“เอส” ควงคู่ “เซฟฟานี่”
ลงละคร “เพลิงตะวัน”
บวงสรวงกันไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับละครดราม่าเข้มข้น เพลิงตะวัน โดยผู้กำกับ “วุธ-อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร” แห่งค่ายดูมันดี นำทีมนักแสดงพระนาง “เอส-กันตพงศ์ บำรุงรักษ์” มาประกบคู่กับ “เซฟฟานี่ อาวะนิค” ครั้งแรก ร่วมด้วยนักแสดงมากฝีมืออีกคับคั่ง ซึ่งเดินหน้าถ่ายทำกันไกลถึงประเทศญี่ปุ่น และจะได้ชมกันในปีหน้าแน่นอน
(วุธ) “ถ้าพูดถึงโปรดั๊กชั่นก็จะเป็นเรื่องที่ 2 ของบริษัทที่ทำละครหลังข่าวของดูมันดี เข้มข้นเพราะเรื่องนี้ถูกบ่มมา 5-6 ปี เคยเสนอและถูกพัฒนาจนเรียกว่าครบถ้วนและสนุกครบรส มันถึงช่วงเวลาที่ดูมันดีมีโอกาสได้ทำละครหลังข่าวเรื่องแรกพรายพยากรณ์ พอเสนออีกทีก็ได้รับการอนุมัติเหมือนเราพร้อม โจทย์ต่อมาคือแล้วจะเอาใครเล่น ซึ่ง ตัวนางเอกในเรื่องนี้ เป็นบทที่ยากมาก เขียนมาเอาให้มันรู้กันไปเลยว่านางเอกทำได้กี่อย่างในโลกนี้ ฉะนั้นคนที่มารับบทนี้จะต้องเล่นตั้งแต่ดีสุด ร้ายสุด เก่งสุด และอ่อนแอที่สุด เพราะฉะนั้นคนนี้ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ เพราะว่าเพลิงตะวันเป็นเรื่องของเค้าจริงๆ เป็นนางเอก ปกติเราทำละครที่ผ่านมาเป็นละครเย็น พอมาละครเรื่องเพลิงตะวันดราม่าที่สุดค่อนข้างจะพลิกแนวของบริษัทและค่อนข้างยากหนักหนาสาหัสเหมือนกันสำหรับการผลิต แต่โชคดีที่ได้น้องๆ พี่ๆ เพื่อนๆ มาร่วมแสดง ทุกคนมากความสามารถและมีคุณภาพทั้งสิ้น เหมือนมาช่วยแบ่งเบาภาระและความหนักใจของเราไปได้ครึ่งนึงก่อนเริ่มงาน เริ่มต้นได้ดีคิดว่าผลงานออกมาต้องดีแน่ๆ”
เห็นบอกว่าบทนางเอกยากมาก ทำไมถึงมั่นใจในตัวเซฟฟานี่ และเลือกมาเป็นนางเอกเพราะน้องก็ยังมือใหม่อยู่เหมือนกัน
(วุธ) “เซฟเค้ามีความเป็นตะวันอยู่ในตัว ขาดความเป็นปรางค์ทอง คือความโหดเหี้ยม โหดร้าย ซึ่งเค้ายังไม่มี พอมาเจอเราความโหดเหี้ยม โหดร้ายเดี๋ยวจะใส่ให้ เวิร์กช้อปไม่มากเพราะมีประสบการณ์การแสดงมาแล้ว ผ่านกุหลาบเล่นไฟ ยมบาลเจ้าขา แต่ละเรื่องเค้ามีโจทย์และน้องเค้ามีพัฒนาการแล้วแต่เราจะหยิบโจทย์มาใช้ แต่น้องเค้าเป็นคนเปิดใจเลยไม่น่าจะยากที่จะเข้าไปสู่บทตะวันหรือปรางค์ทองได้ ส่วนพระเอก ก็ตรงกับเอส เป็นคนสุภาพ อ่อนหวาน มีน้ำใจ มองโลกในแง่ดี ไม่ต้องไปแก้อะไรเค้าเลย ไม่ต้องไปเพิ่มด้วย”
บทพระเอกจะเป็นรองบทนางเอกหรือเปล่า
(วุธ) “ไม่ครับ เพราะว่าต้องมีจุดเริ่มต้นและมีคนคลี่คลาย คนนี้คือแม่กุญแจ คนนี้คือดอกกุญแจที่จะมาช่วยไขเปิดความจริงที่อยู่หลังประตู ฉะนั้นไม่มีใครรองกว่าใคร มีแม่กุญแจแต่ไม่มีลูกกุญแจก็ไม่สมบูรณ์ ไม่มีใครเหนือกว่าใครทุกคนเท่าเทียมกัน”
ถ่ายทำกันที่ญี่ปุ่นด้วย
(วุธ) “ใช่ครับ เพราะเป็นสัญลักษณ์นึงของเรื่องด้วย ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นตัวของนางเอก ใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นเมเปิ้ลสีแดงเหมือนชุดเค้าเลย และพอเลยฤดูนี้จะร่วงหมดเป็นโกร๋นๆ แล้วก็จะผลิใบใหม่เป็นสีเขียว เหมือนตัวปรางค์ทองที่ผลิใบไปเป็นตะวัน เราเลยต้องรีบไปถ้าช้ากว่านี้เริ่มร่วงแล้ว โชคดีที่เราไปเมื่ออาทิตย์ก็เลยทันเวลา แล้วเรื่องส่วนใหญ่จะเกิดที่ไร่ทานตะวันของเอสเค้า เพราะฉะนั้นจะมีความเป็นญี่ปุ่นและความเป็นไทยดอกทานตะวันเค้าจะมาเป็นฤดูเหมือนกัน มันมีความเปลี่ยนแปลงของเค้า มีสวยสะพรั่งบานช่วงนึง แต่สุดท้ายต้องเหี่ยวเฉาไป”
(เซฟ) “ตอนที่เราได้รู้ว่ารับบทนี้ก็ได้ไปอ่านเรื่องย่อมารู้สึกบทนี้ค่อนข้างท้าทายมาก ต้องทำการบ้านค่อนข้างหนัก โชคดีที่พี่เค้าบอกมาว่าจากประสบการณ์เรื่องอื่นๆ ที่เราเคยผ่านมาก็สามารถหยิบเอามาใช้ได้ เซฟก็เชื่อว่าพี่วุษสามารถปั้นตัวปรางค์ทองออกมาจากเซฟได้ เรื่องนี้เป็นนางเอกเต็มตัวเรื่องแรก เกร็งบ้างปกตินิดหน่อย แต่ถ้าเราทำการบ้านมาดีมันก็ไม่น่าจะมีปัญหา”
(เอส) “ได้ไปคิวแรกที่ญี่ปุ่นก็สนุกดีครับ เชื่อว่าต้องเป็นผลงานที่มีคุณภาพอีกเรื่องนึงครับ นักแสดงทุกคนเต็มที่สุดความสามารถ อ่านเรื่องย่อก็สนุก การร่วมงานกันในเรื่องนี้ โชคดีที่เราชอบเล่นฟิตเนสเหมือนกัน เราเลยมีเรื่องคุยกันจูนกันง่ายขึ้น”
คนดูจะได้อะไรจากเรื่องนี้
(วุธ) “อย่างที่บอกว่าเป็นเรื่องของปรางค์ทองและตะวัน เค้าไม่ใช่ฝาแฝดแต่เป็นคนคนเดียวกัน เพียงแค่ความทรงจำเค้าหายไป เปรียบเทียบคนคนนึงเคยเลวร้ายมากๆ แล้ววันนึงกลับตัวเป็นคนดีแล้วสังคมจะให้อภัยเค้ามั้ย อันนี้คือคำถามที่เกิดขึ้นในละคร เหมือนตัวตัวปรางค์ทองคนที่เลวร้ายที่สุดอาจจะไม่ใช่ใคร แต่อาจจะเป็นตัวเค้าเองแต่วันนี้เค้าเปลี่ยนเพราะมาเจอพระเอก แต่คนที่ถูกเค้ากระทำพร้อมจะให้อภัยเค้ามั้ย จะได้ชมกันเมื่อไหร่น่าจะปีหน้าไม่น่าจะเกินกลางปี”