ฝันเฟื่อง ตอนที่ 4
เหตุการณ์ในโรงหนังตอนนี้ ในแสงสลัวจากจอหนัง อาทิตย์หันมาแอบมองวิไลลักษณ์ที่ตั้งใจดูหนังอยู่ วิไลลักษณ์รู้สึกว่าอาทิตย์แอบมอง เลยหันไปหา อาทิตย์หันกลับไปดูหนัง วิไลลักษณ์เขิน หันกลับไปดูหนัง
ทันใดนั้น สองคนหันหน้ามามองกันพอดี สองคนยิ้มๆ แล้วก้มลงมาจะดูดน้ำที่อยู่ตรงกลางพร้อมกัน สองคนหัวชนกัน
“โอ้ย”
“เจ็บหรือเปล่าครับคุณวิไลลักษณ์”
วิไลลักษณ์ส่ายหน้า อาทิตย์เอามือจับที่หัวอย่างเป็นห่วง วิไลลักษณ์มองยิ้มๆ สองคนเผลอสบตากัน ต่างคนต่างเขิน ทำอะไรไม่ถูกเลยเอื้อมมือไปหยิบป๊อปคอร์นพร้อมกัน มือสองคนจับโดนกันอีก สองคนยิ้มเขินใหญ่ วิไลลักษณ์ดึงมือออก หันไปดูหนัง
ซักครู่อาทิตย์ตัดสินใจเอื้อมมือไปจับมือวิไลลักษณ์
วิไลลักษณ์ตกใจ อาย แล้วค่อยๆ ดึงมือออกจากมืออาทิตย์
อาทิตย์ดึงมือกลับหน้าจ๋อยไม่กล้าเอื้อมมือไปจับอีก
ที่ร้านชายสี่หมี่เกี๊ยว
รัฐรวีนั่งกินก๋วยเตี๋ยวไปยิ้มไป ขำมณฑิราที่ท่าทางตื่นเต้นกับการได้กินก๋วยเตี๋ยวข้างถนน ตรงหน้ามณฑิราตอนนี้ มีก๋วยเตี๋ยวหลายชามหลายแบบมาก
มณฑิราชิมทุกชามอย่างละนิดละหน่อยด้วยความเอร็ดอร่อย
รัฐรวีขำ “นี่คุณไม่เคยออกจากบ้านมาเห็นเดือนเห็นตะวันเลยใช่ไหม ทำอย่างกับคนไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยว”
มณฑิราตกใจที่เผลอทำตัวมีพิรุธ รีบแถ แก้ตัว “ชั้นเป็นคนใช้ทำไมชั้นจะไม่เคยกิน แต่ที่ชั้นกินเยอะก็เพราะชั้นชอบกินมากก็แค่นั้นเอง”
“ถ้าคุณชอบขนาดนี้ ผมมีเด็ดกว่านี้อีก เคยกินก๋วยเตี๋ยวเรือจริงๆไหม ที่คนทำนั่งอยู่ในเรือ ส่วนคนกินนั่งอยู่ที่ท่าน้ำ”
“ก๋วยเตี๋ยวเรือน่ะเหรอ ไม่เห็นแปลกเลย ชั้นก็กินบ่อย” มณฑิราคุยโต
“แต่ตรงที่ผมจะพาไป ไม่ได้มีแค่ก๋วยเตี๋ยวเรืออย่างเดียวนะ ยังมีน้ำจับเลี้ยง กล้วยเบรกแตก แล้วคุณรู้จักฝรั่งแช่บ๊วยไหม” มณฑิราพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น “แต่นี่เป็นไอติมนะ อยากกินแล้วใช่ไหม เอาไว้ว่างๆ ผมพาไป”
มณฑิรานึกได้ทำฟอร์ม “ใครจะไปกับนาย”
รัฐรวียิ้มกริ่ม
อาทิตย์ กับวิไลลักษณ์เพิ่งดูหนังจบเดินออกมาจากโรงหนัง วิไลลักษณ์ท่าทางเขินๆ มองหามณฑิรา
“พี่มณอยู่ไหนก็ไม่รู้ เห็นบอกว่าจะรออยู่แถวๆ หน้าโรงหนัง”
“เดี๋ยวผมโทร.หานายวีให้ครับ” อาทิตย์ควักมือถือกดโทร.หารัฐรวี
วิไลลักษณ์หันหลังให้อาทิตย์ มองหามณฑิราอย่างกังวลปนห่วง
ระหว่างนี้อิงอรเดินมากับเพื่อน หันมาเห็นอาทิตย์ก็ร้องทัก
“คุณอาทิตย์”
อาทิตย์เงยหน้ามาเห็นอิงอร ที่เดินแยกกับเพื่อนตรงมาหาอาทิตย์
อาทิตย์อึ้งทักตอบ “คุณอิง”
“มาดูหนังเหรอคะ”
วิไลลักษณ์หันไปมองเห็นอิงอร สาวไฮโซ แต่งตัวเปรี้ยว ดูดี กำลังคุยกับอาทิตย์
“เอ่อ...ครับ” อาทิตย์เห็นวิไลลักษณ์มองอิงอรงงๆ รีบแนะนำทันที “คุณวิไลลักษณ์ครับ นี่คุณอิงอรครับ...คุณอิงครับ นี่คุณวิไลลักษณ์”
วิไลลักษณ์ยกมือไหว้โดยความเคยชิน “สวัสดีค่ะ”
“จะไหว้ทำไมคะ ไม่ได้ประกวดมารยาท” วิไลลักษณ์เอามือลงเก้อๆ อิงอรตีแขนหยอกอาทิตย์ อย่างมักคุ้น “แหม คุณอาทิตย์นี่ใจร้ายจริงๆ ทีอิงชวนไปกินข้าวไม่ยอมไป แต่หนีมาดูหนัง อิงน้อยใจนะ”
อาทิตย์เห็นวิไลลักษณ์มองอยู่ ตอบไม่ถูก
“เอาไว้โอกาสหน้าแล้วกันครับ”
อิงอรเห็นว่าท่าทีอาทิตย์ดูแคร์วิไลลักษณ์มาก เลยแกล้งชวนคุย
“แล้วนี่ดูเรื่องอะไรเหรอคะ?
วิไลลักษณ์ไม่อยากเป็นส่วนเกินบอกกับอาทิตย์ว่า “คุณอาทิตย์คะ วิไลลักษณ์ไปนั่งรอทางนั้นนะคะ”
วิไลลักษณ์เดินไปนั่งเลย อาทิตย์จะเรียก แต่อิงอรก็พูดแทรก
“แฟนเหรอคะ”
อาทิตย์อึกอัก “อ๋อ...เอ่อ...ไม่ใช่ครับ”
“ดีค่ะ อิงจะได้มีโอกาส” อาทิตย์เหวอ อิงอรขำคิก “พูดเล่นค่ะ” อาทิตย์เลยโล่งอก “แต่คิดจริง”
อาทิตย์อึ้ง อิงอรขำแกล้งกอดแขนอาทิตย์ทำท่าสนิทสนม จงใจให้วิไลลักษณ์เห็น
วิไลลักษณ์ที่นั่งอยู่เห็นอาทิตย์ท่าทางสนิทสนมกับอิงอร ก็อึ้งไป
อาทิตย์กับอิงอรยืนคุยกันอยู่ซักครู่ อิงอรจึงเดินแยกไปกับเพื่อน อาทิตย์เดินมาหาวิไลลักษณ์ พยายามเอาใจ
“เดี๋ยวระหว่างรอนายวีกับพี่มณ เราไปหาอะไรทานกันไหมครับ”
วิไลลักษณ์ตอบหน้านิ่ง “ไม่ค่ะ วิไลลักษณ์อยากกลับบ้าน”
อาทิตย์เซ็งเพราะรู้ว่าพลาดอย่างแรง
ทางด้านรัฐรวีและมณฑิราเดินมาหน้าโรงหนัง รัฐรวีถือถุงก๋วยเตี๋ยวมาถุงใหญ่ เห็นอาทิตย์และวิไลลักษณ์นั่งอยู่ท่าทางมึนตึงใส่กัน
มณฑิราเห็นอาการของทั้งคู่ก็แปลกใจ รีบเดินมาหาวิไลลักษณ์
วิไลลักษณ์หันไปเห็นมณฑิรา เลยรีบลุกมาหา อาทิตย์เดินตามมาท่าทางเจื่อนจ๋อย
มณฑิราถามทันที “มีอะไรรึเปล่าคะคุณหนู”
“ไม่มีค่ะพี่มณ กลับบ้านกันเถอะค่ะ”
“อ้าว ทำไมรีบกลับจังเลยล่ะครับ”
วิไลลักษณ์หันมามองรัฐรวีตาขุ่น อย่างไม่ชอบขี้หน้า
“ไปเถอะค่ะพี่มณ”
“เดี๋ยวครับ” รัฐรวีส่งถุงก๋วยเตี๋ยวให้มณฑิรา “แล้วเจอกันนะครับคุณมณ”
มณฑิรารับถุงก๋วยเตี๋ยวไป วิไลลักษณ์รีบดึงผู้เป็นนายออกไป
รัฐรวีรีบเดินมาหาอาทิตย์ซักฟอกเสียงเขียว “แกไปทำอะไรเค้า”
ไม่นานต่อมาอาทิตย์ขับรถมาจอดที่โรงรถบ้านรัฐรวีแล้ว รัฐรวีลงจากรถด้านหลัง อาทิตย์ลงตามมา
“แกพลาดอย่างแรงเลยไอ้ทิตย์ ไปจับมือเค้าในโรงหนังไม่พอ มารถไฟชนกันที่หน้าโรงหนังอีก ถ้าอยู่ไอซียูก็จองห้องเย็นได้เลย”
“โธ่คุณวีครับ เรื่องคุณอิงนี่ผมไม่ทันตั้งตัวจริงๆ นะครับ”
“แปลว่าเรื่องจับมือแกคิดไปจากบ้านใช่ไหม” รัฐรวีง้างเท้าจะเตะ อาทิตย์กระโดดหลบ
“เปล่าครับ แต่มันเจอแบบไม่ทันตั้งหลัก”
“ฟังจากที่แกเล่า ท่าทางน้องอิงเค้าจะชอบแกจริงๆ นะเนี่ย ไม่ได้ขู่นะ คนอย่างน้องอิงอยากได้อะไรต้องได้ แล้วแกก็เตรียมเป็นของเค้าได้เลย”
อาทิตย์เครียดเลย “ไม่เอานะครับคุณวี แค่นี้คุณวิไลลักษณ์เค้าก็งอนผมจะแย่อยู่แล้ว ผมจะทำยังไงดีครับ”
“ทำอะไรก็ได้ ที่ไม่กระทบกระเทือนคุณมณของชั้น และธุรกิจของแม่ชั้น”
อาทิตย์เซ็ง “พูดเอาแต่ได้”
รัฐรวีขำๆจะเดินเข้าบ้าน โทรศัพท์อาทิตย์ดัง
อาทิตย์หยิบมาดู “ฮื้อ คุณอิงโทรมาแล้ว”
“โชคดีนะไอ้ทิตย์”
อาทิตย์กดรับสาย พูดอย่างสุภาพ “ครับคุณอิง ถึงบ้านแล้วครับ”
อาทิตย์พยายามส่งซิกให้ผู้เป็นนายช่วย
รัฐรวีส่ายหน้าขำๆ แล้วเดินหนีเข้าบ้านไป
ฝ่ายมณฑิรากับวิไลลักษณ์เดินกลับเข้าบ้านมา วิไลลักษณ์ถือถุงก๋วยเตี๋ยวมาด้วยท่าทางจ๋อยสนิท
คุณต๋อย กุ๊กกิ๊กยืนรอรับอยู่
มณฑิราบอกกับคุณต๋อยว่า “ชั้นซื้อก๋วยเตี๋ยวมาฝาก เอาไปแบ่งกันกินนะจ๊ะ เจ้านี้อร่อยมาก” มณฑิราชี้ถุงก๋วยเตี๋ยว “ส่วนถุงที่ผูกหนังยางสีแดง อันนั้นของชั้น เก็บไว้อุ่นให้ชั้นกินพรุ่งนี้ด้วย” วิไลลักษณ์จะเดินแยกไป “วิไล เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วขึ้นไปหาชั้นบนห้องนะ”
“ค่ะคุณมณ”
มณฑิราเดินขึ้นบ้านไป วิไลลักษณ์จะเดินไปเรือนคนใช้
คุณต๋อยแขวะทันที “พอกลับมาบ้านทำเป็นหมดแรง ทีตอนออกไปหาผู้ชายไม่มีเหนื่อย”
กุ๊กกิ๊กมองเขม่น “มารยา”
วิไลลักษณ์ชะงักหันมามอง กุ๊กกิ๊กผวา
วิไลลักษณ์นิ่งไม่เถียงอะไร “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว วิไลขอตัวนะคะ” พลางจะเดินไป
คุณต๋อยเรียกไว้ “เดี๋ยว พรุ่งนี้เธอต้องทำงานเป็นสองเท่า รู้ไหม”
“ค่ะ”
“แล้วงานชั้นพรุ่งนี้เธอก็ต้องทำแทนด้วย” กุ๊กกิ๊กว่า
“อืม...” วิไลลักษณ์เดินออกไปเลย
คุณต๋อยกับกุ๊กกิ๊กมองตามไปงงๆ ว่าวิไลลักษณ์ดูแปลกๆ ไป
ที่เรือนเล็กคนใช้ นายวง แม่เมียดนั่งกินข้าวกันอยู่ วิไลลักษณ์เดินซึมๆ ขึ้นบ้านมา
“กลับมาแล้วเหรอนังวิไล ไปทำอะไรให้คุณมณเค้าเดือดร้อนอีกรึเปล่า”
“แม่ ไหนเมื่อกี๊คุยกันแล้วไงว่าจะพูดกับลูกดีๆ” นายวงเอ็ดเมีย
แม่เมียดสวน “แล้วที่ชั้นพูดมันไม่ดีตรงไหน”
วิไลลักษณ์เห็นนายวงพูดโดยไม่หันมามองหน้าตัวเอง ก็รู้ว่าพ่อยังโกรธอยู่ เลยเข้าไปกอดอ้อน
“พ่อจ๋า...หายโกรธหนูรึยังจ๊ะ”
นายวงหันมามองวิไลลักษณ์ก็อดใจอ่อนไม่ได้
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย กินข้าวมารึยัง”
วิไลลักษณ์ปล่อยมือจากพ่อ บอกหน้าจ๋อยๆ “หนูไม่หิวจ้ะ”
แม่เมียดเห็นวิไลลักษณ์ท่าทางจ๋อยๆ ก็งง “เป็นอะไร ออกไปเจอกับเค้ามาแทนที่จะดีใจ”
นายวงเป็นห่วง “หรือว่าเค้าทำอะไรลูก”
“เปล่าจ้ะพ่อ” วิไลลักษณ์เปลี่ยนเรื่อง “เดี๋ยวหนูเปลี่ยนเสื้อผ้าขึ้นไปหาคุณมณก่อนนะจ๊ะ”
วิไลลักษณ์เดินเข้าห้องไปท่าทางซึมกะทือ เวกเดินขึ้นบ้านมาพอดี
นายวงถามทันที “เวก วิไลมันเป็นอะไร ทะเลาะกับคุณอาทิตย์มาเหรอ”
“สงสัยนะพ่อ เงียบตั้งแต่ขึ้นรถมาแล้ว คุณมณถามอะไรก็ไม่ตอบ”
แม่เมียดบอก “แกไปสืบมาสิ”
เวกพยักหน้า นายวง แม่เมียด เวกมองตามเป็นห่วงวิไลลักษณ์ทั้งแถบ
ภายในห้องฟิตเนสบ้านรัฐรวี ตอนค่ำวันนั้น รัฐรวีนั่งยกดัมเบลล์อยู่ในนั้น อาทิตย์เดินเข้ามาหาท่าทางร้อนใจ
“คุณวีครับ คุณวีต้องช่วยผมนะครับ เวลาคุณวีเดือดร้อนผมยังช่วยคุณวีเลย”
รัฐรวีแกล้ง “แป๊บนึง ชั้นยังไม่ครบเซ็ต”
“เห็นกล้ามแขนสำคัญกว่าผมเหรอครับ” อาทิตย์บ่นบ้า
รัฐรวีขำ วางดัมเบลล์ลงทันที “ว่ามา…”
“ผมจะทำยังไงเรื่องคุณอิงดีครับ ผมไปบอกเค้าดีไหมครับว่าผมมีแฟนแล้ว เค้าจะได้เลิกยุ่งกับผม”
“ก็ดีนะ เค้าจะได้ยิ่งอยากแย่งแกมามากขึ้น” รัฐรวีบอก ด้วยรู้นิสัยอิงอรดี
“งั้นผมจะไปบอกความจริงเค้าว่า ผมเป็นแค่คนขับรถคุณวี เค้าจะได้เลิกชอบผม”
“แล้วเค้าก็จะได้เข้าใจผิดว่าชั้นรวมหัวกับแกหลอกเค้า แล้วเลิกทำธุรกิจกับชั้นน่ะเหรอ เอางี้ แกอยู่ห่างๆ เค้าไว้ พยายามหลบหน้าเค้า แล้วก็ไม่ต้องไปรับโทรศัพท์เค้า อ้างอะไรก็ได้ เดี๋ยวเค้าก็เบื่อแล้วหายไปจากชีวิตแกเองแหละ”
อาทิตย์อึ้ง “ไม่ทันแล้วครับ” หยิบโทรศัพท์ให้ดู “ผมเพิ่งรับแอดเฟซบุคเค้าคอมเมนท์เค้าหน้าวอลล์ผมหราเลยครับ” อาทิตย์โวยขึ้นมา
“ทำไมไม่รีบบอกผม”
ด้านวิไลลักษณ์นั่งหวีผมให้มณฑิราอยู่ในห้องแต่งตัวบนตึก
“ตกลงวิไลจะไม่เล่าให้ชั้นฟังจริงๆ เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่วิไลว่าวิไลจะไม่ออกไปเจอคุณอาทิตย์แล้ว”
“งั้นแสดงว่าต้องมีอะไรแล้วล่ะ” มณฑิราเห็นวิไลลักษณ์น้ำตาหยด เลยไม่เซ้าซี้ “เอ้า ไม่เล่าแล้วมาร้องไห้ใส่ชั้น ชั้นจะช่วยอะไรได้ไหมเนี่ย”
วิไลลักษณ์ร้องไห้ “ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะ”
มณฑิราถอนหายใจ “งั้นก็ไปนอนเถอะ ถ้าพร้อมจะเล่า แล้วค่อยมาเล่าแล้วกัน”
วิไลลักษณ์วางหวีลง แล้วลุกเดินร้องไห้ออกไป มณฑิรามองตามอย่างหนักใจ
เวกเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าเช็ดตัวใส่เสื้อกล้าม เดินร้องเพลงเข้ามาอย่างอารมณ์ดี
“เป็นโสดทำไม อยู่ไปให้เศร้าเหงาทรวง ไม่คิดจะหาคู่ควง เดี๋ยวจะล่วงพ้นวัยไปเปล่าเกิดมาเดียวดายจะตายเพราะความเหงาเศร้าแต่งงานกันเสียเถิดเรา อยู่ว่างเปล่าไม่ดีอะไร…”
กุ๊กกิ๊กเดินมาเห็นเวกร้องเพลงอยู่ก็พูดลอยๆ ว่า “หมาที่ไหนมันฉี่รดสังกะสีเสียงดังวะ”
เวกหยุดร้อง “ปากดีเหลือเกินนะนังกุ๊กกิ๊ก”
“ทำไม” กุ๊กกิ๊กลอยหน้าลอยตาใส่ “แกจะทำอะไรชั้น”
“ชั้นจะไปทำอะไรได้ นอกจาก” เวกเปิดผ้าเช็ดตัวผึงทันที
กุ๊กกิ๊กปิดหน้าร้องกรี๊ด “ว้าย ไอ้เวก ไอ้ทะลึ่ง” แล้ววิ่งออกไปทั้งๆ ที่ปิดหน้าอยู่ เวกขำก๊าก
ที่แท้เวกใส่กางเกงบ็อกเซอร์อยู่ เวกสะใจใส่ผ้าผ้าขนหนูแล้วเดินจะกลับขึ้นบ้าน แต่สายตามองไปเห็นใครคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ที่มุมหนึ่งในสวน
เวกชะงัก ไม่แน่ใจว่าคนหรือผี จึงค่อยๆ ย่องเข้าไปดู แล้วถึงรู้ว่าเป็นวิไลลักษณ์
“วิไล” เวกรีบเข้าไปดูน้อง “มานั่งร้องไห้ทำไม”
สาวใช้ช่างฝัน โผเข้ากอดพี่ชายทันที เวกงง นึกเป็นห่วงน้องครามครัน
ต่อมาเวกเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้ว นั่งดูเฟซบุคในมือถือของวิไลลักษณ์อยู่
วิไลลักษณ์สะอื้นไปเล่าไป “เค้าเหมาะสมกันทุกอย่างเลยพี่ ผู้หญิงคนนั้นนะทั้งสวย ทั้งรวย แถมสนิทกับคุณอาทิตย์ แล้วเป็นเพื่อนกันในเฟสบุคแล้วด้วย”
“ก็แกบอกเองว่าเป็นเพื่อน แล้วแกจะคิดมากทำไม” เวกสะท้อนใจ
“จากเพื่อนก็เปลี่ยนเป็นแฟนได้นี่”
“ชั้นปลอบแก แกก็คิดมาก งั้นก็แล้วแต่แกแล้วกัน”
วิไลลักษณ์ครวญตัดพ้อชีวิต “ทำไมเราต้องจนด้วยนะพี่เวก ทำไมเราไม่เกิดมารวยแบบคนอื่นๆ เค้า...ชั้นจะได้ไม่ต้องเป็นคนใช้ พี่จะได้ไม่ต้องเป็นคนขับรถ ครอบครัวเราจะได้ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร”
เวกดุ “วิไล ถ้าการที่แกรักเค้าแล้วแกต้องมาดูถูกตัวเองแบบนี้ แกเลิกรักเค้าเหอะ” วิไลลักษณ์นิ่งงันไป “แกอาจจะไม่มีค่าในสายตาคนอื่น แต่แกมีค่าในสายตาชั้น กับพ่อกับแม่นะเว้ย”
วิไลลักษณ์กอดพี่ เวกลูบหัวด้วยความสงสารน้อง
เช้าวันนี้ ท่านนายพลรัฐกับรัฐรวีกลับจากวิ่งจ็อกกิ้ง มายืนยืดเส้นยืดสายคลายกล้ามเนื้ออยู่หน้าบ้าน ทหารคนสนิทที่รออยู่ ส่งน้ำกับผ้าเช็ดหน้าให้พ่อลูก แล้วถอยออกไปยืนอยู่ห่างๆ
“วี ผู้หญิงที่เราบอกว่าจะพามาให้พ่อกับแม่ดู เมื่อไหร่จะพามา”
รัฐรวีชะงัก “ให้เวลาผมหน่อยสิครับพ่อ ผมยังจีบเค้าอยู่เลย”
“สมมุตินะ ถ้าเราพามาแล้วแม่ไม่ชอบ เราจะทำยังไง” ผู้เป็นบิดาทักท้วง
รัฐรวีอึ้งไปชั่วขณะ แล้วลองถามหยั่งเชิงบิดา “แล้วถ้าสมมุติว่าแม่เค้าไม่ชอบจริงๆ ล่ะครับ ผมควรจะทำยังไง”
“อ้าว แล้วแม่เค้าจะไม่ชอบเรื่องอะไรล่ะ”
“สมมุติไงพ่อ สมมุติว่าในสายตาคนอื่น เค้าไม่เหมาะสมกับผม พ่อกับแม่จะว่ายังไง”
“อ่ะ สมมุติก็สมมุติ ถ้าสมมุติเค้าไม่เหมาะกับแก พ่อก็ต้องดูว่าเค้าไม่เหมาะยังไง ถ้าเค้าเป็นคนดี พ่อก็ไม่ติดอะไร แต่มันเป็นเรื่องสมมุติใช่ไหม” รัฐสังเกตท่าทีรัฐรวี “ถ้าเป็นเรื่องจริงรีบบอกพ่อเลยนะ พ่อจะได้หาทางช่วยถูก ไม่งั้นแม่เราเค้าจับเราแต่งงานกับหลานสาวคุณหญิงหิรัญญิการ์แน่ๆ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ถ้าเรื่องสมมุติเป็นจริง พ่อจะเป็นคนแรกที่รู้”
รัฐรวีวิ่งเหยาะๆ เข้าบ้านไป นายพลเรือโทมองตามลูกชาย สังหรณ์ว่าจะเป็นเรื่องจริง
อ่านต่อหน้า 2
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 4 (ต่อ)
ตอนสายวันเดียวกันนี้ รัฐรวีเข้าออฟฟิศ และกำลังยืนพรีเซ้นต์แบบเพชรให้ภัสสร และ หุ้นส่วนบริษัทฟังอยู่ที่ห้องประชุมบริษัท ในนั้นมี คุณพรทิพย์ มารดาของอิงอรที่เขานับถือเป็นน้าอยู่ด้วย โดยมี เลขาส้มโอนั่งจดบันทึกการประชุม
“คอลเล็กชั่นล่าสุดนี้ผมอยากเจาะตลาดของสาววัยรุ่นและคนวัยทำงานครับ” เขาสรุป
ภัสสรติง “แล้วกลุ่มลูกค้านี้จะมีกำลังซื้อเหรอตาวี”
“ถ้าเป็นสินค้าที่เราทำอยู่ตอนนี้คงซื้อไม่ได้หรอกครับเพราะมีราคาสูง แต่ถ้าเราลดราคาขายลงให้เหลือระดับหลักหมื่นถึงแสน แต่ยังคงดีไซน์เก๋และไม่ซ้ำใครเอาไว้ สินค้าจะขายได้ง่ายและจำนวนมากขึ้นครับ”
พรทิพย์ท้วงว่า “แต่น้าว่าลูกค้ากลุ่มนี้ยังขายยากอยู่นะ”
“เราต้องเริ่มจากเปลี่ยนทัศนคติของลูกค้า ว่าการใส่เพชรไม่จำเป็นต้องใส่เฉพาะโอกาสพิเศษครับคุณน้า แต่เค้าสามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวัน”
“ก็น่าสนใจนะคะ”
ทุกคนในห้องประชุมพยักหน้าเห็นด้วย
พรทิพย์ชม “ไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะคุณภัสสร ดิฉันยังเห็นตาวีวิ่งเล่นกับยัยอิงอยู่เมื่อไม่กี่ปีนี้เอง เผลอแปบเดียว ทำงานแทนคุณแม่ได้แล้ว”
“ผมยังต้องศึกษาจากแม่กับน้าทิพย์อีกเยอะเลยครับ” รัฐรวีถ่อมตัว
“อย่ามาถ่อมตัวเลยลูก” พรทิพย์หันมากับภัสสร “ตกลงดิชั้นสนใจที่จะร่วมทุนในแบรนด์ใหม่ของคุณภัสสรนะคะ”
ภัสสรหันยิ้มให้ลูกชาย
ขณะทั้งหมดเดินออกมาจากห้องประชุมแล้ว พรทิพย์ เอ่ยชวนขึ้นว่า “ไม่ไปทานข้าวด้วยกันจริงๆเหรอลูก ถือว่าฉลองที่บริษัทน้ากับบริษัทเราร่วมทุนกันไง”
“ผมต้องขอตัวจริงๆ นะครับน้าทิพย์ ผมมีนัดจริงๆ ครับ”
“งั้นไว้โอกาสหน้าก็ได้ น้าจะได้ชวนยัยอิงมาด้วย กินข้าวแต่กับคนแก่ๆ เดี๋ยวจะเบื่อซะเปล่าๆ”
รัฐรวียิ้ม แล้วเดินแยกออกมา
รัฐรวีเดินเข้ามาที่หน้าห้องทำงานของตัวเองในบริษัท เจออาทิตย์นั่งหาวอยู่
“ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนของแก ชั้นเห็นแกหาวตั้งแต่เช้าแล้ว”
“เมื่อคืนผมโทรศัพท์หาคุณวิไลลักษณ์ถึงตี 5 ครับ”
“ถึงตี 5 เนี่ยนะ เค้ายอมคุยกับแกแล้วเหรอ”
“เค้าปิดมือถือหนีผมตั้งแต่ 5 ทุ่มครับ” รัฐรวีเซ็งจะพูดทำไม จอมกะล่อนบอกเหตุผลว่า “ก็เดี๋ยวพอเค้าเปิดเครื่องมาเห็นมิสคอล เค้าจะได้รู้ว่าผมอยากคุยกับเค้าแค่ไหนไงครับ”
“เค้าจะหาว่าแกโรคจิตน่ะสิ โทร.ป่วนเค้าทั้งคืน เอากุญแจรถมา”
“คุณวีจะไปไหนครับ” เขาหยิบกุญแจส่งให้
รัฐรวีรับกุญแจรถมา “แกเป็นพ่อชั้นรึไง” อาทิตย์เซ็ง “เดี๋ยวแกไปรับชุดแฟนซีที่ชั้นต้องใส่ไปงานวันเกิดคุณหญิงหิรัญญิการ์เสาร์นี้ให้หน่อย ที่ร้านนี้” พลางส่งนามบัตรร้านให้ “แล้วเอาชุดกลับไปไว้ที่บ้านเลย”
อาทิตย์พยักหน้าแล้วเดินออกไป
รัฐรวีนั่ง มองกุญแจรถยิ้มกริ่มอยู่ลำพัง
รัฐรวีเปิดกระโปรงหลังรถขึ้น เผยให้เห็นว่ามีกระเป๋าสำหรับใส่เสื้อผ้าไปเล่นกีฬาวางอยู่ เขารูดซิปกระเป๋าออก แล้วหยิบชุดคนขับรถออกมา มองชุดยิ้มๆ
รัฐรวีขับรถมาจอดที่หน้าบ้านมณฑิรา แล้วเดินลงมาจากรถ เวกวิ่งมาที่หน้ารั้วเพื่อดูว่าใครมา แล้วเห็นว่าเป็นรัฐรวีก็จำได้ และตกใจ
“ซวยแล้ว คนขับรถคุณอาทิตย์นี่หว่า”
เวกเดินมาหารัฐรวีที่หน้าประตูรั้ว
รัฐรวียิ้มทัก “สวัสดีครับ คุณอาทิตย์ให้ผมเอาขนมมาให้คุณวิไลลักษณ์ครับ”
“อ๋อ…”
เวกยืนมองหน้ารัฐรวีนิ่งนานจน รัฐรวีงง
“ไม่เปิดประตูเหรอครับ”
“เดี๋ยวผมเอาเข้าไปให้เองครับ ไหนครับขนม”
“พอดีคุณอาทิตย์สั่งไว้ว่าต้องส่งให้คุณวิไลลักษณ์เองกับมือครับ”
เวกลังเล กุ๊กกิ๊กเดินมาจะออกไปซื้อขนม เลยเข้ามาถาม
“ใครมาไอ้เหน่อ” พอมองเห็นเป็นรัฐรวี ก็เนื้อเต้น “อุ๊ย เทพบุตร เชิญค่ะ” สาวใช้จอมเจ๋อกรากจะเปิดประตูให้รัฐรวี
เวกรีบดันประตูไว้ “เดี๋ยวก่อน ต้องเข้าไปถามคุณหนูก่อน”
“แกไม่รู้จักมารยาทผู้ดีเลยใช่ไหมเนี่ย แกก็ไปถามสิ เดี๋ยวฉันต้อนรับเค้าเอง” กุ๊กกิ๊กเปิดประตูให้ “เชิญค่า”
“ขอบคุณครับ” รัฐรวีรีบกลับขึ้นรถ
เวกเห็นว่าห้ามไม่ได้ เลยรีบวิ่งเข้าบ้านไปบอกมณฑิรา
มณฑิรานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร มี คุณต๋อย กับวิไลลักษณ์กำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหารอยู่ เวกวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“คุณมณครับ แย่แล้วครับ คนขับรถของคุณอาทิตย์มา ตอนนี้รออยู่ที่หน้าบ้าน เอาไงดีครับ”
มณฑิรากับวิไลลักษณ์อึ้ง สองสาวนึกกังวลใจ
กุ๊กกิ๊กยืนบิดไปมาหัวเราะหัวใคร่คุยอยู่กับรัฐรวี
“จริงๆนะคะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ในฝันงูตัวเนี๊ยนเนียน” พลางลูบแขนรัฐรวี “อย่างนี้เลย” รัฐรวีพยายามเขยิบหนี “มันเข้ามารัดกุ๊กกิ๊กแน๊นแน่น” แต่กุ๊กกิ๊กกอดแขนรัฐรวีหมับ “สะบัดยังไงก็ไม่ยอมหลุด ดิ้นยังไงก็ไม่ยอมคลาย”
รัฐรวียิ้มเจื่อนๆ
มณฑิราเปลี่ยนชุดสาวใช้แล้วเดินออกมา เห็นกุ๊กกิ๊กกำลังก้อร่อก้อติกรัฐรวีอยู่เลยเรียกนิ่งๆ
“กุ๊กกิ๊ก”
กุ๊กกิ๊กสะดุ้ง “อุ่ย” หันมาเห็นมณฑิรา รีบหันไปบอกรัฐรวี “แล้วเจอกันในฝันนะคะ” ก่อนจะรีบเดินเลี่ยงออกไป
รัฐรวีรีบลุกเข้ามาหามณฑิราที่ตำหนิน้ำเสียงเรียบๆ ว่า
“บ้านนี้ไม่ชอบแขกที่มาโดยไม่บอกล่วงหน้าก่อนนะคะ”
“โดนด่าตั้งแต่คำแรก คืนนี้หลับสบายแล้วเรา ผมจะบอกล่วงหน้าได้ยังไงครับ ผมไม่มีเบอร์คุณ เจ้านายผมโทร.หาเจ้านายคุณ เจ้านายคุณก็ไม่รับ”
มณฑิราหลอกถาม “แล้วเจ้านายนายทำอะไรเจ้านายชั้นไว้ล่ะคะ”
รัฐรวีอึ้งไปนิดหนึ่ง แล้วจึงแถไปว่า “เค้าไม่ได้บอกผมครับ แล้วเจ้านายคุณล่ะครับ เล่าอะไรให้ฟังบ้าง”
“ไม่ได้เล่าให้ชั้นฟังเหมือนกันค่ะ ไหนล่ะขนมที่เจ้านายนายฝากมา คุณหนูวิไลลักษณ์ไม่สบาย ออกมารับเองไม่ได้”
“คุณวิไลลักษณ์เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ”
“นอนพักเดี๋ยวก็คงดีขึ้นค่ะ”
“งั้นก็แล้วไป” รัฐรวียิ้ม นิ่งคิด “ว่าแต่คุณเถอะไปกันหรือยัง”
มณฑิราฉงน “ไปไหน”
“จำก๋วยเตี๋ยวเรือ น้ำจับเลี้ยง กล้วยเบรกแตก ไอติมฝรั่งแช่บ๊วยได้ไหมครับ วันนี้ผมว่างแล้วครับ”
“นายบอกมาว่าอยู่ที่ไหน เดี๋ยวชั้นไปเองก็ได้”
“มันไม่เหมือนกันครับ ไปกับไกด์กิตติมศักดิ์อย่างผม รับรองครบรส”
มณฑิรานิ่งคิด
ไม่นานนัก มณฑิราปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับ รัฐรวีขับรถออกจากบ้านไป โดยมีมณฑิรานั่งอยู่ข้างๆ วิไลลักษณ์ คุณต๋อย เวก กุ๊กกิ๊กมองไปทางหน้าบ้านอึ้งๆ วิไลลักษณ์ร้อนใจ
“คุณต๋อยคะ คุณมณขึ้นรถไปกับเค้าแล้วค่ะ”
“ชั้นเห็นแล้ว ตาไม่ได้บอด” คุณต๋อยฉุนเอาเรื่องกับวิไลลักษณ์ “นี่มันอะไรกันวิไล เค้าจะพาคุณมณไปไหน”
“วิไลไม่รู้ค่ะ”
“เธอจะไม่รู้ได้ยังไง ก็นั่นมันคนขับรถของผู้ชายที่เธอคุยอยู่นี่”
“คุณต๋อย ก็ถ้าเค้าไม่ได้บอก วิไลมันจะไปรู้ได้ยังไง วิไลมันก็อยู่ข้างในพร้อมเราเนี่ย” เวกโมโห
คุณต๋อยตำหนิ และคาดโทษวิไลลักษณ์ “ชักศึกเข้าบ้าน คอยดูนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณมณ ชั้นเอาเรื่องเธอถึงที่สุดแน่”
วิไลลักษณ์หน้าหมอง มองไปทางหน้าบ้าน เป็นห่วงมณฑิรามาก
รถแล่นมาตามถนน รัฐรวีขับมาช้าๆ โดยมณฑิรานั่งข้างๆ แล้วรู้สึกแปลกใจตัวเองที่มากับรัฐรวีง่ายจัง รัฐรวีเห็นอาการนิ่งเฉยของมณฑิราเลยชวนคุย
“เป็นอะไรคุณ อย่าคิดมาก ผมไม่พาคุณไปขายหรอก เพราะรุ่นนี้ไม่มีใครเค้ารับซื้อแล้ว”
“ทะลึ่ง ชั้นกำลังงงว่าชั้นมานั่งอยู่ในรถกับนายได้ไง” รัฐรวียิ้มขำ “แล้วนี่นายจะพาชั้นไปไหน”
รัฐรวีไม่ตอบ อมยิ้มสุขใจแล้วขับต่อไป รถของรัฐรวีขับขึ้นทางด่วน
ด้านอาทิตย์ขณะกำลังเดินมาตามทางในศูนย์การค้า โทรศัพท์ของเขาดังขึ้น อาทิตย์ที่ท่าทางเซ็งๆหยิบมาดู พอเห็นว่าเป็นวิไลลักษณ์โทร.มาก็ดีใจมากรีบรับสาย
“คุณวิไลลักษณ์โทร.กลับมาหาผมแล้ว”
วิไลลักษณ์คุยโทรศัพท์อยู่ที่เรือนคนใช้ถามเสียงขุ่น
“ทำไมคุณอาทิตย์ถึงทำแบบนี้คะ”
“ผมขอโทษครับ ต่อไปผมจะไม่โทร.หาคุณวิไลลักษณ์ทั้งคืนแบบนี้อีกแล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นค่ะ คุณปล่อยให้นายวีมาพาพี่มณไปได้ยังไงคะ”
อาทิตย์ตกใจ “ห๊ะ ยังไงกันครับ”
รัฐรวีกำลังขับรถมาตามท้องถนน คล้ายออกนอกเมือง มีมณฑิรานั่งข้างๆ โทรศัพท์มือถือรัฐรวีดัง เขาหยิบมาดูเห็นว่าเป็น อาทิตย์โทร.เข้า เลยเฉยไม่รับสาย
มณฑิราฉงน “ไม่รับเหรอ”
“ผมขับรถอยู่ คุยมือถือไปด้วยมันผิดกฎหมายนะครับ” เขาอ้าง
“ให้ชั้นดูให้ไหมว่าใครโทร.มา”
“นั่นแน่ะ ยังไม่ทันไรจะเช็คโทรศัพท์ซะแล้ว เอาไว้รอความสัมพันธ์เราคืบหน้ากว่านี้ก่อน แล้วผมจะยอมให้ดู”
มณฑิราค้อนควัก “ฝันไปเหอะ”
รัฐรวีขำ ขับรถไปต่อ
อาทิตย์ยืนอยู่ในร้านตัดชุด กดวางสายโทรศัพท์ ท่าทางร้อนใจ บ่นงึมงำ
“คุณวีทำไมไม่รับสายเนี่ย ซวยแล้วเรา”
พนักงานถาม “ดูชุดไหนบอกได้นะคะ”
“ผมมารับชุดของคุณรัฐรวีครับ” เขาส่งใบรับชุดให้ พนักงานรับใบไปดู
“นั่งรอซักครู่นะคะ”
อาทิตย์นั่งรอแล้วกดมือถือจะโทร.หารัฐรวีต่อ
เสียงอิงอรดังขึ้น “โทร.หาอิงอยู่รึเปล่าคะ”
อาทิตย์ชะงัก พึมพำ “ไม่นะ”
จอมฝันเฟื่องเงยหน้าไป เห็นเป็นอิงอรยิ้มหวานอยู่
“คุณอิง”
“เจอกันบ่อยขนาดนี้ สงสัยจะดวงสมพงศ์กันแล้วล่ะค่ะ”
“คุณอิงมาทำอะไรที่นี่ครับ” อาทิตย์นึกได้เอง “ร้านเช่าชุด คุณอิงก็คงมาเช่าชุดสินะครับ”
“ค่ะ แล้วคุณอาทิตย์ล่ะคะ จะเช่าชุดไปไหน ใช่ที่จะใส่ไปงานวันเกิดคุณหญิงหิรัญญิการ์รึเปล่าคะ”
“เอ่อ ใช่ มั้งครับ”
“ดีจังเลยค่ะ อิงยังไม่มีเพื่อนไปเลย งั้นวันนั้นอิงขอควงคุณอาทิตย์นะคะ” อาทิตย์อ้าปากจะพูด แต่อิงอรชิงบอกว่า “ไม่ตอบแปลว่าตกลง”
“ห๊ะ” อาทิตย์อึ้ง คิดในว่าซวยอีกแล้วตู
ระหว่างทางที่รถแล่นมา โทรศัพท์ของทั้งรัฐรวีและมณฑิราต่างมีคนโทร.เข้ามาตลอดเวลา มณฑิราแอบดูโทรศัพท์ ไม่อยากให้รัฐรวีเห็นโทรศัพท์ตัวเอง เห็น 5 missed call จากวิไลลักษณ์
พบว่าเวลานี้ รถรัฐรวีขับผ่านป้ายบอกทางไปอัมพวา สุดท้ายรถรัฐรวีเลี้ยวเข้ามาที่ลานจอดรถตลาดน้ำอัมพวา
รัฐรวีจอดรถ สองคนลงจากรถพร้อมๆ กัน
“แป๊บนะครับ”
มณฑิราพยักหน้า เพราะตัวเองก็อยากโทร.หาวิไลลักษณ์เหมือนกัน เพราะกลัววิไลลักษณ์เห็นตัวเองออกมากับรัฐรวีแล้วจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต
มณฑิรากับรัฐรวีเดินแยกไปคุยโทรศัพท์คนละมุม
มณฑิรากดโทร.หาวิไลลักษณ์
“ฮัลโหลวิไล ไม่ต้องห่วงชั้นนะ เดี๋ยวเย็นๆ ชั้นกลับไป...เค้าไม่ได้บังคับชั้น ชั้นดูแลตัวเองได้...อยู่ที่ไหนน่ะเหรอ”
ทางฝ่ายรัฐรวี หลบมาโทร.หาหมอฉบัง
“ชั้นมาถึงอัมพวาแล้ว ร้านที่แกเคยพาชั้นมาอยู่ตรงไหนวะไอ้หมอ”
หมอฉบังอยู่ที่คลินิกในกรุงเทพฯ
“แกหาทางเข้าตลาดให้ได้ แล้วเดินๆ ไปเดี๋ยวก็เห็นเองแหละ แล้วนี่แกไปอัมพวากับใครวะ”
รัฐรวีคุยสายบอกไปว่า “เพื่อนน่ะ”
“ผู้หญิงแน่ๆ คราวก่อนชั้นพาแกไป แกยังบ่นว่าร้อนจะไม่มาอีกแล้ว”
“คนเรามันเปลี่ยนกันได้ แค่นี้นะ เค้ารออยู่...เออ ชั้นฝากแกโทร.บอกไอ้ทิตย์ด้วย ว่าเลิกโทร.หาชั้นซะที”
“แล้วแกจะกลับเมื่อไหร่”
มณฑิรากับรัฐรวีตอบคำถามเดียวกันนี้ พร้อมๆ กันว่า “เย็นๆ น่ะ”
รัฐรวีและมณฑิราหันมองหน้ากันที่พูดเหมือนกัน แล้วหันกลับไปคุยโทรศัพท์ต่อ
“ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ แค่นี้ก่อนนะ”
“แค่นี้ก่อนนะไอ้หมอ”
รัฐรวีกับมณฑิราต่างคนต่างวางสาย แล้วหันเดินกลับมาหากัน
“ไปคุณ”
รัฐรวีเดินนำไป มณฑิรารีบเดินตาม
รัฐรวีพามณฑิราเดินมาที่ตลาด แล้วไปนั่งที่ท่าน้ำหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเรือริมคลอง
“อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าก๋วยเตี๋ยวเรือของจริง กินไปมองบรรยากาศในคลองไป คุณเอาเส้นอะไร” มณฑิราคิด “ผมแนะนำเส้นเล็กต้มยำ” เขาหันไปบอกกับคนขาย “พี่ครับ เล็กต้มยำทุกอย่าง 2”
มณฑิรามองบรรยากาศในตลาดอย่างเพลินตา “ครึกครื้นดีนะ”
“เดี๋ยวนี้มีตลาดแบบนี้เยอะครับ คุณไม่เคยไปเหรอ ในกรุงเทพฯก็มี” มณฑิราส่ายหน้า “ไปอยู่ที่ไหนมาเนี่ย”
“อยู่กรุงเทพนี่แหละ แต่ไม่ค่อยมีคนยอมให้ชั้นไป”
“ทำไมล่ะครับ” รัฐรวีซัก
“ทำไมชั้นต้องบอกนายด้วย”
“ความลับเหรอครับ”
“ไม่ใช่ความลับ เขาเรียกเรื่องส่วนตัว”
รัฐรวียิ้มขัน เด็กเสิร์ฟเอาชามก๋วยเตี๋ยวมาให้ มณฑิราหันไปกินก๋วยเตี๋ยว ท่าทางเอร็ดอร่อย รัฐรวีมองมณฑิรายิ่งอยากรู้จักมากขึ้น
ถัดมา แลเห็นรัฐรวีกับมณฑิรายืนอยู่หน้าแผงขนม เห็นมีขนมวางอยู่เต็มแผงเยอะแยะไปหมด มณฑิรากำลังชี้นิ้วบอกคนขายอย่างเบิกบาน
“เอาอันนั้นด้วยค่ะ แล้วก็นู่นด้วย แล้วก็อันนั้นอีกถุง”
“คุณ ซื้ออะไรเยอะแยะ กินหมดเหรอ”
“ไม่หมดก็เอาฝากคนที่บ้านได้ไง”
รัฐรวีค่อน “ทำอย่างกับเป็นเจ้านายมาเที่ยว นี่ถ้าผมเจอคุณข้างนอก ผมคงไม่รู้ว่าคุณเป็นแม่บ้าน”
มณฑิราชะงักหันมองมายังรัฐรวี “ถ้าชั้นเจอนายข้างนอก ชั้นก็ไม่คิดว่านายเป็นคนขับรถเหมือนกัน”
“อันนี้ไม่แปลกครับ เพราะผมหน้าตาดี”
“ถ้าไม่เสียดายก๋วยเตี๋ยว ฉันอ้วกใส่หน้านายไปแล้ว”
ถัดจากนั้นไม่นาน รัฐรวีกับมณฑิราเดินหิ้วถุงขนมเต็มมือเดินมาตามทาง มณฑิราเดินกินขนม พลางดูของที่วางขายข้างทางอย่างมีความสุข รัฐรวีแวะซื้อน้ำ แล้วส่งให้มณฑิรา
“อ่ะคุณ น้ำจับเลี้ยง”
มณฑิรารับมาดื่มแล้วทำหน้าเหยทันที
“ทำไมขมจัง”
รัฐรวีขำ “อ๋อ ผมส่งแก้วผิด แก้วนั้นน้ำใบบัวบก จับเลี้ยงแก้วนี้” พลางยื่นแก้วให้
มณฑิรารับมามองแต่ไม่กล้าดูดดื่ม
“จับเลี้ยงจริงๆ อันนี้ผมไม่ได้แกล้ง กินเถอะคุณ น้ำสมุนไพรดีกับสุขภาพ มีประโยชน์กับร่างกายตั้งหลายอย่าง เช่น....” มณฑิรารอฟังอย่างตั้งใจ “ผมรู้แค่นี้แหละ กินๆ ไปเหอะ เอาเป็นว่ามีประโยชน์แล้วกัน”
มณฑิราขำแล้วกินน้ำ
ต่อมา มณฑิราเดินกินลูกชิ้น รัฐรวีส่งแก้วน้ำจับเลี้ยงให้ดื่ม ต่อมามณฑิรากินปลาหมึกย่าง รัฐรวีส่งแก้วน้ำจับเลี้ยงให้มณฑิราดื่มอีก
พอมณฑิรากินหมูปิ้ง รัฐรวีส่งแก้วน้ำใบบัวบกให้ มณฑิราดูดแล้วขมปี๋ ทำหน้าอี๋สุดๆ รัฐรวียิ้มขำ
สองคนเดินมาถึงจนถึงท่าเรือ มณฑิรามองเรือที่แล่นผ่านไป รัฐรวีรู้ใจว่ามณฑิราอยากลองนั่งบ้าง
“อยากนั่งเหรอคุณ เค้าไปไหว้พระกันน่ะ ไปไหมคุณ ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขัน ชาติหน้าเราจะได้มาเจอกันอีก”
“ชั้นจะไม่ไปเพราะอันหลังนี่แหละ”
รัฐรวีขำ “คุณรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมไปถามให้”
รัฐรวีเดินไปคุยกับคนขับเรือ
ระหว่างนี้ เห็นฝรั่งเดินเข้ามาหาคนเพื่อจะถามทาง แล้วหันมาเจอมณฑิรา
“Hi, You know? Where is Wat Bang Goong”
มณฑิราตอบไปว่า “Wat Bang Goong. I don’t know but you can ask at the visitor center at the far post.”
“Thank you.”
ฝรั่งเดินออกไปมณฑิราหันกลับมาเห็นรัฐรวียืนอยู่ และกำลังมองมณฑิราด้วยความสงสัย
“คุณคุยกับฝรั่งรู้เรื่องด้วยเหรอครับ”
มณฑิราอึ้ง นิ่งงันไป คิดปราดจะหาคำแก้ตัวไงดี
อ่านต่อหน้า 3
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 4 (ต่อ)
สองคนอยู่ตรงท่าเรือตลาดน้ำอัมพวา รัฐรวีมองจับสังเกตที่เห็นมณฑิราคุยอยู่กับฝรั่ง มณฑิราอึ้ง กลัวรัฐรวีจับได้
“เมื่อกี๊ผมเห็นคุณคุยกับฝรั่ง คุณคุยรู้เรื่องเหรอ”
มณฑิราไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ เค้าถามอะไรก็ไม่รู้ ชั้นก็เลยชี้ให้เค้าไปถามเจ้าหน้าที่ทางนู้นน่ะ
รัฐรวีมองไปข้างหลัง “เค้าเดินกลับมาแล้ว” มณฑิราหันไปเห็นฝรั่งมายืนอยู่แล้ว
“Excusez-moi,pouvez-vous demander au vendeuse, la fenne la.” (เอ๊กกูเซ่-มัว, ปูเว่-วู เดอมองเด้ โอ วองเดิ้ส, ลาฟาม ล่า.) ฝรั่งชี้ไปที่แม่ค้าขายของที่ระลึก “Je veux acheter un chapeau mais elle ne me comprend pas.” (เซอ เวอ อัตเชิ้ตเต้ เอิง ชาโป้ เมะ แอล เนอ เมอ คอมพรอง ปะ)
มณฑิราเห็นรัฐรวีมองอยู่เลยแกล้งทำเป็นฟังไม่รู้เรื่อง “What?” และแกล้งหันไปขอความช่วยเหลือรัฐรวี “เค้าพูดว่าอะไรไชโป๊!ไชโป๊ เหรอนาย ชั้นไม่เข้าใจ”
รัฐรวีแกล้งงง “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ฝรั่งทำมือจับหัวอธิบาย “Un chapeau! Un chapeau!” (เอิง ชาโป้! เอิง ชาโป้!) พลางควักเงินออกมา “Je veux acheter un chapeau. Combien ca cout?” (เซอ เวอ อัตเชิ้ตเต้ เอิง ชาโป้ กงเบียง ซา กุ้ด)
มณฑิราส่ายมือปฏิเสธ “ไม่เอา ไม่เอาเงิน” แล้วบอกกับรัฐรวี “ไปกันเถอะ อยู่ๆ ก็เอาเงินมาให้ จะหลอกอะไรเรารึเปล่าก็ไม่รู้” สาวใช้กำมะลอหันไปหาฝรั่ง “Sorry sorry bye bye.”
จากนั้นมณฑิราลากแขนรัฐรวีพาเดินหนีไปอีกทาง มณฑิราโล่งใจที่พารัฐรวีเดินหนีออกมาได้ จะได้ไม่ความแตก
“Hey, you!” ฝรั่งมองตามมณฑิรากับรัฐรวีไปงงๆ
รัฐรวีกับมณฑิรานั่งอยู่บนเรือพากันชี้ชวนดูวิวข้างทางสองฝั่งคลอง เห็นท่าทางมณฑิราตื่นตาและมีความสุข รัฐรวีแอบมองเธอยิ้มๆ
ต่อจากนั้น รัฐรวีพามณฑิราไปไหว้พระในโบสถ์ แล้วพากันมาเดินเล่นที่อุทยาน ร.2 มณฑิราดูมีความสุข รัฐรวีมองยิ้มๆ
รถรัฐรวีขับมาจอดที่หน้ารั้วบ้านมณฑิราตอนค่ำ รัฐรวีหันมาคุยกับมณฑิรา
“แค่ไปอัมพวาแค่นี้ทำไมคุณดูตื่นเต้นจัง คุณวิไลลักษณ์เค้าไม่เคยพาคุณไปเที่ยวไหนเลยเหรอครับ”
“คุณหนูเค้าไม่มาเที่ยวที่แบบนี้หรอก” มณฑิราเปลี่ยนเรื่อง “นายส่งชั้นแค่ตรงนี้แหละ”
รัฐรวีบ่น ทำเป็นน้อยใจ “ใจดำ! ผมพาคุณออกไปเที่ยวทั้งวันเลยนะ”
“ชั้นไม่ใช่เจ้าของบ้าน จะได้อนุญาตให้ใครเข้ามาในบ้านได้ง่ายๆ นายส่งชั้นตรงนี้แล้วก็กลับไปได้แล้ว”
มณฑิราเปิดประตูรถลงจากรถ รัฐรวีลงจากรถตามมา
ขณะที่มณฑิรากำลังจะไขกุญแจประตูเข้าบ้าน รัฐรวีส่งของให้
“ผมขอเบอร์คุณได้ไหมครับ เผื่อวันหลังผมมารับคุณไปเที่ยวอีก จะได้โทร.บอกคุณก่อน” เขาเห็นมณฑิราอึ้งนิ่งคิดเหมือนลำบากใจ “หรือว่าผมทำอะไรให้คุณไม่ชอบ”
“นายเอาเบอร์นายมาแล้วกัน ไว้ชั้นอยากไปเที่ยวอีก แล้วชั้นจะโทร.ไปเอง”
“งั้นเอามือถือมาสิครับ เดี๋ยวผมเมมเบอร์ให้”
มณฑิราไม่อยากหยิบโทรศัพท์ออกมาให้ดู เพราะกลัวรู้ว่าเป็นของแพงเลยแถว่า “แบตชั้นหมดแล้ว”
“งั้นรอเดี๋ยวนะครับ” เขาเดินไปที่รถหยิบปากกามา “ขอมือคุณหน่อยครับ”
มณฑิรางง “นายจะทำอะไร”
“จะเขียนเบอร์ผมให้ไงครับ”
“บอกเฉยๆ ก็พอ ชั้นจำได้”
“ไม่เอา! เกิดคุณจำผิด ผมก็รอเก้อสิครับ”
มณฑิราไม่ค่อยเต็มใจ แต่ก็ยื่นมือให้รัฐรวีก้มลงเขียนเบอร์ที่มือของมณฑิรา
มณฑิรามองรัฐรวีที่ก้มหน้าเขียนเบอร์ใส่มือตัวเอง โดยมือรัฐรวีกุมมือตัวเองอยู่ก็แอบเขิน รัฐรวีเขียนเสร็จ มณฑิรารีบดึงมือออก
“รีบๆ เมมเบอร์ผมไว้นะครับ อย่าเผลอไปล้างมือก่อนล่ะ” เขากำชับ
มณฑิราเดินเข้าไปในบ้าน ยกมือมาดูเบอร์มือถือที่รัฐรวีเขียนไว้แล้วยิ้มขำ ส่ายหน้าในความกะล่อนของรัฐรวี
โดยที่ด้านหลังเป็นรัฐรวีที่ยิ้มชื่นมองตามหลังไป
มณฑิราถือของฝากเดินกลับเข้ามา เจอวิไลลักษณ์ คุณต๋อย กุ๊กกิ๊ก แม่เมียด นายวง เวก สมจิตนั่งรออยู่เป็นแผง
มณฑิรางง “มานั่งทำอะไรกันตรงนี้จ๊ะ”
วิไลลักษณ์ร้อนใจ เข้ามารับของไปจากมือมณฑิรา “คุณมณไปไหนมาคะ รู้ไหมคะว่าวิไลเป็นห่วงมาก”
คุณต๋อยติง “ป้าว่ามันไม่เหมาะนะคะ ที่คุณมณจะไปไหนมาไหนกับตาคนขับรถนั่น”
“แต่มณก็ไม่ได้ไปทำอะไรเสียหายนะคะคุณต๋อย”
แม่เมียดบอกอย่างเกรงใจ “ไม่เสียหาย แต่ถ้าใครรู้ก็เสียชื่อนะคะ”
“คอยดูนะคะ วิไลจะต้องให้คุณอาทิตย์เอาเรื่องนายวีนั่นให้ได้”
กุ๊กกิ๊กขัด “แกไม่ต้องทำเป็นพูดดีเลยวิไล เพราะแกแท้ๆ คุณมณถึงต้องตกกระไดพลอยโจนไปแบบนี้”
เวกฉุน “เงียบไปเลยกุ๊กกิ๊ก วิไลมันเดือดร้อนแทนคุณมณ แกก็ไปด่ามัน พอมันเฉย แกก็ไปด่ามันอีก จะเอายังไงกับมัน”
คุณต๋อยด่า “ก็มันสมควรด่าไหมล่ะ”
นายวงเอ่ยขึ้น “แต่มันก็ไม่ใช่หน้าที่ที่คนใช้จะมาด่ากันเองนี่ เรื่องนี้มันต้องให้คุณมณเป็นคนตัดสิน”
มณฑิราตัดบท “พอเถอะจ้ะ ไม่ต้องเถียงกัน มณไม่ว่าใครทั้งนั้นแหละ คุณต๋อยเอาของไปแบ่งกันทานนะจ๊ะ มณซื้อมาฝากทุกคน”
มณฑิราเดินอารมณ์ดีขึ้นบ้านไป ทุกคนมองตามแปลกใจกับท่าทางที่แปลกไปของนายสาวคนสวย
ด้านรัฐรวีจอดรถที่โรงรถ แล้วเดินลงมา อาทิตย์รออยู่เดินปรี่เข้ามาหาทันที
“คุณวีครับ คุณวิไลลักษณ์โทร.บอกผมว่าคุณวีขับรถพาพี่มณออกไปข้างนอก! แล้วคุณหมอก็บอกว่าคุณวีไปอัมพวา ตกลงคุณวีพาพี่มณไปอัมพวามาเหรอครับ คุณวีคิดอะไรถึงได้ทำแบบนี้”
“คิด...” รัฐรวียิ้มกวนๆ “คิดถึงคุณมณมั้ง” อาทิตย์ยิ่งเซ็ง ส่วนรัฐรวียิ้มขำ “ที่จริงแกน่าจะขอบคุณชั้นนะ เพราะชั้น แกเลยได้คุยกับคุณวิไลลักษณ์”
“คุยอะไรล่ะครับ เค้าโทรมาด่าล้วนๆ” รัฐรวีขำ “คุณวีนะคุณวี จะทำอะไรก็ไม่เตี๊ยมกันบ้าง แล้วทำไมคุณวีถึงไม่รับสายผม”
“ทีชั้นโทร.หาแก แกยังไม่รับเลย”
อาทิตย์บ่น “รื้อฟื้นอีกแล้ว ก็ตอนนั้นผมบอกแล้วว่าผมไม่ว่าง คุยกับว่าที่แม่ของลูกอยู่”
“ชั้นก็ไม่ว่าง กำลังคุยกับว่าที่แม่ของลูกชั้นอยู่เหมือนกัน”
“แม่ของลูก คุณวี”
รัฐรวีเดินหนี อาทิตย์รีบตามไป
รัฐรวีเดินเข้าห้องมาในห้องนอนอย่างอารมณ์ดี ทิ้งตัวลงนอนเล่นบนเตียง แล้วเอามือถือมากดดูรูปที่ถ่ายจากอัมพวา
รูปในมือถือรัฐรวีเป็นรูปมณฑาในอิริยาบถต่างๆ มีทั้งที่รัฐรวีแอบถ่าย และตั้งใจถ่าย รัฐรวียิ้ม แล้วลุกขึ้นถอดนาฬิกาเก็บที่ลิ้นชักโต๊ะข้างเตียง รัฐรวีเปิดลิ้นชักแล้วชะงัก
เขาหยิบดอกไม้จากชุดของมณฑิราใส่ไว้ในลิ้นชักขึ้นมาดู แล้วคิดถึงมณฑิรา สาวสวยไฮโซที่เคยพบ รัฐรวีอึ้งไปชั่วขณะ
นึกสะท้อนใจที่ตอนนี้ตนกำลังจีบสาวใช้ที่ไม่ได้เหมาะสมกันกับเขาเลย
ฝ่ายมณฑิรากำลังเตรียมตัวจะอาบน้ำ วิไลลักษณ์เตรียมผ้าขนหนูอยู่ใกล้ๆมองมณฑิราอย่างเป็นห่วง
วิไลลักษณ์ถามกล้าๆกลัวๆ “ตกลง วันนี้นายวีพาคุณมณไปทำอะไรมาคะ”
“โอ้ย! หลายอย่างเลยจ้ะ เดี๋ยวเดิน เดี๋ยวกิน เดี๋ยวนั่งเรือ เสียดายวิไลไม่ได้ไป สนุกมากเลย”
“นั่งเรือด้วยเหรอคะ วิไลว่าไม่เห็นสนุกเลย ร้อนจะตาย ทีหลังคุณมณอย่าไปกับนายวีนั่นอีกนะคะ คุณมณอยากไปไหนเดี๋ยววิไลพาไปก็ได้ วิไลไม่ชอบนายวีนั่นเลย ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
มณฑิราเปลี่ยนเรื่อง “วิไล ขอชั้นดูมือถือวิไลหน่อยสิ”
วิไลลักษณ์งง “คุณมณจะดูมือถือวิไลทำไมคะ”
“ชั้นแค่อยากดูเฉยๆ ไม่แอบอ่านข้อความของวิไลที่คุยกับคุณอาทิตย์หรอกน่า”
วิไลลักษณ์ส่งมือถือตัวเองให้ มณฑิราลองกดมือถือแล้วแกล้งอ่านว่า “ผมคิดถึงคุณวิไลลักษณ์เหลือเกิน”
วิไลลักษณ์มองค้อน “คุณมณอ่ะแกล้งวิไล”
มณฑิราขำกดมือถือเล่นต่อ “ใช้ง่ายดีนี่..วิไลพรุ่งนี้ไปซื้อมือถือแบบของเธอให้ชั้นเครื่องนึง แล้วก็เปิดเบอร์ใหม่มาด้วยเลยนะ”
วิไลลักษณ์งงใหญ่ “คุณมณจะเอามือถือไปทำอะไรอีกเครื่องคะ”
มณฑิราไม่ตอบคิดยิ้มๆ แล้วมองมือที่ยังมีเบอร์มือถือของรัฐรวีเขียนอยู่
ภายในห้องฟิตเนสบ้านรัฐรวี คืนนั้น ชุดแฟนซีทั้งสองชุดอยู่ในอาทิตย์ที่ถืออยู่ ส่วนรัฐรวีกำลังเล่นฟิตเนสไปด้วยคุยกับอาทิตย์ไปด้วย
“ชั้นไม่เข้าใจ แกเอามาทำอะไรตั้งสองชุด”
“เอาไว้สำรองครับ ถ้าชุดแรกคุณวีไม่ถูกใจ คุณวีจะได้เลือกชุดที่สองไง”
รัฐรวีไม่เชื่อ “คนอย่างแกเนี่ยนะจะขยันคิดอะไรเผื่อชั้น พูดความจริงมาว่าแกเอามาทำไมตั้งสองชุด”
“เอาความจริงเลยนะครับ คือตอนไปเอาชุดให้คุณวีผมเจอคุณอิงอรที่ร้าน เค้าเลยชวนผมไปงานวันเกิดคุณหญิงเหรัญญิกด้วย”
รัฐรวีรีบแก้ “คุณหญิงหิรัญญิการ์ แล้วไง แกไม่รู้จะปฎิเสธเค้ายังไง ก็เลยตกลงรับปากคุณอิงไป”
“โอ้โห! คุณวีพูดเหมือนตาเห็นเลย มีญาณทิพย์หรือเปล่าครับเนี่ย”
“ชั้นไม่ได้มีญาณทิพย์ แต่ชั้นรู้สันดานแกต่างหาก! ถ้ามีโอกาส งานแบบนี้แกไม่พลาดอยู่แล้ว”
“โธ่คุณวีครับ คุณวีจะให้ผมทำยังไง บอกความจริงเขาก็ไม่ได้ หนีหน้าไม่รับสาย ไม่คุยไลน์ ไม่ตอบแมสเสจก็แล้ว แต่ดั๊นไปเจอกันจะจะที่ร้าน”
รัฐรวีชักรำคาญ “เออๆๆ แกก็จัดการเรื่องของแกดีดีแล้วกัน แล้วก็ระวังด้วยนะ งานนี้พ่อกับแม่ชั้นไปด้วย”
อาทิตย์ตกใจ
“ห๊ะ ซวยแล้วไอ้ทิตย์ ถ้าคุณท่านจับได้จะไล่ผมออกไหมเนี่ย”
ตอนสายวันถัดมา เวกกำลังขับรถแล่นมาตามท้องถนน เหลือบมองที่กระจกมองหลัง เห็นมณฑิราที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังกำลังยิ้มอยู่
“ทำไมคุณมณรีบออกจังเลยครับ งานวันเกิดคุณหญิงเริ่มตอนเย็นไม่ใช่เหรอครับ”
“ชั้นจะไปทำบุญกับคุณป้าน่ะ” มณฑิรายิ้ม “อีกอย่างเดี๋ยวหนีไม่ทัน”
“หนีอะไรเหรอครับ” เวกสงสัย
คนที่มณฑิราหนีไม่ใช่ใครอื่น เป็นภูวเดชที่ตอนนี้จอดอยู่รถหน้าบ้านมณฑิรา แล้วลงจากรถแล้วยืนเก๊กเท่ๆข้างรถ
มณฑิราเล่าแล้วนั่งขำอยู่
“คราวที่แล้วคุณมณก็ต้องใส่ชุดแม่บ้านหนีคุณภู คราวนี้ก็ยังต้องรีบออกมาแต่เช้าอีก ความจริงคุณภูเค้าก็ดูเอาอกเอาใจคุณมณดีนะครับ”
“มากเกินไปน่ะสิ”
“ไม่ดีเหรอครับ ผมว่าเค้าก็ดูเหมาะสมกับคุณมณดี”
“เหมาะสมของเวกหมายถึงฐานะใช่ไหม? แต่ชั้นไม่ได้คบคนที่ฐานะนี่จ๊ะ”
เวกอึ้งเมื่อคิดถึงเรื่องวิไลลักษณ์ “ถ้าทุกคนคิดอย่างคุณมณก็ดีสิครับ”
“ชั้นรู้นะจ๊ะว่าเวกเป็นห่วงวิไล แต่เท่าที่ชั้นเห็นคุณอาทิตย์เค้าก็ดูรักวิไลจริงๆ”
“ความฝันกับความจริงมันไม่เหมือนกันนี่ครับคุณมณ แล้วคนเราจะฝันตลอดไปก็ไม่ได้ ยังไงซักวันก็ต้องตื่น”
มณฑิราอึ้งนิ่งงันไป หันมองออกนอกหน้าต่าง คิดถึงเรื่องของตัวเอง
“จริงของเวก”
รัฐรวีเล่นฟิตเนสไป เหลือบมองโทรศัพท์ไป รอสายมณฑิรา สุดท้ายหยิบโทรศัพท์มาดู “ตรงนี้มันไม่มีสัญญาณรึเปล่าวะ” เขาขยับเดินไปมาในห้องเพื่อหาสัญญาณโทรศัพท์ “เออ ตรงนี้ดีกว่า สัญญาณเต็ม” แล้ววางโทรศัพท์ไว้ กลับมายกลูกเหล็กต่อ
รัฐรวียกลูกเหล็กได้อีกแป๊บหนึ่ง ก็ออกอาการกระวนกระวายใจที่มณฑิรายังไม่โทร.มาบ้างเลย
“ไอ้ทิตย์ แกลองโทร.เข้ามือถือชั้นหน่อยสิ”
อาทิตย์งง “โทร.ทำไมครับคุณวี”
รัฐรวีเม้ง “เออน่ะ ชั้นบอกให้โทร.แกก็โทร.เถอะ”
อาทิตย์กดโทร.เข้ามือถือรัฐรวี เสียงโทรศัพท์รัฐรวีดัง
“ก็ใช้ได้นี่หว่า ทำไมถึงยังไม่โทร.มา...”
อาทิตย์รู้ทัน “รอสายพี่มณอยู่เหรอครับคุณวี”
รัฐรวีไม่ตอบ หันไปเล่นฟิตเนสต่อ
ทันใดนั้นโทรศัพท์รัฐรวีดัง รัฐรวีตกใจ รีบวางลูกเหล็กลงทันที แล้วรีบหยิบโทรศัพท์มาดู พอเห็นว่าเป็นหมอฉบังโทร.มาก็ผิดหวังไปเล็กน้อย
“ว่าไงไอ้หมอ เออ เย็นนี้เจอกันที่งาน แค่นี้นะ ชั้นรอโทรศัพท์อยู่”
รัฐรวีวางสาย หันมาเห็นอาทิตย์ยิ้มกวนเพราะรู้ทันว่ารัฐรวีรอสายใคร
รัฐรวีทำไม่สนใจหันไปยกลูกเหล็กต่อ
มณฑิราเลือกสถานที่จัดงานเลี้ยง เป็นดาดฟ้าโรงแรมหรู เวลานี้แลเห็นพนักงานของโรงแรมหลายคนกำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่สำหรับงานเลี้ยงอยู่ บางคนจัดโต๊ะเก้าอี้ บางคนจัดผ้าปูโต๊ะและผ้าคลุมเก้าอี้ มีบางส่วนกำลังเตรียมงานอยู่ที่เวที และบางคนกำลังจัดแต่งดอกไม้ประดับที่จะวางในงาน
คุณหญิงหิรัญญิการ์กับมณฑิรายืนดูความเรียบร้อยอยู่ด้วยกัน ยิ้มชื่น
“ขอบใจนะยัยมณที่ช่วยจัดงานทั้งหมดให้ป้า วันนี้ป้ารู้สึกจิตใจปลอดโปร่งมากเลย วันดีๆ อย่างนี้โบราณเค้าว่าเราไม่ควรจะโกรธ ไม่ควรจะโมโห ไม่ควรจะว่าใคร”
คุณหญิงเห็นพนักงานโรงแรมที่กำลังถือแจกันมาวาง แล้วแจกันทำท่าจะหล่น แต่พนักงานจับไว้ทันพูดคุณหญิงต้องข่มอารมณ์บอกว่า
“วางดีๆ นะจ๊ะ”
ภูวเดชเดินเข้ามาพอ
“โหคุณมณ มาไม่รอเลย ผมอุตส่าห์ไปรับที่บ้านแต่เช้า” เขาหันมาทางคุณหญิง ยกมือไหว้ “สวัสดีครับคุณหญิง ขอโทษนะครับที่มาช้า แต่ผมตั้งใจมาช่วยเต็มที่ มีอะไรให้ผมช่วยบอกได้เลยนะครับ”
คุณหญิงมองภูวเดชนิ่งๆ แล้วพึมพำกับตัวเอง “ไม่โกรธ ไม่โมโห ไม่ว่าใคร”
มณฑิรามองภูวเดชเอือมๆ
ต่อมา มณฑิรายืนช่วยพนักงานโรงแรมที่กำลังจัดดอกไม้อยู่ คุณหญิงหิรัญญิการ์ยืนมองด้วยความชื่นชมอยู่
ภูวเดชรีบเสนอหน้าเข้าไปช่วยมณฑิรา เหลือบเห็นพนักงานกำลังจะวางดอกไม้ทางด้านหนึ่ง โวยวายเสียงดัง
“ตรงนั้นวางดอกไม้ไม่ได้ เอาไปวางตรงกำแพงเลย ชิดๆด้านในเลย เออๆ ตรงนั้นแหละ”
พลางเขาเดินมาหาคุณหญิงหิรัญญิการ์และมณฑิรา
“จริงๆ คุณหญิงป้าไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะครับ งานทางนี้เดี๋ยวผมกับคุณมณจัดการเอง”
คุณหญิงฝืนยิ้มตามมารยาท “ไม่เป็นไรจ้ะ”
ภูวเดชหันไปเห็นพนักงานจะยกโต๊ะมาวางตรงที่เคยจะวางดอกไม้ แล้วโวยวาย
“ไม่ให้วางดอกไม้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะให้เอาโต๊ะมาวางไง วางไม่ได้ ยกไป ยกไป”
พนักงานเลยยกโต๊ะออกไปด้านอื่น
มณฑิราเห็นคุณหญิงมองภูวเดชอย่างไม่พอใจ เลยพยายามจะคลี่คลายสถานการณ์
“คุณภูเค้าคงอยากช่วยจริงๆ น่ะค่ะคุณป้า มณว่าเราไปแต่งตัวกันดีกว่าค่ะ”
คุณหญิงข่มอารมณ์เต็มที่ “จ้ะๆๆ ไม่โกรธ ไม่โมโห ไม่ว่าใคร ไปแต่งตัวกันจ้ะ”
คุณหญิงเดินนำออกไป มณฑิราเดินตาม
ส่วนภูวเดชยังคงโวยวายสั่งงานพนักงานโรงแรมอยู่
ที่ห้องรับแขกบ้านรัฐรวี ตอนเย็น ท่านนายพลรัฐในชุดแฟนซียืนรออยู่ที่ห้องรับแขก และกำลังจัดเสื้อผ้าที่ดูไม่เข้ากับตัวเอง บ่นออกมาว่า
“ผมต้องใส่ชุดนี้จริงๆ เหรอคุณ”
“ก็ชุดนี้แหละจะได้เข้ากับชั้น”
รัฐหันไปมอง เห็นภัสสรในชุดแฟนซีเดินลงมาจากบันได รัฐเดินยิ้มไปหาส่งมือให้ภริยา ภัสสรจับมือรัฐไว้ แล้วเดินลงมาจากบันได
“เหมือนวันแรกที่ผมพาคุณไปเดทเลย”
ภัสสรเขินๆ “คุณก็พูดไป มันตั้งหลายสิบปีแล้ว”
“ผมชมเมียผมมันผิดตรงไหน”
รัฐรวีหล่อลากไส้ในชุดแฟนซีเดินลงมาจากบนบ้าน เอ่ยแซวพ่อกับแม่
“แหม จะสวีทอะไรกันก็เกรงใจลูกชายคนนี้บ้างนะครับ”
รัฐยิ้ม
“ไม่ต้องพูดเลย เราหัดทำอย่างพ่อเค้าบ้าง เดี๋ยวไปเจอหนูมณฑิราเค้าจะได้ประทับใจ แล้วอย่าไปทำอะไรอย่างคราวหนูลูกไหมอีกล่ะ”
“เดี๋ยวนะครับ แม่ว่าจะให้ผมไปเจอใครนะครับ”
“ก็หนูมณฑิราหลานคุณหญิงหิรัญญิการ์ไง”
รัฐรวีอึ้ง แล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจที่จะได้ไปเจอมณฑิราอีก
ภัสสรงง “ยิ้มอะไร”
“ผมว่าผมเคยเจอคุณมณฑิราของแม่แล้วครับ ที่งานเปิดตัวโรงแรมครับ”
ภัสสรตื่นเต้น “เหรอๆ” หันมาทางสามี “นี่มันบุพเพสันนิวาสชัดๆ เลยคุณ”
รัฐยิ้มกับรัฐรวี “แล้วเราชอบเค้าไหม”
“ไม่รู้สึกอะไรเลยครับพ่อ”
ภัสสรแปลกใจ “ทำไมล่ะ หนูมณฑิราเค้าออกจะสวย”
“ตอนนั้นไฟมันดับครับ ผมเลยได้คุยกับเค้าแค่คำสองคำเอง”
“งั้นวันนี้เราได้คุยกับเค้าสมใจแน่! เดี๋ยวเราจะให้อาทิตย์ไปส่งใช่ไหม รีบๆไปนะ เดี๋ยวพ่อกับแม่ล่วงหน้าไปก่อน”
รัฐรวีพยักหน้ารับ
รัฐกับภัสสรเดินออกไปขึ้นรถ
รัฐรวียิ้มแล้วนึกได้ เลยเดินกลับขึ้นไปบนห้อง เพื่อจะหยิบดอกไม้จากชุดของมณฑิราไปคืน
อ่านต่อหน้า 4
ฝันเฟื่อง ตอนที่ 4 (ต่อ)
อาทิตย์อยู่ในห้องนอนที่เรือนคนใช้บ้านรัฐรวี เขาเปิดสปีกเกอร์โฟนคุยโทรกับวิไลลักษณ์ไปแต่งตัวไป
“นี่ผมกำลังแต่งตัวจะไปงานเลี้ยงกับที่บ้านครับ”
ที่ห้องซักรีดบ้านมณฑิรา วิไลลักษณ์กำลังรีดผ้าอยู่ในนั้น และใส่สมอลทอล์คคุยสายกับอาทิตย์ไปด้วย
“แล้วมาบอกวิไลลักษณ์ทำไมล่ะคะ”
“ผมก็อยากบอกคนที่ผมอยากบอกไงครับ”
“งั้นก็คงต้องบอกหลายคนแหละค่ะ”
อาทิตย์ออดอ้อน “โอ๊ย มีคนเดียวครับ แล้วคุณวิไลลักษณ์จะนอนรึยังครับ เดี๋ยวผมรีบไปงานแล้วจะได้รีบกลับมาโทร.หา”
“ก็ลองโทร.มาแล้วกันค่ะ ถ้ายังไม่หลับก็จะรับ”
“นี่คุณวิไลลักษณ์ยังโกรธผมอยู่เหรอครับ”
“คุณอาทิตย์ทำอะไรไว้ให้วิไลลักษณ์ต้องโกรธเหรอคะ” อาทิตย์อึ้งไปเลย “แค่นี้ก่อนนะคะ”
วิไลลักษณ์วางสาย
อาทิตย์ซึมวางสายไป แล้วมองดูตัวเองที่แต่งชุดแฟนซีในกระจกมาดอย่างหล่อ พึมพำ
“ถ้าคุณวิไลลักษณ์รู้จักคุณหญิงหิรัญญิการ์ก็คงจะดี”
อาทิตย์มองดูตัวเองในกระจกแล้วคิดฝันไปว่า...
เขาแต่งชุดแฟนซีอยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดคุณหญิงหิรัญญิการ์คืนนั้น และกำลังเต้นรำท่ามกลางสาวๆอยู่ในงานวันเกิดคุณหญิงหิรัญญิการ์
สักครู่วิไลลักษณ์ในชุดแฟนซีที่ดูสวยเก๋เต้นแหวกคนอื่นเข้ามายิ้มให้เขา อาทิตย์เข้าไปเต้นกับวิไลลักษณ์ดูเป็นคู่เต้นที่เหมาะสมกันมาก
อาทิตย์จับวิไลลักษณ์หมุนแล้วดึงมาอยู่ในอ้อมกอด วาดยิ้มเท่ให้วิไลลักษณ์
เสียงรัฐรวีดังขึ้นในจังหวะนี้ “แกจะยืนยิ้มอยู่อีกนานไหมไอ้ทิตย์”
อาทิตย์หันไปเห็นรัฐรวีในชุดแฟนซียืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง
“คุณวี” อาทิตย์เก้อๆ ไป “เสร็จแล้วครับ ไปเดี๋ยวนี้ละครับ”
อาทิตย์รีบคว้าโทรศัพท์ กุญแจรถแล้วเดินตามรัฐรวีออกไป
ขณะที่อาทิตย์เดินออกมาที่รถพร้อมกับรัฐรวี แม่ชื่นที่กลับจากตลาดเดินสวนเข้ามาพอดี
“โอ้โห คุณวีของป้าแต่งแบบนี้แล้วหล่ออย่างกับพระเอกหนัง”
รัฐรวียิ้มขำๆ “ขอบคุณครับป้าชื่น แต่ผมว่าผมยังแพ้ไอ้ทิตย์มันนะ”
แม่ชื่นหันไปเห็นอาทิตย์ก็ค่อนเอา “แกแค่จะไปส่งคุณวี ทำไมต้องแต่งตัวประหลาดอย่างนี้ด้วย”
อาทิตย์เซ็ง “สองมาตรฐาน นี่แม่เป็นแม่ใครเนี่ย ชมแต่คุณวีไม่เห็นชมหนูบ้างเลย”
“ของอย่างนี้มันอยู่ที่ไม้แขวนเว้ย อย่างแกใส่สูทผูกไทด์ยังหล่อสู้คุณวีใส่เสื้อกล้ามไม่ได้เลย”
อาทิตย์มหาเซ็ง “แรง”
“ตกลงทำไมแกต้องแต่งตัวแบบนี้”
“มันเป็นคอนเซ็ปต์ของงานแม่ ทุกคนที่เข้าไปต้องแต่งตัวแฟนซี แล้วเผื่อคุณวีเค้าเรียกหนูไปช่วยอะไร หนูจะได้เดินเข้าออกงานได้สะดวก”
“คุณวีเค้าไปงานเลี้ยง ไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร แกจะไปช่วยอะไรเค้า หรือว่าคิดจะทำอะไรแผลงๆ อีกแล้ว” แม่ชื่นดักคอ
“เปล่าแม่” อาทิตย์หันมาทางรัฐรวี “รีบไปกันเถอะครับคุณวี”
อาทิตย์รีบเปิดประตูรถให้รัฐรวี รัฐรวีเดินขึ้นรถ อาทิตย์ขึ้นรถขับออกไป
แม่ชื่นมองตามอย่างเป็นห่วง กังวลว่าอาทิตย์จะไปก่อเรื่องอะไรอีก
หมอฉบังถือหนังสือผูกริบบิ้นยืนรอรัฐรวีอยู่หน้าทางเข้าห้องจัดเลี้ยง รัฐรวีเดินมากับอาทิตย์ทำเป็นไม่เห็นหมอฉบัง ทั้งสามคนยังไม่ใส่หน้ากาก
หมอฉบังร้องขึ้น “ไอ้วี ไอ้วี”
รัฐรวีแกล้งทำเป็นเพิ่งเห็น “เอ้า แกเองเหรอไอ้หมอ ชั้นนึกว่าใครเอาตัวฮอบบิทมาใส่ชุดแฟนซี”
หมอฉบังเซ็ง “ชั้นกลับแล้ว”
รัฐรวีขัน ดึงแขนไว้ “โอ๋ ฮอบบิทใจน้อย”
หมอฉบังหันไปมองอาทิตย์ แซวขำๆ “ไง เจอน้องอิงรึยัง”
อาทิตย์หันมาใส่รัฐรวี “นี่คุณวีเล่าไปเรียบร้อยแล้วเหรอครับ โห่ เอาเรื่องลูกน้องไปเผาอีกแล้ว”
“ชั้นเล่าก็เพราะไอ้หมอจะได้ช่วยแก ไอ้หมอเค้าสนิทกับน้องอิง”
อาทิตย์เข้าไปเกาะแขนประจบหมอฉบังทันที “คุณหมออย่าทิ้งผมนะครับ ช่วยผมด้วย”
เสียงมือถืออาทิตย์ดัง เป็นเสียงแมสเสจเข้า อาทิตย์ดูมือถือ
“คุณอิงโทรมาแล้ว” อาทิตย์บอกกับรัฐรวีว่า “ผมไปรับคุณอิงที่ลานจอดรถก่อนนะครับคุณวี แล้วถ้าอีกชั่วโมงไม่เจอผมแปลว่าผมชิ่งกลับไปแล้ว”
อาทิตย์เดินออกไปที่ลานจอดรถ รัฐรวีส่ายหน้ามองขำๆ
อีกมุมหนึ่งของทางเข้างาน แลเห็นมณฑิรา กับภูวเดชอยู่ในชุดแฟนซี สองคนยังไม่ใส่หน้ากาก เดินมาจากทางห้องแต่งตัวในโรงแรมกำลังจะเข้าไปที่งาน
รัฐรวี และหมอฉบังกำลังยืนเซ็นอวยพรวันเกิดคุณหญิงในสมุดที่วางอยู่หน้างาน เลยไม่ทันเห็นมณฑิราที่กำลังเดินเข้ามากับภูวเดช
อยู่ๆ ภูวเดชหยุดเดิน
“คุณมณ ผมลืมหน้ากากไว้ที่ห้องแต่งตัว คุณมณรอผมตรงนี้แปปนึงนะครับ”
ภูวเดชรีบเดินกลับไปทางห้องแต่งตัว มณฑิราที่ยังไม่ได้ใส่หน้ากากยืนรออยู่
รัฐรวี กับหมอฉบังก้มเซ็นอวยพรอยู่ ทั้งคู่เซ็นอวยพรเสร็จกำลังจะหันมาทางที่มณฑิรายืน
แขกในงานที่ทยอยมาถึงแวะทักทายมณฑิรา แขกคนหนึ่งยืนบังมณฑิราจากมุมที่รัฐรวีและหมอฉบังยืนอยู่
สองหนุ่มเดินเข้างานไป โดยไม่เห็นมณฑิรา
รัฐรวีกับหมอฉบังเดินเข้ามาในงานเลี้ยง ทั้งคู่เอาหน้ากากมาสวม พบว่าผู้คนในงานแต่งชุดแฟนซีหรูหราล้วนสวมหน้ากาก รัฐรวีมองๆ หาไปในงาน
หมอฉบังฉงน “มองหาใครวะ”
“มองหาแม่”
“เอ้า ชั้นถามดีๆแกด่าชั้นทำไมเนี่ย”
“ชั้นมองหาแม่ชั้นจริงๆ บอกให้ชั้นรีบไปไหว้คุณหญิงหิรัญญิการ์ ไม่รู้อยู่ไหน”
“สงสัยอยู่ในห้องรับรองมั้ง ไปสิ ชั้นจะได้ไปไหว้คุณหญิงท่านด้วย”
หมอฉบังเดินนำไปก่อน รัฐรวีหยิบดอกไม้จากชุดของมณฑิราขึ้นมามองดู ยิ้มๆ แล้วเดินตามหมอฉบังไป
มณฑิรากับภูวเดชเดินเข้างานมา ทั้งคู่เอาหน้ากากขึ้นมาสวมแล้วเดินไปคนละทางกับรัฐรวี
รัฐกับภัสสรนั่งคุยกับคุณหญิงหิรัญญิการ์อยู่ในห้องรับรอง ทั้งสามคนยังไม่ได้ใส่หน้ากาก
“โอ้ย คุณหญิงยังไม่แก่หรอกค่ะ ใครเห็นก็นึกว่าอายุ 30 ต้นๆ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ใครจะเหมือนคุณภัสสรล่ะคะ ท่านนายพลถึงไปไหนไม่รอด”
“เรียกว่าไปไหนไม่ไหวดีกว่าครับคุณหญิง” ท่านนายพลเย้า
ภัสสรหันมาตีแขนรัฐ คุณหญิงขำๆ รัฐรวีเปิดประตูแล้วเดินเข้ามาพร้อมหมอฉบัง ทั้งสองคนถอดหน้ากากออก สองหนุ่มยกมือไหว้คุณหญิง
รัฐรวีว่า “ขอโทษนะครับที่ผมมาช้า”
ภัสสรหันมาหาลูกชายพลางแนะนำ “ตาวี นี่คุณหญิงหิรัญญิการ์” แล้วแนะนำรัฐรวีกับคุณหญิง “คุณหญิงคะ นี่รัฐรวี ลูกชายดิฉัน”
รัฐรวีกับหมอฉบังลงนั่ง
“สุขสันต์วันเกิดครับคุณหญิง” หมอยื่นหนังสือที่ผูกริบบิ้นให้
“ขอบใจจ้ะคุณหมอ วันนี้อย่าห้ามชั้นกินนู่นกินนี่นะคะ วันเกิดทั้งทีขอเต็มที่หน่อย”
หมอฉบังยิ้มแย้ม “แต่ตรวจร่างกายคราวหน้า ขอครบทั้งโปรแกรมนะครับ”
คุณหญิงปรายยิ้ม แล้วหันมามองรัฐรวี
รัฐรวีหยิบกล่องเล็กๆในเสื้อออกมา “สุขสันต์วันเกิดครับ”
คุณหญิงรับของขวัญมาเยื้อนยิ้ม “เจอกันครั้งแรกก็ให้ของชั้นแล้วเหรอ” แล้วแกล้งพูดหยอก “ของแพงชั้นไม่รับนะ”
“ถ้าอย่างนั้นผมลำบากใจแล้วครับ เพราะผมตีค่าของขวัญที่ความตั้งใจ แล้วของชิ้นนี้ก็แพงมาก”
คุณหญิงมีท่าทีพึงใจในตัวรัฐรวี หันมาหาภัสสร ยิ้มชื่น “ลูกชายคุณภัสสรนี่ไม่ใช่เล่นนะคะ” ท่านหันไปบอกกับเด็กรับใช้ว่า “ไปตามยัยมณให้หน่อย”
เด็กรับใช้รับคำเดินออกไป
รัฐกับภัสสรหันมองหน้ากันยิ้มๆ รู้ว่าคุณหญิงพอใจในตัวรัฐรวี
หมอฉบังขอตัวกับคุณหญิง “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เจอกันในงานเว้ยไอ้วี”
หมอฉบังลุกเดินออกไปอย่างสุภาพ
พอหมอฉบังเดินกลับเข้ามาในงาน เห็นอาทิตย์กับอิงอรยืนอยู่ด้วยกัน อิงอรนั้นกำลังถ่ายรูปกับอาทิตย์ โดยเอาแขนคล้องอาทิตย์ไว้ อาทิตย์อึดอัดแต่ปฏิเสธไม่ได้
หมอฉบังยิ้มขำแล้วเดินเข้าไปหา
“ผมถ่ายให้ไหมครับ”
“ขอบคุณค่ะ” อิงอรส่งมือถือให้หมอฉบัง แล้วคว้าแขนอาทิตย์ไว้ “ไม่เอาค่ะ อิงจะถ่ายกับคุณอาทิตย์”
อาทิตย์ยิ้มแหยๆ อิงอรคล้องแขนอาทิตย์ไว้ หมอฉบังถ่ายรูปเสร็จ กำลังจะยื่นคืน
“เดี๋ยวค่ะ ขออีกรูปนะคะ เอาแบบถอดหน้ากาก” อิงอรถอดหน้ากากตัวเองออก “คุณอาทิตย์ก็ถอดด้วยนะคะ” แล้วดึงหน้ากากอาทิตย์ออก
“เอ่อ เดี๋ยวครับ”
อิงอรเอาหน้าชิดอาทิตย์ อาทิตย์เลยแกล้งสะบัดหน้าเพื่อให้ภาพเบลอ
อิงอรรู้ทัน เอามือจับแก้มอาทิตย์อีกข้างไว้ให้นิ่ง ภาพเลยออกมาดูกลายเป็นว่าสนิทกว่าเดิม
หมอฉบังถ่ายรูปเสร็จ ส่งมือถือคืนให้อิงอร
“อุ๊ยน่ารักจังเลย”
อิงอรกดมือถือ อาทิตย์มองแล้วเห็นเหมือนอิงอรกำลังจะลงรูปในโซเชี่ยล
“คุณอิงทำอะไรเหรอครับ”
“ลงเฟซบุคไงคะ อิงแท็กคุณอาทิตย์แล้วด้วย”
“ห๊ะ” อาทิตย์ตาโต รีบหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดู
อิงอรหัวเราะคิก “ไวไฟที่นี่แรงดีจัง กดปุ๊บไปปั๊บเลย”
อาทิตย์หน้าซีด
จริงดังว่า ไวไฟไปเร็วและถึงเรือนคนใช้บ้านมณฑิราในทันที
เวก และกุ๊กกิ๊กนั่งดูทีวีอยู่ในโถงกลาง วิไลลักษณ์ดูรูปในเฟซบุค แล้วเห็นใน New Feed เป็นรูปอาทิตย์ที่โดนแท็กรูปคู่ที่ถ่ายกับอิงอรอย่างสนิทสนม วิไลลักษณ์อึ้ง
กุ๊กกิ๊กดูทีวีไปโวยวายไป “ทำไมนางเอกมันไม่สู้แบบนี้ แล้วดูตัวร้ายซิ เอ้อ มันต้องอย่างนี้สิ นางเอกมันต้องสู้คน ตบมันเลย ตบอีก ตบอีก ตบอีก ตบอีก”
เวกทนไม่ไหว “กุ๊กกิ๊ก”
กุ๊กกิ๊กหันมา “อะไร”
“เงียบหน่อยได้ไหม ชั้นดูละครไม่รู้เรื่องเลย”
“หน้าตาอย่างแกไม่น่าติดละครนะไอ้เหน่อ” กุ๊กกิ๊กค้อนควัก
“แกดีตายล่ะยัยเตี้ย ทำเป็นเก่ง ตัวเท่าต้นโป้ยเซียนจะไปตบใครได้”
กุ๊กกิ๊กแค้นทำอะไรไม่ได้ เวกขำๆ
กุ๊กกิ๊กหันไปเห็นวิไลลักษณ์ดูมือถือท่าทางอึ้งๆ อยู่ เลยชะโงกหน้าไปดู
“ว้ายตายแล้ว คุณอาทิตย์เค้าถ่ายรูปกับใครน่ะ ดูรวยเหมาะสมกันดีเนอะ ในจอว่าแซบแล้ว นอกจอแซบกว่าอีก”
วิไลลักษณ์ลุกเดินหนีไป เวกมองดุกุ๊กกิ๊ก แต่กุ๊กกิ๊กลอยหน้าลอยตา
“ปากดี เดี๋ยวปั๊ดปล้ำซะเลย”
กุ๊กกิ๊กกระโดดหนี
เวกรีบลุกเดินตามน้องไป
เวกเดินตามออกมา เห็นวิไลลักษณ์ยืนดูรูปน้ำตาคลออยู่มุมหนึ่งในสวน
“ไหนเอามาดูซิ” เวกคว้าโทรศัพท์มาดู
“เค้าบอกชั้นว่าไปงานกับที่บ้าน แล้วดูเค้าถ่ายรูปกันสิ แก้มติดกันด้วย”
“แกอยากรู้ไหมว่าเค้าเป็นอะไรกัน” เวกกดโทรศัพท์วิไลลักษณ์จะโทร.ไปหาอาทิตย์
วิไลลักษณ์ตกใจ “พี่เวกจะทำอะไร”
“ชั้นก็จะโทรไปถามคุณอาทิตย์ไง ว่าตกลงเค้าเป็นอะไรกับผู้หญิงในรูป แล้วเค้าจะเอายังไงกับแกกันแน่”
“อย่านะพี่เวก” วิไลลักษณ์คว้าโทรศัพท์คืน
“ทำไมวะ แกจะได้ไม่ต้องมาคิดมากอยู่แบบนี้ไง”
“เดี๋ยวเค้าก็หาว่าชั้นจับผิดเค้าน่ะสิ”
“แล้วที่แกทำอยู่มันไม่ใช่เหรอ”
วิไลลักษณ์ตอบไม่ได้เลยเดินหนีไป เวกมองตาม ถอนหายใจทั้งเซ็งทั้งเป็นห่วง กุ๊กกิ๊กแอบมองดูอยู่ที่มุมหนึ่งยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์เพทุบายออกมา
“ยังไม่จบแค่นี้หรอก มันต้องแซบกว่านี้”
ที่งานเลี้ยงวันเกิดคุณหญิง ภูวเดชที่ยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง เด็กรับใช้ที่คุณหญิงใช้ให้มาตามมณฑิราเดินมาหาภูวเดช
“คุณภูคะ เห็นคุณมณไหมคะ คุณหญิงให้มาตามไปพบค่ะ”
“ท่านอยู่กับใคร”
“คุณรัฐกับคุณภัสสร แล้วก็ลูกชายท่านค่ะ”
ภูวเดชของขึ้น “กลับไปเรียนท่านว่าเดี๋ยวคุณมณตามไป ชั้นจะบอกคุณมณให้”
เด็กรับใช้เดินออกไป
“เข้าทางผู้ใหญ่ แผนสูงนะไอ้รัฐรวี” ภูวเดชพึมพำอย่างแค้นใจ แล้วเดินออกไป
ภูวเดชเดินเข้าไปหามณฑิราที่คุยอยู่กับแขกในงานออกตัวกับแขกในงาน
“ขอโทษนะครับ” แล้วบอกกับมณฑิรา “คุณมณครับ เมื่อกี๊คุณหญิงให้เด็กมาบอกว่า...ฝากดูแลแขกในงานด้วยนะครับ ท่านกำลังมีแขก”
มณฑิรายิ้มรับโดยไม่รู้ว่าไฮโซหนุ่มขี้โอ่โกหก
ฝ่ายอาทิตย์กำลังพยายามกดโทรศัพท์หาวิไลลักษณ์ แต่วิไลลักษณ์ก็ไม่รับสาย อาทิตย์ส่งข้อความไลน์ไปหาอีก แต่วิไลลักษณ์ก็ไม่ตอบ
อิงอรถือเครื่องดื่มเดินกลับมาพร้อมหมอฉบัง ยื่นแก้วไวน์ให้
“ไวน์ค่ะ” อาทิตย์รีบเก็บโทรศัพท์แล้วรับไวน์มา อิงอรยิ้มแกล้งถามหยั่งเชิง “เป็นอะไรรึเปล่าคะ ท่าทางเครียดๆ เกี่ยวกับรูปที่อิงโพสต์ไปเมื่อกี๊รึเปล่า”
อาทิตย์ปฏิเสธ “ไม่มีอะไรครับ”
“แล้วไป นึกว่ามีปัญหากับน้องคนนั้นซะอีก”
อิงอรแอบยิ้มสะใจ อาทิตย์ยิ้มเจื่อนๆ
หมอฉบังหันไปเห็นภูวเดชกับมณฑิราเดินไปทางด้านหนึ่ง จึงพยักพเยิดบอกกับอาทิตย์ว่า
“ไอ้ทิตย์ นั่นไง หลานสาวคุณหญิงที่พ่อแม่ไอ้วีนัดให้ไอ้วีมาเจอ”
“อ้าว แล้วทำไมเค้ายังมาอยู่กับไอ้คุณภูที่นี่ล่ะครับ” อาทิตย์แปลกใจ
“จะอะไรซะอีกล่ะคะ เค้ากันท่าอยู่น่ะสิ ใครๆ ก็รู้ว่าคุณภูเค้าจีบคุณมณอยู่” อิงอรพูดอย่างรู้ทัน
อาทิตย์กับหมอฉบังหันมองหน้ากันว่าเอาไงดี
ฝ่ายรัฐรวี รัฐ ภัสสร และคุณหญิงหิรัญญิการ์กำลังรอมณฑิราอยู่ในห้องรับรอง รอนานจนคุณหญิงบ่น
“ทำไมยัยมณยังไม่มาอีก งั้นเดี๋ยวดิฉันจะแนะนำยัยมณให้รู้จักในงานแล้วกันนะคะ นั่งรออยู่อย่างนี้เดี๋ยวดิฉันจะหงุดหงิด สัญญากับตัวเองแล้วด้วยว่าวันนี้จะไม่โกรธ ไม่โมโห ไม่ว่าใคร”
ทั้งหมดพากันลุกเดินเข้าไปในงาน
รัฐรวีเดินมาหาหมอฉบัง โดยอาทิตย์ยังยืนอยู่กับอิงอร
อาทิตย์ขอตัวกับอิงอร “ผมขอไปคุยธุระกับคุณวีแป๊บนึงนะครับคุณอิง” แล้วรีบรุดเดินมาหารัฐรวี
รัฐรวีถามอาทิตย์ทันที “ไหนแกบอกว่าแกจะชิ่งไง”
“ชิ่งยังไงล่ะครับ กระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย หายใจรดต้นคอตลอด”
หมอฉบังถามรัฐรวีว่า “แกยังไม่เจอคุณมณใช่ไหม”
“ใช่ แกรู้ได้ไง”
“ก็เค้าเดินอยู่กับไอ้ภูในงาน ชั้นว่ามันตั้งใจกันแกแล้วล่ะ”
“คุณวีครับ” อาทิตย์หันไปเห็นรัฐกับภัสสรเดินทักทายแขกอยู่อีกทาง ตกใจรีบหันหลังให้ “อุ้ย คุณท่านๆ”
รัฐรวีผลักหัวอาทิตย์ “แกจะหลบทำไม แกใส่หน้ากากอยู่ พ่อกับแม่ชั้นจำไม่ได้หรอก”
“ผมก็ยังเสียวสันหลังวาบๆ อยู่ดี” อาทิตย์จะชิ่ง บอกกับหมอฉบัง “คุณหมอช่วยคุณวีไปแล้วกันนะครับ ผมไปก่อน”
“แกจะไปไหน อยู่ช่วยชั้นกันไอ้ภูก่อน ไอ้วีมันจะได้ไปเจอสาวในฝันของมันซักที แกไม่อยากให้เจ้านายแกมีแฟนเหรอ”
อาทิตย์ชะงัก ได้ยินเสียงความคิดดัง กริ๊ง ในหัวจอมกะล่อนว่า
“ดีเหมือนกัน ถ้าคุณวีมีแฟนจะได้เลิกยุ่งกับพี่มณ โอกาสที่ความจะแตกก็น้อยลง”
อาทิตย์หันกลับมาบอกหมอฉบัง “งั้นไปกันครับคุณหมอ ผมช่วยสุดตัวเลย”
ด้านวิไลลักษณ์นั่งดูโทรศัพท์รูปอาทิตย์กับอิงอรในงานเลี้ยง สีหน้าท่าทางเศร้าๆ วางโทรศัพท์ไว้ แล้วลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ
เห็นกุ๊กกิ๊กแอบมองอยู่ที่หน้าห้อง รอเวลาที่วิไลลักษณ์เผลอ แล้วหันไปมองที่ทางเดินอย่างระแวงกลัวว่าจะมีคนมาเห็น
เห็นภูวเดชยืนประกบอยู่กับมณฑิรา รัฐรวี อาทิตย์ หมอฉบังยืนเล็งแลอยู่
หมอฉบังถาม “เอาไงดีวะไอ้ทิตย์”
“ใจเย็นๆ ครับ เรารอจังหวะไปก่อน”
มณฑิรายืนอึดอัดอยู่กับภูวเดช
“คุณภูไปนั่งคุยกับเพื่อนก่อนก็ได้นะคะ ไม่ต้องเดินตามมณไปทุกที่หรอกค่ะ”
“ได้ยังไงล่ะครับ เป็นเจ้าหญิงก็ต้องมีบอดี้การ์ด”
“เหรอคะ มณนึกว่าเป็นนักโทษซะอีก”
ภูวเดชหันเห็นคุณหญิง “อุ๊ย คุณหญิงท่านออกมาแล้ว ดีเลย ผมจะได้เอาของขวัญให้คุณหญิง”
“คุณภูมีของขวัญมาด้วยเหรอคะ มณไม่เห็นคุณภูถือมาเลย”
“ถือไม่ไหวน่ะครับ”
“หืมม์” มณฑิราเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี “คุณภูเอาอะไรมาคะเนี่ย”
“บอกก่อนก็ไม่เซอไพรส์สิครับ”
“เชื่อมณเถอะค่ะว่าบอกมณก่อนดีกว่า คุณป้าท่านไม่ชอบเรื่องเซอร์ไพรส์”
“ผมรับรองครับว่าของขวัญชิ้นนี้ต้องถูกใจท่าน” มณฑิรายังหวั่นใจไม่คลาย “ไปหาคุณหญิงกันครับ”
ภูวเดชเดินไป มณฑิราเดินตามไป
ภูวเดชพาคุณหญิงหิรัญญิการ์มาทางด้านหนึ่ง มณฑิราเดินตามมา
“เชิญทางด้านนี้ครับคุณหญิง”
คุณหญิงเริ่มอึดอัด “ทำไมต้องมีพิธีรีตองอะไรด้วยเนี่ย เธอจะให้ของขวัญชั้นปรกติๆ แบบที่คนอื่นเค้าทำกันไม่ได้รึไง”
“ไม่ได้หรอกครับ คุณหญิงเป็นคุณป้าของคุณมณ ก็เท่ากับเป็นคุณป้าของผมด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นของขวัญที่จะให้เลยต้องพิเศษนิดนึง”
ภูวเดชเดินพาคุณหญิงมาหยุดที่ตรงกลางฟลอร์ พนักงานเอาไมค์ไร้สายมาให้ภูวเดฃ
“รบกวนแขกผู้มีเกียรติทุกท่านหยุดเดินหรือหยุดรับประทานอาหารก่อนนะครับ เพราะต่อไปนี้จะเป็นการมอบของขวัญชิ้นพิเศษ ที่ผมตั้งใจนำมามอบให้เนื่องในโอกาสวันเกิดของคุณหญิงหิรัญญิการ์ ขอเชิญพบได้เลยครับ”
พลันแสงไฟสลัวลง ดนตรีเพลง คนใจง่าย ดังขึ้น หนุ่มหล่อแต่งตัวเท่ 2 คน เดินออกมาหาคุณหญิงหิรัญญิการ์แล้วชวนคุณหญิงเต้น
ภูวเดชร้องเพลงอย่างเบิกบาน “จั๊ดจาดาดา จั๊ดจั๊ดจาดาดา จั๊ดจาดาดา จั๊ดจั๊ดจาดาดา จั๊ดจาดาดา จั๊ดจั๊ดจาดาดา จั๊ดจาดาดา จั๊ดจั๊ดจาดาดา”
แขกในงานตบมือร้องเชียร์กัน คุณหญิงขำๆ แล้วเต้นไปกับหนุ่มๆ ตามจังหวะเพลง คุณหญิงดึงเพื่อนและภัสสรออกมาเต้นด้วยกันกับหนุ่มๆ ทุกคนหัวเราะกันสนุกสนานเฮฮา
ภูวเดชเดินถือไมโครโฟนลงมาเต้นด้วยกันกับกลุ่มคุณหญิงหิรัญญิการ์
สักพัก หนุ่มๆ เริ่มถอดเสื้อสูทออก ทีแรกทุกคนก็ขำๆ หนุ่มที่เต้นโยนสูททิ้งแล้วเริ่มถอดเนคไทด์ พวกคุณหญิงเริ่มอึ้งๆ มองหน้ากัน
เพื่อนคุณหญิงและภัสสรที่เต้นอยู่กับคุณหญิงเริ่มถอยกลับเข้าไปในกลุ่มแขก สุดท้ายหนุ่มถอดกางเกง เหลือแค่บอกเซอร์ตัวเดียว คุณหญิงอึ้งทำหน้าไม่ถูก
แขกในงานตะลึง เหวอกันไปถ้วนหน้า คิดไม่ถึง บางคนอายไม่กล้ามอง มีแค่ภูวเดชกับหนุ่ม 2 คนที่ร่าเริงอยู่
“ผมว่าเราไม่ต้องทำอะไรแล้วครับ คุณภูเค้าเตะตัดขาตัวเองเรียบร้อยแล้ว” อาทิตย์ยิ้มขัน
ไฟสว่างพรึ่บขึ้น คุณหญิงหิรัญญิการ์เดินหนีไปเลย
“อ้าว! คุณหญิงครับ”
ภูวเดชมองตาม แล้วหันกลับมาหามณฑิรา พบว่ามณฑิราโกรธมาก
มณฑิรายืนต่อว่าภูวเดชอยู่ที่มุมหนึ่งด้วยความโกรธ
“ทำไมคุณภูทำแบบนี้คะ แขกคุณป้ามีแต่ผู้ใหญ่ทั้งนั้น ทั้งท่านผู้หญิง ทั้งหม่อมราชวงศ์ ทำไมไม่ดูกาลเทศะบ้าง”
“ก็นี่มันงานวันเกิดนี่ครับ ผมอยากให้คุณหญิงป้าท่านกระชากวัย จะได้สนุกสนานกัน”
“ด้วยการเอาผู้ชายแก้ผ้ามาเต้นกับคุณป้าเหรอคะ คุณป้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
ภูวเดชอึ้ง เพิ่งรู้ตัวว่าพลาด “เอ่อ นี่ผมพลาดไปแล้วใช่ไหมครับ”
มณฑิราคุณป้าไม่ไล่คุณออกจากงานไปเมื่อกี้ มณก็แปลกใจมากแล้วค่ะ!
มณฑิราโกรธเดินหนี ภูวเดชอึ้งไปชั่วขณะ ทำตัวไม่ถูก รีบเดินตามไป
อาทิตย์เห็นมณฑิราเดินหนีภูวเดชรีบบอกผู้เป็นนาย
“จังหวะนี้แหละครับคุณวี”
อาทิตย์หันไปมองทางรัฐรวี แต่เห็นรัฐรวีเดินตามมณฑิราไปแล้ว
ภูวเดชจะเดินตามมณฑิราไป อาทิตย์กับหมอฉบังรีบเดินไปดักหน้า ขวางภูวเดชไว้
“เดี๋ยวครับคุณภู ผมหมอฉบังนะครับ ไอ้ทิตย์มันอยากถามคุณภูเรื่องนักเต้นเมื่อกี้ครับ”
อาทิตย์เสริม “มันเป็นไอเดียที่สุดยอดมากครับ คนในงานเห็นแล้วตะลึงกันทุกคน ผมเลยอยากได้แบบนี้ให้เป็นของขวัญวันเกิดแม่ผมบ้าง”
“เดี๋ยวผมมาคุยด้วยนะครับ” ภูวเดชไม่อยากคุย
“ไม่ได้ครับคุณภูวเดช ผมอยากรู้จริงๆ บอกหน่อยเถอะนะครับ นะครับ”
ภูวเดชเซ็ง อาทิตย์กับหมอฉบังแอบขยิบตารู้กัน
รัฐรวีเดินอยู่ด้านในริมระเบียงดาดฟ้า มองหามณฑิรา ทันใดนั้นเงาที่กระจกก็สะท้อนร่างของมณฑิราเดินอยู่ รัฐรวีหันไปมองแต่ไม่เห็นมณฑิราแล้ว
อีกด้านหนึ่ง กระจกสะท้อนเงาของมณฑิราอีกครั้ง รัฐรวีหันไปมองแล้วรีบเดินตามไปหา แต่ก็ไม่เห็นมณฑิราอีก
รัฐรวียิ่งร้อนใจอยากเจอมณฑิรา เขาเหลียวหันมองหา แล้วชะงัก ค่อยๆ เดินไปที่ระเบียงด้านนอก พบว่ามณฑิรากำลังยืนสูดอากาศคล้ายระงับความหงุดหงิดอยู่
มณฑิรากำลังยืนอยู่บนดาดฟ้าทอดสายตามองวิวท้องฟ้า ระงับอารมณ์โกรธอยู่
เสียงรัฐรวีดังขึ้น “อากาศบริสุทธิ์จะช่วยให้หายเครียดนะครับ”
มณฑิราหันไปเห็นรัฐรวีที่ใส่หน้ากากอยู่ รัฐรวียื่นมือออกมาแล้วแบออก เผยให้เห็นเป็นดอกไม้ผ้าที่ติดชุดของมณฑิราตอนเจอกันในงานเลี้ยงครั้งแรก
“ผมเอามาคืนคุณมณครับ”
มณฑิรามองแล้วจำได้ “นี่มันดอกไม้ที่ชุดของชั้นนี่คะ”
“ผมเก็บได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ตอนไฟดับในงานที่โรงแรมไงครับ”
มณฑิราจำได้รับมา “ขอบคุณค่ะ”
“ขอแนะนำตัวอีกทีนะครับ ผมชื่อรัฐรวี ตลกดีนะครับครั้งแรกที่เราเจอกันก็ไฟดับ ครั้งนี้เราก็ใส่หน้ากากอีก ผมเลยยังไม่เห็นหน้าคุณชัดๆ สักที”
“Third Time Lucky ค่ะ”
“แปลว่าครั้งนี้ผมจะโชคดีได้เห็นหน้าคุณมณใช่ไหมครับ”
มณฑิรายิ้ม จับหน้ากาก “เปิดพร้อมกันไหมคะ”
รัฐรวีเองก็ยิ้มจับหน้ากาก สองคนนับ “1...2...”
รัฐรวีลุ้นอยากเห็นหน้ามณฑิรา
อ่านต่อตอนที่ 5