xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องย่อ "นางฟ้าเปื้อนฝุ่น"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางฟ้าเปื้อนฝุ่น

บทประพันธ์ : ปีย์วรา
บทโทรทัศน์ : พิง ลำพระเพลิง และ ดรีมทีม
กำกับการแสดง : อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร
แนวละคร : ละครเพลง - ดราม่า
ผลิต : บริษัท ดูมันดี จำกัด
อำนวยการผลิต :คณะกรรมการพิจารณาการผลิตโทรทัศน์ สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7
วันเวลาออกอากาศ : ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.35 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.20 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่มตอนแรก วันอังคารที่ 13 กันยายน 2559
จำนวนตอน : 30 ตอน

หญิงสาวลูกสาวรัฐมนตรีมีชีวิตราวนางฟ้าปลอมลงมาศึกษาคนบนดิน ปีกเปื้อนฝุ่นแลกเกียรตินิยม
ชายหนุ่มดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอด ระหว่างความจริงของตนกับความฝันของพ่อ คือวงดนตรีลูกทุ่ง
คนหนึ่งชีวิตใสกิ๊ง ไม่เคยลำบากแต่ก็พร้อมยอมอดทนเรียนรู้ ส่วนอีกคนชีวิตไม่ได้อยากเป็นครูแต่ก็ต้องมาสอนให้คนใสๆ รู้จักใช้ชีวิตโดยไม่เจตนา แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า ไม่รู้ใครได้เรียนรู้จากใครกัน

เรื่องย่อ

พาขวัญ (โซฟี่-อัปสรสิริ อินทรคูสิน) เข้ามานำเสนอผลงานสารนิพนธ์เกี่ยวกับการเต้นหางเครื่องที่มหาวิทยาลัยเกือบไม่ทัน โชคดีที่เพื่อนสนิทคือนัชชา (ณัฎฐกันย์ อัมพรพงษ์) กับ ธีรวิทย์ (ไดสุเกะ สุกี้คาวา) ช่วยถ่วงเวลาอาจารย์เอก(มาฬิศร์ เชยโสภณ)ไว้ โดยมีธนัญญา (ช้องมาศ บางชะวงษ์) กับลูกคู่อย่าง ปานจิต(ณัฐชยกานต์ ปากหวาน) และลักษมี (แพร อริศรา) ขอให้พาขวัญหมดสิทธิ์ส่งงานและไปจบปีหน้าแทนเนื่องจากมาสาย ด้วยต้องการกำจัดคู่แข่งในการแย่งเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง สุดท้ายอาจารย์เอกบอกว่า งานที่พาขวัญทำมาเสนอในเบื้องต้น ยังขาด “วิญญาณ” ของหางเครื่องไป และแนะนำว่าให้ส่งเป็นงานเต้นประเภทอื่นที่เธอถนัดกว่าอย่าง บัลเล่ต์ คอนเทมฯ หรือฮิปฮอป แต่พาขวัญไม่อยากเปลี่ยน

เมื่อออกมาจากห้องนำเสนอผลงาน พาขวัญพบศรุต(ณรงค์ฤทธิ์ รัตนภักดี)ชายหนุ่มเจ้าของกิจการร้านอาหารและไร่ผักออร์แกนิคส์ คนที่ดวงกมล (ภัสสร บุณยเกียรติ) แม่ของเธอต้องการจะให้ลงเอยด้วย เพราะเหมาะสมกันทั้งฐานะและชาติตระกูล มารอรับเธออยู่ เธอจึงปลอมตัวโดยอาศัยชุดขอทานจากละครดาวพระศุกร์เดอะมิวสิคัลของนัชชา จนเกือบรอดสายตาศรุตไปได้ ถ้าไม่ใช่เพราะกลุ่มธนัญญาเห็นเสียก่อน ขณะวิ่งหนีศรุตออกมาถึงหน้ามหาวิทยาลัย พาขวัญเกือบถูกรถแท็กซี่ของนันทพงศ์ (กฤษฎี พวงประยงค์) ที่เพิ่งไปรับชลธี(ปรัชญ์ ปรมิณ)หนุ่มนักเรียนนอก ทายาทเจ้าของวงดนตรีลูกทุ่งชาญชลธีชน เธอฉวยโอกาสรีบขึ้นรถแท็กซี่หนีศรุตไป

ในรถแท็กซี่ พาขวัญไม่พอใจทีท่าของชลธีที่เหมือนดูถูกเธอ ทั้งคู่ต่อปากต่อคำกัน พาขวัญทำโทรศัพท์มือถือหล่นในรถแท็กซี่โดยไม่รู้ตัว ขณะที่รอน้องชายที่จบการบริหารด้านดนตรีกลับมาช่วยกอบกู้วง ชาญชัย (โน้ต-วัชรบูล ลี้สุวรรณ) ก็ถูกเจ๊หอม (ดีใจ ดีดีดี)และนกเขา (ชาญณรงค์ ขันทีท้าว) โทร.มาทวงหนี้ก้อนใหญ่ ส่วนทางลูกวงที่เตรียมงานต้อนรับชลธีก็ถูกร้านค้าต่างๆ ยื่นคำขาดว่าไม่ให้เชื่อของอีกต่อไป สถานการณ์ด้านการเงินของวงกำลังย่ำแย่ ชลธีคาดคั้นเอาความจริงจากนันทพงศ์ขณะนั่งรถกลับบ้าน แต่นันทพงศ์ก็ตอบเลี่ยงไปว่าเป็นเพราะหน้าฝน งานจ้างเลยน้อย

เนื่องจากศรุตมาเล่าให้ดวงกมลฟัง พาขวัญจึงถูกแม่สั่งไม่ให้ทำธีสิสเรื่อหางเครื่อง เพราะมองว่าไม่เหมาะสมกับฐานะลูกสาวของรัฐมนตรีอรรถพล (นงค์ เชิญยิ้ม) และอนาคตผู้บริหารกิจการของเธอ พาขวัญเสียใจ แต่ก็ได้กำลังใจจากวิไล (หลิว-อาราดา พรหมพฤกษ์) เลขานุการส่วนตัวของแม่เธอช่วยปลอบ

เมื่อชลธีมาถึงบ้าน ก็มีสาวๆ ในวงมาต้อนรับ ทั้ง ภารวี (แพร เอมเมอรี่) นักร้องนำ มณีรัตน์ (เอี๊ยม-วรรษพร วัฒนากุล)หัวหน้าหางเครื่อง และ รสริน (หทัยชนก สวนศรี) หางเครื่องสาวสุดเซ็กซี่ ชลธีต้องการจะคุยเรื่องสถานการณ์ของวงกับชาญชัย ชาญชัยบอกให้คุยทีหลังเพราะทุกคนในวงรอเจอชลธีอยู่ สุดท้ายเมื่อชลธีเข้าไปเห็นตารางงานของวงในห้องทำงานชาญชัย เขาก็บอกให้ชาญชัยยุบวงชาญชลธี ชาญชัยโกรธมาก ทุกอย่างที่พี่น้องสองคนโต้เถียงกันอยู่ภายใต้การรับรู้ของเพทาย (นวพล ภูวดล) ผู้จัดการวงชาญชลธีที่แอบฟังอยู่

ในงานเลี้ยงต้อนรับชลธี ขณะที่ทุกคนสนุกสนานอยู่ ชาญชัยเข้าไปถามชลธีว่าแน่ใจนะที่จะทำให้ทุกคนที่กำลังมีความสุขนี้ตกงาน ชลธีลังเลหลังงานเลี้ยงเลิกรา นกเขารอจังหวะจะมาขโมยแท็กซี่ของนันทพงศ์ไปเพื่อเป็นการประกันเงินกู้ให้กับทางเจ๊หอมเพื่อเอาใจเจ้านาย แต่กลับพบว่ามีแสงวาบๆ ออกมาจากในรถ นกเขาเข้าใจว่าเป็นผีดอกคูน (โย่ง เชิญยิ้ม) พ่อของชาญชัยและชลธีที่ตายไปแล้ว แต่ที่จริงแล้วคือแสงจากโทรศัพท์มือถือของพาขวัญ

วันรุ่งขึ้น ก่อนออกจากบ้าน ชลธีได้เจอชาญชัย ชลธีบอกจะช่วยปรับปรุงวงให้ดีขึ้น ชาญชัยดีใจและขอเวลาชลธี 4 เดือนเพื่อจะฟื้นฟูวงให้กลับมาเหมือนเดิม ถ้าไม่สำเร็จจะยอมให้ชลธีขายวง ชลธีตอบตกลง แต่จริงๆ แล้วชาญชัยต้องการจะส่งวงชาญชลธีเข้าประกวดเพื่อชิงเงินรางวัลก้อนใหญ่และสัญญาว่าจ้างหลายปี ในอีก 4 เดือนข้างหน้า พาขวัญยืมโทรศัพท์ของวิไลโทรเข้ามือถือตัวเอง จังหวะเดียวกับที่ชลธียืมรถแท็กซี่ของนันทพงศ์เพื่อออกไปทำธุระพอดีเลยเป็นคนรับสาย พาขวัญเข้าใจผิดคิดว่าชลธีเป็นคนขโมยมือถือของเธอ เธอจึงขู่ให้ชลธีเอาโทรศัพท์มาคืนให้ที่มหาวิทยาลัย เมื่อชลธีมาถึงก็เจอกับธนัญญาที่ขึ้นมาบนแท็กซี่เพราะจะไปพบวงศกร (นิกกี้-สิรภพ สมผล) นักลีลาศหนุ่มเพลย์บอย เพื่อจะเชิญมาเป็นคู่เต้นในงานธีสิสของเธอ ด้วยหวังว่าจะทำให้ชนะพาขวัญได้

ชาญชัยบอกพาขวัญว่าวิไลเคยเป็นหางเครื่องในวงของเขา พาขวัญดีใจมากจึงขอชาญชัยไปเป็นหางเครื่องที่วงด้วย ท่ามกลางความตกใจของวิไล ชาญชัยบอกให้พาขวัญไปขอแม่มาก่อน เมื่อกลับบ้านไป พาขวัญโทร.ไปวางแผนกับอรรถพลเพื่อหลอกดวงกมลให้อนุญาตให้เธอไปฝึกบัลเล่ต์เพิ่มเติมกับมาดามเลอคาบูซิเยร์เพื่อทำธีสิสบัลเล่ต์ให้ดีที่สุด เป็นเวลา 4 เดือน แต่ที่จริงเธอจะไปอยู่ในวงชาญชลธี ดวงกมลตกหลุมพรางเลยอนุญาต แต่ก็ไม่วายเป็นห่วง อรรถพลจึงบอกว่าให้วิไลตามไปดูแลด้วยเพื่อความสบายใจของดวงกมล

วิไลอึดอัดใจที่ต้องกลับมาเจอกับชาญชัยอีกครั้งเพราะเคยมีความหลังครั้งอดีตกันอยู่ แต่ก็ยอมปลอมมาเป็น ‘น้าวิไล” กับ ‘หลานขวัญใจ’ เข้ามาในวง เพราะรักและเห็นใจพาขวัญ ชลธีดีใจที่ได้เจอวิไลแล้วก็ต้องตกใจเมื่อวิไลพาพาขวัญมาด้วยชลธีผิดหวังจากการออกไปสมัครงานที่โรงเรียนสอนดนตรีเพราะคุณวุฒิสูงเกินไป ประกอบกับการเห็นวงดนตรีมีแต่งานจ้างห่วยๆ เลยตัดสินใจโทรหาเอกภพ (จิณณะ จอมขันเงิน) เจ้าของค่ายเพลงที่เพทายแอบให้นามบัตรมา เพราะต้องการขายวงชาญชลธีเพื่อความอยู่รอด

เช้าวันรุ่งขึ้น รสรินปล่อยข่าวเรื่องชลธีถูกทำร้ายเพราะพาขวัญ และเห็นวิไลอยู่กับชาญชัยสองต่อสองในยามวิกาล ทำให้คนในวงส่วนใหญ่ไม่พอใจ นอกจาก ชดช้อย (ค่อม ชวนชื่น) อดีตหางเครื่องวัยดึกหวด (อู๊ด เป็นต่อ)และ ป้าน้อย (วันทนา บุญบันเทิง) แม่ครัว ทุกคนสุมหัวกันเม้าท์สองน้าหลานคู่นี้ว่าจะเข้ามาทำให้วงชาญชลธีเปลี่ยนไป รสรินเป่าหูมณีรัตน์ว่า วิไลจะมาเขี่ยเธอออก และเสี้ยมภารวีต่อว่าขวัญใจน่าจะมาเสียบแทนตำแหน่งนักร้องนำเพราะสาวกว่า ภารวีเหม็นหน้าพาขวัญขึ้นมาทันที

ที่มหาวิทยาลัย เป็นวันสุดท้ายที่จะเปลี่ยนหัวข้อธีสิสได้ ธนัญญาเห็นธีรวิทย์กับนัชชาเข้ามาคุยกับครูเอก จึงเข้าใจว่าพาขวัญส่งมาให้แจ้งเปลี่ยนหัวข้อแทน เธอจึงพยายามถามครูเอกว่าพาขวัญเปลี่ยนหัวข้อธีสิสเป็นอะไร แต่ครูเอกไม่ยอมบอก แต่ก็กำชับนัชชากับธีรวิทย์ว่าคราวหน้าต้องให้พาขวัญมาด้วยตัวเอง

พาขวัญถูกมณีรัตน์และหางเครื่องในวงใช้ให้ซักเสื้อผ้าเพราะเป็นหางเครื่องน้องใหม่ ระหว่างนั้นวิไลก็ถือโอกาสซักไซ้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พาขวัญไม่ยอมบอก จนกระทั่งวิไลขู่จะบอกดวงกมล พาขวัญจึงเล่าความจริงทั้งหมด ที่บ้านพาขวัญ ดวงกมลเชิญศรุตมาคุยและขอให้ตามหาที่อยู่ของมาดามเลอคาบูซิเยร์ให้ เพราะเธออยากจะไปเยี่ยมลูกมาก ศรุตรับปากว่าจะหาให้ เพทายพยายามลวนลามพาขวัญและเสนอว่าจะช่วยผลักดันให้เป็นนักร้อง ถ้ายอมเป็นของตน แต่ผ่องศรี(ณัฐรินทภรณ์ ยืนยง) โผล่มาขัดจังหวะพอดี พาขวัญเลยรอดไปได้

เจ๊หอมส่งนกเขาปลอมตัวเป็นแม่ค้าขายขนมมาสืบเรื่องงานของวง ได้ความว่าจะมีงานที่วัดหลวงตาเผือกวันเสาร์นี้ เจ๊หอมโกรธที่ชาญชัยไม่แจ้ง คิดว่าจะเม้มเงินที่จะมาใช้หนี้ ชลธีเห็นชาญชัยเอารถแท็กซี่ไปขับหารายได้ เลยคาดคั้นว่าเป็นเพราะต้องส่งตัวเองไปเรียนเมืองนอกใช่หรือไม่ สถานการณ์ทางการเงินของวงถึงได้ย่ำแย่ ชาญชัยบอกว่าเป็นสิ่งที่ตนรับปากพ่อไว้และต้องทำให้ได้

งานทำบุญวัดหลวงตาเปลี่ยนเป็นงานโชว์แรกของวงตั้งแต่พาขวัญปลอมตัวเข้ามา ถึงจะไม่ได้ขึ้นเต้นแต่พาขวัญก็ตื่นเต้น แต่แล้วที่หน้าเวทีกลับมีคนดูไม่ถึง 3 คน พาขวัญช็อคมาก ในขณะที่ลูกวงทุกคนโชว์กันอย่างเต็มที่เหมือนเล่นคอนเสิร์ตใหญ่ก็ไม่ปาน

พาขวัญงงกับการที่ทุกคนไม่รู้สึกอะไรที่แสดงไปโดยแทบไม่มีคนดู แต่ผ่องศรี อดีตหางเครื่องที่ผันตัวมาทำเสื้อผ้าบอกว่าเป็นเรื่องปกติที่การแสดงจะต้องเต็มที่ ไม่ว่าจะมีคนดูมากน้อยแค่ไหน ด้วยความสนิทสนมกันเพราะพาขวัญต้องมาช่วยซ่อมแซมชุดหางเครื่อง พาขวัญจึงค่อยๆ ใส่ความคิดเรื่องเปลี่ยนสไตล์ชุดหางเครื่องให้ทันสมัยกับผ่องศรี ผ่องศรีเห็นดีด้วย เข้าทางชลธีพอดีที่อยากให้งานโชว์วันเปิดบ่อปลาคาร์ฟออกมาดูดีขึ้น เพราะเอกภพเจ้าของค่ายเพลงพี่ไอจีจะมาดูตามที่นัดไว้ ถึงกับเอาเงินเก็บสมัยเสิร์ฟอยู่ที่เมืองนอกมาช่วยค่าชุดหางเครื่อง ท่ามกลางความดีใจปนแปลกใจของชาญชัยที่เห็นน้องลงทุนพัฒนาวง

วันคอนเสิร์ตเปิดบ่อปลาคาร์ฟ ทุกคนที่พาขวัญปกปิดความลับ มาร่วมประชุมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทั้งธนัญญา ศรุต อรรถพล ดวงกมล วงศกร พาขวัญได้แต่แอบอยู่หลังเวทีที่คิดว่าปลอดภัย แต่เเล้วก็เกิดเรื่องเมื่อธนัญญาแกล้งขัดขามณีรัตน์เพราะหมั่นไส้ที่มาอ่อยวงศกร จนมณีรัตน์ไม่สามารถเต้นเพลงต่อไปได้ ผ่องศรีบอกให้พาขวัญออกไปเต้นแทน เพราะรู้ว่าเธอแอบดูการซ้อมอยู่ตลอด

วันงานเทศกาลดนตรีมันแผล็บมากจึงนับเป็นหายนะของพาขวัญโดยแท้ เธอต้องขึ้นเต้นด้วย แล้วยังต้องเปลี่ยนชุดไปกินข้าวกับครอบครัวที่มีศรุตมาด้วย สลับกับกินกาแฟกับครูเอกที่เธอนัดอยู่ร้านติดๆ กัน พาขวัญเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาวิ่งรอกจนเกือบแผนแตก แต่ก็รอดมาได้ด้วยความช่วยเหลือของวิไล ที่เกือบจะทำพังไปเหมือนกันเพราะดันมีเซอร์ไพร์ส แต่ก็กลายเป็นเซอร์ไพร์สนั้นเองที่ช่วยให้พาขวัญรอดมาได้

เอกภพถูกใจการแสดงของวงชาญชลธี แต่ก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ ไม่ยอมรับปากว่าจะเทคโอเวอร์วงชาญชลธีต่อหรือไม่ พาขวัญมารู้ทีหลังว่าตนแอบถูกชลธีหลอกใช้เพราะต้องการให้คนของพีไอจีมาดูการแสดง เธอเคืองชลธีเป็นอย่างมาก และประกาศว่าจะต่อต้านการขายชาญชลธีทั้งต่อหน้าและลับหลัง

ชลธีได้รับการเชิญจากครูเอกผ่านทางเจ้าของโรงเรียนดนตรีที่เคยไปสมัครงานแต่คุณวุฒิสูงเกินไป ให้มาช่วยวิจารณ์งานธีสิสเด็กที่ส่งงานด้านดนตรี เป็นโอกาสให้ชลธีได้ยินซาวด์เพลงของธีรวิทย์แล้วรู้สึกชอบ นัชชารู้ว่าชลธีมาจากวงชาญชลธีจึงรีบส่งข้อความไปบอกพาขวัญ พาขวัญจึงวางแผนจะดึงเพื่อนๆ เข้ามาช่วยเธอปรับปรุงวงอีกแรง

พาขวัญวางแผนให้ธีรวิทย์เข้ามาทำทีเป็นขอชลธีฝึกงานที่วงชาญชลธี และให้นัชชาปลอมเป็นแฟนขี้หึงของธีรวิทย์ติดตามมาด้วย ชลธีที่ชอบงานของธีรวิทย์อยู่แล้วก็ช่วยพูดกับชาญชัยให้เห็นดีเห็นงามและรับธีรวิทย์เข้ามา เพทายไม่พอใจที่มีคนเข้ามาวุ่นวายในวงมากขึ้น ทำให้แผนการที่เขาวางไว้ในใจจะยุ่งยากขึ้นไปอีก ถ้าวงพัฒนาอย่างนี้ต่อไป ชลธีอาจล้มเลิกความตั้งใจจะขายก็ได้

วงชาญชลธีเริ่มดีขึ้น พาขวัญแอบปลื้มใจอยู่ลึกๆ ที่เธอทำให้ชาญชลธี สดชื่น มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เธอเองก็ตื่นเต้นที่จะได้เป็นหางเครื่องอย่างเต็มตัวบนเวทีบนเวทีคอนเสิร์ตเกิดมาไม่เคยเจอ อันเป็นงานเลี้ยงพนักงานของค่ายเพลงพีไอจี ที่เอกภพอยากให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ดูการเเสดงของวงชาญชลธีก่อนตัดสินใจซื้อ

เช้าวันเกิดเหตุ รสรินแอบใส่สลอดลงไปในอาหารของพาขวัญ แต่บังเอิญมณีรัตน์กลายมาเป็นผู้รับเคราะห์แทน ในขณะที่พาขวัญก็เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงเช่นกัน เพทายจึงรีบนำทั้งสองส่งโรงพยาบาล รสรินแอบสะใจ คิดว่าแผนการของเธอนั้นสัมฤทธิ์ผล

ธนัญญาซึ่งสืบรู้มาแล้วว่า วันนี้พาขวัญจะต้องรีบกลับไปเพื่อทำภารกิจสำคัญมากบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าอะไร เธอจึงคิดแกล้งเพื่อนด้วยการถ่วงเวลาในการบรรยายงาน เพราะพาขวัญได้บรรยายเป็นอันดับสุดท้ายต่อจากเธอ ด้วยเลขประจำตัวของพาขวัญนั้นอยู่หลังธนัญญา

แม้พาขวัญจะกลับมาที่เวทีอย่างฉิวเฉียด และทำให้รสรินตกใจอยู่ไม่น้อยที่เธอมีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาเต้นได้ แต่คอนเสิร์ตก็ยังไม่สามารถเริ่มทำการแสดงได้ เพราะภารวีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะที่เหตุการณ์กำลังอยู่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็ปรากฏว่ามีนักร้องลูกทุ่งชื่อดังแนวหน้าของวงการปรากฏตัวขึ้นกลางเวทีคอนเสิร์ต สร้างความพอใจให้กับพนักงานของพีไอจีเป็นอย่างยิ่ง แถมยังดึงพาขวัญออกมาร้องเพลงคู่อีกด้วย ซึ่งพาขวัญก็ทำได้ดีมากจนทุกคนในวงตกใจ

ภารวีกลับมายังวงชาญชลธีแล้วบอกว่าเธอถูกวางยาลักพาไปขังไว้โดยใครก็ไม่รู้ รสรินกับมณีรัตน์ใส่ร้ายพาขวัญว่าเป็นคนทำ เพื่อที่จะได้ขึ้นโชว์ร้องเพลงแทนภารวีในงานเมื่อคืน ภารวีเริ่มลังเล

ฐานะอันแท้จริงของพาขวัญเกือบถูกเปิดเผย เมื่อวันหนึ่งขณะที่เธอต้องลอบออกไปมหาวิทยาลัย เพื่อรายงาน ความคืบหน้าของงานในช่วงเช้า ทานอาหารกับศรุตในมื้อค่ำ ชลธีแอบสะกดรอยตามพาขวัญไปติดๆ แต่พาขวัญ ก็คลาดสายตาเขาไปอย่างหวุดหวิดทุกครั้งพาขวัญช่วยจีน่า (บั๊บเบิ้ล-กรกฎ พวงสวัสดิ์)หางเครื่องชายใจหญิงของวง แก้ไขสถานการณ์บางอย่างที่บีบคั้นได้ขณะเข้าตาจน เธอทำโดยไม่ให้จีน่ารู้ แต่ชลธีเห็น เขามั่นใจว่าพาขวัญเป็นคนดีที่ไม่เอาเปรียบใคร พาขวัญกลายเป็นทั้งศิราณีและแม่พระที่คอยให้ความช่วยเหลือและชี้แนะกับทุกคนในวงยามประสบปัญหาจึงยิ่งทำให้ความสัมพันธ์และมิตรภาพของเธอกับเพื่อนๆ ในวงแน่นแฟ้นจนยากที่จะแยกขาดออกจากกัน ส่งผลให้การเก็บข้อมูลเพื่อทำโปรเจ็กต์ของเธอเป็นไปอย่างราบรื่น

ชาญชัยพอเก็บเงินก้อนเล็กๆ จากการที่วงมีงานเพิ่มขึ้นได้บ้าง เขาจึงนำไปไถ่แหวนที่ครั้งหนึ่งตั้งใจจะใช้หมั้นหมายกับวิไล แต่ก็มีอันต้องเข้าใจผิดไปเสียก่อน เมื่อออกมาจากร้านทองด้วยความดีใจจะรีบเอาแหวนไปมอบให้หญิงที่ตนรัก โดยไม่ทันระวังชาญชัยถูกรถชนที่หน้าร้านทองนั่นเอง ชาญชัยเสียเลือดไปเป็นจำนวนมากจึงต้องการเลือดโดยด่วน ลูกวงในคณะทุกคนต่างแย่งกัน บริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือเจ้าของวง สร้างความประทับใจให้กับพาขวัญและชลธีเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชลธีที่นึกไม่ถึง ว่าทุกคนจะรักและเสียสละให้กับพี่ชายของเขาได้ถึงเพียงนี้

การที่ชาญชัยประสบอุบัติเหตุขั้นโคม่าทำให้ต้องใช้เงินมาก ประกอบกับข่าวที่วงโดนจับเรื่องเล่นการพนัน ทำให้ฉาวโฉ่จนถูกแคนเซิลงานจ้างจนเกือบหมด เพทายจึงหลอกให้ชลธีเซ็นเอกสารกู้เงินนอกระบบเพื่อเอาเงินมารักษาพี่ชาย

ลูกวงชาญชลธีก็ได้ชุ่มชื่นหัวใจอีกครั้ง เมื่อได้รับภาพถ่ายเก่าแก่ ตอนที่หัวหน้าดอกคูณเคยเป็นนักเลงถ่ายคู่กับสมบัติที่ซ่อนเอาไว้ ปัญหาคือมันถูกส่งมาโดยใคร แต่อย่างน้อยข่าวลือที่บอกว่าหัวหน้าดอกคูณเคยเป็นนักเลงมาก่อนก็เป็นความจริง เมื่อถึงตอนลำบากอย่างนี้พอดี ใครบางคนก็พูดถึงขุมทรัพย์ของดอกคูนขึ้นมา เพทายถึงกับหงุดหงิด เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเป็นคนเดียวที่พยายามแอบหาที่ซ่อนสมบัติของดอกคูน แต่ตอนนี้ทั้งวงจะลุกขึ้นมาสมบัตินี้กันหมด เขาจึงแกล้งบอกว่าเรื่องสมบัติไม่น่าจะมีจริง เป็นเพียงกุศโลบายของดอกคูนที่ต้องการให้ทุกคนอยู่กับวงชาญชลธีไม่หนีหายไปไหน แต่แทบทุกคนก็ไม่เชื่อเพทาย ชดช้อยจำได้เลาๆ ว่าเป็นตัวเลขที่ต้องถอดรหัส ป้าน้อยบอกว่าเป็นรหัสของตู้เซฟที่ยังหาตัวตู้ไม่เจอ ส่วนเบลเบล(เพ็ญนภางค์ ชายด่าน) หางเครื่องรุ่นเดอะที่ยังเต้นอยู่บอกคับคล้ายคับคลาว่าเป็นเบอร์บัญชีธนาคาร แต่ไม่มีใครจำตัวเลขเหล่านั้นได้สักคน เหมือนจะมีการจดไว้ แต่พอไม่รู้ความหมายก็เลิกสนใจกันไป ปฏิบัติการตามล่าพลิกหาตัวเลขจึงเกิดขึ้น

คืนนั้นพาขวัญฝันถึงดอกคูนจนตกใจตื่น จึงมายืนมองรูปดอกคูนในห้องของตัวเอง พาขวัญเห็นสายตาของดอกคูนในรูปมองไปที่มุมห้องด้านหนึ่งจึงเดินไปดู เห็นเลขลางๆ บนเสามุมห้อง จนเมื่อปัดฝุ่นแถวนั้นออกจึงเห็นเป็นชุดตัวเลข 8188216832 พาขวัญตื่นเต้นมากจนอยากจะโทร.ปลุกวิไลที่นอนเฝ้าชาญชัยอยู่ที่โรงพยาบาลแต่ก็ไม่กล้า

ชลธียอมรับว่าพีไอจีสนใจ อยากให้พาขวัญเซ็นสัญญาเป็นนักร้องจริง แล้วย้อนถามพาขวัญกลับไปว่าเธอจะยอมทำหรือไม่เพื่อช่วยวง พาขวัญปฏิเสธเพราะไม่คิดว่าวิธีนี้จะเป็นทางออก วงชาญชลธีจะต้องกลับมาได้ด้วยตัวเองไม่ใช่เพราะแลกกับตัวของเธอ แล้วถ้าพีไอจีเห็นความสามารถของเธอ ทำไมวงถึงไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้มาช่วยวง แทนที่จะหาทางออกง่ายๆ ด้วยการขายเธอออกไป

เมื่อภารวีออกจากวงไป คนในวงก็เริ่มระส่ำระสาย แต่ก็ยังคงพยายามหาปริศนาตัวเลขต่อไป เมื่อยังคิดไม่ออก หลายคนเริ่มท้อแท้ และคิดจะไปจากวงชาญชลธี แม้ชลธีจะยืนยันว่าถ้าพบสมบัติและนำไปใช้หนี้แล้วก็จะแบ่งให้ลูกวงทุกคนเท่าๆ กัน แต่ก็มีหลายคนตัดสินใจไม่รอ เริ่มจากรสรินที่มีเสี่ยมาติดพันที่ผับที่ไปเป็นโคโยตี้ หลังจากถูกตามตื๊อมานานและเอาเงินมาล่อ รสรินจึงตอบตกลงทิ้งนันทพงศ์ไปอยู่ด้วย ตามด้วยมณีรัตน์ที่พาหางเครื่องกลุ่มหนึ่งออกไปเต้นให้กับวงอื่น โดยทิ้งเพทายไว้ที่นี่ เผื่อเจอสมบัติก็ยังจะมีเอี่ยว แต่แท้จริงแล้วเป้าหมายของมณีรัตน์คือการเข้าไปเป็นนักร้องของค่ายพีไอจี โดยผ่านการช่วยเหลือของเพทาย

นันทพงศ์เสียใจเรื่องรสรินมาก พาขวัญเข้าไปปลอบจนชลธีมาเห็นเลยเข้าใจผิด คิดว่าพาขวัญโกรธเรื่องที่จะขอให้เธอเซ็นสัญญาเป็นนักร้อง เลยเปลี่ยนใจไปหานันทพงศ์คนซื่อที่แสนดี ระหว่างที่ลูกวงทยอยกันออกไป พาขวัญได้ยินเด็กท่องสูตรคูณเดินผ่านไปเลยนึกออกว่าที่แท้เลขรหัสนั้นคือ ‘สูตรคูณแม่ 8’นั่นเอง เพราะฉะนั้นลายแทงสมบัติจึงน่าจะอยู่ใน ‘สูท(ของดอก)คูน’ ผ่องศรีจึงไปเอาสูททุกตัวของดอกคูนที่เก็บไว้มาหา แต่ก็ยังไม่พบและยังคงตีไม่ออกว่า แม่ 8 เกี่ยวข้องอะไรด้วย

ป้าน้อยนึกขึ้นได้ถึงสูทตัวเก่งของดอกคูนในอดีตที่อยู่ในบ้านชาญชัย ผ่องศรีจึงไปขอชลธีให้เอาออกมาให้ เมื่อตรวจดูก็พบว่าที่ด้านซับในตะเข็บสูทตัวนั้นมีกระดาษแผ่นเล็กซ่อนอยู่ในซองพลาสติกมีคำใบ้เขียนว่า ‘ถนนปลอดทุกข์’ทุกคนแยกย้ายไปตามหาตามความเข้าใจของตน พาขวัญไปหาในห้องพระ ชดช้อยไปหาที่หน้าห้องสุขา หวดไปหาที่ถนนหน้าบ้าน มีเพียงชลธีที่พุ่งไปที่ห้องทำงานเก่าของพ่อที่พาขวัญอาศัยเป็นห้องนอน เพราะเชื่อมโยงได้ว่า จากสูตรคูณแม่ 8 เมื่อรวมกับคำใบ้ถนนปลอดทุกข์ซึ่งคือทางดับทุกข์ หรือ ‘มรรค 8’ นั่นเองและหนทางปฏิบัติมรรค 8 ก็คือ ‘การเดินสายกลาง’และที่ดอกคูนชอบเดินก็คือในห้องทำงานเพื่อแต่งเพลง ดังนั้นใต้พื้นไม้กระดานชิ้นที่อยู่ตรงกลางห้องพอดี เขาจึงพบกล่องใส่ซิมการ์ดซ่อนอยู่ที่นั่น

ด้วยความที่เป็นซิมการ์ดรุ่นเก่า ทุกคนอยากรู้ว่ามันเป็นซิมของใคร อะไร ยังไง แต่ไม่มีใครมีโทรศัพท์รุ่นที่ใส่ซิมแบบนั้นได้เลยมาหาตู้ขายเครื่องโทรศัพท์มือสองที่ตลาดนัดจนได้ไป แล้วพยายามโทร.ออกไปเบอร์ที่เมมไว้เพียงเบอร์เดียวในซิมนั้น เสียงมือถือของพาขวัญดังขึ้น ทุกคนตกใจคิดว่าเป็นซิมนั้นโทร.หาพาขวัญ ปรากฎว่าเป็นวิไลที่โทร.มาบอกเรื่องชาญชัยพ้นจากอาการโคม่าแล้ว หลังจากนั้นพอใช้ซิมโทรไปอีกรอบ สัญญาณเลขหมายปลายทางก็บอกเป็นว่า ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก

ระหว่างที่ทุกคนง่วนกับการหาขุมทรัพย์ ก็มีคุณหญิงคนหนึ่งโทร.มาหาเพทายเรื่องจะจ้างวงไปโชว์ในงานการกุศลหาทุนช่วยเด็กกำพร้าที่โรงแรมละแวกชานเมือง เพทายขอเงินมัดจำล่วงหน้า คุณหญิงบ่ายเบี่ยง อ้างว่าเป็นสมาคมด้านการกุศลใหญ่โต ขอจ่ายที่งานทีเดียว ด้วยความร้อนเงิน ชลธีบอกเพทายว่าอนุญาตตามที่คุณหญิงขอมา พาขวัญไปตามวิไลและรุ่นน้องนักเต้นที่มหาวิทยาลัยมาเสริมในส่วนหางเครื่องที่หายไป ชลธียังคงพยายามโทร.ตามเบอร์ในซิมของดอกคูนวันละเป็นสิบรอบ แต่ก็ยังไม่มีคนรับสาย

เมื่อถึงวันงาน วงชาญชลธีไปถึงไม่เจอเจ้าภาพ แถมยังถูกโรงแรมกักตัวไว้ให้จ่ายเงินค่าเช่าห้องจัดเลี้ยง เพราะมีการแจ้งมาว่าวงจะมาเช่าสถานที่เปิดอัลบั้มใหม่ ไม่ใช่เป็นงานการกุศลอย่างที่ว่า ทั้งหมดเป็นแผนการของ 2 แม่ลูก ทิพา(นันทนา บุญหลง) ธนัญญา ทำให้คราวนี้วงชาญชลธีหมดตัวจริงๆ ต้องขายเครื่องดนตรี ไปทั้งวง และเมื่อกลับมาก็พบว่าโทรศัพท์พร้อมซิมที่เสียบชาร์จไว้ในห้องทำงานชาญชัยก็หายไป

เจ้าหนี้นอกระบบส่งสมุนมาเตือนชลธีว่าใกล้กำหนดจ่ายเงินแล้ว พาขวัญช็อกเมื่อรู้ว่าชลธีไปกู้หนี้มาเพื่อรักษาชาญชัย ชลธีบอกว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณพี่ชายที่เสียสละหาเงินส่งเขาเรียนเมืองนอก เมื่อพี่ชายประสบอุบัติเหตุแบบนี้ เขาจะนิ่งดูดายไม่ได้ พาขวัญเริ่มคิดเรื่องเซ็นสัญญากับค่ายพีไอจีเพื่อช่วยชลธี

ชลธีเสียใจจนหมดแรงที่จะทำอะไรได้ เขาบอกพาขวัญให้กลับไปอยู่บ้าน แต่พาขวัญอาสาจะอยู่เป็นเพื่อนชลธี ชายหนุ่มซึ้งในน้ำใจพาขวัญ ตกดึกพาขวัญนั่งรวบรวมข้อมูลธีสิสที่ได้จากการเข้ามาร่วมเป็นสมาชิกในวงชาญชลธีมาร่วมสามเดือน เธอเห็นไฟในห้องนอนชลธีเปิดอยู่จึงไปอุ่นนมร้อนมาให้ แต่คลาดกับชลธีที่เดินไปหาพาขวัญที่ห้องทำงานดอกคูน พาขวัญเดินกลับมาที่ห้องก็พบว่าชลธีกำลังอ่านข้อมูลที่ในแล็ปท็อปของเธออยู่

ชลธีเสียใจและผิดหวังมากที่มองพาขวัญผิดไป ที่แท้เธอก็เข้ามาในวงชาญชลธีเพียงเพื่อต้องการข้อมูลในการทำธีสิสแค่นั้นเอง พาขวัญพยายามอธิบาย แต่ชลธีก็ไม่ฟัง ไล่ให้พาขวัญกลับบ้านไปเจ้าหนี้นอกระบบมาทวงหนี้แต่ชลธีไม่มีให้ เลยถูกขนของไปจนหมดบ้าน นกเขามาเห็นพอดีจึงรีบโทร.บอกเจ๊หอมให้รีบมาเอาของไปบ้าง เดี๋ยวจะไม่เหลืออะไร ด้วยพอจะรู้ลู่ทาง นกเขาจึงเข้าไปขนเครื่องดนตรีและของที่จะพอมีเหลือในห้องดอกคูน นกเขาถึงจะกลัวแต่ก็เข้าไปขนของในห้องนั้นจนเกลี้ยง โดยขนขึ้นรถนันทพงศ์ที่จอดอยู่นอกรั้วบ้านไป

พาขวัญโทร.บอกวิไลเรื่องทั้งหมด และฝากวิไลกลับไปดูชลธีบ้างแต่อย่าเพิ่งบอกชาญชัยว่าวงแตกแล้ว ส่วนเรื่องค่ารักษาพยาบาลเธอจะขอให้อรรถพลช่วยออกให้ วิไลรับปากด้วยความเป็นห่วงทั้งพาขวัญและชลธี

ชลธีนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ในบ้านที่ไม่เหลืออะไร มีเพียงกองใบแจ้งหนี้สุมเต็มไปหมด แก๊งทวงหนี้นอกระบบบุกเข้ามาแล้วอุ้มชลธีไป ชลธีถูกพาไปรุมซ้อมในเซฟเฮ้าส์และบังคับให้เลือกระหว่างส่งยาเสพติดใช้หนี้หรือจะยอมขายตัวให้กะเทย ชลธีไม่ยอมทั้งสองอย่างเลยถูกซ้อมจนสลบไป นันทพงศ์ตัดสินใจจะบวช แต่หลวงตาเผือกเห็นว่าจิตใจยังไม่สงบ จึงบอกให้อาศัยเป็นเด็กวัดไปก่อน จนกว่าจะตัดทางโลกได้จริงชลธีฟื้นขึ้นมาในห้องนอนของแจ๊คเกอลีน เศรษฐีกะเทยไทยวัยดึก เขาขอให้แจ๊คเกอลีนปล่อยเขาไป แต่แจ๊คเกอลีนปฏิเสธ
หลังจากที่แจ๊คเกอลีนได้รับรู้ราวเรื่องชีวิตของชลธี จึงวางแผนให้ชลธีอาศัยอยู่ในบ้านเธอไปก่อน โดยอ้างกับทางเจ้าหนี้ว่าติดใจในตัวชลธี ทั้งที่ความจริงไม่ได้มีอะไรกัน แต่เพื่อให้เขาหลบจากการตามของทีมทวงหนี้ ในระหว่างที่เธอจะจัดการเคลียร์หนี้ทั้งหมดกับทางเจ้าหนี้นอกระบบให้ โดยมีสัญญาใจกันบางอย่างกับชลธี วิไลถ่วงเวลาให้ชาญชัยอยู่โรงพยาบาลให้นานที่สุด เพราะไม่อยากให้ออกมารับรู้เรื่องชาญชลธีวงแตก จึงขอให้พาขวัญมาเยี่ยมชาญชัยแล้วเล่าเรื่องความเป็นไปในวงเพื่อให้ชาญชัยสบายใจขึ้น

รสรินถูกเสี่ยโรคจิตจับขังล่ามโซ่ไว้ในบ้านเหมือนสัตว์เลี้ยง ไม่ยอมให้ออกไปไหน และไม่ให้ติดต่อใครเด็ดขาด คืนหนึ่งรสรินเห็นพาขวัญไปรับโทรศัพท์ในงานการกุศลออกทีวี เลยออกอุบายเอามือถือจากคนรับใช้ของเสี่ยที่คอยเฝ้าเธออยู่มาโทร.ไปขอให้พาขวัญช่วย พาขวัญโทรบอกนันทพงศ์ให้ไปด้วยกัน ในที่สุดก็ช่วยรสรินออกมาได้ พาขวัญพารสรินมาพักอยู่ที่บ้านของเธอ ในฐานะญาติของวิไล

ชาญชัยตื่นขึ้นมาเห็นข่าวไฟไหม้สำนักงานของตัวเองจึงหนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปดู ขณะที่วิไลกำลังออกมารับสายดวงกมลที่โทร.มาต่อว่าเรื่องที่สมรู้ร่วมคิดกับพาขวัญไปอยู่ในวงดนตรีลูกทุ่ง วิไลตกใจมากว่าดวงกมลรู้ได้ยังไง ดวงกมลบอกให้วิไลดูข่าวทีวี เธอจึงได้เห็นคลิปหลุดลูกสาวรัฐมนตรีเต้นหางเครื่อง ซึ่งถูกปล่อยออกมาโดยธนัญญา ดวงกมลโกรธมากจนสั่งวิไลไม่ต้องกลับมาทำงานกับเธออีก เมื่อกลับเข้ามาที่ในห้องคนป่วย ชาญชัยก็หายไปแล้ว วิไลทำอะไรไม่ถูก

ดวงกมลไล่รสรินออกจากบ้านไปเพราะรู้ว่าเป็นหางเครื่องที่อยู่ในคลิปกับพาขวัญ พาขวัญแอบหนีตามรสรินไปด้วยโดยความร่วมมือของ จิ๋วหลิว (จุ๊กกะดุ๋ย-ดนยารัตนธาดา)คนรับใช้ร่างอวบ ทั้งคู่มาหานันทพงศ์ที่วัดหลวงตาเผือก นันทพงศ์บอกว่ากำลังจะไปที่สำนักงานเพราะเพิ่งรู้ข่าวจากหลวงตาว่าเกิดไฟไหม้

ที่สำนักงานชาญชลธี เหล่าบรรดาผู้แพ้ทั้งหลายได้มารวมตัวกันโดยมิได้นัดหมาย ทั้งชาญชัย พาขวัญ นันทพงศ์ รสริน ภารวี จีน่าและวิไลที่ตามมาทีหลัง ภารวีขอโทษวิไลที่หลงเชื่อและทำตามแผนการณ์ของมณีรัตน์ ทำให้ชาญชัยและวิไลเข้าใจผิดกัน ชลธีขอแจ๊คเกอลีนกลับมาดูบ้าน และได้พบกับชาญชัยสองพี่น้องโผเข้ากอดกัน ชลธีขอโทษที่รักษาวงของพ่อไม่ได้ ชาญชัยบอกไม่เป็นไรยังพอมีอีกทางคือเขาได้สมัครส่งวงเข้าประกวดชิงเงินรางวัล 5 ล้านบาทไว้

ชลธีแนะนำให้ชาญชัยรู้จักกับแจ๊คเกอลีน แฟนคลับของดอกคูนตั้งแต่เริ่มตั้งวงใหม่ๆ พอรู้ว่าชลธีเป็นลูกของดอกคูนก็เลยช่วยเหลือและเคลียร์กับเจ้าหนี้นอกระบบให้ แจ๊คเกอลีนบอกว่าจะช่วยชุบชีวิตของวงชาญชลธีขึ้นใหม่ ให้ไปตามทุกคนกลับมาให้ทันประกวด

ชลธีอาสาแต่งเพลงสุดท้ายที่ยังแต่งไม่จบของพ่อให้สำเร็จ โดยมีธีรวิทย์ช่วยเข้ามาทำซาวน์ดนตรีให้ทันสมัยแต่ก็ยังมีความเป็นลูกทุ่งชัดเจนอยู่ในเพลง และที่เซอร์ไพรซ์สุดๆ ก็คือเจ๊หอมเข้ามาประกาศยกหนี้ให้และยกโกดังเก่าของเธอให้เป็นที่ซ้อมพร้อมคืนเครื่องดนตรีที่ยึดมาให้กับวงอีกด้วย โดยมีข้อแม้ว่าชาญชัยจะต้องยอมหอมแก้มเธอแล้วถ่ายเซลฟี่ ชาญชัยทำตามด้วยความยินดี และบอกว่าถ้าชนะแล้วได้เงินรางวัลมาจะเอาไปใช้หนี้เจ๊หอมทุกบาททุกสตางค์...แสงสว่างเริ่มปรากฏที่ปลายอุโมงค์

ในวันประกวดซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พาขวัญต้องส่งงานธีสิสจบการศึกษาของเธอ วงชาญชลธีจับสลากได้เป็นวงสุดท้ายในการขึ้นประกวด ด้วยเพลงที่แต่งใหม่ของชลธี โดยมีพาขวัญเป็นคนร้อง นัชชาออกแบบชุดให้ เจ๊หอมเป็นแม่ยกร่วมกับแจ๊คเกอลีน ส่วนค่ายพีไอจีโดยเอกภพก็ส่งมณีรัตน์ขึ้นโชว์ในงานเพื่อเป็นการเปิดตัวศิลปินใหม่ในงานนี้ด้วย โดยมณีรัตน์ลิปซิงค์เสียงของภารวี แจ๊คเกอลีนเป็นคนซื้อเพลงของดอกคูนทั้งหมดจากเพทายตอนเพทายร้อนเงินเพราะเสียพนันในบ่อน แล้วให้ชลธีเอามาคืนชาญชัย

พาขวัญรีบกลับมาเพื่อให้ทันส่งงานที่คณะ แต่ก็ถูกสื่อมวลชนรุมขอสัมภาษณ์ ทำให้กลับมาที่มหาวิทยาลัยไม่ทัน ครูเอกบอกให้เธอรอส่งงานใหม่ปีหน้า ธนัญญาถูกเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายมาทวงวงศกรคืนในงานส่งธีสิสโดยที่ลักษมีเป็นคนหักหลังให้ข้อมูลของธนัญญากับเมียหลวง ศรุตตามไปช่วยปลอบใจธนัญญา

พาขวัญตัดสินใจแสดงงานของตัวเองที่ในโรงอาหาร ไม่ว่าครูเอกจะตัดสินให้คะแนนผลงานของเธอหรือไม่ คนในวงชาญชลธีตามมาทันและช่วยประกอบร่างโชว์ของพาขวัญให้ออกมาจนได้ นักการภารโรง รปภ. แม่ค้า ตลอดจนนักศึกษาต่างสนุกสนานไปกับโชว์ของพาขวัญ อรรถพลขึ้นไปร่วมแสดงกับลูกสาวแบบที่ไม่ได้เตรียมตัวกันมาก่อน สร้างความตื่นเต้นให้คนดูมากขึ้นไปอีกที่คนระดับรัฐมนตรีเข้ามาแจมด้วย โดยมีวินัยพ่อของวิไล เพื่อนเก่าแก่ของดอกคูนอีกคนขึ้นไปร่วมแสดงฝีมือเช่นกัน

พาขวัญ จะเรียนจบพร้อมเพื่อนๆ หรือไม่? ความรักของเธอกับชลธี จะสมหวังหรือเปล่า? ติดตามชมได้ละคร “นางฟ้าเปื้อนฝุ่น” ทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ดูมันดี รับประกันความสนุกจ้า....!!!!

คาแร็กเตอร์ตัวละคร

พาขวัญ รับบทโดยโซฟี่-อัปสรสิริ อินทรคูสิน
หญิงสาวอายุ 21-22 ปี เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณหญิงดวงกมลและรัฐมนตรีอรรถพลที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง คิดจะทำอะไรแล้วต้องทำให้สำเร็จแม้ว่าจะต้องปลอมตัวลดฐานะลงไปเป็นหางเครื่องบ้านนอกธรรมดาๆ ก็ทำเพื่อแลกกับข้อมูลมาเขียนหนังสือที่ตั้งใจไว้สำเร็จภายใน 2 เดือนตามที่แม่กำหนดเวลาไว้ให้

ชลธี รับบทโดยปรัชญ์ - ปรมิณ ศิระวนาดร
ชายหนุ่มอายุ 25-26 ปี นักเรียนนอก ลูกชายชาญชัยเจ้าของวงดนตรีลูกทุ่ง ชอบความโก้หรูทนเห็นวงลูกทุ่งของพ่อย่ำอยู่กับที่ไม่ได้คิดจะขายเพื่อตั้งโรงเรียนสอนร้องเพลงและสอนดนตรีสมัยใหม่ถึงกับวางแผนล้มวงพ่อตัวเองโดยให้ภารวีช่วยแต่การล้มวงไม่สำเร็จเพราะพาขวัญขัดขวางไว้

วิไลรับบทโดยหลิว-อาราดา พรหมพฤกษ์
หญิงสาวอายุ 30 ปี สาวบ้านนอกอดีตหางเครื่องนิสัยดีที่ถูก มณีรัตน์ เพื่อนทรยศแทงข้างหลังชิงเพทายสามีสุดที่รักไปครอบครอง ความเจ็บปวดครั้งนั้นทำให้วิไลหันหลังให้กับการเป็นหางเครื่องแต่ก็ต้องมีอันหวนกลับมาอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือพาขวัญลูกสาวเจ้านายหาข้อมูลมาเขียนหนังสือให้สำเร็จ

ชาญชัยรับบทโดยโน้ต-วัชรบูล ลี้สุวรรณ
อายุ 35-40 ปี ชายหนุ่มเจ้าของวงที่ทุ่มเทความรักทั้งหมดให้กับ ชลธี น้องชายและทุกชีวิตที่อยู่ในวงชาญชลธี ใจดี อภัยลูกน้องได้ทุกเรื่อง รักลูกน้อง ไม่ยอมปล่อยลอยแพ แม้มีปัญหาจนถึงขั้นต้องขายวง แต่ก็พยายามสู้เพื่อให้ทุกคนอยู่รอด

เพทายรับบทโดยอู๋-นวพล ภูวดล
ชายหนุ่มอายุ 30-35 ปี ผู้จัดการวง เก่ง ซื่อสัตย์ หลังจากถูกแฟนเก่าสวมเขา ก็ได้มณีรัตน์ หางเครื่องสาวมาเป็นยาสมานแผลใจ แต่ก็ถูกมณีรัตน์สวมเขาให้อีกครั้ง แม้จะเป็นคนซื่อสัตย์ ใจดี แต่เมื่อเห็นมณีรัตน์อยู่กับเอกพลต่อหน้าต่อตา ก็ถึงกับสติแตกฆ่าทั้งคู่ตาย ได้ วิไล เมียเก่าช่วยให้กำลังใจขณะอยู่ในคุก

ภารวี นทีกาล รับบทโดยแพร เอมเมอรี่
หญิงสาวอายุ 24-26 ปี นักร้องนำของวง อดีตหางเครื่องสาวที่ใฝ่ฝันอยาก เป็นนักร้อง และด้วยสุ่มเสียงที่มีพลัง ชาญชัยจึงหยิบยื่นโอกาสนั้นให้ แต่ไม่ซื่อสัตย์ ร่วมวางแผนกับมณีรัตน์ช่วยชลธีเพื่อล้มวงดนตรีที่ให้น้ำให้ข้าวให้โอกาสมาจนถึงทุกวันนี้ นิสัยขี้อิจฉารักความก้าวหน้ายอมพลีกายให้ชลธีเพื่อไต่เต้าขึ้นสู่การเป็นนักร้องดังในค่ายยักษ์ใหญ่ในวงการเพลง

มณีรัตน์ รับบทโดยเอี๊ยม-วรรษพร วัฒนากุล
หญิงสาวอายุ 30 ปี สาวบ้านนอกหัวสูงถีบตัวเองจากหางเครื่องธรรมดามาเป็นหัวหน้าหางเครื่องด้วยการเอาตัวเข้าแลก และให้ร้ายวิไลเพื่อนร่วมวงจนต้องหนีออกจากวงไปแล้วตัวเองก็ยึดตัวเพทาย แต่มักมากในกาม แอบเป็นชู้กับเอกพล หางเครื่องในวง สุดท้ายก็ตายเพราะความไม่ซื่อสัตย์

ผ่องศรีรับบทโดยณัฐรินทภรณ์ ยืนยง (อิน บูโดกัน)
หญิงสาวอายุ 32-35ปี หางเครื่องประจำวง สาวอีสานบ้านนา ถูกสามีทิ้งให้เลี้ยงลูกตามลำพัง ตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ มาทำอาชีพหางเครื่อง

รสริน รับบทโดยหทัยชนก สวนศรี (ทราย KPN)
หญิงสาวอายุ17-20 ปี หางเครื่องประจำวง สาวอีสานบ้านนา ได้เรียนแค่ชั้น ป.6 เพราะครอบครัวมีหนี้สินอีรุงตุงนัง เคยตัดสินใจฆ่าตัวตายเพราะความรัก ก่อนจะมาสมัครเป็นหางเครื่อง นิสัยดี เชื่อคนง่าย ถูกมณีรัตน์ใช้เป็นเครื่องมือล้มวงดนตรี

นันทพงศ์รับบทโดยกฤษฎี พวงประยงค์
ชายหนุ่มอายุ 23-25 ปี หางเครื่องประจำวง หนุ่มที่ราบสูงเป็นที่หมายปองของรสริน กำพร้าพ่อแม่ อยู่กับตายาย นิสัยดี ขี้สงสาร ไม่ค่อยพูดแต่หมัดหนัก แอบชอบพาขวัญ

จีน่ารับบทโดยบั๊บเบิ้ล-กรกฎ พวงสวัสดิ์
หนุ่มใจสาว อายุ 23-27 ปี หางเครื่องประจำวง หนุ่มชาวเหนือที่ตัดสินใจทิ้งความเป็นชายไว้เบื้องหลัง อยากจะเป็นนางโชว์ทิฟฟานี่ แต่สวยยังไม่ถึงขั้น เลยต้องมาเป็นหางเครื่องเก็กแมน นิสัยดี ขี้โวยวาย แต่จริงใจ ไม่ชอบการเอาเปรียบ ปากจัด ด่าได้เจ็บถึงขั้ว ช่วยพาขวัญฟื้นฟูวงด้วยความเต็มใจสุดฤทธิ์

นัชชา รับบทโดยณัฎฐกันย์ อัมพรพงษ์
หญิงสาวอายุ 21-22 ปี สาวไฮโซเพื่อนรักพาขวัญ นิสัยดี รักเพื่อน ยอมปลอมตัวเป็นช่างตัดเสื้อผ้าเพื่อช่วยพาขวัญหาข้อมูลมาทำโปรเจค แอบรักศรุต คู่หมายของพาขวัญ

ธีรวิทย์รับบทโดยไดสุเกะ สุกี้คาวา
ชายหนุ่มอายุ 21-22 ปี ไฮโซตี๋หล่อ เพื่อนในกลุ่มพาขวัญนิสัยดีชอบช่วยเหลือ ใจอ่อนขี้สงสาร

ธนัญญารับบทโดยช้องมาศ บางชะวงษ์
หญิงสาวอายุ 21-22 ปี สาวสวย ทำตัวไฮโซ ใช้ของแบรนด์เนมแข่งกับพาขวัญ ทะเยอทะยาน ยอมพลีกายให้วงศกร เพื่อแลกกับโปรเจ็กต์ที่จะเอามาแข่งกับพาขวัญ ขี้อิจฉา

ปานจิตรับบทโดยณัฐชยกานต์ ปากหวาน
หญิงสาวอายุ 21-22 ปี เพื่อนในกลุ่มธนัญญาไปไหนไปกันว่าไงว่ากันชอบประจบไม่ค่อยจริงใจแม้กับเพื่อน

ดวงกมลรับบทโดยภัสสร บุญยเกียรติ
อายุ 45-50 ปี แม่พาขวัญ ไฮโซตั้งแต่ต้นตระกูล เชื้อสายผู้ดีโดยกำเนิด ชอบเว่อร์ ชอบความมีหน้ามีตาในสังคม

อรรถพลรับบทโดยนงค์ เชิญยิ้ม
อายุ 50-55 ปี พ่อพาขวัญ เป็นลูกชาวไร่ชาวสวน ขยันเรียนไต่เต้าจากข้าราชการธรรมดา ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี จากความช่วยเหลือของดวงกมลผู้เป็นภรรยา ใจดี รักลูกสาว ตามใจลูก

ทิพา รับบทโดยนันทนา บุญหลง
สาวใหญ่อายุ 45-50 ปี แม่ธนัญญา ค้าขายผลไม้ เชื้อสายผู้ดีเก่าตกอับ รักลูกมากตามใจทุกอย่าง

หวดรับบทโดยอู๊ด เป็นต่อ
นักดนตรีประจำวง ชาญชลธี เป็นคนอารมณ์ดี สนุกสนาน

ศรุตรับบทโดยณรงค์ฤทธิ์ รัตนภักดี
ชายหนุ่มอายุ 25-28 ปี ไฮโซหนุ่มหน้าตาดี ทำธุรกิจเล็กๆ ชอบพาขวัญ คิดจะหมั้นและแต่งงานด้วย

วงศกรรับบทโดยนิกกี้-สิรภพ สมพล
ชายหนุ่มอายุ 35-45ปี นักเต้นลีลาศเท้าไฟแชมป์เอเซีย ภายนอกดูเงียบขรึม ไม่เจ้าชู้ แต่ลับหลังผู้หญิงให้ก็เอาหมด แต่ไม่ยอมให้ผู้หญิงจับเพราะรักลูกรักเมียมาก

































กำลังโหลดความคิดเห็น