xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 9

เนื้อนางพาแสงคำเข้ามาคุยกันในสวนหน้าเรือน คำฝายยืนรออยู่แล้ว เนื้อนางยิ้มถามแสงคำ

“อ้ายแสงคำตามหาเนื้อนางเจอได้ยังไงจ๊ะ”
“ผู้หญิงสวยๆ ที่คุ้ม บอกว่าเจ้าพาเนื้อนางมาอยู่ที่นี่”
คำฝายคิดปราดเดียว “อ๋อ นังคุณประกายน่ะสิ เห็นใครดีกว่าไม่ได้ จะขาดใจตาย
“เจ้าอยู่ในบ้านใช่มั้ย อ้ายจะไปคุยกับมันให้รู้เรื่อง”
“เจ้าไม่อยู่ เพิ่งออกไปก่อนแกมาเดี๋ยวเดียว ไม่งั้นแกเข้ามาไม่ได้หรอก” คำฝายบอก
“เนื้อนาง อย่าอยู่กับเจ้า หนีไปกับอ้ายวันนี้เลย”
“ทำอย่างงั้นไม่ได้นะ อ้ายแสงคำ”
“ทำไมจะไม่ได้ หรือว่าเนื้อนางหลงความสบาย ถึงไม่ยอมไปจากเจ้าแสนพรหมสักที”
แสงคำถามด้วยความขุ่นเคืองใจ สองสาวฟังไม่ชอบใจนัก

ฝ่ายณไตรลงมาจากรถ ยืนมองผ่านรั้วบ้านเช่าเข้าไปด้วยสายตาแข็งกร้าว

เนื้อนางมองแสงคำแล้วเอ่ยตอบคำถาม คำฝายมองตาขวาง ไม่ชอบใจคำถามของแสงคำ
“เนื้อนางไม่เคยลืมว่าเกิดมากลางป่า โตมาในปาง ชีวิตในคุ้ม บ้านสวยๆ ของพวกนี้เหรอที่อ้ายแสงคำคิดว่ามันจะเปลี่ยนเนื้อนางได้”
“ใช่ว่าเนื้อนางจะสบายใจนะที่อยู่กับเจ้าแสนพรหม”
“งั้นก็ไปกับอ้ายสิ ไม่สบายใจแล้วจะทนอยู่ทำไม”
เนื้อนางอธิบาย “ที่ทนอยู่ เนื้อนางมีเหตุผลนะ อ้ายแสงคำ เจ้าแสนพรหมเป็นคนกว้างขวาง เป็นคนใหญ่คนโต มีลูกน้อง ถ้าเนื้อนางหุนหัน เอาความคิดชั่ววูบเป็นใหญ่หนีเจ้าไป คนอย่างเจ้าแสนพรหม เค้าไม่ยอมเสียหน้า ไม่ยอมให้ชาวบ้านอย่างเราทำเหมือนดูถูกเค้า”
คำฝายเสริม “ทีนี้ละ ได้หนีกันหัวซุกหัวซุน ไม่ต้องอยู่กันอย่างสงบสุข ใช้หัวคิดซะมั่งนะ ไอ้แสงคำ ไม่ใช่เอะอะอะไร ก็เอาแต่แรง เอาแต่อารมณ์”
คำฝายส่ายหัว มองแสงคำเอือมๆ แล้วเดินเข้าบ้านไปก่อน
แสงคำหน้าม่อย เนื้อนางนึกสงสาร
“เราเป็นคนไปขออาศัยเจ้าแสนพรหมก่อน ถ้าจะไป ก็ต้องจากกันด้วยดี อย่าให้มีเรื่องหมางใจกัน ยังไงเราก็ต้องได้อยู่ด้วยกันเหมือนเดิมจ้ะ อ้ายแสงคำ”
เนื้อนางแตะแขนแสงคำอย่างปลอบประโลมใจ
ณไตรแอบหลบยืนมองตรงมา เห็นเนื้อนางแตะแขนแสงคำ ก็เข้าใจผิดอีก จ้องด้วยสายตาเจ็บแค้นใจ
“ฉันมองเธอผิดไปจริงๆ เนื้อนาง เธอมันก็แค่ผู้หญิงใจง่าย ผู้หญิงหลายใจ”

เนื้อนางเดินนำแสงคำเข้ามาในโถงกลางเรือน ยืนใกล้คำฝาย สร้อยฟ้า รัญจวน และกำปุ้งที่กำลังหันหลังโก้งโค้งถูบ้าน หันกลับมาก้มหน้าถูพื้นมาจนถึงปลายเท้าแสงคำที่มายืนตรงหน้า
สามคนเงยขึ้นมอง พอเห็นเป็นแสงคำก็ตกใจ
“แสงคำ แกมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง” สร้อยฟ้าถามทันที
“สงสัยจะตามมาเป็นตัวสำรองเหมือนตอนอยู่ในปาง” กำปุ้งค่อนขอด
แสงคำหมั่นไส้ ยกขาขึ้นเตะกำปุ้งเข้ากลางตัว ล้มกลิ้งไป รัญจวน กับสร้อยฟ้าถอยกรูด
“มันมีหนอนไชอยู่ในปากพวกแกหรือไงห๊า ถึงพ่นมาแต่คำพูดเน่าๆ”
“อ้ายแสงคำแวะมาหาฉัน” เนื้อนางบอก
รัญจวนเอ่ยขึ้น “เจ้าคงยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั้ย”
“ไม่รู้ แล้วถ้าใครปากพล่อยบอกไอ้แปง หวังให้เรื่องรู้ไปถึงหูเจ้า หรือถ้าใครแอบบอกเจ้า เจอแข้งไอ้แสงคำเตะไม่เลี้ยง” คำฝายขู่
สามคนทำท่ารูดซิปปากทันที ถึงอยากพูดมากแค่ไหนก็ไม่อยากเสี่ยง ด้วยรู้รสตีนแสงคำดี
“ดี ใครเปิดปาก ฉันจะไสหัวออกไปนอนข้างถนน...ไป ไปซักผ้า”
สามคนค่อยๆถอยออกไป พอสามคนออกไปจากห้อง เนื้อนางมองคำฝาย
“เราเชื่อใจสามคนนี้ไม่ได้ เค้าต้องหาทางบอกเจ้า เรื่องอ้ายแสงคำมาที่นี่”
“เนื้อนางจะทำอะไร ก็รีบตัดสินใจเถอะ ถ้าเจ้าเอาตัวเนื้อนางไปซ่อนที่อื่น เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีก...ตลอดชีวิต”
เนื้อนาง กับคำฝายฟังแล้วเริ่มกังวล

จริงดังที่เนื้อนางว่า รัญจวน สร้อยฟ้า และกำปุ้ง รีบเข้ามาสุมหัวซุบซิบกันอย่างออกรส
“เห็นมั้ยล่ะ ไม่ทันไรนังเนื้อนางมันก็ออกลาย เอาชู้รักเก่าเข้ามาถึงในบ้าน” รัญจวนเปิดประเด็น
“ฉันจะเป็นคนฟ้องเจ้าเอง คนอื่นไม่ต้องพูดนะ”
“หนอย คิดจะเอาหน้าคนเดียวล่ะสิ นังสร้อยฟ้า”
กะเทยตกดอยจิ้มหัวสร้อยฟ้าอย่างหมั่นไส้ แล้วหันไปทางรัญจวน
“เอาไงดีคะคุณพี่ เรื่องคาวๆ แบบนี้เราปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ต้องสาระแนให้ถึงที่สุดใช่มั้ย”
สามคนสะดุ้งโหยงหันไปเห็นคำฝายถือมีดอีโต้ ยืนจังก้าถลึงตาอยู่ด้านหลัง
“ฉันไม่ได้พูดเลย ไม่ได้คิดจะฟ้องเจ้าด้วย”
สร้อยฟ้ารีบถอยห่างรัญจวน กำปุ้งก็ถอยห่างรัญจวนอีกคน
“คุณพี่รัญจวนคนเดียวเลย ที่จะฟ้องเจ้า”
รัญจวนมองซ้าย ขวาเห็นสองสมุนถอยเอาตัวรอด
“ฉันรู้นิสัยปากมากของพวกแก 3 คนดี เนื้อนางเป็นคนมีเมตตา ถึงรับพวกแกเข้ามา แต่ฉันไม่ แล้วคนอย่างอีคำฝายก็ทำได้ทุกอย่างที่จะปกป้องเนื้อนาง”
คำฝายยกมีดชี้หน้ากราด แววตาดุเอาจริง สามคนตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว
“จำไว้ ถ้าใครปริปากชื่อแสงคำออกมา แม้แต่คำเดียว ฉันจะสับแล้วป่นกระดูกให้หมากิน”
สามคนทรุดลงกับพื้น พนมมือขอชีวิตทันที คำฝายกำมีดจ้อง มองดุเอาจริงสุดขีด

ฝ่ายเนื้อนางมองแสงคำที่ยืนอยู่ใกล้
“อ้ายจะไปหาที่อยู่ใหม่ รอเนื้อนาง”
“จ้ะ เนื้อนางจะรีบหาทางคุยกับเจ้า วันนี้อ้ายแสงคำกลับไปก่อน”
“ถึงชาตินี้เนื้อนางจะไม่รักอ้าย เหมือนที่อ้ายรักเนื้อนางสุดหัวใจ อ้ายก็สัญญากับหมื่นหล้าไว้แล้ว ว่าจะไม่ทิ้งเนื้อนาง”
เนื้อนางมองแสงคำด้วยสายตาซาบซึ้ง แสงคำยื่นมือไปกุมมือเนื้อนางไว้
“อ้ายจะดูแลเนื้อนางจนลมหายใจสุดท้ายของอ้าย อ้ายจะมารับเนื้อนางออกไปจากที่นี่”
แสงคำดึงมือออกเบาๆ แล้วหันหลังเดินออกไป

เนื้อนางมองตามด้วยความซาบซึ้งใจ ในความรักเดียวใจเดียวของแสงคำ

ทางด้านประกายเดินชะเง้อไปด้านหน้าคุ้ม ด้วยสายตากระวนกระวายใจ แล้วหันไปทางบัวติ๊บ

“ป่านนี้เจ้ายังไม่กลับคุ้ม”
“ก้อคงมีความสุขอยู่ที่รังรักใหม่ นางบำเรอคนใหม่ล่ะเจ้า”
ประกายหันขวับ ตาลุกวาวจ้องบัวติ๊บ
“สู่รู้นักนะแก”
“หูย...ใครๆก็รู้เจ้า หายไปกกเนื้อนางแน่นอน”
ประกายก้าวพรวดๆ ออกไปทันที บัวติ๊บรีบตาม
“คุณประกายจะไปไหน”
“คนอย่างนังประกาย เสียทองเท่าหัว ไม่มีวันยกผัวรวยๆ ให้ผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น”
ประกายเดินเร็วออกไป บัวติ๊บวิ่งตามทันที

ณไตรซุ่มมองอยู่ในรถที่จอดห่าง จนเห็นแสงคำเปิดประตูบ้านออกมา สายตาณไตรมองจ้อง เลื่อนมือไปสตาร์ทรถ แสงคำเดินเร่งความเร็วออกไป ณไตรรอสักพัก แล้วเคลื่อนรถสะกดรอยตามแสงคำไป

ส่วนที่บ้านหิมวัต แขไขนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ธรรพ์นั่งตรงข้าม จันตากำลังตักข้าว วันดีรินน้ำให้
แขไขเห็นสายตาธรรพ์ที่คอยมองมา ก็หงุดหงิด ลุกขึ้น
“คุณแขยังไม่แตะอาหารเลยนะเจ้า”
“ฉันกินไม่ลง ไปบอกคนรถ ฉันจะออกไปข้างนอก”
ธรรพ์บอก “จะออกไปทานที่ร้านอาหารเหรอ ไปสิ ผมพาไปเอง”
แขไขมองธรรพ์ที่ลุกขึ้นตามทันที
“ฉันจะไปคนเดียว ไม่ชอบมีใครติดสอยห้อยตาม มันน่ารำคาญ”
จันตา กับวันดีมองแปลกใจที่แขไขเสียงเขียวกับธรรพ์
ธรรพ์เสียงเข้มขึ้น “รำคาญแค่ไหน คุณก็ต้องทน” แขไขหันหน้ามองธรรพ์ทันที “เป็นกุลสตรี จะเที่ยวออกไปไหนมาไหนคนเดียว ล่อตาล่อใจคนอื่นไม่ได้”
“ถ้าคุณแขเบื่อ ให้คุณธรรพ์พาไปเที่ยวร้านผ้าไหมของเราในเมืองสิเจ้า แม่นายก็อยู่ที่นั่น” จันตาว่า
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ไป”
“อย่าเป็นผู้หญิงโลเล พูดแล้วก็ต้องทำ อยากไปไหน จะขึ้นเขาลงห้วย ผมยินดีพาไปทุกที่”
“ก็บอกว่าไม่ไป”
แขไขโมโห สะบัดหน้าเดินหนีไปธรรพ์ตามทันที จันตาแปลกใจ มองแล้วพูดขึ้น
“ทำไมคุณแขเกิดไม่อยากให้คุณธรรพ์ตามไปไหนมาไหนด้วย แต่ก่อนเห็นใช้เอาใช้เอา” สาวใช้จอมสอพลอทำเลียนเสียงแขไข “พี่ธรรพ์คะ แขอยากไปปาง พี่ธรรพ์คะ แขอยากไปในเมือง”
“มันเรื่องของแกด้วยเหรอ จันตา”
“เอ๊า ใช่สิยะ เรื่องของเจ้านาย ฉันต้องรู้ เห็นอะไรผิดหูผิดตา มันก็ต้องสงสัย”
“เค้าจ้างแกมาเป็นขี้ข้า มัวแต่สอดรู้เรื่องเจ้านาย สักวันจะกระเด็นออกจากบ้านไม่ทันรู้ตัว”
วันดีเดินออกไปจันตามองค้อน

แขไขเดินเร็วมา ธรรพ์กระชากแขน แขไขหันมาผลัก ธรรพ์ไม่ปล่อย รวบตัวแขไขดันติดต้นไม้
“คิดว่าผมไม่รู้เหรอว่าคุณจะหาเรื่องออกไปตามพี่ไตร”
“รู้ก็ถอยไปสิ”
“ผมไม่ถอย ผมต้องอยู่ใกล้คุณตลอดเวลา เพราะคุณเป็นเมียผม”
แขไขตบหน้าธรรพ์สุดแรง วันดีที่เดินตามมาด้านหลัง ตกใจหลบมองทันที
“สำหรับปากชั่ว พูดพล่อย เพ้อเจ้อ”
ธรรพ์ดึงแขไขมาใกล้
“ผมเพ้อเจ้อเหรอ...แล้วถ้าผมมีพยานยืนยันทุกเรื่องที่เกิดขึ้น...ในเรือนเนื้อนาง”
แขไขแค้น “แก…”
“หยุดเรียกผมว่าแก เรียกผมพี่ธรรพ์ เหมือนเดิม”
“ไม่”
“อย่าลองดีกับผม แขไข อย่าคิดว่าผมอ่อนแอจนไม่กล้ารักษาสิ่งที่เป็นของผม เรียก พี่ธรรพ์”
แขไขเม้มปาก ธรรพ์ก้มลงจะจูบ แขไขสะบัดหน้าหนี ธรรพ์จับหน้าแขไขกลับมา
“ถ้าแกบังคับ ฉันจะร้อง แล้วทีนี้แม่นายก็จะรู้เรื่องชั่วๆ ที่แกทำไว้กับฉัน แม่นายจะลงโทษแก ต่อให้เป็นลูกชายคนโปรด แม่นายก็ไม่มีวันเห็นแกดีเท่าพี่ไตร”
ธรรพ์บีบแขนแขไขแรงอย่างแค้นใจ
“ก็เอาซี้ ถ้าแม่นายรู้เรื่องที่คุณเป็นเมียผม แม่นายก็คงเขี่ยผู้หญิงมีราคีอย่างคุณ ตกจากตำแหน่งสะใภ้คนโต มาเป็นสะใภ้คนเล็กทันทีเหมือนกัน”
วันดีมีสีหน้าตกใจ ได้ยินทุกอย่าง แขไขสะบัดสุดแรง ธรรพ์มองจ้อง
“แก ไอ้สารเลว”
“คุณทำให้ผมเลว แขไข แล้วผมจะเลวยิ่งกว่านี้ถ้าคุณยังไม่หยุดวิ่งตามพี่ไตร”
แขไขสะบัดหน้าหันกลับเข้าไปในบ้าน
ธรรพ์หันหลังจะเดินไปอีกทาง วันดีกำลังจะหลบ แต่ธรรพ์เห็นหลังวันดี ก็เรียกขึ้น
“ป้าวันดี”
วันดีหันมาสีหน้าหวั่นกลัว ธรรพ์รีบตรงเข้ามา วันดีถามขึ้นอย่างกังวล
“คุณธรรพ์ ทำไมคุณธรรพ์ถึงไปยุ่งกับผู้หญิงของพี่ชาย”
“แขไขเป็นผู้หญิงของผม”
ธรรพ์เสียงกระด้าง วันดียื่นมือไปแตะแขนธรรพ์อย่างห่วงใย ธรรพ์ปัดมือวันดีทันที ไม่ให้แตะตัว
“คุณธรรพ์ ฟังป้าสักครั้งเต๊อะ ผู้หญิงเปิ้นบ่รักบ่ชอบ ฝืนใจไปก็มีแต่จะเสียใจทั้งคู่”
“เงียบ ป้าวันดี ผมโตแล้ว ไม่ใช่เด็กที่ป้าจะมาคอยสั่งสอน ผมรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ ถ้าป้ายังอยากอยู่ที่บ้านหิมวัต ก็หุบปากให้สนิท ถ้าแม่นายหรือพี่ไตรรู้เรื่องนี้ ผมจะไล่ป้าออก”
วันดีตกใจ “อย่า อย่าไล่ป้าเลยเจ้า ป้ารัก ป้าห่วงคุณธรรพ์ที่สุด”

ธรรพ์หันหลังเดินออกไปไม่ไยดี วันดีตกใจเสียใจจนน้ำตาคลอ มองตามธรรพ์แววตาทั้งรักทั้งเป็นห่วงจากใจ

ฝ่ายณไตรสะกดรอยขับรถตามมาและมองจากในรถ เห็นแสงคำเดินเข้าปางไม้ ด้านหน้ามีป้ายชื่อ บุญชัยปางไม้

แสงคำเดินกลับเข้ามา เจอม่อนดอยกำลังซ่อมจักรยาน คนงานอื่นๆ ถือเครื่องมือเดินผ่านไปทำงานในปาง
“เจอเนื้อนางมั้ย ได้เรื่องว่ายังไง”
“เนื้อนางยังย้ายออกมาไม่ได้ เราต้องรอ”
“เนื้อนางให้รอ เราก็รอ แต่ว่าตอนนี้ เอ็งรีบไปทำงานก่อน” ม่อนดอยมองไปทางด้านใน “ผู้จัดการเค้าถามหาอยู่ เดี๋ยวจะโดนไล่ออกกันทั้งคู่”
แสงคำเดินไป ม่อนดอยมองแล้วขึ้นถีบจักรยานจะออกไป
ณไตรก้าวเข้ามาขวางทางไว้
“ไอ้หนานไตร”
ม่อนดอยมองณไตรที่ยืนตรงหน้าด้วยสายตานึกไม่ถึง

ฟากเนื้อนางกับคำฝายกำลังช่วยกันพับซิ่นที่ซักแล้ว ประกายบุกเข้ามามีบัวติ๊บอยู่ด้านหลัง คำฝายลุกมายืนประจันหน้าประกายทันที
“ใครเชิญแกมาที่นี่”
“ชั้นก็เชิญตัวเองมาดูหน้านังเมียเก็บของผัวชั้นน่ะสิ”
“แกพูดถึงใคร เมียเก็บ ประจานตัวเองทำไม นังประกาย”
“ชั้นไม่ใช่เมียเก็บ แกน่ะสิ เนื้อนาง แกออดอ้อนจนเจ้าเอาแกมาซุกไว้ที่นี่ คิดล่ะสิว่าจะหนีพ้นสายตาชั้น ไหนห้องไหน ที่แกกกกอดเจ้าแสนพรหม ผัวชั้น”
ประกายกรีดเสียง จ้องเนื้อนางอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
ด้านหลัง รัญจวน กำปุ้ง และสร้อยฟ้าพากันโผล่หน้าแอบมามอง สายตาอยากรู้อยากเห็นเต็มที่
เนื้อนางมองประกายด้วยสายตาโกรธ
“ที่นี่ที่ของชั้น ไม่ใช่คุ้มที่เธอจะมาอาละวาด กลับไปซะ ประกายก่อนที่เธอจะเดือดร้อนเพราะการกระทำสิ้นคิด คอยตามราวีผู้หญิงคนอื่น”

อีกด้าน มุมลับตาที่ปางไม้บุญชัย ณไตรยืนเผชิญหน้ากับม่อนดอยที่อารมณ์คุกรุ่น
“แกมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง แกทิ้งเนื้อนาง แกเลว แกชั่ว แก...”
ณไตรเสียงดุ “ฟังฉันก่อน ม่อนดอย”
“ฟังทำไม ฟังแล้วได้อะไร หน้าอย่างแกก็คงจะกะล่อนแก้ตัวไปเรื่อย”
“ฉันไม่ได้มาเพื่อแก้ตัว แต่ฉันอยากให้ม่อนดอยได้รู้ความจริง”
ม่อนดอยมองณไตรที่อธิบายสีหน้าจริงจัง
“ความจริงคือฉันไม่ได้ทิ้งเนื้อนาง แล้วฉันก็มาที่นี่เพื่อให้ม่อนดอยช่วยพาเนื้อนางกลับมาหาฉัน”

ส่วนเหตุการณ์ในบ้านเช่า เนื้อนางขยับออกมามองประกาย คำฝายยืนระวัง
“อย่าคิดว่าฉันจะทนให้เธอข่มเหงไปทุกที่นะ ประกาย” เนื้อนางบอก
“ฉันรู้ว่าแกไม่ยอม เพราะแกมันหน้าด้าน สันดานลักกินขโมยกิน ทำได้ทุกอย่าง”
“ปากอย่างแก ฉันปล่อยให้กลับไปดีๆ หนังหน้าไม่แหก อย่ามาเรียกอีคำฝาย”
กำปุ้ง รัญจวน และสร้อยฟ้ารีบถลาออกมาจากด้านหลัง บัวติ๊บรีบออกมาประกบข้างประกาย ประกายมองสามคนแล้วตวาดใส่ทันที
“หนอย นี่แกจะเอาพวกมารุมชั้นเหรอ”
รัญจวน กำปุ้ง สร้อยฟ้าทำเป็นออกหน้าเปิดปากพูดน้ำเสียงเยาะหยัน มากกว่าจริงใจ เริ่มจากกำปุ้ง
“แกอย่ามาว่าคุณเนื้อนางของพวกเรานะ ไม่จริงหรอกที่คุณเนื้อนางจะไปเป็นเมียเก็บ”
สร้อยฟ้าตาม “ไม่จริ้ง ไม่จริง หัวเด็ดตีนขาด พวกเราก็ไม่เชื่อ”
รัญจวนปิดท้าย “คุณเนื้อนางเค้าออกจะหยิ่งในศักดิ์ศรีหลานสาวควาญช้าง”
“ไม่ต้องมาเห่ามาหอนกลางวันแสกๆ ชั้นไม่กลัวพวกแกหรอกนะ นังเนื้อนางมันแย่งผัวชั้น ชั้นก็ต้องตามมาตบเอาผัวคืน”
เนื้อนางสวนขึ้น “ไหน...สามีคุณอยู่ที่ไหน”
“แกซ่อนเจ้าไว้” ประกายร้องเรียกหา “เจ้าขา เจ้าช่วยประกายด้วย เนื้อนางมันตบมันตีประกาย มันเอาพวกมารุมประกาย เจ้าขา โอ๊ยๆๆ ประกายเจ็บเหลือเกิน”
กำปุ้งอดทึ่งไม่ได้ “หวายอีนี่...น่าไปเล่นยี่เกเป็นนางร้ายนะยะ ตอแหลม๊าก”
“อุบาทว์มากนังประกาย แหกตาดูสิว่า เจ้าอยู่ตรงซอกไหน แล้วถ้าเจ้าอยู่จริงๆ แกต่างหากที่เจ้าเค้าจะเตะออกจากบ้าน” คำฝายด่า
ประกายมองหา บัวติ๊บชะเง้ออีกแรง แล้วรีบกระซิบบอกประกาย
“ไม่เห็นแม้แต่เงา สงสัยเจ้าจะบ่อยู่ ไอ้แปงก็ไม่เห็น”
“กำปุ้ง รีบออกไปแจ้งตำรวจว่ามีคนร้ายบุกรุก”
กำปุ้งทำท่าขยับ ประกายเห็นท่าไม่ดี เริ่มถอยแต่ยังมีฟอร์ม
“แกอย่าคิดว่าฉันกลัว”
รัญจวนเยาะ “ไม่กลัวเลยจ้ะ ขาสั่นพั่บๆ แบบนั้น”
สร้อยฟ้า รัญจวน และกำปุ้งดาหน้าเดินเข้าหา ประกายกับบัวติ๊บต้องถอย
“กลับไปซะ ประกาย แล้วอย่ามาที่นี่อีก ถ้าไม่อยากให้มีเรื่องเดือดร้อน ต่างคนต่างอยู่ อย่ามาหาเรื่องกัน ฉันไม่ชอบ”
“นังเนื้อนาง ฉันกลับมาแน่ ฉันจะให้เจ้าลากพวกแกออกจากที่นี่”
สามคนเงื้อมือขึ้นพร้อมกัน
รัญจวนสั่ง “พวกเรา...พร้อมตบ”
ประกายกับบัวติ๊บรีบลนลานล่าถอยออกไป
เนื้อนางมองอ่อนใจ สามคนค่อยๆ หันหน้ามามองเนื้อนาง คำฝายอ่านสายตาสามคนออก
“ตามไปเฝ้าหน้าบ้านสิ จะมายืนมองทำไม แล้วอย่าปล่อยให้ใครเข้ามาอีก”
สามคนรีบเดินออกไป เนื้อนางมองคำฝาย แววตาตัดสินใจเด็ดขาด
“คงถึงเวลาที่เราต้องไปจริงๆแล้วนะ พี่คำฝาย”

ณไตรพาม่อนดอยออกมาคุยกันที่ร้านอาหารในเวียง ม่อนดอยรับฟังเรื่องทั้งหมดจากปากณไตรแล้ว
“ถ้าเป็นอย่างที่แกเล่า...เอ่อ...อย่างที่พ่อเลี้ยงเล่า เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะแผนของแม่นาย”
“ยังไงฉันก็ต้องพาเนื้อนางกลับไปอยู่ด้วย เนื้อนางเป็นเมียฉัน”
“จะอยู่กันยังไงล่ะพ่อเลี้ยง แม่นายกับคุณแขไขจองเวรเนื้อนางจนตายแน่ๆ แล้วยังเจ้าแสนพรหมที่กักตัวเนื้อนางไว้อีก”
“ฉันถึงต้องพึ่งนาย ช่วยพาเนื้อนางออกมาจากบ้านหลังนั้น ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเนื้อนางหลายเรื่อง ฉันให้เจ้าแสนพรหมรู้ไม่ได้ว่าฉันตามไปที่บ้านหลังนั้น”
ม่อนดอยมองไม่แน่ใจ ณไตรอธิบายด้วยเหตุผล
“เจ้าแสนพรหมเป็นคนเจ้าเล่ห์ มีเส้นสาย มีเพื่อนมาก เค้าจะเอาตัวเนื้อนางหนีไปซ่อนจากพวกเราอีกจนได้”
“ไอ้แสงคำมันก็อยากจะพาเนื้อนางออกจากที่นั่น”
“เราไม่มีทางชนะเจ้าแสนพรหมด้วยแรง คนอย่างเจ้าแสนพรหมต้องต้อนให้จนตรอกเท่านั้น”
ม่อนดอยมองอย่างใช้ความคิดตัดสินใจ ณไตรเอ่ยขอร้อง

“นายคนเดียว ม่อนดอย...ที่จะช่วยให้ฉันกับเนื้อนางได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก”

ณไตรหว่านล้อมดูเหมือนม่อนดอยจะใจอ่อนในที่สุด

ขณะที่เนื้อนางกับคำฝายยืนเครียดอยู่หน้าบ้านนั้น สร้อยฟ้า กำปุ้ง รัญจวนทำเป็นเดินตรวจตรามองไปนอกรั้ว แต่ปากก็คอยซุบซิบนินทา

“มั้ยล่ะ เจ้านางเนื้อนางแห่งคุ้มเจ้าแสนพรหม...ที่แท้ก็เมียเก็บ”
“อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปากนะคะคุณพี่ ติดว่ายังอาศัยข้าวน้ำอาศัยหลังคามันคุ้มกะลาหัว”
“ทำชูคอเป็นนางหงส์ ที่แท้ก็อีกา ขโมยกินของคนอื่น”
สามคนเบะปาก คำฝายมองมาเห็นพอดี
“นินทาอะไร”
สามคนรีบเข้ามาใกล้ นั่งพับเพียบเรียบแต้
“ไม่ได้นินทาเลยค่ะ กำลังคุยกันว่าคราวหน้าเราจะตบนังคุณประกายให้น่วม สมกับปากมอมๆ ที่บังอาจมาว่าคุณเนื้อนางของเรา”
“ไม่ต้องไปตบตีกับใคร อย่าเอานิสัยที่ปางมาใช้อีก”
“ยอมไม่ได้นะคะ มันจิกว่าคุณเนื้อนางขนาดนี้” กำปุ้งฮึดฮัด
“ก็เห็นอยู่ว่าเป็นของเน่าเหม็น แล้วเราจะเอามือเข้าไปแตะให้เหม็นด้วยทำไม” เนื้อนางอบรม
สร้อยฟ้าสอพลอ “ประเสริฐเหลือเกิน คุณเนื้อนางมีเมตตา ให้อภัยทุกคน”
“ฉันไม่ได้ประเสริฐกว่าใคร ฉันเตือนเพราะไม่อยากเห็นพวกเธอมีนิสัยแกว่งปากหาเสี้ยน”
“รับรองเราจะไม่เอาไปบอกใครเลยค่ะ ว่าคุณเนื้อนางโดนเมียเจ้ามาชี้หน้าด่าฉอดๆ เรื่องคุณเนื้อนางเป็นเมียเก็บ”
รัญจวนตบปากกำปุ้งทันที
“อีกำปุ้งปากโสโครก คุณเนื้อนางไม่ใช่เมียเก็บเจ้า”
คำฝายรำคาญ “พอ หยุด ไม่ต้องอ้าปาก ฟังอย่างเดียว ฉันปวดหูปวดหัวกับเสียงพวกแกเต็มทีแล้ว”
สามคนค้อนคำฝาย แต่ก็หุบปากสนิทพร้อมเพรียงกัน
“ฉันจะไม่อยู่บ้านนี้แล้ว” เนื้อนางบอก
สามคนจะอ้าปากถาม คำฝายชี้หน้า สามคนหุบปากลงพร้อมกัน
“พวกเธอต้องออกไปหาที่อยู่ใหม่กันได้แล้ว เราคงต้องแยกทางกัน”
กำปุ้งยกมือ คำฝายมอง “มีอะไร”
กำปุ้งขมิบปากถาม “ขอไปอยู่ด้วยได้มั้ยคะ”
คำฝายแว้ดใส่ “ไม่ได้ หูตึงหรือไง เนื้อนางบอกแล้วทางใครทางมัน”
สามคนเบะปากร้องลั่นทันที คำฝายตวาด
“หนวกหู ไปร้องไกลๆ อย่าให้ได้ยินเสียงนะ”
สามคนกอดคอกันแหกปากร้องไห้ออกไปหลังบ้าน เนื้อนางมองคำฝายถอนใจหนักๆ คำฝายกุมมือเนื้อนาง
“ตั๋วทำถูกแล้ว”
“ขอให้เจ้าแสนพรหมเข้าใจเราด้วยเถอะ”
เนื้อนางสีหน้าไม่ค่อยแน่ใจ

เย็นนั้น เจ้าแสนพรหมกำลังเล่นไพ่อยู่ในบ่อนไพ่ หน้าตาเคร่งเครียดเพราะเสียหนัก แปงยืนรอรับใช้อยู่ด้านหลัง
“วันนี้มันอะไรกันวะ นั่งผิดที่แน่ๆ ตั้งแต่เช้ามานี่ มันถึงมีแต่เสียกับเสีย”
เจ้าแสนพรหมลุกพรวดจากโต๊ะ หันรีหันขวาง มองไปด้านหลัง เห็นสมชายเจ้าของบ่อนที่กำลังยืนดูแลบ่อนอยู่ เจ้าหงุดหงิด เรียกแปงเสียงดัง
“ไอ้แปง ไอ้แปงโว๊ย เอาโอเลี้ยงมาให้ข้ากินหน่อย”
แปงรีบเข้ามายื่นแก้วโอเลี้ยงให้เจ้าแสนพรหมที่กำลังหงุดหงิดเต็มที่
ณไตรหลบมุมยืนมองเจ้าแสนพรหมอยู่นานแล้ว เอ่ยบอกกับสมชาย
“ให้เจ้ายืมเงิน ผมจะออกให้เอง”
“แต่พ่อเลี้ยงจะไม่ได้คืนเลยสักบาทนะครับ เจ้าแสนพรหมเล่นจนเป็นหนี้ใครต่อใครเค้าไปทั่ว”
“ผมรู้ ผมถึงให้เจ้ายืมเงินผ่านคุณ ผมถือว่าเป็นการลงทุน”
“ได้ครับ ผมจะทำตามที่พ่อเลี้ยงขอ”
เจ้าแสนพรหมดูดโอเลี้ยงจนหมดแก้ว หันไปมองสมชายกำลังเดินเข้ามาหา ณไตรหลบมองอยู่ ด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
เจ้าแสนพรหมคุยกับสมชายแป๊บเดียวก็เดินรี่ ยิ้มหน้าบานกลับไปที่โต๊ะ ณไตรจ้องเจ้าจอมหื่น แววตาสมหวังที่กำลังล่อให้เจ้าติดกับ
“วางมาๆ อย่าคิดว่าคนอย่างเจ้าแสนพรหมจะหมดทุนง่ายๆ เอ้าๆ ลงมากันให้หนักๆ เพราะว่าต่อไปนี้ ผมจะมีแต่ เฮง เฮง เฮง รวย รวย รวย”

รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าของณไตรตอนนี้

ขณะที่แขไขกำลังยืนมองบรรยากาศสวยงามรอบๆ บ้านหิมวัตอยู่นั้น ธรรพ์เดินเข้ามาดึงมือแขไข
“ไปนั่งรถเล่นกับผม เราต้องคุยกัน”
ธรรพ์จับข้อมือแขไขแน่น แขไขแกะมือธรรพ์จะกระชากออก
“อย่ามาอ้างว่าคุย คนอย่างแก น้ำหน้าอย่างแก จ้องแต่จะฉวยโอกาส”
ธรรพ์ยิ้มเย้ย “ก็ใช่ คุณนี่สมเป็นเมีย รู้ใจผมทุกอย่าง
ธรรพ์ยกมือแขไขขึ้นมาจูบแรงๆ แขไขสะบัด ธรรพ์ไม่ปล่อยจับแน่น
“หรือว่าที่จริง คุณก็ชอบให้ผมใช้กำลัง”
ธรรพ์กระชากจะลากแขไขออกไป เสียงวันดีเรียกขึ้น
“คุณแขไข”
สองคนหันไป แขไขได้โอกาส กระชากมือออกจากธรรพ์
วันดียืนนอบน้อมอยู่ด้านหนึ่ง
“ป้าได้ยินแม่นายถามหาคุณแขไขเจ้า”
แขไขสะบัดแขนออกจากธรรพ์ เดินออกไปทันที วันดีมองนิ่ง ธรรพ์เดินเข้ามาจ้อง
“ใครใช้เข้ามาขัดจังหวะ”
“ป้ากลัวคนอื่นจะมาเห็น จะมาได้ยิน มันบ่ดี”
“ไม่ดี มันก็เรื่องของผม คิดจะมาเจ้ากี้เจ้าการ ยุ่งวุ่นวายชีวิตผมตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณธรรพ์...ป้าเห็นว่า คนอย่างคุณแขไขไม่เหมาะกับคุณธรรพ์”
“มันจะมากไปแล้วนะ ป้าวันดี”
ธรรพ์โกรธจัด เสียงแข็งใส่ มองวันดีอย่างไม่พอใจ
“ป้าเป็นใคร แค่คนงานในบ้าน กล้ามาสั่งสอนผม ลูกชายแม่นาย”
วันดีมองธรรพ์ แววตาเจ็บปวด
“ที่ป้าต้องพูดเพราะป้าเห็นคุณธรรพ์มาตั้งแต่เกิด ป้าเลี้ยงคุณธรรพ์มา”
วันดีทอดสายมองไปที่ธรรพ์ด้วยความรัก ความเป็นห่วง ผูกพันอย่างลึกซึ้ง
“ก็แค่คนเลี้ยงเด็ก อย่าตีเสมอนาย”
ธรรพ์กระแทกเสียง ป้าวันดีถึงกับน้ำตาร่วง วูบหนึ่งธรรพ์ก็นึกเสียใจที่พูดรุนแรงออกไปจนทำให้วันดีร้องไห้ แต่ด้วยความโกรธที่มีมากกว่าเลยยิ่งพาล
“ถ้าป้ายังทำเกินหน้าที่คนงาน คราวหน้าอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ”
วันดีน้ำตาไหล แต่ธรรพ์ไม่สนใจ เดินออกไป วันดีสะอื้นออกมาด้วยความเสียใจที่แน่นอยู่ในอก

เนื้อนางออกมายืนครุ่นคิดที่สนามหน้าบ้าน เรื่องจะบอกเจ้าแสนพรหม
ส่วนด้านนอกรั้ว ณไตรยืนหลบมองไปที่เนื้อนางเขม็ง
เนื้อนางกังวล มองไปที่ประตูบ้าน แล้วเดินกลับมานั่ง ท่าทางกระวนกระวาย
ณไตรกลับเข้าใจไปอีกอย่าง
“ตอนเช้าคิวแสงคำ ตอนค่ำคิวเจ้าแสนพรหม ถึงกับต้องมายืนรอรับ”
รักมากก็ยิ่งแค้นมาก ณไตรตาวาวด้วยความเข้าใจผิดเนื้อนาง

ยืนมองจนเนื้อนางเดินกลับเข้าบ้านไป ณไตรจึงหันกลับมา แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น

อ่านต่อหน้า 2

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 9 (ต่อ)

กลางดึกคืนนี้ ณไตรเดินเซขึ้นห้องมาด้วยความเมา และกำลังจะเข้าห้อง เสียงแขไขเรียกขึ้น

“ทำงานหนักจนไม่อยากกลับบ้านกลับช่องเลยเหรอคะ”
ณไตรหันไปมอง แขไขในชุดนอนบางเบา เดินเข้ามาใกล้ขนาดที่ได้กลิ่นเหล้าติดตัวณไตร แขไขมองณไตรที่หน้าแดง
“นี่... พี่ไตรไปดื่มมาเหรอคะ”
“เรื่องของผม ดึกป่านนี้ คุณควรจะอยู่ในห้องนอนของคุณ ไม่ใช่เที่ยวเพ่นพ่านไปรอบบ้าน”
“ก็แขเห็นพี่ไตรยังไม่กลับ”
“หน้าที่เป็นห่วงผม ไม่ใช่หน้าที่ของคุณ”
“ใครคะที่จะเป็นห่วงพี่ไตรได้ เนื้อนางคนเดียวล่ะสิ”
“ใช่...เพราะเนื้อนางเป็นเมียที่รักของผม”
ณไตรหัวเราะไม่เกรงใจ ด้วยความเมา แขไขพุ่งเข้าไปกอดณไตรจากด้านหลังทันที
“แขไม่แคร์”
ณไตรดันแขไขออก “อย่าทำอย่างนี้ แขไข”
แขไขกอดณไตรไว้แน่น ยื่นหน้าเข้าไปใกล้
“แขไม่แคร์จริงๆนะคะ เรื่องพี่ไตรกับเนื้อนาง ให้แขลืมก็ได้ อะไรที่พี่ไตรสบายใจ แขทำได้ทุกอย่าง”
ณไตรมองแขไขที่อยู่ระยะประชิด แขไขมองแล้วก้มลงจูบแก้มณไตรทันที ณไตรนึกไม่ถึงเมื่อเจอสัมผัสรุกเร้ายั่วยวนจากแขไข ขณะที่แขไขเลื่อนจูบมาแตะริมฝีปาก ณไตรได้สติ ผลักแขไขออก
“พอแล้ว คุณแข...ต่อให้ยั่วยวนผมแค่ไหน คุณก็เปลี่ยนใจให้ผมรักคุณไม่ได้ผมรักเนื้อนางไปแล้ว หัวใจผมมีแต่เนื้อนาง”
ณไตรดันแขไขออก แขไขแทบหมดแรง ณไตรปิดประตูทันที ทิ้งแขไขไว้หน้าประตู
“เนื้อนาง ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน ทำไม...ทำไมแกไม่ออกไปจากใจพี่ไตรสักที”
แขไขหันหลังก้าวออกไปด้วยความเจ็บใจ

จันตากำลังเดินตรวจดูความเรียบร้อยทั่วทั้งบ้านก่อนเข้านอน เห็นร่างวันดีที่นั่งนิ่งอยู่ในเงามืด
“ว้าย นังวันดี แกมานั่งทำไมมืดๆ”
“ฉันก็มาดูความเรียบร้อยเหมือนแกนั่นแหละ จันตา”
วันดีลุกขึ้น สองคนได้ยินเสียงรองเท้ากระทบพื้นดังมา ก็หันไปมอง เห็นแขไขเดินเร็วผ่านไป
จันตาฉงน “คุณแข...มาจากทางห้องคุณณไตร”
วันดีชักสีหน้าไม่พอใจทันที จันตาทำหน้าตกใจก่อนจะหรี่ตา ยิ้มเยาะออกมา
“กลางค่ำ กลางคืน พระจันทร์เป็นใจ ผู้ชาย...ผู้หญิง...สองต่อสอง”
“แกอย่าคิดอะไรสกปรก จันตา”
“เชอะ จะให้คิดอะไรสะอาดเอี่ยมอ่องเหรอยะ เห็นเต็มสองตา แกกับฉันอาบน้ำร้อนมาก่อน มองแค่นี้ ก็ดูออกว่าเกิดอะไรขึ้น” จันตาหัวเราะชอบใจ “ลองอีแบบนี้ งานแต่งคุณณไตรกับคุณแขไขคงใกล้เข้ามาแล้วล่ะ ฉันไปนอนก่อนนะ อยู่ดึกๆ นี่ได้เห็นของดี มีความสุขจริงๆ”
จันตาหัวเราะสีหน้าระรื่น เดินลงไปทางห้องนอนคนงานด้านล่าง ตรงข้ามกับวันดีที่สีหน้าไม่พอใจ
“คุณแขไข ผู้หญิงไม่ดี คุณทำให้คุณธรรพ์เสียใจ”
สีหน้าวันดีเต็มไปด้วยความผิดหวัง

ณไตรเดินเปะปะ เคว้งคว้างอยู่กลางห้องด้วยความเมา
“เนื้อนาง...เนื้อนาง ทำไมผมถึงลืมคุณไม่ได้”
ณไตรนึกถึงแต่เนื้อนาง ตั้งแต่ตอนตกตะลึงเมื่อเห็นเนื้อนางฟ้อนครั้งแรก ตอนเนื้อนางใกล้ชิดแสงคำในบ้านเช่า และตอนที่ที่เนื้อนางฟ้อนต่อหน้าแสนพรหม
ณไตรคำรามออกมาด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงกลางเตียง
“ผมจะเอาตัวคุณกลับมา ให้พ้นเงื้อมมือผู้ชายทุกคน”
ณไตรหลับพับไปด้วยความคิดที่จะดึงเนื้อนางกลับมาให้ได้

ส่วนในบ้านเช่า เนื้อนางนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวยาวกับคำฝาย
สร้อยฟ้า กำปุ้ง รัญจวนพากันนั่งหลับ คอพับ หัวชนกันอยู่ที่พื้น
“เจ้าคงไม่มาแล้วล่ะ พี่คำฝาย”
“พอวันที่อยากให้มา ก็ดันหายแซบหายสอย”
คำฝายหันไปทางสามคน
“แล้วแกสามคน นี่จะมานั่งเฝ้า หรือมานั่งหลับเป็นเพื่อน”
สามคนกระเด้งนั่งตัวตรงทันควัน กำปุ้งเช็ดน้ำลายที่ยืดข้างปาก
“ไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกไปหาที่อยู่ใหม่กันตั้งแต่เช้า” เนื้อนางบอก
รัญจวนได้ยินก็ทำเสียงร้องกระซิกๆ
“คุณเนื้อนางขา...วาสนาพวกเราสูงไม่เท่าคุณเนื้อนาง ให้เราได้พึ่งพิงบารมีคุณเนื้อนางต่อเถอะนะคะ”
“คุณเนื้อนางไปอยู่ไหน ให้เราสามคนตามไปรับใช้” สร้อยฟ้าอ้อนวอน
“ตกลงว่าแกสามคน เป็นคนหรือปลิง เกาะแน่นเชียวนะ”
“ฉันช่วยพวกเธอได้แค่นี้จริงๆ ฉันกับพี่คำฝายก็ยังไม่รู้เลยว่าจะย้ายออกไปอยู่ที่ไหนกัน”
สามคนฟังแล้วทำท่าคอตก พากันคลานออกไป เนื้อนางหันไปมองคำฝาย
“ไม่เป็นไร ทุกข์ยากยังไง ตั๋วก็ยังมีพี่”
เนื้อนางยิ้ม กอดคำฝายไว้
“มีพี่คำฝายอยู่ด้วย ลำบากแค่ไหน เนื้อนางไม่กลัวเลยจ้ะ”
สองคนยิ้มให้กันด้วยความรักและความผูกพันอันแนบแน่น และไม่มีวันทิ้งกัน

เช้าวันนี้ แสนพรหมถูกแปงหิ้วปีกลงมาทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาอย่างอ่อนแรง ประกายที่รออยู่ รีบเดินเข้ามาถาม
“เจ้าคะ ไปทำอะไรมา ทำไมหมดเรี่ยวหมดแรงขนาดนี้ หรือว่าไป…” ประกายหันขวับมองแปง “เจ้ามาจากไหน ไอ้แปง”
“บ่อนไพ่”
แปงตอบห้วนสั้น ประกายถอนใจโล่งอก
“แล้วไป” ประกายมองเจ้า “สภาพนี้ก็คงเล่นทั้งคืน แล้วก็เสียจนหมดตัว”
ประกายจะเข้าไปช่วยถอดเสื้อ เจ้าแสนพรหมหันมามอง ประกายยิ้มหวาน
“ประกายจะดูแลปรนนิบัติเจ้าเองค่ะ”
เจ้าแสนพรหมเชยคางประกายขึ้น
“ประกายจ๋า ประกายคนสวย”
“ขาเจ้า”
“รู้มั้ยว่าฉันน่ะ รักประกายมากแค่ไหน”
“รู้สิคะ เจ้าน่ะเคยกอดประกายไว้ทั้งคืน”
ประกายไล้มือไปบนอกเจ้าแสนพรหม
“เราอยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืน ไม่ยอมออกจากห้อง...ตั้ง 7 วัน”
“ใช่ เธอน่ะ...ทำให้ฉันมีความสุขจนสำลัก”
เจ้าแสนพรหมจูบข้างแก้ม ประกายระริกดีใจกอดซบเจ้า หอมแก้มซ้ายขวา ก่อนสายตาประกายเหลือบมองไปเห็นว่าแปงกำลังหยิบแส้ในกล่องที่ปิดไว้ ประกายผวา มองกลัวๆ
“ไอ้แปง”
เจ้ากอดประกายไว้แน่น ประกายเริ่มดิ้นรนออกจากอ้อมกอดแสนพรหม เมื่อเห็นแปงถือแส้ในมือ
“เจ้าคะ ปล่อยประกายก่อน ไอ้แปงมันเอาแส้มาทำไม”
ประกายหันมามองเจ้าแสนพรหมที่ตอนนี้ยิ้มเจ้าเล่ห์
“แปงมันก็เตรียมไว้ เผื่อเธอจะเป็นเด็กดื้อ”
ประกายดีดตัวออกห่างเจ้าแสนพรหมทันที รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต
“นี่แสดงว่าเสียไพ่มาเมื่อคืน เที่ยวยืมเงินคนอื่นเค้าไปทั่ว แล้วก็จะส่งประกายไปใช้หนี้แทนอีก”
“เอาน่า งานง่ายๆ เคยทำมาแล้วก็อย่าลีลา เรื่องมาก”
“ให้นังเนื้อนางมันไปรับใช้เจ้าหนี้บ้างสิ มันสาว มันสวย ใครๆ ก็อยากได้มัน”
เจ้าแสนพรหมลุกพรวดด้วยความโกรธสุดขีด
“เนื้อนางเป็นของชั้น ชั้นไม่ยกให้ใครทั้งนั้น”
“แล้วประกายล่ะ ประกายก็เมียคนนึงนะเจ้า”
“แกมันสมบัติที่ฉันเลี้ยงไว้ขัดดอก เนื้อนางเท่านั้นที่ฉันจะยกย่องให้เป็นเมีย”
“ไอ้ผัวทุเรศ”
ประกายกรีดร้อง เข้าไปตบตีพัลวัน เจ้าแสนพรหมตบผัวะ จนประกายหน้าสะบัด
“สำนึกใส่กะลาหัวไว้ นังประกาย ฉันเอาแกมาเลี้ยง ให้เงินทองใช้ ก็บุญคุ้มหัวแค่ไหน ผู้หญิงอย่างแก ถ้าไม่มีชั้น ก็ต้องเร่ขายตัวประทังชีวิต”
ประกายสุดทนแล้ว “ไอ้แสนพรหม”
แปงเข้ามาจับประกายไว้ทันที
“เอามันไปขังไว้ที่บังกะโล ห้องเดิมนั่นแหละ เดี๋ยวเจ้าหนี้คนไหนมาทวงเงิน ฉันจะได้บอกให้ไปหานังนี่”
“ปล่อยฉัน ปล่อย...”
ประกายดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง แปงจับหัวประกายโขกผนังประกายแทบหมดแรงสู้ แปงจิกหัวลากประกายออกไป เจ้าแสนพรหมทิ้งตัวนั่งอย่างเหนื่อยอ่อน
“ขอฉันหลับสักงีบเอาแรงก่อน แล้วเดี๋ยวจะไปกอดให้สมความคิดถึงนะจ๊ะเนื้อนาง”

เจ้าแสนพรหมคอพับหลับไป ไม่สนใจใครอีก

ทางฝ่ายกำปุ้ง รัญจวน และสร้อยฟ้า ถือห่อผ้าติดตัวกำลังออกจากรั้วบ้าน ไปหาที่อยู่ใหม่ มีเนื้อนางกับคำฝายยืนมอง

ม่อนดอยปั่นจักรยานมาจากอีกด้าน บีบเบรคหยุดลงตรงหน้าเนื้อนางกับคำฝาย
“ไอ้แสงคำให้ฉันมารับเนื้อนางไปดูบ้านที่เราจะอยู่ด้วยกัน”
เนื้อนางยิ้มดีใจ คำฝายถามขึ้นด้วยความสงสัย
“แล้วแสงคำทำไมมันไม่มาเอง” คำฝายสงสัย
“สลับกันทำงานน่ะสิ ขืนมาทั้งสองคน จะได้โดนไล่ออกพอดี” ม่อนดอยหันไปทางเนื้อนาง “ไป เนื้อนาง รีบไปดีกว่า”
ม่อนดอยลุกลี้ลุกลน มองเนื้อนาง
“เออไป...ไปด้วยกัน”
“แกไม่ต้องไปหรอก คำฝาย อยู่เฝ้าบ้านนี่แหละ”
“ไม่เฝ้า ยังไงฉันก็ต้องไปกับเนื้อนาง”
“ก็ข้าเอาจักรยานมา จะไปหมดได้ไงสามคน”
“ข้าเดินตามไปก็ได้ ไหน ไปตรงไหน บอกมา”
คำฝายมองอย่างรำคาญ เนื้อนางหัวเราะ หันไปบอกคำฝาย
“พี่คำฝายอยู่นี่แหละจ้ะ เผื่อเจ้ามา จะได้ช่วยรับหน้าไว้ก่อน”
“รีบไปเถอะ เนื้อนาง” ม่อนดอยเร่งอีก
“จะเร่งไปไหนเนี่ยะ”
“ก็ข้าต้องรีบกลับไปทำงาน”
“เออๆ รีบไป แล้วรีบพาเนื้อนางกลับมาส่งล่ะ”
ม่อนดอยปั่นจักรยาน มีเนื้อนางซ้อนท้ายออกไป คำฝายมองตามไม่ติดใจอะไรมากนัก

ประกายโดนแปงจิกหัวลากมาในสวน
“ปล่อยข้า ไอ้แปง ปล่อย ข้าไม่ไป”
แปงรำคาญหันมาตบประกาย คว่ำลงไปกับสนาม
“ต้องให้ลงไม้ลงมือ”
ประกายมองเห็นก้อนหินตรงหน้าเหมาะมือ พอแปงตามมากระชาก ประกายคว้าหินก้อนตรงหน้า ฟาดไปที่ขมับแปงสุดแรงที่มี แปงหน้าหงาย ประกายตามไปเอาหินฟาดลงที่ขมับอีกด้าน แปงถึงกับหงายตึง สลบลงกับพื้น เลือดอาบหน้า
ประกายมองเลือดแปงที่ติดมือ แล้วโยนหินทิ้ง ตัดสินใจลากร่างแปงไปซ่อนใต้พุ่มไม้
“คุณประกาย ทำอะไรน่ะ”
ประกายสะดุ้งสุดตัว หันไปเห็นบัวติ๊บ
“คุณฆ่าไอ้แปง”
“มันยังไม่ตาย คงแค่สลบ ฉันต้องทำนะ บัวติ๊บ มันกำลังจะเอาฉันไปส่งให้เจ้าหนี้ของเจ้า ฉันไม่ไปแล้ว ฉันกลัว ผู้ชายพวกนั้นมันทารุณ มันทำเหมือนฉันเป็นสัตว์”
ประกายสะอื้นด้วยความกลัวฝังใจ
“ไม่ไป แล้วจะทำยังไง เจ้าฆ่าคุณแน่”
“ฉันต้องหนี ฉันอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”

“ไม่อยู่ที่นี่ แล้วคุณจะไปอยู่ที่ไหน”
“ไม่รู้ แต่ฉันต้องหนีไปก่อน ฉันอยู่ไม่ได้จริงๆ”
ประกายน้ำตาไหลพรากด้วยความกลัว บัวติ๊บมองแล้วนึกสงสาร
“จะหนีก็รีบหนี ไปซะ”
“ไปกับฉันมั้ย บัวติ๊บ”
“ไม่ ฉันแก่แล้ว ฉันอยู่ที่นี่ ยังมีที่กินที่นอน เดี๋ยวเจ้าก็หาผู้หญิงมาใหม่จนได้ ฉันก็คอยดูแล รับใช้ผู้หญิงอย่างพวกคุณ ยังดีกว่าออกไปลำบากนอกคุ้ม”
ประกายโน้มน้าว “มันบาปนะ บัวติ๊บ เธอก็ผู้หญิงเหมือนกัน”
“บาปก็ดีกว่าอดตาย เหมือนคุณนั่นแหละ ที่พวกคุณยอมเป็นเมียเจ้า ก็เพราะหวังจะสบายทางลัดกันทั้งนั้น”
ประกายมองบัวติ๊บที่เห็นแก่ตัว ด้วยสายตาสมเพช
“คุณจะไปก็รีบไป นี่ฉันเห็นแก่คุณนะที่เคยให้เงินทอง ของดีๆฉัน แล้วถ้าเจ้าจับได้ อย่าบอกว่าฉันปล่อยคุณหนีนะ ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น”
บัวติ๊บรีบเดินหนี ประกายทั้งกลัวทั้งตกใจ หันหลังวิ่งหลบออกไปทันที โดยไม่มีอะไรติดตัวไปเลย

เนื้อนางซ้อนท้ายม่อนดอยปั่นจักรยานมาตามทางคดเคี้ยว สีหน้าเนื้อนางมีแต่รอยยิ้มความหวัง ตรงข้ามกับม่อนดอยที่สีหน้าเครียด กังวล มีพิรุธเต็มๆ

คำฝายกำลังเก็บเสื้อผ้าข้าวของลงกระเป๋าอยู่ในห้องรับแขก เตรียมตัวย้ายออก
“ดวงมันจะอยู่ไม่ติดที่ หรือว่าดวงมันจะตกยากตลอดชีวิตกันแน่วะ”
เสียงประตูรั้วเปิดออกแล้วปิดอย่างแรง คำฝายเงยขึ้นมอง เห็นประกายที่หน้าตาตื่น น้ำตานองหน้า
วิ่งพรวดเข้ามาในห้อง
“นังคุณประกาย นี่จะมาหาเรื่องกันอีกใช่มั้ย”
“คำฝาย ช่วยฉันด้วย” ประกายวิ่งพุ่งเข้ามา คำฝายตกใจ “ช่วย...จะให้ฉันช่วยอะไร”
“ฉันไม่มีที่ไป ไม่มีคนรู้จักที่ไหนแล้ว...คำฝาย ช่วยฉันด้วย ถ้าเธอกับเนื้อนางไม่ช่วย วันนี้ฉันตายแน่ๆ”
ประกายทรุดลงตรงหน้า ร้องไห้โฮ คำฝายตกใจ

ฝ่ายเจ้าแสนพรหมบิดตัวตื่นขึ้น เห็นแปงกำลังเดินโซซัดโซเซ กุมหัวที่เลือดแห้งกรังเข้ามาก็ตกใจ
“ไอ้แปง เอ็งไปโดนอะไรมา”
“ประกาย มันหนีไปแล้วครับเจ้า”
“มันหนีไปได้ยังไงวะ”
ขณะที่เจ้าแสนพรหมกำลังโมโหอยู่นั้น สมชายเจ้าของบ่อนไพ่ พร้อมกับนักเลง 4 คนในมือมีไม้หน้าสามเดินเข้ามา
“เฮ้ย พวกแกเข้ามาในคุ้มฉันได้ยังไง”
“ผมมาทวงหนี้ที่เจ้ายืมผมเมื่อคืน” สมชายบอกขึงขัง
“จะบ้าเหรอ ฉันเสียไพ่จนหมดตัว ไม่เหลือสักสตางค์ จะเอาที่ไหนมาคืนแกยืมเมื่อวาน ทวงวันนี้มีที่ไหน”
เจ้าแสนพรหมยักท่า มองแปง แต่คราวนี้แปงเองถึงกับหลบ เพราะนักเลง 4 คนยืนหน้าเหี้ยมเป็นแผงด้านหลัง
“ใครๆ ที่ยืมเงินผมก็รู้ทั้งนั้นว่า ต้องส่งดอกวันรุ่งขึ้นทันที”
นักเลงด้านหลังควงไม้ในมือ คราวนี้เจ้าแสนพรหมมองสยอง
“ไม่อย่างนั้นผมจะเอาสมบัติทุกชิ้นในคุ้มนี้ เท่ากับจำนวนเงินที่เจ้ายืมไป”
สมชายยิ้มเหี้ยมๆ เจ้าแสนพรหมเริ่มกลัวจริงๆ มองมาทางคนสนิท แปงก็ถอยห่างไปไกล เจ้าแสนพรหม รีบยื่นเงื่อนไข
“งั้นวันนี้ฉันมีดอกเบี้ยจะให้ แกไปรับได้เลยที่บังกะโล”
“ผมรับแต่เงินสด ไม่รับดอกเบี้ยเป็นผู้หญิงเหมือนที่เจ้าจ่ายให้เจ้าหนี้คนอื่น” สมชายยื่นคำขาด
“ไอ้...”
เจ้าแสนพรหมอ้าปากจะด่าแต่นักเลงขยับเลยไม่กล้า
“เจ้าต้องจ่ายเงินสดผม ภายในหกโมงเย็นวันนี้”
สมชายย้ำแล้วเดินนำนักเลงออกไป เจ้าแสนพรหมงุ่นง่าน เดินไปเดินมา ตัดสินใจเพราะกลัวตาย
“คนเดียวที่จะมีเงินให้ฉัน...พ่อเลี้ยงณไตร”

แขไขเดินออกมาตรงหน้าเจ้าแสนพรหมที่ยืนรอด้วยสีหน้ากระวนกระวาย
“พี่ไตรออกไปคุยเรื่องลงทุนกับเจ้าไม่ใช่เหรอคะ” แขไขถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“เปล่านี่ครับ”
ธรรพ์เดินเข้ามา มองเห็นเจ้าแสนพรหมก็รีบตรงมายืนข้างแขไข
“เจ้ามีธุระด่วนอะไรกับพี่ไตร คุยกับผมก่อนก็ได้ครับ”
“ไม่เป็นไร ผมรอพ่อเลี้ยงดีกว่า คุยกับคนที่เข้าใจกัน จะแก้ปัญหาได้เร็วกว่า”
เจ้าแสนพรหมเดินไปนั่งรอ พยายามระงับอาการวุ่นวายใจ เห็นแขไขมองสนใจ ธรรพ์เอ่ยขึ้น
“เรื่องของผู้ชาย คุณไม่ต้องอยู่ตรงนี้หรอก แขไข
แขไขปรายตามองธรรพ์ แล้วยิ้มเยาะ เดินไปนั่งใกล้เจ้าแสนพรหมอย่างจงใจ ธรรพ์มองด้วยความโกรธและหึง
“เจ้าดื่มน้ำชาก่อนนะคะ”
แขไขรินชาจากกาให้เอาใจ เจ้าแสนพรหมยิ้มรับแต่ไม่เต็มที่นักเพราะกังวลใจ

ธรรพ์เดินมานั่งตรงข้าม มองเจ้าแสนพรหมกับแขไขด้วยใบหน้าบึ้งตึง

ฟากเนื้อนางซ้อนท้ายจักรยานม่อนดอยมาตามทาง มองไปรอบๆ รู้สึกคุ้นตา จึงถามขึ้น

“ม่อนดอย นี่มันทางเข้าปาง พาเนื้อนางมาที่นี่ทำไม”
ม่อนดอยหยุดจักรยานลงหน้าป้ายทางเข้าปางหิมวัต เนื้อนางลงมาทันที
“เนื้อนาง ฉันขอโทษ”
ม่อนดอยหน้าเจื่อนๆ รู้ตัวว่าผิด
เสียงณไตรดังขึ้น “อย่าโทษม่อนดอย ผมขอร้องเค้าเอง”
เนื้อนางหันไปเห็นณไตรที่ก้าวออกมาขวางทางไว้
“พ่อเลี้ยงณไตร”
“ฉันอยากให้เนื้อนางคุยกับพ่อเลี้ยง พ่อเลี้ยงเค้ารักเนื้อนางจริงๆ นะ” ม่อนดอยบอกหน้าจ๋องๆ
“เค้าไม่ได้รักเนื้อนาง เค้าเกลียดเนื้อนาง”
ณไตรเดินมารวบตัวเนื้อนางไว้แน่น แล้วหันไปสั่งม่อนดอย
“ขอบใจมาก ม่อนดอย นายไปเถอะ เดี๋ยวฉันตกลงกับเนื้อนางเอง”
เนื้อนางดิ้น ม่อนดอยมอง มีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
“ไม่ต้องห่วง เรื่องผัวเมียก็เหมือนลิ้นกับฟัน เดี๋ยวฉันจะง้อเมียฉันเอง”
ณไตรก้มลงหอมแก้มเนื้อนางฟอดใหญ่ ม่อนดอยอมยิ้ม
“คุยกันดีๆ นะ”
ม่อนดอยหันหลังปั่นจักรยานออกไป เนื้อนางดิ้นหนีออกจากอ้อมแขนณไตร
“อย่ามาเรียกฉันว่าเมีย”
ณไตรก้มลงใกล้ “แล้วจะให้ว่าเรียกอะไรล่ะ”
เนื้อนางดิ้นหนี ณไตรมองเปลี่ยนเป็นแววตาหยามเหยียด
“อย่าคิดว่าผมอยากแตะต้องตัวคุณให้ซ้ำรอยผู้ชายคนอื่น”
ณไตรพลิกตัวเนื้อนางมาเผชิญหน้า
“ไม่ต้องดิ้น ยังไงคุณก็หนีผมไม่พ้น”
“ปล่อยฉันนะ พ่อเลี้ยง คุณจะเอาตัวฉันไปไหน”
“คุณชอบไม่ใช่เหรอ ถูกผู้ชายห้อมล้อม ลากไปทางโน้นที ลากไปทางนี้ทีแต่ผมไม่ใช่ไอ้หน้าโง่ ที่คุณจะปั่นหัวได้เหมือนเจ้าแสนพรหม กับไอ้แสงคำ”
“ถ้าเทียบกับสองคนนั่น คุณเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุด”
“มันก็เหมาะกับผู้หญิงหลายใจอย่างคุณ เนื้อนาง คุณไม่มีโอกาสเลือกผู้ชายคนไหนได้อีกแล้ว นอกจากผม”
ณไตรแบกเนื้อนางขึ้นบ่า เนื้อนางทั้งทุบทั้งตีหลังณไตรพัลวัน
“ปล่อยฉันลงนะ พ่อเลี้ยง...ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย”
“เอาเลย ตะโกนดังๆ ตะโกนให้คอแตกก็ไม่มีไอ้ผู้ชายหน้าไหนมาช่วยคุณได้”
เนื้อนางทุบหลังณไตร แต่ณไตรไม่สะทกสะท้าน แบกร่างเนื้อนางเดินออกไปอย่างเร็ว

ทางด้านเจ้าแสนพรหมเดินไปเดินมา นั่งไม่ติด สีหน้าร้อนรนใจมาก ธรรพ์มองแล้วถามขึ้น
“เรื่องด่วนของเจ้ากับพี่ไตร มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องเนื้อนางหรือเปล่าครับ”
แขไขหันมองมายังธรรพ์ทันที
“ถ้าเป็นเรื่องเนื้อนาง พี่ไตรคงจะรีบไปพบเจ้า”
“บอกพ่อเลี้ยงว่าผมรออยู่ที่คุ้ม ให้รีบไปหาทันทีแล้วกัน พ่อเลี้ยงเค้ารู้ว่าเรื่องอะไร”
เจ้าแสนพรหมรีบเดินเร็วรี่ออกไป ไม่ยอมบอกอะไรมากกว่านั้น
“เจ้าคะ เจ้าแสนพรหม”
แขไขเดินตาม แต่เจ้าแสนพรหมไม่รอ รีบออกไปโดยเร็ว
แขไขหันกลับมา กระชากเสียงถามธรรพ์ทันที
“เรื่องเนื้อนางเกี่ยวอะไรด้วย”

ฝ่ายเนื้อนางถูกณไตรแบกขึ้นบ่าเดินลัดเลาะมาอย่างชำนาญทาง เนื้อนางคิดหาทางหนี ทำเป็นร้องขึ้น
“โอย...ฉันไม่ไหวแล้ว พ่อเลี้ยง ฉันปวดหัว ปวดมาก โอย”
ณไตรวางเนื้อนางลงยืน เนื้อนางแกล้งทำเป็นจับหัว เหมือนวิงเวียน
ณไตรขยับเข้ามามองใกล้ “เป็นยังไงบ้าง”
เนื้อนางได้ทีผลักณไตรสุดแรงแล้วหันหลังวิ่งหนี ณไตรรู้ว่าหลงกลเนื้อนางก็วิ่งตามทันที
เนื้อนางวิ่งเร็วสุดชีวิต แต่ก็ช้ากว่าณไตรที่พุ่งเข้ารวบตัวเนื้อนางดิ้น ไม่ยอม
“ร้อยเล่ห์มารยา ไม่มีใครเกิน”
เนื้อนางยิ่งโกรธ ตัดสินใจกัดแขน ณไตรเจ็บแต่ไม่ยอมปล่อย เนื้อนางกระทืบเท้าลงบนเท้าณไตรเต็มที่จนณไตรปล่อยมือ
เนื้อนางหันหลังวิ่งหนีทันที ณไตรกระโจนตามมากระชากแขน เนื้อนางเสียหลัก สะดุดล้มลงกับพื้น
ณไตรที่กระชากแขนเนื้อนางอยู่ ล้มตามลงไปทับบนร่างเนื้อนาง
เนื้อนางมองณไตรแววตาตระหนก
“คุณมันเก่งเรื่องตีหน้าซื่อ หลอกผู้ชาย”
ณไตรมองจ้องเนื้อนาง แววตาตื่นกลัวตรงหน้าไม่ได้ทำให้ณไตรหวั่นไหว เขากระชากฉุดร่างเนื้อนางขึ้น
“จะเดินไปดีๆ หรืออยากให้ผมหักแขน” ณไตรยิ้มเหี้ยม “จะได้ไม่ต้องฟ้อนแง้นให้ผู้ชายหน้าไหนมันดูอีก”
เนื้อนางตกใจ จะถอยแต่ณไตรกระชากไปอย่างไม่ไยดี
ร่างบางของเนื้อนางปลิวไปตามแรงกระชากของณไตรพาออกไปจากตรงนั้น

เวลานั้น แขไขเดินจ้องเข้าหาธรรพ์ที่เดินหนีมาในสวน ถามด้วยสายตาคาดคั้น
“เนื้อนางอยู่ที่คุ้มเจ้าแสนพรหมใช่มั้ย”
“ผู้หญิงฉลาดอย่างคุณ ไม่น่าพลาดกับเรื่องสำคัญอย่างนี้เลย ผมก็อุตส่าห์พาคุณไปถึงที่ อยากให้คุณตาสว่าง จะได้รู้ว่าพี่ไตรเค้าแอบไปหาเนื้อนางตลอด”
“แล้วทำไมคราวก่อนฉันถึงไม่เจอมัน”
“พี่ไตรคงจะรีบเอาตัวเนื้อนางไปซ่อนที่อื่น แล้วเจ้าก็รู้เห็นเป็นใจ”
ธรรพ์โกหก หวังให้แขไขโกรธณไตร
“ผมก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากหรอกนะ ถ้าคุณอยากรู้ คนจะตอบเรื่องเนื้อนางได้ดีที่สุด ก็ต้องเป็นพี่ณไตร” ธรรพ์แหย่เติมเชื้อไฟลงไปในใจแขไข “พี่ณไตรกับเนื้อนาง ไม่เคยแยกจากกัน”
แขไขหันมองธรรพ์ แววตาวาววับ โกรธมาก ธรรพ์ยิ้มใจเย็น
“มีแต่คุณเท่านั้นแขไข ที่ไม่รู้ว่า เนื้อนางกำลังหัวเราะเยาะคุณอยู่”

ณไตรลากเนื้อนางมาถึงหน้าเรือนหอต้นไม้ ณไตรผลักให้เนื้อนางก้าวขึ้นบันไดไปก่อน
“ขึ้นไป”
“ไม่”
เนื้อนางจะก้าวลง ณไตรพุ่งสวนขึ้นไป สองร่างประจันหน้ากัน
“จะขึ้นไปดีๆ หรือให้ผมลากขึ้นไป”
“คุณมันบ้าไปแล้ว”
“แต่ก่อนผมอาจจะบ้ารักคุณ แต่มันไม่มีอีกแล้วเนื้อนาง ตอนนี้อย่างเดียวที่คนบ้าอย่างผมอยากทำ”
ณไตรก้าวขึ้นไป ทำให้เนื้อนางต้องก้าวขึ้นไปอีกก้าว
“ผมจะไม่ปล่อยให้คุณไปหลอกใครอีก...ขึ้นไป”
เนื้อนางมองแล้วนึกกลัว จนต้องหันหลังเดินขึ้นไป
ณไตรเร่ง “เร็วๆ”
เนื้อนางเดินนำขึ้นไป ด้วยความกลัว ณไตรก้าวตามติดขึ้นไป

เนื้อนางเข้ามาในห้องที่เคยเป็นห้องหอ ณไตรตามเข้ามา เนื้อนางหันมาเผชิญหน้าณไตร
“คุณมันเห็นแก่ตัว เอาตัวฉันมาแบบนี้ รู้บ้างหรือเปล่าว่าคนอื่นเค้าจะเป็นห่วงฉันมากแค่ไหน”
“กลัวมากล่ะสิ ว่าจะไม่ได้กลับไปเป็นเมียไอ้เจ้าแสนพรหม กับไอ้แสงคำ”
ณไตรเหวี่ยงเนื้อนางลงบนเตียง เนื้อนางลุกหนี แต่ณไตรลากขากลับมา แล้วกดแขนไว้ทั้งสองข้าง ทับร่างบางไว้ไม่ให้ดิ้นหนีไปไหนได้
“บอกผมสิ เนื้อนาง ต้องมีผู้ชายอีกกี่คน คุณถึงจะพอ”
เนื้อนางมองผิดหวังณไตร แต่ก็เชิดหน้าตอบไปอย่างเชือดเฉือนไม่กลัวเกรงแล้ว
“ฉันไม่ต้องตอบอะไรคุณ เพราะข้างหน้าฉันจะมีใคร มันก็เรื่องของฉัน”
“คุณคงสะใจมากใช่มั้ย เพราะผมมันเป็นไอ้โง่คนแรกที่คุณหลอกให้รัก”
“ใช่”
เนื้อนางตอบประชดไปด้วยรอยยิ้ม ยิ่งทำให้ณไตรโกรธ
“เนื้อนาง หัวใจคุณทำด้วยอะไร”
ณไตรฉีกเสื้อเนื้อนางออกด้วยความโมโห เนื้อนางยังมองท้าทาย
“เลือดเนื้อของฉัน ร่างกายของฉัน คุณไม่ใช่เจ้าของอีกแล้ว พ่อเลี้ยงณไตร ไม่ใช่ตั้งแต่วันที่คุณเดินออกไปจากปาง วันที่คุณทิ้งฐานะผู้จัดการหนานไตรคุณแค่หลอกให้ฉันแต่งงานด้วย”
“ผมเป็นคนแรก ที่พาคุณมาที่นี่ เรือนหอของเรา ตอนนี้ ที่นี่ ผมจะทวงสิทธิ์ที่ผมเคยมี ผมจะทบทวนให้คุณเองเนื้อนางว่าที่นี่ เรามีความหลังซาบซึ้งกันมากแค่ไหน”
ณไตรก้มลงไปซุกไซร้อย่างรุนแรง เนื้อนางดิ้นรน ณไตรไม่ยอมปล่อยมือ ขาเนื้อนางที่ทั้งถีบทั้งยัน แต่สักพักก็หยุดดิ้นรนลง

เนื้อแนบเนื้อ สองร่างอิงแอบแนบชิดเป็นเนื้อเดียวกัน ท่ามกลางดอกไม้บานสะพรั่งและทิวเขาเขียวขจีของปางหิมวัต

แขไขยืนนิ่ง ไม่อาละวาดเหมือนทุกครั้ง ธรรพ์เองกลับเป็นฝ่ายเดินเข้าหา

“คิดว่าความสวย ฐานะ ความมีหน้ามีตาในสังคมจะทำให้คุณชนะเนื้อนางได้เหรอ ไม่เลย...แขไข พี่ไตรไม่เคยมองคุณดีกว่าเนื้อนางเลยสักนิด”
ธรรพ์เข้าใกล้ ก้มลงจูบที่ไหล่แขไข
“ผมต่างหากที่มองเห็นความดี ความสวยของคุณ”
แขไขขยับหันมามองธรรพ์ แววตาเย็นชา
“ขอบใจที่ทำเป็นหวังดี”
“มองความจริง แล้วตัดสินใจใหม่ แขไข เลิกคิดถึงพี่ไตร แล้วแต่งงานกับผม”
แขไขเหยียดยิ้ม “แม่นายจะจัดงานแต่งงานให้ฉัน ในฐานะสะใภ้คนโตของหิมวัต เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่ฉันจะแพ้เนื้อนาง”
“ไม่มีใครบังคับพี่ไตรได้”
“ไม่มีใครบังคับให้ฉันแต่งงานกับแกได้เหมือนกัน”
แขไขมองเหยียดหยามธรรพ์ สีหน้าสะอิดสะเอียนเต็มที่
“จำใส่สมองบอบบาง เบาหวิว มีแต่ขี้เลื่อยของแกไว้ด้วย ฉันมาเพื่อเป็นสะใภ้คนโตของหิมวัตเท่านั้น”
แขไขเชิดหน้าเดินออกไป ธรรพ์มองตาม กำหมัดทุบลงที่เสาอย่างเจ็บใจ

บนเรือนหอต้นไม้ ณไตรกำลังใส่เสื้อหันไปมองเนื้อนางที่ดึงผ้าห่มปิดร่างอยู่บนเตียง ณไตรมองเนื้อนาง แววตารู้สึกผิด ขยับเข้ามาใกล้
“เนื้อนาง...ผมขอโทษ”
ณไตรแตะไหล่เนื้อนางแผ่วเบา แต่เนื้อนางสะบัดมือ ปัดมือณไตรออกทันที
“สะใจคุณแล้วล่ะสิ ไม่ต้องขอโทษหรอกพ่อเลี้ยงณไตร คนเอาแต่ใจตัวเองอย่างคุณ ก็ดีแต่เห็นชีวิตคนอื่นเป็นของเล่น”
ณไตรถอยกลับไปทันที มองมาด้วยสายตาเย็นชา
“ใช่ แล้วผมก็กำลังสนุกมากด้วย ผมจะรับทุกคนกลับมาอยู่ที่ปาง”
“คุณทำอย่างนี้ทำไม”
“ความพอใจของผมไงล่ะ ผมแค่อยากให้คุณอยู่ที่ปางเหมือนเดิม”
เนื้อนางแดกดัน “ให้แม่นายกับคุณแขไขตามมาตบตีฉันอีก”
“ผมรับปากเรื่องนั้นไม่ได้ แต่ผมจะพยายามกันคุณให้อยู่ห่างคนบ้านหิมวัต”
ณไตรติดกระดุมเสื้อเหมือนไม่ทุกข์ร้อน
“คิดดู เนื้อนาง ทุกคนที่คุณรัก จะได้กลับมาอยู่เหมือนเดิม รวมกันที่นี่ ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องเร่ร่อน แค่คุณยอมอยู่กับผม”
“ในฐานะอะไร”
“ผู้หญิงของผม”
“แม่นายกับคุณแขไข เค้ายอมให้คุณ ลงมาเกลือกกลั้วผู้หญิงชาวบ้านอย่างฉันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เรื่องของเรา ผมคนเดียวที่จะอนุญาตทุกอย่าง”
ณไตรก้มลงมามองเนื้อนาง แววตากร้าว วางอำนาจใส่
“อยู่ที่นี่ แล้วทุกคนจะไม่ต้องลำบากอีก แต่ถ้าหนี ผมก็ตามลากตัวคุณกลับมา ไม่ว่าหน้าไหนที่มันช่วยคุณ ผมจะตามจองเวรให้มันเดือดร้อนแสนสาหัส”
“คุณจะทำอะไร เจ้าแสนพรหม”
ณไตรบีบแขนเนื้อนางทันที
“ต่อไปนี้ ห้ามพูดชื่อผู้ชายคนอื่นให้ผมได้ยิน”
ณไตรผลักเนื้อนางล้มไปบนตียง
“ถ้าผมกลับมา ผมต้องเห็นคุณอยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้น คุณจะไม่มีวันได้เจอคำฝายกับแสงคำอีก”
ณไตรก้าวออกไป ทิ้งเนื้อนางให้อยู่บนเตียงด้วยความกังวล

ฝ่ายเจ้าแสนพรหมผุดลุกผุดนั่งอยู่ในเรือนที่คุ้ม ด้วยความว้าวุ่นใจ ณไตรเดินเข้ามา เจ้าหันไปเห็นก็ยิ้มกว้างทันที
“พ่อเลี้ยง เรามีเรื่องต้องคุยกัน เรื่องเนื้อนาง”
ณไตรนิ่งมองใจเย็น ตรงข้ามกับเจ้าแสนพรหมที่รีบเสนอ
“ผมยกเนื้อนางให้คุณก็ได้ แต่ตอนนี้ผมขอเงินก่อนสักแสน แล้วคุณเอาตัวเนื้อนางไปอยู่ด้วยอาทิตย์นึง พอผมมีเงิน ผมจะไปรับเนื้อนางกลับมา”
ณไตรโกรธสุดขีด ชกเจ้าแสนพรหมเต็มแรง ร่างอวบอ้วนของเจ้าแสนพรหมล้มคว่ำไป
“บัดซบ ผู้หญิงไม่ใช่สินค้าที่แกจะเอาไว้แลกเปลี่ยนเป็นเงิน”
“เนื้อนางเป็นเมียชั้น ชั้นจะทำอะไร ยกให้ใครก็ได้”
“ฉันจะยกหนี้ที่บ่อนไพ่เมื่อคืนให้ แลกกับตัวเนื้อนาง”
“แก...แกอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
“ไม่มีเบื้องหน้า เบื้องหลัง ผีพนันที่สิงอยู่ในวิญญาณของแก มันหิวแต่เงิน และฉันก็แน่ใจว่า เวลานี้แกกำลังร้อนเงินอย่างที่สุด เพราะฉะนั้น...” ณไตรจ้องเจ้าแสนพรหมที่แค้นแทบกระอัก
“หยุดตามหาเนื้อนาง ฉันจะให้ทนายเอาเงินมาให้ แล้วแกก็เซ็นสัญญากู้เงินซะ ถ้าไม่มีจ่าย ฉันจะยึดกิจการทั้งหมดของแก รวมทั้งคุ้มนี้ด้วย”
“แก ไอ้ณไตร...ไอ้พ่อเลี้ยงเจ้าเล่ห์”
“ฉันยังเจ้าเล่ห์ ชั่วช้าน้อยกว่าแก เลิกคิดจะยกผู้หญิงใช้หนี้ใครอีก ถ้าแกไม่หยุด ฉันจะเป็นคนแจ้งตำรวจเอง ยังไงฉันก็จะหาเรื่องเอาผิดแกให้ได้”
“พ่อเลี้ยงณไตร มึงกล้าหักหน้ากู”
“แกไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากเป็นหนี้หิมวัต แล้วก็หยุดการพนันซะ ก่อนที่จะไม่เหลือกระทั่งชีวิตตัวเอง”
ณไตรมองขู่ด้วยสายตาดุดัน แล้วหันหลังออกไปไม่มีข้อต่อรองอะไรให้อีก เจ้าแสนพรหมตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ แปงเข้ามาใกล้ เจ้าแสนพรหมถีบแปงกระเด็นไป ระบายแค้น เจ้าคำรามเสียงก้อง
“ไอ้พ่อเลี้ยงณไตร มึง...มึงเอาเนื้อนางไปจากกูจนได้”

เนื้อนางแต่งตัวเรียบร้อย มองเสื้อที่ถูกณไตรฉีกขาดแล้วดึงมาปิดหน้าอกไว้ ทอดสายตามองไปไกล
“ให้ฉันอยู่ในฐานะผู้หญิงคนนึงของคุณ คุณแขไขสินะที่คุณจะยกย่องให้เป็นเมีย”
สีหน้าเนื้อนางหมองเศร้าเมื่อคิดถึงความจริง

ส่วนในบ้านเช่า คำฝาย กับ ประกาย กำลังมองม่อนดอยที่อยู่ตรงหน้า
“พวกเราจะได้กลับไปอยู่ที่ปางเหมือนเดิม”
“ฉันไม่กลับปาง จนกว่าฉันจะได้รู้ว่าเนื้อนางไปไหน ไอ้ม่อนดอย แกพาเนื้อนางออกไป แล้วทำไมไม่พาเนื้อนางกลับมา”
“ใจเย็นๆ คำฝาย ฟังฉันก่อน พ่อเลี้ยงให้ฉันมาพาทุกคนกลับไปที่ปาง”
“พ่อเลี้ยง ไอ้พ่อเลี้ยงณไตรน่ะเหรอ”
“เดี๋ยวๆ...ปาง...ปางอะไร พวกแกพูดถึงปางอะไร”
ประกายถามโพล่งขึ้น สีหน้าอยากรู้มาก

ไม่นานต่อมา คำฝายก้าวมายืนหน้าเรือนเนื้อนาง ประกายตามมาด้านหลังมากับม่อนดอย ประกายมองอย่างรังเกียจไปหมดทุกอย่าง
“เนี่ยเหรอ ปางไม้หิมวัต...แกจะให้ฉันอยู่ที่นี่”
คำฝายหมั่นไส้ “ไม่อยู่ ก็ไสหัวออกไปเลย นังคุณประกาย กลับไปที่คุ้ม ไปอยู่กับเจ้าเลยก็ได้”
“เชอะ แกอย่าคิดว่าฉันไม่มีทางไป”
“นี่ฉันไม่ได้ง้อให้แกตามมาด้วยเลยนะ ถ้าแกมีที่สิงสถิตดีกว่านี้ ก็เชิญ...รีบไปให้พ้นหูพ้นตาฉัน”
ม่อนดอยรีบกระแซะไปใกล้ประกาย
“อยู่เรือนนี้ไปก่อนแล้วกัน ประกาย วันหลังค่อยขยับขยาย ไปอยู่เรือนม่อนดอย”
“ไปยืนหายใจห่างๆ ฉันเลย ม่อนดอย อย่าเข้ามาใกล้ ฉันขนลุก”
ประกายเบ้หน้า แสดงความรังเกียจม่อนดอยชัดแจ้ง
ม่อนดอยยิ้มเขินๆ ถอยห่าง พอหันไปเห็นแสงคำตรงรี่เข้ามา
“มาแล้วเหรอวะ แสงคำ ดีใจมั้ยได้กลับบ้านกันแล้ว”
แสงคำไม่ตอบ พุ่งเข้าไปชก ม่อนดอยล้มกลิ้งไปกับพื้น คำฝายกับประกายตกใจ
“ไอ้ม่อนดอย ไอ้เพื่อนทรยศ แกช่วยไอ้หนานไตรทำไม”
แสงคำชกม่อนดอยกลิ้งไปอีกหมัด ม่อนดอยลุกได้ก็เถียง
“แล้วแกจะแยกผัวแยกเมียเค้าทำไมวะ หนานไตรกับเนื้อนางเค้ารักกัน”
แสงคำสวนเสียงแข็ง “เนื้อนางไม่ได้รักหนานไตร”
“ป่านนี้เอ็งยังหลอกตัวเองอีกเหรอวะ ไอ้แสงคำ ถ้าคนเค้าไม่รักกัน พ่อเลี้ยงเค้าไม่ช่วยเนื้อนางออกมาจากเจ้าแสนพรหมหรอก แล้วพวกเราอีก เค้าพาพวกเรากลับมา ก็เพราะเค้าอยากเห็นเนื้อนางสบายใจ พ่อเลี้ยงเค้าทำเพื่อเนื้อนาง”
แสงคำทนฟังไม่ได้กำหมัดปรี่จะเข้าชกม่อนดอย
“แกมันพวกไอ้หนานไตร”
“หยุด หยุดกัดกันก่อน ตอนนี้ฉันอยากรู้ที่สุด ไอ้พ่อเลี้ยงมันเอาเนื้อนางไปไว้ที่ไหน”
คำฝายกับแสงคำ มองม่อนดอยอย่างคาดคั้น

ฟากณไตร เดินเร็วขึ้นมาบนเรือนหอต้นไม้ มองไปทั่วเรือน แต่ไม่เห็นเนื้อนาง

ณไตรใจหายวับห่วงนางผู้เป็นยอดดวงใจครามครัน “เนื้อนาง”

อ่านต่อหน้า 3

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 9 (ต่อ)

เนื้อนางเดินแกมวิ่งมาในป่าหลังปาง ตั้งใจหนีณไตรออกไปจากปางให้ได้ กิ่งไม้แห้งอันใหญ่ร่วงลงจากต้นไม้มาตรงหน้า เนื้อนางตกใจ ผงะถอย ขาไปสะดุดเข้ากับรากไม้บนพื้นล้มลง

เนื้อนางจับข้อเท้าที่พลิก ครางออกมาด้วยความเจ็บ แต่กัดฟันยันตัวลุกขึ้น ไม่ยอมหยุดพักเขย่งขาเดินไปต่อทันที
ส่วนณไตรลงบันไดเรือนหอต้นไม้ วิ่งโลดแล่นออกไปโดยเร็ว เพื่อให้ทันเนื้อนาง

คำฝายถามย้ำต่อหน้าม่อนดอย ประกาย และแสงคำที่ยืนใกล้
“ไอ้พ่อเลี้ยงมันเอาเนื้อนางไปไหน พูดมาเร็วๆ ไอ้ม่อนดอย อย่ามัวอมพะนำ”
“พ่อเลี้ยงเค้าก็ไม่ได้บอกฉันไว้ แต่เดี๋ยวพอปรับความเข้าใจกันได้ เค้าก็คงพาเนื้อนางกลับมาให้เองแหละน่า”
บุญลือเดินมาจากทางเรือนพักคนงาน มองเห็นกลุ่มคำฝาย ก็รีบตรงเข้ามาเอาเรื่อง
“พวกแกมาที่นี่ทำไมอีก ใครอนุญาตให้เข้ามา”
ทั้งกลุ่มหันไปมองบุญลือ
“คนอนุญาตน่ะมีแน่ ก็พ่อเลี้ยงณไตรไงล่ะ” ม่อนดอยพูดใส่หน้า
“พ่อเลี้ยงไม่ได้บอกฉันไว้”
ประกายงง “เดี๋ยวๆ นี่ใครอีกล่ะ”
บุญลือยืด วางอำนาจ “ฉัน บุญลือ ผู้จัดการปาง ใครจะอยู่จะไปที่นี่ ฉันต้องรู้”
แสงคำฉุน “พวกข้าก็ไม่ได้อยากกลับมาเห็นหน้าเอ็งนักหรอก”
“ยังไงล่ะ ไอ้ม่อนดอย บอกว่าพ่อเลี้ยงณไตรให้เรากลับมาอยู่ที่นี่ แล้วตอนนี้พ่อเลี้ยงคนดีของแกหายหัวไปอยู่ไหน”
คำฝายหันไปทางม่อนดอยอย่างเอาเรื่อง

เนื้อนางเดินลากขาที่เจ็บมาในป่า เจ็บจนต้องยืนเท้าแขนกับต้นไม้หยุดพัก สูดลมหายใจเอาแรง หันหลังกลับมาจะเดินต่อ แต่เจอณไตรที่ตามมาพุ่งเข้ามาจับไหล่เนื้อนางไว้แน่น
“ผมบอกแล้วว่าอย่าหนี”
“ฉันจะไม่อยู่รอให้คุณมาข่มเหงฉันอีก”
ณไตรกระชากแขนเนื้อนางอย่างแรง ไม่รู้ว่าเนื้อนางเจ็บขา
“โอ๊ย”
เนื้อนางร้องขึ้น ณไตรหันมามอง
“เป็นอะไร...เจ็บขา”
“เปล่า”
ณไตรโมโหที่เนื้อนางปฏิเสธทั้งๆ ที่เจ็บ
“ไม่เจ็บก็เดินมาสิ เร็วๆ หรือจะต้องให้อุ้ม”
“ไม่ต้องอุ้ม...ทิ้งฉันไว้ที่นี่ก็ได้”
“ไม่ได้หรอก ผมบอกแล้วว่าคุณต้องอยู่กับผม ทิ้งคุณไว้ เดี๋ยวพอไอ้แสงคำมาคุณก็จะบีบน้ำตา ให้มันอุ้มกลับไปที่ปาง”
เนื้อนางกัดฟัน ข่มความเจ็บ ประคองตัวเดินตรง ไม่ยอมง้องอนณไตร แต่เดินได้แค่ 2-3 ก้าวก็ล้มลง
ณไตรมอง แล้วเดินเข้ามาอุ้มเนื้อนางขึ้น เนื้อนางขัดขืน
“ปล่อยฉันลง”
“อวดเก่ง...ที่ผมอุ้มน่ะ เพราะไม่อยากให้เสียเวลาอยู่ด้วยกันที่ปางของเรา”
ณไตรแววตาหยัน เนื้อนางดิ้นแต่ณไตรไม่สนใจ อุ้มเนื้อนางเดินเร็วออกไป

ที่หน้าเรือนเนื้อนางตอนนี้ คำฝายยืนไม่ติดห่วงเนื้อนาง ประกายหงุดหงิด ถามขึ้น
“แล้วจะเอายังไงกัน ถ้าเกิดพ่อเลี้ยงไม่มา ฉันจะมีเรือนพักส่วนตัวใช่มั้ย”
คำฝายหมั่นไส้ “ห่วงแต่เรื่องของตัวเองจริงๆ นะ นังประกาย”
“ก็ใช่น่ะสิ นี่มันจะมืดจะค่ำแล้ว ยังไงคืนนี้ก็ต้องมีที่นอน ไม่ใช่ต้องออกไปร่อนเร่”
“ไอ้ม่อนดอย พ่อเลี้ยงมันพาเนื้อนางไปที่เรือนหอต้นไม้หรือเปล่า”
ม่อนดอยมีสีหน้าไม่แน่ใจ แสงคำพูดขึ้น
“ไปกับฉัน ม่อนดอย ไปตามหาเนื้อนาง”
แสงคำจะเดินไป เห็นณไตรอุ้มเนื้อนางมาจากอีกด้าน ทุกคนหันไปมอง
คำฝายดีใจ “เนื้อนางมาแล้ว”
ณไตรอุ้มเนื้อนางมาถึงกลุ่มคำฝาย
“แกทำอะไรเนื้อนาง”
แสงคำก้าวมาขวาง ณไตรตวาด
“ถอยไป อย่ามาเกะกะ บุญลือ ไปเอากล่องยาที่เรือนผู้จัดการมา”
“แล้วพวกนี้ล่ะครับ พ่อเลี้ยง”
“ก็หาเรือนคนงานให้อยู่สิวะ ไปเอากล่องยามาก่อน เร็ว”
บุญลือมองคำฝาย ม่อนดอย ยืดใส่ บุญลือจำต้องวิ่งกลับไปทางเรือนผู้จัดการ

เนื้อนางมองแสงคำที่มองมาด้วยสายตาห่วงใย ก็เอ่ยปากบอก
“เนื้อนางหกล้ม ไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะ อ้ายแสงคำ”
ณไตรได้ยินก็ฉุน อุ้มเนื้อนางก้าวพรวดๆ ขึ้นเรือนไป คำฝาย แสงคำตามขึ้นไปด้วย เหลือประกายกับม่อนดอย
“อะไรเนี่ย เนื้อนาง ทำไมถึงได้มีแต่ผู้ชายหล่อๆมารุมรักแก”

ประกายหันมาเจอม่อนดอยส่งสายตาหวานฉ่ำมาให้ เบือนหน้าหนีทันที

ณไตรวางร่างเนื้อนางลงบนเสื่อ เนื้อนางขยับตัวหนี ณไตรจับข้อเท้ายึดไว้ คำฝายกับแสงคำตามเข้ามา ณไตรหันไปบอก

“ฉันจะดูแลเนื้อนางเอง”
“ไม่ต้องหรอก ฉันดูได้”
ณไตรหันมาพูดกับเนื้อนาง
“บอกเค้าไปสิเนื้อนาง ว่าเธอจะอยู่ที่นี่กับฉัน” พ่อเลี้ยงลดเสียงลง “หรือเธอจะให้พวกนี้ไม่มีที่ซุกหัวนอน”
เนื้อนางมองไปที่คำฝายกับแสงคำ
“พี่คำฝายกับแสงคำไม่ต้องเป็นห่วงนะ ให้พ่อเลี้ยงเค้าดูก็ได้”
“เนื้อนาง แต่ว่า...” แสงคำอิดออด
ณไตรสวนขึ้นทันที “ทำไมต้องให้พูดซ้ำๆ ฟังไม่ออกหรือไง ว่าฉันกับเนื้อนางจะอยู่ด้วยกันที่นี่ สองต่อสอง ไม่ต้องการคนอื่น”
คำฝายฉุน “เนื้อนาง พ่อเลี้ยงมันบังคับใจตั๋วใช่มั้ย”
เนื้อนางมองณไตรนิ่งๆ ณไตรขยับเข้าไปใกล้ โอบกอดเนื้อนางไว้ มองแสงคำ กับคำฝาย
“บอกความจริงเค้าไปสิ เนื้อนาง”
“เนื้อนางจะอยู่ที่นี่...กับพ่อเลี้ยง”
คำฝาย กับแสงคำมีสีหน้าผิดหวัง
บุญลือถือกล่องยามาวางให้
“ไม่มีอะไรแล้ว ออกไป ฉันจะทายาให้เนื้อนาง”
ณไตรไล่ บุญลือถอยออกไปก่อน แสงคำกับคำฝายมองเนื้อนางไม่ขยับ เนื้อนางมองแล้วยิ้มให้
“ไม่ต้องห่วงจ้ะ พี่คำฝาย อ้ายแสงคำตามบุญลือ ไปหาเรือนพักกันก่อนเถอะจ้ะ”
คำฝาย กับแสงคำจำต้องตามออกไป

ณไตรหันมามองเนื้อนางตาขุ่น
“ไม่ต้องส่งสายตาไปออดอ้อนขอความเห็นใจไอ้แสงคำมันอีก” ณไตรจับหน้าเนื้อนางมามองที่หน้าตัวเอง “เธอทำถูกแล้วที่เห็นแก่ทุกคน”
“ฉันไม่หนีเพราะฉันรู้ว่าคนอย่างคุณ จะต้องตามหาเรื่องเราอีกจนได้ เพราะฉะนั้นฉันจะอยู่ที่นี่ ใช้ชีวิตของฉัน มาดูกัน พ่อเลี้ยงณไตร ว่าฉันกับคุณ ใครจะทนไม่ได้ก่อนกัน”
เนื้อนางมองโต้ณไตรกลับด้วยสายตาท้าทาย ไม่ยอมแพ้

คำฝายแสงคำยืนข้างประกาย ม่อนดอย ทุกคนอยู่ตรงข้ามบุญลือ
“ตามฉันมา ฉันจะพาไปเรือนพัก”
“พวกฉันไม่หลงหรอก อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด ก่อนแกมาด้วยซ้ำ” คำฝายเน้นเสียง “ทั่นผู้จัดการบุญลือ”
“อยู่มานานแค่ไหน แต่ตอนนี้ฉันดูแลที่นี่ พวกแกเป็นคนงานที่ต้องฟังฉัน”
ม่อนดอยหมั่นไส้ “ใหญ่โตคับปางจริงเว้ย ผู้จัดการคนนี้”
บุญลือมองทุกคนอย่างไม่ชอบหน้า แสงคำยังมองไปในเรือน
“ไปได้แล้ว ไอ้แสงคำ พ่อเลี้ยงสั่งห้ามใครรบกวน” บุญลือเร่ง
“เอ็งนี่เก่งเรื่องคอยรับคำสั่งนาย”
“เอ็งก็เก่งเรื่องดื้อด้านกับคำสั่งนาย ตามมาได้แล้ว ฉันไม่มีเวลาดูแลพวกแกนานๆ หรอกนะ”
บุญลือเดินนำออกไป คำฝายบ่นบ้าออกมา
“กลับมาคราวนี้ ท่าทางอะไรๆมันจะไม่สงบสุขเหมือนเดิมแล้ว”
“แต่ก็ยังดีที่ได้กลับบ้าน อยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนที่ปางนี้ อย่างน้อยพวกเราก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน” ม่อนดอยหันไปมองประกายตาหวานฉ่ำ “แล้วก็มีประกายเพิ่มมาด้วย”
“ฉันคงอยู่ไม่นานหรอกนะ” ประกายหน้าเชิด “เดี๋ยวก็ต้องมีผู้ชายหล่อๆ รวยๆ มารับฉันออกไปแต่งงาน คนอย่างประกายไม่ได้เกิดมาหมกตัวอยู่กลางป่ากลางดอยแบบนี้”
ประกายเดินเชิดตามบุญลือไป ม่อนดอยหน้าหงอย คำฝายหัวเราะเยาะ ม่อนดอยพูดขึ้นแบบสมเพชตัวเอง
“ได้ยินชัดมั้ย ไอ้ม่อนดอย ไอ้ผู้ชายขี้เหร่ จนมาก”
แสงคำมองไปบนเรือนอีก คำฝายเห็นแล้วก็เตือนขึ้น
“ไปได้แล้ว อ้ายแสงคำ ยังไงพวกเรามันก็คนนอก ให้ผัวเมียเค้าคุยกันเอง”
ม่อนดอย กับคำฝายเดินไป แสงคำจำใจเดินตาม

ฝ่ายณไตรกำลังทายานวดให้ข้อเท้าเนื้อนางที่นั่งพิงฝาเรือน เนื้อนางมองนิ่ง ณไตรเงยขึ้นมาสบตาเนื้อนางพอดี
“ทำไมคุณไม่ไปอยู่เรือนรับรองแขก”
“เมียอยู่ไหน ผัวก็ต้องอยู่ที่นั่น แล้วคนที่มันไม่ใช่ โดยเฉพาะไอ้แสงคำ ก็อย่าเอาเข้ามา ให้ผมเหม็นหน้ามันยิ่งกว่านี้”
“ถ้าคุณรังเกียจฉัน คิดว่าฉันใจง่าย ยอมเป็นของผู้ชายทุกคน คุณจะมาแตะต้องฉันอีกทำไม”
เนื้อนางย้อนถาม ณไตรอึ้งไปชั่วขณะเพราะคำถามจี้ใจ ก่อนจะเหยียดยิ้ม
“เพราะคุณเป็นเมียคนโปรดของผม ผมจะมีเมียอีกกี่คนก็ได้ แต่รับรองว่าผมจะไม่ลืมคุณ”
เนื้อนางหน้าร้อนผ่าวกับสายตาดูหมิ่นของณไตร น้ำตาคลอ จนต้องเบือนหน้าหนีซ่อนน้ำตา
สายตาณไตรเปลี่ยนเป็นอ่อนลงด้วยความเห็นใจ แต่เพียงแวบเดียวณไตรก็กระชากเสียงปิดบังความในใจ
“นอนลง”
เนื้อนางหันขวับมามอง ณไตรจับเนื้อนางให้นอนลงมองจ้อง เนื้อนางมองระแวง
“นอนพักซะ”
“คุณจงใจทรมานฉัน”
“อย่าร้องขอความเห็นใจ คุณต้องทนให้ได้ เพราะผมเป็นคนพาคุณออกมาจากเจ้าแสนพรหม”
“ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณช่วย”
“แสดงว่าคุณอยากจะเป็นเหมือนเอื้องเดือน พิมพา เหมือนผู้หญิงของเจ้าทุกคน”
เนื้อนางสงสัย “เจ้าทำอะไรกับเมีย”
“ถ้าคุณไม่รู้ ก็ถามประกายดู” ณไตรมองเนื้อนางแล้วเอ่ยบอก “นอนซะ ผมจะอยู่ตรงนี้”
“ฉันเจ็บขาอย่างนี้ จะหนีไปไหนได้”
เนื้อนางค่อนมองค้อน ณไตรแอบอมยิ้ม แต่พอเนื้อนางหันมามองเขาก็ตีหน้าขรึม เนื้อนางนอนหันหลังให้

ณไตรทอดสายตามองมาที่เนื้อนางด้วยความรักที่ไม่สามารถแสดงออกเปิดเผยเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

เย็นวันเดียวกันแขไขยืนมองหาจันตา เห็นวันดีเดินผ่านมาจึงถามขึ้น

“เห็นจันตามั้ย”
“ไม่เห็นเจ้า คุณแขไขใช้จันตาไปทำอะไรหรือเจ้า”
“ฉันแค่ถามเฉยๆ เป็นคนงาน อย่าเที่ยวอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเจ้านายเข้าใจมั้ย ป้าวันดี”
“ป้าเข้าใจดี ว่าเป็นคนงานต้องทำตัวยังไง” วันดีมองแขไขนิ่ง
“เข้าใจก็ไปทำงานสิ จะมายืนจ้องหน้าฉันทำไม ไม่มีใครสอนหรือไง ว่าจ้องหน้าเจ้านายแบบนี้มันเสียมารยาท ฉันคงต้องอบรมคนงานที่นี่ใหม่”
“บ้านหิมวัตของเรา มีกฎระเบียบอยู่แล้ว ทุกคนต้องเชื่อฟังคำสั่งแม่นาย”
“อีกหน่อยทุกคนก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของฉันเหมือนกัน”
“รอให้คุณได้แต่งงานเป็นสะใภ้ของหิมวัตก่อนเถอะเจ้า ถึงตอนนั้นทุกคนที่นี่ก็คงเต็มใจก้มหัวให้คุณ”
“จองหอง ถือว่าอยู่มานาน คิดว่าฉันจะไม่กล้าไล่ออกหรือไง”
วันดีมองแขไขด้วยสายตานิ่งเฉย ไม่อ่อนโยนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา
“อย่าไล่ป้าออกเลยค่ะ ป้าอยู่บ้านหิมวัตมานานเท่าอายุคุณธรรพ์ ถ้าต้องตาย ป้าก็ขอตายที่นี่”
แขไขมองเข้นเขี้ยว แล้วสะบัดหน้าเดินออกไป ไม่อยากเสวนาด้วย วันดีมองตาม แววตามีแต่ความชิงชังรังเกียจแขไข

คืนนั้น บุญลือยืนอยู่ตรงหน้าณไตรที่กำลังสั่ง
“เรื่องทุกอย่างที่นี่ ห้ามแกปากมาก รายงานไปที่บ้านหิมวัต แล้วก็คอยดู อย่าให้แสงคำเข้าใกล้เนื้อนาง เวลาที่ฉันไม่อยู่ ใช้ให้ไอ้แสงคำ มันไปช่วยตัดไม้ ลากไม้ในป่าหลายๆ วัน ไปเป็นเดือนเลยยิ่งดี”
“คำฝาย กับม่อนดอย แล้วก็ประกายล่ะครับ”
“หางานให้ทุกคนทำ ให้ทุกคนเข้าใกล้เนื้อนางได้ ยกเว้นแสงคำ”
“ครับ”
ณไตรหน้าเข้มเคร่งด้วยความหึงหวงในใจ

คืนนี้เนื้อนางช่วยคำฝายเก็บจานข้าวที่เพิ่งกินเสร็จใส่ถาด มีประกายนั่งอยู่ใกล้
“เรื่องเจ้าแสนพรหมที่พ่อเลี้ยงเค้าบอก ก็อย่างที่ฉันเล่ามาทั้งหมดนั่นแหละ เจ้าแสนพรหมเค้ามีเมียไว้ใช้ขัดดอกเจ้าหนี้”
“โชคดีของตั๋วแล้ว เนื้อนางที่ไม่ได้เป็นเมียเจ้า”
เนื้อนางกับคำฝายยิ้มอย่างโล่งใจ ประกายฟังแล้วสงสัย
“แกว่าไงนะ เนื้อนางไม่ได้เป็นเมียเจ้า”
ประกายมองจ้อง ไม่อยากจะเชื่อ เนื้อนางเอ่ยบอก
“ฉันไม่ได้เป็นเมียเจ้าแสนพรหม พี่คำฝายช่วยฉันไว้ทุกครั้ง”
“แล้วพ่อเลี้ยงณไตรล่ะ เธอเคยเป็นเมียพ่อเลี้ยงณไตรมาก่อนจริงๆ หรือเปล่า”
คำฝายคุย “ก็คนเค้าแต่งงาน กินแขกกัน แกคิดว่ายังไงละ จะต้องให้เล่าเหมือนไปนั่งอยู่ในเรือนด้วยมั้ย”
“ตกลงว่าเธอไม่ได้เป็นเมียเจ้าแสนพรหม ไม่ได้เป็นเมียแสงคำ แต่เป็นเมียของพ่อเลี้ยงณไตร แล้วทำไมปล่อยให้คนอื่นเข้าใจผิดล่ะ เนื้อนาง”
“ใครจะคิดยังไงก็ช่าง ฉันไม่เคยเป็นเมียผู้ชายคนไหนทั้งนั้น นอกจาก...”
เนื้อนางมองไปเห็นณไตรกำลังเดินมา ก็หยุดพูด คำฝาย กับประกายมองเห็นณไตรก้าวมาหยุดหน้าเรือน
“พวกเรามาหา เป็นห่วงเนื้อนาง เอาข้าวมาให้กิน”
“ฉันสั่งบุญลือไปแล้ว พรุ่งนี้เธอกับประกายก็เริ่มทำงานในปางได้เหมือนเดิม”
“จะให้ฉันทำอะไร ฉันเก็บขี้ช้างไม่เป็นหรอกนะ”
“ถ้าเธออยากไปอยู่ที่อื่นก็ได้นะ ประกาย ฉันจะช่วยฝากงานให้ ทำอะไรได้บ้างล่ะ”
“ก็บีบๆนวดๆ แล้วก็คอยปรนนิบัติ ป้อนน้ำป้อนข้าว” ประกายบอกล้วนเป็นงานเมียน้อย
คำฝายหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำตอบนั้น
“คนงานผู้ชายที่นี่ ไม่มีหรอกที่จะให้แกเอาใจแบบนั้น เอ๊ะ ไอ้ม่อนดอยอาจจะชอบเนาะ”
ประกายมองค้อนคำฝาย เนื้อนางพูดแนะขึ้น
“ช่วยพี่คำฝายดูแลทำงานในครัวสิ ประกาย อย่างน้อยอยู่ในปางนี้ ก็ปลอดภัยกว่าอยู่ในเวียง เจ้าแสนพรหมคงมาตามหาเธอไม่เจอ”
ประกายคิดปราดเดียว แล้วก็พยักหน้า
“อืม ก็จริงของเธอ เนื้อนาง แต่ถ้าวันไหน ฉันเจอผู้ชายรวยๆ ที่รักฉันจริง ฉันก็จะไปจากที่นี่ทันทีเลยนะ บอกไว้ก่อน”
“ไปๆ ฝันก็ไปนอนซะ นังประกายเอ๊ย”
คำฝายถือถาดข้าวเดินนำประกายลงจากเรือน
“รับรองว่าฉันต้องหาผัวใหม่ได้ดีกว่าไอ้ผัวกะล่อนอย่างเจ้าแสนพรหม”
“ไม่อยากเป็นเมียช่างอย่างไอ้ม่อนดอยมันเหรอ มันบ่นอยากมีเมียมาหลายปีแล้ว”
ประกายทำท่าขนลุกขนพอง คำฝายหัวเราะชอบใจ
เนื้อนางมองสองคนที่เดินห่างกันไปด้วยรอยยิ้ม พอหันกลับมาก็เจอสายตาคมกริบของณไตรที่จ้องอยู่

เนื้อนางลุกขึ้น ขยับเดินเข้าไปในเรือนทันที ณไตรก้าวตามไป

เนื้อนางเดินเข้ามาในห้อง เกาะโต๊ะพยุงตัว ณไตรเดินเข้ามาซ้อนหลัง เนื้อนางขยับหนีแต่ณไตรจับไหล่ประคองไว้ พาเนื้อนางนั่งลง เนื้อนางมองณไตรแล้วถามขึ้น

“ทำไมคุณยังไม่กลับบ้านหิมวัต”
“ดึกแล้ว ผมไม่อยากขับรถ”
“แต่ก่อนคุณก็ขับรถออกจากปางไปตอนดึกๆ”
ณไตรนึกเคือง “คิดแต่จะไล่ให้ผมพ้นหูพ้นตา จะได้ทำอะไรๆ สะดวก”
“ฉันไม่ได้พูดพาลหาเรื่องเหมือนคุณนะ ฉันรู้ต่างหากว่า ถ้าคุณไม่กลับบ้าน แม่นายกับคุณแขไขก็จะมาตาม แล้วทุกคนที่นี่ก็จะเดือดร้อนกันอีก”
ณไตรมองเนื้อนางที่พูดความจริง แล้วปัด ไม่อยากเถียงเรื่องนี้
“เรื่องนั้นผมจัดการเอง ดึกแล้ว ทำไมยังไม่นอน”
เนื้อนางกระเถิบถอย แต่ณไตรเข้ามารวบตัวไว้
“จะถอยไปถึงไหน เรือนก็มีแค่นี้ ยังไงผมก็จะนอนที่นี่ ตรงนี้”
เนื้อนางไม่อยากมองสบตาณไตรที่อยู่ใกล้มาก ณไตรดันร่างเนื้อนางนอนลงไป
“ผมจะกอดคุณไว้อย่างนี้”
เนื้อนางนอนหันหลังให้ ณไตรกอดจากด้านหลัง ดึงเนื้อนางมาชิด และกอดเนื้อนางไว้ไม่ยอมให้ขยับหนีได้ณไตรหอมลงที่เรือนผมเนื้อนางเบาๆ แล้วกระชับอ้อมกอดทอดเสียงนุ่มบอก
“นอนซะ...เนื้อนาง”
เนื้อนางอมยิ้มน้อยๆกับตัวเองที่ได้รับความอบอุ่นเหมือนเคย

แดดยามเช้าส่องมายังร่างณไตรที่มีเนื้อนางนอนหันหน้าเข้าหา ซุกอยู่ในอก สักครู่เนื้อนางรู้สึกตัว ขึ้นก่อน ขยับจะลุก แต่ณไตรขยับมากอดไว้
“แดดส่องตาแล้ว ตื่นเถอะ”
ณไตรลืมตาตื่น เนื้อนางขยับลุกขึ้นนั่ง ณไตรลุกขึ้น มองภาพเนื้อนางผมยาวสลวย ใบหน้าหมดจด เป็นภาพความงามภาพแรกในยามเช้า หัวใจณไตรลืมความบาดหมางไปชั่วครู่ เอื้อมมือไปประคองหน้าเนื้อนางแล้วเข้าไปจูบลงที่แก้มแผ่วเบา
เนื้อนางเอียงอาย ณไตรเลื่อนตัวเข้าไปใกล้ เนื้อนางดันอกณไตรไว้เบาๆ ไม่ยอมให้เข้าใกล้อีก
“ถ้าฉันไม่ออกไป เดี๋ยวพี่คำฝายไม่เห็น...ก็ต้องมาเรียกหา”
เนื้อนางค่อยๆ ลุกเดินออกไป ณไตรมองตามสายตามีแต่ความรัก ความเสน่หาลึกซึ้งกับเนื้อนาง

ขณะที่แขไขเดินไปเดินมาอยู่ในสวนบ้านหิมวัตอย่างร้อนใจ จันตาก้าวเข้ามาหาสีหน้ายิ้มพราย แขไขเห็นก็ถามขึ้นทันทีด้วยเสียงอยากรู้
“ได้เรื่องมั้ยว่าเนื้อนางมันอยู่ที่ไหน”
“ยิ่งกว่าได้เรื่องอีก ได้คนมาเลยเจ้า”
แขไขสงสัย จนเห็นรัญจวน กำปุ้ง สร้อยฟ้าที่ก้าวเข้ามา ซึ่งสามคนพอเห็นแขไขก็โผเข้ามากอดขา
“คุณแขไขของรัญจวน ดีใจเหลือเกินที่ได้กอดแทบเท้าคุณแขไขอีกครั้ง”
“พวกแกเป็นยังไงบ้าง สภาพดูไม่ได้เลยนี่” แขไขตกใจกับสภาพสามคน
สร้อยฟ้าบอก “ลำบากเลือดตาแทบกระเด็นเลยค่ะ”
กำปุ้งเสริม “นึกว่าจะไม่ได้กลับมาเห็นหน้า มารับใช้คุณแขคนสวยแสนดีของพวกเราอีกแล้ว”
แขไขมองทั้งสามคน จันตายิ้มเอ่ยบอกกับแขไข
“พวกมันไปเจอเนื้อนางมาเจ้า”
แขไขฟังแล้วหันไปถามสามคนที่ออกอาการคันปากอย่างพูดเต็มทนแล้ว
“แกเจอเนื้อนางที่ไหน อยู่กับใคร เล่ามาให้หมด”

เนื้อนาง คำฝาย ประกายยืนตรงข้ามณไตรที่กำลังจะกลับบ้านหิมวัต บุญลือถือหมวกรอรับคำสั่งอยู่ข้างพ่อเลี้ยง
“ฉันจะออกไปธุระ เย็นนี้จะกลับมาที่นี่ บุญลือ คอยดูคนงานอย่างที่ฉันสั่งด้วย”
“ครับ พ่อเลี้ยง วันนี้มีลากไม้ในป่า พวกควาญเข้าไปตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ดี”
เนื้อนางมองณไตรทันที ณไตรมองกลับด้วยสายตาดุเข้ม
“อยู่ที่นี่ ทุกคนต้องทำงาน ประกาย...คอยอยู่เป็นเพื่อนเนื้อนาง ดูไว้อย่าให้ออกไปนอกปาง”
คำฝายพูดลอยๆ “สั่งยังกะเนื้อนางเป็นนักโทษ”
“ฉันห้ามเพราะถ้าไปเจอคนของเจ้าแสนพรหม พวกเธอจะถูกจับกลับไป แล้วถ้าฉันตามไปช่วยไม่ทัน...ก็ไม่รู้ว่าพวกเธอจะถูกบังคับ ส่งไปรับใช้เจ้าหนี้คนไหนบ้าง”
ณไตรพูดขู่แล้วทิ้งสายตาหยุดมองเนื้อนางอีกทีก่อนจะเดินออกไป บุญลือเดินตามหลัง
คำฝายค้อนควัก หมั่นไส้ ”ขู่จัง”
“พี่คำฝายกับประกายจะไปดูในครัวก็ไปเถอะจ้ะ เนื้อนางจะอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนหรอก”
“งั้นเดี๋ยวพี่ยกข้าวมาให้เอง ไป ประกาย...ไปทำงาน”
“พ่อเลี้ยงสั่งให้ฉันเฝ้าเนื้อนาง”
ประกายอิดออดไม่อยากทำงาน คำฝายดึงแขน
“อย่ามาหาข้ออ้าง จะไปดีๆ หรือว่าจะให้เอาช้างมาลาก”
“อย่าให้ถึงทีฉันมั่งแล้วกันนังคำฝาย”
ประกายเดินตุปัดตุป่องออกไปกับคำฝาย เนื้อนางยิ้มขำ มองบรรยากาศสวยงามคุ้นตาของปางไปรอบๆ
“ตาจ๋า...เนื้อนางได้กลับมาบ้านของเราแล้ว

เนื้อนางรู้สึกสบายใจ ที่ได้กลับมาที่ปางรักแห่งนี้อีกครั้ง

อ่านต่อหน้า 4

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 9 (ต่อ)

ขณะเดียวกัน อีกมุมหนึ่งในบ้านหิมวัต แขไขมีสีหน้าเจ็บใจมากที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากกลุ่มรัญจวน จันตายืนฟังด้วยสีหน้าโมโหไปด้วย

“แกมันตายยากตายเย็นเหลือเกิน เนื้อนาง”
“เสียดายนะคะ เราออกมาซะก่อน เลยไม่รู้ว่า เนื้อนางมันพากันไปอยู่ที่ไหน” รัญจวนว่า
“มันก็มีอยู่ไม่กี่ที่หรอก” แขไขหันมาสั่งทั้ง 3 คน “ฉันจะให้เงินพวกแกไปหาที่อยู่ แล้วแกก็หาทางไปที่ปาง ดูให้ฉันว่าพี่ไตรเอาเนื้อนางไปอยู่ในนั้นใช่มั้ย”
“งานถนัดเลยค่ะ สอดเรื่องชาวบ้าน รับรองเราจะไม่ทำงานให้คุณแขผิดหวัง” กำปุ้งบอก
“พวกแกรีบไป แล้วอย่าให้ใครรู้เรื่องที่มาพบฉัน มีอะไร ก็บอกผ่านจันตา”
“คุณแขไม่อยากให้พวกเราอยู่รับใช้ที่นี่หรือคะ...เรียกง่ายใช้คล่องนะคะ” รัญจวนเจ๋อ
“ไม่ต้อง ที่นี่คนงานเยอะอยู่แล้ว ไม่ต้องแห่กันมาเดินเพ่นพ่านในบ้าน แม่นายท่านไม่ชอบ”
จันตาขวางลำทันที ด้วยไม่ต้องการให้ใครสำคัญกว่า สามคนแอบค้อนวงใหญ่ใส่จันตาที่กันท่า
“ถ้าทำงานนี้สำเร็จแล้ว พวกเราจะได้กลับไปอยู่ที่ปางใช่มั้ยคะ” สร้อยฟ้าถาม
“ฉันจะให้แกได้มากกว่านั้นแน่ ถ้าแกช่วยกำจัดเนื้อนางให้พ้นทางของชั้นสักที”
สามคนมองเห็น แววตาแขไข มีแต่ความเคียดแค้นชิงชังเนื้อนาง

รัญจวน กำปุ้ง และสร้อยฟ้าเดินเม้าท์กันมาตามทางในบ้านหิมวัต
“คุณแขไขนี่ ถ้าฆ่าเนื้อนางได้ คงบีบคอตายคามือไปแล้ว” รัญจวนว่า
“คุณพี่ก็ลงมือเองสิคะ คุณแขจะได้สมนาคุณหนักๆ” กำปุ้งบอก
“นังบ้า ไม่เอาหรอกเรื่องฆ่าคน ฉันกลัวบาป
สร้อยฟ้าประชด “ยังกับที่พวกเราแกล้งเนื้อนางมาตลอดเนี่ยะ ไม่บาปเล้ย”
สามคนกำลังจะเดินพ้นไป ธรรพ์ถือกีตาร์เดินเข้ามาเห็น
“พวกเธอมาทำไมที่นี่ ใครพาเธอมา”
สามคนสะดุ้งหันไปมองทันที
รัญจวนอุทานอย่างตกใจ “คุณธรรพ์”
“คือ...พวกเราเจอจันตาในเวียง ก็เลยขอมาหาคุณแขไข มาด้วยความคิดถึงน่ะค่ะ” กำปุ้งตอแหลทันที
“ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องในปางเลยค่ะ” สร้อยฟ้าเสริม
“พวกเราลานะคะ”
สามคนไหว้ธรรพ์แล้วรีบเดินเร็วออกไป ธรรพ์มองสงสัย

แขไขหันมามองธรรพ์ที่ตามมา ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ก็อย่างที่สามคนนั่นบอก แค่แวะมาหา มาฝากตัวเผื่อฉันมีอะไรจะเรียกใช้”
“แน่ใจว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องเนื้อนาง”
แขไขยิ้มเหยียดท่าทางไม่สนใจอยากจะตอบคำถามธรรพ์เลยสักน้อย
“คนอย่างเนื้อนาง ไม่มีค่าพอที่ฉันต้องลดตัวลงไปสู้ ในเมื่อฉันต้องได้แต่งงานกับพี่ไตรอยู่แล้ว”
“คุณยังคิดจะเป็นเจ้าสาวของพี่ไตรได้อีกเหรอ ไม่ละอายแก่ใจเลยว่าเนื้อตัวคุณมันเป็นของผม”
“ฉันบอกแล้วว่าฉันทำทาน แล้วถ้าสุภาพบุรุษอย่างพี่ไตรรู้ว่าฉันไม่ได้ยินยอมพร้อมใจ แต่แก...น้องชายคนที่พี่ไตรไว้ใจ เชื่อใจ คนที่ทุกคนเห็นว่าดี...แต่ที่จริงกลับเลวระยำ ขืนใจฉัน แกคิดว่าจะยังมีหน้าเป็น คุณธรรพ์ ผู้แสนดีอยู่ในบ้านหลังนี้ได้อีกมั้ย”
ธรรพ์หน้าเครียดเมื่อเห็นแขไขไม่กลัวเลย
“อย่าสะเออะมายุ่งเรื่องแต่งงานของฉันกับพี่ไตรอีก”
แขไขเหยียดยิ้มแล้วเดินเชิดออกไป ธรรพ์มองตามอย่างคับแค้นใจ
“เธอไม่มีวันได้เป็นเจ้าสาวของพี่ไตร” ธรรพ์ใช้ความคิด “เนื้อนาง...พวกรัญจวน...ปางหิมวัต”
ธรรพ์ปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดแล้วเริ่มมั่นใจ พุ่งออกไปที่ปางไม้เพื่อหาความจริง

ที่โรงอาหารปางเช้านั้น คำฝายกำลังตักข้าวให้คนงาน ม่อนดอยต่อแถวมาทางประกายที่ตักให้อย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“ประกายจ๋า ขอข้าวเยอะๆ” ประกายตักให้ ม่อนดอยอ้อยอิ่ง “ขออีกนิด”
“จะกินทั้งหม้อเลยมั้ย”
ประกายวางทัพพี ม่อนดอยมองออดอ้อน
“ที่จริงม่อนดอย เห็นหน้าประกาย ม่อนดอยก็อิ่มแล้วนะ”
คำฝายยกฝาหม้อบังหน้าประกาย ม่อนดอยเจอเข้ากับฝาหม้อเต็มๆ ก็ปัดฝาหม้อออกโวยคำฝาย
“จะกีดกันความรักฉันไปถึงไหน นังคำฝาย อิจฉาหรือไง ที่ฉันไม่จีบแก”
“บุญของฉันที่ไม่มีเอ็งมาวนเวียน ขอส่วนบุญ”
“ไม่ต้องไปว่าคำฝายมันหรอก ถึงไม่มีคนกีดกัน ฉันก็ไม่รับความรักของแก ไอ้ม่อนดอย ไปไกลๆ ชั้นเลย” ประกายว่า
“วันไหนรวย อย่ามาคุกเข่าง้อนะโว๊ย”
ม่อนดอยเดินหงุดหงิด ไปนั่งกินข้าวที่โต๊ะหน้าตาเคืองๆ
ประกายกับคำฝายตักข้าวให้คนงานคนอื่นต่อ

แขไขเดินมาตรงระเบียง เห็นจันตากำลังจัดแจกันดอกไม้ที่โต๊ะให้สวยงาม ก็รีบตรงเข้ามาสั่งทันที
“อย่าเอาพวกรัญจวนเข้ามาในบ้านนี้อีก”
“มีเรื่องอะไรหรือเจ้า”
“ฉันไม่อยากให้คนที่นี่รู้ ว่าฉันใช้พวกมันไปตามล่าหาตัวนังเนื้อนาง”
“โดยเฉพาะคุณณไตรใช่มั้ยเจ้า”
“ทุกคน ฐานะนายหญิงของหิมวัตสูงส่งเกินกว่าจะลดตัวลงไปกลัวผู้หญิงชาวบ้านแค่คนเดียว”
จันตามองเห็นแววตาถือดีของแขไขฉายโชน

ด้านเนื้อนางกำลังนั่งสอยเสื้ออยู่ที่ชานเรือน เห็นเงาคนเดินมาหยุดตรงหน้าเรือน เนื้อนางเงยขึ้นมอง อย่างประหลาดใจ
“คุณธรรพ์”
ธรรพ์มองเนื้อนางเขม็ง ตกใจที่ได้เห็นเนื้อนางจริงๆ แต่ก็ปรับสีหน้าเป็นยิ้มอ่อนโยน
“เนื้อนาง เธอกลับมาอยู่ที่ปางนี่ได้ยังไง”
“คือ…”
ธรรพ์ทำเป็นเดินขึ้นมาถามด้วยสีหน้าห่วงใย
“ตอนเธอหายไปจากปาง ฉันเป็นห่วงมาก แล้วนี่..กลับมาเมื่อไหร่”
“เพิ่งกลับมาจ้ะ”
ธรรพ์มองสังเกตเห็นเนื้อนางสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ ก็ยิ้มให้เป็นกันเอง
“ฉันคงไม่ต้องถามหรอกว่าใครพาเธอกลับมา ก็มีแค่คนๆ เดียวที่ไม่ยอมให้เธอหายไปจากชีวิต...พี่ไตร”
เนื้อนางมองเห็นที่แววตาอ่อนโยน จริงใจของธรรพ์ ก็เลิกระแวงว่าเขามีแผนร้าย

ฝ่ายณไตรเดินเข้าบ้านมานั่งลงอย่างใช้ความคิดเรื่องเนื้อนาง แขไขถือถาดน้ำมะนาวมาวางลงให้ แล้วยิ้มหวาน
“น้ำมะนาวค่ะ เย็นๆ ชื่นใจ แขเตรียมไว้รอพี่ไตร”
ณไตรเห็นท่าทางแขไขไม่อาละวาด ก็ยกแก้วน้ำมะนาวขึ้นดื่มเพื่อรักษาน้ำใจ
“คุณแข ผมว่าเราคงต้องคุย เรื่องที่แม่นายอยากให้เราแต่งงานกัน”
แขไขทำหน้าเศร้าทันที “พี่ไตรจะย้ำว่าไม่แต่งกับแขใช่มั้ยคะ”
“ผมไม่อยากให้คุณแขมาเสียเวลากับผม มีคนดีๆ อีกมากที่คุณแขจะเลือก”
แขไขบีบน้ำตาหยด ณไตรยิ่งอึดอัดเมื่อแขไขสะอื้นออกมา
“พี่ไตรจะบอกว่า รักใครไม่ได้แล้ว นอกจากเนื้อนาง”
“ครับ ผมรักเนื้อนาง”
“ค่ะ แขเข้าใจ แขได้ยินคำว่ารักของพี่ไตร...ที่มีให้แต่ เนื้อนาง” แขไขสะอื้น “ไม่เป็นไรค่ะ แขเข้าใจแล้ว แขควรจะหมดหวัง ไม่ว่าเนื้อนางจะอยู่ที่ไหน พี่ไตรก็จะรัก จะมั่นคงกับเนื้อนางคนเดียว”
แขไขปาดน้ำตา ณไตรมองแล้วสงสาร เลื่อนมือไปกุมมือแขไขอย่างให้กำลังใจ
“คุณแข...ผมขอโทษนะครับ”
“อย่าเพิ่งไล่แขเลยนะคะ ขอแขอยู่ที่นี่อีกสักพัก ให้แขคิดหาเหตุผลว่าจะบอกแม่นาย บอกคุณแม่ว่ายังไง ที่แขจะไม่แต่งงานกับพี่ไตร...ทั้งๆ ที่แขรักพี่ไตรเหลือเกิน”
แขไขบีบน้ำตาหยดลงมาอีก ณไตรพยักหน้า
“ครับ คุณแข”
แขไขลุกขึ้นณไตรลุกตาม แขไขมองแล้วเดินเข้าไปโอบกอดณไตร
“แขยอมถอยแล้ว ยอมทุกอย่างเพื่อความสุขของพี่ไตร”
ณไตรโอบกอดแขไขไว้อย่างให้กำลังใจ
“แขขอให้พี่ไตรกับเนื้อนางสมหวัง ได้อยู่ด้วยกันนะคะ”
แขไขมองณไตรหน้าเศร้า ณไตรยิ้มขอบคุณ
แขไขซบลงในอกณไตร ซ่อนแววตาร้ายกาจต่างจากคำพูดไม่ให้ณไตรได้เห็น
“ณไตร” เสียงแม่นายศรีวัลลาดังขึ้น
ณไตรกับแขไขเลื่อนตัวออกจากกัน แต่แขนยังจับกันไว้ หันมามอง เห็นแม่นายยิ้มมองภาพความใกล้ชิดของทั้งคู่ด้วยความดีใจ
ณไตรกับแขไขมอง แม่นายที่ยิ้มมีความสุข เดินเข้ามาหาทั้งคู่
“ข่าวดีของแม่ล่ะสิ...ตกลงวันแต่งกันได้แล้วใช่มั้ย”
ณไตรกำลังจะเอ่ยพูด แขไขเงยหน้าขึ้นมองเป็นเชิงขอร้อง

พอณไตรเห็นแววตาเศร้าของแขไขก็ยังไม่กล้าพูดเรื่องที่ตกลงกันออกมาให้แม่นายรู้

ฟากเนื้อนางมองธรรพ์ด้วยสายตาลำบากใจเรื่องที่กลับมาอยู่ปาง

“ฉันเห็นใจเธอจริงๆ เนื้อนาง พี่ไตรทำไม่ถูกเลยที่พาเธอมาเก็บไว้ที่นี่ ทั้งๆ ที่ ...”
“ทั้งๆ ที่อะไรหรือจ๊ะ”
“เธอก็รู้ว่าคุณแขเท่านั้นที่ถูกเลือกให้เป็นเจ้าสาวพี่ไตร”
เนื้อนางหน้าเศร้าลง ธรรพ์มองสังเกต
“พ่อเลี้ยงแค่สงสารฉัน...กับทุกคน ถึงพาเรากลับมาอยู่ที่ปาง พ่อเลี้ยงกับฉันไม่มีสัญญา ไม่มีอะไรที่ตกลงกัน...เรื่องอนาคตเลย”
“หมายความว่าเธอจะยอมเป็น...เมีย ที่อยู่แต่ในปางนี้ แล้วให้คุณแขเป็นเจ้าสาวของพี่ไตรที่ทุกคนยอมรับ”
ธรรพ์จงใจพูดให้เนื้อนางเจ็บช้ำ ต่างจากท่าทางที่ทำเป็นเห็นใจโดยสิ้นเชิง
เนื้อนางฟังแล้วถึงกับน้ำตาหยด แต่ก็รีบปาดทิ้ง ฝืนยิ้มให้ธรรพ์
“ฉันกับพ่อเลี้ยงไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว”
“เธอหลอกฉันไม่ได้หรอกเนื้อนาง ฉันเห็นความรักของเธอกับพี่ไตรมาตั้งแต่ต้น ถึงเป็นพี่ชาย แต่ฉันก็เห็นว่าพี่ไตรทำไม่ถูก ที่ทำร้ายหัวใจผู้หญิงดีๆ อย่างเธอ พี่ไตรคงบอกเธอล่ะสิ ว่าเขาไม่ได้รักคุณแขไข”
เนื้อนางมองธรรพ์ เห็นแววตาเห็นใจมากที่มองมา
“ฉันสงสารเธอจริงๆ ฉันอยากพาเธอไปเห็นความจริงด้วยตาตัวเอง แล้วก็ให้เธอตัดสินใจ ว่าควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้”
“คุณธรรพ์จะให้เนื้อนางไป...”
ธรรพ์สวนออกมาเลย “ไปบ้านหิมวัต ไปซะวันนี้ ตอนนี้เลยเนื้อนาง อย่าให้ชีวิตเธอถูกเหยียบย่ำอีก
ฉันไม่อยากเห็นใครต้องเจ็บปวดกับความเจ้าชู้ของพี่ไตรอีกแล้ว...เชื่อฉันเถอะเนื้อนาง...ฉันสงสารเธอจริงๆ”
เนื้อนางมองธรรพ์ด้วยความสับสน ตรงข้ามกับธรรพ์ที่มองเนื้อนางด้วยแววตาขอร้อง จริงใจมาก

ขณะนั้น ณไตรมีสีหน้าลำบากใจ ยืนอยู่ข้างแขไข ตรงข้ามกับแม่นายที่ยิ้มแย้มมีความสุขมาก
“แม่จะรีบโทรเลขบอกคุณหญิงมาลัย ให้ขึ้นมาตกลงกันเรื่องสินสอดทองหมั้น แล้วก็เตรียมงานแต่งซะเลย”
“แม่ครับ...คือ...”
ศรีวัลลาไม่สนใจว่าณไตรจะพูดอะไร แตะมือลงบนมือณไตรกับแขไข แล้วจับสองมือไว้ด้วยกัน
“รู้มั้ยว่าวันนี้แม่มีความสุขที่สุด ที่จะเห็นลูกชายที่รักของแม่เป็นฝั่งเป็นฝากับผู้หญิงดีๆ ที่แม่เลือกให้”
ณไตรอึดอัดมาก ตรงข้ามกับแขไขที่ยืนนิ่ง แม่นายปล่อยมือตัวเองออก
เนื้อนางก้าวเข้ามายืนระหว่างณไตรกับแขไขที่เกาะกุมมือกัน เห็นสองคนกุมมือกันไว้
ณไตรหันไปเห็น มองจ้องอย่างตกใจ
“เนื้อนาง”
ทุกคนหันไป ณไตรดึงมือออกจากแขไข เนื้อนางมองน้ำตาคลอ
แม่นานแผดเสียงใส่ “เนื้อนาง ใครใช้ให้แกมาเหยียบบ้านฉัน”
ธรรพ์ก้าวเข้ามา มองทุกคน “ผมพาเนื้อนางมาเองครับ”
ณไตรแปลกใจ “ไอ้ธรรพ์”
“เนื้อนางกลับมาอยู่ที่ปางแล้ว” ธรรพ์บอกอีก
แม่นายหันขวับไปมองณไตร “แกใช่มั้ย ณไตร แกเอามันกลับมา”
“แม่นายครับ...”
ศรีวัลลาพูดแทบเป็นตวาด “ไม่ หยุด...ฉันไม่ฟัง...”
แม่นายหันขวับไปทางเนื้อนาง แขไขเชิดหน้าจ้องเนื้อนางด้วยความเกลียดชัง แต่ก็พยายามเก็บไว้ในสีหน้า
“แกกลับมาทำไม แกจะมาทำลายชีวิตลูกชายฉันทำไมอีก หรือว่าแกจะอ้างว่าแกเป็นเมียณไตร”
“เนื้อนางไม่ได้มาทวงสิทธิ์ความเป็นเมีย เพราะรู้ว่าที่นี่ไม่มีใครยอมรับฐานะต่ำต้อยของเนื้อนาง แต่อยากมาให้เห็นกับตาว่า คำพูดที่ออกมาจากปากผู้ชายอย่างพ่อเลี้ยงณไตร มันไม่เคยมีความจริงใจ”
แขไขสอดขึ้น “ความจริงก็อย่างที่เธอเห็น...เนื้อนาง”
แขไขพูดเสียงเรียบ ไม่มีท่าทางอาละวาด เดินเข้ามาหยุดลงตรงหน้าเนื้อนาง
“ต้องให้ฉันขอร้องเธอใช่มั้ย” ทุกคนมอง เห็นแขไขคุกเข่าลงตรงหน้าเนื้อนาง “นี่ใช่มั้ยเนื้อนางที่เธอต้องการ เธออยากเห็นฉันอ้อนวอนเธอ เพราะเธอเกลียดฉัน”
เนื้อนางตกใจ คาดไม่ถึง “คุณแขไข”
“พอใจหรือยัง หรือจะต้องให้ก้มลงกราบขอโทษทุกอย่างที่ฉันเคยทำไว้กับเธอ เธอถึงจะเลิกทำให้แม่นายเสียใจ”
ทุกคนตกใจที่แขไขเปลี่ยนท่าทีจากเคยอาละวาด มากลายเป็นขอร้องเนื้อนาง ณไตรมองจ้องนึกไม่ถึง ส่วนเนื้อนางยืนอึ้ง

ทางด้านคำฝายเดินไปเดินมา ไม่สบายใจหนักที่เนื้อนางหายตัวไป ประกายชะเง้อแล้วชะเง้ออีก
“ตายแน่ๆ ฉันตายแน่ๆ พ่อเลี้ยงสั่งว่าให้เฝ้าเนื้อนาง”
ม่อนดอยวิ่งมา คำฝายร้องถาม “เจอเนื้อนางมั้ย”
“คนงานบอกว่าออกไปกับคุณธรรพ์”
“คุณธรรพ์ แล้วไปไหน...คุณธรรพ์พาเนื้อนางไปไหน...”
จากแปลกใจ คำฝายมีสีหน้าตกใจ

เนื้อนางมองแขไขตรงหน้า ธรรพ์เองก็มองแขไขอย่างนึกไม่ถึง แขไขพนมมือขึ้น
“ฉันเคยทำผิดอะไรไว้กับเธอ เธอให้อภัยฉันนะ เนื้อนาง อย่าจองเวร อย่าโกรธแค้นคนบ้านหิมวัตเลย ฉันยอมรับผิดไว้คนเดียวทุกอย่าง ปล่อยพี่ไตรไปเถอะนะ”
“คุณแขไข เนื้อนางไม่ได้มาแย่งคนรักของคุณ”
เนื้อนางมองไปที่ณไตร ณไตรจะเดินมาหาเนื้อนาง แม่นายดึงแขนณไตรไว้สุดแรง
“แล้วแกกลับมาที่ปางทำไม”
“ผมพาเนื้อนางมาเองครับ แม่นาย ผมผิดเอง เนื้อนางไม่เกี่ยว”
“แกรู้มั้ยว่าถ้าไม่มีแก ณไตรเค้าก็จะมีอนาคต มีเมีย มีชีวิตที่ดีไปตั้งนานแล้ว ไม่ต้องคอยมาจมปลัก คอยรับผิดชอบชีวิตผู้หญิงอย่างแก”
เนื้อนางน้ำตาร่วง ยืนไม่ติด ถอยไปด้านหลัง แขไขลุกขึ้น ทำเป็นจับข้อมือเนื้อนาง
“อย่าเพิ่งไปเลย เนื้อนาง พูดกันต่อหน้าทุกคนเลย ว่าเธอจะเอายังไง”
เนื้อนางฟังแล้วส่ายหน้า ไม่อยากจะรับฟังอะไรอีก พยายามดึงมือออกจากมือแขไข

ด้านหลังจันตากับวันดีได้ยินเสียงเอะอะ ก็พากันวิ่งออกมามอง
“ปล่อยฉัน ปล่อย เนื้อนางเห็นแล้ว เนื้อนางรู้แล้ว เนื้อนางจะไม่กลับมาที่นี่อีก ปล่อย...”
“เธอจะเอายังไง เนื้อนาง เธอพูดต่อหน้าทุกคนสิว่าเธอจะแยกขาดจากพี่ไตร”
“เนื้อนางไม่ได้รักพ่อเลี้ยงณไตร ไม่ได้รัก...ไม่ได้อยากเป็นเมีย”
เนื้อนางสะบัดมือสุดแรง มือฟาดไปโดนหน้าแขไข จู่ๆ แขไขเกิดวูบหน้ามืด ล้มทรุดลง
“ว้าย...เนื้อนางตบคุณแขไข” จันตาร้องวี้ด
เนื้อนางตกใจ มองเห็นแขไขล้มลงไปตรงหน้า
“ฉันไม่ได้ตบ”
“จันตา จับมันไว้”
จันตาได้ยินแม่นายสั่งก็รีบเข้ามาจับตัวเนื้อนาง ธรรพ์รีบเข้าไปประคองแขไข เนื้อนางสะบัดออกจากจันตา ณไตรพุ่งเข้ามาจับเนื้อนางไว้
“เนื้อนางไม่ได้ตบคุณแขไข”
จันตาแว้ดใส่ “ทุกคนเห็นกับตาแกตบคุณแขจนสลบ”
แม่นายตรงเข้ามาตบเนื้อนางหน้าหัน
“นังชาติชั่ว แกมันแพศยาเหมือนแม่”
เนื้อนางตะลึง ณไตรรีบดึงเอาเนื้อนางเข้ามาใกล้ กันไม่ให้แม่นายเข้าถึงตัวอีก
ธรรพ์ที่ประคองแขไขที่สลบอยู่กับพื้น รีบสั่ง
“ป้าวันดี ให้ใครไปตามหมอมาเร็ว ไปสิ...ไป”
วันดีรีบวิ่งออกไป แม่นายจ้องกินเลือดกินเนื้อ เนื้อนางที่ยังตกใจอยู่อย่างนั้น

ณไตรดึงเนื้อนางไว้ อีกด้านธรรพ์กำลังประคองแขไขที่สลบอยู่ด้วยสายตาเป็นห่วง

ทางด้านคำฝายนั่งไม่ติดที่แล้ว ประกายเองก็หน้าตาไม่สบายใจ ม่อนดอยยืนอยู่ใกล้สองคน แสงคำเดินกลับมาจากทำงาน มองเห็นสีหน้าทุกคนก็ถามขึ้น

“มีอะไรกัน”
“เนื้อนางน่ะสิ ออกไปกับคุณธรรพ์ ไม่บอกไม่กล่าวใครไว้เลย” ม่อนดอยบอก
“ไปตามกันมั้ย ก่อนพ่อเลี้ยงจะมา”
แสงคำขยับ บุญลือเดินมา หยุดมองแล้วตรงเข้ามาถาม
“มายืนทำอะไรกัน ทำไมไม่ทำงาน”
“เนื้อนางออกไปกับคุณธรรพ์ ไม่รู้หายไปไหน” แสงคำบอก
“แล้วยังไง ออกไปกับเจ้านาย ไม่เห็นมีอะไรต้องเป็นห่วง กลับไปทำงาน”
ทุกคนยังไม่ขยับ บุญลือสั่งขึ้น พร้อมกับเท้าสะเอวให้เห็นปืนที่เหน็บอยู่ที่เข็มขัด
“พ่อเลี้ยงณไตรสั่งให้ฉันดูแลพวกแก หน้าไหนก็ห้ามออกนอกปางทั้งนั้น ถ้าฉันไม่อนุญาต”
ทุกคนมองบุญลือที่มองมาด้วยสายตาดุเข้ม และมีปืนในมือ ต้องหยุดไปโดยปริยาย

ณไตรดันเนื้อนางเข้ามาในห้องนอนของเขาบนเรือน เนื้อนางพยายามอธิบายกับณไตร
“ฉันไม่ได้ตบคุณแขไข”
“ทำไมถึงไม่อยู่ที่ปาง”
“คุณปิดบังอะไรฉันไว้ ถึงไม่อยากให้ฉันเห็นว่าที่จริงคุณก็จะแต่งงานกับคุณแขไข”
“เนื้อนาง มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ผมคุยกับแขไขแล้ว เราจะไม่แต่งงานกัน”
“พอแล้ว เลิกพูดว่าจะไม่แต่งงานกับคุณแขไข เหมือนฉันเป็นคนโง่ จะหลอกยังไงได้ คุณจะเก็บฉันไว้ที่ปางทั้งๆที่คุณจะมีเมียอีกคน ผู้ชายอย่างคุณต่างหากที่ไม่เคยรู้จักพอ”
“เนื้อนาง”
เนื้อนางสะอื้น ณไตรส่ายหน้า
“ฉันจะกลับไปที่ปาง”
ณไตรดึงไว้ “ยังกลับไม่ได้ เรายังพูดกันไม่รู้เรื่อง”
“ไม่ต้องมีอะไรพูดกันอีกแล้ว พ่อเลี้ยงณไตร ผู้หญิงที่คุณต้องดูแลคือ คุณแขไข...ไม่ใช่ฉัน”
เนื้อนางจะไป ณไตรรั้งไว้สุดแรง กระชากเนื้อนางมาตรงหน้า
“คุณไม่ต้องสั่ง ยังไงผมก็ต้องดูแลแขไขอย่างดีที่สุด”
ณไตรประชด มองเนื้อนางด้วยความโมโห
“แต่ผมก็ไม่เลวพอที่จะให้คุณกลับไปปาง ในสภาพแบบนี้คนเดียว อยู่ที่นี่ ผมจัดการเรื่องแขไขเสร็จแล้ว ผมจะพาคุณกลับไปเอง”
ณไตรเหวี่ยงเนื้อนางลงบนเตียง แล้วออกไป เนื้อนางมองตามสะอื้นในอก

แขไขนอนพักอยู่บนเก้าอี้ในห้องโถง หมอเทพทัตตรวจเสร็จหันมามองแม่นาย ธรรพ์ยืนมองอย่างกังวล จันตาอยู่ด้านหลังสุดกับวันดี รอรับใช้
“คุณแขไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย”
เทพทัตมีสีหน้าไม่ดี หันไปมองเห็นแขไขลืมตาขึ้น ธรรพ์ขยับเข้ามาใกล้ แขไขถามขึ้น
“พี่ไตรละคะ”
ธรรพ์หน้าตึง ศรีวัลลาบอกขึ้นเอง
“คงจะไปด่าว่านังนั่นอยู่ ฉันจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุดที่กล้ามาตบหนูแข”
“แขไม่เป็นอะไรมาก เนื้อนางอยู่ที่ไหน”
“อย่าเพิ่งถามถึงเนื้อนางเลย ห่วงตัวเองก่อนเถอะคุณแข” เทพทัตเอ่ยขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่าพี่หมอ” ธรรพ์สะดุดใจในท่าทีและน้ำเสียง
เทพทัตท่าทางอึดอัดที่จะพูด จนณไตรเดินเข้ามา มองแขไขด้วยสายตาเป็นห่วง
“คุณแขเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไอ้หมอ”
“ผมอยากให้คุณแขไขไปโรงพยาบาล ตรวจให้ละเอียดกว่านี้”
“คุณแขเป็นอะไร”
เทพทัตยังไม่ทันพูดอะไร ธรรพ์พุ่งเข้าจับไหล่เทพทัตเขย่าถามด้วยความเป็นห่วงแขไข
“บอกมาสิหมอ คุณแขเป็นอะไร”
“คุณแขอาจจะกำลังมีเด็ก”
ศรีวัลลาตกตะลึง “แขไขท้อง”
ธรรพ์มีสีหน้าตกใจกว่าใคร มองแขไขขวับ แขไขหลบตาลงด้วยความหวาดหวั่นนึกไม่ถึยง ณไตรมองจ้องแขไข จันตาปิดปากนึกไม่ถึง วันดียืนจ้องไปที่แขไข แล้วเลื่อนสายตามามองธรรพ์ที่ตื่นตะลึงตั้งตัวไม่ติดอยู่
แม่นายมองแขไขอย่างคาดคั้น สายตารังเกียจ
“แขไข...เธอท้อง...กับใคร”
แขไขตกใจท่าทีของแม่นายที่เปลี่ยนไป มองไปเห็นธรรพ์ที่กำลังจะพูดขึ้น แขไขตัดสินใจหันไปทางณไตรทันที
“พี่ไตร”
ทุกคนอึ้ง หันไปมองณไตรเป็นตาเดียว ธรรพ์ส่ายหน้ามองแขไข สายตาห้ามว่าอย่า
“พี่ไตร...อย่าทิ้งแข อย่าทิ้งลูกของเรา” แขไขถอนสะอื้นหน้าด้านๆ
ทุกคนช็อก มองณไตรที่ตะลึงงัน นึกไม่ถึงเมื่อแขไขเอ่ยชื่อตัวเอง
ธรรพ์มองแขไขอย่างผิดหวัง แขไขไม่แม้แต่จะปรายตามองธรรพ์
เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาวันดี มองจ้องด้วยแววตาชิงชังแขไขเป็นที่สุด

ณไตรมองแขไขที่ทำสะอึกสะอื้นด้วยสายตาคาดไม่ถึง

ฝ่ายเนื้อนางปาดน้ำตา มองไปรอบๆห้อง
“บ้านหิมวัตไม่มีวันต้อนรับสะใภ้ชื่อ เนื้อนาง”
เนื้อนางลุกขึ้น เปิดประตูเดินออกไป ไม่อยากอยู่ที่นีอีก

ณไตรยืนมองไปที่แขไขด้วยหน้าตาเครียดเคร่ง
“ผมไม่เคยล่วงเกินแขไข”
แขไขแกล้งปล่อยโฮ จันตาเข้าไปกุมมือแขไข
“แล้วเด็กในท้องจะเกิดขึ้นมาได้ยังไง”
ธรรพ์มองแขไข ขยับปากจะยอมรับว่าตัวเองเป็นพ่อ แต่จันตาพูดขัดขึ้น
“คุณณไตรโกหก...จันตาเห็น”
“เห็นอะไร พูดออกมา” ศรีวัลลาถามทันที
“วันดี...แกก็เห็นเหมือนฉัน”
ทุกคนมองไปทางวันดีเป็นตาเดียวกัน วันดียังไม่ยอมพูด ธรรพ์มีสีหน้ากระอักกระอ่วน ตวาดใส่
“แกจะพูดอะไร จันตา เงียบไปเลย”
“จันตาเงียบไม่ได้ จะเอาจันตาไปสาบานวัดไหนก็ได้ จันตาเห็นคุณแขวิ่งออกมาจากห้องนอนคุณณไตร วันดี บอกไปสิว่าแกก็เห็นเหมือนฉัน”
แขไขลอบยิ้มที่มีจันตากับวันดีกลายเป็นพยาน
“เราแค่คุยกัน ผมไม่เคยล่วงเกินแขไข” ณไตรหันไปทางแขไข “คุณแข...ความจริงเป็นยังไง คุณต้องรู้อยู่แก่ใจ”
เนื้อนางที่ก้าวมาหลบอยู่อีกด้าน มองและฟังเหตุการณ์ตรงหน้า
“ความจริง...พี่ไตรต้องให้แขพูดด้วยเหรอคะ แขเป็นผู้หญิง แค่นี้แขก็อับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว” แขไขบีบน้ำตาเรียกความเห็นใจเต็มที่ “พี่ไตรทำอะไรลงไปกับแข พี่ไตรให้แขปิดปาก แขทนได้ เพราะแขรู้ว่าพี่ไตรคิดจะปฏิเสธแขตลอดเวลา แต่ตอนนี้...ชีวิตๆนึงในท้องแข เค้าไม่รู้เรื่อง เค้าบริสุทธิ์เหลือเกิน...พี่ไตรจะไม่รับผิดชอบลูกของเราเหรอคะ”
เนื้อนางยืนฟังอยู่แทบทรุด น้ำตาร่วงเป็นสาย หันหลังออกไปทันที เทพทัตมองเลยมาเห็นก็พูดขึ้น
“เนื้อนาง”
ณไตรหันเห็นเนื้อนางที่กำลังวิ่งออกไป ศรีวัลลาตวาดขึ้น
“ณไตร กลับมาเดี๋ยวนี้”
ณไตรไม่สนใจวิ่งตามเนื้อนางไป แขไขมองตามณไตร ตาวาววับ ไม่พอใจ
เทพทัตลุกขึ้น “ผมไปตามให้เองครับ”
เทพทัตวิ่งตามออกไป แม่นายหันมา แขไขรีบเปลี่ยนทำเป็นบีบน้ำตา เอนลงพิงกับเก้าอี้ แตะท้องตัวเอง
“ลูกแม่...พ่อเค้าไม่ยอมรับลูก”
ธรรพ์มองแขไขด้วยความเจ็บปวดถึงที่สุด น้ำตาคลอเบ้า แขไขเห็นสายตาธรรพ์ก็มองเมินไม่สนใจวันดีค่อยๆ เข้ามาแตะแขนธรรพ์เบาๆ ด้วยความสงสารเพราะรู้ความจริงทุกอย่าง ธรรพ์ปัดมือวันดีทันที
“ในเมื่อเรื่องมันถึงขนาดนี้ ไม่มีทางไหนที่ดีที่สุด เท่ากับรีบจัดงานแต่งงาน ธรรพ์โทร.ไปหาคุณหญิงมาลัย บอกว่าให้รีบขึ้นมางานแต่งงานของหนูแขกับณไตร”
ธรรพ์ตัวชากับคำสั่งแม่นาย วันดีสงสารธรรพ์ แขไขมองธรรพ์ ด้วยสายตาผู้ชัยชนะ
“ไปสิคะพี่ธรรพ์ บอกคุณแม่ของแขด้วยว่า ท่านกำลังจะมีหลาน ลูกของแขกับพี่ณไตร”
ธรรพ์มองแขไขอย่างเจ็บปวด หันหลังเดินออกไป

แขไขยิ้มชื่น มีความสุขล้นที่วันแห่งการรอคอยมาถึงโดยไม่คาดฝัน

เนื้อนางเดินเร็วรี่หนีมา จะวิ่งออกไปนอกบ้านหิมวัต ณไตรวิ่งมารวบร่างเนื้อนางไว้

“เนื้อนาง ผมไม่เคยมีอะไรกับแขไข”
เนื้อนางตบณไตรอย่างแรง ณไตรหน้าสะบัด
“ฉันไม่เคยคิดว่าคุณจะเลวขนาดปฎิเสธลูกตัวเอง”
ณไตรยืนอึ้ง มึนชาไปทุกอย่าง ปล่อยอ้อมแขนจากเนื้อนาง
“คุณต้องรับผิดชอบลูกของคุณกับคุณแขไข ไม่ใช่มาห่วงชีวิตฉัน”
เนื้อนางวิ่งหนีออกไป ณไตรจะตาม เทพทัตตามเข้ามาดึงเพื่อน
“แกไปจัดการเรื่องคุณแขก่อน”
“ฉันไม่ใช่พ่อของเด็กในท้องแขไข แกต้องเชื่อฉัน ชีวิตฉันมีเมียคนเดียวคือเนื้อนาง”
“ตอนนี้มันไม่สำคัญว่าแกจะพูดยังไง มันสำคัญที่คุณแขบอกทุกคนว่าแกคือพ่อของลูก”
ณไตรมีสีหน้าเครียดกับปัญหาที่แขไขโยนบาปมาให้

ฟากธรรพ์เดินเข้ามาในสวย ในใจมีแต่ความเจ็บปวด น้ำตาไหลริน คับแค้นใจที่แขไขยัดเยียดลูกในท้องให้เป็นลูกของพี่ชาย ธรรพ์สุดจะทนกับความผิดหวัง ตะโกนออกมา พุ่งไปทุ่มกระถางต้นไม้แตกกระจาย
หัวใจธรรพ์แตกสลายเหมือนกระถางที่ธรรพ์ยกขึ้นทุ่มลงกับพื้น
ธรรพ์สะอื้นร้องไห้ออกมาด้วยใจที่ปวดร้าวเมื่อแขไขและลูกในไส้กำลังจะตกเป็นของพี่ชาย

เนื้อนางเดินกลับมาที่เรือน แววตาแดงช้ำ กลุ่มคำฝายพอเห็นเนื้อนาง ก็รีบเข้ามา
“ตั๋วหายไปไหนมา รู้มั้ยพวกเราเป็นห่วง”
เนื้อนางยืนนิ่งเหมือนคนไร้วิญญาณ ประกายเข้ามาจับแขนเนื้อนาง
“เนื้อนาง...เป็นอะไร ร้องไห้มานี่”
ทุกคนมองเนื้อนาง แสงคำพุ่งเข้ามาทันที
“ใครทำอะไรเนื้อนาง”
เนื้อนางไม่พูดอะไร ไม่ตอบใคร เดินขึ้นเรือนไป คำฝายมองแล้ววิ่งตามขึ้นไปทันที ประกายตามไปด้วย แสงคำทำท่าจะขึ้นตาม คำฝายหันมาห้าม
“หยุดอยู่ตรงนั้น อย่าขึ้นมา”
แสงคำ ม่อนดอยหันมามองกันด้วยสายตาสงสัย

เนื้อนางเดินมายืนพิงหน้าต่าง คำฝายกับประกายตามเข้ามามอง เนื้อนางปล่อยให้น้ำตาหยดลงอาบแก้ม คำฝายเดินไปใกล้ มองเห็นความทุกข์ของเนื้อนาง ก็เอ่ยถามขึ้น
“ตั๋วไปไหนมา...บ้านหิมวัตใช่มั้ย”
เนื้อนางน้ำตาหยดเป็นคำตอบ
“พวกแม่นาย คุณแขไขมันทำอะไรตั๋ว”
“พี่คำฝาย”
เนื้อนางหันมามองคำฝายหน้าหม่นเศร้า คำฝายใจคอไม่ดี ด้านหลังประกายมองเป็นห่วง
“คุณแขไขเค้าท้อง”
“ท้อง...แขไขท้อง ...ท้องกับ...”
คำฝายนึกสังหรณ์ เนื้อนางพยักหน้า
“พ่อเลี้ยงณไตร...คุณแขไขท้องกับพ่อเลี้ยงณไตร”
เนื้อนางสะอื้นโฮกอดคำฝายแน่น คำฝายกอดตอบปลอบขวัญเนื้อนาง
“ไหนไอ้พ่อเลี้ยงซังกะบ๊วย มันว่ารักตั๋วคนเดียว”
ประกายฟังแล้วถอนใจ เอ่ยขึ้นด้วยความเห็นใจ
“ผู้ชายมันก็เป็นแบบนี้ สันดานเหมือนกันหมด”
เนื้อนางสะอื้นกอดคำฝายไว้แน่นด้วยความเสียใจ

ในความมืด แสงจากไฟดวงเล็กส่องเห็นเสี้ยวหน้าธรรพ์ที่ตาแดงช้ำด้วยความเศร้า ยังนั่งทรุดนิ่ง
ไม่ไหวติงเหมือนรูปสลักหิน ด้านหลังวันดียืนมองธรรพ์ด้วยสายตาสงสาร
วันดีน้ำตาหยดออกมาเมื่อเห็นสภาพหัวใจสลายของธรรพ์ ก่อนจะถอยหายไปในความมืด
ธรรพ์ยังนั่งนิ่ง แววตาเจ็บปวดอยู่เพียงลำพัง
ส่วนแขไขยืนอยู่บนระเบียง ค่อยๆคลี่ยิ้มออกมาอย่างคนที่ฉกฉวยโอกาส จนกลายเป็นผู้ชนะ ได้ครอบครองณไตรและเหยียบย่ำหัวใจคู่แค้นอย่างเนื้อนาง

ฝ่ายเห็นณไตรที่จมอยู่กับความทุกข์ แววตาณไตรกล้ำกลืนกับปัญหาที่เกิดขึ้น ณไตรหลับตาลง เห็นภาพเนื้อนางร้องไห้ด้วยความเสียใจ วิ่งออกไป
ณไตรลืมตาขึ้น น้ำตาหยดจากตา เจ็บปวดไม่น้อยกว่ากัน
ด้านเนื้อนางสีหน้าทุกข์ มองเหม่อไปไกล แววตาระทม คำฝายกับประกายนั่งอยู่เป็นเพื่อน อยู่ๆเนื้อนางคลื่นไส้ ลุกขึ้นไปอาเจียนนอกหน้าต่าง คำฝายรีบตามไปลูบหลัง ประกายรีบเทน้ำบนกระบอกที่วางบนโต๊ะ ส่งให้ เนื้อนางรับมากำลังจะจิบ แต่ก็หันไปอาเจียนอีก คำฝายรีบส่งน้ำคืนให้ประกายไปวาง แล้วลูบหลังเนื้อนาง
“เมื่อเย็นตั๋วเอาแต่ร้องไห้ ข้าวปลาไม่กิน ท้องว่าง มันก็เลยคลื่นไส้”
“ฉันไม่หิว” เนื้อนางนั่งลง คำฝายหันไปบอกประกาย
“เอายาดมตรงนั้นมาให้หน่อย”
ประกายหันไปหยิบยาดมเล็กๆส่งให้ คำฝายเอามาจ่อจมูกเนื้อนาง เนื้อนางได้กลิ่นก็เวียนหัว ลุกขึ้นหันไปอาเจียนอีก คำฝายรีบลุกขึ้นลูบหลัง ประกายมองแล้วสงสัย พูดโพล่งขึ้น
“อาการแบบนี้...เหมือนแพ้ท้อง”
เนื้อนางหันมามองคำฝายกับประกาย สีหน้านึกไม่ถึง
“เนื้อนาง...ตั๋ว...”
เนื้อนางทรุดลง สีหน้าคิดทบทวน แตะมือลงไปที่ท้อง
“ระดูขาดหรือเปล่า” คำฝายถาม
สีหน้าเนื้อนางเริ่มรู้ตัวว่าอาจจะเป็นอย่างที่ประกายพูด คำฝายกุมหัว หมดอาลัยตายอยาก น้ำตาคลอสงสารเนื้อนาง
“ทำไม ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้ด้วย คุณแขไขก็ท้องลูกไอ้พ่อเลี้ยงณไตร”
“อู๊ย นังคนนี้ก็ขี้โวยวายขนาด พาเนื้อนางไปให้หมอตรวจ ให้แน่ใจซะก่อน” ประกายว่า
เนื้อนางมองคำฝายกับประกาย บอกด้วยเสียงหนักแน่น
“ถ้าเนื้อนางท้องจริง อย่าพูดให้ใครรู้...โดยเฉพาะพ่อเลี้ยงณไตร”
“แต่ลูกตั๋วก็ลูกพ่อเลี้ยงเหมือนกัน”
“ไม่ใช่ลูกพ่อเลี้ยงณไตร” เนื้อนางบอกย้ำ “เค้าเป็นลูกของเนื้อนางคนเดียว”
ประกายกับคำฝาย สงสารเนื้อนางจับใจ

เนื้อนางน้ำตาไหลริน แววตาหม่นหมอง ระทมทุกข์กับเลือดเนื้อเชื้อไขที่กำลังจะเกิดมาพบเจอกับปัญหาในอนาคต 

อ่านต่อตอนที่ 10
กำลังโหลดความคิดเห็น