คีตโลกา ตอนที่ 9
ภควัตออกจากค่ายมวยส.วินิจ เดินกลับเข้ามาในชุมชนด้วยหน้าตาหงุดหงิดสุดขีด โดยมีจ่าเดชวิ่งไล่ตามหลัง
“อยู่ดีไม่ว่าดี แพ้ต่อหน้าหญิง อายมั้ยล่ะ”
“ผมต้องแพ้”
“อ๋อ...” จ่าเดชลดเสียงให้ได้ยินแค่สองคน “ผู้กองวางแผนให้ไอ้คมมันตายใจ แต่ดูหน้า ดูท่าทางนี่ผู้กองเหมือนเจ็บจริงหึงจริง”
ภควัตคร้านจะโต้ “จะไปเข้าเวรก็ไปสิ จ่า ไม่มีใครห้ามไว้นะ”
“ไล่ตลอด นี่จ่าเดชไม่ใช่จ่าเฉยนะครับ ยืนตากแดดตากฝนทั้งวัน ไม่มีบ่น”
จ่าเดชกำลังจะเดินไปเจอจิ๊บกับนวยที่วิ่งเข้ามาหา
“เค้าว่าพี่วัตชกกับลูกพี่บังเหรอ” นวยถามทันที
“ข่าวแถวนี้ มันไวยิ่งกว่าวายฟาย” จ่าหมายถึง wi fi
จิ๊บจ้องหน้าเซียนพระ “แย่งไอ้อัญกันเหรอ”
“เปล่า” ภตวัตบอก
จ่าเดชแย้ง “ใช่เลย แต่ไอ้วัตมันแพ้”
“พูดมากน่ะจ่าเดช ไปทำงานได้แล้ว”
ภควัตตัดบทเดินหนีไป ไม่อยากต่อความ จิ๊บ กับนวยหันมาทางจ่าเดช
“สงสารพี่วัตถ้าเทียบกับไอ้คม ลูกชายพี่บัง ฉันชอบพี่วัตมากกว่า ผู้หญิงนี่ก็แปลก คนดีๆไม่ชอบชอบแต่พวกผู้ชายเลวๆ” นวยเพ้อ
“มิน่า ข้าถึงไม่ค่อยมีผู้หญิงชอบ เพราะข้ามันดีเกินไปนี่เอง” จ่าเดชว่า
“อย่างจ่าน่ะ ไม่เหลือดี”
จิ๊บวิ่งจู๊ดออกไปก่อน จ่าเดชเงื้ออยากจะดีดจิ๊บ นวยหัวเราะขัน
“พี่อัญยังอยู่ที่ค่ายมวยใช่มั้ย ฉันไปหาพี่อัญก่อนนะ”
นวยวิ่งตามจิ๊บไป จ่าเดชมองตามจิ๊บเคืองๆ บ่นงึมงำ
“ทั้งหล่อ ทั้งดีอย่างข้า หาไม่ได้ทั้งชาตินี้ ชาติหน้าแล้วนะโว๊ย จะบอกให้”
อัญมากำลังนั่งพักอยู่ อธิคมเอาผ้าขนหนูซับเหงื่อที่หน้าให้ อัญมายิ้มมองอธิคม พลางดึงผ้าขนหนูมาเช็ดหน้าให้อธิคมเพื่อเอาใจ อธิคมยิ้มชื่น จิ๊บกับนวยวิ่งมาเห็นคาตา
“หวานสนิท หวานเลี่ยน หวานเอียนอยากอ๊วก” นวยหมั่นไส้
อัญมาหันไปมอง เห็นจิ๊บกับนวยก็ลุกขึ้น
“แม่ให้มาตามเหรอ”
จิ๊บรับสมอ้างทันที “เออ ใช่ ป้าอุบลแกบอกมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย”
“คืนนี้ฉันไปรับนะ ไปกินข้าวกัน” อธิคมบอก
จิ๊บกับนวยมองจะช่วย แต่อัญมายิ้มหวานตอบอธิคม
“จ้ะ ฉันรอที่บ้าน”
อัญมาเดินออกไปกับจิ๊บ และนวย อธิคมยิ้มมองตามมีความสุขเป็นที่สุด
สามคนเดินคุยกันมาตามทางในชุมชน นวยอดรนทนไม่ได้ถามอัญมาอย่างค้างคาใจ
“นี่เจ๊ชอบพี่คม ลูกชายพี่บังจริงๆ เหรอ”
อัญมาอมยิ้ม “ทำไมล่ะ”
“แกยังกล้าถามว่าทำไม ไอ้อธิคมมันคนนอกกฎหมาย ค้ายา รักเข้าไปลงเหรอวะ” จิ๊บว่า ท่าทีเซ็งมาก
อัญมาอมยิ้มมองจิ๊บ กะ นวยเป็นนัย สุดท้ายจิ๊บเริ่มเดาออก
“แกไม่ได้รักมันจริงๆ แต่แกแกล้งรักมั้นใช่มั้ย”
“ฉันจำเป็นต้องทำ”
นวยเซ็ง “ผู้หญิงใจร้าย”
อัญมางง “เอ๊ะ ไอ้นวย มาว่าฉันทำไม”
“สงสารพี่วัต อกหัก เสียใจ...เดี๋ยวๆทำไมเจ๊อัญต้องแกล้งรักพี่คม”
อัญมาตัดความ “เรื่องของผู้ใหญ่ เด็กไม่เกี่ยว”
จิ๊บกังวล “แล้วแกจะไปกินข้าวกับไอ้คมสองต่อสองจริงๆ เหรอ พวกฉันไปเป็นบอดี้การ์ดให้มั้ย”
“เรียกว่าไม้ก้นหมา ตรงกว่านะพี่จิ๊บ”
“ไม่ต้องหรอก รับรองฉันจะรักษาตัวให้รอดปากเหยี่ยวปากกา”
อัญมาเดินออกออกไปอย่างมั่นใจ จิ๊บกับนวยมองตาม นวยบ่นขึ้นอย่างเป็นห่วง
“เจ๊อัญนะ เจ๊อัญ ไฟมันร้อนก็ยังไปลองเล่นอีก”
สองคนอยู่ที่คอนโดของกฤษณ์ เย็นแล้วขณะที่กฤษณ์เดินเข้าหาสุคนธรสที่มองด้วยความสงสัย
“คุณทำงานกับวัต ก็ต้องเจออัญมาด้วยใช่มั้ย”
“ก็คงเจอ มันอยู่แถวชุมชนนี่”
“แกล้งทำดีกับอัญมา ชวนเค้ามาหาผมหน่อยได้มั้ย”
สุคนธรสฉุนกึก “นี่มันเรื่องอะไรกันคะ...ทำไมงานคุณกับงานวัตถึงต้องเกี่ยวกับอัญมาคุณก็รู้รสเกลียดหน้ามัน”
กฤษณ์มองแล้วขอร้องเสียงอ่อนลง
“รสครับ อัญมาเค้ารู้จักกับพวกค้ายาในชุมชนนั้น”
สุคนธรสออกอาการรังเกียจ “อี๋...นี่คงติดยาด้วยล่ะสิ”
“ไม่ว่าอัญมาจะเป็นยังไง เราต้องดีกับอัญมาไว้ เพราะเค้าจะช่วยให้ผมเข้าใกล้คนที่ตำรวจต้องการตัว”
กฤษณ์โอบกอดเอาใจสุคนธรสเต็มที่
“รสคนเก่งของผม...อดทนเพื่อผมหน่อยได้มั้ยครับ ทำดีกับอัญมา ถือว่าคุณเป็นได้ช่วยให้ผมได้เลื่อนยศเร็วขึ้นด้วยนะ”
สุคนธรสเบ้หน้า ไม่ยอมรับปาก เพราะเกลียดอัญมาเข้าไส้
นวยเดินมาเคาะประตูห้องเช่าของภควัต
“พี่วัต พี่วัต อยู่หรือเปล่า ผมมีเรื่องเจ๊อัญมาบอก”
ทว่าด้านในเงียบกริบ สุดท้ายนวยถอยห่างออกมา ชาวบ้านข้างห้องโผล่มามอง
“ไอ้วัต มันไม่อยู่หรอก ไม่เห็นเข้ามาเลย”
นวยฟังแล้วกลุ้ม
“หายไปไหนอีกเนี่ยะ แฟนโดนไอ้อธิคมฉกไปแล้ว”
เย็นนั้น ภควัตขี่มอเตอร์ไซค์คันสวยผ่านประตูเข้ามาในบริเวณบ้านเลี้ยวไปทางเรือนเล็กของเขา คุณหญิงวรจันทร์กำลังนั่งจิบชาอยู่ที่โต๊ะระเบียง มองมายังหลานชาย ขวัญอนงค์ที่ถือจานคุ้กกี้เดินออกมามองเห็นก็ตื่นเต้น
“พี่วัตกลับมาแล้วค่ะคุณแม่”
ขวัญอนงค์รีบวางจานลง เดินไปเรียก
“พี่วัตขา”
ภควัตจอดรถมองมาที่ขวัญอนงค์ ถอดหมวกกันน็อควางแล้วรีบเดินมาหา คุณหญิงวรจันทร์มอง ภควัตยกมือไหว้ แล้วตรงเข้าไปกอดผู้เป็นป้าแน่น
“คราวนี้หายไปหลายวันเลยนะ วัต”
“คุณป้าสบายดีนะครับ”
“ก็ไม่ค่อยสบายหรอก”
วรจันทร์แกล้งทำหน้าเจื่อน ภควัตมองด้วยสีหน้าตกใจ
“คุณป้าเป็นอะไรครับ”
“ก็คิดถึงวัตน่ะสิ”
“โธ่ ผมตกใจหมดเลย”
ภควัตยิ้มกอดวรจันทร์อีกครั้งด้วยความคิดถึง
“พี่วัตกลับมาพอดี วันนี้น้องหัดทำอาหารกับขนมตั้งหลายอย่าง อยู่ชิมด้วยกันนะคะ”
“ได้สิครับ คุณน้อง”
ภควัตยิ้มแย้ม วรจันทร์มองภควัตด้วยสายตาเอ็นดู
ภควัตนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารมื้อค่ำแล้ว ขวัญอนงค์ตักอาหารคาวให้ลองชิม ภควัตกินและออกปากชม ขวัญอนงค์ยิ้มปลื้ม
วรจันทร์กับอภิกานต์ยิ้มมองสุขใจ แต่ระหว่างที่ขวัญอนงค์ตักอาหารให้พ่อกับแม่ ภควัตเอาแต่มองเหม่อ คิดถึงเรื่องอัญมากับอธิคม
วรจันทร์มองอาการใจลอยของภควัตด้วยสายตาสังเกต
ด้านอธิคมไปรับอัญมาที่บ้าน พากันมากินข้าวมื้อค่ำในร้านอาหารบรรยากาศโรแมนติก อธิคมคอยตักเอาใจตลอด อัญมายิ้มแย้ม ตักให้อธิคมบ้าง สองคนทานไปคุยไปยิ้มหัวให้กัน อธิคมมองรอยยิ้มอัญมาอย่างเพลิดเพลินเจิญอาหาร
หลังมื้อค่ำ ภายในห้องทำงานท่านอภิกานต์ในคฤหาสน์ตอนนี้ ภควัตยืนอยู่หน้าอภิกานต์ที่มองภควัตด้วยสายตาเป็นห่วง
“ลุงคุยกับผู้ใหญ่หลายคน เรื่องงานที่วัตกำลังทำอยู่ มันเสี่ยงมากที่จะปราบเครือข่ายของนายวินิจ มันขัดผลประโยชน์ของคนใหญ่คนโตหลายคน ระวังตัวนะวัต มันจะเล่นกันแรงขึ้น มีอะไรให้ลุงช่วยก็บอกเลย”
“ขอบคุณคุณลุงมากครับ ตอนนี้ผมยังรับมือไหวครับ จะมีที่ห่วงก็เรื่องคุณอรรณพ เจ้าของอรรณพเรียลเอสเตท ที่กำลังจะมาลงทุนตรงชุมชนนั้น ไอ้วินิจมันขัดขวางเต็มที่ ถึงกับลอบทำร้าย
อภิกานต์นึกได้ “คุณอรรณพ อ๋อ ลุงเคยได้ยินชื่อเสียง นักธุรกิจคนนี้ดี”
“วินิจมันเหี้ยมมาก ไม่สนใจว่าจะใหญ่มาจากไหน ล่าสุดมันเหิมเกริมขนาดลูกน้องยิงตำรวจ”
อภิกานต์มั่นใจ “แสดงว่าคนที่หนุนหลัง เส้นสายของมันไม่ธรรมดาเลย จัดการมันให้ได้นะวัต คนพวกนี้อยู่ไปก็ทำให้สังคมเราแย่ลง มีอะไรที่อยากให้ลุงช่วย ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณมากครับ”
ภควัตกำลังหันหลังจะออกไป อภิกานต์พูดขึ้น
“วัต... ที่ป้าเค้าอยากให้วัตมีครอบครัวน่ะ บางทีมันอาจจะทำให้วัตอึดอัด แต่ก็อย่าโกรธป้ากับยายน้องเค้าเลยนะ”
ภควัตหันมายิ้มกับลุง
“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเข้าใจความรักความหวังดีของคุณป้ากับคุณน้อง เพราะถ้าไม่มีความรักของคุณลุง คุณป้า คุณน้อง ก็คงไม่มี ภควัต”
ท่านอภิกานต์ยิ้ม มองภควัตที่เดินออกไปด้วยสายตาพอใจ
ภควัตเดินออกมาหยุดยืนในสวนสวย มองไปไกล ใจลอยคิดถึงอัญมา ภาพที่ภควัตเห็นอัญมาในอ้อมแขนอธิคมผุดขึ้นมาในห้วงคิด
สีหน้าภควัตเครียดเคร่ง บอกปลอบตัวเองอย่างสลัดตัดความว้าวุ่นในใจว่า
“เรากำลังทำเพื่องาน ไอ้วัต งาน งาน งาน เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น”
ภควัตหันมาจะเดินกลับเรือนเล็ก ก็เจอวรจันทร์ที่ยืนมองอยู่
“คุณป้า...มีอะไรจะใช้ผมหรือครั”
“ไม่หรอก ป้าเห็นกลับมาคราวนี้วัตดูซูบๆ เครียดเรื่องงานมากล่ะสิ”
“ครับ คุณป้า”
ภควัตเดินมาใกล้ป้า วรจันทร์มองแล้วเอ่ยเตือน
“เด็กคนนั้น อัญมา...เค้าช่วยงานวัตได้บ้างหรือเปล่า”
“ช่วยได้ครับ อัญมาช่วยงานผมหลายอย่าง คุณป้าถามถึงอัญมาทำไมหรือครับ”
“ก็เห็นวัตใส่ใจผู้หญิงคนนี้มาก”
“ชีวิตอัญมาเค้าน่าสงสารนะครับ”
“ความรักกับความสงสารมันคนละเรื่องกันนะ วัต”
“คุณป้า”
“แต่สำหรับวัต ป้าคิดว่าไม่ใช่ความสงสาร แต่มันเป็นความรัก” คุณหญิงปรารภ
“ผมกับอัญมา อาจจะดูสนิทกันเพราะเราต้องทำงานด้วยกัน”
“ขอให้เป็นแค่นั้น”
ภควัตมองวรจันทร์ที่ยิ้มให้ แต่ภายในแววตามีแต่ความเข้มงวด
“ป้าไม่ได้ตั้งกำแพงว่าคนที่จะมาเป็นหลานสะใภ้ ว่าต้องรวยเท่ากับครอบครัวเรา แต่ป้าต้องการความเหมาะสม ความคู่ควร ซึ่งสำหรับชีวิตคู่ มันสำคัญมาก เพราะเมื่อความรัก ความหลงใหล หมดไปวันใดวันนึง ความเข้าใจที่มาจากพื้นฐานของคนในระดับเดียวกัน มันจะทำให้วัตไม่ต้องผิดหวัง เสียใจกับความรักเหมือนที่ผ่านมา”
วรจันทร์เตือนสติหลานด้วยสายตาจริงจัง
อัญมายืนมองไปไกล อธิคมยืนข้างๆ สองคนอยู่กันที่ริมสะพานสวย
“วันนี้พระจันทร์สวย”
อธิคมไม่สนใจพระจันทร์ มัวมองแต่ใบหน้าอัญมา จนอัญมาหันมา
“พี่คมไม่ดูพระจันทร์เหรอ”
“ก็พระจันทร์เหมือนเดิมทุกวัน”
“ไม่เหมือนหรอก พระจันทร์ไม่เหมือนกันสักวัน”
“ใครบอกเธอ”
“คุณแม่”
“คุณแม่!! ป้าอุบลน่ะเหรอ” อธิคมฉงน
อัญมาได้สติ “เอ่อ... ใช่ ใช่... แม่อุบลเคยบอกฉัน”
“ดีนะที่เธอมีแม่คอยสอน”
อัญมาหันมองอธิคมด้วยสายตาเห็นใจ
“จำได้ว่าเด็กๆ แม่เคยกอด เคยพาฉันไปโรงเรียน แล้ววันนึงแม่ก็หายไป พ่อบอกว่าแม่ขึ้นสวรรค์ แต่ฉันได้ยินคนอื่นบอกว่า แม่ถูกตำรวจยิงเพราะนั่งรถไปกับพ่อ”
อัญมาคิดตาม “พี่คมถึงเกลียดตำรวจ”
“ใช่”
แววตาอธิคมมีแต่ความแค้น อัญมามองสงสาร
“ถึงไม่มีแม่ ฉันก็มีพ่อที่คอยสอนให้ฉันแกร่ง”
“แต่อ้อมกอดของแม่เป็นความอบอุ่น ยิ่งกลัว คนเราก็ยิ่งต้องการความรัก”
“เธอพูดถูก ยิ่งกลัวคนเราก็ยิ่งต้องการความรัก”
อธิคมเอื้อมมือมากุมมืออัญมาไว้
“ชีวิตฉันต้องการความรักจากเธอนะอัญมา”
อัญมามองนิ่ง อธิคมขยับเข้าใกล้ มองสบตา แววตาลึกซึ้งมีแต่ความรัก
ทางฝ่ายภควัตเผลอหลับอยู่บนเก้าอี้ทำงานที่บ้าน บนตักมีแฟ้มเอกสารคดีวางอยู่ ภควัตดิ้นอึกอัก สีหน้าฝันร้าย ฝันถึงตอนเด็กที่เห็นครอบครัวถูกฆ่า และตอนที่เขากระโดดลงไปช่วยอัญมาในน้ำ
ภควัตสะดุ้งขึ้น แฟ้มตกลงพื้น หอบหายใจแรง
“อัญมา”
ภควัตเลื่อนมือไปหยิบมือถือ กดเบอร์อัญมาทันที
สองคนเดินเล่นอยู่บริเวณริมสะพานสวยที่เดิม อัญมามองอธิคมที่ก้มลงมาใกล้ เหมือนจะจูบ เสียงมือถืออัญมาดัง อัญมาได้โอกาสขยับถอยอธิคมมองหงุดหงิด
อัญมามองเบอร์ “พี่วัต”
อธิคมได้ยินชื่อ ก็คว้ามือถืออัญมา ปาทิ้งลงไปในน้ำ
“พี่คม”
อัญมาตกใจมอง อธิคมมีสีหน้าไม่พอใจมาก
ส่วนภควัตได้ยินเสียงสัญญาณขาดไป ก็สงสัย
“อัญมา ทำไมไม่รับสาย หรือว่าอยู่กับอธิคม”
ฝ่ายอธิคมมองอัญมาด้วยสายตาไม่พอใจ
“ฉันไม่ให้เธอรับโทรศัพท์ไอ้วัต เลิกกันแล้ว ห้ามยุ่งเกี่ยวกับมันอีก”
อัญมาฉุน “จะมากไปแล้วนะ พี่คมไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉัน”
“ฉันมีสิทธิ์ เพราะตอนนี้เธอคือผู้หญิงของฉัน”
อธิคมบีบแขนอัญมา อัญมาสะบัดแรง
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของใคร ฉันพอใจจะคบกับใครก็ได้ แต่ไม่ใช่สมบัติของใคร ฉันคือเจ้าของชีวิตของฉันเอง”
อัญมาสะบัดหน้า หันหลังจะเดินออกไป อธิคมพูดขึ้น
“ฉันชอบเธออัญมา ชอบที่เป็นแบบนี้ เธอเป็นตัวของตัวเอง”
อัญมาหยุดเดิน อธิคมเดินเข้ามาโอบกอดอัญมาไว้จากด้านหลัง
“ฉันจริงจังกับเธอนะ อัญมา ใครจะว่ายังไง ฉันก็ไม่สนใจทั้งนั้น”
อัญมาพลิกตัวมามองอธิคม ด้วยสายตาลำบากใจ เพราะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร
“ฉันไม่ใช่คนดีหรอก พี่คม ต่อไปฉันอาจจะทำให้พี่ผิดหวัง”
“ไม่เป็นไร ฉันผิดหวังมานับไม่ถ้วนแล้ว ขอแค่เธอยอมรับฉันได้ เพราะฉันก็ไม่ใช่ผู้ชายดีๆ เหมือนกัน”
อธิคมมองอัญมาแล้วกุมมือไว้ด้วยรอยยิ้ม อัญมายิ้มตอบ ในใจเริ่มหวั่นไหวด้วยความสงสารพ่อค้ายาบ้าผู้โดดเดี่ยว
เมื่อติดต่ออัญมาไม่ได้ ภควัตกังวลหนัก เดินไปเดินมา สุดท้ายกดโทร.หาจิ๊บ และคุยมือถือกับจิ๊บอย่างร้อนรุ่ม
“ว่าไงนะ จิ๊บ น้องอัญไปกับอธิคม ไปเมื่อไหร่ ไปไหน”
ภควัตถามเร็วด้วยความอยากรู้
จิ๊บ กับ นวยยืนรออัญมาอยู่หน้าบ้านอุบล โดยมีอุบลนั่งพับผ้ารอด้วยอีกคน
“ไม่ต้องห่วงหรอก ไอ้วัต อัญมันไปเที่ยว เดี๋ยวก็มา แต่ไม่รู้ตอนไหนนะ นี่พวกฉันก็รออยู่”
จิ๊บวางสายไป นวยกับอุลมอง
“เห็นมั้ย พี่วัตแกน่ะรักเจ๊อัญจริงๆ เลิกไม่ได้ ตัดไม่ขาด” นวยว่า
อุบลหมั่นไส้ “รู้มาก รู้เยอะ รู้ไปหมดนะ ไอ้นวย”
“หรือน้าอุบลอยากให้ลูกสาวเป็นเมียเจ้าพ่อค้ายา” นวยย้อน
“เอ๊ะ เอ็งนี่ อยากปากแตกกินข้าวไม่ได้ใช่มั้ย ลูกข้ามันคิดดี ทำดี เอ็งไม่รู้ความจริง อย่าปากมาก”
อุบลลุก นวยกระเด้งไปหน้ารั้ว
“ฉันก็แค่ห่วงเจ๊อัญ เออๆ ...ไม่ยุ่งแล้วก็ได้”
นวยเดินเคืองๆ ออกไป อุบลกับจิ๊บหันมองกัน
“ไอ้อัญมันไม่ได้เป็นแฟนลูกชายพี่บังจริงๆ หรอกใช่มั้ย จิ๊บ”
“มันบอกว่ามันทำงานนะ ป้า”
อุบลสะดุดหู จ้องหน้าจิ๊บ “เอ็งก็รู้เหมือนข้าใช่มั้ย เรื่องที่ไอ้อัญมันช่วยตำรวจ”
“จ้ะ ก็เป็นห่วงมันเหมือนกันนะ พวกพี่บังมันโหดจะตาย”
อุบลยกมือท่วมหัว “เออ ข้าก็ขอให้ลูกข้าปลอดภัย คนชั่วตกนรกให้หมด คนดีจะได้ไม่อายุสั้น”
สีหน้าแววตาอุบลดูกังวลหนัก เมื่อคิดถึงเส้นทางอันตรายในชีวิตลูกสาว
เช้านี้ ภควัตเดินถือหมวกกันน็อคมาที่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ ขวัญอนงค์ชะเง้อมองมาจากในคฤหาสน์ พอเห็นก็รีบบอกแม่ด้านหลัง
“พี่วัตออกไปแต่เช้าเลยค่ะ”
วรจันทร์มองภควัตที่ขับรถแล่นออกไป
“คงไปทำงานที่ชุมชน... เหมือนเดิม”
“น้องอยากตามไปดู”
“จะดีเหรอยายน้อง ที่นั่นมันไม่เหมาะกับลูกเลยนะ” วรจันทร์ห่วงลูกสาว
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณแม่ น้องจะระวังตัว น้องสังหรณ์ว่าพี่วัตต้องมีเรื่องปิดบังเราเยอะแยะ โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงชื่ออัญมา”
ขวัญอนงค์ถือดี สีหน้าอยากรู้เรื่องพี่ชายเอามากๆ
อัญมาตื่นแต่เช้า ตอนนี้ กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ในบ้าน ภควัตเดินมามองตาขุ่นเขียว
“เมื่อคืนคงยุ่งมากล่ะสิ ถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์ ไม่โทร.กลับ”
อัญมากวนกลับ “ใช่ ยุ่งมาก พี่คมเค้าไม่ยอมปล่อยให้ฉันกลับบ้านดีๆ ก็ตามประสาคนรักกันช่วงโปรแรง”
“รักมากจนลืมการลืมงาน ลืมหน้าที่”
อัญมาโมโห “เงียบไปเลย คนอย่างฉันรู้หน้าที่ มีแต่คุณนั่นแหละที่ไม่รู้หน้าที่ ดีแต่มองคนในแง่ร้าย รู้หรือเปล่า ที่ไม่โทร.กลับเพราะอธิคมปามือถือฉันลงน้ำ”
ภควัตพาล “ก็ทำไมไม่พูดความจริงตั้งแต่ต้น”
อัญมาย้อนแย้ง “พูดแล้วคุณฟังบ้างหรือเปล่าล่ะ แล้วตอนนี้ เลิกมาหาฉันได้แล้ว หูตาอธิคมมีทั้งซอย”
“ผมแค่มาดูให้แน่ใจ ว่า...”
“...ว่าอะไร...”
“คุณปกติดี”
“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่คมเค้าทะนุถนอมฉันจะตาย”
อัญมาทำท่าอวดๆ ยั่วโมโห และได้ผล ภควัตทำเก๊กเสียงขรึม
“หวังว่าคงไม่ลืมตัว...ว่ากำลังทำอะไรอยู่”
อัญมามองค้อน เสียงมือถือภควัตดังขัดขึ้น ภควัตกดรับ
“ครับ รส...ผมเอง”
อัญมาหันขวับมามองทันที่ที่ได้ยินชื่อ สุคนธรส
ภควัตฟังปลายสายสุคนธรส แต่สายตาเหลือบมองอัญมาเป็นระยะ อัญมาทำเป็นหันไปรดน้ำต้นไม้ต่อ
“ครับ แล้วเจอกัน”
ภควัตวางสาย เดินมาทางอัญมา
“สุคนธรสนัดเจอผมที่ลานกีฬา ผมอยากให้คุณไปด้วย”
“ไม่ว่าง จะไปหาแฟน”
“ไปหาสุคนธรสกับผมก่อน ช่วยผมหน่อย ผมไม่อยากคุยกับรสนานๆ เสร็จธุระแล้วคุณแล้วจะไปหาแฟนที่ไหนก็เชิญ ตามสบาย”
อัญมามองภควัตที่มองมาด้วยสีหน้าขอร้อง
สุคนธาแต่งตัวเปรี้ยวจัดใส่แว่นกันแดดยืนรออยู่ตรงลานกีฬา ในสนามมีวัยรุ่นชายเตะฟุตบอลกันอยู่ สักครู่หนึ่งภควัตเดินมากับอัญมา
สุคนธรสหันมาเห็นก็เชิดหน้าใส่อัญมา ตรงเข้าไปเกาะแขนภควัตอย่างสนิทสนม
“ไม่คิดว่าวัตจะพาเธอมาด้วย”
“พอฉันมาคิดจะทำอะไรก็ไม่สะดวกเลยสินะ”
สุคนธรสขึ้นเสียงใส่ “อัญมา”
ภควัตขัดขึ้น “รส ไหนว่ามีธุระสำคัญ”
“คุณอรรณพอยากจะมีงานเปิดลานกีฬาค่ะ”
อัญมาตกใจ “เธอเกี่ยวอะไรกับลานกีฬา กับคุณอรรณพ”
“ทำไมวัตไม่บอกมันไปละคะ ว่าคุณอรรณพให้รสเป็นพีอาร์ของโปรเจ็คท์นี้”
“บริษัทคุณอรรณพมีคนเก่งตั้งเยอะ ทำไมถึงมาใช้พวกสวยแต่รูป จูบก็เหม็น ทำงานไม่เป็น”
“แกว่าใคร”
“ยืนกันอยู่ 3 คน ฉันคงว่าตัวเองมั้ง คุณสุคนธรส”
อีกด้านของสนาม แลเห็นขวัญอนงค์ที่ใส่แว่นกันแดด แต่งตัวเสื้อยืด กางเกงยีนส์ ไม่ให้สะดุดตา มายืนหลบมองเหตุการณ์อยู่
ภควัตตัดบท “เอาละ แค่นี้ใช่มั้ยรสที่คุณจะบอก”
“คุณอรรณพอยากให้มีแข่งขันฟุตบอล วันเปิดลานกีฬา รสเชิญสื่อมาทุกช่อง ทุกสำนัก มีรายละเอียดเราต้องประชุมกันละเอียดๆอีกที...ที่คอนโดรส...” สุคนธรสยิ้มหวาน “วัตจำได้ใช่มั้ยคะ”
“เอาทีมจัดงานของคุณมาคุยกับผมที่นี่”
“ทีมรสมืออาชีพทั้งนั้น”
อัญมาหมั่นไส้ “แต่หัวหน้าอย่างคุณ ดีแต่ชี้นิ้วสั่ง จะทำอะไรเป็น”
“มากไปแล้วนะ”
สุคนธรสโมโห ผลักไหล่อัญมา ภควัตมองอย่างตกใจ
ขวัญอนงค์จ้อง ถึงกับถอดแว่นมอง
“พี่วัตนะ พี่วัต ทำไมไปยุ่งกับสุคนธรสอีก”
อัญมาพูดในน้ำเสียงคุณหนูอัญมา “สุคนธรส อย่าดุถูกคนให้มากนัก”
“ทำไม ฉันดูแกไม่ผิดหรอก...พวกติดดิน คิดจะไต่เต้า ทำไม จ้องฉันทำไม จะทำไมฉัน”
อัญมากำหมัดแน่น ภควัตมองแล้วเข้ามาขวาง
“อัญมา คุณจะไปหาแฟนไม่ใช่เหรอ”
สุคนธรสหยัน “อย่างมัน ...มีผู้ชายมองด้วยเหรอคะ”
อัญมาเหยียดยิ้ม “มีสิ หลายคนด้วย แค่ยิ้ม ผู้ชายก็วิ่งตามฉันเป็นพรวนแล้ว ไม่เหมือนคุณหรอก ลด แลก แจก แถมกระหน่ำ ต้องยั่ว ฝืนทำเป็นผู้หญิงสวย รวยเก่งมากแค่ไหนล่ะ ถึงจะคว้าผู้ชายได้สักคน”
“แกว่าชั้น”
สุคนธรสโผเข้าหาหมายจะตีอัญมา ภควัตขวางไว้สุดแรง ดันออกห่าง
“อัญมา อย่ามีเรื่องกัน ผมขอร้อง”
“ดูแลคนของคุณให้ดีแล้วกัน คราวหน้า ฉันไม่รับประกันหรอกว่า ฉันจะทนได้กับผู้หญิงปากพล่อย สมองกลวงได้นานขนาดนี้”
สุคนธรสโผเข้าไปอีก ภควัตขวางไว้ ขวัญอนงค์มองด้วยความตกใจ อัญมาหันหลังเดินออกไปอย่างโมโห
“วัต...รสจะไม่ทนกับเพื่อนมารยาทแย่ของวัต”
ภควัตมองสุคนธรสที่แสดงอารมณ์โกรธเดือดดาลเต็มที่ ก็เอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“เบาๆ สิรส ใจเย็นๆ นะ”
สุคนธรสมองภควัตท่าทางสงบลง เพราะภควัตพูดดีๆ
“อัญมาเค้าก็แบบนี้ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร คุยเรื่องงานของเรากันต่อดีกว่ามั้ย”
“รสเห็นแก่วัตนะคะ ไม่งั้นรสไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
ขวัญอนงค์มองจ้องภควัตที่มีท่าทีโอนอ่อนลงให้กับสุคนธรส ด้วยสายตาสงสัยแกมแปลกประหลาดใจ
อ่านต่อหน้า 2
คีตโลกา ตอนที่ 9 (ต่อ)
เวลานั้น วรจันทร์มองจ้องขวัญอนงค์ที่เข้าบ้านมาและนั่งลงตรงหน้า ด้วยสีหน้าอันหงุดหงิดและไม่พอใจมากๆ
“จริงเหรอ ยายน้อง ตาวัตเจอกับสุคนธรสแฟนเก่า”
“จริงสิคะคุณแม่ น้องหยิกแขนตัวเอง หยิกแล้วหยิกอีกว่าไม่ได้ฝันไป พี่วัตน่ะแคร์สุคนธรสมาก”
“แล้วอัญมาล่ะ”
“น้องได้ยินพี่วัตพูดว่า อัญมามีแฟน”
วรจันทร์นิ่งคิด “แสดงว่าที่ตาวัตซึมๆ ก็อาจจะเพราะอกหักเรื่องอัญมา”
“ตอนนี้อัญมาไม่ใช่คนที่เราต้องกลัวแล้วค่ะ แต่กลายเป็น...”
“ถ่านไฟเก่าอย่างสุคนธรส เฮ้อ...ตาวัตนะ ตาวัต หนีไม่พ้นผู้หญิงคนนี้จริงๆ”
“ทำงานด้วยกันอย่างนี้ น้องกลัวยายสุคนธรสจะจุดไฟพึ่บพับ แล้วพี่วัตก็พลาดไปติดบ่วงสวาทยายสุคนธรสอีก”
วรจันทร์ค้อนควัก “ยายน้อง พูดเข้า...ก็ไหนว่าสุคนธรสมีคนรัก กำลังจะแต่งงานกัน”
“ตราบใดที่ยังไม่แต่ง หรือแต่งไปแล้ว ผู้หญิงไม่มียางอายคนนี้ น่ากลัวสำหรับพี่วัตที่สุดค่ะ”
วรจันทร์ฟังแล้วทอดถอนใจ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบายใจเอาเลย
“ทั้งสุคนธรส ทั้งอัญมา ตาวัตนะตาวัต ผู้หญิงแต่ละคน มีแต่เรื่องให้กลุ้ม”
ส่วนทางอัญมากอดอกหน้าตาไม่สบอารมณ์ อธิคมเดินมาใกล้มองหน้าออก
“ใครทำเธอโกรธ บอกฉันมาสิ อัญ”
“ไม่มีอะไรหรอก พี่คม...วันนี้ไม่ไปไหนเหรอ”
“ไม่ไป”
“พี่บังล่ะ มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า ฉันไม่อยากอยู่ว่างๆ”
“ไม่มีอะไร ช่วงนี้เราหยุดสักพัก”
“ทำไมล่ะพี่ มีเรื่องเหรอ”
“ก็นิดหน่อย รอให้อะไรมันซาๆ ค่อยเริ่มต้นส่งของกันใหม่”
อัญมารับฟังด้วยสายตาอดทน และรอคอย
ที่ร้านกาแฟชุมชน ภควัตนั่งอยู่กับจ่าเดชในนั้น มีชาวบ้านเป็นผู้ใหญ่มีอายุอีก 3 คนนั่งประชุมอยู่ด้วย
“เราจะต้องหาทีมฟุตบอลมาแข่งวันเปิดลานกีฬา”
จ่าเดชบอก “เรื่องนั้นไม่มีปัญหา ว่าแต่นี่มันงานใหญ่เลยสินะ”
“งานใหญ่ แล้วก็จะทำให้ชุมชนนี้มีชื่อเสียงในด้านดีไม่ใช่แค่เป็นที่ระบาดของยาเสพติด พวกเราต้องช่วยกันให้งานเปิดลานกีฬาสำเร็จ”
ด้านหลังวงประชุม เก้านั่งฟังอยู่นานแล้ว มันลดหนังสือพิมพ์มองมาจากโต๊ะหลังสุด ได้ยินทุกอย่างที่ภควัตคุยกับจ่าเดช
ภายในห้องทำงานบนเรือนใหญ่ วินิจฟังรายงานจบลง สายตาใช้ความคิด อธิคมยืนอยู่ด้วยกันหันไปถามเก้า
“จริงเหรอวะ ไอ้เก้า ที่เอ็งได้ยินมา งานเปิดลานกีฬา”
“จริง พี่ ผมได้ยินว่ามันจะจัดยิ่งใหญ่ มีนักข่าวมากันเยอะแยะ”
“ไอ้เศรษฐีนั่นมันกล้าดียังไง จัดงานข้ามหน้าข้ามตา ไม่มาขออนุญาตพ่อ”
“ฉันไม่ปล่อยให้มันได้หน้าไปคนเดียว” วินิจว่า
อธิคมเสนอ “ป่วนงานมันก่อนเลยมั้ย”
“ให้มันจัดไป ฉันมีแผนที่ดีกว่านั้น”
“แผนอะไร” อธิคมมองมองแล้วคิดได้ “หรือว่า พ่อคิดจะขนของ”
“ใช่... ฉันกับแกจะไปร่วมงานในฐานะคนสำคัญของชุมชนนี้ ไอ้เก้า แกรับหน้าที่ขนของวันนั้นอย่าให้มีอะไรผิดพลาด”
“ครับ พี่บัง”
วินิจมองลูกชายสายตาวาดแผนชั่ว
“บอกไอ้วัตไปว่า เราจะส่งทีมฟุตบอลแข่งกับมัน”
ภควัตอยู่ในห้องเช่า มีสีหน้าหงุดหงิดพอได้ฟังคำรายงานจากปากจ่าเดชที่ยืนใกล้ๆ
“อธิคมมันจะแข่งบอลกับทีมเรา”
“เท่ากับว่า ทุกคนจะได้เห็นมันออกทีวี”
“มันฉลาดที่จะชุบตัวให้เป็นคนดีด้วยสื่อ”
“แต่ว่ามันเคยติดคุก ถ้าสื่อสืบไป มันก็ไม่รอด” จ่าเดชว่า
“ผมเช็คประวัติมันมาแล้ว หลังออกจากคุก อธิคมมันเป็นคนใหม่ ปลอมประวัติตัวเองกับเอกสารราชการ เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล เปลี่ยนทุกอย่าง ยกเว้นหน้ามันที่ผมจะจำไม่ลืม”
ภควัตกำหมัด สีหน้าต้องการเอาชนะอธิคมให้ได้ทุกทาง
ฟากอัญมามองอธิคมกับเก้าด้วยสายตาแปลกใจ ย้ำถามอย่างไม่แน่ใจ
“แข่งฟุตบอล”
“ใช่ ฉันก็คุยกับพ่อแล้ว อยากให้เธอช่วยหาคนมาเป็นกองเชียร์ชองพวกเรา”
“กองเชียร์...ก็พวกเราในบ้านนี้ไง”
“ไม่ว่าง”
เก้าสวนทันที อัญมามองสงสัย
“ไม่ว่างอะไร ไปไหน วันนั้นก็ต้องอยู่กันหมดทุกคน”
อธิคมพูดสวนขึ้น
“พวกเราทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นหรอก ช่วยหน่อยแล้วกัน อัญ หาคนมาเชียร์ทีมเราด้วย...ฉันว่าเธอนั่นแหละเหมาะที่สุด หัวหน้ากองเชียร์”
อัญมาชี้นิ้วที่ตัวเองหน้าตาเหรอหรา
“ฉันน่ะนะ”
ถึงวันเปิดลานกีฬาต้านยาเสพติดชุมชนบัวสวรรค์ บรรยากาศคึกคักแต่เช้า มีคนในชุมชนมาร่วมงานกันกลุ่มใหญ่
อรรณพ กับภรณี ยืนอยู่ตรงกลางไมค์รวมของกองทัพนักข่าว ด้านหลังคือบอดี้การ์ด ทีวีกำลังบันทึกภาพ นักข่าวคอยถ่ายภาพนิ่ง สุคนธรสหน้าตาเบิกบาน ยืนฉีกยิ้มข้างอรรณพกับภรณี ที่กำลังให้สัมภาษณ์เรื่องโครงการกีฬา
“ผมอยากให้วัยรุ่นของเรามีพื้นที่แสดงออก ไม่ว่าจะด้านกีฬาหรือศิลปะเลยทำโครงการนี้เพื่อตอบแทนสังคม อยากให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุน เห็นความสำคัญของเยาวชนแล้วก็สร้างลานกีฬาขึ้นในทุกชุมชนให้มากขึ้นครับ”
ระหว่างที่อรรณพให้สัมภาษณ์ ในกลุ่มชาวบ้านเห็นแอนนี่กับเจ๊ว่านปนอยู่ในนั้น เจ๊ว่านมองหมั่นไส้
“เป็นเศรษฐีนี่ทำอะไรก็ดีไปหมด”
จิ๊บ นวย และอุบลที่ยืนใกล้ได้ยินก็มองค้อนเจ๊ว่าน
“คนทำดีก็ไปหมั่นไส้เค้า นี่ล่ะน้า ประเทศชาติมันถึงไม่เจริญ”
เจ๊ว่านเหยียดยิ้ม “ย่ะ นังกิ้งก่า เปลี่ยนสีจากยาจกเป็นคนรวยเร็วจริงนะ”
แอนนี่กรี๊ดกร๊าด “ฮูยยย คงหวังจะได้ตัดริบบิ้นเปิดป้ายกับพวกคนรวยเค้ามั่งน่ะค่ะ คุณแม่”
“ปากอย่างนี้ น่าตบฉลองวันมงคลจริงๆ” จิ๊บฉุน
นวยเหน็บเอาว่า “ตบไปเราก็เจ็บมือเปล่าพี่จิ๊บ หนังทั้งด้านทั้งหนา”
แอนนี่แว้ดใส่ “ไอ้นวย”
“ข้าขอนะ อย่าทำให้ชุมชนเราขายขี้หน้า คนนอกเค้าอุตส่าห์มาสร้างชื่อเสียง สร้างความเจริญให้ แต่พวกแกจะมาตบมาตีกัน ให้นักข่าวเค้าเอาภาพทุเรศๆ ไปลง” อุบลปรามแกมขอร้อง
ทุกคนต้องหยุด มองไปที่อรรณพ ภรณีที่กำลังให้นักข่าวถ่ายภาพ สุคนธรสฉีกยิ้มพูดขึ้นกับนักข่าว
“เดี๋ยวต่อไปจะมีการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรนะคะ ระหว่างทีมของคุณอรรณพ...”
เสียงเสี่ยวินิจพูดต่อเสียงดัง “กับทีมของผมเองครับ
วินิจก้าวเข้ามายิ้มแย้มกับสื่อ ข้างๆ สุคนธรส
“ผม วินิจ เป็น ผู้นำชุมชนนี้ เป็นเจ้าของค่ายมวยส.วินิจ
อรรณพ ภรณีหันไปมองวินิจที่ฉวยโอกาสโปรโมทตัวเองด้วยการยิ้มแย้มต่อหน้าสื่อ
“ผมขอสนับสนุนเต็มที่ให้ชุมชนของเรามีลานกีฬาเพื่อเยาวชนจะได้ห่างไกลยาเสพติด”
นักข่าวพากันถ่ายภาพวินิจ อรรณพมองข่มความไม่ชอบใจ
ส่วนที่ตึกร้างเวลานี้ เก้ายืนคุม เมษ และป๊อบที่กำลังขนลังลงจากตึกร้างมากับลูกน้อง ทุกคนเอาลังของยัดไส้ยาบ้าใส่รถกระบะอย่างเร่งรีบ
ในสนาม อธิคม หัวหน้าทีมลงสนามมากับลูกทีมวัยรุ่น วินิจกับลูกน้องตบมือเชียร์ลั่น เจ๊ว่าน แอนนี่ส่งเสียงเชียร์ อรรณพ และภรณีหน้าตึงไม่พอใจ
อีกด้านภควัตวิ่งนำนักบอลวัยรุ่นทีมของตัวเองมา อรรณพ ภรณี ตบมือให้ อุบล นวย จิ๊บตบมือดัง ชาวบ้านพากันตบมือให้ภควัตมากกว่า
สุคนธรสมัวยืนโพสให้นักข่าวถ่ายรูปสัมภาษณ์ ไม่สนใจเกม
ภควัตลงสนามมายืนเผชิญหน้ากับอธิคม จ่าเดชเป็นกรรมการ
อัญมาก้าวออกมา กับวัยรุ่นสาวหน้าตาน่ารัก 2 คน ในชุดเชียร์ลีดเดอร์สีน้ำเงินขาว ถือพู่เป็นกองเชียร์ฝั่งอธิคม
“นั่นหนูอัญนี่คะ ทำไมไปเป็นกองเชียร์ให้พวกนายวินิจ”
ภรณีกับอรรณพสีหน้าไม่ดีนัก แอนนี่มองเห็นอัญมาก็เนื้อเต้น
“ไอ้อัญ มันดัดจริตที่สุดในสามโลก คุณแม่ดูมันสิคะ”
“เห็นแล้ว ทำไมไม่เป็นลูกแอนนี่”
แอนนี่พูดแขวะเสียงดัง ปรายตามองกลุ่มจิ๊บ “ก้อแอนนี่ไม่ใช่พวกหน้าด้านเกาะพี่คมเป็นปลิง”
“จะทนไม่ไหวแล้วโว๊ย อยากตบปากคนให้กรามหัก หน้าเบี้ยว ตบให้กลิ้งยิ่งกว่าลูกฟุตบอล”
จิ๊บของขึ้น อุบลกับนวยช่วยกันดึงจิ๊บไว้ จ่าเดชเป่านกหวีดเริ่มเกม
อธิคมเขี่ยลูกก่อน ภควัตเข้าแย่งลูก สองคนฝีเท้าเร็ว ไม่ด้อยกว่ากัน อัญมามองมาทางอรรณพกับภรณี สีหน้าลำบากใจ อรรณพกับภรณีมองอัญมาหน้าบึ้ง
กองเชียร์ ชาวบ้านพากันเชียร์เกมครึกครื้น ภควัตแย่งบอลจากอธิคมได้ ซัลโว ทำประตูไปก่อน 1-0 ทุกคนที่เชียร์ภควัต ชาวบ้านเฮ วินิจหน้าตึง
นักข่าวหันไปถ่ายภาพนักกีฬา สุคนธรสไม่ยอม ดึงนักข่าวมาถ่ายรูปตัวเอง
อัญมาเครียดไม่สนุกนัก เมื่อเห็นว่าอรรณพกับภรณีมีสีหน้าไม่พอใจ บึ้งตึงกับตัวเอง
ประพจน์ยืนบัญชาการอยู่ในฐานลับ กฤษณ์มารายงาน
“วันนี้มีการเปิดลานกีฬา ภควัตที่แฝงตัวในชุมชน กำลังเตะบอลกับ อธิคม ลูกชายวินิจ”
“คนนี้ที่ปลอมชื่อ ปลอมประวัติใหม่หลังออกจากคุก” ประพจน์ถาม
“ใช่ครับ ในเอกสารปลอม ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน พาสปอร์ต แจ้งชื่อเป็น อภิชาติ แต่ที่ชุมชนทุกคนก็ยังเรียกชื่อเดิม อธิคม”
“ถ้าจับวินิจกับลูกชายได้ เราจะเจอเครือข่ายผิดกฎหมายโยงใยอีกหลายอย่าง” ประพจน์ว่า
“พวกมันกล้าเปิดเผยตัวขนาดนี้ ไม่มีความเกรงกลัวพวกเราเลย”
สิทธิชัยตั้งข้อสังเกต “แปลกนะครับที่พวกมันมาร่วมงานนี้ด้วย”
ประพจน์ถามขึ้น “คุณคิดว่าพวกมันกำลังทำอะไรอยู่เบื้องหลัง”
สิทธิชัยบอก “ครับน่าสงสัย”
ประพจน์หันไปสั่งกฤษณ์ทันที
“กฤษณ์ รีบเช็คความเคลื่อนไหวพวกวินิจ ที่บ้าน ค่ายมวย แหล่งกบดานของพวกมันทั้งหมด”
“ครับ ผู้การ”
กฤษณ์รีบออกไป ประพจน์มีสีหน้าใช้ความคิดสงสัยอย่างหนัก
ส่วนที่สนามฟุตบอล ลานกีฬา ภควัตกำลังแย่งบอลกับอธิคม อธิคมจงใจกระแทกภควัตล้มกลิ้งไป ทุกคนมองตกใจ วินิจยิ้มพอใจ จ่าเดชป่านกหวีด เข้าไปเตือน อธิคมมองแล้วยิ้มเยาะเดินออกไป
แอนนี่ตกใจเว่อร์ “พี่วัต ตายแล้ว พี่วัต”
เจ๊ว่านเอ็ด “แอนนี่ เชียร์ลูกชายพี่บังสิ”
แอนนี่ไม่สน “ก็แอนนี่ห่วงพี่วัต พี่คมเค้ามีไอ้อัญมันเชียร์อยู่แล้ว”
อัญมามองภควัตที่ล้มกลิ้งด้วยความเป็นห่วง ภควัตลุกขึ้นทุกคนปรบมือ
ภควัตเล่นต่อ อธิคมมองอย่างเจ็บใจ
ทางฝ่ายกฤษณ์เดินเข้ามาในฐานลับ รายงานประพจน์โดยเร็ว
“ด่านใกล้ๆ สกัดรถทะเบียนปลอมไว้คันหนึ่งครับ พวกที่นั่งมาในรถคนนึง หน้าตาเหมือนคนที่เราส่งรูปออกหมายจับ”
ประพจน์สั่ง “รีบไปดู กฤษณ์ ใช่พวกวินิจหรือเปล่า แล้วก็จับเป็นเท่านั้น”
“ครับผู้การ”
กฤษณ์ออกไปโดยเร็ว มีประพจน์มองตามอย่างมีหวัง
บริเวณด่านตรวจแห่งหนึ่ง ตรงถนนนอกเมืองตอนนี้ เก้านั่งนิ่งในรถที่เมษขับ ส่วนป๊อบกระวนกระวายเห็นชัด ตำรวจเดินมาถามท่าทีใจเย็น
“ขออนุญาตตรวจหน่อยนะครับ”
เก้ามองไปที่ตำรวจอีกคนที่มองตรงมา เมษหันมามองเก้า โดยเก้าพยักหน้าอย่างไม่ร้อนรน
“ไปเปิดหลังรถ”
เมษลงไปกับป๊อบ เก้าตามลงมายืนมองที่ฝั่งคนขับ เห็นเมษกับป๊อบกำลังเปิดผ้าใบคลุมกระบะหลังออก มีกล่องเรียงรายเต็มหลังรถ
เหตุการณ์ที่ลานกีฬา ทุกคนมองลุ้นการแข่งฟุตบอลในสนาม อธิคมพุ่งเข้าแย่งลุกจากภควัต ภควัตไม่ยอมเลี้ยวหลบ จนลากลูกเข้าไปยิงได้เป็น 2- 0 ทีมภควัตเฮ
อัญมาแอบยิ้มดีใจ วินิจหน้าบึ้ง อธิคมไม่พอใจ
จ่าเดชเป่าเริ่มเกมใหม่ ภควัตเลี้ยงลูกมา อธิคมแกล้งพุ่งเข้าไปขวางแล้วสวนศอกเข้าใส่ภควัต ทำเอาภควัตถึงกับเซ อธิคมจะแย่งลุก ภควัตไม่ยอม พุ่งเข้าเตะตัดขา อธิคมถึงกับหงาย ทุกคนสีหน้าไม่ดีเมื่อเห็นเกมเริ่มดุเดือด
อธิคมลุกขึ้นได้ ก็ระงับอารมณ์ไม่อยู่ กระชากภควัตมาชกกลิ้งลงไปกับพื้น นักบอลสองฝ่ายเห็นก็ พุ่งเข้าหา ตะลุมบอนกัน
ทุกคนตกใจ แอนนี่ กะเจ๊ว่านกรี๊ดกร๊าดวี้ดว้าย นักข่าวพากันไม่สนใจสุคนธรส ถ่ายรูปนักบอลที่กำลังอัดกันในสนาม จ่าเดชเป่านกหวีดห้าม แต่ไม่มีใครฟัง อธิคมเตะซ้ำภควัตที่ล้มกลิ้งอยู่ อัญมาวิ่งฝ่าคนในสนามที่กำลังอัดกันนัว เข้าไป
“พี่คม อย่า”
อธิคมไม่ฟัง ยกเท้ากระทืบภควัตเต็มแรง ทว่าภควัตกลิ้งหลบ อัญมาลืมตัวผลักอธิคม
“อย่าทำพี่วัต”
อธิคมโมโห “อัญมา”
อัญมาเข้าไปดึงภควัตลุกขึ้นต่อหน้าอธิคม อธิคมจ้องเขม็ง
ทางด้านเก้ายืนมอง ตำรวจเปิดลังค้นดู เอาเหล็กทิ่มตุ๊กตา ก็ไม่พบอะไร จึงเดินกลับไปคุยกัน แล้วหันมามองทางรถกระบะ เมษกับป๊อบขึ้นรถ เก้าขึ้นนั่งเป็นคนขับ
“เอาไงดี พี่ ท่าทางมันสงสัย ถึงถ่วงเวลาไว้” เมษกังวล
“ใจเย็นๆ ไม่เจอของ เราก็ไม่มีอะไรต้องกลัว”
เก้าจับพวงมาลัยนิ่ง สายตาจดจ้องไปที่ตำรวจตลอดเวลา อย่างระแวดระวัง
อัญมาประคองภควัตมา อธิคมมองเขม็งเอาเรื่องไม่ถอย
“พี่คม ทำแบบนี้ทำไม มีเรื่องต่อหน้านักข่าว มันจะเสียมาถึงพี่บัง”
อธิคมได้สติยอมถอยห่าง มองนักข่าวที่กำลังพุ่งเข้ามาถ่าย ก็กระชากแขนอัญมาขึ้น พาหันหลังเดินหนี ภควัตลุกขึ้น สุคนธรสวิ่งเข้ามาประคอง
“วัตคะ เป็นอะไรหรือเปล่า พวกนั้นอันธพาลชัดเลยๆ”
จ่าเดชแยกนักบอลสองทีมออกจากัน อธิคมหันมามองสุคนธรสที่ยืนข้างภควัตแล้วรู้สึกคุ้นหน้า ภาพตอนอธิคมเจอสุคนธรสตอนทะเลาะกับอัญมาที่ทะเลผุดซ้อนขึ้นมาในห้วงคิด
สุคนธรสโผเข้าไปจับภควัต อรรณพ กับภรณีหันมองวินิจ สายตาตำหนิ และไม่พอใจ แต่วินิจทำหน้ายิ้มกวนให้
อธิคมพาอัญมาออกไปนอกสนาม สุคนธรสประคองภควัตออกอีกด้าน แอนนี่มองภควัตกับสุคนธรสแล้วเต้นเร่าๆ
“นังหน้าขาวนั่นมันใครคะคุณแม่ หน้าเริดตั้งแต่เริ่มงานแล้ว”
“ก็คนของพวกเศรษฐีน่ะสิ”
“มันมาสนใจพี่วัตของแอนนี่”
แอนนี่ไม่ยอมวิ่งเร็วปรื๋อไปที่ภควัต เจ๊ว่านวิ่งตาม แอนนี่มาถึงก็ดึงแขนภควัตไปกอด
“พี่วัตขา”
สุคนธรสฉุนกึก “เอ๊ะ แก... ใครน่ะ ปล่อยมือจากวัตเดี๋ยวนี้นะ”
ภควัตโดนดึงจากทั้งสุคนธรสและแอนนี่
“ไม่ย่ะ แกนั่นแหละ ปล่อย นี่แฟนฉัน”
สุคนธรสถึงกับเต้น ปล่อยมือจากภควัตอย่างลืมตัว
“แกว่าใครแฟนพี่วัต สารรูปอย่างแกน่ะเหรอ”
เจ๊ว่านช่วยลูกสาว “พูดดีๆ นะ คุณ นี่ลูกแอนนี่ ดาวเด่นประจำร้านชั้น”
สุคนธรส กับแอนนี่ยืนมองท้าทายใส่กัน ภควัตตัดรำคาญ เดินหนีเร็วรี่ออกไปทันที
“มองหน้าก็รู้ว่าอย่างแกคง...ขาย..ได้กี่อย่าง”
“ของชั้น ขายยังมีราคา แต่อย่างแก แจกฟรียังไม่มีคนต่อคิว”
สุคนธรสกรี๊ด “แอร๊ย...”
แอนนี่ กับเจ๊ว่านหัวเราะเยาะ จิ๊บ กะนวยวิ่งเข้ามาดู
“ฉันไม่ได้คนระดับเดียวกับพวกแก ฉันมาช่วยที่นี่ก็บุญของพวกแกแล้ว”
สุคนธรสเชิดใส่ทั้งกลุ่ม เดินออกไป
เจ๊ว่านโมโห “นังคนนี้ มันน่าตบจริงๆ”
“แอนนี่ไม่ปล่อยไว้แน่ เรื่องอะไรก็ยอมได้ แต่ถ้ามาเกาะแกะพี่วัตของแอนนี่ มันต้องตายกันไปข้างนึง”
“ไอ้วัตอีกแล้วเหรอ ทำไมผู้หญิงจะฆ่ากันตายแย่งมันนักวะ”
จิ๊บมองเซ็ง แล้วบ่นไล่หลังเอือมๆ
ภควัตวิ่งเร็วรี่ออกมาด้านหลังสนามกีฬา จุดที่มอเตอร์ไซค์เขาจอดหลบอยู่ ภควัตเปิดอ่านข้อความในมือถือ แล้วสวมเสื้อหนัง ใส่หมวกกันน็อค สตาร์ทรถออกตัวไปอย่างเร็ว
รถทะยานออกไปราวกับจะบิน
เก้ามองจ้องตำรวจที่กำลังคุยกัน อีกคนเดินดูรอบรถ อีกคนดูทะเบียนอย่างใจเย็น ถ่วงเวลาไว้เต็มที่
“เอายังพี่ มันนานแล้วนะ” เมษหารือ
ตำรวจมาเคาะกระจก เมษ กะป๊อบสะดุ้ง
“เชิญลงมาอีกทีครับ” ตำรวจบอก
“มีอะไรหรือเปล่าครับ จ่า นี่ผมเสียเวลามากเลยนะ” เก้าร้อนใจ
ตำรวจบอก “พรบ.ขาดน่ะครับ”
เก้า เมษ ป๊อบจำใจต้องลงมาอีก
อีกด้าน กฤษณ์มาจอดรถซุ่มดู โดยมีลูกน้องลงมาด้วย 2 คน
กฤษณ์มองไปยังเก้าที่กำลังยืนข้างรถจำได้ทันที “พวกมัน” แล้วหันไปบอกลูกน้อง “จับเป็น ทุกคน”
ลูกน้องตีโอบออกข้าง กฤษณ์หยิบปืนออกมากระชับมั่นในมือ
ฝ่ายพวกชาวบ้าน และคนดูพากันทยอยกลับ สุคนธรสมองสภาพลานกีฬาแล้วหันมาบ่นกับอรรณพ ภรณี และจ่าเดช
“พัง พังหมดเลย รสอุตส่าห์ทุ่มเททำงานนี้”
“แต่ก็ดังนะครับ นักข่าวคงได้ภาพนักบอลตีกันในสนามไปออก” จ่าเดชว่า
“งานวันนี้สนุกมากนะครับ” ทุกคนหันไปมอง ที่วินิจยิ้มอารมณ์ดีอยู่คนเดียว “มีอะไรที่จะให้ผมมาร่วมด้วยอีก วันหลังบอกได้เลยนะครับ คุณอรรณพ คุณภรณี”
“นักบอล ลูกชายคุณทำให้งานของผมเละเทะ” อรรณพฉุน
“ก็มีเลือดร้อนกันบ้าง ยังไม่ถึงกับเลือดตกยางออก อย่าถือเป็นเรื่องเป็นราวเลยครับ ยังไงลานกีฬาเนี่ย ก็ต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมใจของพวกผมหวังว่าคุณคงไม่ลืม”
วินิจข่มในทีพร้อมกับหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ ขณะเดินออกไปกับลูกน้อง อรรณพกับภรณีมองไม่ชอบใจ
สุคนธรสนึกได้ “แล้วนี่ วัตไปไหน เมื่อกี้ยังอยู่แถวนี้”
ภรณีมองหา “นั่นสิ คุณวัตหายไปเลย”
ทุกคนมองหา จ่าเดชเงียบ รู้แต่ไม่ยอมพูด
กฤษณ์กับลูกน้อง 2 คนกำลังจะเข้าไปใกล้เก้า เมษ และป๊อบแล้ว เมษหันขวับไปมองเห็นลูกน้องกฤษณ์ที่อยู่ในพุ่มไม้ กำลังใกล้เข้ามารีบร้องบอกคนอื่น
“ตำรวจ”
เก้า และ ป๊อบพุ่งขึ้นรถ จะขับฝ่าด่าน เมษยิงสวนไปก่อน แล้ววิ่งกลับมาที่รถ กฤษณ์กับลูกน้องโผล่ออกมา ยิงสกัด เก้าพุ่งรถ ชนด่าน ฝ่าออกไป
ภควัตที่โผล่ขึ้นมาจากริมถนน ดักหน้าไว้ กระหน่ำยิงยางรถไม่นับ รถเสียหลัก วิ่งผ่านหน้าภควัต ลากไปได้อีกไม่ไกล ภควัตมองแล้ว ตัดสินใจหลบหายไปทันที กฤษณ์กับลูกน้องวิ่งมา
เก้า เมษ ป๊อบตัดสินใจเปิดรถ วิ่งหนีหายไปในพงหญ้า ลูกน้องกฤษณ์ตามทันที
กฤษณ์วิ่งมาหยุดมองที่รถ ตำรวจ 2 นายวิ่งมา
“ใครยิงยางรถ” กฤษณ์มองงง
ตำรวจ 2 คนส่ายหน้า กฤษณ์มองไปรอบๆอย่างสงสัย
ภาพในวงจรปิดจากกล้องที่หัวถนน จับภาพตอนภควัตโผล่ออกมายิงยางรถ ตำรวจเจ้าหน้าที่เทคนิคซูมเข้าไปใกล้ ประพจน์ สิทธิชัย และกฤษณ์มองเห็นใบหน้าภควัตชัด
สิทธิชัยตะลึง “ผู้กองภควัต”
กฤษณ์หัวเสียทันที
“เป็นไปไม่ได้ ก็วันนี้มีงานเปิดลานกีฬา ภควัตบอกเองว่าต้องอยู่ที่นั่น”
ประพจน์ฉุกคิด “หรือว่าภควัตรู้ว่าจะมีการขนยาวันนี้”
“รู้แล้วทำไมไม่บอกเรา” กฤษณ์กระชากเสียงถามทันที
ภควัตถึงห้องเช่าลงนั่งเก็บปืนใส่กล่อง ห่อด้วยกระดาษธรรมดา ไม่เตะตา หรือดูน่าสนใจ แล้วเอาใส่เก็บในตู้ จ่าเดชมอง
“ผู้กองน่าจะไปรายงานเรื่องทั้งหมดที่ฐานลับ”
“ไม่ต้องหรอก ให้กฤษณ์มันรายงานไปคนเดียวก็พอแล้ว”
“ดีว่า ผู้กองไปทันนะครับ อย่างน้อยก็ได้รถที่พวกมันขนของ แต่จับพวกมันไม่ได้”
“ก่อกวนมันไปเรื่อยๆ”
เสียงมือถือดัง ภควัตมอง แล้วกดรับ เป็นผู้การประพจน์โทร.มา
“ครับ ท่านผู้การ”
จ่าเดชมองด้วยสายตาลุ้น
ในฐานลับตอนนี้ ประพจน์และคนอื่นๆ ในห้องประชุมมองภาพภควัตที่ขึ้นจอใหญ่ ทุกคนยืนมอง
“คุณรู้ว่าพวกมันจะขนของ ทำไมไม่รายงานเรา”
เห็นภาพภควัตที่ตอบผ่านมาทาง face time บนจอในฐานลับ
“ของล็อตนี้มีไม่มาก มันใช้ลูกน้องลงมือ ถ้าเราทุ่มกำลังลงไป จับได้แต่พวกตัวเล็กๆ พวกมันก็จะดำดินหายไปจนเราตามไม่ได้”
กฤษณ์โมโห “ไม่จริง แกอยากโชว์ผลงานตัวเองมากกว่า”
ประพจน์ และสิทธิชัยมองกฤษณ์ที่ระงับอารมณ์ไม่ได้
“ฉันกำลังจะจับพวกมันทั้งคน ทั้งของได้แล้ว”
ภควัตอธิบาย “เราบีบมันแคบลงเรื่อยๆ ให้มันรู้ว่า มันไม่ได้รอดสายตาเรา ตัดกำลังคนของมันไป จนมันสองพ่อลูกต้องลงมือเอง นี่คือแผนของผมครับ”
ประพจน์ และสิทธิชัยฟัง แต่กฤษณ์ฮึดฮัด
“ถึงยังไงคุณก็ต้องประชุมแผน ไม่ใช่ปฏิบัติการคนเดียว เราทำงานกับเป็นทีม” ประพจน์ติง
ภควัตบอก “ผมกลัวว่า ข่าวจะรั่วไหล”
กฤษณ์ “ที่นี่มีแต่คนไว้ใจได้ทั้งนั้น”
ประพจน์เอ่ยขึ้นว่า “แล้วตอนนี้พวกมันเคลื่อนไหวอะไร คุณรายงานเรามาด้วย”
“ครับ ผู้การ”
สายตาภควัตตัดไปเป็นจอว่าง ประพจน์หันมามองกฤษณ์
“ผมไม่เชื่อที่ภควัตพูด มันเข้ามาช่วยให้จับรถได้ แต่ปล่อยคนหนีไป”
ประพจน์ คล้อยตาม “จับตาดูภควัตไว้ ถ้าเค้าคิดจะเป็นตำรวจเลว ผมจะจัดการเค้าเอง”
กฤษณ์ยิ้มร้าย สีหน้าเจ้าเล่ห์ แต่สองผู้เป็นเจ้านายไม่เห็น
อ่านต่อหน้า 3
คีตโลกา ตอนที่ 9 (ต่อ)
ภควัตถอนใจออกมาอย่างหนักหน่วง จ่าเดชมองท่าทางผู้กองด้วยความสงสัย
“เหตุผลจริงๆ คืออะไรกันแน่ผู้กองถึงไม่ยอมบอกว่าพวกมันจะขนของวันนี้”
“ผมไม่อยากให้กฤษณ์เข้ามายุ่ง ที่จริงผมตั้งใจจะจับพวกมันให้ได้สักคนแล้วก็กล่อมให้มาเป็นสายของเรา”
“เรามีไอ้อัญอยู่แล้ว”
“ตอนนี้วินิจสงสัยอัญมา อีกไม่นานเราก็ต้องถอนอัญมาออกจากปฏิบัติการนี้ ก่อนที่เธอจะเป็นอันตราย”
จ่าเดชพยักหน้าเห็นด้วย แววตาภควัตเต็มไปด้วยความกังวลห่วงอัญมาจับใจ
ขณะเดียวกันนี้ ในห้องรับแขกบ้านเสียวินิจบรรยากาศมาคุ วินิจเดินเป็นเสือติดจั่นอธิคมยืนห่าง อัญมายืนอยู่ด้านหลังอธิคม
“ไอ้เก้า ไอ้เมษ ไอ้ป๊อบ มันหนีไปกบดานแล้ว แต่เราเสียของทั้งหมด”
อธิคมยัวะเตะเก้าอี้ล้ม
“พวกมันรู้ทุกความเคลื่อนไหวของเรา”
วินิจหันมามองทางอัญมาทันที “เพราะมันมีนิ้วของตำรวจอยู่ที่นี่”
ไม่เท่านั้นวินิจชักปืนจ่อไปที่อัญมา อธิคมตกใจ
“พ่อ อัญไม่ใช่นิ้วของตำรวจ”
“ไม่ใช่มัน แล้วจะใคร ตอนนี้มันนี่แหละน่าสงสัยที่สุด”
วินิจจ่อปืนอัญมายืนนิ่ง พยายามระงับความกลัวด้วยการจ้องตาเสี่ยวินิจ
“กี่ครั้งแล้วที่เราถูกตำรวจกวน”
อัญมาปฏิเสธเสียงแข็ง “ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่ใช่นิ้ว ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้พวกพี่จะขนของ”
“มึงไม่ต้องโกหก” วินิจบันดาลโทสะทำท่าจะเหนี่ยวไก อธิคมร้องห้ามเสียงหลง
“พ่อ เรื่องขนของวันนี้ มีแค่ พ่อ ฉัน แล้วก็ไอ้เก้าที่รู้”
“แกมันหลงผู้หญิงจนตาบอดไปแล้ว ไม่ได้มีแค่แกกับฉัน กับไอ้เก้าที่รู้เรื่องขนของ ทุกคนที่นี่รู้ว่าต้องลงมือวันนี้ แล้วนังนี่มันซอกแซกจนรู้ไปด้วย ถึงคาบข่าวไปบอกตำรวจ”
วินิจดึงผมอัญมาจนหน้าหงายด้วยแรงโทสะ อธิคมเข้ามาจะห้ามวินิจหันไปตบหน้าลูกชายด้วยปืนในมือ อธิคมถึงกับกระเด็นไปเลือดกบปาก
“ตาสว่างสักที ไอ้คม จะหลงผู้หญิงคนเดียวจนฉิบหายกันทั้งหมดหรือไง”
วินิจดึงผมเต็มแรงอัญมาเจ็บ ร้องขึ้นว่า
“ต่อให้ไม่มีฉัน พวกพี่ก็โดนตำรวจจับได้อยู่ดี”
“แกว่าไงนะ”
อัญมาบอกทันที “พวกพี่ใช้ลูกน้องเก่าๆขนของ ตำรวจที่ไหนมันก็แกะรอยได้”
วินิจโกรธจัด “ไอ้อัญ!”
“พี่คิดว่าตำรวจจะไม่มีรายชื่อลูกน้องพี่ไว้หมดแล้วเหรอ กี่คน ที่ไหน ทำอะไร ตำรวจมันไม่ปล่อยให้รอดหูรอดตาหรอก”
“มึงพูดเหมือนเป็นตำรวจ”
“ถึงไม่ใช่ แต่ถ้าฉันเป็นตำรวจ ฉันก็จะทำอย่างที่ฉันพูด”
วินิจจ้องอัญมา อธิคมมองกังวล
“พ่อ ฉันว่าไอ้อัญพูดถูก ตำรวจมันจับตาเราทุกฝีก้าว”
วินิจคิดตาม แล้วหันมามองอัญ “งั้นข้าก็ควรเปลี่ยนคนส่งของใช่มั้ย”
อัญมาจ้องวินิจวัดใจกัน “ควรจะเป็นคนที่ตำรวจมันไม่สนใจ คิดไม่ถึง”
วินิจผลักอัญมาออก อธิคมเข้าประคองอัญมาด้วยความเป็นห่วง อัญมาดึงตัวออกมองวินิจ
“พี่จะยอมให้ฉันขนของมั้ยล่ะ”
อธิคมตกใจ “อัญมา”
วินิจจ้องตาอัญมา “แกกล้าใช่มั้ย”
“ฉันกล้า ฉันมีวิธีของชั้น แล้วชั้นก็จะทำให้พี่ไม่ต้องเสียของเลยสักห่อ”
อัญมาจ้องตาวินิจอย่างไม่กลัวเกรง วินิจมองนิ่งสีหน้าพอใจ แต่อธิคมใจคอไม่ดีที่อัญมากล้าท้าทายพ่อ
ด้านภควัตเดินวนไปวนมา จ่าเดชมองแล้วรู้อารมณ์ภควัตทันที
“อย่าเพิ่งผลีผลามไปโผล่ที่ค่ายมวยหรือบ้านวินิจตอนนี้ ไม่งั้นไอ้อัญเดือดร้อนแน่ ผู้กอง”
“คนของจ่าคอยดูอยู่รอบๆ แล้วใช่มั้ย”
“ใช่ ไอ้อัญมันพิษสงรอบตัว เชื่อเถอะ ว่ามันต้องเอาตัวรอดได้”
ภควัตถอนใจหนัก
“ผมชวนอัญมาทำงานนี้ ผมต้องรับผิดชอบชีวิตเค้าให้ถึงที่สุด”
“ไอ้อัญมันเต็มใจทำเพื่อทุกคน เพื่อผู้กอง”
ภควัตหันมอง จ่าเดชพูดจริงจัง
“ผมอาบน้ำร้อนมาก่อน ผมมองมานานแล้ว ไอ้อัญมันยอมทำทุกอย่างเพื่อผู้กอง”
“จ่ามั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ใช่ มันทำเพื่อผู้กอง ไม่ใช่ทำเพื่ออธิคม”
ภควัตหันกลับมา รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของจ่าเดช
อัญมายืนตรงหน้าวินิจกับอธิคม
“ให้ฉันขนของคราวหน้า ถ้าฉันพลาด ฉันยอมตาย”
อธิคมตกใจ “อัญมา”
“ดี ใจถึงแบบนี้ ข้าจะให้เอ็งพิสูจน์ตัวเอง คราวหน้า เอ็งขนของ ถ้าตำรวจจับได้ ก็ฆ่าตัวตายต่อหน้าตำรวจซะ”
วินิจเดินออกไป อัญมามองตาม อธิคมเข้ามาถามร้อนใจไปหมด
“ทำไม อัญ ทำแบบนี้ทำไม”
“ฉันอยากให้พี่บังเชื่อใจฉัน”
“มันเสี่ยงเกินไป
“ฉันต้องทำนะพี่ ไม่งั้นฉันก็ตาย”
อัญมาเสียงเข้ม อธิคมกลับยิ่งหงุดหงิด พลุ่งพล่านไม่สบายใจเลย
ฟากฝ่ายอุบลยืนอยู่กับกลุ่มจิ๊บ นวย แอนนี่ และเจ๊ว่าน กำลังเมาท์กันเรื่องลานกีฬา
“ทีนี้ชุมชนเราก็ดังระเบิดระเบ้อ ออกข่าวเด็ด 7 สี” เจ๊ว่านว่า
“คุณแม่ว่ากล้องจะถ่ายตอนแอนนี่เต้นเชียร์พี่วัตมั้ย แล้วก็เอาไปออกรายการ 7 วัน 7 อย่าง”
“ช่วงของแปลก” นวยว่าลอยๆ
“ไอ้บ้านวย ไปขับรถของแกเลยไป อย่ามัวมาเห่ามาหอน รำคาญ”
“ไม่ไป วันนี้หยุด พักร้อน”
“จริงด้วยนะ แอนนี่ อย่างแกน่าจะได้ออกทีวี” อุบลว่า
แอนนี่ยืด “เพราะฉันสวย”
จิ๊บด่า “เพราะแกหน้าด้าน ไม่อาย เที่ยววิ่งจับไอ้วัต ผู้ชายที่ไอ้อัญมันใช้แล้วทิ้ง”
“นังจิ๊บ วันนี้ฉันขอตบเลาะปากแกหน่อย คันมือเหลือเกินแล้ว”
แอนนี่ปรี่เข้าหา จิ๊บกางเล็บรอ จ่าเดชวิ่งเข้ามาพอดี
“มันยังตีกันในสนามไม่พอใช่มั้ย ถึงต้องมากัดกันแถวนี้อีก”
นวยจับจิ๊บไว้ ขณะเจ๊ว่านดึงแอนนี่ฟ้องจ่าเดช
“ดูไอ้นวย ไอ้จิ๊บน่ะจ่า มันด่าลูกแอนนี่”
“ก็ปล่อยมันด่าไปเถอะจ้ะ น้องว่าน”
“ไม่เคยมีญาติหน้าตาประหลาดอย่างจ่า อย่ามาเรียกชั้นน้อง”
เจ๊ว่านดึงแอนนี่สะบัดหน้าพรึดออกไปทั้งคู่
“สะบัดแรง ระวังคอหักนะ นังแอนนี่”
อุบลหันมาทางจ่าเดช “ไอ้อัญล่ะ จ่า ฉันเห็นมันหายไปกับลูกพี่บัง”
“ไม่มีไรหรอก เดี๋ยวก็กลับมา”
จ่าเดชบอกปลอบ ให้อุบลสบายใจ
อัญมาเดินเข้าบ้านมา เจอภควัตรออยู่แล้ว อัญมามองภควัตเห็นแววห่วงใยในดวงตาคู่นั้น
“วินิจมันทำอะไรเธอหรือเปล่า”
อัญมาพยายามตั้งสติ
“มันเอาปืนขู่ฉัน มันจะฆ่าฉัน”
ภควัตเข้าไปกอดอัญมาไว้ด้วยความเป็นห่วงทันที
“อัญมา”
อัญมามีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา เมื่อนึกถึงช่วงความเป็นความตายที่ผ่านมา
“มันสงสัยฉันจริงๆ มันคิดว่าฉันเป็นนิ้ว”
“อัญมา ผมหาบ้านให้คุณย้ายออกไปนอกชุมชนได้ พาป้าอุบลจิ๊บ กับนวยออกไปด้วย”
อัญมามองภควัตเห็นแววตาห่วงใยมากของเขา
“ไม่ต้องกลับมาที่นี่ ไม่ต้องเจอพวกนายวินิจอีก”
“ฉันไปไม่ได้ ฉันบอกพี่บังไปแล้วว่า ฉันจะเป็นคนขนของให้เอง”
ภควัตตกใจ “อัญมา”
“ฉันไม่มีทางเลือกนะ ผู้กอง ไม่งั้นมันก็ยิงฉันตรงนั้นไปแล้ว”
ภควัตมองอัญมาด้วยความเป็นห่วงจับใจ
“ถ้าฉันตาย...ผู้กองต้องช่วยแม่อุบล
ภควัตไม่ฟัง รวบร่างอัญมากอดแน่น
“คุณต้องไม่เป็นอะไร”
อัญมายิ้มซบลงในอ้อมอกของภควัตที่กอดไว้อย่างหวงแหน
ตกตอนเย็น คุณหญิงวรจันทร์เปิดทีวี ดูข่าวช่อง 7 ที่กำลังเสนอข่าวลานกีฬา
“วันนี้มีเหตุกระทบกระทั่งกันขึ้นระหว่างนักบอลสองฝ่าย ในงานเปิดลานกีฬาของบริษัทธุรกิจอรรณพเรียลเอสเตท ที่ชุมชนบัวสวรรค์ ปลอดยาเสพติด เป็นผลให้นักกีฬาสองฝ่ายบาดเจ็บ”
วรจันทร์มองภาพในจอ เห็นภาพภควัตเตะบอล
“นั่นมัน ตาวัต” ขวัญอนงค์เดินลงมา ได้ยินก็รีบวิ่งมาดูด้วย
ผู้ประกาศข่าวรายงานต่อ “เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อกัปตันทีมของสองฝ่ายเล่นนอกกติกาในสนาม
จนระงับอารมณ์ไม่ได้ ทำให้สองทีมเกิดการตะลุมบอนกันขึ้น”
ภาพในข่าวเป็นตอนที่สุคนธรสดึงแขนภควัตพอดี
วรจันทร์ กับขวัญอนงค์จ้อง
“นั่นตาวัตกับสุคนธรส”
“ยายสุคนธรสมาเจ๋อกับพี่วัตอีกแล้ว”
วรจันทร์เบาเสียงทีวี หันมาทางขวัญอนงค์
“แม่ไม่ชอบให้สุคนธรสกลับมาใกล้ชิดตาวัต ตอนนี้ตาวัตไม่มีใครมันจะทำให้ตาวัตหวั่นไหว”
“หัวเด็ดตีนขาดน้องก็ไม่ยอมมีพี่สะใภ้อย่างสุคนธรสค่ะ”
สองแม่ลูกมองกัน สีหน้าวิตกเรื่องแฟนเก่าสุดแสบอย่างสุคนธรส
สุคนธรสก็ดูข่าวนี้อยู่ในห้องรับแขกคอนโดกฤษณ์ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างหงุดหงิด กฤษณ์ยืนนิ่งมองใช้ความคิด
“บ้าที่สุดเลย แทนที่นักข่าวจะสนใจรส ดันไปสนใจไอ้พวกนักบอลตีกัน”
“วัตออกไปจากสนามตอนไหน”
“พอแยกกัน วัตก็หายไป มีอะไรหรือเปล่าคะ กฤษณ์”
“แล้วอัญมา”
สุคนธรสยิ่งแค้น “มันนั่นแหละ ตัวปัญหา รสว่าที่วัตมีเรื่องกับไอ้ผู้ชายคนนั้น เพราะอัญมาป่านนี้คงโดนแฟนตบจนหน้าเยินไปแล้ว โทษฐานมาประคองวัต”
สุคนธรสมีสีหน้าหมั่นไส้เต็มที่ กฤษณ์ฟังอย่างใช้ความคิด
“อัญมา กับ อธิคม เป็นแฟนกันเหรอ”
คืนนั้น ภควัตพาอัญมามาที่ห้องเช่า อัญมามองภควัตที่มีสีหน้ากังวล
“ฉันจะขนของคราวหน้า แล้วมันก็ต้องรอดมือตำรวจ ให้พี่บังไว้ใจให้ได้”
“ผมกลัวว่ากฤษณ์จะทำทุกอย่างพังเหมือนทุกครั้ง อัญมาคุณยังมีเวลาหนีนะ”
“ไม่ ฉันไม่หนี ถ้าเราทำให้พี่บังเชื่อใจฉันได้ ต่อไปฉันก็จะได้อยู่ใกล้พวกมันแล้วก็อาจจะมากขึ้น จนกระทั่งได้เข้าใกล้เครือข่ายทั้งหมด”
ภควัตเครียด “วินิจไม่ใช่คนโง่ อีกทางนึงเค้าอาจจะกำลังพิสูจน์ว่าคุณรู้เห็นกับตำรวจ”
“เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้แนบเนียน”
“ผมเปลี่ยนใจคุณไม่ได้ใช่มั้ย”
ภควัตทอดเสียงนุ่ม จ้องหน้าอัญมาสองคนมองกัน อัญมาพูดขึ้น
“สัญญากับฉันสิ ผู้กอง ถ้าเกิดผิดพลาด ถ้าฉันต้องถูกยิง ผู้กองจะเป็นคนยิงฉัน”
ภควัตตอบทันที “ไม่...ผมไม่ยิงคุณ”
“ผู้กองคนเดียวที่ยิงฉัน แล้วฉันอาจจะรอด”
ภควัตฟังแล้วทุบลงบนโต๊ะด้วยความกดดันถึงขีดสุด
ในโถงกลางบ้านพิบูลย์สุวรรณคืนเดียวกัน ภรณีนั่งสีหน้าเศร้าอยู่ อรรณพมองภรรยาก็เดาใจออก
“เสียใจเรื่องอัญมาวันนี้ใช่มั้ย”
“ฉันคิดว่าแกเป็นพวกเรา ถึงได้มาเตือนให้ห่างนายวินิจ”
“คิดดูอีกที แกอาจจะเป็นห่วงเราจริงๆ” อรรณพมองในแง่ดี
ภรณีมองหน้าสามีแล้วยิ้ม
“เพราะแกใกล้ชิดพวกนายวินิจ รู้ว่าพวกนั้นทำไม่ดีมากขนาดไหน ถึงอยากให้เราห่างพวกคนเลวๆใช่มั้ยคะ”
“เผื่อใจไว้บ้างนะคุณภรณี ผมก็พยายามคิดในแง่ดีเพราะเห็นว่าอัญมาสนิทกับคุณวัต”
“ฉันเชื่อสัญชาติญาณตัวเอง ว่าหนูอัญมาเป็นคนดี”
ภรณียิ้มอย่างมีความผูกพันบางอย่างกับอัญมาที่อธิบายไม่ถูก
อัญมามองภควัตที่มีสีหน้ากดดัน เดินเข้าใกล้ แล้วเอ่ยอย่างขอร้อง
“ฉันมาจากโลกคู่ขนาน ถ้าเกิดอะไรขึ้น ฉันอาจจะไม่ตาย”
“คุณคิดว่าอาจจะได้กลับไปโลกคู่ขนาน”
“ใช่... ถ้าเป็นผู้กองลงมือ ฉันอาจจะได้กลับไปโลกที่ๆฉันมา เพราะคุณเป็นคนช่วยฉันไว้ตอนที่ฉันตกน้ำ”
“แล้วคุณก็จะไม่กลับมาที่นี่อีก”
“ฉันคงกลับมาไม่ได้อีกแล้ว” อัญมาคิดถึงตอนที่หลวงพ่อบอก “จำไว้ว่าเส้นทางมีเพียงหนึ่ง เมื่อโยมเลือก ทุกอย่างจะไม่มีวันเหมือนเดิม”
อัญมามองภควัต
“ฉันจะไปจากโลกนี้...กลับไปโลกคู่ขนานที่เราไม่รู้จักกัน”
“ผมไม่ให้คุณไป”
ภควัตไม่อยากรับฟังอะไรอีก ประคองหน้าอัญมาเข้ามาใกล้ สองคนสบสายตาลึกซึ้ง
ภควัตก้มลงจูบอัญมาด้วยความรู้สึกในใจที่ปิดบังไว้ไม่ได้อีกแล้ว
ฝ่ายฟากอธิคมผุดลุกผุดนั่งไม่สบายเรื่องใจเรื่องที่อัญมาจะไปส่งของ วินิจยืนมองอธิคม อธิคมหันไปเห็นพ่อ
“ไอ้อัญไม่ใช่สายตำรวจ”
วินิจไม่ฟัง หันหลังเดินเข้าห้องปิดประตู อธิคมหน้าม่อยลง รู้ว่ายากที่จะเปลี่ยนใจพ่อ
ภควัตจูบอัญมาแผ่วเบา อัญมาปล่อยใจด้วยความรู้สึกตรงกับเขา ภควัตค่อยๆ ถอนริมฝีปากออก มองใบหน้าอัญมาที่เขินอายชัดแจ้ง
“อัญมา”
อัญมาถอยห่างออกมาด้วยความอาย หันหน้าจะหนี แต่ภควัตดึงมือไว้ อัญมาหันมาสบตา
“ผมจะไม่ขอให้คุณเลิกทำอย่างที่คุณตั้งใจ แต่จำไว้นะ อัญมา ผมอยู่ข้างๆคุณ ผมจะปกป้องคุณ”อัญมามองขอบคุณภควัต
“ฉันจะทำให้ดีที่สุด ผู้กอง”
“เรียกพี่วัตได้มั้ย ผมชอบเวลาคุณเรียกพี่วัต”
“แต่ไอ้อัญไม่ได้เป็นแฟนพี่วัตแล้ว”
ภควัตหน้าจ๋อยไป ยิ้มเศร้าๆ อัญมามองเขินๆ
“ฉันไปก่อนนะ”
“ผมไปส่ง”
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่อยากให้คนของอธิคมเห็น”
อัญมาดึงมือออกจากมือภควัตที่ไม่อยากปล่อยมือ ภควัตได้แต่มองตาม อัญมาเดินออกไปจากห้อง
ภควัตสีหน้าเศร้าเพราะไม่อยากจากอัญมา
พออัญมาเข้าบ้านมา เห็นอุบลนั่งตบยุงรออยู่ ก็รีบเข้าไปหาอย่างรู้สึกผิด
“วันหลังแม่ไม่ต้องรอฉันหรอก”
“มันเคยน่ะ อยากเห็นเอ็งเข้าบ้านมาก่อน มีกับข้าวอยู่ในตู้นะ แม่อุ่นให้มั้ย”
อุบลจะลุก อัญมารีบดึงแม่ให้นั่งลง
“แม่ไม่ต้องทำอะไรหรอก เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
อัญมานอนลงในตักแม่ อุบลลูบผมลูกสาว
“ทำอะไรให้ลูก แม่ไม่เหนื่อยเลย” อัญมามองอุบลด้วยสายตาซาบซึ้ง “แม่ไม่มีเงินทองมากมายให้เอ็ง ส่งให้เรียนได้แค่จบ ม.3 ไม่เหมือนแม่คนอื่นๆ ที่เค้ามีเงินมีทองให้ลูกใช้ ส่งลูกเรียนสูงๆ”
“แม่จ๋า แค่แม่รักอัญ เลี้ยงดูอัญไม่ทิ้งอัญไปตั้งแต่ตอนเด็กๆ แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว”
อุบลยิ้มขำ “คิดอีกที ถ้าแม่ทิ้งเอ็งไว้หน้าบ้านเศรษฐี เอ็งอาจจะมีความสุขกว่านี้นะอัญ”
อัญมานึกถึงชีวิตในโลกคู่ขนาน ตอนอยู่กับอรรณพ ภรณี และมีชีวิตเป็นคุณหนูโก้หรู อัญมามองอุบลที่ยิ้มซื่อๆ แล้วกอดแม่ไว้
“อยู่ที่นี่ มีแม่ อัญก็มีความสุขจ้ะ เงินทองมากมาย แค่ไหนก็ซื้อความรักของแม่ไม่ได้ ที่นี่อัญมีแม่ มีเพื่อน เจอคนที่มีความจริงใจ ถึงจะเคยติดยา อัญกลับรู้สึกว่ามันทำให้อัญได้เจอโอกาส”
อุบลมองอัญมาด้วยสายตาปลาบปลื้มยิ้มชื่น
“โอกาสที่จะทำดี ฉันชอบชีวิตแบบนี้ ชอบชีวิตไอ้อัญ ชอบจนบางทีก็กลัวถ้าจะต้องไปจากที่นี่”
อัญมายิ้มนอนลงหนุนตักแม่ ความผูกพันกับโลกนี้เริ่มทำให้อัญมาลังเล หากจะต้องกลับโลกคู่ขนาน
ตอนเช้าของวันใหม่ ภควัตยืนอยู่ตรงหน้าประพจน์ และสิทธิชัย ในฐานลับ
“พวกวินิจจะมีการขนของอีก แต่ยังไม่มีกำหนดแน่นอน พวกมันขยับเมื่อไหร่สายของผมจะบอกมาครับ”
ประพจน์บอก “หวังว่าคราวนี้เราจะทำงานประสานกัน แล้วก็จับตัวพวกมันได้สักที”
“เราจะยังจับวินิจกับอธิคมไม่ได้ครับ มันจะใช้ลูกน้องหน้าใหม่เป็นคนส่ง”
ประพจน์ย้ำ “ยังไงเราก็ต้องกวาดล้างมัน”
“ผมอยากจะขอท่านผู้การครับ จับกุมคราวนี้ ผมขอเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการเอง”
สิทธิชัยฉงน “ทำไมคุณถึงขอเป็นหัวหน้า”
ประพจน์ก็ด้วย “นั่นสิ ถ้าไม่จำเป็น เราไม่อยากให้คุณลงมือนะ ภควัต คุณยังต้องแฝงตัวในชุมชน ถ้าพลาด พวกมันเห็นคุณ หมายถึงงานส่วนใหญ่ของเราจะกระทบไปด้วย”
“ผมต้องการปกป้องสายของผมที่อยู่ในการขนของคราวนี้”
“ระบุตัวสายของคุณมา ผมจะให้กฤษณ์คอยดูแลเค้าระหว่างจับกุม”
ภควัตไม่ยอม “ผมไม่ไว้ใจสารวัตรกฤษณ์”
ประพจน์เสียงแข็ง “ภควัต!! คุณเก่ง ผมรู้ ชื่อเสียงการทำงานของคุณที่ผ่านมา ดีมากแต่ที่นี่คุณต้องรู้จักทำงานกับคนอื่นด้วย อย่าคิดจะฉายเดี่ยว”
“ผู้การเตือนผิดคนแล้วครับ ผมไม่คิดฉายเดี่ยว เพราะผมไม่อยากเด่นดัง เอาผลงานคนเดียว ที่ผมไม่ไว้ใจสารวัตรกฤษณ์ก็เพราะเหตุผลนี้”
ประพจน์ชักสีหน้าที่ภควัตพูดตรง
“เค้าเคยพยายามทำผลงาน แต่มันพลาด แทนที่อธิคมจะถูกยิง กลับเป็นผู้หญิงคนนึง ขนของคราวนี้ มันสำคัญกับความเป็นความตายของสาย เค้าสละชีวิตหาข่าวมาให้เรา อย่าให้ผมต้องเอาชีวิตเค้ามาเสี่ยงเพื่อเปลี่ยนดาวบนบ่าให้ใครเลยครับ”
ภควัตโค้งประพจน์กับสิทธิชัยแล้วเดินออกไป ประพจน์มองตาขุ่นไม่พอใจ
“อวดดี”
“ที่ผู้กองภควัตพูดก็น่าเห็นใจนะครับ สายของเค้าเป็นผู้หญิง น่าจะอันตรายกว่าสายที่เป็นผู้ชาย” สิทธิชัยว่า
“ไม่ว่าจะผู้ชาย ผู้หญิงเราก็จะคุ้มครองให้เหมือนๆกัน ภควัตทำงานเก่ง แต่เข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ แถมยังทำตัวแปลกกว่าคนอื่น มีปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือผมมีหน้าที่ป้องกัน แล้วก็แก้ปัญหาทุกอย่างที่อาจจะทำให้ทีมเราเสียหาย”
“ท่านจะให้ภควัตถอนตัวหรือครับ”
“ถ้าการจับกุมคราวนี้ ไม่เป็นไปตามแผนที่ผมวางไว้ ผมจะต้องรายงานเรื่องภควัต กับท่านรองจักรภพ...ผมจะไม่ยอมให้งานใหญ่เสียเพราะคนๆ เดียว”
ประพจน์มีสีหน้าเครียด ครุ่นคิดเกี่ยวกับตัวภควัต
ออกจากฐานลับภควัตพาตัวเองมายืนมองวัยรุ่นซ้อมกีฬาในลานกีฬาชุมชน จ่าเดชทำเป็นเต้นแอโรบิค ออกกำลังกาย อยู่ใกล้ๆ
“อัญมายังไม่บอกว่าพวกวินิจจะลงมือวันไหน”
“เรายังตามตัวพวกไอ้เก้า ไอ้ป๊อบ ไอ้เมษไม่เจอ คิดว่ามันคงหนีไปกบดานที่ต่างจังหวัด”
“ลองดูแถวริมทะเล วินิจเคยให้อธิคมไปหาเซฟเฮาส์ใหม่ที่นั่น”
“ผู้กองคุยกับเจ้านายในฐานลับได้เรื่องมั้ย”
“ผมขอผู้การประพจน์แล้ว หวังว่าท่านจะเข้าใจ ลงมือครั้งนี้ มันอันตรายกับอัญมามาก”
“ผมล่ะ นับถือใจไอ้อัญมันจริงๆ ผู้กองไม่ต้องห่วงลุยไปได้เลย ผมจะคอยดูทางป้าอุบลไว้ อย่างน้อยถ้าเกิดอะไรผิดพลาด ผมจะพาป้าอุบลหนีออกไปจากชุมชนนี้ก่อน ไม่ให้พวกไอ้บังมันจับตัวไปได้”
“ขอบใจมากนะจ่าเดช”
ภควัตยิ้มกับจ่าเดชอย่างเบาใจ
อัญมายืนอยู่หน้าอธิคมกับวินิจบนเรือนใหญ่ อธิคมสีหน้ากังวลจนเห็นได้ชัด ขณะที่วินิจมองอัญมา
“ฉันจะให้แกไปส่งของลูกค้าวันนี้”
“ได้จ้ะ”
“เอามือถือแกออกมา”
“เครื่องนี้... ฉันเพิ่งซื้อใหม่ เครื่องก่อน ตกน้ำ”
อัญมามองไปที่อธิคมเพราะเป็นคนขว้างมือถืออัญมาตกน้ำ
“ในตัวมีกี่เครื่อง เอาออกมาให้หมด”
อัญมาทำท่าอิดออดหยิบมือถือ วินิจมองลูกน้อง 2 คน ด้านหลัง ลูกน้องเดินไปค้นตัวอัญมาทันที อธิคมมองจ้อง
“ผมค้นให้เองพ่อ”
“ไม่ต้อง แกอยู่เฉยๆ” วินิจตวาดอธิคม
อัญมายืนให้ลูกน้องวินิจค้นตัว แล้วหยิบมือถือออกไปเครื่องหนึ่ง วางลงหน้าวินิจ วินิจเลื่อนมือถือเครื่องที่เตรียมไว้ให้ ส่งให้อัญมา
“แกไม่มีหน้าที่โทร.หาใคร รับสายที่โทร.มานัดอย่างเดียว”
อัญมาหยิบมือถือมาใส่ลงกระเป๋ากางเกง
“ส่งของให้เสร็จใน 2 ชั่วโมง เกินเวลา ฉันถือว่าแกทำงานพลาด คนของฉันที่ตามดูแก จะไม่ปล่อยให้แกกลับมาที่นี่อีก”
อธิคมตกใจ “พ่อ”
“อธิคม แกเงียบ แล้วอยู่กับฉันที่ห้องนี้ ห้ามออกไปช่วยมัน ไม่งั้นฉันจะยิงไอ้อัญให้ตายเหมือนหมาข้างถนนตัวนึง”
อัญมาสูดลมหายใจลึกๆ ข่มความกลัววินิจ
“ไม่ต้องห่วง พี่คม ฉันทำงานเสร็จแล้วจะรีบกลับมา”
อัญมาถูกลูกน้องวินิจ 2 คนพาออกไปทันที
“ถ้าพ่อพิสูจน์ได้ว่าอัญมาไม่ใช่สายตำรวจ...ต่อไปผมจะคบกับอัญ” อธิคมบอกพ่อน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
“อย่าเพิ่งหวังไกลไปเลย ไอ้คม...รอดูก่อนว่าฉันจะพิสูจน์มันยังไง”
วินิจมองอธิคมด้วยสายตานิ่ง อำมหิต จนอธิคมนึกเป็นห่วงอัญมาจับใจ
ผ่านไปสักระยะหนึ่ง รถกระบะพาอัญมามาจอดลงหน้าตึกร้าง ลูกน้องวินิจลงมา 2 คน พออัญมาจะเปิดประตูลงตาม ลูกน้องวินิจบอก
“ไม่ต้องลง เดี๋ยวพวกข้าไปขนของ เอ็งไปนั่งที่คนขับรอ”
“ได้ๆ พี่ไปเอาของเถอะ ฉันรอที่นี่แหละ”
อัญมาทำท่าปกติ ลูกน้องวินิจ 2 คนเดินขึ้นไปบนตึกร้างทันที อัญมาเหลือบมอง พอเห็นลูกน้องวินิจเข้าไปในตึก จึงเปิดประตูรถออกมามองทันที ล้วงโทรศัพท์ที่วินิจให้มา
“ฉลาดมากวินิจ ถ้าฉันโทรออก แกก็จะเช็คได้ว่าฉันโทร.หาใครบ้าง”
อัญมามองมือถือ แล้วล้วงลงไปในเสื้อชั้นใน หยิบเครื่องมือเล็กๆแผ่นบางเฉียบสีดำออกมา แล้วปิดลงที่มือถือ แนบสนิทไม่เห็นรอย
“แต่ผู้กองภควัตเค้าฉลาดกว่าพวกแก ถึงให้เครื่องติดตามฉันมา ผู้กองเค้ารู้ว่าพวกแกไม่มีวันไว้ใจฉัน”
อัญมามองมือถือแล้วเก็บใส่กระเป๋า มองไปในตึกร้าง
“นี่สินะที่พวกแกเก็บยาไว้”
อัญมาวิ่งลอบเข้าไปในตึกทันที
ขณะที่ภควัตกำลังดูจ่าเดชซ้อมบอล เสียงมือถือดังขึ้นเขารีบหยิบมือถือออกมามอง เห็นสัญญาณที่หน้าจอขึ้นเป็นแผนที่พิกัดตึกร้างจากกูเกิ้ล จ่าเดชเดินกลับมาจากสนามท่าทางเหนื่อยล้า มองภควัตที่สีหน้าดีใจ
“อัญมาใช้เครื่องติดตามที่ผมให้ไปแล้ว แสดงว่าพวกมันกำลังเริ่มขนของ”
“ที่ไหน ผู้กอง”
ภควัตขยายแผนที่ในจอมือถือ มองแล้วบอกจ่าเดช
“นี่มันเป็นตึก...”
จ่าเดชถาม “แจ้งท้องที่เลยมั้ย”
“อย่าเพิ่ง ผมจะไปดูให้แน่ใจ แล้วจะแจ้งไปที่ฐานลับ จ่าไปคอยดูป้าอุบลไว้”
ภควัตรีบวิ่งออกไป จ่าเดชวิ่งแยกไปอีกทางทันที
อัญมาวิ่งมองหาไปในตึกร้างว่า ลูกน้องวินิจกำลังไปที่ไหน
ขณะที่ภควัตขับมอเตอร์ไซค์ไปบนถนนเพื่อมุ่งหน้าตึกร้าง
อัญมาวิ่งเร็วมา มองหา ไม่เห็นใคร อัญมามองไปรอบๆ ได้ยินเสียงฝีเท้า อัญมาหาที่หลบมองระวัง
ลูกน้องวินิจขึ้นมาจากอีกทาง กำลังเลี้ยวขึ้นไปชั้นบนสุด อัญมาจ้อง
อธิคมลุกขึ้น วินิจที่นั่งอยู่มอง
“นั่งลง”
อธิคมยังยืนเฉย วินิจตวาด
“ฉันบอกให้แกนั่งลง”
อธิคมจำใจนั่งลง รออัญมาอย่างกระวนกระวาย
อ่านต่อหน้า 4
คีตโลกา ตอนที่ 9 (ต่อ)
อัญมาวิ่งตามลูกน้องวินิจมาถึงชั้นบน มองไปทางหนึ่งเห็นห้องที่ประตูเปิดอยู่ อัญมามองซ้ายมองขวาระวัง ค่อยๆ เดินเลาะไป แต่ดันเหยียบลงเศษกระเบื้องเกิดเสียงดัง ลูกน้องวินิจในห้องได้ยิน ก็โผล่หน้าออกมามอง เมื่อไม่เห็นใครจึงเดินกลับเข้าไป
อัญมาหลบตัวแนบติดผนัง ค่อยๆโผล่ออกมา ก้าวโดยระวัง ขยับไปช้าๆ จนมาถึงหน้าประตู อัญมาขยับตัวมองเข้าไปข้างใน เห็นลูกน้องวินิจกำลังมองคนเฝ้าชาย 2 คน บังคับเด็กให้เอาห่อของยัดไส้ยาบ้าใส่ลัง
บังเอิญเด็กคนหนึ่งทำของหล่น ลูกน้องวินิจตบหัวจนเด็กหน้าคว่ำ แล้วยังเตะซ้ำจนเด็กหมอบติดพื้น อัญมามองด้วยสายตาโกรธแค้นแทนเด็ก
อัญมาถดตัวจะถอย แต่เท้าดันไปเตะโดนกระป๋องเสียงดังอีก ลูกน้องวินิจในห้องชักปืน ออกมามองทันที แต่ไม่เห็นใครด้านนอก
ลูกน้อง 1 หันสั่งอีกคน “เฮ้ย ไปดูสิวะ”
ลูกน้อง 2 เดินออกมาพร้อมปืนในมือ
อัญมาวิ่งลงบันไดมาอย่างรวดเร็ว โดยที่ด้านหลังลูกน้อง 2 วิ่งลงมามองไปรอบๆ อัญมาวิ่งหาทางหลบหลีก ลูกน้องวินิจวิ่งลงมา เห็นวูบๆร่างอัญมาที่หลบไปอีกทาง ลูกน้อง 2 ยิงปืนออกไปทันที
อัญมาหมอบอยู่ กลัวแต่ก็ปิดปากไม่ให้ร้อง
เสียงปืนดังกึกก้องไปทั่วตึกร้าง ลูกน้องวินิจที่เหลือได้ยินเสียงปืน ก็รีบคว้ากล่องกระดาษที่ใส่ของ
ลูกน้อง 1 สั่ง “ปิดห้อง ตามข้าไป”
คนเฝ้าชายร่างกำยำ 2 คนรีบออกจากห้องล็อคจากด้านนอก วิ่งไปกับลูกน้องวินิจ
อัญมาวิ่งเร็วหนีสุดชีวิต เห็นกลุ่มลูกน้องวินิจกับคนเฝ้าตึกที่วิ่งกระจายกันหาว่าใคร อัญมาวิ่งสุดฝีเท้า ไม่ยอมให้จับได้ ลูกน้องวินิจวิ่งจนอ้อมมาเจอกัน แล้วแยกกันลงบันไดคนละทาง
อัญมาวิ่งลงมาถึงชั้นสุดท้าย กำลังจะออกนอกตึก แต่เหยียบลงบนเศษสังกะสี เสียงดัง ลูกน้องวินิจมองหน้ากัน แล้ววิ่งลงข้างล่างทันที อัญมาเหยียบลงบนกองสังกะสี หันไปมองทางบันไดด้วยสายตาตื่นกลัว
ส่วนทางภควัตเลี้ยวรถเข้ามาในซอยตึกร้างแล้ว
ลุกน้องวินิจ 2 คนพุ่งมาที่รถกระบะที่จอดอยู่ สองคนยกปืนเล็ง มองไป
ด้านในตรงที่นั่งคนขับตอนนี้ อัญมานอนพิงกระจกหลับ ลูกน้องวินิจ 2 คนมองแล้วเปิดประตูรถ อัญมาทำเป็นงัวเงียตื่นขึ้นมามอง
“ไปนานจัง”
ลูกน้อง 1 โยนกล่องกระดาษที่ถือติดมาด้วยกล่องหนึ่งไปด้านหลัง
“ไปส่งของตามที่นัดได้แล้ว”
“ที่ไหน ยังไม่เห็นมีคนโทร.มาเลย”
ขาดคำเสียงมือถืออัญมาดัง อัญมาหยิบออกมอง เห็นข้อความที่ส่งมาเป็นที่อยู่ อัญมามองลัง
“ลูกค้าส่งที่อยู่มาละ ให้ไปส่งแค่นี้เองเหรอ”
ลูกน้อง 1 บอก “แค่นี้แกก็ทำให้สำเร็จก่อนเถอะ”
อัญมายักไหล่ทำท่าไม่สนใจ ขับรถออกไป ลูกน้องวินิจ 2 กดมือถือรายงานทันที
“ไอ้อัญ มันออกไปจากตึกแล้วครับ”
วินิจฟังสายที่ลูกน้อง 2 รายงาน ด้านหลังอธิคมมองอยู่ วินิจสั่งก่อนวาง
“ตามมันไป อย่าให้มันรู้ตัว”
อธิคมมองจ้องพ่อ วินิจยิ้มร้าย
“ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าไอ้อัญแวะนอกเส้นทางเมื่อไหร่ คนของฉันยิงกบาลมันแน่”
ภควัตขับมอเตอร์ไซค์มาบนถนน พอใกล้ถึงตึกร้างก็เห็นรถมอเตอร์ไซค์ลูกน้องวินิจขับ อีกคนซ้อนพุ่งออกไป ตามรถกระบะที่ผ่านออกไปก่อน
ภควัตหยุดรถแอบ แล้วหยิบมือถือ มองในจอ พิกัดอัญมากำลังเคลื่อนที่ไปไกลจากตึกร้างมากขึ้น ภควัตเก็บมือถือ มองตัดสินใจขับตามมอเตอร์ไซค์ลูกน้องวินิจไปห่างๆ ทันที
วินิจฟังปลายสายมือถือที่โทร.มารายงานแล้ววางสาย หันมาบอกอธิคม
“ไอ้อัญมันไปถึงที่ส่งของแล้ว”
วินิจหัวเราะในลำคอ อธิคมสังหรณ์ใจ
“พ่อ พ่อไม่ได้หลอกใช่มั้ย”
วินิจหัวเราะอยู่อย่างนั้น อธิคมยิ่งโกรธ พุ่งเข้ามาตรงหน้าพ่อ
“พ่อ...พ่อไม่ได้หลอกให้อัญไปตายใช่มั้ย”
อัญมาเลี้ยวรถมาถึงด้านหน้าผับ แล้วจอดลง
อัญมาหยิบกล่องลงจากรถ มองไปรอบๆ ผับที่ปิดตอนกลางวัน
“ที่นี่เหรอ ที่ส่งของใหม่คิดจะขายให้เด็ก...แกนี่มันเลวจริงๆ วินิจ”
อัญมาล้วงมือถือกำไว้ในมือ มองไปด้านบน เห็นกล้องวงจรปิดสองตัว จึงแกล้งเดินไปเฉียดพุ่มไม้ ให้พ้นระยะกล้อง แล้วโยนมือถือเข้าไปในพุ่มไม้หนา
“ฉันอยู่ที่นี่ หาฉันให้เจอนะ ผู้กอง”
สายตาอัญมาเด็ดเดี่ยวมาก ถือกล่องขึ้นเดินอ้อมไปด้านหลังผับ
อัญมาเดินมาทางด้านหลัง มองเห็นประตูผับเปิดแง้มอยู่ มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นมีคน มองไปด้านบนเห็นกล้องวงจรปิด รู้ทันทีว่าถูกมองจากกล้อง ก็เดินเข้าไปอย่างปกติ
อัญมาเดินเข้าในผับที่ปิดอยู่ โต๊ะเก้าอี้วางตั้งขึ้น มีแสงลอดเข้ามาไม่มาก
“ฉันเอาของจากพี่บังมาส่ง”
เงียบ ไม่มีคน อัญมามองไปรอบๆ ทำใจดีสู้เสือ
“ออกมารับๆ ไปซะ ฉันต้องรีบไปที่อื่นต่อ”
อัญมาวางกล่องลงบนโต๊ะว่าง รอ
ชายร่างกำยำเดินออกมาจากมุมมืด อัญมาหันไป
“ฉันคนของพี่บัง” อัญมาบอก
ชายคนนั้นเดินมาใกล้ อัญมามองระวัง อัญมามองจากหางตาเห็นลูกน้องวินิจ 2 คนที่พามาตอนแรกกำลังเข้ามาจากอีกประตูของผับ
อัญมามองเห็นว่าตัวเองกำลังถูกล้อมกรอบด้วยผู้ชาย 3 คน
อธิคมยืนตรงหน้าพ่อ ถามด้วยเสียงเครียด
“พ่อไม่ได้ให้คนฆ่าอัญมาใช่มั้ย”
“แค่ผู้หญิงคนเดียว ทำไมแกถึงหลงมันมากขนาดนี้”
“อัญมาไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนเดียว...ผมรักอัญมา อัญมาเป็นผู้หญิงของผม”
“ถ้าไอ้อัญมันรอดวันนี้มาได้ ฉันจะเชื่อใจมัน แล้วก็ยอมให้แกคบมันเล่นๆ”
อธิคมกำลังจะเถียงแต่วินิจชิงพูดขึ้น
“ห้ามจริงจังเพราะผู้หญิงอย่างไอ้อัญ พอแกเบื่อ แกจะหาที่ไหนอีกก็ได้”
วินิจเสียงเข้มอธิคมมองเครียด
ขณะเดียวกันที่ด้านในผับ อัญมามองผู้ชาย 3 คนที่กำลังล้อมกรอบเข้ามา
“พวกแกจะทำอะไรฉัน”
อัญมามองระวัง ถือกล่องขึ้นมา
“ฉันเอาของมาให้แล้ว”
ลูกน้อง 1 ถาม “เมื่อกี้แกขึ้นไปบนตึกร้าง”
“เปล่า ฉันรอในรถ”
ลูกน้อง1 ตะคอก “อย่าโกหก ข้าเห็น”
มือปืนหยิบปืนออกมา อัญมามองอย่างหวาดกลัว พอนึกออก
“พี่บังหลอกฉันมาให้พวกแกฆ่าใช่มั้ย”
มือปืน1 บอก “ถ้าเมื่อกี้แกไม่มีพิรุธ พี่บังก็ไม่สั่งฆ่า”
“ฉันแค่อยากเห็นว่าบนตึกมีอะไร”
มือปืนยกปืนเล็ง อัญมาคิดหาทางเอาตัวรอด ปาลังเข้าหน้ามือปืนอย่างแรง ปืนดังขึ้นนัดหนึ่งขึ้นเพดาน อัญมาก้มหลบวิ่งหนี มือปืนกำลังจะลุกขึ้น หยิบปืน
ภควัตพุ่งเข้ามาจากประตูที่ลูกน้องวินิจเข้า อัญมาหลบหมอบที่พื้น หันไปมองเห็นภควัตกระทืบลงที่แขนมือปืน เตะปืนไปห่าง ลูกน้อง 2 คนล้อมกรอบภควัต ยกปืนจะยิง
ภควัตม้วนตัวเตะเข้าก้านคอลูกน้อง 1 หงาย ลูกน้อง 2 เข้ามา ภควัตเตะปืนลูกน้อง 2 หล่นพื้น แล้วหักแขนลูกน้อง 2 ดิ้นพราด
มือปืนลุกขึ้น พุ่งเข้ามา ภควัตศอกเข้าหน้าแล้วพลิกชกเข้าหน้าหลายครั้ง จับตัวมือปืนฟาดลงกับโต๊ะ อัญมายืนมองภควัต ลูกน้องวินิจ 1 อาศัยจังหวะอัญมาเผลอ โดดเข้าล็อคคอ แต่อัญมากัดแขน ทว่าลูกน้องไม่ยอมปล่อย อัญมาพลิกร่างมาเอาหัวโขกลูกน้อง 1 เต็มแรง ลูกน้อง 1 เซไปนิดเดียวก่อนพุ่งเข้าหาอัญมาใหม่
ภควัตหันมามองเห็น มีดในมือลูกน้อง 1 แทงเข้าท้องอัญมา
“อัญมา”
อัญมาถูกแทงเข้าที่ท้องอย่างแรง ร่างกระตุก ภควัตตกใจ พุ่งเข้าไป กระหน่ำชกจนลูกน้อง 1 จนแตกยับไปทั้งหน้า ร่างอัญมาทรุดลงกับพื้น เลือดไหลจากท้องอย่างน่ากลัวเพราะแผลฉกรรจ์ ภควัตเข้าไปประคองร่างอัญมาบนพื้น
มือปืน 1 กับลูกน้อง 2 ลุกขึ้นได้ หยิบปืนเล็งมาที่ภควัต ภควัตกอดร่างอัญมาไว้ด้วยความตกใจ
“อัญมา อดทนไว้นะ อัญมา”
ภควัตหันไปมองเห็นปืน 2 กระบอกกำลังเล็งมาที่ตัวเองกับอัญมา มือปืนกับลูกน้อง 2 กำลังจะยิง จังหวะนี้ ตำรวจนอกเครื่องแบบ 4 คนพุ่งเข้ามาทางด้านหลัง จ่อปืนที่มือปืนกับลูกน้อง 2
“อย่าขยับ”
มือปืนกับลูกน้องวินิจตกใจ ไม่กล้าเหนี่ยวไก ตำรวจอีก 2 คนดึงปืนในมือออกทันที
ภควัตรีบหันมาอุ้มร่างอัญมาออกไป มือปืนกับลูกน้องของวินิจถูกตำรวจจับกุม ใส่กุญแจมือ ควบคุมตัวไปในทันที
ที่ฐานลับ ประพจน์ยืนกอดอกรอข่าว กฤษณ์เดินไปเดินมา
“ผู้การน่าจะไว้ใจผม ผมจะได้ไปดูว่าภควัตมันช่วยพวกวินิจอีกหรือเปล่า”
ประพจน์ยังไม่ทันตอบ สิทธิชัยเข้ามารายงาน
“คนของเราไปช่วยไม่ทัน สายของภควัตถูกแทง บาดเจ็บสาหัส”
“แล้วตอนนี้ อยู่ที่ไหน”
ทั้งสามคนมีสีหน้าตกใจ
ภควัตก้าวเดินยาวและเร็ว เขาอยู่ข้างเตียงอัญมาที่กำลังถูกเข็นไปห้องผ่าตัด
“อัญมา อัญมา”
มือภควัตกุมมืออัญมาไว้แน่น พยาบาลเข็นเตียงเข้าห้องผ่าตัดไปอย่างเร็ว
มืออัญมาหลุดจากมือภควัต
ประตูห้องผ่าตัดปิดลง ภควัตยืนมอง แล้วหยิบมือถือขึ้นมา สั่งเครียด
“จ่าเดช พาป้าอุบลออกมาเดี๋ยวนี้”
ทันทีทันใดนั้น จ่าเดชรีบดึงอุบลที่ยังงงออกจากบ้าน
“จะพาฉันไปไหน จ่าเดช”
“ไปก่อนอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
“ขอฉันล็อคบ้านก่อน ไอ้สัญชัยมันได้เงินมาจากไหนไม่รู้ หายหัวเข้าบ่อนอีกแล้วช่วงนี้คงยังไม่กลับมาบ้าน”
อุบลล็อคบ้าน จ่าเดชมองเร่ง พออุบลล็อคเสร็จ จ่าเดชคว้าแขนออกไปโดยเร็ว
ในห้องผ่าตัดตอนนี้ อัญมากำลังถูกหมอผ่าจัด ช่วยยื้อชีวิต ส่วนด้านนอกห้อง ภควัตยืนรอด้วยความกังวล เป็นห่วงอัญมามาก
อธิคมยืนไม่ติด เดินเข้าไปหาพ่อที่กำลังเปิดโทรทัศน์
“เกินสองชั่วโมงแล้ว ไม่มีใครโทร.มาเลยเหรอ พ่อ”
“ไม่มี”
ข่าวด่วนกำลังรายงานในทีวี เป็นภาพกราฟฟิค
“เกิดเหตุตึกถล่มผับชื่อดังย่านทองหล่อ ตำรวจไปที่เกิดเหตุพบว่าโครงสร้างของตึกไม่แข็งแรง ขณะนี้ยังไม่พบผู้บาดเจ็บ โชคดีที่ขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ในบริเวณตึก”
วินิจลุกขึ้นทันที่ทีได้ยินชื่อผับ
“ตรงนั้น...ที่ให้ไอ้อัญไปส่งของ”
“แต่ข่าวบอกว่าตึกถล่ม” อธิคมคิดปราดเดียว “ตำรวจไปที่นั่น...พ่อ...อัญมา”
วินิจกดมือถือปลายสายของอัญมา ไม่มีสัญญาณ วินิจกดเบอร์ลูกน้องที่ส่งไป
“ไม่มีสัญญาณทุกเครื่อง” วินิจคิดแล้วเดาเรื่องออกทันที “ตำรวจจับพวกมันไว้แล้ว...แล้วก็ปิดข่าว ทำเป็นเรื่องตึกถล่ม”
อธิคมห่วงแต่อัญมา “พ่อ...อัญมาล่ะ อัญมา”
วินิจโมโห ชกเข้าหน้าอธิคม
“ถึงขนาดนี้ แกยังห่วงผู้หญิง มันเป็นสายให้ตำรวจมาจับพวกเดียวกันเอง”
“พ่อจะรู้ได้ยังไง ว่าอัญมาเป็นสาย อาจจะเป็นลูกน้องพ่อคนใดคนนึงที่พ่อส่งไปแล้วตอนนี้อัญมาก็ถูกจับไปด้วย”
อธิคมมองพ่อด้วยสายตาเจ็บใจ
“ตำรวจปิดข่าว เพราะจับทุกคนไว้ แล้วก็จะรีดความลับ ให้พวกมันซักทอดมาถึงเรา แต่สำหรับอัญมา ฉันรู้ว่าอัญจะไม่พูด ไม่มีวันที่อัญมาจะหักหลังฉัน”
อธิคมยืนยันหนักแน่น ต่อหน้าวินิจที่สีหน้ากังวล
อุบลมองจ่าเดชที่พามาอยู่ในห้องเช่าแห่งนี้
“นี่มันเรื่องอะไรกัน จ่า”
มีเสียงเคาะประตู จ่าเดชมองที่ตาแมว แล้วเปิดให้จิ๊บกับนวยเข้ามาจ่าเดชรีบปิดประตู สามคนเข้ามาในห้อง มองแปลกใจ
“จ่าเรียกฉันมาที่นี่ทำไม” จิ๊บงง
“ฟังข้านะ ต่อไปนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย”
ทุกคนมองจ่าเดชอย่างสงสัย “ไอ้อัญถูกตำรวจจับตัวไป”
อุบลไม่เชื่อ “ไม่จริง ไอ้อัญทำอะไรผิด ตำรวจจับไปที่ไหน จ่าบอกฉันสิ”
“ทำไมต้องจับไอ้อัญด้วย”
“จับเจ๊อัญไปไว้ไหน” นวยซัก
“เดี๋ยว หยุดถาม ฟังก่อน ที่จับไปเนี่ย เพราะไอ้อัญมันกำลังจะเป็นพยานคดีลากคอไอ้วินิจเข้าคุก ฉันกลัวว่าไอ้วินิจมันจะมาแก้แค้น เลยพาป้าอุบลออกมาก่อน”
อุบลใจหายวับ “โธ่ อัญ ลูกแม่ ฉันขอเจอลูกหน่อยนะจ่า”
“ตอนนี้ยังไม่ได้ ไอ้อัญอยู่ในที่ปลอดภัยกับตำรวจ ไม่ต้องกลัว ที่ฉันเอาป้าอุบลออกมา แล้วก็เรียกแกสองคนมา จิ๊บกับนวย เพราะแกต้องช่วยเรื่องนี้”
“ว่ามาเลย จ่าเดช” จิ๊บว่า
“ไอ้นวย เดี๋ยวเอ็งกลับไป ปล่อยข่าวว่าพี่สาวเอ็งไปเยี่ยมญาติ ป้าอุบลด้วยบอกว่าไปต่างจังหวัด เอ็งไปส่งที่หมอชิต ท่าทางสองคนนี้รีบมาก”
“พวกพี่บังเค้าฉลาดนะ จ่า”
“เอ็งก็ต้องทำให้แนบเนียน ข้าจะไปคอยถามหาจิ๊บกับป้าอุบลด้วย พวกไอ้บังมันจะได้คิดว่าตำรวจก็กำลังตามล่าตัวป้าอุบลกับพี่สาวเอ็ง เพราะสองคนนี้ใกล้ชิดไอ้อัญที่สุด ถึงรีบหลบหายไป...ตกลงตามนี้”
นวยรับปาก “โอเค จ่า”
จิ๊บบอกน้อง “นวย เอ็งระวังตัวด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงพี่ พวกวินช่วยกันอยู่แล้ว ฉันได้ยินอะไรมา จะรีบส่งข่าวถึงพี่นะ”
อุบลครวญคร่ำ “โธ่ ไอ้อัญ ลูกแม่”
“ไม่ต้องห่วงไอ้อัญ ฉันรับรองได้ว่ามันอยู่กับคนที่ดีมาก” จ่าเดชบอก
อุบลฟังแล้ว แต่สีหน้ายังไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะเป็นห่วงลูกสาว
ด้านอัญมากำลังถูกช่วยชีวิตเต็มที่ในห้องฉุกเฉิน หมอหน้าตาเคร่งเครียด
ภควัตยืนรอหน้าห้อง ด้วยสีหน้าเป็นกังวล
เวลาผ่านไปสักระยะ ประตูห้องผ่าตัดเปิด หมอเดินออกมาภควัตมองหมอรอคอยคำตอบสีหน้าเครียดเต็มที่
ในขณะที่วรจันทร์ อภิกานต์ และขวัญอนงค์กำลังทานข้าวเย็นอยู่นั้น มาลัยเดินเร็วเข้ามารายงาน
“มีรถพยาบาลเข้ามาจอดหน้าบ้าน แล้วก็พาใครไม่รู้เข้าบ้านคุณวัตไปแล้วค่ะ”
“รถพยาบาล ตาวัตเป็นอะไร”
วรจันทร์ถามขึ้นด้วยความสงสัยทันที
ส่วนภควัตมองอัญมาที่ถูกพาจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านตามคำขอของเขา อัญมานอนหลับอยู่บนเตียง พยาบาลกำลังดูสายน้ำเกลือ วรจันทร์ ขวัญอนงค์ และอภิกานต์เข้าห้องมา ภควัตหันไปมอง
“อัญมา เกิดอะไรขึ้น วัต ทำไมเด็กคนนั้น...ถึงบาดเจ็บ”
“อัญมาถูกพวกค้ายาแทง เพิ่งพ้นขีดอันตรายครับ”
ภควัตตอบด้วยสีหน้ากังวล
ในห้องรับแขกบ้านภควัตตอนนี้ ทุกคนที่มองภควัตเล่าเรื่องอัญมาจบ
“ผู้หญิงคนนี้กล้าหาญมาก” อภิกานต์ชมจากใจจริง
“พี่วัตเอาอัญมามาไว้ที่นี่ จะไม่ยิ่งทำให้พวกค้ายามันสงสัยอัญมามากขึ้นเหรอคะ”
“เราออกข่าวเรื่องผับว่าเป็นโครงสร้างภายในถล่ม เพื่อเก็บตัวผู้ต้องหาทั้งหมด มาสอบสวนสามคนนี้คงไม่มีใครกล้ามาประกันตัว ของกลางในที่เกิดเหตุก็จำนวนมากพอสำหรับโทษติดคุกตลอดชีวิต แต่เราจะกันทั้งหมดไว้เป็นพยาน ถ้าเค้าให้ความร่วมมือกับเรา”
“แล้วอัญมาล่ะ เค้าจะติดคุกด้วยหรือเปล่า”
“อัญมาช่วยงานตำรวจมาตั้งแต้ต้นครับ ผมไม่อยากให้อัญมานอนอยู่ที่โรงพยาบาลเพราะอาจจะถูกคนของนายวินิจลอบเข้าไปฆ่าปิดปาก เลยขออนุญาตคุณลุง คุณป้าพาอัญมามาหลบรักษาตัวที่นี่ก่อน”
“ไม่มีปัญหาหรอกวัต ลุงจะเพิ่มบอดี้การ์ดให้มาคอยเฝ้าทั้งซอยนี้ไว้ด้วย เผื่อมีใครแปลกหน้าเข้าออก เราจะได้รู้”
“ขอบคุณครับ คุณลุง” ภควัตหันไปมองทางป้าอย่างเกรงใจ “ผมจ้างพยาบาลพิเศษมาช่วยดูแล อัญมา”
“ไม่ต้องห่วงนะวัต อย่างน้อยอัญมาเค้าก็เป็นคนดี ช่วยงานราชการป้ากับยายน้องจะคอยดูแลเค้าให้ เวลาวัตไม่อยู่ แต่ถ้าจะให้สะดวก วัตจะย้ายอัญมาไปที่บ้านป้าก็ได้นะ”
“ผมเกรงใจน่ะครับ”
วรจันทร์เอ่ยขึ้น “แต่วัตอยู่บ้านนี้คนเดียว”
ภควัตนิ่งไป ขวัญอนงค์มองแม่รู้ว่าวรจันทร์กำลังห่วงเรื่องความใกล้ชิด คุณหญิงยิ้มเยือกเย็น เอ่ยเหตุผลอย่างผู้ใหญ่
“ป้าหมายถึงว่า ที่บ้านป้ามีคนช่วยกันดูแลเค้าได้ตลอดเวลา ที่จริงบ้านวัตกับบ้านป้าก็อยู่ใกล้แค่นี้ ไม่ต้องห่วงหรอก อยากไปหา ไปเยี่ยมอัญมาเมื่อไหร่ก็ได้”
ภควัตมองวรจันทร์ที่ยกเหตุผลทั้งหมดขึ้นมา จนเขาไม่อาจปฏิเสธได้
ทั้ง 3 คนเดินกลับเข้าบ้านมา อภิกานต์พูดขึ้นก่อน
“ผมรู้ว่าคุณกำลังกลัวความใกล้ชิดของตาวัตกับอัญมา”
“ฉันเลี้ยงตาวัตมาอย่างลูกชาย ไม่ใช่หลาน...อะไรที่ฉันจะทำได้เพื่อให้อนาคตของตาวัตไม่ผิดพลาดเพราะความใกล้ชิด อารมณ์หลงใหลชั่ววูบ ฉันก็ต้องทำค่ะ”
อภิกานต์ปราม “ระวังตาวัตจะอึดอัด เค้าโตพอที่จะตัดสินใจเลือกทุกอย่างได้เองแล้ว”
“เลือกด้วยหัวใจของผู้ชายหนุ่มๆ ก็คงจะมีแต่ความพอใจเป็นที่ตั้ง ถ้ามีผู้ใหญ่อย่างเราช่วยพิจารณาด้วย ฉันเชื่อว่าตาวัตจะได้สิ่งที่ดีที่สุด”
อภิกานต์ไม่อยากเถียงต่อ จึงเดินแยกขึ้นห้องนอนไป
“น้องจะเฝ้าอัญมาเองค่ะ คุณแม่ ถ้าเค้าดีขึ้น เราจะได้รู้ว่าเค้าคิดกับพี่วัตยังไง”
“รอให้เค้าฟื้นตัวก่อน ตาวัตต้องมาหาอัญมาที่นี่ ยังไงก็อยู่ในสายตาเราตลอดเวลาอยู่แล้ว”
สายตาวรจันทร์คมกริบ นึกถึงโอกาสที่จะพิจารณาความสัมพันธ์ของอัญมากับหลานชาย
คืนนั้นภควัตเดินเข้าห้องมา พยาบาลพิเศษที่นั่งดูอาการอัญมาอยู่มองแล้วบอกขึ้น
“อาการปกติดีค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
พยาบาลเดินออกไป ภควัตมองอัญมาแล้วกุมมือขึ้นมาจูบด้วยความเป็นห่วง
“อัญมา คุณยังอยู่ที่โลกนี้ใช่มั้ย อัญมา...อย่าทิ้งผมไปไหนนะครับ”
ภควัตมองทอดสายตาไปที่อัญมา แล้วเอ่ยขึ้นในขณะที่อัญมายังไม่ได้สติ
“อัญมา...ผมรักคุณ
ภควัตก้มลงจูบหน้าผากอัญมา ทอดสายตาอ่อนโยนมา ทั้งรักทั้งผูกพัน
เช้าวันนี้ แอนนี่กับเจ๊ว่านมาชะโงกมองหน้าบ้านอุบล แล้วหันมาปรึกษากัน
“บ้านไอ้อัญมันปิดเงียบเลยนะคะคุณแม่”
“นั่นน่ะสิ หายหัวไปไหนกันหมดทั้งแม่ทั้งลูก”
นวยขับมอเตอร์ไซค์ผ่านมา มองเห็นแอนนี่กับเจ๊ว่านกำลังเกาะรั้วชะเง้อ ก็แกล้งบีบแตรเสียงดังทำเอา แอนนี่ กะ เจ๊ว่านสะดุ้งหันไปมอง
“ไอ้บ้านวย บีบแตรทำไม เสียงดัง คุณแม่ตกใจหมด”
“กิ้งกือมันเดินตัดหน้า”
“แล้วแกก็ต้องบีบแตรด้วยหรือไง”
แอนนี่มองค้อน นวยมองไม่ไว้ใจ
“มาเกาะรั้วทำไรบ้านคนอื่นละป้า หรือว่ากำลังดูต้นทาง”
“ไอ้ปากหมานวย ข้าไม่ใช่โจร เห็นนังอุบลมันไม่ไปตลาด ไม่ขายของก็เลยมาถามหา เผื่อมันจะเจ็บจะไข้ ใกล้ตาย จะได้หามส่งโรงพยาบาลทัน”
นวยไม่เชื่อ “มีน้ำใจกับคู่ปรับตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ข้าน่ะสวย รวยน้ำใจอยู่แล้ว...ว่าแต่แกรู้หรือเปล่าไอ้นวย ไอ้อัญกับแม่มันหายไปไหน”
นวยทำท่าอึดอัด จะออกรถ แอนนี่รีบวิ่งมายืนขวาง
“หยุด ไอ้นวย...แกรู้ใช่มั้ยว่าป้าอุบลไปไหน”
นวยแกล้งทำหลบตา เจ๊ว่านกับแอนนี่ที่ยืนจังก้าจ้องอยู่หน้ารถ
วินิจกับอธิคมยืนมองแอนนี่กับเจ๊ว่านที่มารายงาน บนเรือนใหญ่
“ไอ้นวยมันบอกว่าไปส่งนังอุบลมันที่หมอชิต ท่าทางนังอุบลมันกลัวๆ รีบร้อนขึ้นรถไปเลยค่ะ”
แอนนี่เสริม “ส่วนไอ้จิ๊บ พี่สาวมันก็ไปงานศพญาติ”
วินิจบอก “ขอบใจ”
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ ทำไมถึงต้องใช้เราไปถาม”
วินิจหันมองแอนนี่กับเจ๊ว่าน สายตาโหด สองแม่เล้าลูกเล้าตกใจ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไม่สงสัยแล้ว ว่างๆ เรียกเด็กเจ๊มารับใช้บ้างนะคะ”
เจ๊ว่านรีบดึงแอนนี่ออกไป
“เมื่อเช้าคนของเราบอกว่าจ่าเดชมาป้วนเปี้ยนแถวบ้านไอ้อัญ ถามหาแม่ไอ้อัญเหมือนกัน” วินิจเอ่ยขึ้น
“ถ้าอัญมาเป็นสายตำรวจ จ่าเดชมันก็ต้องรู้สิว่าอัญมาหายไป”
“ฉันยังไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น จนกว่าจะได้ข่าวว่าไอ้อัญตายเป็นศพ”
“ยังมีอีกคน ถ้ามันหายไป เราถึงจะสงสัยอัญมาได้”
“ใคร”
“ไอ้วัต”
อธิคมเอ่ยชื่อคู่ปรับออกมาด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
อธิคมก้าวเข้ามาในร้านกาแฟ เห็นโต๊ะหนึ่งกำลังมีคนมุงจึงเดินมาใกล้ เห็นภควัตกำลังส่องพระ มีชาวบ้านพากันฟังด้วยความอยากรู้
“นี่เหรียญรุ่นปลดหนี้ รวยทวี มั่งมีทรัพย์ มีไว้คู่กุมาร มีแต่เฮง มีแต่รวย”
“บอกหน่อยเซียนวัต บูชาอะไรถึงจะถูกหวยรางวัลที่ 1”
ชาวบ้านฮือฮาอยากรู้ ภควัตแกล้งทำส่ายหน้าใช้ความคิด แล้วหันมาเห็นอธิคม
“อ้าว พี่คม มาหาโชคหาลาภตอนต้นเดือน สิ้นเดือนเหมือนกันเหรอ”
“ฉันมาหาอัญมา”
“ว่าไงนะ มาหาแฟนผม”
เห็นอธิคมจ้องตาวาว ภควัตทำเสียงกวน
“โอ๊ะ โอ๊ะ พูดผิด อดีตแฟน...แฟนเก่า”
อธิคมมองจ้องภควัตด้วยความแค้น จ่าเดชเดินเข้ามา
“เฮ้ย ใครเห็นนังอุบล แม่ไอ้อัญมั่งวะ”
ทุกคนส่ายหน้า อธิคมหันไปมองจ่าเดชเป็นเชิงถาม จ่าเดชทำเป็นตะโกนถามภควัต
“ไอ้วัต อดีตแม่ยายเอ็งเค้าไปไหน รู้มั้ย”
“ไม่รู้หรอกจ่า ก็ตั้งแต่น้องอัญทิ้งชั้นไปควง...” ภควัตมองอธิคม เน้นเสียง “ผู้ชายล่ำๆ คนใหม่ ฉันก็ไม่กล้าเหยียบบ้านป้าอุบล กลัวแกเอาสากทิ่มหน้าอีก”
ทุกคนหัวเราะขำภควัต จ่าเดชทำเป็นสำทับ
“เออ... ใครเจอนังอุบล บอกว่าข้าตามหาตัว ให้ไปเจอข้าที่โรงพักด้วย”
จ่าเดชหันมามองอธิคม
อธิคมไม่อยากยุ่งกับตำรวจจึงเดินออกไป จ่าเดชหันมาอมยิ้มสบตาภควัต ดีใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ส่วนในฐานลับ กฤษณ์เดินเข้ามารายงานประพจน์กับสิทธิชัยสีหน้าเคร่งเครียด
“สอบสวนไอ้สามคนนั่นเสร็จแล้วครับ”
“ได้เรื่องอะไรบ้าง” ประพจน์ถาม
“เครือข่ายที่มันพูดถึง เป็นข้อมูลที่เรารู้อยู่แล้ว”
“เฮอะ พวกปลาซิวปลาสร้อย แต่ยังไงมันก็ให้การซักทอดวินิจกับลูกชายได้เอาตัวมันไปเก็บไว้ให้ดี” ประพจน์ว่า
“ครับ ผู้การ”
สิทธิชัยเดินออกไป กฤษณ์ถามประพจน์ขึ้นทันที
“แล้วอีกคนล่ะครับ สายของภควัต...อัญมา”
ประพจน์บอก “ภควัตเค้าบอกผมว่าจะขอดูแลเอง”
กฤษณ์ย้อนแย้ง “แต่เราไม่เคยทำแบบนี้”
“ผมต้องยอมเป็นกรณีพิเศษนะ สารวัตรกฤษณ์ เพราะผู้กองภควัตเค้าก็ขอไว้ตั้งแต่แรกเค้ากลัวว่าสายเค้าจะเป็นอันตราย...แล้วมันก็เกิดขึ้นจนได้”
ประพจน์เสียงเครียด เอาจริง จนกฤษณ์ไม่กล้าเซ้าซี้ต่อ
ฟากสุคนธรสมายืนมองไปรอบลานกีฬา มองหาภควัต
“หายไปไหนกันหมด วัติก็ด้วย หายไปไหน”
สุคนธรสหยิบมือถือมากดหา ได้ยินสัญญาณติดต่อไม่ได้
“ปิดเครื่องทำไมนะ วัต”
สุคนธรสสงสัย เดินออกไปจากตรงนั้น เพื่อตามหาภควัต ทันที
ต่อมาไม่นานนัก สุคนธรสเดินเชิดเข้ามาในชุมชน แอนนี่กำลังกินลูกชิ้นปิ้ง ส่วนเจ๊ว่านนั่งตรวจหวย
“คุณแม่ นังหน้าขาว”
เจ๊ว่านกับแอนนี่มองสุคนธรส แล้วปรี่เข้าไปหาทันที
“มาหาใครไม่ทราบ นังหน้าขาว”
“ฉันจะมาหาใคร แกไม่เกี่ยว”
“เกี่ยวสิยะ เพราะคุณแม่เจ๊ว่านกับลูกแอนนี่เป็นผู้กว้างขวางของชุมชนนี้”
“ไม่ต้องมาอวดเบ่ง คนระดับฉันไม่กลัวแกหรอกนะ”
“แหม ไอ้ที่คันมือมาตั้งแต่เช้า สงสัยเพราะจะได้ตบปากนังพวกผู้ดีหอยกาบ” เจ๊ว่านว่า
“ตบมันเลยค่ะ คุณแม่ แอนนี่เพิ่งถูกหวย เรารวย มีเงินจ่ายค่าปรับ”
สุคนธรสเริ่มกลัว “ฉันมาหาวัต ไม่ได้มายืนเสียเวลากับพวก...” มองแม่ลูกหัวจรดเท้า “กลิ่นเน่าๆแรงๆ”
สุคนธรสหันหลังจะเดินหนี แต่ชนเข้ากับอธิคมที่มายืนจ้องอยู่นานแล้ว
“เธอรู้จักไอ้วัต”
“ใช่สิ ฉันต้องรู้จักวัตอยู่แล้ว”
สุคนธรสตอบไป อธิคมจับแขนสุคนธรสด้วยแววตาน่ากลัว เจ๊ว่าน แอนนี่มองอยากรู้ สุคนธรสมองอธิคมด้วยความตกใจ
อัญมาค่อยๆ ลืมตาฟื้นขึ้นจากฤทธิ์ยาแก้ปวด ทุกอย่างในสายตาอัญมาค่อยๆ ชัดขึ้น
“ที่ไหน ..ฉันอยู่ที่ไหน”
อัญมารำพึงออกมา มองไปรอบๆห้อง แล้วค่อยๆ พยุงตัวเลื่อนขึ้นนั่งพิง วรจันทร์เปิดประตูเข้ามาอัญมาหันไปมอง
“คุณหญิงวรจันทร์”
วรจันทร์เดินใกล้เข้ามามอง อัญมายกมือไหว้ วรจันทร์รับไหว้ด้วยสีหน้ามีรอยยิ้ม
“ทำไมอัญถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ”
“หลานชายฉันเค้าสงสารเธอ เลยพามาพักที่นี่”
“อ้อ...ใช่....ฉันถูกแทง ผู้กองเข้าไปช่วยฉัน”
“ฉันรู้เรื่องของเธอหมดแล้ว อัญมา”
วรจันทร์ยิ้ม แต่อัญมารู้สึกอึดอัดกับรอยยิ้มของวรจันทร์
“พักให้สบายเถอะ อัญมา ค่อยยังชั่วเมื่อไหร่ เราจะได้คุยกันเรื่องตาวัต
คุณหญิงวรจันทร์เยื้อนยิ้มมองมาในมาดผู้ดี นั่นยิ่งทำให้อัญมารู้สึกอึดอัดอยากจะหนีออกไปพ้นๆ จากห้องนี้
อ่านต่อตอนที่ 10