xs
xsm
sm
md
lg

รัตนาวดี ตอนที่ 17

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รัตนาวดี ตอนที่ 17

อีกมุมสวยของทะเลสาบ ท่านหญิงรัตนาวดี กับท่านดนัยสนิทมากขึ้นกว่าเดิม

"นายเล็กเคยบอกหญิงว่าจะส่งข่าวแผนการท่องเที่ยวของพวกเราให้ท่านดนัยทรงทราบตลอดเวลาไม่ใช่หรือ"
ท่านดนัยอึกอัก
"กระหม่อม"
"แต่ก็ยังไม่ได้พบกัน....ท่านคงยุ่งมากสินะ"
"แต่ท่านก็ได้แนะนำสถานที่ต่างๆให้กระหม่อมพาท่านหญิงกับคุณสร้อยเที่ยว"
รัตนาวดีถอนหายใจ
"ท่านดนัยมาอยู่เมืองนอกนาน...คงจะทรงรู้จักคนเยอะสินะ"
"กระหม่อม..ทำงานสถานทูตก็ต้องติดต่อกับคนหลายอาชีพ...ก็เลยทำให้ทรงรู้จักคนเยอะ"
รัตนาวดีพูดยิ้มๆ
"ก็เลยคบหาเพลิดเพลินกับเพื่อนๆ จนลืมไปว่าฉันจะมา... ท่านอาจจะทรงคิดว่าฉันมาทำให้ท่านเสียเวลาก็ได้"
ท่านดนัยรีบแก้ตัว
"ไม่จริงเลยกระหม่อม...ท่านดนัยไม่ได้ทรงคิดอย่างนั้น แม้แต่น้อย."
"เธอจะรู้ได้ยังไง จิตใจคนเรายากแท้หยั่งถึง เธอสนิทกับท่านดนัยก็จริง แต่เธอก็คงไม่ได้รู้ทัยท่านทั้งหมดหรอก จริงไหม"
รัตนาวดีหันมาถาม ท่านดนัยสีหน้าเป็นทุกข์
"กระหม่อมแน่ใจว่าท่านดนัยไม่ได้ทรงคิดอย่างนั้น...เพราะ...เพราะ"
รัตนาวดีมองหน้าท่านดนัย
"เพราะอะไร"
ท่านดนัยก้าวเข้ามาใกล้รัตนาวดี
"กระหม่อมมีบางอย่างอยากจะทูลท่านหญิง"
"เรื่องอะไร"
ท่านดนัยท่าทางเกรงๆ เพราะกลัวรัตนาวดีจะโกรธ รัตนาวดีเห็นท่าทางท่านดนัยเช่นนั้นก็ยิ่งอยากรู้
"เธอจะบอกอะไรฉัน"
ท่านดนัยตัดสินใจที่จะบอกความจริง
"คือ...กระหม่อม"

เสียงป้าสร้อยดังแทรกมาขัดจังหวะอีกแล้ว
"ท่านหญิง"
ป้าสร้อยเดินเข้ามาหารัตนาวดี วิมลเดินตามมาทำท่าหมดแรง

ณ วังเสด็จพระองค์หญิง
อาของท่านพจน์นั่งอยู่บนเก้าอี้ หรือ ตั่งสวยๆ เสด็จพระองค์สุทธา กับ เสด็จพระองค์หญิงหวาน พ่อแม่ของท่านดนัย นั่งอยู่ที่เก้าอี้รับแขกใกล้ๆ ท่านพจน์ กับ ปริศนา นั่งอยู่
ที่พื้นใกล้ๆเสด็จอา ท่านพจน์ กับ ปริศนา ก้มกราบเสด็จอา
"กราบเสด็จอาค่ะ"
ท่านชายพจน์หันไปไหว้พ่อกับแม่ท่านดนัย ปริศนาก้มกราบด้วย
"กราบสวัสดีเสด็จอาทั่งสององค์กระหม่อม"
ผู้ใหญ่ทั้งหมดยิ้มแย้ม
เสด็จสุทธาบอก "ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะท่านพจน์"
เสด็จหวานบอก"ก็ตั้งแต่งานแต่งงานไงคะ...วันนี้ไม่ได้พาคุณชายคุณหญิงมาด้วยเหรอปริศนา"
"เป็นหวัดกันนิดหน่อยเพคะ...พอหายดีปริศนาจะพามากราบบังคมเพคะ"
"อีกหน่อยขี้คร้านจะได้พบกันบ่อยๆ ละคุณหวาน... ท่านพจน์..ที่อาให้มาวันนี้คงพอจะรู้แล้วใช่ไหมว่าเรื่องอะไร" เสด็จพระองค์หญิงว่า
"เรื่องท่านดนัย กับ หญิงรัตน์ใช่ไหมคะ"
ผู้ใหญ่ทุกคนพากันยิ้มสดชื่น
"ดนัยเร่งให้อามาสู่ขอหญิงรัตนาวดี...เขียนจดหมายมาเร่งทุกวัน ดนัยไม่เคยพอใจผู้หญิงคนไหนอย่างนี้เลย" เสด็จสุทธาบอก
เสด็จอายิ้มพอใจ
"หญิงรัตน์ไปเที่ยว กลับไปเจอพระเอกเสียนี่ ท่านพจน์จะว่าอย่างไรล่ะ...อาน่ะดีใจจริงๆ ที่ท่านดนัย กับ หญิงรัตน์มาชอบพอกัน สองคนนี่เหมาะสมกันนะ"
ท่านพจน์ยิ้มใจเย็น
"ถ้าเสด็จอาเห็นด้วย...หลานก็ตามพระทัยค่ะ"
"จะมาตามใจอาได้อย่างไรท่านพจน์...น้องสาวคนเดียวของเรา คู่ทุกข์คู่ยากกันมา....พ่อแม่ก็ไม่มี"
"หลานก็รู้สึกใจหายเหมือนกันค่ะ...ถ้าน้องจะแต่งงานออกไป..แต่หลานแน่ใจว่าท่านดนัยจะทรงดูแลหญิงรัตน์ได้ดี"
พ่อกับแม่ท่านดนัยดีใจ
"ขอบใจมากนะท่านพจน์ที่ให้เกียรติดนัย"
"กระหม่อมก็ขอฝากน้องหญิงไว้กับเสด็จอาทั้งสองด้วยกระหม่อม"
"เรื่องนั้นท่านพจน์ไม่ต้องเป็นกังวล...พอพวกเรารู่ว่าชายดนัยอยากจะแต่งงานกับหญิงรัตนาวดี เราก็ดีใจกันมาก ชายดนัยอยู่เมืองนอกมานานแล้ว ไม่เคยที่จะบอกพ่อแม่ว่าสนใจผู้หญิงคนไหนเลย จนอานึกกลัวจะคว้าแหม่มกลับมา"
เสด็จอาบอก
 
"เรื่องหมั้นหมายตบแต่ง...ค่อยหาฤกษ์กันเมื่อหญิงรัตน์กลับมา เออ..ท่านพจน์ หญิงรัตน์รู้ตัวหรือยัง"

ท่านพจน์มองหน้ากับปริศนายิ้มๆ

"หญิงรัตน์คงยังไม่รู้ตัวหรอกค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้น...อาขอเขียนจดหมายไปบอกหญิงรัตน์เอง ท่านน้องทั้งสองจะว่าอย่างไรถ้าพี่จะเอาหน้ากับหลานสักหน่อย"
เสด็จสุทธาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
"กระหม่อมก็ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านพี่ทรงจัดการแทนกระหม่อม...สุภาพสตรีปรึกษากันเองต้องดีเป็นแน่กระหม่อม จริงไหมท่านพจน์"
ท่านพจน์ยิ้ม
"กระหม่อม"
ท่านพจน์หันไปมองหน้ากับปริศนา

ที่ Riffelap Station ระหว่างทางไป Riffealp Resort ป้าสร้อย กับ รัตนาวดี เดินนำหน้า ท่านดนัยกับวิมลเดินตามมาข้างหลังห่างๆ
"นี่วิมล...คุณต้องตั้งสติหน่อยนะ"
วิมลหน้าเศร้า
"ขอประทานอภัยเพคะฝ่าบาท...หม่อมฉันสับสนในสมองจนจำผิดจำถูก"
"ฉันไม่อยากให้ความแตกก่อนที่ฉันจะสารภาพกับน้องหญิงเองก่อนนะ"
วิมลพยายามรวบรวมสติ
"หม่อมฉันจะต้องระวังให้ดีเพคะ"
"ท่าทางของเธอด้วย...ตอนแรกๆ เวลาที่เธอเห็นฉัน เธอคอยแต่จะจ้องหาเรื่องฉัน"
วิมลยิ้มอายๆ
"แหม...ก็ตอนนั้นหม่อมฉันไม่รู้"
ท่านดนัยยิ้ม
"แต่ตอนนี้พอเธอเห็นฉันก็ทำเรียบร้อยเกินเหตุ เธอต้องระวังให้มากโดยเฉพาะต่อหน้าคุณสร้อย"
วิมลพยักหน้า
"นั่นละค่ะ คนที่ต้องระวังที่สุด"
ป้าสร้อยหยุดคอยรัตนาวดีเดินไปมองวิวอีกด้านหนึ่ง...ป้าสร้อยจ้องมองวิมลอย่างสงสัย
"เดินคุยอะไรกัน...แม่หนูอาดไป..แม่วิมลจะมาแทนหรือไง นายเล็ก"
วิมลหันไปดุท่านดนัย
"เห็นไหมนายเล็ก...ถ้านายพูดให้ฉันรู้เรื่อง...ฉันก็คงตามมาเดินกับป้าสร้อยแล้ว"
"ขอโทษครับ"
วิมลวางโตกับท่านดนัย
"ทำตัวให้ดีๆ หน่อยนะ...ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องท่านดนัย ว่านายนะไม่ได้เรื่อง"
ป้าสร้อยดึงวิมลเดินไป วิมลหันหน้ามายิ้มกับท่านดนัยที่พยักหน้ายิ้มๆ

บริเวณ Riffealp Resort ตรงล็อบบี้ ป้าสร้อยยืนอยู่กับวิมล...มองหน้า
"แม่วิมล...เธอว่านายเล็กเค้าดูดีมั้ย"
วิมลหันมาหาป้าสร้อย
"ค่ะ คุณป้าสร้อย ว่าอะไรค่ะ"
"ขอถามอะไรหน่อย...เธอว่านายเล็กนี่เค้าดูดีไหม"
วิมลรีบสนันสนุน
"ดูดีมากค่ะ"
"นั่นน่ะสิ...ป้าก็ว่าเค้าดูดี...เออ...จะว่าไงดี...แล้วเราล่ะ กับพ่อนพเป็นยังไง...ตกลงว่าคบหากันหรือเปล่า"
วิมลอาย
"หนูก็นับถือคุณนพว่าเป็นรุ่นพี่ค่ะ"
"แค่นั้นเหรอ...ป้ารู้ว่าเราสองคนเป็นเด็กดี...แต่ถ้าวิมลยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะชอบใคร..ป้าก็อยากให้พิจารณา นายเล็ก"
วิมลตกใจ
"อะไรนะคะ"
"ลองเอาไปคิดดูนะ...ผู้ชายดีๆ อย่างนายเล็กน่ะหาไม่ได้ง่ายๆ ขนาดแม่สะอาดศรียังหลงซะแทบแย่"

วิมลจ้องหน้าป้าสร้อย ฝ่ายรัตนาวดียืนมองบรรยากาศสวยงามของโรงแรม...
 
อ่านต่อหน้า 2

รัตนาวดี ตอนที่ 17 (ต่อ)

เวลาต่อมา ท่านดนัยเดินมาส่งที่ห้อง เห็นจดหมายสอดอยู่ใต้ประตู ท่านดนัยเก็บมาส่งให้รัตนาวดี

"มีจดหมายของฝ่าบาทกระหม่อม"
รัตนาวดีรับจดหมายมาดู สีหน้าดีใจ
"จดหมายเสด็จอา"
ป้าสร้อยยิ้มดีใจ
"สงสัยเสด็จคงทรงคิดถึงท่านหญิงนะเพคะ"
รัตนาวดียิ้ม
"หรือไม่ก็อาจจะมีรับสั่งให้ซื้อของที่ทรงประสงค์." รัตนาวดีว่า
รัตนาวดีกับป้าสร้อยเดินเข้าไปในห้อง เปิดจดหมายอ่าน วิมลกับท่านดนัยยังอยู่ที่หน้าห้อง
"เอ้อ...นายเล็กแจ้งโรงแรมที่โลซานน์ว่าเราอยู่ที่นี่เหรอ"
"ครับ...ทุกครั้งที่เราย้ายโรงแรม ผมต้องรีบแจ้งให้โรงแรมที่โลซานน์รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน...เพราะจะมีจดหมายจากเมืองไทยมาถึงท่านหญิง"
"กว่าโลซานน์จะส่งจดหมายมาที่นี่ก็หลายวันน่ะซิคะ"
"ไปรษณีย์ที่นี่อาจจะช้าหน่อย เพราะต้องส่งต่อมา แต่ถ้าเราอยู่ในเมืองก็ไม่นานหรอกครับ...แต่ถ้ามีธุระด่วนก็ส่งโทรเลขที่นี่ได้"
วิมลยิ้ม
"ที่นี่ส่งโทรเลขได้เหรอคะ...แหม..ก็ยังดี."

รัตนาวดีที่อ่านจดหมายแล้วตกใจ เปลี่ยนเป็นหน้าบึ้งมากขึ้นๆ ป้าสร้อยมองอย่างผิดสังเกตุ รัตนาวดีลุกขึ้นยืนพรวดพราดด้วยท่าทางไม่พอใจ ป้าสร้อยตกใจ
"มีอะไรเพคะ"
รัตนาวดีเม้มปากแน่น สีหน้าไม่พอใจมาก
"ฮึ..."
รัตนาวดีสะบัดหน้าเดินเข้าไปในห้องนอนตัวเอง จดหมายวางอยู่แถวๆ นั้นไม่ได้หยิบเอาไปด้วย ป้าสร้อยหยิบจดหมายมาอ่าน วิมลมองหน้ากับท่านดนัยอย่างงงๆ ป้าสร้อยอ่านจดหมายได้สักหน่อยก็ยิ้มร่าดีใจ ยกมือท่วมหัว
"สาธุ....ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ด้วยเถิด"
วิมลงง
"เรื่องอะไรคะป้า"
ป้าสร้อยมองหน้าท่านดนัยแวบหนึ่ง แล้วบอกวิมลด้วยสีหน้าดีใจมาก
"ท่านดนัยทรงให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอท่านหญิง...วิเศษ...วิเศษแท้ๆ"
วิมลอ้าปากดีใจอย่างนึกไม่ถึง หันไปมองหน้าท่านดนัย ที่พยายามทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ป้าสร้อยหัวเราะเสียงดังจนรัตนาวดีต้องเดินออกมามองด้วยท่าทางไม่พอใจ
"แหม...ป้าหัวเราะเสียงใสเชียวนะคะ"
ป้าสร้อยยิ้มร่า
"ไม่ต้องดีใจสักนิดค่ะ...หญิงจะเขียนจดหมายไปทูลเสด็จอาเดี๋ยวนี้ว่าหญิงขอปฏิเสธ"
ท่านหญิงรัตนาวดีเดินมาหยิบจดหมายไปจากป้าสร้อย ทุกคนตกใจโดยเฉพาะท่านดนัย ทำท่าจะเดินออกไป ในห้องวิมลร้องเสียงหลง พร้อมๆ กับ ป้าสร้อย
"ท่านหญิงเพคะ"
"ฝ่าบาท....ทูนหัว...อย่าทรงตอบอย่างนั้นนะเพคะ"
วิมลรีบอ้อนวอน
"หม่อมฉันว่าเรื่องนี้ต้องทรงคิดให้ดีก่อนเพคะ"
รัตนาวดีชะงัก หันมามองหน้าทั้งคู่
"นี่ป้ากับวิมล เห็นด้วยกับเสด็จอาเหรอ"
"เห็นด้วยอย่างที่สุดเพคะ...ไม่มีใครจะเหมาะสมกับทูนหัวเท่าท่านพี่ดนัย"
วิมลรีบเออออ
"หม่อมฉันก็เห็นด้วยกับคุณป้าสร้อยเพคะ"
รัตนาวดีมองหน้าท่านดนัยที่ยิ้มอย่างให้กำลังใจ แต่คิดว่าท่านดนัยยิ้มเห็นด้วยก็ยิ่งโมโห
"ไม่คิดเลยว่าทุกคนจะใจร้ายกับหญิง"
รัตนาวดีสะบัดหน้าเดินออกจากห้อง ท่านดนัยมองหน้ากับป้าสร้อย และ วิมล

สวนสาธารณะในลอนดอน นพนั่งอ่านโทรเลขของวิมล
"ตอนนี้เราพักอยู่โรงแรมที่ Zermatt ที่นี่สวยเหลือเกิน ฉันอยากให้คุณนพได้มาเห็นด้วยกัน...แต่ฉันมีเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลือจากคุณนพมากที่สุด...แต่จะเป็นเรื่องอะไรฉันไม่อยากจะเล่าในจดหมาย...เรื่องมันยาว แล้วก็วุ่นวายชวนปวดหัวเป็นที่สุด ทำให้ฉันต้องวิ่งวุ่นใช้สมองอันแสนน้อยนิดจนสับสนอลหม่านไปหมด หลังจากเที่ยวที่ Zermatt แล้ว ท่านหญิงจะไปเที่ยวชมธารน้ำแข็ง แล้วจึงเสด็จกลับอินเตอร์ลาเคน เมื่อนั้นฉันจะรีบแจ้งให้คุณนพรีบบินมาพบเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาด้วยกันนะ"

นพอ่านจดหมายจบสีหน้าครุ่นคิด ...

วันใหม่ รัตนาวดียืนหน้าบึ้งมองดูวิวสวยๆ ที่หน้าต่างห้องนอน แต่ก็ไม่ทำให้รัตนาวดีใจเย็นลงได้ รัตนาวดีเดินไปนั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือที่อยู่มุมห้องนอน หยิบจดหมายเสด็จอาขึ้นมาอ่านอีก

"ชายดนัยมีประสงค์อยากแต่งงานกับหญิง ให้ท่านพ่อท่านแม่มาสู่ขอกับอา อาได้ตามชายพจน์มาคุยกันแล้ว ทุกคนต่างเห็นดีเห็นงาม และยังว่าชายดนัยเหมาะสมกับหลานเป็นที่สุด อารู้สึกยินดีเหลือเกิน ที่หลานรักของอาจะได้เป็นฝั่งเป็นฝากับผู้ที่เหมาะสมด้วยศักดิ์ตระกูลกัน..หลานจะมีความสุขเพราะชายดนัยเป็นคนดี ดูจะติดใจรักใคร่หญิงมาก อายังไม่ได้ตกลงกับเขาโดยแท้ เพราะอยากฟังความเห็นของหลานก่อน แต่อาค่อนข้างแน่ใจว่า หลานคงไม่ปฏิเสธท่านดนัย"
อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านหญิงรัตนาวดีก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ
"ไม่ปฎิเสธ...ฮึ...เสด็จอาหนอเสด็จอา"
ป้าสร้อยค่อยๆ เปิดประตู เดินกระเผลกเข้ามาด้วยสีหน้าดีใจ
"ทูนหัว"
รัตนาวดีนั่งหน้าบึ้ง ป้าสร้อยค่อยๆ เดินมาหาด้วยสีหน้าดีใจ พยายามพูดดีหว่านล้อม
"อย่าเพิ่งทรงปฏิเสธเลยเพคะ...ทรงคิดให้ดีๆ ก่อน"
รัตนาวดีหันมาตาวาวด้วยความโมโห
"ไม่ต้องคิดอะไรเลยค่ะ...หญิงไม่ยอมแต่งงานกับท่านดนัยเด็ดขาด...ตั้งแต่มายุโรปจะสามเดือนแล้ว ยังไม่เคยเห็นพักตร์ท่านสักครั้ง...จะไปแต่งกับท่านได้ยังไง"
ป้าสร้อยสีหน้าไม่ดี
"ป้าจำไม่ได้เหรอคะว่าท่านดนัยน่ะ...ทิ้งเราไว้ที่สนามบินยังไง ไม่ดูดำดูดีเราสักนิด...ปล่อยให้เราสองคนนั่งหง่าวอยู่ที่สนามบิน...ข้าวก็ไม่ได้กิน...หญิงจะยอมแต่งงานกับคนที่ไม่สนใจ ไม่รับผิดชอบเราอย่างนี้ได้ยังไงคะ"
ป้าสร้อยพยายามหาทางแก้ตัวให้
"ท่านอาจจะมีเรื่องสุดวิสัยก็ได้เพคะ....แล้ว..ถ้าฝ่าบาททรงตอบปฏิเสธเสด็จ....อาจจะทรงกริ้วก็ได้นะเพคะ...เพราะทรงตรัสมาในจดหมายว่า....ทุกองค์ต่างเห็นงาม...แม้แต่ท่านพจน์"
รัตนาวดีหันขวับมาจ้องป้าสร้อยตาเขียว..
"ท่านเห็นหญิงเป็นอะไรไปคะ...ถึงจะต้องยอมตามที่ทุกคนต้องการ ท่านจะมาข่มเขาวัวให้กินหญ้าเช่นนี้ไม่ได้แล้วละ สมัยนี้ไม่ใช่สมัยคลุมถุงชน...หญิงไม่ยอมเป็นอันขาด"
รัตนาวดีพูดเน้นอย่างโมโห
"หญิงจะไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ไม่เคยพบไม่เคยรู้จักเด็ดขาด จะต่อสู้จนยิบตาทีเดียว ถ้าเสด็จอาจะกริ้วถึงตัดหญิงไม่นับหลาน หญิงก็เห็นจะต้องยอมทน"
ป้าสร้อยร้อนรน
"ทัยเย็นๆ ก่อนเพคะ...อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจอย่างนั้น.. เสด็จทรงทำอย่างนั้นก็เพราะหวังดีเป็นห่วงท่านหญิง อยากให้มีคู่ครองที่มีศักดิ์ตระกูลเสมอกันให้สมเกียรติ."

รัตนาวดีเดินไปมาอย่างหงุดหงิด
"หญิงเป็นผักปลาที่ไม่มีชีวิตจิตใจหรืออย่างไรกันคะ...มีอย่างที่ไหน...เสด็จอาจะมายกหญิงให้คนโน้นคนนี้ตามพระทัย..การแต่งงานน่ะเป็นเรื่องสำคัญ...หญิงไม่ยอมแต่งงานกับคนที่หญิงไม่ได้รักเด็ดขาด"
ป้าสร้อยตัดสินใจพูดอย่างอยากจะปรามหน่อยๆ
"แต่ก็ไม่ได้ทรงรักใครไม่ใช่หรือเพคะ."
รัตนาวดีตกใจหันมามองหน้าป้าสร้อย
"ป้าว่าอะไรนะคะ"
"หม่อมฉันว่าฝ่าบาทน่ะ...ทรงยังไม่ได้รักชอบใครที่ไหนนี่เพคะ"
รัตนาวดีท่าทางพิรุธไม่ยอมมองป้าสร้อย
"หญิงจะไปรักชอบใครที่ไหนกันคะป้า"
"ก็นั่นสิเพคะ...ทูนหัวไม่ได้ทรงรักชอบใครสักหน่อย...ยังไม่ทรงรู้ด้วยซ้ำว่าความรักที่คู่ควรเป็นยังไง...หม่อมฉันถึงอยากให้ทัยเย็นๆ ก่อนนะเพคะ ท่านพี่ดนัยน่ะ...เหมาะสมกับท่านหญิงทุกอย่าง"
รัตนาวดีอัดอั้นจนน้ำตาแทบไหล
"หญิงเบื่อคำว่าเหมาะสมเหลือเกิน...เอาอะไรมาวัดว่าใครเหมาะสม ใครไม่เหมาะสม...คนดีๆ ที่เค้าไม่ได้มียศศักดิ์ เค้าอาจจะเป็นคนดีกว่าท่านดนัยก็ได้"
"อย่าทรงลืมว่าฝ่าบาทไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา...ทรงเป็นราชนิกูล ทรงมีหน้าที่ที่จะต้องทรงรักษาพระเกียรติของบรรพชนซึ่งเป็นที่เคารพ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าทัย คนธรรมดาทำเรื่องไม่เหมาะสมผิดแค่หนึ่ง แต่ถ้าฝ่าบาททรงทำความผิดเดียวกันจะผิดถึงสิบ"
รัตนาวดีน้ำตาไหล
"แล้วความสุขของหญิงล่ะคะ"
"ความสุขที่แท้จริงจะเกิดได้เพราะเราใช้เหตุผล ยึดถือความถูกต้อง ยึดถือความควรไม่ควร...แรกๆ อาจจะไม่ถูกใจ แต่เมื่อเรายอมรับในความถูกต้องนั้น...เราก็จะรู้สึกได้ว่าชีวิตเราอยู่กับความสุขมังคะ...แต่ถ้าเราตามใจ หลงคิดไปเองว่าสิ่งนั้น เหมาะสมกับเรา...แต่พอมาคิดได้ว่าสิ่งที่เราคิดว่าดี...ไม่ได้เหมาะสมกับเรา...เราต้องยอมเสียสละเปลี่ยนชีวิต มิหนำซ้ำยังทำให้หลายคนผิดหวัง จะเรียกสิ่งนั้นว่าเป็นความสุขได้อีกหรือเพคะ"
รัตนาวดีคิดหนัก...

ที่ล็อบบี้ ท่านดนัยเดินไปมาด้วยสีหน้าใช้ความคิด วิมลเดินเข้ามาหา ท่านดนัยรีบถาม
"น้องหญิงรับสั่งว่าอะไรบ้างวิมล"
"ยังทรงกริ้วอยู่เลยเพคะ...นี่คุณป้าสร้อยก็กำลังพยายามพูดให้เข้าทัย..เย็นนี้เลยรับสั่งว่าจะเสวยอาหารเย็นบนห้องไม่อยากลงมา คุณสร้อยก็เลยจะทานบนห้องเหมือนกัน"
ท่านดนัยสีหน้าเป็นทุกข์
"ฉันไม่สบายใจเลยที่เห็นน้องหญิงทรงกริ้วอย่างนี้...ฉันกลัวท่านจะยิ่งกริ้วท่านดนัยมากกว่าเดิม...ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะทำอย่างไรดีล่ะวิมล...ฉันไปสารภาพกับน้องหญิงเลยดีไหม"
"หม่อมฉันคิดว่าเวลานี้ไม่เหมาะที่จะทรงทำอย่างนั้นเพคะ"
"แต่ถ้าน้องหญิงตอบปฏิเสธจดหมายของเสด็จจะยิ่งทำให้ผู้ใหญ่ทุกองค์กริ้วไปด้วย...ทีนี้ละ..แย่แน่ๆ"

ท่านดนัย กับ วิมลต่างทุกข์ใจ...
 
อ่านต่อหน้า 3

รัตนาวดี ตอนที่ 17 (ต่อ)

ท่านหญิงรัตนาวดีชมวิวแบบเหงาๆ จะเห็นวิมลกับป้าสร้อยเฝ้าดูห่างๆ อย่างเป็นห่วง...พนักงานเดินเอาจดหมายอีกฉบับมาส่งให้ วิมลจะเป็นคนรับและนำไปให้รัตนาวดี

"เค้าลืมเอาจดหมายมาให้ท่านหญิงอีกฉบับ"
รัตนาวดีรับจดหมายนั้นมา เมื่อดูที่หน้าซองจดหมายก็ยิ้มออกมา ป้าสร้อยอยู่แถวๆ นั้นเห็นท่าทางรัตนาวดีก็พลอยยิ้มไปด้วย
"เสด็จทรงมีจดหมายมาอีกหรือเพคะ"
"จดหมายของเจ้าพี่ค่ะ"
"ท่านพจน์ทรงเขียนมาเล่าเรื่องที่ท่านดนัยมาสู่ขอกระมังเพคะ"
รัตนาวดีค้อนป้าสร้อย รัตนาวดีค่อยๆ แกะจดหมายท่านพจน์อ่าน
"หญิงรัตน์น้องรัก...พี่ไม่คิดเลยว่าการที่พี่ส่งน้องมาเที่ยวยุโรปในครั้งนี้...จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป"

ท่านชายพจน์นั่งเขียนจดหมายถึงรัตนาวดีอยู่ที่โต๊ะทำงาน
"เสด็จอาทรงมีพระประสงค์ จะมีลายหัตถ์มาถึงน้อง ขอให้อ่านด้วยใจเย็น อย่าเพิ่งไม่พอใจ หรือใจร้อนใดๆ ทั้งนั้นและก่อนที่จะให้คำตอบใดๆ ทูลเสด็จอา...ขอให้น้องได้พบกับท่านดนัยเสียก่อน น้องก็จะได้คำตอบทุกอย่าง พี่ก็เพิ่งจะรู้ว่าน้องหญิงองค์น้อยของพี่เป็นสาวแล้ว และสวยมากพอที่จะมีหนุ่มๆ พากันมาติดใจ แต่พี่ก็ยังคิดว่า น้องยังเป็นน้องน้อยของพี่ที่ยังไว้เปียวิ่งมาหาพี่ชาย พี่จึงยังห่วง และหวงน้องของพี่ตราบจนชีวิตหาไม่....ในเวลาที่ต้องตัดสินใจเรื่องสำคัญ ขอให้คำนึงถึงเหตุผล และ หัวใจ อย่าใช้ทิฐิ หรืออารมณ์...อันจะทำให้น้องต้องเสียใจในภายหลัง"
ท่านพจน์เงยหน้า คิด สีหน้าหมดห่วง

ณ ธารน้ำแข็ง Aletsch Arena จุดชมวิว Hohfluh รัตนาวดีอ่านจดหมายท่านพจน์จบ สีหน้าสงบลง ถอนใจเบาๆ ป้าสร้อยอยากรู้อยากเห็นมาก
"เจ้าพี่รับสั่งอย่างไรเพคะ"
รัตนาวดีตอบอย่างไม่ค่อยพอใจ
"เจ้าพี่ทรงเห็นว่าหญิงไม่ควรรีบเขียนตอบเสด็จอา....ทรงต้องการให้หญิงพบกับท่านดนัยก่อน"
ป้าสร้อยดีใจ
"ท่านพจน์รับสั่งได้ถูกต้องแล้วเพคะ"

รัตนาวดีหันมาตาเขียว
"ถึงหญิงจะต้องจำใจทำตามที่เจ้าพี่รับสั่ง แต่หญิงก็จะเขียนจดหมายไปทูลเจ้าพี่ว่า...หญิงไม่ยอมแต่งงานกับคนที่หญิงไม่รักเป็นอันขาด"
ป้าสร้อยทำหน้าผิดหวัง
"ท่านหญิง"
รัตนาวดีเม้มปากอย่างดื้อรั้น
"ถ้าหญิงจะไม่ได้แต่งงานกับคนที่หญิงรัก...เพราะไม่มีความเหมาะสม...หญิงก็จะไม่แต่งงานกับใครอีกเลยตลอดชีวิต..หญิงจะขอให้เจ้าพี่กราบทูลให้เสด็จอาทรงทราบด้วย"
ป้าสร้อยร้อนใจ วิมลก็คันปากอยากบอกมาก
"รอให้ทรงพบกับท่านดนัยก่อนอย่างที่ท่านพี่รับสั่งเพคะ"
"จริงๆ เพคะ...ท่านหญิงต้องพบกับท่านดนัยก่อน"
รัตนาวดีหันมาตาเขียวกับวิมล วิมลเลยจ๋อยรีบเดินไปนั่งข้างๆ ป้าสร้อย
"ถ้าหญิงได้พบกับท่านดนัยโดยเร็วก็จะดีที่สุด จะได้รีบเขียนจดหมายไปทูลปฏิเสธเสด็จอาให้จบเรื่องจบราวเสียที หญิงจะทูลเจ้าพี่ให้ทรงทราบว่า หญิงเกลียดท่านดนัย เกลียดเหลือเกินที่บังอาจมาสู่ขอคนที่ไม่เคยพบกัน หญิงไม่ใช่คนสิ้นคิด...ถึงแม้ท่านดนัยจะเป็นผู้ชายคนเดียวในโลก หญิงก็จะยอมเป็นสาวทึนทึกสักร้อยชาติดีกว่าแต่งงานกับท่าน"
รัตนาวดีเดินไปอีกมุมหนึ่ง วิมลมองหน้ากับป้าสร้อยที่สีหน้าทุกข์ร้อน
"ลงว่าตรัสอย่างนี้คงไม่มีหวังแล้ว"
วิมลยิ้มๆ
"อย่าเพิ่งร้อนใจค่ะคุณป้าสร้อย...หนูว่าทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดี"
ป้าสร้อยหงุดหงิด
"มันจะดียังไงกันเล่า...ท่านหญิงตรัสเป็นตรัสตายอย่างนี้ ถ้าพบกับท่านดนัยท่านคงต่อว่าขนานใหญ่ละไม่ว่า...แต่ก็แปลกนะ...ท่านดนัยน่ะ...ยังไม่เคยทรงพบกับท่านหญิงเลย ทำไมถึงให้ท่านพ่อท่านแม่ไปสู่ขอกับเสด็จได้ก็ไม่รู้"
วิมลยิ้มเจ้าเล่ห์
"ท่านดนัยอาจจะทรงรู้จักท่านหญิงเป็นอย่างดีแล้วก็ได้ค่ะ"
ป้าสร้อยพยักหน้า
"ท่านพจน์อาจจะทรงเคยเล่าถึงท่านหญิงให้ท่านดนัยฟังละมัง แต่แหม...ท่านยังไม่รู้นะว่าท่านหญิงน่ะทรงฤทธิ์เดชขนาดไหน...จะทรงรับมือไหวรื้อ"

วิมลยิ้มเจ้าเล่ห์ และหันมาสบตาท่านดนัย เพราะตลอดเวลารับฟังอยู่ห่างๆ

รัตนาวดีกับวิมลเดินนำหน้า ป้าสร้อยเดินด้านหลังพร้อมท่านดนัย

"นายเล็ก....ตกลงว่าเธอติดต่อท่านดนัยแล้วใช่ไหม"
ท่านดนัยยิ้มๆ
"ครับ...คุณสร้อย"
"แล้วท่านจะเสด็จมาถึงเมื่อไหร่ล่ะ"
"ไม่น่าเกินสองสามวันนี้ครับคุณสร้อย"
ป้าสร้อยดีใจ
"ท่านจะเสด็จขึ้นมาบนนี้เลยหรือนายเล็ก"
"ไม่หรอกครับ...ท่านดนัยจะเสด็จไปพบท่านหญิงที่โรงแรมหน้าที่ผมจะพาท่านหญิงกับคุณสร้อยไปพักครับ"

สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ บน Riederalp(โรงงานชีส)
ในร้านอาหาร ท่านหญิงรัตนาวดีไม่มีความสุข ป้าสร้อย กับวิมลเป็นห่วง
ที่พิพิธภัณฑ์ชีส ทุกคน วิมลสนุกสนาน รัตนาวดียังอยู่เหม่อลอย บางครั้งก็ฝืนยิ้มให้กับวิมล
ตอนกลางคืนริมทะเลสาบ สะท้อนแสงจันทร์เป็นสีเงินสวย รัตนาวดี กับ วิมลยืนคุยกันอย่างมีความสุข
"ที่นี่สวยจริงๆ ...วิมลคิดถูกนะที่ชวนหญิงออกมาเดินเล่น"
"หม่อมฉันรู้สึกว่าฝ่าบาทมีเรื่องให้กลุ้มทัย...ก็เลยอยากชวนให้ทรงผ่อนคลายห่างจากคุณป้าสร้อยบ้างเพคะ"
รัตนาวดีหัวเราะ
"ถ้าฉันไม่มีป้าซะคนคงจะแย่แน่ๆ ป้าเป็นทั้งเพื่อน ทั้งพี่เลี้ยงบางทีก็พยายามทำตัวเหมือนจะเป็นแม่ฉัน"
วิมลหัวเราะ
"คุณสร้อยน่ะทั้งรักทั้งหวงฝ่าบาท....ถ้าคุณสร้อยมีลูกของตัวเองก็คงไม่เข้มงวดเท่านี้ด้วยละมังเพคะ...แกคงถือเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ที่จะดูแลฝ่าบาท....จนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้"
รัตนาวดีหน้าเศร้า
"สงสัยฉันก็คงต้องเป็นสาวแก่เหมือนป้าสร้อยน่ะแหล่ะ"
"ไม่มีทางหรอกเพคะ...หม่อมฉันแน่ใจซะทีเดียวว่าฝ่าบาทจะได้สมหวังในความรัก...จะทรงแต่งงาน..แล้วก็จะได้มาเที่ยวที่สวยๆอย่างนี้กับคนรักของฝ่าบาท"
รัตนาวดียิ้ม แต่ก็มองไปรอบๆ อย่างเศร้าๆ
"คงเป็นไปไม่ได้หรอกวิมล...ความรักของฉัน...มันอาภัพ"
วิมลมองรัตนาวดีอย่างสงสารมาก เห็นท่าทางเศร้าหมองของรัตนาวดีก็แทบทนไม่ได้อยากบอกความจริง รีบเข้ามาจับมือรัตนาวดีไว้
"โธ่...ท่านหญิง"

ผ่านเวลาจากกลางคืน รัตนาวดีนั่งอยู่คนเดียว....เข้าสู่ยามเช้า ท่านดนัยเดินเข้ามาหา
รัตนาวดีหันมามอง และเบือนหน้าหนีไป แต่ท่านดนัยยังยืนอยู่ที่เดิม...รัตนาวดีหันมามองอีกครั้ง จะเห็นน้ำตาคลอ รัตนาวดีรีบเช็ดน้ำตา
"มีอะไรหรือนายเล็ก"
"ท่านหญิง....กระหม่อมขออนุญาตอยู่ตรงนี้ด้วยได้มั้ย"

รัตนาวดีพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ทั้งสองนั่งกันเงียบๆสักพัก....
"ท่านหญิงพระพักตร์เศร้าเหลือเกิน"
รัตนาวดีเอ่ยปากพูดโดยไม่ได้หันไปมองทางท่านดนัย
"นายเล็กเคยถูกบังคับให้ทำอะไร ที่ตัวเองไม่ต้องการบ้างหรือเปล่า"
"บางครั้งกระหม่อม"
"แล้วนายเล็กทำใจยอมรับมันได้อย่างไร...หรือมันเป็นเรื่องไม่สำคัญ"
"ท่านหญิงถามกระหม่อมเหมือนว่าท่านหญิงถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ"
รัตนาวดีนิ่งเงียบ...หันมามองหน้าท่านดนัย พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ใช่....ตอนนี้หญิงต้องเลือก ต้องตัดสินใจในสิ่งที่ทุกคนเห็นว่าถูกต้อง แต่ๆๆ....ไม่ใช่สิ่งที่ใจของหญิงเลือกเลย"
ท่านดนัยเผลอตัวขยับเข้าใกล้ อยากปลอบประโลมอย่างยิ่ง แต่ก็ชักงักตัวเองไว้ทัน....รัตนาวดีหักห้ามใจตัวเองไม่ให้พูดอะไรไปมากกว่านี้
"ท่านหญิงทุกข์ใจเรื่องท่านดนัย....กระหม่อมคิดว่า..."
"อย่าเลยนายเล็ก....หญิงไม่อยากฟังคำพูดแก้ตัวให้ท่านดนัยอีกแล้ว ทั้งป้าสร้อย วิมลหรือคนอื่นๆที่เมืองไทยก็เห็นว่าสิ่งท่านดนัยทำกับหญิงนั้นดีแล้ว ถูกต้องแล้ว นายเล็กก็คงเห็นเหมือนทุกคน"
ท่านดนัยนั่งเงียบ อยากจะสารภาพทุกอย่าง....มองหน้ารัตนาวดี
"แล้วท่านหญิงตัดสินพระทัยว่าจะทรงทำตามคนอื่น หรือทรงทำตามใจตัวเอง กระหม่อม"

ทั้งสองสบสายตากันและกัน
 
อ่านต่อหน้า 4

รัตนาวดี ตอนที่ 17 (ต่อ)

ใน Hotel Giessbach ห้องรัตนาวดี ป้าสร้อยกับวิมล รัตนาวดี ยืนชมวิวที่ระเบียง

"โอ้โห...สวยอะไรอย่างนี้"
วิมลมองโรงแรมอย่างดีใจมาก
"นั่นสิคะคุณป้าสร้อย...สวยจริงๆ ดูวิวทางโน้นสิคะ"
รัตนาวดีมองไปรอบๆ อย่างพอใจ
"ฉันจะใช้เวลาทุกนาทีที่อยู่ที่นี่ให้คุ้มค่าที่สุด"
รัตนาวดีพูดแล้วก็ทำหน้าเศร้าๆ วิมลมองอย่างสงสาร จับมืออย่างปลอบใจ
"อย่าทรงวิตกไปเลยเพคะ...ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย"
รัตนาวดีมองหน้าวิมลแล้วถอนใจ ท่านดนัยเดินเข้ามาถาม
"ฝ่าบาทจะเสด็จทอดเนตรรอบๆ ก่อนก็ได้กระหม่อม... วันนี้อากาศดีน่าเดินเล่น"
"ก็ดีเหมือนกัน...ขอบใจนะที่พามาที่สวยๆ อย่างนี้"
ท่านดนัยก้มหัวให้นิดหนึ่งอย่างเท่ ป้าสร้อยมองแล้วก็สะท้อนใจ
"ทำไมเพิ่งพามาที่นี่ล่ะนายเล็ก...น่าจะพามาตั้งนานแล้ว"
"ที่นี่เหมาะสำหรับการพักผ่อนจริงๆ ครับคุณสร้อย ครั้งก่อนๆที่ผมไม่ได้พามาเพราะเรามีคณะตามเสด็จมาด้วยตลอด ถึงมาพักที่นี่ก็คงไม่ได้ใช้เวลาพักผ่อนจริงๆ"
"ป้าคะ..ไปเดินเล่นข้างล่างกันไหมค่ะ"

"ไม่ไหวเพคะ...ขาหม่อมฉันล้าเหลือเกิน แม่วิมลน่ะแหล่ะตามเสด็จท่าน...แต่นายเล็กต้องอยู่เป็นเพื่อนป้านะ คอยท่านหญิงอยู่ที่นี่กับป้านี่แหล่ะ"
ท่านดนัยหันไปยิ้มๆ กับป้าสร้อย
"ครับ...ทางด้านโน้นมีทางเดินไปสวนดอกไม้ อีกด้านก็มีน้ำตก"
วิมลพารัตนาวดีเดินไป ป้าสร้อยมองตามอย่างเป็นห่วงถอนใจอย่างหนักใจ หันมามองหน้าท่านดนัย
"ท่านดนัยจะเสด็จมาที่นี่จริงๆ เหรอนายเล็ก"
ท่านดนัยยิ้มๆ
"จริงครับ"
"ท่านจะมาพบท่านหญิงเรื่องที่ขอแต่งงานใช่ไหม ถ้าท่านมาเร็วกว่านี้ท่านหญิงก็คงไม่ทรงน้อยทัย
อย่างนี้หรอก"
ท่านดนัยสีหน้าเป็นทุกข์
"ผมรับรองว่าท่านดนัยจะอธิบายทุกอย่างให้ท่านหญิงทรงเข้าพระทัย"
"อธิบายเรื่องอะไร"
"เรื่องที่ว่าทำไมท่านถึงไม่แสดงองค์ก่อนหน้านี้ไงครับ"
ป้าสร้อยพยักหน้ารับรู้

รัตนาวดี กับ วิมลเดินเล่นบริเวณน้ำตก
"นายเล็กนี่ช่างรู้จักที่สวยๆ มากมายจริง....เสียดายอย่างเดียว"
"เสียดายอะไรเพคะ"
รัตนาวดีพูดอย่างรำพึงกับตัวเองอย่างเศร้าๆ
"เสียดายว่าเขาเป็นแค่...."
วิมลยิ้ม คันปากมาก..
"แหม"
รัตนาวดีเห็นท่าทางยุกยิกแบบมีพิรุธของวิมลก็ขำๆ
"เป็นอะไรน่ะวิมล...ทำท่าแปลกๆ"
วิมลรีบแก้ตัว
"เปล่านี่เพคะ...เอ้อ..."
วิมลอยากพูดให้รัตนาวดีรู้มาก แต่ก็พูดไม่ได้เพราะท่านดนัยห้ามไว้ รัตนาวดีมองยิ้มๆ
"ทำท่าลับลมคมใน เหมือนมีความลับอะไรหรือเปล่า"
วิมลสะดุ้ง รีบแก้ต้ว
"โธ่..หม่อมฉันเคยมีความลับกับฝ่าบาทซะที่ไหนล่ะเพคะ"
รัตนาวดีหรี่ตามองวิมลถามอย่างคาดคั้น
"แล้วทำไมทำท่าเหมือนมีล่ะ....มีอะไร...บอกมานะ"
วิมลรีบโบกมือปฏิเสธหัวเราะไปเรื่อยก่อนที่จะหลุดปากออกมาเรื่องท่านดนัย
"ไม่มีเพคะ เอ้อ....หม่อมฉัน...หม่อมฉันแค่รู้สึกว่าท่านหญิงทรงมีเรื่องไม่สบายพระทัยใช่ไหมเพคะ"

รัตนาวดีถอนใจ
"เมื่อกี้ทรงตรัสว่าเสียดายที่นายเล็กเป็นแค่...."
วิมลมองหน้ารัตนาวดี
"ช่างเถอะ...ไปดูทางโน้นกันดีกว่า"

รัตนาวดีเดินไปอีกด้านหนึ่ง วิมลมองตามอย่างเป็นทุกข์แล้วรีบตามไป

รัตนาวดีเดินเล่นมากับวิมลอีกมุมหนึ่ง รัตนาวดีมองไปรอบๆ อย่างพอใจ

"หญิงตัดสินใจแล้วละวิมล....ชาตินี้..ไม่ขอแต่งงานดีกว่า"
"โธ่...ท่านหญิง...ทรงอย่าคิดอย่างนั้นเลยเพคะ"
รัตนาวดียิ้มแย้ม
"จริงๆ นะ...หญิงตัดสินใจแล้ว...ถ้าต้องแต่งงานกับคนที่หญิงไม่รัก...สู้ไม่แต่งซะดีกว่า"
"แล้วทรงรู้หรือเพคะ...ว่าความรักเป็นยังไง"
รัตนาวดียิ้ม
"ความรักเหรอ...มันเป็นสิ่งที่ทำให้โลกสวยงามที่สุด...ทำให้เราสุขใจ...จนรู้สึกได้ว่าหน้าเราเป็นสีชมพูน่ะ"
รัตนาวดีหันมาหัวเราะสดใสกับวิมลที่พลอยหัวเราะไปด้วย
"ความรักทำให้เราอุ่นใจ....ไม่รู้สึกว่าโดดเดี่ยวอีกต่อไป... ทำให้ชีวิตเรามีเป้าหมาย....รู้สึกว่าตัวเองมีค่า"
วิมลยิ้มล้อๆ
"ตรัสเหมือนกับทรงมีความรักอย่างนั้นนะเพคะ"
รัตนาวดียิ้มมีความสุข แต่สีหน้าค่อยๆ หม่นลง
"ไม่มีหรอก...ถ้าหญิงมีความรัก...มันก็เป็นความรักที่ไม่สมหวัง ความรักที่มีอุปสรรคมาขวางมากมายทำให้มีแต่ความทุกข์"
"แต่ถึงจะทุกข์....เราก็สุขใจได้ว่าเรามีคนที่เรารักใช่ไหมเพคะ"
"ใช่...ไม่รู้สึกว่าว้าเหว่...แต่ก็ทุกข์ใจ"
วิมลจับมือรัตนาวดีอย่างปลอบโยน
"หม่อมฉันสังหรณ์ในว่า....ถ้าท่านหญิงจะทรงมีความรัก ความรักนั้น...จะสมหวังเพคะ"
รัตนาวดียิ้มออกมา แต่ก็กลับเศร้าอีก
"อย่าไปหวังอะไรเลยวิมล"
รัตนาวดีพยายามยิ้มแย้มกับวิมล แต่ก็หน้าเศร้า

ท่านดนัยเห็นป้าสร้อยนอนหลับอยู่บนเก้าอี้ก็เดินไปหยิบผ้าห่มมาห่มให้

รัตนาวดีกับวิมลเดินเข้ามาที่ล็อบบี้ รัตนาวดีมองเห็นเปียโนที่ตั้งอยู่....มองไปรอบๆ ไม่เห็นแขกของโรงแรมอยู่ จึงเดินไปที่เปียโน กรีดนิ้วลงบนคีย์เปียโน เสียงใสที่ออกมาทำให้รัตนาวดียิ้มอย่างมีความสุข รัตนาวดีจึงเริ่มเล่นเพลงรักหวานก้องกังวานไปทั้งล็อบบี้โรงแรม …ในระหว่างที่รัตนาวดีเล่นเปียโน จะเห็นแขกของโรงแรมโผล่หน้ามาฟังด้วยความสนใจ ...รัตนาวดีหันมาสบตากับวิมล วิมลเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาด้วยความตื้นตันด้วยสีหน้ามีความสุข …ท่านดนัยแอบยืนฟังเพลงด้วยความสุข... แล้วรัตนาวดีก็จะหันมาสบตากับท่านดนัย ท่านดนัยยืนพิงกับเสาด้วยท่าทางเท่มากๆ มองรัตนาวดีด้วยสายตารักใคร่ ยิ้มมาให้อย่างรักมาก รัตนาวดียิ้มตอบไปอย่างลืมตัว ตั้งใจเล่นเปียโนเป็นเพลงรักหวาน เพลงจบลง คนที่ยืนฟังพากันตบมือชื่นชม รัตนาวดียืนขึ้น แล้วก้มหัวน้อยๆ อย่างงดงาม
 
ท่านดนัยยืนตบมือยิ้มอย่างมีความสุข....
 
อ่านต่อตอนที่ 18
กำลังโหลดความคิดเห็น