่หน้าประตูเข้างาน
“ว้าย !”
รริศาล้มลงกับพื้น กล่องตกลงข้างตัว เป็นเหตุให้กระโปรงแคบๆที่เธอใส่มาขาดแควกตรงช่วงต้นขา
“ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
นิมมานจึงหันไปเก็บกล่องขึ้นมาให้ ส่งมือให้รริศาจับเพื่อดึงตัวเองขึ้นมายืน รริศาเพิ่งเห็นว่ากระโปรงเธอขาด ก็เลยจับปิดไว้ด้วยความอาย
“ขอบคุณค่ะคุณนิมมาน”
นิมมานสะดุดใจที่รริศารู้จักชื่อเขา
“คุณรู้จักผมด้วยเหรอ”
“ครอบครัวเราทำธุรกิจเดียวกันก็ต้องรู้จักสิคะ ริศาเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เทวา เป็นหลานของคุณลุงบรมค่ะ”
นิมมานสนใจรริศาขึ้นมาทันที โดยเฉพาะเมื่อรริศามีท่าทีเขินอายเมื่อพูดคุยกับเขา นิมมานได้ทีจึงหว่านเสน่ห์กับรริศาเสียเลย
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณ....?”
“รริศาค่ะ เรียกริศาก็ได้ค่ะ”
“ครับ ริศา” เขาส่งสายตาเจ้าชู้มอง แล้วมองที่ต้นขาของรริศาซึ่งกระโปรงขาดอยู่
นิมมานถอดเสื้อสูทออกให้รริศา
“ใส่คลุมไว้สิครับ”
รริศารับเสื้อสูทมาสวมทับชุดตัวเอง ความยาวเสื้อพอจะคลุมชุดช่วงที่ขาดได้บ้าง
“ขอบคุณมากค่ะ”
“วันนี้ผมมีธุระต้องไปก่อน แต่หวังว่าเราคงมีโอกาสได้เจอกันอีก”
“แล้วเสื้อคุณล่ะคะ”
“ไว้คืนผมตอนที่เราเจอกันอีกครั้งแล้วกันครับ”
นิมมานเดินไป รริศามองตาม เธอมีท่าทีสนใจนิมมานอยู่แล้วยิ่งประทับใจในความเป็นสุภาพบุรุษ
บรรยากาศช่วงพิธีรดน้ำสังข์ เทวากับรวิปรียาในชุดแต่งงานแบบไทยนั่งอยู่บนตั่งสำหรับรดน้ำ ดารินช่วยเป็นคนถือพานใส่สังข์ ข้างๆคือตะวัน รริศา และแจนยืนประกบอยู่บริเวณนั้น แขกผู้ใหญ่บางคนรดน้ำสังข์ไปแล้ว ยืนคุยกันอยู่ห่างออกไป
อิงอรกำลังรดน้ำสังข์ให้เทวา
“รวิเป็นแก้วตาดวงใจของแม่และคุณวิษณุ เราเลี้ยงเขามาอย่างดีเพื่อให้เขาได้มีชีวิตที่ดีที่สุด ตอนนี้แม่ได้วางดวงใจของแม่ในมือคุณเทวาแล้ว หวังว่าคุณจะรักและทนุถนอมดวงใจดวงนี้เหมือนอย่างที่แม่เคยทำ ฝากรวิด้วยนะคะคุณเทวา”
เทวาฟังอิงอรแล้วรู้สึกผิดอยู่ข้างใน ยิ้มรับเจื่อนๆ ไม่กล้าสบตาอิงอรตรงๆ อิงอรขยับไปรดนำสังข์ให้รวิปรียา
“วันที่ลูกได้เป็นฝั่งเป็นฝา คือวันที่แม่ดีใจที่สุด ต่อไปนี้ลูกก็โตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวซะที มีอะไรก็คุยกันด้วยเหตุผล อย่าใช้อารมณ์นะลูก แม่ขอให้รวิมีความสุขนะลูกนะ”
อิงอรรดน้ำให้คู่บ่าวสาวเสร็จแล้วก็ไปยืนข้างวิษณุ วิษณุชวนอิงอรพูดคุยถึงบรรยากาศเก่าๆ
“เห็นลูกแต่งงานแล้ว นึกถึงบรรยากาศวันที่เราสองคนแต่งงานกันนะ วันนั้นคุณสวยมากจริงๆ”
“มันผ่านมานานมากแล้วค่ะ ฉันจำอะไรไม่ได้แล้ว”
“แต่ผมยังจำทุกอย่างได้ชัดเจน เหมือนเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน”
รวิปรียาหันไปมองพ่อกับแม่แล้วก็พลอยมีความสุขไปกับแม่ด้วย เป็นจังหวะเดียวกับที่พัชชาเข้ามารดน้ำสังข์ให้เทวา
“ยินดีด้วยนะคะคุณเทวา” ก่อนเดินต่อมาที่รวิปรียา
“ชีวิตคู่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ยังไงก็อย่าประมาทนักล่ะคะ เพราะถ้าพลาดขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่ใช่หนูรวิคนเดียวที่จะเสียใจ แต่คนที่จะเจ็บปวดที่สุดก็คือ...” พัชชาปรายตาไปมองอิงอร แล้วกลับมามองรวิปรียาเหมือนกำลังส่งสัญญาณเตือน ขู่ๆ “แม่ของหนูรวิไงล่ะคะ”
รวิปรียามองพัชชาอย่างเย็นชา ไม่เป็นมิตร
เพชรพริ้งปรากฏตัวขึ้น หยิบสังข์จากพานที่ดารินถืออยู่แบบเชิดๆ ดารินกับรริศาหันไปมองหน้ากัน
เพชรพริ้งก้าวไปตรงหน้าเทวา
“อยากจะบอกคุณว่า วันนี้เป็นวันที่พริ้งเศร้าที่สุด แต่ถ้านี่เป็นความสุขของคุณ พริ้งก็ดีใจด้วยค่ะ”
แล้วเพชรพริ้งก็ก้าวไปตรงหน้ารวิปรียา ทั้งคู่จ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนจะรดน้ำ เพชรพริ้งโน้มตัวไปหารวิปรียาพลางกระซิบ
“จะบอกให้เอาบุญนะ ว่าระหว่างฉันกับคุณเทวา มันมีอะไรมากกว่าที่เธอเคยเห็น ถ้าเธออยากได้นิมมานคืนก็เอาไป ส่วนคุณเทวาเป็นของฉัน ระวังเอาไว้ให้ดี เพราะฉันก็กำลังจะเอาของของฉันคืนเหมือนกัน”
จากนั้นเพชรพริ้งก็เทน้ำสังข์พรวดใส่มือรวิปรียาอย่างเสียไม่ได้
เทวาลอบมองสองสาวอยู่ แม้จะได้ยินไม่ชัดแต่ก็เห็นได้ว่าเพชรพริ้ง อาจเป็นเครื่องมือของเขาได้
อ่านต่อตอนที่ 12
#ใจลวง #thaich8 #ละครออนไลน์