สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 9
ขั้นเทพเดินมาเข้ามาในหน่วยฉก.911 ดาบยิ้มนั่งทำงานเหลือบเห็น
“ผู้กองครับ”
“หือ”
“ที่ผู้กองให้ผมไปสืบเรื่องคนชื่อวัฒนาน่ะครับ”
“วัฒนา”
“ที่บอกว่าเป็นเพื่อนเควิน สมิธ น่ะครับ”
“อ๋อ ว่าไง”
“เขาเป็นพ่อของผู้กองเมษานะครับ นายวัฒนากับภรรยานอกจากจะสนิทกับเควิน สมิธ แล้ว ยังสนิทผู้การสถิตย์ยุทธอีกด้วยครับ”
ขั้นเทพพยักหน้า
“งั้นหรือ อืม ขอบใจมาก”
“ผู้กองจะให้ผมตามเรื่องนายวัฒนาต่อมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“ครับ”
ขั้นเทพตกใจกับเรื่องที่เพิ่งรู้จากดาบยิ้ม เดินออกมาอย่างครุ่นคิด
“หรือว่าพ่อแม่คุณเมจะอยู่ในขบวนการนี้ด้วย”
ขั้นเทพสังหรณ์ใจ
“อย่าบอกนะว่าเธอกลุ้มใจเรื่องนี้ ขออย่าให้เป็นเรื่องนี้เลย”
ขั้นเทพเริ่มกังวล
ประไพพรรณเดินเข้ามาในบ้าน หลังกลับจากไปหาเมษา วัฒนาลุกออกมาจากห้องทำงานอย่างร้อนใจ
“ลูกว่าไง”
ประไพพรรณมองหน้าวัฒนาอย่างเสียใจ
“ลูกไม่ยอมช่วยเรางั้นหรือ”
“ลูกขอเวลาหน่อย เขาบอกมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่อยู่ ๆ จะล้มคดีนี้”
“แต่ผู้การสถิตย์บอกว่า แค่ยัยเมยืนยันว่าตำรวจยัดข้อหาเควิน สมิธ ทุกอย่างก็จะจบ”
“แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับลูกนะที่จะโกหก คุณก็รู้ว่าลูกเป็นคนยังไง เขายึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต”
“ผมรู้ ว่ายัยเมเป็นคนตรง แต่เราเป็นพ่อแม่เขานะ เขาต้องช่วยเหลือเรา”
ประไพพรรณร้องไห้
“เป็นเพราะคุณคนเดียว ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าให้เลิก ให้เลิก แต่คุณก็ไม่ยอม”
“คุณอย่ามาโทษผมตอนนี้นะ ที่ผมทำไปก็เพื่อครอบครัว เพื่อลูกนะ”
“ฉันสงสารลูกจังเลย ฉันไม่น่าเลย ฉันไม่น่าทำเรื่องให้ลูกเลย”
ประไพพรรณร้องไห้โฮ วัฒนาทรุดลงนั่งกลุ้มใจ
เมษานั่งเหม่อนึกถึงเรื่องที่ประไพพรรณมาหา เสียงออดที่ห้องดังขึ้น เธอลุกไปเปิดประตู เห็นขั้นเทพยืนอยู่หน้าห้อง ก็ชะงัก
“อ้าวคุณ”
“ผมผ่านร้านพิซซ่าเจ้าอร่อยก็เลยอยากซื้อมาให้คุณทาน”
“งั้นก็เข้ามาสิ”
เมษาฝืนยิ้ม เดินนำเข้าไป
“จานอยู่ไหนครับ”
“ในตู้ชั้นบน”
ขั้นเทพหันไปหยิบจาน ช้อน มาวางให้
“ทานสิ กำลังร้อน ๆ”
“ขอบคุณค่ะ”
เมษาหยิบพิซซ่ามากัดคำหนึ่ง แล้วฝืนเคี้ยว
“ไม่อร่อยหรือ”
“อร่อยค่ะ แต่ฉันยังไม่หิว”
“บอกผมได้มั้ยว่ามีเรื่องอะไรในใจ”
“ไม่มี ฉันไม่มีอะไร”
“พ่อแม่คุณมีส่วนร่วมกับเควิน สมิธ ใช่มั้ย”
เมษาอึ้ง ตกใจ มองหน้าขั้นเทพ
“ไม่ใช่”
“อย่าโกหกผม ผมรู้ว่ามันต้องมีเรื่องที่สำคัญมาก คุณถึงเปลี่ยนไป และเรื่องสำคัญนั้นต้องเกี่ยวกับพ่อแม่คุณ ผมรู้ว่าพ่อแม่คุณทำธุรกิจกับเควิน สมิธ และผู้การสถิตย์ยุทธมานานแล้ว”
เมษามองขั้นเทพน้ำตารื้น
“ใช่มั้ย ท่านร่วมมือกับเควิน สมิธ และผู้การสถิตย์”
เมษาก้มหน้าร้องไห้ พยักหน้า ขั้นเทพอึ้ง
“เม”
“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษแทนพ่อแม่ฉันด้วย”
“ท่านขอให้คุณล้มคดีใช่มั้ย”
เมษาพยักหน้า ร้องไห้ ไม่กล้าสู้หน้าขั้นเทพ
“แล้วคุณบอกท่านว่าไง”
“ฉันบอกว่าฉันทำไม่ได้”
ขั้นเทพดึงเมษาเข้ามากอด
“คุณทำถูกแล้วล่ะ”
“ฉันผิดใช่มั้ยที่ฉันไม่ช่วยท่าน ฉันเป็นลูกที่ไม่ดี เป็นลูกอกตัญญู”
“แต่ท่านทำผิดกฎหมายนะ และเราเองก็เป็นผู้รักษากฎหมาย ถ้าเราบิดเบือนหรือละเว้น เราจะบอกตัวเองว่ายังไง คุณตัดสินใจถูกต้องแล้ว”
ขั้นเทพดึงเมษาเข้ามากอดอีกครั้ง
ภายในห้องประชุมหน่วยฉก.911 เศียรพระหลวงพ่อคำเกลี้ยงตั้งอยู่บนโต๊ะ ปึกยิ้มมองเศียรพระ ไมค์ โจ๊กเกอร์ นั่งข้างปึกยิ้มยืดภูมิใจ เมษานั่งนิ่ง ขั้นเทพ ดาบยิ้ม ตำรวจผู้ใหญ่สองนายนั่งอยู้ด้วย โดยเสวีนั่งหัวโต๊ะ
“ที่ผมเรียกพวกคุณมาวันนี้ก็เพื่อจะซักซ้อมก่อนจะให้การกับศาล เพื่อไม่ให้มีช่องโหว่ในคดี หนูปึก บุญเลิศ”
“ค่ะ ผู้การ”
“ครับ”
“คุณสองคนต้องขึ้นให้การเป็นพยานด้วย ว่าระหว่างที่เราเข้าทำการจับกุมนั้น เศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงอยู่ในบ้านเควิน สมิธ”
ทั้งสองรับ
“ดาบยิ้ม”
“ครับ”
“อย่าลืมเทปจากกล้องวงจรปิดในบ้านเควิน สมิธ ระหว่างที่คุณบุกค้นหาหลักฐานเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยง”
“ผมเตรียมเรียบร้อยแล้วครับ”
“ส่วนผู้กองเมษากับผู้กองขั้นเทพ คุณสองคนต้องขึ้นยืนยันว่าเป็นผู้วางแผนการจับกุมเควิน สมิธ ครั้งนี้”
“ครับ”
เมษานั่งนิ่ง
“ผู้กองเมษา”
“ค่ะ”
เมษาฝืนรับคำ ขั้นเทพเหลือบมอง ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึกเหลือบมองเมษาอย่างแปลกใจ
“รองสมภพคิดว่าไงครับ”
“เท่าที่ผมทำสำเนาและหลักฐานทั้งหมดส่งไปให้อัยการ ผมคิดว่าเควิน สมิธ ไม่น่าจะหลุดรอดจากคดีนี้ได้”
เมษากับขั้นเทพเหลือบมองกัน
“ขออนุญาตค่ะ หนูปึกขอถามนิดได้มั้ยคะ”
“เชิญ”
“คือ หนูปึกจะเอาเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงกลับไปบ้านนอกได้เมื่อไหร่คะ”
“ก็คงต้องรอให้สิ้นสุดคดีนี้ก่อน”
“แล้วอีกนานมั้ยครับท่าน” ไมค์ โจ๊กเกอร์ถาม
“คิดว่าอีกนาน เพราะหลังจากจับเควิน สมิธ แล้ว เราก็ต้องสืบสวนต่อไป ว่ามีใครที่ร่วมขบวนการกับเควิน สมิธ อีกบ้าง”
เมษาอึ้ง หลบตาลง ขั้นเทพเหลือบมอง
หลังประชุมเสร็จ เมษาเดินออกมากับปึก
“หนูปึกยังไม่ได้ขอบคุณคุณเมเลยนะคะที่คุณเมช่วยทำให้หนูปึกพบเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยง”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก เพราะถึงยังไงมันก็เป็นหน้าที่ฉัน”
“แต่ถ้าไม่ได้คุณเมกับผู้กองขั้นเทพ เราก็ไม่สามารถทลายแก๊งลักลอบตัดเศียรพระนี่ได้หรอกนะคะ แหม อยากจะเห็นหน้าไอ้พวกคนไทยที่มันร่วมมือกับไอ้เควิน สมิธ นี่จัง”
เมษาเหลือบมอง
“ไอ้พวกนี้นะ ถ้าจับได้น่าจะเอามันไปตัดคอนะคะ”
เมษาอึ้ง
“เออ คุณเมคะวันก่อนที่คุณนายมาหาคุณเม เพราะเรื่องไอ้เควินใช่มั้ยคะ”
เมษามองหน้าปึก
“คุณนายมาบอกว่าท่านเกือบซวยใช่มั้ยคะ ที่ไปรู้จักกับมัน แหม ไอ้นี่มันร้ายจริง ๆ นะคะ เบื้องหน้าทำเป็นคนใจบุญ ที่ไหนได้เบื้องหลังมันมาลักลอบตัดเศียรพระ เลวจริง ๆ”
เมษาละอายใจ ไมค์ โจ๊กเกอร์เดินออกมาสมทบ
“ใครเลวจ๊ะ น้องปึก”
“ก็ไอ้พวกที่มันลักลอบร่วมขบวนการกับไอ้เควิน สมิธ ไงคะพี่ไมค์”
“ใช่ ไอ้พวกนี้นะ จับได้ต้องกระทืบซ้ำซะหน่อย เป็นคนไทย กลับทำลายศาสนาของตัวเอง”
“หนูปึก ฝากบอกผู้กองขั้นเทพนะว่าฉันขอตัวกลับก่อน”
เมษาขยับจะไป
“อ้าว เดี๋ยวสิครับ เมื่อกี้ผู้กองขั้นเทพยังเพิ่งบอกอยู่ว่าให้คุณเม รอหน่อย ผู้กองมีธุระคุยกับผู้การนิดเดียว”
“ใช่ค่ะ หนูปึกว่าเดี๋ยวเราไปทานข้าวด้วยกันเถอะค่ะ หนูปึกจะขอเลี้ยงข้าวคุณเมกับผู้กองขั้นเทพ”
“ฉันต้องขอตัว วันนี้ฉันมีงานสำคัญ เอาไว้วันหลังนะ แล้วเจอกันที่บ้าน”
เมษาเดินออกไป
“คุณเมเขาเป็นอะไรรึเปล่าหนูปึก พี่ว่าเขาดูซึม ๆ นะ”
“คุณเมเขาคงเหนื่อยจากภารกิจน่ะสิ”
“แต่พี่ว่าน่าจะดีใจมากกว่านะ ที่เราทลายแก๊งตัดเศียรพระนี้ได้”
ปึกคิดตามคำพูดของไมค์ โจ๊กเกอร์
ขั้นเทพเล่าเรื่องบางเรื่องให้เสวีฟัง เสวีถึงกับตกใจ
“คุณแน่ใจนะว่าพ่อแม่ผู้กองเมษามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ด้วย”
“แน่ใจครับ เพราะผู้กองเมษาเพิ่งยืนยันกับผมเมื่อวานนี้ ว่าพ่อแม่เธอเกี่ยวพันกับเรื่องนี้”
“มิน่าตอนที่เราประชุม เธอมีท่าทางแปลก ๆ แล้วเธอว่าไง”
“เธอยืนยันว่าเธอจะทำตามหน้าที่ครับ”
“อืม ถ้างั้นผมค่อยโล่งอกหน่อย ก็น่าเห็นใจเธอนะ ที่ต้องจับพ่อแม่ตัวเอง คุณเองก็ให้กำลังใจเธอหน่อยแล้วกัน”
“ครับ”
ขั้นเทพหนักใจ
ขั้นเทพเดินออกมากับปึกและไมค์ โจ๊กเกอร์ หลังคุยกับเสวีเสร็จ
“ผู้กองไม่ไปทานข้าวกับพวกเราจริง ๆ หรือคะ”
“เธอสองคนไปเถอะ ฉันว่าจะแวะไปหาผู้กองเมษาหน่อย”
“แหม หายใจเข้าออกเป็นผู้กองเมษาเลยนะ ผู้กองยอดรัก”
“ฉันแค่ไปคุยเรื่องงาน”
“อะไร เมื่อกี้เพิ่งคุยเรื่องงานเสร็จ นี่จะคุยเรื่องงานอีกแล้ว คุยเรื่องอื่นบ้างก็ได้”
“พี่ไมค์น่ะอย่าไปแซวผู้กองเขาเลย คนกำลังอินเลิฟ ฝากบอกคุณเมด้วยนะคะ ถ้าอยากได้อะไรโทรบอกหนูปึก หนูปึกจะซื้อเข้าไปให้”
ขั้นเทพพยักหน้าเดินแยกออกไป
อ่านต่อหน้า 2
สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 9 (ต่อ)
เมษาขับรถอยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอกดรับ
“ฮัลโหล”
สถิตย์ยุทธพูดโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน
“หวัดดีผู้กองเมษา”
เมษาพยายามควบคุมความโกรธ
“หวัดดีค่ะ ผู้การ มีอะไรหรือคะ”
“พรุ่งนี้ถึงเวลาขึ้นศาล ผมอยากรู้ว่าคุณตัดสินใจยังไง”
“ก็อย่างที่ดิฉันเคยบอก”
“แต่ผมอยากได้ยินคำยืนยันจากคุณอีกครั้ง ว่าพรุ่งนี้คุณจะช่วยเหลือพวกเรา”
เมษากดปิดโทรศัพท์แล้วโยนทิ้งออกไปนอกรถอย่างคับแค้นใจ สถิตย์ยุทธชะงัก ฟังเสียงปลายสายขาดหายไป ชายชาติเข้ามาถาม
“น้องเมว่าไงครับ เธอจะช่วยเหลือพวกเรารึเปล่า”
“ถ้าพรุ่งนี้ศาลตัดสินให้เควินติดคุก นายก็ฆ่าเธอได้เลย”
ชายชาติอึ้ง
วัฒนากดโทรศัพท์หาเมษาอย่างร้อนใจ แต่ไม่มีใครรับ จึงหันมาบอกกับประไพพรรณ
“ยัยเมไม่ยอมรับโทรศัพท์”
“ลูกคงเสียใจแล้วก็ผิดหวังกับเราสองคนมาก ไม่น่าเลย ฉันไม่น่าทำเรื่องนี้เลย”
“คุณเลิกโทษตัวเองแล้วก็หยุดร้องไห้ซะที แค่นี้ผมก็จะเป็นบ้าอยู่แล้ว”
ประไพพรรณร้องไห้สะอื้น วัฒนาพยายามกดต่อโทรศัพท์อีกครั้ง
“เม รับโทรศัพท์พ่อสิลูก บอกพ่อว่าลูกจะช่วยพ่อ”
วัฒนากลุ้มใจ
เมษานั่งอยู่ในสวนสาธารณะมองเหม่อน้ำตาไหลริน เธอหลับตาลง ขั้นเทพเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า เมษาลืมตามอง เขาลงนั่งข้าง ๆ
“ผมตามหาคุณซะทั่วเลย นึกว่าคุณอยู่ที่คอนโด”
เมษานิ่งไม่ตอบ ขั้นเทพจับมือเธอมากุมไว้
“ฉันมาทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น”
“ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่เราต้องจับพ่อแม่ตัวเอง”
“ฉันบอกตามตรงนะ ตอนที่คุณเล่าให้ฉันฟัง ว่าคุณเคยจับพ่อตัวเองเข้าคุก ฉันจินตนาการความรู้สึกของคุณตอนนั้นไม่ออกจริง ๆ”
ขั้นเทพมองหน้า เมษาน้ำตาคลอ
“แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน ฉันอยากเป็นคนเลือดเย็น ที่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลยเหมือนที่คุณบอก”
เมษาน้ำตาไหลริน ขั้นเทพเห็นใจ เช็ดน้ำตาให้
“ผมว่าเราเจ็บปวดตอนนี้เพราะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ดีกว่าที่จะต้องเจ็บปวดไปตลอดชีวิตเพราะเราบิดเบือนความจริงนะ”
ขั้นเทพกุมมือเมษา เมษาพิงซบไหล่เขา น้ำตายังไหลริน
“คุณรู้มั้ย ถ้าทำได้ ฉันอยากหยุดเวลาไว้แค่นี้ ไม่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้”
“แต่ผมอยากให้วันพรุ่งนี้มาถึงเร็ว ๆ เพราะคุณจะได้ผ่านความเจ็บปวดนี้ไปซะที”
เมษามองหน้าขั้นเทพ น้ำตาไหลเอ่อ เขาปาดน้ำตาให้เธออีกครั้ง
“จำไว้นะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป”
ขั้นเทพจูบหน้าผากเมษาปลอบใจ
คืนนั้น ประไพพรรณหยิบรูปครอบครัวมาดู วัฒนาเปิดประตูออกจากห้องน้ำ เห็นภรรยา
นั่งร้องไห้ ประไพพรรณหันมาถาม
“ถ้าพรุ่งนี้ศาลตัดสินว่าเควิน สมิธ ผิด เราจะทำยังไงดี”
“มีสองทาง เราก็ต้องหนีไปต่างประเทศหรือไม่ก็อยู่สู้คดี เมื่อกี้ตอนอยู่ห้องน้ำ ผมให้เพื่อนจองตั๋วเครื่องบินเที่ยวเช้าไปฮ่องกงไว้แล้ว”
“แต่ถ้ายัยเมช่วยเราล่ะ”
“ถึงยังไงผมคิดว่าเราก็ควรจะหนีไปตั้งหลักก่อน คุณเก็บเสื้อผ้าข้าวของและของมีค่าที่จำเป็นแล้วเอาเงินสดที่มีทั้งหมดไปด้วย”
“แต่คุณคะ ถ้าเราหนี ลูกก็ต้องถูกคนประณามด่านะคะ”
“เราจะหนีหรือไม่หนี ลูกก็ต้องถูกด่าอยูดี ผมว่าคุณอย่าเพิ่งคิดเยอะเลยเก็บข้าวของเถอะ”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทั้งสองมองหน้ากัน วัฒนายกโทรศัพท์ขึ้นมาดู
“เมโทรมา ฮัลโหล ว่าไงลูก”
“หนูตัดสินใจแล้วค่ะ”
“ลูกตัดสินใจว่าไง อะไรนะ ลูกพูดใหม่อีกทีซิ”
เมษากดปิดโทรศัพท์อย่างเจ็บปวด
“เม เดี๋ยวสิลูก อย่าเพิ่งวางสาย”
“ลูกว่าไงคะ”
วัฒนาหันมามองหน้าประไพพรรณ อึ้งไป
เมษาน้ำตาไหลอย่างเจ็บปวด กำโทรศัพท์แน่น
“หวังว่าเราตัดสินใจถูกต้องนะ”
วันรุ่งขึ้น เควิน สมิธ ถูกใส่โซ่คตรวนพามาที่ศาลอาญา เขานั่งในคอกผู้ต้องหา ขั้นเทพจับมือเมษาให้กำลังใจ
เมษาฝืนยิ้มพยักหน้าให้ ในขณะที่เสวีมองหน้าเมษาอย่างครุ่นคิด ชายชาติเดินเข้ามาในห้อง ลงนั่งที่มุมหนึ่งด้านหลัง ศาลเดินขึ้นบัลลังก์
“เคารพศาล”
ทุกคนลุกยืน
“คดีหมายเลข 8469 / 2557 หน่วยเฉพาะกิจ 911 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเควิน สมิธ จำเลย ข้อหากระทำความผิดมีเศียรพระพุทธรูปหลวงพ่อคำเกลี้ยง ซึ่งถูกโจรกรรมจากวัดคำเกลี้ยงมาไว้ในครอบครอง อาศัยการกระทำความผิดตามมาตรา...ศาลจึงได้มีคำสั่งไตร่สวนการกระทำผิด ศาลขอเบิกตัวนายเควิน สมิธ”
เควิน สมิธ ลุกเดินเข้ามาในคอก
“คุณจะให้การยอมรับผิดตามที่ฝ่ายอัยการโจทก์ได้ยื่นฟ้องหรือไม่”
“ไม่ครับ ผมขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากผมถูกตำรวจชุดจับกุมยัดเยียดหลักฐาน โดยการนำเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงมาซุกซ่อนไว้ภายในบ้านพักของผมและร้อยตำรวจเอกขั้นเทพพร้อมกับพรรคพวกได้ขู่กรรโชกทรัพย์ผม”
ปึกเหลืออด
“ไอ้เควิน สมิธ นี่มันเลวจริง ๆ นะพี่ไมค์ หาว่าพวกเราขู่กรรโชกทรัพย์มัน”
“ไม่ต้องห่วงหรอก วันนี้มันไม่รอดแน่”
เควิน สมิธ เดินกลับไปนั่งในที่ของตัวเอง
“เบิกความร้อยตำรวจเอกขั้นเทพ นราดุล”
ขั้นเทพลุกเดินเข้าคอกโจทก์
“ผมร้อยตำรวจเอกขั้นเทพ นราดุลย์ หัวหน้าสืบสวนหน่วยเฉพาะกิจ 911 ผมขอปฏิเสธว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง จากการที่ผมได้สืบทราบว่านายเควิน สมิธ เป็นผู้รับซื้อเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงมาไว้ในครอบครอง ผมและร้อยตำรวจเอกเมษา พงศ์โสภาศิริ จากหน่วยวิหคเวหา จึงได้วางแผนร่วมกันด้วยการส่งนางสาวหนูปึก นาวงศ์ เข้าไปเป็นสาวขายบริการเพื่อนำทางเข้าสู่การจับกุม และได้พบว่ามีเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงซุกซ่อนอยู่ในบ้านของนายเควินสมิธจริง โดยยืนยันได้จากหลักฐานกล้องวงจรปิดภายในบ้านนายเควิน สมิธ เอง”
ปึกให้การเป็นคนต่อไป ตามด้วยไมค์ โจ๊กเกอร์ ขั้นเทพพยักหน้าพอใจในคำให้การของไมค์ โจ๊กเกอร์ เขาหันมาพยักหน้าให้เมษาว่าทุกอย่างกำลังไปได้ดี เมษามองขั้นเทพ ฝืนยิ้ม
ดาบยิ้มขึ้นให้การ เควิน สมิธ อึ้ง คอตก ชายชาติ เครียด
“ขอเบิกตัวร้อยตำรวจเอกเมษา พงศ์โสภาศิริ”
เมษาสูดลมหายใจเหลือบมองขั้นเทพ เขาพยักหน้าให้กำลังใจ เมษาจับมือขั้นเทพบีบแน่น จนเขาแปลกใจ แล้วเธอก็เดินขึ้นไปที่คอกพยาน
“ร้อยตำรวจเอกเมษา คุณจะยืนยันในคำให้การของร้อยตำรวจเอกขั้นเทพหรือไม่”
เมษามองขั้นเทพ และเสวี ขั้นเทพรอฟัง แอบหวั่นใจ เสวีลุ้น ปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ ยิ้มรอฟังอย่างมั่นใจ ทั้งสองพยักหน้าให้เมษา เมษาเหลือบเห็นชายชาติ เธอสูดลมหายใจลึก
“ดิฉันขอปฎิเสธค่ะ”
คนในศาลฮือฮา ชายชาติไม่คาดคิด เสวีมองขั้นเทพ ขั้นเทพอึ้ง ไมค์ โจ๊กเกอร์กับปึกตกใจ
“ทำไมผู้กองเมปฏิเสธล่ะ”
“นั่นน่ะสิ”
เควิน สมิธ ยิ้มดีใจ
“ศาลขอให้คุณยืนยันอีกครั้ง”
“ดิฉันขอให้การตามความเป็นจริง ว่าร้อยตำรวจเอกขั้นเทพ ได้นำเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงเข้าไปซุกซ่อนภายในบ้านพักของนายเควิน สมิธ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการบีบบังคับให้นายเควิน สมิธ ยอมรับความผิด”
เควินและชายชาติยิ้มพอใจ ในขณะที่ขั้นเทพอึ้ง ไม่คาดคิด เสวีมองเมษาแล้วส่ายหน้าอย่างผิดหวัง ไมค์ โจ๊กเกอร์และปึกไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมษา เมษาหลบตาลงอย่างละอายใจ
เควิน สมิธ ถูกไขกุญแจมือปล่อยเป็นอิสระ ยกมือประกาศชัยชนะ ในขณะที่วัฒนากับประไพพรรณโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจอยู่ที่ สถิตย์ยุทธแสยะยิ้มฟังผลอยู่ที่บ้านตัวเองเช่นกัน
เมษาขยับจะเดินไป ขั้นเทพคว้ามือไว้ เมษาชะงักไม่กล้าสบตา สะบัดมือแล้วเดินออกไป ปึกขยับจะตาม ไมค์ โจ๊กเกอร์ คว้าตัวไว้ ส่ายหน้าไม่ให้ตามไป ขั้นเทพหันมาบอกกับเสวี
“ผมขออนุญาตเดี๋ยวนะครับ”
เสวีพยักหน้า ขั้นเทพวิ่งตามเมษาออกไป
“เดี๋ยวสิ เม”
เมษาหยุดเดิน
“ทำไมคุณถึงทำแบบนี้”
เมษาน้ำตาไหลด้วยความเสียใจ
“ฉันขอโทษ ฉันปล่อยให้พ่อแม่ติดคุกไม่ได้จริง ๆ”
เมษาร้องไห้วิ่งออกไป ขั้นเทพยืนอึ้ง ชายชาติยืนมองเหตุการณ์แสยะยิ้ม ก่อนจะโทรศัพท์ไปหาสถิตย์ยุทธ
“ว่าไง ชายชาติ”
“เควิน สมิธ หลุดคดีครับ”
“ฉันรู้แล้ว หึ ฉันบอกแล้วไงว่าเธอไม่กล้าจับพ่อแม่ตัวเองหรอก ตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของนายแล้วที่ควรจะตามไปปลอบใจเธอแทนไอ้ขั้นเทพ”
“ครับ”
สถิตย์ยุทธปิดโทรศัพท์ ยิ้มพอใจ
ขั้นเทพยืนคุยกับเสวี ที่มุมหนึ่งภายในศาล
“ผมขอโทษด้วยครับหัวหน้า”
“ไม่ใช่ความผิดของคุณ ผมเองก็นึกหวั่นอยู่เหมือนกันว่าเธอจะกลับคำให้การ”
“แล้วเราจะเอายังไงต่อไปครับ”
“เราก็ต้องหาหลักฐานเคลียร์กับคณะกรรมการสอบสวนว่าคุณไม่ได้ยัดเยียดข้อหาเควิน สมิธ”
“ผมคิดว่าผมจะลองคุยกับผู้กองเมษาอีกที”
“ผมว่าไม่มีประโยชน์ ในเมื่อเธอตัดสินใจเลือกที่จะช่วยพ่อแม่ เธอไม่มีทางทำเพื่อเราหรอก”
“ผมไม่น่าดึงเธอเข้ามาเกี่ยวเรื่องนี้เลย”
“เธอเองก็คงไม่รู้ว่าพ่อแม่มีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ ไม่งั้นเธอคงไม่มาร่วมจับกับเรา”
ขั้นเทพถอนใจ
“แล้วคุณล่ะ โกรธเธอมั้ย ที่ทำให้งานพังแถมตัวเองต้องถูกตั้งกรรมการสอบสวน”
“ไม่โกรธหรอกครับ เพียงแต่ผมไม่คิดว่าเธอจะตัดสินใจแบบนี้ เพราะที่คุยกันเมื่อวานก็เหมือนเธอจะเข้าใจดีแล้ว”
ขั้นเทพเครียด
วัฒนากับประไพพรรณนั่งกินข้าวกันอยู่ที่บ้าน เมษาเปิดประตูเข้ามา ประไพพรรณวางช้อนลุกเข้าไปกอดลูกสาว
“ลูกเม แม่ขอบใจมากนะลูกที่ลูกช่วยเหลือพ่อกับแม่”
“พ่อดีใจที่ลูกเลือกที่จะอยู่ข้างเรา”
“ที่หนูต้องเลือกพ่อกับแม่เพราะหนูไม่อยากให้ใครมาด่าว่าหนูเป็นลูกอกตัญญู”
“แม่เข้าใจลูก แม่ขอบใจที่ลูกเสียสละ”
“เอาล่ะค่ะ หนูไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น หนูแค่จะมาบอกว่าหนูจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วนะคะ”
“นี่ลูกพูดอะไร ลูกโกรธพ่อกับแม่ถึงขั้นจะตัดขาดกันเลยงั้นหรือ”
“ไม่นะเม แม่รักลูกนะ”
“หนูก็รักแม่กับพ่อนะคะ แต่หนูเป็นตำรวจ หนูไม่สามารถอยู่กับคนที่ทำผิดกฎหมายได้”
เมษาแกะมือแม่เดินออกไป
“เม ลูกเม อย่าทิ้งแม่ไปนะ แม่รักลูกนะ”
“ถ้าแม่รักหนู แม่กับพ่อคงไม่ทำแบบนี้กับหนู”
เมษาแกะมืออีกครั้งแล้วเดินออกไป ประไพพรรณทรุดลงร้องไห้
“ไปตามลูกกลับมาสิคุณ อย่าให้ลูกไป”
“ปล่อยเขาไปก่อน ให้เวลาเขาสักนิด เดี๋ยวเขาก็กลับมาหาเราเอง”
“เราไม่น่าทำเรื่องเลย เราต้องเสียลูกไป”
“ผมบอกแล้วไง เดี๋ยวเขาเข้าใจเขาก็จะกลับมาเอง”
วัฒนาดึงภรรยามากอดปลอบใจ
อ่านต่อหน้า 3
สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 9 (ต่อ)
ปึกนั่งรออยู่ที่ห้องพัก เมษาเปิดประตูเข้ามา
“คุณเม บอกหนูปึกได้มั้ยคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณเมถึงกลับคำให้การล่ะคะ”
เมษามองปึกอย่างละอายใจ
“ฉันขอโทษ”
เมษาเดินหนี
“เดี๋ยวสิคะคุณเม บอกได้มั้ยคะว่าทำไมถึงทำแบบนี้ มีคนพูดกันว่าคุณเมรับเงินจากไอ้เควิน สมิธ แต่หนูปึกกับพี่ไมค์ไม่เชื่อ เพราะคุณเมไม่มีวันทำอย่างงั้นแน่ ใช่มั้ยคะคุณเม บอกหนูปึกสิคะ”
ปึกคว้ามือเมษา เมษามองหน้าปึกยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น
“ไม่มีอะไร”
เมษาปัดแขนจะเดินหนี แต่ปึกขวางไว้
“ไม่จริง หนูปึกไม่เชื่อ มันต้องมีสิคะ ไม่งั้นคุณเมจะกลับคำให้การได้ยังไง บอกมาสิคะว่าเพราะอะไร”
เมษาอึ้ง พูดไม่ออก
“ไหนเราบอกกันว่า เราจะร่วมมือกันจับไอ้พวกลักลอบตัดเศียรพระ เราจะจับไอ้ตัวการใหญ่ไงคะ”
เมษาพยายามควบคุมน้ำตา
“คุณลืมไปแล้วหรือคะ คุณเป็นคนบอกเองว่าคุณจะกระชากหน้ากากไอ้คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แล้วทำไมถึงไม่ทำ”
“พอทีเถอะ ออกไปจากบ้านฉัน”
เมษาตวาดไล่ปึก ปึกมองตกใจ น้ำตาไหล
“นี่คุณเมไล่หนูปึกหรือคะ”
“ใช่ ออกไปจากที่นี่ ไม่ต้องกลับมาอีก”
“อะไรนะคะ”
“จากนี้ต่อไป ฉันกับเธอไม่รู้จักกัน”
“ไม่นะคะ คุณเม”
“ฉันบอกให้ออกไปไง ไป ออกไป”
ปึกส่ายหน้าร้องไห้ มองเมษาอย่างผิดหวัง เสียใจวิ่งออกไป เมษาทรุดลงร้องไห้สะอื้น
ปึกลงจากลิฟต์ร้องไห้ออกมา ไมค์ โจ๊กเกอร์ ตกใจ
“หนูปึก ร้องไห้ทำไม บอกพี่ซิใครทำอะไร”
“คุณเมไล่หนูปึก”
“ไล่หนูปึกงั้นหรือ”
“ใช่ คุณเมบอกว่าจากนี้ต่อไปไม่ต้องมารู้จักกันอีกต่อไปแล้ว”
“คุณเมพูดอย่างงั้นจริงหรือ”
“จริงพี่ไมค์ มันเกิดอะไรขึ้นกับคุณเม”
“พี่ว่าต้องมีเรื่องอะไรสักอย่าง”
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ทำไมคุณเมถึงเปลี่ยนไป”
“พี่ก็ไม่รู้ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปถามดีกว่า”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ขยับจะไป ปึกดึงแขนไว้
“อย่าไปพี่ไมค์ เดี๋ยวเขายิงพี่นะ ตอนนี้เขาไม่ใช่คุณเมคนเดิมแล้ว”
“งั้นเราไปหาผู้กองขั้นเทพดีกว่า ผู้กองอาจจะรู้ ไป”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ พาปึกเดินออกไป
ขั้นเทพนั่งจิบกาแฟอยู่ที่บ้าน เหม่อมองปลาว่ายในน้ำ ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึกเดินเข้ามา
“คุณเมเขาว่าไง”
“คุณเมเขาไล่หนูปึกค่ะ นี่มันเรื่องอะไรกันคะผู้กอง อยู่ ๆ คุณเมถึงได้เปลี่ยนไปอย่างนี้ หรือว่าผีเข้าคุณเมคะ”
“ไม่ใช่ผีเข้าหรอก เธอไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่เป็นอะไร แล้วทำไมผู้กองเมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ”
“พ่อแม่เธอร่วมขบวนการกับเควิน สมิธ”
“หา นี่ผู้กองพูดจริงหรือ”
“อีหลีบ่คะ มิน่าคุณเมถึงกลับคำให้การในศาล”
“แล้วผู้กองรู้เรื่องนี้นานแล้วหรือ”
“ฉันก็เพิ่งรู้นี่ล่ะ”
“แล้วเราจะช่วยคุณเมยังไงคะ”
“ช่วย หนูปึกพูดยังไง ตอนนี้คนที่เดือดร้อนคือผู้กองขั้นเทพนะ เขาจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่ายัดเยียดข้อหาไอ้เควิน สมิธ เผลอ ๆ ผมว่าผู้กองอาจจะถูกไล่ออกจากตำรวจนะ”
“จริงหรือคะ มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ”
“ใช่ ถ้าฉันไม่สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ตัวเองได้ว่าฉันบริสุทธิ์ ฉันอาจจะต้องติดคุกด้วยซ้ำ”
“ตายแล้ว ทำไมเรื่องมันถึงวุ่นวายอย่างนี้”
“เป็นเพราะคุณเมคนเดียวที่เห็นแก่พ่อแม่ ไม่นึกถึงส่วนรวม ไม่นึกถึงความถูกต้อง ไม่นึกถึงหัวใจผู้กองเขาเลย”
“แต่ที่คุณเมทำเพราะจำเป็นนะ เป็นฉัน ฉันก็ต้องเลือกพ่อแม่มากกว่าเลือกแฟน”
“แล้วผู้กองจะเอายังไงต่อไป”
“มีอะไรที่เราสองคนช่วยได้บอกเลยนะคะผู้กอง”
ขั้นเทพถอนใจครุ่นคิด
เวลาเดียวกันนั้น เมษาเปิดประตูออกจากห้อง เดินออกมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง แล้วลงลิฟต์ไป
เควิน สมิธ มาที่บ้านสถิตย์ยุทธ มองเจ้าของบ้านด้วยความโกรธ ในขณะที่วัฒนา ชายชาติก็นั่งอยู่ด้วย
“ไหนพวกคุณบอกว่าจะไม่มีตำรวจหน้าไหนกล้าจับผม”
“แต่คุณก็ไม่ควรเอาผู้หญิงที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายตีนเข้าบ้าน”
“ผมจะไปรู้ได้ไง ก็คุณวัฒนากับเมียเคยส่งนังคนนี้มาให้ผมครั้งหนึ่งแล้ว ผมก็นึกว่าปลอดภัย”
“ผมขอโทษ ไม่คิดว่ามันจะไปเป็นสายให้ตำรวจ”
“แต่ถึงยังไงพวกคุณก็ต้องรับผิดชอบ เพราะผมจ่ายเงินให้พวกคุณไปตั้งเยอะแล้ว”
“เอาล่ะ ผมว่าคุณใจเย็นก่อน ถึงยังไงตอนนี้คุณก็ออกมาแล้ว”
“ผมว่าเรื่องมันคงไม่จบแค่นี้หรอก เพราะดูท่าไอ้ตำรวจที่ชื่อขั้นเทพมันกัดผมไม่ปล่อยเลย”
“แต่ลูกสาวฉันยืนยันกับศาลไปแล้วนี่ว่าผู้กองขั้นเทพยัดเยียดหลักฐานให้คุณ”
“ใช่ ผมว่าตอนนี้คดีจบแล้ว ใช่มั้ยครับผู้การ”
“มันคงไม่ง่ายอย่างงั้นหรอก เพราะผู้กองขั้นเทพต้องหาหลักฐานใหม่มาจัดการกับเรา”
“ใช่ครับ เพราะคนอย่างไอ้ขั้นเทพมันไม่มีวันหยุดอยู่แค่นี้แน่” ชายชาติย้ำ
“ถ้าอย่างงั้นเราจะปล่อยให้มันมารวบตัวพวกเรางั้นหรือ”
“ผมจะเป็นคนจัดการกับมันเองครับ”
ทุกคนหันมองหน้าชายชาติ
ประไพพรรณกลับเข้าบ้านมากับวัฒนา ด้วยความไม่สบายใจ
“คุณคะ ฉันว่าเรื่องมันจะไปกันใหญ่รึเปล่า”
“ทำไม”
“ก็ถึงกับจะต้องฆ่าตำรวจ”
“ช่วยไม่ได้ ถ้าเราไม่ฆ่า เขาก็จะจับเราติดคุก”
“แต่มันจะเกี่ยวพันหรือโยงไปถึงลูกรึเปล่า”
“ไม่เกี่ยวหรอก ลูกเราไม่ได้เป็นคนทำนี่”
“แต่ฉันว่าเราควรจะถอนตัวออกมานะ อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีกเลย”
“ถอนตัวงั้นหรือ เราร่วมหัวจมท้ายกับเขามา อยู่ ๆ มาถอนตัวกลางครัน คุณคิดว่าไอ้เควินกับผู้การสถิตย์ยุทธจะยอมหรือ”
“ก็ตอนนี้ทุกอย่างมันจบแล้วไง ยัยเมก็ยอมเสียสละ ยอมหักหลังเพื่อนร่วมงานไปแล้ว ยังจะเอาอะไรจากเราอีก ฉันว่าคุณบอกผู้การไปเถอะว่าเราขอถอนตัว”
“ไม่มีทาง ผู้การสถิตย์ยุทธไม่ยอมหรอก ถ้าเราขืนพูดแบบนั้นออกไป บางทีเขาอาจจะฆ่าเราทิ้งด้วยก็ได้”
“นี่เราต้องร่วมหัวจมท้ายกับพวกเขาไปจนจบงั้นหรือ”
“เอาน่ะ ถ้าไม่มีผู้กองขั้นเทพ เรื่องทุกอย่างก็จะจบเอง”
ประไพพรรณร้องไห้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น วัฒนาเครียด เดินเข้าบ้านไป เวลาเดียวกันนั้น เมษาก็หนีความบอบช้ำใจไปเก็บตัวอยู่ริมทะเล
วันรุ่งขึ้น เสวียื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้ขั้นเทพ
“นี่เป็นจดหมายสั่งพักงานคุณ”
“นานเท่าไหร่ครับ”
“จนกว่าเราจะหาหลักฐานยืนยันให้ศาลเชื่อได้ว่าเควิน สมิธ เป็นคนรับซื้อเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยง”
ขั้นเทพพยักหน้ารับรู้ เสวีถอนใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อ ถ้าผู้กองเมษาไม่หักหลังเรา ป่านนี้เรื่องคงสืบไปถึงตัวผู้การสถิตย์ยุทธแล้ว”
“แล้วตอนนี้พ่อแม่เธอก็อาจจะติดคุกแล้ว”
“เสียดายเธอน่าจะเลือกหน้าที่มากกว่านะ”
ขั้นเทพนิ่ง
“เอาล่ะ ถึงคุณจะถูกสั่งพักงาน แต่เรื่องโค่นล้มขบวนการตัดเศียรพระเรายังทำต่อไปนะ”
“ครับ”
ขั้นเทพลุกขึ้นคำนับเดินออกไป เสวีมองอย่างหนักใจ
ขั้นเทพเดินออกจากหน่วย นึกถึงเรื่องเมษา ดาบยิ้มเดินเข้ามาหา
“ผู้กองครับ”
“หือ”
“ไอ้วัน ที่มันเป็นสายให้ผมมันบอกว่ามันมีเบาะแสพ่อค้าที่เคยขายของเถื่อนให้เควิน สมิธ ครับ”
“แล้วไอ้วันมันอยู่ไหน”
“เย็นนี้มันนัดเจอกับผมครับ เดี๋ยวผมจะโทรบอกผู้กองอีกที”
“อืม ขอบใจมาก”
ดาบยิ้มเดินออกไป ขั้นเทพถอนใจ ชายชาติมองลงมาจากชั้นบน
“ไอ้เทพ ถึงเวลาของมึงแล้ว”
ชายชาติยกมือขึ้นทำท่าเล็งยิง
ปึกมาอยู่ที่บ้านขั้นเทพ เธอลองกดโทรศัพท์หาเมษา แต่ไม่มีคนรับสาย
“คุณเมไม่เปิดเครื่องค่ะ นี่อาทิตย์หนึ่งแล้วนะคะที่คุณเมหายไปจากพวกเรา ที่คอนโดก็ไม่ได้กลับไป”
ขั้นเทพกับไมค์ โจ๊กเกอร์นั่งอยู่ในบ้าน
“พี่ว่าคุณเมคงกลับไปอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่แล้วล่ะ”
“ไม่ได้ไปค่ะ หนูปึกโทรไปเช็คดูแล้ว แม่บ้านที่มาทำงานใหม่ บอกว่าคุณเมไม่ได้มาที่บ้านนานแล้ว”
ไมค์ โจ๊กเกอร์เหลือบมองขั้นเทพ
“ผู้กองคิดว่าไง”
“คิดเรื่องอะไร”
“ก็คุณเมไง ผู้กองว่าเขาหายไปไหน”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“ถามจริงไม่ห่วงเขาเลยหรือ”
ขั้นเทพไม่ตอบ ถอนใจลุกเดินเลี่ยงไป
“ไปถามอะไรอย่างงั้นเล่า ผู้กองเขาอาจจะโกรธคุณเมอยู่นะ”
“ไม่รู้นี่ เพราะถ้าเป็นพี่ พี่ก็ต้องออกตามหาหนูปึกนะ”
“อีหลีบ่”
“แม่น”
ไมค์ โจ๊กเกอร์จูบแก้มปึก เสียงโทรศัพท์มือถือขั้นเทพดังขึ้น ไมค์ โจ๊กเกอร์หยิบมาดู
“ผู้กอง ดาบยิ้มโทรมา”
ขั้นเทพเดินกลับเข้ามารับโทรศัพท์
“ว่าไงดาบยิ้ม”
“ผมนัดเจอกับไอ้วันแล้วนะครับ”
“ที่ไหน กี่โมง”
ดาบยิ้มเหลือบมองชายชาติ ซึ่งยืนจ่อปืนพยักหน้าให้
“ตอนนี้ผมอยู่กับมันที่มูลนิธิครับ”
“โอเค งั้นฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
ขั้นเทพกดปิดโทรศัพท์ หันมาบอกไมค์ โจ๊กเกอร์
“เดี๋ยวฉันมา”
“ผู้กองจะไปไหน”
“เรื่องงานน่ะ”
“ให้ผมไปด้วยมั้ย”
“ไม่ต้องหรอก”
ขั้นเทพจะเดินออกไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ เรียกไว้
“ผู้กอง ระวังตัวด้วยนะ”
“อืม”
ขั้นเทพเดินออกไป
อ่านต่อหน้า 4
สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 9 (ต่อ)
ขั้นเทพเดินขึ้นบันไดมูลนิธิคึกฤทธิ์มาหยุดหน้าห้อง แล้วผลักประตูเข้าไป มองซ้ายขวา
“ดาบยิ้ม ผมมาแล้วนะ”
“ผมอยู่นี่”
ขั้นเทพเดินเข้าไป ชะงัก เห็นดาบยิ้มโดนมัดอยู่ หน้าตาเต็มไปด้วยเลือด
“หา ดาบยิ้ม”
ขั้นเทพจะชักปืน ชายชาติฟาดกระบองเข้าใส่หน้า ขั้นเทพสลบไปทันที
ขั้นเทพถูกจับล็อคกุญแจมือด้านหลัง มัดกับเก้าอี้อยู่กลางเวทีในโรงละครของมูลนิธิ มีลูกน้องชายชาติ 3 คนนั่งมองอยู่บนที่นั่งคนดู ชายชาติเดินเข้ามา หยิบปืนเอ็มสิบหกที่วางบนเวทีขึ้นมาจ่อใส่ขั้นเทพ
“ลาก่อนไอ้ขั้นเทพ”
ชายชาติยิงใส่ขั้นเทพ น้ำในปืนฉีดออกมา ขั้นเทพลืมตา สะดุ้งตื่น
“ไอ้ชาย”
“ใช่ กูเอง”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ก็เรื่องที่กูจะต้องฆ่ามึงซะทีไง”
“ไอ้ชาย กูว่ามึงยังมีเวลาที่จะกลับตัวนะ กูรู้ว่ามึงทำงานให้ผู้การสถิตย์ยุทธ”
“รู้ก็ดี แต่มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ เพราะอีกไม่ช้ามึงก็ต้องตายไปจากกูแล้ว”
ชายชาติยิงปืนฉีดน้ำใส่ตาขั้นเทพ ขั้นเทพสะดุ้ง
“มึง มึง มึง”
ขั้นเทพบิดหน้าหลบน้ำ
“แต่กูยังไม่ให้มึงตายเดี๋ยวนี้หรอก กูจะทรมานมึง ให้สมกับที่มึงแย่งน้องเมไปจากกู”
ชายชาติเอาปืนตบหน้าขั้นเทพ ปืนแตกกระจาย เขาโยนปืนทิ้ง ขั้นเทพเลือดออกปาก
“ถึงมึงจะฆ่ากู น้องเมเขาก็ไม่มีวันรักมึงหรอก ไอ้ชาย”
ชายชาติต่อยหน้าขั้นเทพโครม
“ใช่ ก็เพราะเขามีมึงไง มึงที่แย่งคนรักไปจากกู มึง”
ชายชาติต่อยขั้นเทพไม่ยั้ง จนเลือดไหลอาบ แล้วต่อยอีกหมัด ขั้นเทพผงะล้มหงายไปทั้งเก้าอี้
“เอาตัวมันขึ้นมา”
ลูกน้องชายชาติ 2 คน เดินเข้ามาจับขั้นเทพพยุงยกขึ้น ชายชาติเดินเข้ามาหา
“วันนี้ กูจะอัดมึงให้หายแค้น”
ขั้นเทพเตะเข้าที่เป้าชายชาติจนตัวงอ แล้วเอาเอาหัวกระแทกชนลูกน้อง ลูกน้องอีกคนชักปืนจะยิง ขั้นเทพวิ่งโดดชนเข้าใส่ ล้มทับลงจนเก้าอี้พังแตก ลูกน้องจะคว้าปืน ขั้นเทพเตะปืนทิ้ง หันไปถีบใส่ ต่อสู้กับลูกน้องชายชาติทั้งสามคน ชายชาติคว้าปืนไล่ยิงขั้นเทพ จนกระสุนหมด ทั้งสองชกต่อยกัน ขั้นเทพทรุดลง ชายชาติตามเข้าไปกระชากตัวขั้นเทพขึ้นมาต่อยท้อง
“ไม่มีมือยังเก่งอีกหรือ มึงคิดว่ามึงเก่งหรือ”
ชายชาติต่อยอีก ขั้นเทพกระเด็นลอยไป ชายชาติตามเข้าไปกระชากตัวขั้นเทพขึ้นมา
“วันนี้เป็นวันของกูบ้างล่ะไอ้ขั้นเทพ”
ชายชาติหันไปเจอเหล็กสามง่ามสำหรับเข้าฉาก
“มึงอย่าอยู่เลยไอ้เทพ”
ชายชาติยกสามง่ามจะแทง ขั้นเทพหมุนตัวกลับพร้อมกับปืนในมือ แล้วยิงสองนัด ชายชาติผงะเซจากแรงกระสุน
“ไอ้เทพ มึง”
ชายชาติจะพุ่งสามง่ามเข้าใส่ ขั้นเทพพลิกตัวหันหลังยิงใส่ ชายชาติกระเด็นไปชนกระแทกฉาก ร่วงลงกองกับพื้น ขั้นเทพยืนโงนเงน ทุกอย่างเบลอ ๆ แล้วล้มลงไป
ที่หน่วยวิหคเวหา สถิตย์ยุทธฟังรายงานทางโทรศัพท์จากลูกน้องว่าชายชาติตายแล้ว
“แล้วเย็นนี้รดน้ำศพกี่โมง แล้วเจอกันที่วัด”
สถิตย์ยุทธปิดโทรศัพท์แล้วหันมาบอกลูกน้อง
“ส่งหรีดไปที่งานศพผู้กองชายชาติด้วย”
“ครับ”
ลูกน้องเดินออกไป
“เรื่องแค่นี้ยังทำพลาด ฉันว่าแกก็ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วชายชาติ”
สถิตย์ยุทธลงนั่งจิบกาแฟ
ปึกมาที่ห้องพักเมษาเพื่อเก็บของ โดยมีไมค์ โจ๊กเกอร์ ตามมาด้วย
“พี่ไมค์รอเดี๋ยวนะ หนูปึกเอาของแป๊บเดียว”
“งั้นพี่รอหน้าห้องแล้วกัน”
“อ้าว ทำไมไม่เข้ามาล่ะ”
“อย่าเลย เดี๋ยวเจอคุณนายแม่คุณเมเข้า แกจะหาว่าเรามาขโมยของ”
“งั้นก็ตามใจ”
ปึกเดินเข้าห้องไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ ยืนรอ เมษาเดินออกมาจากลิฟต์ ไมค์ โจ๊กเกอร์มองชะงัก เมษาหลบตาแล้วเดินเข้าไปในห้อง
“มาทำอะไรที่นี่”
“ผมพาหนูปึกมาเก็บของ”
ปึกเดินออกมาพร้อมกระเป๋าใส่ของ
“ไปพี่ไมค์ คุณเม สวัสดีค่ะ”
“หวัดดี ฉันขอตัว”
เมษาขยับเดินจะเข้าห้อง
“เดี๋ยวสิครับคุณเม”
เมษาหยุดชะงัก แต่ไม่หันหน้ามามอง
“ตอนนี้ผู้กองขั้นเทพบาดเจ็บสาหัสนอนอยู่ที่โรงพยาบาล”
เมษาอึ้ง ตกใจ
“ผมรู้ว่าคุณคงไม่ไปเยี่ยมเขาหรอก แต่ที่ผมบอกเพราะอยากให้คุณรู้ว่าที่ผู้กองเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ”
“พี่ไมค์”
“อย่าห้ามพี่หนูปึก คุณไม่เพียงแต่ทรยศพวกเรา แต่คุณยังทรยศความรักที่ผู้กองขั้นเทพมีให้กับคุณ ผมถามจริง ๆ เถอะ คุณมีหัวใจรึเปล่า”
เมษามองไมค์ โจ๊กเกอร์
“พี่ไมค์”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ยกมือห้ามไม่ให้ปึกพูด เมษาหันมองหน้าปึกแล้วมองไมค์ โจ๊กเกอร์
“ฉันขอโทษเธอสองคนสำหรับเรื่องทุกอย่าง”
เมษาเดินเข้าห้องไป ไมค์ โจ๊กเกอร์ตะโกนตามหลัง
“แค่คำขอโทษคำเดียว นึกว่ามันพองั้นหรือ กับชีวิตผู้ชายคนหนึ่งที่วันนี้เขาถูกพักงาน ถูกตามฆ่าจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด”
“ไปเถอะ พี่ไมค์”
“ปล่อยพี่ ให้พี่ระบายความรู้สึกแทนผู้กองขั้นเทพ”
“แค่นี้คุณเมเขาก็เจ็บปวดมากพอแล้ว”
“ไม่ คนอย่างเขาไม่เจ็บปวดหรอก เพราะหัวใจเขามันทำด้วยเหล็ก”
ปึกดึงไมค์ โจ๊กเกอร์ ออกไป เมษาทรุดลงนั่งน้ำตาไหลริน
ขั้นเทพนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ใบหน้ามีรอยฟกช้ำ หัวแตก แขนเข้าเฝือกอ่อน เสวีเข้ามาเยี่ยมอาการ
“หวัดดีครับหัวหน้า”
“เป็นไงบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วครับ แต่ยังมีมึน ๆ ที่หัว ดาบยิ้มล่ะครับ”
“ไม่รอด เสียชีวิตก่อนที่คุณจะไปถึง”
“ไม่คิดเลยว่าชายชาติจะเหี้ยมโหดขนาดนี้”
“สถิตย์ยุทธคงไม่หยุดแค่นี้ คุณเองก็ยังไม่ปลอดภัยนะ นี่ผมก็ให้คนของเราเฝ้าคุณอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง”
“ผมไม่กลัวหรอกครับ มาถึงขนาดนี้ ยังไงผมก็จะจับผู้การสถิตย์ยุทธให้ได้”
“เอาล่ะ พักผ่อนเยอะ ๆ เดี๋ยวเย็นนี้ผมจะไปรดน้ำศพดาบยิ้มซะหน่อย”
“ฝากบอกเมียดาบยิ้มด้วยนะครับว่าดาบยิ้มจะไม่ตายฟรี”
เสวีพยักหน้าเดินออกไป ชะงัก เมื่อเจอเมษายกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
“สวัดดีครับ”
“ฉันมาเยี่ยมผู้กองขั้นเทพค่ะ”
“เชิญ ผมขอตัว”
เสวีเบี่ยงตัวเดินออกไป
เมษาเดินเข้ามา ขั้นเทพมองชะงัก
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
“ผมไม่เป็นไร แล้วคุณล่ะ”
“ฉันสบายดี”
ขั้นเทพมองเมษาอย่างห่วงใย
“แต่คุณดูผอมไปนะ”
“ฉันแค่แวะมาเยี่ยมคุณน่ะ ถ้าคุณไม่เป็นอะไร ฉันก็ขอตัว”
“เดี๋ยวสิเม”
“ฉันมีธุระ”
“เม ผมเข้าใจความรู้สึกคุณนะ แล้วก็เข้าใจด้วยว่าทำไมคุณต้องทำแบบนี้”
“พอเถอะค่ะ ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องพวกนี้อีกต่อไปแล้ว”
“อย่าหนีความจริงเลยเม คุณยังมีเวลาที่จะกลับตัวนะ พ่อแม่คุณทำผิด ให้ท่านได้รับโทษ
ไปตามกฎหมายของบ้านเมืองเถอะ”
เมษาอึ้ง
“ถึงวันนี้ท่านจะหนีรอดไปได้เพราะคุณ แต่ต้องมีสักวันที่ท่านจะถูกจับ และคนที่จะจับก็คือผม ผมรักคุณนะเม”
เมษามองอย่างเจ็บปวด
“แต่ผมก็ปล่อยพ่อแม่คุณไปไม่ได้”
ทั้งสองสบตากัน เมษาตัดใจหันหลังเดินออกไป
“เม เชื่อผมเถอะ”
เมษาดึงประตู ชะงัก
“อย่าทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองเลย”
เมษาพยายามควบคุมความรู้สึกละอายใจ เม้มปากน้ำตาไหล ก้าวเดินออกไป ขั้นเทพส่ายหน้ากับตัวเองอย่างเสียใจ
เมษานั่งเหม่อมองสายน้ำไหลผ่านกระจกอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง นึกถึงอดีต เมื่อครั้งที่เธอผ่านการคัดเลือกเป็นตำรวจ เธอรีบนำข่าวดีนั้นมาบอกกับพ่อแม่
“หนูมีข่าวดีจะบอกพ่อกับแม่ค่ะ”
“ข่าวดีอะไรลูก”
“หนูไปสมัครเป็นตำรวจแล้วผ่านการคัดเลือกแล้วนะคะ”
“ไม่เอานะลูก แม่บอกแล้วไงแม่ไม่อยากให้ลูกเป็นตำรวจ”
“นั่นสิลูก อย่าเป็นเลยนะ”
“ไม่ค่ะ หนูอยากเป็นตำรวจ หนูอยากจับผู้ร้าย คราวนี้ล่ะ ถ้าพ่อกับแม่ทำผิด หนูต้องจับพ่อกับ
แม่แล้วนะคะ”
วัฒนากับประไพพรรณอึ้ง เมษาหัวเราะ
“หนูล้อเล่นน่ะค่ะ หนูรู้ว่าพ่อกับแม่หนู ไม่มีวันทำอะไรที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว จริงมั้ยคะ”
พ่อแม่ฝืนยิ้ม เมษายิ้มมั่นใจ
เมษาหน้าสลด ยกกาแฟขึ้นจิบ นึกถึงที่ขั้นเทพพูด
“อย่าหนีความจริงเลยเม คุณยังมีเวลาที่จะกลับตัวนะ พ่อแม่คุณทำผิดให้ท่านได้รับโทษไปตามกฎหมายของบ้านเมืองเถอะ ถึงวันนี้ท่านจะหนีรอดไปได้เพราะคุณ แต่ต้องมีสักวันที่ท่านจะถูกจับ และคนที่จะจับก็คือผม ผมรักคุณนะเม แต่ผมก็ปล่อยพ่อแม่คุณไปไม่ได้”
เมษาข่มความเสียใจ ยกกาแฟดื่ม หยิบเงินวางบนโต๊ะลุกเดินออกไป ประไพพรรณกับวัฒนาเดินเข้ามา เมษาชะงัก
“ลูกเม”
“หวัดดีค่ะแม่ หวัดดีค่ะพ่อ”
เมษายกมือไหว้ แล้วทำท่าจะไป ประไพพรรณคว้ามือไว้
“อย่าเพิ่งหนีแม่ไปเลยลูก แม่มีเรื่องอยากคุยกับลูก”
“แต่หนู”
“นะลูก”
วัฒนามองลูกสาว ประไพพรรณประคองเมษาเดินไปนั่งที่โต๊ะเดิม
“แม่รู้ว่าแม่กับพ่อทำผิด”
“แต่ที่พ่อกับแม่ทำก็เพื่อครอบครัวของเรานะลูก”
เมษามองหน้าพ่อแล้วเมินออกไปด้วยความโกรธ
“พอทีเถอะคุณ เลิกอ้างเรื่องว่าทำเพื่อลูกซะที”
“แล้วคุณว่าเราทำเพื่อใคร ทำเพื่อคุณกับผมงั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“พอทีเถอะค่ะแม่ หนูไม่อยากฟังเรื่องนี้อีกแล้ว”
“แต่ลูกจะหลบหน้า แล้วหนีพ่อกับแม่ไปแบบนี้ไม่ได้นะ แม่โทรหาลูกทุกวันแต่ลูกไม่รับสายแม่เลย รู้มั้ยว่าแม่เป็นห่วงแล้วก็คิดถึงลูกมาก”
“เอาล่ะค่ะแม่ หนูต้องไปแล้วค่ะ”
เมษาลุกจะไป
“เดี๋ยวเม นั่งลงก่อน”
วัฒนาออกคำสั่ง เมษาจ้องพ่ออย่างไม่พอใจ
“นี่คุณ”
“พ่อบอกให้นั่งลงเดี๋ยวนี้”
เมษาลงนั่งอย่างไม่เต็มใจนัก วัฒนามองซ้ายขวาลดเสียงลง
“พ่อเข้าใจนะว่าลูกโกรธพ่อกับแม่ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นไปแล้ว ลูกไม่สามารถเรียกอะไรกลับคืนมาได้ ยอมรับความจริงซะเถอะ”
“ความจริงว่าอะไรหรือคะ”
“ก็ความจริงที่ว่า”
“พ่อกับแม่ทำร้ายชาติบ้านเมืองงั้นหรือคะ”
เมษาย้อนถามด้วยความโกรธ วัฒนากับประไพพรรณอึ้ง
“แล้วพ่อก็จะบอกให้หนูยิ้มรับกับความผิดของพ่อ”
ประไพพรรณน้ำตาไหลพราก
“หนูต้องกลับคำให้การแล้วใส่ร้ายผู้กองขั้นเทพ โยนความผิดทั้งหมดให้เขาเป็นแพะรับบาป ... หนูยิ้มไม่ออกจริง ๆ ค่ะ”
ประไพพรรณน้ำตาไหล วัฒนาอึ้ง โกรธ
“หนูขอตัวล่ะค่ะ”
“เม เดี๋ยวลูก”
“ปล่อยหนูไปเถอะค่ะแม่ แค่นี้หนูก็ไม่เหลือเกียรติและศักดิ์ศรีในอาชีพของตัวเองอีกต่อไปแล้ว”
เมษาเดินออกไป ประไพพรรณทรุดลงร้องไห้ วัฒนาดึงภรรยาเข้ามากอดปลอบใจ
อ่านต่อตอนที่ 10