xs
xsm
sm
md
lg

ละคร ใจลวง ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ใจลวง ตอนที่ 7

ภายในคลับแห่งหนึ่ง บรมกับวิษณุกำลังดื่มเครื่องดื่มของตัวเอง ทั้งคู่มานัดคุยกัน

“ที่ผมนัดคุณออกมาวันนี้ก็มีหลายเรื่องที่อยากจะปรึกษาด้วย” บรมว่า
“ผมก็พอจะเดาออกอยู่แล้วครับ ที่จู่ๆ คุณบรมก็อยากจะคุยกับผมเป็นการส่วนตัว คงต้องมีเรื่องสำคัญแน่ๆ”
“ผมอยากคุยเรื่องของหนูรวิกับเทวา ผมเคยเกริ่นเรื่องนี้ไปแล้วครั้งนึง”
“ครับ ผมจำได้ แต่ว่าเรื่องแบบนี้ต้องขึ้นอยู่กับยัยรวิ ผมเองก็ไม่ใช่พ่อที่ชอบบังคับจิตใจลูกซะด้วย”
“ผมรู้ว่าคุณเลี้ยงลูกมาอย่างทนุถนอม ผมถึงเชื่อมั่นว่าหนูรวิจะเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับเทวาที่สุด ผมเองก็ไม่ได้เร่งรัดหรืออยากฝืนใจใคร เพียงแต่อยากขอโอกาสจากคุณ ให้ช่วยเปิดทางให้สองคนนั้นเขาได้สนิทสนมกันไว้บ้าง”
“ถ้าเรื่องแค่นั้น ก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ”
“ส่วนที่เหลือก็ให้เด็กๆเขาไปคุยกันเอง”
“ดีครับ”
ทั้งคู่หัวเราะกัน บรมจิบเครื่องดื่มเห็นว่าวิษณุดูอารมณ์ดี จึงเข้าเรื่อง
“คุณวิษณุคงจะรู้ว่าตอนนี้ในวงการอสังหาฯ มีการแข่งขันกันสูงมาก”
“ครับ”
“ผมกำลังคิดจะขยายธุรกิจในเครือบริรักษ์ ด้วยการทำธุรกิจแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่ผลิตวัสดุก่อสร้างเอง ไปจนถึงการขายบ้าน คุณวิษณุคิดว่าไง”
“ผลิตวัสดุก่อสร้างเอง? นี่คุณบรมจะลงมาเป็นคู่แข่งกับบริษัทผมหรือครับเนี่ย ผมชักกลัวซะแล้วสิ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น จริงอยู่..ที่ว่าผมอยากลงทุนทำการผลิตวัสดุก่อสร้างทั้งหมดเอง แต่การจะให้เริ่มต้นจากศูนย์มันยุ่งยากและใช้เวลามากไป ผมถึงอยากจะชวนคุณมาเป็นหุ้นส่วน”
“หุ้นส่วน”
“ใช่ ผมอยากให้เราทั้ง 2 บริษัทควบรวมกิจการกัน”
วิษณุครุ่นคิด ยังไม่รู้จะตอบยังไงดี บรมดูรู้ว่าวิษณุกำลังลังเล
“ผมคิดเรื่องนี้มาดีแล้ว รวมถึงเรื่องของเทวากับหนูรวิด้วย ยิ่งสองคนนั้นเขาลงเอยกันได้ การควบรวมกิจการของเราก็จะยิ่งง่ายและสบายใจกันทั้งสองฝ่าย เพราะเราจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับคุณบรม”
“ผมรู้ ผมถึงอยากให้คุณลองเก็บไปคิดดู ระหว่างที่คุณกำลังตัดสินใจ ผมก็มีโปรเจคก์ใหม่มานำเสนอเพื่อเราจะได้ทดลองทำงานร่วมกันดูก่อน”

ต่อมา ... มิตรมาคุยกับวิษณุที่บ้านสิริคุณานันท์
“ผมต้องขอบคุณมากนะครับที่ทางนิรมิตให้เกียรติกับบริษัทของผมมากนาดนี้ ผมเองก็ไม่รู้ว่า ... ควรจะตอบคุณมิตรยังไงดี”
วิษณุกำลังคุยกับมิตรซึ่งมาหาถึงบ้าน
“ก็แค่ตอบตกลงไงครับคุณวิษณุ ตอนนี้เราสองครอบครัวก็เป็นญาติกันแล้ว การที่เราจะรวมบริษัทเข้าด้วยกันคงไม่มีปัญหาอะไร”
“แต่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญผมขอปรึกษาเรื่องนี้กับรวิดูก่อนแล้วกันนะครับ”
“เอาตรงๆนะคุณวิษณุ เราก็รู้กันอยู่ว่าหนูรวิกำลังโกรธนิมมานอยู่ รวิอาจไม่ยอมรับข้อเสนอของทางผมก็ได้ พูดก็พูดเถอะนะ ผู้หญิงน่ะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันไม่ได้หรอก”
“ผมเลี้ยงลูกสาวมาเองกับมือ ผมมั่นใจว่ารวิแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไร และเรียนตามตรงนะครับคุณมิตร บริษัทคุณบรมก็ยื่นข้อเสนอนี้มาเช่นกัน ยังไงผมก็ต้องให้รวิเป็นคนพิจารณาเรื่องนี้อยู่ดี”
ท่าทางมิตรเซ็งๆ ผิดหวังกับท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้ของวิษณุ และหนักใจที่รู้เรื่องบรมก็ยื่นข้อเสนอนี้

นิมมานนั่งคุยกับมิตรอยู่ ท่าทางมิตรอารมณ์ไม่สู้ดี
“แล้วคุณลุงเขาว่าไงบ้างครับคุณพ่อ”
“จะว่าไง เขาก็บอกว่าจะปรึกษาหนูรวิดูก่อนน่ะสิ ท่าทางงานนี้จะไม่ง่ายซะแล้ว แถมยังมีบริษัทบริรักษ์ของคุณบรมมายื่นข้อเสนอเดียวกันอีก”
เพชรพริ้งลงมาจากบันไดบ้าน จะผ่านห้องนั่งเล่นได้ยินนิมมานคุยกับมิตรอยู่จึงหยุดฟัง
มิตรเริ่มหันมาพาลใส่นิมมาน
“เพราะแกนั่นแหละนิมมาน ถ้าแกไม่ไปทำพลาดเรื่องเพชรพริ้งเข้า ป่านนี้ทุกอย่างก็ลงตัวแล้ว”
“งั้นผมจะหย่ากับพริ้งให้เร็วที่สุด”
“อย่าได้ทำอะไรโง่ๆแบบนั้นเป็นอันขาด”
“แต่รวิเขายังรักผมอยู่ เขาบอกว่าเขาจะรอผม ถ้าผมหย่ากับเพชรพริ้ง ทุกอย่างก็จะเป็นเหมือนเดิม รวิเขาต้องยอมเอาบริษัทมารวมกับเราแน่”
เพชรพริ้งมาทันได้ฟังประโยคนั้นพอดี ความโกรธประดังเข้ามาเป็นระลอก
“ถึงหนูรวิเขาจะรักแกอยู่ แต่คุณวิษณุเขาจะคิดยังไง แต่งกับหลานเค้าหม้อข้าวยังไม่ทันดำก็จะเลิกซะแล้ว”
นิมมานเริ่มเสียงดังบ้าง
“ก็คุณพ่อโทษว่าเป็นความผิดผม พอผมจะหาทางแก้ปัญหาคุณพ่อ ก็ไม่เห็นด้วยอีก งั้นคุณพ่อจะให้ผมทำยังไงครับ”
มิตรผุดลุกขึ้น เสียงกร้าว
“ทำยังไงก็ได้ ที่จะขัดขวางไม่ให้สองบริษัทนั้นร่วมมือกัน”
มิตรพูดแล้วก็เดินออกไปอย่างหงุดหงิด
เพชรพริ้งที่ได้ยินทุกอย่าง สายตาเต็มไปด้วยความแค้น

ภายใน บ.BR Construction ที่ห้องทำงานบรม
เทวา หันมาคุยกับบรม
“คุณพ่อจะให้สยามเอ็นจิเนียริ่งเข้าหุ้นกับเราทำโปรเจคท์ใหม่”
บรมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน
“ใช่”
“โครงการไหนครับ”
“โครงการคอนโดใหม่ที่ปากช่องน่ะ”
“แล้วคุณอาวิษณุเขาโอเคหรือครับ”
“ก็ต้องโอเคสิ เพราะพ่อจะยื่นจะข้อเสนอแบบที่คุณวิษณุปฏิเสธไม่ได้ ในที่ประชุมวันพรุ่งนี้ระหว่างทางเรากับคุณวิษณุ”
เทวาเงียบไป มีความจริงบางอย่างที่บอกพ่อไม่ได้ และความรู้สึกของเขาเองก็กำลังต่อสู้กัน
“เท่าที่พ่อคุยกับคุณวิษณุมา เขาก็ดูสนใจที่จะมาควบรวมกิจการกับเราอยู่ แต่ก็ยังดูลังเลเรื่องอะไรบางอย่าง พ่อเดาว่าน่าจะเป็นเพราะเกรงใจทางนิรมิตอยู่ พ่อก็เลยจะซื้อใจคุณวิษณุด้วยโครงการที่ปากช่อง”
“คุณพ่อครับ ...เรื่องจะหาพันธมิตร ผมว่ายังมีบริษัทอื่นอีกตั้งเยอะแยะที่เขาอยากมาลงทุนกับเรา ไม่เห็นจำเป็นต้องสนใจแค่สยามเอ็นจิเนียริ่ง”
“ทำไม แกมีอะไรกับทางคุณวิษณุหรือหนูรวิหรือเปล่า”
เทวาหาทางเลี่ยง ไม่พูดตรงๆ “เปล่าครับ ผมแค่อยากให้เราได้ในสิ่งที่ดีที่สุด”
“ตอนนี้สยามเอ็นจิเนียริ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด การที่พ่อให้เขามาร่วมทุนกับเราในโครงการที่ปากช่องก็เพื่อที่เราจะได้ทำความรู้จักกับเขาให้มากขึ้น ถ้ารู้สึกว่า เขาไม่โอเค เราก็ไม่จำเป็นต้องควบรวมกิจการกับเขา ทำแค่โครงการปากช่องด้วยกันก็พอ ส่วนเรื่องหนูรวิ ไม่ว่าทางบริษัทเขาจะตัดสินใจเข้าร่วมกับเราหรือไม่ พ่อก็คิดว่าเขาเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับแกที่สุด”

เทวาเงียบไป มีความจริงบางอย่างที่บอกพ่อไม่ได้ และความรู้สึกของเขาเองก็กำลังต่อสู้กัน

รวิปรียานั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับวิษณุตรงโต๊ะทำงาน

“ควบรวมกิจการ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะคะคุณพ่อ”
“พ่อรู้ มันคืออนาคตทั้งหมดของบริษัทเรา พ่อถึงตัดสินใจเองคนเดียวไม่ได้ การควบรวมกิจการครั้งนี้จะทำให้บริษัทเรามั่นคงขึ้นแน่ๆ ซึ่งมันก็จะเป็นผลดีกับรวิในอนาคต แต่ปัญหาคือ เราจะเลือกใคร? นิรมิต หรือ บริรักษ์”
“บริรักษ์เป็นบริษัทเก่าแก่ ส่วนนิรมิตก็กำลังมาแรงแล้วนับวันก็จะทรงอิทธิพลมากขึ้นทุกที ถือว่ามีอนาคตที่ดีมาก”
“แต่นิมมาน”
“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาหรอกค่ะ ถ้าเป็นเรื่องงาน รวิทำงานได้กับทุกคนอยู่แล้ว”
“แล้วคุณเทวาล่ะ”
รวิปรียาชะงักนิดนึง หวั่นไหว “ทะ ทำไมคะ”
“รวิว่าเขาเป็นไงบ้าง”
“ก็...ดูเป็นคนเจ่าเล่ห์ เจ้าชู้ เหลี่ยมจัด”
“แสดงว่าเขาไม่น่าไว้ใจ ในสายตาของรวิน่ะซิ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ บางทีเขาก็ดูตรงไปตรงมาดี ถ้าเป็นเรื่องงานเขาก็น่าจะโอเค”
“งั้นพ่ออยากให้รวิเป็นคนตัดสินใจว่าเราจะเลือกอยู่กับบริษัทไหน”
“จะดีหรือคะคุณพ่อ เรื่องสำคัญขนาดนี้”
“พ่อเชื่อสัญชาตญานของลูก เพราะในอนาคตบริษัทของพ่อก็ต้องเป็นของรวิอยู่แล้ว”
รวิปรียาเองต้องคิดหนัก
“ลูกยังไม่ต้องรีบตัดสินใจก็ได้ เพราะทางโน้นเองเขายังไม่ได้เร่งจะเอาคำตอบ แต่เรื่องสำคัญก็คือ... คุณบรมเขาอยากให้เราเข้าไปฟังแผนธุรกิจที่บริษัทเขาก่อน”
“แผนธุรกิจ?”

คืนหนึ่ง ... เทวานั่งดื่มอยู่ตามลำพังในบาร์แห่งหนึ่ง มือหนึ่งถือโทรศัพท์และมองอย่างชั่งใจ
หน้าจอโทรศัพท์เป็นเบอร์โทรของรวิปรียา
แล้วเสียงของดาวิกาก็แทรกเข้ามา
“พี่เทวาอย่าลืมที่รับปากดาไว้แล้วว่า ถ้ามีโอกาส พี่เทวาจะแก้แค้นให้ดา”
“ดาจะให้พี่ทำอะไร”
“ทำอะไรก็ได้ ให้ผู้หญิงคนนั้นเจ็บปวดอย่างที่พศินเคยเจ็บ ผู้หญิงคนนั้นต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบเหงาและทุกข์ทรมานเหมือนกับที่ดาต้องเป็นอยู่ทุกวันนี้”
เทวาพูดกับตัวเอง “นับจากวันนี้ไป ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณต้องเจ็บปวด เพื่อชดใช้ในสิ่งที่คุณทำกับดา และทำให้ตะวันต้องกำพร้าพ่อ”
เทวามองโทรศัพท์ในมืออีกครั้ง

ทางด้านรวิปรียาเดินไปเดินมาอยู่ไม่สุขอยู่ที่บ้าน เอาแต่คอยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามอง แอบหวังให้เทวาโทร. มา
เธอบ่นกับตัวเอง
“ไหนว่าจะโทรมาไง นี่มันผ่านมา 2 วันแล้วนะ จะยุ่งอะไรกันนักหนา”
แล้วเธฮก็นึกได้ว่ากำลังคิดถึงเทวาอยู่
“แล้วทำไมฉันต้องอยากให้เขาโทร. มาด้วย” เธอหาข้ออ้างให้ตัวเอง “ฉันคิดถึงตะวันอยากเจอตะวันต่างหากล่ะ ไม่ใช่นายขี้เก๊กซะหน่อย”
รวิปรียารีบวางโทรศัพท์ลงเหมือนกำลังปฏิเสธใจตัวเอง กระโดดขึ้นเตียงแล้วเอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้าพยายามจะข่มตานอน ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รวิผุดลุกจากที่นอนทันที ก่อนหยิบโทรศัพท์มาดูเห็นเป็นชื่อเทวา ยิ้มกดรับ
“นี่คุณคนจะหลับจะนอน โทรมาทำไม” เธอพูดประชดด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ฝั่งเทวาสีหน้าไม่ได้ยิ้มแย้ม ดีใจแบบเธอเลย
“ถ้าคุณเข้านอนแล้วคงไม่รับโทรศัพท์ผมทันทีหรอกนะครับ”
รวิปรียาเบะปากใส่โทรศัพท์ ที่เทวาทำเสียงเข้มใส่ “ก็ฉันกำลังจะเข้านอนไง คุณโทร.มาพอดี มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
“การประชุมพรุ่งนี้ ผมอยากให้คุณพิจารณารับข้อเสนอที่ทางเรายื่นให้นะครับ”
แม้ปากจะถามไปว่ามีธุระอะไร แต่ใจรวิปรียาไม่ได้คิดว่าเทวาจะโทรมาคุยเรื่องงาน จึงแอบงอน
“คงต้องดูรายละเอียดก่อนนะคะว่าทางคุณเสนออะไรมา ฉันจะนอนละแค่นี้นะคะ” รวิปรียาจะกดวางสาย
“เดี๋ยวครับ ฝันดีนะครับคุณรวิ พรุ่งนี้พบกัน”
รวิปรียายิ้มกับโทรศัพท์ไม่ตอบ กดวางสาย ล้มตัวนอนยิ้มเขิน ก่อนเอาผ้าคลุมหัว
เทวาสีหน้านิ่ง ไม่ได้ยิ้มแย้ม ยกแก้วขึ้นดื่ม

นิมมานเปิดประตูเข้าห้อง ถอดสูท เนคไทด์เตรียมจะอาบน้ำ เพชรพริ้งหันขวับมาหาทันทีอย่างโกรธๆ
“ทำไมกลับดึกขนาดนี้”
นิมมานไม่ตอบ แต่ถอดเสื้อออก เพชรพริ้งโกรธที่นิมมานไม่ให้ความสำคัญกับเธอ เดินหนีเข้าห้องน้ำ
“อย่าคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นนะนิมมาน”
นิมมานจะเข้าห้องน้ำ หยุดชะงักหันมา “คุณพูดเรื่องอะไร”
“เรื่องที่คุณอยากจะหย่ากับฉัน ทั้งที่เราแต่งงานกันมายังไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ”
“ถามจริงๆนะพริ้ง คุณมีความสุขเหรอที่เราต้องอยู่กันในสภาพแบบนี้”
“ใช่! ฉันมีความสุข อะไรที่ทำให้นังรวิดิ้นพล่านได้ ฉันก็มีความสุขทั้งนั้น”
“ที่คุณทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งงานกับผมก็เพื่อทำให้รวิเจ็บใจแค่นั้นเหรอ”
“ไม่ใช่แค่เจ็บใจ แต่มันต้องอยู่กับความช้ำใจไปจนตาย นังผู้หญิงตอแผล ตีสองหน้า จ้องแต่จะจับผัวชาวบ้าน”
นิมมานฟังแล้วของขึ้น ย่างก้าวเข้ามาหาเพชรพริ้ง
“อย่าพูดถึงรวิแบบนั้น”
“ทำไม รักมันมากนักเหรอ ฉันจะพูด เพราะนังรวิเองมันยังหน้าด้านกล้าพูดว่ามันยังรักคุณเลย ฮึ จะรอให้คุณหย่ากับฉันแล้วกลับไปหามันงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”
นิมมานเหลืออด เดินไปที่ประตูจะออกไป
“งั้นก็เชิญคุณฝันต่อไปคนเดียวเหมือนกัน”
“นี่คุณจะไปไหน”
“ต่อไปนี้ผมจะย้ายไปนอนห้องอื่น พรุ่งนี้จะให้คนมาขนเสื้อผ้าผมออกไปให้หมด”
เพชรพริ้งถึงกับต้องกรี๊ดออกมาอีกรอบ
“แอร๊ย...คุณทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะนิมมาน”

นิมมานไม่สนใจจะหันกลับมามองด้วยซ้ำ

เมฆาเพิ่งเข้ามาในบาร์ แห่งเดียวกับที่เทวานั่งอยู่
 
เขาหยุดมองหาเทวาไปรอบๆ เขาเห็นเทวานั่งอยู่คนเดียวที่มุมหนึ่ง
เมฆาขยับตัวจะเดินเข้าไปหา แต่แล้วก็ชนเข้ากับใครบางคนที่เพิ่งเข้าบาร์มาเหมือนกัน
“โอ๊ย” เสียงร้องขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ขอโทษครับ”
เมฆากับเพชรพริ้งหันกลับมามองหน้ากัน เพชรพริ้งหน้ายุ่ง คิ้วขมวด ส่วนเมฆาตะลึงในความสวยเซ็กซี่ของเพชรพริ้ง
“ตาบอดหรือคุณ”
“ก็ผมขอโทษแล้วไงครับ”
เพชรพริ้งเดินตึงๆออกไปอย่างไม่สนใจนัก เมฆามองตามเพชรพริ้งไปอย่างประทับใจในความสวยร้อนแรง
+++
เทวานั่งอยู่ที่เดิม พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเมฆายืนอยู่ตรงหน้าพอดี
“มาทำไมเมฆา ฉันยังไม่ได้เรียกซะหน่อย”
“โห.. ก็เจ้านายมานั่งดื่มอยู่คนเดียวสองชั่วโมงแล้ว โทร.หาก็ไม่รับสาย ลูกน้องอย่างผมจะนอนหลับได้ยังไงล่ะครับ”
“ทำไม? อยากมาดื่มด้วยเหรอ”
เมฆานั่งลงร่วมวงด้วย เป็นเจ้านายลูกน้องที่สนิทกัน
“เปล่าครับ ผมกลัวคุณเทวาจะเมาขับรถกลับไม่ไหว ก็เลยมารับ”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันมานั่งอยู่นี่สองชั่วโมงแล้ว”
“ก็โทร.ถามที่ร้านสิครับ จะยากอะไร”
“นายนี่รอบคอบเสมอนะ”
ท่าทางเมฆาเป็นกันเองกว่าตอนอยู่บริษัท
“แล้วนี่เมาหรือยังครับเนี่ย”
“เหล้าแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกน่า”
เมฆามองหาเด็กเสิร์ฟจะสั่งเครื่องดื่ม แต่พอหันไปที่บาร์เครื่องดื่ม เห็นเพชรพริ้งนั่งอยู่คนเดียว เขามองไม่วางตา
“พรุ่งนี้มีประชุมเรื่องโครงการใหม่ นายเตรียมงานหรือยัง”
เมฆามองเพชรพริ้งเพลินไม่ทันได้ฟังเทวา เทวาเห็นเมฆาไม่ฟังตนจึงเรียกย้ำ
“เมฆา”
เมฆาหลุดจากภวังค์ “คะ.. ครับ”
“นี่มองอะไรอยู่ สนใจที่พูดบ้างไหมเนี่ย”
“มองนั่นไง” เมฆาพยักเพยิดไปทางเพชรพริ้ง “เซ็กซี่ไหมครับคุณเทวา”
เทวามองแล้วไม่สนใจ ไม่ทันสังเกตว่าเป็นเจ้าสาวนิมมาน “ไม่ใช่สเป็กฉัน”
“ผมรู้..สเป็กคุณเทวาต้องสวยหวาน จิตใจดี รักเด็ก พร้อมจะเป็นแม่ของลูก”
“เลิกพูดถึงผู้หญิงคนนั้นซะทีได้ไหม”
เมฆารู้แต่แกล้งถาม “คนไหนครับ”
เทวาหงุดหงิดตัวเอง ไม่อยากต่อความ ลุกขึ้นยืนตัดบท
“แล้วนั่นจะไปไหนครับ”
“ห้องน้ำ จะตามไปด้วยไหม”
เมฆาส่ายหน้ารัวๆ ผายมือเชิญเจ้านายให้รีบไป

เพชรพริ้งนั่งอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มกำลังหมุนแก้วเครื่องดื่มในมือเล่นไปมา เซ็งๆ หงุดหงิด เมฆาเข้ามายืนข้าง ยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วทักขึ้นทันที
“มาดื่มคนเดียวหรือครับคุณ”
“แล้วเห็นว่าฉันมากับใครล่ะ”
เมฆาสะอึกไปเมื่อเจอเพชรพริ้งตอบมาแบบขวานผ่าซาก
“ทำไม จะจีบฉันเหรอ”
“อุ้ย เอ่อ..คือ”
“นั่งสิ ฉันเองก็กำลังเบื่ออยู่พอดี มีเพื่อนดื่มก็ดีเหมือนกัน”
“ชวนถูกคนแล้วครับ ผมนี่เป็นเพื่อนดื่มมืออาชีพเลย”
เสียงโทรศัพท์ของเมฆาดังมีสายเข้า เมฆาหยิบขึ้นมาดูเห็นชื่อเทวาโทรมาจึงกดรับ
“ครับ คุณเทวา”
เพชรพริ้งเหล่มองเมฆา
“อะไรนะครับ! จะกลับแล้ว…..รออยู่ที่รถแล้วด้วย แน่ใจหรือครับว่าจะกลับ เข้ามาดื่มต่ออีกสักหน่อยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมขับรถไปส่งอยู่แล้ว ... โอเคๆ ครับ เดี๋ยวผมออกไป” เมฆากดวางสายแล้วหันมาบอกเพชรพริ้ง “ขอโทษนะครับ วันนี้ผมคง...”
“ไปไหนก็ไปเถอะ คนอยากมานั่งกับฉันมีเยอะแยะไป”
“หวังว่าเราคงมีโอกาสได้เจอกันอีก” เมฆาเดินออกไป
“น่าเบื่อ” เพชรพริ้งพูดตามหลัง
เพชรพริ้งเบะปากใส่ประมาณว่าเมฆาน่าเบื่อ แล้วดื่มต่อ

วันรุ่งขึ้น ตามนัดหมาย วิษณุกับรวิปรียาเดินมาด้วยกัน ตรงมาทางห้องประชุมของบ.BR Construction เจอกับบรม เทวาและเมฆาที่รออยู่ที่หน้าห้องอยู่แล้ว โดยเมฆายืนเยื้องไปทางด้านหลังของนาย
บรมดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ยังคงปลื้มรวิปรียาไม่เปลี่ยน ส่วนเทวากลับทำหน้านิ่งเดาความรู้สึกไม่ออก
“ขอบคุณนะคุณวิษณุ หนูรวิ ที่ให้เกียรติมาถึงที่นี่”
“ผมซะอีกครับที่รู้สึกเป็นเกียรติที่ทางคุณบรมยื่นโอกาสให้สยามเอ็นจิเนียริ่ง”
รวิปรียาไหว้ทักทายบรม หันไปมองเทวาจะยิ้มทักทาย แต่เทวากลับหันไปไหว้วิษณุโดยไม่มองเธอ
“สวัสดีครับคุณอาวิษณุ”
วิษณุรับไหว้ “สวัสดีคุณเทวา”
บรมผายมือเชิญวิษณุเข้าห้อง “เชิญครับ” รวิปรียาเดินรั้งท้าย ตามด้วยเมฆา
รวิปรียาคิดในใจ
“เป็นอะไรของเขา จะทักทายสักคำก็ไม่มี แค่จะประชุมด้วยกันแค่นี้ต้องเก๊กด้วยเหรอ”

บนจอโปรเจกเตอร์ในห้องประชุม
 
จอกำลังมีการฉายภาพนิ่ง วิดีโอกราฟฟิค แบบแปลนการสร้างโครงการคอนโดมิเนียมหรูแห่งใหม่ใกล้เขาใหญ่ ภาพกราฟฟิกจำลองโครงการที่เสร็จสมบูรณ์มีทั้งสระว่ายน้ำ และโอบล้อมด้วยขุนเขา
ภาพนิ่งภาพหนึ่งถูกฉายค้างไว้บนจอ ขณะที่บรมหันมาอธิบายกับวิษณุ
“โครงการนี้เป็นโครงการล่าสุดของเรา เราเพิ่งประมูลซื้อที่ดินริมถนนทางขึ้น เขาใหญ่ได้มาไม่นานนี้ ตั้งใจว่าจะทำเป็นคอนโดมิเนียมหรูสำหรับพักตากอากาศ คุณวิษณุเห็นว่าเป็นยังไงบ้าง”
“น่าสนใจมากครับ เพราะตอนนี้ที่ดินทำเลดีๆในกรุงเทพก็ถูกจับจองใกล้หมดแล้ว การแข่งขันในเมืองก็สูงขึ้นทุกที ทำการตลาดจับลูกค้าระดับสูงที่ต้องการออกนอกเมืองถือว่าเป็นแผนที่ดี” บรมว่า
“พวกเราเพิ่งเริ่มโปรเจกต์นี้ขึ้นมาครับ ภาพที่เห็นนี่ก็เป็นทีมสถาปนิกของเราออกแบบมาคร่าวๆ แต่ยังต้องมีการลงรายละเอียดกันอีกมาก และโปรเจกต์นี้ก็ยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะชน”
รวิปรียาหันไปมองเทวา แต่เขาพยายามจะไม่หันมามองทางเธอเลย
“นี่แหละครับ โครงการที่ผมอยากชวนสยามเอ็นจิเนียริ่งมาร่วมหุ้นกัน ไม่ใช่ฐานะคู่ค้า แต่ในฐานะผู้ลงทุนร่วมกัน”
“จะให้ทางผมร่วมลงทุนด้วยเลยหรือครับ”
“ใช่ ผมคิดว่าสัดส่วนหุ้นน่าจะอยู่ที่70:30 จะมากหรือน้อยกว่านั้นก็ได้ถ้าทางคุณวิษณุต้องการ แต่ผมรับประกัน ว่างานนี้ไม่มีการขาดทุนอย่างแน่นอน”

ต่อมา ... บรมยื่นมือไปให้วิษณุจับ วิษณุจับมือบรมเช็คแฮนด์กันเป็นการตกลงเรียบร้อย คนอื่นๆกำลังทยอยออกมาจากห้องประชุม
“ยินดีที่ได้ร่วมทำธุรกิจกันครับคุณวิษณุ”
“ผมก็ยินดีเช่นกันครับ นี่เป็นโอกาสที่ทางผมปฏิเสธไม่ได้เลย ขอบคุณคุณบรมมากครับ” แล้วหันไปหาเทวา “คุณเทวาด้วย”
“ยินดีครับคุณอา”
รวิปรียาแอบค้อนเทวาหนึ่งที พร้อมคิดในใจ
“แล้วฉันล่ะ”
เทวาหันมามองรวิปรียาเหมือนจะอ่านใจออก แต่สบตาเธอนิดเดียวแล้วก็หลบไป รวิปรียาหน้าตึงขึ้นมาอย่างปิดไม่มิด
“สุดสัปดาห์นี้ผมต้องเดินทางไปดูสถานที่ก่อสร้าง และก็จะมีการประชุมกับสถาปนิก และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆกันที่นั่นเลย ถ้าทางคุณอาพอจะมีเวลาว่างผมก็อยากให้ไปด้วยกันครับ”
“ดีเลย แล้วถ้าหนูรวิไปด้วยทุกคนคงจะทำงานสนุกกันขึ้นเยอะเลย ว่าไหมเทวา”
เทวาไม่ตอบ ได้แต่ทำหน้าเฉย
“เดี๋ยวทางผมจะคุยกันอีกทีว่าจะส่งใครไปดี จะให้เลขาแจ้งมาทางคุณเมฆาแล้วกันนะ” เทวาหันมองเมฆา
“ได้เลยครับ”
“งั้นผมต้องขอตัวก่อน พอดีมีงานค้างอยู่”
“เชิญครับ”
วิษณุกับรวิปรียาไหว้ลาบรม
เทวาไหว้วิษณุ “สวัสดีครับคุณอา” ก่อนจะหันมาพูดกับรวิปรียา นิ่งๆ “สวัสดีครับคุณรวิ”
รวิปรียาไม่ตอบแค่พยักหน้า แล้วคิดในใจ
“อะไรของเขาเนี่ย พออยู่กันสองคนก็ทำเหมือนจะจีบ แต่พออยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ทำเป็นวางฟอร์มซะอย่างนั้น”
รวิปรียาเดินจากไปกับวิษณุ เทวามองตามหลังรวิปรียาไป

ต่อมา วิษณุกับรวิปรียาเดินกลับเข้ามาในบ้าน
“ท่าทางคุณบรมเขาเชื่อมั่นในพวกเรามาก ถึงกับเสนอโอกาสแบบนี้มาให้”
“แล้วคุณพ่อคิดว่าไงคะ”
“พูดตรงๆ พ่อดีใจที่ได้ร่วมมือกับทางเขา”
“รวิเห็นด้วยค่ะ แต่รวิคิดว่าทางเราควรจะแค่ร่วมหุ้นในโครงการนี้ก่อน ส่วนเรื่องควบรวมกิจการเป็นเรื่องใหญ่ เรายังไม่ควรตัดสินใจตอนนี้”
วิษณุพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วเรื่องที่จะต้องไปดูงานที่ปากช่องพร้อมกับทางบริรักษ์ เห็นว่าจะต้องค้างคืนด้วย รวิจะไปได้หรือเปล่า”
“ไปได้ค่ะ”
“แต่ว่าเสาร์อาทิตย์นี้พ่อมีนัดแล้วน่ะสิ”
“รวิไปคนเดียวได้ค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วง”
พัชชาแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง ได้ยินทุกอย่างที่สองพ่อลูกคุยกันอย่างไม่พอใจนักที่จะให้รวิปรียาดูงานใหญ่ขนาดนี้

พัชชาผลักประตูเข้ามาในห้อง เพชรพริ้งยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง พัชชารีบไปดึงผ้าห่มเขย่าเขย่าตัวเพชรพริ้งให้ตื่น
“พริ้ง ตื่นได้แล้ว นี่มันบ่ายแล้วนะ แกจะนอนไปถึงไหน”
เพชรพริ้งงัวเงีย ดึงผ้าขึ้นปิดหน้าเหมือนเดิม “โอย... คุณแม่ นี่มันอะไรกันคะ พริ้งจะนอน”
“เมื่อคืนแกไปกินเหล้ามาใช่ไหม ถึงได้เข้าบ้านตอนตีสาม”
“ก็รู้อยู่แล้วนี่คะ ยังจะถามอีก”
“แล้วทำไมแกไม่กลับไปบ้านโน้น ตอนนี้แกแต่งงานแล้ว ควรจะไปอยู่ดูแลสามีแกโน่น ไม่ใช่มานอนอุตุอยู่ในนี้”
“สามีบ้าๆแบบนั้นไม่ต้องไปดูแลหรอกค่ะ เขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไรพริ้งอยู่แล้ว”
“แกรู้ไหมว่านังรวิมันกำลังจะได้ดูงานใหญ่ ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ ทุกอย่างจะตกเป็นของนังรวิคนเดียว ไม่มีอะไรเหลือมาถึงแกกับแม่แน่ๆ”
“โอย ... มันอยากทำงานนักก็ให้มันทำไปสิคะคุณแม่ ขออย่างเดียว อย่าให้พริ้งรู้นะว่ามันไปยุ่งกับนิมมาน พริ้งเล่นงานมันแน่”
“แล้วนี่เมื่อไหร่แกจะกลับบ้านโน้น”
“พริ้งไม่กลับ พริ้งจะอยู่ที่นี่ไปเรื่อยๆ จนกว่านิมมานจะสำนึกผิดแล้วมารับพริ้ง”

เพชรพริ้งเอาผ้าห่มคลุมตัวเองไม่สนใจอะไรทั้งนั้น พัชชาถอนหายใจเหนื่อยใจ

พัชชายืนโทรศัพท์หามิตรอยู่ในมุมเงียบๆ

“คุณมิตรคะ นี่นิมมานเขาอยู่บ้านหรือเปล่า” พัชชา ... รอฟัง “งั้นคุณช่วยบอกให้เขามารับยัยพริ้งกลับไปบ้านนั้นด้วยนะคะ ดิฉันจะบอกให้นะคะคุณมิตร ตอนนี้คุณวิษณุกับคุณบรมกำลังจับมือร่วมหุ้นกันทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ..ฉันคงไม่ต้องย้ำนะคะว่าเพชรพริ้งเป็นหลานสาวแท้ๆของคุณวิษณุ ถ้านิมมานยังทำอะไรไม่ถนอมน้ำใจเพชรพริ้งแบบนี้อีก อีกหน่อยความสัมพันธ์เรื่องธุรกิจของสองบริษัทอาจจะไม่ราบรื่นอย่างที่คุณหวังไว้”
พัชชาพูดเหมือนขู่กลายๆ รอฟังมิตรจากปลายสายสักพัก
“ดิฉันก็ไม่อยากให้เป็นแบบนั้น เพราะยังไงซะ นิมมานก็เป็นลูกเขยของดิฉัน เพราะฉะนั้นคุณช่วยเตือนนิมมานให้ทำตัวดีๆด้วย”

รวิปรียาอยู่ในชุดทะมัดทะแมงเดินลงมาจากบันไดบ้าน ถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมๆ สำหรับค้างคืนมาด้วย เสียงโทรศัพท์มือถือดังสายเข้า เธอหยิบขึ้นมาดูเห็นชื่อ “เทวา” โทรเข้ามา
“เชอะ ทำไมต้องรับด้วย”
รวิปรียาทำไม่สนใจ แต่รู้สึกเหมือนเสียงโทรศัพท์กวนใจไม่หยุด เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองแล้วพูดกับโทรศัพท์
“คิดเหรอว่าฉันจะรับง่ายๆ ปล่อยให้รอซะบ้างจะได้รู้สึก” แล้วหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋า
แป๊บเดียวเสียงโทรศัพท์ก็หยุดไป แต่พอรวิปรียาเดินต่อมาอีกหน่อยเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก คราวนี้เธอใจอ่อนหยิบขึ้นมา แต่ก่อนจะรับสายก็กระแอมปรับเสียงให้ดูเข้ม แล้วกดรับ
รวิปรียาทำเสียงเย็นชา “รวิพูดค่ะ”

เทวากำลังขับรถอยู่ ใส่หูฟัง ขณะโทรหารวิปรียา
“คุณจะเดินทางไปปากช่องยังไง”
รวิปรียา หยุดคุยโทรศัพท์กับเทวา
“ก็ขับรถไปน่ะสิ”
“คุณยังอยู่ที่บ้านใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ คุณมีอะไร”
“งั้นรออยู่ที่นั่นนะ เดี๋ยวผมจะเข้าไปรับ”
“มารับ? ทำไมต้องมารับ”
“เพราะเราจะเดินทางไปที่โน่นด้วยกัน ผมกำลังจะถึงบ้านคุณในอีกสิบนาที”
“แล้วถ้าฉันไม่อยากไปกับคุณล่ะ”
“คุณต้องไป”
“ทำไมฉันต้องเชื่อคุณด้วย”
“เพราะนี่เป็นคำสั่งในฐานะที่ผมเป็นเจ้าของโปรเจกต์นี้ ถ้าผมไปถึงแล้วไม่เจอคุณ ผมจะตัดบริษัทคุณออกจากโปรเจ็กต์นี้”
“ว่าไงนะ!”
แต่เทวาวางสายไปแล้ว รวิปรียาได้แต่บ่นอยู่เดียว
“คนบ้า เป็นเจ้าของโปรเจกต์แล้วจะทำอะไรก็ได้รึไง”
รวิปรียาทำท่าจะไม่สนใจคำสั่งเทวา จะเดินไปที่รถซึ่งจอดรออยู่ แต่แล้วก็ไม่กล้าพอเดินฮึดฮัดกลับมานั่งคอยที่โซฟา

“ที่ฉันยอมไปกับคุณเนี่ย เพราะอยากให้การทำงานของเราราบรื่นหรอกนะ”

ต่อมา ... รถของเทวามาจอดที่หน้าประตูทางขึ้นบ้าน
 
รวิปรียาเดินตรงเข้ามาหาแบบหน้างอ เปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถแต่โดยดี
เทวาเหล่มองเห็นรวิปรียานั่งหลังแข็งนิ่งๆ จึงชะโงกตัวมาคาดเข็มขัดนิรภัยให้ ใบหน้าทั้งคู่ใกล้กัน และก็สบตากันปิ๊งๆ เหมือนต้องมนต์ แต่เทวารีบตั้งสติดึงตัวเองกลับมานั่งประจำตำแหน่ง
รวิปรียาค้อนขวับพลางนึกในใจ
“คนอะไร เดี๋ยวผีเข้าผีออก”

รถเทวาเคลื่อนตัวออกไป แล้วรถของนิมมานก็แล่นสวนเข้ามาพอดี
รวิปรียาหันไปมองนิมมานผ่านทางกระจกรถ นิมมานเองเห็นภาพที่รวิปรียานั่งรถไปกับเทวาก็ไม่สบายใจ เขามองจนเหลียวหลัง
รวิปรียาเบะปากหมั่นไส้เพราะคิดว่านิมมานคงมารับเพชรพริ้ง เทวาเหล่มองอยู่พอดี
“คุณนี่เสน่ห์แรงจริงๆนะ ขนาดคนรักเก่าที่แต่งงานไปแล้วยังแอบมาหาที่บ้านอีก”
“เขาไม่ได้มาหาฉัน เขามารับภรรยาเขาต่างหากล่ะ”
รวิปรียาพูดแล้วแอบคิดในใจ “แล้วทำไมฉันต้องบอกเขาด้วย”
“งั้นผมก็คงมารับคุณผิดเวลา ทำให้คุณไม่ได้อยู่ทักทายคนรักเก่า”
“คุณไม่ควรจะมารับฉันเลยต่างหาก ใกล้แค่นี้ฉันไปเองได้”
รวิปรียาปรายตามองอย่างหมั่นไส้ เทวาไม่ได้มองตอบ แต่ขับรถตรงไป


นิมมานจอดรถที่หน้าทางขึ้นบ้านแล้วก็ลงจากรถมา สายตายังคงมองตามไปทางประตูรั้วที่รถของเทวาออกไป พอเข้าไปในบ้านก็เจอกับวิษณุที่เพิ่งมาถึงห้องรับแขก
นิมมานไหว้แล้วถามเลย
“รวิออกไปไหนกับคุณเทวาครับคุณลุง”
“ไปปากช่องน่ะ”
“ปากช่อง? ไปทำไมครับ แล้วทำไมต้องไปกับคุณเทวา”
“รวิเขาต้องไปจัดการเรื่องงานแทนลุงนิดหน่อย ว่าแต่นิมมานมีอะไรหรือเปล่า”
“คุณพ่อให้มารับพริ้งกลับบ้านน่ะครับ”
“มารับเขากลับไปก็ดีแล้ว เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่กี่วันก็กลับมานอนบ้านซะแล้ว มันดูไม่ดี เป็นสามีภรรยากันมีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยจากันล่ะ”
“ครับ”
นิมมานรับคำไปอย่างนั้น แต่ในใจยังกังวลเรื่องรวิปรียากับเทวา

ดวงอาทิตย์สาดแสงร้อนแรง บนบริเวณที่ดินเปล่าผืนหนึ่ง แถวปากช่อง
เทวา เมฆา กลุ่มสถาปนิก และพนักงานอื่นยืนดูที่ดิน ดูแบบแปลนปรึกษากันไป
รวิปรียายืนอยู่ห่างออกมาคุยกับอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ อดไม่ได้ที่จะคอยลอบมองเทวา แต่เทวากำลังจริงจังกับงานเหมือนไม่สนใจมองเธอ
เมฆายืนอยู่ข้างเทวา เอียงหน้าไปแซวเบาๆ
“อ๋อ.. ที่เมื่อเช้าโทร. มาบอกผมว่าจะขับรถมาเองเพราะมีธุระสำคัญ” เมฆาพยักเพยิดไปทางรวิปรียา "ไปรับคุณรวิเนี่ยเหรอครับธุระสำคัญที่ว่า"
เทวาเอาศอกกระทุ้งให้เมฆาเงียบ "อย่าพูดมากน่า"
สถาปนิกบอก "เดี๋ยวเราไปดูมุมที่จะสร้างเป็นสระว่ายน้ำกันดีกว่าครับ"
เทวากับกลุ่มสถาปนิกเดินไปทางหนึ่ง เมฆาเดินแยกมาหารวิปรียา
"คุณรวิไปหลบแดดตรงที่ร่มๆก็ได้นะครับ พวกผมเดินดูรอบๆนี่อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้วครับ"
"ไม่เป็นไรค่ะ รออยู่แถวนี้ก็ได้"
พอรวิปรียาคุยกับเมฆา เทวาก็หันไปมองทางรวิปรียาบ้าง พอรวิปรียาหันมาทางเขา เขาก็หลบตาหันหน้าไปทางอื่นเหมือนคุยธุระ

ฝ่ายนิมมานขนกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมเดินลงมาจากบันไดบ้าน เจอเข้ากับมิตรที่เพิ่งกลับเข้าบ้านพอดี
"นี่แกจะไปไหนนิมมาน"
"ที่คุณพ่อให้สืบ ผมทราบแล้วว่าตอนนี้ทางคุณลุงวิษณุกับพวกบริรักษ์กำลังจับมือกันทำโครงการอะไรสักอย่างที่ปากช่อง แต่ผมยังไม่รู้รายละเอียด รู้แต่ว่าตอนนี้รวิไปปากช่องกับไอ้เทวา"
"นี่แกไปเพราะรวิปรียาหรือเพราะเรื่องงานกันแน่"
"ทั้งสองอย่างครับ ผมไม่อยากให้รวิอยู่กับไอ้เทวานั่น แล้วผมก็อยากรู้ว่าสองบริษัทนั้นมีแผนจะทำอะไร"
"งั้นแกตามไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนพ่อจะสืบหาข่าววงในจากทางนี้เอง" มิตรบอก
นิมมานกำลังจะก้าวขาออกไป เสียงเพชรพริ้งเรียกขึ้นจากด้านหลัง
"นี่คุณจะไปไหนอีกคะนิมมาน เราเพิ่งจะกลับเข้าบ้านกันมาเองนะ"
"ผมมีธุระต้องไปทำ"
"ธุระเรื่องนังรวิล่ะสิ พริ้งรู้นะว่ามันไปทำงานที่ปากช่อง นี่คุณจะวิ่งโร่ตามมันไปใช่ไหม"
"รู้ก็ดีแล้วนี่ ผมจะได้ไม่ต้องอธิบายมาก"
"คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ นิมมาน"
"คุณเป็นเมียก็ทำหน้าที่เมียอยู่ที่บ้านไป แต่อย่ามาชี้นิ้วสั่งผม ว่าทำอะไรได้หรือไม่ได้"
นิมมานหิ้วกระเป๋าออกไปเลย เพชรพริ้งวิ่งตามมาหยุดอยู่หน้ามิตรตะโกนไล่หลังนิมมานไป
เพชรพริ้งแว้ดใส่อย่างเดือดดาล "นิมมาน หยุดเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ให้คุณไป! นิมมาน" แล้วหันขวับมาหามิตร "คุณพ่อคะ ทำไมไม่ห้ามนิมมานล่ะคะ"
"นิมมานเขาไปเพราะเรื่องงาน เธอควรจะเข้าใจนะ"
มิตรส่ายหน้าระอาใจกับเพชรพริ้งแล้วเดินเลี่ยงออกไป
 
เพชรพริ้งฮึดฮัดตัดสินใจ วิ่งตามนิมมานออกไป

เพชรพริ้งวิ่งตามนิมมานมานอกบ้าน เข้ามาคว้าแขนนิมมานไว้

"เราต้องพูดกันให้รู้เรื่อง"
นิมมานหันขวับมา สายตาดุดันเอาจริงแบบที่เพชรพริ้งไม่เคยเห็นมาก่อน
"ผมขอเตือนนะเพชรพริ้ง อย่าทำให้ผมรำคาญไปมากกว่านี้ ผมไม่ใช่คนดีอย่างที่คุณคิด แล้วความอดทนของผมก็มีขีดจำกัด"
เพชรพริ้งชะงัก ยืนอึ้ง ปล่อยให้นิมมานเดินไปที่รถขับออกไป

เทวายังคงยืนคุยกับกลุ่มสถาปนิก และเมฆาตรงจุดที่ห่างออกมาจากมุมเดิม เทวามองไปทางรวิปรียาที่อยู่ห่างออกไป
พอเห็นรวิปรียาตากแดดร้อนๆ ก็นึกเป็นห่วง ขณะเดียวกันก็นึกถึงแผนการที่จะแก้แค้น จึงเรียกเมฆามา
"เมฆา มานี่หน่อยสิ"
เมฆาเข้ามายืนข้างๆ เทวาเอียงหน้าไปพูดอะไรบางอย่างกับเมฆารู้กันสองคน

เมฆายื่นร่มที่กางออกแล้วไปให้รวิปรียา รวิปรียามองงงๆ
"คุณเทวาให้เอาร่มมาให้คุณรวิครับ"
พอรู้ว่าเป็นคำสั่งมาจากเทวา รวิปรียาก็ทำเมินๆ
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้"
"คุณเทวายังบอกอีกว่า ถ้าคุณรวิไม่รับก็จะให้ผมคอยกางร่มตามคุณรวิไปทุกๆก้าว"
รวิปรียาฟังแล้วอดหันไปค้อนใส่ทางเทวาไม่ได้ ฝ่ายเทวาทำเป็นคุยงานไม่สนใจมองมา แต่พอรวิหันกลับเขาก็ปรายตามองอีก
รวิปรียายอมรับร่มมาจากเมฆาอย่างเสียไม่ได้
"งั้นก็ขอบคุณค่ะ"
"ผมจัดการเรื่องที่พักที่โรงแรมให้เรียบร้อยแล้วนะครับ ถ้าถึงโรงแรมแล้ว คุณรวิก็ไปรับกุญแจที่เคาน์เตอร์ได้เลย"
"ค่ะ"

ในรีสอร์ตท่ามกลางธรรมชาติสวยงาม พนักงานต้อนรับส่งกุญแจห้องให้รวิปรียา ทางด้านเมฆากำลังพูดคุยกับกลุ่มสถาปนิกและพนักงานอื่นๆเป็นทางหนึ่ง
"ชั้น 2 นะคะ เดี๋ยวขึ้นบันไดทางนั้นเลยค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ"
เมฆาเข้ามาหารวิปรียา
"ช่วงนี้คุณรวิก็พักผ่อนตามอัธยาศัยเลยนะครับ เราจะมีประชุมร่วมกันอีกครั้งตอนอาหารเย็น พอคุยแบบเสร็จแล้ว พรุ่งนี้ไปดูสถานที่ก่อสร้างอีกครั้งก็จบแล้วครับ"
"โอเคค่ะ"
รวิปรียาเดินออกไปโดยไม่สนใจเทวาที่ยืนอยู่ข้างๆ พนักงานกำลังส่งกุญแจห้องให้เช่นกัน
เทวามองตามรวิปรียาไป เมฆาเขยิบมาหาเจ้านาย
"จัดการให้ตามที่บอกแล้วนะครับ"

รวิปรียาเดินมาตามทางเดินหน้าห้องพัก มองหาห้องของตัวเองตามเลขบนกุญแจ เทวาตามหลังเยื้องๆกันมา
รวิปรียาหันไปมอง เทวาก็ทำไม่รู้ไม่ชี้
"อย่าบอกนะว่าคุณตามฉันมา"
"ทำไมผมต้องตามคุณด้วย ผมอาจจะพักที่ชั้นเดียวกับคุณก็ได้"
"แต่คุณเมฆากับคนอื่นๆเขาไม่เห็นขึ้นมาที่ชั้นนี้"
"ผมก็ไม่จำเป็นต้องพักชั้นเดียวกับพวกเขานี่"
"คุณจะพักตรงไหนก็เรื่องของคุณเถอะค่ะ" รวิปรียาจ้องหน้าเทวาแบบเอาเรื่อง "ขออย่างเดียว อย่าให้ห้องเราอยู่ใกล้กันก็พอ" รวิปรียาพูดก่อนสะบัดเดินไป
เทวาหยุดอยู่หน้าห้องพักหนึ่งพอดี รวิปรียาเหล่มองแล้ว ไม่สนใจก่อนจะชะงัก เมื่อเห็นเลขที่หน้าประตูห้องตรงข้ามกับเทวา มองเลขห้องบนกุญแจอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
เทวายิ้มกระหยิ่ม เอียงตัวเข้ามาพูดใกล้ๆรวิปรียา "แบบนี้ใกล้พอไหมครับ"
รวิปรียาบ่นๆ
"ห้องมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมาพักห้องตรงข้ามกันด้วย"
เทวาหยอกแบบที่เล่นทีจริง "ถ้าไม่อยากอยู่ตรงข้ามกัน มาพักห้องเดียวกันซะเลยก็ได้นะครับ"
รวิปรียาทั้งเขินทั้งโกรธ ปึงปังเข้าห้องตัวเองไป เทวามองยิ้มๆ แล้วในใจก็นึกถึงแผนการที่จะแก้แค้นรวิปรียา

บรรยากาศยามเย็นที่รีสอร์ต
นิมมานนั่งคอยรวิปรียาอยู่ที่ล้อบบี้รีสอร์ต สายตาจับจ้องไปที่บันได สลับกับมองนาฬิกาข้อมือ สักพักเขาก็เห็นรวิปรียาเดินลงมาจากบันไดอาคารห้องพัก เขารีบลุกขึ้นแล้วตรงเข้ามาหา
รวิปรียาเห็นนิมมานมา ก็เริ่มรู้สึกลำบากใจ
"รวิ"
"นี่คุณมาได้ยังไงคะ"
"ผมตามคุณมา แค่สืบว่าบริษัทBR Construction พักอยู่ที่รีสอร์ตไหน มันไม่ใช่เรื่องยากหรอก"
"เพื่ออะไรคะนิมมาน"
"ผมไม่ไว้ใจที่จะให้รวิอยู่กับนายเทวานั่นสองต่อสอง"
"ฉันจะอยู่กับใคร มันไม่ใช่ธุระของคุณอีกแล้ว"
"อะไรกันรวิ นี่คุณเป็นอะไร วันก่อนเรายังเข้าใจกันดีอยู่เลย"
รวิปรียานึกขึ้นได้ก็อ่อนลง "ก็รวิบอกแล้วไงคะว่า รวิจะคอยจนกว่าคุณจะเป็นอิสระ ในเมื่อตอนนี้คุณยังไม่หย่ากับพริ้ง เราก็ไม่มีอะไรต้องคุยกัน"
"รวิ"
"แล้วก็ไม่ต้องตามมานะคะ รวิอยากอยู่คนเดียว"
รวิปรียาเดินเลี่ยงออกไป ปล่อยนิมมานยืนงงๆ ลังเลว่าจะตามไปดีไหม

รวิปรียาเดินเล่นอยู่ในบรรยากาศรีสอร์ตสวยๆ แถวปากช่อง นึกถึงเรื่องที่เพชรพริ้งกับพัชชาพูดจาเยาะเย้ยเธอต่างๆนานา รวมถึงพัชชาโทร.ไปเยาะเย้ยอิงอรด้วย
"เป็นความผิดของแม่เอง พัชชาเขาเกลียดแม่ ต้องการทำร้ายแม่ แล้วนี่เขายังไปลงที่รวิด้วย"
"ไม่ใช่ความผิดคุณแม่หรอกค่ะ เป็นความผิดของสองแม่ลูกนั่นต่างหาก นี่อาพัชโทรไปบอกคุณแม่หรือคะ"
"เขาโทรมาเยาะเย้ยแม่ว่า ประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย ทำไมเขาจ้องแต่จะจองล้างจองผลาญพวกเราไม่จบสิ้นซะที"
ความโกรธของรวิปรียาคุกรุ่นขึ้นมาอีก ทันใด เสียงของนิมมานก็เรียกขึ้นจากด้านหลัง
"รวิ"
รวิปรียาชะงัก ตั้งใจจะใช้นิมมานเป็นเครื่องมือ สีหน้าซ่อนรอยยิ้มแย้ม
"ผมรู้ว่ารวิโกรธที่ผมถือวิสาสะตามรวิมา"
รวิปรียาหันไปยิ้มให้นิมมาน
"ช่างเถอะค่ะ เมื่อกี๊รวิเองก็หงุดหงิดไปหน่อย"
นิมมานดีใจ "รวิเข้าใจผมแล้วใช่ไหม"
"เข้าใจสิคะ" รวิปรียาให้ความหวัง "เข้าใจดีเลยทีเดียวว่าการตัดใจจากใครสักคนที่เรารัก มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ"
นิมมานเข้ามากุมมือ "รวิ"
รวิปรียาดึงมือออกเนียนๆ "ถึงเราจะเลิกกันแล้ว เราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้นี่ ไหนๆคุณก็มาถึงนี่แล้ว เดินเล่นเป็นเพื่อนรวิหน่อยนะคะ"
นิมมานเดินเคียงคู่ไปกับรวิปรียา เขามีความสุขมากเหมือนวันเก่าๆ ชวนกันคุย
"มาอยู่ด้วยกันแบบนี้แล้วนึกถึงตอนที่เรามาเที่ยวด้วยกันเมื่อก่อนเลยนะ"

เทวากำลังเดินเล่นอยู่ในมุมใกล้ๆกัน ทำเป็นเดินเล่น แต่สายตาคอยสอดส่องหารวิปรียาตลอด
พอพ้นหัวมุมหนึ่งมาก็เห็นภาพของรวิปรียายืนอยู่ เทวาทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อเพิ่งเห็นว่านิมมานก้าวตามมายืนอยู่กับรวิปรียาด้วย
นิมมานเข้ามายืนข้างรวิปรียา ทั้งคู่ถ่ายรูปคู่เซลฟี่กัน ด้วยกล้องของรวิปรียา
เทวาจับจ้องไปที่ใบหน้ายิ้มแย้มของรวิปรียา และภาพความใกล้ชิดกันของทั้งคู่ที่นิมมานโอบกอดไหล่ของรวิปรียา โดยเธอไม่ปัดป้องแต่ยกกล้องถ่ายรูปยิ้มแย้ม เขารู้สึกผิดหวัง โกรธ เจ็บปวด และตอกย้ำว่า รวิปรียาเป็นผู้หญิงที่ชอบว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายทุกคน รวมทั้งตัวเขาเองด้วย จากนั้นเทวาก็หันหลังเดินจากไป
รวิปรียาดูภาพถ่ายคู่เธอกับนิมมานในโทรศัพท์อย่างพอใจ ในใจมีแผนการบางอย่างอยู่แล้ว
"เย็นนี้เรากินข้าวด้วยกันนะรวิ"
"คงไม่ได้ค่ะ รวิมีประชุมตอนมื้อเย็นพอดี"
"ตกลงว่าคุณมีงานอะไรกับพวกบริรักษ์กันแน่"
"เป็นความลับทางธุรกิจค่ะ รวิบอกไม่ได้ ขอตัวก่อนนะคะ รวิต้องไปเตรียมตัวเข้าประชุม"
รวิปรียาเดินจากไปเลย ทิ้งให้นิมมานงงๆกับท่าทีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของรวิปรียา

รวิปรียานั่งอยู่ในห้องพัก กำลังกดข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์ “อยากรู้ไหม ฉันอยู่ปากช่องกับใคร” จากนั้นรวิปรียาก็กดส่ง เธอยิ้มเยาะสะใจเมื่อนึกถึงใบหน้าคนรับข้อความ

เสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์ของเพชรพริ้ง เพชรพริ้งกำลังยืนกดอ่านข้อความอยู่กลางห้อง
หน้าจอโทรศัพท์เป็นภาพถ่ายคู่ของนิมมานกับรวิปรียา
เพชรพริ้งเห็นภาพถ่ายก็กรี๊ดลั่น รับไม่ได้
"แอร๊ยๆๆ ..." เพชรพริ้งเขวี้ยงโทรศัพท์ลงบนเตียง แล้วกัดฟันกรอด กำมือแน่น
 
"นังรวิ!"

ต่อมา ... เทวานั่งดูเอกสารงานอยู่ ขณะที่เมฆายืนแจ้งข่าวอยู่ตรงหน้าเขา

"พรุ่งนี้ตอน10 โมงเช้า มีการประชุมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ประจำปี คุณเทวาจะไปร่วมประชุมไหมครับ"
"คงกลับไปไม่ทันแน่ๆ จำเป็นต้องไปไหมเนี่ย"
"อย่างน้อยก็น่าจะมีคนจากบริษัทเราไปให้สมาคมเห็นหน้าหน่อยนะครับ ผมเช็คแล้ว คุณบรมกับคุณดารินเองก็ไม่ว่าง"
"งั้นก็นายไง ไปประชุมแทนเลยแล้วกัน"
"แล้วทางนี้?"
"ทางนี้ฉันจัดการเอง"
"งั้นพรุ่งนี้ผมจะกลับกรุงเทพแต่เช้า"
"ขอบใจมากเมฆา ถ้าไม่มีอะไรแล้วนายก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะ แล้วเจอกันตอนมื้อเย็น"
"ครับ"
เมฆาหันหลังเปิดประตูออกจากห้องไป
เทวาก้มกลับมาดูงานได้แค่แป๊บเดียว ใจก็หวนนึกถึงรวิปรียา
นึกถึงภาพที่รวิปรียาถ่ายภาพเซลฟี่คู่กับนิมมาน
เทวารู้สึกขัดใจ แอบหึงๆอยู่ด้วย
"หึ.. ขนาดมาทำงานก็ยังแอบนัดแฟนเก่ามาเจอกัน"
เทวารู้สึกอยากลองใจรวิปรียาขึ้นมา จึงกดโทรศัพท์ออกหารวิปรียา

รวิปรียากดรับสายจากเทวา
"มีอะไรคะ นี่ยังไม่ถึงเวลาประชุมซะหน่อย"
"แต่ผมอยากประชุมนอกรอบกับคุณก่อน ผมอยากรู้ว่าคุณมีไอเดียอะไรบ้าง เรื่อง..วัสดุก่อสร้างต่างๆที่เราควรจะใช้"
"แต่ฉันว่า เรารอไปคุยทีเดียวตอนประชุมกับสถาปนิกเลยดีกว่า"
"ไม่ได้ ผมอยากคุยกันก่อน เพราะตอนประชุมระหว่างมื้อเย็นวันนี้เราจะได้มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน "
"งั้นก็ได้ค่ะ จะให้เจอกันที่ไหน เวลาอะไรคะ"
"ตอนนี้ ที่ห้องผม"
รวิปรียาหน้าตื่น เสียงดังขึ้น
"ทำไมต้องไปที่ห้องคุณด้วย"
"หรือจะให้ไปที่ห้องคุณ"
"นี่คุณ !"
"รีบๆมาล่ะ ผมมีเวลาไม่มาก"
รวิปรียาอยากจะโวยใส่ แต่เทวาก็กดตัดสายไปแล้ว
รวิปรียาบ่นใส่โทรศัพท์
"คนบ้าอะไรกันเนี่ย เอาแต่ใจที่สุด"

รวิปรียายืนเคาะประตูห้องพักของเทวาอยู่ ในมือถือเอกสารของตัวเองเข้ามาด้วย เทวาเปิดประตูออกรับ รวิปรียาจำต้องเข้าห้องมาอย่างเสียไม่ได้ เธอมองไปรอบๆห้อง แล้วเห็นว่าไม่มีคนอื่นนอกจากเทวา
"มีแค่เราสองคน?"
"ใช่"
"แล้วคุณเมฆาล่ะคะ"
"เมฆาเขามีงานอื่นที่ต้องไปทำ"
รวิปรียารู้สึกไม่สะดวกใจ ยืนละล้าละลัง เทวาเข้ามายืนข้างๆ ยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆ
"ทำไม กลัวผมเหรอ ผู้หญิงอย่างคุณไม่น่าจะกลัวที่ต้องอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง"
"ผู้หญิงอย่างฉัน คุณหมายความว่ายังไง"
เทวาไม่ตอบ แต่เดินไปที่โซฟากลางห้องเหมือนเตรียมจะคุยงานแล้ว

นิมมานยืนถามพนักงานถึงห้องพักของรวิปรียา
สักพักเห็นนิมมานเดินเลี่ยงออกมา เตรียมขึ้นบันไดไปยังห้องพัก

เทวากับรวิปรียานั่งดูแบบแปลนคอนโดมิเนียมอยู่ด้วยกัน รวิปรียาพูดไปเรื่อยๆ
"ฉันว่าโครงการนี้เหมาะที่จะใช้ระบบการก่อสร้างแบบ precast คือใช้แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูปมาติดตั้งในส่วนของโครงสร้างแทนการก่ออิฐแบบเดิมๆ ต้นทุนอาจจะสูงหน่อย แต่ประหยัดเวลาทำงานลงได้มาก"
ระหว่างที่รวิปรียาพูดไปก้มดูแบบไป เทวาแทบไม่ได้สนใจฟังเนื้อหา เพราะเอาแต่คอยมองรวิปรียา เหมือนครุ่นคิดว่าจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้ดี จนรวิปรียาเงยหน้าขึ้นมาถาม
"คุณคิดว่าไงคะ"
"ก็ดี..ผมเห็นด้วย"
"ข้อดีคือระบบนี้ไม่ต้องมีคานและเสา เป็นการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยของห้องได้มากขึ้น"
รวิปรียาเงยหน้ามา เห็นเทวาจ้องเธออยู่
"มีอะไรคะ"
"ผมมีคำถาม"
รวิปรียารอฟัง นึกว่าเรื่องงาน
"ทำไมคุณถึงปล่อยให้แฟนคุณไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น"
รวิปรียาชะงัก แล้วตอกกลับ "คำถามที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน ฉันไม่ตอบ"
"เมื่อคุณปล่อยเขาไปแล้ว เคยคิดที่จะดึงเขากลับมาไหม"
รวิปรียาอดตอบไม่ได้อยู่ดี
"ฉันเคยบอกคุณไปแล้ว ว่าฉันเข้มแข็งพอที่จะลืมเขาได้ คนอย่างฉันเมื่อตั้งใจจะก้าวไปข้างหน้าแล้ว ฉันไม่เคยคิดจะถอยหลังกลับ เลิกถามเรื่องส่วนตัวได้หรือยัง"
"ไม่เคยคิดจะถอยหลัง แต่ท่าทางคุณนิมมานเขากำลังจะย้อนศรกลับมาหาคุณ"
รวิปรียาเริ่มฉุน "หมดคำถามหรือยังคะ ถ้าหมดแล้วฉันจะได้กลับห้อง"
"หรือจริงๆแล้ว คุณชอบความท้าทาย เดินหน้าไปตรงๆมันอาจจะไม่สนุกเร้าใจ เหมือนการได้หลบๆซ่อนๆ"
รวิปรียาโกรธ ลุกขึ้นยืน "ฉันขอตัวก่อน"
รวิปรียารวบเอกสารตัวเองแล้วเดินไปที่ประตูห้อง เทวาตามมาที่ประตูห้อง รวิปรียาจะเอามือจับลูกบิดประตูแต่เทวายืนซ้อนหลังเธออยู่เอามือจับลูกบิดประตูไว้ได้ก่อน
"ผมยังคุยไม่จบ"
"แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับ..."
รวิปรียายังพูดไม่ทันจบ เทวาก้มลงจูบเธอทันที รวิปรียาตกใจเอกสารหลุดมือ
แล้วทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูที่ห้องรวิปรียาซึ่งอยู่ตรงข้าม ทั้งคู่ชะงักผละออกจากกัน
เทวาเอามือหนึ่งกั้นรวิปรียาไว้ไม่ให้ขยับไปเปิดประตูเอง แล้วดันตัวเข้าไปใกล้รวิปรียาอีกเพื่อมองลอดช่องตาแมวออกไป แทนสายตาผ่านช่องตาแมว เห็นนิมมานยืนเคาะประตูห้องรวิปรียาอยู่
รวิปรียาโดนตัวเทวาเบียด หลังเธอชิดกับประตูห้อง ส่วนใบหน้าอยู่ใกล้กับแผ่นอกเทวาในระยะประชิด เธอพยายามดันเทวาออก
"แฟนคุณมาน่ะ"
พอรวิปรียาได้ยินว่านิมมานมาก็เงียบทันที เพราะในใจเองก็ไม่ได้อยากเจอนิมมาน แล้วยิ่งไม่อยากให้นิมมานเห็นว่าเธอออกมาจากห้องของเทวา
"ถ้าคุณออกไปตอนนี้ เขาก็จะเห็นว่าคุณอยู่ในห้องนี้สองต่อสองกับผม"
นิมมานที่หน้าห้องรวิปรียา เรียก
"รวิ.. นี่ผมนิมมานนะ ผมรู้นะว่าคุณอยู่ห้องนี้"
เสียงนิมมานเรียกรวิปรียาดังเข้ามาถึงในห้องเทวา แต่รวิปรียาไม่อยากออกไปเจอจึงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่กล้าส่งเสียง เทวาเองก็ยืนล็อคตัวเธอไว้กับประตูไปไหนไม่ได้ ร่างของทั้งคู่แนบชิดกันอยู่อย่างนั้นสักพัก
รวิปรียาหน้าแดงจะขยับหนีเทวาก็ล็อคบังไว้ เทวาอยากจะแกล้ง แต่ขณะเดียวกันก็แอบยิ้มมีความสุข
นิมมานเคาะประตู "รวิ...ออกมาคุยกับผมหน่อยสิ"
นิมมานเคาะเรียกอยู่สักพัก จนรู้สึกได้ว่ารวิปรียาไม่อยู่ที่ห้องจึงเดินออกไป

พอนิมมานไปแล้ว รวิปรียาก็ผลักเทวาออกอย่างเขินๆ และโมโห แล้วเปิดประตูออกไป เทวามองตาม แม้จะคิดว่ารวิปรียาเป็นผู้หญิงไม่ดีไปแล้ว แต่ยิ่งอยู่ใกล้ก็ยิ่งถลำลึก ได้แต่ย้ำกับตัวเอง
"ผมจะทำทุกอย่างให้คุณต้องเจ็บปวดรวิปรียา"

รวิปรียาเปิดประตูเข้าห้องมาแล้วปิดประตูตามหลัง ยืนพิงหลังกับประตูห้อง หัวใจเต้นตึกตัก รู้สึกเหมือนจะหมดแรง เธอบอกตัวเอง - - ไม่เห็นต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลยรวิ ใจเย็นๆสิ คนกะล่อน เจ้าชู้ไม่เลือกอย่างนายนั่นก็ฉวยโอกาสกับผู้หญิงทุกคนนั่นแหละ
 
รวิปรียาคิดเช่นนั้น

อ่านต่อตอนที่ 8

#ใจลวง#thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น