xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ ทีมงาน - นักแสดง “อ้อมกอดเขมราฐ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เปิดใจ ทีมงาน - นักแสดง “อ้อมกอดเขมราฐ”

นายแพทย์ฤทธ ปกกฤตหริบุญ : ผู้อำนวยการสร้าง และ ผู้กำกับการแสดง

จุดเริ่มต้นของ อ้อมกอดเขมราฐ มาจากการที่ ผู้อำนวยการสร้าง และ ผู้กำกับการแสดง นายแพทย์ฤทธ ปกกฤตหริบุญ ต้องการที่จะนำเสนอมุมมองของตน “มันเป็นเรื่องที่ค่อย ๆ สะสมมาตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษาแพทย์ เรื่อยมาจนกระทั่งเรียนจบแล้วเข้าทำงานทั้งในส่วนของสถานที่ราชการและของเอกชนในหลายพื้นที่ จนกระทั่งได้มาปักหลักอยู่ที่อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งตั้งอยู่ริมริมฝั่งแม่น้ำโขง ใกล้ ๆ กับ สปป.ลาว ซึ่งทำให้เราได้พบเห็นทั้งในเรื่องของความงดงามตามธรรมชาติ,วิถีชีวิตของผู้คน ตลอดจนศิลปวัฒนธรรม ฯลฯ จึงได้นำเอาสิ่งที่ได้พบเห็น และสภาพชีวิตที่ต้องถูกบีบคั้นจากสังคมสมัยใหม่มาร้อยเรียงให้เห็นถึงสภาพความเป็นจริงของชาวบ้านที่นี่ในสังคมยุคปัจจุบัน”

“ตอนแรกก็เขียนขึ้นมาในรูปแบบของนวนิยายก่อน โดยได้นำเอาชีวิตจริงของคนที่เราพบเจอมาสร้างเป็นตัวละครขึ้น รวมไปถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เราได้เห็นมาแต่งขึ้นเป็นเรื่องราวที่บอกเล่าถึงชีวิตของผู้คนที่อำเภอเขมราฐแห่งนี้ที่มีทั้งความสุข,ความเศร้า,ความสมหวัง และความผิดหวังปะปนกันไป รวมไปถึง ความรัก ที่ไร้พรมแดนปิดกั้น หรือแม้แต่กระทั่งความตายอันเป็นความจริงที่เราทุกคนต้องเผชิญและอาจจะเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่สวยงามอีกอย่างหนึ่ง”

ในเรื่องความสัมพันธ์ทั้งหมดตัวละครนั้น ผู้กำกับฯ บอกว่า “ก็มาจากการที่เราต้องการสื่อให้เห็นถึงตัวละครแต่ละคู่ที่มีสถานะทางสังคมที่แตกต่างกัน รวมไปถึงโอกาส,การศึกษา และฐานะ โดยจุดเด่นในเรื่องของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละคู่นอกเหนือจากเรื่องราวของความรักแล้ว ยังได้สอดแทรกแง่คิดในการดำรงชีวิต,แก่นแท้,การสู้ชีวิต และการใช้ชีวิตของแต่ละคนเอาไว้อีกด้วย ทำให้ได้อรรถรสที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น,ซาบซึ้ง,ศิลปะในการดำเนินชีวิต,ความงดงามของธรรมชาติในอำเภอเขมราฐ และของพี่น้องริมฝั่งโขง”

และเมื่อหนังมีชื่อว่า “อ้อมกอดเขมราฐ” ดังนั้นโลเกชั่นส่วนใหญ่จึงถ่ายทำกันที่นี่ โดยหลังจากใช้เวลาในการเตรียมเขียนบทภาพยนตร์มากกว่า 1 ปี จึงได้เริ่มต้นลงมือถ่ายทำกันตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558 จนกระทั่งถึงเดือนมกราคม 2559 ที่เพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน และใช้เวลาทั้งสิ้นในการถ่ายทำถึง 40 คิว “ตลอดระยะเวลาในการถ่ายทำไม่ว่าจะเป็นทีมงานเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังต่างก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่ต้องเจอไม่ว่าจะเป็น ฝนตก,อากาศร้อนจัด หรือบางทีก็หนาวจัด ทำเอาบางคนแทบล้มป่วย แต่ก็ไม่มีใครปริปากบ่นแม้แต่คนเดียว นั่นเพราะทีมงานทุกคนต่างก็มีความเห็นเหมือนกันว่า หนังเรื่องนี้จะทำให้คนที่ได้ดูมีความสุข และคุ้มค่ากับเวลาและเงินที่เสียไป” ผู้กำกับฯ กล่าว

ในด้านของการคัดเลือกตัวนักแสดงนั้นผู้กำกับฯ บอกว่าทำการคัดเลือกจากคาแรคเตอร์ที่มีความใกล้เคียงกับตัวนวนิยายเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นในด้านความเหมาะสมของอายุ,หน้าตา รวมไปถึงบุคลิกภาพ “อย่างเช่น บทของ แพทย์หญิงแพรขวัญ เราได้ หมอเพื่อน - แพทย์หญิงกอบกุลยา อดีตรองนางสาวไทยมาร่วมงาน ซึ่งมีคาแรคเตอร์ที่ตรงกับตัวละครสุด ๆ นอกนั้นคนอื่น ๆ อย่างบทสาวน้อยจากสปป.ลาว เราก็ได้ น้องน้อง - พุดทะสอน สีดาวัน มาสวมบท ส่วน เป้ง ก็ได้ เต๋า - ภูศิลป์ นักร้องในสังกัดของ แกรมมี่ โกลด์ ซึ่งมีบุคลิกตรงกับตัวละครมาก ๆ ที่สำคัญสุด ๆ ก็คือบทของพระเอกคือ ก้อง เราก็ได้ น้องกอล์ฟ - อนุวัฒน์ นักแสดงของช่อง 7 สี มาทำหน้าที่ได้อย่างลงตัว พอ ๆ กันกับบท เก้า ของ น้องฟลุค - ธีรภัทร เองก็มีหน้าตา และบุคลิกตรงกับตัวละครเป็นอย่างมาก และคนสุดท้ายคือบทของ ปราย เด็กสาวชั้นมัธยมปลาย เราก็ได้ น้องปาล์มมี่ - นันทริยา ที่มีความสดใหม่และน่ารักน่าเอ็นดูมาร่วมงานด้วย” แต่ขณะเดียวกัน “ความลงตัว” ของนักแสดงก็กลายเป็นปัญหาในการถ่ายทำเช่นเดียวกัน “อย่างในเรื่องของคิวนักแสดงเนี่ยค่อนข้างจะมีปัญหาพอสมควร เพราะความที่แต่ละคนจะไม่ค่อยมีเวลาตรงกัน แถมยังมีนักแสดงนำถึง 3 คู่อีกด้วย เลยทำให้การที่จะจับทุกคนมาร่วมซีนเดียวกันจึงกลายเป็นความลำบากอยู่ไม่น้อย” คุณหมอผู้กำกับฯ กล่าว

และความยากลำบากอีกเรื่องหนึ่งของทีมงานก็คือ อุปสรรคในเรื่องของลมฟ้าอากาศ “อย่างฉากที่เราต้องไปถ่ายกันบนยอดภู วันนั้นเราต้องเจอกับความหนาวเย็นถึง 8 องศา แต่ทีมงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังก็กัดฟันสู้กันตั้งแต่ 6 โมงเย็น ไปจนกระทั่งถึง 9 โมงเช้าของอีกวัน ซึ่งยอมรับเลยว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยที่ทุกคนต้องมาเจอกับสภาพอากาศแบบนี้”

ท้ายที่สุดสิ่งที่คุณหมอผู้กำกับฯ บอกว่าสิ่งที่ผู้ชมกลุ่มเป้าหมายคือบรรดาเยาวชนรุ่นใหม่,คนวัยทำงาน และบุคคลทั่วไปจะได้รับจาก “อ้อมกอดเขมราฐ” ก็คือ “อย่างแรกเลยก็คือในเรื่องของอรรถรส,ความสนุกสนาน และความซาบซึ้งประทับใจกับชีวิต รวมทั้งความเป็นไปของตัวละครที่มีที่มา-ที่ไป นอกเหนือไปจากการได้แง่คิดใหม่ ๆ ของการดำเนินชีวิต,มุมมองของวิถีคนเมืองและคนชนบท ตลอดจนความหลากหลายของอารมณ์ในชีวิตของคนเราทั้งสมหวัง ผิดหวัง อดทน ย่อท้อ ฯลฯ รวมไปถึงความงดงามตามธรรมชาติของอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานีที่หาชมไม่ได้จากหนังเรื่องอื่น”

เปิดใจนักแสดง

กอล์ฟ - อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา รับบท ก้อง

นักแสดงหนุ่มในสังกัดของช่อง 7 สี ที่กำลังมาแรงอยู่ในตอนนี้ พูดถึงการเข้ามาร่วมงานกับภาพยนตร์เรื่อง อ้อมกอดเขมราฐ ว่า “ได้รับการติดต่อมาจากหมอฤทธิครับ เขาบอกว่าได้ดูผลงานทางทีวีของเรา แล้วรู้สึกชอบ และก็บังเอิญที่คาแรคเตอร์ของเราตรงกับตัวละครในเรื่องพอดีก็เลยลองส่งบทมาให้อ่าน พออ่านจบแล้วรู้สึกชอบก็เลยตกลงรับเล่นแบบไม่ต้องลังเลใจเลยครับ”

“คาแรคเตอร์ของผมในเรื่องคือ ก้อง ชายหนุ่มผู้เป็นคนในพื้นที่และมีกิจการเป็นของตัวเองไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ หรือทำธุรกิจรีสอร์ท แต่เพราะความที่เคยอกหักมาก่อน พอได้มาเจอกับแพรขวัญเลยทำให้ไม่กล้าสานสัมพันธ์ เพราะกลัวว่าจะต้องพบกับความผิดหวังอีก” พระเอกหนุ่มกล่าวถึงบทบาทการแสดงในเรื่อง “แต่ถ้าจะถามว่าใกล้เคียงกับตัวเราไหมก็มีบ้างครับอย่างเรื่องของความรักเนี่ยก็นับว่าตรงเลยทีเดียว ส่วนเรื่องอื่น ๆ อย่างการเป็นคนที่รักครอบครัวก็ตรงอีกเหมือนกัน เพราะผมจะให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวมาก และสำหรับในเรื่องของการเป็นเจ้าของร้านกาแฟเองก็นับว่าใกล้เคียงอยู่ไม่น้อยเลย เพราะครั้งหนึ่งการได้เป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็ก ๆ ก็เคยเป็นความฝันอย่างหนึ่งเหมือนกัน จึงนับว่าหนังเรื่องนี้มีความเป็นตัวตนของกอล์ฟอยู่มากพอสมควรเลยล่ะครับ”
กับการทำงานใน อ้อมกอดเขมราฐ กอล์ฟยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ยากอย่างหนึ่ง “อาจเป็นเพราะเป็นหนังเรื่องแรกของเรามั้งครับ เพราะหนังจะมีความต่างจากละครตรงที่เราจะต้องเล่นแบบเน้น ๆ มากขึ้นทั้งในเรื่องของการทำอารมณ์และแอ็คติ้ง แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องดูความสมดุลของมันด้วย เพราะจะเล่นใหญ่เกินไปก็ไม่ได้ หรือจะเล่นเล็กเกินไปก็ไม่ดี นอกเหนือไปจากเวลาถ่ายทำเราก็จะต้องท่องจำบทของตัวเองให้ได้ จะได้ไม่ต้องเทคหลายครั้ง นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ท้าทายอย่างหนึ่งของเราเลยล่ะครับ”

กับภาพยนตร์เรื่องแรกที่เป็นหนังรักนั้น เจ้าตัวบอกว่า “ส่วนตัวเป็นคนที่ศรัทธาในความรักนะ เพราะสำหรับผมแล้วความรักเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ทุกวันนี้หลายคนก็อยู่ได้ด้วยความรักไม่ว่าจะเป็นความรักในครอบครัว หรือรักคนอื่นแบบคนรักก็ตามที แต่ถ้าจะถามว่าเชื่อในเรื่องของรักแรกพบ หรือพรหมลิขิตไหม ผมว่ามันไม่ใชเรื่องบังเอิญหรอกนะที่คนสองคนจะมาเจอกันได้ง่าย ๆ เพราะมันก็ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างรวมไปถึงในเรื่องของความเหมาะสมด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ความรักก็เป็นสิ่งที่สวยสดงดงามเสมอ และในความรักก็ไม่มีคนที่เป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายที่ถูกต้องด้วยครับ”

พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (หมอเพื่อน) รับบท คุณหมอแพรขวัญ

แพทย์สาวเจ้าของเกียรตินิยมอันดับสอง จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และยังรั้งตำแหน่ง รองนางสาวไทยอันดับหนึ่ง ประจำปี 2552 กล่าวถึงบทบาทของตนเองใน อ้อมกอดเขมราฐ ว่า “รู้สึกภูมิใจและดีใจมากค่ะที่ได้เป็นหนึ่งในทีมงานของ อ้อมกอดเขมราฐ ซึ่งเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุด และเป็นประสบการณ์อีกแบบที่เราไม่เคยเจอมาก่อนในวิชาชีพแพทย์ นอกเหนือจากยังเป็นความรักความอบอุ่น ความสนุกที่ลงตัว ทีมงานน่ารัก นักแสดงด้วยกันก็ยิ่งน่ารัก รวมทั้งสถานที่ถ่ายทำ,วิว และธรรมชาติก็สวยงามมาก ไปถ่ายแต่ละครั้งเหมือนได้ไปอีกเมือง ๆ หนึ่ง ทำเอาหลงรักเขมราฐแบบถอนตัวไม่ขึ้นเลยค่ะ ^^ เพื่อน ก็เลยอยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึงความรู้สึกแบบเดียวกันกับเราในโรงภาพยนตร์เช่นเดียวกันค่ะ”

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นทุกครั้งเวลาที่มีคำถามว่าทำไมถึงมาประกวดนางสาวไทย เพื่อนมักจะตอบกรรมการเสมอว่า “เพื่อให้เพื่อนได้มีโอกาสทำประโยชน์ให้กับสังคมในมุมที่กว้างขึ้น และถ้าโอกาสที่เพื่อนได้รับในครั้งนี้จะทำให้น้อง ๆ แพทย์จบใหม่ หันมาให้ความสำคัญกับการใช้ทุนที่ชนบทด้วยความรัก ไม่ว่าจะเป็นรักในวิชาชีพ,รักในธรรมชาติ และรักในอุดมการณ์ที่ทรงคุณค่า นั่นคงจะเป็นความสำเร็จสูงสุดของมงกุฎที่ประดับบนสายสะพายรองนางสาวไทยอันดับหนึ่ง ที่ได้ทำเพื่อวิชาชีพของแพทย์ที่เพื่อนรักค่ะ”

ส่วนการที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของหนังรัก-โรแมนติกเรื่องนี้ นางเอกสาวกล่าวว่าแรกๆ ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ “ตอนแรกที่ทีมงานติดต่อมา ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก ได้ยินคร่าว ๆ แค่ว่าจะให้เราแสดงหนังก็ตอบปฏิเสธไปก่อนเลยค่ะ คิดในใจว่า ไม่น่าจะไหวนะคะพี่ (หัวเราะ) แต่ทีมงานก็ฝากบทภาพยนตร์เอาไว้ให้ก่อน พอได้อ่านก็รู้สึกว่าความเป็นแพรขวัญที่เราได้สัมผัส มันทำให้ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ และความที่ตัวแพรขวัญเองก็เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีความมุ่งมั่น น้อยคนนักที่จะเลือกใช้ทุนที่ชนบท โดยเฉพาะคนที่มีทางเลือกที่เพียบพร้อม และหลากหลายอย่างแพรขวัญ การตัดสินใจของแพรขวัญทำให้นึกถึงวินาทีที่ได้ตำแหน่งรองนางสาวไทย โดยที่ตอนนั้นเราก็เลือกที่จะใช้ทุนที่โรงพยาบาลชุมชนแถบชนบท เพราะชอบในความเป็นธรรมชาติ ความน่ารักของคนแถบชานเมือง และการเป็นหมอคนเดียวของโรงพยาบาล เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าที่สุดของหมอหนึ่งคนที่ต้องได้ลอง และสัมผัสสักครั้งในชีวิต ดังนั้น แพรขวัญ จึงเป็นตัวแทนของคนเมืองที่มองอีสานอย่างงดงาม คงเป็นเช่นเดียวกันกับที่เราอยากเป็นตัวแทนของหมอที่ได้แสดงให้ใคร ๆ เห็นว่า บ้านเกิดของเรานั้นงดงามเพียงใด และการเป็นหมอชนบทก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีที่สุด ที่หมอจบใหม่อย่างเราไม่ควรพลาดค่ะ ”

ในส่วนของคาแรคเตอร์เธอบอกว่ามีความใกล้เคียงกับตัวตนของเธออยู่พอสมควร “แพรขวัญ เป็นแพทย์จบใหม่ที่มีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตเพื่อสังคม อีกทั้งยังมีความคิดเป็นของตัวเอง นอกจากการที่ยังมีฐานะดี,เป็นคนกรุงเทพ และจบจากมหาวิทยาลัยรัฐที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของประเทศ ตลอดจนยังเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี,ตั้งใจทำงาน,อ่อนหวาน แต่ไม่ชอบแสดงออก แต่ต้องคอยเก็บเอาไว้เพราะความที่ตนมีอาชีพเป็นแพทย์ หากบางเวลาก็แสดงออกถึงความน่ารัก,มีอารมณ์ขัน อีกทั้งยังมีความมุ่งมั่นที่เก็บเอาไว้ในใจ ในความต้องการที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และมีความสุขใจในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของเงินทอง ขณะเดียวกันเธอก็หลงรักในความเป็นชนบท และชื่นชมในสุนทรีของธรรมชาติที่ไม่ยึดติดกับวัตถุ แม้ว่าทางบ้านจะมีกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โตอยู่ในกรุงเทพก็ตามที”

สำหรับการทำหน้าที่เป็นนักแสดงครั้งแรกในชีวิตของเธอนั้น เพื่อน บอกว่า “อ้อมกอดเขมราฐ ถือว่าเป็นการแสดงครั้งแรกเลยค่ะ เปิดกล้องวันแรกนี่ไหว้พระประมาณ 30 กว่ารอบ เพราะกลัวที่จะทำให้นักแสดง และทีมงานทุกคนต้องล่าช้าเพราะเรา ทั้งนี้ก็เป็นเพราะความที่ไม่เคยชินกับบทบาทที่ต้องเล่นเป็นอีกคนหนึ่ง แถมยังไม่เคยชินกับกล้องตัวใหญ่ ๆ อีกต่างหาก เพราะที่ผ่านมาเคยเห็นแต่ตอนดูทีวีว่าเขาทำกันยังไง แต่บรรยากาศรอบข้าง สถานที่จริง บทประพันธ์ และผู้กำกับ ก็ทำให้เราเข้าใจความเป็นตัวตนของแพรขวัญมากขึ้น ขอบคุณองค์ประกอบทุก ๆ อย่างที่ช่วยทำให้ เพื่อน กลายเป็นแพรขวัญในวันนี้ได้ในที่สุดค่ะ”

และการเล่นหนังรักเป็นครั้งแรกในชีวิตนั้น เจ้าตัวบอกว่า “ส่วนตัวแล้วเป็นคนที่เชื่อว่า การที่คนสองคนได้เจอกันนั้นไม่ใช่เรื่องบังเอิญค่ะ แล้วก็ไม่มีความรู้สึกอะไรที่จะงดงามมากไปกว่าการที่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข” เธอกล่าวทิ้งท้าย

เต๋า ภูศิลป์ - รับบท เป้ง

นักร้องหนุ่มภายใต้สังกัด แกรมมี่ โกลด์ ที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้กล่าวถึงการเข้ามาทำงานใน อ้อมกอดเขมราฐ ว่า “ตอนแรกที่ได้รับการติดต่อมาจากทางค่ายหนัง และได้อ่านบทจบก็ตกลงรับเล่นแบบไม่ต้องลังเลใจเลยครับ (หัวเราะ) เพราะนอกจากจะมีเนื้อหาที่น่าสนใจแล้ว หนังเรื่องนี้ยังทำให้เรารู้สึกชอบในความเป็นธรรมชาติของอำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี แถมที่นี่ยังบังเอิญเป็นบ้านเกิดของผมอีกด้วย”

“คาแรคเตอร์ของผมในเรื่องนี้ก็คือ เป้ง ชายหนุ่มที่มีพื้นเพอยู่ที่เขมราฐ มีหน้าที่คอยช่วยดูแลกิจการสวนผักออแกนิคให้กับพระเอกของเรื่องคือ พี่ก้อง (อนุวัฒน์) ซึ่งเป็นเจ้าของ ตลอดจนต้องคอยเอาผักสดไปส่งยังร้านขายก๋วยเตี๋ยวทุกวัน จนกระทั่งได้พบกับ พิมมะณี (พุดทะสอน สีดาวัน) สาวชาวลาวเข้า ก็รู้สึกชื่นชอบในความเป็นคนสู้ชีวิตของเธอ จนกระทั่งกลายเป็นความรักขึ้นมาในที่สุด”

ส่วนที่ยากที่สุดของการทำงานใน อ้อมกอดเขมราฐ นั้น เต๋า บอกว่า “ก็ยอมรับว่ายากพอสมควร เพราะจริง ๆ แล้วเราเป็นศิลปินนักร้องเพลงลูกทุ่ง ไม่ได้เป็นนักแสดงมาก่อน แต่พอต้องมาทำงานในอีกศาสตร์หนึ่งก็เลยทำให้เราต้องใช้ความพยายามมากขึ้น แต่ก็นับว่ายังดีที่โลเกชั่นเป็นที่บ้านเกิดของผมเอง แถมยังพูดภาษาอีสานทั้งเรื่อง ก็เลยไม่ทำให้หนักใจเท่าไหร่ และทีมงานทุกคนก็ยังน่ารักมาก ๆ เป็นกันเองอีกด้วย”

แล้วถ้าถามว่าเจ้าตัวเชื่อในเรื่องของ รักแรกพบ ไหม ? เต๋ายิ้มนิด ๆ ก่อนจะตอบอย่างจริงจังว่า “ผมเชื่อว่ามีอยู่จริงนะรักแรกพบเนี่ย ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะเจอกันช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง แต่อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า ความรักทำให้โลกนี้สดใส สวยงามน่าอยู่ และโลกจะหมุนต่อไปได้ด้วยความรักครับ”
พุดทะสอน สีดาวัน - รับบท พิมมะณี
 
          หญิงสาวชาวเวียงจันทน์โดยกำเนิดคนนี้ เข้ามาร่วมงานผ่านทางการแคสติ้งเช่นเดียวกับอีกหลายคน  และมีคาแรคเตอร์ที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับ พุดทะสอน ตัวละครของเธออยู่ไม่น้อย “บทบาทในเรื่องจะเป็นสาวชาวลาวที่มีฐานะยากจนค่ะ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความกตัญญูเป็นที่ตั้ง รวมไปถึงยังเรียบร้อย แล้วก็อ่อนหวานอย่างที่หาได้ยากในตัวหญิงสาวในวัยเดียวกัน”
 
          และความที่เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิตจึงทำให้เธอค่อนข้างซีเรียสอยู่ไม่น้อย “ยอมรับว่าหนักใจค่ะ แต่ก็เป็นบทที่ท้าทายมาก และยังเปิดโอกาสให้เราได้เรียนรู้หลายต่อหลายอย่างเลยล่ะค่ะ”   กับแง่มุมของความรักแล้วเธอบอกว่า “ส่วนตัวเชื่อว่าการพบกันของคนสองคนมันไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ เพราะบางทีสิ่งที่ทำให้เราได้พบกัน ได้รู้จักกัน มันอาจจะเป็นมากกว่าพรหมลิขิตก็เป็นได้”

นันทริยา นามบุญ (ปาล์มมี่) - รับบท ปราย

เด็กสาวอายุ 21 ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่คณะบริหารศาสตร์ สาขาการบัญชีปี 3 มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวถึงการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ อ้อมกอดเขมราฐ ว่า “จำได้ว่าตอนที่เดินทางมาแคสติ้งที่ ห้างสรรพสินค้า ซิตี้มอลล์ สุนี ทาวเวอร์ แล้วผลปรากฏว่าได้รับเลือกให้เล่นก็รู้สึกตื่นเต้นมากเลยค่ะเพราะว่าเป็นหนังเรื่องแรกในชีวิต แถมทีมงานทุกคนก็ตั้งใจทำงานและมีความเป็นมืออาชีพมาก ๆ”

“คาแรคเตอร์ของปาล์มมี่ในเรื่องนี้ก็จะเป็นเด็กสาววัย 16 ลูกของร้านขายข้าวมันไก่ที่ไม่ค่อยดูแลตัวเอง อีกทั้งฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยดี มักชอบที่จะช่วยเหลือครอบครัวและเพื่อน ๆ อยู่เสมอ แต่ก็เป็นคนที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง แล้วก็แอบชอบ เก้า (ฟลุค ธีรภัทร) มาโดยตลอดแต่ก็ไม่กล้าที่จะบอกความในใจกับเขา สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือคอยช่วยเหลือเก้าในทุก ๆ เรื่อง และชอบที่จะมองโลกของความรักเป็นสีชมพูหวานแหวว” (ยิ้ม ๆ)

ในเรื่องของความยากลำบากในการทำงานเจ้าตัวบอกว่า “ปรายเป็นเหมือนคนที่มีปม เพราะเคยผิดหวังในเรื่องของความรักมาก่อน และมักจะชอบถูก เก้า ดูถูกว่าหน้าตาไม่ดี ทำให้บทบาทส่วนใหญ่ของเราคือ ร้องไห้หนักมาก (หัวเราะ) ซึ่งทางผู้กำกับฯ และทีมงานก็จะคอยช่วยบิ๊วท์อารมณ์เพื่อให้เราสามารถทำหน้าที่ของเราออกมาให้ได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยล่ะค่ะ”

สำหรับเรื่องมุมมองของความรัก ปาล์มมี่ บอกว่า “ถามว่าเชื่อในเรื่องของรักแรกพบไหมเหรอคะ ส่วนตัวแล้วค่อนข้างเชื่อนะคะ เพราะถ้าหากเป็นคู่กันแล้วแม้ว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคมากมายขนาดไหน เราก็จะต้องผ่านมันไปได้ แล้วถ้าวันหนึ่งเราจะต้องจากกัน ความรักก็จะคงอยู่ในหัวใจของเราตลอดไป และกลายเป็นความทรงจำที่ดีที่ไม่มีวันลบเลือนไปได้ และเพราะความรักเป็นสิ่งที่สวยงามนี่เอง ถึงแม้บางครั้งเราอาจจะต้องพบกับความผิดหวังบ้าง แต่บางทีการเป็น ผู้ให้ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนก็นับว่าเป็นความสุขได้อย่างหนึ่งเหมือนกันค่ะ”

ธีรภัทร โลหนันท์ (ฟลุค) - รับบท เก้า

นักแสดงหนุ่มรุ่นใหม่ที่กำลังมาแรงจากภาพยนตร์ 2 เรื่องก่อนหน้านี้คือ “พี่ชาย (My Bromance)” และ “เมื่อฝนหยดลงบนหัว” วัย 19 ปี ซึ่งเพิ่งก้าวพ้นชีวิตนักเรียนจาก โรงเรียน ภปร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาหมาด ๆ และกำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีที่ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทริโรฒน์ประสานมิตร ในขณะนี้ บอกเล่าถึงความรู้สึกที่ได้มาสวมบทของ เก้า ใน อ้อมกอดเขมราฐ ว่า “รู้สึกเป็นเกียรติมาก ๆ ที่ได้รับการทาบทามให้มาเล่นหนังเรื่องนี้ การทำงานใน อ้อมกอดเขมราฐ เป็นเหมือนการทำให้เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ผ่านการกินอยู่หลับนอนที่ต่างจังหวัดเป็นเวลาหลายอาทิตย์,ได้ทำงานร่วมกับชาวบ้าน,กินข้าวที่เป็นฝีมือของชาวบ้านแท้ ๆ รวมทั้งการได้พูดคุย,สัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นที่แตกต่างไปจากชีวิตของคนในเมือง และยังทำให้เราได้เห็นถึงแนวทางการใช้ชีวิตของพวกเขาเหล่านี้ แต่พอถึงเวลาที่ต้องกลับบ้านเลยทำเอาอดคิดไม่ได้ว่า จริง ๆ แล้วนวัตกรรมที่เราเห็นกันจนชินตาอยู่ในเมืองทุกวันนี้มันคืออะไรกันแน่ แล้วไอ้พวกตึกรามบ้านช่องที่แออัดพวกนี้มันก็ช่างน่าเอามาทุบทำเป็นที่ทำการเกษตรซะจริง ๆ ” (หัวเราะ)

“คาแรคเตอร์ของผมในเรื่องนี้จะเป็นทั้งนักเรียน และนักดนตรีที่มุ่งมั่นไล่ตามความฝันของตัวเองจนกระทั่งไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนรอบข้าง โดยเฉพาะผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่คอยช่วยเหลือเขาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถ้าจะถามว่าทำงานเรื่องนี้ยากไหม ? บอกได้เลยว่าส่วนตัวแล้วไม่เคยคิดว่าบทบาทที่เราได้รับไม่ว่าเรื่องไหนมันจะเป็นการทำงานที่ง่ายเลยแม้แต่ครั้งเดียว”

ตบท้ายในเรื่องของความรัก หนุ่มฟลุคบอกว่า “ถึงจะบอกว่าเชื่อ แต่ในเวลาเดียวกันผมก็มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่โง่มาก ๆ ด้วย อาจเป็นเพราะผมชอบมองว่าความรักบางทีก็ทำให้เราต้องเจ็บปวดไปกับมันมั้ง แล้วก็ยังเป็นความทุกข์ที่เราสร้างขึ้นด้วยตัวเอง แต่ก็แปลกที่หลาย ๆ คนก็ยังคงเชื่อในความรักอยู่ดี”

โอบกอดหัวใจให้อุ่นรัก ... อ้อมกอดที่ไหน ก็ไม่อบอุ่นเท่า "ที่นี่" ... พบกัน 12 พฤษภาคม 2559 ทุกโรงภาพยนตร์







กำลังโหลดความคิดเห็น