แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 10
มือถือปราณนต์วางอยู่ที่หัวเตียง ปราณนต์เดินมาหยิบและทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ปราณนต์จะส่งอีเมลหาแอบรักด้วยความเคยชินแต่แล้วก็ชะงัก
เสียงพริบพราวที่เคยบอกกับเขาดังขึ้นในหัว
“เริ่มต้นจากแบบทดสอบที่ 1 ลืมอดีตให้หมด สิ่งที่เราเคยคุยกัน ไม่ว่าจะในอะไรก็ตาม เราจะไม่พูดถึงมัน และจะไม่ติดต่อกันผ่าน “แอบรัก” ต่อจากนี้ไป..จะไม่มี “แอบรัก” จะมีแต่ “พริบพราว” กับ “ปราณนต์” เท่านั้น”
ปราณนต์เปลี่ยนใจกดปิดอีเมล
พริบพราวหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดโทรหาปราณนต์
ปราณนต์กดโทร.หาพริบพราวพอดี..
พริบพราวได้ยินเป็นสัญญาณสายไม่ว่าง วูบนั้นพริบพราวก็ชะงักกึกด้วยความระแวง
“สายไม่ว่าง” พริบพราวดูนาฬิกาก็พบว่าจะเที่ยงคืนแล้ว “ดึกขนาดนี้คุยกับใคร”
ปราณนต์ฟังเป็นสายไม่ว่างเหมือนกัน เขาวางแล้วโทรไปใหม่
พริบพราวกำลังคิดปรุงแต่ง ปราณนต์โทร.เข้ามา พริบพราวเห็นชื่อก็รีบกดรับ
“ฮัลโหล เมื่อกี๊โทร.ไปสายไม่ว่าง คุยกับใครอยู่”
ปราณนต์งง
“เปล่า ไม่ได้คุยกับใคร ผมจะโทรหาคุณนั่นแหละ งั้นก็คงจะสวนกัน เลยสายไม่ว่าง”
พริบพราวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“จริงเหรอ ไม่ใช่...คุยกับคนอื่นแน่นะ”
ปราณนต์หัวเราะ
“นี่..ถ้าหึงกันขนาดนี้ ต้องเป็นแฟนกันแล้วนะ ไม่งั้นผมไม่ให้สิทธิ์ในการหึงนะครับ”
พริบพราวยิ้มๆ
“งั้น..ไม่หึงก็ได้ .. แต่ขอถามแค่ข้อเดียว .. วันนี้ได้คุยกับ...พี่ศยาหรือยัง”
ปราณนต์พูดจากโทรศัพท์ “คุยแล้ว”
พริบพราวตัวชา ตกใจแล้วก็รีบถาม “คุยตอนไหน คุยอะไรกัน”
ปราณนต์ตอบน้ำเสียงปกติ
“พอดีพี่ศยามาเยี่ยมแม่ที่บ้านตอนเย็น ก็เลยได้คุยกัน”
“แล้วคุยอะไรกัน” พริบพราวถาม
พริบพราวถึงกับนั่งไม่ติด เธอเดินไปเดินมาอย่างหวาดระแวง
“ทำไมเสียงคุณดูตื่นเต้นจัง” ปราณนต์สงสัย
พริบพราวรีบแก้ตัว “ก็..ก็ตื่นเต้นสิ..ว่าณนต์จะบอกอะไรพี่ศยาเรื่องพราวรึเปล่า”
ปราณนต์ยิ้ม “บอกสิ”
พริบพราวตัวชา หน้านิ่ง และใจเต้นตึ่กๆ
“พี่ศยาเขาดีใจกับผมนะ ที่ได้รู้สักทีว่าใครคือคนที่ผมตามหา”
“เค้าพูดแบบนั้นจริงๆเหรอ”
ปราณนต์เริ่มจะสงสัย
“จริงสิ ทำไม มันน่าแปลกตรงไหน มีอะไรหรือเปล่า”
พริบพราวพยายามทำให้เป็นปกติ
“เอ่อ..ไม่มีอะไร..ก็แค่แปลกใจนิดหน่อย เห็นพี่ศยาเค้าไม่ค่อยชอบหน้าพราว ก็เลยนึกว่าจะด่าหรือไซโคให้ณนต์เกลียดพราว”
ปราณนต์ตอบเสียงจริงจัง
“ผมไม่ใช่คนหูเบา หรือ เชื่อคนง่าย .. ผมไม่เคยตัดสินคนจากคำพูดของคนอื่น ผมมั่นใจว่ารู้จักคุณดีพอ ผมแยกแยะเองได้ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง ผมไว้ใจคุณ .. คุณไว้ใจผมหรือเปล่า”
สติพริบพราวเริ่มกลับมา เธอถอนใจเบาๆ ...
“ขอโทษที่นอยด์ใส่ วันนี้อะไรหลายอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก .. เลยนอยด์ ต่อไปพราวจะหนักแน่นให้มากกว่านี้”
ปราณนต์ยิ้มรับ
“พราว...ผมรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันทำให้ชีวิตของเราสองคนไม่เหมือนเดิม..แต่..ผมดีใจ..ดีใจมากๆ ที่ชีวิตผมมีวันนี้”
พริบพราวตั้งใจฟังจากที่ร้อนรนเริ่มสงบลง
ปราณนต์พูดต่อ “การที่เรามาเจอกัน มันคือ..สิ่งที่พิเศษที่สุด พิเศษมากกว่าการแชต หรือ การส่งอีเมลทุกครั้งที่ผ่านมา”
พริบพราวรู้สึกตื้นตันและซาบซึ้ง
ปราณนต์พูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงใจและจริงจัง
“ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง ผมไม่เสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนี้”
พริบพราวน้ำตาซึม
“พราวก็ไม่เสียใจเหมือนกันค่ะ”
พริบพราวตอบไปด้วยความพยายามมั่นใจ
ปราณนต์ยิ้มมีความสุข
“ดึกแล้ว..รีบนอนเถอะ พรุ่งนี้เจอกันที่ออฟฟิศ..ฝันดีครับ”
พริบพราวยิ้มรับ “ฝันดีค่ะ”
พริบพราววางสายแล้วก็ถอนหายใจออกมา
“พราวเธอเลือกที่จะเดินหน้าแล้ว...ต้องเดินไปให้สุดๆ”
พริบพราวปลอบใจตัวเองทั้งที่ไม่รู้เลยว่าอนาคตจะมีแบบทดสอบมากมายรออยู่ขนาดไหน
ปราณนต์วางสายแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข
ลิปดานอนที่ห้องรับแขกด้วยความรู้สึกยังค้างคาใจ คำพูดแจนดังขึ้นในหัวของเขา
“เรื่องระหว่าง...ลิป คุณศยา ปราณนต์ แล้วก็ยังจะมี “คุณแอบรัก” เข้ามาอีก..มันจะซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มากเกินไปแล้ว..แจนแนะนำว่า ถ้าลิปไม่ อยากเพิ่มเงื่อนไขให้มากไปกว่านี้ ลิปควรจะพูดความจริงทุกอย่างกับคุณศยา อย่างน้อย ลิปก็ไม่ต้องมานั่งแบกความลับของคนอื่นแบบนี้..บอกให้คุณศยารู้ไปเลยว่าลิปรู้อะไรบ้าง ที่สำคัญบอกความรู้สึกตัวเองให้เค้ารู้ด้วย!!เรื่องนี้สำคัญที่สุด”
ลิปดาถอนหายใจเพราะคิดว่ายาก
อวัศยานอนอยู่ในห้องลิปดา เธอเหนื่อยแต่นอนไม่ค่อยหลับ ข้างๆ มีกองกระดาษของลิปดาวางกองอยู่ เหมือนมาเป็นกำลังใจ
ปราณนต์นอนยิ้มอย่างมีความสุข
พริบพราวนอนยิ้มและพยายามจะมีความสุข ..
ทั้งสี่คนกำลังอยู่บนเส้นทางชีวิตที่กำลังบิดเบี้ยวและไม่รู้ว่าปลายทางจะจบลงที่ใด
เช้าวันใหม่ อวัศยาในชุดนอนเดินงัวเงียเปิดประตูออกมาเห็นลิปดาในชุดทำงานกำลังยืนหันหลังให้อยู่ที่เคาน์เตอร์ครัว
"นี่คุณแต่งตัวเสร็จแล้วเหรอ ทำไมไม่ปลุกฉันคะ?” อวัศยาถาม
อวัศยาพูดแล้วก็เงยหน้ามองนาฬิกาที่ติดอยู่เหนือฝาผนังห้องรับแขก
"เจ็ดโมงครึ่ง! ตายแล้ว”
อวัศยาจะหันหลังวิ่งเข้าห้องน้ำ แต่ลิปดาที่เพิ่งยกชามโจ๊กสองชามมาวางบนโต๊ะรีบหันมาดึงชายเสื้อชุดนอนเพื่อรั้งไว้
ลิปดาพูดหน้าตาเฉย “ไม่ต้องรีบหรอก”
"ไม่ต้องรีบได้ไงคะ นี่มันเจ็ดโมงครึ่งแล้ว ฉันจะไปทำงานสาย!”
"วันนี้คุณไม่ต้องไปทำงานนะ”
อวัศยาชะงักเท้าแล้วหันมา
"ห๊ะ”
“เมื่อกี๊ผมแวะไปดูสภาพห้องคุณมาแล้ว แทบไม่เหลือ ต้องทำใหม่เกือบหมด ของใช้ส่วนตัวก็แทบจะใช้ไม่ได้ เพราะโดนน้ำ โดนอุปกรณ์ดับไฟเลอะเทอะไปหมด โดยเฉพาะเสื้อผ้า โดนไปทั้งตู้เต็มๆ”
"หะ ? ทั้งตู้”
"ใช่ วันนี้ผมให้คุณหยุดงานไปซื้อเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัว ผมมีเงินเยียวยาให้” ลิปดาบอก
อวัศยารีบบอก “ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นความผิดของฉันเอง ไม่เกี่ยวกับบริษัท”
“ถึงไม่เกี่ยว แต่ก็ถือว่าเป็นสวัสดิการสำหรับผู้บริหารระดับสูงก็แล้วกัน” ลิปดาเริ่มเข้าเรื่อง “ไหนๆ คุณก็ต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่แบบยกตู้ผมคิดว่ามันเป็นโอกาสดีที่คุณจะได้เปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวในแบบของผมสักวันนึง” ลิปดาชูแทปเล็ตขึ้นมา “ผมเลือกแบบเสื้อผ้าที่ผมคิดว่าเหมาะกับคุณเอาไว้ในนี้หมดแล้ว”
"บอสเนี่ยนะ เลือกเสื้อผ้าให้ฉัน”
“ใช่ และผมก็รู้ว่าถ้าปล่อยคุณไปเอง คุณไม่มีทางซื้อแบบที่ผมเลือกแน่ผมเลยหาเพื่อนไปซื้อของไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
อวัศยาสงสัยว่าเป็นใคร
ณ บ้านหลังเล็กแต่อบอุ่นของปราณนต์อยู่ที่มุมหนึ่งของกรุงเทพ
“ตรึ่ง” เสียงข้อความเข้าดังขึ้น
มือถือปราณนต์มีข้อความเข้า ปราณนต์กำลังนั่งกินข้าวต้ม กับปุ้ม เปรี้ยว และ ปริม ปราณนต์หยิบมาอ่านแล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นไลน์จากพริบพราว .. “ทำอารายยยย?”
ปราณนต์พิมพ์กลับไป
“กำลังกินข้าวต้ม”
ปราณนต์คิดแล้วก็พิมพ์ต่อ
“คุณหนูทำอะไรครับ?”
ปราณนต์ยิ้มๆ กับฉายาที่ตั้งให้พริบพราวแล้วก็กดส่ง ปุ้มมองแล้วก็ถามทันที
“แชตไปยิ้มไป....คุยกับใคร”
ปราณนต์ชะงักกึก เขาเงยหน้ามองก็เห็น ปุ้ม เปรี้ยว และปริมรอคำตอบอยู่
พริบพราวเปิดข้อความอ่านแล้วก็ยิ้ม
“คุณหนู ?”
พริบพราวกำลังนั่งกินข้าวกับพ่อ แม่ พี่ชาย พ่ออ่านหนังสือพิมพ์ แม่อ่านเอกสารงาน พี่ชายอ่าน
บทความทางการแพทย์ในแท็ปเล็ต ส่วนพริบพราวกำลังถ่ายรูปอาหารบนโต๊ะเป็นข้าวสวยกับกับข้าวแบบง่ายๆ แล้วก็พิมพ์แชต แม่ปรายตาเหล่มอง
“กินข้าวไม่ได้ต้มค่ะ…. คุณนักปั่น ^^” พริบพราวกดส่ง
เสียงแม่ดังแหวกเข้ามา
“กฎของบ้านนี้ ห้ามคุยโทรศัพท์และแชตบนโต๊ะอาหาร จำไม่ได้หรือไง”
พริบพราวชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นเห็นพ่อก้มอ่านหนังสือพิมพ์ แม่ปรายตาดุแล้วก็อ่านเอกสารต่อ ส่วนพี่ของพริยพราวก็ไม่เงยหน้าจากแท็ปแล็ต ..
“ถึงพราวไม่แชตก็ไม่เห็นมีใครสนใจคุยกันนี่คะ ทุกคนก็ก้มหน้าอยู่ในโลกของตัวเองอยู่ดี พราวก็แค่เปลี่ยนจากหนังสือ จากแท็ปแล็ตเป็นโทรศัพท์แค่นั้นเอง”
พ่อ พี่ และแม่เงยหน้าขึ้นพร้อมกันแล้วมองพริบพราวหน้าดุ บรรยากาศตึงเครียด
พริบพราวหน้าจ๋อยนิดๆ แล้วก็คิด แว่บนั้นพริบพราวเปลี่ยนเรื่องแบบ “ดริฟท์กลางอากาศ”
“คุณพ่อ คุณแม่ พี่ภูมิคะ...ไหนๆ ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นมาแล้ว..พราวมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ” พริบพราวยิ้ม “พราวกำลังจะมีแฟนค่ะ”
ปริม ปุ้ม และเปรี้ยวได้ยินก็อึ้ง
“กำลังจะมีแฟน”
“แปลว่าอะไร ตกลง มีหรือยังไม่มี” เปรี้ยวถาม
“คือ...กำลังคุยๆ คบหาดูใจ กันอะไรทำนองนั้น” ปราณนต์บอก
เปรี้ยว ปุ้มถามพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย “ใคร” ทั้งสองหันมามองหน้ากัน
แวววางเอกสารแล้วก็เริ่มซัก พ่อกับพี่ก็หันมาสนใจด้วย
“พ่อแม่เป็นใคร ทำงานที่ไหน”
“เรียนจบอะไรมา เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ ปริญญากี่ใบ” ภูมิถามเป็นชุด
“แล้ว....ชื่ออะไรนะ เมื่อกี๊บอกมาหรือยัง พ่อไม่ทันฟัง” พจน์ว่า
พริบพราวอึ้ง “เอ่อ....”
ปราณนต์ตอบด้วยเสียงมั่นใจ
“พริบพราวครับ...ตอนนี้ผมกำลังคุยๆกับพราวอยู่”
ปริม ปุ้ม และเปรี้ยวอึ้งรอบสอง
“พริบพราวเนี่ยนะ”
“ว้าวว !! น้องชายฉันเด็ดดอกฟ้านะยะ เซเลปอ่ะ” ปุ้มกระดี๊กระด๊า
ปราณนต์เขิน “เล็บเลิบไรพี่ปุ้ม พูดไปเรื่อย”
“ณนต์...ครอบครัวเค้า..ดูท่าทางจะต่างจากเรามากนะลูก..ณนต์จะเข้ากับเค้าแล้วก็ครอบครัวของเค้าได้เหรอ” ปริมเป็นห่วง
ปราณนต์นิ่งไปเล็กน้อย
ทางฝั่งพริบพราวก็พยายามจะอธิบาย
“พราวก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ..เอาเป็นว่าพราวจะชวนณนต์มาที่บ้าน แล้วคุณพ่อ คุณแม่พี่ภูมิอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ถามเค้าเองดีกว่านะคะ”
“อะไรกัน นี่เราคบผู้ชายไม่รู้กำพืด ไม่รู้ที่มาที่ไปของเค้าเลยเนี่ยนะ” แม่ว่า
“พราวรู้แค่ว่า ปราณนต์เป็นคนดี ให้เกียรติ์ผู้หญิง มีน้ำใจ ไม่เอาเปรียบคนอื่น ... ที่สำคัญเค้าเห็นคุณค่าในตัวพราว รู้ว่าพราวมีสามารถ ถึงแม้..คนที่บ้านจะไม่คิดว่าพราวมีก็ตาม” พริบพราวแอบตัดพ้อ
อีกฝั่ง ปราณนต์ก็ตอบด้วยความมั่นใจพอกัน
“ผมมั่นใจว่าถ้าทุกคนรู้จักพราวมากขึ้น จะรู้ว่าเค้าไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น”
เปรี้ยวไม่แน่ใจ ปริมเป็นห่วง ส่วนปุ้มพยักหน้าเห็นด้วย
พริบพราวถามสรุป
“ตกลงจะให้พราวชวนณนต์มาวันไหนดีคะ”
ปราณนต์ถามย้ำอีกที
“วันอาทิตย์นี้”
พริบพราวกับปราณนต์กำลังเดินเข้าบริษัท ทั้งสองเดินไปคุยไปท่ามกลางหนุ่มสาวออฟฟิศที่กำลังมาทำงาน
พริบพราวตอบ “ใช่..มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มี..แค่ตื่นเต้น” ปราณนต์ยิ้มตื่นเต้น “แล้วผมต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง”
“เริ่มจากไปเช่ารถแพงๆ ตัดสูทหรูๆ ทำให้พ่อแม่เห็นว่าณนต์รวยสุดๆ”
ปราณนต์หยุดเดินแล้วหันมามองหน้าพริบพราว ปราณนต์หน้าเสียก่อนจะพูดตรงๆ
“ผมทำแบบนั้นไม่ได้ .. ถ้าทำแบบนั้นเท่ากับหลอกลวงท่าน เพราะผมไม่มีรถ แล้วผมก็ไม่ได้รวย ขอโทษด้วย” ปราณนต์เศร้า
พริบพราวมองหน้าปราณนต์แล้วทำหน้าซีเรียส “พราว...ล้อเล่น”
“อ้าว”
พริบพราวหัวเราะสะใจที่แกล้งปราณนต์ได้ “ฮ่าๆ ก็อยากรู้ว่าจะบ้าจี้ทำตามหรือเปล่า แต่ถ้าทำตามจริงๆ มีสิทธิ์เลิกคบ””
“โห...ลองใจกันแรงนะเนี่ย ได้เลย วันที่พราวไปบ้านผม ต้องนุ่งขาวห่มขาว ห้ามแต่งหน้า ห้ามใส่บิ๊กอาย ห้ามใส่ส้นสูง ห้ามถือกระเป๋าแบรนด์เนม และต้องขึ้นรถเมล์มาอย่างเดียวเท่านั้น ไม่งั้นห้ามเข้าบ้าน”
พริบพราวอึ้ง “โห ... ห้ามขนาดนี้ ฆ่ากันเลยดีกว่า”
ปราณนต์กับพริบพราวหัวเราะพร้อมกันอย่างสดใส
ลิปดากำลังเดินเข้าตึก สาวๆแอบมองเขามาตลอดตามทาง ลิปดาเดินนิ่งๆ เท่ๆ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นปราณนต์กับพริบพราวยืนหัวเราะกันอยู่ที่มุมหนึ่ง ลิปดาหยุดมองแล้วก็คิด
ปราณนต์ยิ้มแล้วก็พูดต่อ
“ผมไม่ห้ามหรอก..อยากจะแต่งตัวยังไงก็แต่งมาเหอะ เพราะไม่ว่าจะเป็นชุดอะไรคุณก็เป็นพริบพราวที่ผมรู้จักอยู่ดี ใส่มาเหอะ ผมชอบที่คุณเป็นคุณแบบนี้”
“ดีใจจังที่ได้ยินแบบนี้ จะได้แน่ใจว่าไม่ได้ชอบฉันเพราะเห็นฉันเป็นคนอื่น”
ปราณนต์งง “ถ้าผมไม่เห็น “พราวเป็นพราว” จะให้ผมเห็น “พราวเป็นใคร ?”
พริบพราวชะงัก “เอ่อก็..อาจจะเป็นใครสักคนที่ณนต์ใช้จินตนาการตอน...แชตกันไง” พริบพราวแถ และทำตลกใส่ “อาจจะเป็นพี่แสนดี หรือ พี่รันไรงี้”
ปราณนต์ขำ “ฮ่าๆๆ เป็นพี่รันเนี่ยนะ ไหวมั้ยหล่ะ ฮาไปนะ”
ปราณนต์ขำ พริบพราวขำตามน้ำเพื่อกลบเกลื่อน
เสียงลิปดาดังขึ้น
“ตลาดจะเปิดแล้ว มาทำอะไรอยู่ตรงนี้”
ปราณนต์กับพริบพราวหันมา ปราณนต์ตกใจนิดๆ แต่พริบพราวรู้ทัน
“อีกตั้งครึ่งชั่วโมง พราวดูนาฬิกาตลอดค่ะ ไม่พลาด”
ลิปดามองพริบพราวกับปราณนต์แล้วก็พูดแบบเป็นนัย
“ไม่พลาดก็ดี..เพราะถ้าพลาดขึ้นมา ไม่ใช่แค่ตัวเองที่จะเดือดร้อน คนอื่นอาจจะเดือดร้อนไปด้วย”
พริบพราวชะงักมองหน้าลิปดา แต่ปราณนต์ตอบใสๆ เพราะไม่รู้เรื่อง
“ครับบอส .. งั้นผมรีบไปก่อนนะครับ”
ปราณนต์รีบเดินนำไป พริบพราวกำลังเดินตามแต่ลิปดาเรียกไว้
“พราว”
พริบพราวหยุดเดิน ปราณนต์หยุดเดินแล้วหันมามองด้วยความสงสัยนิดๆ พริบพราวหัน
มาและคุยกับลิปดาแบบได้ยินกันสองคน
“พราวรู้ว่าพี่ลิปจะพูดอะไร พราวรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่”
“นอกจาก “รู้ตัว” แล้วก็ “ระวังตัว” ด้วย ..อย่าลืม “ความลับไม่มีบนโลก”
พริบพราวสะท้อนใจจนจุกแต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ
“ถ้าคนที่รู้ไม่พูด .. มันก็ยังคงเป็นความลับสำหรับ “คนที่ไม่รู้” .. พราวก็หวังว่า..พี่ลิปจะไม่พูดอะไรนะคะ” พริบพราวว่า
ลิปดาชะงักมองหน้าพริบพราว พริบพราวมองลิปดาเหมือนจะขอร้องแกมบังคับอยู่ในที พริบพราวหันมายิ้มกับปราณนต์เหมือนไม่มีอะไร แล้วก็เดินอย่างมั่นใจตามปราณนต์ไป
ลิปดามองตามพริบพราวที่เดินไปกับปราณนต์อย่างมีความสุขแล้วก็คิด
ภาพในอดีตตอนที่พริบพราวมาบอกลิปดาว่าอวัศยาคือ “แอบรัก” ย้อนกลับมา
ลิปดาเห็นพริบพราวเดินไปกับปราณนต์สองคน ทั้งสองคุยกันกุ๊กกิ๊กและหวานแหววมาก
ลิปดาส่ายหน้านิดๆ ด้วยความไม่เข้าใจ ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงอวัศยาขึ้นมา ลิปดาหยิบโทรศัพท์มือถือมากดส่งข้อความ
โทรศัพท์มือถือแจนมีข้อความเข้า แจนเปิดอ่าน
ข้อความจากลิปดา “งานที่ผมสั่งไปเป็นยังไงบ้าง”
แจนหัวเราะพร้อมกับพิมพ์กลับไป “ใจเย็นค่ะ ใจเย็นๆไว้รอดูผลทีเดียวนะคะ”
แจนยิ้มสนุก เสียงอวัศยาดังมาจากข้างหลัง
“คุณแจนคะ ... เรียบร้อยแล้วคะ”
แจนหันมาเห็นว่าอวัศยาถือถุงเสื้อผ้าที่ซื้อไว้แล้วเดินมาหา
“จะว่าไปลิปรู้จักคุณศยาดีมากเลยนะคะ เกือบทุกชุดที่เลือกให้เข้ากับคุณศยามากๆเลยค่ะ ทรงผมก็เหมาะ มันเป๊ะมาก”
“นั่นสิคะ ถ้าไม่ติดว่า ไม่ชินและรู้สึกว่าไม่เข้ากับบุคลิก บอสเลือกชุดเก่งมากเลยค่ะ”
“แบบนี้แหละค่ะ เค้าเรียกว่า..ใส่ใจ”
อวัศยาพูดต่อเอง “ตามประสา ผู้ชายเจ้าชู้”
แจนหัวเราะ “ลิปน่ะ ทำให้คุณศยาเข้าใจผิดจนได้” อวัศยาหันมามองงงๆ “ลิปไม่ใช่คนเจ้าชู้นะคะ แจนรู้จักลิปมาตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย บอกเลยว่าลิปไม่เจ้าชู้ แต่แค่..ยังไม่อยากหยุด ถ้าเค้าเจอใครที่ทำให้เค้าอยากหยุดด้วยรับรองว่า..จอดสนิทค่ะ”
“แล้วอย่างคุณแจน..ไม่ใช่สเปคลิปเหรอคะ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ แจนกับลิปเราเป็นเพื่อนรักกันค่ะ ลิปเป็นคนดูแลแจนมาตลอด..เรียกได้ว่าเป็นผู้ช่วยเหลือคนสำคัญที่สุด”
“บอสเนี่ยนะคะ”
“ค่ะ..แค่เพียงกล้าบอกว่าเดือดร้อน ลิปจะกล้าช่วยทุกอย่าง และช่วยอย่างสุดความสามารถโดยไม่หวังอะไรตอบแทน .. นี่หล่ะค่ะ ลิปที่แจนรู้จัก”
อวัศยาฟังแล้วก็คิด
อวัศยานึกถึงตอนที่ลิปดาช่วยเป็นแฟนหลอกยายให้เธอ
นึกถึงตอนที่ลิปดาอุ้มยายไปนอน
นึกถึงตอนที่อวัศยาหน้าทิ่มเค้กและต้องกลับบ้านแบบเหงาๆ โดยมีลิปดาเดินเคียงข้างกลับด้วย
นึกถึงตอนที่ลิปดาอุ้มเธอออกมาจากเปลวไฟ
นึกถึงตอนที่ลิปดาเล่นกีตาร์ปลอบใจเมื่อคืน
อวัศยาฟังแล้วก็คิดตามอย่างเห็นด้วย
"ก็จริงนะคะ...บอสช่วยเหลือทุกอย่างจริงๆ จะมากหรือน้อยก็ช่วยไม่เคยปฎิเสธเลย .. จะว่าไปมันก็เป็นข้อดีที่ยา เองก็มองข้ามไปบ่อยๆนะคะ”
แจนหยอด “ลิปเป็นคนช่วยแล้วไม่เคยพูดทวงบุญคุณ จนบางทีเราก็หลงลืมไป.. คุณศยาลองค่อยๆมองลิปดูดีๆสิคะ..บางทีอาจจะเห็นในบางอย่างที่มองข้ามมาตลอดก็ได้นะคะ”
แจนหยอดแทนลิปดาอย่างสวยงาม อวัศยาฉุกคิดแล้วก็เริ่มเห็นด้วย
แจนพูดกับอวัศยา “ไปคะ”
“จะไปใหนอีกค่ะ”
“ไปทำตามใบสั่งค่ะ”
แจนยิ้มแล้วลากอวัศยาออกไป
อวัศยาเดินซื้อชุดในแบบต่างๆ โดยเน้นไปทางเปรี้ยว เก๋ และสดใส
พริบพราวเดินผ่านห้องอวัศยาแล้วก็มองๆ แต่ก็เห็นเพียงห้องที่ว่างเปล่า พริบพราวสงสัย
อวัศยาที่อยู่ในร้านแว่นเลือกแบบคอนเทคเลนส์จนสุดท้ายเธอก็ถอดแว่นวางไว้
ปราณนต์เดินผ่านห้องอวัศยาแล้วก็มองเข้าไปในห้องแต่ก็เห็นเพียงห้องที่ว่างเปล่าเช่นกัน ปราณนต์เสียดาย
อวัศยาอยู่ในร้านทำผม ช่างทำผมให้อวัศยาทีละสเต็ปๆ แจนนั่งมองอยู่ด้วยความตื่นเต้น
รันเดินมาที่ห้องอวัศยาแต่ก็ไม่เห็นใคร รันแปลกใจแล้วหันหลังจะเดินกลับแต่เห็นพริบพราวกำลังเดินถือเอกสารมาพอดี พริบพราวแอบมองเข้าไปในห้องอวัศยา รันแกล้งกระแอม พริบพราวสะดุ้งนิด ๆ แล้วก็ทำกลบเกลื่อนเหมือนว่าไม่ได้มองแล้วก็เดินไปอีกทางโดยมุ่งไปแผนกเอกสารของแสนดี
รันหันมาจะเดินต่อแต่ก็เจอเข้ากับปราณนต์ที่มายืนส่องห้องอวัศยาอีกคน รันมองปราณนต์งงๆ ปราณนต์หันมาเจอรันยืนอยู่ก็ชะงักนิดๆแล้วก็ยิ้มแห้งๆ ให้ก่อนจะรีบทำเป็นไม่มองห้องอวัศยาแล้วเดินหน้านิ่งๆ ผ่านไป
รันขมวดคิ้วมองไปทางที่ปราณนต์เดินไป และก็มองมาอีกทางที่พริบพราวเดินไป
“เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ...บอกเลย” รันว่า
พริบพราวเดินมาที่แผนกเอกสารแลh;ยื่นแฟ้มให้แสนดี
“พี่แสนดีคะ พราวฝากทำเอกสารเปิดพอร์ตลูกค้าใหม่ด้วยนะคะ ลูกค้าคนนี้น่ารักมากๆเลยนะคะ เป็นเพื่อนของลุงไกรเจ้าของโฮมสเตย์ แนะนำมาอีกที ป้าแกเป็นเจ้าของ.....”
แสนดีพูดแทรก “อ่อ..ขอโทษนะคะ พี่เป็นแค่แบคออฟฟิศ ทำเอกสารตามสั่ง ไม่ได้อยากรู้นิสัยใจคอลูกค้า น้องพราวไม่ต้องเล่าให้พี่ฟังก็ได้ค่ะ เพราะพี่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่น้องพราวพูดมา...มันเชื่อได้กี่เปอร์เซนต์”
แสนดีจงใจทิ้งระเบิด เธอหยิบแฟ้มแล้วสะบัดหน้าหันหลังเดินกลับไปทำงาน พริบพราวยืนอึ้ง และหน้าชา
ปราณนต์ปลอบใจพริบพราว
“พี่แสนดีคงจะงอนน่ะ อย่าคิดมากเลยนะ วันนี้ไปคาราโอเกะด้วยกัน เดี๋ยวก็หาย”
“แน่ใจเหรอว่า..แผนคาราโอเกะมันจะได้ผล” พริบพราวไม่มั่นใจ
“เอาน่า...อาจจะเหมือนตอนที่พี่ๆพาเราไปรับน้องที่ร้านอาหาร แล้วเราว่ายน้ำแข่งกันไง..เค้าก็ใช้ความบันเทิงเชื่อมสัมพันธไมตรี เราก็ใช้ดนตรีประสานรอยร้าว มันอาจจะเวิร์กก็ได้”
พริบพราวยิ้มออก “โอเค..ลองดู” พริบพราวนึกได้ “เออ..แล้วณนต์ได้ชวน..พี่ศยาหรือเปล่า”
“ก็คิดว่าจะชวนนะ” ปราณนต์บอก พริบพราวหน้าเสียนิดๆ “แต่...พี่ศยาไม่มาทำงาน”
“พี่ศยาเนี่ยนะไม่มาทำงาน”
ปราณนต์พยักหน้าแทนคำตอบ พริบพราวคิดแล้วก็บ่นเบาๆ
“หรือว่ายังทำใจไม่ได้”
พริบพราวแปลกใจแต่ลึกๆแอบรู้สึกผิดโดยไม่รู้ตัว
อ่านต่อหน้าที่ 2
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 10 (ต่อ)
อวัศยาเดินเข้ามาที่หน้าตึกนรากรในสภาพทุกอย่างสวยเป๊ะ อวัศยามองตึกสูงแล้วก็สูดลมหายใจ พร้อมลุย
อวัศยาหยิบแว่นดำมาสวมในท่าสุดเท่แล้วก็เดินอย่างมาดมั่นในสภาพเสื้อผ้า หน้า ผม เป๊ะมาก
หุ้นขึ้นเงยหน้ามามองด้วยความตกตะลึงอึ้งค้าง
“คุ....คุณศยา”
อวัศยาหันมาแล้วยิ้มให้อย่างสง่างาม
“สวัสดีหุ้นขึ้น” อวัศยาทักแล้วก็เดินเข้าบริษัทไปอย่างมั่นใจ
หุ้นขึ้นมองตาค้าง “ไม่อยากจะเชื่อเลย โอ้ว”
หุ้นขึ้นถึงกับอุทานออกมาด้วยความตะลึง
ทุกคนในออฟฟิศกำลังวุ่นวายกับการรับสายและคุยโทรศัพท์กับลูกค้า รันกำลังยืนอ่านเอกสารอยู่ที่มุมหนึ่ง แสนดีกำลังเดินแจกเอกสารให้พนักงานภายใต้บรรยากาศคึกคักสุดๆ
ประตูออฟฟิศเปิดเข้ามา รองเท้าส้นสูงจิกเข้ามาอย่างมั่นใจ ทันใดนั้นเกือบทุกคนก็ชะงักกึกแล้วหันมาที่ประตู
รุจน์อึ้งเหวอแล้วก็ละล่ำละลัก “พ..พี่ศยา”
รันเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็อึ้ง
รันอุทานเบาๆ “ว้าย ขุ่นพระช่วย”
แสนดีเดินแจกเอกสารจนเกือบมาชนอวัศยา แต่โชคดีหยุดทัน แสนดีเบรกเอี๊ยดแล้วก็ส่งเสียงตกใจ
“วะว้ายยยๆๆ” แสนดีเงยหน้าขึ้นมาเห็นอวัศยาแล้วก็ช๊อค “โอ้ว มายกอซ”
ปราณนต์เงยหน้าขึ้นมองตามรุจน์แล้วก็อึ้ง พริบพราวหันตามมาก็อึ้งพอกัน พริบพราวหันขวับมาทางปราณนต์ พอเห็นว่าณนต์มองอยู่เธอก็จี๊ดเบาๆ
อวัศยาเดินเข้ามาปรายตาพอเห็นว่าปราณนต์และพริบพราวมองอยู่ก็ยิ้มนิดๆ ด้วยความสะใจเบาๆ อวัศยากำลังเดินผ่านทุกคนไป แต่แล้วเธอก็มีความคิดแว่บเข้ามา อวัศยาหันกลับมา ทุกคนผงะนิดๆอวัศยาเดินตรงเข้ามาหาปราณนต์ แล้วก็พูดว่า
“ฉันมีเรื่อง “สำคัญ”จะคุยกับเธอ”
พริบพราวซีดเพราะกลัวว่าอวัศยาจะพูดอะไร
อวัศยาหันไปมองพริบพราวแล้วยิ้มมุมปากอย่างคนที่เหนือกว่าใส่เบาๆ แล้วพูดต่อ
“แล้วก็เอาเอกสารลูกค้าทั้งหมดที่มาจากการแนะนำของลุงไกรที่โฮมสเตย์ เดี๋ยวเธอเอาเอกสารมาสรุปให้ฉันฟังด้วย”
“ครับ” ปราณนต์รับคำ
พริบพราวพูดแทรก “พราวก็ทำลูกค้ารายนี้ เดี๋ยวพราวเข้าไปด้วยนะคะ”
อวัศยาหันขวับมามองจิกอย่างเยือกเย็น “ไม่ต้อง ทำงานของเธอไป ให้ปราณนต์มารายงานคนเดียวก็พอ”
อวัศยาสั่งงานทิ้งท้ายแล้วก็หันหลังเดินไปที่ห้องทำงาน
พริบพราวอึ้ง ลิลลี่ แสนดีห่อปากเหมือนเจ็บแทนพริยพราว รันมองตามเพื่อนพร้อมกับหลิ่วตา พลางคิดในใจว่า “เอ๊ะยังไงของหล่อนนะ”
อวัศยาเดินอย่างมั่นใจเข้ามาในห้อง แต่พอหลุดเข้าห้องเธอก็ปิดประตูแล้วก็ทรุดทันทีเพราะตื่นเต้นโคตรๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
คนที่เปิดประตูเข้ามาคือ “ลิปดา”
ลิปดาเดินเข้ามาหา “ไหนดูสิ” ลิปดามองอวัศยาหัวจรดเท้าแล้วก็อุทานออกมา “ว้าว !! เหมือนที่ผมคิดไว้เป๊ะ” ลิปดาชูนิ้วโป้งให้ อวัศยานิ่ง ลิปดาอ้อน “จะไม่ขอบคุณผมซักคำเหรอ”
อวัศยารู้ทัน “จ้า..ขอบคุณก็ได้...ขอบคุณมากๆนะคะบอส”
ลิปดาขำ “ขอบคุณเสียงแข็งๆ ไม่จริงใจ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย” ลิปดายิ้ม
ขณะที่ลิปดายิ้มมีความสุข เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น อวัศยาสะดุ้งนิดๆ แล้วก็รีบเก๊กท่าทำงาน
“บอสๆ เดี๋ยวฉันขอคุยงานก่อนนะ บอสออกไปก่อนได้มั้ย”
“ไม่ได้ !! ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องทำงาน แล้ววันนี้เข้ามาทำไม” ลิปดาถาม
อวัศยารีบเข้าประจำท่าเดิม “เอาน่า ฉันอยากทำงานก็แล้วกัน ถ้าไม่ออกไป บอสก็อยู่เฉยๆนะ” อวัศยาพูดกับคนที่อยู่หน้าประตู “เข้ามา”
ประตูเปิดผัวะเข้ามาโดย “รัน”
“องค์ดีไซเนอร์ชาติไหนเข้าสิงหะ ถึงได้จัดเต็มยังกะหลุดออกมาจากรันเวย์ หล่อนเป็นอะไรของหล่อนบอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
รันหันไปเห็นลิปดาแล้วก็รีบแอ๊บแมน
“อุ่ย” รันเสียงใหญ่ขึ้นมาทันที “บอส ถ้าคุยงานกันอยู่ผมออกไปก่อนก็ได้นะครับ”
อวัศยาสะบัดมือไล่เหมือนจะบอกว่าให้กลับไปก่อน รันกำลังจะหันกลับไป อวัศยานั่งลงอย่างหมดสภาพ ลิปดามองด้วยความแปลกใจว่าเธอเป็นอะไร
อวัศยาเซ็ง “เฮ่อ”
รันเปิดประตูออกไปในจังหวะที่ปราณนต์เดินสวนเข้ามาทันที
“ขอโทษที่มาช้าครับ พอดีมีแฟ้มลูกค้าหลายคน เลยใช้เวลานานไปหน่อยครับ”
อวัศยาสะดุ้งกับเสียงปราณนต์ เธอรีบลุกพรวดและยืนเก๊กท่า ลิปดาหันขวับมามองอวัศยา รันก็มองอวัศยาแล้วก็มองลิปดา ปราณนต์มองรอบๆ แล้วก็พูดขึ้นแบบไม่รู้เรื่อง
“พี่ศยา พี่รัน บอส กำลังคุยงานกันอยู่หรือเปล่าครับ จะให้ผมออกไปก่อนมั้ยครับ” ปราณนต์จะหันหลังเดินไป
อวัศยา ลิปดา และรันพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “ไม่ต้อง”
ปราณนต์หันมามองทั้งสามคน ลิปดามองอวัศยา รันมองลิปดากับอวัศยา อวัศยามองรันกับลิปดา บรรยากาศในห้องดูมึนๆ งงๆ พันพัวกันแบบแปลกๆ
พริบพราวทำงานไปมองที่ห้องอวัศยาไปด้วยความร้อนใจ ลิลลี่ รุจน์ แสนดี พีระ ทำงานไป เม้าไป แบบไม่เปิดปาก
แสนดีเปิดฉาก “ทำไมอยู่ๆ มิสคานทองถึงได้ลุกมาอัพสวย พวกเธอว่ามันแปลกๆป่ะ”
ลิลลี่ตอบทันที “มาก”
“แต่ผมว่าไม่เห็นแปลกเลย ใครๆก็อยากสวย อยากดูดี พอดีวันนี้คุณศยาคงว่างเลยแต่งตัวจัดเป็นพิเศษ”
ลิลลี่กับแสนดีทำท่าผงะใส่พีระ
“โหย”
“โลกสวยไปป่ะคุณพี จัดเต็มขนาดนี้ มันไม่ใช่แค่ว่างแล้วมั้งคะ” แสนกีว่า
“อ้าวเหรอ”
“แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร...ผมว่าพี่ศยาเค้าก็สวยจริงๆนะ” รุจน์แสดงความเห็น “เดินเข้ามาเมื่อกี๊ยังกะนางพญา เปิดตัวแกรนด์สุดๆ ที่จริงถ้าแกแต่งแบบนี้ซะตั้งแต่เป็นสาวๆ ป่านนี้คงลงจากคานไปนานแล้ว”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
พริบพราวได้ยินก็ยิ่งหวาดหวั่นใจ เธอชะเง้อมองไปที่ห้องทำงานของอวัศยาสุดฤทธิ์
ปราณนต์วางแฟ้มลูกค้าไว้บนโต๊ะของอวัศยา
“ผมทำสรุปประวัติลูกค้าที่ลุงไกรแนะนำไว้ในแฟ้มหมดแล้วครับ พี่ศยาจะให้ผมเล่าให้ฟังอีกครั้งหรือเปล่าครับ หรือว่าจะอ่านเอง”
ปราณนต์ยืนเผชิญหน้ากับอวัศยา ส่วนรันยืนอยู่อีกมุม และลิปดายืนอยู่อีกมุม ทั้งสองคนจับตามองจากมุมของตัวเอง อวัศยาปรายตามองลิปดาและรันก่อนจะพูด
“บอส กับ รัน...เอ่อ...ไม่ไปทำงานเหรอคะ มีอะไรกับฉันหรือเปล่า”
“ก็...มีแต่ไม่เป็นไร ไม่รีบ คุณคุยกับปราณนต์ก่อนเลย ผมรอได้”
อวัศยาหันมาทางรัน
“ฉันก็รอได้เหมือนกัน เชิญตามสบาย”
รันกับลิปดาทำเป็นอ่านโน่นอ่านนี่เหมือนไม่สนใจแต่ก็แอบมองและเงี่ยหูฟังสุดฤทธิ์ อวัศยามองรันกับลิปดาอย่างไม่ค่อยไว้วางใจ แล้วก็หยิบแฟ้มมาพลิกอ่านดูโดยทำเป็นตั้งใจ
ปราณนต์มองอวัศยาโดยมองทั้งหน้า ทั้งผม และชุด อวัศยารู้ว่าโดนมองก็ยิ่งใจเต้น ลิปดาแอบมองอวัศยากับปราณนต์ ส่วนรันแอบมองลิปดากับอวัศยา ทันใดนั้นปราณนต์ก็พูดขึ้น
“พี่ศยาครับ” อวัศยาเงยหน้ารอฟังด้วยความตื่นเต้น แล้วปราณนต์ก็พูดต่อ “พี่อ่านแฟ้มกลับหัวน่ะครับ” ปราณนต์พลิกแฟ้มในมืออวัศยา “นี่ครับ”
ลิปดาหัวเราะออกมา รันต้องรีบกลั้นขำ อวัศยาปรายตามองรันกับลิปดาด้วยความอับอาย
อวัศยาพูดแก้เก้อ “เดี๋ยวฉันอ่านเองก็แล้วกัน ยืนอยู่กันเต็มห้องแบบนี้ ฉันไม่มีสมาธิทำงาน” อวัศยาพูดกับปราณนต์ “ออกไปได้ ฉันไม่มีอะไรแล้ว”
“ครับ” ปราณนต์หันหลังจะไป แล้วก็นึกได้จึงหันกลับมาใหม่ “เออ พี่ศยาครับ คืนนี้พี่ศยาว่างหรือเปล่าครับ”
อวัศยาหูตั้งทันที ลิปดาปรายตามองขวับ ส่วนรันตาโตคิดในใจว่า โอ้ว แรง
อวัศยาพยายามทำเสียงปกติและกำลังจะอ้าปากตอบ “ว่า....”
ลิปดาพูดสวนขึ้นมาทันที “ไม่ว่าง”
อวัศยากับรันหันขวับมาทางลิปดา
ลิปดาเดินมาหาอวัศยา “ผมนัดลูกค้าวีไอพีไว้ คุณต้องไปกับผม”
“หะ บอสนัดไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันไม่รู้เรื่อง”
“เพราะผมยังไม่ได้บอก แต่กำลังจะมาบอกอยู่นี่ไง” ลิปดาพูดกับปราณนต์ “เสียใจด้วยนะ”
อวัศยาหลิ่วตามองลิปดาแบบไม่อยากจะเชื่อ รันแทรกขึ้น
รันรีบถามปราณนต์ “แล้วถ้าศยาว่าง...คุณมีอะไร”
“อ๋อ คือ คืนนี้ผมกับพราวจะพาพี่ๆไปคาราโอเกะกันน่ะครับ ก็เลยคิดว่าพี่ศยาว่าง จะชวนไปด้วยกัน”
อวัศยาถามย้ำ “เธอกับพราว...ไปคาราโอเกะ”
อวัศยาถามด้วยน้ำเสียงผิดหวัง
พริบพราวถามด้วยหวาดหวั่น
“แล้วพี่ศยาไปมั้ย”
พริบพราวกับปราณนต์นั่งคุยกันอยู่ที่แคนทีน พริบพราวมีท่าทีร้อนใจ ในขณะที่ปราณนต์คุยไปชงกาแฟไปโดยชงกาแฟดำให้พริบพราวด้วย
“ไม่ไป พี่ศยาต้องไปหาลูกค้ากับบอส”
พริบพราวถอนหายใจโล่งอก เธอคิดแล้วตัดสินใจถามแบบอ้อมๆ
“เอ่อ...ณนต์ว่าวันนี้พี่ศยาเค้าแต่งตัวแปลกๆหรือเปล่า”
ปราณนต์หันมาพร้อมแก้วกาแฟของตัวเองและของพริบพราว “ไม่แปลกนะ ก็สวยดี”
พริบพราวสะอึกทันที “สวย สวยมากมั้ย”
“ก็..” ปราณนต์คิด “ก็สวยมากนะ ปกติไม่เห็นพี่ศยาแต่งแบบนี้”
“แล้วชอบมั้ย”
“ชอบสิ สวยดี” ปราณนต์เริ่มเอะใจ “มีอะไรหรือเปล่า” ปราณนต์วางแก้วกาแฟของพริบพราวไว้ตรงหน้าเธอ
พริบพราวชะงักแล้วพูดเสียงสูงทันที “ไม่มี๊ ก็แค่อยากรู้เฉยๆๆ แหะๆ” พริบพราวรีบหยิบกาแฟมาดื่มแก้เก้อแล้วก็สำลัก “อี๊ขมจัง นี่ณนต์ไม่ได้ใส่น้ำตาลใส่ครีมให้เลย”
“อ้าว...ก็..ตอนเป็นแอบรักผมเห็นคุณถ่ายรูปแก้วกาแฟให้ดู ผมเห็นเป็นกาแฟดำ ผมก็เลยชงกาแฟดำให้” ปราณนต์งง
พริบพราวชะงักกึกแล้วก็รีบทำเนียนๆ
“อ๋อ..จริงๆ แล้วมันก็ใช่ แต่พราวจะใส่น้ำตาลกับ..น้ำผึ้งน่ะ มันก็จะหวาน แต่ไม่มีสี ดูเผินๆ เหมือนๆกาแฟดำไม่ใส่อะไรเลย”
“อ้าวเหรอ...ชงให้ใหม่นะ”
“ไม่เป็นไรๆ พราวดื่มได้ขอบคุณมาก” พริบพราวยิ้มแล้วก็ฝืนดื่มทั้งที่ไม่ชอบ
ปราณนต์นึกได้
“อ้อ...ลืมบอกไป พี่ศยาไม่ได้ไปคาราโอเกะ แต่ส่งตัวแทนไปหนึ่งคน”
พริบพราวหันมาทำหน้างงๆ “ใคร”
รันร้องเพลงพร้อมออกสเต็ปแรงมาก แต่ก็เป๊ะเว่อร์
“พูดอีกที ๆๆได้หรือเปล่า ฉันไม่ได้ฟัง ก็อยากจะฟังมาตั้งนาน พูดอีกทีๆๆ ได้หรือเปล่า ? ย้ำว่าเธอน่ะยังรักกันอยู่ ด๊า ๆๆ”
รันเต้นสะบัด ทั้งเนื้อ ทั้งคีย์ ทั้งท่าเต้นเป๊ะมาก
รันอยู่ในห้องคาราโอเกะส่วนตัว ที่มีแสนดียืนถือไมโครโฟนหน้าเหวออยู่ข้างๆ พริบพราวกับ
ปราณนต์ที่นั่งคู่กันอยู่อีกมุมมองตาค้าง พริบพราวกระซิบ
“โห...สงสัยพี่รันจะแอ๊บไม่อยู่ เจอเพลงพี่ติ๊กระทุ้งต่อมสาวแตกกระจาย”
พริบพราวกับปราณนต์ขำแล้วก็นั่งขยับๆ กึ่งๆ เต้นตามรัน
ลิลลี่มองพริบพราวกับปราณนต์กุ๊กกิ๊กกันแล้วก็ตาขวางเพราะเคือง แล้วลิลลี่ก็ยกแก้วน้ำสีอำพันคล้ายเหล้ามาดื่มจนหมดแก้ว รุจน์ที่นั่งอยู่ข้างๆ รีบชงให้อีก
“ต่อเลยจ้ะ เดี๋ยวขาดช่วง”
สักพักแสนดีวางไมโครโฟนอย่างยอมแพ้ก่อนจะเดินมาหานิดา
“ไหนคุณนิดาบอกว่า คุณรันร้องเพราะไทยไม่ค่อยถนัดไงคะ” แสนดีมองเซ็งๆ “แต่เท่าที่เห็นน่าจะบริโภคเพลงไทยแทนข้าวนะคะ เป๊ะเชียว”
นิดาได้แต่ยิ้มรับ “ก็ดีนะคะ..คุณรันจะได้ปลดปล่อยบ้างอะไรบ้าง”
แสนดีมองรันแล้วก็ส่ายหน้าก่อนจะหันมาทางปราณนต์กับพริบพราวที่กำลังกุ๊กกิ๊กกัน แสนดีเศร้า พริบพราวหันมาเห็นพอดีก็ยิ้มกว้างให้แสนดีกะว่าแสนดีจะคืนดี แต่แสนดีกลับค้อนวงเล็กๆ ใส่ พริบ
พราวจ๋อย ปราณนต์เห็นก็จับมือให้กำลังใจ
รันเหลือบไปเห็นพอดีก็แอบชะงักคิดในใจว่า “เพื่อนฉัน...ซวยแน่” รันร้องเพลงจบพอดีก็รีบหันมาโพสต์ท่าสวยมาก พริบพราวกับปราณนต์ปรบมือให้ด้วยความประทับใจ รันโค้งรับและพูดย้ำ
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊เป็นแค่การแสดงนะครับ ... ไม่ใช่เรื่องจริง”
รันกลับมาแมนเหมือนเดิม แต่ทุกคนในห้องมองด้วยสายตาไม่เชื่อเลย
อวัศยาเหวอ
“ไม่ใช่เรื่องจริง ! สรุปบอสไม่ได้นัดลูกค้า”
ลิปดายิ้มหน้าเป็นและทำหน้าตาย
“ใช่ !! แต่ถึงไม่ได้นัดลูกค้า แต่ผมมีแขกวีไอพีนะ”
“ใคร”
“คุณไง” ลิปดายิ้มกว้าง
“ตลก!! นี่บอส ไม่ใช่เวลามาทำขำกลบเกลื่อน บอกมาเลย นี่มันคืออะไร โกหกว่านัดลูกค้า แล้วลากฉันมาซะสูงแบบนี้ เพื่อ”
“เพื่อให้สมกับที่ยอมปรับลุค เปลี่ยนตัวเองแต่งตัวสวยขนาดนี้ จะให้นั่งกินข้าวอยู่บ้านเฉยๆได้ไง เสียดายเครื่องสำอาง” ลิปดาขำ
อวัศยาชะงักนิดๆ และเริ่มจะหายหงุดหงิดแต่เธอก็ถามย้ำ
“บอสคิดว่า ฉันแต่งแบบนี้แล้วไม่ตลกเหรอ”
“ไม่เลย สวยมาก”
“จริงเหรอ”
“จริง”
“อวยกันเองหรือเปล่า”
ลิปดาขำ “นี่คุณมั่นใจในตัวเองหน่อย ทีเรื่องหล่ะงานมั่นใจจัง ทำอะไรไม่เคยถาม ทีเรื่องแต่งตัว ถามย้ำอยู่ได้ เชื่อผมคุณแต่งแบบนี้สวยจริงๆ” ลิปดามองหน้าแล้วก็ชมจากใจจริง “สวยมากครับ”
ลิปดายิ้มให้อย่างจริงใจและอบอุ่นจนอวัศยาต้องยิ้มตามเพราะเขินนิดๆ
อวัศยาคิดแล้วก็ขำ “จะว่าไป ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนึงที่ฉันกล้าลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนี้” อวัศยามองลิปดาแล้วก็พูดตรงๆ “ขอบคุณบอสมากที่เป็นแรงบันดาลใจ เป็นดีไซเนอร์ แล้วก็เป็นสปอนเซอร์ให้ด้วย ขอบคุณค่ะ”
ลิปดายิ้มรับ “เวลาคุณพูดดีๆกับผมแบบนี้ก็...น่ารักดีนะ พูดดีๆกับผมแบบนี้บ่อยๆสิผมชอบ”
อวัศยามองหน้าลิปดา ต่างคนต่างนิ่งกันไปหนึ่งอึดใจ ลิปดามองหน้าอวัศยาด้วยแววตาอ่อนโยนและเปลี่ยนไป อวัศยาชะงักกับแววตานั้น พนักงานเดินมาพร้อมรายการอาหาร ลิปดาเปลี่ยนเรื่องทันที
“เมนูมาแล้ว สั่งอาหารกันดีกว่า” ลิปดายิ้มกว้างเพื่อตัดบท
อวัศยารับเมนูมาแล้วชะงักคิดก่อนจะส่ายหน้าบอกกับตัวเองว่าไม่มีอะไรหรอก ไม่คิดๆๆ ลิปดาลอบมองอวัศยาพลางคิดในใจว่าสวยจัง
รันกำลังร้องเพลงไม่รักไม่ต้องมาแคร์อย่างอินมากมาย เหมือนกับ “นิว จิ๋ว” กำลังสิงร่างนางอย่างแนบแน่น รันร้องท่อนสุดท้ายและจบด้วยท่าที่เป๊ะเว่อร์
“ขอย้ำนะครับ” รันพูดเสียงแมนมาก “ทุกอย่างคือการแสดงเท่านั้น”
“ค่ะ / ครับ” ทุกคนรับอย่างโคตรจะไม่เชื่อ
รุจน์แย่งไมโครโฟนมาจากรัน “คุณรันครับ...ผมขอแทรกนิดนึงนะครับ คือ..ไหนๆเราก็มาร้องฟรี กินฟรีแล้ว ขอเชิญเจ้าภาพกล่าวเล็กๆน้อยๆหน่อยครับ สรุปวันนี้เรามาทำอะไรกันที่นี่ครับ ช่วยไขความกระจ่างนิสนึง”
รุจน์พูดส่ง ปราณนต์กับพริบพราวมองหน้ากัน ปราณนต์ลุกขึ้นแล้วก็ยื่นมือมาจับมือพริบพราวเดินไปด้วยกัน นิดากับพีระมองแล้วก็ยิ้ม แสนดีปรายตามองนิดๆ แบบยังเคือง ลิลลี่เบ้หน้าหมั่นไส้ รันมอง
แล้วก็สิ้นหวังแทนเพื่อน รันคิดแล้วก็ตัดสินใจค่อยๆหยิบโทรศัพท์มาแล้วก็กดอัดคลิปวีดีโอ
ปราณนต์กับพริบพราวยืนอยู่กลางห้อง รุจน์ส่งไมโครโฟนให้ ปราณนต์พูดด้วยความจริงใจ
“ที่ผมกับพราวชวนทุกคนมาด้วยกันในวันนี้ เพื่อเป็นการขอโทษ ที่ผ่านมา.. ถ้าผมกับพราวเคยทำให้พี่ๆรู้สึกไม่สบายใจ..สงสัย หรืออะไรก็ตามยกโทษให้เราสองคนด้วยนะครับ เราไม่ตั้งใจจะปิดบัง โกหก หรือ หลอกลวงอะไรทั้งนั้น”
ปราณนต์พูดด้วยความจริงใจและตรงไปตรงมา แสนดีเห็นความจริงใจของปราณนต์ก็แอบใจอ่อนนิดๆ
ปราณนต์พูดต่อ “ตอนนี้ทุกอย่างก็คลี่คลาย ทุกคนก็รู้ความจริงหมดแล้ว ขอให้ลืมเรื่องที่ทำให้เราขัดข้องใจ และเริ่มต้นใหม่...เพื่อการทำงานที่ราบรื่นและเพื่อนารากรของเรา”
รุจน์ปรบมือหน้าแป้นมาก “พูดได้ดีมาก ดื่มครับดื่ม”
รุจน์หันมาหยิบแก้วแล้วชวนทุกคนดื่ม พีระส่งแก้วให้ปราณนต์ พริบพราว และนิดารับไปคนละแก้ว พริบพราวคิดแล้วก็เอาแก้วของตัวเองเดินไปหาแสนดี พริบพราวส่งแก้วให้แสนดี
“พราวขอโทษพี่แสนดีที่ไม่ได้บอกความจริง...ยกโทษให้พราวนะคะ” พริบพราวยกมือไหว้แสนดี
พริบพราวอ้อนวอน แสนดีคิด ทุกคนลุ้น ปราณนต์มองแสนดีโดยช่วยส่งสายตาอีกคน
ปราณนต์พูดเสริม “พราวไม่สบายใจมากๆเลยนะครับ ที่ทำให้พี่แสนดีโกรธ เค้าปรึกษาผมตลอด และที่เราตัดสินใจชวนพี่ๆมาวันนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะพี่ พราวเค้าแคร์พี่มากนะครับ”
ปราณนต์พูดจนแสนดีใจอ่อนและแอบซึ้งเบาๆ
“ก็ได้ๆ .. ดื่มก็ดื่ม” แสนดีว่า
ทุกคนดีใจ “เย้”
ปราณนต์เดินมาส่งแก้วให้พริบพราวและทุกคนก็ดื่มพร้อมกัน ลิลลี่ดื่มรวดเดียวหมดจนเมาอย่างแรง รันถือแก้วทำเป็นดื่มแต่แพนกล้องไปรอบๆห้องแล้วก็มาหยุดตรงที่พริบพราวกับปราณนต์ที่ยืนอยู่หน้าห้อง ทั้งสองมองตากันด้วยความซาบซึ้ง พริบพราวกระซิบข้างๆหูปราณนต์
“ขอบคุณมาก”
ปราณนต์ยิ้มรับ พริบพราวจะกลับไปนั่งที่
“วันนี้ผมมีเพลงๆเพลงหนึ่งที่อยากมอบให้พราว”
ปราณนต์มองตาพริบพราว นิดากับพีระปรบมือ พริบพราวยิ้มและปรบมือสนุกไปกับเขาด้วย
“เลือกเพลงมาเลยครับไอ้น้องณนต์”
รุจน์เปิดเพลง ปราณนต์ร้องเพลงที่มีความหมายดีๆส่งไปถึงพริบพราว ลิลลี่ดื่มอั๊กๆ
พริบพราวน้ำตาซึม ณนต์เข้าไปดึงมือพริบพราวจากที่นั่งมายืนข้างตนแล้วจับมือพริบพราวกุมไว้
พริบพราวเอาหัวชนกับปราณนต์ ทั้งสองคนร้องเพลงด้วยกันอย่างมีความสุข
รันกดหยุดอัดคลิปแล้วมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่มีคนสนใจ รันค่อยๆกดส่งคลิปไปให้อวัศยา หน้าจอขึ้นโปรแกรมไลน์ที่กำลังส่งคลิปไปที่ไลน์ของอวัศยา
มือถือลิปดามีสายเข้า ลิปดายกมือเหมือนขอเวลาสักครู่
ลิปดาหยิบโทรศัพท์มาดู “แม่โทร.มา ขอคุยแป๊บ”
อวัศยาทำเป็นยิ้มรู้ทัน “จะคุยกับสาว ไม่ต้องเอาแม่มาอ้างก็ได้”
“สวัสดีครับแม่” ลิปดาพูดกับแม่ทันที “แม่ครับ มีคนเค้าไม่เชื่อว่าผมคุยกับแม่ เดี๋ยวแม่คุยกับเค้าหน่อยนะครับ”
“บอส” อวัศยาตกใจ
ลิปดาส่งโทรศัพท์ให้อวัศยา “แม่ผมจะคุยด้วย”
“อย่ามามุก”
“ผู้ใหญ่รอไม่ดีนะคุณ ทางไกลจากเมกาด้วย รีบรับเร็ว”
อวัศยาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ก็รับมา
“สวัสดีค่ะ”
ทันใดนั้นเสียงก็มีเสียงหญิงวัยกลายคนตอบมา
“สวัสดีจ้ะลูก นี่ใครหล่ะ”
อวัศยาตกใจจึงทำปากพูดกับลิปดาแบบไม่มีเสียง “แม่จริงๆ เหรอ”
“จริง คุยเลยๆ”
“ฮัลโหลหนูเป็นใครคะ ชื่ออะไรลูก”
“เฮ่อ..อวัศยาค่ะ หนูชื่ออวัศยา”
“อ๋อหนูอวัศยา ได้ยินแต่ชื่อ เพิ่งได้ยินเสียง .. นี่ลิปดาเค้าพูดถึงหนูให้คุณแม่ฟังบ่อยๆเลยนะ ไม่ต้องห่วง มีแต่เรื่องดีๆ ขอบคุณมากที่ช่วยลิปทำงานและดูแลกันและกันมาอย่างดี .. ไม่ต้องห่วงนะ นี่แม่เอง ไม่ใช่สาวอื่นหรอก” แม่ลิปดาขำ
“อ๋อ ค่ะๆ” อวัศยาหัวเราะเก้อๆ “คุณแม่คุยกับบอส เอ่อ ..คุยกับคุณลิปต่อนะคะ”
“จ้า ยินดีที่ได้คุยกันนะ อ้อ..หนูเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ลิปพูดถึงทุกครั้งที่คุยกัน หนูเป็นผู้หญิงที่พิเศษสำหรับลิปมากนะลูก”
อวัศยามองหน้าลิปดา ลิปดายักไหล่คล้ายจะถามว่ามองทำไม
อวัศยาอึ้งไป “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ยินดีที่ได้คุยกันค่ะ สวัสดีค่ะ” อวัศยาส่งโทรศัพท์ให้ “บอส”
ลิปดารับมา “แป๊บนึงนะครับแม่” ลิปดาพูดกับอวัศยา “ผมขอออกไปคุยข้างนอกนะ จะได้ไม่รบกวนโต๊ะอื่น เดี๋ยวผมมา”
ลิปดาลุกขึ้นและเดินออกไปคุยข้างนอก
“เป็นไงบ้างครับแม่”
อวัศยาคิดแบบงงๆ กับคำพูดของแม่ลิปดาที่เพิ่งผ่านมา
“หนูเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ลิปพูดถึงทุกครั้งที่คุยกัน หนูเป็นผู้หญิงที่พิเศษสำหรับลิปมากนะลูก”
อวัศยาคิด.. “คนพิเศษ “ ทันใดนั้นก็มีข้อความเข้า อวัศยาหยิบโทรศัพท์มาดูก็เห็นว่ามีข้อความไลน์จากรันเข้ามา อวัศยาเปิดดูก็เห็นว่าเป็นคลิป พร้อมข้อความ “ไม่ได้จะซ้ำ แต่อยากให้ทำใจ”
อวัศยาอ่าน “ไม่ได้จะซ้ำ แต่อยากให้ทำใจ” อวัศยางง “อะไรของนาง”
อวัศยากดดูคลิปที่รันกดอัดตอนปราณนต์พูด
“... ที่ผมกับพราวชวนทุกคนมาด้วยกันในวันนี้ เพื่อเป็นการขอโทษ ที่ผ่านมา.. ถ้าผมกับพราวเคยทำให้พี่ๆรู้สึกไม่สบายใจ..สงสัย หรืออะไรก็ตามยกโทษให้เราสองคนด้วยนะครับ เราไม่ตั้งใจจะปิดบัง โกหก หรือ หลอกลวงอะไรทั้งนั้น”
อวัศยายืนดูแล้วก็อึ้ง ใจเต้น ระทึกรู้สึกเหมือนในใจกำลังโดนบีบอย่างรุนแรง
ลิปดาคุยโทรศัพท์กับแม่
“พี่องศาโทร.ไปคุยกับแม่เรื่องเปิดบริษัทเนี่ยนะ แม่ไม่ต้องโอเคอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้อยากทำกับเค้า ถ้าเค้าเอาชื่อผมไม่อ้าง แม่ไม่ต้องเชื่อเลยนะครับ”
ลิปดาหันมามองอวัศยาที่นั่งในร้านอาหารเป็นระยะๆ
อวัศยายืนดูคลิปตัวชาด้วยความช๊อค
ภาพในคลิป ปราณนต์กำลังพูด
“พราวไม่สบายใจมากๆเลยนะครับ ที่ทำให้พี่แสนดีโกรธ เค้าปรึกษาผมตลอด และที่เราตัดสินใจชวนพี่ๆมาวันนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะพี่ พราวเค้าแคร์พี่มากนะครับ”
“ก็ได้ๆ .. ดื่มก็ดื่ม” แสนดีตอบ
ทุกคนดีใจ “เย้”
ทุกคนดีใจ ภาพเน้นที่พริบพราวกระซิบขอบคุณปราณนต์ที่ข้างหู บรรยากาศหวานแหววสุดๆ
อ่านต่อหน้าที่ 3
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 10 (ต่อ)
อวัศยาทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งเสียใจ น้อยใจจนอยากจะกรี๊ด อารมณ์ทุกอย่างผสมปนเปไปหมด จังหวะนั้นเองน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา เพลงจากคลิปดังพร้อมกับภาพสองคนกอดคอกันร้องเพลงอย่างมีความสุข อวัศยาน้ำตาอาบแก้ม คนโต๊ะข้างๆมอง อวัศยาปาดน้ำตาแล้วก็ทนไม่ไหวจึงลุกขึ้นหยิบกระเป๋าและเดินออกไปจากร้าน
ลิปดาหันมาเห็นพอดีก็รีบบอกแม่
“แม่ครับแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วผมรีบโทรกลับสวัสดีครับ”
ลิปดาวางสายแล้วรีบเดินตามอวัศยาออกไป
อวัศยาเดินปาดน้ำตามาตามทาง ลิปดาวิ่งตามมาจากทางด้านหลัง
“ศยา ....”
อวัศยาไม่หยุดเดิน ลิปดาวิ่งมาถึงจึงจับตัวเธอให้หันมาก็เห็นน้ำตาอวัศยานองหน้า
“คุณเป็นอะไร โอเคหรือเปล่า”
“ฉันไม่โอเค” อวัศยาสะบัดแขน
อวัศยาจะเดินไป ลิปดาไม่ยอมจึงจับแขนอวัศยาแล้วดึงให้หันกลับมา
“ผมก็ไม่ให้คุณไป” ลิปดาบอก อวัศยาหันมา “คุณเป็นอะไร .. ตอนแรกผมคิดว่าจะไม่ถาม แต่อาการคุณวันนี้ทำให้ผมเปลี่ยนใจ ... บอกผมได้มั้ยว่าเป็นอะไร ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ทั้งดื่มเหล้า ทั้งมึน จนทำไฟไหม้ห้อง บอกมาเกิดอะไรขึ้น”
อวัศยามองหน้าลิปดาคล้ายจะถามว่า “ไม่รู้จริงๆเหรอ?” แต่ลิปดาก็ยังคาดคั้นด้วยความเป็นห่วงเพราะไม่รู้จริงๆ ลิปดาจับไหล่อวัศยาให้หันมาเผชิญหน้าแล้วก็คาดคั้น
“ตั้งแต่รู้จักกันมาคุณไม่เคยเป็นแบบนี้ ผมจะไม่ยอมให้คุณปิดปากเงียบอีกแล้ว คุณต้องพูด ต้องระบายออกมา ผมอยู่ตรงนี้รอฟังอยู่ อยากจะพูดอะไรก็พูดออกมา อยากจะทำอะไรก็ทำออกมา”
สิ้นเสียงลิปดาอวัศยาก็ฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของเขาเพี้ยะ ลิปดาหน้าหันขวับแล้วก็อึ้ง อวัศยาระเบิดออกมา
“บอสรู้เรื่องที่ฉันเป็นแอบรัก และรวมหัวกับเด็กนั่นสวมรอยเป็นฉันหลอกปราณนต์ ทำไม..ทำไมบอสต้องทำกับฉันแบบนี้! ทำไม”
ลิปดาอึ้ง เขาหันมามองหน้าอวัศยาที่ยืนน้ำตาคลอ อวัศยาระบายต่อ
“ตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เคยสนใจใคร และไม่คิดจะสนใจ ปราณนต์เป็นผู้ชายคนเดียวที่ทำให้ฉัน “คิดถึง” ฉันยอมทำอะไรบ้าๆ ยอมแชตออนไลน์ ยอมโกหก” อวัศยาร้องไห้ “ยอมเล่นละคร เพราะต้องการอยู่ใกล้เค้า ทำไมบอสต้องเข้าข้างพริบพราว แล้วมาทำร้ายจิตใจฉันแบบนี้ ทำไม”
อวัศยาตะคอกใส่น้ำตาร่วงทั้งโกรธ ทั้งเสียใจปะปนกันไป ลิปดามองด้วยความสงสาร ในวินาทีนั้นเองลิปดาก็ดึงตัวอวัศยาเข้ามากอด อวัศยาทั้งตกใจและไม่พอใจจึงสะบัดตัวและพยายามจะขืนตัวออกมา
พร้อมกับทุบตีลิปดาไปด้วยเท่าที่จะทำได้
“ปล่อยฉันนะ บอสจะมากอดฉันทำไมเนี่ย ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย ฉันบอกให้ปล่อย”
“ไม่ ผมไม่ปล่อย จนกว่าคุณจะสงบสติอารมณ์และฟังผมอธิบาย”
“ไม่ ฉันไม่ฟัง”
“ไม่ฟังก็ไม่ปล่อย”
“ฉันบอกให้ปล่อย”
“อยากให้ปล่อยก็ต้องฟัง !! โอเคผมยอมรับว่าผมรู้เรื่องคุณเป็นแอบรักจากเมลที่คุณส่งผิด แต่ผมไม่ได้บอกพริบพราว..เค้ารู้ด้วยตัวเค้าเองวันที่คุณประสบอุบัติเหตุ ผมไม่ได้รวมหัววางแผนอะไรทั้งนั้น และผมก็ไม่รู้เรื่องสวมรอยอะไรเลย ถ้าคุณไม่เชื่อไปเรียกพริบพราวมาถามตอนนี้เลยก็ได้”
ลิปดาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังจนอวัศยาเริ่มจะนิ่งลง เธอหยุดดิ้นและยืนหมดแรงอยู่ในอ้อมกอดของลิปดา ลิปดาเห็นว่าอวัศยาสงบแล้วก็คลายกอดออกแล้วมองหน้าอวัศยาด้วยความเป็นห่วงที่พรั่งพรู
“ผมไม่รู้เรื่องจริงๆว่าพราวทำอะไรลงไป แต่ถ้าการที่คุณได้ตบได้ด่าผม ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น..ก็ทำ ทำเลย .. ผมยอม”
อวัศยามองหน้าลิปดาแล้วก็น้ำตาร่วง อวัศยาปาดน้ำตา สติของเธอเริ่มกลับมา อวัศยาหันหน้าไปทางอื่นเพื่อตั้งสติก่อนจะหันกลับมาทางลิปดาอีกครั้ง
“บอส ฉันอยากกลับบ้าน”
ลิปดาเลิกคิ้วอย่างงงๆ
“กลับตอนนี้เนี่ยนะ จู่ๆจะรีบกลับไปทำไม”
อวัศยามองลิปดาแต่ไม่ตอบอะไร
อวัศยาทายาฟกช้ำที่แก้มลิปดาด้านที่โดนเธอตบอย่างแผ่วเบาและรู้สึกผิด
“เจ็บไม๊” อวัศยาถาม
“แบบนี้เรียกว่า “ตบก่อนถามทีหลัง” คราวหน้าถามก่อนตบนะ จะได้ไม่เจ็บตัวฟรี”
อวัศยาทายาเสร็จ “ขอโทษก็ฉันเห็นบอสกับพราวสนิทกัน มีอะไรก็ปรึกษากัน ฉันก็เลยคิดว่า..”
“ศยา... ถึงผมจะสนิทกับพราว..แต่มันยังน้อยกว่าที่ผมสนิทกับคุณ..มันห่างไกลกันมากๆ ผมไม่มีวันจะร่วมมือกับพราวทำให้คุณเสียใจ”
อวัศยาชะงักนิดๆ เพราะรู้สึกดี
พริบพราวยิ้มมองปราณนต์กับรุจน์ร้องเพลงร็อค พีระก็ร็อคแบบพ่อบ้านอยู่ข้างเมีย ลิลลี่เริ่มเมา
แสนดีมองพริบพราวกับปราณนต์แล้วก็ยังคาใจนิดๆ
แสนดีพูดเบาๆ “พราวเนี่ยนะ เป็นแอบรัก .. ไม่อยากจะเชื่อเลย”
แสนดีส่ายหน้าเพราะยังไงก็ไม่เชื่อ
ลิปดาพูดด้วยความจริงใจ อวัศยามองตาแล้วก็สัมผัสได้จึงมีแววตาอ่อนลง
“ไหนๆ ผมก็เจ็บตัวหลายรอบแล้ว โดนตบ ๒ ครั้ง โดนเหยียบเท้า แล้วก็โดนเหยียบย่ำน้ำใจอีก..สองสามครั้ง” อวัศยาเหล่ๆ ว่า แหม เยอะนะ ลิปดาพูดต่อ “ผมขอใช้สิทธิ์ในการถาม .. คุณชอบปราณนต์เพราะอะไร” อวัศยาชะงัก “คุณเพิ่งรู้จักเด็กคนนี้ไม่นาน ทำไมปราณนต์ถึงมีอิทธิพลกับคุณมากขนาดนี้”
อวัศยาอึกอักๆ ลิปดาเลิกคิ้วเหมือนจะบอกว่าให้บอกความจริง
“จริงๆแล้ว...ฉันเคยเจอปราณนต์มาก่อน ...ก่อนที่เค้าจะมาทำงานที่นี่”
ลิปดาแปลกใจ อวัศยาคิดย้อนถึงเหตุการณ์ที่เจอปราณนต์ตอนฝนตก
เหตุการณ์ในอดีตตอนที่อวัศยาเจอปราณนต์วันฝนตก อวัศยามองปราณนต์ที่มาช่วยเธอด้วยความซาบซึ้งใจและตื้นตัน
อวัศยาพูดด้วยความซาบซึ้ง
“ตอนนั้นปราณนต์เป็นเหมือนฮีโร่ของฉัน ฉันสัมผัสได้ถึงความดี ความมีน้ำใจ ฉันเชื่อว่าผู้ชายคนนี้พิเศษ เราจะได้เจอกันอีกแน่นอน...และเราก็ได้เจอกันจริงๆ”
ลิปดาพูดต่อ “คุณก็เลยคิดว่า...โอ้ว มันต้องเป็นเพราะพรหมลิขิตแน่ๆ”
อวัศยาพยักหน้ายิ้มๆ “ใช่”
“แล้วทำไมไม่คิดว่า .. การที่คุณเดินมาสมัครงานกับผม แล้วเราก็ได้เจอกัน ได้ทำงานด้วยกันมาตั้งหลายปี มันเป็นเพราะพรหมลิขิตบ้าง”
อวัศยาสวน “มันจะพรหมลิขิตได้ยังไง ก็ตอนมาสมัครงานกับบอส ฉันตั้งใจมาเอง เพราะเพื่อนแนะนำ .. แบบนี้ต้องเรียกว่า อวัศยาลิขิต”
“เออ..ก็จริง..โอเคกลับมาเรื่องปราณนต์ .. แค่ความประทับใจและอะไรบางอย่างที่คุณคิดว่า “สัมผัส” ได้..มันเพียงพอที่จะรัก หรือ ชอบใครสักคนจริงๆเหรอ”
“จริงๆมันก็ไม่พอ แต่หลังจากที่ ฉันได้รู้จักเค้ามากขึ้น มันยิ่งตอบชัดว่า .. ฉันคิดถูก”
อวัศยาเริ่มเพ้อ ลิปดานั่งฟังโดยทำเป็นตั้งใจฟังแต่ในใจแอบจี๊ด
“ตอนฉันแชตกับปราณนต์ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัว อยากจะพูด จะทำอะไรก็ทำ ภายใต้ชื่อ “แอบรัก” ฉันกลับเป็นอวัศยาได้อย่างเต็มที่” อวัศยายิ้มๆ
ลิปดาแย้งอีก “ทำไมคุณต้องเป็นตัวของตัวเองโดยใช้ชื่ออื่น .. ต่อให้คุณมีความสุขกับการแชตมากแค่ไหน .. แต่มันก็ไม่ใช่ความจริง”
อวัศยาหุบยิ้มแล้วก็อึ้งๆ
ลิปดาพูดต่อ “ลองเปรียบเทียบดูนะ... คุณเป็นตัวของตัวเองได้ทุกอย่างต่อหน้าผมและผมก็รู้ว่าคุณคืออวัศยา .. กับคุณเป็นตัวของตัวเองแต่ต้องหลอกปราณนต์ว่าเป็นแอบรัก แบบไหนคุณมีความสุขมากกว่ากัน”
ลิปดายิงตรงประเด็นและหวังว่าอวัศยาจะเข้าใจ
“การอยู่โดยไม่ต้องปิดบังมันก็ดีกว่าอยู่แล้ว..แต่ฉัน... ฉัน” อวัศยาสารภาพ “ฉันขี้ขลาดเอง ฉันไม่กล้าเปิดตัว กลัวคนอื่นจะมองไม่ดี กลัวปราณนต์จะรับไม่ได้ เพราะฉันกลัว ฉันก็เลยต้องเป็นแบบนี้ ถ้าฉันเป็นผู้หญิงใจกล้าอย่างพริบพราวก็ดี”
ลิปดาส่ายหน้า “ไม่จริง คุณเป็นของคุณแบบนี้ดีแล้ว” ลิปดาพยายามจะบอกความนัย
อวัศยายังไม่เก็ท “ถ้าดีจริง ทำไมตลอดเวลาที่แชตกัน ปราณนต์ถึงไม่คิดว่า “แอบรัก” คือ ฉัน ทำไมถึงคิดว่าเป็นพริบพราว” อวัศยาหันขวับมาทางลิปดา “บอส...ฉันถามจริงๆนะ..ผู้หญิงอย่างฉันจะหาแฟนกับเค้าได้หรือเปล่า และถ้าฉันอยากให้ผู้ชายดีๆซักคนหันมามองฉันบ้าง...ฉันต้องทำยังไง”
อวัศยาทำท่าซีเรียสจริงจัง
ปราณนต์กับพริบพราวร้องเพลงและเต้นด้วยท่าที่เหมือนกันดูเป็นคู่ที่เข้ากันได้ดี ทั้งสองเต้นไป ฮาไป
ลิปดามองหน้าและถามย้ำ
“แน่ใจเหรอ ว่าอยากจะได้คำตอบจริงๆ”
“แน่ใจ” อวัศยาบอก
“โอเค พรุ่งนี้ผมจะบอกเหตุผลสำคัญที่ทำให้คุณไม่มีแฟน”
ลิปดาทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจ อวัศยาฟังแล้วคิดว่าอยากให้ถึงพรุ่งนี้เร็วๆ
ปราณนต์กับพริบพราวเดินคู่กันมาจากคาราโอเกะ นิดากับพีระเดินตามออกมา นิดาเอาถุงที่ยัดมาในกระเป๋าออกมาโชว์
“แท่น แท้น แท้นนนนนน!! ดูซิว่านิดา ได้อะไรมาบ้าง งานนนี้มีถั่วทุกสายพันธุ์ ข้าวเกรียบ ปีกไก่ และแหนมสด พรุ่งนี้เมียจะยำทัพสารพัดถั่วให้กินนะจ๊ะแล้วพี่พีหล่ะได้อะไรมา”
“พี่ได้มาไม่เยอะหรอกจ๊ะ แค่สุรา 2 ขวด” พีระบอก
พีระเอาเหล้าออกมาจากเสื้อ และดึงออกมาจากเป้ากางเกง
“แล้วที่ก้นอะไรตุง” นิดาถามต่อ
พีระหยิบไวน์ออกมา
“ไม่ใช่เหล้าแต่เป็น ไวน์แดง”
นิดากรี้ด ทั้งสองคนตีมือกัน
“ของฟรีมีในโลก”
ลิลลี่เดินเซแทดๆออกมา รุจน์วิ่งตาม ลิลลี่หันกลับเพื่อจะเข้าไปต่อ
“ลิลลี่อยากแดนซ์ต่อ”
ลิลลี่เดินเซ รุจน์เอาตัวเองรับลิลลี่ไว้ไม่ให้ล้ม
“พอแล้วน้องลิลลี่ กลับบ้านเถอะ”
ในขณะที่รุจน์กับลิลลี่กำลังยื้อกันไปมา แสนดีก็เดินเซเพ้อๆ ดราม่าโครตๆออกมา
“ทำไมใครๆ ข้ามหัวฉันไปกันหมด!! เด็กใหม่เข้ามามันก็แซงหน้าฉันไป ฉันต้องทนเป็นเสมียนแก่ ม้าเต่ออยู่ทุกวันนี้เพราะอะไร!! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันรักนารากร”
แสนดีพูดไม่ทันขาดคำเสียงโครมก็ดังขึ้น แสนดีหันไปเห็นรันล้มกลิ้งกับที่ถังเขี่ยบุหรี่หน้าร้าน ปราณนต์ พริบพราว พีระ นิดา รุจน์ และลิลลี่หันไปมอง
“เอ้า..เอาเข้าไป ไม่สวยแล้วยังซุ่มซ่ามอีก” แสนดีว่า
แสนดีเดินไปหิ้วปีกรันและตบหน้ารันที่เมาไม่รู้เรื่อง หัวรันซบไหล่แสนดีแล้วแอบมีโมเมนท์หวาน
แสนดีจับรันขึ้นหลังด้วยท่าทางแมน วิญญาณชายอกสามศอกเข้าสิง
“เรานี่มันพระเอกหนังเกาหลีชัดๆ หล่อมาก” แสนดีว่า
ปราณนต์เห็นว่าทุกคนกำลังจะเละ เลยรีบตัดบท
“ได้เวลาแยกย้าย กลับบ้านกันไหวแน่นะครับ”
“หวายย” ทุกคนตอบเสียงเมาโคตร
“ไว้เจอกันที่ออฟฟิศค่ะ” พริบพราวลา
ทุกคนโบกมือร่ำลากัน นิดากับพีระแยกตัวไป รุจน์ลากร่างลิลลี่ไปด้วยกัน แสนดีลากรันไปอย่างทุลักทุเล พริบพราวยิ้มส่ง ปราณนต์หันมาทางพริบพราว
“คนอื่นเค้าก็กลับกันหมดแล้ว..ถึงตาเราบ้าง วันนี้ผมจะพาคุณกลับบ้านในแบบที่คุณไม่เคยทำมาก่อน”
“กลับยังไง”
พริบพราวหลิ่วตา ปราณนต์ยิ้มกริ่ม
รูปรันกำลังร้องเพลงถูกลงใน IG ของนิดา อวัศยานั่งดูอยู่ที่หน้าคอมในห้องทำงานของลิปดา อวัศยาเชค IG และ FB ของคนในออฟฟิศทีละคนซึ่งมีแต่รูปสนุกสนานจนมาเจอรูปหนึ่งของลิลลี่ที่เซลฟี่ตัวเอง แต่ด้านหลังเป็นปราณนต์กับพริบพราวกำลังมีความสุข
อวัศยาคลิกขยายรูปดูให้แน่ใจ เธอเห็นรูปปราณนต์นั่งหัวเราะกับพริบพราวอย่างมีความสุข อวัศยาทนไม่ได้จึงรีบปิดรูปด้วยความเศร้า ในวูบนั้นเองอวัศยาก็คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นได้ อวัศยาหันมาเปิดบล็อค และเริ่มพิมพ์
“ความกลัวที่ทำให้เราเสียโอกาส และ ความกล้าที่ทำให้เราตกอยู่ในอันตราย”
อวัศยาคิดแล้วก็พิมพ์
“สวัสดีค่ะ เพื่อนนักลงทุนที่สนใจเรื่องหุ้น และติดตามอ่านบล็อคของศยามาตลอด .. วันนี้เรามาคุยกันถึงเรื่อง “ความกลัว” และ “ความกล้า” กันค่ะ .. ทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนที่ดีควรมี แต่จะมีมากหรือน้อยนั้นแล้วแต่สถานการณ์ บางครั้งเรากลัวมากไปก็ไม่ดี แต่บางที “ไม่กลัว” แล้วกล้าบ้าบิ่นมากไปก็อันตราย .. สรุปทั้งความกลัวและความกล้าสามารถสร้างปัญหาให้เราได้”
อวัศยาหยุดคิดถึงสิ่งที่คุยกับลิปดาเมื่อตอนกลางวัน
ตอนที่เธอสารภาพกับลิปดา
“ฉันขี้ขลาดเอง ฉันไม่กล้าเปิดตัว กลัวคนอื่นจะมองไม่ดี กลัวปราณนต์จะรับไม่ได้ เพราะฉันกลัว ฉันก็เลยต้องเป็นแบบนี้ ถ้าฉันเป็นผู้หญิงใจกล้าอย่างพริบพราวก็ดี”
“ไม่จริง คุณเป็นของคุณแบบนี้ดีแล้ว”
“ถ้าดีจริง ทำไมตลอดเวลาที่แชตกัน ปราณนต์ถึงไม่คิดว่า “แอบรัก” คือ ฉัน ทำไมถึงคิดว่าเป็นพริบพราว”
อวัศยาเศร้า
อวัศยาพิมพ์ต่อ “ในการลงทุน “ความกลัว” ทำให้เราระมัดระวัง “ความกล้า” ทำให้เราฉวยโอกาสที่ดีได้เร็วและเฉียบขาดมากกว่าคนอื่น”
ลิปดาเดินผ่านมาหน้าห้องเห็นอวัศยานั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ก็อยากรู้ว่าเธอทำอะไร
ปราณนต์กับพริบพราวขี่จักรยานไปตามถนนยามค่ำคืนอย่างมีความสุข พริบพราวยังดูประหม่าแต่ปราณนต์คอยมองดูและประคองพริบพราว พริบพราวค่อยๆ มั่นใจเพิ่มขึ้น
อวัศยาพิมพ์ต่อเนื่อง
“ถ้าเราใช้ความกลัวและความกล้าให้ถูกที่ถูกทาง..จะเป็นผลดีต่อการลงทุนอย่างมาก .... สำหรับการใช้ชีวิต” อวัศยาคิด “ความกลัวอาจจะทำให้เราเป็นคนรอบคอบ ไม่พาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงอันตรายจนเกินไป”
อวัศยาที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์คิด
ภาพในอดีตย้อนกลับมา ตอนที่อวัศยาอยู่กับปราณนต์แบบเซฟๆ เช่น แอบมอง แอบอมยิ้ม ไม่กล้าสารภาพ ไม่กล้าแสดงออกมามาก
อวัศยาพิมพ์บล็อคต่อ
“แต่หลายครั้งความกลัวก็ทำให้เราพลาดหลายสิ่งหลายอย่าง .. โดยเฉพาะ.. พลาดที่จะบอกรักใครสักคน”
อวัศยาเศร้า
ภาพตอนที่พริบพราวกอดกับปราณนต์ในวันเปิดตัวแวบขึ้นมา
อวัศยาถอนหายใจ
ปราณนต์กับพริบพราวขี่จักรยานจากถนนใหญ่มาสู่ถนนในหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยร่มไม้และแสงไฟ ดูโรแมนติกไปอีกแบบ พริบพราวแกล้งทำเป็นเมื่อยขาปราณนต์จึงหันมามองด้วยความเป็นห่วงและขี่ช้าลง พริบพราวแกล้งทำให้รถจะล้ม ปราณนต์เหวอไปแล้วก็หัวเราะพร้อมกับส่ายหน้า
“คิดเหรอว่าแค่นี้จะชนะผมได้”
ทั้งสองคนแกล้งกันไปมาอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะของทั้งคู่สดใส
อวัศยาเขียนบล็อคต่อ
“ถ้าคุณคิดจะใช้ชีวิตด้วยความกล้าและบ้าบิ่น”
ลิปดานั่งอ่านบล็อคของอวัศยาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
“คุณต้องมีสติมากพอที่จะประคองตัวเอง”
พริบพราวเดินเข้ามาในห้องนอน เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย พริบพราวอ่านบล็อคอวัศยาจากมือถือด้วยสีหน้าเครียด
“เพราะทุกย่างก้าวที่คุณเดิน คุณพร้อมจะเพลี่ยงพล้ำและพลาดได้ทุกเมื่อ และทันทีที่พลาดคุณต้อง “กล้า” พอที่จะรับผลที่เกิดขึ้น”
พริบพราวอ่านแล้วก็หน้าเครียด
ปราณนต์ที่เปลี่ยนชุดนอนแล้วอ่านบล็อคผ่านคอมพิวเตอร์ในห้องนอน
“ฉันเป็นหนึ่งในคนขี้กลัว .. ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังจนบางครั้งก็มากเกินไป.. ฉันหวังว่าสักวันจะเอาชนะความกลัวและกล้าทำเรื่องที่อยากจะทำแต่ไม่กล้ากับเค้าได้บ้าง”
ปราณนต์อยากรู้ “พี่ศยาอยากทำอะไร”
อวัศยาปิดท้าย
“แล้วคุณหล่ะคะ...มีอะไรที่อยากทำแต่ไม่กล้าทำบ้าง .. และคิดจะทำมันบ้างหรือเปล่า”
ลิปดาอ่านแล้วก็คิดถึงตอนที่แจนบอกลิปดาให้บอกความรู้สึกของตัวเองกับอวัศยา
ลิปดาถอนหายใจ....
“เฮ่อ”
อวัศยาปิดคอมพิวเตอร์แล้วถอนหายใจ
ปราณนต์อ่านแล้วคิดถึงอวัศยาเพราะลึกๆก็ยังคิดถึงและคาใจบางอย่างที่บอกไม่ได้ พริบพราวอ่านแล้วเครียด
เช้าวันใหม่ เสียงกรี๊ดของลิลลี่ดังสนั่น
“อ๊ายยย”
ลิลลี่นอนอยู่ในห้องพักโรงแรมม่านรูด เธอเอาผ้ามาปิดหน้าอกและกรีดร้องสุดเสียง
“อ๊ายย”
รุจน์โผล่ขึ้นจากใต้ผ้าห่ม
“อ๊ากซ์ อะไรๆ เกิดอะไรขึ้น”
ลิลลี่และรุจน์หันขวับมามองหน้ากันแล้วก็ร้องออกมาพร้อมกัน
“น้องลิลลี่”
“อีพี่รุจน์”
ลิลลี่ถีบรุจน์กระเด็นตกจากเตียงตุ๊บ รุจน์นอนลงไปกองที่พื้น
“โอ้ย น้องลิลลี่”
ลิลลี่กระโดดตามมา พร้อมกับใช้ผ้าพันตัวบีบคอรุจน์ “อีพี่รุจน์บ้า ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง มันเกิดอะไรขึ้น หะ ? บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้บอกมา”
รุจน์โดนบีบคอ “แค่กๆ พี่ ไม่ได้ตั้งใจ ... ฟังพี่เล่าก่อนนนนน แค่กๆ”
เหตุการณ์ในอดีต ลิลลี่เมาอย่างแรงจนนอนสลบไปบนรถ
“พี่รุจน์...ลิลลี่ยังไม่อยากกลับบ้าน...พี่รุจน์พาลิลลี่ไปที่อื่นก่อนได้ป่ะ”
รุจน์กลืนน้ำลายเอื้อก
เหตุการณ์ปัจจุบัน ลิลลี่ที่เปลี่ยนชุดแล้วตบหน้ารุจน์ดังเพี้ยะ
“ฉันไม่เชื่อ”
“นี่ๆ พี่มีหลักฐาน” รุจน์บอก
รุจน์รีบล้วงโทรศัพท์ออกมาเปิดคลิปที่ถ่ายในรถ ลิลลี่หน้าเมาเยิ้มและพูดกับกล้อง
“พี่รุจน์ ลิลลี่ยังไม่อยากกลับบ้าน...พี่รุจน์พาลิลลี่ไปที่อื่นก่อนได้ป่ะ”
“มันจะดีเหรอจ้ะ” รุจน์ถาม
“ดีสิคะ..พี่รุจน์ไม่ต้องกลัวนะ เกิดอะไรขึ้นลิลลี่รับผิดชอบเอง” ลิลลี่ยิ้มตาเยิ้ม
ลิลลี่กรี๊ดอีกที
“อ๊ายย ไม่จริง ฉันเมา ฉันพูดไปด้วยความเมา ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆสักหน่อย”
“ก็พี่ไม่รู้ว่าจริงหรือล้อเล่น เห็นบอกว่าอยากมา .. พี่ก็พามา น้องลิลลี่ไม่ต้องห่วงนะครับ พี่ยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง พี่ขอโทษที่ทำให้น้องลิลลี่เสียชื่อ ด้วยเกียรติของพี่รุจน์ พี่รุจน์จะไม่ทอดทิ้งน้องลิลลี่เด็ขาด”
“ไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรทั้งนั้น พอเลย จบๆๆๆ ให้มันจบที่นี่แหละ และห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่นเป็นอันขาด ไม่งั้นฉันจะโกรธ และไม่พูดกับพี่ไปตลอดชีวิต”
ลิลลี่พูดจบก็กระดึบตัวเองออกไปจากเตียง
“น้องลิลลี่”
“อย่าขัดใจ”
ลิลลี่หันไปหยิบกระเป๋าแล้วสะบัดหน้าเดินออกไป รุจน์ได้แต่หน้าเสียที่ลิลลี่ไม่ยอมให้รับผิดชอบ เขาทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างสุดเซ็ง
อ่านต่อหน้าที่ 4
แอบรักออนไลน์ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ลิปดากำลังเอาผ้ามัดมืออวัศยาเข้าไว้ด้วยกัน อวัศยามองงงๆ
“บอสมามัดมือฉันทำไมเนี่ย”
“อยากมีแฟนไม่ใช่เหรอ .. นี่ไง” ลิปดาว่า
“นี่ไง อะไรของบอส” อวัศยาชูมือขึ้น “มัดมือแล้วจะมีแฟนได้ยังไง”
ลิปดาไม่สนใจเสียงโวยวาย เขาเดินถอยออกมาแล้วปล่อยให้อวัศยายืนอยู่กลางห้อง “เปิดทีวีโดยห้ามใช้มือ”
“หะ ทำอะไรนะ”
ลิปดาพยักหน้าไปทางทีวีที่อยู่เบื้องหน้าอวัศยา “เปิดทีวีโดยไม่ต้องใช้มือ ปฎิบัติ”
อวัศยามองงงๆ “เปิดทีวี โดยไม่ต้องใช้มือ เนี่ยนะ”
“อื้อ”
อวัศยากลอกตา “ไม่เห็นจะยากเลย”
ลิปดากอดอกมองอวัศยาไม่วางตา
อวัศยานั่งลงแล้วก็ใช้เท้าคีบรีโมทมาอยู่ตรงหน้าก่อนจะใช้นิ้วเท้ากดเปิดทีวีติด
อวัศยาหันมาพูดกับลิปดา “เปิดทีวี โดยไม่ใช้มือ ... มันยากตรงไหนเนี่ย”
“เออ ! สงสัยแบบทดสอบนี้อาจจะง่ายไปสำหรับคุณ ... แบบทดสอบต่อไปเลยก็แล้วกัน”
ลิปดาเดินมาหาและหยิบผ้าอีกผืนที่เตรียมไว้ออกมามัดขาศยาไว้
“เฮ้ย ! บอส อะไรอีกเนี่ย มามัดขาฉันทำไม”
“เฉยๆเหอะน่า เดี๋ยวก็รู้”
ลิปดามัดเสร็จก็อุ้มอวัศยาขึ้นทันที อวัศยาตกใจ
“ว้าย อะไรของบอสเนี่ย ปล่อยฉันเลยนะ นี่บอสมัดมือฉันยังพอทน มามัดเท้าอีกเนี่ยนะ” อวัศยาบ่นไปเรื่อย “มัดทำไมหะ”
ลิปดาไม่ฟังเสียง เขาอุ้มอวัศยาไปที่ห้องน้ำทันที
ลิปดาอุ้มอวัศยาเข้ามาในห้องนอน
“นี่คือแบบทดสอบที่สอง ... เปลี่ยนเสื้อผ้า”
อวัศยาตกใจ
“หะ เปลี่ยนเสื้อผ้า”
“ใช่ ใช้มือและเท้าได้ แต่ห้ามเอาผ้าออก คุณต้องเปลี่ยนชุดให้ได้ ผมให้เวลาแค่ ๕ นาที” ลิปดาพูดจบก็เดินออกไปเลย
“ห๊ะ มันจะเป็นไปได้ยังไง ? ตลกไปแหละบอส”
ลิปดาไม่สนใจ เขาหันมาย้ำ
“เริ่มจับเวลา”
ลิปดากดนาฬิกาจับเวลาแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับปิดประตูตึ่ง
ลิปดาที่ยืนอยู่หน้าห้องยิ้มพอใจด้วยความมั่นใจว่าอวัศยาทำไม่ได้แน่ๆ นาฬิกาบอกเวลา 9 โมง ๔๐ นาที
นาฬิกาบอกเวลาผ่านไป ๕ นาที ลิปดายิ้มและหันมาที่ประตู
“๕ นาทีแล้วนะคุณ ผมเปิดเข้าไปแล้วนะ ...หนึ่ง..สอง..สาม”
ลิปดาเปิดผัวะเข้าไปแล้วก็อึ้งที่เห็นอวัศยาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยจากชุดเก่าเป็นชุดเกาะอกเก๋ไก๋สวยงาม
ลิปดาตกใจ “เฮ้ย”
“อึ้งๆ ไม่คิดว่าฉันจะทำได้หล่ะสิ”
“คุณทำยังไง”
“ไม่เห็นจะยากเลย”
อวัศยายิ้มกวน
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ อวัศยาตั้งสติแล้วมองไปรอบๆ ห้อง แล้วเธอก็สะดุดที่กรรไกรและตู้เสื้อผ้า อวัศยารีบกระโดดไปที่กรรไกรแล้วหยิบมาถือไว้ ก่อนจะกระโดดไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วเลือกชุดเกาะอกมาหนึ่งชุด อวัศยาเริ่มต้นใช้กรรไกรตัดชุดที่กำลังใส่อยู่ออก
อวัศยาใช้มือที่มัดจับกรรไกรและตัดออกอย่างทุลักทุเล อวัศยาตัดทีละด้าน ทีละด้าน จนถอดชุดออกไปกองอยู่ที่พื้น อวัศยากระดื๊บๆ ตัวใส่เข้าไปในชุดเกาะอกที่เลือกไว้จนสำเร็จ
อวัศยาเล่าวิธีการแล้วก็ยักไหล่
“ง่ายๆ” อวัศยายืนโพสต์แบบอวดๆ “มีแบบทดสอบอะไรอีกมั้ย จัดมาเลย ฉันชักจะสนุกแล้ว” อวัศยายิ้ม
ลิปดาเริ่มจะคิดหนัก เขายืนกอดอก ลูบคาง
“ผมประเมินคุณต่ำไปจริงๆ โอเค...แบบทดสอบต่อไป รับรองว่าคราวนี้ไม่ผ่านแน่”
ลิปดาจะเดินมาอุ้มอวัศยา แต่อวัศยากระโดดถอยและถาม
“เดี๋ยวบอสต้องบอกฉันก่อน ไอ้แบบทดสอบพวกนี้ มันเกี่ยวกับการที่มีหรือไม่มีแฟนยังไง”
“เอาน่า...จบแบบทดสอบเดี๋ยวคุณก็รู้เองว่ามันเกี่ยวกันยังไง”
ลิปดาอุ้มอวัศยาออกไปเลย อวัศยากลอกตา
ลิปดาพาอวัศยามานั่งอยู่ที่ห้องครัวแล้วแก้เชือกที่มัดมือออก
อวัศยาสะบัดมือ “เฮ้อ ค่อยยังชั่ว”
ลิปดาจับมืออวัศยามาไพล่หลัง
“อ้าว”
ลิปดามัดมืออวัศยาที่ไพล่ไว้ข้างหลัง
อวัศยาตกใจ “เฮ้ย”
“มัดข้างหน้า มันง่ายไปสำหรับคุณ....มัดข้างหลังเลยแล้วกัน จะได้ยากขึ้น” ลิปดาบอก
“บอสจะให้ฉันทำอะไรอีกเนี่ย”
“ผมให้เวลาคุณครึ่งชั่วโมง ทำอาหารสำหรับเราสองคน”
“หะ ทำอาหารในสภาพแบบนี้เนี่ยนะ”
“ใช่..และไม่ใช่แค่ทำธรรมดา ต้องทำให้กินได้ด้วยนะ”
“บ้าหรือเปล่าบอส ใครจะไปทำได้”
ลิปดาไม่สนใจ เขาเริ่มจับเวลา
“จับเวลา”
ลิปดากดจับเวลาแล้วก็ยิ้มกวนๆ ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่โซฟาโดยหันหลังให้อวัศยา อวัศยาคิดแล้วก็บ่น
“บ้าแล้วใครจะไปทำได้”
อวัศยาคิด พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่ไม่ไกล อวัศยาคิดแล้วก็ปิ๊งไอเดีย
นาฬิกาบอกว่าเวลาผ่านไป 20 นาที เสียงออดดัง ลิปดาเปิดประตูก็เห็นรันยืนอยู่
“สวัสดีครับบอส”
ลิปดางง “คุณรัน”
“ผมเอาอาหารมาส่งครับ”
“อาหาร” ลิปดางงหนัก
อวัศยากระโดดๆ เข้ามาแล้วก็พูดขึ้น
“ฉันเป็นคนส่งข้อความไปบอกรันเอง”
ลิปดาหันมามองหน้าอวัศยาแล้วก็เหวอไป
รันค่อยๆโผล่หน้ามามองอวัศยาที่ลิปดาบังอยู่ พอเห็นเพื่อนเต็มๆ ตาและรู้ว่าโดนมัดมือมัดเท้า รันก็ถึงกับ
อึ้ง
“ศยา !!! ทำไมอยู่สภาพนี้หะ” รันแอบหลุดสาวนิดๆ
ลิปดาหันมามองรันที่เสียงแหลมขึ้น รันหันขวับมาทางลิปดาแล้วจิกตาแบบไม่แอ๊บแล้วเพราะความรักเพื่อนพุ่งปรี๊ส
“บอสทำอะไรเพื่อนผม บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”
ถุงอาหารถูกวางไว้บนโต๊ะกินข้าว ลิปดาหันมาทางรันที่กำลังแก้มัดให้อวัศยา
“ผมไม่ได้จะทำมิดีมิร้ายเพื่อนคุณเลยนะ ผมแค่กำลังจะสั่งสอน”
รันหันมาด้วยท่าทางงงๆ “สั่งสอน”
“ใช่ ก็เมื่อวาน ศยาเค้า....”
อวัศยาพูดต่อเอง “ฉันเอาคลิปที่แกส่งมาให้บอสดู แล้วก็บอกความจริงหมดแล้ว”
ลิปดาพูดต่อ “แล้วศยาก็ขอให้ผมช่วยทำให้เค้าเข้าใจหน่อยว่าทำไมเค้าถึงไม่มีแฟน และทำยังไงเค้าถึงจะมีแฟน”
รันยังเหวอ เขามองผ้าที่อยู่ในมือ
“แล้วไอ้การมัดมือ มัดเท้า มันช่วยอะไรคะ เอ่อ ครับ บอส” น้ำเสียงรันยังจิก
“ช่วยสิ..อย่างน้อย..มันก็ทำให้ศยาเห็นว่า...สิ่งที่เค้าควรจะทำอย่างแรกคือ ... การขอความช่วยเหลือ”
ทั้งรันและอวัศยางง
“ขอความช่วยเหลือคืออะไร”
“นั่นไง...แบบนี้ไง..ผู้ชายที่อยู่รอบข้างคุณ คนที่คุณสนใจเค้า หรือ เค้าสนใจคุณ เค้าถึงไม่กล้าเข้ามาในชีวิต เพราะคุณไม่มีช่องว่าง ไม่มีที่ให้เค้าได้ยื่นมือเข้ามาช่วยหรือแชร์”
อวัศยากับรันเริ่มเข้าใจ
“คุณทำทุกอย่างเอง ทำไม่ได้ก็ดันทุรังทำให้ได้ ดันทุรังแล้วยังทำไม่ได้ ก็ยังส่งข้อความไปหาเพื่อนที่อยู่ไกล...ไกล๊...ไกล ให้มาช่วย แต่ผมนั่งอยู่ตรงนั้น” ลิปดาชี้ไปที่โซฟา “คุณกลับไม่สนใจที่จะให้มาช่วย”
รันเริ่มจะเก็ทแต่อวัศยาแย้ง
“ก็..บอสไม่ได้บอกว่าให้บอสช่วยได้”
“แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่า...ผมช่วยไม่ได้”
อวัศยาอึ้งไป
“เพียงแค่คุณขอร้อง หรือ บอกให้ผมแก้มัด หรือ เปิดทีวีให้ หรือ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เอ่อ..มันอาจจะส่วนตัวไปหน่อย แต่แค่พูดผมก็จบเกมแล้ว .. แต่คุณก็ไม่เอ่ยปากสักคำ ... ผมก็เลยได้แต่นั่งรอ รอว่าเมื่อไหร่ คุณจะอ้าปาก เปิดโอกาสให้ผมได้เข้าไปในชีวิตคุณ”
ลิปดามองอวัศยาเหมือนต้องการจะบอกอะไรที่มากกว่าคำพูด อวัศยาอึ้งและรู้สึกตื่นเต้นเล็กๆ รันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินจึงตัดสินใจหันมาทางอวัศยา
“ศยา...บอสพูดถูก!! แกต้องฟังไว้ ผู้หญิงเก่งอย่างแก อาจจะไม่รู้ว่าความเก่งคือ กำแพงที่มองไม่เห็น”
“แล้วไง แกจะให้ฉันทำเป็นแอ๊บแอ้ ทำอะไรไม่เป็น เพื่อสำออยอ่อยผู้ชายหรือไง” อวัศยาย้อนถาม
รัน ลิปดาพูดพร้อมกัน “มันไม่ช่าย”
ลิปดาผายมือมาทางรัน “อะ เชิญคุณรันอธิบาย”
“คืออย่างนี้นะแก..คือ แกไม่ต้องเก่งไปซะทุกอย่างก็ได้ อะไรที่แกทำไม่ได้ แกก็แค่ยอมรับว่าทำไม่ได้ ไม่ต้องทำขึงขัง ทำฟอร์มเก๊กเก่งตลอดเวลา คือแกเป็นกับฉันมันได้ เพราะเราเป็นเพื่อนกัน แต่กับผู้ชาย .. แกก็ปล่อยวาง เว้นช่องว่างไว้ให้เค้าได้เดินเข้ามาบ้าง”
ลิปดาผายมือมาทางรัน “ใช่ แบบนี้แหละ”
อวัศยาเริ่มอ่อนลงแล้วก็ถามกลับ
“โอเค...แล้วถ้าอยากจะขอความช่วยเหลือ..เราต้องทำยังไง”
“โอเค..ผมมีแบบทดสอบต่อไป” ลิปดาบอก
รันรีบแทรก “เดี๋ยวนะครับ ก่อนจะไปสู่แบบทดสอบต่อไป..ขอถาม..คือหมดธุระแล้วใช่มั้ยครับ ..จะได้กลับ”
รันตั้งใจจะชิ่ง
รันเดินออกมานอกห้อง ปิดประตู แล้วก็คิด
ภาพใบหน้าลิปดามองอวัศยาด้วยความห่วงใยแวบขึ้นมาในหัวของรัน ตั้งแต่ที่ออฟฟิศที่ปราณนต์เดินเข้ามาคุย
กับอวัศยาเรื่องงาน โดยมีลิปดาอยู่ด้วย สีหน้าลิปดาห่วงใยอวัศยาชัดขึ้นๆ จนสรุปได้ รันฟันธง
“ชัดเลย...!!! บอส ชอบ ศยา ชัวร์”
รันฟันธงอย่างไม่ต้องสงสัย
นาฬิกาเวลาบอกเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ ทุกคนในนารากรทยอยไปกินข้าวเที่ยง ปราณนต์กำลังเก็บของ เสียงข้อความเข้าดังมา ปราณนต์เปิดอ่านด้วยสีหน้าครุ่นคิดๆ พริบพราวเดินมาเห็นพอดีจึงถามขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมอ่านข้อความแล้วหน้าเครียดๆ”
“พี่รุจน์ส่งข้อความมาฝากตามงาน บอกว่า วันนี้ลา ก็เลยแปลกใจวันนี้คนลากันเยอะจัง .. พี่ศยาก็ไม่มา บอสก็ไม่เข้า พี่รุจน์กับลิลลี่ก็ลา ก็เลยแปลกใจ”
“พี่ศยาลา” พริบพราวเป็นห่วงอยู่ลึกๆ
“อือ เห็นพี่นิดาบอกว่า ลาไม่มีกำหนด” ปราณนต์บอก
พริบพราวคิดหนัก เสียงข้อความเข้าดังขึ้น
ปราณนต์กดรับ “ใครจะลางานอีกหล่ะเนี่ย”
ปราณนต์กดอ่านแล้วก็อึ้งหนักกว่าเดิม พริบพราวหันมาถามอีกที
“มีอะไรเหรอ”
“รุ้งส่งข้อความมาบอกว่าป่วยหนัก อยู่คนเดียว ขอให้ผมพาไปหาหมอ”
พริบพราวเลิกคิ้ว
รุ้งลดากำลังแต่งหน้าซีดๆ ให้เหมือนคนป่วย เสียงออดดังขึ้น รุ้งลดาดีใจยิ้มร่าแล้วก็รีบแอ๊บป่วยทันที
ประตูห้องรุ้งลดาเปิดออก ปราณนต์ยืนอยู่ รุ้งลดารีบมารยาใส่ทันที
“ณนต์....ช่วยรุ้งด้วย”
รุ้งลดาโผจะเข้ามากอดปราณนต์ ทันใดนั้นปราณนต์ก็ยื่นมือมายันตัวรุ้งลดาไว้
“เดี๋ยวก่อนรุ้ง” รุ้งลดาค้างอยู่ที่เดิม เพราะมือปราณนต์ที่ยันเธอไว้ “คุยกันก่อน”
รุ้งงง “คุยอะไร รุ้งปวดหัว คลื่นไส้ จะอาเจียน จะตายอยู่แล้ว ยืนก็ไม่ค่อยจะอยู่” รุ้งลดาทำสำออยจับขอบประตู “ณนต์จะคุยอะไรกับรุ้งอีก .. รุ้งเดินไม่ไหว.. ณนต์ช่วยประคองรุ้งไปหน่อยได้มั้ย”
ทันใดนั้นเสียงพริบพราวก็ดังขึ้น
“รองพื้นเบอร์นี้ทำให้หน้าดูซีดเหมือนคนป่วยก็จริง แต่ดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่นะ”
รุ้งลดาหันไปเห็นพริบพราวยืนอยู่
“พริบพราว” รุ้งลดาหันมาทางปราณนต์ “ณนต์พาเค้าทำไม”
“ตกลงรุ้งป่วยใช่มั้ย ถ้าใช่ผมกับพราวจะได้พาไปโรงพยาบาล แต่ถ้าไม่ใช่เราสองคนจะได้กลับไปทำงาน ตกลง..ป่วยหรือไม่ป่วย ไปหรือไม่ไป”
พริบพราวกอดอกรอฟังคำตอบ รุ้งลดาอึกๆอักๆ
พริบพราวสรุป “อาการแบบนี้ รองพื้นแบบนี้ ไม่ได้เป็นอะไรหรอกเสียเวลา” พริบพราวจับมือปราณนต์ “เรากลับกันเหอะ”
“เดี๋ยว” รุ้งลดาจับมือปราณนต์ “ณนต์ .. รุ้งมีเรื่องอยากจะคุยด้วย เรื่องระหว่าง “เรา” ที่ไม่เกี่ยวกับคนอื่น” พริบพราวชักสีหน้า “รุ้งว่า..ที่ผ่านมา ณนต์มีอะไรบางอย่างที่เข้าใจรุ้งผิดนะ”
“เข้าใจผิดอะไร พูดออกมาตรงนี้เลย”
“ไม่ได้ยินหรือไง ฉันบอกว่า “เรา” ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“แต่ฉันเป็น “แฟน” ณนต์ จะไม่เกี่ยวได้ยังไง” พริบพราวหลุดโพล่งออกมาเลย
ปราณนต์หันขวับมาทางพริบพราว
“ฉันก็เคยเป็น “แฟน” ณนต์เหมือนกัน” รุ้งลดาผลักไหล่พริบพราว
“ฮะๆ เธอคืออดีต แต่ฉันปัจจุบัน The power of Now เคยได้ยินหรือเปล่า” พริบพราวผลักกลับ
“นาว แต่ก็ “ไม่นาน” เธอคบกับณนต์แค่ไม่นาน ฉันคบกับเค้าสามปี !! The Power of นาน !!! เคยได้ยินหรือเปล่าหะ” รุ้งลดาเริ่มจะลุย
สองสาวกำลังจะไฝ้ว์หนักขึ้น ปราณนต์ตัดสินใจเอาตัวเองเข้าขวางและพูดด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ
“รุ้งๆ..พอได้แล้ว..เอาอย่างนี้นะ..ผมว่าเพื่อไม่ให้ต้องมีปัญหากัน เรากลับมาที่จุดเริ่มต้นก่อน....รุ้งตอบคำถามผมก่อน....ตกลงคุณป่วยหรือเปล่า”
รุ้งลดาอึกอักๆ มองหน้าพริบพราว พริบพราวเลิกคิ้วคล้ายจะถามว่า ยังไงยะ ป่วยไม่ป่วย รุ้งลดารู้สึกเสียหน้า ไม่กล้าพูด ปราณนต์สรุปอย่างมีเหตุผล
“ไม่ตอบ ผมขอสรุปว่าไม่ป่วย..ถ้ารุ้งไม่ได้เป็นอะไร ผมคิดว่าคุณไม่ควรทำแบบนี้ หนึ่ง- คุณมีแฟนแล้ว สอง-” ปราณนต์หันมาทางพริบพราว “ผมก็แฟนแล้ว” ปราณนต์ยิ้ม
รุ้งลดาหน้าเสีย พริบพราวยิ้ม
ปราณนต์หันกลับมา “และสาม – ผมไม่ชอบคนโกหก”
คราวนี้ทั้งสองคนหน้าเสีย พริบพราวหุบยิ้ม
“ทั้งสามเหตุผล..สรุปว่าคุณไม่ควรทำแบบนี้อีกและในเมื่อคุณไม่ป่วย...งั้นผมกลับ”
ปราณนต์หันหลังมาจับมือพริบพราวแล้วก็เดินกลับไปเลย
“ณนต์เดี๋ยวก่อน..ณนต์!!ณนต์ไม่ห่วงรุ้งเลยเหรอ ทำไมณนต์ทำแบบนี้ ณนต์กลับมาก่อน !!! ณนต์” รุ้งลดาพยายามเรียก
ปราณนต์ไม่กลับมา รุ้งลดายืนแค้นอยู่ที่เดิม
“กรี๊ด !! บ้า ณนต์บ้าที่สุด”
พริบพราวกับปราณนต์เดินจับมือกันออกมา พอพ้นตึกพริบพราวก็เริ่มมีสติ
พริบพราวชูมือตัวเองที่มีมือปราณนต์ติดมาด้วย “เนียนนะ”
“ก็เมื่อกี๊คุณยังเนียนประกาศว่าเราเป็น “แฟน” กัน ต่อหน้ารุ้งเลย ผมก็แค่เนียนต่อเนื่อง”
ภาพตอนที่พริบพรางประกาศเมื่อครู่ย้อนกลับมา
“แต่ฉันเป็น “แฟน” ณนต์ จะไม่เกี่ยวได้ยังไง”
พริบพราวหัวเราะ ปราณนต์หัวเราะตาม ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยแววตาเป็นสุข แต่ความหวาดหวั่นที่ซ่อนอยู่ในแววตาของพริบพราวกลับฉายออกมาบางๆ
“ที่เมื่อกี๊บอกว่า...ไม่ชอบคนโกหก...ไม่ชอบจริงๆเหรอ” พริบพราวถาม
“ถามแปลก มีใครชอบบ้าง ... ไม่มีใครเค้าชอบหรอก .. หรือว่าคุณชอบ”
พริบพราวส่ายหน้า
“เห็นมั้ย...คุณก็ไม่ชอบ ผมรู้ ผมถึงไม่เคยโกหกคุณ..ตอนนี้คุณรู้..ก็อย่าโกหกผม มีอะไรก็คุยกันตรงๆ แค่นั้นเอง” ปราณนต์ยิ้ม
“จริง แค่นั้นเอง”
พริบพราวยิ้มแห้งๆ แล้วก็ได้แต่เก็บความอึดอัดใจไว้คนเดียว
กรุงเทพยามราตรี ไนท์ไลฟ์เต็มไปด้วยแสงสี ผู้คนสนุกสนาน
ลิปดานั่งอยู่กับรันที่บาร์สุดเก๋สไตล์เกย์ ลิปดามองไปรอบๆ ก็เห็นผู้ชายนั่งเป็นคู่ๆ จึงรู้สึกอึดอัดนิดๆ
ลิปดาหันมาถามรัน “คุณรันมาที่นี่บ่อยเหรอครับ เค้าตกแต่งได้..หวือหวาดีนะครับ”
“ใช่ครับ..ผมเลือกที่นี่เพราะมันบ่งบอกความเป็นผมได้อย่างชัดเจน”
ลิปดาชะงักกึก รันเริ่มเข้าเรื่องด้วยหน้าตาจริงจังมาก ในขณะที่ลิปดาระแวง
“ที่ผมเชิญบอสมาคุยกันในวันนี้ เพราะผมต้องการที่จะเปิดอก ผมจะบอกความลับของตัวเองให้บอสทราบ และผมก็ต้องการให้บอสบอกความลับของบอสให้ผมทราบด้วยเช่นกัน”
ลิปดางง “เอ่อ.....” ลิปดาจะแย้ง
แต่รันรีบโพล่งออกมาเลย “ผมเป็นเกย์”
ลิปดาชะงักกึกและเหวอ คนโต๊ะข้างๆ แอบหันมามองยิ้มๆ
รันพูดต่อ “ผมไม่เคยบอกใครในออฟฟิศนอกจากศยาที่รู้มานานแล้ว .. และนี่คือเพศสภาพของผม ที่อยากจะเปิดเผยให้บอสได้รู้ว่า” รันพูดย้ำ “ผม-เป็น-เกย์” ลิปดายังอึ้ง รันพูดต่อ “คราวนี้ถึงตาบอสต้องเปิดเผยบ้างแล้ว”
ลิปดาผงะก่อนจะรีบบอก “ผมไม่ได้เป็นเกย์”
รันกลอกตา “ผมรู้ !! เปิดเผยความลับเรื่องอื่น ไม่ใช่เรื่องเพศ”
ลิปดางง “ความลับ...เรื่องอะไร”
รันยื่นหน้ามา “เรื่องศยา !! ผมอยากรู้ว่า...บอสคิดยังไงกับศยา”
ลิปดาผงะอีกที แต่คราวนี้เขาทำหน้านิ่งและเครียดขึ้นมาเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
อวัศยานั่งอยู่ในคอนโด เธอกำลังดูรูปสวีตของพริบพราวกับปราณนต์ในคาราโอเกะแล้วก็เศร้า เซ็ง อวัศยาตัดสินใจอะไรบางอย่าง
ลิปดายังอึ้งๆ ว่าจะตอบยังไงดี รันถามย้ำ
“ผมรู้ว่าบอสไม่ได้คิดกับศยาแค่เจ้านายลูกน้อง” รันมองตา “บอส-รัก-ศยา-ใช่ หรือ ไม่”
รันถามเหมือนรายการเกมโชว์ ลิปดาคิด รันเร่งเร้า
“ผมจะนับหนึ่ง ถึง สาม .. ถ้าบอสไม่ตอบผมจะถือว่า “ใช่” รันอ้าปากเริ่มนับ “หน...” ยังไม่ทันจะพูดจบคำ
ลิปดาก็ตอบสวนขึ้นมาทันที “ใช่ !! ผมรักศยา”
รันชะงักกึกแล้วก็ถามสวน
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่เค้ามาช่วยผมก่อตั้งบริษัท และยิ่งผมรู้จัก ผมยิ่งรักเค้า”
รันสัมผัสความจริงใจของลิปดาได้เป็นอย่างดี รันคิดและถามสวน
“บอสเคยบอกศยาหรือเปล่า” รันถาม ลิปดาส่ายหน้า รันถามต่อ “ทำไม”
ลิปดาเครียด “ถ้าบอกแล้ว ผมอาจจะเสียศยาไป”
รันกลอกตาเซ็งๆ กับมุกนี้ “แต่ถ้าไม่บอก...บอสก็อาจจะต้องเสียศยาไปเหมือนกัน”
ลิปดาจุกเบาๆ เพราะพูดไม่ออก รันนึกได้
“เดี๋ยว! ศยาบอกว่าเคยส่งเมลผิดให้บอส..เป็นเมลของแอบรัก..แสดงว่า..” รันมองหน้าลิปดา
ลิปดาพูดต่อ “ผมรู้ว่าศยาคือแอบรัก และ รู้ว่าเค้าแอบรักปราณนต์”
รันพูดต่อ “แล้วบอสก็แอบรักศยาอีกที” ลิปดาพยักหน้า “นี่มันแอบรักซ้ำซ้อนซ่อนสองชั้นเลยนะเนี่ย ความหนักแน่นของบอสได้ใจผมไปเต็มๆ..ถ้าบอสมีอะไรให้ผมช่วย บอกมาได้เลย ผมเชียร์เต็มที่ ! ถ้าศยามันจะต้องมีผัว (หือ ?) คือ มีความรัก คนอย่างบอสนี่แหละ เหมาะสมที่สุด”
ลิปดายิ้มเพื่อซ่อนเศร้าเล็กๆ “ขอบคุณมาก ... แต่ศยาเป็นคนใจแข็ง ถ้าเค้ารักใครแล้ว ยากที่จะเปลี่ยนใจ .. ลึกๆผมอาจจะแอบหวังให้เค้ามารักผม แต่ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ ... ขอแค่เค้ามีความสุขกับคนที่เค้ารัก...ผมก็พอใจแล้ว”
ลิปดาพูดด้วยความเข้าใจ เสียสละ และโคตรพระเอก รันมองด้วยความซึ้งใจที่ลิปดาแมนสุดๆ
พริบพราวถามด้วยความดีใจ
“คุณแม่ชวนณนต์ไปตกปลาวันพรุ่งนี้เหรอคะ”
พริบพราวคุยกับแม่อยู่ในห้องนั่งเล่น แววพูดเสียงขรึมๆ
“ใช่ .. พ่อ แม่ พี่ภูมิจะออกไปตั้งแต่ตอนเช้า พราวก็พาเค้าตามไปเจอกันที่โน่น”
“ได้เลยค่ะ”
“แล้วก็จำไว้ด้วย..ถ้าผู้ชายคนนี้คุณสมบัติไม่ผ่านมาตรฐาน เราต้องเลิกทันที”
แม่พูดจบแล้วก็เดินออกไป พริบพราวอึ้ง
อวัศยาพูดด้วยความหนักแน่น
“ฉันจะตัดใจจากปราณนต์”
ลิปดาที่กำลังรินน้ำอยู่เงยหน้ามองอวัศยาที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
“คุณแน่ใจ”
อวัศยาทำแววตาแข็งแต่แล้วก็อ่อนลง “ไม่แน่ใจ”
“อ้าว” ลิปดาวางแก้ว ท้าวเอว แล้วเปิดใจถามตรงๆ “ตกลงยังไง .. จะตัดหรือไม่ตัด”
“ก็ฉันอยากตัด แต่ฉันไม่แน่ใจว่าตัดได้หรือเปล่า ฉันแค่ไม่อยากยุ่ง ไม่อยากคุย ไม่อยากสนใจเค้าอีกแล้ว”
“ถามหน่อย ตั้งแต่พริบพราวสวมรอยเป็นแอบรัก คุณเคยคุยกับปราณนต์เรื่องนี้บ้างหรือยัง” ลิปดาถาม อวัศยาส่ายหน้า “ทำไมไม่คุย ไม่อยากรู้หรือไงว่าเค้าคิดอะไรอยู่”
อวัศยาลังเล ลิปดามองเห็น อวัศยาโกหก
“ไม่อยากรู้ .. เค้าจะเป็นยังไง จะคิดอะไร ก็เรื่องของเค้า ฉันจะไม่ยุ่ง ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น” อวัศยาพยายามเปลี่ยนเรื่อง “ฉัน....ขอตัวไปดูช่างรื้อห้องก่อนนะ ไม่รู้ทำไปถึงไหนแล้ว”
อวัศยาพูดจบก็หันหลังให้ลิปดาแล้วจะเดินออกไป ลิปดาคิดแล้วก็โพล่งออกมา
“คุณไปไม่ได้” อวัศยาหันมามองงงๆ “เพราะผมมีงานด่วนและสำคัญมากให้คุณทำ”
“งานด่วน แต่วันนี้วันหยุดนะคะ ที่ออฟฟิศก็ไม่มีใครมาทำงาน”
“ผมรู้ .. ผมถึงต้องขอให้คุณช่วย ผมต้องการให้คุณไปรวบรวมรายงานคอมพานีวิซิททั้งปีนี้ทำเป็นรีพอร์ต ผมขอเร็วที่สุด”
“หะ เร็วที่สุด”
อวัศยาอึ้ง
อ่านต่อตอนที่ 11