เนตรนาคราช ตอนที่ 14
ชาติยืนตรวจการอยู่ อัศวินกับ อิทธิ เดินเข้ามา ชาติมองลักษณะทั้งสองคนพอเดาออก
“ล้อเล่นหรือเพื่อน”
“ความคิดไอ้อิทธิ”
อัศวินเหล่
รัตนากรขยับตัวผงกศีรษะขึ้นมอง เห็นอัศวิน อิทธิ ชาติ กำลังคุยกัน ในระยะไกล โรสมองแล้วถาม
“สองคนนั่นคิดจะทำอะไร”
“เรื่องบ้าๆ น่ะซิ”
ชาติหันมาบอกอัศวินกับอิทธิ
“ระวังตัวหน่อยนะเพื่อน มีอะไรรีบส่งสัญญาณ ทางนี้จะได้เตรียมพร้อม”
อัศวินกับอิทธิพยักหน้า แล้วออกจากไป
“เอาไงดีพี่รัตน์” โรสหันมาถาม
“คุณชาติต้องห้ามเราแน่ๆ ถ้าเราจะตามไป”
“งั้นก็ไม่ต้องบอกคุณชาติ”
รัตนากรครุ่นคิด
อัศวินกับอิทธิเคลื่อนตัวเข้ามายังปากถ้ำทางออกที่เดิม ทั้งสองกราดสายตามองรอบ
“พวกมันไม่เฝ้ากันเลยหรือไง” อิทธิแปลกใจ
“แบบนี้ยิ่งต้องระวังเพื่อน”
ทั้งสองมองรอบๆ ไม่มีแม้แต่เงาพวกมัน แต่เห็นแสงภายในถ้ำสะท้อนออกมา
“มีแสงจากในถ้ำ แต่ไม่มีการเคลื่อนไหว” อิทธิบอก
“เงียบเกินไป”
“ฉันว่าพวกมันอาจจะกำลังรวบรวมคนอยู่ก็ได้ คราวที่แล้วโดนเราเล่นหนัก”
“อืม โอเค งั้นลุยไปเลยเพื่อน ฉันจะคุ้มกันให้ พอแกไปถึง แกคุ้มกันฉัน แล้วฉันตามไป”
“เดี๋ยว แกจะคุ้มกันอะไรวะ ไม่มีพวกมันสักคน”
“ประมาทไม่ได้เพื่อน พอแกโผล่ไปอาจจะมีพวกมันเป็นสิบขว้างหอกใส่แกพร้อมๆ กัน”..
“พอ พอ เพื่อน ฟังแล้วขาแข็งวิ่งไม่ออกเลยว่ะ”
“เฮ้ย ไอเดียแกนะเว้ย”
อิทธิถอนใจ หันไปมองอีกรอบ แล้วขยับตัว หันมาถามอัศวิน
“แกพร้อม”
อัศวินตวัดมือขึ้นมาสองข้าง ปืนสองกระบอกอยู่ในมือ ยิ้ม
“พอใจมั้ยเพื่อน”
อิทธิส่ายหน้าด้วยความเอือม แล้ววิ่งออกไปยังปากถ้ำอย่างรวดเร็ว อัศวินกราดปืนคอยระวัง สักครู่
ก็เห็นอิทธิไปถึงปากถ้ำเรียบร้อย เขาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดก็ถึงปากถ้ำ
“เห็นแต่คบไฟ แต่ยังไม่เห็นพวกมัน” อิทธิบอก
อัศวินมองมืออิทธิว่างเปล่า
“เฮ้ย ปืนนายล่ะ”
“อ้อ” อิทธิชักปืนขึ้นมา
“นี่แกไม่ได้คิดคุ้มกันฉันเลยนี่หว่า”
“เฮ่ ฉันดูแล้วไม่มีพวกมันหรอก เห็นมะ เงียบสนิท”
อิทธิพูดจบก็เดินนำเข้าไป อัศวินส่ายหน้าเซ็ง รีบเดินตามเข้าไปในถ้ำ
ภายในถ้ำ มีคบไฟปักอยู่เป็นระยะ แต่ไม่มีเงาของพวกมัน
“แปลกมาก มีคบไฟติดไว้สว่าง แต่ไม่มีพวกมันสักคน” อัศวินสงสัย
“ยังกะพวกมันจะจัดงานอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็จัดไว้ต้อนรับเรา”
อัศวินเดินถือปืนนำเข้าไป ทั้งสองเดินตามคบไฟ จนมาถึงทางสามแพร่ง อัศวินใช้ปืนชี้ว่าไปทางช่องที่
สอง แล้วนำทางไป อิทธิตามติด
“มีบางอย่างผิดปรกติ” อัศวินบอก
“อะไร”
“ศพของพวกมันหายไปหมดแล้ว”
“ที่แท้มันติดคบไฟเก็บกวาดทำความสะอาดนี่เอง”
อัศวินเครียด นำออกไป อิทธิหันกราดปืนมาทางด้านหลัง แล้วตามออกไป ทั้งสองมาถึงกองสัมภาระอาวุธปืนที่พวกชนเผ่ายึดเอามากองไว้ อัศวินคว้าเป้ใบหนึ่งจับคว่ำเทของออกแล้วโยนให้อิทธิ อิทธิรับไว้ เริ่มเก็บพวกกระสุนปืน ระเบิด ใส่เป้ อัศวินเริ่มเช่นกัน
“ไม่มีพวกมันจริงๆ”
“มันคงขนศพพวกมันจนเหนื่อยนอนหมดแล้วมั้ง”
อิทธิพูดพลางเลือกเอากระสุนและระเบิดใส่เป้ คนละเป้แยกกัน เช่นเดียวกับอัศวิน
“อย่าเพิ่งตื่นขึ้นมาตอนนี้ก็แล้วกัน”
อัศวินยัดลูกระเบิดสองสามลูกเข้าไปในเป้ แต่แล้วก็หยุด
“เสียงอะไร”
ทั้งสองต่างเงี่ยหูฟัง
“เสียงเหมือนพวกมันสวดมนต์” อัศวินบอก
เสียงฮึมฮัมเหมือนสวดมนต์ดังขึ้นกว่าเดิม เมื่ออัศวินกับอิทธิ เคลื่อนตัวไปตามถ้ำ ไปยังที่มาของเสียง ทั้งสองโผล่มาจากหลังก้อนหิน มองออกไปถึงกับตื่นเต้น
“พวกมันเอาศพมาไว้ที่นี่เอง”
ทั้งสองจ้องลงไปยังลานที่มีเสาปักอยู่ ซึ่งใช้เป็นลานมัดเชลย ที่มัดทุกคนมาแล้ว แต่ตรงหน้าลาน มีร่างของพวกมันกองทับกันอยู่ มีพวกที่เหลือยืนรอบ หัวหน้ายืนอยู่ตรงกลาง กวัดแกว่งดาบเขี้ยวพญานาคตามที่กาญจนาบอกทุกคน
“ถือว่าพวกมันยังเจริญที่ทำพิธีศพให้กับพวกมัน” อิทธิบอก
หัวหน้ากวัดแกว่งดาบเขี้ยวพญานาค วนเวียนอยู่ตรงหน้ากองศพ ที่มือมีผ้าพันแผลที่ถูกโรสยิงลูกธนูใส่ พวกมันส่งเสียงฮึมฮัมยังคงดังต่อไป อัศวินกับอิทธิจ้องเขม็ง สักครู่ก็เห็นพวกมัน เอาคบไฟเดินออกมา แล้วโยนใส่กองศพของพวกเดียวกัน
“มันใช้วิธีการเผาศพ เหมือนของเรา” อิทธิบอก
ทั้งสองจ้องตาไม่กระพริบ แต่แล้วหัวหน้าชี้ดาบเขี้ยวนาคราชมายังอิทธิกับอัศวินที่หลบอยู่
“ฉิบเป๋งแล้วดิ” อิทธิอุทาน
“ได้เวลาไปแล้วเพื่อน”
ทั้งสองขยับตัวหันมา ก็เจอพวกมันสี่ห้าคนยื่นหอกมาที่หน้าอกของทั้งสองคน จนไม่สามารถจะ
กระดิกตัวได้ ทั้งสองได้แต่มองหน้ากัน พวกมันยื่นหอกเข้ามาจิ้มที่หน้าอกเป็นเชิงเตือน ทั้งสองจึงปล่อยปืน
ในมือลงกับพื้น
“มัวแต่ดูโชว์จนเพลิน ไม่ได้ยินพวกมันเลย” อิทธิเปรย
ทันใดนั้นพวกมันคนหนึ่งยกหอกขึ้นสูง แล้วแทงพรวดลงมาที่อัศวิน อัศวินเบี่ยงตัวหลบคว้าไว้ได้ แต่พวกที่เหลือต่างยกพร้อมกัน พร้อมที่จะปล่อยเข้าใส่ทั้งสองคน แต่แล้วทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว พวกมันล้มคว่ำลงมา เป็นฝีมือของโรส กับ รัตนากร นั่นเอง
“รัตน์”
“คุณโรส”
เสียงพวกมันโห่ดังกันขึ้นมา
“เจอกันที่ค่ายแล้วกันนะ”
รัตนากรบอก แล้วเธอกับโรสวิ่งก็วิ่งออกไป อัศวินกับอิทธิคว้าปืน หันไปยิงสกัดพวกมันที่วิ่งขึ้นมา พวกมันล้มคว่ำ ทั้งสองรีบเผ่นตามโรสกับรัตนากรออกไป
อัศวินกับอิทธิวิ่งมาถึงกองกระสุนและระเบิด ต่างคว้าเป้ของตนที่ขนของใส่ไว้ขึ้นไหล่
“ฉันว่าโยนระเบิดใส่กองนี่ถล่มให้หมด” อิทธิบอก
“เออว่ะ”
เสียงพวกมันโผล่เข้ามา อัศวิน กับ อิทธิ ต่างวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
โรสกับรัตนากรวิ่งออกมานอกถ้ำทั้งสองแบกเป้คนละหนึ่งใบ วิ่งตลุยอย่างรวดเร็ว อิทธิกับอัศวินวิ่งออกมานอกถ้ำ พวกชนเผ่าวิ่งตามออกมาพร้อมอาวุธส่งเสียงโห่ร้องดัง
รัตนากร กับ โรส วิ่งมายังป่าที่มีต้นไม้ใหญ่หลายต้น ทั้งสองหยุดบังตัวเองหลังต้นไม้ ต่างเตรียมพร้อมรออัศวินกับอิทธิ รัตนากรยิงปืนขึ้นฟ้าเปรี้ยงๆ เสียงปืนดังมาถึงชาติ ที่ยืนระวังอยู่ ชาติตะโกน
“ทุกคนพร้อม”
ทุกคนเข้าประจำที่หลังแนวต้นไม้
อัศวินกับอิทธิ วิ่งกันมาในป่ามีพวกชนเผ่าไล่มาเกือบทัน ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นขึ้น พวกชนเผ่าล้มลง อิทธิกับอัศวินเร่งฝีเท้าไปจนพ้นพวกมัน
รัตนากร กับ โรส ยิงสกัดใส่พวกชนเผ่า อัศวินกับอิทธิ พุ่งเข้ามา ช่วยยิงสกัด
“รัตนกับคุณโรส ไปได้แล้ว โก โก โก”
รัตนากรกับโรส วิ่งออกไป อิทธิกับอัศวิน ยิงสกัด เห็นพวกชนเผ่าล้มลง แล้วทั้งสองก็รีบออกไป
ที่ค่าย ชาติกับซามูมองไปข้างหน้า
“มากันแล้ว ทุกคนพร้อม”
ทุกคนขยับตัวอยู่ในแนวป้องกันเตรียมตั้งรับ สักครู่รัตนากรกับโรสวิ่งเข้ามา ต่างปลดเป้ลง อัศวินกับอิทธิ วิ่งหน้าตั้ง มีพวกชนเผ่าโห่ร้องตามมา รัตนากรพุ่งมาข้างๆ กาญจนา ซึ่งมี วีรกิจ นพดล พรานโก๊ะ อยู่ถัดไป โรสเข้ามาข้างๆ นายอง กับ พรานเมิง ชาติยืนโบกเรียก
“เร็วเว้ยเพื่อน”
อัศวินกับอิทธิ วิ่งพรวดเข้ามา
“ยิง” ชาติตะโกนขึ้น
ทุกคนต่างสาดกระสุนออกไป พวกชนเผ่าล้มลงไปหลายคน พวกมันเริ่มหยุดและถอย อัศวินกับอิทธิ เข้ามาสมทบกับชาติและซามู
“พวกมันเริ่มถอยแล้ว”
อัศวินกับอิทธิ ต่างมองหน้ากันถอนใจโล่งอก จากนั้นก็หันมาบอกทุกคน
“ผมว่าคืนนี้พวกมันคงไม่มากันอีกแล้ว ทุกคนพักผ่อนกันได้เต็มที่เตรียมตัวต้อนรับ
พวกมันพรุ่งนี้”
“มาสายๆ หน่อยก็ดี” นายองบอก
พรานเมิงดันนายองให้เดินไป ทุกคนขำ นพดลเดินเข้ามา
“ของฉันกระสุนเหลือแมกสุดท้าย”
“ฉันจะเอาไปให้ ได้มาเพียบ”
นพดลพยักหน้า แล้วเดินผ่านไป พรานโก๊ะเดินตาม
อ่านต่อหน้า 2
เนตรนาคราช ตอนที่ 14 (ต่อ)
กาญจนาเดินเข้ามาหารัตนากร พลางส่งกระบอกแผนที่ให้
“กาญเสร็จแล้วค่ะ อยู่ที่พี่รัตน์จะปลอดภัยกว่า”
“เป็นไงบ้าง เริ่มชินหรือยัง”
“ถ้าพี่รัตน์หมายถึงยิงเด็ดชีวิตคนล่ะก็ ยังค่ะ คงยากหน่อย”
“จำไว้ ถ้ากาญไม่เด็ดเขา เขาก็จะเด็ดเรา”
“กาญจะพยายามค่ะ”
“เอางี้ซิ ถ้าไกลๆ ก็ยิงให้แค่บาดเจ็บ ใกล้ๆ ค่อยยิง เอ่อ”
“กาญเข้าใจค่ะ”
กาญจนาเดินออกไป รัตนามองตามถอนใจ
อิทธิเดินเข้ามาหาโรส
“ขอบคุณครับที่เข้าไปช่วยพวกเราได้ทันเวลา”
โรสยิ้มยักไหล่ตามนิสัยเคยชิน
“ดีนะ ที่นายชาติปล่อยให้พวกคุณออกไปตามพวกเรา”
โรสยิ้มมองเฉย ชาติเดินเข้ามา
“สาวๆ แอบออกไปเอง ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำไป”
“อ้าว”
“ฉันอิจฉาว่ะ อยากให้มีคนห่วงออกไปตามเหมือนกัน”
ชาติยิ้มแล้วเดินออกไป อิทธิหันไปมองโรส
“งั้นต้อง แทงค์คิ่ว สองหนครับ”
“พี่รัตน์เป็นคนชวนน่ะค่ะ”
“อ้อ งั้นผมก็ต้องไปขอบคุณ คุณรัตน์”
โรสยิ้มพยักหน้า
“แต่ถ้าพี่รัตน์ไม่ชวน ก็คิดจะออกไปเหมือนกัน”
โรสพูดจบก็เดินออกไป อิทธิมองตาม ยิ้มหัวใจพอง อย่างน้อยก็รู้ว่าโรสเป็นห่วง
รัตนากรนั่งอยู่ตรงที่นอนของตน โรสเดินเข้ามานั่งตรงที่ของตัวใกล้ๆ กัน
“ยิ้มอะไรมาจ๊ะ”
“กู๊ดไนท์ค่ะ”
โรสทิ้งตัวลงนอน รัตนากรยิ้ม ขยับกระบอกแผนที่ให้เข้าตัว แต่แล้วสงสัยอะไรบางอย่าง
อัศวินเดินเข้ามาหาชาติ ซึ่งยืนระวังอยู่
“โทษทีเพื่อนที่ฉันออกไปก่อเหตุ พาพวกมันมาหาพวกเรา”
“ถึงนายไม่ออกไป พวกมันก็มาหาพวกเราอยู่แล้ว ไอ้ซามูมันมารายงานเป็นระยะ อย่างน้อยก็ยังได้ กระสุนปืนกับระเบิดกลับมา”
“อืม ดีว่าสองสาวแอบแกออกไปช่วยทัน”
ชาติยิ้มพยักหน้า
“ที่แท้แกรู้ว่าสองสาวแอบออกไป”
“ฉันน่ะไม่เห็นหรอก มัวระวังอยู่ทางนี้ แต่ไอ้ซามูเห็น มันรายงานเข้ามา”
“เจ๋งมากเพื่อน”
“ถึงฉันรู้ก็คงห้ามไม่ไหว ลองสาวคิดจะไปตามแฟนล่ะก็ห้ามยังไงก็ไม่อยู่”
อัศวินยิ้ม
“พูดได้ดีมาก ฉันอยู่เป็นเพื่อนแกถึงเช้าก็แล้วกัน”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
พรานอองข่านยืนตรงหน้าลานน้ำตก ตรวจร่องรอยที่พบเมื่อวานอีกครั้ง โจซิงเดินเข้ามา
“พราน เมื่อวานก็หาแล้ว วันนี้จะหาให้มันได้อะไรขึ้นมา”
พรานอองข่านไม่สนใจโจซิง มองรอบๆ สายตากระทบเข้ากับแสงแดด พระอาทิตย์กำลังขึ้น
พรานอองข่านจ้องอย่างสนใจ
“ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเหรอพราน”
พรานอองข่านไม่สนใจโจซิง หันลงไปมองรอบๆ พลันสายตามองไปยังพื้นน้ำเบื้องล่าง
“ดูนั่น”
โจซิงมองลงไปเห็นเป็นเงาดำคล้ายรูปพญานาค ปากตรงกับแอ่งน้ำพอดี
“ทุกคนเร็ว เราพบทางเข้าแล้ว”
เฮนรี่รีบเข้ามา
“พวกนั้นโดดลงไปเพราะนี่เอง”
ทุกคนมองอย่างตื่นเต้น แสงอาทิตย์สูงขึ้นรูปเงาพญานาคเริ่มจะเปลี่ยน
“เงาเปลี่ยน มีกำหนดเวลานี่เอง เราถึงไม่เจอเส้นทางใต้น้ำเมื่อวานนี้”
“ทุกคนเร็วเข้าเก็บข้าวของ”
พรานอองข่านยืนจ้องมองเงาของพญานาคที่ปรากฏตรงแอ่งน้ำเบื้องล่างที่กำลังจะจางลงไป
เคนมองพวกของเฮนรี่ที่เก็บของกันวุ่นวาย
“พวกมันทำอะไรกันวะ มันเก็บของจะไปไหนของมัน”
สมุนเข้ามารายงาน
“นาย ไอ้พวกนั้นมันเอะอะ มันบอกว่าเจอทางเข้า”
“เร็วเว้ย เก็บของ ที่เหลือไปสกัดพวกมันไว้ก่อน”
พวกเฮนรี่พากันมาที่หน้าน้ำตกอย่างรีบเร่ง
“เร็วเข้าเงาเริ่มจางลงแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่น พวกเฮนรี่หันไป ก็เจอเคน หลิน ปิง หยก และสมุนทุกคนจ้องอยู่
“บอกแล้วว่า พวกมันไว้ใจไม่ได้ มันคิดหนี” หลินบอก
“พูดเรื่องอะไรคุณหลิน หนีโดดลงผาเนี่ยนะ ใครจะโง่ปานนั้น” เฮนรี่ออกตัว
“แล้วพวกมิสเตอร์เฮนรี่เก็บข้าวของจะไปไหน” เคนถาม
“เราเจอทางที่ขบวนของพวกมันผ่านเข้าไป กำลังจะเรียกพวกนายอยู่พอดี”
“โดดลงไปจากน้ำตกเนี่ยนะ” หลินแปลกใจ
“พราน” เฮนรี่เรียกพรานอองข่านให้ตอบแทน
“ใช่ มีเงาปรากฏเป็นหัวพญานาค ปากอยู่ตรงแอ่งน้ำพอดี เราพบร่องรอยของขบวนกระโดดลงไปจากที่นี่ คิดว่าเงาตรงปากพญานาคคือทางเข้า และก็เป็นสาเหตุทำให้ชนเผ่ามาสกัดพวกเรา”
“แค่คิด ไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอ” เคนท้วง
“พวกเราจะเสี่ยง พวกท่านไม่เสี่ยงก็ตามใจ” เฮนรี่บอก
“เร็วเข้า เงาทางเข้าจางลงทุกที”
พรานอองข่านเร่ง เคนกับหลินต่างมองหน้ากัน ทันใดนั้นมีลูกธนูพุ่งเข้ามาเป็นสิบ ดอกหนึ่งปักเข้าที่กลางหลังของมือสังหารของหลินคนหนึ่งอย่างจังล้มลง เสียงโห่ร้องของพวกชนเผ่า สมุนของเคนกราดกระสุนใส่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
“คุณเคน คุณหลิน เจอกันข้างล่าง” เฮนรี่ตะโกนบอก
ทุกคนโดดลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง ท่ามกลางเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว
อัศวินเดินเข้ามาหา นพดล กับ พรานโก๊ะ ที่ตรวจตราข้าวของอยู่ พลางส่งปืนสั้นให้พรานโก๊ะพร้อมกระสุนหลายตลับ
“อันนี้น่าจะเหมาะกับเหตุการณ์ตอนนี้มากกว่าปืนโบราณของพราน”
“ผมอยากจะลองมานานแล้ว”
“พี่หมอ ช่วยดูหน่อยนะ”
“โอเค นายคิดว่าพวกมันจะบุกหนักเหรอ”
“อืม เหมือนกับว่าเป็นหน้าที่ของพวกมันที่จะไม่ให้ใครผ่านไปถึงเนตรนาคราช”
“หรือว่าเราใกล้แล้ว”
“ผมก็อยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ระวังตัวด้วย”
อัศวินลุกขึ้นเดินออกมา รัตนากรเดินเข้ามาใกล้เดินคู่ไปด้วยกัน
“รัตน์อยากคุยกับพี่หน่อยค่ะ”
“มีอะไรจ๊ะ ซีเรียสจัง”
“เรื่องแผนที่ค่ะ”
อัศวินหยุดเดิน หันมาตั้งใจฟัง
“แผนที่ มีอะไร”
“ยัยกาญยืมแผนที่ไปดูตรวจเส้นทาง เอามาคืนรัตน์เมื่อคืนนี้ รัตน์เห็นผิดสังเกตเลยตรวจดู ปรากฏว่าเปิดไม่ออก”
“อ้าว เป็นไปได้ยังไง ดีนะที่รัตน์รู้วิธีเปิด”
“เมื่อวานนี้รัตน์บังเอิญเห็นนายวีรกิจมาขอยัยกาญดูกระบอกแผนที่”
“รัตน์คิดว่า”
รัตนากรพยักหน้า
“กระบอกแผนที่เปิดและปิดได้ตลอดเวลา และจะปิดถ้าสัมผัสคนที่มีดวงโจร”
“งั้นเราต้องระวังนายวีรกิจให้มากกว่าเดิม”
รัตนากรพยักหน้า ชาติเดินเข้ามา
“พวกมันมากันแล้ว เพียบ”
พวกชนเผ่าเคลื่อนไหวเข้ามาล้อมค่ายของอัศวินไว้ทุกทาง โชคดีที่พรานเมิงเลือกชัยภูมิที่
ดี มีที่กำบังมากมายหลายจุด อัศวินเรียกประชุมทุกคน
“ทุกคนแยกกันวางกำลังรอบทิศ”
ทุกคนต่างวิ่งกันไปประจำที่ตามจุดต่างๆ ทุกด้าน อัศวิน อิทธิ อยู่ด้านหน้า มี นพดล กับ พรานโก๊ะ อยู่ระหว่างกลาง ชาติ ซามู อยู่ด้านข้าง มีกาญจนา วีรกิจ อยู่ระหว่างกลาง รัตนากร โรส อยู่ด้านข้างอีกด้านหนึ่ง มีพรานเมิง นายอง อยู่ระหว่างกลาง ต่างพร้อมระวัง พวกมันบุกเข้ามาเต็มไปหมด
“ฉันว่ามันยกกันมาหมดทั้งเผ่าเลยว่ะ” อิทธิเปรย
“พวกมันกะไม่ให้พวกเรารอดไปได้สักคนเดียว” อัศวินบอก
อ่านต่อหน้า 3
เนตรนาคราช ตอนที่ 14 (ต่อ)
พวกชนเผ่าเคลื่อนไหวในป่าวุ่นวายไปหมด พวกอัศวินต่างจ้องพวกนั้นตาไม่กระพริบ
“พวกมันหลบอยู่หลังแนวป่า” อัศวินบอก
“คงเข็ดกระสุนปืนของพวกเรา” อิทธิคาด
“มันไม่ได้เข็ดหรอก พวกมันเริ่มรู้พิษสงลูกปืน แล้วกำลังหาวิธีเล่นงานพวกเรา”
ทันใดนั้นลูกธนูพุ่งเข้ามาหลายดอก เฉี่ยวอัศวินและอิทธิไป อัศวินตะโกนบอก
“ทุกคนระวัง”
กาญจนากับวีรกิจหลบเข้าหลังต้นไม้ ลูกธนูพุ่งเข้ามาติดที่ต้นไม้ตรงหน้า ชาติพุ่งเข้ามาใกล้ “คุณสองคนอยู่หลังต้นไม้ไว้ไม่ต้องออกมา”
ชาติรีบออกไป กาญจนาหันมาเห็นวีรกิจตื่นกลัว จึงพูดปลอบใจ
“พวกมันเข้ามาไม่ได้หรอกค่ะ”
วีรกิจพยักหน้า แต่ยังคงหน้าซีดกลัว
โรสเห็นพวกนั้นหยุดยิง จึงหันมาถามรัตนากร
“พวกมันหยุดยิงแล้ว จะเอายังไงกันแน่”
“พวกมันแค่ก่อกวน พอเราเหนื่อย มันบุกเมื่อนั้น ชั้นเชิงเดียวกับการปราบพวกก่อการร้ายระดับอินเตอร์ ไม่ใช่ย่อยๆ”
“ดี เข้ามาเมื่อไหร่ จะให้กินระเบิดสักลูกสองลูก ดูซิว่าจะก่อกวนได้แค่ไหน”
รัตนากรยิ้ม โรสพลอยยิ้มไปด้วย
“นายอง พรานเมิง เป็นไง”
รัตนากรถาม พรานเมิงกับนายองหันมาพยักหน้าว่าไม่มีปัญหา รัตนากรยิ้มให้กำลังใจ
“นายองยังเด็กอยู่แท้ๆ”
“โรสจะคอยดูเองค่ะ”
“เชื่อมือน้องสาวอยู่แล้ว”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
สักพัก พวกชนเผ่าเริ่มบุกเข้ามาแฝงตัวกับต้นไม้ อัศวินหันไปสั่ง
“อย่าให้พวกมันผ่านแนวเข้ามาได้”
ทุกคนต่างระวังเตรียมพร้อม แต่แล้วเสียงปืนดังสนั่นแว่วมา พวกชนเผ่าต่างร้องส่งเสียงเป็นทอดๆ แล้วเริ่มถอนตัวออกไปทางด้านเสียงปืน
“พวกไอ้เฮนรี่เจอทางเข้ามาที่นี่แล้ว” อิทธิบอก
อัศวินหันไปตะโกนบอกทุกคน
“ชาตินำทางลุยออกไป ทุกคนตามคุณชาติ”
ชาติวิ่งออกไป ทุกคนวิ่งตาม เสียงปืนยังคงดังเข้ามา อัศวินกับอิทธิจ้องมองระวัง
“โชคดีพวกไอ้เฮนรี่มาดึงพวกนั้นไปจากพวกเรา” อัศวินบอก
“ป่านนี้คงโดนเข้าเต็มๆ” อิทธิคิด
ทั้งสองคนต่างขำสะใจ
บริเวณหน้าถ้ำ เฮนรี่สาดกระสุนใส่พวกชนเผ่ากระเด็นออกไป โจซิง อังโซะ เคน และ หลิน ปิง หยก พรานอองข่านต่างยิงสกัดพวกชนเผ่า ลูกธนูพุ่งเข้ามาราวกับห่าฝน ถูกสมุนเคน สมุนหลิน และทีมงาน ตายไปบ้าง
“ระเบิดเว้ย”
เคนตะโกนบอก สมุนโยนระเบิดออกไปหลายลูก
ชาติพาทุกคนมาถึงลานป่า ที่เหมาะสมแห่งหนึ่ง จึงหยุด เสียงปืนและเสียงระเบิดดังแว่วๆ มาอีก
“พวกนั้นยังซัดกันอยู่ พรานเมิงนำทาง เราต้องรีบไปให้ไกลจากที่นี่” อัศวินบอก
พรานเมิงรีบออกไป ทุกคนรีบตาม อัศวินกับอิทธิ ยังยืนฟังเสียงอยู่
“หวังว่าไอ้พวกนั้นคงไม่บ้าถล่มถ้ำจนไม่มีทางกลับ”
อัศวินเปรยกับอิทธิ ทั้งสองเดินตามทุกคนออกไป
เสียงปืนดังสนั่น พร้อมเสียงระเบิด ควันเริ่มจากลง
“หยุดก่อนเว้ย”
เคนตะโกนบอก ทุกคนตั้งตัวได้ ทีมงานสองคนของเฮนรี่นอนตายอยู่ สมุนของเคนอีกสองคน มือสังหารของหลินตายหมด ที่เหลือคือพรานอองข่าน เคน เฮนรี่ โจซิง อังโซะ หลิน ปิง หยก แล้วก็สมุนของเคนอีก 5 คน
“พวกมันลากศพกลับไปหมดเลย” โจซิงพูดขึ้น
“ข้าว่ารีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า” พรานอองข่านบอก
“ผมว่าพวกมันไม่กล้าโผล่มาแล้ว” โจซิงยืนยัน
พรานอองข่านมองโจซิงซึ่งไม่รู้จริง
“ลองสำรวจดูซิ ว่ามีร่องรอยพวกขบวนเดินทางไปทางไหน แล้วรีบตามไป”
เคนสั่ง สมุนที่เหลือของเคนกระจายกันออกไป
“มิสเตอร์เฮนรี่ ถ้าจะให้พรานของยูช่วยหาร่องรอยหน่อยก็จะดี”
หลินเดินเข้ามายืนข้างเคน ปิงหยกอยู่ด้านหนึ่ง ต่างจ้องมายังกลุ่มของเฮนรี่กับโจซิง
“พราน”
เฮนรี่เรียก พรานอองข่านเดินออกไปสำรวจร่องรอย
พรานเมิงนำพวกชาติเร่งฝีเท้าเดินทางเร็ว
“รีบหน่อยพ่อ เดี๋ยวพวกมันก็ตามมาทันหรอก”
“เรายังอยู่ในพื้นที่ของพวกมันหรือเปล่าคะ คุณชาติ” กาญจนาถามอย่างกังวล
“ต้องสันนิษฐานว่ายังอยู่ก่อนครับ เพราะดูจากลักษณะของป่าแล้วมีลักษณะคล้ายกัน”
ทันใดนั้นฟ้าก็มีสายฟ้าแลบ มีเสียงครืนเป็นระยะ พรานเมิงหยุดเดินทาง แหงนหน้ามองท้องฟ้า
“แปลกมาก อยู่ๆ ก็มีพายุมาเฉยๆ ไม่มีทีท่าเลย ปรกติผมจะรู้สึกได้”
“ยิ่งนานวันวิชายิ่งหาย”
“เอ็งอย่าพูดมาก”
รัตนากรกับโรสต่างยิ้มขำ เสียงฟ้าครืนๆ
“เรารอพี่อัศวินกับคุณอิทธิก่อนแล้วค่อยหาที่หลบฝนกัน”
“ได้ครับ”
“มาโน่นแล้ว”
อัศวินกับอิทธิกำลังเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา
“ดูท่าทางรีบผิดปรกติ” รัตนากรสังเกตเห็น
อัศวินกับอิทธิเข้ามาถึงทุกคน
“ผมว่าพรานเมิงรีบพาเราไปดีกว่า”
“เรากำลังห่วงว่าฝนจะตกเหมือนกัน” รัตนากรบอก
“ไม่ใช่เรื่องฝนหรอกครับ เราเจอรอยของพวกชนเผ่าอยู่ทางด้านโน้น ดูเหมือนว่าเป็นหน่วยลาดตระเวนของมัน” อัศวินบอก
“ไม่น่าเชื่อ พื้นที่เขตพวกมันใหญ่ถึงขนาดนี้” รัตนากรอดแปลกใจไม่ได้
พรานเมิงนำทั้งหมดเดินทางมายังกลุ่มที่มีต้นไม้ใหญ่เพื่อหลบฝน ต่างแยกย้ายกันหาต้นไม้พัก
“ที่นี่มีต้นไม้ใหญ่พอหลบฝนได้ เราอยู่ไกลพื้นที่ภูเขาคงไม่มีทางหาถ้ำได้ทัน”
พรานเมิงบอก ชาติพยักหน้ารับ หันไปบอกทุกคน
“เราพักที่นี่ แยกย้ายกันหลบใต้ต้นไม้”
นพดล พรานโก๊ะ ต่างหย่อนตัวลงนั่งใต้ต้นไม้ วีรกิจเดินไปที่ต้นหนึ่งถัดไป อัศวินกับอิทธิต่างระวังหลัง ซามูหันมาทำมือทำไม้กับอิทธิ แล้วย้อนกลับออกไป
“ซามูจะไปดักรอดูพวกมัน” อิทธิหันมาบอกอัศวิน
“ซามู ฝีมือยอด คล่องตัวจริงๆ” อัศวินชื่นขม
รัตนากรกับโรสเดินเข้ามาหากาญจนา กาญจนาหยิบสมุดบันทึกออกมาตรวจพลางมองรอบๆ “คราวนี้ทุกคนช่วยกันหาซิ ว่ามีอะไรที่จะเกี่ยวกับพญานาคเล่นน้ำหรือเปล่า”
“ดูแล้วไม่เห็นจะมีอะไรเข้าเค้าเลย นอกจากว่าฝนที่กำลังจะตก” รัตนากรบอก
“อะไรคือพญานาคเล่นน้ำกันแน่” โรสถาม
“ถ้าจะเอากันทางวิทยาศาสตร์ก็คือ ปรากฏการณ์ทางอากาศ ที่เป็นพายุในทะเลแล้วม้วนน้ำขึ้นมาเป็นลำสูงหมุน เดินทางด้วยความเร็วกว่า 100 ไมล์ต่อชั่วโมง บ้านเราเรียกกันว่า พญานาคเล่นน้ำ”
กาญจนากางสมุดบันทึกให้โรสกับรัตนากรดู เห็นเป็นรูปวาดเหมือนพายุหมุนเป็นลำ แต่เป็นน้ำแทนที่จะเป็นแค่ลมหมุน
“ผมไม่คิดว่าจะมีทะเลอยู่แถวนี้” ชาติบอก
“ไม่แน่นะคะ” รัตนากรท้วง
ทันใดนั้นฝนก็เริ่มตกลงมา ทุกคนต่างขยับตัวไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ กาญจนาหันไปเห็นวีรกิจหลบฝน
อยู่ตรงต้นไม้คนเดียว ถัดจากนพดลกับพรานโก๊ะ จึงเดินเข้าไปหลบด้วย วีรกิจขยับตัวหลบให้ รัตนากรกับโรสต่างไปที่ต้นไม้ถัดไป ชาติเดินไปสมทบกับอัศวินกับอิทธิ แล้วถาม
“ไงเพื่อน มีเค้าพวกมันมั้ย”
“ยัง” อัศวินบอก
“ไอ้ซามูวิ่งมาโน่นแล้ว” อิทธิชี้
ซามูวิ่งเข้ามาถึง ส่งสัญญานมือกับชาติ
“ยังไม่เห็นพวกมัน ไอ้ซามูคิดว่าผิดปรกติ เราต้องระวัง”
“อืม ฝนตกมองไม่ค่อยเห็น เราเสียเปรียบ” อัศวินคิด
วีรกิจนั่งคุยกับกาญจนาอยู่
“ฝนตกนับหรือเปล่าครับ พญานาคเล่นน้ำ”
“ไม่น่าจะใช่ค่ะ เพราะฝนไม่ได้บอกทิศทางว่าเราจะต้องไปทางไหน”
วีรกิจยิ้มเขิน กาญจนาโล่งใจที่วีรกิจรู้จักปรับปรุงตัวดีขึ้น
นายยองนั่งคุยอยู่กับพรานเมิง
“พ่อเราจะไปถึงมั้ยพ่อ”
“พ่อจะไปรู้ได้ยังไง”
“อ้าว ก็พ่อเป็นพรานนำทางนี่”
“ใช่ แต่เป็นพรานนำทางกลับ ไม่ใช่นำทางไป”
“หา นายองมึนแล้วพ่อ”
“ไม่มีใครรู้ว่าเนตรนาคราชอยู่ที่ไหน เดินทางอย่างเดาสุ่มตามแผนที่เจอเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ หน้าที่ของข้า คือ เมื่อไปถึงแล้ว สามารถนำทางกลับได้อย่างปลอดภัย”
“อ๋อ แบบนี้เอง”
“เอ็งไม่เห็นเหรอ เราต้องหาจุดที่แผนที่บอกให้เจอ อย่างเช่น ปากพญานาค ถ้าไม่เจอก็ต้องหาไปเรื่อย เป็นเดือนเป็นปี ดีว่าคุณกาญและทุกคนฉลาด เราเจอทั้งปากพญานาค แล้วก็เขี้ยวพญานาค”
“เป็นหนูล่ะก็หาไม่เจอหรอก”
“เออ ข้าก็ว่ายังงั้น”
นายองเหล่
“แล้วตอนนี้เราหาอะไร”
“พญานาคเล่นน้ำ”
“โห จะเจอเหรอเนี่ย”
นายองแปลกใจ
อ่านต่อหน้า 4
เนตรนาคราช ตอนที่ 14 (ต่อ)
โรสนั่งคุยอยู่กับรัตนากร
“พี่รัตน์ว่าเราจะได้เห็นเนตรนาคราชมั้ย”
“พี่เคยไม่เชื่อ คิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล”
“แต่เดี๋ยวนี้เชื่อ”
“อืม เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว การเดินทาง การต่อสู้ ความฝัน เดี๋ยวนี้ พี่เชื่อว่าเราจะต้องทำได้สำเร็จ”
“โอ มาย ก๊อด”
โรสอุทาน รัตนากรเห็นสีหน้าของโรสจึงหันไปมองตามสายตา ถึงกับคาดไม่ถึง
“พญานาคเล่นน้ำ”
ตรงหน้าไกลออกไปท่ามกลางสายฝน เห็นสายฝนม้วนเป็นลำวนติ้วอยู่กับที่ ทุกคนหันไปเห็นต่างตกตะลึง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“พรานเมิง รีบจับตำแหน่ง” อัศวินสั่ง
พรานเมิงจ้อง กำหนดทิศอย่างรวดเร็ว ทุกคนจ้องมองอย่างตื่นเต้น แล้วพุ่งออกไป กาญจนาไม่รอช้าตามพรานเมิงออกไป วีรกิจรีบตามติด ชาติ นายอง รีบออกไป นพดล พรานโก๊ะ วิ่งผ่านรัตนากรกับโรส ซึ่งยืนโบกมือให้ทุกคนรีบตามไป แล้วรัตนากรกับโรสก็วิ่งตามไป ซามูตามติด อัศวินกับอิทธิยืนปิดท้ายจ้องม้วนน้ำตาไม่กระพริบ
“ฉันว่า เราใกล้เนตรนาคราชแล้วเพื่อน” อัศวินบอกอย่างตื่นตะลึง
พรานเมิงนำทุกคนวิ่งไปยังม้วนน้ำที่อยู่ไกลตรงหน้า แต่แล้วสักครู่ม้วนน้ำก็สลายตัวหายไป ทุกคนหยุดกึก
“ว่าไงพราน จับตำแหน่งได้มั้ย” กาญจนาถาม
“ได้ครับ ตามผมมา”
พรานเมิงรีบออกไป ทุกคนรีบตามไป
พรานเมิงนำทุกคนมาตามเส้นทาง ฝนหยุดตก ท้องฟ้าเริ่มสว่าง
“เห็นอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ทำไมนานล่ะพ่อ หลงปะ”
“เอ็งอย่าพูดมาก”
พรานเมิงนำทางต่อไป ทุกคนต่างรีบเดินตาม เมื่อพ้นออกมาจากแนวป่า ทุกคนก็เริ่มเข้าใจ เพราะตรงหน้าคือแก่งน้ำ ที่มีน้ำไหลเชี่ยวพอสมควรขวางอยู่
“ตกลงเราต้องข้ามไป หรือว่าไปตามน้ำครับคุณกาญ” ชาติหันมาถาม
“แต่ฝั่งตรงข้ามดูแล้วไม่มีทางให้ขึ้นได้เลยนี่คะ”
“จริงอย่างคุณกาญว่าครับ ด้านโน้นไม่มีร่องรอยคนผ่านไปเลย” พรานเมิงบอก
“อย่าบอกนะว่าเราต้องต่อแพล่องไป” รัตนากรเปรย
“รู้งี้เอาเรือยางมาด้วยก็ดี” โรสพูดขำๆ
อัศวินกับอิทธิและซามูเข้ามาถึง
“นี่เราต้องข้ามไปหรือต้องต่อแพข้ามไป” อัศวินถาม
“กาญกำลังดูอยู่ค่ะ”
กาญจนาตรวจดูแผนที่อย่างเคร่งเครียด ทุกคนต่างพยายามดูรอบตัวช่วยคิดหาทางออก อัศวินหันไปกระซิบกับอิทธิ
“ฉันว่านายให้ซามูออกไปดูพวกมันดีกว่า”
“โอเค”
อิทธิหันไปพยักหน้าให้ซามู เหมือนรู้กัน ซามูเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
“ผมว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เราเล่นน้ำมั่งเป็นไร พญานาคเล่นน้ำได้ เราก็เล่นน้ำได้” นพดลเสนอ
“ใช่ มาพี่โรส พี่รัตน์”
นายองชวน กาญจนาร้องห้าม
“เดี๋ยวก่อน พญานาคเล่นน้ำ พญานาค ใช่แล้ว พญานาคเล่นน้ำ คือ ต้องอยู่ในน้ำ ไม่ใช่ข้ามน้ำ กาญว่าเราต้องล่องแก่งตามน้ำไปค่ะ”
“ล่องไปถึงไหนครับ แบบนี้ไม่อันตรายเหรอครับ” วีรกิจท้วง
“กระแสน้ำพาเราไปหยุดที่ไหน ก็คือที่นั่น”
กาญจนาย้ำบอก ทุกคนต่างมองหน้ากัน
“โอเค เราต้องทำแพ พวกผู้หญิงคอยคุ้มกัน พวกผู้ชายตัดไม้ทำแพ เร็วที่สุด” อัศวินสั่ง
ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยงๆ ขึ้นมาหลายนัด
“ซามู ปรกติมันจะส่งสัญญาณ” อิทธิแปลกใจ
“ทุกคนหลบ” อัศวินสั่ง
ทันใดนั้น ลูกธนูก็ปลิวว่อนเข้ามา ทุกคนต่างหมอบราบกับพื้นหลบ อัศวินกับอิทธิ กราดปืนออกไปด้านหน้าถี่ยิบ เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว เสียงชนเผ่าร้องล้มไปหลายคน พวกมันเริ่มปรากฏร่างอยู่ในแนวป่า ทันใดนั้นซามูวิ่งมาหมอบข้างอิทธิกับอัศวินพลางทำมือวุ่นวายกับอิทธิ
“พวกมันมากันเพียบ” อิทธิบอก
“ทำไมพวกมันไม่ไปเล่นงานพวกไอ้เฮนรี่ดันตามเรามา” อัศวินแปลกใจ
“ถามมันดิ” อิทธิกระเซ้า”
อิทธิยิงปืนออกไปถี่ๆ เสียงพวกมันร้อง รัตนากรกับโรสเข้าหมอบข้างๆ อัศวิน
“แบบนี้เราเสร็จพวกมันแน่” รัตนากรคาดการณ์
“เราอยู่ใกล้น้ำ ไม่มีที่กำบังเลย” โรสเห็นด้วยกับรัตนากร
“บอกทุกคนให้ลงน้ำไป”
อัศวินตะโกนสั่ง รัตนากรตกใจ
“หา”
“เราไม่มีทางเลือก ต้องลอยไปกับแก่งน้ำเร็วที่สุด พวกเราจะยิงสกัดพวกมันไว้ให้”
รัตนากรกับโรสมองหน้ากัน
“พร้อม” อัศวินพูดขึ้น
“ระวังตัวนะคะ” รัตนากรห่วง
อัศวินพยักหน้าแล้วโผล่พรวดออกไปยิงสกัดพวกมัน เสียงปืนดังสนั่น เช่นเดียวกับอิทธิ
พวกเฮนรี่ได้ยินเสียงปืนของพวกอัศวินพอดี
“เร็วเข้าพราน รีบตามเสียงปืนไป”
พรานอองข่านพุ่งออกไป เฮนรี่ โจซิง อังโซะตาม
“เชิญครับคุณหลิน”
เคนบอก หลินรีบออกไป ปิง หยกตาม เคนหัวเราะดังชอบใจ แล้วรีบตามไป
พรานเมิง นพดล พรานโก๊ะ วีรกิจ ลอยน้ำออกไป ตามด้วย นายอง กาญจนา แล้วชาติ ต่างก้าวลงไปในแก่งน้ำ รัตนากรยังอยู่บนฝั่ง
“ฝากยัยกาญด้วยคุณชาติ”
ชาติพยักหน้ารับ
“ไปได้แล้วทุกคน เร็ว”
รัตนากรบอก นายอง กาญจนา ชาติ ก้าวลงไปในน้ำ ปล่อยให้น้ำในแก่งพาไหลห่างออกไป รัตนากรจ้องมองกาญจนาด้วยความเป็นห่วง โรสเข้ามา
“พี่รัตน์ พวกมันเพียบ เราต้องไป”
“โอเค”
ทั้งสองคนปล่อยตัวให้ลอยตามน้ำไป รัตนากรยิงปืนสามนัด
“เราต้องเผ่นแล้วเพื่อน” อัศวินบอก
“ซามู”
อิทธิหันไปบอกซามู ซามูยิงสองสามเปรี้ยงแล้วถอยไป อัศวินกับอิทธิพยักหน้าให้กัน แล้วขว้างระเบิดออกไปสองลูก ก่อนจะวิ่งไปที่ชายน้ำ ค่อยๆ ถอยลงน้ำไป ปืนกราดระวัง จนกระทั่งตัวลอยน้ำออกไป พวกชนเผ่าวิ่งเข้ามานับสิบ เอาหอกขว้าง ธนูยิงตาม อัศวินกับอิทธิยิง พวกมันล้มกลิ้ง จนพ้นไปได้ในที่สุด
พวกของ เฮนรี่ เคน ลงมาถึงชายน้ำ ซึ่งพรานอองข่านและสมุนของเคนตรวจร่องรอยอยู่
“พวกมันหนีลงน้ำไปแล้วลูกพี่”
“ว่าไงพราน” เคนถาม
“ถูกต้อง” พรานอองข่านเห็นร่องรอย
“บ้าที่สุด อย่างนี้เราไม่ต้องลงน้ำลอยคอตามพวกมันไปเหรอ” เฮนรี่บ่น
“ไม่จำเป็น”
ทุกคนหันมามองพรานอองข่านเป็นตาเดียว
“ลองเฉลยหน่อยซิพราน” เคนถาม
“เราตัดเข้าป่า เดินทางขนานกับแก่งน้ำ พวกมันอาจติดอยู่ตามแก่งหิน เจอเส้นทางขาด ต้องอ้อมเดินทางต่อลำบาก เผลอๆ พวกเราอาจไปดักหน้าพวกมันด้วยซ้ำไป”
“ว่าไงมิสเตอร์เฮนรี่” เคนถาม
“พรานแน่ใจนะ”
“เอ็งถามข้าบอก เอ็งจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ”
“ผมเชื่อพราน ใครจะลอยคอตามพวกมันไปก็ตามใจ ผมไม่ไปด้วย” เคนบอก
“ผมก็เชื่อพราน”
โจซิงยิ้มตีมือกับอังโซะ หลินเร่ง
“จะเอายังไงก็รีบหน่อย ก่อนที่พวกชนเผ่าจะแห่กันมาอีก”
เฮนรี่คิด “เอา นำทางเลยพราน”
พรานอองข่านเดินนำออกไป ทุกคนต่างเดินตาม
อัศวินรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตัวเองเกยอยู่กับโขดหินริมน้ำ ลุกขึ้นมา มองรอบๆ เห็นใครคนหนึ่งนอนอยู่จึงเดินเข้าไปหา ปรากฏว่าเป็นวีรกิจ
เวลาต่อมา อัศวินจุดกองไฟเพื่อผึ่งให้เสื้อผ้าแห้ง วีรกิจนั่งอยู่ด้วย ถามขึ้น
“คุณคิดว่าจะมีใครรอดอีกมั้ยครับ”
“ถ้าคุณรอด ก็ต้องมีคนอื่นรอด”
อัศวินตรวจของในเป้ ปืน และ กระสุน
“เราจะไม่ออกตามหาคนอื่นเหรอครับ”
“ที่นี่เป็นปลายน้ำ ถ้าคนอื่นรอดก็ต้องมาทางนี้”
วีรกิจพยักหน้า นั่งกอดเข่ากังวล อัศวินอดเห็นใจไม่ได้
“เฮ้ คุณ ผมอยู่ทั้งคน คุณไม่ต้องกลัว”
อัศวินยิ้มเป็นเชิงเล่นสนุก วีรกิจฝืนยิ้มออก อัศวินมองไป ตรงหน้าเป็นหน้าผาสูงขวางกั้นอยู่ด้านหนึ่ง น้ำในแก่งค่อยๆ ไหลลงไปอีกด้านหนึ่ง
กาญจนารู้สึกตัวขึ้นเพราะมีผ้ามาซับที่ใบหน้า
“คุณชาติ”
“ดีใจที่คุณฟื้นครับ”
“พวกเราหายไปไหนหมดคะ”
“ผมว่าคงอยู่กันแถวๆ นี้ล่ะครับ คงต้องใช้เวลาหน่อยกว่าจะหากันเจอ”
ชาติยืนขึ้นแล้วส่งมือให้
“มาครับ”
กาญจนาส่งมือให้ ชาติดึงขึ้นมา
“เราจะไปไหนคะ”
“เราจะเดินตามน้ำไปจนสุดทาง รอทุกคนอยู่ที่นั่น แต่ก่อนอื่น เราจะพักก่อไฟให้เสื้อผ้าแห้งก่อน”
ชาติก่อกองไฟ มีเนื้อไก่ป่าย่างอยู่ด้วย
“ไก่ตัวนี้โชคร้ายจริงๆ”
กาญจนายิ้ม ค่อยๆ แกะเนื้อไก่กิน
“หรือไม่ก็ผมโชคดีที่ขว้างมีดไปถูกมันเข้า”
“คือ ฉันไม่ได้หมายถึงฝีมือคุณชาติ คือ ฉันหมายถึงว่าไก่ตัวนี้ต้องโชคร้ายมาเป็นอาหารของเราน่ะค่ะ”
“ผมแค่ล้อคุณกาญเล่นนะครับ”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน แต่แล้วชาติยกมือเป็นสัญญาณให้เงียบ แล้วกระชากปืนออกมา ทันใดนั้นมีเสียงนกร้องเข้ามา กาญจนานึกขึ้นได้
“นกซามู”
ชาติยิ้มลดปืนลง
“คุณกาญเก่งแล้วเดี๋ยวนี้”
เสียงนกซามูส่งเสียงมาอีก ชาติผิวปากตอบไป
“ไม่ใช่นกซามูตัวเดียวครับ คุณรัตนากรอยู่ด้วย”
กาญจนาตื่นเต้นดีใจ สักครู่ ซามูกับรัตนากรก็ออกมาจากป่า กาญจนาเข้าไปกอดพี่สาวด้วยความดีใจ
ทั้งหมดนั่งรอบกองไฟ ซามูกับรัตนากรกินไก่ป่าอยู่
“ซามูจมูกดี ตามกลิ่นมาถึงนี่”
รัตนากรชม ซามูยิ้มส่งสัญญาณมือกับชาติ
“ซามูบอกว่า คนอื่นอาจจะได้กลิ่นด้วยก็ได้”
“หวังว่าคงเป็นยังงั้น แต่พวกมันก็ต้องได้กลิ่นเหมือนกัน” รัตนากรดักคอ
“ทุกคนที่มาด้วยล้วนมีฝีมือ จะต้องปลอดภัยแน่นอน” ชาติย้ำบอก
“กาญห่วงพี่หมอกับพรานโก๊ะน่ะค่ะ”
ซามูทำมือเร็วปรื๋อ ชาติยิ้ม
“ซามูบอกว่าสองคนนั่นรู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดดี”
ทั้งหมดต่างยิ้มขำซามู ชาติเหลือบตามองกาญจนาเห็นรอยยิ้มสวยจนเผลอ รัตนากรสังเกตเห็นแว่บ อดยิ้มไม่ได้ ซามูลุกขึ้นทำสัญญาณมือแล้วออกไป
“ซามูบอกว่า มันจะออกไปหาปลาเผื่อไว้”
“อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องอดตาย” รัตนากรพูดขำๆ
อ่านต่อตอนที่ 15