ย่อตอนละคร "อตีตา" ตอนที่ 11 -13
นำแสดงอ๋อม อรรคพันธ์ // ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ //ไมค์ ภัทรเดช // นาว ทิสานาฎ
กำกับการแสดงวินัย ปฐมบูรณ์
บทประพันธ์ทมยันตี
บทโทรทัศน์อักษราวุธ
ผลิตโดยบริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด
ออกอากาศช่อง 7 ศุกร์ เวลา 20.10 น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น.
ออกอากาศ 12-13-14 กุมภาพันธ์ 59
ณ ห้องประชุมศิวะกรุ๊ป ปานทิพย์ เรียกประชุมทั้งหุ้นส่วนและผู้บริหารทุกท่าน และให้เลขาฯ เรียกยศสันต์ เข้าประชุมด้วย เพราะมอบหมายงานสำคัญให้มาแถลงในวันนี้ ในขณะที่ยศสันต์กำลังรายงานความผิดปกติเกี่ยวกับอรรถวิทย์ ทั้งเรื่องติดสินบน จ่ายใต้โต๊ะ ทำให้อรรถวิทย์ อับอายและโกรธมาก อรรถ (ปราบ ยุทธพิชัย) พ่อของอรรถวิทย์ จึงตัดสินใจแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำครั้งนี้ ด้วยการขอลาออกจากบริษัท
ณ ชายป่าท้ายค่าย ศิโรตม์และเมืองใจ ยังคงจัดการกับกลุ่มทหารข้าศึกอยู่ ส่วนสุก (รอง เค้ามูลคดี) ดูเร่งรีบ มีท่าทีแปลกๆ ลำเจียก จึงสั่งให้ศิโรตม์ เผือกและก้าน รีบตามไปดู จึงพบความจริงว่า สุกคิดทรยศจริงๆ จึงจับตัวสุกกลับไปที่ค่าย ทำให้นายจันหนวดเขี้ยวโมโหมาก แต่สุดท้ายแล้ว สุกก็ต้องตายด้วยคมดาบของฝ่ายข้าศึก
อรรถวิทย์ พยายามตามไปพบลติกา โดยอ้างว่าหากไม่ยอมพูดจาดีๆกับตน จะแบล็คเมล์เรื่องที่รู้ว่าลติกาไปพบจิตแพทย์ ลติกาจึงยอมพูดคุยกับอรรถวิทย์ ทำให้รู้ว่าอรรถวิทย์ ได้งานที่บริษัทใหม่และแสดงตัวชัดเจนว่าเป็นคู่แข่งของศิวะกรุ๊ป
ที่ออฟฟิศ ลติกาพยามยามทำตัวเองให้เข้าสู่ภวังค์ ลติกาดีใจมากเมื่อได้ไปสู่อดีต แต่ลติกากลับมีอาการตกใจ หวีดร้องเป็นลมไป ยศสันต์ผ่านมาได้ยิน จึงรีบให้พนักงานไปหากุญแจมาเปิดประตูห้อง พยายามช่วยลติกาให้ฟื้น แต่ก็ไม่สำเร็จ จึงตัดสินใจนำลติกาไปที่โรงพยาบาล อรรถวิทย์ รู้ข่าวจึงมาเยี่ยมลติกา แต่กลับมีปากเสียงกับยศสันต์ ถึงขั้นชกต่อยกัน จนปานทิพย์ต้องออกมาห้าม และบอกให้อรรถวิทย์กลับไปก่อน
ที่ค่ายระจัน เมืองใจกำลังฝึกดาบกับศิโรตม์แบบไม่ยั้งมือ ส่วนศิโรตม์ก็สู้ยิบตาเหมือนกัน สู้กันจนดาบหลุดมือ จากมีอาวุธจนเป็นศิลปะป้องกันตัวแบบไร้อาวุธ จนศิโรตม์ล้มลงไปกองกับพื้น เมืองใจยื่นมือดึงสิโรตม์ขึ้นมาและชมว่าศิโรตม์ฝีมือดีขึ้นมาก
เอี้ยงกับสา เริ่มตั้งวงเม้าท์เรื่องรักระหว่าง กาหลงที่มีใจให้กับเมืองใจ และเมืองใจกลับมีใจให้จันกะพ้อ แต่จันกะพ้อกลับมีใจให้ไอ้ศรี ลำเจียกดุเอี้ยงกับสา และคิดว่าสี่คนนั้นไม่ได้คิดแตกคอกันเพราะเรื่องรักแน่นอน แต่ความจริงเห็นว่าทุกคนรักแผ่นดินยิ่งกว่าสิ่งใด
ศิโรตม์ นำเชี่ยนหมากไปขอพรจากพระอาจารย์ธรรมโชติ แต่ศิโรตม์เริ่มมีอาการเมาหมาก มองเห็นผู้คนเป็นภาพเบลอ หูเริ่มแว่ว จนจันกะพ้อต้องพาคนมาช่วยพาศิโรตม์กลับทัพ จันกะพ้อเป็นห่วงศิโรตม์มาก จนแปลกใจว่าตัวเองเกิดรักศิโรตม์เข้าแล้วใช่หรือไม่ถึงได้รู้สึกแปลกแบบนี้ จู่ๆ จันกะพ้อก็เกิดอาการง่วงจนหลับไป สงสัยว่าพระอาจารย์ ได้วางยาให้ตนเองแน่นอน เมืองใจกลับมาที่ทัพ เห็นจันกะพ้อสลบอยู่ แต่ไม่พบศิโรตม์ จึงรีบอุ้มจันกะพ้อมาหาลำเจียก
ตอนที่ปานทิพย์ กราบพระ ได้ยินเสียงมาจากห้องศิโรตม์ จึงรีบมาดู ก็พบว่าศิโรตม์กลับมานอนอยู่ที่เตียง ทีแรกนึกว่าฝันไป ศิโรตม์มีอาการไม่รู้สึกตัว ที่ปากมีรอยน้ำหมาก ทำให้ปานทิพย์ เป็นกังวลมาก ได้ยินเสียงศิโรตม์ในภวังค์ว่า คิดถึงแม่แต่ก็เป็นห่วงที่ระจัน จนศิโรตม์ทำตัวไม่ถูก ปานทิพย์ได้แต่เรียกให้โรตม์กลับมา และพยายามเช็ดตัวให้ แต่แล้วศิโรตม์ก็ร้องเสียงดัง และเกิดหายตัวไปต่อหน้าต่อตา ปานทิพย์ได้ยินเพียงเสียงพระอาจารย์ธรรมโชติ แว่วๆว่า ‘กรรมะ พันธะ สัญญา’ และพอจะเริ่มเข้าใจว่ามันเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง จึงอธิษฐานจิตขอให้สิ่งศักดิ์คุ้มครองลูกชาย
ที่บางระจันเมืองใจและศิโรตม์เริ่มออกเดินทางตามหาปืนใหญ่ โดยมีจันกะพ้อแอบตามไป แต่สุดท้าย นายจันรู้ทันลูกสาวเลยสวมรอยเป็นโจรลักพาตัวจันกะพ้อกลับมา จึงทำให้พ่อลูกได้มีโอกาสพูดคุยกัน ปรับความเข้าใจกันจนจันกะพ้อไม่ดื้อดึงที่จะตามไป แต่กลับจะคอยอยู่ที่ค่ายด้วยความหวัง
ระหว่างทางเมืองใจกับศิโรตม์ ต้องพบกับข้าศึกจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่แล้วเมืองใจก็ได้พาศิโรตม์ ไปหาออกหลวงศรเสนี (พอเจตน์ แก่นเพชร ) ผู้มีศักดิ์เป็นตาของเมืองใจ แต่ออกหลวงศ ยังคงโกรธเคือง ที่เมืองใจกับพ่อเมืองใจ เลือกที่จะไปอยู่กับบางระจันมากกว่าการรวมกลุ่มสู้ศึกกับคนในครอบครัวตนเอง สุดท้ายแล้ว เมืองใจก็ขอร้องให้ออกหลวงศรเสนี ช่วยเรื่องการตามปืนใหญ่จากอโยธยา และกราบขออโหสิกรรมกับเรื่องราวในครั้งก่อน ด้วยสายเลือดเดียวกัน ตากับหลานจึงตัดกันไม่ขาด ออกหลวงศรเสนี ใจอ่อนเรียกเมืองใจมาผูกข้อมือรับขวัญ รวมทั้งศิโรตม์ด้วย และยังให้พร ขอให้ทั้งสองสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไปดูแลกันดั่งน้องพี่ไปจนวันสุดท้ายของชีวิต