xs
xsm
sm
md
lg

แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 14

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 14 
ปราณนต์วิ่งมาที่หน้าออฟฟิศแล้วก็ต้องชะงัก เพราะรุ้งลดายืนอยู่ที่ประตู รุ้งลดาปรายตามาเห็นก็พยายามส่งสัญญาณบอกว่าเข้าไม่ได้ และพยักหน้าบอกทำนองว่าองศาอยู่โน่น

ปราณนต์มองเข้าไปไม่เห็นก็คิดๆ แล้วก็มองหาทางหนีไฟ ปราณนต์รีบวิ่งไปอีกทาง รุ้งลดางงว่าไปไหน พริบพราวคุยโทรศัพท์เสียงสั่น
“พี่ลิป..พราวอยู่ด้านใน พราว”
องศารำคาญจึงดึงโทรศัพท์มาคุย “โอ้ย ชักช้า” องศาพูดเอง “ไอ้ลิป ถ้าไม่อยากให้อีนี่ตาย รีบเอาเอกสารทั้งตัวจริง ทั้งสำเนา ทุกสิ่งอย่างมาให้ฉันที่ออฟฟิศเดี๋ยวนี้ มาให้เร็วที่สุด ถ้าฉันรอไม่ไหว แกก็มาเก็บศพลูกน้องแกเองก็แล้วกัน”
องศากดวางไปทันที


ลิปดาวางสายตาม ลิปดาคิดแล้วหันมาบอกอวัศยา
“ศยาคุณอยู่ตรงนี้นะ ไม่ต้องเข้าไป พยายามติดต่อตำรวจให้ได้ และอย่าเข้าไปจนกว่าจะมีตำรวจมา” อวัศยาทำตาดื้อใส่ ลิปดารู้ทัน “รู้หรือเปล่า”
อวัศยาจำใจ “รู้แล้ว ไม่เข้าไปหรอกน่า”
“ดี..ที่ผมไม่อยากให้คุณเข้าไป...เพราะผม...เป็นห่วงคุณ”
ลิปดาพูดอย่างจริงใจสุดๆ ความเป็นห่วงพุ่งออกมาทางสายตา อวัศยาอึ้งไปชั่วขณะ ลิปดารีบวิ่งเข้าตึกไป อวัศยายังอึ้งอยู่ ลิปดาหันมาแล้วทำมือบอกให้ “โทร.เลย”
อวัศยารู้ตัว “โอเคๆ โทร.เลย”
อวัศยารีบกดโทรไปหาตำรวจทันที


ปราณนต์วิ่งหาจนเจอทางหนีไฟ เขามองซ้ายมองขวาสำรวจอย่างรวดเร็วและเริ่มเห็นทางที่จะเข้าไปได้ เสียงข้อความเข้าดังขึ้น ปราณนต์รีบเปิดอ่าน
“รุ้ง” ปราณนต์อ่าน “พี่องศามีปืน”
ปราณนต์หน้าเสียเพราะเป็นห่วงพริบพราวขึ้นจับใจ เขารีบตั้งสติวิ่งกลับไปที่ประตูทางเข้าด้านหน้าเพื่อไปเจอลิปดาทันที


รุ้งลดากำลังหันหลังกดส่งข้อความ องศากระชากมือถือของเธอไปทันที รุ้งลดาตกใจ
“กล้าเล่นแบบนี้กับกูเหรอ”
องศาตบรุ้งลดาเต็มแรง รุ้งลดาล้มลง
“โอ้ย”
รุ้งลดาล้มลงมากองด้วยความเจ็บปวด พริบพราวที่อยู่ไม่ห่างมากมองแล้วก็อึ้งเพราะอดสงสารไม่ได้ องศาจะเข้ามาซ้ำ
“บอกมาส่งข้อความหาใคร” องศาถาม
“เปล่า...รุ้งไม่ได้ส่ง” รุ้งลดาบอก
องศาตบอีกที “จะบอกไม่บอก”
รุ้งลดาร้อง “โอ้ย”
“จะบอกมั้ย” องศาง้างมือ
พริบพราวทนไม่ได้จึงพุ่งเข้าไปแล้วจับมือองศาไว้ “พอได้แล้ว ผู้ชายเฮงซวย ทำร้ายแม้กระทั่งผู้หญิงที่รักตัวเอง ไอ้เลว”
รุ้งลดาสะอึกและอึ้งที่พริบพราวเข้ามาปกป้องเธอ
องศาปรี๊ดแตก เขาสะบัดมือผลักพริบพราวล้มลงอย่างแรง “ไม่ต้องมาสาระแน”
พริบพราวล้มกระแทกพื้นจนหัวกระแทกโต๊ะอย่างแรง พริบพราวมึน
รุ้งลดาร้องออกมาด้วยความเป็นห่วง “พราว”
พริบพราวมึนแต่เห็นรุ้งลดามองมาด้วยความเป็นห่วง พริบพราวรู้เลยว่าความขัดแย้งที่ผ่านมาได้หายไปแล้ว

ลิปดาวิ่งเข้ามาหยุดที่ประตูทางเข้าด้านใน ปราณนต์วิ่งกลับออกมาเจอกัน ทั้งสองปรึกษากันเสียงเบาๆ
“เมื่อกี๊พี่องศาโทร.มาบอกให้ผมเอาเอกสารมาแลกตัวพราว แต่ผมไม่ได้เอาเอกสารมา”
ปราณนต์คิดแล้วหันไปเห็นกองกระดาษเก่าๆ ซองเอกสารเก่าๆ รอทิ้งวางอยู่
ปราณนต์ถาม “แทนได้มั้ยครับ”
ลิปดาหันไป “เป๊ะ”
ลิปดารีบพุ่งเข้าไปและหาซองที่ใกล้เคียง เขาเอากระดาษยัดเข้าไป ปราณนต์อธิบายแผน
“เดี๋ยวบอสเข้าทางประตูหน้านะครับ เมื่อกี๊ผมไปสำรวจมาแล้ว มีทางหนีไฟที่ทะลุเข้าไปด้านในได้ ผมจะเข้าทางนั้น บอสดึงความสนใจองศาไว้ ผมจะหาจังหวะช่วยพราวเอง .. เอ้อ บอสระวังด้วยนะครับ รุ้งบอกว่าองศามีปืน”
“โอเค”
ลิปดารับคำ ปราณนต์รีบวิ่งไปทางเดิม ลิปดาเอาเอกสารยัดให้ดูเหมือนเอกสารจริงเพื่อพร้อมลุย

อวัศยายืนโทรศัพท์อยู่ที่หน้าตึกแล้วก็เพิ่งมีคนรับสาย
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมีเหตุด่วนต้องการความช่วยเหลือค่ะ”

องศาดึงเข็มขัดออกจากกระโปรงรุ้งลดาแล้วมัดรุ้งลดาไว้กับขาโต๊ะ
องศาขู่ “อยู่นิ่งๆ อย่าสร้างปัญหา ไม่งั้นเจอหนักแน่”
รุ้งลดามองสู้ตา ความเกลียดชังประดังเข้ามาอย่างรุนแรง
เสียงลิปดาดังจากด้านหน้า
“พี่องศา !! ผมเอาเอกสารมาให้แล้ว”
องศาหันขวับแล้วรีบลุกไป พริบพราวยังนั่งมึนๆ องศาเดินมาแล้วก็หิ้วปีกให้ลุกขึ้น
พริบพราวงง “โอ้ย”
ลิปดายืนอยู่พร้อมซองเอกสาร องศาเดินมาโดยที่มือหนึ่งถือปืน มือหนึ่งลากพริบพราวมา ทั้งสองเผชิญหน้ากันอยู่คนละด้านของกระจก

ปราณนต์วิ่งมาตามทางเดินคดเคี้ยวของตึกและมาหยุดที่ป้ายหนีไฟอย่างรวดเร็ว เขาทั้งวิ่ง ทั้งกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง และมาเปิดประตูเข้าอีกทางด้านหนึ่ง

รุ้งลดาพยายามหาทางแกะเข็มขัดที่มัดมืออยู่
องศาเอาปืนจ่อพริบพราวแล้วอีกมือกดเปิดประตู
ลิปดาชูซองเอกสารและค่อยๆเดินเข้ามา
“โยนซองเอกสารมาตามพื้น ถ้าตุกติก อีนี่ตาย”
“ไม่ตุกติกแน่นอน พี่องศาใจเย็นๆ ค่อยๆคุยกัน”
“ไม่คุย !! โยนซองเอกสารมา”
ลิปดาโยนซองให้ไม่ได้เพราะเป็นซองปลอมจึงกลัวแผนแตก ลิปดามองหาปราณนต์ยังไม่มา
“ฉันบอกให้โยนมา หรืออยากให้มันตาย” องศากระชับปืนจ่อขู่
“โอเคๆ”
ลิปดาย่อตัวลงทำเป็นจะโยนเอกสารให้ แต่เขาก็เล็งๆ เพื่อดึงเวลา
“เร็วๆ”
ปราณนต์วิ่งเข้ามาด้านในได้สำเร็จก็เห็นรุ้งลดาโดนมัดอยู่ รุ้งลดาหันมาเห็น ปราณนต์จุ๊ปากให้เงียบแล้วเขาก็ค่อยๆเดินย่องไปด้านหลังขององศา
ลิปดากำลังย่อตัวจะโยนซองเอกสารแล้วก็เหลือบไปเห็นปราณนต์มาแล้ว ทั้งสองคนสบตากันแล้วส่งสัญญาณ รุ้งลดาหาทางขยับจนเข็มขัดที่เริ่มหลวมจะหลุด
“เฮ้ย เร็วๆหน่อย !! ลีลาอยู่ได้ นับหนึ่งถึงสามถ้ายังไม่ส่งมา ... อีนี่ตาย” องศาขู่
“ไม่ต้องนับ เอาไปเลย”
ลิปดาโยนเอกสารไปตามพื้น องศาก้มหยิบเอกสาร ปราณนต์กับลิปดาให้สัญญาณกันทางสายตา องศาเปิดเอกสารออกดู เสียงลิปดาดังขึ้น
“หมอบ”
พริบพราวหมอบ องศางง ปราณนต์เข้าชาร์จจากทางด้านหลัง องศาตกใจจึงลั่นไกปืน ปืนลั่น เปรี้ยง เสียงร้องกรี๊ดดังลั่น

อวัศยาตกใจและสะดุ้งเพราะเสียงปืน เธอเริ่มใจเสียเพราะคนแรกที่เป็นห่วงคือ “บอส” รถตำรวจแล่นมาแต่ไกลแต่ก็เกือบถึงแล้ว

ในออฟฟิศเงียบกริบ ปราณนต์ พริบพราว และลิปดายืนนิ่งอยู่ที่เดิม แล้วลิปดาก็ค่อยๆทรุดลงที่พื้น
“พี่ลิป”
องศาอึ้ง ปราณนต์ตั้งสติได้ก่อนก็รีบพุ่งเข้าชกที่หน้าองศาอย่างแรงและตามอัดแขนเพื่อให้องศาปล่อยปืนให้ได้ ปืนหล่นลงพื้น องศาจะรีบพุ่งไปหยิบ ปราณนต์สกัด พริบพราวรีบพุ่งจะไปเก็บแทนแต่พอมาถึงปืน รุ้งลดาก็เอื้อมมาหยิบ พริบพราวชะงักมองหน้ารุ้งลดา
ปราณนต์กับองศากำลังซัดกันนัว ในจังหวะที่องศาได้เปรียบกำลังจะซัดหมัดใส่หน้าปราณนต์ที่นอนอยู่ ก็มีปืนมาจ่อข้างหลัง
“พอได้แล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว”
องศาอึ้งก่อนจะหันมาเห็นรุ้งลดา “รุ้ง” องศาแค้น “ไม่ มันต้องไม่จบแบบนี้ ฉันต้องไม่แพ้”
องศาจะพุ่งเข้ามาหารุ้งลดาทันใดนั้นเสียงอวัศยาก็ดังขึ้น
“ทางนี้ค่ะคุณตำรวจ”
องศาตกใจจึงหันขวับไปมอง
อวัศยาเดินมาพร้อมกับตำรวจ
องศาช๊อคและพยายามจะหนีอย่างลนลาน พริบพราวหันมาเห็นพอดีก็รีบคว้าตัวไว้ องศาสะบัดจนพริบพราวล้มลง ปราณนต์เรียกด้วยความเป็นห่วง
“พราว”
องศาจะหนี รุ้งลดากัดฟันเล็งที่ขาของเขาแบบกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะลั่นไกเปรี้ยง องศาล้มลง
“โอ้ย” องศาร้อง
ตำรวจรีบเข้ามาประกบรุ้งลดาแล้วค่อยๆเอาปืนออก รุ้งลดามององศาด้วยความสมเพช องศาถูกตำรวจรวบตัวเพื่อพาออกไป รุ้งลดาทรุดนั่ง

ปราณนต์รีบประคองตัวขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปประคองพริบพราว พริบพราวมองปราณนต์ด้วยความแปลกใจ ที่เห็นปราณนต์เป็นห่วงเธอ ทั้งสองคนสบตากันความรู้สึกดีๆ ที่ยังคงอยู่
อวัศยาหันมาเห็นพอดีก็สะอึกนิดๆ และใจหายวาบ อวัศยารีบหันหลังหนีเหมือนไม่อยากเห็น
ทีมพยาบาลเข้ามาประคองตัวพริบพราวออกไป อวัศยานึกถึงลิปดาแล้วก็เริ่มรู้สึกตัวว่ายังไม่เห็นลิปดา ทีมพยาบาลกรูกันไปที่มุมหนึ่ง อวัศยาหันไปเห็นลิปดานอนจมเลือดอยู่ก็ตกใจ
“บอส !! บอส”
อวัศยารีบวิ่งไปดูด้วยความเป็นห่วง ปราณนต์หันมาเห็นพอดีก็เห็นตอนอวัศยาแสดงความเป็นห่วงลิปดา
“บอส..”
พยาบาลช่วยกันพยุงลิปดาลงเตียงและเข็นไป อวัศยาเดินตามไปแบบไม่รู้ตัว ความเป็นห่วงนำพาให้อวัศยาเดินตามลิปดาไปโดยไม่รู้เลยว่าปราณนต์แอบดูอยู่ตลอดเวลา ปราณนต์รู้สึกแปลกๆ และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกพิเศษที่อวัศยามีให้ลิปดา ปราณนต์เริ่มชะงักเพราะสงสัย

รถตู้ของครอบครัวเข้ามาจอดเทียบที่หน้าบ้าน แววก้าวนำลงจากรถ พริบพราวก้าวตามโดยที่อาการยังดูเปลี้ย ๆ และสะบักสะบอม ฟกช้ำดำเขียวตามตัว
“ทีหลังแม่ไม่ให้พราวเข้าไปยุ่งกับเรื่องอะไรแบบนี้อีกเป็นอันขาด แม่รู้ว่า.. พราวคิดดี แต่มันอันตรายเกินไป จะช่วยใครก็ต้องดูด้วยว่าเราพร้อมหรือเปล่า ที่แม่พูดเพราะแม่เป็นห่วงนะลูก” แววมองด้วยแววตาอ่อนโยน
พริบพราวยกมือไหว้ “พราวขอโทษค่ะแม่ พราวจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วค่ะ”
แววลูบหัว “แล้วนี่จะเดินทางเมื่อไหร่ ตกลงบริษัทที่ติดต่อจากต่างประเทศตอบกลับมาหรือยัง”
“ตอบมาแล้วค่ะ มีสี่ห้าบริษัทที่น่าสนใจเค้านัดให้พราวไปสัมภาษณ์เร็วๆนี้หล่ะค่ะ”
แววพยักหน้ารับทราบ “โอเค .. จะไปเมื่อไหร่ บอกนะ ถ้าแม่ไม่ติดงาน จะไปด้วย” พริบพราวยิ้มรับ “ไป..ไปทานข้าวกัน คุณพ่อ พี่ภูมิ รออยู่แล้ว” แววยิ้ม
“แม่คะ เดี๋ยวพราวตามเข้าไป พราวขอโทรศัพท์แป๊บนึงนะคะ”
แววพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไป พริบพราวหยิบโทรศัพท์ออกมากดจะโทรออกก็เห็นรูปปราณนต์ พริบพราวชะงักนิดๆ แต่พยายามตัดใจไม่คิดถึง เธอกดโทรหานิดา
“พี่นิดาคะ...พราวจะโทร.มาถามอาการของพี่ลิป .. พี่ลิปเป็นยังไงบ้างคะ”

ลิปดานอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง
ภาพในอดีตย้อนกลับมา เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยปฐมพยาบาลลิปดา อวัศยาเข้ามาดูด้วยความเป็น
ห่วง
“บอส บอส !! บอสอย่าเป็นอะไรนะ บอส”
สีหน้าอวัศยาเป็นห่วงลิปดาอย่างเห็นได้ชัด


ลิปดานอนกระสับกระส่ายและเพ้อออกมา
“ศยา...ศยา”
ลิปดาค่อยๆปรือตาขึ้น แล้วก็เห็นเงาลางๆ ของใครบางคนยืนอยู่ข้างเตียง
“ศยา”
ลิปดาโพล่งออกมาแต่แล้วสายตาลิปดาก็ค่อยๆ ปรับโฟกัสเห็นว่าเป็น “ปราณนต์” ที่ยืนอยู่ ลิปดาแปลกใจและจะลุกขึ้น แต่ก็เจ็บแผล
“โอ้ย”
ปราณนต์รีบบอก “ใจเย็นครับบอส หมอบอกว่าแผลที่ผ่าเอากระสุนออกจะอักเสบระบมไปอีกสักพัก”
ลิปดามองไปรอบๆ “โรงพยาบาล ? แล้ว...พราว..พี่องศา...ศยา”
“คุณองศาโดนจับดำเนินคดีไปแล้วครับ หลักฐานเพียบ ส่วนพราวหลังจากให้ปากคำเสร็จ คุณแม่ก็มารับกลับไป ... พี่ศยาอยู่ดูแลบอสจนถึงเช้า เพิ่งกลับไปเมื่อกี๊นี้เองครับ ให้ผมอยู่ดูต่อ”
“ศยาอยู่ดูแลผมถึงเช้า” ลิปดาดีใจแต่ก็ไม่อยากจะเชื่อ
ปราณนต์พยักหน้าแทนคำตอบ ลิปดาอมยิ้มดีใจ ปราณนต์เห็นรอยยิ้มลิปดาก็ชะงักและเริ่มเอะใจ
“บอส...มีอะไรหรือเปล่าครับ” ปราณนต์หยั่งเชิง
ลิปดาชะงักนิดๆ “เปล่าๆ ไม่มีอะไร .. ไม่มี” ลิปดายิ้มกลบเกลื่อนด้วยท่าทางเหนื่อยๆ เพราะยังเจ็บแผลและมึนยา
“อ้อ...วันนี้พวกนารากรจะมาเยี่ยมบอสนะครับ”
ปราณนต์พูดจบ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“สงสัยจะมากันแล้ว”
ปราณนต์รีบเดินไปเปิดประตู


ประตูห้องพักเปิดออก ปราณนต์เปิดมาเจอพริบพราวที่มาพร้อมกับกระเช้าดอกไม้เยี่ยมไข้
ปราณนต์กับพริบพราวต่างก็อึ้ง
ทั้งสองต่างเรียกชื่อกันพร้อมๆ กัน “ณนต์ / พราว”
ลิปดาได้ยินเสียงพริบพราว แว่บนั้น ความคิดเจ้าเล่ห์ก็เกิดขึ้น ลิปดาแกล้งหลับ
ทั้งสองคนยังอึ้งกันอยู่ ปราณนต์รู้ตัวก่อน
“เอ่อ...เชิญครับ”
ปราณนต์เบี่ยงตัวเปิดประตูให้พริบพราวเดินเข้ามา ลิปดาทำเป็นหลับและกรนเบาๆ
“อ้าว...พี่ลิปหลับ” พริบพราวถาม
“หือ แต่เมื่อกี๊ยังเพิ่งคุยกัน”
ลิปดาตั้งใจกรนให้ได้ยินเลย “คร่อกก” ทั้งสองคนมองหน้ากัน
“หลับจริงๆด้วย คงมึนยา” ปราณนต์ว่า
“งั้นฝากของเยี่ยมให้พี่ลิปด้วยนะคะ”
“ครับ” ปราณนต์รับของมาวางไว้
พริบพราวอึกๆอักๆ “เอ่อ...งั้นฉันกลับก่อนนะ”
ปราณนต์รีบเรียกไว้ “พราว เดี๋ยวก่อน”
พริบพราวหันมา ลิปดาหรี่ตาแอบมองอย่างลุ้นๆ ให้เคลียร์กัน
“เอ่อ...พราว...ผม”
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นรัวๆ ก๊อก ๆๆ ปราณนต์กับพริบพราวหันขวับ

อ่านต่อหน้าที่ 2


แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ประตูเปิดห้องพักลิปดาออกผัวะ รุจน์ ลิลลี่ นิดา พีระ และแสนดี เดินพรวดเข้ามา

“บอสครับ บอส บอส เป็นยังไงบ้าง”
ลิปดาทำหน้าเซ็งว่าพวกนี้มาจังหวะนี้ทำไม
พริบพราวกับปราณนต์งง พอทั้งห้าคนเห็นพริบพราวกับปราณนต์ก็ชะงัก
รุจน์เสียงดัง “ไอ้ณนต์ น้องพราว”
ลิปดาตื่นและลุกเลย “สวัสดีทุกคน”
พริบพราวกับปราณนต์หันมาทางลิปดา
“อ้าว บอส ตื่นแล้ว”
“เมื่อกี๊ยังเห็นหลับอยู่เลย” พริบพราวว่า
ลิปดาชะงักกึก “เอ่อ...ใช่ อ๋อ ก็.. เพิ่งตื่นน่ะ เสียงพวกนี้” ลิปดาโบ้ยให้พวกนารากร “ดังซะขนาดนั้น พอเข้ามา ผมก็เลยตื่น”
นิดา พีระ รุจน์ และลิลลี่โบ้ยให้กัน “นี่เลย บอกว่าให้เงียบๆ” ทุกคนโยนกันไปมา “แกแหละ เสียงดังสุดเลย”
ขณะที่ชาวนารากรกำลังโบ้ยกันนั้น แสนดีก็แอบมองพริบพราวด้วยความรู้สึกผิดแต่ก็ยังไม่กล้า
พูดอะไร เธอจดจ้องๆ อยากจะขอโทษ
นิดารีบเปิดประเด็นเข้าสู่การเยี่ยมไข้
“นิดาดีใจมากๆเลยนะ”
“หะ บอสโดนยิง พี่นิดาดีใจ” รุจน์งง
“ยัง !! ยังพูดไม่จบ ฟังก่อนสิ” นิดาหันมาทางลิปดา “นิดาดีใจมากๆเลยค่ะ พี่เห็นบอสยัง...” นิดาจะบอกว่า “ยังไม่ตาย” ก็เกรงใจจงพูดว่า “ยังอยู่ครบสามสิบสอง .. ตอนแรกที่นิดารู้ข่าวว่าบอสโดนยิง พวกเราตกใจกันมากเลยค่ะ” ทุกคนพยักหน้า
“ใช่ครับ นี่ถ้าบอสเป็นอะไรไป พวกเราตกงานแน่ๆ” พีระบอก นิดาสะกิด พีระรู้ตัว “เอ้อ แต่เราก็ยังห่วงบอสมากกว่าห่วงตัวเองนะครับ” ทุกคนรีบพยักหน้า
ลิปดาขำ “ขอบใจมาก”
พริบพราวพูดขึ้นอย่างสุภาพอ่อนโยน
“พี่ลิปคะ..พราวเอาของมาเยี่ยม..หายไวๆนะคะ..พราวขอตัวกลับก่อนนะคะ”
พริบพราวก้มหน้าจะไปด้วยความรู้สึกเจียมเนื้อเจียมตัว เพราะเธอยังไม่รู้ว่าคนอื่นรู้ความจริงแล้ว นึกว่าทุกคนยังเกลียดตัวเองอยู่ โดยเฉพาะปราณนต์ ทันใดนั้นเสียงแสนดีก็ดังขึ้น
“เดี๋ยวค่ะ น้องพราว” พริบพราวหันมา แสนดีพูดต่อ “เอ่อ...คือ.. พี่แสนดีอยากจะขอโทษ เอ่อ..พี่ขอโทษที่โยนความผิดเรื่อง” แสนดีจ๋อย “ถ่ายเอกสารประวัติลูกค้าให้น้องพราว .. แต่พี่สารภาพความจริงไปหมดแล้วนะ .. ทุกคนเข้าใจแล้วว่าน้องพราวไม่ได้เป็นคนทำ”
พริบพราวมองทุกคน ทุกคนพยักหน้าว่า “ใช่ๆ” พริบพราวมาหยุดมองที่ปราณนต์ ปราณนต์มองพริบพราวด้วยความรู้สึกผิดอย่างรุนแรง เขาอ้าปากจะพูดแต่แสนดีก็ชิงพูดต่อ
“เอ้อ อีกอย่าง พี่ต้องขอบคุณน้องพราวเรื่องที่ช่วยพี่จากนายองศา แล้วก็ยังพูดให้บอสรู้ว่าพี่โดนหลอก ทำให้พี่ไม่โดนไล่ออก แถมยังเสียสละตำแหน่งมาร์ฯให้พี่ แต่...พี่บอกบอสไปแล้ว พี่ขอคืน แล้วกลับไปทำงานเอกสารเหมือนเดิม พี่รู้ตัวแล้วว่าพี่ชอบงานเอกสารมากกว่า .. พี่ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ”
แสนดีพุ่งเข้ามากอดพริบพราวด้วยความซึ้งใจโคตรๆ น้ำตาปริ่ม ๆ พริบพราวก็ดีใจที่แสนดีเข้าใจจนน้ำตาคลอ

รันเดินออกมาพร้อมกับกระเช้าของฝาก
“ไปศยา !! ไปเยี่ยมบอสกัน”
อวัศยาที่อยู่ในชุดอยู่บ้านนั่งอยู่ที่โซฟาในสภาพไม่พร้อมจะไปไหน อวัศยานั่งเหม่อ
“อ้าว ศยา !! ทำไมไม่แต่งตัว”
“ฉันไม่ไป .. แกไปเหอะ เมื่อคืนฉันเฝ้ามาทั้งคืนแล้ว”
“แต่ตอนแกเฝ้า บอสหลับ เค้าไม่รู้เรื่อง ตอนนี้ตื่นแล้ว นิดาเพิ่งส่งข้อความมาบอกฉัน เพราะฉะนั้นไปเยี่ยมตอนนี้เลย”
อวัศยาส่ายหน้า “ไม่ไป...แกไปเหอะ เค้าจะรู้หรือไม่รู้..ก็ไม่เป็นไร” แล้วอวัศยาก็ล้มตัวลงนอนที่โซฟา
“อ้าว” รันมองอวัศยาที่ทิ้งตัวนอนที่โซฟาอย่างหมดอาลัยตายอยากแล้วก็ส่ายหน้า
รันจำต้องเดินออกไปคนเดียวทิ้งให้อวัศยาอยู่ในห้องตามลำพัง อวัศยาคิดถึงภาพที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
ตอนที่ปราณนต์รู้ความจริงเรื่องพริบพราวและแผนการณ์ ปราณนต์รีบเผ่นไปช่วย
ตอนในที่เกิดเหตุ ที่ปราณนต์ดูอาการพริบพราวด้วยความเป็นห่วง
เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เหล่านั้น อวัศยาก็ถอนหายใจและเริ่มครุ่นคิดถึงความรู้สึกของปราณนต์ที่มีต่อพริบพราว ทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามา อวัศยาโผล่ขึ้นมาดูก็เห็นรันเดินเข้ามา อวัศยาแปลกใจ
“เฮ้ย ไหนบอกว่าจะไปเยี่ยมบอส”
รันเดินมานั่งตรงข้าม “ฉันเปลี่ยนใจ ฉันให้มอเตอร์ไซด์เอาของไปส่งให้แทน ที่ฉันกลับมาเพราะจะมาจับเข่าคุยกับแก” แล้วรันก็จับเข่าจริงๆ “สรุปแกเป็นอะไร บอกมาให้หมด เอาให้เคลียร์”
อวัศยาชะงักเพราะไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงดี รันรอฟัง

บรรยากาศในห้องพักลิปดาเต็มไปด้วยความอบอุ่นและคึกคัก ลิปดาตัดบท
“เอาหล่ะ..ดูท่าทางว่าจะได้เคลียร์กันไปหลายเรื่อง เข้าใจกันดีแล้วนะ..มีใครอยากจะเคลียร์อะไรกันอีกมั้ย”
นิดาพูดเบาๆ “ตกลงเรามาเยี่ยมไข้ หรือมาประชุมเนี่ย บรรยากาศคุ้นๆ”
ลิลลี่ที่ใส่ชุดหลวมๆ และเซ็กซี่น้อยลงพูดขึ้น
“ขออีกเรื่องค่ะ” ลิลลี่แทรกเข้ามาแล้วก็จับมือพริบพราว “ลิลลี่ก็ต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจผิด อิจฉา ริษยา และก็อคติพราว แต่ตอนนี้ลิลลี่จะไม่คิดร้ายแล้วจ้ะ ลิลลี่จะคิดแต่เรื่องดีๆ”
รุจน์เข้ามาโอบลิลลี่เนียนๆ “ใช่ครับ .. ที่น้องลิลลี่คิดแบบนี้ก็เพื่อลูกของเรา”
ทุกคนหันขวับมาที่รุจน์และลิลลี่
นิดาตกใจ “ลูก นี่..อย่าบอกนะที่น้องลิลลี่อวบๆขึ้น เพราะท้อง”
ความสนใจเปลี่ยนจากพริบพราวมาเป็นรุจน์กับลิลลี่ทันที
ลิลลี่แย้ง “ไม่ใช่นะคะ ลิลลี่...ไม่ได้ท้อง.สักหน่อย” ลิลลี่โกหก
“แหม..อาการออกจะชัด ทั้งอ้วก ทั้งอวบแบบนี้ ใครดูก็รู้ว่าท้อง ถ้าน้องลิลลี่ไม่ยอมรับ พี่จะพาไปตรวจเดี๋ยวนี้เลย ไปตรวจกันเลยไป” รุจน์ว่า
“ไม่ไป ฉันไม่ตรวจ” ลิลลี่สะบัดมือออก
“ไม่กล้าตรวจ ก็เท่ากับยอมรับว่าท้อง”
“ก็จริงนะ ก่อนหน้านี้ ฉันยังแอบคิดเลย ยิ่งแกเหม็นคุณรุจน์ เหมือนญาติฉันเลย เหม็นผัวตัวเอง”
ลิลลี่เริ่มอึกอักๆ เพราะโกหกไม่ออกเนื่องจากโดนมัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
“ใช่ๆ พี่ก็คิด อาการเหมือนตอนพี่มีลูกเลย” นิดาบอก
แสนดีหันขวับมา “อ้าวนี่ พี่สองคนมีลูกกันด้วยเหรอ”
“มีสี่คน” พีระบอก “ส่งไปให้ยายเลี้ยงที่ต่างจังหวัด”
พีระกับนิดายิ้มแป้น รุจน์รีบแทรกเข้ามา
“ขอกลับเข้าประเด็นนะครับ คือ .. น้องลิลลี่...พี่อยากบอกว่า...พี่รู้พี่เห็นทุกอย่าง แต่พี่ไม่อยากบุ่มบ่าม กลัวว่าน้องลิลลี่จะปฎิเสธ แต่ตอนนี้พี่รุจน์พร้อมแล้ว.. พี่จะขอให้บอสที่ผมรักและเคารพนับถือดุจญาติผู้ใหญ่เป็นพยาน” รุจน์ว่า
รุจน์ลากลิลลี่มาที่เตียงของลิปดา ลิปดางงๆ ทุกคนขยับตาม พริบพราวยืนอยู่ที่เดิมซึ่งห่างจากความสนใจของทุกคนพอประมาณ
รุจน์คุกเข่าต่อหน้าลิลลี่ “น้องลิลลี่...ที่ผ่านมา พี่รักลิลลี่มาตลอด รักแม้ว่าน้องลิลลี่จะไม่สนใจ จะรังเกียจ หรือรำคาญพี่มากก็ตาม แต่พี่ไม่เคยเลิกรัก”
รุจน์เข้าโหมดซึ้ง ทุกคนในห้องเงียบกริบ พริบพราวที่ยืนห่างออกมาจากคนอื่นเห็นแล้วก็สะท้อนใจ
“สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา แม้น้องลิลลี่จะไม่ตั้งใจ แต่พี่ตั้งใจและพร้อมจะรับผิดชอบ ไม่ใช่ทำเพราะหน้าที่ แต่ทำเพราะพี่รักน้องลิลลี่จริงๆ ถึงไม่ท้อง พี่ก็อยากจะอยู่กับลิลลี่ตลอดไป..แต่งงานกับพี่นะครับ” รุจน์หยิบแหวนออกมา
ทุกคนเงียบกริบเพราะลุ้น พริบพราวน้ำตาซึมเพราะคิดถึงตัวเองแล้วก็เศร้า
ลิลลีน้ำตาร่วง “ไอ้พี่รุจน์บ้า...พูดขนาดนี้..เค้าจะไม่แต่งได้ยังไง”
คนในห้องปรบมือดีใจ
รุจน์หน้าบานมาก “จริงนะ แต่งจริงๆนะ” ลิลลี่พยักหน้า รุจน์ร้องลั่น “ไชโย”
นิดาต้องรีบจุ๊ปาก “เบาๆคุณรุจน์ เบาๆ ที่นี่โรงพยาบาล”
รุจน์รู้ตัว “ครับๆ งั้น...สวมแหวนเลยนะ”
ทุกคนพยักหน้า รุจน์สวมแหวน ลิลลี่น้ำตาร่วง คนอื่นๆ ดีใจแล้วก็ปรบมือเบาๆ
พริบพราวยิ้มและค่อยๆ ถอยและเดินออกไปอย่างเงียบๆ ลิปดาหันมาเห็นพอดีก็จะอ้าปากเรียกแต่เปลี่ยนใจหันไปทางปราณนต์
ลิปดาเรียกเบาๆ “ณนต์ ณนต์”
ลิลลี่กับรุจน์กอดกันอย่างมีความสุข ลิปดาพยักเพยิดส่งสัญญาณจนปราณนต์รู้ตัวจึงหันมา
“พราว” ลิปดาพยักเพยิดให้ตามพริบพราวไป
ปราณนต์งงๆ พอหันมาเห็นว่าพริบพราวไปแล้วก็เก็ทจึงหันมาทางลิปดาอีกที ลิปดาพยักหน้าให้ตามไป ปราณนต์พยักหน้ารับแล้วก็รีบตามไป

พริบพราวเดินออกมาที่หน้าโรงพยาบาล ปราณนต์รีบวิ่งตามมามองซ้ายมองขวาจนเห็นพริบพราวเดินอยู่ด้านหน้า ปราณนต์รีบวิ่งตามไปทันที พริบพราวเดินมาที่รถตู้ ประตูเปิด พริบพราวขึ้นรถตู้ไป
ประตูโรงพยาบาลเปิด ปราณนต์วิ่งออกมาแต่รถตู้ออกตัวไปแล้ว ปราณนต์วิ่งตามไปไม่ทัน
“พราว..พราว”
รถตู้ไปแล้ว
ปราณนต์รีบหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกหาพริบพราว
พริบพราวนั่งในรถด้วยสีหน้าเศร้าๆ โทรศัพท์ดัง พริบพราวหยิบมาดูเห็นชื่อ “ณนต์” พริบพราวคิดแล้วตัดสินใจตัดสายทิ้ง ปราณนต์ชะงักนิดๆ
“ไม่ยอมรับสาย”
ปราณนต์คิดแล้วก็กดส่งข้อความ พริบพราวนั่งอยู่ในรถได้ยินเสียงข้อความเข้า พริบพราวกดอ่าน
“.. พราว.. ผมรู้ว่าผมเข้าใจผิด ผมอยากขอโทษ”
พริบพราวอ่านแล้วก็คิดก่อนจะตัดใจไม่ตอบอะไรกลับไป
ปราณนต์รอ รอ และรอ แต่ก็ไม่มีอะไรกลับมา ปราณนต์รู้สึกค้างคาใจ

รันกับอวัศยายังนั่งคุยกันอยู่ในห้อง
“แกคิดว่าปราณนต์ยังรักพริบพราวอยู่ ? และเค้าไม่ได้มีความสุขเวลาที่คบกับแก” รันถาม
อวัศยาพยักหน้า
รันพูดต่อ “งั้นฉันถามกลับ....แล้วแกรักปราณนต์หรือเปล่า หรือว่าแกยังตัดใจจากบอสไม่ได้” อวัศยาชะงัก “แล้วแก...มีความสุขหรือเปล่า เวลาที่คบกับปราณนต์”
รันจัดชุดใหญ่ อวัศยาสะอึกเพราะพูดไม่ออก
“ฉัน ... ฉัน”
“ตอบไม่ได้ หรือไม่อยากตอบ”
อวัศยาอึ้งมองหน้ารันพร้อมกับคิดในใจ “แกจะรู้ใจฉันมากไปแหละ”
รันเห็นว่าไม่พูดแน่ๆ จึงตัดบท
“งั้นก็ไม่ต้องตอบฉัน .. แต่เธอต้องตอบตัวเองให้ได้ ... ตอนนี้หยุดหาคำตอบเกี่ยวกับความรู้สึกของปราณนต์ แล้วกลับมาหาความรู้สึกของตัวเอง”
อวัศยาอึ้ง นิ่ง และฟัง
รันใส่ต่อ “ถ้าคำตอบที่ได้ คือ .. เธอยังรักบอส และไม่มีความสุขเวลาที่อยู่ปราณนต์ ... เธอก็จะรู้เองว่าควรทำยังไงต่อไป ..จะไปต่อ หรือ จะหยุดแค่นี้”
รันทิ้งท้ายอย่างคมคาย อวัศยาอึ้งคิดตาม

ลิปดานอนอยู่บนเตียง เขาคิดถึงอวัศยา แล้วคำพูดของปราณนต์ก็ดังอยู่ในใจ
“พี่ศยาอยู่ดูแลบอสจนถึงเช้า เพิ่งกลับไปเมื่อกี๊นี้เองครับ”
ลิปดาถอนหายใจ
“เฝ้าข้ามคืน แต่ฟื้นแล้วไม่คิดจะมาเยี่ยม คุณจะแกล้งผมหรือไงศยา”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลิปดาหันขวับไปมองแล้วก็รู้สึกตื่นเต้น
“เชิญครับ”
ประตูเปิดเข้ามาเห็นว่าเป็น แจน
“หวัดดีลิป” แจนถือลูกโป่ง Get well soon มาด้วย
ลิปดามีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด “แจน”
“โห..หน้าตาผิดหวังแบบนี้ ต้องคิดว่าเป็นคนอื่นแน่เลย..คิดว่าเป็นคุณศยาใช่มั้ย”
ลิปดาเศร้า “เค้าไม่มาเยี่ยมผมหรอก แค่มาเฝ้าตอนผมหลับ พอจะตื่นก็ให้แฟนมาดูแลแทน”
แจนเห็นใจ “ลิป..อีกไม่กี่วันแจนจะย้ายไปอังกฤษกับแมทแล้ว แน่ใจนะว่าจะไม่ให้แจนไปเคลียร์กับคุณศยา ไปบอกเค้าเรื่องที่เราไม่ได้มีอะไรกันและลิปไม่ได้เป็นพ่อน้องเจมส์ บอกความจริงคุณศยาจะได้เข้าใจ”
ลิปดาส่ายหน้า “ความจริงไม่ได้ทำให้เค้าหันมารักผม บอกไปก็ไม่มีประโยชน์”
ลิปดาเศร้าใจ แจนเห็นใจสุดๆ จึงถอนใจออกมาเบาๆ

อวัศยาที่อยู่ในคอนโดมีเนียมของรันเริ่มทบทวน
เธอนึกถึงตอนที่คบกับปราณนต์และฝืนๆ เช่น ตอนที่จักรยานล้ม ตอนที่เดินกันในสวนสาธารณะ
เธอนึกถึงเหตุการณ์ความมีเยื่อใยระหว่างปราณนต์กับพริบพราว ตอนที่ปราณนต์ประคองพริบพราวที่บาดเจ็บ ตอนที่ปราณนต์ผิดหวังเรื่องพริบพราวกับเอกสารลูกค้า ตอนที่ปราณนต์รู้ว่าพริบพราวอยู่ในอันตรายและรีบออกไปทันที
อวัศยาคิดหนัก

ปราณนต์ก็เริ่มคิดหนักเรื่องอวัศยากับลิปดา
เขานึกถึงตอนที่อวัศยาพุ่งเข้าไปหาลิปดาตอนเห็นว่าเขาโดนยิง ตอนที่ลิปดาถามถึงอวัศยาหลังจากคบกัน ตอนที่ลิปดากระแหนะกระแหนเรื่องไปฮันนีมูน ตอนที่ลิปดาผวาตื่นพร้อมเรียกชื่อ “ศยา”
ปราณนต์เริ่มคิดหนัก

อ่านต่อหน้าที่ 3


 แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 14 (ต่อ)
ลิปดานอนเศร้าอยู่คนเดียวในห้องพัก

เขานึกถึงตอนที่อวัศยากับปราณนต์คบกันอย่างมีความสุข ตอนที่ทั้งสองปลอบใจกันหน้าออฟฟิศองศา ตอนที่ทั้งสองมายื่นใบลา ตอนที่เจอทั้งสองหน้าบ้านก่อนที่จะบอกเรื่องพริบพราว นึกถึงความเย็นชาและหมางเมินของอวัศยาที่ไม่สนใจเขา
ลิปดานอนถอนหายใจเศร้าๆ


พริบพราวเตรียมเอกสารใส่ซอง มีพาสปอร์ต จดหมายตอบรับเรื่องสัมภาษณ์งาน พริบพราวมองกระเป๋าเดินทางที่พร้อมไปแล้วก็เศร้า เธอคิดถึงปราณนต์ พริบพราวหยิบมือถือมาเปิดดูรูป
พริบพราวนึกถึงตอนที่ปราณนต์โดนชก และอวัศยาเข้ามาช่วยประคองออกไป ดูอวัศยาสามารถดูแลปราณนต์ได้เป็นอย่างดี
พริบพราวตัดสินใจกดลบรูปทิ้งเพื่อตัดใจ หน้าจอมือถือยังเป็นรูปคู่เธอกับปราณนต์แต่ก็โดนลบทิ้งไปจนหมด พริบพราวเศร้า

ทั้ง ๔ คนเศร้า สับสน และครุ่นคิดเมื่อคิดจากมุมของตัวเอง ทันใดนั้นก็มีเสียงข้อความเข้าดังติ๊งขึ้นพร้อมๆ กันทั้งสี่คน ทั้ง ๔ คนเปิดข้อความดูก็เห็นว่าเป็น อีการ์ด เชิญมาร่วมงานแต่งงานของลิลลี่
กับรุจน์
อวัศยา ปราณนต์ พริบพราว และลิปดาพูดพร้อมกัน “เชิญไปงานแต่งงาน”
ทั้งสี่คนหยุดคิดว่าจะไปหรือไม่ไปดี

งานแต่งงานรุจน์และลิลลี่เป็นงานเล็กๆ ที่จัดในสวนที่ร่มรื่น มีเต็นท์สีขาวอยู่กลางสวน โต๊ะเก้าอี้สำหรับแขกตั้งอยู่ในเต็นท์ รุจน์กับลิลลี่ยืนอยู่หน้าเต็นท์คอยต้อนรับแขก แต่แขกก็ยังมาไม่เยอะ
“น้องลิลลี่สวยมากๆเลย สวยเหมือนเจ้าหญิงเลยจ้ะ” รุจน์ชม
ลิลลี่เขิน “พี่รุจน์ก็หล๊อ หล่อ เหมือนเจ้าชายเลย” รุจน์ยิ้มกว้าง
แสนดีที่เดินออกมาจากเต็นท์ได้ยินพอดี
“โว้ว ! ไม่อยากเชื่อความรักทำให้ระดับรสนิยมของคนเราลดลงได้ด้วย เมื่อก่อนเห็นหน้ายังกะเห็นเชื้ออีโบล่า ตอนนี้...เป็นเจ้าชายซะงั้น” แสนดีว่า รุจน์กับลิลลี่บิดกันไปมาอย่างอายๆ “นี่ถามจริง ไปแอบกินกันตอนไหนเนี่ย” แสนดีถามตรงๆ
ทั้งสองคนบิดกันไปมา ลิลลี่ตอบอายๆ
“ตอนเมา”
แสนดีโพล่งออกมา “ว่าแล้ว ... สติสัมปัญชัญญะครบถ้วน คงไม่ได้กิน”
“แต่ตอนนี้..ไม่เมาก็กินนะ” รุจน์บอก
รุจน์กับลิลลี่หัวเราะกันคิกคัก แสนดีส่ายหน้าแบบไม่อยากจะเชื่อ พีระกับนิดาเดินออกมาจากเต็นท์แล้วตามมาสมทบ
“ในงานเรียบร้อยแล้วนะ โต๊ะ เก้าอี้ รูปภาพที่ติดในงาน อาหารก็เตรียมไว้เรียบร้อย อีกสักพักแขกคงเริ่มทะยอยมาแล้ว” พีระบอก
“ขอบคุณพี่พี พี่นิดา มากครับ ที่มาช่วยเราสองคน ไม่เหมือนบางคน ยืนไว้ผมหน้าม้าไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากเดินแกว่งหาเรื่องไปมา” รุจน์ว่า
แสนดีร้อนตัว “อ้าวๆๆ พูดงี้เดี๋ยวอดได้ซองหรอก”
ลิลลี่รีบปิดปากรุจน์ “เงียบเลยพี่รุจน์ ! พี่แสนดีอย่าถือสาเลยค่ะ พี่รุจน์พูดเล่นน่ะค่ะ”
นิดานึกได้ “เออ พูดถึงซอง เกือบลืม” นิดาหยิบซองมาส่งให้ “บอสฝากให้พี่เอามาให้ แล้วก็ขอโทษที่ไม่ได้มาเอง เพราะแผลยังไม่หายจ้ะ”
ลิลลี่กับรุจน์รีบรับมาทันที
“ซองบอส เปิดตอนนี้จะเสียมารยาทมั้ยอ่ะ” ลิลลี่ว่า
“คนกันเอง เปิดเลยแล้วกัน ไม่มีใครเห็นหรอก” รุจน์รีบเอาตัวบัง “พี่บังไว้ให้ เปิดเลย”
ลิลลี่รีบเปิดแล้วก็ร้องกรี๊ด รุจน์ตกใจรีบดูแล้วก็ช๊อค
“พี่รุจน์เรามีเงินส่งลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์แล้ว ได้แค่นี้คุ้มแล้ว ไป กลับบ้านเหอะ” ลิลลี่ว่า
ทุกคนร้องขึ้นมาพร้อมกัน “เฮ้ย กลับไม่ได้”
ลิลลี่ยิ้มกวน “บ้า ใครจะกลับ ล้อเล่นอ่ะ อิอิ”
แสนดีเหลือบไปเห็นแขกเริ่มมาก็พูดขึ้น
“เฮ้ยๆ เลิกเล่น แขกมาแล้ว ทำตัวเป็นการเป็นงานหน่อยเว้ยเฮ้ย”
แสนดีพูดจบ รุจน์กับลิลลี่ก็รีบสวมบทเจ้าบ่าวเจ้าสาว ลิลลี่หย่อนซองลิปดาลงกล่องแล้วก็รีบปั้นหน้าต้อนรับแขก แขกชุดที่หนึ่งมาถึงหน้าเต็นท์ รุจน์กับลิลลี่รีบยกมือไหว้เพื่อต้อนรับเข้างาน

รถอวัศยาแล่นเข้ามาจอด ปราณนต์เป็นคนขับ อวัศยาเปิดประตูรถลงมา อวัศยาตัดสินใจถามขึ้น
“เพิ่งรู้นะเนี๊ยว่าณนต์ขับรถเป็น”
“เป็นครับ แต่ไม่ค่อยได้ขับ เลยไม่ค่อยมีคนรู้ จะมีแต่คนสนิทๆที่รู้”
อวัศยาสะอึก ปราณนต์รีบแก้
“เอ่อ ผมไม่ได้หมายความว่า เราไม่สนิทกันนะครับ เพียงแต่...เราอาจจะไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ ก็เลยไม่รู้ แต่ตอนนี้พี่รู้แล้วก็ถือว่าเราสนิทกันแล้ว”
อวัศยาเก้อๆ “อ่อ โอเค .. ฉันเข้าใจ”
“งานจะเริ่มแล้ว ไปกันดีกว่าครับ”
อวัศยายิ้มเก้อๆ แล้วตัดสินใจถามอีกที
“ตั้งแต่วันที่ไปช่วยพราว หลังจากนั้นได้เจอกันอีกหรือเปล่า”
“เจอครับ” ปราณนต์ตอบ อวัศยาใจสั่น “วันที่พี่ศยาให้ผมเฝ้าบอส วันนั้นพราวแวะมาเยี่ยม มาแป๊บเดียวแล้วก็กลับ หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีกเลยครับ” ปราณนต์หันมาถาม “พี่ศยา..มีอะไรหรือเปล่า ทำไมอยู่ๆถึงได้ถามเรื่องพราว”
“เอ่อ...ก็ เห็นมีเรื่องเข้าใจผิดกัน เลยอยากรู้ว่าเคลียร์กันหรือยัง”
“ยังครับ..เหมือนเค้าหนีหน้าผม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม” ปราณนต์บอก อวัยาฟังแล้วคิดหนัก ปราณนต์หันมาถามอวัศยาบ้าง “แล้วพี่ศยาหล่ะครับ.. เคลียร์กับบอสหรือยัง”
อวัศยาสะอึกที่ปราณนต์ถามจี้ใจดำ
“เคลียร์อะไร ทำไมต้องเคลียร์ ไปได้ยินอะไรมาหะ” อวัศยาใส่รัวเป็นชุดด้วยอาการร้อนตัว
ปราณนต์งงนิดๆ “ผมไม่รู้อะไรเลย แต่รู้ว่า..ที่โรงพยาบาล ตอนบอสยังไม่รู้สึกตัว เค้าเพ้อชื่อพี่ด้วยนะครับ” อวัศยาใจเต้น ปราณนต์ถามตรงๆ “ตอนที่พี่ศยาย้ายไปอยู่กับบอส ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับคุณรัน .. มันมีอะไรหรือเปล่าครับ”
ปราณนต์รอคำตอบ อวัศยาใจเต้นแล้วก็หันหน้าหนีก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันว่า..เรารีบเข้างานกันดีกว่า..มีอะไรค่อยคุยกันต่อวันหลังนะ.. ไปเหอะ”
อวัศยาพูดจบก็รีบเดินไปเลย ปราณนต์งงๆ แล้วก็เริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ปรา
ณนต์พยายามไม่คิดตอนนี้แล้วก็รีบเดินตามไป อวัศยารู้สึกว่าอยู่ๆก็ทำตัวไม่ถูกด้วยอารมณ์เหมือน
ผู้ร้ายที่โดนจับได้ว่าทำผิดบางอย่าง เป็นความผิดที่อวัศยาเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไร ปราณนต์เดินมาข้างๆ อวัศยาแล้วก็ตั้งแขนขึ้น อวัศยามองแล้วก็พยายามดึงสติกลับมาก่อนจะควงแขนปราณนต์และเดินเข้าไปในงานด้วยกัน

อวัศยากับปราณนต์เดินควงกันมาที่หน้างาน ลมเริ่มมาจึงพัดกระโปรงอวัศยาปลิวสวยงาม
นิดาเห็นก่อนก็รีบสะกิดลิลลี่กับรุจน์
“คุณศยากับน้องณนต์มาแล้ว !! สวยหล่อมาทั้งคู่เลย” นิดาบอก
ทุกคนหันไปมองและยิ้มรับ ปราณนต์กับอวัศยายิ้ม
“พี่ศยาสวยจังเลยค่ะ มือถือๆ มาถ่ายรูป อัพไอจีก่อน”
ลิลลี่รีบควานหามือถือจากที่ซ่อนในชุดแต่งงานแล้วก็รีบถ่ายอวัศยากับปราณนต์ที่เดินมาด้วยกัน
อวัศยาและปราณนต์เดินมาคู่กันอย่างเท่ ลิลลี่ถ่ายแล้วก็รีบอัพทันที ปราณนต์และอวัศยาเดินมาถึงที่หน้างาน
“เฮ้ย ณนต์ แกหล่อมากเว้ย ถ้าวันนี้ไม่มีฉัน แกหล่อสุดในงานแล้ว” รุจน์ชม
แสนดี พีระ และนิดาอ้วกพร้อมกัน รุจน์ไม่แคร์ อวัศยาขำและมองซ้ายมองขวาหาลิปดาโดยไม่รู้ตัว นิดาเห็นก็พูดขึ้น
“วันนี้บอสไม่มาค่ะคุณศยา แผลยังไม่หายดี ฝากซองมาอย่างเดียวค่ะ”
อวัศยาสะดุ้งนิดๆ แล้วก็รีบแก้ตัว “ฉันไม่ได้มองหาบอส..ฉันมองหารันน่ะ รันมาหรือยัง”
ลิลลี่เห็นพอดี
“มาแล้วค่ะ นั่นค่ะ พูดถึงก็มาพอดีเลย” แล้วลิลลี่ก็อึ้ง “อู้ว้าว”
รันเดินควงมากับ “โจนาธาน” นายแบบหล่อ ล่ำ เกาหลีมากๆ รันควงหนุ่มและส่งจูบมาให้ชาวนารากรอย่างเปิดเผย
ลิลลี่ แสนดี นิดา พีระ และรุจน์อึ้งเล็กน้อย
“โอ้ว ควงกันมาแบบนี้ ไม่มีข้อข้องใจ ! แกรนด์โอเพ่นนิ่งกันเลยงานนี้ .. พี่รันของเรา สงสัยต้องเปลี่ยนจาก นายศรัญญู เป็นคุณศรัญญ่านับจากวันนี้” แสนดีว่า
ทุกคนยิ้มๆ ขำๆ อย่างรับได้และอารมณ์ดี ปราณนต์หันไปมองอีกครั้งแต่ครั้งนี้ปราณนต์ก็ต้องอึ้ง
เพราะด้านหลังรันและแฟนหนุ่มนั้นมีพริบพราวที่กำลังเดินมาในชุดราตรีหรู ดูสวยและสดใสสุดๆ
ความสวยของพริบพราวทำเอารันและแฟนหนุ่มกลายเป็นสิ่งที่ไม่อยู่ในสายตาของปราณนต์ไปเลย
ปราณนต์ยืนมองพริบพราวแล้วก็อึ้ง นิดาหันไปเห็นและเป็นคนพูดขึ้นมาเบาๆ
“น้องพราว”
อวัศยาหันไปมองก็เห็นพริบพราวเดินมา แล้วเธอก็หันมาที่ปราณนต์ด้วยสัญชาตญาณ อวัศยาอึ้งไปที่เห็นปราณนต์ยืนตะลึง ในจังหวะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นกับแขกที่มาใหม่นั้นเอง อวัศยาก็ค่อยๆแยกตัว
และเดินเข้าไปในงานอย่างเงียบๆ

อวัศยาเดินเข้ามาด้านในงานที่จัดอย่างน่ารัก ตกแต่งแบบเรียบง่าย รอบๆ งานมีรูปลิลลี่และรุจน์ห้อยอยู่ อวัศยาสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง
ภาพตอนที่ปราณนต์มองพริบพราวแล้วตกตะลึงแวบขึ้นมา คำพูดของปราณนต์ก็ซ้อนเข้ามา
“ที่โรงพยาบาล ตอนบอสยังไม่รู้สึกตัว เค้าเพ้อชื่อพี่ด้วยนะครับ ตอนที่พี่ศยาย้ายไปอยู่กับบอส ก่อนที่จะย้ายมาอยู่กับคุณรัน .. มันมีอะไรหรือเปล่าครับ”
ภาพตอนที่เธออยู่กับลิปดาที่คอนโดมีเนียมอย่างมีความสุขซ้อนเข้ามาเป็นชุดๆในความคิด
อวัศยาเครียด เด็กเสริ์ฟเดินผ่าน อวัศยาคว้าแก้วเชมเปญมาสองแก้วแล้วมองไปรอบๆ เพื่อหา
ที่ซ่อนตัว


ปราณนต์เริ่มรู้สึกตัวจึงหันมามองที่อวัศยาแต่อวัศยาไม่อยู่แล้ว ปราณนต์งงๆ เขามองซ้ายมองขวาแต่ก็ไม่เห็น ปราณนต์รีบเดินเข้าไปในเต็นท์เพื่อหาอวัศยา รันเดินมาถึงที่หน้างานพร้อมกับโจนาธาน “ทุกคนนี่โจนาธาน .. โจนาธานนี่คือทุกคน” รันรีบแนะนำมาก “รู้แค่นี้พอแล้ว นี่ซอง” รันส่งให้ลิลลี่กับรุจน์ “แค่นี้นะ เจอกันในงาน”
รันรีบลากโจนาธานเข้าไปในงาน แสนดีพยายามจะเกี่ยวและเหนี่ยวโจนาธานแต่ไร้ผล รันรีบปัดแขนแล้วลากเข้าไป พริบพราวเดินมาหาลิลลี่และรุจน์พร้อมกล่องของขวัญ
“ยินดีด้วยนะคะ” พริบพราวส่งของให้
“ขอบใจมากจ้ะ วันนี้พราวสวยจัง นี่ถ้าไม่รวมลิลลี่ เรียกได้ว่าพราวสวยที่สุดในงานเลยนะจ้ะ” พริบพราวยิ้มขำ
แสนดีส่ายหน้า “พอกันทั้งผัวเมีย”
ทุกคนหัวเราะ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและมีความสุข พริบพราวมองไปรอบๆ โดยในใจยังหวั่นๆว่าจะเจอปราณนต์มั้ย ถ้าเจอแล้วจะเป็นอย่างไร


ปราณนต์มองหาอวัศยาแต่ไม่เห็น เขาเดินมาเจอรันกับโจนาธานที่กำลังป้อนค็อกเทลกันไปมา
“คุณรันเห็นพี่ศยามั้ยครับ”
“ไม่นะ ศยามากับณนต์ไม่ใช่เหรอ” รันถามกลับ
“ใช่ครับ มาด้วยกัน แต่พอมาถึงก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน”
รันคิด “พี่ไม่เห็นนะ เดี๋ยวจะลองโทร.ถามให้แล้วกัน”
“ครับ ผมจะเดินหาอีกรอบนะครับ”
ปราณนต์เดินไป รันกดโทรหา อวัศยาปิดเครื่อง
“อ๊ะ ปิดเครื่อง” รันหันไปเห็นพริบพราวเดินเข้ามาในงาน “พราวสวยมากเลยอ่ะ .. ตายแล้ว กลิ่นชักจะไม่ค่อยดี” รันกดส่งข้อความทันที “ศยาแกอยู่ไหน รายงานตัวด่วน”
ปราณนต์เดินหาอวัศยาแต่ไม่ทันระวังทำให้เดินชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง
ปราณนต์กับผู้หญิงคนนั้นต่างคนต่างหันมา “ขอโทษค่ะ / ขอโทษครับ”
พอหันมาเห็นว่าเป็นพริบพราว ปราณนต์กับพริบพราวก็ตกใจ

อ่านต่อหน้าที่ 4


แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 14 (ต่อ)

อวัศยานั่งอยู่ที่มุมลับตาคนกับเชมเปญ ๒ แก้ว เธอกระดกแก้วที่ ๑ แล้วก็เริ่มมีอาการมึนวูบวาบตามประสาคนไม่ค่อยดื่ม


ลมพัดกรูเข้ามาที่หน้าเต็นท์จนกล่องใส่ซองเกือบจะปลิว รูปที่ตั้งอยู่ล้ม ลิลลี่กับแสนดีร้องลั่น
“เฮ้ยระวังๆ กล่องใส่ซองเดี๋ยวปลิว” ลิลลี่บอก
“เฮ้ยๆๆ รูปจะล้ม” แสนดีรีบจับรูป ส่วนลิลลี่จับกล่องใส่ซอง “แหม ห่วงแต่ซอง” แสนดีว่า
“น้องลิลลี่ทำถูกแล้วจ้ะ เก็บกล่องก่อนจ้ะ อย่างอื่นไว้ทีหลัง” รุจน์บอก
รุจน์กับลิลลี่ช่วยกันยกกล่องเข้าไป มีญาติมารอรับ ทั้งสองคนรีบพากันเข้าไปในเต็นท์ แสนดีส่ายหน้าแล้วก็ต้องหิ้วรูปเข้าไปให้แทน พีระกับนิดาก็ช่วยกันยกของชำร่วย สมุดเขียน ตามเข้าไปด้านใน
“เอ้า พี่พี..ถือถาดของชำร่วยค่ะ น่ารักนะเนี่ย” นิดาชม
“ใช่ น่ารักพี่ช๊อบชอบ นี่พี่ว่าลมฝนมาแบบนี้ สงสัยแขกจะมากันไม่เยอะ ถ้าเหลือ เราขอน้องลิลลี่ กับ น้องรุจน์กลับบ้านไปสักสิบยี่สิบอันเนอะ คนกันเอง คงไม่ว่า” พีระบอก
“อู้ย ไม่ว่าหรอกค่ะ เราช่วยซองมาตั้งเยอะ อิอิ”
นิดากับพีระขนของเข้าเต็นท์ไปอย่างมุ้งมิ้งๆ พอน่ารัก ทุกคนขนของย้ายเข้าไปในเต็นท์ ลมพัดแรงขึ้นจนเต็นท์เริ่มพะเยิบเหมือนจะปลิว

รูปที่อยู่ในเต็นท์แกว่งไกวไปมาจากแรงลมที่พัดแรงเข้ามาถึงข้างใน แขกเริ่มจะนั่งไม่เป็นสุขจึงช่วยกันจับผ้าคลุมโต๊ะที่พะเยิบๆ ปราณนต์กับพริบพราวยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของเต็นท์ ทั้งสองคนเริ่มมองรอบๆตัวและเห็นว่าลมมา ปราณนต์เริ่ม
“พราว...ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
พริบพราวไม่อยากสานต่อจึงรีบตัดบท “เอ่อ..แต่พราวยังไม่อยากคุย เอาไว้คุยกันวันหลังนะ”
พริบพราวจะเดินชิ่งไป ปราณนต์จะห้าม ทันใดนั้นลมก็พัดมาหนึ่งวูบใหญ่ทำให้เต็นท์ด้านหนึ่งเปิดออก ลมพัดเข้ามาด้านในอย่างแรงของในเต็นท์ล้มกระจัดกระจาย คนร้องวี๊ดว๊าย
พริบพราวเซจะล้ม ปราณนต์เข้ามาประคองทำให้พริบพราวล้มอยู่ในอ้อมกอดของปราณนต์ ต่างคนต่างนิ่งอึ้งไปกับสัมผัสคุ้นเคยที่ห่างไปนาน พริบพราวรีบเด้งตัวขึ้นแล้วดึงสติกลับมา
“ขอบคุณมาก” พริบพราวพูดโดยไม่สบตา
รุจน์รีบตะโกนขึ้นเพราะเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดี
“ตอนนี้ลมแรงมาก ขอเชิญทุกท่านเข้าไปในอาคารจัดเลี้ยงด้านขวามือนะครับ ผมจัดโต๊ะสำรองไว้แล้ว ขอเชิญทุกท่านย้ายไปที่ตึกได้เลยค้าบ ขอบคุณค้าบ” รุจน์รีบหันมาประคองลิลลี่ “ค่อยๆเดินนะจ้ะ ค่อยๆเดินนะ”
รุจน์ประคองลิลลี่เดินหลบลมไปที่ตึกข้างๆ คนในงานทยอยไป แสนดี พีระ นิดา ช่วยกันยกของ พริบพราวรีบหันมาบอกณนต์
“ไปช่วยพี่ๆยกของก่อนนะ” แล้วพริบพราวก็เดินชิ่งไปเลย
“พราว..” ปราณนต์เรียกแต่พริบพราวเดินไปแล้ว
ปราณนต์ยังอึดอัดใจแต่ก็ต้องทำใจ เขาหันไปช่วยกันยกของเก็บใส่ลัง ในขณะที่แขกคนอื่นทยอยเดินไปท่ามกลางบรรยากาศโกลาหลมาก

ห้องพักลิปดาเงียบสงบ ลิปดาที่นั่งอยู่บนเตียงกำลังดู IG ลิลลี่ที่มีรูปที่เต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน และมาหยุดที่รูปของอวัศยากับปราณนต์
ลิปดานั่งมองแล้วก็เศร้าเพราะคิดถึงอวัศยา ภาพอวัศยากับปราณนต์แสนสวยงาม

อวัศยากระดกเชมเปญแก้วที่สองอย่างรวดเดียวแล้วก็เริ่มรู้สึกว่ามีเสียงดังโวยวาย อวัศยาลุกจะเดินออกไปหน้าเวที แต่พอเดินพ้นหลังเวทีก็เกิดอาการ เซ จนล้มโครมแล้วเอามือเหนี่ยวเอาโต๊ะข้างๆ ล้มลงมาด้วย อวัศยาล้มลงไปหมอบอยู่ที่พื้นโดยมีโต๊ะตั้งบังไว้เหมือนเป็นกำบัง
ลมพัดเข้ามาอีกวูบใหญ่ คราวนี้ทั้งเต็นท์ ทั้งโต๊ะ และเวทีที่อวัศยาหลบอยู่ล้มระเนระนาด
แขกเดินออกมาที่ตึกกันจนเกือยหมดท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวายมาก ในเต้นท์เหลือแต่พริบพราวและปราณนต์ที่ช่วยกันเก็บรูปของลิลลี่และรุจน์ใส่กล่อง โดยที่ต่างคนต่างเก็บไม่ได้มองไปรอบๆ จนมาเหลือรูปสุดท้ายก็ดันมาเก็บพร้อมกันโดยจับคนละด้าน แล้วทั้งสองก็รู้ตัวว่าเหลือกันอยู่แค่สองคน
พริบพราวจะชิ่งอีก “เก็บของหมดแล้ว พราวเข้าไปที่ตึกก่อนนะ”
ปราณนต์ไม่ยอมจึงเอารูปมากั้นไว้ “ยัง ยังไปไม่ได้ ผมไม่ให้ไปจนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง”
ปราณนต์ไม่ยอมให้พริบพราวไป เขามายืนกันไว้ ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันท่ามกลางลมที่พัดอย่างรุนแรง
อวัศยานั่งทรุดอยู่ที่เดิมโดยไม่กล้าเคลื่อนไหว เธอแอบดูสิ่งที่กำลังจะเป็นไปด้วยใจสั่นระรัว
ปราณนต์เปิดฉาก “คุณเกลียดผมใช่มั้ย คุณเกลียด โกรธที่ผมไปต่อว่าคุณ ในสิ่งที่คุณไม่ได้ทำ คุณถึงได้หลบหน้า ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ไม่โทร.กลับ ผมส่งข้อความไป อ่านแต่ก็ไม่ตอบ ถ้าผมทำอะไรให้คุณเกลียดผมต้องขอโทษ ผมยอมรับผิดทุกอย่าง”
“ฉันไม่ได้เกลียด..ไม่ได้โกรธคุณ”
“ไม่! แล้วทำไมต้องหลบหน้า ต้องทำเหมือนไม่อยากเจอ ไม่อยากคุย ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้า”
พริบพราวอึ้งเพราะไม่รู้จะตอบยังไง เธอเริ่มใจสั่นและรู้สึกว่าอีกนิดน้ำตาก็จะร่วงแล้ว อวัศยานั่งอยู่ที่เดิมโดยฟังทุกอย่างและคิดอย่างมีสติ
พริบพราวพยายามจะพูดไม่ให้น้ำตาไหล “ที่ฉันทำแบบนั้น .. เพราะ ..” พริบพราวชั่งใจว่าจะพูดหรือไม่พูดดี ทั้งสองคนมองหน้ากัน ปราณนต์รอฟัง พริบพราวตัดสินใจพูดออกมา “เพราะฉันกลัว” ปราณนต์แปลกใจ “กลัวว่าถ้าเจอกัน ถ้าได้คุย ถ้าได้เห็นหน้า...ฉันจะตัดใจจากนายไม่ได้”
ปราณนต์อึ้ง อวัศยาก็อึ้ง พริบพราวระบายออกมาอย่างมีสติ ไม่ฟูมฟาย เธอพูดด้วยเหตุผล
“ฉันเลย..ไม่อยากเจอ ไม่อยากคุย เพื่อให้เรื่องของเรามันจบลงจริงๆ ตอนนี้เราเดินมาไกลเกินกว่าจะมาตั้งคำถามว่าทำไมไม่อยากเจอ...แต่เรา.. “ไม่ควรจะเจอกัน ไม่ควรจะคุยกัน”
“ไม่แม้แต่จะเป็นเพื่อนกันเหรอ” ปราณนต์ถาม
“เคยได้ยินมั้ย นักจิตวิทยาบอกว่า...คนที่เคยเป็นแฟนกัน และยังเป็นเพื่อนกันอยู่ มี ๒ เหตุผลคือ พวกเค้าไม่เคยรักกัน หรือ พวกเค้ายังรักกันอยู่ สำหรับฉัน..มันคือเหตุผลหลัง”
ปราณนต์จุก อวัศยาอึ้ง พริบพราวกลั้นน้ำตา
“เพราะฉะนั้น..อย่าเจอ อย่าคุย และอย่าเป็นเพื่อนเลยดีกว่า ... พี่ศยาคือคนที่ดีที่สุดสำหรับนาย”
พริบพราวพูดทิ้งท้ายไว้อย่างจริงใจ และหันหลังเดินจากไป ทันทีที่หันหลังพริบพราวก็น้ำตาร่วง เธอปาดน้ำตา เชิดหน้าและเดินไปอย่างเข้มแข็ง
ปราณนต์ทรุดนั่งลงอย่างหมดแรง มึนงง และสับสนในใจ ลมพัดอย่างแรง อวัศยานั่งอยู่ใน
มุมเดิมด้วยความรู้สึกสับสนและมึนงงไม่ต่างกัน

แขกที่ทยอยเข้ามาด้านในอาคารจนเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ปราณนต์เดินหน้าเศร้าเข้ามา เขาพยายามดึงสติกลับมาและมองหาอวัศยาจนมาเจอรัน ปราณนต์อยู่ในอาการอึ้งๆ ในใจของเขามีเรื่องที่คิดวนไปวนมา
“พี่รันเห็นพี่ศยามั้ยครับ”
“ยัง พี่พยายามติดต่อก็ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้หายไปไหน ตั้งแต่มาถึงงานก็ยังไม่เห็นเลยเนี่ย” รันว่า
ปราณนต์เริ่มเป็นห่วง สักพักก็มีเสียงข้อความดังเข้ามา ปราณนต์รีบกดอ่าน
“พี่ศยาส่งข้อความมาแล้วครับ”

อวัศยายืนอยู่ที่รถ ลมพัดแรงจนกระโปรงปลิว ปราณนต์เดินเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“พี่ศยา !! พี่หายไปไหนมาครับ ผมตามหาตั้งนาน”
อวัศยาหันมาในสภาพหน้าแดงกร่ำและยืนเซๆ ทั้งจากแรงลมและความเมา
“ฉันอยากกลับแล้ว”
“พี่ศยา..โอเคหรือเปล่าครับ”
ปราณนต์จะเข้ามาประคอง แต่อวัศยายกมือห้าม
“ไม่ต้อง..เดินเองได้..ฉันอยากกลับ..พาฉันกลับหน่อย”
อวัศยาเดินเซๆ ไปที่รถ ปราณนต์มองแล้วก็คิดตัดสินใจอะไรบางอย่าง

พริบพราวขับรถกลับด้วยความเศร้าแต่ก็สบายใจที่ได้เผชิญหน้าและบอกความรู้สึกทั้งหมดไปแล้ว

ที่มุมหนึ่งลานในจอดรถของคอนโดมีเนียมรันไม่มีใคร และมีความเป็นส่วนตัว
ปราณนต์นั่งอยู่ในรถกับอวัศยา ต่างคนต่างเงียบ สักพักอวัศยาก็ถามขึ้น
“ถามตรงๆนะ .. เวลาคุยกันตอนฉันเป็นแอบรัก กับเวลาที่คบกันตอนที่ฉันเป็นศยา มันต่างกันมั้ย”
ปราณนต์คิดแล้วตอบ “ตอบตรงๆนะครับ...มันไม่เหมือนกัน”
อวัศยาหันมาถาม “ตรงไหน”
ปราณนต์หันมา “เวลาที่คบกันตอนที่พี่เป็นศยา...ใจพี่ไม่ได้อยู่ที่ผม พี่มีกำแพง ไม่เป็นธรรมชาติ พอพี่เกร็ง ผมก็เกร็งไปด้วย ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเหมือนพี่คิดถึงคนอื่นตลอดเวลา”
อวัศยาผงะ ไม่ยอมรับจึงเถียง “ไม่จริง ! ฉันไม่ได้คิดถึงใครเลย ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้น ใจฉันไม่ได้ไปไหน ใจฉันอยู่ที่ณนต์ตลอด”
ทันใดนั้นปราณนต์ก็พุ่งเข้ามาจูบที่ริมฝีปากอวัศยา อวัศยาอึ้ง ด้วยสัญชาตญาณอวัศยาก็ออกแรงผลักปราณนต์ไปอย่างแรง ปราณนต์กระเด็นไปชนประตูรถ
“โอ้ย”
อวัศยาตบหน้าปราณนต์ดังเพี้ยะ “ทำอะไร บ้าหรือเปล่า”
ปราณนต์หน้าชา แต่หันมายิ้มนิดๆ “ถ้าใจพี่อยู่ที่ผม พี่คงไม่ตบ ไม่ด่าผมแบบนี้”
อวัศยาอึ้งไปเพราะพูดไม่ออก
ปราณนต์พูดต่อ “พี่ไม่เหมือนแอบรักคนที่ผมเคยรู้จัก เพราะใจพี่เปลี่ยนไป ใจพี่ไม่ได้อยู่ที่ผมแล้ว..ส่วนมันไปอยู่ที่ใคร ผมคิดว่าพี่เองก็น่าจะรู้คำตอบดี”
อวัศยาหันหน้าหนีเพราะไม่กล้ายอมรับความจริง เธอไม่พูดอะไรสักคำ รู้สึกแค่ว่าอยากจะร้องไห้ อวัศยาเปิดประตูรถแล้วก็ลงไปเลย ปราณนต์รีบลงตามไปด้วยความเป็นห่วง
“พี่ศยาครับ”
อวัศยาพูดสวน “ไม่ต้องตามมา .. ฉันอยากอยู่คนเดียว”
อวัศยาเดินเข้าไปในคอนโดมีเนียม ปราณนต์มองตามแล้วก็เป็นห่วงแต่ก็จนใจเพราะไม่รู้จะทำยังไง

อวัศยาเดินเข้ามาในห้องของรันแล้วก็เดินเซๆ มาที่โซฟาก่อนจะทรุดตัวลงนั่งด้วยความสับสนมากมายในใจ
ภาพในงานเลี้ยง ตอนที่พริบพราวคุยกับปราณนต์ย้อนกลับมา
“เพราะฉะนั้น..อย่าเจอ อย่าคุย และอย่าเป็นเพื่อนเลยดีกว่า ... พี่ศยาคือคนที่ดีที่สุดสำหรับนาย”
ภาพตอนที่อวัศยากับลิปดาอยู่ในคอนโดมีเนียมด้วยกันอย่างมีความสุข ภาพอวัศยาหัวเราะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ภาพตั้งแต่เริ่มมาทำงาน ทำงาน มอบรางวัล ตอนที่หลอกยาย ตอนที่เต้นรำ ตอนลิปดาปลอบใจ ตอนหัวเราะ ร้องไห้ ร้องเพลง ฯลฯ ย้อนกลับมาพร้อมคำพูดของปราณนต์
“เวลาที่คบกันตอนที่พี่เป็นศยา...ใจพี่ไม่ได้อยู่ที่ผม พี่มีกำแพง ไม่เป็นธรรมชาติ พอพี่เกร็ง ผมก็เกร็งไปด้วย ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเหมือนพี่คิดถึงคนอื่นตลอดเวลา .... พี่ไม่เหมือนแอบรักคนที่ผมเคยรู้จัก เพราะใจพี่เปลี่ยนไป ใจพี่ไม่ได้อยู่ที่ผมแล้ว..ส่วนมันไปอยู่ที่ใคร ผมคิดว่าพี่เองก็น่าจะรู้คำตอบดี”
อวัศยาเศร้าเพราะคิดถึงลิปดาขึ้นมาจับใจ เธอน้ำตาไหลออกมาเมื่อค้นพบคำตอบในใจตัวเองแล้ว
“ฉันรู้แล้ว...ว่าฉันรักใคร”


วันต่อมา รถตู้จอดรอที่หน้าบ้าน คนใช้ขนกระเป๋าเดินทางขึ้นรถ ภูมิ แวว กับพจน์เดินมาส่งพริบพราว
“เดินทางดีๆนะลูก”
“ถึงแล้วรีบส่งข่าวนะ” แววบอก
“พักร้อนคราวหน้าเดี๋ยวพี่แวะไปเยี่ยม” ภูมิบอก
“ค่ะ พราวไปก่อนนะคะ” พริบพราวยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่ พี่ภูมิ .. พราวไปก่อนนะคะ”
ทุกคนยิ้มส่ง พริบพราวขึ้นรถ รถตู้แล่นออกไป พริบพราวมองทุกอย่างที่จากมาด้วยความเศร้าแล้วก็อดคิดถึงปราณนต์ไม่ได้

อ่านต่อตอนที่ 15

กำลังโหลดความคิดเห็น