ระบำไฟ ตอนที่ 9
เย็นนั้นพยสและตรีประดับเดินมาที่ห้องอาหาร พยสเพิ่งกลับจากทำงาน ตรีประดับดีใจที่สามีกลับมากินข้าวเย็นด้วยกัน
“เห็นยสโทร.บอกน้องพัดว่างานยุ่ง อาจจะกลับค่ำ งานไม่ยุ่งแล้วใช่ไหมคะ”
“เพราะผมอยากกลับมาทานข้าวกับตรีน่ะสิ”
พัดชาแอบชำเลืองมองพยสตลอด ชิงฉัตรเดินมาจากอีกทาง ยืนรอโต๊ะเห็นสายตานั้นเข้าพอดี รู้สึกทะแม่งๆ
“หรือไม่ก็ คงรีบกลับมากินของแปลกใหม่” พร้อมกับว่า ชิงฉัตรปรายตาไปทางพัดชา
พัดชาหลบสายตาวูบ ไม่ตอบโต้ ไม่หาเรื่องใครเด็ดขาด แต่ตั้งใจฟังอยู่ว่าพยสจะจัดการชิงฉัตรอย่างไร
“ชิงฉัตร” พยสเสียงเข้ม
ตรีประดับปรามเชิงขอร้องในที “ยสคะ”
“พูดอย่างนี้ หมายความว่ายังไง”
“ก็ ไอ้การกินข้าวพร้อมหน้า อาหารเต็มโต๊ะ บ้านเราไม่ได้ทำแบบนี้มานานแล้ว แต่นี่” เด็กหนุ่มชี้ที่โต๊ะ “ถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่”
“แกควรให้เกียรติพัดชาบ้าง เขายินดีทำอาหารให้เรา กินข้าวถ้าไม่สำนึก ก็อย่ากิน”
“ก็ดี เพราะผมไม่ได้หิวเหมือนอา”
ชิงฉัตรมองสู้สายตาพยสจังๆ เขารู้ดีว่าผู้เป็นอากำลังกระหายความตื่นเต้นและความท้าทายทางกามารมณ์ ของเก่านับวันจะจืดจางและร้างมือไปนาน เด็กดหนุ่มเคยเห็นพฤติกรรมควงหญิงของพยส เพียงแต่ไม่พูดออกมา
ชิงฉัตรเดินออกจากห้องทานอาหารไปเลย ยิ่งชิงฉัตรทำเป็นรู้ดีมากแค่ไหน พยสยิ่งโมโหเท่านั้น
“ชิงฉัตร กลับมานี่”
ชิงฉัตรไม่ฟัง มองพัดชาหัวจรดเท้าก่อนเดินกลับเข้าห้อง
“พัดไม่ควรมาที่นี่”
พัดชาก้มหน้างุด ตรีประดับทั้งตกใจชิงฉัตร ทั้งสงสารพัดชา
“อย่าคิดอย่างนั้นพัดชา นายฉัตรกำลังหัวเลี้ยวหัวต่อ อารมณ์ร้อนไปอย่างนั้น”
“ยิ่งมันร้อน ยิ่งต้องกำราบ”
พยสจะตามไป ตรีประดับดึงไว้
“ปะทะกันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น รอให้เย็นก่อนดีไหมคะ เอาอย่างนี้ คุณไปส่งน้องพัดที่อพาร์ตเม้นต์ ส่วนตรีจะคุยกับนายฉัตรเอง”
พัดชาทำเป็นเจียมตน แอบซ่อนสายตาตั้งความหวัง หูก็รอฟังเสียงพยสจะตกลงตามที่ตรีประดับขอร้องหรือไม่
พยสขับรถมองไปข้างหน้าอย่างมีสมาธิ เหมือนไม่ได้สนใจพัดชาที่นั่งมาด้วย
ส่วนพัดชานั่งเบาะข้างทำตัวลีบเล็ก ไม่เพียงไม่คุ้นเคยกับรถหรูคันใหญ่ แต่ทำราวกับไม่กล้าส่งเสียงกลัวพยสจะรำคาญ
พยสทำเหมือนไม่สนใจ แต่จริงๆ คอยลอบมองพัดชาบางจังหวะ พัดชารู้สึกหนาวแอร์กระชับเสื้อ กอดตัวเองแต่ยังไม่คลายหนาว พยสเหลือบมาเห็น
พัดชายื่นมือออกไปจะปรับแอร์ พยสยื่นมือมาเช่นกัน มือสองคนโดนกัน ต่างคนต่างวูบวาบชักมือกลับ
“ขอโทษค่ะ”
“ไม่ต้องขอโทษ หนาวทำไมไม่บอก”
พยสปรับแอร์ให้อุณหภูมิสูงขึ้น
“แปลกนะ เธอมาจากประเทศหนาวกว่าเมืองไทย น่าจะชิน หรือว่าไม่สบาย”
พัดชาอึกอัก ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกัน
พยสเผลอตัวจะยื่นมือมาแตะหน้าผาก แต่แล้วนึกได้ ชะงักมือกลางคัน กลับมาจับพวงมาลัยรถเช่นเดิม
พัดชาแตะแก้ม แตะคอตัวเองเบาๆ รู้ว่าใบหน้าเนื้อตัวร้อนวูบวาบไปหมด แต่ไม่ใช่หนาวร้อนเพราะพิษไข้แน่นอน
ด้านชิงฉัตรลงมากินข้าวอย่างหิวโหย พลางมองตรีประดับอย่างซาบซึ้ง
“หิวโหยเชียวแหละ เมื่อกี๊ทำไมพูดอย่างนั้น”
ชิงฉัตรยักไหล่ รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป แต่เห็นว่าสิ่งที่พูดกับพยสและพัดชาเป็นเรื่องที่ไม่ได้เป็นความผิด
“อาไม่พอใจที่ฉัตรพูดแบบนั้นใส่พัดชา ที่สำคัญ ฉัตรทำกิริยาไม่น่ารักกับอาพยส”
“ถ้าผมทำให้อาตรีไม่สบายใจ ผมขอโทษ”
ชิงฉัตรขอโทษจากใจ ดูเทิดทูนและรักตรีประดับจริงๆ รักมากกว่าพยสอาแท้ๆ ของตน
ตรีประดับปลอบประโลมความรู้สึกผิดของชิงฉัตรด้วยสัมผัสลูบผมอย่างอ่อนโยน
“ถ้าฉัตรคิดได้ว่าทำผิด อาก็ดีใจ”
ชิงฉัตรจับมือตรีประดับกุมมาไว้ เรื่องที่อีกฝ่ายคิดว่าเขาจะให้คิดได้ หรือสำนึกได้ ไม่ได้เกิดขึ้นเลย
“ตอนนี้อาตรีกับอายสยังโอเคกันอยู่หรือเปล่า”
ตรีประดับมองฉงน “ถามทำไม”
“ผมรู้ว่าอายังรักกันดี แต่รักไม่พอ ชีวิตคู่ มันไม่ต้องคนการคนที่ 3 อาอย่าไว้ใจผู้หญิงคนนั้น”
“พูดบ้าๆ นะชิงฉัตร”
ตรีประดับถอนมือออก แต่ชิงฉัตรยังกุมไว้แน่น
“ผู้ชายรักสนุกทั้งนั้นแหละอา”
ตรีประดับดึงมือออกอย่างแรง มองสายตาชิงฉัตรแล้วใบหน้าร้อนผ่าว ไม่หวั่นไหวไปกับคำพูดนั่น แต่ตกใจต่อแววตาเด็กหนุ่มที่มองมายังเธอ
พยสมาส่งพัดชาถึงหน้าอพาร์ตเม้นต์ ทุกอย่างดูปกติดี ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง พัดชาไหว้ขอบคุณ พยสขับรถออกไป
พัดชาเดินเข้าอพาร์ตเม้นต์ไป โดยไม่รู้ว่าคนร้ายชายถ้ำมองคนเดิม ซึ่งตอนนี้มีผ้าปิดตาข้างที่โดนไม้ทิ่ม แอบมองจากมุมลับตา ในจังหวะปลอดคน ชายถ้ำมองย่องออกจากมุมมืด เดินตรงไปยังอพาร์ตเม้นต์
ฝ่ายพยสขับรถอยู่เกิดนึกเอะใจ เพ่งมองทางกระจกหลัง แต่ไม่มีใคร ก็โล่งใจ ขับรถออกไป
พัดชาเปิดประตูเข้าห้องมายังไม่ทันปิดประตู ชายถ้ำมองรวบตัวจากด้านหลังปิดปากหมับ ดันตัวไปทางเตียงพัดชาพยายามร้อง
“อ๊าย ช่วยด้วย”
แต่โดนอุดปากแน่น พัดชาง้างปากกัด ชายถ้ำมองร้องจ๊าก สะบัดมือเร่าๆ
พอหลุดจากการกอดรัด พัดชาหันมาเห็นหน้าคนร้ายชัดๆ พบว่าเป็นชายถ้ำมองคนเดิมนั่นเอง
“จำพี่ได้ไหมจ๊ะ น้องสาว”
“ไอ้บ้า ออกไป”
ชายถ้ำมองหูดับไปแล้ว ย่างสามขุมเข้าหา พัดชาเห็นประตูห้องเปิดอ้าอยู่ พุ่งตัวจะหนี แต่ชายถ้ำมองรวบตัวไว้ พัดชาสู้สุดชีวิต แรงมีเท่าไหร่ใส่ไม่ยั้ง แต่ชายโรคจิตแรงเยอะกว่า เหวี่ยงพัดชาคว่ำไปร่างกระเด็นไปโดนขอบโต๊ะ หัวแตกเลือดซึมออกมา
ชายถ้ำมองเข้ามาลากร่างอ่อนปวกเปียก พัดชาสู้ขาดใจ แต่โดนตุ๊ยท้องแล้วเหวี่ยงร่างลงบนเตียง
“มึงแทงกูเจ็บ กูจะแทงคืน เอาให้เจ็บร้องไม่ออกเลย”
ชายถ้ำมองเริ่มปลดกระดุมเสื้อ
“ไม่....ไม่...ใครก็ได้ช่วยด้วย”
ชายถ้ำมองโถมตัวลงไปใช้มืออุดปาก พัดชาดิ้นหนี ส่งเสียงอู้อี้ๆ จนเริ่มหมดแรงกำลังจะเสียท่าอยู่รอมร่อ ชายถ้ำมองโน้มหน้าลงมาใกล้ๆ แต่มีเสียงผัวะดังสนั่นร่างคนร้ายกระเด็นพ้นตัวพัดชาไป
เป็นพยสที่คว้าไม้ในห้องเหวี่ยงฟาดหัวชายถ้ำมอง พัดชาเห็นใบหน้าสุดท้ายก่อนสลบไป
“คุณพยส”
ฝันร้ายในอดีตผุดขึ้นมาหลอกหลอน พัดชาถูกเดฟข่มเหงทำร้าย เธอดิ้นรนต่อสู้สุดแรงเกิด แต่ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายโดนเดฟกระทำชำเรา
“ปล่อยฉัน ปล่อย”
ร่างพัดชานอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงคนไข้
“ปล่อยฉัน อย่าทำร้ายฉัน”
พยสเฝ้าอยู่ข้างเตียง เห็นพัดชายกมือปัดป่ายไปมา ก็สงสารและเห็นใจรวบมือพัดชามากุมไว้
“พัดชา”
เสียงเรียกทำให้พัดชาได้สติ ลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยของโรงพยาบาล มีพยสกุมมือไว้ พัดชายังตัวสั่นเพราะความหวาดกลัว
“มัน...มันจะทำพัด...มัน...”
พัดชาหมายถึงเดฟน้ำตาเอ่อท้นเมื่อนึกถึงอดีตอันเลวร้าย แต่พยสกลับคิดว่าเป็นเรื่องร้ายๆ เมื่อสองชั่วโมงที่ผ่านมา
“เธอปลอดภัยแล้ว ไม่มีใครทำร้ายเธอ”
พัดชาทำแผลเรียบร้อยตรงหน้าผากที่แตก ใบหน้า ลำคอ ยังมีร่องรอยเขียวเป็นจ้ำๆ จากการถูกทำร้ายให้เห็นอยู่
“ฉันปลอดภัย”
“ใช่ ฉันเอะใจเลยย้อนกลับไปดู เจอไอ้ถ้ำมองคนนั้น มันหนีไปได้ แต่ฉันแจ้งความไว้แล้ว
พัดชานึกทวนเหตุการณ์ จำได้เลาๆ ว่าชายถ้ำมองกำลังจะโน้มหน้าลงมา
พัดชาเห็นใบหน้าพยสที่ฟาดนักถ้ำมอง มองมายังเธอด้วยสายตาอาทร ก่อนพัดชาจะสลบไป
“เธอไม่เป็นไรแล้วนะ”
พัดชามองพยส ความรู้สึกขอบคุณท่วมท้นล้นใจ บาดแผลลึกที่ซ่อนไว้ในใจ ไม่ได้ถูกกรีดซ้ำอีก ยิ่งทำให้เธอทวีความดีใจที่รอดพ้นความเลวร้ายมาได้ พัดชากุมมือพยสตอบกลับ ซบหน้าลงร้องไห้สะอื้นฮัก
“ขอบคุณนะคะคุณพยส ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพัด”
ตรีประดับยืนมองจนแน่ใจว่าพัดชาหลับสนิทอย่างไม่กังวลแล้วจริงๆ จึงปิดประตูห้องนอนแขกห้องเดิมลง
“น่าสงสารน้องพัด คงเสียขวัญน่าดู”
พยสยืนรออยู่ที่หน้าห้อง
“อพาร์ตเม้นต์นั้นคงอยู่ไม่ได้แล้ว ไม่ปลอดภัย เกิดเหตุไปครั้งนึงเมื่อสองวันก่อน ไม่น่าเชื่อว่าคนร้ายมันจะย้อนมาอีก”
“ในเมื่อน้องพัดมาช่วยงานแปลหนังสือ มาช่วยงานที่บ้าน ทำไมเราไม่ให้น้องพักที่นี่กับเราล่ะคะ”
พยสตกใจกับการตัดสินใจของตรีประดับ ได้แต่นิ่งอึ้งไม่ได้ทัดทานใดๆ
ทางด้านเทศราชตามเก็บภาพต่อ แต่ค่ำวันนี้เขาไม่ได้พกกล้องตัวใหญ่คู่ใจ มีเพียงกล้องขนาดเล็กเหมือนมือถือ ทำเป็นถือไปมา ติดตามบุคคลเป้าหมาย ซึ่งก็คือกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงที่เดินป้อแป้ สูดจมูกเหมือนคนเป็นหวัดเป็นไข้กันตลอดเวลา
ในแสงสลัวของผับดังท่ามกลางเสียงดนตรีเร้าอารมณ์ กลุ่มวัยรุ่นสุมหัวกันอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง สลับกันก้มลงสูดบางอย่างบนโต๊ะ แล้วเงยหน้าขึ้นมาตาเยิ้มราวกับได้สูดโอโซนแสนสดชื่น
เทศราชโยกตัวไปตามเพลง สายตาลอบมองกลุ่มวัยรุ่น ทำทีเป็นหยิบมือถือขึ้นมา ทำท่าเหมือนจะกดโทร. แต่จริงๆ แล้วเปิดปุ่มกล้องเพื่อบันทึกวิดีโอ แล้วยกขึ้นแนบหู เบนกล้องไปทางมุมที่จะเก็บภาพวัยรุ่นได้เนียนๆ
เสี่ยจิวควงชินานางเข้ามาจากอีกทาง โดยที่เทศราชยังไม่เห็น
“ในนี้เขาห้ามโทรศัพท์ไม่รู้เหรอ”
เทศราชตกใจหันไปทางเสียงเห็นเสี่ยจิวมองตาเป๋งอยู่ เอื้อมมือจะคว้าโทรศัพท์ แต่เทศราชไวกว่า เขากดปิดกล้องไปแล้วเรียบร้อยแล้วเก็บมือถือทันที
“อ้าว เสี่ยจิว ผมจะอยากโทร.หาหญิงบ้างไม่ได้เหรอครับ”
เสี่ยจิวหรี่ตาใช้ความคิด
“มาเที่ยว”
“แล้วเห็นผมทำอะไร”
เสี่ยชี้ไปทางป้ายที่บอกว่า ห้ามถ่ายรูป
“คุณคงไม่ได้มาทำงาน ที่นี่ไม่มีอะไรให้คุณถ่าย”
เทศราชยิ้มๆ มองมาทางชินานาง เปลี่ยนประเด็นได้อย่างฉับพลัน
“ผมว่ามีนะ ดาราร้อยมงกุฎกับคู่ควงคนใหม่ ข่าวคาว ขายดีนัก”
ชินานางสะดุ้งร้อนตัวกลัวตกเป็นข่าวฉาว และยังไม่อยากเปิดเผยว่าลดตัวมาคบเสี่ยหน้าตาสู้พระเอกไม่ได้
“เสี่ยขา ไปเถอะ นางมาสนุกนะคะ ไม่อยากเป็นข่าว”
“นั่นสิ ข่าวเมาท์คลิปที่แล้วยังไม่ซานี่นะ”
ชินานางหน้าบูด พยายามดึงเสี่ยจิวออกห่างจากเทศราช
เสี่ยจิวไม่ไว้ใจว่าเทศราชมาในฐานะนักเที่ยวเสเพลหรือช่างภาพของสำนักพิมพ์ดัง แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ เพราะมัวเห่อจะอ้อล้อกับชินานาง
เทศรามองตามเสี่ยจิวไป สังเกตเห็นว่าใครต่อใครในผับยกมือไหว้เสี่ยจิวเป็นแถว แม้กระทั่งกลุ่มเด็กผีขี้ยา
“น้องๆ เจ้าของคนนั้น ชื่ออะไรนะ”
เทศราชแกล้งถามกับเด็กเสิร์ฟพร้อมกับชี้ไปทางเสี่ยจิว เขารู้ชื่อดี แต่อยากเมกชัวร์ว่าที่นี่เป็นของเสี่ยจิวจริงหรือไม่ เด็กเสิร์ฟตกหลุมชี้ตามไป
“อ๋อ เจ้าของผับนี้ เสี่ยจิวครับ นั่นไง”
เทศราชยิ้มให้เด็กเสิร์ฟ แล้วหันไปโยกตัวทำเป็นสนุกต่อ ได้ข้อมูล
“เสี่ยจิวเป็นเจ้าของที่นี่จริงๆ ด้วย”
ภาพแอบถ่ายจากในผับ เห็นเป็นภาพกลุ่มวัยรุ่นสุมหัวสูดยาไอซ์ วัยรุ่นแลกเปลี่ยนเงินซื้อยา รวมทั้งภาพเสี่ยจิวคุยกับเด็กวัยรุ่นในร้าน เทศราชดูภาพเหล่านั้นจากกล้องมือถือตัวจิ๋วอยู่ที่โต๊ะทำงานในคอนโด
“ขายทุกอย่างเลยนะเสี่ยจิว”
ช่างภาพหนุ่มแกะเมมการ์ดออกจากโทรศัพท์ ใส่ซองพลาสติก ใช้ปากกาเขียนชื่องานหน้าซองว่า “ยา” แล้วดึงลิ้นชักออกมาจะเก็บซองเข้าที่ พบว่ามีซองพลาสติกใส่เมมการ์ดอีกหลายซอง มีชื่อเขียนกำกับไว้ทุกซอง
“สารคดีดนตรีแจ๊ซ” / “รุกป่า” / “Street Art” / “ปกหนังสือตรี” / “ภาพประกอบหนังสือตรี” / “พรีเวดดิ้งตรี”
ซองสุดท้ายเทศราชชะงักมือ อดหยิบซอง “พรีเวดดิ้งตรี” ขึ้นมาดูไม่ได้
เขาเสียบเมมการ์ดใส่โน้ตบุ๊กเปิดดู เป็นภาพตรีประดับและพยส ตอนถ่ายพรีเวดดิ้งที่เมืองนาริตะ ญี่ปุ่น
เทศราชกดดูไปเรื่อยๆ แปลกใจว่าทำไมมีแต่รูปคู่ตรีประดับกับพยส เทศราชกดเลื่อนไปโดยเร็ว
“รูปเดี่ยวตรี”
เทศราชรื้อลิ้นชัก หาซองใส่เมมการ์ด แต่ไม่เจอ จนนึกได้ว่าเคยเปิดดูครั้งสุดท้ายที่ร้านซาโต้ในญี่ปุ่น
เทศราชรีบกดโทรศัพท์หาเพื่อนทันที
“ไฮ ซาโต้ แกเห็น SD card ของชั้นหรือเปล่า จะอันไหน อันที่มีแต่รูปตรีไง เออ ใช่ รูปแอบถ่าย ที่เอาไปเปิดดูที่ร้านแกน่ะ มันอยู่ที่ร้านแกหรือเปล่า หือ? ไม่เห็น ไม่มี จะโทษว่าฉันเมาแล้วทำหายเอง เวรเอ๊ย แค่นี้นะ”
เทศราชจำได้ว่าเขาดูรูปแอบถ่ายตรีประดับอยู่ตรงเคาน์เตอร์ร้านเหล้าซาโต้กับมิจิ แล้วเศร้าลง มิจิยัดเยียดสาเกให้ เทศราชดื่มรวดเดียว
เทศราชวางโทรศัพท์ลงอย่างหัวเสีย กลับมากดดูภาพพรีเวดดิ้งที่ถ่ายอีกครั้ง รูปสุดท้ายที่เจอ เป็นภาพรวมสี่คน เทศราช ตรีประดับ พัดชาและพยส
วันต่อมาบุพชาเดินหมุนตัวอยู่ท่ามกลางบรรยากาศบ้านอันหรูหรา ทำตัวราวกับว่าเป็นเจ้าของที่นี่
“สนุกไหมอาบุพ”
บุพชาเหลียวขวับไปทางชิงฉัตร อาย แต่ข่มไว้ด้วยเสียงเข้ม
“แกจะหาเรื่องอะไรฉัน”
“สนุกไหม วางท่าเป็นคนรวย ทั้งที่กำลังบากหน้ามาขอเงินเขาใช้”
“ชิงฉัตร แกนี่มันผีเจาะปากจริงๆ”
บุพชาอยากจะด่าต่อ แต่สายตาดันไปเห็นพัดชากำลังทำความสะอาดบ้านอยู่ใกล้ๆ
“คนใช้คนใหม่เหรอ”
บุพชาตรงเข้าไป เชยคางพัดชาขึ้นมามอง อย่างคนไร้มารยาท พัดชางง ปัดมือบุพชาออกด้วยความตกใจ
“คุณ”
“น้องพัดไม่ใช่คนใช้นะคะพี่บุพ”
ตรีประดับเข้ามาพร้อมเช็ค พลางหันไปแนะนำกับพัดชา
“นี่คุณบุพชา พี่สาวคุณพยส”
พัดชารีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม บุพชารับไหว้ส่งๆ พิจารณารูปร่างหน้าตาดีผิดกับตนเลยเกิดหมั่นไส้
“ต๊าย ทรวดทรงองค์เอว มาเป็นคนใช้แน่เหรอจ๊ะหนู งานหนักนะ จะไหวเร้อ ไม่ใช่ว่ารับพาร์ทไทม์ทำงานอย่างอื่นนะ”
ตรีประดับไม่พอใจ “ตรียืนยันค่ะ น้องมาฝึกงานแปลกับตรี ตอนนี้ก็เป็นผู้ช่วยตรีด้วย”
“ผู้ช่วย ช่วยอะไร งานในบ้านน่ะเหรอ หรืองานบนเตียง”
ตรีประดับข่มอารมณ์ “พี่บุพคะ พัดชาเป็นเด็กดี พี่บุพกรุณาอย่าพูดอะไรทำนองดูถูกเลยค่ะ คนเหมือนกัน แล้วไม่ว่าน้องพัดจะทำงานอะไร ก็มีศักดิ์ศรีที่หาเงินใช้เอง”
บุพชาสะดุ้งร้อนตัวทันที โดนเหน็บอย่างสุภาพ เพราะที่มาหาตรีประดับถึงบ้านก็เพราะมาขอเงิน
“อ๊าย คุณตรีจะไปรู้อะไร พี่พูดก็เพราะเห็นมาเยอะแล้ว ทำท่าหงิมๆแบบนี้แหละ มันหลอกให้เราตายใจ แล้วก็คาบผัวเราไปกก”
ชิงฉัตรชักทนไม่ได้ที่ตรีประดับ ผู้หญิงจิตใจสะอาดจะต้องทนฟังคำพูดราวแม่ค้าของบุพชา เลยหาเรื่อง
“อาบุพพูดจากประสบการณ์ตัวเองใช่ไหมครับ ผัวอาบุพมีเมียน้อยมากี่คนแล้วนะ”
“ไอ้...ไอ้...ไอ้...ไอ้ฉัตร”
“พอเถอะค่ะพี่บุพ อย่ามาขึ้นไอ้ขึ้นอีในบ้านนี้ นี่ค่ะเช็ค”
บุพชาคว้าหมับ ท่าทีอ่อนลง แต่เห็นสีหน้าสุดกวนตีนของชิงฉัตร เห็นท่าทางปกป้องพัดชาของตรีประดับ และยิ่งเห็นสายตาลึกล้ำของพัดชาแล้วขึ้นอีกรอบ
“พี่ไม่ได้ดูถูก แต่จะบอกว่าดูไม่ผิดแน่ๆ คุณตรีนะ สวยก็สวย แต่ก็ทำตัวซื่อจนเหมือนโง่ เมียปกติดีๆ ที่ไหนจะเอาผู้หญิงสวยมาไว้ใกล้ผัว แมวกับปลาย่าง จู่ๆ ชักศึกเข้าบ้าน จะหาว่าไม่เตือน”
พัดชาฟังมานาน ทนไม่ได้ ต้องปกป้องตรีประดับ
“คุณคะ ถึงคุณจะดูถูกดิฉันแค่ไหน แต่อย่าได้ดูถูกคนที่มีพระคุณกับดิฉันอย่างคุณตรีประดับ”
บุพชายิ้มหยัน “เฮอะ ฉันจะรอดู ผู้ชายร้อยทั้งร้อยมันก็รักสนุกชอบแอบกินทั้งนั้น เธอก็เหมือนกันหล่อๆอย่างพยส เธอจะอดใจไหวเหรอ ระวังแล้วกัน อย่าริสวมเขาให้ผู้มีพระคุณของเธอ”
ตรีประดับตะลึง หน้าชา ในขณะที่พัดชาถึงกับอึ้งไป เพราะโดนจี้ใจดำจังๆ
ชิงฉัตรเหลืออด “อาบุพ ได้เงินแล้วก็รีบไป”
“แกไล่ฉันเหรอ ไอ้ฉัตร แกมันก็เกาะเขากินเหมือนกัน”
ชิงฉัตรไม่ทน ลากบุพชาออกไปจากตรงนั้น
ตรีประดับยืนนิ่ง พัดชาเดินเลี่ยงออกไปทางหนึ่ง ตรีประดับเห็นน้ำตาพัดชาร่วงริน
พัดชาหลบมุมมาแอบร้องไห้ ปาดน้ำตาเบาๆ กลัวตรีประดับกังวลใจที่เห็น
“น้องพัด อย่าไปถือสาพี่บุพเขาเลยนะ เขาก็เป็นอย่างนั้น”
พัดชายังน้ำตานอง มองหน้าตรีประดับที่ดูนิ่งสงบ เย็นเป็นแม่น้ำ
“คุณตรีคะ พัดจะไม่มีวันเป็นแบบนั้น พัดจะไม่มีวันทรยศผู้มีพระคุณอย่างคุณตรี คุณตรีกับคุณพยสช่วยพัดไว้หลายครั้ง พระคุณท่วมหัว ให้พัดทำงานรับใช้ พัดก็ทำได้”
“พัดชา พี่เคยบอกแล้ว ถ้าพี่จะมีน้องสาวสักคน ก็คงเป็นน้องพัดนี่แหละ เพราะฉะนั้นเรื่องช่วยเหลือไม่ใช่เป็นเรื่องบุญคุณ แต่เป็นน้ำใจที่พี่มีให้น้อง”
“ตั้งแต่เด็ก พัดอยู่บ้านเด็กกำพร้า ไม่เคยมีให้เกียรติพัด ไม่มีใครปลอบใจพัดแบบนี้ พอไปอยู่กับพ่อแม่บุญธรรม พัดรู้จักแค่คำว่าอุปการะ แต่ไม่เคยซาบซึ้งใจกับการให้ จนวันนี้”
“ถ้าอย่างนั้น ก็อยู่ด้วยกันที่นี่ อยู่เป็นน้องสาวพี่ เป็นครอบครัวเดียวกัน”
สีหน้าพัดชา ตะลึงพึงเพริด ตื้นตันใจ ซาบซึ้งใจ จนคำพูดขอบคุณจุกอยู่แค่คอ
“คุณตรี”
ตรีประดับจับมือพัดชา ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนและจริงใจ
พัดชากลับมาเก็บของในอพาร์ตเม้นต์ สมบัติติดตัวของเธอแทบไม่มีอะไรเลย เสื้อผ้าเก่าๆ 2-3 ชุด พอเก็บเสร็จ เหลียวมองห้องซอมซ่ออันว่างเปล่า นึกถึงอดีตอันเลวร้ายที่นี่
พัดชาถูกชายถ้ำมองรวบตัวไว้ได้ดันเข้ามาในห้อง พัดชาสู้สุดชีวิต แรงมีเท่าไหร่ใส่ไม่ยั้ง แต่ชายโรคจิตแรงเยอะกว่า ซัดพัดชาจนคว่ำ ร่างกระเด็นไปโดนขอบโต๊ะหัวแตกเลือดซึมซิบๆ
ชายถ้ำมองเริ่มปลดกระดุมเสื้อ พัดชากรีดร้อง
“ไม่...ไม่...ใครก็ได้ช่วยด้วย”
นึกขึ้นมาแล้วพัดชาสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก
“ไม่นะ ไม่เอาแล้ว”
พัดชาหวนนึกถึงตอนที่ต้องอดทนอยู่กับการถูกเดฟข่มเหงรังแกมานาน ยืนมองออกไปที่นอกหน้าต่างนิ่งนาน เมื่อหันมาอีกที สีหน้าเข้มนัยน์ตาแข็งกระด้างอย่างคนกร้านโลก
เมื่อเดฟเข้ามาหา พัดชาเหมือนจะหวาดหวั่นในตอนแรก แต่แล้วกลับเอนตัวลงนอนตามที่เดฟใช้แรงบังคับ
คิดเรื่องนี้ พัดชามองตัวเองในกระจก ดวงตาส่องประกายกล้าแกร่งจิตใต้สำนึกด้านมืดปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“ก้าวออกมาแล้ว ต้องก้าวไปให้พ้น”
จิตใต้สำนึกด้านมืดของพัดชาปรากฏขึ้นครั้งแรกหลังซากุระยืนต้นโดดเดี่ยวอย่างโดดเด่นในโรงรียนร้างที่ญี่ปุ่น
“ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ทุกอย่างต้องลงทุน อาจจะต้องลงแรง หรือ ลงกาย”
พัดชาปล่อยให้จิตสำนึกด้านมืดครอบงำมากขึ้นเรื่อยๆ และยอมเชื่อฟังโดยดี
“ฉันจะทิ้งอดีตดำมืดไว้ข้างหลัง”
พัดชาในกระจกยิ้มเยือกเย็น
“อยากได้อะไรก็ต้องคว้ามาให้ได้”
พัดชาสัญญากับตัวเอง
“อนาคตรอฉันอยู่ ฉันจะมีในสิ่งที่ฉันอยากมี ฉันจะเป็นแบบที่ฉันอยากเป็น”
เงาในกระจกเห็นเป็นจิตใต้สำนึกของพัดชายิ้มเยือกเย็นให้กับตัวเอง ในแววตาอันลึกล้ำ
ทุกคนพร้อมหน้ากันบนโต๊ะทานอาหารมื้อค่ำ บนโต๊ะเป็นอาหารสำหรับทำนาเบะหม้อไฟครบชุด
“ตรีจัดชุดใหญ่อีกแล้ว เหมือนอยู่ญี่ปุ่นเลยนะครับ” พยสว่า
“ก็ได้น้องพัดช่วยเตรียมของนี่คะ” ตรีประดับหันมาทางชิงฉัตร “ชิงฉัตรคงไม่รู้ว่าพี่พัดชาใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นตั้งแต่เด็ก”
ชิงฉัตรมองพัดชาที่ก้มหน้าก้มตายิ้มรับคำชม
“อ๋อ มิน่า”
พยสฉุนกึก “มิน่าอะไรเจ้าฉัตร”
“ดูแล้วก็ว่าไม่เหมือนคนไทย” ชิงฉัตรมองด้วยสายตาแทะโลม “เขาดูสวยลึกลับ แล้วก็เย้ายวน เหมือนอะไรนะ เกอิชาใช่ไหม”
“เกอิชาคือผู้ให้ความสำราญ ตีความผิดไปใหญ่แล้วชิงฉัตร”
ตรีประดับปราม ตีแขนเบาๆ แก้ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ชิงฉัตรยิ้มให้แต่ส่งสายตาชวนพัดชาคุย ทำตาเจ้าชู้ใส่
“ผมเข้าใจผิดหรือครับ”
เด็กหนุ่มมองจ้องพัดชาอย่างรู้เท่าทัน ว่าฉันเข้าใจเธอไม่ผิดแน่นอน พัดชาเมินหน้าหนีไม่ตอบ เสทำเป็นตักหม้อไฟใส่ถ้วย
“พัดขออนุญาตเข้าไปทานในครัวนะคะ”
ตรีประดับจับมือห้าม “ไม่ได้จ้ะ พี่ตั้งใจว่ามื้อนี้จะเป็นการเลี้ยงต้อนรับน้องพัดด้วย ต้องอยู่ทานด้วยกันสิ อีกอย่างบ้านนี้จะหาโอกาสกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตามันยากนะจ๊ะ นั่งด้วยกันเถอะ”
พัดชาชะงัก มีท่าทีเกรงใจ ชิงฉัตรมองอย่างหมายตา แล้วพูดมีเลศนัย
“ถ้าอาหารหน้าตาน่าทานอย่างนี้ ผมยินดีกลับมาร่วมโต๊ะกับอาตรีทุกวันเลยครับ”
พัดชารับรู้ได้ว่าชิงฉัตรพูดแทะโลมตัวเอง ก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก
“ฮึ คนอย่างแกเนี่ยนะจะคลำทางกลับบ้านก่อนพระอาทิตย์ตกได้ มัวหลงทางอยู่ตามร้านเกม หรือแหล่งมั่วสุมของพวกเด็กเกรียนๆ สิไม่ว่า”
ชิงฉัตรยิ้มเยาะ “อาพยสเองก็กลับบ้านฟ้ามืดเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ ทำไมถึงรู้ล่ะว่าผมไปมั่วสุมอยู่แหล่งไหน หรือว่าไปมั่วอยู่ใกล้ๆ กัน”
พยสทำหน้าไม่สบอารมณ์ วางช้อนเคล้ง ทำท่าจะโวยตรีประดับรีบขัด
“เอาล่ะค่ะ ทานกันได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะไม่อร่อยนะคะยส”
ตรีประดับคีบอาหารใส่ถ้วยเพื่อให้พยสหยุดพูด
พัดชาจับสังเกตท่าทางหงุดหงิดของทั้งพยสและชิงฉัตรมาหลายครั้ง เริ่มเก็ตแล้วว่าทั้งสองไม่กินเส้นกันอย่างรุนแรง
ทุกคนกินกันไปเงียบๆ มีเพียงตรีประดับที่พยายามจะสร้างบรรยากาศ ด้วยการชวนคนนั้นคนนี้คุย สลับกับคีบอาหารให้พัดชาอย่างเอาอกเอาใจ
หลังม้อค่ำตรีประดับรื้อแลปทอปเก่ามาเช็คดูสภาพการใช้งาน แล้วหันไปขออนุญาตพยส
“ตรีขอเอาแลปทอปเก่าของยสไปให้น้องพัดนะคะ น้องจะได้มีคอมไว้ใช้งาน”
“เป็นคนรับใช้ต้องมีคอมด้วยเหรอครับ”
ตรีประดับตีแขนพยสเบาๆ
“ใครบอกว่าน้องพัดเป็นคนใช้คะ ยสอย่าพูดอย่างนี้ให้แกได้ยินเชียว ตรีไม่ได้จ้างน้องพัดมาเป็นคนใช้ แต่ตรีให้มาอยู่ในบ้านเป็นเพื่อนตรี เป็นผู้ช่วยคอยจัดการธุระต่างๆ”
“โอเคๆ ผมเข้าใจผิดเอง”
พยสเข้าไปกอดง้อตรีประดับ
“น้องพัดมีน้ำใจกับเรามากนะคะ ตรีอยากให้ยสเอ็นดูแกเหมือนน้องคนนึง เพราะตรีเองก็ถูกชะตากับเด็กคนนี้มาก ตรีเห็นแววตาลึกๆ ของแกแล้วรู้สึกว่าน้องพัดคงจะมีชีวิตที่ว้าเหว่มานาน ตรีอยากจะช่วยให้แกมีความสุข”
พยสมองตรีประดับแล้วยิ้มเอ็นดู รู้สึกยิ่งรักเมียมากเหลือเกิน
“เพราะตรีเป็นคนละเอียดอ่อนแบบนี้เอง ผมถึงไปไหนไม่รอด ตกลงครับ ผมจะรักเอ็นดูแกให้เท่ากับที่ตรีรัก แต่ตรีต้องอย่าห่วงคนอื่นจนลืมผมนะ”
ตรีประดับมองค้อน “ที่แท้ก็เป็นเด็กขี้อิจฉานี่เอง ตรีจะให้ใครมาสำคัญกว่าสามีได้ยังไงคะ”
“พิสูจน์สิครับ”
“ยังไงคะ”
พยสทำหน้ามีเลศนัย แล้วรวบตัวอุ้มตรีประดับขึ้น อีกฝ่ายร้องว้ายตั้งตัวไม่ทัน พยสอุ้มตรีประดับแล้วบรรจงวางลงที่เตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนเคียงข้างกำลังจะนัวเนียกัน ตรีประดับโอนอ่อนไปตามสัญชาตญาณ แต่เสียงเตือนมีอีเมลเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์เลยชะงัก พลิกตัวไปหยิบโทรศัพท์มาดู พลอยทำให้พยสชะงักไปด้วย
“เจ้าของหนังสือที่ตรีแปลอยู่ตอบเมลมาแล้วค่ะ ตรีต้องไปทำงานต่อแล้วล่ะ ยสอาบน้ำแล้วก็พักผ่อนนะคะ”
ตรีประดับยื่นหน้าไปจูบแก้มพยสเร็วๆ แล้วรีบลุกออกไป
พยสนอนหงายอยู่บนเตียงอารมณ์ค้างเติ่ง ถอนใจแรงๆ สุดเซ็ง ที่โดนตรีประดับเทอีกแล้ว
พัดชาล้างจานอยู่ในครัวเงียบๆ ไม่รู้ตัวว่ามีใครบางคนแอบยืนมองอยู่ด้านหลัง ใครคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ โดยที่พัดชายังไม่รู้ตัว จนกระทั่งพัดชาทำจานที่ล้างแล้วกำลังจะวางบนชั้นหลุดมือ แต่มือใครคนนั้นเลื่อนมารับไว้ทัน จนทั้งสองเผลอสัมผัสมือกันโดยไม่รู้ตัว
“คุณชิงฉัตร” พัดชาถอยห่างออกนิดๆ อย่างระวังตัว “จะเอาอะไรหรือเปล่าคะ”
“พอดีเมื่อกี้ยังกินไม่อิ่ม เลยว่าจะเข้ามากินต่อ”
พัดชาเห็นสายตาโลมเลียของชิงฉัตรก็รู้ว่าเด็กคนนี้เฮี้ยว แต่ไม่อยากเล่นด้วย
“หมดแล้วค่ะ แต่ถ้าคุณหิว ฉันจะต้มบะหมี่ให้”
“ดี ฉันชอบอะไรง่ายๆ” ชิงฉัตรจงใจเน้นตรงคำว่าง่ายๆ
พัดชาเซ็ง รู้สึกว่าชิงฉัตรเล่นลิ้นไปเรื่อย
“คุณชิงฉัตร ฉันอายุมากกว่าคุณ กรุณาให้เกียรติกันด้วยนะคะ”
“ฉันไม่ให้เกียรติเธอตรงไหน”
“อย่างแรก คำพูดคำจาของคุณ ฉันไม่ได้โง่ถึงขนาดฟังไม่รู้ความหมายนะคะ อย่างที่สอง คุณควรจะเรียกฉันว่าพี่เหมือนที่คุณตรีประดับสั่งไว้ ถ้าสองอย่างนี้คุณทำไม่ได้ การต้มบะหมี่ก็น่าจะง่ายพอที่คุณจะทำเอง”
พัดชาเปิดตู้ด้านบน หยิบเอาบะหมี่ถ้วยมาวางลงตรงหน้า ชิงฉัตรหัวเราะหึๆ
“ลืมไปว่าเป็นคนโปรดอาตรี ขอโทษคร้าบ” ชิงฉัตรกวนประสาท แกล้งยกมือไหว้ล้อเลียน “ต่อไปนี้ผมจะกราบไหว้พี่พัดชาทุกเช้าเย็นเลยดีมะ”
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ ยังไงฉันก็เป็นแค่ผู้อาศัย แค่ให้เกียรติกันเหมือนคนที่ได้รับการอบรมปฏิบัติต่อกันก็พอ”
ชิงฉัตรหน้าตึง ไม่พอใจที่พัดชาสอน แต่พัดชาทำไม่แคร์
“ฉันต้องล้างจานต่อให้เสร็จ แต่ถ้าคุณหิวจนรอไม่ได้” พัดชาชี้ไปที่กระติกน้ำร้อน “น้ำร้อนอยู่ทางโน้นนะคะ”
พัดชาหันกลับไปล้างจาน ไม่สนใจหนุ่มรุ่นน้องอีก ชิงฉัตรมองหมั่นไส้นิดๆ ที่อีกฝ่ายไว้ตัว แต่ขณะเดียวกันก็ยิ้มร้ายนึกสนุก
เกิดความท้าทายว่าจะเอาชนะพัดชาให้ได้
วันนี้บุพชาพรวดพราดจะไปที่ห้องประชุมบริษัทของพยส แต่ถูกพนักงานต้อนรับออกมาขวางไว้อย่างมีมารยาท
“คุณพยสยังประชุมอยู่เลยค่ะ”
บุพชาดูนาฬิกาหงุดหงิด “อะไรกัน นี่มันจะเที่ยงแล้วนะ ไม่พักกินข้าวกินปลากันเลยหรือไง”
พนักงานยิ้มแหยๆ “คุณบุพชามีธุระด่วนหรือเปล่าค่ะ ดิฉันรับเรื่องไว้ให้ได้”
“ฉันมีธุระ แต่เป็นเรื่องส่วนตัวย่ะ หรือว่าเธอรู้เรื่องที่เมียน้องชายฉันพาผู้หญิงอีกคนเข้าไปอยู่ในบ้านฮะ”
อรณาเดินเข้ามาในออฟฟิศ ได้ยินเสียงบุพชาพูดพอดี
“เอ่อ มะ...ไม่ทราบค่ะ”
“นี่แหละ ถึงได้จะมาถามนายยสให้รู้เรื่องว่าคิดอะไรกัน อย่างนี้มันเรียกว่าชักศึกเข้าบ้านชัดๆ”
พนักงานได้แต่ทำหน้าเหยเก ไม่กล้าออกความเห็น บุพชาหันไปเห็นน้องสาว
“อ้าว ยัยณา”
สองพี่น้องเข้ามาเม้าท์แตกรออยู่ในห้องพยส
“คุณตรีประดับน่ะเหรอเอาผู้หญิงอื่นเข้าบ้าน”
“ฉันไปเจอมาเอง คงเอามาเป็นคนใช้นั่นแหละ แต่ท่าทางมันดีเชียวนะ ไม่เหมือนคนใช้เท่าไรหรอก พูดจาก็จองหอง”
“เขาเป็นญาติกันหรือเปล่าพี่ เหมือนเจ้าฉัตรไง”
“ถึงเป็นญาติก็เถอะ ผัวเมียอยู่กันดีๆ จะเอาผู้หญิงสาวๆ สวยๆ มาเดินอยู่ในบ้านล่อเสือล่อตะเข้ทำไม ตายสพี่ชายแกก็ใช่ว่าจะดีเด่อะไร ก็สันดานผู้ชายเดียวกันหมด เห็นผู้หญิงสวยจะอดใจได้ซักแค่ไหนเชียว”
พยสประชุมเสร็จเดินกลับมาที่ห้อง เพราะรู้ว่าพี่สาวมารออยู่ ยังไม่ทันเปิดประตูก็ได้ยินเสียงบุพชาเมาท์กับอรณาแล่บออกมาอย่างเมามัน
“แม่ตรีประดับน่ะโง่ ก้มหน้าก้มตาเขียนหนังสือไปเถอะ รู้ตัวอีกทีผัวคงเอาปากกาส่วนตัวไปเขียนกับผู้หญิงอื่นจนเปรอะแล้วล่ะ”
พยสยืนฟังคำพูดเผ็ดร้อนของบุพชาแล้วหน้าชา ยืนอึ้งตรงนั้น ไม่กล้าเปิดเข้ามา
บุพชาพูดน้ำไหลไฟดับแล้วชะงัก เพราะเห็นอรณาไม่ร่วมวงด้วย ได้แต่ทอดสายตามองพี่สาวอย่างสมเพช
“พี่บุพนี่สุดยอดอะ เป็นตุเป็นตะขนาดนี้น่าไปแต่งนิยายขายแข่งกับคุณตรีนะ อ้อ แล้วอย่าลืมเอาตัวเองใส่ไปในนิยายด้วยละ ไอ้ประเภทตัวละครปากหวานก้นเปรี้ยว ต่อหน้าเวลาอยากได้เงินเขาก็น้องตรีคะ น้องตรีขา” อรณาทำเลียนเสียงพี่สาว “แต่ลับหลังก็ด่าเขาว่าโง่ ปากแบบนี้ไง ผัวถึงเผ่นไปหาเมียน้อย”
บุพชาลุกพรวด เต้นเป็นเจ้าเข้า
“อ๊าย นี่แกด่าฉันเหรอ”
“เออ ด่าสิ เผื่อจะได้สติบ้างว่าที่ทำอยู่เขาเรียกว่าเนรคุณ”
บุพชาไล่ตีอรณา ไม่ได้โกรธมากมาย แค่ขัดเคืองที่น้องสาวขัดคอตลอด
“นังน้องบ้า ฉันเล่าให้แกฟังก็เพราะห่วงนายยส อยากจะปรับทุกข์ด้วย”
“พี่ปรับทุกข์กับพนักงานไปกี่คนแล้วล่ะ ป่านนี้คงรู้กันทั่วบริษัทแล้วมั้งว่าพี่สะใภ้เราโง่ ส่วนพี่ชายก็จะเอาคนใช้ทำเมีย ทั้งที่ความจริงมันยังไม่มีอะไรเลย”
บุพชากรี๊ดๆ หยิบหมอนขว้างใส่อรณา พยสเปิดประตูเข้ามา
“ใช่ มันยังไม่มีอะไรที่พี่บุพพูดเกิดขึ้นซักอย่างเดียว”
บุพชากับอรณาชะงักเมื่อเห็นพยส หน้าเจื่อนกันทั้งคู่
“ถ้าพี่ห่วงผมจริง ก็ไม่ควรจะเอาเรื่องไร้สาระพวกนี้มาใส่สมองคนอื่น”
บุพชาจ๋อย แต่ยังดึงดันไม่ยอมรับผิด
“ฮึ ฉันก็พูดอย่างคนที่มีประสบการณ์มาก่อน สันดานบ้านเรามันเจ้าชู้ตั้งแต่รุ่นพ่อ ไอ้รุ่นลูกก็เชื้อไม่ทิ้งแถวกันซักคน” พร้อมกับว่าบุพชาปรายตามามองอรณา
“แล้วผมจะพิสูจน์ให้เห็น ว่าแต่ถ้าผมทำสำเร็จ ผมขออะไรอย่างนึงจากพี่ได้มั้ย”
บุพชาหัวเราะ “แกจะเอาอะไร ถ้วยรางวัลสามีดีเด่นหรือไง”
พยสยิ้มอย่างเป็นต่อ “ผมขอแค่เงินเดือนทั้งหมดที่เคยจ่ายให้พี่ไปทุกบาททุกสตางค์ก็พอ”
บุพชาชะงัก หน้าถอดสี อรณากลั้นยิ้ม
“เพราะทุกเดือนที่ต้องจ่ายเงินให้พี่ ก็เหมือนผมเอาเงินไปเลี้ยงผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่เมียอยู่แล้ว ถ้าผมทำตัวเป็นสามีที่ดีได้ ก็ควรจะยกเงินทั้งหมดให้ตรีเขา จริงไหม”
เห็นบุพชาเสียหน้าจนพูดไม่ออก อรณาเลยหลุดหัวเราะออกมา
“แล้วฉันจะคอยดูนายยส แต่ฉันว่าแกจะต้องดีแตกแน่ๆ”
บุพชาสะบัดหน้าเดินออกไป พยสมองตามอย่างระอาใจ ก่อนจะหันมาหาอรณาที่ยังหัวเราะขำกลิ้งไม่เลิก
“หมดเรื่องไปคดีนึงแล้ว ทีนี้ก็แก มีเรื่องอะไรยายณา”
อรณายิ้มเก้อๆ
พยสนั่งดูคลิปในมือถือ เป็นคลิปลับของน้องสาว ดูนิดเดียวก็ทนดูไม่ได้ อายแทน
“ปิดๆ แกไม่ต้องมาโชว์ให้ฉันดูขนาดนี้ก็ได้”
“ก็ณาอยากให้พี่ยสเห็นชัดๆ ว่าไอ้นี่มันหน้าตายังไง จะได้ไปลากคอมันเข้าคุกถูก”
“แล้วก่อนถ่ายทำไมไม่คิด”
อรณาหลบตา เกิดมียางอายขึ้นมา “ก็ตอนนั้นมันไม่มีสติอะ กำลังเมา แล้วผู้ชายมันก็ปากหวาน บอกว่าจะถ่ายไว้ดูเองคนเดียว แต่พอเลิกกันมันก็ลายออก มันขอเงินด้วยนะพี่ยส ถ้าณาไม่ให้ มันก็จะปล่อยคลิปเรื่อยๆ พี่ต้องจัดการมันให้ณานะพี่”
อรณาเซ้าซี้ออดอ้อนพี่ชาย
พยสถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย ครอบครัวเขาจะมีใครรอดพ้นเรื่องคาวโลกีย์บ้างไหม
อีกฟาก อึ่งปัดฝุ่นตามมุมในบ้าน จนเหลือบไปเห็นตรีประดับกำลังจัดแยกเอกสารในบ้านที่อยู่ในกล่องต่างๆ ให้พัดชาดู เลยหยุดมอง
“เอกสารกล่องนี้คือต้นฉบับงานแปลเก่าๆ ของพี่ น้องพัดหยิบมาอ่านได้ตลอดเวลา แต่ขอให้เก็บเป็นหมวดหมู่ตามนี้นะจ๊ะ ส่วนอันนี้เป็นจดหมายต่างๆ กับแฟกซ์ ถ้าเป็นอีเมลพี่จะปรินท์เป็นฮาร์ดกอปปี้เก็บไว้ด้วย เผื่อต้องใช้เป็นหลักฐาน และกล่องนี้จะเป็นใบกำกับภาษีต่างๆ ทั้งหมดนี้อาจจะต้องวานน้องพัดช่วยจัดแยก เพราะบางทีก็ยุ่งซะจนไม่มีเวลา”
“ด้วยความยินดีค่ะ พัดจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะคุณตรี”
พัดชาชะงัก เพราะเห็นสายตางอนๆ ของตรีประดับ
“เอ่อ...ค่ะพี่ตรี”
“ดีมาก ต่อไปนี้น้องพัดห้ามเรียกพี่ว่าคุณเด็ดขาด เข้าใจไหมคะ”
“ค่ะ”
พัดชายิ้มเขินๆ มองเห็นเครื่องดื่มของตรีประดับพร่องไป
“ชาของพี่ตรีหมดแล้ว เดี๋ยวพัดไปชงให้ใหม่นะคะ”
ตรีประดับพยักหน้า มองตามพัดชาที่ยกแก้วเข้าครัวไปด้วยความสบายใจ
พอพัดชาเข้ามาในครัว เพื่อชงชาให้ตรีประดับใหม่ อึ่งกำลังเช็ดครัวอยู่ เหลือบมอง แล้วตัดสินใจถาม
“ตกลงเธอไม่ใช่เด็กรับใช้คนใหม่ของคุณตรีหรือ”
พัดชาอึ้งๆ ไม่รู้จะตอบว่ายังไงเหมือนกัน ตรีประดับเข้ามาพอดี
“ไม่ใช่หรอกค่ะป้าอึ่ง ตรีจ้างน้องพัดมาเป็นผู้ช่วยส่วนตัว”
อึ่งฟังแล้วงง “แล้วมันต่างกับคนใช้ตรงไหนล่ะคะ”
“ตรีอยากให้น้องพัดช่วยงานเอกสารอย่างเดียวค่ะ เพราะมันค่อนข้างยุ่งยาก ยังไงเรื่องงานบ้านคงต้องรบกวนป้าอึ่งไปก่อนนะคะ”
“อ๋อ ค่ะ”
“น้องพัดมานี่เถอะจ้ะ พี่จะสอนใช้ปรินเตอร์กับแฟกซ์ จะได้รับเอกสารแทนพี่ได้”
ตรีประดับเดินออกไปจากห้อง พัดชาถือถ้วยกาแฟตาม แต่หันมาบอกอึ่งอย่างเกรงใจ
“เดี๋ยวพัดมาช่วยนะคะคุณป้า”
อึ่งมองตามพัดชาไป ประเมินความสัมพันธ์ของสองสาว
อึ่งนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่ตรงหน้า รายงานแววกับภูมิอย่างละเอียดลออ
“เด็กผู้ช่วยที่คุณตรีเอามาทำงานด้วย คุณตรีถึงกับเรียกกันเป็นพี่เป็นน้องอย่างกับคลานตามกันมาเชียวนะคะ อึ่งล่ะกลัวเด็กมันจะลามเป็นขี้กลาก เพราะเห็นว่าคุณตรีใจดี”
“ก็คงไม่มีอะไรมั้ง ยายตรีน่าจะดูคนออกว่าใครดีใครไม่ดี มีคนช่วยงานก็ดีแล้ว จะได้มีเวลามาเยี่ยมพ่อแม่บ่อยๆ”
“ว่าแต่หน้าตาไว้ใจได้ไหมล่ะ สวยหรือเปล่า” ภูมิถาม
แววขัดใจค้อนขวับ “พ่อ”
ภูมิหัวเราะ “พ่อก็ถามเผื่อไว้ เพราะถ้าสวยๆ ก็คงจะต้องระวังหน่อย ผู้หญิงสวยผู้ชายที่ไหนก็มอง เดี๋ยวจะไปสะดุดตานายพยสเข้า”
“สวยเชียวค่ะ หน้าตาดีซะจนน่าจะหางานอย่างอื่นทำได้ ก็ไม่รู้ทำไมถึงเลือกมาเป็นคนใช้คุณตรี”
“โอ๊ย จะสวยหรือขี้เหร่ตาพยสก็ไม่มองทั้งนั้นแหละ ลูกเขยเราปักอกปักใจกับยายตรีมาตั้งกี่ปี ไม่มีทางว่อกแว่กง่ายๆ หรอกแม่มั่นใจ”
แววพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ภูมิเลยเงียบ ไม่พูดอะไรต่อ
ตรีประดับพาพัดชามาเปิดบัญชีธนาคาร เปิดกระเป๋าหยิบเงินให้ประมาณห้าพัน
“พี่สมทบเป็นเงินเปิดบัญชีให้”
พัดชาเกรงใจ รีบปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะพี่ตรี พัดพอมี”
“เอาไปเถอะจ้ะ เผื่อจำเป็นต้องใช้ กว่าจะได้เงินเดือนจากพี่อีกนานเลยนะ”
พัดชาอิดออด ตรีประดับเลยยัดเงินใส่มือ
“เอางี้ ถือว่าพี่ช่วยค่าเสื้อผ้าชุดใหม่ๆ ก็แล้วกัน มาทำงานพี่อาจจะต้องแต่งตัวให้ดีหน่อยเวลาไปพบผู้ใหญ่ เดี๋ยวเราไปเลือกกัน”
พัดชา ยกมือไหว้มองตรีประดับอย่างซาบซึ้งใจ
“แล้วพัดจะทยอยคืนนะคะ พี่ตรีช่วยพัดมามากแล้ว ยังไงพัดก็รับมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ”
ตรีประดับยิ้มรับ นึกชื่นชมที่พัดชาคิดเป็น ไม่ได้โลภเอาแต่ได้
ตรีประดับเดินเลือกเสื้อผ้าอยู่ที่ราวในร้านเสื้อชื่อดัง ปล่อยให้พัดชาไปเลือกของตัวเอง ขณะที่กำลังจะหยิบเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมาดู จู่ๆ ก็มีมือของใครคนหนึ่งยื่นมือฉวยเสื้อตัวเดียวกันพอดี ตรีประดับชะงักมอง จนเห็นว่าอีกฝ่ายคือชินานาง ซุปตาร์ผู้อื้อฉาว ยิ้มทักด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“นึกว่าใคร คุณตรีประดับนี่เอง ใจตรงกัน อีกแล้วนะคะ”
ตรีประดับยิ้มทักตอบตามมารยาท “คุณชินานางมาช็อปปิ้งเหรอคะ”
“ค่ะ จะมาหาเสื้อผ้าไปงานพรมแดง แล้วนี่คุณตรีประดับมากับใครคะ คุณพยสมาด้วยหรือเปล่า”
ชินานางมองหา
อีกด้านหนึ่งพัดชาเดินเลือกเสื้อผ้าติดมือมา กำลังจะมาหาตรีประดับ แต่เห็นชินานางเลยยังไม่เข้าไป ยืนอยู่หลังราวเสื้อพอดี ฟังทั้งสองพูดกัน
“พยสทำงานค่ะ”
“เสียดายจัง นึกว่าจะได้เจอ นางคิดถึ๊งคิดถึง”
“คุณชินานางก็ได้พบพยสบ่อยๆ อยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
ตรีประดับถามพาซื่อ ไม่ได้หึง แต่ชินานางถือโอกาสอวด ยิ้มเป็นต่อ
“คงมีคนตาดีคาบไปบอกคุณตรีประดับสินะคะ ก็ไม่บ่อยขนาดนั้นหรอกค่ะ ตั้งแต่แต่งงานพยสเขาก็อยากจะให้เกียรติภรรยา”
“ฉันไม่ได้คิดมากหรอกค่ะถ้าสามีจะไปไหนมาไหนกับเพื่อนบ้าง”
“แหม คุณตรีประดับใจกว้างเป็นแม่น้ำอย่างนี้นางก็สบายใจ เพราะนางก็ไม่ชอบทำให้ชีวิตคู่ใครต้องร้าวฉานเหมือนกัน งั้นนางขออนุญาตไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ ถ้ามีใครมาบอกคุณตรีว่าเจอนางกับพยสที่ไหนอีกจะได้ไม่ตกใจ”
ชินานางพูดอย่างปากหวานก้นเปรี้ยว พัดชาทนฟังไม่ไหว เดินแทรกเข้ามา
“พัดได้ชุดแล้วค่ะพี่ตรี”
ชินานางเหลือบมองพัดชา เลิกคิ้วมองฉงน
“นี่น้องสาวคุณตรีเหรอคะ”
“ค่ะ น้องพัดนี่คุณชินานาง น้องพัดอยู่ต่างประเทศคงไม่รู้ว่าคุณชินานางเป็นนักแสดง”ฃ
“อุ๊ยตาย เป็นนักเรียนนอกซะด้วย โปรไฟล์น่าสนใจ อยากเป็นดาราไหมจ๊ะ พี่พาเข้าวงการได้นะ”
พัดชายิ้มหวานให้ “พัดไม่ถนัดเสแสร้งค่ะ กลัวจะทำคุณชินานางเสียชื่อเอา ขอบคุณที่ชวนนะคะ”
“เอ๊ะ” ชินานางคาใจเหมือนถูกด่า พัดชาดึงแขนตรีประดับเดินหนีไปเสียก่อน เลยได้แต่กระฟัดกระเฟียดด่าลมแล้งไป
“นังเด็กบ้า”
พัดชากับตรีประดับเดินออกมาจากร้านพร้อมกับถุงเสื้อผ้าที่ซื้อมา
“พัดขอโทษนะคะพี่ตรี ถ้าเมื่อกี้พูดอะไรไม่เหมาะสมออกไป แต่พัดทนฟังอยู่นาน รู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ให้เกียรติพี่ตรีเลย”
“พี่ไม่ถือสาหรอกจ้ะ เพราะพี่เชื่อใจพยส ถ้าเขาบอกว่าไม่มีอะไร คำพูดของคนอื่นก็ไม่มีความหมาย”
“พี่ตรีหนักแน่นดีจัง”
“ชีวิตคู่ต้องอยู่ด้วยความเชื่อใจกันจ้ะน้องพัด”
ตรีประดับสอนพัดชาแล้วได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง เลยหยิบมาดู
“คุณแม่พี่โทร.มา น้องพัดเลือกของไปก่อน เดี๋ยวพี่ไปรอที่ร้านกาแฟตรงนั้นนะจ๊ะ”
ตรีประดับเลี่ยงคุยโทรศัพท์ออกไป พัดชามองตามไป
ตรีประดับเดินไปสั่งซื้อชาเขียวรสโปรดตรงเคาน์เตอร์ พอได้แล้วจึงเดินคุยโทรศัพท์เข้ามาหาที่นั่งด้านในร้าน
“ตรีนึกแล้วว่าป้าอึ่งต้องกลับไปเล่าให้ฟังแน่ๆ คุณแม่สบายใจเถอะค่ะ น้องพัดเป็นเด็กน่ารัก ไว้ใจได้ ตรีมั่นใจว่าตรีดูคนไม่ผิด เอาไว้ถ้ามีเวลาตรีจะพาน้องไปแนะนำตัวที่บ้านนะคะ”
ตรีประดับวางสาย มองหาที่นั่ง แต่ได้ยินเสียงนุ่มๆ คุ้นหูดังขึ้นจากทางด้านหลัง
“โดนแม่โทร.มาเช็คประวัติผู้ช่วยคนใหม่หรือไงตรี”
ตรีประดับหันไปทางด้านหลัง เบิกตาโตอย่างดีใจ เมื่อเห็นเป็นเทศราชนี่เอง
“เทศ ทำไมบังเอิญขนาดนี้เนี่ย”
เจ้าของเสียงทัก ยิ้มกริ่มมองมาอย่างดีใจไม่อย่างกัน
ตรีประดับลงนั่งโต๊ะเดียวกับเทศราช
“ป้าอึ่งเพิ่งได้เจอน้องพัดเมื่อวาน ก็เลยเอาไปเล่าให้คุณแม่ฟัง ก็เลยร้อนใจกันใหญ่กลัวว่าตรีจะโดนหลอก”
“นี่ตรีให้พัดชาเข้ามาอยู่ในบ้านเลยเหรอ”
“จะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าที่พักน่ะ น้องพัดน่าสงสาร อะไรช่วยได้ตรีก็อยากจะช่วย”
ตรีประดับเห็นเทศราชทำสีหน้าหนักใจอีกคน เลยถามดักคอ
“หรีอว่าเทศก็ไม่ไว้ใจน้องพัด”
เทศราชนิ่งไป แล้วตัดสินใจพูดตรงๆ
“เอาจริงๆ เราก็ไม่ได้รู้จักเขาดีพอที่จะไว้ใจนะตรี พัดชาอาจจะดูเหมือนมีชีวิตที่น่าสงสาร แต่ก็น่าจะมีอะไรอีกมากที่พวกเรายังไม่รู้ เรากำลังให้เพื่อนที่ญี่ปุ่นช่วยสืบอยู่”
“เทศจะสืบทำไม อย่าบอกนะว่าสนใจน้องขึ้นมาจริงๆ” นักแปลสาวยิ้มมองเหล่
เทศราชงอน หน้าตึงขึ้นมาทันควัน ตรีประดับหัวเราะ
“โอเคๆ ไม่แซวละ เดี๋ยวเทศงอนเหมือนครั้งที่แล้ว”
“เราอยากรู้เรื่องของพัดชาก็เพราะเป็นห่วงตรีนั่นแหละ เราว่าภายใต้ภาพลักษณ์เด็กสาวสดใสของพัดชา มันมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่”
ตรีประดับเห็นท่าทีเทศราชดูจริงจังมาก เลยซีเรียสขึ้นบ้างนิดๆ
“เทศมองโลกในแง่ร้ายเกินไป น้องพัดอาจจะแค่ผ่านเรื่องร้ายๆ มาเยอะ จนไม่อยากจะรื้อฟื้นมันขึ้นมาให้คนอื่นรับรู้อีกเท่านั้นเอง ตรีว่าเราควรจะเวทนาน้องพัดมากกว่าจะระแวงนะ”
ตรีประดับพูดอย่างมาดมั่น ประสาคนโลกสวย พลางพยักพเยิดไปที่หน้าร้านเมื่อเห็นพัดชาเดินเข้ามาทางนี้
“น้องพัดมาพอดีเลย เทศอยากรู้อะไรก็ถามน้องเลยสิจะได้ไม่ต้องสืบ”
พัดชาไหว้เทศราช โชคดีที่เธอเพิ่งเดินมาจึงไม่ได้ยินที่ทั้งสองคนคุยเรื่องตน
เทศราชเพียงรับไหว้ ไม่ได้พูดอะไรอีก เดี๋ยวจะเสียบรรยากาศ
ค่ำนั้นชินานางนั่งอิงแอบแนบซบอย่างสนิทสนมอยู่กับพยสในผับเสี่ยจิว กินดื่มคุยกันไป
“วันนี้น้องสาวเมียคุณด่านางว่าเสแสร้ง”
พยสฉงน “หือ ใครครับ? ตรีไม่มีน้องสาวซักหน่อย”
“ก็เด็กพัดชาอะไรนั่น นางไปเจอเขาสองคนที่ร้านเสื้อ อุตส่าห์มีน้ำใจจะชวนมาเป็นดารา แต่เด็กนั่นดันแขวะนาง”
“อ๋อ พัดชาเป็นผู้ช่วยของตรี ไม่ใช่น้องสาวหรอกครับ แล้วผมว่าเขาก็ดูเป็นเด็กดี ไม่ใช่คนปากคอเราะร้ายอะไรนะ คุณนางคงเข้าใจผิดมาก”
“นางไม่ได้คิดไปเองนะคะ เด็กคนนั้นดูไม่เป็นมิตรกับนางจริงๆ”
“ผมขอโทษแทนพัดชาด้วยก็แล้วกัน แกเพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทย อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นกับธรรมเนียมไทยเท่าไร”
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าเมียคุณเสี้ยมสอนให้เกลียดนางนะคะ”
พยสหัวเราะเห็นเป็นเรื่องขบขัน “ตรีจะเกลียดคุณนางทำไม”
ชินานางเอนตัวอิงซบพยสมากขึ้น ท่าทางอ้อยสร้อย
“ก็เกลียดที่นางเอาเวลาที่คุณควรอยู่บ้าน มาใช้ที่นี่...”
“ป่านนี้ตรีคงเข้านอนไปแล้วล่ะ ผมอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ”
“ต๊าย นอนเร็วจังนะคะ อย่างนี้จะมีเวลากุ๊กกิ๊กเหรอ”
พยสสะอึกอึ้ง จี้ใจดำจังๆ หน้าเครียดชัดแจ้ง แต่เสทำเป็นหยิบเครื่องดื่มมาจิบกลบเกลื่อน ชินานางยิ้มกริ่ม เดาออกทันที สบโอกาสรุก ไล้มือไล่จากแขนขึ้นไปเรื่อยๆ
“แหม แล้วก็ไม่บอกนางแต่แรกว่าคุณตรีประดับเธอขี้เกียจปฏิบัติหน้าที่ มีคนอื่นอยากปฏิบัติแทนตั้งเยอะ
ชินานางเอนตัวนัวเนียจนแทบจะสิงพยสอยู่แล้ว ลูบไล้ใบหน้าทนายหนุ่มจนเขาเริ่มเคลิ้ม แต่ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นเพราะอยู่ที่สาธารณะ
เทศราชนั่งดื่มอยู่ที่มุมหนึ่ง มองดูทั้งสองคนนิ่งๆ นานแล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปขัดจังหวะ เพราะอยากรู้ว่าจะไปถึงไหนกัน
อีกฟาก ตรีประดับนั่งทำงานอยู่ ได้ยินเสียงแชทดัง เปิดดูเห็นเทศราชส่งสติ๊กเกอร์การ์ตูน พร้อมคำถามมาว่า
“นอนยัง?”
ตรีประดับ ส่งสติ๊กเกอร์และตอบกลับว่า “ทำงานอยู่”
สักพักเทศราชแชทกลับมาเป็นข้อความ “เวลาอย่างนี้ ใครเขาทำงานกัน ถ้าทำการบ้านก็อีกเรื่องนึง”
เทศราชปิดท้ายประโยคด้วย ไอค่อนการ์ตูนทะลึ่งทะเล้น 18 บวก หัวเราะแบบหุๆ มีเลศนัย
“ไม่ล่ะ ตรีเป็นนักเรียนขี้เกียจ ไม่ชอบทำการบ้าน”
“ทำหน่อยน่า อยากอุ้มหลานแล้ว” มีสติ๊กเกอร์เด็กร้องอุแว้ๆ ปิดท้าย
ตรีประดับดูแชทที่เทศราชส่งมา แล้วยิ้มขำ ตัดสินใจโทร.ไปหา
“อิจฉาคนว่างงานจนมีเวลาแช็ทป่วนคนอื่นจริงจริ๊ง” หัวเราะ
ตรีประดับหัวเราะหัวใคร่ คุยโทรศัพท์กับเทศราช อย่างเพลิดเพลิน
พยสจอดรถเรียบร้อยกำลังจะเข้าบ้าน แต่เห็นตรีประดับเปิดประตูออกมาพอดี
“ตรียังไม่นอนอีกเหรอครับ”
“รอคุณอยู่ค่ะ กลัวว่ากลับมาแล้วจะหิว”
ตรีประดับเข้าไปช่วยถือสูทกับกระเป๋าให้
“อยากทานอะไรร้อนๆ หน่อยไหมคะ เดี๋ยวตรีทำให้”
พยสยิ้มดีใจ “ทำไมวันนี้ใจดีกับผมจัง”
“นายเทศเห็นคุณไปดื่มกับลูกค้าที่บาร์น่ะค่ะ เขาเลยห่วงว่าคุณอาจจะต้องดื่มหนัก เลยอยากให้ตรีดูแลคุณบ้าง”
พยสได้ยินชื่อเทศราชก็อารมณ์เสีย
“อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง คราวหลังก็บอกให้มันเข้าไปทักผมสิ จะได้แนะนำลูกค้าให้รู้จัก เผื่อมันอยากจะรายงานคุณให้ละเอียดกว่านี้”
“เทศแค่เป็นห่วงคุณนะคะยส ไม่เห็นจะต้องประชดเลย”
พยสมองตรีประดับอย่างหงุดหงิด พยายามข่มอารมณ์ เสียงอ่อนลง
“ผมไม่ชอบให้มันมาก้าวก่ายชีวิตคู่ของเรานะตรี ตรีไปทำงานต่อเถอะ ผมไม่หิวหรอก เดี๋ยวจะอาบน้ำนอนเลย”
พยสเดินขึ้นห้องไปทันที ตรีประดับมองตามหนักใจที่ทำให้สามีอารมณ์เสีย
เช้าวันรุ่งขึ้นพยสกับชิงฉัตรนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เห็นพัดชากำลังเตรียมอาหารเช้า
“เช้าวันทำงานคุณพยสรับข้าวต้ม ทานกับกาแฟไม่ใส่ครีม”
พัดชาวางอาหารเช้าให้ พยสทำสีหน้าแปลกใจ
“เธอรู้ได้ยังไง”
“พี่ตรีบอกให้พัดจำไว้ว่ามื้อเช้าของทุกคนเป็นยังไง เพราะทานไม่เหมือนกัน ของพี่ตรีทานขนมปังปิ้งกับกาแฟ แล้วค่อยเสิร์ฟชาเขียวตอนสายๆ ส่วนคุณชิงฉัตร นี่ค่ะ”
พัดชามองไปทางชิงฉัตรแล้วหลบตาวูบ จัดไส้กรอกกับไข่ดาวใส่จาน ชิงฉัตรมองกวนประสาท แล้วผลักจานออก
“กินแค่นี้จะไปอิ่มอะไร”
“แต่พี่ตรีบอกว่าคุณชิงฉัตรไม่ทานข้าวเช้า ทานแต่ไส้กรอกกับไข่ดาว”
“ก็วันนี้ฉันอยากกินข้าวผัด” ชิงฉัตรมองท้าทาย “เป็นคนใช้ไม่ใช่เหรอ ไปทำมาสิ”
พัดชาสะอึก พยสจะปราม แต่เสียงตรีประดับดังขึ้น
“ต้องให้อาบอกกี่ครั้ง ว่าพี่พัดไม่ใช่คนใช้”
ชิงฉัตรหันไปเห็นตรีประดับเดินเข้ามาพอดี เลยไม่กล้าทำกร่างอีก
“อยากกินข้าวผัดทำไมไม่บอกล่วงหน้า มาบอกตอนนี้กว่าจะทำเสร็จ กว่าจะได้กินฉัตรก็ไปโรงเรียนสายพอดี”
“มีอะไรก็กินไปเจ้าฉัตร อย่าเรื่องมากนักเลย”
ชิงฉัตรเซ็ง จิ้มไส้กรอกกินสองสามคำแล้วโยนส้อมทิ้ง
“ไม่เห็นอร่อยเลย ผมไปกินที่โรงเรียนดีกว่า”
ชิงฉัตรลุกขึ้นไหว้สองอาลวกๆ แล้วผลุนผลันออกไป
“ไอ้นี่” พยสฉุน หันมาทางพัดชา “อย่าถือสาเลยนะพัดชา เจ้าฉัตรมันเป็นเด็กกวนประสาทแบบนี้แหละ คงเห็นพัดมาใหม่ ก็เลยอยากรับน้อง ผมขอโทษแทนหลานด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
พยสกินข้าวต้มเสร็จ หยิบผ้ามาเช็ดปากแล้วรีบลุกขึ้นบ้าง
“ผมไปทำงานก่อนนะจ๊ะ”
พยสเดินเข้ามาโอบเอวตรีประดับหอมแก้ม พัดชาลอบมองทั้งสองด้วยความอิจฉา แล้วรีบหันหน้าหนี ทำเป็นเก็บโต๊ะ ตรีประดับรอจนพยสออกไป จะมาช่วยพัดชาเก็บบ้าง
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ตรี เดี๋ยวพัดจัดการเอง”
“ขอบใจนะจ๊ะ”
ตรีประดับดื่มน้ำ แล้วกลับขึ้นห้องทำงานไป
พัดชาเก็บโต๊ะต่อแล้วพบว่าพยสลืมโทรศัพท์มือถือไว้
พยสสตาร์ตเครื่องกำลังจะออกรถ พัดชาวิ่งออกมาเคาะกระจกเรียกไว้
“คุณพยสคะ” พยสลดกระจกลง “ลืมโทรศัพท์มือถือค่ะ”
“อ้าว จริงด้วยสิ ขอบใจนะ”
พยสยื่นมือไปรับโทรศัพท์ จังหวะนั้นมือของเขาสัมผัสกับมือพัดชาพอดี สัมผัสนั้นทำให้พัดชาตัวแข็งทื่อนิ่งงันไป พยสรับโทรศัพท์มายิ้มให้ แล้วขับรถออกไป
พัดชายืนมองตามรถพยสไป พร้อมกับยกมือข้างที่โดนสัมผัสขึ้นมากุมโดยไม่รู้ตัว
ฝ่ายพยสขับรถยังไม่พ้นประตูหน้าบ้าน มองจากกระจกหลัง เห็นพัดชายืนนิ่งจับกุมมือตัวเองอยู่ตรงนั้น พยสเองก็รู้สึกถึงกระแสแปลบปลาบเมื่อครู่ เพียงแต่ไม่ได้แสดงออก
ในสีหน้าเรียบเฉยดูสงบนิ่ง แต่แววตาพยสกำลังลิงโลด ความกระสันที่เก็บเงียบไว้นานถูกปลุกขึ้นแล้ว
ถัดจากนั้นพัดชาเดินมาดูกล่องไปรษณีย์ เช็คจดหมายเรียบร้อย สายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างที่ใต้ต้นไม้ริมรั้วบ้าน ตัดสินใจเดินย้อนมาดู เห็นตรงหลืบแคบๆ ระหว่างรั้วบ้านกับต้นไม้ มีกระเป๋านักเรียนซุกอยู่ พัดชาหยิบมาดูอย่างแปลกใจ พอเปิดกระเป๋า พบว่าเป็นเสื้อผ้าชุดนักเรียนที่ชิงฉัตรใส่ตอนออกจากบ้านนี่เอง
ตรีประดับนั่งทำงานอยู่ในห้อง พัดชาเอาชาเขียวมาเสิร์ฟให้
“ขอบใจจ้ะ น้องพัดไปพักผ่อนเถอะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวพี่จะลงไปเรียก”
“ค่ะ” พัดชารับเอาคำแล้วเดินไปแต่หยุดในอีก 2-3 ก้าว หันกลับมา “เอ่อ พี่ตรีคะ”
ตรีประดับหันมา พัดชาลังเลชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเลียบๆ เคียงๆ ถาม
“ปกติแล้วคุณฉัตรไปโรงเรียนยังไงเหรอคะ”
“ส่วนใหญ่ก็นั่งมอเตอร์ไซค์ไปต่อรถเมล์หน้าหมู่บ้านจ้ะ แต่เดี๋ยวนี้เห็นว่าเพื่อนเขาขับรถไปเรียน ก็เลยแวะรับไปด้วยกัน น้องพัดถามทำไมเหรอ”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรค่ะ พัดแค่ถามดู”
พัดชายิ้มกลบเกลื่อนแล้วเดินออกไป ตัดสินใจยังไม่บอกเรื่องชิงฉัตรไม่ไปโรงเรียน
พยสกลับถึงบ้านในตอนกลางคืน เห็นพัดชายืนรออยู่และมาช่วยเปิดประตูรถหยิบกระเป๋าเอกสารและเสื้อสูท ให้
“พี่ตรีทำงานอยู่บนห้องค่ะ กำลังจะรีบปิดต้นฉบับ เลยให้พัดลงมารับค่ะ” พัดชาว่า
“อ๋อ ครับ”
“คุณพยสทานข้าวมาหรือยังคะ”
พยสมองฉงน พัดชาเขินๆ รีบออกตัว
“พี่ตรีให้พัดถามค่ะ ถ้ายัง ก็ให้พัดอุ่นกับข้าวเย็นให้คุณพยสด้วย”
พยสยิ้มขำ ไม่คิดอะไร “ตรีตั้งโปรแกรมไว้ให้พัดครบถ้วนแบบนี้ สงสัยจะไม่ได้ออกจากห้องเลยทั้งวัน”
พัดชาหน้าเสีย “ถ้าคุณพยสจะให้พี่ตรีลงมา เดี๋ยวพัดขึ้นไปตามให้ค่ะ”
“ไม่ต้องหรอก ผมแซวเล่น มีพัดก็ดีเหมือนกัน ตรีเขาจะได้โฟกัสกับงานเต็มที่ เผื่อจะมีเวลาให้ผมบ้าง”
พยสตบไหล่พัดชาเบาๆ เชิงขอบใจ แล้วเดินเข้าบ้านไป
พัดชาเหลือบมองไหล่ที่พยสสัมผัส เกิดวูบวาบขึ้นมาอีกแล้ว พอได้สติก็เดินไปปิดประตูรั้วจะเดินเข้าบ้าน
มองผ่านหน้าต่างห้องทำงานตรีประดับเข้าไป เห็นเงาของพยสเคลื่อนไหวผ่านแสงไฟในห้อง เดินเข้ามาหาตรีประดับที่นั่งอยู่โอบกอด พัดชามองภาพนั้นด้วยความอิจฉา
พยสจูบแก้มตรีประดับซ้ายขวา
“คิดถึงจัง”
“ไม่เจอกันแค่สิบกว่าชั่วโมงเองนะคะ ปากหวานจริง”
“ใครบอก สิบชั่วโมงกับอีกสามสิบนาทีต่างหาก ที่เพิ่มมาก็คือเวลาที่คุณเคยลงไปรับผมที่รถ แต่ตอนนี้คุณใช้น้องพัดทำหน้าที่แทน”
“ตรีกำลังเร่งงานนี่คะ อีกหน้าเดียวก็จะเสร็จแล้ว”
พยสพรมจูบตรีประดับพูดออดอ้อนนัยน์ตาหวานฉ่ำ
“เหลือแค่หน้าเดียวทำตอนไหนก็เสร็จ มาให้ผมชื่นใจหน่อยดีกว่า วันนี้ทำงานหนักมาก ผมอยากแช่น้ำอุ่นๆ ให้หายเครียด แต่ไม่อยากแช่คนเดียว ทำไงดี”
ตรีประดับทำท่าจะบ่ายเบี่ยง แต่พอเห็นสายตาเว้าวอนพยสก็ใจอ่อน
“งั้นยสไปเปิดน้ำไว้สิคะ”
“จริงนะ”
ตรีประดับยิ้มเขิน แต่ก็พยักหน้า พยสดีใจ จูบตรีประดับแรงๆ แล้วลั้นลาเข้าห้องน้ำทันที
พยสเปิดน้ำในอ่าง เตรียมอุปกรณ์ทำโฟม จุดเทียนสร้างบรรยากาศเต็มที่ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน พอตรีประดับใส่ชุดคลุมตามเข้ามา พยสเข้าไปกอดนัวเนียอย่างมีอารมณ์ แต่เสียงโทรศัพท์ดังออกมาจากห้องนอน ตรีประดับทำท่าจะขยับไปดู แต่พยสรั้งไว้
“เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จค่อยรับสายได้น่า”
“แป๊บเดียวค่ะ เผื่อมีเรื่องด่วน”
ตรีประดับเปิดประตูห้องน้ำออกไป หยิบโทรศัพท์ตรงโต๊ะหัวเตียงมากดรับ
“ฮัลโหลเทศ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”
พยสตามออกมา พอได้ยินเสียงชื่อเทศราชก็อารมณ์เสีย ปิดประตูห้องน้ำปัง ตรีประดับหันไปมองแว่บหนึ่งแล้วคุยสายกับเทศราชต่อ ไม่รู้ว่าพยสอารมณ์เสียเพราะอารมณ์ค้าง
ฝ่ายพัดชาไล่เดินปิดไฟตามห้องต่างๆ ที่ชั้นล่าง เตรียมจะเข้านอน จนมาถึงไฟห้องโถง พอกดสวิทช์ปิด ก็มีมือใครบางคนนาบลงที่มือพัดชาพอดีแล้วกดเปิดไฟขึ้น พัดชาสะดุ้งหันไป เห็นชิงฉัตรในชุดนักเรียนเหมือนตอนเช้า
“คุณฉัตร”
พัดชาหมุนตัวหนี แต่ก็โดนมือของชิงฉัตรกั้นไว้ทั้งสองด้าน แถมชิงฉัตรยังยื่นตัวเข้ามาจนแทบจะเบียดกัน
“จะไปไหนครับพี่พัดชา ดับไฟให้ผมก่อนสิ”
ชิงฉัตรยื่นหน้ามาใกล้อย่างท้าทาย
“คุณดื่มมาใช่ไหมคะ”
ชิงฉัตรหัวเราะหึๆ “ใช่ แล้วจะทำไม จะฟ้องอาเหรอไง”
“ถ้าฉันปากมาก คงรายงานอาทั้งสองของคุณไปแล้วว่าวันนี้คุณไม่ได้ไปโรงเรียน”
ชิงฉัตรชะงักไป
“ฉันเห็นกระเป๋านักเรียนกับเสื้อผ้าคุณซุกอยู่ริมรั้ว แต่ฉันจะไม่พูด ถ้าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่คุณหนีเรียน”
ชิงฉัตรฉุนขาด เริ่มไม่พอใจ “มายุ่งอะไรด้วย”
“พี่ตรีให้ฉันเป็นผู้ช่วย คอยดูแลเรื่องต่างๆ ในบ้าน พี่ตรีมีสิทธิ์ที่จะรู้ถ้าจ่ายเงินค่าเทอมกับค่าขนมไปเปล่าๆ โดยที่หลานชายไม่ได้ความรู้อะไรเพิ่มขึ้น”
ชิงฉัตรอึ้งไป พัดชาสบตาอย่างไม่เกรงกลัว
“อย่าเอาความเป็นคนโปรดของอาตรีมาข่มขู่ฉัน”
“ฉันต้องรักษาผลประโยชน์ให้พี่ตรี”
“งั้นฉันก็ต้องรักษาผลประโยชน์ตัวเองเหมือนกัน”
พร้อมกับว่าชิงฉัตรรวบตัวพัดชาดันไปจนติดผนัง แล้วระดมจูบอย่างรุนแรง พัดชาตกใจอ้าปากจะร้องห้าม แต่ถูกมือข้างหนึ่งของชิงฉัตรปิดปากไว้
พัดชาดิ้นรนขัดขืนเต็มกำลัง แต่สู้ไม่ไหว ชิงฉัตรระดมจูบอย่างเร่าร้อนรุนแรง ร่างทั้งคู่ทาบทับตรงสวิทช์ไฟ ขยับติดๆ ดับๆ ไปมา
อาการขัดขืนของพัดชาเหมือนอ่อนลงเรื่อยๆ ความรุนแรง หยาบกระด้างดิบเถื่อนของเด็กหนุ่มทำให้หญิงสาวรู้สึกพอใจอย่างประหลาด เหมือนปลุกสัญชาตญาณลึกๆ ของเธอที่โหยหารสสัมผัสจากผู้ชายให้ตื่นขึ้นมา
มือพัดชาที่กำแน่นแข็งขืนเหมือนจะคลายลง จนเกือบจะประสานกับมือชิงฉัตรอย่างสมยอม แต่แล้วไฟที่ตีนบันไดก็ถูกเปิดขัดขึ้นเสียก่อน ตามด้วยเสียงตรีประดับที่ร้องเรียกขณะเดินลงมา
“น้องพัด”
พัดชากับชิงฉัตรได้สติ ทั้งคู่ชะงักกึก พัดชารีบผลักชิงฉัตรออกแล้ววิ่งหลบไปทางหลังบ้านทันที ทิ้งให้ชิงฉัตรยืนงุนงงค้างเติ่งอยู่ จนตรีประดับเดินลงมา
“อ้าว ฉัตรเองหรือ ไฟเป็นอะไรหรือเปล่า อาเห็นติดๆ ดับๆ”
ชิงฉัตรก้มหน้าก้มตา ไม่กล้าสู้หน้า ทั้งเรื่องลวนลามพัดชาเมื่อกี้ และกลัวตรีประดับได้กลิ่นเหล้า
“ไม่รู้เหมือนกันครับ
ชิงฉัตรก้มหน้าก้มตาเดินเข้าห้องไป
ตรีประดับมองตามงงๆ ลองกดสวิทช์ไฟ ก็ปกติดี
พัดชาเข้าห้องนอนมาปิดประตู ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงใจสั่นหวิว ไหวหวามไปกับรสสัมผัสสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ อกปะทะกัน มือโดนมือ การกอดจูบอย่างหนักหน่วงรุนแรง จนพัดชาเองเริ่มมีการสนองตอบ
พัดชาลูบไล้ไปตามลำคอ อก และแขนตัวเอง เหมือนยอมรับอยู่ในใจว่าลึกๆ แท้จริงแล้วเธอโหยหารสสัมผัสนี้เหมือนกัน
อีกวันหนึ่ง ตรีประดับพาพัดชามาที่สำนักพิมพ์ กำลังยืนดูพัดชาเซ็นรับเช็คจากฝ่ายการเงิน
“ต่อไปนี้พี่จะฝากให้พัดเข้ามารับเช็คแทน พัดจำได้ใช้ไหมว่าต้องทำยังไงบ้าง”
“จำได้ค่ะ”
ตรีประดับยิ้มพอใจ หันไปเห็นพยางค์กับเทศราชเดินเข้ามาพอดี
“สวัสดีค่ะคุณอา ตรีพาเด็กมาขอฝึกงานซักสองสามชั่วโมงนะคะ”
“เอาสิ เดี๋ยวผมพาไปแนะนำกับกองบก.เอง แกดูแลหนูตรีดีๆ นะเจ้าเทศ”
พยางค์หันไปสั่งเทศราช แล้วเดินนำพัดชาออกไป
เทศราชพาตรีประดับเข้ามาตรวจดูอาร์ตเวิร์กปก แต่สังเกตสีหน้าตรีประดับดูเหนื่อยๆ
“วันนี้ตรีไม่สบายหรือเปล่า ดูหน้าซีดๆ”
“นอนน้อยน่ะ ต้องรีบปิดงานเพราะเมื่อคืนใครก็ไม่รู้โทร.ไปจิกให้มาโรงพิมพ์เช้านี้” ตรีประดับมองค้อน
“ก็อยากให้มาดูเอง เดี๋ยวเลือกภาพปกกับอาร์ตเวิร์กไม่ถูกใจ”
“ไม่ใช่หน้าที่ของนักเขียนซะหน่อย ปกติอาพยางค์ก็เป็นคนตัดสินใจ”
“ก็เราจะให้ตรีตัดสินใจ เพราะเราเป็นคนถ่าย ใครจะทำไม”
เทศราชทำเสียงขึงขัง จนตรีประดับหมั่นไส้
“จ้า พ่อคนใหญ่กว่าบก. อ้ะ ไหนเอามาสิ”
เทศราชหยิบปกพ็อกเกตบุ๊กที่ปรินต์ตัวอย่างออกมา ให้ดู ตรีประดับมองแล้วนิ่งไป ทุกอย่างในสายตาดูเบลอๆ จู่ๆ เกิดวูบ หน้ามืด จนต้องเอาแขนเท้าโต๊ะ เทศราชเห็นก็ตกใจ
“เป็นอะไรไป นั่งก่อนไหม”
“มึนๆ นิดหน่อย ขออะไรร้อนๆ มาปลุกประสาทแก้วนึงก็ดีนะ”
เทศราชพยักหน้า ประคองตรีประดับให้นั่งลง
ขณะที่พัดชากำลังเรียนรู้งานกับพยางค์ที่โต๊ะตรงโถงด้านนอกห้องฝ่ายศิลปกรรม จังหวะหนึ่งเธอมองเข้าไปในห้องเห็นเทศราชกำลังประคองตรีประดับนั่ง แล้วเอามืออังหน้าผากพอดี
พัดชามองนิ่ง จนไม่ได้สนใจพยางค์ แต่แล้วต้องสะดุ้ง เมื่อพยางค์เอาวางมือกุมลงบนมือพัดชาเนียนๆ
“มองอะไรหรือหนู”
“เปล่าค่ะ”
พัดชาตกใจ รีบดึงมือออก หันกลับมาสนใจเรื่องงานต่อ พยางค์ลอบมองอย่างพึงใจ คิดว่าพัดชาไร้เดียงสา
เทศราชมาส่งตรีประดับกับพัดชาที่รถ ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่
“ให้พัดชาขับแทนไหมตรี จะได้นอนพัก”
พัดชาเสียงอ่อยๆ “พัดขับรถไม่เป็นหรอกค่ะ”
“งั้นก็รอก่อนเราจะไปส่ง ประชุมกับฝ่ายอาร์ตแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว” เทศราชว่า
“เราไม่เป็นอะไรหรอกน่า เทศกลับไปทำงานเถอะ แว่บบ่อยๆ เดี๋ยวโดนคุณอายื่นซองขาว”
“ถ้าอากล้าไล่ เราก็กล้าออก”
ตรีประดับหัวเราะขัน “ไม่เอา ตรีขี้เกียจเลี้ยงข้าวคนตกงาน ไปนะ”
ตรีประดับกับพัดชาขึ้นรถ ขับออกไป เทศราชมองตามอย่างห่วงๆ
ตรีประดับขับรถไปบนถนน เริ่มเบลอๆ เหมือนคนมึนหัวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่พยายามตั้งสติ กะพริบตาถี่ๆ
พัดชามองตรีประดับอย่างเป็นห่วง “พี่ตรีแวะหาหมอก่อนดีไหมคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ อีกนิดเดียวก็จะถึงบ้านแล้ว”
ตรีประดับแข็งใจขับรถต่อไป แต่เริ่มเวียนหัวหนักขึ้น เผลอหลับตาโดยไม่ได้มองถนน
พัดชาเห็นรถเฉออกจากเลนจะข้ามไปฝั่งรถสวนก็ตกใจ
“พี่ตรีระวังค่ะ”
ตรีประดับสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมา รีบหักพวงมาลัยกลับ รถเฉออกไปข้างทางเหมือจะตกถนน ตรีประดับเหยียบเบรกอย่างแรงจนตัวโยกตัวโยน พัดชาได้สติหันไปหาตรีประดับ
“พี่ตรีเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่จ้ะ” ตรีประดับใจหายใจคว่ำ
รถตรีประดับจอดพรืดที่หน้าอาคารผู้ป่วยฉุกเฉิน เทศราชรีบร้อนลงมา เปิดประตูหลังอุ้มตรีประดับที่นอนหนุนตักพัดชาอยู่ ไปใส่เตียงรถเข็นของโรงพยาบาลที่มารอรับ พลางถามพัดชาที่วิ่งตามมา และกำลังโทรศัพท์อยู่
“พัดชา โทร.หาพยสติดหรือยัง”
“เลขาบอกว่าคุณพยสไปพบลูกค้าที่เชียงใหม่ค่ะ เดี๋ยวจะรีบติดต่อให้”
“น้องพัดไม่ต้องบอกยส พี่ไม่เป็นไร” ตรีประดับบอกพัดชา
“ถึงขนาดนี้ยังจะว่าไม่เป็นไรอีก”
เทศราชดุ แต่คอยกุมมือให้กำลังใจตรีประดับ เดินตามเตียงรถเข็นไป
ตรีประดับนอนให้น้ำเกลืออยู่บนเตียงในห้องพักฟื้น พัดชาและเทศราชฟังหมอแจ้งอาการคนไข้ให้ฟัง
“คนไข้พักผ่อนน้อยก็เลยมีอาการอ่อนเพลีย ให้น้ำเกลือหมดถุงก็กลับบ้านแล้วครับ”
หมอออกจากห้องไป เทศราชหันมามองดุตรีประดับ
“เมื่อคืนนอนกี่โมง”
“ไม่ดึกหรอก”
เทศราชคาดคั้นเสียงดังขึ้น “กี่โมง”
ตรีประดับอิดออด “ตีห้า”
“ใช่ไม่ดึก แต่เช้าเลย ต่อไปนี้ไม่ได้นะ” เทศราชพยักหน้า ยิ้มประชดพลางหันไปหาพัดชา “พัดคอยดูด้วย ถ้าเกินเที่ยงคืนแล้วไฟห้องทำงานคุณตรียังไม่เปิด ผมขอสั่งให้เข้าไปปิดได้เลย แล้วล็อกห้องทำงานไว้”
ตรีประดับหัวเราะขำ “เทศ เวอร์ไป”
“รู้ไหมว่านอนผิดเวลามันมีแต่ผลเสีย นาฬิกาชีวภาพมันทำงานไม่ได้ เพราะเวลาที่ร่างกายต้องซ่อมแซมมันไม่ได้พัก ตรีเห็นไหมว่าเป็นไง ดีเท่าไรที่วันนี้รถไม่ชน”
เทศราชเริ่มเทศนายาวเหยียด มีเสียงตรีประดับโอดครวญทุ่มเถียงคัดค้านขึ้นเป็นพักๆ พัดชารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกเลยค่อยๆ เลี่ยงออกมา
พัดชาเดินผ่านมาที่แผนกเด็กอ่อน ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้โยเย จึงหันไปมอง และเห็นพยาบาลกำลังดูแลเด็กอยู่ จึงเดินเข้าไปถาม
“เด็กเป็นอะไรมาคะ ตัวแดงเชียว”
“โดนมดกัดมาค่ะ เจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์บอกว่าแม่เด็กเอาลูกไปทิ้งไว้ในถังขยะ”
พัดชามองอย่างสงสาร ลูบแขนเด็กที่เป็นผื่นแดง
“ไม่ไหวเลยคนสมัยนี้ ไร้ความรับผิดชอบ”
“อาจจะโชคดีก็ได้นะคะที่ไม่ต้องอยู่กับพ่อแม่แบบนั้น ไปโตในบ้านเด็กกำพร้าก็ขอให้ได้คนดีๆ มาอุปการะ ขอให้มีบุญ ได้อยู่ในครอบครัวอบอุ่นนะหนูนะ”
คำตอนท้ายพยาบาลพูดกับเด็ก แต่พัดชาสะอึกอึ้งกับคำพูดดังกล่าว ทอดสายตามองดูเด็กอย่างเศร้าๆ
“มีบุญเหรอ”
ภาพความหลังผุดซ้อนขึ้นมาในห้วงคิดคำนึง
เด็กหญิงพัดชาถูกเจ้าหน้าที่มาฝากกับบ้านเด็กกำพร้า
“อยู่ที่นี่ต้องเป็นเด็กดีนะหนู จะได้มีพ่อแม่ใจดีมารับหนูไปเป็นลูก”
พัดชาพยักหน้ารับอย่างใสซื่อ กวาดตามองดูรอบๆ บ้าน เห็นเด็กๆ ร้องกระจองอแง
อีกวันหนึ่ง พัดชานั่งกินข้าวอยู่คนเดียว เด็กคนอื่นๆ วิ่งเล่นกันตีกัน ขว้างปาจานชาม เจ้าหน้าที่คอยไล่ตีเด็กซุกซน วิ่งไปรอบๆ เด็กบางพวกร้องไห้กระจองอแง
หลายวันต่อมาพัดชาสะดุ้งตื่นจากฝันร้าย จะเรียกหาแม่ แต่หันไปไม่มีใคร ทุกคนนอนกันเงียบๆ เลยต้องซุกตัวลงใต้ผ้าห่ม นอนกอดตัวเอง น้ำตาซึมอย่างเดียวดาย
คิดขึ้นมาแล้ว พัดชาลูบแขนเด็กอย่างเวทนา
“ไม่เสมอไปหรอกค่ะ บางครั้งการอยู่ตัวคนเดียวในโลก อาจจะมีความสุขกว่าอยู่ท่ามกลางผู้คนที่ไม่ได้รักใคร่ใยดีเราอย่างจริงจังก็ได้”
พยาบาลมองหน้าพัดชาอย่างแปลกใจ พัดชาลูบหัวเด็ก
“ขอให้หนูเติบโตมาเป็นเด็กเข้มแข็งนะลูก คนเข้มแข็งเท่านั้นที่จะอยู่ลำพังบนโลกนี้ได้”
พัดชาจูบหัวเด็กน้อย แล้วเดินจากมา พยาบาลมองตามแต่ก็ไม่สนใจหันไปปลอบเด็กต่อ
พัดชากอดตัวเองเดินไปอย่างคนเข้าใจโลกอันโหดร้าย
อ่านต่อตอนที่ 10