xs
xsm
sm
md
lg

ใจลวง ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ใจลวง ตอนที่ 4

ต่อมา นิมมานเข้ามาในบ้าน ทั้งบ้านเงียบเชียบไม่มีใครอยู่
 
เขาจึงขึ้นบันไดไปชั้นบน
นิมมานมาถึงหน้าห้องนอนของเพชรพริ้ง เขาลองเคาะประตูเบาๆแต่ไม่มีเสียงตอบ จึงลองบิดลูกบิดประตู ประตูเปิดออกอย่างง่ายดาย แสงไฟในห้องสลัวเพชรพริ้งนอนเหมือนหมดสติอยู่กับพื้นห้อง ชุดนอนเซ็กซี่ร่นมาถึงต้นขานิมมานเห็นภาพนั้นก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปดูข้างๆ
“คุณพริ้ง” เขาประคองตัวขึ้นมาดู “คุณพริ้งเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เพชรพริ้งค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ
“คุณนิมมาน.. นี่คุณมาหาพริ้งหรือคะ”
“นี่คุณโอเคไหม ต้องให้ผมพาไปโรงพยาบาลหรือเปล่า”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พริ้งดีขึ้นแล้ว แค่พาพริ้งขึ้นไปบนเตียงก็พอ”
นิมมานช้อนร่างเพชรพริ้งขึ้นมาอุ้มเธอไปวางลงที่เตียง แต่ก่อนที่จะปล่อยมือเพชรพริ้งก็ดึงคอนิมมานโน้มเข้ามาใกล้
“คุณพริ้ง!”
ใบหน้าสองคนอยู่ใกล้กันในระยะประชิด
“ถ้าคุณไม่เป็นไรแล้ว ผมก็จะกลับ”
นิมมานพยายามจะแกะมือเพชรพริ้งออก แต่เธอกอดนิมมานไว้ไม่ปล่อย
“ทำไมต้องกลับด้วยล่ะคะ ในเมื่อคุณมาถึงที่นี่แสดงว่าคุณก็คิดถึงพริ้ง คุณแคร์พริ้ง เหมือนกับที่พริ้งรู้สึกกับคุณ”
“ปล่อยเถอะคุณพริ้ง เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ไม่มีใครมาเห็นหรอกค่ะ วันนี้ไม่มีคนอยู่บ้าน คุณก็รู้นี่”
เพชรพริ้งจูบนิมมานโดยไม่รอให้เสียโอกาส นิมมานหวั่นไหวจูบตอบ แต่แล้วก็รู้สึกตัว ผละออก
“อย่าทำแบบนี้เลยคุณพริ้ง”
“พริ้งมองออกนะคะว่าคุณเองก็โหยหาอยากได้พริ้ง พริ้งอยู่ตรงนี้แล้วไงคะ ทำไมคุณต้องปิดบังความรู้สึกตัวเองอีก”
นิมมานขืนตัวเลี่ยงออกมาได้ แต่เพชรพริ้งลุกจากเตียงตามเข้ามากอดอีก
“พริ้งรักคุณมานานแล้ว รักมาตลอด พริ้งไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยู่ใกล้คุณพริ้งก็พอใจแล้ว”
เพชรพริ้งระดมจูบนิมมาน จนนิมมานเริ่มสั่นไหวจูบตอบ ทั้งคู่กอดรัดกัน

คืนนั้น
เทวานั่งดื่มอยู่ในบาร์แห่งหนึ่งเพียงลำพัง เสียงเพลงดัง ผู้คนรายรอบสนุกสนาน แต่เขากลับนั่งถอนใจ ดวงตาเหม่อลอยนึกถึงใครบางคน
เทวาเห็นแหวนหมั้นในมือรวิปรียาที่ร้านกาแฟ
“รวิเขาเป็นเพื่อนแจนตั้งแต่เรียนมหาลัยน่ะค่ะ ตอนนี้เขาเป็นผู้บริหารบริษัทใหญ่แล้วก็ ... กำลังจะเป็นเจ้าสาวเร็วๆนี้ด้วย”
เทวาหน้าเจื่อนลง แต่พยายามทำตัวให้เป็นปกติ สายตาเขามองเห็นแหวนหมั้นที่นิ้วนางของรวิปรียา เทวารำพึงกับตัวเอง ถอนใจ
“ทำไมเราไม่พบกันให้เร็วกว่านี้”

รวิปรียานั่งเล่นอยู่ที่ระเบียงบ้านสวนเงียบๆตามลำพัง ชูมือซ้ายขึ้นมาตรงหน้าเพื่อมองแหวนหมั้นที่นิ้วนายิ้มมีความสุข นึกถึงอนาคตระหว่างเธอกับนิมมาน แต่แล้วอยู่ๆก็มีภาพของเทวาแทรกความคิดเข้ามา

เทวาพยุงรวิปรียาไปห้องน้ำที่โรงพยาบาล
รวิปรียาลุกเดิน ขาที่เคล็ดอยู่ก็เจ็บแปล๊บทำให้รวิปรียาเซจะล้ม เทวารีบเข้ามาประคองช่วยไว้ได้ทัน
ใบหน้าทั้งสองคนใกล้ชิดกัน ทั้งคู่สบสายตากันจนรวิปรียารู้สึกประหม่า พอเธอรู้สึกตัวก็รีบผละออกจากกัน
รวิปรียา ตีหัวตัวเอง
“ยัยบ๊องเอ๊ย! ไปคิดถึงตานั่นได้ยังไง นี่เราจะแต่งงานแล้วนะ”
รวิปรียาสั่นหัวไปมารัวๆ เหมือนจะสลัดภาพของเทวาออกไป

นิมมานยังถูกเพชรพริ้งกอดอยู่ที่เดิมในห้องนอน ทั้งคู่จ้องตากัน นิมมานเหมือนพยายามยับยั้งชั่งใจ หลังจากกอดรัดฟัดเหวี่ยงจูบกันไปอย่างเมามัน
“คุณนิมมานมองพริ้งสิคะ พริ้งรักคุณ พริ้งพร้อม..ที่จะมอบทุกอย่างให้คุณ ขอแค่คุณหันมามองพริ้งบ้าง”
นิมมานจ้องเข้าไปในดวงตาของเพชรพริ้ง เพชรพริ้งยื่นหน้าเข้าไปจูบที่แก้มพร้อมกระซิบข้างหู
“จะไม่มีใครรู้เรื่องนี้ นอกจากเราสองคน”
นิมมานได้ยินดังนั้นก็เริ่มอดใจไม่ได้แสดงสัญชาติญาณลึกๆออกมา สายตาเขาเปลี่ยนไปมองเพชรพริ้ง
อย่างหิวโหย เริ่มจูบเพชรพริ้งกลับอย่างดุเดือด เพชรพริ้งก็ตอบสนองอย่างร้อนแรง มือของเพชรพริ้งเริ่มถอดกระดุมเสื้อนิมมานออก ในขณะที่นิมมานดันตัวเพชรพริ้งไปที่เตียงนอน
ทั้งคู่ล้มตัวลงบนเตียงนอน กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างเร่าร้อน

เวลาเดียวกัน วิษณุกับพัชชายังคงนั่งกินอาหารกันอยู่ที่ร้าน พัชชามองนาฬิกาข้อมือ ดูตามเวลาแล้วเดาว่าป่านนี้ลูกสาวคงดำเนินการไปแล้ว พัชชามองวิษณุที่กินอาหารเสร็จแล้ว
“คุณพี่คะ ถ้ายังไงเรากลับกันดีไหมคะ พัชเป็นห่วงยัยพริ้งน่ะค่ะ”
“ก็ดีเหมือนกัน รีบไปดูลูกเถอะ วันนี้ไม่มีคนอยู่บ้าน ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาเดี๋ยวจะแย่ไปกันใหญ่”
“ค่ะ”
วิษณุยกมือเรียกบริกรให้เก็บเงิน

ต่อมา ...วิษณุกับพัชชากลับเข้ามาถึงบ้าน
“เดี๋ยวพัชขึ้นไปดูลูกที่ห้องก่อนนะคะ”
วิษณุพยักหน้า พัชชาเดินเร็วๆ ล่วงหน้าขึ้นบันไดไปก่อน พอถึงหน้าห้องเพชรพริ้งเธอก็ปรายตามองวิษณุี่กำลังขึ้นบันไดตามมา พร้อมเปรยให้วิษณุได้ยิน
“ทำไมเงียบจัง เป็นลมเป็นแล้งไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ พริ้ง...”
พัชชาไม่เคาะประตูแต่บิดลูกบิดประตู เปิดประตูเข้าไป แล้วก็ทำท่าตะลึงงัน
“ว้าย..ตายแล้ว”
ภายในห้อง นิมมานเพิ่งจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อเห็นพัชชา เพชรพริ้งทำเป็นเพิ่งตื่นขึ้นมาอยู่ข้างๆนิมมาน ทั้งคู่อยู่ในสภาพเปลือยไม่ได้สวมเสื้อผ้า
“คุณแม่!”
“นี่มันอะไรกันเนี่ย”
แล้วเพชรพริ้งก็ร้องไห้เสียใจ
“โธ่..ยัยพริ้งลูกแม่”
วิษณุตามเข้ามาดูเพราะเสียงร้องของพัชชา ภาพที่เห็นทำให้เขาโกรธจัด

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน !”

เวลาต่อมา วิษณุนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรับแขก ทั้งโกรธทั้งผิดหวัง

“มีใครจะอธิบายได้ไหม”
นิมมานนั่งเงียบ ไม่มีอะไรจะแก้ตัว เพชรพริ้งร้องไห้กระซิกอยู่ข้างๆพัชชา
“ฉันเชื่อมาตลอดว่าเธอเป็นคนดี ถึงได้ยอมให้เธอคบหากับลูกสาวฉันอยู่ตั้งหลายปี แต่ไม่คิดเลยจริงๆว่าเธอจะทำเรื่องบัดสีในบ้านของฉัน กับหลานสาวของฉันเอง”
“ผม..ผม..ขอโทษครับคุณอา”
“ขอโทษ! แค่ขอโทษมันไม่พอหรอกนะคุณนิมมาน ฉันเชื่อใจคุณ ไว้ใจคุณ ขอให้คุณช่วยมาดูพริ้ง แต่ดูสิ่งที่คุณทำสิ” พัชชาว่า
วิษณุพยายามข่มใจ แล้วคุยด้วยเหตุผล
“เธอชอบพริ้งหรือเปล่า”
“คือผม... ไม่...”
พัชชาแทรกขึ้นทันที
“ถึงขนาดนี้ ยังต้องถามอีกหรือคะว่าชอบหรือเปล่า ถ้าไม่ชอบ คุณนิมมานคงไม่บุกมาทำแบบนี้หรอกค่ะ แล้วนี่ยัยพริ้งก็เสียหายไปแล้ว ... เรื่องนี้คุณต้องรับผิดชอบ”
“แต่ผมกับรวิ…”
วิษณุตัดสินใจ “ถึงตอนนี้แล้ว เรื่องของเธอกับรวิคงต้องพักไว้ก่อน ที่เราต้องจัดการกันตอนนี้คือเรื่องของเธอกับพริ้ง นิมมาน..อาคงไม่มีอะไรจะพูดอีก นอกจากจะขอร้องเธอ อาขอให้เธอจัดการเรื่องนี้อย่างลูกผู้ชาย”
นิมมานอึ้ง พูดอะไรไม่ออก

บรรยากาศยามเช้าตรู่ที่บ้านสวน
พระสงฆ์เดินบิณฑบาตมาถึงหน้าประตูรั้วบ้าน รวิปรียายืนรอรับพระอยู่แล้ว เธอยกมือขึ้นจรดหน้าผากนิมนต์พระพระสงฆ์หยุดยืน รวิปรียาตักข้าวใส่บาตร โดยมีจอยคอยช่วยส่งของให้เมื่อเสร็จแล้วรวิปรียายกมือไหว้ พระสงฆ์ให้พรแล้วเดินไป จอยมองรวิปรียาอย่างสงสัย
“คุณรวินึกยังไงคะถึงได้ลุกมาใส่บาตรแต่เช้า”
“เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับน่ะ”
“อุ๊ย ทำไมคะ ตื่นเต้นเรื่องที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวเหรอคะ”
“น้อยๆหน่อยเราน่ะ”
ทั้งคู่กำลังจะเดินกลับเข้าบ้าน แต่แล้วรถของนิมมานก็แล่นเข้ามาจอดที่หน้าประตูนิมมานลงจากรถ
รวิปรียาแปลกใจ “อ้าว นิมมาน”
จอยรีบเดินเลี่ยงเข้าบ้านไป
“ทำไมมาถึงนี่ล่ะคะ ไม่เห็นคุณบอกเลยว่าจะมา”
นิมมานมองรวิปรียานิ่งๆ ไม่พูดอะไร

“มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า ผมแค่คิดถึงรวิ อยากเห็นหน้า”
แล้วนิมมานก็กอดรวิปรียาอย่างกลัวที่จะสูญเสียรวิปรียาไป
เธอได้แต่งงๆ ไม่เข้าใจท่าทีของนิมมานแต่ไม่ได้ถามอะไร
“ผมแค่อยากให้รวิรู้… ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็รักรวิเสมอ”

ภายในบ้านนิรมิต
มิตรหันหน้ามาตะคอกใส่นิมมานอย่างโกรธๆ
“นี่แกเป็นบ้าอะไรของแกเฮอะ นิมมาน”
นิมมานยืนคอตกอยู่ตรงหน้าพ่อ
“จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนึง แต่ดันไปมีเซ็กส์กับผู้หญิงอีกคนนึง แถมสองคนนั้นยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกันอีก”
“ผมพลาดไปแล้วครับพ่อ ตอนนี้ผมเพิ่งเข้าใจว่าเพชรพริ้งตั้งใจยั่วผม”
“แล้วไง? แกจะไปมีเซ็กส์ชั่วครั้งชั่วคราวกับใครที่ไหน ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกนะ แต่ทำไม..ทำไมแกถึงได้โง่แบบนี้ ไปทำให้เป็นเรื่องใหญ่จนทุกคนเขารู้กันไปหมด กินแบบเงียบๆนี่ทำไม่เป็นหรือไง แล้วนี่แผนธุรกิจที่จะควบรวมนิรมิตรกับไทยเอ็นจิเนียริ่งเข้าด้วยกันจะทำยังไง”
“ถ้างั้นผมจะไม่แต่งงานกับเพชรพริ้ง ผมจะไปบอกคุณอาวิษณุเดี๋ยวนี้”
นิมมานทำท่าจะออกไป มิตรส่งเสียงห้ามดุๆ
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น !”
“แต่ถ้าผมไม่เลิกกับรวิ แผนธุรกิจของเราก็ยังคงอยู่นะครับพ่อ”
“แกทำเรื่องขนาดนี้ยังคิดว่าคุณวิษณุเขาจะยกหนูรวิให้แกอีกเหรอ ยังไงเพชรพริ้งก็เป็นหลานสาวของคุณวิษณุ ถ้าแกไม่รับผิดชอบเขา คุณวิษณุก็จะยิ่งไม่พอใจไปกันใหญ่ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นแผนธุรกิจของเราก็มีหวังล่มจริงๆแน่ ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วแกก็ต้องแต่งงานกับเพชรพริ้งตามที่คุณวิษณุเขาขอ”
“คุณพ่อ ! แต่ผมรักรวินะครับ”
“ไม่ต้องเถียง นี่เป็นทางเดียวที่เราจะไม่เสียโอกาสในการรวมสองบริษัทเข้าด้วยกัน”
นิมมานทั้งเครียด กดดัน และสิ้นหวังมิตรมองหน้าลูกชาย ก่อนจะพูด
“เอาเถอะ ฉันจะลองไปพูดกับคุณวิษณุเขาดูอีกที ว่าจะเอายังไง”
นิมมานเศร้า แต่ก็แสดงสีหน้าขอบคุณพ่อ แม้จะรู้ว่ายาก

ภายในบ้านสิริคุณานันท์มิตรนั่งคุยอยู่กับวิษณุ
“ผมเสียใจจริงๆ ที่ลูกชายผมมันก่อเรื่องแบบนี้ขึ้น”
วิษณุยังไม่หายโกรธ
“คุณรู้ไหมว่าผมโกรธขนาดไหน คุณมิตร”
“ผมรู้ครับว่าคุณโกรธ ถ้าเป็นผม ผมก็ต้องโกรธเหมือนกัน นี่ผมเองก็ต่อว่า มันไปขนานใหญ่แล้ว แต่นิมมานเขาเป็นผู้ชาย เรื่องแบบนี้บางทีมันก็เป็นไป ตามสัญชาติญานของผู้ชายนะครับ คุณวิษณุน่าจะเข้าใจ”
มิตรมองหน้าวิษณุเหมือนประมาณว่าที่คุณได้กับเมียน้องชายตัวเองนะ ก็เหมือนกันนั่นแหละ วิษณุมองหน้าอึ้ง
“จะให้ผมเข้าใจ? ทั้งที่คนที่เสียหายเป็นหลานสาวผม และคนที่ต้องเสียใจที่สุดก็เป็นลูกสาวของผมน่ะนะ”
“แล้วถ้าเราให้นิมมานกับหนูรวิ แต่งงานกันเหมือนเดิมล่ะครับ หนูรวิจะได้ไม่ต้องเสียใจ”
“แล้วเพชรพริ้งล่ะ คุณจะทำยังไง ถ้าเกิดนิมมานแต่งกันไปกับรวิ แล้วยังมีความสัมพันธ์กับเพชรพริ้งอีก ลูกสาวผมไม่ตายทั้งเป็นเหรอ”
“เอาเถอะครับ ผมไม่อยากให้เรื่องนี้มาเป็นสาเหตุทำให้เราสองครอบครัวต้องหมางใจกัน เอาเป็นว่าผมขอโทษอย่างจริงใจเลยนะครับคุณวิษณุ ทางผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อรักษาความสัมพันธ์ของพวกเราไว้ และผมจะให้นิมมานรับผิดชอบทุกอย่างตามทางคุณต้องการ”
 
มิตรว่า

วันเดียวกัน
 
ตะวันยืนรอเทวาอยู่ในชุดนักเรียนเตรียมอนุบาล พร้อมอุ้มโกโก้ชะเง้อคอมองที่ประตูตลอดเวลาเทวาเดินเข้ามาในบ้าน
“ไงลูก กลับมาแล้วเหรอ”
ตะวันไหว้เทวา แต่ใบหน้าบูดๆ ซึมๆ ไม่ยิ้มแย้ม
“อ้าวเป็นอะไรไป วันนี้พ่อกลับบ้านเร็วไม่ดีใจเหรอ”
“ดีใจค่ะ”
เทวาเข้าไปอุ้ม แล้วพาเข้ามานั่งในห้องรับแขก
“ดีใจแล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
ตะวันนั่งนิ่งสักพัก แล้วตัดสินใจบอก
“คุณพ่อขา วันนี้คุณครูให้วาดรูปครอบครัว” ตะวันล้วงกระดาษวาดรูปออกมาจากกระเป๋ากระโปรง“เพื่อนๆของตะวันหัวเราะใหญ่เลย เพราะตะวันไม่มีรูปแม่”
เทวาคลี่กระดาษออกดู เป็นภาพวาดฝีมือตะวัน ตรงกลางมีภาพผู้ชายจูงมือเด็กผู้หญิง ส่วนมุมภาพมุมหนึ่งเป็นรูปเล็กๆของคนแก่ผู้ชายและผู้หญิงสาว
“คุณแม่ไม่ได้อยู่บ้านกับเรา ตะวันก็เลยวาดรูปคุณแม่ไม่ได้”
“ถึงไม่มีรูปคุณแม่ แต่ตะวันก็มีรูปพ่อ” เทวาชี้ที่รูปไปด้วย “รูปคุณปู่ แล้วก็อารินอยู่ด้วยไง ดีจริงๆนะเนี่ย ครอบครัวเรามีกันตั้งหลายคน อืมจะว่าไปขาดอีกคนนะ ตะวันควรเติมรูปอาดาลงไปด้วย บ้านเรามีกัน 5 คน”
“ตะวันจำอาดาไม่ได้แล้วค่ะเลยไม่ได้วาด”
“ไปดูรูปในห้องรับแขกก็ได้ลูก” เทวายิ้มอ่อนโยน จะจูงมือตะวันไป แต่ตะวันไม่ยอมเดิน
“คุณพ่อคะ เพื่อนๆคนอื่นเขามีคุณแม่ไปรับที่โรงเรียนด้วย แต่ตะวันไม่มี”
“แต่ตะวันก็ยังโชคดีกว่าเพื่อนคนอื่นนะพ่อว่า เพราะตะวันมีพ่อที่ใจดีมากๆ แล้วพ่อคนนี้ก็กำลังจะพาตะวันไปเที่ยวทะเล”
ตะวันดีใจขึ้นมาทันที
“ไปทะเล จริงเหรอคะคุณพ่อ”
“จริงสิ พ่อเคยหลอกตะวันเหรอ”
ตะวันส่ายหน้า
“ไปเล่นน้ำทะเล ขุดทราย แล้วก็ว่ายน้ำกันทั้งวันไปเลย เอาไว้วันหยุดนี้ เราไปกันนะ”
ตะวันพยักหน้าหงึกๆ ลืมความทุกข์ไปได้ทันที
“เย้ๆๆ” ตะวันดีใจกอดเทวา
เทวารู้สึกสงสารตะวัน กอดลูกแน่น แววตาสลดลง

เมื่อรวิปรียาเพิ่งกลับมาถึงบ้าน พบว่าวิษณุและพัชชานั่งรอเธออยู่แล้ว วิษณุดูเคร่งเครียด ส่วนพัชชาทำเศร้า
“กลับมาแล้วเหรอรวิ พ่อกำลังรอลูกอยู่พอดี มานั่งก่อนสิ”
รวิปรียาเข้ามานั่งร่วมวงที่โซฟา “มีอะไรหรือเปล่าคะ”
พัชชากับวิษณุมองหน้ากันอย่างลำบากใจที่จะพูด พัชชาแสแสร้งแกล้งทำเป็นลำบากใจ
“เมื่อคืน...” วิษณุเห็นหน้าลูกแล้วพูดไม่ออก
รวิปรียารอฟัง
“ที่บ้านเราเกิดเรื่อง”
“เรื่องอะไรคะ”
“เมื่อคืน..นิมมานเขามาที่นี่ตอนที่บ้านเราไม่มีคนอยู่ อาพัชขอให้เขามาช่วยดูพริ้งที่กำลังไม่สบาย พอพ่อกับอาพัชกลับมาจากข้างนอก พวกเราก็..พบว่า...” วิษณุไม่รู้จะพูดยังไง
พัชชาโพล่งขึ้นแทน
“นิมมานกับยัยพริ้ง นอนอยู่ด้วยกันในห้อง” พัชชาสะอื้นไห้ออกมาอีก
รวิปรียาช็อกสักพัก ไม่อยากเชื่อ ละล่ำละลักพูด “ต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ ไม่มีทาง รวิไม่เชื่อ”
“แต่พ่อเห็นกับตาตัวเอง”
“นี่อาก็เพิ่งรู้นะคะว่านิมมานเขามีใจให้กับพริ้งอยู่”
“นิมมานเพชรพริ้งเป็นไปไม่ได้”
“แต่มันก็เป็นไปแล้วค่ะ อาเองก็เสียใจนะคะเพราะรู้ว่าหนูรวิรักคุณนิมมานมาก คุณนิมมานเองก็ไม่น่าใจร้อน ถ้าเขารักชอบยัยพริ้งก็น่าจะคุยกันดีๆ ไม่ใช่มาฉวยโอกาสแบบนี้ ยัยพริ้งเองก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะไปสู้แรงคุณนิมมานได้ยังไง”
“เลิกพูดได้แล้วล่ะพัช .... ตอนนี้พริ้งเป็นฝ่ายเสียหาย พ่อต้องขอให้นิมมานรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ด้วยการให้นิมมานแต่งงานกับยัยพริ้งให้เร็วที่สุด”
รวิปรียาช็อก ใจหายวูบ หน้าซีดเผือด พัชชาแอบสะใจ

รวิปรียาเข้ามาในห้องนอนอย่างคนหมดเรี่ยวแรง เธอทรุดนั่งลงบนเตียงน้ำตาไหลออกมาช้าๆด้วยความเจ็บปวด
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามด้วยเสียงของวิษณุ
“รวิ นี่พ่อเองนะ พ่อเข้าไปได้ไหมลูก”
รวิปรียารีบเช็ดน้ำตา พยายามทำตัวเข้มแข็ง วิษณุเปิดประตูเข้ามาโดยไม่รอคำตอบ แล้วมองรวิปรียาอย่างเห็นใจ
วิษณุเข้ามานั่งข้างๆรวิปรียา โอบไหล่ลูกสาวปลอบๆ
“โกรธพ่อหรือเปล่าลูก”
“รวิไม่โกรธคุณพ่อหรอกค่ะ ถ้าจะโกรธ ก็ต้องโกรธนิมมานมากว่า”
“พ่อรู้ว่าลูกเสียใจ พ่อเองก็เสียใจเหมือนกัน ที่พ่อขอให้นิมมานแต่งงานกับเพชรพริ้ง เพราะเขาควรจะเรียนรู้ว่า เมื่อทำอะไรผิดพลาดลงไปก็ต้องรับผิดชอบสิ่งที่จะตามมา”
รวิปรียากลั้นน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาอีก
“รวิรู้ค่ะว่าคุณพ่อต้องทำในสิ่งที่ควรทำ”
“หวังว่าลูกคงเข้าใจ ที่พ่อตัดสินใจแบบนี้ ไม่ใช่เพราะรักเพชรพริ้งมากกว่าลูก แต่เพราะพ่อเองก็ได้เห็นเนื้อแท้ของนิมมานแล้วว่าเขาเป็นผู้ชายที่จิตใจไม่มั่นคงพอ นิมมานไม่ดีพอสำหรับลูกหรอกรวิ ลูกของพ่อทั้งเก่ง ทั้งสวย พ่อเลี้ยงลูกมาอย่างดี เพื่อให้ลูกได้มีอนาคตที่ดี พ่อมั่นใจว่าลูกจะต้องได้เจอผู้ชายที่ดีกว่านิมมาน”

รวิปรียาเอียงหัวซบไหล่วิษณุ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา

รุ่งขึ้น รวิปรียาอยู่ในอารมณ์เศร้ามากแต่พยายามเข้มแข็ง
 
เธอสะพายกระเป๋าและเอกสารเตรียมจะออกไปทำงานเมื่อเธอลงมาจากชั้นสอง ก็เห็นภาพของพัชชาและเพชรพริ้งนั่งดูนิตยสารอยู่ด้วยกัน หัวเราะกันคิกคักดูเริงร่า
รวิปรียาหยุดมองสองแม่ลูกอย่างค่อนข้างมั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแผนการ เมื่อเธอลงมาถึงห้องรับแขกก็จะเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ แต่สองแม่ลูกไม่ปล่อยรวิปรียาไปง่ายๆ
“อ้าว หนูรวิ จะไปทำงานแล้วเหรอคะ”
รวิปรียาไม่อยากตอบ ไม่อยากสนใจ
“เดี๋ยวสิ น้องสาวจะแต่งงานทั้งที จะไม่แสดงความยินดีหน่อยเหรอ”เพชรพริ้งบอก
“นี่พริ้งเขากำลังเลือกชุดแต่งงานอยู่ หนูรวิช่วยให้คำปรึกษาเขาหน่อยสิ นี่เลือกมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ยังเลือกไม่ถูกใจเลย”
“แหม.. ก็การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตของผู้หญิงนะคะคุณแม่ เราก็ต้องเลือกชุดที่ดีที่สุด สวยที่สุด เพื่อให้คู่ควรกับผู้ชายอย่างคุณนิมมาน”
รวิปรียารู้ว่ากำลังโดนยั่วโมโหจึงทำเมินเฉย แล้วจะเดินไป พัชชาลุกขึ้นมาพูดดักหน้า
“แต่คิดไปคิดมา การที่พริ้งแต่งงานไปกับคุณนิมมานก็มีเรื่องดีกับหนูรวิหมือนกันนะ ต่อไปนี้หนูรวิก็คงไม่ต้องอารมณ์เสียเรื่องที่พริ้งจะเอารถคันไหนออกไปใช้อีก”
“เพราะหลังจากแต่งงานฉันก็ต้องไปอยู่เป็นคุณผู้หญิงของบ้านนิรมิต”
รวิปรียาบอก “เธอจะไปอยู่ที่ไหนก็เชิญเถอะไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน”
“อาเข้าใจนะว่ารวิอาจต้องใช้เวลาทำใจสักหน่อย ของใครใครก็รักจริงไหม แต่จะทำยังไงได้ถ้าคนที่เรารัก เขาไม่ได้รักเราซะแล้ว”
เพชรพริ้งหัวเราะเสียงดังอย่างพอใจ
“เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องของความรักหรอกค่ะ มันเป็นเรื่องของคนที่ใช้วิธีการสกปรกชั้นต่ำเพื่อแย่งคนรักของคนอื่น”
“คำก็ชั้นต่ำ..สองคำก็ชั้นต่ำ พูดจาไม่สมกับเป็นคุณหนูเลยนะคะ” พัชชายื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ “อาเคยบอกแล้วไงคะ คนเข้มแข็งเท่านั้นถึงจะได้ไปต่อ ส่วนพวกขี้แพ้...ก็เตรียมตัวอยู่อย่างคนช้ำใจไปจนตาย”
รวิปรียาทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป เธอเดินออกไปขณะที่สองแม่ลูกหัวเราะบาดใจรวิปรียาเธอได้แต่กำมือแน่นด้วยความแค้นใจ

ภายในร้านกาแฟ
รวิปรียายังคงมีอารมณ์คุกรุ่นต่อเนื่องมา เธอนั่งกุมถ้วยกาแฟแน่นอย่างโกรธๆ
แจนแซวๆ แต่น้ำเสียงแสดงความเป็นห่วง
“นี่ รวิ ถ้วยกาแฟร้านฉันจะแตกอยู่แล้วนะ”
แจนค่อยๆดึงเอาถ้วยกาแฟออกมาจากมือของรวิปรียา เห็นใจเพื่อน แต่ก็ไม่เศร้าให้ความรู้สึกเพื่อนแย่ไปกันใหญ่
“เขาจะแต่งงานกันเมื่อไหร่”
“อีกสองอาทิตย์”
“สองอาทิตย์! แหม รีบซะยังกับว่ากลัวจะไม่ได้แต่ง แล้วนี่แม่เธอว่ายังไงบ้าง”
“ฉันยังไม่กล้าบอกแม่เลย กลัวแม่เครียดแล้วไม่สบายอีก”
“อือ ฉันเข้าใจ งั้นก็อย่าเพิ่งบอกเลย แต่คิดๆดูแล้วนะ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา มันก็ดีสำหรับเธอเหมือนกัน”
“ดียังไง”
“เพราะเราก็จะได้รู้เช่นเห็นชาติผู้ชายอย่างคุณนิมมานไง ว่าเขาไม่ใช่คนดีแบบที่พวกเราเห็น”
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะแจน นิมมานเขาถูกหลอก”
“เขาถูกหลอก หรือเต็มใจให้หลอก ผู้ชายน่ะนะ เวลาทำเรื่องเลวๆก็มักจะอ้างว่าเป็นธรรมชาติของผู้ชาย โทษโน่นโทษนี่สารพัดยกเว้นโทษตัวเอง ผู้ชายดีๆที่ซื่อสัตย์ เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอก เธอเลิกปกป้องผู้ชายเห็นแก่ตัวแบบนั้นได้แล้ว”
“เธอก็พูดถูก” รวิปรียาถอนใจ “ตอนนี้ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าใครเลย ทั้งนิมมาน ทั้งเพชรพริ้ง”
“ฉันว่าเธอน่าจะหลบไปเที่ยวพักผ่อนสักระยะนะรวิ จะได้ไม่ต้องอยู่บ้านทนเห็นหน้าสองแม่ลูกนั่น” แจนหยิบนามบัตรส่งให้ “อ้ะ ไปที่นี่ก็ได้ ที่นี่ดีมาก ฉันเคยไปมาแล้ว คอนเฟิร์มว่าสะดวกปลอดภัย เป็นของญาติฉันเอง”
รวิปรียาหยิบนามบัตรขึ้นมาดู
“ก็ดีเหมือนกันนะ งั้นฉันคงไปพักสักสองสามวันอย่าที่เธอแนะนำ ขอบใจมากนะแจน”

ต่อมา ... แจนกำลังทวนคำของเทวา
“จะพาตะวันไปเที่ยวทะเล!”
เทวารับกล่องขนมเค้กที่เพิ่งซื้อมาจากแจน
“ครับ สัญญากับแกไว้ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนแล้ว ถ้าไม่พาไปนี่มีงอนแน่ๆ”
“คุณพ่อคนนี้นี่น่ารักจริงๆเลย แล้วนี่จะไปแถวไหนกันคะ คิดไว้หรือยัง”
“ยังครับ”
“งั้นลองไปที่นี่สิคะ” แจนส่งนามบัตรให้ “เป็นของญาติแจนเอง อยู่บนหาดส่วนตัว สะดวก ปลอดภัย ไร้กังวล”
เทวารับนามบัตรมาดู
“เมื่อกี้รวิก็เพิ่งมา เขาก็กำลังจะไปพักที่นี่เหมือนกัน”
ประกายตาของเทวาวาบขึ้นอย่างตื่นเต้น แต่รักษาอาการ
เทวาแกล้งถาม “เขาไปกับคู่หมั้นหรือเปล่าครับ”
แจนพลั้งปาก “โอย คู่หมั้นที่ไหนล่ะคะ ตอนนี้ยัยรวิเขาโสดแล้ว”
เทวางง “โสด?”
แจนรีบกลบเกลื่อนเพราะเป็นเรื่องของเพื่อน เห็นว่าไม่ควรเมาท์ “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะแจนหมายถึงว่ารวิเขาจะไปเที่ยวพักผ่อนคนเดียวน่ะค่ะ”
เทวาสงสัยในคำพูดของแจน ขณะเดียวกันก็ลิงโลดใจ มีความหวังว่าจะได้เจอรวิปรียา

วันใหม่ รวิปรียาเดินอยู่ตามลำพังที่ชายหาดแห่งหนึ่ง เศร้าๆ สักพักมีเสียงโทรศัพท์เข้า
พอเธอหยิบขึ้นมาดูเห็นเป็นชื่อนิมมานโทร.มา รวิปรียาไม่รับสาย

ทางด้านเทวาและจ๊ะเอ๋กำลังช่วยกันขนกระเป๋าและสัมภาระอื่นเข้ามาในบ้านพัก โดยมีตะวันกระโดดโลดเต้นดีใจที่ได้มาทะเล
“เย้ๆๆ ถึงทะเลแล้ว”
“ตอนอยู่ในรถยังบ่นว่าง่วงอยู่เลยนะเรา พอเห็นทะเลล่ะก็หายง่วงเป็นปลิดทิ้งเชียว”
“คุณพ่อขาๆ เราไปเล่นที่หาดทรายกันตอนนี้เลยมั้ยคะ”
“พ่อต้องขนของให้เสร็จก่อน ของตั้งเยอะแยะนะลูก นี่รู้ไหม แค่ชุดว่ายน้ำของลูกคนเดียวก็หนึ่งกระเป๋าเต็มๆแล้วนะ”
“ชุดว่ายน้ำใหม่ คุณดารินซื้อมาให้น่ะค่ะ”
เทวาส่ายหน้าระอา “พอกันทั้งอาทั้งหลาน”
“งั้นตะวันไปเล่นกับพี่จ๊ะเอ๋ก่อนนะคะ”
“อ้าว แล้วพ่อล่ะ”
“ก็คุณพ่อต้องขนกระเป๋าให้เสร็จก่อนนี่คะ”
“โอเค” เทวาก้มลงไปหอมแก้มตะวัน “จ๊ะเอ๋ไปกับตะวันเถอะ ของพวกนี้ฉันจัดการเอง”
“ค่ะ” จ๊ะเอ๋หันไปจูงมือตะวัน “ไปค่ะคุณตะวัน”
จ๊ะเอ๋พาตะวันออกจากบ้านไป เทวาตะโกนไล่หลัง

“แล้วอย่าไปไกลจากบ้านนักล่ะ”

รวิปรียาเดินมาตามชายหาด
 
เห็นตะวันเล่นอยู่ที่ชายหาด ก็ตรงเข้าไปหา
“สวัสดีค่ะ หนูตะวันหรือเปล่าเนี่ย”
ตะวันเงยหน้าขึ้นมาเห็นรวิปรียาก็ยิ้มออกมาอย่างคุ้นเคย
“คุณน้า”
“เรียกน้ารวิก็ได้จ้ะ แล้วนี่มากับใครคะ”
“มากับพี่จ๊ะเอ๋ แล้วก็คุณพ่อค่ะ”
จ๊ะเอ๋ยกมือไหว้ทักทายรวิปรียา รวิปรียาลงมานั่งร่วมวง

นิมมานพยายามโทร.หารวิปรียา แต่มีเพียงเสียงสัญญาณรวิไม่รับสาย นิมมานกลุ้มใจแล้วพยายามโทรต่อไป มิตรเข้ามาคุยด้วย
“นิมมาน แกต้องแต่งงานอาทิตย์หน้านี้แล้วนะ”
“ผมรู้แล้วครับพ่อ”
“รู้แล้วทำไมยังมาร่ำไรอยู่อีก คุณพัชเขาโทร.มาหาพ่อ บอกว่าวันนี้ให้แกพาหนูพริ้งไปเลือกชุดเจ้าสาว”
นิมมานถอนใจไม่อยากไป
“รีบพาว่าที่เจ้าสาวแกไปจัดการเรื่องงานแต่งให้เรียบร้อยอย่าให้เราต้องมีปัญหากับบ้านนั้น”
“ครับ” นิมมานรับคำอย่างเสียไม่ได้

ตะวันกำลังเดินเก็บเปลือกหอยตามหาดทราย รวิปรียาเดินอยู่ข้างๆ จ๊ะเอ๋อยู่ห่างออกไปช่วยเก็บอยู่ด้วย
ตะวันเก็บเปลือกหอยมาหย่อนใส่ถัง…
“ตะวันจะเอาเปลือกหอยพวกนี้ไปไหนคะ”
“เอากลับบ้านค่ะ”
“เอากลับบ้านไปทำอะไรคะ”
“ไปวางไว้ดูเล่นค่ะ มันสวยดี”
“ตะวันรู้ไหมคะว่า เปลือกหอยพวกนี้เป็นที่อยู่ของปูตัวเล็กๆที่เรียกว่าปูเสฉวน”
ตะวันส่ายหน้าไม่รู้จัก
“ปูเสฉวนเนี่ยเขาอาศัยอยู่ตามใต้ใบไม้แถวชายหาดแบบนี้ล่ะค่ะ เป็นปูที่อ่อนแอมากๆ เขาก็เลยต้องหาบ้านอยู่ โดยมาอาศัยตามเปลือกหอยพวกนี้”
“เปลือกหอยก็ต้องให้หอยอยู่ซิคะ ทำไมปูต้องมาอยู่ในเปลือกหอยด้วยล่ะคะ”
“เพราะเขาต้องหาเกราะกำบังตัวเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากศัตรูและอันตรายต่างๆไงล่ะคะ แต่ถ้าเราเอาเปลือกหอยไปจากทะเล ปูเสฉวนก็จะไม่มีบ้านอยู่”
“เหรอคะ แต่พี่จ๊ะเอ๋เป็นคนบอกว่าให้เอาเปลือกหอยกลับไปเป็นที่ระลึก”
จ๊ะเอ๋สะดุ้ง เปลือกหอยอันหนึ่งในมือถึงกับร่วงตกพื้น รู้ว่างานจะเข้า
“เอ่อ..เดี๋ยวจ๊ะเอ๋ต้องไปช่วยคุณเทวาขนของแล้วล่ะค่ะ โอ๊ะ.แล้วก็ต้องไปจัดการเรื่องอาหารเย็นอีก ฝากคุณรวิช่วยดูคุณตะวันไว้ก่อนสักแป๊บนะคะ เดี๋ยวจ๊ะเอ๋มาค่ะ”
“เดี๋ยวฉันไปส่งตะวันที่บ้านเองจ้ะ” รวิปรียายิ้มๆ
“ขอบคุณมากค่ะ”
จ๊ะเอ๋รีบวิ่งแจ้นออกไป รวิปรียาหันกลับมาคุยกับตะวันต่อ
“ตะวันรักบ้านของตะวันไหมคะ”
“รักค่ะ”
“พวกปูเสฉวนก็รักบ้านของมันเหมือนกัน”
ตะวันคิดสักพัก
“งั้นตะวันจะเอาเปลือกหอยกลับไปคืนที่เดิม”
“ดีค่ะ งั้นน้ารวิช่วยนะ”
ตะวันพยักหน้ายิ้ม

เทวากำลังจะออกจากบ้านไปดูตะวันที่ชายหาด เป็นเวลาเดียวกับที่จ๊ะเอ๋วิ่งปร๊าดกลับมาถึง
เทวาตกใจในตอนแรกที่เห็นจ๊ะเอ๋กลับมาคนเดียว
“จ๊ะเอ๋ แล้วตะวันไปไหน”
“อยู่ที่ชายหาดค่ะ”
“เฮ้ย ทิ้งตะวันไว้คนเดียวได้ยังไง” เทวาจะรีบออกไปดู “เธอนี่จริงๆเลย”
“ไม่ได้อยู่คนเดียวค่า พอดีพวกเราเจอคุณน้าคนสวย ที่ชื่อคุณรวิน่ะค่ะ”
“รวิ…”
“ค่ะ จ๊ะเอ๋เลยฝากให้คุณตะวันอยู่กับคุณรวิ แล้วจะได้กลับมาช่วยคุณเทวาจัดของ”
เทวาแอบลิงโลดใจ จ๊ะเอ๋จะเลี่ยงเข้าบ้าน แต่เทวารั้งไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน จ๊ะเอ๋”
จ๊ะเอ๋ชะงัก “ขา”
เทวาจับเสื้อที่ใส่อยู่ บิดตัวไปมาให้จ๊ะเอ๋ดู
“เสื้อตัวนี้โอเครึเปล่า สีเป็นไง จืดไปไหม”
จ๊ะเอ๋งง
“ก็..ก็โอเคนะคะ คุณเทวาใส่อะไรก็ดูดีอยู่แล้วล่ะค่ะ”
“โอเค จะทำอะไรก็ไปทำไป”
เทวาค่อยรู้สึกมั่นใจ รีบออกจากบ้านไปที่ชายหาด จ๊เอ๋มองตามเกาหัวอย่างงง

“อะไรของเค้า”

เทวารีบเดินมาถึงชายหาด
 
แต่พอถึงจุดที่ตะวันเคยเล่นอยู่กลับไม่เห็นใคร เห็นเพียงของเล่นของตะวันถูกวางทิ้งอยู่
เทวามองหา แต่แล้วตะวันก็มาสะกิดมือจากด้านหลัง
“คุณพ่อมองหาใครคะ”
เทวาหันมาตามเสียง เห็นตะวันยืนมองเขาตาแป๋ว แล้วตอนนั้นเองที่เขาเห็นรวิปรียายืนอยู่กับตะวัน เทวายิ้มออกมาอย่างดีใจ
“ก็มองหาลูกไงล่ะ สวัสดีครับคุณรวิ ขอบคุณที่ช่วยดูตะวันให้นะครับ”
“สวัสดีค่ะ”
“บังเอิญจังที่มาเจอคุณรวิที่นี่” เทวามีกระแอมกับตัวเองเล็กน้อย เพราะรู้ว่าจริงๆไม่ได้บังเอิญ “ตะวันดีใจไหมลูก”
“ดีใจค่ะแล้วคุณพ่อดีใจมั๊ยค่ะ”
เทวาชะงัก แล้วรีบปรับท่าทีให้ดูปกติ
“เอ่อ ดีใจซิลูก ตะวันจะได้มีเพื่อนเดินเล่นไงล่ะ แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่”
“กำลังจะเอาเปลือกหอยไปวางที่ชายหาดค่ะ เพราะว่าเดี๋ยวปูจะไม่มีบ้านอยู่ คุณพ่อมาช่วยกันสิคะ”
“ได้เลย”
ปากตอบลูก แต่สายตามองรวิปรียาที่กำลังเดินไปกับตะวัน

ต่อมา เทวาวางเปลือกหอยลงบนทราย เทวามองไปยังรวิปรียากับตะวัน
รวิปรียากับตะวันช่วยกันหาที่เหมาะๆ แล้ววางเปลือกหอยลงบนชายหาด
“เปลือกหอยพวกนี้ ถ้าเราเอาไปวางไว้ดูเล่นที่บ้านมันก็ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าเอามาวางไว้ตรงนี้ พวกปูก็ได้ใช้ประโยชน์ด้วย เห็นไหมคะ”
ตะวันพยักหน้ารับ ยิ้มแย้มพอใจ
เทวาช่วยไปก็ลอบมองรวิปรียาไป ประทับใจ มีความสุข

ผ่านเวลาไปสักพัก รวิปรียายืนอยู่บนชายหาด กำลังจะร่ำลาเทวาและตะวัน
“นี่ก็บ่ายมากแล้ว ฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ”
“คุณรวิพักอยู่ที่ไหนครับ”
“บ้านพักของฉันก็อยู่ถัดไปจากบ้านคุณไม่กี่หลังนี่เองค่ะ”
“ผมไปส่งไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันว่าจะไปเดินเล่นต่ออีกสักพัก”
รวิปรียานั่งลงตรงหน้าตะวัน “น้าไปก่อนนะคะตะวันเดี๋ยวพรุ่งนี้เรามาเล่นด้วยกันใหม่”
“ค่ะ”
รวิปรียาเอามือจับแก้มตะวันเบาๆอย่างเอ็นดู เทวาสังเกตว่าที่นิ้วมือของรวิปรียาไม่มีแหวนหมั้นอยู่แล้ว ได้แต่เก็บความสงสัยไว้
“ไปก่อนนะคะ”
“ครับ”
ท่าทีเทวาเหมือนไม่ค่อยอยากจะจากลา แต่ก็ไม่มีข้ออ้างให้รวิปรียาต้องอยู่
รวิปรียาเดินจากไป สีหน้าเหงาๆ เศร้าๆ เทวาจับตามองไปตลอด จนลูกสาวกระตุกมือให้กลับเข้าบ้าน

เทวาจูงมือตะวันกลับมาที่บ้านพัก ยังคงครุ่นคิดเรื่องของรวิปรียา ระหว่างนั้นเขานึกถึงคำพูดของแจนขึ้นมา
เทวาแกล้งถาม “เขาไปกับคู่หมั้นหรือเปล่าครับ”
แจนพลั้งปาก “โอย คู่หมั้นที่ไหนล่ะคะ ตอนนี้ยัยรวิเขาโสดแล้ว”
เทวางง “โสด”
แจนรีบกลบเกลื่อนเพราะเป็นเรื่องของเพื่อน เห็นว่าไม่ควรเมาท์ “อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แจนหมายถึงว่ารวิเขาจะไปเที่ยวพักผ่อนคนเดียวน่ะค่ะ”
เทวานึกทบทวนได้ว่าตอนจากกันรวิปรียาดูเศร้าๆ

รวิปรียาเดินจากไป สีหน้าเหงาๆ เศร้าๆ เทวาจับตามองไปตลอด จนลูกสาวกระตุกมือให้กลับเข้าบ้าน

เทวาเริ่มเป็นห่วงความรู้สึกของรวิปรียา เมื่อถึงประตูบ้านพักพอดีเขาก็เรียกจ๊ะเอ๋
“จ๊ะเอ๋”
จ๊ะเอ๋วิ่งออกมาจากบ้าน
“ขา”
“พาตะวันเข้าบ้านไปอาบน้ำก่อนนะ ฉันจะไปธุระแป๊บนึง”
“ค่ะ”
เทวาส่งมือตะวันให้จ๊ะเอ๋ แล้วรีบเดินออกไป

ทางด้านกรุงเทพฯ แจนกำลังเก็บแก้วกาแฟเปล่าที่โต๊ะหนึ่งซึ่งไม่มีลูกค้าแล้ว นิมมานยืนตื๊ออยู่ข้างๆ
“แจน”
แจนมึนตึง ไม่สนใจ เก็บโต๊ะเสร็จแล้วก็เข้าไปหลังเคาน์เตอร์ นิมมานยังคงตามไป
“แจน ผมขอร้อง บอกผมเถอะ”
แจนวางถ้วยลงไปในที่ล้างจาน แล้วหันมาตอบนิมมานอย่างรำคาญ
“ฉันไม่ว่างคุย กำลังยุ่งอยู่”
“ยุ่งอะไรกัน ในร้านไม่มีลูกค้าสักคน”
“ถึงว่าง ฉันก็ไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับคุณ”
“รวิอยู่ที่ไหน ผมโทร.หาเขาเป็นร้อยรอบแล้ว แต่เขาไม่รับสายเลย”
“ก็สมควรแล้วนี่ คุณทำอะไรไว้ล่ะ”
“ผมรู้ว่าผมผิด ผมถึงจะมาขอเคลียร์กับเขาไง”
“เคลียร์? ยังมีอะไรจะต้องเคลียร์อีก ทุกอย่างมันชัดเจนแจ่มแจ้งซะขนาดนี้แล้วว่าคุณนอกใจรวิ”
“นี่เป็นเรื่องที่ผมต้องไปอธิบายกับรวิเอง แค่บอกมาว่ารวิอยู่ที่ไหนก็พอแล้ว คุณเป็นเพื่อนสนิทเขา ไม่มีทางที่คุณจะไม่รู้”
“ถึงรู้ก็ไม่บอก”
“แจน !”
“นี่! คุณนิมมาน คุณเองก็กำลังจะแต่งงาน คุณยังจะมาตามตื๊อรวิเขาเพื่ออะไร คุณอยากให้รวิเขาต้องเจ็บปวดเพราะคุณอีกเหรอ ฉันจะบอกให้นะ ผู้ชายมักง่ายเห็นแก่ตัวอย่างคุณน่ะ ไม่คู่ควรกับเพื่อนฉันหรอก ปล่อยให้รวิเขาไปมีชีวิตที่ดีเถอะ”
นิมมานอึ้ง ลูกค้าคู่หนึ่งเพิ่งเข้ามาในร้าน
“ลูกค้าฉันมาแล้ว เชิญคุณกลับไปได้ ร้านนี้ไม่ต้อนรับคุณ”
แจนเดินเลี่ยงไปทำงานต่อ ปล่อยนิมมานยืนอึ้งๆ เศร้าๆ

เทวาเดินตามหารวิปรียาบนชายหาด มองซ้ายมองขวาไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็น

รวิปรียานั่งอยู่ตามลำพังบนสะพานไม้ที่ยื่นออกไปในทะเล เหม่อมองไปข้างหน้าซึมเศร้า เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู
นิมมานส่งข้อความมาว่า "ผมยังรักคุณนะรวิ" "คุณอยู่ที่ไหน" ผมอยากเจอคุณ ขอโอกาสผมได้อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นนะครับ"

รวิปรียายิ่งเศร้าเมื่อนึกถึงเรื่องของเธอและนิมมานที่มีความสุขตามประสาคนรักร่วมกันมา

ภาพของวิษณุและพัดชาแล่นเข้ามาในสมอง

“เมื่อคืน..นิมมานเขามาที่นี่ตอนที่บ้านเราไม่มีคนอยู่ อาพัชขอให้เขามาช่วยดูพริ้งที่กำลังไม่สบาย พอพ่อกับอาพัชกลับมาจากข้างนอกก็พบว่า...”
พัชชาโพล่งขึ้น
“นิมมานกับยัยพริ้ง นอนอยู่ด้วยกันในห้อง” พัชชาร้องไห้โฮออกมาอีก
รวิปรียาช็อกสักพัก “ต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ๆ ไม่มีทาง รวิไม่เชื่อ”
“แต่พ่อเห็นกับตาตัวเอง”
รวิปรียา น้ำตาไหลออกมาก่อน
เทวาตามมาถึงบริเวณนั้นแล้วเห็นรวิปรียาพอดี ตอนแรกเขาตั้งใจจะเข้าไปหา แต่กลับได้เห็นน้ำตาของรวิปรียาไหลออกมา เขาจึงหยุดอยู่ห่างๆ
เธอค่อยๆสะอึกสะอื้น ปล่อยให้ตัวเองให้ร้องไห้ออกมา เหมือนกำแพงแห่งความเข้มแข็งถูกทลาย
เทวายืนมองรวิปรียาอยู่อย่างนั้น รอเวลาปล่อยให้รวิปรียาได้ร้องไห้ของเธอไป

ผ่านเวลาไปสักพัก ในบรรยากาศท้องทะเลสวยงาม
รวิปรียาหยุดร้องไห้ อารมณ์สงบและทำใจได้แล้ว เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความ "ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ลาก่อนค่ะ นิมมาน" แล้วส่งออกไป
รวิปรียาลุกขึ้นเตรียมจะกลับบ้านพัก แต่จังหวะที่ลุกขึ้นก็เสียหลักทำให้โทรศัพท์หลุดจากมือพลัดตกทะเล
“แย่แล้ว โทรศัพท์”
รวิปรียาคิดอย่างรวดเร็วว่าจะเอายังไง
“เบอร์โทร งาน รูปภาพ”
โทรศัพท์รวิปรียา ค่อยๆจมลงในน้ำ
เธอตัดสินใจกระโดดลงทะเลตามโทรศัพท์ไปทันที
มุมของเทวา ดูเหมือนว่ารวิปรียากระโดดลงน้ำด้วยความเสียใจ
“คุณรวิ!”
เทวารีบวิ่งมาที่สะพาน ดึงข้าวของออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วกระโดดตามลงไปช่วยทันที
ในน้ำ รวิปรียากำลังจะดำลงตามโทรศัพท์ เทวากระโดดลงมาแล้วรีบคว้าตัวรวิปรียาไว้แต่รวิปรียาดิ้นไปมาขัดขืน เทวายิ่งรัดแน่นขึ้น ร่างของรวิปรียาดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของเทวา

เทวากับรวิปรียากลับขึ้นมาบนชายหาดเนื้อตัวเปียกโชก รวิปรียาหันหน้ามาโวยใส่เทวา
“นี่คุณจะทำอะไของคุณเนี่ย”
“คุณนั่นแหละคิดจะทำอะไร เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องฆ่าตัวตายเลยรึไง”
“ฆ่าตัวตาย?”
“ทำไมไม่นึกถึงคนที่เขารักคุณ เป็นห่วงคุณบ้าง ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาเขาจะเสียใจกันขนาดไหน ถึงจะอกหักแต่คุณก็ยังมีคนที่รัก มีครอบครัว มีหน้าที่การงานที่ดี มีบริษัทที่ต้องรับผิดชอบ คุณก็โตแล้วนะแต่ทำไมถึงคิดอะไรตื้นๆแบบนี้”
“โอยจะบ้าหรือคุณ ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตาย โทรศัพท์ฉันตกไปในทะเลฉันก็เลยจะลงไปเก็บ”
เทวารู้สึกหน้าแตกดังเพล้ง!
“ไม่ได้ฆ่าตัวตาย? ไปเก็บโทรศัพท์”
“ก็ใช่น่ะสิ”
เทวาแกเก้อด้วยการทำเป็นดุต่อ เสียงเข้ม
“แต่มันก็อันตรายอยู่ดี จู่ๆกระโดดลงไปแบบนั้นได้ยังไง ผมก็ตกใจน่ะสิ”
“นี่คุณ.. น้ำตรงนั้นมันไม่ได้ลึกมาก ฉันเองก็เคยเป็นนักว่ายน้ำของโรงเรียนตอนเด็กๆ แค่นั้นมันไม่อันตรายหรอก ฉันเคยกระโดดสปริงบอร์ดสูงกว่านั้นมาแล้วด้วยซ้ำ”
“ก็..ก็ผมเห็นว่าคุณอกหักอยู่ ก็เลยนึกว่า...”
“แค่อกหักไม่ทำให้คนอย่างฉันต้องฆ่าตัวตายหรอก”
เทวาเก้อๆ เกาหัวตัวเอง
รวิปรียาหันขวับมา “เดี๋ยว แล้วคุณรู้ได้ไงว่าฉันอกหัก”
เทวาชะงัก ยิ้มเจื่อนๆ

นิมมานกำลังนั่งอ่านข้อความที่รวิปรียาส่งมา “ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ลาก่อนค่ะ นิมมาน”
เขากดโทรศัพท์หารวิปรียา สัญญาณเป็นปิดเครื่อง นิมมานโทรแล้วโทร.อีก ก่อนจะค่อยๆลดโทรศัพท์ลงมา สายตาแน่วแน่มั่นคง

“รวิ ผมไม่เคยรักใครนอกจากคุณ ผมจะทำทุกทางให้เราได้กลับมารักกันอีกครั้ง”

เทวาเดินตามมาส่งรวิปรียาถึงหน้าบ้านพัก

รวิปรียาบ่น “นี่คุณจะตามฉันมาทำไมไม่ทราบ”
เทวาหาข้ออ้าง “ผมไม่ไว้ใจ กลัวว่าคุณจะทำอะไรโง่ๆอีกหรือเปล่า”
“เรื่องที่โง่ที่สุดที่ฉันเคยทำ ก็คือมาเลือกที่พักอยู่ใกล้ๆกับคุณนี่แหละ”
เทวาโดนแขวะ แต่กลับชอบใจ
“เพราะคุณคนเดียวที่ทำให้ฉันต้องเสียโทรศัพท์ไป”
“อ้าว โทษกันซะงั้น ผมว่าโทรศัพท์คุณน่ะ ตกน้ำมันก็พังแล้ว ลงไปเอาก็ไม่มีประโยชน์”
“ใครบอกคุณล่ะ ของฉันน่ะรุ่นกันน้ำได้ ถ้าคุณไม่กระโดดลงไปจับตัวฉันไว้ ฉันก็งมลงไปเจอแล้ว”
“โอเค ผมผิดเองก็ได้”
รวิปรียาไขกุญแจประตูบ้าน เทวาเตรียมใจว่าจะต้องแยกกันแล้ว รวิปรียาเปิดประตูบ้านออกแล้วจู่ๆก็หันมาเรียก
“เข้าบ้านสิคะ”
“หือ อะ..อะไรนะครับ”
“ฉันเชิญคุณเข้าบ้าน เพราะฉันจะต้องยืมโทรศัพท์คุณโทรไปหาเลขา ส่วนคุณก็จะได้เช็ดตัวให้แห้งซะด้วย”

ต่อมา รวิปรียาเปลี่ยนชุดแล้วหัวยังคงเปียกโทร.คุยกับเลขาของเธอด้วยเครื่องของเทวา ขณะเดียวกันก็เอาผ้าขนหนูเช็ดหัวไปด้วย
เทวาใช้ผ้าขนหนูเช็ดหัวอยู่เช่นกัน กำลังนั่งมองรวิปรียายิ้มๆ รู้สึกลุคนี้ของเธอก็น่ารักไปอีกแบบ
“โทรศัพท์ฉันหายน่ะ ช่วงสองวันนี้อาจจะติดต่อไม่ได้ ถ้ามีเรื่องงานโทร.เข้ามาหาฉันไม่ติดเขาอาจจะโทร.หาคุณดาวแทน ยังไงคุณก็จัดการแทนไปก่อนนะ …... โอเคจ้ะ ขอบใจมาก”
รวิปรียากดวางสาย แล้วส่งโทรศัพท์คืนเทวา
“ขอบคุณค่ะ”
เทวาแซว
“อย่างน้อยคุณก็ยังจำเบอร์เลขาได้ ไม่น่าต้องลงทุนกระโดดลงไปตามหาโทรศัพท์เลย”
“แต่ในโทรศัพท์มันไม่ได้มีแค่เบอร์โทรนี่คุณ มันมีทั้งโน้ตเรื่องงาน ตารางนัด ภาพถ่าย แล้วก็..ความทรงจำทั้งหมด”
“รวมทั้งรูปถ่ายคุณกับแฟนด้วยใช่ไหม”
รวิปรียาอึ้งไป
เทวาน้ำเสียงจริงจัง
“ผมรู้เรื่องจากคุณแจนแล้ว เสียใจด้วยนะครับ”
รวิปรียาไม่ตอบอะไร แต่ดวงตาเศร้า
“ความทรงจำบางอย่างที่ไม่น่าจดจำก็ทิ้งมันไปเถอะครับ การที่โทรศัพท์ของคุณตกลงไปในน้ำ อาจเป็นเพราะเบื้องบนเขาต้องการช่วยให้คุณลบความทรงจำส่วนนี้ทิ้งไปก็ได้”
รวิปรียาไม่ตอบอะไร เทวามองจริงจัง ทั้งคู่สบตากันนิ่ง ซึ้งๆ แล้วเทวาก็ลุกขึ้น
“ผมคงต้องกลับแล้ว ป่านนี้ตะวันคงบ่นแย่ว่าผมหายไปนาน”
เทวาเดินไปที่ประตูบ้านพัก รวิปรียาเดินตามไปส่ง จู่ๆเทวาก็นึกบางอย่างขึ้นได้
“ว่าแต่..เย็นนี้คุณรวิมีแผนจะไปที่ไหนหรือยัง”
“ไม่มีค่ะ”
“งั้นคุณจะว่าไง ถ้าผมจะขอเชิญคุณไปกินข้าวเย็นที่บ้านพักผม”
“ทำไมคะ มีอะไรพิเศษเหรอ”
เทวาหาข้ออ้างอย่างเร็ว “ก็พิเศษตรงที่ผมจะเข้าครัวทำอาหารเอง”
“คุณเนี่ยนะทำอาหารเป็น”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เทวาพยักหน้าให้ความมั่นใจ รวิปรียาทำหน้าเหมือนกับว่า จะดีเหรอ !?
“ถ้าคุณไป ตะวันคงจะดีใจมาก”
“งั้นก็..โอเคค่ะ”
เทวาออกจากบ้านมา พอประตูปิดตามหลัง เทวาก็หยุดดีใจ
เทวากำมือสองข้างเหมือนกำชัยชนะ
“yes yes yes!“ แล้วเทวาก็หยุดดึงบ่าเสื้อเก็กหล่อ
เทวาเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างอารมณ์ดี

ทางด้านเพชรพริ้งมาลองสวมชุดแต่งงาน ยืนหมุนไปหมุนมาอยู่หน้ากระจกของร้าน เธอดูตื่นเต้นมีความสุข พนักงานเข้ามาช่วยดู
“คุณพริ้งใส่แล้วสวยจังเลยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
นิมมานนั่งรออยู่ที่โซฟารับแขกในร้าน เขาโทรศัพท์หาใครบางคนแล้วกดวางสายอย่างหงุดหงิดเมื่อไม่มีการตอบรับ
เพชรพริ้งเดินมาหานิมมาน
“นิมมานคะ คุณว่าชุดนี้พริ้งใส่แล้วเป็นไงบ้าง”
นิมมานมองแค่หางตาแล้วตอบส่งเดชไป “ก็ดี”
เพชรพริ้งหน้างอแต่ยังรักษาอาการ
“คุณเองก็ต้องเลือกชุดด้วยเหมือนกันนะคะ”
“ไม่จำเป็น ชุดไหนผมก็ใส่ได้ทั้งนั้น”
“ไม่ได้ค่ะ พ่อคุณสั่งให้คุณออกมาเลือกชุดแต่งงานกับพริ้งนะคะ ถ้าคุณมาแล้วทำเหมือนขอไปทีแบบนี้ พริ้งจะกลับไปบอกคุณพ่อ”
เขาโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ยิ่งหงุดหงิดแต่ก็ขัดไม่ได้
“ยุ่งยากจริงๆเลย”
“แค่เลือกชุดมันจะไปยุ่งยากอะไรนักหนาคะ” เพชรพริ้งหันไปบอกพนักงาน “เดี๋ยวขอดูชุดเจ้าบ่าวด้วยนะคะ”
“ชุดเจ้าบ่าวของร้านเราก็มีหลายแบบนะคะ ไม่ทราบว่าคุณนิมมานชอบสีไหน แบบไหนเป็นพิเศษรึเปล่า” พนักงานบอก
“แบบไหนก็ได้ คุณเลือกมาแล้วกัน”
“งั้นเชิญคุณนิมมานมาดูทางนี้เลยนะคะ”
นิมมานลุกตามพนักงานไปอย่างเสียไม่ได้ โดยไม่ได้หยิบโทรศัพม์มือถือไปด้วย
เพชรพริ้งมองที่โทรศัพท์ของนิมมาน อาศัยตอนที่นิมมานกับพักงานคุยกันอยู่มุมหนึ่ง เธอสไลด์หน้าจอดู
หน้าจอโทรศัพท์มีการโทรหารวิปรียาประมาณ50กว่าครั้ง
“โทรหาแต่นังรวิ”
เพชรพริ้งเหล่มองไปทางนิมมานอย่างหงุดหงิด ไม่พอใจ

พอเทวาเดินไปแล้ว รวิปรียาก็นั่งเศร้าอยู่ในบ้าน แล้วนึกถึงคำพูดของเทวา
“ความทรงจำบางอย่างที่ไม่น่าจดจำก็ทิ้งมันไปเถอะครับ การที่โทรศัพท์ของคุณตกลงไปในน้ำ อาจเป็นเพราะเบื้องบนเขาต้องการช่วยให้คุณลบความทรงจำส่วนนี้ทิ้งไป”

รวิปรียาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากบ้านไปตามนัดหมาย

อ่านต่อตอนที่ 5

#ใจลวง #thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น