xs
xsm
sm
md
lg

ใจลวง ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ใจลวง ตอนที่ 2

ยามดึก คืนเดียวกัน
 
ตะวันอยู่ในชุดนอนแล้ว นอนอยู่บนเตียงของตัวเอง เทวาส่งลูกเข้านอน เอาตุ๊กตาหมาโกโก้ส่งให้ตะวันกอด
“เหนื่อยมาทั้งวันล่ะสิเรา นอนซะนะ” เทวากำลังจะห่มผ้าให้ลูกสาว
“คุณพ่อคะ”
เทวาชะงักเมื่อตะวันเรียก “ว่าไงลูก”
“คุณแม่อยู่ที่ไหนคะ”
เทวาชะงัก เพราะไม่บ่อยนักที่ตะวันจะถามเรื่องแม่
“ทำไมจู่ๆก็ถามพ่อแบบนี้ล่ะตะวัน มีอะไรหรือเปล่า”
“คุณแม่เป็นคนไม่ดีหรือเปล่าคะ”
เทวาคิดหาคำตอบที่ดีที่สุด แล้วลูบหัวตะวันเบาๆด้วยความรัก
“นี่ตะวัน.. ฟังพ่อนะ แม่ของตะวันเป็นคนที่ดีมาก แล้วคุณแม่ก็รักตะวันมากด้วย”
“แล้วทำไมคุณแม่ไม่มาอยู่กับเราล่ะคะ”
“เพราะตอนนี้คุณแม่อยู่ไกลจากที่นี่มาก เอาไว้พอตะวันโตกว่านี้ พ่อจะพาตะวันไปหาแม่นะ”
เทวาห่มผ้าให้ตะวัน แต่ความสงสัยของตะวันยังไม่จบ...
“คุณพ่อคะ "ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้" แปลว่าอะไร”
“ไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหน นี่ลูกไปได้ยินใครพูด” เขาพอจะนึกออกรางๆ“ตอนไปห้องน้ำใช่ไหม”
ตะวันพยักหน้าหงึกๆ “ไหนลองเล่าให้พ่อฟังหน่อยสิว่าลูกเจอใครที่ห้องน้ำ”
“ก็เจอน้าผู้หญิงสวยๆ ที่เราเจอที่ร้านดอกไม้น่ะค่ะ คุณน้าคนสวยยังบอกด้วยว่า ถ้ามีใครพูดอะไรไม่ดี ก็ให้ปิดหูไว้แบบนี้” ตะวันเอามือสองข้างปิดหูตัวเอง “จะได้ไม่ต้องได้ยิน”
เทวาตั้งหน้าตั้งตารอฟังเรื่องที่ตะวันกำลังจะเล่า

เทวาปิดประตูห้องนอนของตะวันเมื่อออกมาจากห้อง เขาหยุดอยู่หน้าห้องเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เขานึกถึงตอนที่รวิปรียาต่อว่าเขาในงานเลี้ยงที่โรงแรม

“ใช่! ความรักสนุกเจ้าสำราญของคุณเนี่ย มันอาจจะกลายเป็นปมในใจของเด็กคนนึงไปตลอดชีวิต คุณเคยคิดบ้างหรือเปล่า”
“ไม่เคย”
“นี่คุณ!”
“ก็คุณยิ่งพูดผมก็ยิ่งงง นี่ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณมาโวยวายใส่ผมเรื่องอะไร”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันจะมาอธิบายให้คุณฟังทำไม มันไม่ใช่ธุระของฉันสักหน่อย”

เทวายิ้มอ่อนๆพึมพำชื่อ “รวิปรียา” ประทับใจ

คืนนั้น ในห้องนอน เพชรพริ้งถูกโยนกระเป๋าถือลงบนเตียงอย่างไม่ใยดี แล้วหันมาโวยวายเรื่องนิมมานกับพัชชา ผู้เป็นแม่
“โง่! ซื่อบื้อที่สุด พริ้งยังไม่เคยเจอใครที่ซื่อบื้อเท่านิมมานมาก่อนเลย นี่พริ้งลงทุนทำถึงขนาดนั้นแล้วยังทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย”
“แม่ไม่เชื่อว่าคุณนิมมานเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลย ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย..ก็เหมือนกันหมด”
“แต่เขาเอาแต่เรียกหานังรวิ อะไรๆก็นังรวิ พริ้งเกลียดมัน ทำไมมันต้องได้ทุกอย่างที่พริ้งต้องการด้วย”
“เอาน่าพริ้ง ลูกอดทนอีกนิด แม่จะทำให้พริ้งได้ทุกอย่างที่ควรจะได้ เชื่อฝีมือแม่เถอะ เพราะแม่ก็เคยทำให้อิงอรต้องระเห็จออกจากบ้านนี้มาแล้ว”

พัชชานึกถึงอดีตเมื่อ7ปีก่อน
อิงอรกับรวิปรียาเดินออกมาจากบ้านเตรียมจะไปขึ้นรถ ระหว่างนั้นก็คุยฝากบ้านกับแม่บ้านซึ่งเดินตามมาส่ง
“คุณยายของรวิไม่สบาย ฉันโทรบอกคุณวิษณุเรียบร้อยแล้วว่าฉันกับรวิจะไปเยี่ยมคุณยายที่บ้านสวน”
“ค่ะ”
“คืนนี้ฉันกับรวิคงไม่ได้กลับมาบ้าน ส่วนคุณวิษณุก็พาลูกค้าไปเลี้ยง คืนนี้คงกลับดึกเหมือนกัน ยังไงก็ฝากเกตุดูบ้านให้ด้วยนะ”
“ได้ค่ะ คุณผู้หญิงดูแลคุณยายเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้”
อิงอรกับรวิปรียาเดินไป โดยมีพัชชายืนมองจากในบ้านอยู่ห่างๆ มีแผนการบางอย่างในใจ

คืนนั้น พัชชาแอบเปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของวิษณุและอิงอร
เธอตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เปิดประตูตู้ออก บรรจงเลือกเสื้อผ้าชุดนอนตัวบางของอิงอรออกมามองอย่างมีแผน

พัชชาในชุดนอนของอิงอรนั่งอยู่หน้ากระจก เธอหยิบน้ำหอมของอิงอรขึ้นมาแล้วฉีดพรมลงบนช่วงลำคอและเนินอก พัชชามองกระจกยิ้มกับตัวเองอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปมองรูปคู่วิษณุอิงอร แล้วคว่ำลง

ค่อนดึก ... วิษณุมีท่าทางกึ่มๆหลังกลับมาจากดื่ม เขาเปิดประตูห้องนอนตัวเองเข้าไปข้างใน
ในแสงสลัวราง ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งนอนหันหลังอยู่บนเตียง ในชุดนอนบางเบา หัวไหล่เปลือยเปล่า ชายกระโปรงเปิดขึ้นเผยให้เห็นช่วงขาเหนือหัวเข่า
ภาพนั้นเชิญชวนวิษณุซึ่งกำลังมีสติเลือนรางให้คิดว่านั่นคืออิงอร เขาเข้ามาล้มตัวนอนข้างๆพัชชา เมื่อได้สูดกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จึงโอบกอดพัชชาจากทางด้านหลัง
“อรจ๊ะ วันนี้คุณสวยจัง ตัวคุณก็หอมด้วย”
พัชชาที่นอนหันหลัง ใบหน้ายิ้มมุมปากอย่างเข้าแผน วิษณุเริ่มคลอเคลียเล้าโลมจากทางด้านหลัง พัชชาตอบสนองอย่างพอใจ
 
จากนั้นวิษณุก็พลั้งเผลอมีความสัมพันธ์กับพัชชา

บรรยากาศในห้องนอนสว่างไสวด้วยแสงยามเช้า

วิษณุเพิ่งจะสะลึมสะลือตื่นนอนขึ้นมา เห็นพัชชากำลังนอนหันหลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ โดยไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า อยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
วิษณุตกใจ เด้งตัวลุกขึ้นนั่ง
“พัช! ทำไมพัชมาอยู่ที่นี่”
พัชชาหันหน้ามา
“คุณพี่จำไม่ได้จริงๆหรือคะว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”
วิษณุส่ายหน้า แล้วพยายามรวบรวมสติ
“เมื่อคืนคุณพี่เมามาก พัชก็เลยเข้ามาดูว่าคุณพี่อยากจะดื่มอะไรหรือเปล่า แต่พอคุณพี่เห็นพัช” พัชชาแสร้งเสียงสั่นเครือ บีบน้ำตา “คุณพี่ก็...”
“พี่จำอะไรไม่ได้เลย จำได้แค่ว่าพี่เข้าห้องมาแล้วก็เห็น...”
พัชชารีบสวนขึ้น
“แล้วคุณพี่ก็ลวนลามพัช”
“พี่..กับพัช...?” วิษณุค่อยๆนึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาได้รางๆ
“คุณพี่ทำกับพัชแบบนี้ได้ยังไง พัชเป็นเมียน้องชายคุณพี่นะคะ ตลอดเวลาพัชเคารพคุณพี่เหมือนเป็นพี่ชายคนหนึ่ง ตอนนี้ชีวิตพัชกำลังเคว้งคว้างไม่มีที่ไป แต่คุณพี่กลับยิ่งซ้ำเติมพัชด้วยการฉวยโอกาสจากพัช”
“พี่ไม่ได้คิดแบบนั้นเลย พี่ขอโทษนะพัช เอาเป็นว่าในเมื่อมันเกิดเรื่องไปแล้ว พี่จะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”
“รับผิดชอบยังไงคะ”
“พี่จะดูแลพัชกับลูกๆของพัชให้ดีที่สุด แต่พัชคงเข้าใจว่า พี่ไม่อยู่ในสถานะที่จะเลี้ยงดูพัชอย่างเปิดเผยได้”
“เรื่องนั้นพัชเข้าใจค่ะ ขอแค่คุณพี่ไม่ทอดทิ้งพัช พัชก็ขอบคุณมากแล้ว” พัชชาไหว้ลงที่อกของวิษณุ
วิษณุลำบากใจ ขณะที่พัชชากำลังซ่อนรอยยิ้มไว้อย่างพอใจ

ต่อมา ในวันหนึ่ง วิษณุหน้าเสีย ตกใจ
“นี่หมายความว่าพัช”
พัชชาหลบมุมมาคุยกับวิษณุสองต่อสอง
“ใช่ค่ะ พัชท้อง”
“เป็นไปได้ยังไง แค่ครั้งเดียว ...พัชแน่ใจนะ”
“ถามแบบนี้ คุณพี่คิดว่าพัชโกหกหรือคะ”
“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครกล้าเอามาล้อเล่นหรอกค่ะ พัชเองก็ไม่ได้อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่เมื่อพัชท้องขึ้นมาแล้ว คุณพี่ก็ควรจะรับผิดชอบพัชบ้าง”
“แล้วพัชต้องการให้พี่ทำยังไง”
“พัชต้องการให้ลูกของพัชมีพ่อและได้รับการยอมรับอย่างสมเกียรติในฐานะลูกของวิษณุ สิริคุณานันท์ ส่วนพัชก็ต้องได้รับการยอมรับในฐานะแม่ของลูกคุณพี่ด้วย”
“แต่พี่”
“ถ้าคุณพี่ไม่กล้าบอกคุณอร พัชจะพูดเอง”
พัชชาทำท่าจะเดินออกไปจริงๆ วิษณุต้องรั้งตัวจับแขนพัชชาเอาไว้
“ไม่ได้นะพัช!” วิษณุพยายามเกลี้ยกล่อม “พี่ขอร้องนะ พัชอย่าเพิ่งพูดอะไรทั้งนั้น พี่สัญญาว่าพัชจะได้อยู่ที่บ้านหลังนี้อย่างสมฐานะแม่ของลูกพี่แน่นอน แต่ขอเวลาพี่สักหน่อย พี่จะค่อยๆหาโอกาสที่เหมาะสมอธิบายกับอิงอรเอง แต่พัชต้องรับปากพี่ อย่าบอกเรื่องระหว่างเราให้อิงอรรู้”
“ค่ะ พัชรับปาก”
พัชชารับปากอย่างไม่พอใจนัก ถึงจะรับปากไปแต่พัชชาก็มีแผนอยู่ในใจ

พัชชากำลังปลอบใจเพชรพริ้ง
“ลูกไม่ต้องห่วงนะพริ้ง แม่จะวางแผนทุกอย่างให้ลูกได้นิมมานเอง”
พัชชามั่นใจมาก

บรรยากาศบ้านสวนของอิงอร เป็นบ้านไม้ทรงเก่าแต่คลาสสิก ดูสงบเรียบง่ายและร่มรื่นไปด้วยต้นไม้รายรอบที่นอกชานบ้าน อิงอรกำลังทำขนมไทย โดยมี "จอย" เด็กในบ้านเป็นลูกมือช่วยอยู่
อิงอรกำลังปั้นขนม บริเวณนั้นมีขนมทั้งที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ววางอยู่ในถาด มีทั้งส่วนที่กำลังรอปั้น
“วันนี้คุณอรทำขนมเยอะเป็นพิเศษเลยนะคะ”
“ใช่ เพราะวันนี้จะมีคนพิเศษมาไงล่ะ”
ไม่ทันขาดคำ ก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอดในบริเวณหน้าบ้าน
“นั่นไง พูดถึงก็มาพอดี”
จอยลุกขึ้นแล้วไปรับของจากรวิปรียาที่รถ จากนั้นเธฮก็เดินเข้ามา ในมือถือถุงขนมของฝากเต็มสองมือ
“โอ้โห กลิ่นขนมอะไรน้า หอมไปถึงรั้วบ้านเลย” รวิปรียายกมือไหว้อิงอร “สวัสดีค่ะคุณแม่”
“เป็นไงลูก ขับรถเหนื่อยไหม”
“ไม่หรอกค่ะ” เธอเข้ามานั่งลงข้างๆอิงอรแล้วกอดเอวด้วยความรักสนิทสนม “แล้ววันนี้ทำอะไรคะเนี่ย” พลางชะโงกหน้าไปมองขนม “โอ้โห...เยอะเลย บ้านใครมีงานหรือคะ”
“ไม่มีหรอก ทำไว้ให้ลูกนี่แหละ”
“งั้นก็ดีเลย” รวิปรียาใช้มือหยิบขนมชื้นหนึ่งเข้าปาก
“นี่.. อะไรกัน มือไม้ก็ไม่ยอมล้างซะก่อน”
“ก็มันอดไม่ไหวนี่คะ ที่รวิดั้นด้นมาจากกรุงเทพก็เพื่อมากินขนมฝีมือคุณแม่นี่แหละ”
“มาเพราะขนมฝีมือแม่ แต่ไม่ได้คิดถึงแม่เลยว่างั้นเถอะ”
รวิปรียากอดอ้อนๆ
“แหม..คิดถึงสิคะ คุณแม่ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ส่วนขนมนี่เป็นเรื่องรอง”
จอยยกน้ำเย็นมาเสิร์ฟให้รวิปรียาพอดี
“น้ำเย็นๆมาแล้วค่าคุณรวิ”
“ขอบใจมากจ้ะจอย”
“ค่ะ”
จอยเดินแยกตัวไปให้สองแม่ลูกคุยกัน
“แล้วนี่คืนนี้จะค้างกับแม่หรือเปล่า”

“ค้างสิคะ มีเรื่องจะคุยกับคุณแม่เยอะแยะเลย”

คืนนั้นที่บ้านสวน รวิปรียานอนหนุนตักแม่

“เป็นไงบ้างลูก งานหนักหรือเปล่า”
“ก็เหมือนเดิมค่ะแม่ ทำงานน่ะรวิไม่เหนื่อยหรอก แต่เหนื่อยใจเรื่องที่บ้านมากกว่า”
“ทำไมล่ะ มีเรื่องอะไร ทะเลาะกับเพชรพริ้งเหรอลูก”
“ทั้งสองคนแม่ลูกนั่นแหละค่ะ รวิเบื่อที่จะต้องมีเรื่องให้ต่อปากต่อคำกันได้ทุกวัน คุณแม่คะ รวิอยากมาอยู่กับคุณแม่ที่นี่ บ้านหลังนั้นใหญ่โตก็จริง แต่พอไม่มีคุณแม่สักคนมันก็ไม่มีความหมายอะไรเลย”
“มีสิลูก ลูกยังมีคุณพ่ออยู่ไง จำที่แม่เคยบอกได้ไหม ลูกต้องอยู่ที่บ้านหลังนั้นเพื่อดูแลคุณพ่อ รวิต้องอดทนเพื่อคุณพ่อนะลูก 7 ปีที่ผ่านมา แม่ไม่เคยไว้ใจพัชชาเลย”
อิงอรนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต

7 ปีที่แล้ว ... พัชชากำลังทำท่าโก่งคออาเจียนอยู่ที่ห้องน้ำในห้องนอน ประตูห้องน้ำเปิดกว้างอยู่ และประตูห้องนอนก็เปิดออก เหมือนจงใจให้คนผ่านมาได้เห็นภาพเธอ
อิงอรเดินผ่านมาพอดี ได้ยินเสียงคนอาเจียนจึงหยุดชะงัก มองผ่านประตูเข้ามาเห็นพัชชาที่ทำท่าพะอืดพะอม ไม่ค่อยสบาย อิงอรเริ่มสงสัยหนักขึ้น พัชชาเปิดก๊อกล้างหน้าบ้วนปาก พอเงยหน้าขึ้นอิงอรก็ยื่นมือส่งผ้าขนหนูส่งให้
“ขอบคุณค่ะ คุณอร”
“อรเห็นคุณพัชเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วนะคะ ไม่สบายหรือเปล่า”
“พัชไม่เป็นไรค่ะ”
“ไม่เป็นไรได้ยังไงคะ ช่วงนี้คุณพัชดูอาการไม่ดีเลย อาหารก็กินไม่ลง พอได้กลิ่นอะไรเข้าก็อาเจียน ไปหาหมอไหมคะ เดี๋ยวอรพาไป”
“ไม่ค่ะ ไม่ พัชไม่ไปหาหมอค่ะ พัชไม่เป็นไรจริงๆ” พัชชาจงใจให้ดูเหมือนมีเรื่องปิดบังอยู่
“ทำไมคุณพัชถึงไม่อยากไปหาหมอ หรือคุณพัชมีอะไรที่ปิดบังอยู่”
อิงอรมองพัชชาอย่างจับผิด
“คือพัช..” พัชชาทำอึกอัก ลำบากใจ
“คุณพัชไว้ใจอรเถอะค่ะ อรจะช่วยคุณพัชทุกอย่างเท่าที่พอจะช่วยได้”
พัชชาร้องไห้ออกมา
“แต่พัชพูดไม่ได้ค่ะ พี่วิษณุเขาสั่งไว้” พัชชามองหน้าอิงอรแล้วหลบตา “เขาไม่ให้พัชบอกเรื่องนี้กับคุณอร”
“คุณวิษณุ? ทำไมคะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“อย่าบังคับพัชเลยนะคะ”
พัชชาจะเดินเลี่ยงไป แต่อิงอรเข้าไปขวางไว้เพราะรู้สึกสังหรณ์ใจ
“คุณพัชต้องพูด ต้องบอกอรเดี๋ยวนี้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
พัชชาทรุดนั่งลงกับพื้นดูน่าสงสาร ร้องไห้เสียใจ
“พัชท้องค่ะ...พัชท้องกับพี่วิษณุ” พัชชาเล่นละครปิดหน้าร้องไห้อย่างหนัก
อิงอรช็อก !
“คืนที่คุณอรไม่อยู่บ้าน คุณพี่..คุณพี่ เขาปล้ำพัช เขาบังคับไม่ให้พัชบอกเรื่องนี้กับใคร”
อิงอรยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น รู้สึกสมองมึนชา สับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก

คืนนั้น วิษณุเปิดประตูห้องนอนเข้ามา เห็นอิงอรยืนหันหลังให้อย่างสงบ เธอกำลังพยายามระงับอารมณ์
“อร ยังไม่นอนหรือจ๊ะ”
อิงอรเดินเข้ามามองหน้าวิษณุอย่างเจ็บปวด แล้วจู่ๆก็ตบหน้าวิษณุหนึ่งครั้ง พร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมา
วิษณุโกรธและตกใจ “อร!”
อิงอรน้ำตาไหลพรากออกมา “คุณทำแบบนี้ได้ยังไง คุณทำกับอรแบบนี้ได้ยังไง อรรู้เรื่องที่คุณทำกับพัชชาแล้ว”
วิษณุอึ้งไป “อร คือผม..” .
“อรอยู่กับคุณมายี่สิบกว่าปี อรรักคุณ เชื่อใจคุณ อรมั่นใจเสมอว่าคุณจะไม่ไปมีผู้หญิงอื่นนอกบ้าน แต่คุณมันมักง่ายกว่าที่อรคิด”
“อร ฟังผมก่อน”
“อรไม่อยากฟังคำแก้ตัวอะไรทั้งนั้น คุณทำแบบนั้นได้ยังไง เขาเป็นน้องสะใภ้คุณนะ!”
วิษณุทรุดนั่งลง
“ผมรู้ว่าผมทำผิดกับทุกคน เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ผมทิ้งเขาไม่ได้ เพราะอย่างน้อยเด็กคนนั้นก็เป็นลูกผม แต่ถ้าอรอยากให้ผมพาพวกเขาไปอยู่ที่อื่น ผมก็จะทำ”
“อรคงไม่ใจร้ายปล่อยให้พวกเขาไปอยู่ที่อื่นทั้งที่ยังอุ้มท้องลูกของคุณอยู่หรอกค่ะ”
“แล้วอรจะให้ผมทำยังไง”
“ทำในสิ่งที่ลูกผู้ชายคนนึงสมควรทำ” ว่าแล้วอิงอรก็เดินไปทางประตูห้องจะออกไปนอนที่ห้องอื่น พูดโดยไม่หันมามองหน้าวิษณุ“คุณต้องรับผิดชอบพัชชากับลูก ต้องดูแลพวกเขาให้ดีที่สุด”
“แล้วอรล่ะ”
“อรจะกลับไปอยู่บ้านสวนกับแม่สักพัก แล้วใช้เวลาทบทวนดูว่าระหว่างเราสองคน ควรจะทำยังไงต่อไป”
“ไม่นะอร อรจะทิ้งผมไปไม่ได้ ผมขอร้อง”
วิษณุเข้ามากอดหลังอิงอรเพื่อรั้งเธอไว้ อิงอรยังคงร้องไห้เสียใจเพราะใจหนึ่งก็ไม่อยากทิ้งวิษณุ
 
แต่อีกใจหนึ่งก็เจ็บปวด

วันหนึ่ง อิงอรยืนอยู่บริเวณบันไดหน้าบ้าน
 
เธอกำลังสั่งการให้เด็กรับใช้ขนอาหารสดที่ซื้อมาเข้าไปไว้ในครัว
“เอาไปเตรียมล้างกันไว้เลยนะ เดี๋ยวฉันจะเข้าไปทำเอง เดี๋ยวรวิกลับจากมหาลัยแล้วจะได้กินข้าวเลย”
พัชชาซึ่งมองอิงอรมาแล้วจากในบ้าน เดินตรงเข้ามาหาเหมือนมีแผนการบางอย่างในใจแล้ว
“มีอะไรให้พัชช่วยไหมคะ คุณอร”
อิงอรไม่สนใจจะพูดด้วย จะเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่พัชชายื้อไว้
“ตั้งแต่เกิดเรื่อง เรายังไม่ได้คุยกันจริงจังเลยนะคะ คุณอรไม่อยากจะเคลียร์เรื่องระหว่างเราสามคนหรือไงคะ ว่าใครควรจะอยู่แล้วใคร..ที่ควรจะไป”
“เรื่องแบบนี้คงไม่จำเป็นต้องคุย เพราะคุณก็เป็นแค่คนอาศัย คนที่จะตัดสินใจว่าใครควรอยู่หรือไป คือฉันกับคุณวิษณุ”
“แต่ก่อนพัชอาจจะเป็นแค่คนอาศัย แต่ตอนนี้พัชกำลังจะเป็นแม่ของลูกชายพี่วิษณุ”
“ลูกชาย..?”
“ค่ะ พัชไปอัลตร้าซาวน์มาแล้ว พี่วิษณุกำลังจะได้ลูกชาย…ลูกชายคนแรก..และคนเดียวที่จะสืบสกุลสิริคุณานันท์”
อิงอรไม่อยากฟังจะเดินหนีอีก แต่พัชชามาขวางหน้าไว้
“อ้าวจะไปไหนล่ะคะ ไม่อยากฟังเรื่องลูกของพัชต่อหรือคะคุณอร งั้นบางทีเรื่องนี้คุณอรคงอยากฟัง” พัชชาทำเสียงเบาลงให้ดูมีเลศนัย “เรื่องคืนนั้น...”
อิงอรนิ่งไป รอฟัง
“พี่วิษณุ..เขาไม่ได้ขืนใจพัชหรอกค่ะ จริงๆแล้ว...คืนนั้นพัชจงใจเข้าไปรอพี่วิษณุในห้อง คุณพี่เขาเมาแล้วก็คงนึกว่าพัชเป็นคุณอรน่ะค่ะ เขาก็เลย...”
“พัชชา! นี่เธอพูดอะไรของเธอ”
“ก็พูดความจริงที่เธออยากรู้นักหนาไงล่ะ ผู้ชายใจอ่อนอย่างพี่วิษณุน่ะ ปั่นหัวง่ายจะตาย”
จากมุมของพัชชา เธอเห็นวิษณุเดินออกมาจากด้านในของบ้านแล้ว
“นี่หมายความว่าเธอหลอกคุณวิษณุงั้นเหรอ เธอวางแผนสกปรกนี่มาตั้งแต่ต้นใช่ไหม”
พัชชาเริ่มเข้าแผนทันที
พัชชาชะโงกหน้าไปกระซิบเสียงเบากับอิงอร ให้ได้ยินกันแค่2คน
“ใช่ แล้วเธอกับพี่วิษณุก็กำลังติดกับด้วย”
อิงอรโกรธ“พัชชา เธอมันเลวมาก”
วิษณุเห็นสองคนกำลังคุยกัน จึงเดินตรงเข้ามาใกล้ขึ้น พัชชาได้จังหวะเปลี่ยนท่าทีเป็นผู้ถูกกระทำทันที
“อย่าว่าพัชแบบนั้นสิคะ คุณอร พัชยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะคะ”
อิงอรเสียงกร้าว
“ไม่ผิด? นี่เธอยังกล้าเล่นละครอีกเหรอ เธอไม่มียางอายบ้างหรือยังไง”
วิษณุได้ยินพอดี วิษณุเห็นว่า อิงอรกำลังต่อว่าพัชชา ส่วนพัชชาเหมือนไม่มีทางสู้ เสียงสั่นครือ กลัว
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณอร”
“ฉันยอมเธอมามากแล้ว แต่เธอมันชั่วร้ายมากกว่าที่ฉันคิดไว้มาก ผู้หญิงอย่างเธอไม่สมควรแม้แต่จะได้รับความเห็นใจจากคุณวิษณุด้วยซ้ำ เธอออกไปได้แล้ว ฉันจะไม่ให้เธออยู่ที่บ้านหลังนี้อีกต่อไป”
พัชชาจับแขนอิงอร เขย่าไปมาเพื่อขอร้อง “ไม่นะคะคุณอร คุณอรจะทำแบบนี้กับพัชไม่ได้ คุณอรอย่าทำร้ายพัชกับลูกเลยนะคะ”
วิษณุเร่งฝีเท้าเข้ามาตั้งใจจะห้าม
“อย่ามายุ่งกับฉันอีก”
จังหวะนั้นอิงอรพยายามดึงสะบัดมือกลับจากพัชชา แต่พัชชาแกล้งเสียจังหวะทำเป็นล้มตกบันไดลงไป2-3ขั้น ต่อหน้าต่อตาวิษณุ
“ว้าย”
วิษณุตกใจ “พัช!”
รวิปรียา เพชรพริ้ง เพชรแท้เพิ่งกลับมาถึงบ้านพร้อมกัน เห็นเหตุการณ์นั้นเข้าพอดี
เพชรพริ้งกรีดร้องวิ่งเข้ามาดูพัชชา “คุณแม่”
วิษณุเข้ามาช่วยประคองพัชชา
รวิปรียาในวัย 20 ปีรีบเข้าไปกอดแม่
เพชรแท้ยืนอึ้งๆ งงๆ มองอยู่
พัชชานั่งอ่อนแรงอยู่กับพื้น เลือดน้อยๆไหลออกมาตามช่วงขาของพัชชา เพชรพริ้งเห็นเลือดก่อน
“กรี๊ด เลือด! คุณแม่ คุณแม่ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
อิงอรยืนกอดกับรวิปรียา ทั้งงงและสับสน

วิษณุมองอิงอรโกรธๆ เข้าใจผิด
“ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าคุณจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ นี่คุณหึงจนขาดสติไปแล้วหรือไง”
“ไม่ใช่นะคะ อรไม่ได้ตั้งใจ”
“แต่ผมเห็นคุณผลักพัชชาด้วยตาของผมเอง ปกติคุณก็เป็นคนมีเหตุผลนะอร แต่ทำไมกับเรื่องแค่นี้คุณถึงระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้”
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณเห็นนะคะ แล้วคุณเองก็ยังไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นดี รู้ไหมคะว่าเขาพูดอะไรกับอร”
“ถึงเขาจะพูดอะไร คุณก็ไม่ควรไปทำร้ายเขาถึงขนาดนั้น อย่างน้อยเด็กในท้องพัชชาก็เป็นเลือดเนื้อของผม นี่เท่ากับว่าคุณฆ่าลูกของผมไปด้วย”
อิงอรโกรธและน้อยใจมาก
“งั้นก็แล้วแต่คุณเถอะค่ะ จะคิดยังไงก็เรื่องของคุณ ถ้าคุณไม่ฟัง อรก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก”
วิษณุน้ำเสียงเบาลง จริงจัง และผิดหวัง “ผมผิดหวังในตัวคุณมากนะอร”

วิษณุออกจากห้องไป ปล่อยให้อิงอรนั่งช้ำใจอยู่ตามลำพัง อิงอรเริ่มร้องไห้เงียบๆ

แล้วอิงอรก็ตัดสินใจ !

คนรับใช้และแม่บ้านกำลังช่วยกันขนกระเป๋าเดินทางและสัมภาระของเธอไปใส่ท้ายรถ อิงอรกำลังจะออกจากบ้าน มีรวิปรียายืนคุยอยู่ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“คุณแม่อย่าไปเลยนะคะ”
“แม่ต้องไป แม่ทำใจให้อยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
“งั้นรวิจะไปกับคุณแม่ด้วย”
“ลูกไปกับแม่ไม่ได้”
“ทำไมล่ะคะ คุณแม่ไม่รักรวิแล้วเหรอคะ”
“เพราะแม่รักลูกไงจ๊ะ แม่ถึงต้องให้ลูกอยู่ที่นี่ ถ้าลูกไปกับแม่ ลูกอาจจะต้องสูญเสียทุกอย่างที่ลูกมี แม้แต่คุณพ่อ แล้วก็บ้านหลังนี้”
“คุณแม่หมายความว่าไงคะ”
“พูดไปตอนนี้ลูกอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่วันนึงแม่จะอธิบายให้ลูกฟัง ตอนนี้ขอให้ลูกจำไว้ให้ดีว่า..คนที่คุณพ่อไว้ใจได้ที่สุดก็คือลูก... ลูกต้องอยู่ที่นี่เพื่อคอยดูแลคุณพ่อ แล้วก็คอยระวังอาพัชชาเอาไว้ให้ดีด้วย เข้าใจไหม”
รวิปรียาพยักหน้ารับคำ ก่อนจะกอดแม่แน่นอย่างอาลัยอาวรณ์ สองแม่ลูกกอดกันน้ำตาไหล
ห่างออกไปมุมหนึ่ง เพชรแท้มองภาพอิงอรและรวิปรียาอย่างรู้สึกผิด

ในห้องนอน รวิปรียานั่งมองภาพถ่ายวิษณุอิงอรที่ถ่ายคู่กับเธอ เธอคิดถึงแม่ที่ไปอยู่บ้านยาย น้ำตาไหลออกมาช้าๆ เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น เธอรีบเช็ดน้ำตา ปรับเสียงให้เป็นปกติ
"เข้ามาได้ค่ะ"
เพชรแท้เปิดประตูเข้ามา
"เพชร..มีอะไรหรือเปล่า"
เพชรแท้รู้สึกผิด เข้ามานั่งลงข้างๆรวิปรียา
"ผมอยากจะมา..ขอโทษพี่รวิ"
"ขอโทษทำไม เธอไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย"
"แต่แม่ผมทำผิด ที่ทำร้ายจิตใจคุณป้าอรและทำลายครอบครัวพี่รวิ ผมขอโทษแทนแม่ด้วยครับ" เพชรแท้ยกมือไหว้รวิปรียาอย่างจริงใ "ผมขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่แม่ผมทำ ผมรู้สึกผิดจนไม่รู้จะมองหน้าพี่รวิได้ยังไง"
"มันไม่ใช่ความผิดของเพชรหรอก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเพชรก็ยังเป็นน้องชายของพี่"
"ผมทนเห็นแม่ทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าเรียนจบปริญญาตรีเมื่อไหร่ ผมจะไปอเมริกาและจะอยู่ที่โน่นเลย ผมจะไม่กลับมาอยู่กับแม่และพี่พริ้งอีก"
รวิปรียาพูดไม่ออก ทำได้เพียงตบบ่าเพชรแท้เบาๆอย่างให้กำลังใจ

ที่บ้านสวน อิงอรกับรวิปรียาทอดถอนใจกับเรื่องราวในอดีต
"วันนี้รวิเข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อ 7 ปีก่อน แม่ถึงไม่ให้รวิตามไปด้วย สองแม่ลูกนั่นร้ายกาจจนน่ากลัวจริงๆนะคะคุณแม่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ารวิจะมีลูกพี่ลูกน้องเป็นคนอย่างเพชรพริ้ง"
"เรื่องของโชคชะตากำหนดมา บางทีเราก็เลือกไม่ได้"
"อย่าห่วงเลยค่ะคุณแม่ ต่อให้สองคนนั้นจะมีแผนอะไร รวิก็จะไม่ยอมให้เขาทำร้ายคุณพ่อได้อย่างแน่นอน"

วันใหม่ ที่บริษัท BR Construction
ท่ามกลางบรรยากาศการทำงานในบริษัท พนักงานกำลังทำงานของตัวเอง
จู่ๆตำรวจ 2 นายก็เข้ามาในบริเวณบริษัท ทุกคนมองจนท.ตำรวจอย่างแปลกใจ ส่งเสียงถามกันเซ็งแซ่
"คุณธงชัย ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ อยู่ที่นี่ไหมครับ"
ธงชัยปรากฏตัวขึ้นที่มุมหนึ่ง ด้วยท่าทางกลัวๆ กล้าๆ
"ผมเอง"
ตำรวจบอก
"คุณธงชัย ผมได้รับการแจ้งความให้ดำเนินคดีกับคุณข้อหายักยอกทรัพย์ ขอเชิญคุณไปสอบปากคำที่โรงพักด้วยครับ"
"ยักยอกทรัพย์? คุณมีหลักฐานอะไรถึงกล้ามาจับผม"
เสียงของเทวาดังแทรกเข้ามา
"หลักฐานอยู่ที่นี่"
ทุกคนหันไปมองตามเสียง เทวาปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับเอกสารในมือ และมีดาริน,เมฆา,รริศา เดินมาสมทบ
"ผมเป็นคนให้ไปแจ้งความกับตำรวจเอง" เทวาบอก
"คุณเทวา ผมทำงานที่นี่มาเป็นสิบปี เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของบริษัทนี้ เรื่องนี้ต้องมีการเข้าใจผิดแน่ๆ"
เทวาไม่ฟังคำแก้ตัว แต่โชว์เอกสารให้ดู
"นี่เป็นหลักฐานการสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างที่บริษัทเราเสียเงินซื้อไป10ล้านบาท" เทวาโยนเอกสารชิ้นที่สองลงบนโต๊ะหน้าธงชัย "หลักฐานว่าคุณเพิ่งซื้อบ้านใหม่ราคา 5 ล้านด้วยเงินสด ในชื่อภรรยา แล้วนี่" เขาโยนเอกสารชิ้นที่3 "รถคันใหม่ของลูกสาว ทุกอย่างเพิ่งซื้อภายในหนึ่งเดือน นี่ยังจะพูดว่าเข้าใจผิดอีกหรือเปล่า"
ธงชัยหน้าซีด
"แค่เดือนเดียวคุณไปได้เงินจากไหนมาเยอะแยะ ถ้าไม่ใช่เพราะโกงเงินจากบริษัท"
"เรื่องนี้ผมอธิบายได้ครับคุณเทวา"
"คุณได้อธิบายแน่ แต่เชิญคุณไปอธิบายกับตำรวจ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจจริง ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวนี่"
 
เทวาว่า

บรมนั่งลงที่โซฟารับแขกในห้องทำงาน

"คุณธงชัยงั้นรึ"
เทวา ดาริน รริศานั่งลงคุยด้วย
"เขาอยู่กับเรามาเป็นสิบปี ทางเราเองก็เชื่อใจเขามาตลอด ไม่น่ามาทำกันอย่างนี้เลย"
"เรื่องเงินมันไม่เข้าใครออกใครหรอกครับคุณพ่อ"
"พ่อถึงไม่อยากไว้ใจใครนอกจากคนในครอบครัวเราเอง คือลูกทั้งสองคนแล้วก็รริศา"
"ที่จริง ยังมีเรื่องที่น่าสงสัยอีกเรื่องนึงนะคะคุณลุง พี่เทวา"
ทุกคนหันไปมองรริศา
"การที่บริษัทวิศวการส่งใบแจ้งหนี้เต็มราคามาที่แผนกบัญชีตามคำสั่งซื้อของคุณธงชัย ทั้งที่ส่งสินค้ามาไม่ครบ แสดงว่าคนของวิศวการต้องรู้เห็นเป็นใจในการฉ้อโกงครั้งนี้ด้วย"
"งั้นงานนี้ก็คงทำกันเป็นกระบวนการ"
"สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดก็คือคนไม่ซื่อสัตย์ ถ้าจับได้เมื่อไหร่ ผมจะไล่ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ออกให้หมด ผมว่า เราก็ไม่ควรทำธุรกิจกับบริษัทวิศวการอีกต่อไปนะครับคุณพ่อ"
บรมพยักหน้าเข้าใจ "เราต้องหาซัพพลายเออร์เจ้าใหม่ พ่อคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว"
บรมนึกถึงใครบางคนที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้

ภายในห้องวิษณุ บริษัทสยามเอ็นจิเนียริ่ง เสียงโทรศัพท์มือถือวิษณุดัง... เขากดรับสายโทรศัพท์
"สวัสดีครับ คุณบรม ... .. สะดวกคุยครับ คุณบรมมีอะไรหรือเปล่าครับ"
"ผมอยากให้บริษัทคุณวิษณุ มาเป็นซัพพลายเออร์ส่งวัสดุก่อสร้างให้กับบริษัทผมน่ะครับ"
"ยินดีครับคุณบรม"
"ถ้างั้นพรุ่งนี้คุณส่งลูกสาวคุณมาคุยกับลูกชายผมหน่อยนะครับ"
บรมยิ้มก่อนกดวางสาย

เทวาเดินออกจากห้องทำงาน เตรียมเข้าห้องประชุมโดยมีรริศา ดาริน พร้อมด้วยเมฆา ผู้ช่วยของเทวา
เมฆารายงานไปด้วยระหว่างเดินตาม
"ประชุมเช้านี้ตอนสิบโมงกับบริษัทสยามเอ็นจิเนียริ่ง เรื่องที่จะมาเป็นซัพพลายเออร์ส่งวัสดุก่อสร้างรายใหม่ ซึ่งสยามเอ็นจิเนี่ยริ่งได้ส่ง ผจก.ฝ่ายแผนงานและการตลาดนำทีมมาประชุมเอง"
เทวานำขบวนอยู่บนทางเดินชั้นสอง
"ผู้จัดการคนนี้ได้รับการร่ำลือว่าเก่งมาก และที่สำคัญ...."
เป็นเวลาเดียวกับที่เทวาได้เห็นรวิปรียากับลูกน้อง2คน เข้ามาถึงบริษัทตัวเองพอดี
"เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณวิษณุ เจ้าของบริษัท"
เทวาจับตามองรวิปรียา แอบดีใจเพราะไม่คิดว่ารวิปรียาจะมาเอง

บรรยากาศในห้องประชุม เทวา ดาริน รริศา และเมฆานั่งเตรียมพร้อมรอฟังการพรีเซนท์ของฝ่ายสยามเอ็นจิเนียริ่ง รวิปรียายืนอยู่ตรงหน้าเก้าอี้นั่งของเธอ พูดแนะนำบริษัท
เทวานั่งอยู่อีกมุมหนึ่ง
"อย่างที่ทุกท่านคงทราบอยู่แล้วนะคะว่า บริษัทสยามเอ็นจิเนียริ่งของเรา ให้บริการทางวิศวกรรมในธุรกิจก่อสร้างอย่างครบวงจร ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างของบริษัทเรามีหลายประเภท ซึ่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเราจะอธิบายรายละเอียดให้ทุกท่านฟังค่ะ"
ระหว่างนั้นพนักงานที่ติดตามมาด้วยแจกเอกสารให้ทุกคน

พนักงานชาย 1 ซึ่งเป็นฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ กำลังยืนพรีเซนท์อยู่ที่หัวโต๊ะประชุม
"โพรดักส์วัสดุก่อสร้างที่โดดเด่นของโรงงานเราเป็นสินค้าประเภทคอนกรีต ซีเมนต์ และเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้าง"
เทวา รวิปรียา และคนอื่นในห้องประชุมนั่งฟัง บ้างก็เปิดเอกสารดูประกอบ
พนักงานชายฝ่ายรวิปรียาอธิบายไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นเทวาแทบไม่ได้สนใจฟังเนื้อหาเพราะมัวแต่ลอบมองรวิปรียา แต่รวิปรียาไม่สนใจเทวานัก
จังหวะหนึ่งทีรวิปรียาเงยหน้าขึ้นมาก็สบสายตากับเทวาพอดี เทวารีบหลบตาไปทางอื่น กลัวรวิปรียาจะรู้ว่ามอง รวิปรียามองเทวาอารมณ์ประมาณยังหมั่นไส้อยู่
 
เธอคิดว่าเทวาเป็นคนประเภทเจ้าชู้ไม่เลือก

เทวาปิดแฟ้มเอกสารการประชุมลงเป็นสัญญาณว่าการประชุมจบลงแล้ว

"จากใบเสนอราคาที่ทางบริษัทคุณให้มา ผมดูแล้วก็ไม่ได้ติดอะไร"
ดารินบอก "ยินดีที่ได้ร่วมทำธุรกิจกันนะคะคุณรวิ"
"ขอบคุณมากค่ะ" เธอยิ้มให้จริงใจ เทวาเผลอมองอีก
"ทางเราจะส่งออร์เดอร์สินค้าล็อตแแรกไปให้ทางคุณรวิภายในวันพรุ่งนี้นะคะ"
ดารินหันไปแนะนำรริศา "ส่วนนี่พี่รริศา เป็นผู้จัดการแผนกบัญชี ต่อไปนี้ทางคนของคุณรวิคงต้องประสานงานกับพี่ริศาบ่อยๆ"
"ค่ะ" รวิปรียากับรริศาหันมายิ้ม พยักหน้าให้กัน
ทุกคนในห้องประชุมกำลังปิดเอกสารหลังการประชุมจบลงแล้ว แต่เทวาซึ่งนั่งมองรวิปรียาคุยกับน้องสาวของเขาอยู่กลับรู้สึกเสียดายที่จะไม่ได้เจอรวิปรียาอีก เขาเริ่มหาแผน...
"ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ"
ดารินกับรริศาพยักหน้ารับ ทุกคนลุกขึ้น เตรียมจะเดินออกไปจากห้อง แต่แล้ว...
"เดี๋ยวครับ"
ทุกคนชะงัก หันกลับมามองเทวา
"ผมอยากรู้ว่าหลังจากเราสั่งของไปแล้ว ทางสยามเอ็นจิเนียริ่งจะใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะจัดส่งสินค้าได้"
"ถ้าเป็นพวกคอนกรีตขนาดมาตรฐานที่โรงงานเรามีอยู่แล้ว เราสามารถจัดส่งได้ทันที แต่ถ้าเป็นของที่ต้องผลิตใหม่ เราจะใช้เวลาไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ค่ะ"
เทวาพยักหน้าเหมือนรับรู้ ในใจคิดแผนต่อ
"ดีครับ ว่าแต่ผมจะมั่นใจได้ยังไงว่าของที่โรงงานคุณผลิตมาจะได้มาตรฐานตามที่เราต้องการ"
"ถ้าคุณไม่พอใจในมาตรฐานของโพรดักส์เรา คุณตีของกลับคืนมาได้ตลอดเวลาค่ะ ทางดิฉันพร้อมจะแก้ไขงานให้จนกว่าลูกค้าจะพอใจ"
"แต่ผมว่าแค่นั้นไม่พอ ตอนนี้บริษัทผมกำลังเร่งก่อสร้างคอนโดแห่งใหม่อยู่ วันที่ส่งสินค้า ผมอยากให้คุณรวิปรียาไปตรวจสินค้าที่ไซต์งานด้วย"
ทุกคนมองหน้าเทวาอย่างไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไรของเขา
เทวารีบแก้ตัว
"มันเป็น... เป็นนโยบายของบริษัทเรา" เทวาทำมาดเข้มเพราะเดี๋ยวจะดูไม่น่าเชื่อถือ ขณะที่เทวาอ้างไปแบบนั้น ดารินกับรริศามองหน้ากันเลิ่กลั่กเพราะบริษัทไม่เคยมีนโยบายอะไรแบบที่เทวาบอก... ดารินเอนตัวไปกระซิบกับรริศา
"นโยบายอะไร เรามีนโยบายแบบนั้นด้วยเหรอ"
"ก็ไม่มีน่ะสิ" รริศาบอก
"เรื่องแค่นี้ ดิฉันคงไม่จำเป็นต้องไปดูด้วยตัวเองหรอกค่ะ ถ้าคุณต้องการความมั่นใจ ดิฉันจะส่งวิศวกรของเราไป"
"แต่ผมอยากให้คุณไปด้วยตัวเอง ผมเพิ่งเคยทำธุรกิจกับคุณเป็นครั้งแรก ผมต้องการความมั่นใจว่าสินค้าที่ได้รับตรงตามคุณภาพที่คุณโฆษณาไว้"
รวิปรียานิ่งไป ครุ่นคิดจะเอาอย่างไรดี
"หรือว่าคุณไม่กล้า? ผมชักสงสัยแล้วสิว่าผู้บริหารอย่างคุณเคยลงไปสัมผัสไซต์งานก่อสร้างบ้างหรือเปล่า หรือว่าเอาแต่นั่งสั่งงานอยู่ในออฟฟิศ"
รวิปรียากำลังจะอ้าปากเถียง เทวาสวนขึ้นทันที ไม่เปิดช่องให้
"ถ้าไม่กล้าก็ไม่เป็นไร งั้นที่เขาลือกันมาว่า ลูกสาวของคุณวิษณุเก่งนักหนานั่นคงไม่เป็นความจริง"
รวิปรียากับเทวามองหน้ากัน แววตาเขาเต็มไปด้วยความท้าทาย รวิปรียาเองก็ไม่ยอมแพ้ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจ
"ได้ ฉันจะไป"
"แล้วผมจะรอ"
รวิปรียาเดินนำลูกน้องออกจากห้องประชุม รริศากับเมฆาออกไปส่ง พอรวิปรียาคล้อยหลัง เทวาก็ลืมตัวดีใจ กำมือเหมือนคว้าชัยชนะได้สำเร็จ
"Yes"
ดารินหันไปเหล่มองพี่ชาย "พี่เทวา โอเคป่ะค่ะ"
เทวาปรับท่าทีให้ดูเข้มทันที เหมือนไม่มีอะไร แล้วเดินออกจากห้องประชุมไป ดารินมองตามไปอย่างงงๆ

วันใหม่ รถบรรทุกขนส่งวัสดุก่อสร้าง อาทิ เสาเข็ม เหล็ก พื้นคอนกรีต ฯล ขนาดใหญ่ แล่นเข้ามาในบริเวณไซต์ก่อสร้างคอนโดมิเนียม
เทวายืนหันหลังมองการก่อสร้างคอนโดมิเนียมอยู่ คนงานหลายคนกำลังทำงาน เมฆาเข้ามารายงาน
"คุณรวิปรียามาแล้วครับ"
เทวาหันกลับมาพยักหน้า แล้วมองไปยังทางเดินข้างหน้า
รวิรปรียากำลังเดินมาตามลำพังในชุดทมัดทะแมง สวมแว่นตาดำ
"คุณเทวาครับ สินค้าล็อตใหญ่แบบนี้ ปกติทางซัพพลายเออร์ต้องส่งพนักงานมาดูแลเองอยู่แล้ว ทำไมต้องให้ผู้บริหารอย่างคุณรวิปรียามาดูการส่งวัสดุด้วยตัวเอง"
"ฉันก็อธิบายไปแล้วไง ว่าเราเพิ่งทำธุรกิจกับเขาเป็นครั้งแรก ฉันอยากมั่นใจ"
เมฆาแอบรู้ทัน
"มั่นใจเรื่องมาตรฐานของวัสดุก่อสร้าง หรือมั่นใจเรื่องอื่นครับ"
เทวาเหล่มองหน้าเมฆซึ่งงทำไม่รู้ไม่ชี้ ไม่พูดต่อ รวิปรียามาถึงตรงที่เทวายืนอยู่พอดี
"ของมาถึงแล้ว ให้คนไปตรวจดูหรือยังคะ"
"ผมคิดว่าหน้าที่ตรวจสินค้า คือหน้าที่ของคุณซะอีก"
รวิปรียาสะอึกไปหน่อย เทวาผายมือเชิญเหมือนจะให้รวิปรียาเข้าไปดูของที่ด้านใน รวิปรียาหมั่นไส้ในความกวนของเทวา เดินเลี่ยงออกไปอย่างตัดรำคาญ

เทวาอมยิ้มแล้วเดินตาม เมฆาจะตามไปด้วย แต่เทวายกมือเป็นเชิงห้ามว่าไม่ต้องตามมา

เทวาใส่หมวกกันกระแทกเสร็จแล้ว
 
เขาหันไปเห็นรวิปรียากำลังใส่หมวก เทวาเข้าไปจะช่วย แต่เธอเบี่ยงหลบไม่ยอมให้ช่วย เทวาอมยิ้มเมื่อเธอใส่เสร็จ ทั้งคู่จึงเดินเข้าไซต์งานกองวัสดุก่อสร้างประเภทคอนกรีตที่วางรวมกันอยู่ มีพนักงานกำลังตรวจตราดูความเรียบร้อย เทวากับรวิปรียาเดินอยู่ในบริเวณใกล้กับกองวัสดุนั้น เทวาเริ่มชวนคุย"วันก่อนที่งานเลี้ยงวันเกิดพ่อผม ตอนนั้นผมไม่รู้จริงๆว่าคุณมาโวยวายใส่ผมเรื่องอะไร"
"ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้น"
"ที่ผมต้องพูด เพราะผมอยากจะขอบคุณ"
รวิปรียาชะงัก มองหน้าเทวา
"ตะวันเล่าให้ผมฟังแล้ว ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำ"
"เมื่อรู้แล้วก็ดีแล้วนี่คะ คราวหน้าคุณจะได้ใส่ใจตะวันให้มากกว่านี้"
"แต่มีบางอย่างที่ผมไม่เห็นด้วยกับคุณ ที่คุณบอกว่าความเจ้าสำราญรักสนุกของพ่อจะกลายเป็นปมปัญหาในใจของลูก"
รวิปรียาเริ่มสนุกบ้างที่รู้ว่าเทวาติดใจเรื่องนี้
"ตรงไหนล่ะคะที่คุณไม่เห็นด้วย ตรงที่พ่อเป็นผู้ชายรักสนุก หรือตรงปมปัญหาของลูก"
"ทั้งสองอย่าง ผมเชื่อว่าเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีที่สุดด้วยความรัก จะไม่มีทางกลายเป็นเด็กมีปัญหา และที่สำคัญ..ผมไม่ใช่ผู้ชายแบบที่คุณว่า"
"เหรอคะ แต่เท่าที่ฉันเห็น..."
เสียงโทรศัพท์มือถือของเทวาดังขัดจังหวะขึ้นพอดี เทวาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วกดตัดสาย กำลังจะพูดกับรวิปรียาต่อ แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกเหมือนไม่ยอมแพ้
เทวาหันมาบอกรวิปรียา "ขอโทษครับ" แล้วกดรับสาย "สวัสดีครับ"
เสียงผู้หญิงลอดออกมาจากโทรศัพท์ให้รวิปรียาพอได้ยิน
"เทวาหรือคะ"
รวิปรียาเบะปากใส่..นั่นไงล่ะ
"ขอโทษทีนะครับ ผมติดงานอยู่ ยังไม่สะดวกคุยตอนนี้ …... ยังบอกไม่ได้ครับว่าจะเสร็จตอนไหน ….. กินข้าวเย็น เอ่อ ผมไม่แน่ใจว่าจะว่าง........ไว้พรุ่งนี้ผมโทรกลับแล้วกันนะครับ"
เทวากดตัดสายทันที รวิปรียาส่งสายตามองอย่างหมั่นไส้
"ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ได้เข้าใจผิด ขนาดเวลาทำงานยังมีผู้หญิงโทรชวนไปเดท"
"แต่ผมก็ไม่ได้รับปากว่าจะไป"
"แต่ฉันก็ไม่ได้ยินคุณปฏิเสธ"
เทวาแกล้งย้อนกลับ
"ผู้ชายที่ไหนจะปฏิเสธผู้หญิงตรงๆได้ล่ะครับ ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ทุกคนนั่นแหละ"
"ยกเว้นอยู่คนนึง"
"ใคร? แฟนคุณน่ะเหรอ"
รวิปรียาไม่ตอบอะไร
เทวาถามตรงๆ น้ำเสียงจริงจังขึ้น
"คุณมีแฟนหรือยัง"
"ขอโทษนะคะ คำถามนี้ไม่เกี่ยวกับงานค่ะ"
เธอยื่นเอกสารเซ็นต์รับสินค้าไปตรงหน้าเทวา "ถ้าคุณพอใจกับการส่งของครั้งนี้แล้วก็ช่วยเซ็นต์รับด้วย"
เทวารับเอกสารไป แล้วแบมือไปตรงหน้ารวิปรียากวนๆ
"อะไรคะ"
"ผมไม่มีปากกา"
รวิปรียาค้อนให้ทีหนึ่งแล้วส่งปากกาตัวเองให้ เทวาเซ็นต์ชื่อในเอกสารเสร็จก็ส่งคืนให้
"คุณยังไม่ได้ตอบผมเลย"
รวิปรียาดึงเอกสารกลับแล้วเดินเลี่ยงไป เทวามองตาม คิดว่าทำยังไงถึงจะรู้ให้ได้
รวิปรียาเดินไปใกล้กับจุดที่มีการก่อสร้างอาคาร ถึงจุดที่มีนั่งร้านก่อสร้าง คนงานเข็นรถเข็นก้อนอิฐผ่านมาชนเข้ากับนั่งร้านพอดี
ทันใดนั้น เทวาสังเกตเห็นนั่งร้านเริ่มเอียง กำลังจะล้มมาทางฝั่งรวิปรียาโดยที่เธอไม่ทันระวังตัว
"คุณรวิ!! ระวัง!!"
เทวากระโดดเข้ามากอดรวิปรียาให้พ้นจากนั่งร้าน
นั่งร้านล้มครืนลงกับพื้น
ร่างของทั้งคู่ล้มลงบนพื้น โดยรวิปรียานอนทับอยู่บนร่างของเทวา เทวากอดรวิปรียาไว้แนบแน่น ใบหน้าทั้งคู่ใกล้กันมาก มองหน้ากันอย่างตกใจ
ทั้งคู่รอดจากอุบัติเหตุได้หวุดหวิด คนงานพากันวิ่งมาดู
"คุณเทวา เป็นไงบ้างครับ"
"ไม่เป็นไร"
เมื่อเทวากับรวิปรียายันตัวลุกขึ้นนั่ง เขาเจ็บแปลบที่ท่อนแขนข้างซ้ายจึงเอามือจับแขนตัวเอง พลันสายตาของเขาเห็นรอยเลือดที่ขาบริเวณหน้าแข้งของรวิปรียาทที่ขูดเข้ากับเหล็กในบริเวณนั้น
ทุกคนตกใจ
"นี่เลือดออกด้วยนี่ครับ"
รวิปรียาสีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด

มือของพยาบาลเพิ่งพันแผลที่แขนข้างซ้ายที่ได้รับบาดเจ็บของเทวาเสร็จเรียบร้อย
"แขนถลอกเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ กลับมาล้างแผลอีกสักสองสามวันก็คงดีขึ้น"
"ขอบคุณครับ เอ่อแล้ว...ผู้หญิงที่บาดเจ็บมาพร้อมกับผมล่ะครับ ตอนนี้เขาเป็นยังไง"บ้าง

เทวามาถึงหน้าห้องพักผู้ป่วย เขาเคาะประตูห้องแล้วเปิดประตูเข้าไป
ในห้องพัก รวิปรียาอยู่บนเตียงคนป่วย มีผ้าพันแผลรอบหน้าแข้ง หมอกำลังดูอาการอยู่
"คุณเป็นยังไงบ้าง"
"ทำแผลเสร็จแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว"
หมอบอก "ลักษณะแผลคงจะถูกของมีคมบาดนะครับแต่โชคดีที่ไม่ลึกมาก จากที่เอ็กซเรย์ดูมีกระดูกช่วงหัวเข่าเคลื่อนเล็กน้อยจากแรงกระแทก รวมๆแล้วไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนะครับ พักสักวันสองวันก็กลับบ้านได้"
"ขอบคุณค่ะ"
หมอกับพยาบาลออกจากห้องพักไป เทวาเข้ามาใกล้เตียง
"ผมเป็นต้นเหตุทำให้คุณเจ็บตัวแท้ๆเลย ขอโทษด้วยนะครับ"
"มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก ฉันต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่ช่วยฉันเอาไว้"
ก่อนที่จะได้คุยกันมากกว่านั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น วิษณุเปิดประตูเข้ามาสีหน้ากังวล
"รวิ เป็นไงบ้างลูก อ้าว คุณเทวาก็อยู่ด้วย"
"สวัสดีครับคุณอา ผมขอโทษนะครับ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น"
"คิดซะว่าฟาดเคราะห์ไปแล้วกันครับ คงไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก" "งั้นผม ขอตัวกลับก่อนนะครับ นี่คุณพ่อโทรมาตามหลายรอบแล้ว"
"ครับ ยังไงก็ขอบคุณคุณเทวาด้วยที่เป็นธุระพาลูกสาวผมมาโรงพยาบาล"
เทวายกมือไหว้ลาวิษณุ สายตายังมองไปที่รวิปรียาด้วยความห่วงใยก่อนจะออกจากห้องไป
วิษณุหันกลับมาคุยกับรวิปรียา
"แล้วนี่นิมมานรู้เรื่องหรือยัง"
"ยังไม่มีเวลาโทรบอกเลยค่ะ"
"งั้นเดี๋ยวพ่อโทรให้"

ห้องนั่งเล่น บ้านสิริคุณานันท์ พัชชาหัวเราะสะใจ ขณะวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ
"สมน้ำหน้านังรวิ ทำเป็นเก่ง เสนอหน้าไปที่ไซต์งานก่อสร้างจนหาเรื่องเจ็บตัว"
เพชรพริ้งนั่งคุยอยู่กับพัชชา
"ไม่ตายก็บุญเท่าไหร่แล้ว แต่ที่จริงมันน่าจะเจออุบัติเหตุจนเสียโฉมไปเลยนะคะคุณแม่ คุณนิมมานจะได้ทิ้งมันซะที"
เด็กรับใช้หิ้วชุดของเพชรพริ้งที่เปื้อนไวน์ กลับมาจากข้างนอก สองแม่ลูกหันไปมอง
"แล้วนั่นชุดใคร"
"ชุดคุณพริ้งที่เปื้อนไวน์น่ะค่ะ หนูเพิ่งเอากลับมาจากร้านซักแห้ง แต่ว่า..".
เด็กรับใช้เอาชุดมาวางให้เพชรพริ้งดูใกล้ๆ
ชุดเดรส ยังมีรอยคราบไวน์จางๆบนตัวเสื้อ
"ต๊าย ซักไม่ออกเหรอเนี่ย เสียดายชุดสวยๆ ต่อไปก็คงใส่ไม่ได้แล้วสิลูก"
แต่เพชรพริ้งกลับกระหยิ่มยิ้มย่อง เกิดไอเดียบางอย่างจากคราบไวน์ที่ซักไม่ออกนั้น
"ดีค่ะคุณแม่ เรื่องนี้มีคนต้องรับผิดชอบ"

พัดชาเข้าใจทันที 2 คนมองหน้ากัน ยิ้มให้กัน

อ่านต่อตอนที่ 3

#ใจลวง #thaich8 #ละครออนไลน์
กำลังโหลดความคิดเห็น