ใจลวง ตอนที่ 8
เช้าวันใหม่ มนัสกำลังจิบกาแฟ ขณะดูภาพถ่ายงานแต่งงานของนิมมานอยู่จากเครื่องโน้ตบุ๊ก
ภาพที่หน้าจอถูกเลื่อนไปเรื่อยๆ จนถึงภาพของดารินที่กำลังยิ้มขณะพูดคุยกับเพื่อน
มนัสมองภาพดารินยิ้มๆ ขณะเดียวกับที่เพชรพริ้งกำลังจะเดินผ่านห้องรับแขกไปที่หน้าบ้าน ท่าทางใจร้อนไม่สนใจที่จะทักทายอะไรใครทั้งนั้น มนัสเห็นแล้วร้องทักขึ้นก่อน
"จะออกไปไหนแต่เช้าครับพี่พริ้ง"
"จะไปตามพี่ชายเธอน่ะสิ"
พูดเพียงเท่านั้นแล้วก็ย่ำเท้าตึงๆออกไปเลย มนัสทำหน้าบรื๋อๆ เหมือนว่าพี่สะใภ้คนนี้ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน
ทางด้านเมฆาหอบเอกสารข้าวของดูพะรุงพะรังเล็กน้อย อีกมือหนึ่งกำลังถือโทรศัพท์คุยสั่งเรื่องงาน เดินมาตามทางเดินของรีสอร์ตเพื่อจะออกไปยังที่จอดรถ
"ตอนนี้ผมอยู่ปากช่องกำลังจะเดินทางออกจากโรงแรม สักสองสามชั่วโมงคงถึง ผมอยากให้ส่งคนจากฝ่ายพัฒนาธุรกิจไปร่วมประชุมวันนี้ด้วย เผื่อว่าผมไปถึงช้าจะได้มีคนของเราไปสำรองไว้
นิมมานยืนรอจังหวะอยู่มุมหนึ่ง พอเมฆาเข้ามาใกล้ขึ้นก็ทำเป็นเดินสวนมาอย่างรีบร้อนแล้วชนเข้ากับเมฆาจนเอกสารและพิมพ์เขียวในมือหล่นพื้นกระจาย
"ขอโทษครับ ผมกำลังรีบเลยไม่ทันมอง ผมช่วยเก็บของให้นะครับ"
เมฆานั่งลงช่วยเก็บของ
เมฆายังคงคุยสายค้างอยู่ รีบบอกทางปลายสาย
"แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมโทรกลับ"
เมฆารีบวางสายแล้วนั่งลงเก็บของ ระหว่างที่นิมมานนั่งหันหลังให้เมฆาได้พยายามเปิดเอกสารของเมฆาดูคร่าวๆ
เอกสารของเมฆาบนพื้น มีแฟ้มเกี่ยวกับแผนงานโครงการคอนโดใหม่ที่ปากช่อง มีชื่อโครงการและภาพคร่าวๆ นิมมานมองเห็นเอกสารนั้นก่อนที่เมฆาจะเข้ามาถึงตัว เขารีบรวบเอกสารแล้วหันไปส่งของให้เมฆา ยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"นี่ครับ ผมเก็บให้แล้ว ขอโทษอีกทีนะครับ"
เมฆารับของคืน นิมมานเดินจากไป สายตายังคงครุ่นคิดถึงสิ่งที่เห็น เมฆามองตามหลังนิมมานไปรู้สึกว่าหน้าคุ้นๆ
"เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนี้ที่ไหน"
แต่ยังคงคิดไม่ออกและกำลังรีบไป จึงไม่อยากเสียเวลาคิดต่อแล้วเดินออกไปทางที่จอดรถ
ดารินกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าที่บ้านบริรักษ์อยู่ตามลำพัง มือก็เล่นสไลด์โทรศัพท์ไปเรื่อยๆ แล้วเจอชื่อคนบางคนในรายชื่อคอนแทคไลน์ ที่หน้าจอโทรศัพท์ ชื่อของมนัสโชว์ขึ้นมา
ดารินนึกเรื่องภาพถ่ายขึ้นมาได้ จึงกดข้อความส่งออกไป
"นี่คุณลืมเรื่องภาพถ่ายฉันในงานแต่งงานไปแล้วหรือคะ - ไหนว่าจะส่งมาให้ นี่มันหลายวันแล้วนะ"
มนัสนั่งจิบกาแฟอยู่ที่โซฟา พอได้รับข้อความแล้วก็ยิ้มขำๆ ส่งข้อความตอบกลับไป
"ถ้าคุณอยากให้ผมคืนภาพให้ เราก็น่าจะเจอกันอีกสักครั้ง"
"ทำไมต้องเจอด้วย"
"แล้วทำไมถึงไม่อยากเจอผม"
ดารินเงียบไป ครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี
มนัสอมยิ้ม แล้วส่งข้อความท้า
"หรือว่าคุณไม่กล้า"
ดารินรับข้อความแล้วรู้สึกโดนท้าทาย คนอย่างเธอไม่ชอบให้ใครท้า
"อย่างคุณไม่ทำให้ฉันกลัวหรอก ที่ไหน เมื่อไหร่ บอกมาเลย"
มนัสยิ้มพอใจ
รถของเพชรพริ้งแล่นด้วยความเร็ว มาตามถนนหลวงที่มุ่งหน้าสู่ปากช่อง เธอขับรถ อารมณ์คุกรุ่นด้วยความแค้นใจ
"คิดจะไปเสวยสุขอยู่ด้วยกันงั้นเหรอ ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะนังรวิ"
เมฆากำลังขับรถของเขามาตามถนนใหญ่เช่นกัน ขณะขับรถก็ใส่หูฟังคุยงานไปด้วย
"ดี..งั้นคุณก็เตรียมเอกสารไว้ให้พร้อมแล้วกันนะ แล้วไปเจอกันที่นั่นเลย"
รถของเมฆามุ่งหน้าจะกลับกรุงเทพฯ
ทางด้านเพชรพริ้งขับรถมาเรื่อยๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
เพชรพริ้งมองที่กระเป๋าถือซึ่งวางอยู่ที่เบาะข้างๆ โทรศัพท์เธออยู่ในนั้น
"ใครโทร.มาตอนนี้เนี่ย คนยิ่งรีบๆอยู่"
เพชรพริ้งอดไม่ได้ เอื้อมมือไปควานหาโทรศัพท์ ละสายจากถนนตรงหน้าไปเพียงเสี้ยววินาที
ที่ถนนด้านหน้า รถคันหนึ่งกำลังกลับรถมาจากเลนส์ฝั่งตรงข้าม ตัดหน้ารถเธอพอดี
พอเพชรพริ้งหันกลับมาก็ตกใจ เพราะอยู่ในระยะกระชั้นชิด เธอเหยียบเบรกหักพวงมาลัยหลบ
เอี๊ยด... เสียงเบรกดังสนั่น รถของเพชรพริ้งเสียหลักไถลตกข้างทาง
เพชรพริ้งในรถ หน้าตื่นตกใจ รถกระแทกเข้ากับอะไรบางอย่าง ศีรษะเธอกระแทกพวงมาลัยสลบแน่นิ่งไป
เมฆาที่กำลังขับรถมาในทิศตรงกันข้าม เห็นภาพที่รถ 2-3 คันจอดอยู่ริมถนน ผู้คนมุงดูอุบัติเหตุกันอยู่
เมฆาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจอดรถที่ข้างทางแล้วลงไปดู
รถของเพชรพริ้งจอดนิ่งชนอยู่กับต้นไม้ริมทาง
เมฆาเข้าไปใกล้ประตูรถที่มีคนช่วยเปิดออก
"มีใครเป็นอะไรมากไหมครับ"
"มีคนขับเป็นผู้หญิงครับ ท่าทางอาการไม่หนักมาก"
เพชรพริ้งฟุบอยู่กับถุงลมนิรภัยเอียงใบหน้าด้านข้างมาทางนอกรถ ศีรษะแตกเล็กน้อย
เมฆาเห็นว่าเป็นเพชรพริ้งเขาก็จำเธอได้
ด้านรวิปรียาเปิดประตูห้องพัก
เธอออกมาจากห้องพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า เทวายืนกอดอกรออยู่หน้าห้องตัวเองอยู่แล้ว
รวิปรียามีท่าทางเขินอาย ที่โดนเทวาจูบเมื่อคืน
"ทำไมคุณต้องรีบเอากระเป๋าออกมา นี่เราต้องประชุมที่นี่อีกอย่างน้อยก็ชั่วโมงกว่า แถมยังต้องไปดูไซต์งานต่ออีก"
"ฉันรู้ค่ะ แต่ฉันเตรียมตัวเอาไว้ เมื่องานทุกอย่างเรียบร้อยจะได้รีบกลับ ไม่ต้องกลับเข้ามาที่นี่อีก"
รวิปรียาเดินเลี่ยงไป เทวาเดินตาม
"งั้นผมช่วยถือกระเป๋าให้"
"ไม่ต้องค่ะ นี่ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ"
"ที่จริงมันเป็นหน้าที่ของเมฆา แต่บังเอิญตอนนี้เมฆาไปธุระแทนผม ผมจึงต้องทำธุระแทนเขา"
เทวาพูดแล้วก็ถือวิสาสะมาจับหูหิ้วกระเป๋า โดยมือของเขาสัมผัสกับมือรวิปรียา เธอชะงักหน้าแดงแล้วจึงต้องยอมดึงมือออกก่อนจะเดินเร็วๆออกไปปิดบังความเขิน เทวามองตามหลังเธอไป ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผน
ต่อมา ... หลังรู้ข่าว พัชชาเปิดประตูห้องพักคนป่วยเข้าไปอย่างรีบร้อน สีหน้าตื่นตระหนก
"ยัยพริ้ง!"
เพชรพริ้งนอนอยู่บนเตียงคนเดียวในห้อง มีผ้าพันแผลที่ศีรษะ โดยมีเมฆานั่งอยู่ข้างเตียง ทั้งสองคนหันมามอง
พัชชาโล่งอกที่เพชรพริ้งดูไม่เป็นอะไรมาก แล้วมองเมฆาอย่างสงสัย
"นี่คุณเมฆาค่ะแม่ เขาเป็นคนช่วยพาพริ้งมาส่งโรงพยาบาล"
เมฆายกมือไหว้ทัก
"สวัสดีครับ"
พัชชารับไหว้ สายตามองสำรวจหัวจรดเท้าอย่างฉับไว "ขอบคุณที่ช่วยพริ้งไว้นะคะ" ก่อนถามเพชรพริ้ง "แล้วนี่หมอเขาว่ายังไงบ้าง"
"หมอบอกว่าคุณพริ้งไม่เป็นไรมากครับ แค่หัวแตกน่ะครับ"
"จะสรุปง่ายๆว่าแค่หัวแตกได้ยังไงกัน รถชนขนาดนั้นมันอาจจะกระทบกระเทือนไปถึงสมองหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วนี่ไปเอ็กซเรย์ดูหรือยัง"
"ไปแล้วค่ะ หมอบอกว่าปกติดี ไม่มีอะไรกระทบกระเทือน"
"งั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย แล้วนี่แกนึกยังไงของแก ถึงต้องรีบร้อนขับรถไปปากช่อง"
"ก็..." เพชรพริ้งนึกได้ว่าเมฆาอยู่ด้วย จึงยังไม่พูด
เมฆารู้ตัวว่าควรให้แม่ลูกได้คุยกัน
"ผมขอตัวก่อนแล้วกันนะครับ ต้องไปประชุมต่อ ส่วนเรื่องรถของคุณพริ้ง ผมโทร. ติดต่อบริษัทประกันให้แล้วนะครับ ตอนนี้เขายกรถไปไว้ที่อู่เรียบร้อยแล้ว"
"ขอบคุณมากค่ะ คุณเมฆา"
เมฆาไหว้ลา พัชชารับไหว้ แล้วหันไปมองเพชรพริ้ง
"ไปก่อนนะครับคุณพริ้ง"
"ค่ะ" เพชรพริ้งยิ้มอย่างหว่านเสน่ห์ให้ความหวัง
พัชชาปรายตามองตามเมฆาออกไปแบบไม่ได้ใยดีนัก
นิมมานนั่งรออยู่ลอบบี้ของรีสอร์ต สายตาคอยมองหารวิปรียา
เทวาเดินถือกระเป๋าเสื้อผ้าของรวิปรียามาตามทางเดิน รวิปรียาตามมาข้างๆ นิมมานมองอย่างไม่พอใจ ลุกขึ้นแล้วตรงเข้าไปหา
"รวิ"
น้ำเสียงเทวามีแววเยาะๆ "สวัสดีครับ คุณนิมมาน"
นิมมานไม่เสียเวลาพูดด้วย
"ผมมารอรับรวิกลับบ้าน"
"มารอ?"
นิมมานพูดเองเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าเทวา
"ก็ที่เราคุยกันไว้เมื่อวานไง ที่รวิบอกว่าเราจะกลับกรุงเทพพร้อมกัน"
เทวาแอบเหยียดมุมปาก ปรายตามองรวิปรียา เข้าใจไปว่า รวิปรียาตั้งใจจะกลับพร้อมนิมมาน
"ฉันยังกลับไม่ได้ค่ะ ยังมีประชุมต่อ"
"งั้นผมจะรอจนกว่าคุณจะเสร็จงาน"
"อย่าเลยค่ะนิมมาน ฉันอาจจะต้องไปที่อื่นต่ออีก"
"รวิจะไปไหน ผมไปส่งเอง เสร็จแล้วเราก็กลับกรุงเทพด้วยกัน ... ส่วนกระเป๋าเสื้อผ้า เอาไปเก็บที่รถผมก่อน"
นิมมานเข้าไปดึงหูกระเป๋า จะแย่งมาจากเทวา แต่เทวาดึงกลับไว้
"แต่คุณรวิมาที่นี่พร้อมกับผม ถ้าจะกลับ..ก็ต้องกลับพร้อมผม"
สองชายหนุ่มประสานสายตากันต่างไม่ยอมแพ้
รวิปรียาตัดสินใจไปดึงกระเป๋าจากทั้งคู่มาถือไว้เอง
"คุณทั้งสองคนไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจแทนฉันว่าฉันจะกลับยังไง หรือไปกับใคร รอให้งานเสร็จแล้วฉันจะตัดสินใจของฉันเอง"
ว่าแล้วรวิปรียาก็เดินเลี่ยงไปเพื่อตัดปัญหา นิมมานเดินตามไปทันที พูดกับรวิปรียาขณะที่ทั้งคู่อยู่ไกลออกมาจากเทวา
"แต่ผู้ชายอย่างเทวามันไว้ใจไม่ได้ มันอ้างเรื่องงานขึ้นมาเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณ"
"ขอเถอะค่ะนิมมาน ถ้ายังอยากจะรักษามิตรภาพของเราไว้ ก็อย่าทำให้ฉันต้องเสียงานเลยนะคะ"
นิมมานจำเป็นต้องหยุด ปล่อยให้รวิปรียาเดินไป เทวาตามมาหยุดยืนตรงหน้า มองเย้ยๆ
"อย่าคิดว่าผมตามเกมส์คุณไม่ทันนะคุณเทวา เรื่องทั้งหมดนี่เป็นแผนของคุณ คุณใช้เรื่องธุรกิจเป็นข้ออ้างเพื่อเข้าถึงตัวรวิ"
"สำหรับคุณรวิน่ะ ถึงไม่มีเรื่องธุรกิจ เขาก็พร้อมจะให้ผมเข้าถึงตัวอยู่แล้ว"
คำพูดนั้นบาดใจนิมมานจนอยากจะชกหน้าเทวาสักปัง แต่เทวาก็เดินจากไปซะก่อน นิมมานทำท่าจะตามไปต่อ แต่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
ที่โรงพยาบาล พัชชา เธอกำลังโทรหานิมมาน
"นี่เธออยู่ไหน นิมมาน"
นิมมานเดินหลบมุมที่รีสอร์ต มาคุยสายกับพัชชา ถอนใจเบื่อๆ
"ผมกำลังทำงานอยู่ครับ คุณน้ามีอะไรครับ"
"ทำงานหรือไปกกกับใครอยู่กันแน่ รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับพริ้ง พริ้งเขาเกิดอุบัติเหตุรถชน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล"
"ถ้าคุณน้าจะใช้มุกเดิมๆ กับผม ขอบอกไว้ก่อนว่ามันใช้ไม่ได้ผล"
"ฉันไม่ได้ล้อเล่น! ยัยพริ้งกำลังจะขับรถไปหาเธอเมื่อเช้า แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นกลางทาง ตอนนี้เขายังไม่ฟื้น นี่น้าก็ไม่รู้ว่าถ้าฟื้นขึ้นมาแล้วจะเป็นยังไงบ้าง"
"แต่คุณน้าก็อยู่กับเขาแล้วนี่ครับ ผมไปก็ช่วยให้เขาฟื้นไม่ได้"
"พริ้งเขาแคร์เธอมากนะนิมมาน นี่ถ้าเขาไม่ใจร้อนขับรถไปตามเธอกับรวิปรียาที่กำลังเล่นชู้กัน เขาก็คงไม่เป็นแบบนี้ ถ้ายัยพริ้งเป็นอะไรขึ้นมาก็เป็นความผิดของเธอกับรวิปรียา"
นิมมานเสียงแข็งขึ้น "เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรวิ เลิกโทษรวิเสียที
"นี่ ขนาดเมียเจ็บอยู่อย่างนี้ ยังมีหน้าไปปกป้องชู้รักอีกเหรอ"
"ใช่ เพราะคนที่ผมรักคือรวิ และผมก็จะปกป้องเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น คนอื่นจะเป็นจะตายยังไงผมไม่สน!"
"นิมมาน!"
พัชชาอ้าปากจะโวยต่อ แต่นิมมานกดตัดสายไปแล้ว พัชชาไม่สบอารมณ์ พัชชาจึงกดเบอร์โทร.หามิตรต่อ
พัชชารอสายสักพัก แล้วพูดเสียงเหวี่ยงๆ "คุณมิตรเหรอคะ"
ต่อมา เทวา รวิปรียากับทีมงานคนอื่นๆกำลังประชุมกันอยู่ สถาปนิกกำลังอธิบายเรื่องแบบ
"จากที่เราไปดูไซต์งานกันและการประชุมเมื่อเย็นวานนี้ ทีมออกแบบของเราเห็นตรงกันว่า สำหรับโครงการนี้เราควรจะเน้นไปในเรื่องของ Landscape และสิ่งแวดล้อม"
ขณะที่สถาปนิกกำลังจะกางแบบออกโชว์ โทรศัพท์ของรวิปรียาก็สั่นเตือนจากสายเรียกเข้า เธอมองที่หน้าจอเห็นชื่อ "พ่อ" โทร.เข้ามา
รวิปรียาหยิบโทรศัพท์แล้วลุกขึ้น เลี่ยงออกไปเงียบๆ ขณะที่คนอื่นๆกำลังสนใจแบบแปลนใหม่ ยกเว้นเทวาที่มองตามรวิปรียาตลอดเวลา
รวิปรียามาหยุดยืนที่มุมหนึ่งในบริเวณรีสอร์ต กดรับสายจากวิษณุ
"ค่ะ คุณพ่อ... ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ ตอนนี้กำลังประชุมเรื่องคอนเซ็ปต์ของโครงการกับแบบแปลนอันใหม่" เธอฟังบางอย่างจากพ่อแล้วตกใจ "ว่าไงนะคะคุณพ่อ พริ้งขับรถชน? ที่ไหนคะ? …... แล้วเขาเป็นอะไรมากไหมคะ"
หลังฟังแล้วรู้ว่าเพชรพริ้งไม่เป็นอะไรมากก็โล่งใจ "ถ้าแค่หัวแตกก็ค่อยยังชั่ว...... ได้ค่ะคุณพ่อ พอกลับถึงบ้านแล้วรวิจะอธิบายเรื่องโครงการนี้ให้คุณพ่อฟัง...สวัสดีค่ะ"
รวิปรียากดวางสาย นึกถึงเพชรพริ้ง
"อย่าเพิ่งใจเสาะเป็นอะไรไปซะก่อนล่ะพริ้ง เธอจะต้องอยู่รับรู้ความเจ็บปวดอย่างที่แม่กับฉันเคยได้รับซะก่อน"
รวิปรียากดโทรศัพท์ออกหาเพชรพริ้ง
ในห้องพักคนป่วย เสียงโทรศัพท์สายเข้าดังไปทั่วห้อง เพชรพริ้งกดรับสาย สีหน้าเหวี่ยงๆ
"นังรวิ แกโทร.มาทำไม"
รวิปรียาคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่งในรีสอร์ต ยิ่งได้ยินเสียงหงุดหงิดของเพชรพริ้งยิ่งยิ้มเยาะพอใจ
"ได้ข่าวว่าเธอเข้าโรงพยาบาลน่ะ ก็เลยโทรมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า"
"แกไม่ต้องมาทำเป็นหวังดี ฉันรู้ว่าแกตั้งใจโทรมาเยาะเย้ยฉัน"
"แล้วนี่นิมมานเขารู้หรือยังเนี่ยว่าเธอนอนอยู่โรงพยาบาล อุ้ย แต่ลืมไป...เขาจะรู้ได้ยังไงล่ะ ในเมื่อเขาอยู่ที่รีสอร์ตนี่กับฉัน เธออยากให้ฉันบอกเขาให้ไหม"
"นังรวิ! ฉันขอเตือนแกนะ อย่ามายุ่งกับผัวฉัน"
"เธอคงลืมไปสินะพริ้ง ว่าฉันกับเขายุ่งกันมาก่อนที่เธอจะได้เขาไปซะอีก นี่อีกสักพัก ฉันกับนิมมานก็คงจะกลับกรุงเทพพร้อมกัน ฉันจะบอกให้นิมมานแวะเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลก็แล้วกันนะ"
"นังแพศยา นังหน้าด้าน"
"ปากร้ายแบบนี้ มิน่าล่ะนิมมานเขาถึงทนอยู่ด้วยไม่ได้ ฉันเคยบอกเธอแล้วไงว่าฉันจะเอาของที่เป็นของฉันคืน แต่ไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะง่ายขนาดนี้ เจอคู่ต่อสู้กระจอกๆแบบเธอนี่ เกมส์นี้ชักจะไม่สนุกแล้วสิ แค่นี้ก่อนนะ นิมมานเขากำลังตามหาฉัน"
เพชรพริ้งกำโทรศัพท์ไว้ในมือแล้วทุบกับเตียงอย่างโกรธแค้น
"แอร๊ย.... นังรวิ ถ้าฉันเจอแกเมื่อไหร่ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่"
เพชรพริ้งคว้าหมอนข้างตัวขึ้นมาแล้วเขวี้ยงหมอนไปข้างหน้า จนเกือบโดนพัชชาที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา หมอนเฉียดหน้าพัชชาไปหวุดหวิด
"นี่มันอะไรกันยัยพริ้ง"
"นังรวิน่ะสิคะคุณแม่ มันโทรมาเย้ยพริ้ง บอกว่านิมมานอยู่กับมันที่รีสอร์ต แอร๊ย... พริ้งเกลียดมัน"
"ใจเย็นๆก่อนพริ้ง แม่จัดการเรื่องนิมมานให้แล้ว คุณมิตรเขารับปากว่ายังไงนิมมานก็ต้องมาหาลูกที่นี่"
นิมมานนั่งรีๆรอๆอยู่แถวล็อบบี้ของรีสอร์ต แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น นิมมานกดรับสาย
"ครับ คุณพ่อ" เขาฟังคำสั่งบางอย่างจากมิตรสีหน้าเซ็งๆ
ต่อมา เทวากับรวิปรียาเดินออกจากรีสอร์ต มายังรถของเทวาที่จอดอยู่ ทั้งคู่เข้าไปนั่งในรถ
เทวานั่งประจำที่คนขับแล้วหันมามองรวิปรียา เห็นเธอนั่งนิ่งอยู่ เทวาเอียงตัวมาทางรวิปรียาตั้งใจจะใส่เข็มขัดนิรภัยให้อีก แต่คราวนี้รวิปรียารู้ทัน รีบดึงเข็มขัดมาล็อคตัวเองซะก่อน
เทวาบ่นให้รวิปรียาได้ยิน "รู้ทัน"
รวิปรียาค้อนใส่
"ตอนอยู่กับคนอื่นคุณต้องระวังตัวแจแบบนี้ตลอดเวลาเลยหรือเปล่า"
"ฉันคอยระวังเฉพาะเวลาอยู่ใกล้ผู้ชายเจ้าชู้มือไวอย่างคุณเท่านั้น"
เทวาพูดล้อๆ "ระวังแบบไหน?" เขาจงใจยิ้มยั่ว "แบบตอนที่อยู่ในห้องผมเมื่อคืนน่ะเหรอ"
รวิปรียารู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอีก แต่ทำเป็นชิลๆ
"กะแค่เรื่อง..." เธอจะพูดว่าจูบ แต่ก็กระดากปาก จึงเฉไฉ "เรื่อง..แค่นั้น มันไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอกค่ะ"
"ไม่สำคัญ..อืม.. แสดงคุณคงทำมันบ่อยจนเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสินะ งั้นถ้าผมจะทำอีกตอนนี้ คุณก็คงไม่ถือสาอะไร"
เทวาพยายามเล่นกับความรู้สึกของรวิปรียา เขายื่นหน้าไปใกล้ทำทีเหมือนจะจูบจริง รวิปรียานั่งตัวแข็ง
เทวาเปลี่ยนท่าทีเหมือนไม่มีอะไร "ผมแค่จะถามว่าคุณหิวมั้ย ทำไมต้องทำหน้าตื่นแบบนั้นด้วย"
รวิปรียาโล่งอก ปรับสีหน้าให้ดูเหมือนไม่รู้สึกอะไร
"เมื่อเช้าผมเห็นคุณกินข้าวได้นิดเดียว คิดว่าป่านนี้คุณน่าจะหิวแล้ว เดี๋ยวเราแวะหาอะไรกินกลางทางก่อนนะครับ หรือคุณอยากจะแวะซื้อของฝากด้วยก็ได้"
"ซื้อของฝาก? นี่เรามาทำงานนะคะ ไม่ได้มาเดทกัน"
"ก็นั่นสิ แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่าเราเหมือนคู่รักกันมากกว่าผู้ร่วมงาน"
รวิปรียาไม่ตอบแต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น มีอาการแอบอมยิ้ม ขณะที่เทวาขับรถออกจากตรงนั้นไป
ภายในห้องพักคนไข้ในโรงพยาบาล
เพชรพริ้งยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำ มองภาพตัวเองในกระจก มือจับที่รอยแผลที่บริเวณหน้าผากตัวเอง ... โกรธแค้น
"ที่ฉันต้องเป็นแบบนี้ ก็เป็นเพราะแกคนเดียว นังรวิ..."
ต่อมา รถของเทวาแล่นเข้ามาส่งรวิปรียาที่บ้าน
รถจอดลงที่บันไดขึ้นบ้าน ภายในรถ เธอปลดล็อคเข็มขัดเตรียมจะลง แต่เทวาจับแขนไว้
"เดี๋ยวก่อนครับ"
รวิปรียาชะงัก มองมือเทวาที่จับแขนเธออยู่เป็นเชิงเตือน แต่เทวาไม่ได้คิดจะปล่อยมือ
"ผมอยากให้คุณเข้าไปประชุมที่บริษัทผมวันอังคารนี้"
"เรื่องสำคัญไหมคะ ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญฉันจะส่งเลขาไปแทน"
"แต่ผมอยากให้คุณไปด้วยตัวเอง"
"ฉันก็มีงานอื่นที่ต้องทำนะคะ ที่บริษัทไม่ได้มีแค่งานโปรเจกต์คอนโดกับบริรักษ์"
"อย่าลืมนะครับว่าตราบใดที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาร่วมธุรกิจกัน ผมมีสิทธิ์ที่จะพิจารณาเรื่องนี้ใหม่ได้ทุกเมื่อ"
รวิปรียาหน้าตึงเมื่อถูกออกคำสั่ง
"นี่คุณกำลังใช้อำนาจมาขู่ฉันหรือคะ"
เทวามองหน้ารวิจริงจัง "จริงๆแล้วผมอยากเจอคุณ และถ้าเป็นไปได้ก็อยากเจอทุกวัน"
ทั้งคู่สบตากันนิ่งอยู่สักพัก รวิปรียาไม่อยากสั่นไหวไปมากกว่านี้ เธอลงจากรถไปโดยไม่พูดอะไร
คืนนั้น ดารินเข้ามาในผับแห่งหนึ่ง สายตามองหามนัสไปรอบๆ
ในผับมีเพียงกลุ่มนักเที่ยวอื่นๆ ทั้งหญิงชาย แต่ไม่เห็นมนัส
ดารินบ่นอย่างหงุดหงิด "นัดให้มาที่นี่ แต่ตัวเองยังมาไม่ถึงอีก"
ดารินหยิบโทรศัพท์มามอง แต่ไม่มีข้อความจากมนัส
"ไม่คิดจะส่งข้อความมาบอกกันหน่อยรึไง"
ดารินนั่งอยู่ที่โต๊ะหนึ่งกอดอกคอยมนัส สลับกับมองนาฬิกาข้อมือ เริ่มจะหงุดหงิดมากขึ้น
"นี่ฉันชักจะหมดความอดทนแล้วนะ ฉันจะนับถึง5 ถ้านายยังไม่มาฉันจะกลับ 5…4…3…2…1"
ดารินลุกขึ้นจะกลับ แต่จังหวะที่ลุกก็มีชายหนุ่ม2 คน เดินผ่านโต๊ะเธอพอดี ดารินชนเข้ากับชาย1
"อุ๊ย ขอโทษค่ะ"
เมื่อเธอมองชาย1และ2 ก็พบว่าทั้งคู่ดูกึ่มๆ แล้ว
"รู้จักมองคนบ้างป่าววะน้อง"
"ก็ขอโทษแล้วไง"
"ขอโทษแล้วมันหายเจ็บรึไงวะ"
"แล้วจะให้ฉันทำยังไง"
ชาย 2 มองเห็นหน้าดารินสวยดี จึงเริ่มเปลี่ยนท่าทีเหมือนจะลวนลาม
"หน้าตาสวยดีนี่ มานั่งคนเดียวซะด้วย ไปดื่มที่โต๊ะพวกพี่ดีกว่าไป" ว่าแล้วก็คว้าข้อมือ ดาริน
ดารินก็ไม่ลดราวาศอก ไม่ดึงมือกลับด้วยซ้ำ แต่กลับยืดอกพร้อมต่อกร เสียงเพลงบนเวทีหยุดไปแล้ว คนในร้านหลายคนมองที่ดารินกับชาย 2 คน
"ถ้าเมาก็ไปไกลๆ ไป"
ชาย 2บอก "อ้าว ชวนดีๆ แล้วทำเป็นหยิ่ง ต้องให้ใช้กำลังใช่ป่ะ"
ชาย 2จะดึงมือดารินออกไป ดารินจึงใช้มืออีกข้างหยิบแก้วเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นมา แล้วสาดใส่หน้าชาย 2เต็มๆ
ชาย2โกรธจัด "อีนี่ วอนซะแล้ว"
ชาย 2 เงื้อมือขึ้นจะตบดาริน แต่แล้วก็โดนเท้าของชายคนหนึ่งถีบเข้าให้ ชาย2 โดนแรงถีบจนเซออกไป
มนัสก้าวเข้ามา ชาย1 พุ่งเข้ามาหามนัส แต่มนัสชกสวนไปก่อน ชาย1 หงายหลังลงใส่โต๊ะ ขวดแก้ว ระเนระนาด
ชาย 2 ตั้งตัวได้ก็พุ่งเข้ามาชกกับมนัสนัวเนีย ชาย1 คว้าขวดเบียร์จากพื้นลุกขึ้นมา พุ่งเข้าใส่มนัสทางด้านหลัง
ชาย 2 ง้างขวดในมือจะตีหัวมนัส ตอนเขากำลังหันหลังสู้กับชาย2 แต่แล้วดารินก็โผล่มา แล้วทุ่มเก้าอี้ใส่ชาย1
ชาย1 หมอบกับพื้นไป ชาย2 ก็กำลังเสียเชิง มนัสเข้ามายืนชิดดาริน
"คุณนี่ก็ไม่เบานะเนี่ย"
"แหงอยู่แล้ว เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับดาริน"
มนัสกับดารินคิดว่ารอดแล้ว แต่เพิ่งเห็นว่าชาย 2 คนยังมีเพื่อนมาด้วย ชายฉกรรจ์อีก 3-4 คน เดินตรงมาทางมนัสพร้อมลุยเต็มที่
"แย่แล้วคุณ มาอีกเพียบ"
"แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก ผมพร้อม" มนัสทำท่าเหมือนพร้อมรับมือ "คุณล่ะพร้อมหรือยัง"
"พร้อมอะไร สู้เหรอ" ดารินถาม
"พร้อมวิ่งต่างหากล่ะ"
ไม่ทันขาดคำ มนัสคว้ามือดาริน แล้วพากันวิ่งออกไปจากผับ กลุ่มชายฉกรรจ์และชาย1,2 โขยกเขยกวิ่งตาม
มนัสกับดารินยังคงจับมือกันอยู่
ขณะวิ่งมาตามฟุตบาธ มนัสคอยหันกลับไปมองด้านหลัง เห็นว่าพวกนั้นคงตามมาไม่ทันแล้ว
"พ้นแล้ว พวกมันตามมาไม่ทัน"
ทั้งคู่ชะลอแล้วหยุดวิ่ง พากันเหนื่อยหอบอยู่สักพัก จากนั้นก็หยุดมองหน้ากันสักครู่ ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
"คุณนี่จริงๆเลย ฉันนึกว่าคุณจะแมน"
"นี่คุณ ความแมนกับความโง่ บางทีเส้นกั้นมันก็ห่างกันนิดเดียว ผมไม่โง่อยู่ให้พวกนั้นรุมยำเละหรอก"
"ก็จริง ภาษาธุรกิจเขาเรียกว่า วิธีจัดการปัญหาอย่างชาญฉลาด ยังไงก็..ขอบคุณที่ช่วยนะ"
"ผมต้องขอโทษคุณต่างหาก ที่ผม...มาช้า"
"จริงด้วย นี่คุณปล่อยให้ฉันรอตั้ง15 นาที เลยนะ ข้อความก็ไม่ส่งมาบอกสักคำ ฉันกำลังจะกลับอยู่แล้วเชียว"
"ผมขอโทษ ผมติดถ่ายงานอยู่ ลูกค้าสั่งแก้โน่นแก้นี่จนวุ่นไปหมด พอเสร็จงานปุ๊บผมก็บึ่งมอเตอร์ไซค์มาหาคุณเลย"
"เอาเถอะ อย่างน้อยคุณก็มาทันช่วยฉันไว้"
"นี่คุณเอารถมาหรือเปล่า"
"เอามา แต่จอดไว้ที่หน้าร้านนั้น วันนี้คงกลับไปเอาไม่ได้แล้ว แต่ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ค่อยให้คนที่บ้านมาเอาให้"
"งั้นเดี๋ยวผมไปส่ง"
"ไปส่งยังไง คุณมีรถหรือ"
"โหคุณ วิ่งกันมาถึงนี่ ยังคิดว่าผมจะมีรถไปส่งอีกเหรอ"
มนัสดึงมือดารินไปที่ริมถนน
"เออ คุณ แล้วรูปฉันล่ะ"
"อยู่ในคอมพ์ที่บ้าน"
"ฉันนึกว่าคุณจะเตรียมมาให้ฉันซะอีก"
"เปล่า ผมไม่ได้เตรียม"
"งั้นคุณนัดฉันมาทำไม"
"เพราะผมอยากเจอคุณ" เขาพูดแล้วหันไปโบกมือเรียกแท็กซี่
ดารินยืนอึ้งๆ พูดไม่ออก พอแท็กซี่จอดรับ มนัสก็เปิดประตูให้ดารินเข้าไปก่อน แล้วค่อยเข้าไปนั่งข้างๆ
ทั้งคู่นั่งข้างกันที่เบาะหลัง หันมายิ้มให้กันด้วยความรู้สึกดีๆ รถแท็กซี่เคลื่อนตัวออกไป
วันใหม่ กระเช้าดอกไม้หลากสีในมือเมฆาถูกวางลงบนโต๊ะหัวเตียง เขายิ้มให้เพชรพริ้ง
เธอขยับตัวขึ้นมานั่ง มองเมฆา
"ขอบคุณค่ะ"
"ผมไม่รู้ว่าคุณพริ้งชอบดอกอะไร แต่ตอนไปซื้อคนขายเขาแนะนำว่าดอกไม้สีสวยๆ จะช่วยให้คนป่วยรู้สึกดีขึ้น ผมก็เลยซื้อกระเช้าแบบรวมดอกไม้หลายๆสีมา"
"สำหรับพริ้งดอกไม้ก็สวยเหมือนกันหมดแหละค่ะ พริ้งไม่ได้ชอบดอกอะไรเป็นพิเศษ แต่แม่ชอบพูดบ่อยๆว่า ดอกไม้ยิ่งราคาแพงก็ยิ่งสวย"
"เหรอครับ แต่ถ้าวัดกันที่ราคา ดอกไม้ของผมคงไม่สวยเท่าไหร่"
ท่าทีสุภาพแต่เอาจริงเอาจังของเมฆา ทำให้เพชรพริ้งรู้สึกเป็นมิตร
"แต่พริ้งก็ชอบนะคะ"
"แค่คุณพริ้งชอบผมก็ดีใจแล้วครับ"
"คุณเมฆานี่ ดูๆแล้วนิสัยไม่เหมือนผู้ชายเลยนะคะ"
"เฮ้ ผมไม่ใช่แบบที่คุณคิดนะ ผมนี่ผู้ชายทั้งแท่ง พันเปอร์เซ็นต์"
"ฉันแค่หมายถึงว่าคุณเป็นคนละเอียด รอบคอบ จัดการเรื่องทุกอย่างได้สารพัด ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ละเอียดอ่อนเหมือนคุณ"
"ก็คงเป็นเพราะงานน่ะครับ งานผมต้องคอยวางแผน จัดการเรื่องโน้นเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา มันก็เลยซึมเข้าไปเป็นนิสัยประจำตัว"
"คุณทำงานอะไรคะ"
"ผมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคุณเทวา MDของบริษัทBR Construction"
"ผู้ช่วยส่วนตัวคุณเทวา BR Construction" เพชรพริ้งรู้สึกคุ้นๆ ชื่อ
"ก็เป็นทั้งคนสนิท กึ่งๆเลขา แล้วก็เป็นทั้งเพื่อนกินเหล้าไปในตัวด้วย"
"เจ้านายคุณนี่โชคดีจัง พริ้งก็อยากมีคนสนิทที่เป็นเพื่อนกินเหล้าได้แบบนี้สักคนเหมือนกัน"
พัชชาเดินมาตามทางเดินโรงพยาบาล ตรงมาทางห้องพักเพชรพริ้ง
พอพัชชาเปิดประตูห้องคนป่วยเข้ามา ก็ชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพที่เมฆากับเพชรพริ้งกำลังพูดคุยกัน
"คุณเมฆามาเยี่ยมพริ้งค่ะคุณแม่"
เมฆาหันมาไหว้พัชชา "สวัสดีครับ"
พัชชารับไหว้แบบแกนๆ สายตามองเมฆาเฉียบคม พยายามอ่านเกมส์ พัชชาดูออกว่าเมฆาคิดอะไร
พัชชาพูดเป็นนัย
"วันนี้พริ้งก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เดี๋ยวนิมมานจะมารับพริ้งกลับบ้าน"
"นี่ถ้าคุณพ่อไม่บังคับ เขาก็คงไม่มา"
"อย่างอนนักเลยน่าพริ้ง สามีภรรยากันก็เหมือนลิ้นกับฟันนั่นแหละ มีกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่สุดท้ายก็ยังต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน"
เมฆาพึมพำ ทวนชื่อนิมมานอย่างคุ้นๆ "นิมมาน"
"สามียัยพริ้งเขาไง ลูกชายเจ้าของบริษัทนิรมิต บริษัทอสังหาริมทรัพย์อันดับหนึ่งของเมืองไทยตอนนี้"
"ครับ ผมทราบ..ว่าคุณนิมมานเป็นใคร เพียงแต่ไม่ทราบมาก่อนว่า เจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานกับคุณนิมมานไปเมื่อเร็วๆนี้คือ คุณพริ้ง"
"ตอนนี้คุณก็ทราบแล้วนี่ งั้นคุณก็คงไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่นานนัก เพราะเดี๋ยวสามีพริ้งมาเห็นเข้า เขาจะเข้าใจผิด" พัชชาบอก
"ผมเข้าใจครับ"
"เข้าใจก็ดีแล้ว คุณจะได้ไม่หวังถึงอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้"
"งั้นผมขอตัวเลยแล้วกันนะครับ"
เมฆาไหว้ลาพัชชา หันไปยิ้มลาเพชรพริ้งแล้วออกจากห้องไป
เมฆาออกมาจากห้องพักของเพชรพริ้ง ถอนใจอยู่หน้าห้อง บ่นกับตัวเอง
"น่าเสียดาย ยังไม่ทันจะได้เริ่มจีบเลย แต่งงานซะแล้ว"
จากนั้นเขาก็เดินไป
บรรยากาศในบ้านบริรักษ์ ดารินนั่งเล่นอยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน ทันใด..เสียงข้อความในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ดารินล้วงหยิบโทรศัพท์มากดเปิดภาพดู เห็นภาพถ่ายของเธอในงานเลี้ยงแต่งงานของนิมมานกับเพชรพริ้ง ที่มนัสถ่ายไว้ 2-3ภาพ ดารินยิ้มออกมา เสียงข้อความเข้าดังขึ้นอีก ดารินกดอ่าน
"ชอบรูปที่ผมถ่ายหรือเปล่า"
ดารินกดข้อความตอบ
"ก็โอเค รูปสวยนะ สงสัยเพราะนางแบบสวย"
มนัสส่งSticker หัวเราะขำๆ
"เมื่อคืนฉันสนุกมาก" ดารินส่งข้อความกลับไป
"ผมก็สนุกเหมือนกัน ว่างๆเราน่าจะไปหาเรื่องชาวบ้านด้วยกัน เราน่าจะเป็นคู่หูที่ดี"
มนัสนั่งเล่นไลน์ในเครื่องโทรศัพท์อยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ หน้าจอคอมพ์เป็นภาพของดารินวันงานเลี้ยง มนัสกำลังอ่านข้อความจากดาริน
ดาริน ส่ง Sticker หัวเราะไปให้มนัส
"ขอบคุณสำหรับรูปภาพ วันหลังฉันขอเลี้ยงข้าวคุณเป็นการตอบแทนนะคะ"
"OK ครับ ของฟรีผมชอบอยู่แล้ว"
ดารินคุยไลน์กับมนัสไป ขณะเดินยิ้มไป
มนัสยิ้มมองโทรศัพท์กับภาพดารินบนจอคอมพ์ เหมือนคนเพิ่งตกหลุมรัก
ในห้องพักคนไข้ที่โรงพยาบาล เพชรพริ้งพูดกับพัชชา
"คุณแม่ก็พูดตรงเกินไปหรือเปล่าคะ อย่างน้อยคุณเมฆาเขาก็ช่วยพริ้งไว้ น่าจะไว้หน้าเขาบ้าง"
"ทำไมต้องไว้ แกดูไม่ออกเหรอว่าเหรอว่านายนั่นกำลังทำก้อร่อก้อติกกับแก แม่ขอเตือนนะ อย่าเอาคนระดับนายเมฆานั่นเด็ดขาด"
"พริ้งก็ไม่ได้คิดกับเขาแบบนั้นนะคะแม่ ก็แค่คุยกันถูกคอ"
"มันก็เริ่มจากคุยกันนี่แหละ แกเปิดตาดูนายเมฆาอะไรนั่นหน่อยสิพริ้ง ว่าเขาอยู่ระดับไหน แล้วเราอยู่ระดับไหน แม่มองปร๊าดเดียวก็รู้แล้ว ลักษณะแบบนี้..อย่างดีที่สุดก็เป็นได้แค่ผู้จัดการแผนกเล็กๆ เงินเดือนจะสักเท่าไหร่กัน"
"คุณเมฆาเขาเป็นผู้ช่วยของผู้บริหาร BR Construction เจ้านายเขาชื่อเทวาอะไรเนี่ยแหละค่ะ"
พัชชาได้ยินชื่อเทวาแล้วชะงัก จำเทวาได้ทันที
"เทวา? แกแน่ใจนะ"
"ค่ะ"
"เทวา บริรักษ์ ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา เสียดายที่เจอเขาช้าไป" พัชชาครุ่นคิด "งั้นแกควรจะตีสนิทนายเมฆาคนนี้ไว้"
"โอย นี่มันอะไรอีกล่ะคะคุณแม่ เดี๋ยวก็ไม่ไห้ยุ่ง เดี๋ยวก็มาบอกให้ตีสนิท พริ้งรับมุขคุณแม่ไม่ทันแล้ว"
"ที่แม่บอกให้ตีสนิทไว้ เพราะเจ้านายของเขาเป็นคนที่น่าสนใจ นายเมฆาก็อาจมีประโยชน์กับเราขึ้นมาในอนาคต"
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นขัดจังหวะ แล้วนิมมานก็เปิดประตูเข้ามา
"นิมมานมาพอดี" พัชชาว่า
"ผมมารับพริ้งกลับบ้านตามคำสั่งของคุณพ่อ ... คุณก็ดูไม่เป็นไรมากนี่"
"ทำไม ต้องให้ฉันตายไปก่อนหรือไง คุณถึงจะได้พอใจ แต่เสียใจด้วยนะ คนอย่างฉันไม่ตายให้คุณไปเสวยสุขกับนังรวิง่ายๆ หรอก"
"ถ้าจะเริ่มคุยกันแบบนี้ ผมกลับล่ะ"
"เดี๋ยวสินิมมาน อย่าเพิ่งทะเลาะกันตอนนี้เลยนะ ไว้ไปคุยกันที่บ้าน เดี๋ยวหมอมาดูอาการอีกที พริ้งก็คงกลับได้แล้ว"
ทั้งนิมมานและเพชรพริ้งต่างเมินไปคนละทาง นิมมานจำใจอยู่เซ็งๆ
ต่อมา เพชรพริ้งกับนิมมานกลับมาถึงบ้าน เพชรพริ้งตามหลังมา ยังคงโวยวายมาเหมือนต่อเนื่องมาจากข้างนอก
"ตอบมาเดี๋ยวนี้นะนิมมาน !"
นิมมานหันขวับไปโวยกลับ
"จะให้อธิบายอีกสักกี่รอบว่าเขาไปทำงาน ผมเองก็ไปทำงานเหมือนกัน เรื่องนี้มันควรจะจบไปตั้งแต่บนรถแล้วนะ"
"ไม่จบ! เพราะพริ้งไม่เชื่อ คุณไปหามันถึงที่โน่น ค้างอยู่ที่โน่นทั้งคืน แล้วจะบอกว่า ไม่มีอะไรกันน่ะเหรอ นี่ฉันไม่ได้กินหญ้าแทนข้าวนะ จะได้เชื่อคำโกหกหน้าด้านๆ"
"ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ"
"นังรวิมันหาโอกาสคอยจะฉกคุณไปจากพริ้ง แล้วที่พริ้งต้องเจ็บตัวแบบนี้ก็เพราะมัน"
"รวิเขาไปทำอะไรให้คุณ เขาอยู่ของเขาเฉยๆ ที่คุณเจ็บตัวก็เพราะก็อยากโง่ตามไปเอง"
"ว่าไงนะ นี่คุณด่าพริ้งว่าโง่เหรอ คุณกล้าด่าพริ้งเหรอ! พริ้งเป็นเมียคุณนะ"
นิมมานเดินเลี่ยงอย่างรำคาญ แต่เพชรพริ้งไม่ยอม ยิ่งโวยวายเสียงดังลั่นบ้านขึ้นบ้าน
"ถ้าฉันรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ ฉันจะไม่มีวันแต่งงานกับคุณ คุณมันก็แค่ผู้ชายโง่ๆ คนนึง มีของใหม่อยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆยังมุดรูกลับไปหากินของเก่า เมื่อไหร่คุณจะเลิกโง่ เลิกซื่อบื้อ เลิกทำตัวสำส่อนแล้วทำตัวเป็นสามีที่ดีซะที"
นิมมานนิมมานหยุดชะงัก หันกลับมาตะคอก "พริ้ง!"
นิมมานโมโหจัดเงื้อมือจะตบเพชรพริ้ง แต่มนัสเข้ามา ดึงมือไว้พอดี
"พี่นิมมาน!"
นิมมานหันมามอง 2 คนจ้องหน้ากัน สักพักมนัสปล่อยมือ
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก" นิมมานบอก
"ผมรู้ ว่ามันเป็นเรื่องในครอบครัวพี่ แต่ถึงยังไงพี่พริ้งเขาก็เป็นผู้หญิง ถึงพี่จะโกรธยังไงก็ไม่ควรรุนแรงกับเขา มีอะไรก็ค่อยๆพูดกันเถอะพี่"
นิมมานเดินออกไปอย่างหัวเสีย เพชรพริ้งยังมองตามอย่างฮึดฮัดแล้วกระทืบเท้าออกไปอีกคน โดยไม่สนใจมนัสด้วยซ้ำ
มนัสได้แต่มองตาม เกาหัวแกรก
"อะไรของเขานักหนานะคู่นี้"
บ้านนิรมิต ยามกลางคืน
เช็คเงินจำนวนสองแสนถูกโยนลงบนเตียงตรงหน้า เพชรพริ้งหยิบขึ้นมา ถาม
"สองแสน นี่มันอะไรกันคะ"
นิมมานยืนอยู่ตรงหน้าเพชรพริ้ง
"ที่คุณแต่งงานกับผมก็เพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอ ผมต้องเลี้ยงดูคุณ เพราะอย่างน้อยเราก็แต่งงานกันตามกฏหมาย แต่ผู้หญิงทำอะไรไม่เป็นอย่างคุณ ไม่มีค่าพอที่จะมาเป็นเมียเพื่อเชิดหน้าชูตาผมได้หรอก"
"นี่คุณจะดูถูกพริ้งมากเกินไปแล้วนะ"
"เอาไปซะ! แล้วต่อไปนี้ก็สงบปากสงบคำไว้ ขอให้เราสองคนต่างคนต่างอยู่เถอะพริ้ง"
นิมมานเดินออกไป ทิ้งให้เพชรพริ้งนั่งกำมือแน่นเก็บจำคำของนิมมานไว้อย่างเจ็บใจ ปลายตามองเช็คบนเตียง
รุ่งขึ้น เทวานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ตาคอยมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ รอการประชุมกับรวิปรียาอยู่ในห้องทำงานของตัวเอง ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
"เข้ามา"
เมฆาเปิดประตูเข้ามา
"คนจากสยามเอ็นจิเนียริ่งที่นัดไว้ มาถึงแล้วครับ"
เทวารีบปรับท่าทีให้มีมาดเพื่อรอรับ แต่... เมฆาบอกต่อว่า
"แต่ไม่ใช่คุณรวิปรียา"
คนที่ก้าวเข้าห้องมายืนด้านหลังเมฆาก็เป็น "รัชตา" เลขาที่กำลังท้องของวิษณุ รัชตายกมือไหว้ทักทาย
เทวาถึงกับหน้าหุบ
เวลาเดียวกัน พัชชาที่เดินเชิดมาตามทางเดินในบริษัทสยามเอ็นจิเนียริ่ง
พนักงานทุกคนที่เดินสวนมาต่างก็หลีกทางให้ บ้างก็ยกมือไหว้
จนพัชชาเดินมาถึงจุดหนึ่ง พนักงานคนหนึ่งยืนคุยกับเพื่อนขวางทางอยู่ พัชชาหยุดยืนเหล่มองด้วยหางตา
"นี่ ไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นใคร ยังไม่หลีกทางไปอีก"
พนักงานสาวคนนั้นรีบเลี่ยงออกไป เปิดทางให้พัชชาเดินผ่าน
พัชชามาหยุดอยู่หน้าห้องทำงานของวิษณุ เคาะประตูตามมารยาทแล้วเปิดประตูเข้าไป แต่ในห้องว่างเปล่าไม่มีคนอยู่
พัชชาปิดประตูห้องกลับออกมา พนักงานคนหนึ่งเข้ามาหา
"คุณวิษณุไม่อยู่ค่ะ คุณพัชชา"
"คุณวิษณุไปไหน"
"คุณวิษณุมีนัดกับลูกค้าค่ะ"
"ไม่เห็นเขาบอกฉันเลย แล้วเมื่อไหร่กลับ"
"ไม่ทราบค่ะ"
"ไม่ทราบ! เป็นพนักงานประสาอะไรถึงไม่รู้ว่าเจ้านายจะกลับเมื่อไหร่"
พนักงานหน้าเสีย ไม่กล้าเถียง
"งั้นฉันจะรอในห้อง ไปเอากาแฟมาให้ด้วย แต่กาแฟที่ต้มเองในบริษัทฉันไม่กินนะ ให้ใครไปซื้อจากร้านดีๆข้างนอกมา"
"แต่..."
"สั่งแล้วยังมายืนเฉยอีก"
"ค่ะ"
พนักงานจะออกไป พัชชาทำท่าจะเข้าไปรอในห้องทำงานวิษณุ แล้วนึกบางอย่างได้
"เดี๋ยว" พัชชาเรียกพนักงานไว้ "แล้วรัชตาล่ะ ไปด้วยกันกับคุณวิษณุเหรอ"
"พี่รัชไปประชุมแทนคุณรวิน่ะค่ะ"
"ไปแทนรวิ? ... ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดมีสิทธิอะไร มาใช้งานเลขาของประธานกรรมการไปโน่นไปนี่ตามอำเภอใจ"
เสียงรวิปรียาดังแทรกขึ้น
"มีสิคะ"
ทุกคนตรงนั้นหันไปมองรวิปรียาที่กำลังเดินตรงมาทางพัชชา
"สิทธิที่รวิกำลังดูแลโปรเจกต์สำคัญแทนคุณพ่อ แล้วคุณรัชตาก็ไปประชุมในนามของคุณพ่อ เราทุกคนกำลังทำงานเพื่อผลประโยชน์ของบริษัท และคุณอาก็น่าจะรับรู้ไว้ด้วยว่า เงินที่คุณอาใช้จ่ายอย่างสุขสบายอยู่ทุกวันนี้ ก็มาจากการทำงานของพวกเราทุกคนที่นี่ เพราะฉะนั้น แทนที่จะมาชี้นิ้วสั่งโน่นสั่งนี่ คุณอาควรจะรู้สึกขอบคุณพวกเราทุกคนมากกว่า"
"นี่หนูรวิกำลังจะบอกให้อาสำนึกบุญคุณพนักงานที่ทำงานกินเงินเดือนจากสามีของอาเหรอคะ"
"ใช่ค่ะ" รวิปรียาหันไปบอกพนักงาน " ไปเอากาแฟมาเสิร์ฟคุณพัชชา กาแฟของบริษัทนะ อย่าเอาเวลาทำงานเสียไปกับเรื่องไร้สาระ"
"ค่ะ"
พนักงาน1รีบเลี่ยงออกไป
พัชชาไม่พอใจที่โดนท้าทายอำนาจอย่างชัดเจน แต่ควบคุมสถานการณ์และอารมณ์ไม่ปรี๊ดผลีผลาม
"นี่อาเซอร์ไพรส์นะคะเนี่ย คุณหนูรวิ.. มาทำงานที่บริษัทได้แค่ไม่เท่าไหร่ แต่ช่างใหญ่โต ราวกับว่ามีอำนาจเหนือทุกคนบริษัท"
"มีอำนาจหรือไม่มี รวิก็สามารถสั่งระงับบัญชีใช้จ่ายและบัตรเครดิตทุกใบของคุณอากับเพชรพริ้งได้ก็แล้วกันค่ะ"
พัชชาอึ้ง พูดไม่ออก
ต่อมา พัชชาเดินกลับออกมาตามทางเดินของบริษัท ทางเดียวกับที่เข้ามา แต่อารมณ์พลิกคนละขั้ว เธอหงุดหงิด โมโห แค้นใจ พึมพำกับตัวเอง
"นังรวิ.. นี่แกมีอำนาจควบคุมการเงินของบริษัทตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ สักวันทุกอย่างจะตกเป็นของมันคนเดียวทั้งหมดแน่"
รัชตาเพิ่งกลับมาจากประชุม เดินช้าๆ กลับเข้ามาในบริษัทพอดี ทั้งคู่เจอกันก่อนที่พัชชาจะออกจากบริษัท
รัชตายกมือไหว้ "สวัสดีค่ะ คุณพัช นี่จะกลับแล้วหรือคะ"
"ใช่ คุณรัชตาท้องแก่ซะขนาดนี้ ยังถูกใช้ให้ไปทำงานอีกหรือ"
"ก็แค่งานประชุม ไม่ได้หนักหนาอะไร แต่นี่รัชก็กำลังจะขอลาคลอดอาทิตย์หน้านี้แล้วล่ะค่ะ คุยกับคุณรวิไว้แล้ว"
"คุณรัชตาจะลาคลอด แล้วใครจะทำงานแทนล่ะ"
"ตอนนี้คุณรวิกำลังดูๆ หาคนมาแทนอยู่ค่ะ"
พัชชาแววตาวาวโรจน์ สมองสว่างวาบ เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
รัชตานั่งอยู่ตรงหน้ารวิปรียา กำลังรายงานเรื่องที่ประชุมกับเทวามา
"รวมๆ แล้ว ประชุมวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากเลยนะคะ คุณเทวาก็แค่เรียกไปคุยเรื่องนัดวันเซ็นสัญญา แล้วก็บอกว่าวันนั้นจะมีการแถลงข่าวด้วย"
รวิปรียากอดอกครุ่นคิดตาม
"แค่นั้นเองหรือ"
"ก็แค่นั้นแหละค่ะ แหม..เรื่องแค่นี้ กดโทรศัพท์มาบอกสามสิบวินาทีก็จบเรื่องแล้ว ไม่รู้จะต้องเรียกตัวให้ไปคุยถึงห้องทำงานทำไม"
รวิปรียานึกในใจ "ดีนะที่เราไหวตัวทัน"
"นี่ถ้ารัชไม่ได้ท้องนะคะ คงนึกว่าคุณเทวาวางแผนจีบแล้วล่ะค่ะ"
ว่าแล้วรัชตาก็หัวเราะกิ๊กกั๊ก จนเงยหน้าขึ้นมาเห็นรวิปรียาจ้องอยู่ก็ปิดปากตัวเอง
"ยังไงก็ขอบคุณคุณรัชตาด้วย ที่อุตส่าห์เดินทางไปประชุมแทนให้ แต่โปรเจกต์นี้สำคัญมากกับบริษัทเรา ถ้าจะส่งคนอื่นไปรวิก็ไม่ไว้ใจ"
"รัชยินดีไปค่ะ โดยเฉพาะได้ไปเจอผู้บริหารหล่อๆอย่างคุณเทวา ว่าแต่.. รัชต้องขอลาคลอดอาทิตย์หน้านี้แล้วนะคะ คุณรวิคงไม่ลืม"
"ค่ะ รวิจะพยายามหาคนให้ได้ก่อนที่คุณรัชตาจะหยุดงาน"
พัชชากับเพชรพริ้งคุยกันอยู่ในมุมเงียบๆ ในบ้านสิริคุณานันท์
"คุณแม่เรียกพริ้งมาทำไมคะ"
"หัวเป็นยังไงบ้างพริ้ง"
"ก็ดีขึ้นค่ะ แผลใกล้หายแล้ว"
"งั้นก็ดีแล้ว เพราะลูกจะได้เตรียมตัวไปทำงานที่บริษัทคุณลุง"
"ทำงาน... โอย..ไม่เอาหรอกค่ะคุณแม่ คุณแม่ก็รู้ว่าพริ้งไม่ชอบไปทำอะไรแบบนั้น"
"แต่คราวนี้แกต้องไป เลิกเที่ยวเตร่ลอยไปลอยมาซะ แล้วก็ไปเรียนรู้เรื่องงานไว้บ้าง"
เพชรพริ้งจิ๊ปากอย่างขัดใจ พัชชาอธิบายให้เพชรพริ้งฟังอย่างจริงจัง
"ฟังนะพริ้ง ที่พริ้งต้องทำก็เพื่ออนาคตของเราสองคนแม่ลูก แม่เองก็ดูออกว่าคุณลุงวิษณุไม่ได้รักใครใยดีอะไรแม่นัก แต่ที่ต้องอยู่ด้วยกันทุกวันนี้ก็เป็นเพราะความรับผิดชอบเท่านั้น ถึงคุณลุงจะหย่าขาดจากอิงอร แต่ก็ไม่ยอมจดทะเบียนกับแม่ อ้างว่าไม่อยากมีปัญหาเรื่องเอกสารทางธุรกิจ"
เพชรพริ้งเริ่มคิดตาม
"ถ้าคุณลุงได้เห็นว่าพริ้งทำงานได้ ก็อาจจะให้พริ้งดูแลบริษัทในวันหน้า หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องได้หุ้นในบริษัทมาบ้าง"
"แล้วนังรวิล่ะคะ"
"นังรวิไม่ใช่ปัญหาหรอก เพราะตอนนี้การตัดสินใจทุกอย่างอยู่ที่คุณลุง แต่ถ้ามันทำตัวมีปัญหาขึ้นมาเมื่อไหร่ แม่จะจัดการเขี่ยมันให้พ้นทางเอง เพราะฉะนั้น ตอนนี้เราต้องรีบทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่คุณลุงจะยกทุกอย่างให้นังรวิคนเดียว แล้วเราสองคนจะไม่เหลืออะไรเลย"
เพชรพริ้งหวนนึกถึงตอนที่นิมมานต่อว่าเธอว่าเป็นผู้หญิงไร้ค่า
"ที่คุณแต่งงานกับผมก็เพื่อสิ่งนี้ไม่ใช่เหรอ ผมต้องเลี้ยงดูคุณ เพราะอย่างน้อยเราก็แต่งงานกันตามกฏหมาย แต่ผู้หญิงทำอะไรไม่เป็นอย่างคุณ ไม่มีค่าพอที่จะมาเป็นเมียเพื่อเชิดหน้าชูตาผมได้หรอก"
"ตกลงค่ะคุณแม่ พริ้งจะไปทำงาน"
เพชรพริ้งคล้อยตามพัชชา รวมถึงนึกอยากเอาชนะคำพูดดูถูกของนิมมานขึ้นมาด้วย
ภายในบ.นิรมิต ห้องทำงานนิมมาน ลูกน้องของนิมมานยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานนิมมาน ยื่นซองเอกสารไปให้นิมมานขณะรายงานข่าวที่ได้มา
"เรื่องธุรกิจระหว่างสยามเอ็นจิเนียริ่งกับบริรักษ์ที่คุณนิมมานให้ผมไปสืบ รายละเอียดอยู่ในนี้แล้วครับ"
"ได้เรื่องว่าไงบ้าง"
"ตอนนี้ทั้งสองบริษัทนั้นกำลังจะร่วมมือกันทำโครงการคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ที่ปากช่อง"
"เรื่องนั้นฉันรู้แล้ว ฉันแค่สงสัยว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า"
"โครงการนี้ เป็นการทดลองร่วมทุนกัน ก่อนจะเข้าสู่การควบรวมกิจการกันจริงๆ ในอนาคต"
"ควบรวมกิจการ"
"ครับ เห็นว่าถ้าโครงการนี้ไปได้สวย สยามเอ็นจิเนียริ่งกับบริษัทบริรักษ์ ก็จะควบรวมกิจการกัน"
นิมมานรับรู้อย่างเจ็บใจ
"นี่มันกำลังเดินเกมส์แบบเดียวกับเรา ฉันจะปล่อยให้สยามเอ็นจิเนียริ่งไปอยู่กับบริรักษ์ไม่ได้"
อ่านต่อตอนที่ 9
#ใจลวง #thaich8 #ละครออนไลน์