รัตนาวดี ตอนที่ 5
รัตนาวดีนั่งทานอาหารกับสร้อย โดยมีหม่อมเจ้าดนัยวัฒนานั่งอยู่ด้วย ท่าทางป้าสร้อยเหน็ดเหนื่อยกับการนั่งรถทางไกล...รัตนาวดีสังเกตเห็น
"นายเล็ก....บ่ายนี้ฉันคิดว่าอยากจะเข้าโรงแรมพักก่อน พรุ่งนี้ค่อยเริ่มดูปราสาทกัน"
"กระหม่อม"
"ดีมาก....นั่งรถนานๆ เมื่อยหลังไปหมด...เข้าที่พักเร็วก็ดีเพคะ"
"โรงแรมอยู่ไกลไหมนายเล็ก"
"ไม่ไกลกระหม่อม...อยู่ใกล้ๆ แม่น้ำอีกด้านของเมือง"
วิศาลกับพุทธ จอดรถแอบมองมาที่ร้านอาหาร
"ทำไมไม่เข้าไปทักพวกนั้นเลยล่ะ...รออะไร" พุทธบอก
"ก็ถ้าเราทะเล่อทะล่าเข้าไปทักพวกนั้นเร็วไป เค้าก็หาทางปฏิเสธเราได้นะซิ...รอให้เค้าเข้าพักให้เรียบร้อยแล้วเราถึงจะเข้าประชิด...หนีไปไหนก็ไม่ได้"
"อย่าบอกนะว่านายจะย้ายไปนอนที่เค้าพักกัน"
วิศาลมองหน้าพุทธ
"ย้ายแล้วจะทำไม"
"นายจ่ายค่าห้องพักล่วงหน้าที่ชาโตร์ มาเรย์แล้วนี่"
วิศาลหงุดหงิด
"เอ้ย....อย่ามาทำงกแทนกันหน่อยเลยน่า...จะไป"
"เสียดายเงินแค่นั้นทำไม...โอกาสที่จะได้ใกล้ชิดท่านหญิงน่ะ หาได้ง่ายๆซะที่ไหน...พ่อกันยังไม่บ่น นายจะมาบ่นให้รำคาญทำไม"
พุทธหันไปบ่นอุบอิบ
"สงสารพ่อแม่มันจริงๆ วะ"
วิศาลได้ยินไม่ชัด
"อะไรนะ"
พุทธยิ้มเอาใจ
"กันว่าได้เปลี่ยนบรรยากาศหลายๆ โรงแรมก็ดีเหมือนกัน"
วิศาลไม่สนใจ...
รถท่านชายดนัยวัฒนาขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของโรงแรมในเมืองตูร์ ท่านชายในบทของนายเล็กลงมาเปิดประตูให้รัตนาดี ป้าสร้อยลงจากลงมายืนบิดร่างกายอย่างเหน็ดเหนื่อย รัตนาวดียืนมองโรงแรมแบบถูกใจ
ในห้องพัก ท่านหญิงรัตนาวดีกำลังเขียนจดหมายอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ สร้อยเดินออกมาจากห้องน้ำ ท่าทางอ่อนเพลีย
"ท่านหญิงทรงเขียนจดหมายทูลเจ้าพี่เหรอเพคะ"
"หญิงเขียนถึงวิมลค่ะ จะลองชวนให้เค้ามา ไม่รู้จะว่างหรือเปล่า"
"ถ้าแม่วิมลว่างมาด้วยก็ดีเพคะ...อยู่กันสามคน...คุยจนไม่มีเรื่องจะคุยแล้ว"
"ก็เวลานายเล็กเค้าจะชวนคุย...ป้าก็ขัดเค้า จนเค้าไม่กล้าชวนคุยแล้วนี่คะ"
สร้อยค้อนอีก
"ท่านหญิงเพคะ...เราจะไปสนิทสนมกับบ่าวมากนักมันก็ไม่ดี"
รัตนาวดีหยุดเขียน
"นายเล็กเค้าไม่ใช่บ่าวนะคะ"
"แต่เค้าเป็นแค่คนรถนะ...ก็ไม่ได้ต่างกันหรอกเพคะ"
"ป้านี่หัวโบราณจัง...หญิงว่านายเล็กนะเค้าเป็นคนดี ความรู้ก็ดี คุณค่าของคนมันไม่ได้ขึ้นกับฐานนันดรนะคะ ป้า…มันอยู่ที่ตัวคนๆ นั้น ว่าทำตัวมีคุณค่ากับคนอื่นแค่ไหนต่างหาก"
"หม่อมฉันก็ไม่ได้บอกว่านายเล็กเป็นคนไม่ดีนี่เพคะ หม่อมฉันมีหน้าที่ต้องรักษาพระเกียรติท่านหญิง...หม่อมฉันไม่อยากให้มหาดเล็กมาทำตัวตีเสมอ"
"ถ้าเค้าทำอย่างนั้นหญิงก็คงไม่ชอบเหมือนกันค่ะ...แต่เค้ายังไม่ได้ทำ"
เวลาต่อมา สร้อยนอนหลับอยู่บนเตียง รัตนาวดียังนั่งเขียนจดหมายอยู่ หันไปมองเห็นป้าสร้อยหลับ แอบยิ้มให้ เดินไปหยิบผ้าห่ม ห่มให้เรียบร้อย...รัตนาวดีสำรวจตัวเองกับกระจก เดินออกจากห้องไป
หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดีเดินอยู่ในบรรยากาศสวยงาม เดินมองรอบๆ อย่างรู้สึกเหงาๆ.. รัตนาวดีรู้สึกว่า มีผู้ชายมาเดินใกล้ๆ เธอยิ้มแต่พอหันไปมองก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นแปลกใจ
"คุณวิศาล....คุณพุทธ"
ทั้งคู่เข้ามาเดินใกล้ๆ
"แปลกใจจริงๆ ที่เห็นท่านอยู่คนเดียว...คุณป้าสายสร้อยหายไปไหนซะล่ะ"
"ป้าไม่ค่อยสบายเลยไปนอนแล้ว...คุณสองคนมาเที่ยวที่นี่เหมือนกันหรือ"
"อันที่จริงกระหม่อมพอจะเดาได้ว่าท่านต้องมาเที่ยวที่นี่ ก็เลยชวนพุทธตามมา เราเลยได้พบกัน"
พุทธบอก
"นับว่ามีเชาว์ปัญญาที่ดีจริงไหมครับท่านหญิง"
รัตนาวดียิ้มๆ พยักหน้า
"อาจจะเป็นลางที่ดีบางอย่างก็ได้ พุทธ...เราไปหาอะไรดื่มแก้หนาวกันดีกว่า ท่านหญิง...ไวน์ที่นี่รสเลิศอย่าบอกใคร"
รัตนาวดีหยุดเดิน
"ฉันจะกลับไปนอนแล้วค่ะ...วันนี้เดินทางทั้งวัน...พรุ่งนี้ก็ต้องออกไปแต่เช้า"
"โอ้ย...แค่ไปดื่มไวน์เท่านั้นท่านหญิง...ไม่ดึกหรอก" วิศาลบอก
"พรุ่งนี้เราสองคนก็ต้องตื่นแต่เช้าเหมือนกัน...แต่ถ้ามาถึงที่นี่แล้วไม่ได้ไปดื่มไวน์สักหน่อย...ก็เสียเที่ยวครับท่าน" พุทธบอก
"ต้องขอตัวค่ะ...รู้สึกเพลียจริงๆ"
"ท่านหญิงครับคุณวิศาลนะ...ไม่ใช่จะชวนใครง่ายๆ นะ"
"ถือว่าให้เกียรติกระหม่อมหน่อยนะท่านหญิง"
รัตนาวดีมองหน้าพุทธนิ่งๆ แต่ก็ยังยิ้ม แต่จริงๆ รู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก วิศาลพยายามจะจับแขนรัตนาวดี ท่านหญิงเดินถอยห่างออกมา ท่านชายดนัยวัฒนาเดินมายืนใกล้ๆ รัตนาวดี
"ท่านหญิงกระหม่อม"
รัตนาวดีหันมายิ้มกับท่านดนัยวัฒนาอย่างโล่งอก
"นายเล็ก"
"คุณสร้อยให้กระหม่อมมาตาม...เห็นว่ามีเรื่องจะปรึกษา"
"งั้นก็ไปซิ...ฉันกำลังจะกลับพอดี"
"รู้เรื่องกับเขาหรือเปล่านายเล็ก...ป้าสร้อยน่ะหลับไปแล้ว"
นายเล็กพูดเสียงแข็ง
"ถ้าคุณไม่เชื่อจะกลับไปคุยกับคุณสร้อยด้วยกันก็ได้"
พุทธทำท่าหัวหด วิศาลมองหน้ากับพุทธด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
"ถ้าอย่างนั้นเราค่อยเจอกันพรุ่งนี้กระหม่อม...เอ้อ..ท่านหญิงจะเด็จไปไหนบ้าง"
"เช้าจะไปปราสาท...บ่ายจะไปปราสาท Chambord"
"กระหม่อมขอตามเสด็จด้ว" วิศาลบอก
รัตนาวดีหัวเราะ
"ถ้าตื่นลงมาทันก็ได้ค่ะ"
ท่านหญิงรัตนาวดีเดินกลับไปกับท่านดนัย ทิ้งให้วิศาลยืนหัวเสียอยู่กับพุธ
"ไอ้นี่มันกอขอคอ จริงๆ วะ"
"นั่นนะซิ"
นายเล็กเดินมาส่งรัตนาวดีที่บันได รัตนาวดีจะเดินขึ้นไป หันมาหา
"ขอบใจนะที่เดินมาส่ง"
"ท่านหญิง....อย่าทรงออกมาเดินคนเดียวอีกกระหม่อม"
รัตนาวดีหัวเราะ
"ความจริงไม่มีอะไรที่อันตรายสักหน่อย...คนออกเต็มไปหมด"
ท่านดนัยเป็นห่วงรัตนาวดี อยากพูดเตือน แต่ก็รู้ฐานะตัวเอง จึงพยายามพูดแต่ไม่กล้ามองหน้า
"ยังไงก็อันตรายสำหรับผู้หญิง...เอ้อ...ที่จะเดินคนเดียว เอ้อ….คุณสร้อย..จะเป็นห่วงมาก"
รัตนาวดียิ้มๆ
"จริง…ป้าสร้อยเป็นห่วงฉันตลอดเวลานะ"
"กระหม่อมไม่ค่อยไว้ใจนายวิศาล...เมื่อกี้ก็ทำท่าเหมือนจะโดนองค์"
"แล้วนายเล็กหายไปไหนมาล่ะ"
อ่านต่อหน้า 2
รัตนาวดี ตอนที่ 5 (ต่อ)
ท่านดนัยเผลอตัวจ้องหน้ารัตนาวดี จนท่านหญฺงหลบตารีบเดินขึ้นบันไดไป ท่านดนัยยังทำอะไรไม่ถูก....
พระอาทิตย์ขึ้นที่แม่น้ำลัวร์
ปราสาท Chombord ที่ใหญ่โตสวยงาม คณะทั้งหมดเดินมาตรงด้านหน้า ทุกคนสีหน้าตื่นเต้น
"โอ้โห...ท่านหญิงเพคะ...ทำไมมันถึงได้ใหญ่โตมโหฬารอย่างนี้"
รัตนาวดีมองไปรอบๆ อย่างเห็นด้วย
"ปราสาทชองบอร์เป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้มีห้องมากกว่า 440 ห้อง โดยเฉพาะเตาผิงก็มากกว่า 280 แห่ง" นายเล็กอธิบาย
"นั่นสิคะ...รอบๆ นี้เนื้อที่ประมาณเท่าไหร่นายเล็ก"
"หนึ่งหมื่น สามพันห้าร้อย เอเคอร์ กระหม่อม"
ป้าสร้อยทำท่าไม่เข้าใจ ท่านดนัยยิ้มๆ
"ขนาดพอๆกับอำเภอบางกะปิที่บ้านเราครับ บริเวณนี้เป็oเขตป่าสงวนที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป"
นายเล็กชี้รั้วโดยรอบ
"มีรั้วสูง 8 ฟุต ล้อมรอบเป็นระยะทางยาว 32 กิโลเมตร นับเป็นรั้วที่ยาวที่สุดในฝรั่งเศสกระหม่อม"
"ปราสาทนี้สร้างโดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หรือเปล่านายเล็ก"
"มิใช่กระหม่อม...พระเจ้าฟรองซัวร์ที่ 1 เป็นผู้ริเริ่มในการสร้างปราสาทแห่งนี้ ภายหลังที่พระองค์ไปเห็นงานของอิตาลี...ทรงต้องการสร้างปราสาทส่วนพระองค์เพื่อไว้เป็นที่ประทับเมื่อมาล่าสัตว์ และ รับรองพระสหาย ด้วยความที่พระองค์ติดใจศิลปของอิตาลี พระองค์จึงให้ลีโอนาโด ดาวินชี มาออกแบบปราสาทนี้กระหม่อม แต่ดาวินชีก็มาเสียชีวิตก่อนเริ่มลงมือสร้าง"
"น่าเสียดายนะ"
"แต่โครงสร้างส่วนใหญ่ก็ได้อิทธิพลของดาวินชีมากระหม่อม....กว่าปราสาทจะสร้างเสร็จ ก็อยู่ในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อย่างที่ท่านหญิงรับสั่ง....ห่างกันเกือบ 170 ปี"
รัตนาวดียิ้มพอใจ ป้าสร้อยมองปราสาท นึกขึ้นมาได้
"ถึงว่านะซิ รูปร่างแปลกๆชอบกล"
นายเล็กยิ้มๆ
"ปราสาทชอมบอร์ด...ได้รับการยกย่องว่าเป็นปราสาทที่ใช้ศิลปแบบผสมผสาน เพราะใช้เวลาสร้างที่ยาวนานจึงเป็นไปตามรสนิยมความชอบของกษัตริย์หลายองค์"
"ป้านี่ก็ช่างสังเกตเหมือนกันนะคะ"
ทั้งสามเดินเที่ยวปราสาทอีกมุมหนึ่ง
"แต่เท่าที่ฉันรู้มา...ปราสาท Chombord นี้ เป็นปราสาทที่ออกพระวิสุทธิสุนทร อัครราชทูตกรุงสยาม สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เคยมาพำนัก เมื่อครั้งมาเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศสครั้งแรก"
นายเล็กพึงพอใจในความรอบรู้ของรัตนาวดี พยักหน้าเห็นด้วย
"กระหม่อม"
ทั้งหมดเดินมาถึงบริเวณที่มีรูปปั้นจิ้งเหลน
"ท่านหญิง...ท่านหญิง...มาทอดเนตรนี่ดีกว่า"
"ป้าสร้อยดูอะไรคะ"
"ท่านหญิงทอดพระเนตรซิเพคะ ...คิงคนนี้มีตัวจิ้งเหลนยั้วเยี้ยไปหมด"
รัตนาวดีมองนายเล็ก
"สัญญลักษณ์ของพระเจ้าฟรองซัวที่ 1 คือ ตัวซาลาแมนเดอร์ ที่คล้ายจิ้งเหลน หรือ กิ้งก่า นี่แหล่ะครับ เพราะเชื่อว่าเป็นสัตว์ที่ทรงพลังเหนือไฟทั้งปวง ความหมายก็คือ การมีอำนาจเหนือมนุษย์ และ โลก…จึงมีประดับไว้ที่ปราสาทนี้ถึง 700 กว่าชิ้น"
ป้าสร้อยหายสงสัย
ทั้งหมดยืนอยู่หน้าบันไดโถงกลางของตัวปราสาท
"บันไดนี้ถือเป็นสัญญลักษณ์ของปราสาทชองบอร์ ถ้าสังเกตุให้ดีจะเห็นว่ามีการออกแบบเป็นพิเศษ ทำให้การขึ้น ลงแยกจากกันเป็นอิสระ"
"ป้านึกไม่ออกเลยว่าจะสร้างกันทำไมใหญ่โต"
"ยามเกิดศึกสงครามจะได้ไม่โกลหลอย่างไงละครับ"
นายเล็กหัวเราะ
"แต่โดยส่วนมากจะใช้เป็นที่เล่นซ่อนหาของพวกขุนนางและนางกำนัลซะมากกว่า"
รัตนาวดีอมยิ้ม
บรรยากาศสบายๆ หน้าโรงแรมริมแม่น้ำลัวร์ นายเล็กออกมายืนรอรัตนาวดี เห็นสีหน้าเป็นห่วง เดินไปเรื่อยๆ อย่างใช้ความคิด สักครู่ นายเล็กก็เดินเข้าไป
นายเล็กเดินกลับเข้ามาในโรงแรม เดินมาหาป้าสร้อยที่นั่งคอยรัตนาวดีอยู่อย่างเป็นห่วง
"ยังไม่มาอีกหรือ"
"เดี๋ยวก็คงมาครับ"
ป้าสร้อยถอนใจ
"ท่านหญิงนะทรงซนจริงๆ.....แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ป้าจะทิ้งท่านไปกับคนอื่นอีก"
นายเล็กก็เป็นห่วงเหมือนกัน
"คงไม่มีอะไรหรอกครับ...สองคนนั่นคงจะพยายามเอาใจท่านหญิงซะด้วยซ้ำ"
ป้าสร้อยมองหน้านายเล็ก
"นั่นมากันแล้ว"
สร้อยมองไปที่ทางเข้าโรงแรม ท่านดนัยหันไปมองด้วย เห็นรัตนาวดีสีหน้าสนุกสนานมากเดินเข้ามา มีวิศาล กับ พุทธ สีหน้าเหนื่อยเดินตามมาด้วย... รัตนาวดีเดินตรงมาหาป้าสร้อย
"รอกันนานไหมจ้ะ"
สร้อยค้อน
"อย่าเพิ่งบ่นว่าหญิงมาช้านะ"
"ก็แล้วทำไมถึงเด็จกลับช้าล่ะเพคะ"
"ก็มัวหากวาง หาหมูป่า....ไม่เห็นมีซักตัว"
นายเล็กมองรัตนาวดีอย่างน้อยใจ
"เอาไว้เล่าตอนทานอาหารได้ไหมครับ...ผมหิวจะเป็นลมแล้ว" วิศาลบอก
"ดีเหมือนกัน...หม่อมฉันก็หิวมากเหมือนกันเพคะ"
"ถ้าอย่างนั้นขอเชิญทุกคนที่ห้อง dinning เลยครับ มื้อนี้ผมขอเป็นเจ้ามือเอง...เชิญทุกคน" วิศาลบอก
ทั้งหมดพากันเดินไปทางห้องอาหาร ยกเว้นนายเล็ก รัตนาวดีเดินไปสักหน่อยก็หันกลับมามอง เห็นนายเล็กยังยืนอยู่ที่เดิม วิศาลเห็นรัตนาวดีหยุดเดิน ก็หันกลับไปมองบ้าง
"ให้เค้าไปหากินตามประสาเค้าเถอะหม่อม"
รัตนาวดีไม่ได้หันไปมองวิศาล แต่เดินไปหานายเล็ก
"ไปนายเล็ก...ไปทานอาหารด้วยกัน"
"กระหม่อมขอลาไปหาที่อื่น"
นายเล็กพูดแล้วก็โค้งรัตนาวดีนิดหนึ่ง แล้วหันหลังเดินออกไป...
ท่านชายดนัยวัฒนาเดินดุ่มๆ ออกมาจากโรงแรม สีหน้าเศร้าหมอง แต่ยังไม่ทันจะเศร้าได้นาน ก็มีเสียงรัตนาวดีเรียกเสียงดัง
"นายเล็ก....นายเล็ก"
รัตนาวดีรีบเดินเร็วๆ เข้ามาหาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
"นายเล็ก...ทำไมนายเล็กถึงต้องทำแอ็คไปรับประทานที่อื่น"
"ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่หม่อมจะต้องอยู่"
"หมายความว่ากระไรกัน"
"ที่หม่อมจำต้องนั่งรับประทานกับฝ่าบาท ก็เพราะหม่อมเห็นว่าฝ่าบาทไม่มีเพื่อน...ถ้าประทับเสวยตามลำพังกับคุณสร้อยไม่มีผู้ชายนั่งอยู่ด้วยเลย...เดี๋ยวใครไม่รู้ก็อาจเข้ามาทำห่าม แต่คืนนี้ฝ่าบาทก็ทรงมีเพื่อนผู้ชายร่วมโต๊ะเสวยถึงสองคนแล้ว หม่อมไม่มีความจำเป็น...ก็จะไปกินตามฐานะของกระหม่อม"
รัตนาวดีงอน
"ถ้านายเล็กเห็นว่าเป็นความจำใจอย่างยิ่งที่จะต้องนั่งกินข้าวร่วมกับฉันก็เชิญตามสบายเถิด"
รัตนาวดีหันหลังให้ สีหน้าผิดหวัง
"เผื่อนายเล็กจะได้เป็นส่วนตัวที่จะทำจะคิดถึงอะไรบ้าง ฉันก็ลืมไป"
ท่านชายดนับวัฒนาหันมาจ้อง แต่รัตนาวดีก็เดินกลับไปทางโรงแรม ยืนมองแล้วเดินตามมาอย่างเร็ว
"ท่านหญิง....ท่านหญิงกระหม่อม"
รัตนาวดีหยุดเดิน พยายามทำสีหน้าปรกติ
"กระหม่อมไม่เข้าใจที่ฝ่าบาทตรัสเมื่อครู่"
รัตนาวดีหันมามองนายเล็ก
"แต่กระหม่อมจะทูลว่า....ณ.เวลานี้กระหม่อมไม่จำเป็นที่จะคิดหรือทำอะไรกับใครอีก....แล้วที่ผ่านมานอกจากเรื่องงาน กระหม่อมก็ไม่มีใครที่จะต้องคอยเป็นห่วงนอกจากพ่อแม่ เพราะฉะนั้นกระหม่อมจึงมีแต่จะถวายงานฝ่าบาทเท่านั้น"
นายเล็กมองรัตนาวดีด้วยสายตาอ่อนหวาน รัตนาวดีไม่พูดอะไร รีบหันหลังเดินกลับเข้าโรงแรม ท่านชายดนัยวัฒนามองตามรัตนาวดีอย่างรักมาก แต่ยังไม่เห็นสีหน้ายิ้มน้อยๆ ของรัตนาวดี...
อ่านต่อหน้า 3
รัตนาวดี ตอนที่ 5 (ต่อ)
ห้องอาหารในโรงแรม พนักงานเสิร์ฟเริ่มเอาอาหารจานแรกมาเสิร์ฟ
"เอ…ท่านหญิงไปไหนกัน"
วิศาลทำท่าจะเริ่มทาน
"คงไปห้องน้ำเดี๋ยวก็มาครับป้า"
สร้อยเหล่
"ไม่รอท่านหญิงก่อนเหรอจ้ะ"
วิศาลตักอาหารกำลังจะเข้าปาก
"ครับ..ผมก็รออยู่"
พุทธเตะขา วิศาลสะดุ้ง หันไปมองพุทธตาเขียว
"อะไร"
พุทธจนใจเพราะวิศาลไม่รู้เรื่องจริงๆ
"เอ้อ…อย่าเพิ่งกิน...รอท่านหญิงก่อน"
วิศาลวางช้อนสีหน้าเก้อๆ รัตนาวดีเดินกลับเข้ามาในห้องอาหาร วิศาลนั่งหน้าบึ้ง รัตนาวดีเดินมาลงนั่ง
"ขอโทษที่ให้รอ"
วิศาลยังไม่ค่อยพอใจ
"เด็จไปไหนมา...หม่อมรอเป็นนาน"
สร้อยมองวิศาลไม่ค่อยพอใจ พุทธพยายามเอาใจ
"ไม่นานเท่าไหร่หรอก"
พุทธสะดุ้ง เพราะโดนวิศาลเตะเอาที่ใต้โต๊ะ รัตนาวดีไม่สนใจเพราะอารมณ์ดี เริ่มทานอาหาร
"มีธุระนิดหน่อย"
"แล้วเสร็จธุระหรือยังเพคะ"
รัตนาวดียิ้มอารมณ์ดี ป้าสร้อยสังเกต
"เรียบร้อยแล้วจ้ะ...ป้าคะ...ทีแรกหญิงว่าพอทานเสร็จจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อย...แต่เปลี่ยนใจขึ้นไปบนห้องเลยดีกว่า พรุ่งนี้เราจะออกแต่เช้า...คุณวิศาลจะได้กลับไปพักโรงแรม"
"หม่อมไม่ต้องรีบ...หม่อมก็พักที่นี่"
รัตนาวดี กับ ป้าสร้อยชะงัก
"ยังงั้นเหรอ"
วิศาลพยายามยิ้มอย่างเท่
"หม่อมตั่งใจจะตามเสด็จด้วย....ท่านหญิงจะได้มาหัดขับรถกับหม่อม"
รัตนาวดียิ้มๆ
"ต้องขอคิดดูก่อน"
"ทางที่ดีหม่อมว่าพรุ่งนี้เราไปเที่ยวช้อปปิ้งกันบ้างดีกว่า ดูแต่ปราสาทน่าเบื่อ...หม่อมจะพาเสด็จไปทานอาหารอร่อยๆ แล้วเราก็ไปหัดขับรถกันดีไหมหม่อม"
รัตนาวดีมองหน้าป้าสร้อย ป้าสร้อยทำหน้าเห็นด้วย
"ก็ไม่เลวนะ"
วิศาลยิ้มกว้างขวาง
"ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เป็นหน้าที่หม่อมพาเสด็จกับป้าสร้อยเอง ให้นายเล็กนอนเล่นตีพุงไปเลย"
วิศาลหมายมั่น
วันรุ่งขึ้น วิศาลขับรถอย่างเร็ว มีป้าสร้อย กับ รัตนาวดี นั่งด้านหลัง วิศาลขับรถเก่งอย่างนักแข่งรถ
รัตนาวดีนั่งด้วยท่าทางไม่สบายใจนัก แต่ป้าสร้อยทำสีหน้าหวาดเสียว บางทีก็แอบพนมมือสวดมนต์ จนป้าสร้อยเริ่มแย่มากขึ้น รัตนาวดีก็รู้สึกว่าวิศาลขับเร็วเกินไป
"ไม่ไหวแล้ว"
รัตนาวดีมองป้าสร้อยอย่างสงสารมาก
"คุณวิศาล...คุณวิศาล...หยุดรถ"
รัตนาวดี กับ พุทธ ต้องช่วยกันประคองป้าสร้อยลงจากรถ ป้าสร้อยทำท่าจะทรุดลง รัตนาวดีต้องพยายามพยุงไปนั่ง รัตนาวดีมองป้าสร้อยด้วยสีหน้าเป็นห่วง
"เป็นไงคะป้"
สร้อยโอดโอยทำท่าจะอาเจียน
"โอย…ท่านหญิงไส้มันม้วนไปรวมกันจุกอยู่ที่คอหอย"
วิศาลหัวเราะ
"ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ผมว่าป้าไปนั่งรถนายเล็กดีกว่า...รถผมมันรถสปอร์ต…มีไว้สำหรับหนุ่มๆ สาวๆ"
"แต่ฉันว่าคุณก็ขับเร็วมากเกินไป"
วิศาลยักไหล่
"แหม…มันช่วยไม่ได้ท่านหญิง...พอนั่งหลังพวงมาลัย
"แหม…มันช่วยไม่ได้ท่านหญิง...พอนั่งหลังพวงมาลัย วิญญาณนักแข่งมันก็สิงทันที...ของอย่างนี้มัน"
ป้าสร้อยรีบสวนอย่างโมโห
"วิญญาณผีบ้าน่ะซิ ขับตะลุยบ้าเลือดบนถนนอย่างนี้ได้ไง นี่ไม่ใช่สนามแข่งรถนะ...ชนชาวบ้านเค้าตายจะว่าไง"
"นั่นสิ...มันอันตรายเกินไปที่ขับแบบนี้ไนเมือง"
วิศาลพูดอย่างไม่แคร์ พุทธเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าไปสั่งของกิน
"ก็ถ้ามีอะไรมาตัดหน้าผมก็ชนทั้งนั้นแหล่ะ...ผมถือว่าผมไม่ผิดนี่นา."
"โอย…ท่านหญิงเพคะ...หม่อมฉันก็ขอห้ามไม่ให้ท่านหญิงไปแตะไอ้รถบ้าดีเดือดคันนี้เด็ดขาด"
วิศาลหน้าเสีย พุทธรีบบริการเอาเครื่องดื่ม และ ขนมมาให้รัตนาวดี กับ ป้าสร้อย
"ใจเย็นๆ ครับป้า...นี่ครับ..ทานขนมก่อนให้ใจเย็นๆ ท่านหญิงเชิญ กระหม่อม"
"หม่อมฉันว่าเรากลับโรงแรมไปหานายเล็กดีกว่าเพคะ.. ไม่ขอนั่งไอ้รถแข่งบ้าดีเดือดนี่อีกแล้ว."
"โธ่ป้า...ป้าน่ะต้องภูมิใจนะ...รถคันนี้นะรุ่นใหม่ล่าสุดเชียวนะ รถมันแรงก็อย่างนี้แหล่ะ...ไอ้รถเสตอะๆ อย่างนั้นนะ จะนั่งเมื่อไหร่ก็นั่งได้"
"แต่นั่งสบายกว่ารถสปอร์ตของคุณมากเลย" ท่านหญิงว่า
วิศาลมองรัตนาวดีอย่างสงสาร
"แต่หม่อมว่าฝ่าบาทชอบนา...ดีกว่าไอ้รถบุโรทั่งคันนั้นตั้งเยอะ"
ท่านหญิงรัตนาวดีคอแข็ง จ้องมองไปที่วิศาลแบบจะเอาเรื่อง...วิศาลเห็นว่ารัตนาวดีเอาจริง หลบสายตา..
จะเห็นวิศาลค่อยๆ ขับรถเข้ามาแบบช้าๆ มายังถนนหน้าทางเข้าโรงแรม
ณ ปราสาท เชอนองโซ (Chenonceau) ป้าสร้อยนั่งมองปราสาทด้วยสีหน้าดีขึ้น ท่านชายดนัยวัฒนาในบทบาท นายเล็กกำลังรินโกโก้อุ่นๆ จากกระติกส่งให้
"โกโก้ร้อนครับคุณสร้อย...ดื่มแล้วจะสดชื่น"
สร้อยอดมองนายเล็กอย่างขอบใจไม่ได้
"ขอบใจมากนะนายเล็ก...เธอนี่เป็นคนจิตใจดีจริงๆ"
นายเล็กเขิน รัตนาวดีแอบยิ้มๆ
"ถ้าท่านหญิงอยากเดินชมปราสาทก็ไม่ต้องคอยหม่อม หม่อมนั่งดูตรงนี้ก็ประทับใจแล้ว"
หม่อมเจ้าหญิงรัตนาวดีกับท่านชายดนัยวัฒนาพายรอดสะพานของตัวปราสาท
"นายเล็ก...เล่าประวัติเชอนองโซ หน่อยสิจ้ะ...ฉันรู้แต่ว่า พระเจ้าอองรียกให้สนม"
"กระหม่อม…พระเจ้าอองรีที่ 2 โอรสของพระเจ้าฟรังซัวร์ที่ 1ซึ่งเป็นผู้ที่โปรดให้ก่อสร้างปราสาท ชองบอร์ดที่เราไปดูมาแล้ว"
"อ๋อ..คิงซาลาแมนเดอร์"
ท่านชายกลั้นหัวเราะ
"พระเจ้าอองรีที่ 2 ทรงอภิเษกกับ นางแคทเธอรีย เมดิซี แต่กลับทรงโปรดสาวงามที่มีอายุมากกว่าพระองค์สิบกว่าปี ชื่อ ไดแอนด์ เดอร์ ปอยเตียร์เยร์ ถึงกับยกปราสาทเชอนองโซนี้ให้กับสนมไดแอนด์"
"อย่างนี้เมียหลวงไม่แค้นแย่เหรอ"
"แค้นสิครับ..พระนางแคทรีน เดอร์ เมดิซี เป็นราชินีที่ได้ชื่อว่าโหดร้าย เลือดเย็น...เอาไว้ให้เราไปที่ปราสาทบลัวร์แล้ว หม่อมจะเล่าเรื่อง พระนางแคทรีน เมดิซีให้ฟัง"
"ปราสาทนี้เป็นแบบเรเนสซองที่สวยมาก"
ท่านชายมองรัตนาวดีอย่างชื่นชม
"กระหม่อม…บางคนยกย่องให้เป็น อัญมณีแห่งยุคเรเนสซอง พระสนมดิอานโปรดปราสาทแห่งนี้มาก...และได้สร้างสะพานเชื่อมจากปราสาท ไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำแชร์"
ท่านชายดนัยวัฒนาพารัตนาวดีเดินมาดู อีกด้านของปราสาทเชอนองโซ ที่เป็นสะพานข้ามแม่น้ำแชร์
"พอพระเจ้าอองรีที่ 2 เสด็จสวรรคต พระนางแคทเธอรีนได้ยึดปราสาทเชอนองโซจากพระสนมดิอาน และเสด็จมาประทับที่นี่แทน...พระนางได้สร้างปราสาทสอง ชั้นเหนือสะพานที่พระสนมดิอานสร้างไว้"
"เป็นการข่มว่าฉันต้องอยู่เหนือเธอ"
ท่านดนัยยิ้ม
"ผู้หญิงนี่ไม่ยอมกันจริงๆ กระหม่อม"
ท่านหญิงรัตนาวดีหันมามอง
"ผู้ชายก็ต่อสู้แย่งชิงเหมือนกันนะแหล่ะ"
"ถ้าสิ่งที่ต้องต่อสู้แย่งชิงมาเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่ง ยังไงก็คงยอมกันไม่ได้"
รัตนาวดีหลบสายตาท่านชาย แล้วก็พยายามเตือนสติตัวเอง
"ฉันว่าเรารีบกลับไปหาป้ากันได้แล้ว...ถ้าเราหายมานานป้าจะบ่นไม่เลิกแน่ๆ"
รัตนาวดีก้มหน้ารีบเดินหนีไปด้วยความรู้สึกที่ต่อสู้ในใจมากขึ้น ท่านดนัยมองแล้วรีบเดินตาม
อ่านต่อหน้า 4
รัตนาวดี ตอนที่ 5 (ต่อ)
ท่านดนัย พารัตนาวดี กับป้าสร้อย ไปถ่ายรูปสถานที่สวยงาม ในปราสาทเชอนงโซ และ ในริมแม่น้ำ
ท่านชายดนัยวัฒนาถ่ายรูปรัตนาวดีเดี่ยว และ บางครั้งก็ถ่ายรัตนาวดี กับ ป้าสร้อย มีชายหนุ่มเดินผ่านมาหวังดี จะถ่ายรูป รัตนาวดี กับ ท่านดนัย ตอนป้าสร้อยเผลอ ท่านดนัย จึงได้ถ่ายรูปกับรัตนาวดี พอดีป้าสร้อยหันมาเห็นโวยวาย เสียงชัตเตอร์กับภาพทีได้มา เป็นภาพท่านดนัย และ รัตนาวดี ที่มีสีหน้ามีความสุขทั้งสองคน แต่เห็นหน้าป้าสร้อย ที่มีสีหน้าเคร่งเครียดอ้าปากร้องห้าม
วิศาลนั่งกินไวน์อยู่ในร้านกึ่งผับด้วยสีหน้าบูดบึ้ง พุทธนั่งกินกาแฟ แอบมองวิศาลด้วยสีหน้าสมเพช
"ถ้านายอยากชนะใจท่านหญิงนายต้องปรับตัวหน่อยนะ"
วิศาลมองพุทธอย่างไม่พอใจ
"เรื่องอะไร....ถ้าท่านหญิงจะชอบกัน...ก็ต้องชอบที่เป็นตัวกันซิ"
"ปัญหามันก็อยู่ที่ท่านหญิงไม่โปรดตัวตนนายน่ะซิ...ยิ่งตอนนี้ป้าสร้อยยิ่งไม่ชอบนายใหญ่"
วิศาลกินไวน์ท่าหยิ่งมาก
"จะไปสนใจยายแก่นั่นทำไม...นี่ถ้าอยู่กรุงเทพนะ...ให้ป๋าเอาคนมาอุ้มแล้ว"
วิศาลพูดอย่างแค้น พุทธหันขวับมามอง รู้สึกไม่เห็นด้วย แต่ก็พยายามใจเย็น
"ท่านหญิงนะ...เป็นราชนิกุล...ท่านไม่ชินกับชีวิตแบบของนาย กับป้าสร้อย..นายไม่สังเกตเหรอว่าท่านหญิงให้เกียรติป้าสร้อยขนาดไหน...ดูแต่ไอ้เล็ก...ยังไม่กล้ากับป้าสร้อยเลย"
วิศาลมองหน้าพุทธไม่พอใจ
"อย่าเอาไอ้กระจอกนั่นมาเทียบกับกันหน่อยเลยวะ...มันเป็นใครกันเป็นใคร...ถามหน่อย...กันลูกใคร...ท่านหญิงน่าจะรู้ดี การที่กันยอมท่านหญิงขนาดนี้นะ...ดีแค่ไหนแล้ว"
พุทธเริ่มเบื่อระอา
"ตามใจ…คิดให้ดีนะ ถ้าอยากชนะใจท่านหญิง ควรจะทำไง"
"จะให้ทำยังไง"
"ถ้านายไม่ไปง้อป้าสร้อย...ท่านหญิงไม่มีทางมาประทับที่รถนายอีกแน่นอน"
วิศาลทำท่าสยดสยอง
"อี๋ยยย์....ง้อยายป้านั่นเหรอ"
"ใช่…ถ้านายผ่านด่านป้าสร้อยไม่ได้...อย่าหวังว่าจะชนะใจท่านหญิง...คนฉลาดๆ เค้าก็ต้องทำอย่างนั้นนะแหล่ะ"
วิศาลทำหน้าเบื่อหน่าย...
ท่านหญิงรัตนาวดีแต่งชุดสบายๆ นั่งแปรงผมอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง สร้อยเดินเข้ามาหา รัตนาวดีหันไปยิ้มให้
"ป้าจะนอนแล้วเหรอคะ"
"ก็ว่าจะนอนเพคะ...วันนี้ก็เหนื่อยเต็มที"
รัตนาวดีนั่งแปรงผมต่อ ป้าสร้อยรีรอนิดหนึ่ง แต่ก็ตัดสินใจพูดต่อ
"หม่อมฉันมีเรื่องอยากทูลท่านหญิง"
รัตนาวดีหันมา
"เรื่องอะไรคะ...ทำไมป้าดูเครียดจัง"
"คือ…ท่านหญิงคิดว่านายเล็กเค้าเป็นยังไงเพคะ"
"ก็ไม่เห็นเป็นไงนี่คะ....ป้าไม่สบายใจเรื่องอะไรคะ"
"คือ…หม่อมฉันไม่ค่อยสบายใจที่บางครั้งเค้ามาใกล้ท่านหญิงมากไป"
รัตนาวดีนิ่งไป
"ใกล้มากไป....ป้าคะ...เราพูดเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะคะ"
รัตนาวดีหันหน้าหนี เกิดความเงียบที่น่าอึดอัด มีเสียงเคาะประตู
"เอ๊ะ…ใครมาเคาะประตู หม่อมฉันไปดูเองเพคะ"
สร้อยเดินไปหน้าประตู ค่อยๆ แง้มประตูออกดู วิศาล กับพุทธยืนอยู่
"อ้อ..มีอะไรจ้ะ"
วิศาลหน้าแดงก่ำเพราะเริ่มเมาแล้ว พูทธยืนอยู่ข้างๆ ในมือวิศาลมีห่อของขวัญเล็กๆ ทั้งสองคนพยายามยิ้มแย้มเอาใจ
"จะพบท่านหญิงเหรอ"
"เปล่าครับ...เอ้อ...ผมจะมาพบคุณป้าสร้อยน่ะครับ"
"พบป้า."
"ครับ…ผมจะมาขอโทษคุณป้าสร้อย...ที่ทำให้ไม่สบายเพราะไปนั่งรถผม...ผมเลย....เอ้อ"
วิศาลยื่นห่อของนั้นให้ป้าสร้อย
"ขอมอบของเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณป้าสร้อยครับ...ถือว่าเป็นการขอโทษของผมก็แล้วกัน"
"คือ…วิศาลเค้ารู้สึกเสียใจครับ" พุทธบอก
"ไม่ต้องหรอก...แค่ต่อไปขับรถให้ดีๆ ก็แล้วกัน"
"คุณป้าสร้อยกรุณารับของนี้ไว้ด้วยเถิดครับ...ผมจะได้สบายใจว่ายกโทษให้"
สร้อยรับของมา
"ขอบใจมากนะ...ความจริงแค่คำขอโทษก็พอแล้ว"
วิศาล กับ พุทธดีใจ
"แปลว่าคุณป้าสร้อย ยกโทษให้ผม....ยอมให้ท่านหญิงมาประทับขับรถของผมได้ใช่ไหมครับ"
ป้าสร้อยมองวิศาลนิ่ง
ท่านชายพจน์ปรีชานั่งอ่านจดหมายอยู่ที่วังศิลาขาว
"ท่านพี่เพื่อนรัก....กระหม่อมได้พาน้องหญิงมาเที่ยวที่ปราสาทลุ่มแม่น้ำลัวร์ ตอนนี้คณะเรามีสมาชิกมาเพิ่ม คือนายวิศาลกับเพื่อน ชื่อนายพุทธ ตามมาจากอังกฤษ คนที่มีพ่อเป็นคนใหญ่คนโตอย่างที่หม่อมเลยทูลฝ่าบาทไปแล้ว นายนี่อยากเป็นนักขับรถแข่ง มีรถสปอร์ตและพยายามขับเป็นบ้าเป็นหลัง ถึงกับพาน้องหญิง กับคุณสร้อยไปนั่งรถเขา แต่กลับโดนคุณสร้อยบ่นซะชุดใหญ่ว่าจะไม่ขอญาติดีด้วยอีก ด้วยเวียน
หัวแทบเป็นลม....ทีแรกหม่อมก็ดีใจที่นายวิศาลคนนี้จะไม่มาเกาะแกะน้องหญิงอีก...แต่ตอนนี้ไม่รู้นายนี่ไปทำท่าไหนคุณสร้อย กับ น้องหญิงกลับมาญาติดีด้วยถึงกับให้มาร่วมขบวนกับเราอีก
แต่พอมาคราวนี้ นายวิศาลยอมถอดฟอร์ม กลายเป็นจ๋องไปเลย มาคอยเอาอกเอาใจคุณสร้อยเสียยกใหญ่"
วิศาล เอาใจป้าสร้อยคอยถือของให้ ทำท่าเรียบร้อยมาก เดินตามป้าสร้อย กับรัตนาวดีต้อยๆ เข้าโรงแรมที่พัก
วิศาลเลื่อนเก้าอี้ให้ป้าสร้อยนั่ง แล้วรีบมาเลื่อนเก้าอี้ให้รัตนาวดีที่ร้านขนม
วิศาลขับให้รัตนาวดีกับป้าสร้อยนั่งแบบช้าๆ มีป้าสร้อยนั่งดูข้างทางด้วยสีหน้าพอใจmมีพุทธคอยบริการน้ำ ขนม ป้าสร้อยหัวเราะพอใจ
"ป้าสร้อยก็พอใจ ยอมให้นายวิศาลหัดให้นางฟ้าของกระหม่อมขับรถของเขา"
วิศาลซื้อหนังสือมาให้ท่านหญิง ท่านหญิงพอใจ ป้าสร้อยก็เชียร์ไปด้วย ป้าสร้อยหันมามองท่านชายดนัยวัฒนาที่แอบมองรัตนาวดีอย่างน้อยใจ
"คุณสร้อยเหมือนจะกันไม่ให้หม่อมเข้าใกล้น้องหญิง ทำเอาหม่อมชักจะท้อแท้ในฐานะของหม่อมที่เป็นแค่นายเล็ก"
รัตนาวดี เดินไปกับ วิศาล และ พุธ ที่หน้าปราสาทแห่งหนึ่ง มีป้าสร้อยเดินตาม โดยไม่สนใจท่านดนัยที่เดินตามหลังห่างๆ
"น้องหญิงก็ดูจะมองไม่เห็นหม่อมเลย...มาคิดๆ ดูแล้ว หม่อมอยากจะสารภาพความจริงกับน้องหญิงเสียที ถึงท่านจะโกรธก็คงต้องยอม...หม่อมเบื่อเป็นนายเล็กเต็มทีแล้ว"
ในห้องพัก ม.จ. ดนัยวัฒนาที่โรงแรม เป็นห้องพักเตียงเดี่ยวขนาดห้องไม่ใหญ่ ท่านชายนั่งเขียน
จดหมายอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือ หยุดเขียนสีหน้าเศร้าหมอง แกะห่อแซนวิชที่น่าทาน ออกมาทานกับไวน์.......
วิศาลพารัตนาวดีเดินมาที่โต๊ะอาหารซึ่งมีป้าสร้อย กับพุทธ นั่งคอยอยู่ บ๋อยจะเลื่อนเก้าอี้ให้รัตนาวดี
แต่วิศาลห้ามไว้และเลื่อนเก้าอี้ให้รัตนาวดีเอง สีหน้าป้าสร้อยยิ้มแย้ม
"หม่อมฉันให้คุณพุทธสั่งอาหารถวายแล้วเพคะ...แหม.. คุณพุทธก็พูดฝรั่งเศสเก่งนะ"
พุทธเขิน
"ก็พอได้นิดหน่อยครับ"
วิศาลเริ่มโอ่
"ก็ไม่นิดหน่อยหรอกครับ...ผมน่ะเก่งอังกฤษ แต่พุทธเค้าได้ฝรั่งเศสด้วย…ถึงต้องพาเค้ามาด้วยครับ"
รัตนาวดียิ้มๆ เป็นเชิงรับรู้
"ป้าสั่งอะไรให้หญิงคะ"
สร้อยยิ้มเอาใจ
"ฟิเลมิญองเพคะ...ป้ารู้ทัย"
"ความจริงวันนี้หญิงอยากทานปลามากกว่า"
ป้าสร้อยหน้าเหรอ...วิศาลทันที
"สั่งใหม่...พุทธ..เร็ว..สั่งใหม่"
"ไม่ต้องหรอกค่ะ."
"คงยกเลิกไม่ทันแล้วค่ะ...เพราะสั่งไปนานแล้ว" สร้อยบอก
"ไม่ต้องยกเลิกครับ...พุทธ..สั่งใหม่..ท่านหญิงโปรดเสวยปลาอะไรดีหม่อม...เทราส์ หรือ แซลมอน"
"ถ้างั้นผมไปตามให้เค้ามารับออเดอร์ใหม่เอง"
พุทธทำท่าจะลุกไป รัตนาวดีพยายามห้าม แต่ไม่มีใครฟัง ทั้งสามคนดูเอาใจวุ่นวาย รัตนาวดีเริ่มรำคาญ หันซ้าย ขวา
"นายเล็กหายไปไหนคะ"
ทั้งโต๊ะนิ่งเงียบ
"เอ้อ…ตั้งแต่เข้ามานั่งที่นี่ยังไม่เห็นนายเล็กเลย"
พุทธพยักเพยิดเห็นด้วย
"ปล่อยๆ เค้าไปบ้างเถอะหม่อม ผู้ชายหนุ่มๆ เค้าก็คงอยากไปหาความสุขของเค้าแถวๆ นี้บ้าง...ใช่ไหมพุทธ"
พุทธทันที
"อ๋อ..ใช่..ถนนด้านหลังมีผับเยอะ"
วิศาล หัวเราะกับพุทธอย่างมีความหมาย รัตนาวดีแอบทำหน้ายุ่งยากใจ...
อ่านต่อตอนที่ 6