ใจลวง ตอนที่ 9
วิษณุเพิ่งกลับเข้าบ้านมาหลังจากเลิกงาน พัชชารีบตรงดิ่งเข้ามาต้อนรับ
"กลับมาแล้วหรือคะคุณพี่ พัชทำน้ำตะไคร้เย็นๆไว้ให้ มาดื่มให้ชื่นใจก่อนสิคะ"
พัชชาเกาะแขนพาวิษณุมานั่งลงที่โซฟา มีน้ำตะไคร้วางรอไว้แล้ว พัชชารีบกุลีกุจอหยิบแก้วส่งให้วิษณุดื่ม
"ขอบใจมากพัช"
"วันนี้เหนื่อยไหมคะคุณพี่"
วิษณุพอจะดูออกว่าพัชชาเอาใจเพราะต้องการอะไรบางอย่าง
"ได้ยินว่าพัชไปหาพี่ที่บริษัท มีอะไรหรือเปล่า"
"อ๋อ ไม่มีอะไรค่ะ พอดีพัชนัดกินข้าวกับเพื่อนๆแถวนั้น พอเสร็จแล้วก็เลยแวะเข้าไปหา แต่พัชไม่รู้ว่าคุณพี่ออกไปคุยงานข้างนอก"
พัชชารอจังหวะให้วิษณุจิบน้ำเสร็จแล้วจึงเข้าเรื่อง
"เอ่อ คุณพี่คะ วันนี้พัชเจอรัชตาเลขาของคุณพี่ เห็นเขากำลังจะลาคลอด คุณพี่ได้คนมาทำงานแทนหรือยังคะ"
"รวิกำลังหาให้อยู่"
"งั้นก็ดีเลยค่ะ พัชมีคนนึงที่จะแนะนำให้ไปทำงานแทนรัชตา"
"ใครล่ะ"
"ยัยพริ้งไงคะ"
"พริ้งน่ะเหรอ เขาจะทำได้เหรอ"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ พริ้งเองก็เรียนด้านการตลาดมาเหมือนกับหนูรวิ คณะเดียวกันซะด้วย แค่ไปเรียนรู้งานอีกนิดหน่อยยัยพริ้งต้องทำได้ดีแน่ๆค่ะ"
"เรื่องนี้..." วิษณุลังเล "พี่ขอคิดดูก่อนแล้วกันนะ"
"อย่าลืมนะคะว่ายัยพริ้งเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล เป็นหลานแท้ๆของคุณพี่ ที่จริง บริษัทสยามเอ็นจิเนียริ่งก็ควรเป็นของคุณกุเทพด้วยครึ่งนึง แต่เสียดายคุณกุเทพไม่เคยมีโอกาสแม้แต่จะไปเหยียบที่นั่นด้วยซ้ำ"
วิษณุมองหน้าพัชชา ถอนหายใจ "พี่เองก็รู้สึกผิดเรื่องนั้นอยู่เหมือนกัน"
"งั้นคุณพี่ก็ควรจะชดใช้ความรู้สึกผิดด้วยการรับพริ้งเข้าไปทำงาน ตอนนี้บริษัทเราก็กำลังขยายตัว กำลังต้องการคนที่เชื่อใจได้มาช่วยงาน คุณพี่น่าจะสนับสนุนคนครอบครัวตัวเอง ยังไงก็ดีกว่าไปหาคนนอกที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้า"
วิษณุเริ่มคิด ในใจก็รู้สึกผิดต่อน้องชายที่จากไปแล้วจริงๆ จึงใจอ่อน
"งั้นถ้าพริ้งเขาพร้อม ก็ให้เข้าไปเรียนรู้งานจากรัชตาเลยแล้วกัน อาทิตย์หน้าเห็นว่าจะลาคลอดแล้ว"
พัชชาไหว้แนบอก เอาอกเอาใจ "ขอบคุณค่ะคุณพี่"
พัชชาพอใจกับแผนตัวเอง
เทวากับดารินนั่งคุยงานอยู่กับบรมในห้องทำงานของบรม
"โครงการใหม่ที่ปากช่องของเราจะใช้ชื่อว่า The Wood Land ตามคอนเซ็ปต์ที่ทีมสถาปนิกได้วางไว้ ตอนนี้รินแจ้งนักข่าวไปแล้วว่าเราจะจัดงานแถลงข่าวเรื่องโครงการนี้ในวันจันทร์หน้า"
"ดีมาก" บรมบอก
"แล้วเรื่องเซ็นสัญญากับสยามเอ็นจิเนียริ่งล่ะครับคุณพ่อ"
"ก็จัดให้มีการลงนามเซ็นสัญญาความร่วมมือระหว่างสองบริษัทในวันแถลงข่าวซะด้วยเลย"
"ได้ค่ะ เดี๋ยวรินจะจัดการให้"
"ถ้ามีการเซ็นสัญญาออกสื่อ ก็เท่ากับว่าเราส่งสัญญาณให้ทางนิรมิตรู้ว่าเรากับสยามเอ็นจิเนียริ่งกำลังจะเป็นพันธมิตรกัน งานนี้ต้องมีคนเต้นแน่"
"นั่นแหละที่พ่อต้องการ แล้วก็มีเรื่องสำคัญอีกเรื่องนึง ในงานแถลงข่าว พ่อจะถือโอกาสประกาศลงจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร"
"ว่าไงนะคะคุณพ่อ" ดารินว่า
"พ่อจะให้เทวาขึ้นมาเป็นประธานกรรมการทำหน้าที่บริหารงานทั้งหมดแทน ส่วนรินก็ดูแลเรื่องลูกค้าสัมพันธ์ กับงานประชาสัมพันธ์ เริ่มลงมือปรับภาพลักษณ์ของบริษัทเราให้ดูทันสมัยขึ้น"
"แล้วคุณพ่อล่ะคะ"
"พ่อจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาอยู่เบื้องหลัง"
"ไม่จำเป็นต้องรีบขนาดนี้ก็ได้นี่ครับคุณพ่อ"
"ยังไงซะ วันนึงแกก็ต้องขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้แทนพ่ออยู่แล้ว และทุกวันนี้แกเองก็ทำงานแทนพ่อได้เกือบจะหมดทุกอย่าง แล้วอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้หนูรวิปรียาและวิษณุเห็นคุณค่าในตัวแกมากขึ้น"
เทวานึกถึงรวิปรียาอย่างเครียดๆ
วันเดียวกัน เพชรพริ้งยืนกร่างอยู่กลางบริษัท ท่ามกลางพนักงานอื่นๆ
"ห้องทำงานฉันอยู่ไหน"
รัชตาบอก "โต๊ะทำงานเลขาคือตรงนี้ค่ะ คุณพริ้ง"
"โต๊ะทำงาน ตรงนี้น่ะเหรอ นี่..สติยังดีกันอยู่หรือเปล่า ถ้าเธอยังมีสมองกันอยู่บ้างก็น่าจะรู้นะว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นหลานสาวของเจ้าของบริษัทนี้ แล้วฉันก็กำลังจะมาเป็นเลขาส่วนตัวของคุณลุง จะให้ฉันมานั่งปะปนกับพนักงานระดับล่างได้ยังไง"
พนักงานหันไปกระซิบกระซาบกัน พนักงาน1 กำลังยืนจิบกาแฟค้างอยู่
"พนักงานระดับล่าง นี่เขาหมายถึงพวกเราเหรอ"
พนักงาน 2 บอก "นิสัยแบบนี้ถอดแบบแม่มาเป๊ะ"
"ถ้าไม่มีห้องทำงานส่วนตัวฉันก็จะไม่ทำงานที่นี่"
รัชตาตัดความรำคาญ "งั้นก็แล้วแต่คุณพริ้งเถอะค่ะ"
"พูดแบบนี้หมายความว่าไง นี่เธอจะไล่ฉันกลับงั้นเหรอ"
รัชตาทำหน้าละเหี่ยใจ พูดอะไรไปก็ไม่ไม่เข้าหูเพชรพริ้ง
ด้านเทวากับดารินออกมาจากห้องของบรมด้วยกัน ดารินแซวพี่ชายทันที
"แสดงความยินดีล่วงหน้าเลยนะคะท่านประธาน โอกาสดีแบบนี้ท่านประธานควรจะพาน้องสาวสุดที่รักไปเลี้ยงฉลองสักมื้อนึงนะคะ"
เทวายิ้มเนือยๆ ไม่ตื่นเต้นอะไรนัก ดารินแปลกใจ
"ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ พี่เทวาไม่อยากรับตำแหน่งแทนคุณพ่อเหรอ"
"พี่แค่รู้สึกว่าเหตุผลที่จะผลักดันให้พี่ขึ้นรับตำแหน่งประธานกรรมการของคุณพ่อมันไม่เมคเซนส์"
"ไม่เมคเซนส์ยังไงคะ คุณพ่อก็พูดถูกแล้วว่าในอนาคตพี่ก็ต้องขึ้นมาบริหารบริษัทนี้อยู่ดี แล้วก็จะเป็นการสร้างมูลค่าในตัวพี่ คุณรวิเขาจะได้หันมาสนใจพี่เทวามากขึ้น ผู้หญิงทุกคนก็ชอบผู้ชายที่ดูมั่นคง มีอนาคต ทั้งนั้นแหละค่ะ"
"แต่ถ้าเขาเห็นค่าของพี่ เพียงเพราะพี่ได้เลื่อนเป็นประธานบริษัทเต็มตัว รวิปรียาก็คงไม่ใช่ผู้หญิงที่คู่ควรกับพี่"
เทวาเดินจากไป ส่วนดารินได้แต่มองตามงงๆ
"นี่พี่เทวาเป็นอะไร เดี๋ยวก็ทำเหมือนรักเขา เดี๋ยวก็เหมือนโกรธเขาอยู่ จะเอายังไงกันแน่"
รวิปรียาออกมาจากห้องทำงาน เพชรพริ้งกำลังเหวี่ยงอารมณ์เกรี้ยวกราดใส่รัชตา
"เธอมันก็แค่เลขากระจอกๆ ฉันจะฟ้องคุณลุงให้ไล่เธอออก ลาคลอดแล้วก็ไม่ต้องกลับมาทำงานที่นี่อีก"
รัชตารับมืออย่างสงบ ไม่สนใจจะต่อล้อต่อเถียง แต่รวิปรียาเป็นฝ่ายทนไม่ได้
"เธอไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับเลขาของคุณพ่อ เธอเป็นแค่เด็กฝึกงาน ส่วนคนที่เธอว่าเขากระจอกน่ะ เขาเป็นเลขาที่ทำงานที่นี่มาเกือบยี่สิบปี ลองไปฟ้องดูสิจะได้รู้กันว่าคุณพ่อจะไล่ใครออก"
เพชรพริ้งสะอึกไป ฮึดฮัด
"แล้วห้องทำงานส่วนตัวน่ะ เขามีไว้สำหรับระดับผู้บริหาร ส่วนเลขาชั่วคราวอย่างเธอ ได้นั่งโต๊ะหน้าห้องคุณพ่อก็ยังถือว่าดีเกินไปด้วยซ้ำ"
"นังรวิ!"
รวิปรียาหันไปหารัชตา
"เหนื่อยหน่อยนะคะคุณรัช นอกจากจะคอยดูแลเรื่องงานทั้งหมดให้คุณพ่อแล้ว ยังต้องมาคอยสอนงานให้พวกคางคกขึ้นวอด้วย"
รัชตาแอบสะใจ "รัชทนได้ค่ะคุณรวิ"
"นี่แกแขวะฉันเหรอ! เรื่องเก่าฉันยังไม่ได้จัดการ นี่จะหาเรื่องชวนทะเลาะเรื่องใหม่ใช่ไหม"
"ถ้าคิดจะมาทำงานที่นี่ ก็อย่าเอาพฤติกรรมต่ำๆมาใช้ สำนึกไว้ด้วยว่า ฉัน..อยู่ในฐานะเจ้านายของเธอ"
"เจ้านายงั้นเหรอ"
เพชรพริ้งหันไปแย่งแก้วกาแฟในมือของพนักงาน1 มาแล้วสาดใส่รวิปรียาทันที โดยรวิปรียาไม่ทันตั้งตัว กาแฟเปื้อนเปียกเสื้อของรวิปรียา ทุกคนตรงนั้นตกใจ
"ว้าย ตายแล้ว คุณรวิ"
"ฉันไม่สนว่าแกจะเป็นใครในบริษัท แต่สำหรับฉัน..แกก็เป็นแค่ผู้หญิงร่านที่คอยจ้องแต่จะจับผัวชาวบ้าน"
แต่รวิปรียายังระงับอารมณ์ไว้ได้ ยังนิ่งอยู่แล้วบอกรัชตา
"คุณรัชตาคะ ก่อนที่คุณจะลาหยุด รวิมีเรื่องอยากให้คุณช่วยทำเป็นงานสุดท้าย"
"อะไรคะคุณรวิ"
"โทร.ไปสั่งระงับบัญชีและบัตรเครดิตทุกใบที่เป็นชื่อของเพชรพริ้ง"
"นี่แกกล้าเหรอ"
แทนที่จะตอบเพชรพริ้ง รวิปรียาหันไปย้ำกับรัชตาแทน
"ทำเดี๋ยวนี้เลย"
รัชตารีบไปตามคำสั่ง รวิปรียาก้าวเข้าไปใกล้เพชพริ้ง พูดเบาๆ
"นี่เป็นแค่การเตือนเท่านั้น ถ้าเธอยังไม่หยุดทำตัวระรานฉันด้วยนิสัยต่ำๆ ฉันจะทำให้เธอ ไม่เหลืออะไรเลย"
เพชรพริ้งเงื้อมือตบรวิปรียาเต็มฉาดทันที รวิปรียาหน้าหัน
"มันจะมากเกินไปแล้วนะเพชรพริ้ง"
แล้วรวิปรียาก็ตบเพชรพริ้งคืน เพชรพริ้งหันมาจะตบกลับ แต่วิษณุออกมาปรามพอดี
"หยุดเดี๋ยวนี้" วิษณุมองทั้งคู่เป็นเชิงตำหนิ "ที่นี่เป็นที่ทำงานนะ ไม่ใช่ตลาดสด!"
เพชรพริ้งลดมือลงอย่างเกรงใจ รวิปรียาก็สลดลงเล็กน้อย
วิษณุนั่งเครียดอยู่ในห้อง สักพักมีเสียงเคาะประตู
"เชิญ"
รวิปรียาเปลี่ยนชุดแล้ว เปิดประตู เดินเข้ามาในห้องวิษณุ แล้วยกมือไหว้วิษณุพร้อมกล่าวขอโทษ
"รวิขอโทษค่ะคุณพ่อ"
"เอาเถอะ พ่อเข้าใจว่ารวิไม่ใช่คนก่อเรื่อง พ่อคิดผิดเองที่ให้เพชรพริ้งเข้ามาทำงาน พ่อรู้ว่าพริ้งอาจจะสร้างความวุ่นวายในบริษัท แต่พอคิดว่าเขาเป็นลูกของกุเทพ ก็อดสงสารไม่ได้" วิษณุหยุดพูดไป แล้วถอนหายใจ "ที่จริงอากุเทพควรจะมีสิทธิ์ในบริษัทนี้ด้วย แต่นี่อาเขาไม่อยู่แล้ว จะให้พ่อนิ่งดูดายเรื่องลูกๆของเขาพ่อก็ทำไม่ได้"
"รวิเข้าใจค่ะ แต่จะว่าไปทุกวันนี้คุณพ่อก็ไม่มีอะไรติดค้างอากุเทพแล้ว เพราะคุณพ่อดูแลส่งเสียเลี้ยงดูทั้งเพชรพริ้ง เพชรแท้ โดยเฉพาะ... อาพัชชา"
วิษณุรู้ว่าคำพูดสุดท้ายของรวิปรียามีการประชดแฝงอยู่ ก็ได้แต่รู้สึกผิด ถอนหายใจ
"นี่รวิประชดพ่อใช่ไหม"
"คุยเรื่องงานเถอะค่ะคุณพ่อ คุณพ่อคงทราบเรื่องงานแถลงข่าวของบริรักษ์แล้ว"
"ใช่ ทางโน้นเพิ่งแจ้งพ่อมาว่าจะให้เราลงนามเซ็นสัญญากันในวันแถลงข่าวเลย รวิไปกับพ่อนะ"
"ช่วงนี้รวิยุ่งๆเคลียร์งานอื่นอยู่น่ะค่ะ คงไปไม่ได้"
"รวิไม่ไป อาทิตย์หน้ารัชตาก็ลางานแล้ว งั้นพ่อคงจะให้เพชรพริ้งติดตามไปด้วยในฐานะเลขา"
รวิปรียาแอบทำสีหน้าเพลียกับเพชรพริ้ง
วันใหม่ ... บรรยากาศในบริษัท BR Construction มีการจัดเตรียมบรรยากาศงานแถลงข่าว โต๊ะที่จัดไว้สำหรับลงนามเซ็นสัญญา มีเวทีเล็กๆเตรียมไว้สำหรับการปราศรัย นักข่าว 3-4 คนรอการเริ่มงาน นักข่าวบางคนกำลังสัมภาษณ์บรม
เทวา ดาริน กำลังคุยกับแขกในงานบางคนอยู่
วิษณุเข้ามาในงานพร้อมด้วยเพชรพริ้ง เมฆาซึ่งคอยรอรับแขกอยู่แล้ว มองเห็นวิษณุก่อนจึงรีบเข้าไปต้อนรับ
"สวัสดีครับ คุณวิษณุ เชิญด้านในเลยครับ"
วิษณุรับไหว้ แล้วเมฆาเพิ่งเห็นว่าคนที่ตามหลังวิษณุมาคือเพชรพริ้ง
"คุณพริ้ง! มาได้ยังไงครับเนี่ย"
"สวัสดีค่ะ คุณเมฆา"
"อ้าว นี่รู้จักกันแล้วเหรอ"
"คุณเมฆานี่ไงคะคุณลุง ที่ช่วยพริ้งไว้ตอนอุบัติเหตุคราวก่อน เขาเป็นคนพาพริ้งไปส่งโรงพยาบาล"
"งั้นเหรอ ขอบคุณมากนะเมฆา เพชรพริ้งเป็นหลานสาวผมเอง ตอนนี้มาทำงานเป็นเลขาของผมด้วย"
"งั้นต่อไปนี้เราคงได้ร่วมงานกันบ่อยๆนะครับ คุณเพชรพริ้ง เชิญคุณวิษณุไปนั่งรอก่อนนะครับ สักพักการแถลงข่าวก็คงจะเริ่มแล้ว"
เทวายืนอยู่ไกลๆ กำลังคุยกับแขกในงานอยู่ เมื่อเห็นวิษณุก็ชะเง้อมองหารวิปรียาแต่เห็นวิษณุมากับเพชรพริ้งก็ผิดหวังที่รวิปรียาไม่มา
เมฆาจัดการพาวิษณุกับเพชรพริ้งไปนั่งที่โซฟารับแขกแล้วก็เข้ามาหาเทวา
"คุณอาวิษณุมากับใคร"
"เลขาคนใหม่ครับ"
"แล้ว..." เทวาลังเลว่าจะถามดีไหม
เมฆาตอบแทนเหมือนรู้ใจเจ้านาย "คุณรวิปรียาใช่ไหมครับ วันนี้คุณรวิไม่มาครับ"
เทวาแอบผิดหวังเล็กน้อย "ว่าแต่เลขาคนใหม่นี่หน้าคุ้นๆนะ"
"คุณเพชรพริ้งไงครับ เราเคยเจอคุณเพชรพริ้งที่บาร์หนนึง แล้วก็เป็นผู้หญิงที่ผมช่วยพาไปโรงพยาบาลตอนเขาเกิดอุบัติเหตุ"
"มิน่าล่ะ"
"คุณเพชรพริ้งเพิ่งแต่งงานไปกับคุณนิมมาน"
"แต่งงานกับนิมมาน งั้นก็...ถึงว่าทำไมคุ้นหน้า"
"ครับ แล้วคุณพริ้งก็ยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณรวิด้วย"
เทวามองไปที่เพชรพริ้ง นึกอยู่ว่าเขาจะสามารถสืบอะไรได้บ้างจากเธอ
บรมยืนอยู่บนเวที กำลังแถลงข่าว
"ก่อนที่เราจะทำการลงนามร่วมทุนกันในวันนี้ ทางผมและBR Construction มีเรื่องสำคัญอีกเรื่องนึงที่จะประกาศให้ทุกท่านได้ทราบ"
แขกอื่นในงาน วิษณุ เพชรพริ้ง นั่งอยู่ด้านหน้าเวที ส่วนเทวา ดาริน เมฆา ยืนอยู่ข้างเวทีอีกมุมหนึ่ง"ขณะนี้ทางบริษัทของเราได้มีการปรับเปลี่ยนรายชื่อผู้ถือหุ้น โดยผู้ที่มีจำนวนหุ้นมากที่สุด 51% คือนายเทวา บริรักษ์ ลูกชายของผมเอง และผมเองก็กำลังจะลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ เพื่อส่งต่อให้กับผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างเทวาขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน"
เสียงแขกในงาน พนักงาน และนักข่าวฮือฮา
"คณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้งเทวาให้เป็นประธานกรรมการบริหารคนใหม่แทนตำแหน่งของผม ส่วนผมเองจะไปนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษา การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป"
คนในงานหลายคนหันมาพูดคุยกันเรื่องเทวา ช่างภาพต่างหันกล้องถ่ายภาพไปทางเทวา ยิงแฟลชกันกระหน่ำ
เพชรพริ้งหันไปมองเทวา ที่ดูโดดเด่นอยู่ท่ามกลางนักข่าวและแสงแฟลช เพชรพริ้งเห็นเทวาแล้วตาลุกวาว
ต่อมา .... เทวาแถลงข่าวเรื่องโครงการใหม่อยู่บนเวที จอโปรเจคเตอร์ทางด้านหลังฉายภาพกราฟฟิคดีไซน์ของโครงการ
วิษณุนั่งอยู่ที่โต๊ะสำหรับเซ็นสัญญา
"โครงการ The Wood Land จะเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรูที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และอ้อมกอดของขุนเขา โครงการนี้เป็นโครงการแรกที่ BR Construction กับสยามเอ็นจิเนียริ่งลงทุนทำธุรกิจร่วมกันในฐานะหุ้นส่วน"
เพชรพริ้งนั่งอยู่ด้านหน้าเวที หญิงสาว 2 คนคุยกันอยู่เบื้องหลังเธอ
"ถ้าผู้บริหารบริรักษ์คนใหม่จะหนุ่มและหล่อขนาดนี้ ฉันว่าฉันย้ายมาทำงานที่บริษัทนี้ ซะเลยดีไหมเนี่ย"
"ที่สำคัญยังไม่แต่งงานซะด้วย"
เพชรพริ้งปรายตาไปมองด้านหลัง เงี่ยหูฟังอยู่ แล้วยิ่งมั่นใจว่า เทวาคือคนที่เธอตามหามาแสนนาน
"เมื่อมีผู้นำด้านอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้างอย่างสยามเอ็นจิเนียริ่งลงมาดูแลงานนี้ด้วยตัวเอง ผมมั่นใจว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการที่ดีที่สุด และทันสมัยที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา"
เทวากับวิษณุนั่งอยู่ที่โต๊ะต่างลงนามเซ็นชื่อในสัญญาคนละฉบับ นักข่าวถ่ายภาพ
จากนั้นเทวากับวิษณุก็จับมือกันให้นักข่าวถ่ายภาพ
ในห้องแถลงข่าว บรรยากาศหลังการถ่ายภาพร่วมกัน บรมกับวิษณุกำลังยืนคุยกันโดยมีดารินอยู่ด้วย และอีกมุมหนึ่งนักข่าว 3-4 คนสัมภาษณ์เทวาอยู่โดยมีเมฆาคอยยืนประกบอยู่
"ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่คุณพ่อไว้ใจผม ทุกวันนี้ผมก็ดูแลงานส่วนใหญ่แทนคุณพ่ออยู่แล้ว"
นักข่าว 1 ถาม "แล้วต่อจากโปรเจ็กต์นี้ทาง BR กับ สยามเอ็นจิเนียริ่ง มีโครงการอะไรที่จะทำร่วมกันอีกหรือเปล่าคะ"
"คงต้องรอให้โปรเจ็กต์นี้ขึ้นงานไปสักระยะหนึ่งครับ เราถึงจะวางแผนต่อ"
เพชรพริ้งยืนมอง เห็นนักข่าวยกมือไหว้ขอบคุณเทวา และแยกตัวออกไป
เพชรพริ้งถือโอกาสเข้ามาแนะนำตัวกับเทวาทันที
"สวัสดีค่ะ คุณเทวา ดิฉันเพชรพริ้งค่ะ" พร้อมๆกับยื่นมือไปให้จับ ยิ้มหวาน
"คุณพริ้งเป็นเลขาของคุณวิษณุครับ" เมฆาบอก
เทวาจับมือกลับ "ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเพชรพริ้ง"
"แล้วพริ้งก็เป็นหลานสาวของคุณลุงวิษณุด้วยค่ะ พริ้งได้ยินชื่อคุณเทวาบ่อยๆ แต่เพิ่งเจอตัวจริงก็วันนี้เอง"
"หวังว่าคงจะได้ยินชื่อผมในทางที่ดีนะครับ"
"แหม ก็ต้องดีสิคะ เขาบอกกันว่าคุณเทวาเป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จทั้งที่อายุยังน้อย ตอนนี้พริ้งรู้แล้วค่ะว่าที่พริ้งได้ยินมาไม่ผิดเลยสักนิด"
ดารินเข้ามาร่วมวงสนทนา มองเพชรพริ้งอย่างสงสัย
"พี่เทวา"
"นี่ดาริน น้องสาวผมครับ ตอนนี้ช่วยดูแลเรื่องการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของบริษัทเรา ริน.. นี่คุณเพชรพริ้ง เลขาและหลานสาวคุณอาวิษณุ"
"สวัสดีค่ะ"
"สวัสดีค่ะ รินทราบแล้วค่ะ เราเพิ่งไปงานแต่งงานคุณเพชรพริ้งมาไงพี่เทวา แต่คุณเพชรพริ้งคงจำรินไม่ได้"
"อ๋อ คืนวันงานคนเยอะมากเลยน่ะค่ะ พริ้งจำไม่ค่อยได้ว่าใครเป็นใคร"
"คุณเพชรพริ้งเป็นหลานสาวของคุณอา วิษณุ งั้นคุณกับคุณรวิก็เป็นญาติกัน"
"ก็ใช่ค่ะ แต่รวิเขาคงไม่อยากนับญาติกับพริ้งเท่าไหร่"
"ทำไมล่ะคะ"
"ก็ลองไปถามเขาดูเองสิคะว่าทำอะไรไว้"
เทวาสนใจกับประโยคนี้ทันที
"ยังไงก็ยินดีกับตำแหน่งใหม่ด้วยนะคะคุณเทวา ตอนนี้เราเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันแล้ว ต่อไปคงได้เจอกันบ่อยๆ"
เพชรพริ้งเดินจากไป ดารินกับเมฆามองตาม
"ท่าทางคุณพริ้งกับคุณรวิจะไม่ลงรอยกัน นะครับ" เมฆาว่า
"แฟนเก่าคุณรวิกลายไปเป็นสามีของคุณพริ้ง ถ้าสองคนนั้นยังรักกันได้ก็แปลกแล้วล่ะคะ" ดารินบอก
เทวาหันไปมองเพชรพริ้ง มั่นใจว่าเขาจะสืบเรื่องบางอย่างจากผู้หญิงคนนี้ได้
คืนนั้น พัชชานั่งลงบนเตียงอย่างตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อฟังเรื่องจากเพชรพริ้ง
"คุณเทวาน่ะเหรอลูก ได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทแทนพ่อเขาแล้ว"
ตาเพชรพริ้งเป็นประกาย
"ใช่ค่ะคุณแม่ ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ ทั้งหล่อ รวย เก่ง สมาร์ท เพอร์เฟ็คไปซะทุกอย่าง พริ้งเคยคิดว่านิมมานมีพร้อมทุกอย่างแล้ว แต่คุณเทวาพร้อมมากกว่าเป็นสิบเท่า"
"แม่ก็เคยเจอเขาแล้วที่งานแต่งงานของพริ้ง ตอนนั้นก็ยังคิดอยู่เลยว่าผู้ชายคนนี้น่าจะมีอนาคตไกลแน่ๆ เสียดายที่พริ้งเจอคุณเทวาช้าไป"
"แล้วก็เสียดายที่พริ้งไม่น่ารีบด่วนตัดสินใจแต่งงานกับนิมมานซะก่อน ไม่งั้นคงมีโอกาสเข้าไปตีสนิทกับคุณเทวาได้สนิทใจกว่านี้"
"แต่งงานแล้วก็ใช่ว่าจะหมดโอกาสซะหน่อย แต่งได้ก็หย่าได้ ถ้านิมมานทำตัวไม่ดีกับแกมากๆก็หาเรื่องหย่าซะ แล้วหันมาจับคุณเทวาแทน"
เพชรพริ้งคล้อยตามอย่างง่ายดาย ตาเป็นประกาย
นิมมานเดินเข้ามาในอาคารบริษัท สยามเอ็นจิเนียริ่ง จะตรงไปห้องทำงานของรวิปรียา
เพชรพริ้งนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานกำลังเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับเทวาและบ.บริรักษ์
เพชรพริ้งอ่านจากคอมพ์ "เทวา บริรักษ์ คลื่นลูกใหม่แห่งวงการเรียลเอสเตท"
พอเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นนิมมานที่กำลังตรงมา เพชรพริ้งเด้งลุกจากเก้าอี้ตรงเข้าไปขวางหน้า
"นี่คุณมาทำไมคะนิมมาน อย่าบอกนะว่ามาหา..."
นิมมานสวนขึ้น "ใช่ ผมมาหารวิ"
"นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ มาหาเมียน้อยถึงที่ทำงาน ทั้งที่เมียคุณก็นั่งหัวโด่อยู่ที่นี่ คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไร"
"เบาๆหน่อยได้ไหมพริ้ง คนเขามองกันทั้งออฟฟิศแล้ว"
"อย่ามาทำเป็นหน้าบาง ทีตอนคิดจะมากกมันถึงที่นี่ทำไมไม่รู้จักอาย มีสามีมักมากอย่างคุณ ฉันต่างหากที่จะต้องอาย คุณจะให้ฉันเอาหน้าไปไว้ที่ไหน"
"ผมมาคุยกับรวิเรื่องงาน ถ้าพูดกันดีๆไม่ได้ เราก็ไม่มีอะไรต้องพูดอีก"
นิมมานเดินเลี่ยงไปอย่างรำคาญ แต่เพชรพริ้งยังตามไปจนถึงหน้าห้องรวิปรียา
"นิมมาน หยุดเดี๋ยวนี้นะ เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง"
รวิปรียาเปิดประตูห้องออกมาพอดี
รวิปรียาแปลกใจ "นิมมาน!" เธอมองเพชรพริ้ง "นึกว่าใครเสียงดังโวยวายอยู่ข้างนอกเธอนี่เอง"
"ผมมีธุระจะคุยกับกับรวิ"
"นี่แกกล้าถึงขนาดนัดนิมมานมาเย้ยฉันต่อหน้าต่อตาเลยเหรอนังรวิ"
"สำหรับฉันกับนิมมาน เราไม่จำเป็นต้องนัด เพราะแต่ก่อนนิมมานเขาก็มาหาฉันที่นี่บ่อยๆอยู่แล้ว"
รวิปรียาเข้าไปคว้ากระเป๋าถือเตรียมไปข้างนอกกับนิมมานเพื่อเย้ยเพชรพริ้ง
"ไปกันเถอะค่ะนิมมาน ไปหาอะไรกินข้างนอกกันดีกว่า อยู่ที่นี่มีตัวก่อกวนคุยอะไรก็คงไม่สนุก"
รวิปรียาเดินนำออกไป นิมมานจะเดินตามแต่โดนเพชรพริ้งเกี่ยวแขนรั้งไว้
"นิมมาน หยุดเดี่ยวนี้นะ!"
"คุณนั่นแหละหยุด ผมเคยบอกแล้วไงว่าให้เราต่างคนต่างอยู่"
นิมมานสะบัดแขนหลุดจากเพชรพริ้งแล้วตามรวิปรียาไป เพชรพริ้งกรี๊ดไล่หลังไปอย่างไม่อายใคร
"นังรวิ..นี่ฉันจะไม่มีวันเอาชนะแกได้เลยงั้นเหรอ"
เพชรพริ้งยืนโกรธเกี้ยวอยู่พักหนึ่ง ก็หันกลับเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง พยายามสงบสติอารมณ์
เทวาเดินตรงมาทางเธอพอดี เพชรพริ้งไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
เพชรพริ้งเสียงอ่อนเสียงหวานทันที
"คุณเทวา มาได้ยังไงคะเนี่ย มีอะไรหรือเปล่าคะ"
" ผมมีธุระเรื่องงานกับคุณรวิน่ะครับ"
เพชรพริ้งตอบอย่างหมั่นไส้
"งั้นคุณเทวาก็คงเสียเวลาเปล่า รวิเขาควงสามีพริ้งออกไปข้างนอกแล้วล่ะคะ"
เทวาครุ่นคิดเรื่องที่เพชรพริ้งเป็นลูกพี่ลูกน้องของรวิปรียา แล้วรู้สึกว่าเพชรพริ้งอาจจะมีประโยชน์กับแผนแก้แค้น
"งั้น..ไหนๆผมก็มาแล้ว คุณเพชรพริ้งจะให้เกียรติไปทานข้าวกับผมสักมื้อได้ไหมครับ"
เพชรพริ้งแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง หูผึ่ง ตาโตเป็นประกาย ย่อมไม่ปฏิเสธโอกาสแบบนี้แน่นอน
นิมมานกับรวิปรียาเดินคุยกันมา ตรงที่เดิมที่เขาเคยขอรวิปรียาแต่งงาน
"มาที่นี่แล้วนึกถึงวันที่ผมขอรวิแต่งงาน วันนั้นเป็นวันที่ผมมีความสุขมากที่สุด"
รวิปรียาตัดบท ไม่อยากพูดเรื่องเก่า "ไหนว่ามีเรื่องงานจะคุยด้วยไงคะ"
"ผมอ่านข่าวที่สยามเอ็นจิเนียริ่งเข้าหุ้นทำคอนโดที่ปากช่องกับบริรักษ์แล้ว ผมอยากให้รวิกับคุณลุงคิดทบทวนดูให้ดี"
"รวิกับคุณพ่อทบทวนเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วค่ะ เราตัดสินใจไปแล้ว และที่สำคัญคุณพ่อก็เซ็นสัญญาไปแล้วด้วย ยังไงเราก็คงต้องเดินหน้าต่อ"
"หมายความว่าทางคุณจะยอมให้สยามเอ็นจิเนียริ่งถูกกลืนเข้าไปเป็นของบริรักษ์น่ะเหรอ"
"ตอนนี้เราแค่เป็นหุ้นส่วนกันในโครงการนี้ ส่วนเรื่องควบรวมกิจการทางรวิกับคุณพ่อยังไม่ได้ตัดสินใจ"
"ถ้าอย่างนั้น ผมหวังว่ารวิจะตัดสินใจเข้าร่วมกับนิรมิตแทนบริรักษ์ ถ้าทางคุณมีข้อเสนออะไรก็เสนอมาเลย ทางผมพร้อมจะรับฟังทุกอย่าง ขอแค่ให้คุณไม่ไปอยู่กับบริรักษ์"
"แปลกจังนะคะ ทำไมบริษัทใหญ่ๆ ต่างก็ต้องการให้สยามเอ็นจิเนียริ่งไปอยู่ด้วย ทั้งที่เราเองก็เป็นแค่ผู้ผลิตระดับกลางเจ้าหนึ่งเท่านั้น"
"สำหรับผม เหตุผลเดียวที่ผมต้องการสยามเอ็นจิเนียริ่งก็คือคุณ เพราะผมต้องการคุณ และไม่อยากจะเสียคุณไปให้คนอื่น"
รวิปรียาลำบากใจที่นิมมานวกเข้ามาเรื่องนี้อีก
ทางด้านเทวากับเพชรพริ้งดินเนอร์อยู่ด้วยกันในร้านอาหาร เพชรพริ้งมีความสุขและเต็มไปด้วยความหวัง
"เซอร์ไพรส์มากเลยนะคะที่จู่ๆคุณก็ชวนพริ้งมาทานข้าว"
"ผมคิดว่าไหนๆเราก็กำลังจะทำธุรกิจร่วมกัน ก็ควรจะสนิทสนมกันไว้บ้าง ที่ผ่านมา ผมดีลงานกับคุณรวิคนเดียว เพราะก่อนหน้านี้ผมไม่เคยเจอคุณพริ้งเลย"
"พริ้งเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานน่ะค่ะ"
"แปลกนะครับ ผู้หญิงส่วนใหญ่พอแต่งงานแล้วมักจะลาออกจากงาน แต่คุณพริ้งกลับเริ่มทำงานหลังจากแต่งงาน"
"ชีวิตแต่งงานพริ้งมีปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะ พริ้งเลยอยากทำงานจะได้ไม่ต้องฟุ้งซ่านเรื่องนิมมาน"
เทวาเริ่มเข้าแผน หลอกล้วงความลับ
"แต่คุณนิมมานเขาก็ดูเป็นคนดีนะครับ"
"เขาก็ไม่ได้แย่หรอกค่ะ แต่ถ้าเขาไม่นอกใจพริ้งไปหารวิปรียาก็จะดีมากกว่านี้"
เทวาทำเป็นไม่รู้ "คุณนิมมาน? กับคุณรวิ?"
นิมมานกำลังหยุดจับมือรวิปรียาเพื่อขอความเห็นใจ
"ผมรู้ว่าผมทำให้รวิเสียใจ ผมกำลังจัดการเรื่องเพชรพริ้งอยู่ ผมสัญญานะรวิ ว่าผมจะหย่ากับเพชรพริ้งให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะกลับมาแต่งงานกับรวิ"
"แล้วคุณคิดหรือคะว่า รวิยังอยากแต่งงานกับผู้ชายที่ผ่านการแต่งงานมาแล้ว"
"แล้วกับผู้ชายที่มีลูกติดแล้วล่ะ รวิโอเคกับมันหรือ"
รวิปรียาเงียบไปนิดนึง
"ถึงผมจะพลาดเรื่องเพชรพริ้ง แต่ผมก็รักรวิแค่คนเดียว ส่วนนายเทวา ใครๆเขาก็รู้ว่า มันเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ไม่เคยจริงใจกับใคร แถมยังไข่ทิ้งไว้มั่วซั่วไปหมด ลูกที่ติดมาเลี้ยงก็ไม่รู้ว่ามาจากผู้หญิงคนไหน คนแบบนี้รวิยังจะให้ค่ามันอีกเหรอ"
รวิปรียาตัดบท
"เขาจะเป็นยังไงมันก็ไม่ใช่ธุระของรวินี่คะ เพราะรวิกับคุณเทวาก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษต่อกัน ตอนนี้รวิยังไม่โอเคกับใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว"
"ถ้ารวิไม่อยากจะควบรวมกิจการกับนิรมิตเพราะผมเป็นต้นเหตุ ผมก็เข้าใจ แต่ผมไม่อยากให้รวิไว้ใจบริรักษ์ โดยเฉพาะนายเทวา ผมรู้สึกสังหรณ์ใจว่ามันกำลังคิดไม่ซื่อกับรวิ มันกำลังวางแผนอะไรบางอย่างโดยใช้เรื่องธุรกิจเป็นข้ออ้าง"
"เรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ รวิระวังตัวเองเสมอ คนเรา..เจ็บครั้งแรกเรียกว่าผิดพลาด เจ็บครั้งที่สองเรียกว่าโง่ แล้วรวิจะไม่ยอมเป็นคนโง่เด็ดขาด"
นิมมานอึ้งไป เพราะรู้ว่ารวิแขวะเขา
ทางด้านเพชรพริ้งยังคงใส่ไฟเรื่องรวิปรียาต่อ
"รวิเขากำลังพยายามจะแย่งสามีพริ้งค่ะ"
"แต่ผมรู้มาว่า ก่อนหน้าที่คุณนิมมานจะแต่งงานกับคุณ เขากับคุณรวิคบหากันมาก่อน"
"เรื่องนี้มันซับซ้อนกว่าที่คุณเห็นค่ะ ที่จริงแล้วพริ้งกับนิมมานเคยรักกันและคบกันมาก่อน ตอนนั้นรวิเขาไม่อยู่เมืองไทย แต่พอเรียนจบกลับมาเขาก็หว่านเสน่ห์ใส่นิมมาน จนนิมมานหวั่นไหวเปลี่ยนใจจากพริ้งไปคบกับรวิแทน"
เทวาฟังอย่างตั้งใจ เพชรพริ้งตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จหน้าตาเฉย
"หลังจากที่นิมมานหมั้นกับรวิแล้ว เขาก็เพิ่งพบความจริงว่ารวิชอบให้ท่าผู้ชายคนอื่นไปทั่ว แล้วก็ทำให้นิมมานเสียใจอยู่บ่อยๆ รวิเขาไม่ใช่ผู้หญิงแสนดี น่าทนุถนอมอย่างที่สร้างภาพไว้ นิมมานก็เลยขอเลิกแล้วกลับมาขอพริ้งแต่งงาน แต่ขนาดแต่งงานแล้วรวิเขาก็ยังไม่หยุดที่จะแกล้งพริ้ง" เธอเสียงเครือ จะร้องไห้
"ตอนนี้เขาพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อเรียกร้องความสนใจจากนิมมาน"
"ทำไมเขาต้องทำถึงขนาดนี้"
เพชรพริ้งน้ำตาคลอ
"รวิเขาเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ พริ้งกับแม่ต้องแบกหน้ามาอาศัยบ้านเขาอยู่เพราะพ่อพริ้งเสีย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็รังแกพริ้งมาตลอด อะไรที่เป็นของพริ้ง เขามักจะแย่งไปเป็นของตัวเองเสมอ รวิเขาเป็นพวกชอบเอาชนะโดยเฉพาะแย่งผู้ชายสักคน ไปจากคนรักของเขาได้ นั่นเป็นชัยชนะที่รวิชอบมาก"
"ผมเสียใจด้วยนะครับคุณพริ้ง"
"พริ้งโชคร้ายเองที่เกิดมาเป็นญาติกับเขา ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้พริ้งคงไม่ตัดสินใจแต่งงานกับนิมมานหรอกค่ะ เพราะจริงๆถ้าพริ้งอดทนรออีกนิดนึง พริ้งคงมีโอกาสที่จะเจอคนที่ดีกว่า"
เพชรพริ้งสะอื้นซับน้ำตาพลางค่อยยื่นๆมือไปสัมผัสมือเทวาอย่างจงใจเหมือนจะหยั่งเชิง เทวาไม่ได้สนใจที่จะเอามือออก ตบหลังมือเพชรพริ้งให้กำลังใจ แต่จิตใจครุ่นคิดเรื่องรวิปรียา เชื่อสนิทใจว่ารวิปรียาเป็นผู้หญิงไม่ดี
ต่อมา พัชชาคุยกับเพชรพริ้งอยู่ในห้อง พัชชาถามเพชรพริ้งอย่างลิงโลดใจ
"นี่แกกำลังจะบอกแม่ว่า คุณเทวาเขาหลงเสน่ห์แกแล้วงั้นเหรอ"
"ถ้าไม่ได้หลงเสน่ห์แล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะคะคุณแม่ เขามาหาพริ้งถึงบริษัทอ้างว่าจะมาคุยงานกับนังรวิ แต่จริงๆเขาอยากชวนพริ้งไปกินข้าวด้วย"
"แกทำได้ดีมากพริ้ง แต่ยังไงก็สงวนท่าทีไว้หน่อยแล้วกัน เพราะอย่างน้อยแกก็ขึ้นชื่อว่าแต่งงานแล้ว ขืนออกนอกหน้ามากไป คุณเทวาเขาจะหาว่าแกเป็นผู้หญิงใจง่าย"
"ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกค่ะคุณแม่ พริ้งรู้ดีว่าต้องทำยังไง พริ้งบอกเขาว่านิมมานคบกับพริ้งมาก่อนนังรวิ แต่นังรวิมาแย่งไป"
"แล้วเขาเชื่อเหรอ"
"ดูเหมือนจะเชื่อสนิทเลยล่ะค่ะ แต่จะว่าไปพริ้งก็ไม่ได้โกหกซะทั้งหมด เพราะนังรวิก็ตั้งใจจะแย่งผัวพริ้งจริงๆ"
"พูดถึงนังรวิ แกระวังมันไว้หน่อยก็ดี ท่าทางมันก็เหมือนกำลังอ่อยคุณเทวาอยู่เหมือนกัน แม่เคยเห็นคุณเทวามารับมาส่งมันสองสามครั้ง"
"ถ้ามันคิดจะแย่งผู้ชายทุกคนของพริ้ง ก็ลองดู กับนิมมานพริ้งถือว่ามันเป็นต่อเพราะเคยเป็นคู่ขากันมาก่อน แต่ถ้ามันคิดจะเอาคุณเทวาไปด้วย พริ้งกับมัน..ต้องตายไปข้างนึง"
นิมมานจอดรถที่หน้าบันไดบ้าน
ในรถ รวิปรียาหันหน้ามาขอบคุณ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ
"ขอบคุณค่ะที่มาส่ง"
"เดี๋ยวผมลงไปส่ง"
"ไม่ต้องค่ะ ส่งแค่นี้ก็พอแล้ว" เธอลงจากรถ ปิดประตู
นิมมานลงตาม เรียกรั้งไว้
"รวิ แล้วพรุ่งนี้ผมไปรับคุณอีกได้ไหม"
"อย่าเลยค่ะ รวิไม่อยากให้มีปัญหา"
รวิปรียาเดินเข้าบ้านไป สวนกับเพชรพริ้งที่กำลังจะกลับพอดี พัชชาตามออกมาส่งด้วย รวิปรียาหยุดประจันหน้ากับเพชรพริ้ง แต่คราวนี้เพชรพริ้งไม่ได้โวยวายเรื่องนิมมาน กลับยิ้มเยาะๆแบบเหนือกว่า แทนแล้วเดินไป รวิปรียาจึงเผชิญกับพัชชาแทน
" ไงคะ ดินเนอร์สนุกไหม ถ้าหนูรวิมีรสนิยมชอบกินของเหลือ ชอบของเน่าๆเก่าๆ ก็เชิญทานให้อร่อยนะคะ"
"ถึงจะเป็นของเหลือ แต่อย่างน้อย..รวิก็ไม่เคยแย่งของใครกิน"
"ก็อาหารดีๆ มันไม่ได้มีขายกันเกลื่อนนี่คะ ไม่แย่งก็ไม่สนุกน่ะสิ"
พัชชายิ้มเยาะหึๆ ก่อนจะเดินไป รวิปรียามองตามเพียงแค่งงๆ ว่าสองแม่ลูกไม่โวยวายกรีี๊ดกร๊าดอย่างที่เคย
ที่ด้านหน้าบันไดบ้าน เพชรพริ้งเดินมาเจอกับนิมมานที่ยืนมองตามรวิปรียาอยู่ สองสามีภรรยายืนมองหน้ากัน แต่เพชรพริ้งกลับมีท่าทีไม่สนใจ
"คุณอยากจะทำอะไรก็ทำไป เพราะต่อไปนี้พริ้งก็จะทำในสิ่งที่พริ้งอยากทำเหมือนกัน"
เพชรพริ้งเดินเชิดผ่านนิมมานไปที่รถของเธอเอง
นิมมานปรายตามองแปลกใจเล็กน้อยกับท่าทีที่เปลี่ยนไป
ต่อมา ดารินกำลังดูภาพถ่ายโครงการหมู่บ้านคอนโดในเครือของบริรักษ์ จากหน้าจอคอมพิวเตอร์
มีพนักงานยืนคอยรอรับคอมเมนต์อยู่
ดารินไม่ค่อยพอใจ "นี่ถ่ายภาพโครงการของเราออกมาได้แค่นี้เหรอ"
พนักงาน1บอก "นี่ก็คัดภาพที่ดีที่สุดมาแล้วนะคะ"
"แต่คอนเซ็ปต์ที่รินให้ไปคือ Less is More คือทำน้อยๆ แต่ได้มาก ภาพง่ายๆแต่ดูงาม ไม่ใช่พวกของใช้เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งรกรุงรังแบบนี้ สินค้าของบริษัทเราคือบ้าน บ้านก็หมายถึงพื้นที่ใช้สอย เพราะฉะนั้นภาพที่ออกมามันควรจะเน้นที่การดีไซน์พื้นที่ของเรา"
"งั้นเดี๋ยวดิฉันจะลองหาช่างภาพคนใหม่ดูแล้วกันนะคะ"
"ก่อนจะเรียกมาทำงาน เอาผลงานเขามาให้รินดูก่อนนะคะ"
"ค่ะ"
พนักงานออกจากห้องไป ดารินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
หน้าจอโทรศัพท์ของเธอเป็นภาพถ่ายจากงานแต่งงานของนิมมานกับเพชรพริ้ง ที่มนัสเป็นคนถ่าย
ดารินนึกถึงมนัสขึ้นมา จึงกดโทรศัพท์โทร.ออกทันที
มนัสนั่งอยู่ในรถซึ่งมีเพื่อนคนหนึ่งเป็นคนขับ เสียงโทรศัพท์ยังคงดังต่อเนื่องมา มนัสกดรับสาย
"สวัสดีครับคุณริน"
"คุณ วันนี้ว่างไหม"
"ทำไม คุณคิดถึงผมเหรอ"
"อย่าเยอะๆ ฉันมีงานบางอย่างอยากให้คุณช่วยต่างหากล่ะ"
"ผมเนี่ยนะ ช่างภาพตัวเล็กๆอย่างผมจะช่วยอะไรผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆอย่างคุณได้"
"ก็ฝีมือถ่ายภาพของคุณไงที่ช่วยฉันได้ งานนี้ฉันจ้างคุณนะ ไม่ใช่ขอให้ช่วยฟรี ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน ฉันจะไปเจอคุณเอง"
รถเพื่อนที่มนัสนั่งมา เบี่ยงจอดที่ริมถนนสายหนึ่ง มนัสกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ
"ขอบใจมากนะโว้ย ที่อุตส่าห์ไปรับฉันมาจากอู่รถ"
เพื่อน1บอก "นี่แกจะลงตรงนี้จริงๆเหรอวะนัส ไหนตอนแรกว่าจะให้ฉันไปส่งบ้านไง"
มนัสลงจากรถไปแล้ว ชะโงกหน้ามาบอกเพื่อนก่อนปิดประตู
"เออ เปลี่ยนใจละ มีธุระต่อ ยังไม่กลับบ้าน"
เพื่อน1บอก "งั้นไว้เจอกันโว้ย"
มนัสปิดประตูรถ เพื่อนมนัสขับรถออกไป มนัสยืนรออยู่ริมทางเพียงไม่นาน รถของดารินก็แล่นมาถึง
ดารินจอดรถเทียบฟุตบาธตรงหน้ามนัส แล้วลดกระจกลง
"ขึ้นมาสิคุณ"
มนัสซึ่งแบกกระเป๋ากล้องใบเขื่อง ดูเหมือนจะหนัก เอากระเป๋าไปไว้ที่เบาะหลัง แล้วขึ้นไปนั่งบนรถข้างดาริน ดารินมองกระเป๋ากล้อง
"แบกของหนักขนาดนี้ ทำไมไม่ขับรถล่ะคุณ เดี๋ยวไหล่ก็ทรุดกันพอดี"
"ไม่เป็นไร ผมชินแล้ว"
"แล้วทำไมให้มารับแถวนี้ บ้านคุณอยู่แถวนี้เหรอ"
"เปล่า บ้านผมอยู่เลยไปอีกหน่อย แต่ผมไม่กล้าให้คุณไปรับผมที่บ้าน"
"นี่... กับฉันน่ะ.. คุณไม่ต้องอายเรื่องบ้านคุณหรอก ฉันไม่ได้คบคนที่เปลือกนอก"
มนัสฟังยิ้มๆ รู้สึกดีกับความเป็นมิตรของดาริน แอบหยอดต่อ
"นี่เราคบกันแล้วเหรอ"
"คบเป็นเพื่อนย่ะ เอาล่ะๆ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว เราต้องไปหาที่คุยงานกัน"
"แต่ตอนนี้ผมหิวแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะคุณ"
"โอเค ฉันจะพาคุณไปเลี้ยงข้าวเอง"
เพชรพริ้งเดินมาตามทางเดินในบริษัท ตรงมายังห้องทำงานของเทวา
พอถึงบริเวณหน้าห้องเทวา เมฆาก็ปรากฏตัวขึ้น
"คุณพริ้ง มาถึงนี่ มีอะไรหรือเปล่าครับ"
"พริ้งมาหาคุณเทวาน่ะค่ะ"
"แต่คุณเทวา"
เพชรพริ้งไม่ฟังเสียง เปิดประตูเข้าห้องเทวาไปเลย
เทวาที่นั่งทำงานอยู่เงยหน้าขึ้นมามองอย่างแปลกใจ
"คุณพริ้ง"
เทวาพยักเพยิดให้เมฆาเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร ให้เมฆาออกไป เมฆาจำยอมต้องถอยไปพร้อมปิดประตูห้องให้
"พริ้งจะมาชวนคุณเทวาไปทานข้าวกลางวันนะค่ะ"
"แต่ผม..."
"เป็นการตอบแทนที่คุณเลี้ยงข้าวพริ้งเมื่อวันก่อนไงคะ"
เทวาคิดแป๊บนึงเห็นว่าการไปกับเพชรพริ้งอาจได้เรื่องที่เป็นประโยชน์
"งั้นมื้อนี้ ผมให้คุณพริ้งเป็นคนเลือกร้านแล้วกันนะครับ"
เพชรพริ้งยิ้มพอใจ
มนัสกับดารินนั่งคุยกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในห้างสรรพสินค้า
ระหว่างที่ดารินพูดไปเจื้อยแจ้ว มนัสก็ลอบมองยิ้มๆ
"ภาพที่จะให้คุณถ่ายเนี่ย เราจะใช้ในงานพิมพ์โบรชัวร์ แล้วก็ลงโฆษณาสิ่งพิมพ์กับเว็บไซต์ ส่วนค่าใช้จ่ายคุณก็ลองกลับไปคำนวณดูแล้วทำใบเสนอราคามาได้เลย"
มนัสยังคงมองดารินอยู่ไม่วางตา ดารินรู้สึกตัวจึงจ้องหน้ากลับ
"คุณเข้าใจคอนเซ็ปต์ที่ฉันอธิบายไปแล้วใช่ไหม"
"เข้าใจ"
"เข้าใจแล้วทำไมมองหน้าฉันแบบนั้น"
"เพราะคุณน่ารักดีมั้ง"
"จะจีบเหรอ"
"อ้าว ที่ยอมมาเจอ มานั่งกินข้าวด้วยแบบนี้ ยังไม่ชัดพออีกเหรอ"
"งั้นก็พยายามต่อไปนะ"
ดารินทำตบบ่าให้กำลังใจ ลอยหน้าลอยตาใส่ มนัสมองขำๆ แล้วถามตรงๆ
"คุณริน ผมสงสัยว่าทำไมคุณถึงไว้ใจผม"
"ฉันไม่ได้ไว้้ใจคุณ แต่ฉันไว้ใจฝีมือถ่ายภาพของคุณ"
"แล้วถ้าผมเป็นสายมาจากบริษัทอื่นที่กำลังจะมาล้วงความลับของบริษัทคุณล่ะ"
"ถ้าคุณเป็นคนของบริษัทอื่น ก็อย่าหวังว่าเราจะได้เป็นแม้แต่เพื่อนกัน"
มนัสเริ่มใจคอไม่ดี ทันใด.. สายตาดารินเหลือบไปเห็นลูกค้าคู่ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในร้าน เป็นเทวากับเพชรพริ้ง
"พี่เทวา!" ดารินหันมาบอกมนัส "เดี๋ยวฉันมานะคะ"
ดารินลุกไป พอมนัสมองตามก็เห็นเพชรพริ้งที่เพิ่งเข้ามาในร้าน
มนัสตกใจ "พี่พริ้ง" เขารีบยกเอาเมนูขึ้นมาบังใบหน้า
ดารินเข้ามาหาเทวา โดยไม่รีรอ
"พี่เทวา"
"อ้าวริน มาทำอะไรที่นี่"
"รินมานัดคุยกับช่างภาพที่จะให้ถ่ายงานโครงการเราน่ะค่ะ แล้วพี่เทวาล่ะคะ มาทำไม แล้วทำไมถึงมากับ" ดารินมองเพชรพริ้ง
"สวัสดีค่ะคุณดาริน"
" ค่ะ" ดารินหันไปจี้เทวา "ทำไมพี่ถึงมากับภรรยาคนอื่น ?"
เพชรพริ้งเริ่มรู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรของดาริน
"พี่มีธุระต้องคุยกับคุณพริ้งเขาน่ะ"
"เรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน"
"นี่เป็นแม่หรือเป็นน้องนะเราเนี่ย ซักจัง"
"ไปร้านอื่นกันดีกว่าค่ะคุณเทวา พริ้งไม่ค่อยชอบร้านนี้เท่าไหร่"
"ก็ดีครับ ... มีอะไรไว้ไปคุยกันที่บ้าน" เทวาบอกน้องสาว
เทวาเลิกคิ้วให้ดารินเป็นเชิงบอกลาแล้วปล่อยให้เพชรพริ้งควงแขนออกไป ดารินมองตามอย่างไม่เข้าใจปนหงุดหงิดใจ
มนัสเอาเมนูลงแล้วมองตามเทวากับเพชรพริ้งไป
คืนนั้น นิมมานเพิ่งกลับจากทำงานเข้ามาในบ้าน มนัสซึ่งเหมือนนั่งคอยอยู่แล้ว พอเห็นนิมมานมาก็รีบลุกขึ้นมาหา
"เพิ่งกลับเหรอพี่"
"อือ เพิ่งเสร็จงานน่ะ"
"ทำแต่งานจนลืมสนใจเมียตัวเองเลยหรือเปล่าพี่"
"แกพูดอะไรของแก"
"วันนี้ผมเจอพี่พริ้งไปกินข้าวกับผู้ชายคนอื่น ท่าทางสนิทสนมเป็นพิเศษด้วย"
"ผู้หญิงอย่างนั้น จะทำพฤติกรรมแบบนั้นก็ไม่เห็นแปลก"
"แต่พี่ควรจะระวังเมียพี่ไว้บ้างนะ"
"พี่ไม่สนใจเรื่องเขาหรอก สนใจเรื่องแกมากกว่า เมื่อไหร่แกจะมาทำงานที่บริษัท"
"พูดเรื่องนี้อีกแล้ว พี่กับพ่อนี่เหมือนกันไม่มีผิด ผมไปดีกว่า"
มนัสเดินเลี่ยงไป แต่นิมมานยังคงคิดทบทวนคำพูดของมนัส
รุ่งขึ้น นิมมานเดินตรงมาทางห้องทำงานของรวิปรียา เจอกับเพชรพริ้งที่ยืนกอดอกดักหน้าอยู่
"มาหาชู้รักเหรอ"
"แล้วคุณคิดว่าไงล่ะ"
"ตอนนี้ฉันเริ่มจะฉลาดแล้ว เราสองคน..ต่างคนต่างอยู่"
เพชรพริ้งเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานตัวเอง กลุ่มพนักงานสาวมองเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ซุบซิบกัน
"วันนี้สงสัยผีออกว่ะแก ไม่ปรี๊ดแตกเหมือนเคย"
"นางบอกว่านางเริ่มฉลาดแล้ว สงสัยเพิ่งรู้จักการกินข้าวแทนหญ้า"
แล้วพนักงานทั้งสองก็หัวเราะคิกคักกัน
นิมมานเพิ่งเข้ามาในห้องรวิปรียา รวิปรียาเห็นแล้วไม่ได้ตื่นเต้น แต่กลับรู้สึกเหนื่อยแทน
"คุณมาทุกวัน ไม่เหนื่อยบ้างเลยหรือคะ"
"ไม่ ผมจะมาจนกว่าคุณจะใจอ่อน"
"แล้วนี่คุณผ่านด่านหน้าห้องมาได้ยังไงคะ เลขาคุณพ่อไม่กรี๊ดลั่นเหรอ"
"เดี๋ยวนี้เพชรพริ้งไม่สนใจผมหรอก ท่าทางเขาจะมีผู้ชายคนใหม่แล้ว"
"ผู้ชายคนใหม่..."
รวิปรียารับฟังอย่างสนใจและแปลกใจ
บรรยากาศบริษัทสยามเอ็นจิเนียริ่ง ยามกลางคืน
เพชรพริ้งซึ่งแต่งหน้าจัด อยู่ในชุดสวยดูเซ็กซี่ คว้ากระเป๋าจากโต๊ะทำงานแล้วเดินออกจากบริษัท
รวิปรียาค่อยๆโผล่ออกมาจากห้องทำงานของเธอ ยืนมองตามหลังเพชรพริ้งไปเงียบๆ
เพชรพริ้งเข้ามาในบาร์ที่เทวาเคยมาประจำ หยุดอยู่มุมหนึ่ง สายตาสอดส่ายมองหาเทวา
เทวานั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่งกับเมฆา เพชรพริ้งยิ้มดีใจแล้วรีบตรงเข้ามาหา
"คุณเทวาคะ พริ้งมาแล้วค่ะ"
"เชิญครับคุณพริ้ง"
เมฆาลุกขึ้นยืนเพื่อเชิญให้เพชรพริ้งนั่ง เพชรพริ้งเลือกนั่งลงตรงที่ใกล้เทวา ยกขาไขว่ห้าง ส่งสายตาอ่อยๆ
เมฆานั่งลงที่มุมหนึ่ง เพชรพริ้งไม่หันมามองเขาเลยด้วยซ้ำ
"ดีใจจังเลยค่ะที่คุณเทวาชวนพริ้งมา"
"คุณพริ้งจะสั่งเครื่องดื่มอะไรครับ"
เพชรพริ้งไม่ได้ตอบเมฆา แต่ยังคงส่งสายตามองเทวาอย่างหวานเยิ้ม
เมฆามีท่าทางผิดหวังที่เพชรพริ้งแสดงความสนใจเทวาจนออกนอกหน้า
รวิปรียาที่ตามมา เพิ่งจะเข้ามาในบาร์ เธอหยุดมองไปรอบๆ เห็นเพชรพริ้งนั่งดื่มอยู่กับผู้ชาย2 คน พอรวิปรียาพยายามมองผู้ชายคนนั้นให้ชัดขึ้น ก็พบว่าเป็นเมฆาและ...เทวา
"ผู้ชายคนใหม่ของเพชรพริ้ง เป็นคุณเทวาหรือนี่"
รวิปรียายิ้มกระหยิ่ม เพราะรู้สึกได้ว่าเทวาสนใจเธออยู่
"เธอเลือกคนผิดซะแล้วพริ้ง"
รวิปรียาเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะของเทวา
"สวัสดีค่ะคุณเทวา คุณเมฆา"
ทุกคนที่โต๊ะหันขวับไปตามเสียงรวิปรียา รวิปรียายิ้มหวานทักทายเทวาซึ่งต่างจากทุกครั้ง
เพชรพริ้งผุดลุกขึ้นอย่างไม่พอใจทันที "รวิ! เธอมาทำไม"
"ทำไมถามแบบนั้นล่ะพริ้ง ที่นี่มันก็ไม่ใช่สถานที่ลับเฉพาะอะไรนี่ การที่ฉันจะมาเจอเธอที่นี่มันแปลกตรงไหน ฉันกับคุณเทวาก็ร่วมงานกันบ่อยๆอยู่แล้ว เมื่อเจอกันก็ต้องทักทายตามมารยาท จริงไหมคะคุณเทวา"
เทวาออกจะงงเล็กน้อยที่รวิปรียามาแปลก
"คุณมากับใคร"
"คนเดียวค่ะ แล้วเจอกันนะคะ"
รวิปรียาแยกไปหาที่นั่งของตัวเอง เพชรพริ้งกับเทวายังคงมองตามรวิปรียาไป
เพชรพริ้งใส่ไฟอีก "เห็นแล้วใช่ไหมว่ารวิปรียาตัวจริงเป็นยังไง"
จากท่าทีของรวิปรียาในคืนนี้ เทวาจึงเชื่อสนิทใจ
รวิปรียากำลังยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบเบาๆ ทำเหมือนไม่สนใจ
แม้รู้ว่าเพชรพริ้งจ้องเธออยู่ด้วยสายตามุ่งร้าย
เพชรพริ้งนั่งอยู่ข้างเทวาแต่ก็รู้สึกหงุดหงิดรำคาญตากับภาพของรวิปรียา
พอกระสับกระส่ายได้สักพัก เพชรพริ้งก็ลุกขึ้น
"พริ้งขอตัวไปห้องน้ำหน่อยนะคะ"
"ครับ"
เพชรพริ้งเดินหลุดจากโต๊ะไป
"มันยังไงอยู่นะครับคุณเทวา ที่คุณชวนคุณพริ้งมาคืนนี้ผมก็ว่าแปลกแล้ว แต่ที่แปลกยิ่งกว่าก็คือมาเจอคุณรวิปรียาที่นี่"
"ฉันก็อยากรู้ว่าเขาคิดอะไรของเขา"
"บุคลิกของคุณรวิถึงจะหัวสมัยใหม่ แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะมาเที่ยวกลางคืน นั่งดื่มคนเดียวแบบนี้"
เพชรพริ้งเดินไปแวะที่โต๊ะของรวิปรียาก่อนเข้าห้องน้ำ ตั้งใจเข้าไปแขวะ
"อย่าคิดว่าฉันดูไม่ออกว่าเธอกำลังจะทำอะไร ถ้าอยากได้กากที่ฉันคายทิ้งแล้วอย่างนิมมานก็เอาไป แต่ถ้ามายุ่งกับคุณเทวาเธอเจ็บแน่"
รวิปรียาท้าทาย "ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครจะเจ็บกว่าใคร"
ทั้งคู่มองตากันมีกระแสความโกรธเกลียดแผ่ซ่านไปทั่ว
ต่อมา เทวามาที่โต๊ะรวิปรียา นั่งลงข้างๆเธอ ส่งสายตาคมกริบจ้องมองรวิปรียา
"คุณตามผมมาเหรอ"
รวิปรียาเดินเกมส์แบบใหม่ คิดว่าถ้าเอาชนะใจเทวาได้ เพชรพริ้งต้องเต้นแน่
"แล้วถ้าบอกว่าใช่ล่ะคะ"
เทวาจึงเอื้อมมือผ่านไหล่รวิปรียาไปโอบเก้าอี้
"เมื่อวันก่อนคุณยังทำท่าผลักไสผมอยู่เลย แล้ววันนี้..คุณนึกอะไรขึ้นมา"
"เรื่องวันก่อนก็คือวันก่อน คนเราก็เปลี่ยนกันได้ทุกวัน"
"หมายความว่าตอนนี้คุณเปลี่ยนมาสนใจผมแล้ว" เขาเอนตัว ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ขึ้น
รวิปรียาใจดีสู้เสือ
"แล้วคุณคิดว่ายังไงล่ะ"
"ถ้าเหตุผลที่คุณมาถึงนี่เป็นเพราะคุณอยากใกล้ชิดผม ผมก็จะจัดให้"
เทวาใช้สองมือดึงตัวรวิปรียาเข้ามา แล้วพยายามจะจูบ แต่รวิปรียาขัดขืนผลักเทวาออกไป
"นี่คุณ นี่มันที่สาธารณะนะ"
เมฆามองมาจากโต๊ะของตัวเอง ถึงกับตาค้างว่าเจ้านายเล่นหนัก
"แล้วไง ในเมื่อคุณเคยบอกเองว่าทำเรื่องแบบนี้บ่อยจนธรรมดาไปแล้ว"
รวิปรียาไม่ตอบแล้วลุกขึ้น เทวาลุกขึ้นตาม คว้าข้อมือแล้วดึงรวิปรียาเข้ามาหาทันที โอบเอวจูบ โดยรวิปรียาไม่ทันตั้งตัว
รวิปรียาดิ้นขลุกขลักพยายามดันเทวาออกอยู่สักพัก แต่แล้วก็พ่ายแพ้ต่อความหวั่นไหวของตัวเองจึงเผลอปล่อยตัวไป
เมฆาซึ่งนั่งมองอยู่มุมหนึ่ง เอามือปิดตาแต่เปิดช่องนิ้วให้ตามองลอดออกมาดู
เทวาจูบรวิปรียาดูดดื่มกว่าครั้งแรกที่รีสอร์ต ทั้งคู่เหมือนต้องมนต์ซึ่งกันและกัน แต่เพียงแค่สักพัก...
เสียงเพชรพริ้งแผดดังขึ้น "นังรวิ!"
สิ้นเสียงเพชรพริ้ง ร่างของรวิปรียาก็ถูกฉุดดึงให้ผละออกมาจากเทวาทันที เพียงเธอหันมาเห็นเพชรพริ้ง เพชรพริ้งก็ตบฉาดจนรวิปรียาเซไป เทวาเข้ามาประคองรวิปรียาไว้
"ฉันเตือนแกแล้วใช่ไหม ระหว่างแกกับฉันมันต้องตายกันไปข้างนึง"
เพชรพริ้งจะตามเข้าไปซ้ำ แต่เทวาเอาตัวมาบังรวิปรียาไว้
"จะช่วยมันทำไมคะคุณเทวา คุณรู้จักผู้หญิงคนนี้น้อยไป มันกำลังแกล้งพริ้ง"
"พอทีเถอะครับคุณพริ้ง ไม่อายหรือครับคนเขามองกันใหญ่แล้ว"
"ทำไมต้องอาย ในเมื่อตอนมันหน้าด้านจูบคุณต่อหน้าชาวบ้าน มันยังไม่อายเลย"
รวิปรียาแอบยิ้มเยาะเบาๆที่มุมปากให้เพชรพริ้ง ตอนอยู่ด้านหลังเทวา
"อีตอแหล! อีร้อยเล่ห์มารยา"
เพชรพริ้งโวยวายอาละวาดจะเข้าไปหารวิปรียาให้ได้ แต่เทวาคอยปัดป้องไว้ จนเมฆาเข้ามารวบตัวเพชรพริ้งไว้
"พอได้แล้วครับ คุณพริ้ง"
เพชรพริ้งดิ้นไปมา
"ปล่อยฉันนะ ปล่อย! ฉันจะตบสั่งสอนมัน"
เทวาบอกเมฆา
"พาออกไปสงบสติอารมณ์ก่อนไป"
เมฆาต้องลากตัวเพชรพริ้งออกไปจากบริเวณนั้น
เทวาหันมาถามรวิปรียา "คุณเป็นยังไงบ้าง"
รวิปรียามองหน้าเทวา แล้วหน้าแดงซ่านรู้สึกอายที่ถูกจูบมากกว่าเจ็บ เธอคว้ากระเป๋าถือรีบเดินออกไปเลยโดยไม่ตอบสักคำ
เทวามองตามยิ้มพอใจที่แผนการเดินหน้าไปง่ายกว่าที่คิด
เมฆาดึงแขนเพชรพริ้งเหวี่ยงเข้ามาที่มุมหนึ่งของบาร์
"คุณเป็นอะไรของคุณ ทำตัวเหมือนกำลังหึงหวงคุณเทวา ทั้งที่ตัวคุณเองก็มีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว"
"คุณไม่รู้อะไรก็ไม่ต้องพูดดีกว่า"
"จะยังไงก็เถอะ คุณไม่มีสิทธิจะมาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคุณเทวาจนระรานคุณรวิเขาแบบนี้ อีกอย่างคุณรวิเขาก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกับคุณ"
เพชรพริ้งบีบน้ำตา
"ครอบครัวเดียวกันหรือคะ.. คุณไม่เข้าใจหรอกค่ะว่าพริ้งเจออะไรมาบ้าง รวิเขาแย่งทุกอย่างไปจากพริ้งทั้งที่ตัวเองก็มีเหนือกว่าพริ้งทุกอย่าง เขาทำให้พริ้งเครียดจนกลายเป็นคนขี้ระแวงแบบนี้"
"ผมก็ไม่เห็นว่าคุณรวิเขาจะแย่งใครไปจากคุณ เพราะคุณเทวาเองก็มีท่าทีสนใจคุณรวิปรียาอยู่ก่อนแล้ว"
"ว่าไงนะ? คุณเทวากับรวิ"
เมฆาพยักหน้าตอบ เพชรพริ้งเดือดอยู่ข้างในแต่กลบเกลื่อน
"เขาจะมีความสัมพันธ์กันยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของพริ้งหรอกค่ะ เพราะสำหรับพริ้งที่ต้องสนิทสนมกับคุณเทวาไว้ก็เพื่อธุรกิจของคุณลุง แค่เรื่องชีวิตแต่งงานของพริ้งเองพริ้งก็เครียดจะบ้าอยู่แล้ว"
"ใจเย็นๆก่อนครับ"
"คุณก็รู้ว่าพริ้งแต่งงานแล้วก็จริงแต่ที่ผ่านมานิมมานไม่เคยรักพริ้ง ไม่เคยสนใจพริ้งเลย สำหรับเขาในหัวมีแต่รวิปรียาเท่านั้น นี่พริ้งก็กำลังหาทางหย่าจากนิมมาน"
"ผมเสียใจด้วยนะครับคุณพริ้ง"
"ทุกอย่างที่พริ้งทำลงไปเพราะพริ้งเครียด สิ่งที่รวิเขาทำไว้กับพริ้งมันสาหัสมากนะคะ ทุกครั้งที่พริ้งเจอหน้าเขาพริ้งจะกลัวและเครียดจนระงับอารมณ์ไม่ได้ พริ้งเองก็ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย"
แล้วก็ร้องไห้กอดซบเมฆา เมฆาใจอ่อน
ต่อมา รวิปรียาอยู่ในชุดนอนนอนอยู่บนเตียงแล้ว แต่ยังพลิกตัวไปมากระสับกระส่าย ถอนใจทีก็พลิกตัวที แล้วนึกถึงภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ
รวิปรียาไม่ตอบแล้วลุกขึ้น เทวาลุกขึ้นตามคว้าข้อมือแล้วดึงรวิปรียาเข้ามาหาทันที โอบเอวจูบ โดยรวิปรียาไม่ทันตั้งตัว
รวิปรียาดิ้นขลุกขลักพยายามดันเทวาออกอยู่สักพัก แต่แล้วก็พ่ายแพ้ต่อความหวั่นไหวของตัวเองจึงเผลอปล่อยตัวไป
เทวาจูบรวิปรียาดูดดื่มกว่าครั้งแรก ทั้งคู่เหมือนต้องมนต์ซึ่งกันและกัน
"บ้าๆๆๆ บ้าที่สุด ฉันนอนไม่หลับเพราะเรื่องนั้นเหรอ" เธอพลิกตัวไปอีกข้าง "ไม่ใช่ซะหน่อย เพราะอากาศมันร้อนต่างหาก" เธอเอื้อมมือหยิบรีโมทแอร์มาดู "ตั้ง 20 องศาแล้ว เฮ้อ...ทำไมมันร้อนแบบนี้"
ภาพของเทวาตอนที่เอาหน้าเข้ามาใกล้เธอลอยเข้ามาในหัวอีก
"โอ๊ย นอนๆๆได้แล้วรวิ"
รวิปรียาเอาผ้าห่มคลุมปิดหน้าตัวเอง
ทางด้านเทวาผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง หลับไม่ลงเช่นกัน
"รวิปรียาๆ ฉันจะคิดถึงเธอไม่ได้"
เทวาเอนหลังลงนอน แต่แล้วภาพที่เขาจูบกับรวิปรียาก็แวบเข้ามาในความคิด ทำให้เขาผุดลุกขึ้นมานั่งอีก
"ก็แค่จูบผู้หญิงคนนึง ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำซะหน่อย"
เทวาเอามือเขย่าศีรษะตัวเองเหมือนอยากให้ภาพของรวิปรียาหายไป จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเพื่อให้ตัวเองเลิกคิดเรื่องรวิปรียา
หน้าจอมือถือ มีภาพถ่ายครอบครัวของเขา เขาเลื่อนไปจนหยุดที่ภาพของตะวันกับดาวิกา เขาเห็นใบหน้าเศร้าๆของดาวิกาและความไร้เดียงสาของตะวัน
เทวามองภาพนั้น ทำให้เขาสงบสติอารมณ์ตัวเองได้ เขาเริ่มนิ่งกลับเข้าสู่โหมดแค้น
"ดา...พี่จะไม่ลืมว่าผู้หญิงคนนั้นทำให้ดาเป็นแบบนี้ ทำให้ยัยตะวันกลายเป็นเด็กที่ขาดแม่ รวิปรียาต้องชดใช้ในสิ่งที่เขาทำลงไป"
อ่านต่อตอนที่ 10
#ใจลวง #thaich8 #ละครออนไลน์