xs
xsm
sm
md
lg

"ชิงรักหักสวาท" ตอนที่ 1-29

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ละครออนแอร์ "ชิงรักหักสวาท"

บทประพันธ์ : วาทินีย์ โอฬาร์กร
บทโทรทัศน์ : สติมา และ ศิกานต์
กำกับการแสดง : อดุลย์ บุญบุตร และ ศุภฌา ครุฑนาค
แนวละคร :
ผลิต : บริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด
วันเวลาออกอากาศ : ทุกวันจันทร์ - พุธ เวลา 08.00 / 12.30 / และ 20.00 น.
ระยะเวลาออกอากาศ :
จำนวนตอนออกอากาศ :

ตอนที่ 1
ภายในพระนคร ณ อาณาจักรใต้หล้า ทาสหญิงชายเดินกันให้ขวักไขว่เพื่อเร่งมือเตรียมงานฉลองโกนผมไฟให้กับลูกชายคนแรกของเจ้าสัวแสนคหบดีผู้มั่งคั่งกับพวงแก้วภรรยาสาวที่มาจากตระกูลข้าหลวงใหญ่จากในวัง ซินแสเทียนกับหยกหลานชายวัย 5 ขวบเดินทางมาหยุดยืนที่หน้าเรือนไทยหลังใหญ่ เด็กชายหยกมองใต้หล้าด้วยความตะลึง ซินแสกวาดพัดชี้ให้หยกกวาดตามองใต้หล้า “ดูไว้อาหยก จากกุลีริมทางปากกัดตีนถีบ บัดนี้ ก้อนดินต่ำต้อยก้อนนั้น ก่อร่างสร้างตัวจนเป็นปึกแผ่นแล้ว” พูดจบซินแสก็จูงมือหยกเดินเข้าไปในใต้หล้า หยกดูตื่นเต้นกวาดตามองเสียงทรงอำนาจที่ดังมาจากศาลาโล่ง “ใต้หล้ายินดีต้อนรับ” หยกหันไปมองตามเสียงเห็นเจ้าสัวแสนนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนศาลาก่อนจะลุกเดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผย เจ้าสัวแสนเดินออกมาต้อนมารับซินแสและหยก ซินแสหันไปบอก “นี่ล่ะอาหยก ลื้อเห็นรึยัง ตัวอย่างของคนไม่งอมืองอเท้า มานะบากบั่นต่อสู้ชีวิตจากต้นเล็กเป็นหญ้าแพรก บัดนี้เติบโตเป็นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาผู้อื่น ไหว้ท่านเจ้าสัวสิ” หยกรีบยกมือขึ้นไหว้อย่างตื่นเต้น แสนว่า “ไหว้พระเถิด ซินแสเทียนก็พูดเกินไป ถ้าไม่ได้ซินแสคอยชี้ช่องดวงชะตาข้าก็คงไม่ได้มาถึงเพียงนี้หรอก” ซินแสบอก “อั๊วเองก็ดีใจที่ได้เห็นวันที่รอคอยของเจ้าสัว” แสนหัวเราะขอบใจ สีหน้าแววตาดูมีความสุขที่สุด แสนยิ้ม “วันนี้ข้ายินดีเหลือเกินที่ซินแสเทียนให้เกียรติมาร่วมพิธีโกนผมไฟลูกชายคนแรกของข้า ไป ได้เวลาแล้วเราเข้าไปทำพิธีกันเถิด” แสนเดินนำทุกคนเข้าไปในบ้าน

ที่ศาลาเรือนไทย เด็กชายกล้า วัย 1 เดือนนอนอยู่บนฟูก รอบตัวมีสร้อยทองเรียงรายรับขวัญพวงแก้วลูบผมของเด็กชายอย่างทะนุถนอมรักใคร่ แก้วแต่งกายดูผู้ดีมีตระกูลเพิ่งคลอดกล้าท้องยังไม่ยุบเท่าใด สีหน้าดูเปล่งปลั่ง แสนเอ่ยขึ้น “แม่แก้ว ดูสิว่าใครมา” แก้วหันมาไหว้ซินแสอย่างนอบน้อม “ซินแสเทียน ขอบพระคุณที่ซินแสมาร่วมมงคลวารแก่ลูกกล้า” ซินแสว่า “พิธีโกนผมไฟ อั๊วเป็นคนจีนไม่ค่อยได้เห็นมาวันนี้เป็นบุญตาอั๊วเหมือนกัน” แสนเสริม “อย่าว่าแต่ซินแส ข้าก็คนเดินดินกินข้าวแกงมาก่อนไม่ค่อยได้เห็น แต่วาสนาได้เมียดีมีชาติตระกูล แม่แก้วเขาว่าต้องมีพิธีขวัญเดือนลูกชายข้าคนนี้ได้เชื้อสายขุนน้ำขุนนางจากทางแม่แก้ว ข้าก็ต้องจัดให้ยิ่งใหญ่สมน้ำสมเนื้อ” แก้วเอ่ยขึ้น “ได้เวลาแล้วกระมังคะท่านเจ้าสัว เชิญซินแสทางนี้ค่ะ” แก้วหันไปพยักหน้าให้เอื้อย เอื้อยเดินนำทาสถือถาดเตรียมพิธีโกนผมไฟเข้ามาที่ฟูกเด็กชายกล้า หยกเดินเข้าไปใกล้ๆ มองน้องกล้ารู้สึกเหมือนถูกชะตา หยกมองหน้าน้อง มองผม หยกเอื้อมมือลูบผมของน้องที่กำลังจะถูกโกน ซินแสปราม “อาหยก” หยกชักมือออก แต่ยังมองที่กล้าแอบยิ้มให้ รู้สึกเอ็นดู แก้วมองเห็นก็ยิ้ม “ท่าทางหยก หลานชายซินแสกับลูกกล้าท่าจะถูกชะตากันนะคะ” ซินแสเห็นด้วย “อืม.. น่าจะถูกชะตากันเป็นแน่” ซินแสและแก้วมองเด็กทั้งสองอย่างเอ็นดูที่เห็นหยกอยากเล่นกับน้อง แสนเอ่ยขึ้น “เสร็จพิธีโกนผมไฟ ข้าอยากให้ซินแสช่วยทำนายชะตาของลูกชายข้าให้ด้วย” ซินแสยิ้มรับและจับตามองที่เด็กชายวัยแบเบาะ แสนตัดผมให้กล้า ท่าทางไม่คุ้นเคย แก้วยื่นมือมาช่วย แสนตัดผมกล้าวางปอยผมลงในใบบัวข้างตัวเด็กชาย เอื้อยขยำดอกอัญชัญ แล้วส่งขันน้ำดอกอัญชัญให้พวงแก้ว พวงแก้วลูบน้ำดอกอัญชัญที่หัวกล้า แก้วว่า “โบราณท่านว่า น้ำดอกอัญชัญจะทำให้ผมใหม่ขึ้นดกดำกว่าเดิม” แก้วใช้ก้านพลูจุ่มน้ำอัญชัญวาดคิ้วให้กล้า “จะได้คิ้วงามๆ มีสง่าราศี สมกับที่พ่อเขารอคอยนะลูกนะ”

หลังเสร็จพิธีโกนผมไฟ ซินแสนั่งตรวจนับดวงชะตา คำนวณวันเดือนปีเกิดของลูกชายเจ้าสัว แล้วฉงนใจ ขมวดคิ้ว แสนมองเห็นสีหน้าของซินแสไม่สู้ดีก็รีบถามว่ามีอะไร? ซินแสถามย้ำ “ลูกชายคนนี้ของท่าน เกิดข้างแรมพุธกลางคืนจริงๆ รึ” แสนพยักหน้า “ใช่แล้ว ลูกกล้าของข้า เกิดพุธกลางคืน จันทร์เสี้ยวกำลังสวยเชียว” ซินแสหน้าเสีย “ผู้ชาย กันยา!” แสนร้อนรนถาม “ว่าอย่างไรซินแส ดวงชะตาลูกชายของข้าคนนี้เป็นเยี่ยงไร” ซินแสอึกอักพูดไม่ออก มองหน้าเด็กชายกล้าแล้วกัดริมฝีปาก แสนรีบคะยั้นคะยอให้ซินแสบอก แก้วก็ร้อนใจเช่นกันรีบเอ่ยถาม “อย่างไรคะซินแส ชะตาลูกกล้าเป็นเยี่ยงไร ร้ายดีก็ลูกข้า พูดมาเถอะค่ะ” แสนพยายามพูด “ที่ข้ารุ่งเรืองมาได้ทุกวันนี้ เพราะซินแสชี้แนะชะตาแก่ข้า ที่ร้ายท่านก็กล่าวเพื่อให้ข้าเลี่ยง ที่ดีข้าจะได้ทำให้ดียิ่งขึ้น... บอกข้ามาเถอะซินแส” ซินแสมองหน้าเด็กชายกล้าอีกครั้งลังเล หยกหันมองน้องตามรู้สึกงงๆ ไม่เข้าใจว่าทำไม ซินแสถอนใจก่อนจะตัดสินใจพูดขึ้น “บุตรชายของท่านคนนี้มีราคีเกาะกุมชะตาจะผิดแผกพงศ์พันธุ์ นำความเดียจฉันท์นินทารังจะพาแต่ความอัปยศมาสู่ตระกูล” โครม! แสนลุกขึ้นด้วยความตกใจ เท้าพลาดเตะถาดที่วางใบบัวใส่ปอยผมลูกร่วงลงกับพื้น “ไม่!” แสนมองกล้า ไม่อยากเชื่อ เด็กชายนอนตาแป๋วไม่รู้เรื่อง หยกมองกล้างงๆ กล้าตกใจร้องไห้ลั่น แก้วรีบเข้าไปอุ้มลูกไว้กับอก แสนถามย้ำ “ท่านแน่ใจรึ ซินแสเทียน” ซินแสพยักหน้ารับ “ข้าแจ้งแก่ท่านตามดวงชะตา” แก้วร้องโวยวายทันที “ไม่จริง เหตุใดท่านจึงกล่าวคำให้ร้ายลูกข้าเช่นนั้น ท่านเจ้าสัวอย่าไปฟังซินแสเทียนนะเจ้าคะ” แก้วไม่เชื่อ ซินแสสีหน้าจริงจังบอก “ฤกษ์ยามลิขิตมาเป็นเช่นนั้นตลอดชีวิตข้าไม่เคยทำนายพลาด” แก้วเถียง “ไม่เคย แต่ครั้งนี้ท่านพลาด ลูกข้าไม่ใช่คนนำพาความอัปยศมาสู่ตระกูลแน่” แสนรู้ชาไปทั้งตัวทรุดลงนั่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “ที่ผ่านมา ข้าเองพึ่งพาซินแสมาตลอด ไม่เคยมีครั้งใดที่คำทำนายของท่านไม่เป็นจริง... ข้าเชื่อท่าน” แก้วตกใจ “ท่านเจ้าสัว! ท่านจะเอาคำทำนายมาตัดสินลูกไม่ได้นะเจ้าคะ” แสนปราม“เงียบก่อนเถอะแม่แก้ว ซินแส... แต่ท่านเคยทำนายไว้มิใช่หรือว่าข้าจะมีลูกชายที่นำความรุ่งเรืองมาให้วงศ์ตระกูล แต่ทำไมวันนี้ถึงเป็นเช่นนี้ได้” ซินแสก้มหน้าลงแล้วเขียนที่กระดานชนวนคำนวณใหม่ ซินแสว่า “ใช่...แต่ไม่ใช่กับลูกชายคนนี้” สายตาแสนมองที่กล้าเริ่มสับสน แก้วฟังแล้วรู้สึกเศร้าใจในชะตาของลูก “ไม่ใช่ลูกชายคนนี้หรือ” แก้วหันไปมองเห็นสายตาเจ้าสัวที่มองกล้าแล้วถึงกับน้ำตาร่วง รีบกอดลูกชายไว้แนบอกแน่น รู้แก่ใจว่าแสนเป็นคนเชื่อถือดวงชะตาคำทำนายมาก แสนมองกล้าด้วยความโกรธ

บนรถลาก ซินแสนั่งรถลากออกมากับหยก หยกยังหันกลับไปมองใต้หล้า ซินแสเห็นหยกมองใต้หล้า คิดว่าหยกไม่เข้าใจคำทำนายเลยพูดขึ้น “โตขึ้น ลื้อจะเข้าใจเอง อาหยก” หยกว่า “ใครไม่รักน้อง...แต่หยกชอบน้องคนนั้น” ซินแสลูบหัวหยก คิดว่าเด็กถูกชะตากัน ก่อนจะถอนใจในชะตาของบ้านแสน

หลังจากที่ซินแสกลับไปไม่นาน แสนก็ได้รับข่าวว่าเรือสินค้าลำใหม่ ที่ตั้งชื่อว่ากล้าตามลูกชาย จู่ๆ ก็ล่มขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แสนยิ่งโกรธแค้นมาก ทำให้แสนเชื่อในคำทำนายของซินแสยิ่งขึ้น แสนที่เสียใจมาก เครียด ไปปรับทุกข์ที่โรงน้ำชาของเว่ยชิง ซึ่งเว่ยชิงเปิดโรงน้ำชาบังหน้า เบื้องหลังมีซ่องไว้บริการหนุ่มๆ เว่ยชิงพยายามปลอบใจ แล้วก็พาตัว บุหงา มาปรนนิบัติแสน แสนถูกใจบุหงามาก และคืนนั้นเองแสนก็อยู่กับบุหงา

เช้าวันใหม่ แสนกลับมาถึงใต้หล้าด้วยใบหน้าเบิกบานใจ แก้วที่อุ้มลูกให้นมอยู่ เห็นผัวพึ่งเดินกลับเข้ามาก็รู้สึกน้อยใจ “เมื่อคืนท่านเจ้าสัวไปไหนมาเจ้าคะ” แสนหันไปมองกล้าก่อนจะชักสีหน้าตอบ “ข้าจะไปไหนก็เรื่องของข้า หล่อนมีหน้าที่ดูแลลูกก็ทำให้มันดีเถอะ ลูกของหล่อน หล่อนก็เลี้ยงให้ดี” แก้วไม่พอใจ“ท่านเจ้าสัว! อย่างไรตากล้าก็เป็นลูกชายท่านนะเจ้าคะ” แสนเบือนหน้าหนี “ลูกชายคนโต ที่ข้าหวังจะให้สืบทอดวงศ์ตระกูลแต่กลับมีดวงชะตาพาตกต่ำอย่างนั้นหรือ” แก้วว่า “ดวงก็ส่วนดวง ชะตาก็ส่วนชะตา โตขึ้นมาเปลี่ยนกันได้ ลูกกล้าไม่มีความผิด ท่านเจ้าสัวจะตั้งแง่แล้วพาลพาโลออกไปสำราญนอกบ้านแบบนี้ไม่ได้” “แม่แก้ว!” แสนเงื้อมือขึ้น เอื้อยเห็นก็รีบปราดเข้าไปขวางไว้ แสนไม่พอใจเลยตบหน้าเอื้อยแทน แก้วร้องเสียงดังตกใจ “ท่าน...นี่ท่านจะตบอิฉันหรือ” แสนจ้องหน้าแก้วเอาเรื่อง “เห็นแล้วใช่ไหม ถ้าหล่อนไม่หุบปาก หล่อนจะโดนอะไร ในใต้หล้าแห่งนี้ ข้าเป็นใหญ่ที่สุด หล่อนเป็นแค่เมีย ควรอยู่อย่างเจียมชะตาของหล่อนกับลูกไปเถอะ” แสนเดินตึงตังผ่านแก้วไป แก้วที่รู้สึกเสียใจ อยู่จู่ๆ ก็ได้กลิ่นน้ำอบหอมฟุ้ง แก้วรีบจับชายเสื้อแสนไว้ แล้วมองหน้าจับผิดทันที แสนกระชากมือแก้วออก แล้วไม่สนใจเดินหนีเข้าห้องไป แก้วมองตามแสนแล้วรำพึงกับตนเอง “นี่มันกลิ่นน้ำอบจีน...” แก้วรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาทันที

แก้วร้อนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น รีบสั่งให้อ่ำไปสืบว่าเมื่อคืนแสนไปนอนค้างอ้างแรมที่ไหน อ่ำไปสืบจนได้ความว่า เมื่อคืนเจ้าสัวแสนไปที่โรงน้ำชาเว่ยชิง ซึ่งด้านบนของโรงน้ำชาได้เปิดเป็นหอนางโลมจันทร์ฉาย แก้วได้ยินที่อ่ำบอกแบบนั้นก็โมโหมาก เลยสั่งการยกให้อ่ำยกพวกไปถล่มหอนางโลมจันทร์ฉาย

ตอนที่ 2
ขณะที่แก้วพาคนไปบุกหอนางโลมจันทร์ฉาย พอดีกับที่ทาสคนหนึ่งของใต้หล้ากำลังนำของกำนัลจากแสนมาส่งให้บุหงา แต่ยังไม่ทันได้ส่งของ ทาสก็เห็นว่าหอนางโลมมีคนมาบุกทำร้าย ทาสจึงรีบกลับไปบอกแสน แสนตกใจรีบมาที่หอนางโลมจันทร์ฉายทันที

แก้วและคนของแก้วไหวตัวทัน ก่อนที่แสนจะมาถึงก็เลยหนีไปได้อย่างหวุดหวิด แสนรู้สึกเป็นห่วงบุหงามาก รีบเข้าไปดูแลบุหงาทันที บุหงาได้ทีออดอ้อน ทำตัวให้น่าสงสารจนแสนตายใจและหลงเชื่อ บุหงาอ้อนต่ออยากให้แสนรับตนไปอยู่ที่ใต้หล้าด้วย แสนที่กำลังหลงบุหงาอยู่ก็ตัดสินใจรีบพาบุหงาไปอยู่ใต้หล้าด้วยกันทันที

ที่หน้าใต้หล้า แสนก้าวลงจากรถลากก่อน แล้วยื่นมือส่งให้บุหงา บุหงาในชุดสวยสีสดสะพรั่ง กางร่มเก๋ไก๋จับมือแสนไว้แล้วก้าวตามลงมาจากรถลาก แสนยิ้มจูงมือพาบุหงาเดินเข้าไปในใต้หล้า บุหงามองหมู่เรือนไทยหลังใหญ่อย่างตื่นเต้น “นี่หรือคะ อาณาจักรใต้หล้าของท่านเจ้าสัว” เจ้าสัวแสนยิ้มตอบอย่างภูมิใจ “ใช่.. ต่อไปนี้เจ้าจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ มีอิสระ ไม่ต้องรับใช้ใคร นอกจากข้าคนเดียว” บุหงารีบอ้อน “บุหงาแทบรอปรนนิบัติท่านไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” แสนพยักหน้ารับ “งั้นขึ้นเรือนกันเถิด” บุหงายิ้มร่าเดินนำแสนขึ้นไปบนเรือน

ที่มุมหนึ่ง อ่ำและเจียมวิ่งหน้าตื่นเข้ามา ต่างหยุดมอง ตกใจ แก้วงงว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงบุหงาดังขึ้น “โอ้...ใต้หล้าของข้า” บุหงามาหยุดยืนค้ำหัวแก้วที่นั่งอยู่บนตั่ง ทั้งจงใจและไร้มารยาท แก้วมองจ้องบุหงาตาแข็งไม่พอใจ “หล่อน...เป็น...ใคร” แก้วเงยหน้าขึ้น เจอหน้าบุหงา แก้วก็แทบช็อก บุหงาแกล้งอุทาน “อุ๊ยตาย! แล้วหล่อนล่ะเป็นใคร ข้าไม่ทันเห็นหัว เป็นเมียบ่าวรึ” เอื้อยรีบปราดเข้ามา ผลักบุหงาเซไปจากตั่ง “นายท่านเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้ แล้วหล่อน...” เอื้อยสบตาแก้ว ต่างจำได้ว่าบุหงาคือนางโลมที่ซ่อง“หล่อนมาที่นี่ทำไม” บุหงาเซไปชนกับแสนที่เข้ามาพอดี แสนรับบุหงาไว้แนบอกแล้วบอก “นางชื่อบุหงา ข้ารับไว้มาอยู่ในใต้หล้าแห่งนี้” แก้วโกรธทันที “ท่านเจ้าสัว ท่านสัญญากับอิฉันแล้วว่าจะไม่มีนังเล็กๆ ” แสนว่า “ข้าก็รักษาสัญญา บุหงาไม่ใช่นางเล็กๆ หล่อนเป็นเมียอีกคนของฉัน เหมือนที่หล่อนเป็น” แก้วเลือดขึ้นหน้าตวาด “ท่านเจ้าสัว!” แสนบอกอย่างรำคาญ “ข้าก็มีเมียแต่งเป็นเจ้าคนเดียวไงเล่า ส่วนบุหงาก็แค่เมียอีกคน หากแต่หล่อนมีลูกชายให้ข้าก็อีกเรื่องหนึ่ง” บุหงาตาลุกวาว รีบประจบแสนเอาตัวรอด “ฉันไหว้คุณแม่ เอ่อ...คุณพี่นะเจ้าคะ ฉันฝากเนื้อฝากตัวกับคุณพี่ด้วย อีกหน่อยเราร่วมชายคาเดียวกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน...” แก้วหันไปตวาด “ข้าไม่เป็นครอบครัวเดียวกับหล่อน” แสนขบกรามแน่น “แม่แก้ว! ประกาศิตข้าคำไหนคำนั้น ข้าตัดสินใจรับบุหงามาเป็นเมีย แม่แก้วต้องเคารพเชื่อฟังข้า และควรเมตตาให้เกียรติบุหงาด้วย” แก้วอึ้ง ก่อนจะได้สติข่มอารมณืให้สงบนิ่ง กัดฟันพูดตอบไปอย่างเยือกเย็น “หญิงคนนี้ หล่อนคงมีดี ไม่งั้นท่านเจ้าสัวคงไม่เมตตา อิฉันขออวยพรให้ท่านและเมียใหม่สำราญใจกันให้ตลอดรอดฝั่ง” แสนเห็นท่าทีของแก้วเริ่มสงบลงแล้ว ก็บอก “อันที่จริงข้าก็เกรงใจแม่แก้วนัก จึงได้จัดเรือนหลังเล็กไว้ให้บุหงาแล้ว ไป...บุหงา ไปดูเรือนของเจ้า” แสนประคองบุหงาผ่านหน้าแก้วไป แก้วแทบทรงตัวไม่อยู่ เอื้อยต้องรีบเข้ามาประคองไว้ แก้วกัดฟันกรอด ตัวสั่นด้วยความโกรธจัด เอื้อยมองตามเจ้าสัวแสนกับบุหงาแล้วรู้สึกกลุ้มใจ

อีกมุมหนึ่ง มิ่งก็ตกใจมาก เจียมสีหน้ายิ้มย่องสนุก มีให้เรื่องเมาท์ บุหงาใช้เล่ห์กลพูดหว่านล้อมจนแสนยอมเปลี่ยนใจให้แก้วไปอยู่เรือนเล็ก และให้บุหงามาอยู่เรือนใหญ่แทน โดยให้เจียมมาคอยปรนนิบัติรับใช้บุหงา แก้วเสียใจมากแต่ไม่สามารถทำอะไรได้

เวลาผ่านไป กล้าเกือบจะได้ขวบ แสนก็มาหาแก้วที่เรือนเล็ก เอ่ยบอก “ฟังดีๆ นะ แม่บุหงากำลังจะมีทายาทให้ข้า แม่แก้วมันเป็นข่าวดีจริงๆ แม่แก้วดีใจกับข้าหน่อย ใต้หล้าจะได้มีทายาทเพิ่มมาอีกคนแล้ว ตากล้าจะมีน้องแล้ว” แก้วฟังที่แสนพูดแล้วอึ้ง เหมือนโดนตบที่บ้องหู หูดับชั่วขณะ มือสั่นเทา กล้าที่อุ้มอยู่แทบจะหลุดมือ แต่ต้องฝืนตัวเองให้ยืนขาแข็งไว้ ก่อนจะกัดฟันพูดตอบออกไป “อิฉันดีใจกับท่านเจ้าสัวด้วยเจ้าคะ ที่ท่านเจ้าสัวมาหาอิฉันเพียงเพราะจะบอกเรื่องนี้ใช่ไหมเจ้าคะ” แสนพยักหน้ารับ “ใช่ ยังไงฉันฝากแม่แก้วช่วยดูแลบุหงาด้วย พวกยาบำรุงครรภ์ก็ช่วยจัดสรรให้นาง อีกทั้งสำรับอาหาร ถ้าแม่แก้วลงมือทำได้ก็ทำให้นางทานบำรุงหน่อยละกันนะ” แก้วรับคำเสียงสั่น แสนกล่าวขอบใจเสร็จก็เดินยิ้มมีความสุขออกไป เอื้อยเดินเข้ามาหาแก้วที่ร้องไห้ ยืนช็อกอยู่จวนจะล้มทั้งยืน เอื้อยรีบเข้าไปประคองทั้งแก้วและกล้า แก้วพูดเสียงสั่น “นังเอื้อย ข้าเจ็บเหลือเกิน ฮือ...ฮือ...ท่านเจ้าสัว ท่านเจ้าสัวมีลูกกับนังบุหงาแล้ว” เอื้อยช็อก! ทันใดนั้น กล้าก็แผดเสียงร้องดังออกมาราวกับอยากจะตอบรับว่าไม่อยากมีน้อง แก้วมองกล้ารู้สึกเสียใจ “ขนาดนางยังไม่มีลูกให้ท่านเจ้าสัว ข้ายังถูกไล่มาอยู่เรือนเล็ก ถ้านางมีลูกชายให้ท่านเจ้าสัวได้ ข้ามิต้องออกไปจากใต้หล้าหรือ” เอื้อยสลดสงสารแก้ว แก้วค่อยๆ นั่งกอดลูกร้องไห้เสียใจกับชะตาตนเอง

เวลาผ่านไป บุหงาอายุครรภ์ราว 8 เดือน เอื้อยมองดูแก้วที่นั่งเหม่อลอย ก็ตัดสินใจเอ่ยเตือนสติแก้วว่า “โบราณว่า ปลาไหลลงรู วัวเพศผู้หลงกลิ่นวัวสาว หมู่ภมรร่อนลงกำซาบน้ำหวานดอกไม้ฉันใด เมื่อสามีเลี่ยงจากภรรยาไปหาหญิงนางโลมนอกบ้าน จำเราต้องเป็นนางโลมในบ้านรั้งไว้ให้ได้” แก้วยังคงนั่งนิ่งเห็นแค่ไหล่เปลือย เอื้อยขัดถูหลังให้แก้ว ตักน้ำที่มีดอกไม้หอมรดราดให้ที่ไหล่ แก้วไม่พูดโต้ตอบใดๆ แต่กำลังทำตามที่เอื้อยแนะนำ โดยการปฏิวัติตัวเองไปสู่ความสาวและสวยขึ้นกว่าเดิม

ที่หน้ากระจก แก้วมีสีหน้าผ่องขึ้น เอื้อยยื่นตลับชาดสีแดงส่งให้แก้ว “สีปากแดงชาด เอ็งจะให้ข้าแต่งหน้าทาปากราวกับเป็นหญิงนางโลมเยี่ยงนั้นรึ” เอื้อยรีบบอก “มิได้เจ้าค่ะ นายท่านของบ่าวสวยงามตามแบบฉบับผู้ดี หากประทินผิวปรุงโฉมโนมเนื้อ ไหนเลยท่านเจ้าสัวจะไม่เหลียวแล ยิ่งตอนนี้แม่บุหงา...”เอื้อยพูดค้างคา แก้วเข้าใจ ยิ้มเย็น หันไปหยิบสีปากแดงมาแตะแต้มปากตนเอง

วันใหม่ แสนก็ตกลงกับแก้วว่าจะไปคุยธุรกิจการค้าที่อยุธยา เนื่องจากต้องติดต่อชาวต่างชาติ แก้วก็จำต้องไปด้วยเพราะพอจะพูดภาษาได้บ้าง เมื่อบุหงารู้ว่าแสนกับแก้วจะไปอยุธยาก็อยากจะตามไปด้วย แต่แก้วก็ห้ามไว้ “ข้าไปธุระค้าขายที่อยุธยา ลำบากลำบน หล่อนนอนอยู่สบายๆ ดูแลลูกในท้องหล่อนที่เรือนนี่แหละ” บุหงาไม่พอใจ ตวาด “งั้นคุณพี่ก็ไปคนเดียว บุหงาไม่ให้ท่านเจ้าสัวไป” แสนฟังที่บุหงาพูดก็ไม่พอใจ “นี่มันกิจการของข้านะแม่บุหงา” บุหงาหน้าเสียรีบเปลี่ยนท่าที “ท่านซินแสเทียนแจ้งว่าบุหงาใกล้จะคลอดแล้ว บุหงาไม่อยากให้ท่านเจ้าสัวไปไหน ลูกชายของท่านเจ้าสัวอยากเห็นท่านเจ้าสัวเป็นคนแรกนะเจ้าคะ” บุหงารีบค้าน แก้วหมั่นไส้ พูดตอบบอกไปว่า “กำหนดคลอดของหล่อนราวเดือนหน้ามิใช่รึ แล้วแน่ใจได้เยี่ยงไรว่าจะเป็นลูกชาย” บุหงาหน้าเสีย ก่อนจะปรับสีหน้าแล้วเข้าไปอ้อนแสน “ไม่รู้ล่ะ บุหงาไม่ให้ท่านเจ้าสัวไป ท่านเจ้าสัวต้องอยู่กับบุหงานะเจ้าคะ” แสนดุ “เงียบนะบุหงา! พูดให้รู้ความ เจ้าจงอยู่เรือน รักษาตัวเพื่อลูกข้า” แสนทำท่าจะเดินออกไป บุหงายังไม่ยอมเข้าไปคว้าตัวแสนแล้วกอดไว้ทำท่าจะขอตามแสนไปด้วยให้ได้ จนแสนทนไม่ไหว ต้องขึ้นเสียงตวาดใส่บุหงา “หยุดเดี๋ยวนี้บุหงา ข้าสั่งให้เจ้าอยู่เรือน ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด” แสนสะบัดตัวแล้วเดินออกไปด้วยความรำคาญทันที แก้วมองดูบุหงาแล้วยิ้มกริ่ม ก่อนจะแกล้งเดินเฉียดเข้าไปใกล้บุหงาแล้วเยาะเย้ย “ไม่ต้องห่วง ข้าจะเที่ยวสำราญหาความสุขกับท่านเจ้าสัวให้หนำใจเชียว” แสนส่งมือให้แก้วจับ แก้วยิ้มหวานให้ก้าวขึ้นไปนั่งบนรถลาก แสนก้าวตามไปนั่งเคียงคู่ บุหงายืนมองดูภาพบาดตาที่แสนและแก้วนั่งรถลากออกไปด้วยกันแล้วแก้วดูสวยสง่า ในขณะที่เจ้าสัวแสนเองก็มองแก้วด้วยสายตาภาคภูมิใจที่แก้วดูสวยสม เสริมบารมีให้ตนเองยิ่งนัก บุหงาทั้งหมั่นไส้ ทั้งอิจฉาริษยา แต่ทำอะไรไม่ได้

เมื่อแสนกับแก้วเดินทางไปถึงปากเกร็ดเพื่อติดต่อกับลูกค้า จู่ๆ แสนก็เกิดวูบขึ้นมา แล้วตาขวาก็กระตุกไม่หยุด แสนกังวลใจกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีในใต้หล้า จึงตัดสินใจกลับใต้หล้าทันที โดยไม่ฟังคำคัดค้านจากแก้ว

คืนนั้นเอง บุหงาก็ปวดท้องใกล้คลอด จึงให้คนไปตามหมอตำแยชื่อ ตาด ซึ่งเป็นหมอตำแยประจำหอนางโลมจันทร์ฉายมา ตาดมาทำคลอดให้บุหงาที่บนเรือนใต้หล้า ซึ่งปรากฏว่าได้ลูกสาว บุหงาไม่พอใจมาก พยายามทุบตีเด็กด้วยความรังเกียจที่เกิดมาเป็นหญิง อยากจะให้เด็กตายๆ ไปซะ ตาดก็พยายามเข้าห้ามปราม พอดีแสนกลับมาถึง รู้ว่าบุหงากำลังคลอดลูกก็รีบมาดู บุหงาได้ยินเสียงแสนกลับมา ก็ตัดสินใจเอ่ยบอกตาดและเจียม “ฟังนะ ลูกข้าในท้องนี้ตายไปแล้ว” บุหงาเสียงจริงจัง ปรายตามองเด็กในห่อผ้า“ส่วนอีเด็กคนนี้ หากแม่ตาดเมตตามันก็เชิญแม่ตาดเอาไปทิ้งหรือจะเลี้ยงดูมันก็ตามแต่ใจแม่ตาดเถิด เจียมเอามันออกไป” ตาดตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินทำอะไรไม่ถูก เจียมมองหน้านายว่าจะเอาอย่างไร บุหงาสบตาเจียม แววตาเหี้ยมเกรียมเด็ดขาด ขณะนั้นเอง แสนก็ก้าวขึ้นเรือนด้วยความร้อนใจ สีหน้าตื่นเต้น ยิ้มรอ เอ่ยถามหาลูกชาย บ่าวไพร่เลิกลั่กทำอะไรไม่ถูก แสนร้อนใจเปิดประตูเรือนใหญ่ ก้าวเข้าไปข้างใน แล้วต้องตกใจกับสภาพที่เห็น บุหงานอนอยู่บนเตียง มีห่อผ้าเปื้อนเลือดอยู่กลางเตียง บุหงาร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ “ท่านเจ้าสัวของบุหงา โฮ...” บุหงาโผเข้ากอดแสน ซุกหน้าร้องไห้สะอื้นตัวโยน แสนเริ่มเอะใจอะไรบางอย่าง “ลูกข้าอยู่ไหน แม่บุหงา” ที่ประตู แก้วยืนมองอยู่ รอดูท่าที บุหงาบอก “ท่านเจ้าสัวคะ ท่านได้ลูกชาย” แสนดีใจ รีบร้องหา “ลูกชาย...แล้วลูกข้าอยู่ที่ใด” บุหงาตีหน้าเศร้า “ท่านเจ้าสัวเจ้าขา... ลูกชายของท่าน...ลูกชายของท่าน โฮ...” บุหงาร้องไห้จนแทบสลบลงไปอีก แสนเป็นห่วงมาก รีบประคอง “บุหงา หล่อนเป็นอะไร แข็งใจไว้บุหงา แล้วลูกชายของเราล่ะ อยู่ที่ไหน” “ลูกชายของเรา โฮ... ท่านเจ้าสัวเจ้าคะ ลูกชายของเราบุญน้อย ลูกไม่อยู่กับเราแล้วเจ้าค่ะ” แก้วเหลือบมองเอื้อย เอื้อยสบตาทำนองว่าไม่รู้ไม่เห็นเหมือนกัน “ลูกตายแล้วเจ้าค่ะ หมอตำแยว่าเพราะข้าคลอดก่อนกำหนด ลูกจึงไม่แข็งแรง ฮือ... บุหงาเสียใจ บุหงาอยากตายตามลูกไป” แสนเจ็บปวดรวดร้าว ทำอะไรไม่ถูก ประคองบุหงาไว้อย่างนั้น ทั้งที่จริงหมดแรงประคองใครไม่ได้ แก้วก้าวเข้ามา บุหงาแอบชำเลืองมองเล็กน้อย แก้วแกล้งทำเป็นจิตใจดีเดินเข้ามาจับมือแสนและบุหงารวมกันแล้วกุมมือทั้งคู่อย่างให้กำลังใจ “อิฉันเสียใจด้วยค่ะ ท่านเจ้าสัว แม่บุหงาหล่อนรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีเถิด หากมีบุญ หล่อนจะมีลูกอีกกี่คนก็เป็นได้” แสนหันไปมองแก้วอย่างขอบใจในน้ำใจอันกว้างขวางของแก้ว บุหงาเหลือบมองแก้ว นึกรู้ว่าแก้วคงสะใจยิ่งนัก ขณะที่แก้วเองก็สงสัยเรื่องลูกว่าตายแล้วไปอยู่ไหน
 
ด้านเจียมก็ตามไปฆ่าตาดระหว่างทาง ตามคำสั่งของบุหงาเพื่อปิดปาก และให้นำเด็กไปส่งให้กับเว่ยชิงเลี้ยงที่หอนางโลมจันทร์ฉาย เว่ยชิงตั้งชื่อเด็กหญิงว่าฟ้าหยาด ตั้งใจว่าถ้าโตขึ้นสวยเหมือนแม่ ก็จะได้เป็นดาวประจำหอจันทร์ฉาย

ตอนที่ 3 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 8 กันยายน 2557 เวลา 8.00/12.30/20.00น. ทางช่อง 8
แก้วยังคงสงสัยเรื่องลูกที่ตายไปของบุหงา จึงเอ่ยถามถึงซากศพเด็กว่าอยู่ที่ไหนจะได้นำมาทำพิธีให้ถูกต้อง เรื่องจึงร้อนไปถึงเจียมที่จะต้องไปหาศพทารกชายที่ป่าช้า เพื่อให้แสนกับแก้วได้เห็นซากศพ แต่แก้วก็ยังคงรู้สึกสงสัย แปลกๆ

ด้านซินแสกับหยกก็มาหาแสนที่ใต้หล้า แสนให้ซินแสทำนายดวงชะตาตนอีกครั้ง ซินแสบอกว่า “เอ...น่าแปลก ชะตาว่าสัตว์สองเท้ามิได้ตายจาก หากเป็นการจำพรากเพื่อใช้เวรกรรม ข้าทำนายได้ว่า บริวารคนใดคนหนึ่งของเจ้าสัวจะพลัดพรากไปจากเรือน แต่มินานจะได้กลับมา เมฆหมอกผ่านพ้น ชะตาดุจดังฟ้าหลังฝน ช่วงนี้ท่านเจ้าสัวจะมีบุญใหญ่ได้ทั้งลูกชายลูกสาว กิจการก็จะเจริญรุ่งเรืองดี เป็นเวลาเหมาะแก่การขยับขยาย” แสนฟังที่ซินแสพูดก็ตื่นเต้น “ข้าจะมีลูกชายอีกใช่หรือไม่ท่านซินแส” ซินแสมองยิ้มๆ “ท่านเจ้าสัวยังแข็งแรงหนุ่มฉกรรจ์ แม่นายแก้วก็เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลสมบูรณ์พร้อม ไหนเลยท่านจะมีลูกอีกไม่ได้เล่า ฮ่ะๆๆ” แสนมองแก้ว แก้วทำทีเขินอาย บุหงาฟังแล้วหมั่นไส้

เวลาผ่านไป บุหงาก็กลับมาสวยสะพรั่งอีกครั้ง ทำให้แสนหันกลับไปหาบุหงาอีก แก้วรู้สึกไม่พอใจ แต่ต่อมาไม่นาน ทั้งแก้วและบุหงาต่างก็ตั้งท้องในเวลาไล่เลี่ยกัน แสนดีใจมาก หวังที่จะได้ลูกชายไว้สืบทอดสกุลให้ได้

9 เดือนผ่านไป แก้วและบุหงาต่างก็คลอดลูก แก้วได้ลูกชาย ส่วนบุหงาได้ลูกสาว บุหงาแทบจะฆ่าลูกให้ตายอีกครั้งเพราะไม่สมหวัง แต่แสนเข้ามาซะก่อน บุหงาจึงไม่มีโอกาสทำร้ายลูกสาว

วันใหม่ เอื้อยอุ้มเด็กชายกล้าเข้ามาหาแก้วและแสน แสนอุ้มลูกชายคนเล็กด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซินแสมองดูเด็กชายตัวเล็กแล้วลูบคิ้วลูบคาง เด็กน้อยไม่ร้องเลย ซินแสว่า “เจ้าหนูคนนี้ เกิดมาในชะตามงคลวาร ฤกษ์ยามธงชัย จะนำมาซึ่งความเจริญงอกงามแก่วงศ์ตระกูล เป็นอภิชาตบุตรของท่านแน่แล้วท่านเจ้าสัว” แสนดีใจอุ้มลูกชายแนบอก ยิ้มกว้าง ปลาบปลื้ม “ข้าจะให้ชื่อลูกว่า หาญ เป็นคนหาญ นำความมงคลมาสู่บิดามารดาและข้าทาสบริวาร นำความรุ่งเรืองมาสู่ใต้หล้าแห่งนี้” แสนอุ้มลูกยืนอยู่กลางใต้หล้า บ่าวไพร่บริวารที่รายล้อมอยู่ต่างพากันตื่นเต้น ตื้นตันไปด้วย

ด้านบุหงาก็ตั้งชื่อให้ลูกสาวว่า สายฝน และก็ต้องถูกย้ายไปอยู่เรือนเล็กแทนแก้วกับลูกชายตามคำสั่งของแสน แก้วรู้สึกสะใจมาก ส่วนบุหงาทั้งโกรธทั้งแค้นใจมาก

กล้า หาญ และ สายฝน เติบโตขึ้นมาพร้อมกับเดือน และ ดาว ซึ่งเป็นลูกทาส ชื่นเป็นแม่ของเดือน ส่วนฉวีเป็นแม่ของดาว แต่ตายไปหลังจากคลอดดาวได้ไม่นาน เดือนวัย 10 ขวบเป็นเด็กเรียบร้อยน่ารัก เดือนได้พูดคุยกับหาญอยู่บ่อยๆ เพราะถูกคอกัน เดือนชอบเล่นซอเหมือนกับหาญที่ชอบดนตรี เดือนแอบฝึกเล่นด้วยตนเอง หาญอดชื่นชมไม่ได้ แต่เดือนก็มักจะถูกสายฝนจิกให้ทำงานให้อยู่บ่อยๆ เพราะสายฝนไม่ชอบทำ ส่วนดาวก็เป็นเด็กขี้อิจฉาแต่เล็ก ชอบแกล้งเดือน แต่ทั้งสองก็เป็นเพื่อนเล่นกันมา

บริเวณใต้หล้าศาลากลางเรือน กล้าและหาญอยู่ในวงดนตรีไทยร่วมเล่นไปด้วย หาญเล่นระนาดเอก กล้าเป่าขลุ่ย มีนักดนตรีไทยคนอื่นเล่นเพลง หยกอยู่ในวงด้วย ทำหน้าที่ตีกรับนั่งข้างกล้า แก้วนั่งฟังอยู่มุมหนึ่งกับเอื้อย แก้วร้อยมาลัยดูเป็นผู้ดี สง่างาม อีกมุมหนึ่ง เดือนและดาวมานั่งแอบดูอยู่ข้างบันไดเรือน สายฝนกำลังหัดรำให้เข้าจังหวะดนตรีไทย ครูเข้ามาดัดแขนดัดมือให้อ่อน แต่มือไม่อ่อน สายฝนร้องโวยวาย วงดนตรีไทยหยุดเล่น ตามที่สายฝนหยุดรำ หาญหันไปต่อว่า “น้องสายฝน ถ้าน้องยังรำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาให้วงของครูแผ้วเล่นดนตรีให้” สายฝนเถียง “พี่หาญก็เล่นให้เข้ากับจังหวะรำของสายฝนสิ” กล้าเอ่ยขึ้น “เขามีแต่รำให้เข้าจังหวะดนตรี ไม่ใช่ดื้อดึงให้ดนตรีตามนางรำ” บุหงาฟังก็โกรธ เดินเข้ามาใกล้สายฝนแล้วสั่ง “สายฝน แกต้องรำให้ได้ แกเป็นลูกท่านเจ้าสัวเหมือนกัน อย่าให้ใครมาดูถูกสิ” สายฝนไม่พอใจบุหงาและทุกคน แก้วนั่งเอนตัวดูอยู่ก็ขำเยาะบุหงาและลูก เห็นดาวและเดือนนั่งหลบแอบมองอยู่จึงคิดอะไรได้ แก้วเอ่ยขึ้น “โบราณว่าไม้อ่อนดัดง่าย แต่หากลูกสาวหล่อนดัดเป็นแต่จริต ข้าว่าอย่าฝืนเลย เสียเวลา โน่นแน่ะ! ทาสในเรือนมันมาแอบดูอยู่หลายเพลาให้มันมารำให้ดูไหม ข้าว่ามันท่าจะรำเป็นกว่าสายฝนนะ”บุหงาโมโห “คุณพี่! อย่าเอาลูกทาสพวกนั้นมาเปรียบกับลูกบุหงาสิคะ” แก้วยิ้มเยาะอีก แก้วหันไปเรียก “เอ็งสองคนโน่นแน่ะ เอ็งมาแอบซุ่มดูอยู่ ออกมานี่สิ ถ้าข้าจะฝึกให้ เอ็งคิดว่าจะรำได้ไหม” ดาวและเดือนตกใจ โดยเฉพาะเดือน ก้มหน้าก้มตากลัว เอื้อยเห็นตกใจ หาญเห็นเดือน มองดีใจ ส่วนดาวได้ทีรีบลุกขึ้นพูด “ได้เจ้าค่ะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ลูกทาสอย่างเราจะได้เรียนรำเจ้าค่ะ” แก้วพยักหน้า “ดี แล้วอีกคนล่ะ ไม่รับใช่ไหม” เดือนอึ้ง ดาวฉุดเดือนขึ้นมาแล้วรีบคะยั้นคะยอให้รับ จนเดือนตัดสินใจอ้ำอึ้งรับคำไป แก้วหันไปยิ้มเยาะบุหงา หวังเพียงแค่จะเอาดาวและเดือนลูกทาสมาข่มบุหงาและสายฝน ไม่ได้จะคิดเชิดชูในเพลานี้ ส่วนหาญมองเดือนยิ้มดีใจ บุหงาแค้นใจแทบกรี๊ด แก้วเอ่ยถามเอื้อยว่าเดือนดาวเป็นลูกเต้าเหล่าใครกันจนทราบความ นั่งมองเดือนและดาวที่ต่างร่ายรำกันอยู่ ดาวรำสวยแต่แข็งกว่า เดือนรำได้อ่อนช้อย นุ่มนวล เด็กสองคนเกิดคืนจันทร์เพ็ญเดียวกัน จะต่างกันก็เวลาตกฟากกับชะตาลิขิตเจ้า เอื้อยสงสัย “คุณท่านจะชุบชูนังดาวนังเดือนนี่จริงๆหรือเจ้าคะ” แก้วว่า “เอ็งว่าสายเลือดหยำฉ่ามันจะส่งถึงกันไหมนังเอื้อย ใช่...ข้าจะฝึกลูกทาสสองคนนี้เอาไว้เทียบกับลูกมัน ให้นังบุหงามันได้อายที่ลูกมันได้เลือดแม่มันต่ำตมกว่าลูกทาสในเรือน” เอื้อยพยักหน้าเข้าใจแผนแก้วทันที ก่อนจะหันไปมองเดือนและดาวที่รำได้ดี ยิ่งรู้สึกกระหยิ่มใจ

10 ปีผ่านไป เด็กๆ เติบโตขึ้น ทุกๆ คนพอจะได้ดั่งใจผู้ใหญ่ มีเพียงสายฝนเท่านั้น บุหงาด่า “นังสายฝน นังบ้า แกมันไม่ได้เรื่องเลย นังชิงนรกเกิด” สายฝนมองหน้าบุหงาแล้วปัดมือออก ลอยหน้าลอยตา “แม่ ไม่เบื่อรึไง แม่ด่าฉันมาอย่างนี้ตั้งแต่เด็กจนโตแล้วเนี่ย” เจียมขัดขึ้น “ตายแล้ว คุณหนูคะ อย่าเถียงคุณแม่สิเจ้าคะ” สายฝนหันไปตวาด “อีปลาสอด เงียบปากไปเลย ฉันเกิดมาไม่ได้ดั่งใจแม่ แม่เลยไม่พอใจ หรือเพราะแม่กลัวฉันจะเป็นเหมือนแม่ล่ะ” “นังสายฝน!” บุหงาเลือดขึ้นหน้า เจ็บปวดนึกถึงตัวเองที่เคยผ่านการเป็นนางโลมมาก่อน ก่อนที่จะมาอยู่เป็นอนุในใต้หล้าแห่งนี้ หนำซ้ำยังมีลูกสาว วาสนาไปไม่ถึงดวงดาว บุหงาตบหน้าสายฝน1 ฉาด สายฝนหน้าหัน สะบัดหน้าจ้องบุหงา “แม่ตบหน้าฉันเลยรึ” บุหงาตอบเสียงเข้ม “ใช่ ตบให้รู้สึก ให้สำเหนียกใส่กะลาหัว ท่านเจ้าสัวพ่อของแกเมตตาแกเท่าไอ้กล้า ไอ้หาญหรือเปล่า ในเมื่อเเกเกิดเป็นผู้หญิงไม่ได้ดั่งใจท่าน แกก็ต้องทำทุกอย่างให้เชิดหน้าชูตาฉัน เกิดมาไม่ใช่ผู้ชาย ก็ต้องจับผู้ชายดีๆ ให้ได้สักคน ลูกท่านหลานเธอได้ยิ่งดี” สายฝนสวน “อ๊าย ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันก็ได้แม่มาเต็มๆ นั่นแหละ” สายฝนลอยหน้า บุหงาเงื้อมือขึ้นอีก แต่คราวนี้สายฝนไวกว่ารีบหลบวูบออกจากห้องไปก่อน บุหงามองตามไม่พอใจ “อีนี่ ทำไมกูไม่ปิดปากมันให้ตายตั้งแต่ตอนนั้นนะ ยิ่งเห็นหน้ามันยิ่งเจ็บใจ ทำไมข้าไม่มีลูกชายเหมือนนังแก้ว หึ! ข้าต้องหาทางเอาชนะนังแก้วให้ได้” บุหงารู้สึกเจ็บใจ ยิ่งวันเวลาผ่านไปบุหงายิ่งเป็นรองแก้วทุกอย่าง

วันใหม่แสนให้อ่ำพากล้า หาญ และหยกไปเที่ยวที่หอนางโลมจันทร์ฉาย เพื่อเป็นการทดสอบความหนุ่มของทั้งสามคน แต่สามหนุ่มก็ยังไม่เข้าใจแสนว่าให้มาที่นี่ทำไม สามหนุ่มไม่ค่อยชอบที่นี่เท่าไหร่ ขณะที่ฟ้าหยาดก็ออกมาต้อนรับ เมื่อเห็นหาญก็รู้สึกหลงรักหาญทันที เพราะหาญดูสุภาพและหล่อ ฟ้าหยาดแอบนำปิ่นปักผมของหอจันทร์ฉายมอบให้หาญ เมื่อหาญกลับมาบ้านก็หาวิธีกำจัดปิ่นปักผม แต่เผอิญเจอสายฝนเข้า สายฝนเห็นปิ่นปักผมก็ชอบ จึงขอจากหาญ หาญกำชับว่าไม่ให้บอกใครว่าได้ปิ่นอันนี้มาอย่างไร เมื่อบุหงาเห็นปิ่นปักผมที่สายฝนได้มาจากหาญ ก็รู้ทันทีว่าปิ่นอันนี้มาจากหอจันทร์ฉาย บุหงาแปลกใจและโมโหมากว่ามาอยู่ที่สายฝนได้อย่างไร บุหงากระชากปิ่นออกจากผมของสายฝนทันที สายฝนงงและโมโหแม่

ตอนกลางวัน ที่ลานตากผ้า เดือนกำลังตากผ้าอยู่ หาญแอบเขามาส่งเสียงแกล้งเดือน เดือนตกใจ เสียหลัก ขาขัดกัน หาญรีบรวบตัวเดือนไว้ยิ้มร่วน “ขวัญอ่อนจริง แม่เพลงซอ” เดือนและหาญสบตากันพลันต่างรู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างประหลาด สายตาที่สบกันนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ผูกพันตั้งแต่เยาว์วัย เดือนตั้งสติได้ รีบผละตัวออก “คุณหาญมาไม่ให้สุ้มให้เสียง” หาญยิ้ม “เจ้านี่ขวัญอ่อนไม่เปลี่ยน เราแกล้งเจ้าแบบนี้มาแต่เล็กจนโตยังไม่ชินอีก” “คุณหาญช่างสรรหาวิธีการแกล้งบ่าวทุกวันนี่เจ้าคะ” เดือนเลี่ยงไปด้วยความเขิน

อีกมุมหนึ่ง ใกล้ลานตากผ้า ดาวกำลังซักผ้าอยู่ชมนกชมไม้ไปเรื่อย พลันสายตาก็เห็นเดือนยิ้มแย้มอยู่คนเดียว หลังม่านผ้าเหมือนมีคนอยู่ด้วยดาวสงสัย ตีผ้าแรง “อีเดือน คุยกับใครวะ” ดาวฟาดผ้าพั่บๆเก็บความสงสัยไม่อยู่ ทิ้งงานแอบย่องไปที่ลานตากผ้า หาญขยับตามเดือน ทำเสียงอ่อนลงอีก “ขอโทษ หากเราทำให้เจ้าไม่พอใจ” หาญเสียงอ่อนโยน เดือนหัวใจไหววาบ รีบปฏิเสธด้วยเกรงจะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจนทำให้หาญต้องขอโทษ “คุณหาญอย่าเอ่ยเยี่ยงนั้นเจ้าค่ะ ไม่มีสิ่งใดที่คุณหาญต้องขอโทษทาสอย่างบ่าว” หาญว่า “เช่นนั้น เราจะพูดอะไรได้ ถ้าไม่ขอโทษก็ขอชมได้ไหม” เดือนงง “ชม? ชมเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” “นอกจากเป็นเพลงซอแล้ว เจ้ายังรำสวยเมื่อวันก่อนรำเสี่ยงมาลัย เจ้ารำสวยมาก” “ความงามที่แท้ล้วนมาจากคุณท่าน แม่ของคุณหาญดอกค่ะ เป็นคุณท่านที่เมตตาให้บ่าวฝึกรำตั้งแต่เยาว์วัย จึงรำพอดูได้” “พอดูได้? ไม่มั้ง รำสวยติดตาเชียวล่ะ เสียอย่างเดียว...” เดือนสงสัยถาม “มีที่เสียด้วยหรือเจ้าคะ” “เสียตรงที่เจ้าไม่เสี่ยงมาลัยมาให้เรา” หาญพูดยิ้มๆ เดือนหน้าแดงก่ำ หลบตา หาญขยับมาใกล้ “รำเสี่ยงมาลัย ตามเรื่องราวท่านว่า เป็นจังหวะที่นางรจนาเลือกคู่ นางจึงเสี่ยงมาลัยให้ชายที่นางต้องใจ เราไม่ยักได้มาลัยนั้นบ้าง” เดือนอึ้ง อยากสบตาหาญเพราะได้ยินเสียงอ่อนโยน แต่ใจก็คิดถึงคำพูดแก้วได้ “ลูกหาญข้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะหากุลสตรีคู่ควร ลูกหลานน้ำพระยามาเป็นศรีภรรยาแก่ลูกหาญ พวกเอ็งว่าดีไหม นังดาวนังเดือน” เดือนเจียมตัวลงอย่างมาก “บ่าวเป็นลูกทาสจะทำการใดๆ ก็เพื่อรับใช้เจ้านายของตนเท่านั้น และบ่าวก็จะยินดียิ่งนักหากได้เห็นคุณหาญรับมาลัยรักจากแม่หญิงที่คู่ควรกับคุณหาญเจ้าค่ะ” เดือนหันมาสบตา ยิ้มอย่างจริงใจ เทิดทูน แต่แฝงความห่างเหินอย่างทาสที่ไม่อาจเอื้อมกับเจ้านาย

เดือนเก็บตะกร้าผ้าแล้วเดินจากไป หาญยืนงงอยู่เพียงลำพัง ขณะที่ดาวแอบดูอยู่มุมหนึ่ง จึงรู้ว่าเดือนแอบคุยกับหาญ ดาวรู้สึกหมั่นไส้ทันที

ตอนที่ 4 ออกอากาศวันอังคารที่ 9 กันยายน 2557 เวลา 8.00/12.30/20.00น. ทางช่อง 8
เช้าวันใหม่ แก้วและหาญออกไปซื้อของกัน โดยให้มั่นกับเดือนตามไปช่วยหิ้วของด้วย มั่น เดือนและดาวเป็นลูกทาส ทั้งสามคนเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก มั่นกับเดือนค่อยข้างจะสนิทสนมกัน มั่นรู้ว่าดาวชอบอิจฉาเดือน จึงไม่ค่อยชอบหน้าดาวเท่าไหร่ ขณะที่หาญเห็นมั่นกับเดือนสนิทสนมกันก็ไม่ค่อยชอบใจ แอบหึง รู้สึกขัดหูขัดตา

ที่ร้านเครื่องหอมไทย เดือนรอรับของตามที่แก้วสั่งอยู่ที่ร้านตามลำพัง เดือนหยิบน้ำปรุงขึ้นมาดมๆ รู้สึกพอใจกลับกลิ่นน้ำปรุงขวดนี้ สักพักหาญก็เดินเข้ามาคุยด้วย เดือนตกใจมากที่หาญตามมาหาตนเองที่ร้านก็พยายามหาทางเลี่ยงเพราะกลัวแก้วจะมาเห็น พอดีเจ้าของร้านนำของออกมาให้ เดือนจึงเลี่ยงไปนับจำนวนของทันที หาญยืนดูน้ำปรุงขวดที่เดือนดูอยู่ด้วยรอยยิ้ม ไม่นานนักฟ้าหยาดก็เดินเข้ามาที่ร้าน เห็นหาญยืนอยู่ก็ดีใจ รีบเข้าไปทักทาย หาญจำใจพูดคุยตามมารยาท เดือนแอบหันไปมองฟ้าหยาดรู้สึกชื่นชมในความสวยงาม แต่ก็ไม่รู้ว่าฟ้าหยาดเป็นใคร เดือนแอบคิดว่าทั้งสองช่างดูเหมาะสมกันดี เมื่อนับของเสร็จ เดือนก็รีบเดินออกไปเพราะรู้สึกเจ็บ ไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ

ด้านบุหงากับเจียมก็รีบร้อนไปที่หอจันทร์ฉายร้อนใจด้วยเรื่องปิ่นปักผม เผอิญแก้วกับเอื้อยหันไปเห็นบุหงาก็แปลกใจว่าทั้งสองคนมาทำอะไรที่นี่ แต่พอเห็นว่าบุหงากำลังตรงไปที่หอจันทร์ฉายก็หัวเราะเยาะ แก้วจะตามไปดู แต่เอื้อยห้ามไว้บอกว่าไม่งาม

ที่หอจันทร์ฉาย เว่ยชิงยิ้มกว้างด้วยความดีใจที่ได้พบบุหงา บุหงายื่นปิ่นปักผมให้เว่ยชิง บุหงาเอ่ยขึ้น “เจ๊ต้องการเท่าไหร่ถึงจะปิดเรื่องในอดีตของฉันทั้งหมดได้” เว่ยชิงหัวเราะ “ฮ่ะๆ เรื่องแค่นี้กระตุกหางหล่อนจนต้องออกมาโวยวายกับฉันเหรอ” บุหงาว่า “คนอย่างฉันไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาฉุดลงต่ำได้หรอกนะ อย่าดึงฉันลงไปอีก” เว่ยชิงมองเยาะ “ต๊าย แม่ดอกฟ้าบุหงาทองคำ ได้ดิบได้ดีแล้วลืมกำพืด หล่อนลืมไปแล้วหรือว่าใครขัดสีฉวีวรรณส่งหล่อนถวายพานให้ท่านเจ้าสัว ใครกันที่เลี้ยงลูกของ...” บุหงาวางห่อเงินลงตรงหน้าเว่ยชิงทันที “อัฐเท่านี้คงพอที่จะให้เจ๊อยู่ได้อีกนาน ฉันจะให้อีเจียมส่งให้เจ๊ตลอดทุกเดือนอยู่แล้ว นี่ถือว่าเป็นก้อนพิเศษ อีกอย่าง ฉันขอสั่งไม่ให้นางหน้าไหนบริการท่านเจ้าสัว ท่านจะต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น” เว่ยชิงรีบฉวยเงินขึ้นมาแกะดู แล้วตาลุกวาว “ฮะๆๆ อีบุหงา ส่องกระจกดูบ้างปะไร ตอนนี้เอ็งก็ตกที่นั่งเหมือนนังคุณนายแก้ว เมื่อหมดความสาวก็กลัวว่าจะรั้งผัวไว้ไม่ได้” บุหงาไม่พอใจแต่กัดฟันพูดตอบออกไป “เอ่อเจ๊.. ถือว่าฉันขอก็แล้วกัน อย่าให้อีนังคนไหนไปยุ่งกับเจ้าสัว หรือแม้แต่คนของใต้หล้า ไม่ว่าใครก็ตาม” ทันใดนั้น เสียงฟ้าหยาดก็ดังขึ้น “อาเว่ย ข้ากลับมาแล้ว ข้าเจอนายท่านจากใต้หล้าด้วยล่ะ” บุหงาหันขวับ ได้ยินทั้งหมด อยากรู้เป็นใคร ฟ้าหยาดเดินเข้ามามองบุหงาด้วยสายตาใสซื่อบ้องแบ๊ว เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร เว่ยชิงบอก “ฟ้าหยาด! เด็กที่อั๊วเก็บมาเลี้ยงเมื่อยี่สิบปีก่อน” เว่ยชิงพูดแค่นั้น บุหงารู้ทันทีว่าฟ้าหยาดเป็นลูกสาว แม่ลูกเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก! บุหงาจ้องหน้าฟ้าหยาดนิ่ง ตาต่อตา บุหงาตกใจในความสาวสวยสะพรั่งของฟ้าหยาด บุหงาได้สติเดินเข้าไปใกล้ฟ้าหยาดแล้วถาม “เมื่อกี้หล่อนพูดว่าพบใคร” ฟ้าหยาดตอบออกไปงงๆ “นายท่านจากใต้หล้า ทำไมล่ะ มันใช่เรื่องของป้าเหรอ?” บุหงาหูอื้อ ไม่รู้ว่านายท่านจากใต้หล้าจะเป็นใคร แต่ความกังวล กลัว หวาดหวั่นเรื่องอัปมงคลทั้งหลายจุกอกบุหงาอยู่ ยามนี้ บุหงาทนไม่ได้ จิ้มหน้าผากฟ้าหยาด พร้อมสั่งทันที “ห้ามยุ่งกับคนของใต้หล้า” ฟ้าหยาดจ้องหน้าบุหงาไม่พอใจ “อะไร ป้าเป็นใครมาสั่งฉัน เกี่ยวอะไรด้วย” บุหงาตวาด “ใต้หล้าเป็นของข้า คนของใต้หล้าก็เป็นของข้า หล่อนห้ามยุ่งเกี่ยวอีกเป็นอันขาด” บุหงาพูดจบก็สะบัดหน้าเดินทพแทกฟ้าหยาดออกไปทันที ฟ้าหยาดเสียหลักเซไป ก่อนจะทำหน้างงหันไปมองเว่ยชิงเพื่อขอคำตอบ “อาเว่ย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมเค้าถึงต้องมาว่า มาสั่งฉันด้วย” เว่ยชิงไม่ตอบ เบือนหน้าหนี แอบรู้สึกกังวลใจว่าต่อไปอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ

ด้านกล้ากับหยกก็ทำงานที่ร้านของใต้หล้าอยู่ด้วยกัน ทั้งสองใกล้ชิดกันตั้งแต่เด็กจนถึงโตเป็นหนุ่ม ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างต่อกัน ส่วนสายฝนก็ชอบหยกจนออกนอกหน้าไม่มียางอาย จนกล้าไม่ค่อยพอใจ รู้สึกหึง

ตอนกลางคืน หาญนอนไม่หลับเดินไปเดินมาอยู่หน้าเรือน กล้าเดินผ่านมาเห็นก็เข้าไปทัก “กลุ้มใจละสิน้องพี่” หาญบอก “ใครๆ เขาก็พูดกันว่า อิจฉาเราสองคน เกิดมาเป็นลูกท่านเจ้าสัวแสนผู้มั่งคั่ง สืบเชื้อสายพระน้ำพระยาจากแม่ แล้วเหตุใดข้าจึงไม่รู้สึกตัวพองคับอกเยี่ยงนั้นเลยขอรับ เหตุใดข้าจึงไม่มีความสุขเสียเลย” กล้ายิ้ม “ใต้หล้ากว้างใหญ่ไพศาล แต่ความสุขไม่ได้เกี่ยวกับความร่ำรวย บ้านจะใหญ่หรือเล็ก หากใจไม่สุขเสียแล้ว อยู่ตรงไหนก็ไม่สุข” หาญถามกลับ “เป็นพี่กล้าจะทำเช่นใดขอรับ” กล้าว่า “พี่เห็นแม่เป็นทุกข์มาตลอด พี่จึงปณิธานตั้งมั่นไว้ว่า พี่จะไม่เป็นอย่างคุณพ่อ เจ้าจงรักและหาคนที่เจ้ารักและรักเจ้าอย่างแท้จริง บ้านกว้างแค่ไหน แต่หัวใจเจ้ามีคนที่รักเจ้าคนเดียวก็อุ่นพอแล้ว” กล้าตบบ่าหาญ ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนตนเองไป หาญนิ่งคิดถึงคำพูดทิ้งท้ายของกล้า พลันเขาได้ยินเสียงซอด้วงอ่อนหวานดังขึ้น หาญยิ้มออกมาทันที

ที่บริเวณศาลาริมน้ำ เดือนนั่งมองพระจันทร์พลางสีซอด้วง หาญเดินมาเงียบๆ ฟังอยู่มุมหนึ่งที่ศาลา เดือนเล่นเพลงจบ เก็บซอ หันกลับมาเห็นหาญมองอยู่ก็ตกใจ หาญเอ่ยขึ้น “เพลงเจ้าไพเราะยิ่งนัก ขอบใจนะ” เดือนงง “ขอบใจ...ขอบใจบ่าวทำไมเจ้าคะ” หาญว่า “เพลงของเจ้าปลอบประโลมใจข้า” หาญเข้ามานั่งใกล้ๆ เดือนสังเกตเห็นว่าสีหน้าหาญไม่สู้ดี “บ่าวไม่ทราบว่าคุณหาญไม่สบายใจด้วยเรื่องอันใด แต่หากเพลงซอนี้จะช่วยให้คุณหาญหายหมองใจได้บ้าง บ่าวก็ยินดีเจ้าค่ะ” เดือนชักคันซอออกเตรียมจะเล่นอีก หาญยิ้มอ่อนโยน รู้สึกดีมากที่เดือนช่างสังเกตและเอาใจใส่ “เป็นบุญหูที่ข้าได้ฟังเพลงซอจากเจ้า แลเป็นบุญตาที่ได้พิศดวงหน้าเจ้าท่ามกลางแสงจันทร์ฉายเยี่ยงนี้” เดือนเขินจัด หลบตาเริ่มบรรเลงเพลงซอ หาญนั่งมองเดือน ฟังเพลงอย่างอิ่มเอม หนุ่มสาวนั่งคู่กันที่ท่าน้ำ ความรักเบ่งบานอย่างเงียบๆ ท่ามกลางแสงจันทร์นวลอร่ามนั้น

วันใหม่ หาญเห็นเดือนหยอกล้อกับมั่นดูสนิทสนมกันก็รู้สึกชักจะหมั่นไส้ หงุดหงิดที่เดือนกับมั่นคุยเล่นกัน ด้านสายฝนก็พยายามให้ท่าหยก แต่ก็ถูกกล้าคอยกันท่าอยู่ตลอด สายฝนรู้สึกเซ็งๆ

ที่โรงม้า หยกพาม้าเข้ากรงเรียบร้อยแล้วปิดคอกม้า หันมากล้ามายืนอยู่ใกล้มาก “พี่หยกเป็นอะไรหรือครับ” หยกเลี่ยงไปทางหนึ่ง กล้าอึ้ง คิดว่าเป็นเพราะตัวเอง “พี่หยกเบือนหน้าหนีข้า หากข้าทำอันใดให้พี่หยกหมองใจ ข้าจะไม่อยู่ให้พี่เห็นหน้าอีก” กล้าเดินออกจากโรงม้าไป หยกตกใจรีบดึงมือกล้าไว้ กล้าและหยกมองหน้ากัน ใจเต้นตึงตัง มือไม้สั่นจนต้องปล่อยมือกันและกันด้วยความเขินในใจ หยกบอก “ไม่ใช่เพราะคุณกล้าดอกครับ” กล้าสงสัย “ไม่ใช่เพราะข้า แล้วเหตุอันใดทำให้พี่หยกดูอึดอัดคับข้องเล่าครับ” หยกอึกอัก “พี่..พี่จะพูดได้อย่างไร ในเมื่อน้องสายฝนเป็นน้องสาวคุณกล้า เธอแสดงกิริยาเยี่ยงนั้น ครั้นพี่จะบ่ายเบี่ยงก็เกรงใจน้องกล้า จะหาว่าพี่ตัดไมตรี” กล้าใจชื้นทันที รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก “เรื่องนั้นเอง พี่หยกแสดงออกตามใจตนสิครับ หากว่าพี่หยกมีใจให้น้องสายฝน...” หยกรีบแก้ “โอว...ไม่นะครับน้องกล้า พี่ไม่เคยเสน่หาน้องสายฝนเลยแม้แต่นิด” กล้าแอบดีใจ แกล้งถามออกไป “เช่นนั้น...พี่หยกจะเก็บไมตรีไว้ให้ผู้ใดเล่าครับ” หยกชะงักไปนิด ก่อนจะพูดขึ้น “พี่จะมอบไมตรีให้ใครได้ แต่เล็กจนโตพี่หยกมีเพื่อนเล่นเพียงน้องกล้าคนเดียว” กล้าและหยกยิ้มให้กัน กล้าโล่งใจที่สุด อย่างน้อยตอนนี้ก็มั่นใจว่าหยกไม่ได้ชอบสายฝน กล้าเขิน “ไปร้านกันเถอะครับ เดี๋ยวจะสาย” สองคนเดินยิ้มออกไปด้วยกัน

ด้านเว่ยชิงเห็นอาการของฟ้าหยาดที่หงุดหงิด เหม่อลอย ก็รู้ว่าฟ้าหยาดน่าจะกำลังมีความรักจึงเอ่ยถามว่าใคร ฟ้าหยาดบอกว่าก็คุณชายหาญแห่งใต้หล้า เว่ยชิงตกใจมาก เอ่ยห้ามไม่ให้ฟ้าหยาดรักกับผู้ชายคนนั้นเด็ดขาด รวมถึงผู้ชายทุกๆ คนในใต้หล้า ฟ้าหยาดไม่พอใจ “ทำไมต้องห้ามฉันด้วยอาเว่ย ฉันถูกชะตากับเขา หากมีวาสนา ฉันก็อยากจะร่วมหอกับคุณหาญ” เว่ยชิงเอ่ยทันที “ไม่ได้!” เว่ยชิงไม่อาจทนฟังได้ ตบหน้าฟ้าหยาด ฟ้าหยาดตกใจไม่เคยโดนเว่ยชิงตบมาก่อน เว่ยชิงก็อึ้งและเสียใจเช่นกัน แต่ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ห้าม “อั๊วสั่งเด็ดขาด ไม่ให้ลื้อหมายปองผู้ชายคนใดก็ตามจากใต้หล้า ไม่ได้เด็ดขาด” เว่ยชิงพูดจบก็เดินออกไปทันที ฟ้าหยาดมองตามไม่เข้าใจ กุมแก้มด้วยความเจ็บปวด เจ็บหัวใจ น้ำตาไหลเผาะ

ด้านหาญก็แอบซื้อน้ำปรุงกลิ่นที่เดือนชอบมาให้ เดือนมองขวดน้ำปรุงตกใจ อึ้ง และก็ดีใจมาก รีบกล่าวขอบพระคุณหาญ หาญยิ้มพอใจที่เห็นเดือนมีความสุข

ที่ห้องเก็บของใกล้ครัว เดือนเข้ามาในห้องเก็บของ ซึ่งมีชั้นไห กระปุกดินเผาตั้งเรียงอยู่บนชั้น เดือนนึกถึงแต่หาญ หยิบขวดน้ำปรุงที่เหน็บไว้ที่เอวขึ้นมาดม หาญตามเข้ามา เดือนตกใจหันไปมอง ทำเป็นหันมาหาไหบนชั้น มือก็กำขวดน้ำปรุงแน่น กลัวหาญเห็น “เจ้าหาอะไรรึ เราช่วย” เดือนรีบบอก “มิเป็นไรดอกเจ้าค่ะ คุณหาญไม่ต้องช่วยอะไรบ่าวดอกเจ้าค่ะ” เดือนตกใจที่หาญเข้ามาใกล้มากขึ้น หาญเอ่ยบอกเรื่องฟ้าหยาด เพราะอยากให้เดือนเข้าใจ “ที่ข้าเจอกับหญิงนางโลมที่ร้านน้ำปรุง ข้าก็ไม่ได้ล่วงเลยใดๆ กับนาง ข้าไม่ได้พึงใจหญิงใดๆ ที่คุณแม่จัดหาให้ นอกจาก...” หาญมองเดือน เดือนย้อน “คุณหาญบอกบ่าวทำไมเจ้าคะ” เดือนหันหน้าหนี เขินมาก หาญขยับเข้าไปใกล้ “เพื่อให้เจ้าคลายความสงสัยในตัวข้า” เดือนใจเต้นแรง “บ่าว...ไม่เคยแม้แต่คิดเจ้าค่ะ” หาญแกล้งถาม “เจ้าไม่คิดถึงข้าเชียวรึ เยี่ยงนั้นเจ้าจะหยิบขวดน้ำปรุงที่ข้าให้ไว้ขึ้นมาดูทำไมกัน” เดือนเขินจัด หาญจับมือเดือนขึ้นมาดู ในมือเดือนมีขวดน้ำปรุงอยู่ หาญช้อนหน้าเดือน สบตาเดือนทำอะไรไม่ถูก ตอบไม่ได้ ขมริมฝีปากเพราะเขินมากจนพูดไม่ออก หาญมองริมฝีปากเดือนแล้วค่อยๆโน้มใบหน้าเดือนเข้ามาจุมพิต เดือนตกใจ!

ตอนที่ 5 ออกอากาศวันพุธที่ 10 กันยายน 2557 เวลา 8.00/12.30/20.00น. ทางช่อง 8
ที่บริเวณท่าน้ำ ดาวมองเห็นเดือนเดินถือขวดน้ำปรุงมาด้วยรอยยิ้มก็รู้สึกสงสัย ดาวตรงเข้าไปคาดคั้นเอาความจากเดือนว่าใครเป็นคนให้มา พร้อมกับแย่งขวดน้ำปรุงเอาไป เดือนจะแย่งคืน แต่ดาวไม่ยอมให้ กลับขว้างขวดน้ำปรุงลงไปกลางคลอง ขวดน้ำปรุงลอยอยู่บนผิวน้ำ เดือนซึ่งว่ายน้ำไม่เป็นก็กล้าๆ กลัวๆ ว่าจะลงไปเก็บขวดน้ำปรุงขึ้นมาดีไหม ระหว่างนั้นเอง ดาวก็ช่วยสงเคราะห์ผลักเดือนลงน้ำไป เดือนจึงพยายามตะเกียกตะกายไปเก็บขวดน้ำปรุง ดาวมองเห็นเดือนกำลังจะจมน้ำ จึงแกล้งทำเป็นแหกปากตะโกนให้คนมาช่วย หาญกับมั่นได้ยินเสียงดาวร้องโวยวาย ก็รีบวิ่งมาดูที่ท่าน้ำทันที หาญมาถึงก่อน มองไปเห็นเดือนที่กำลังจะจมน้ำก็รีบกระโจนลงไปช่วยเดือนขึ้นมาทันที หาญอุ้มเดือนขึ้นมาจากน้ำ เดือนยังคงสลบอยู่ แก้วและทุกๆ คนต่างพากันวิ่งตามมาสมทบ หาญเห็นว่าเดือนนิ่งไป จึงคิดช่วยชีวิตด้วย การผายปอด หาญประกบปากไปที่เดือนทันที แก้วและบ่าวไพร่ต่างพากันตกใจ อึ้งในการกระทำของหาญ ไม่นานนักเดือนก็ฟื้นขึ้นมา ทุกคนพากันโล่งใจ หาญรีบชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจทันทีว่าวิธีประกบปากเป็นการช่วยชีวิตคน แก้วจึงหันไปช่วยพูดและสั่งกำชับกับทุกคนว่าไม่ให้นำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปพูดต่อ เพราะกลัวว่าหาญจะเสียหาย

แก้วรู้เรื่องที่เดือนมีน้ำปรุง จึงเอ่ยถาม มั่นรีบแก้ต่างให้เดือนว่าตนซื้อให้ ทำให้เดือนไม่เดือดร้อน หาญรู้สึกแปลกใจที่มั่นช่วยเดือน

บริเวณใกล้ตลิ่ง เดือนกับมั่นจะตรงไปเรือนทาส หาญเหลียวซ้ายแลขวาเห็นว่าไม่มีใครเห็น หาญจึงรีบมาขวางเดือนกับมั่นไว้ เดือนสบตาหาญรู้ทันทีว่าหาญจะมาเรื่องน้ำปรุงที่มั่นโกหก หาญเปิดประเด็นเรื่องน้ำปรุงไปแล้ว กำลังฟังมั่นว่าเหตุใด “บ่าวก็ไม่ทราบดอกขอรับว่านังเดือนมันไปได้น้ำปรุงมาจากที่ใด” หาญมองหน้าเดือน ทั้งสองรู้กันว่าน้ำปรุงนั้นหาญให้เดือนแทนใจนั่นเอง มั่นพูดต่อ “บ่าวพอรู้ขอรับว่าน้ำปรุงเป็นของมีราคาน้ำหน้าอย่างบ่าวหาซื้อไม่ไหว แต่บ่าวก็จำต้องโกหกคุณท่าน เพราะบ่าวไม่อยากให้นังเดือนมันเดือดร้อน ”เดือนเอ่ย “ฉันขอบใจพี่มั่นมากนะจ้ะ” หาญว่า “อย่างไรก็ตาม เราต้องขอบใจเอ็งมากไอ้มั่น ที่โกหกเพื่อปกป้อง...” มั่นขัดขึ้น “นายน้อยก็เห็นแล้วนี่ขอรับ คุณท่านกำชับไม่ให้บ่าวไพร่ในใต้หล้ามักใหญ่ใฝ่สูงเพียงไร” หาญบอก “เราไม่เห็นคิดเช่นนั้น ชนชั้นแค่บทบาททางสังคม ไม่อาจขวางกั้นความรู้สึกได้หรอก” หาญแอบสบตาเดือน เดือนอึ้ง ตกใจ ซึ้งใจในความใจกว้างของหาญ มั่นยังไม่เอะใจในความสัมพันธ์ระหว่างเดือนกับหาญเท่าใดนัก “ไม่จริงดอกขอรับนายน้อย ฟ้ากับดินไม่มีวันเอื้อมถึงกันดอกขอรับ” หาญพยายามอธิบาย “เอ็งไม่เคยเห็นเส้นขอบฟ้าหรือไอ้มั่น เส้นขอบฟ้านั่นไงที่เชื่อมฟ้ากับดินไว้แนบกัน” มั่นยังคงไม่เห็นด้วย “แต่คุณท่านยิ่งใหญ่กว่าเส้นขอบฟ้าขอรับ คุณแม่ของนายน้อยยังไงล่ะขอรับ” มั่นตัดบทอย่างมั่นใจ หาญหน้าเจื่อนไปลงเมื่อนึกถึงแก้ว เดือนก้มหน้า รู้สึกทดท้อในความรักเสียเหลือเกิน จึงตัดสินใจเดินหนีออกไป มั่นรีบตามออกไป หาญมองตามทั้งสองไป แล้วเริ่มคิดหนัก

ขณะที่ดาวก็รู้สึกอิจฉาเดือน เดินเข้าไปนั่งบ่นๆ ในครัวจนทำให้ทุกคนรำคาญ และเอือมระอา ดาว ทำให้ไม่มีใครอยากสนใจดาว

กลางวัน ที่ร้านค้าของแสน แสนจิบน้ำชาอยู่กับซินแสกลางร้านค้าอันโอ่อ่า ซินแสมองที่หน้าร้านเห็นลูกค้ามากมาย อ่ำวิ่งรับลูกค้าแล้วสั่งทาสต่ออีกทีหนึ่ง ซินแสเอ่ยชม “ลูกค้ามากมาย น่าชื่นใจแทนท่านเจ้าสัว” แสนยิ้มชอบใจ “เป็นจริงดั่งที่ท่านซินแสทำนาย ตั้งแต่ลูกหาญกำเนิดมา กิจการของข้าก็ดีวันดีคืน”

ที่มุมหนึ่ง กล้ากำลังตรวจงานคุมบ่าวไพร่อยู่ ได้ยินที่แสนพูด กล้าสีหน้าหมองลงทันที รีบเดินหนีไปทางอื่นไม่อยากฟัง หยกสังเกตเห็นความเศร้าของกล้าก็รีบเดินตามออกไปปลอบใจ แสนไม่เห็นว่ากล้าได้ยินและรู้สึก แสนยังคงแสดงความภาคภูมิใจกับซินแสต่อไป “อีกสองวัน ครบรอบวันเกิดลูกหาญ ข้าขอเชิญซินแสร่วมงานบุญที่ใต้หล้า ข้าอยากให้ท่านซินแสดูดวงให้ตระกูลข้าอีกครั้ง” ซินแสพยักหน้ารับ “ยินดีอย่างยิ่ง งานนี้ข้าจะปรุงยาจีนให้ทุกคนในใต้หล้าตามธาตุแต่ละคน” แสนยิ้ม “ท่านซินแสเทียนช่างมีเมตตา ทุกคำทำนาย ที่ท่านเคยดูไว้กับข้าไม่เคยมีผิดพลาด ข้าก็หวังแต่เพียงประการเดียวให้ท่านพลาด” “คำทำนายที่ผิดพลาด!” ซินแสตกใจ แต่ไม่ได้คิดไปถึงว่าแสนจะปรามาสตน ซินแสคิดว่าแสนต้องมีเรื่องขัดข้องอันใด “คำทำนายที่ท่านซินแสทำนายลูกกล้าว่าลูกกล้าจะนำมาซึ่งความเสื่อมยศของตระกูล ข้าหวังอย่าให้เรื่องนี้เป็นจริง!” ซินแสพยักหน้าเข้าใจ “ตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาทเถิดเจ้าสัว หากอะไรจะเกิด พึงอยู่ในสติแลความเมตตาธรรม!” แสนถอนใจ ยังไม่อยากเชื่อ และก็ประมาทชีวิตเกินไป ซินแสเตือนด้วยความหวังดี ซินแสรู้ดีว่าคำทำนายของตนไม่เคยพลาด แต่ไม่รู้ว่าความอัปยศของกล้านั้นจะมาด้วยเรื่องใด

ที่ตรอกข้างร้านแสน กล้าเสียใจและน้อยใจ เดินมาระบายอารมณ์ทุบมือกับกำแพงตึก ทันใดนั้นหยกก็เขามาจับมือกล้าไว้ ไม่ให้กล้าทุบกำแพงทำร้ายตัวเองอีก“พอเถอะครับน้องกล้า ทำร้ายตัวเองไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด” กล้ายังคงเสียใจ บอก “เรายอมเจ็บตัว ดีกว่าเจ็บใจ” หยกจ้องหน้ากล้า “เห็นน้องกล้าเจ็บ พี่หยกก็เจ็บไปด้วยนะครับ” กล้าอึ้งไป หยกจับมือกล้าไว้ บีบอ่อนโยนอย่างมีใจ “อย่าถือคำทำนายนั่นเลยครับ เก็บไว้ก็ทำร้ายใจน้องกล้า ปล่อยวางไปเถิด” กล้าบอก “เรากลัวว่ามันอาจจะเป็นความจริง” มือกล้ายังอยู่ในมือหยก กล้าสบตาหยกนิ่ง ซินแสเดินผ่านตรอกมา มองเข้าไปเห็นทั้งสอง ซินแสอึ้ง “คุณกล้า เจ้าหยก!” หยกและกล้ารีบปล่อยมือ หันไปกลบสีหน้าพิรุธ กล้าเอ่ยขึ้น “เราโดนมดกัดที่มือ พี่หยกทยาเขียวของซินแสให้ หายบวมทันใจดีจริงครับ” ซินแสพยักหน้ารับเจื่อนๆ “อ๋อ เยี่ยงนั้นเองรึ” หยกรีบรับลูก “งั้น หายเร็วๆ นะครับ คุณกล้า” กล้าพยักหน้ารับ หยกเดินออกไปสมทบซินแสแต่แอบหันหลังกลับมาสบตากับกล้า โดยนึกว่าซินแสไม่เห็น

ที่ศาลเจ้า ซินแสจุดธูปไหว้องค์เทพ แล้วบอกให้หยกมาจุดธูปไหว้ด้วย ซินแสเอ่ยบอก “ต่อหน้าองค์เทพ เจ้าให้วาจากับเจ๊กได้ไหมหยก” หยกงง “ให้วาจา... เรื่องอะไรครับอาเจ๊ก” ซินแสพูดต่อ “หยกจะต้องไม่สนิทกับคุณกล้าไปมากกว่านี้” หยกก้มหน้านิ่ง ซินแสปรายตามองธูปในมือหยก เห็นว่าก้านธูปสั่น ซินแสรู้ทันทีว่าใจหยกไม่สงบและไม่รับ “หยกต้องรักษาระยะห่างจากคุณกล้า ไม่สร้างสะพานทอดสัมพันธ์เกินเลยใดๆ ทั้งสิ้น” หยกสีหน้ากังวล จำใจพยักหน้ารับซินแส แล้วเดินไปปักธูปลงกระถางหน้าเทพเจ้า หยกรู้สึกสับสนอย่างหนักแต่พยายามเก็บอาการไว้ “แค่นี้ใช่ไหมครับอาเจ๊ก...สบายใจแล้วนะครับ” หยกเดินออกไป ซินแสเทียนมองตามหยกที่เดินออกประตูหน้าศาลเจ้าออกไป ซินแสถอนใจ อยู่ๆลมก็วูบพัดเข้ามาจากปากประตู พรึ่บ! พัดเศษธูปของหยกหักลงมา เปลวไฟที่ติดสว่างดับไป ซินแสสังหรณ์ใจวาบ “ชีวิตหนอ สุดแต่ชะตาจะพัดพาไปทางใดจะฝืนดวง มีแต่ฟ้าดินเท่านั้นจะรู้ได้”

ขณะที่แสนก็แอบไปที่หอจันทร์ฉาย เพื่อถามสารทุกข์สุกดิบของเว่ยชิง เมื่อไปถึงก็รู้ว่าอีกไม่นานหอจันทร์ฉายคงจะปิดกิจการ แสนจึงเอาเงินไปให้บุหงา ว่าให้ช่วยนำเงินไปให้เว่ยชิง ทำให้บุหงารู้ว่าแสนไปหอจันทร์ฉายมาอีก บุหงาเกรงว่าแสนจะรู้ความลับเรื่องฟ้าหยาดก็เป็นกังวลใจมาก

และแล้ววันเกิดหาญก็มาถึง ที่ใต้หล้าจัดงานยิ่งใหญ่ แสนพอใจมาก มีเพียงสายฝนที่เคืองแสนว่าไม่ให้ความสนใจเธอเลย เพราะเธอเองก็เกิดวันนี้เช่นเดียวกัน

ด้านแก้วก็ได้เชิญจันทร์ เพื่อนสนิทของแก้วมาร่วมงานด้วย จุดประสงค์ของจันทร์และแก้วก็คือต้องการให้หาญกับบุษบาบรรณซึ่งเป็นลูกสาวของจันทร์ได้แต่งงานกัน บุษบาบรรณ เป็นหญิงงามและดูมั่นใจตัวเองมาก จนหาญรู้สึกอึ้งไปกับท่าทีของบุษบาบรรณ เจ้าสัวแสนกับแก้วอดชื่นชมความเหมาะสมของทั้งสองไม่ได้ ทั้งหาญและบุษบาบรรณได้พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง เพราะบุษบาบรรณไม่ได้ทำให้หาญอึดอัดใจแต่อย่างใด และทั้งสองต่างก็รู้ว่าถูกผู้ใหญ่จับวางตัวให้เป็นคู่กัน ทั้งสองจึงเข้าใจกันดี

ขณะเดียวกัน กล้ากับหยกก็แอบไปพบกันที่โรงม้า ทั้งสองต่างพอใจกันและกัน กล้าเข้าไปลูบแผงคอม้า แล้วพลันก็สะดุ้งวาบ เมื่อมือของหยกที่ทำเป็นลูบคอม้าเช่นกัน แต่มือมาลูบทับมือของกล้า กล้าไม่ดึงมือหนี หยกจับมือลูบแผงคอม้าไปด้วยกัน สายตาสบกันอย่างมีความหมาย

ด้านสายฝนก็อยากจะอวดแสดงการร่ายรำของตัวเอง แต่ทว่านักดนตรีกลับไปกันหมดแล้ว เจียมจึงไปเรียกให้เดือนมาสีซอให้ เพื่อให้สายฝนได้รำอวดแขก

สายฝนตั้งใจรำมาก แต่ทว่าเดือนก็สีซอได้ไพเราะมากเช่นกัน ทำให้แขกเหรื่อชอบใจในการสีซอของเดือน ไม่มีใครสนใจสายฝนเลย สายฝนแค้นใจมาก

สายฝนไปเล่นงานเดือน แต่บุษบาบรรณเข้ามาห้ามไว้ได้ สายฝนไม่พอใจบุษบาบรรณมาก จะตบบุษบาบรรณ เดือนรีบเข้าไปขวาง ทำให้สายฝนตบเดือนเข้าไปฉาดใหญ่ ดาวที่แอบดูอยู่เห็นก็สะใจที่เดือนโดนตบ บุษบาบรรณขู่สายฝนว่าจะเอาเรื่องไปบอกแก้ว สายฝนยิ่งแค้นสะบัดหนีไป

ด้านเมฆก็ตามจีบดาวอยู่ตลอดเวลา แต่ว่าดาวไม่ชอบ รังเกียจเมฆมาก ไม่เล่นด้วย ทำให้เมฆหมั่นไส้ดาวที่เล่นตัว

ที่หอจันทร์ฉาย ฟ้าหยาดอยากจะไปหาหาญที่ใต้หล้ามาก แต่โดนเว่ยชิงกักตัวไว้ และให้คนเฝ้าหน้าห้องไม่ให้ฟ้าหยาดหนีไป ฟ้าหยาดบ่น “อาเว่ยทำร้ายฉัน ทำร้ายหัวใจฉัน ฉันจะไปพบคุณหาญ อาเว่ยอย่ามาห้าม” เว่ยชิงตวาด “อย่าเอ่ยชื่อนั้น อย่าเอ่ยชื่อใต้หล้า” ฟ้าหยาดสวน “ทำไมล่ะ ทำไมฉันจะเอ่ยชื่อใต้หล้าไม่ได้ ทำไมฉันจะไปที่นั่นไม่ได้ ทำไมฉันจะรักคุณหาญไม่ได้” เว่ยชิงไม่รู้จะบอกยังไง เลยพูดตัดบทออกไป “ไม่ได้ก็คือไม่ได้ คำไหนคำนั้น ลื้อจำใส่กะโหลกไว้ฟ้าหยาด หากลื้อไม่เชื่ออั๊ว ลื้อจะเสียใจจนตัวตาย” เว่ยชิงจิ้มหน้าผากฟ้าหยาด สั่งอย่างเด็ดขาด เว่ยชิงอึดอัดมาก ฟ้าหยาดไม่เข้าใจ มองเว่ยชิงที่โมโหสุดๆ เดินออกไป ปิดประตูโครม “นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่อาเว่ยโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ สั่งไม่ให้ฉันข้องแวะกับคุณหาญ มันต้องมีอะไรแน่ๆ”

ตอนที่ 6 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 15 กันยายน 2557 เวลา 8.00/12.30/20.00น.
ริมท่าน้ำ เดือน (ขนมจีน) กำลังบรรเลงเพลงผ่านเสียงซอด้วงอันไพเราะ หาญ (เอี๊ยง) กำลังเครียดที่รู้สึกว่า เจ้าสัวแสน(เต๋า) ผู้เป็นพ่อคาดหวังในตัวตนมากเกิน เลยนั่งปรับทุกข์กับ กล้า(บอล) พี่ชายอยู่อีกฝั่งของบ้าน ระหว่างนั่งคุยกันอยู่หาญก็ได้ยินเสียงเพลงจากซอด้วงดังขั้นจากศาลาริมน้ำท้ายบ้าน จึงเดินตามเสียงเพลงไปก็รู้ว่าเป็นเสียงเพลงซอที่แม่เดือนเป็นคนบรรเลง หาญค่อยๆ เดินเข้าไปหาแม่เดือนอย่างเงียบๆ หาญนั่งมองเดือน ฟังเพลงอย่างอิ่มเอม หนุ่มสาวนั่งคู่กันที่ท่าน้ำ ความรักเบ่งบานอย่างเงียบๆ ท่ามกลางแสงจันทร์นวลอร่ามนั้น

ตอนที่ 7 ออกอากาศวันอังคารที่ 16 กันยายน 2557 เวลา 8.00/12.30/20.00น.
บริเวณท่าน้ำดาว (มด) เห็นเดือน (ขนมจีน) ถือขวดน้ำปรุงที่หาญ (เอี๊ยง) ซื้อให้ก็เกิดอิจฉารีบแย่งขวดน้ำปรุงจากมือเดือนแล้วเขวี้ยงทิ้งลงคลอง เดือนว่ายน้ำไม่เป็นแต่อยากลงไปเก็บขวดน้ำปรุง เดือนจึงสงเคราะห์ผลักเดือนตกน้ำหาญกับมั่นได้ยินเสียงดาวร้องโวยวายก็รีบวิ่งมาดูที่ท่าน้ำทันที หาญมองเห็นเดือนที่กำลังจะจมน้ำก็รีบกระโจนลงไปช่วยเดือนขึ้นมาทันที หาญอุ้มเดือนขึ้นมาจากน้ำและเห็นว่าเดือนนิ่งไป หาญจึงประกบปากผายปวดเพื่อช่วยเดือนทันที

ตอนที่ 8 ออกอากาศวันพุธที่ 17 กันยายน 2557 เวลา 8.00/12.30/20.00น.
ที่มุมหนึ่งภายในใต้หล้า ดาว (มด) เข้าไปใกล้ซินแสสีหน้าดาวเต็มไปด้วยความหวังว่าตัวเองจะได้เป็นเมียของหาญ (เอี๊ยง) ซินแสยิ้มให้ดาว ดาวพลันดีใจยิ้มปลื้ม และหันหน้ามาหา เดือน (ขนมจีน) พร้อมเบะปากเย้ยหยัน เดือนสีหน้าเศร้าสร้อยรู้ว่าตัวเองคงไม่มีทางได้เคียงคู่กับหาญ จึงยินดีกับดาวด้วย แต่ซินแสเทียนทักว่า ดาวมีบุญแต่ไม่ใช่คู่หาญ ทำให้เดือนมีความหวังขึ้น

ตอนที่ 9 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2557 เวลา 8.00/12.30/20.00น.
ในใต้หล้า บ่าวไพร่กำลังวุ่นวายตระเตรียมงานวันเกิดหาญ (เอี๊ยง-สิทธา) และวันเกิดสายฝน (ฝ้าย-ณัฎฐพัชร) ซึ่งเกิดวันเดียวกัน เดือน (ขนมจีน-กุลมาศ) กับ ดาว (มด-ณปภัช) กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องในชุดนางรำเพื่อเตรียมรำถวายแขกผู้ใหญ่ของเจ้าสัวแสน (เต๋า-สมชาย) ฟากแก้ว (นุ้ย-สุจิรา) ชะเง้อคอรอคอยแม่หญิงบุษบาบรรณ (แจม-ชรัฐฐา) มาร่วมงานวันเกิด หมายจะแนะนำให้หาญรู้จักและตั้งใจจะให้แต่งงานกันกับหาญ
 
ตอนที่ 10 ออกอากาศวันอังคารที่ 23 กันยายน 2557 เวลา 8.00/12.30/20.00น.
ริมสวนในใต้หล้า เดือน (ขนมจีน-กุลมาศ) กำลังเก็บดอกไม้ริมรั้วบ้านพลางคิดถึงหาญ (เอี๊ยง-สิทธา) ด้านฟ้าหยาด (ดิว-อริสรา) ที่มาดักรอหาญ ที่ใต้หล้า หาญนั่งรถลากกลับเข้ามาเหลือบมองเห็นเดือนจึงตะโกนเรียกหา ฟ้าหยาดได้ยินเสียงจึงมองหา เมื่อเห็นหาญ ก็วิ่งปรี่เข้าไปหาพร้อมกอดและหอมแก้มหาญ ทำให้เดือนเข้าใจผิด และหึงหาญ

ตอนที่ 11 ออกอากาศวันพุธที่ 24 กันยายน 2557 เวลา 8.00/12.30/20.00น.
ดาว (มด-ณปภัช) หิ้วถังกับผ้าถูบ้านขึ้นมาเรือนใหญ่ กล้า (บอล-วิธวัฒน์) เห็นจึงตะโกนเรียกดาวมาช่วยจัดชายโจงกระเบน พร้อมกลับทำเสียงอ่อย ให้ท่ากล้า ด้านกล้ารู้ตัวว่าดาวให้ท่า จึงแกล้งบอกไปว่าไม่รู้สึกอะไร แล้วหัวเราะเยาะเดินไป ดาวได้แต่กรี๊ดเสียงดัง

ตอนที่ 15 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2557 เวลา 8.00/12.30/20.00น.
“บุหงา” (ตอง-ภัครมัย) ล่วงรู้ว่า“ดาว” (มด-ณปภัช) อิจฉา “เดือน” (ขนมจีน-กุลมาศ) และปองใจที่ “หาญ” (เอี๊ยง-สิทธา) จึงว่าจ้างดาวให้แกล้งมอมเหล้าสาโทเดือน เพื่อหลอกอุ้มเดือนไปให้บ่าวในเรือนอย่าง “เมฆ” (เอ-พศิน) ปลุกปล้ำทำเมียและต้องการให้หาญที่เป็นลูกชายความหวังของ “แก้ว” (นุ้ย-สุจิรา) มาเห็นเพื่อจะได้เข้าใจผิดและเจ็บปวดคิดว่าเดือนเป็นผู้หญิงแพศยาให้ท่าผู้ชาย เมฆอุ้มเดือนมาถึงกระท่อมโดยมีดาวตามมาประกบ เมฆอยากได้ดาวเป็นเมียมากกว่าจึงกอดรัดฟัดหอมดาว ดาวหลบหลีกและสั่งให้ปล้ำเดือนก่อนถึงจะยอมเป็นเมีย

ตอนที่ 16 ออกอากาศวันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2557 เวลา 8.00/12.30/20.00น.
บริเวณริมน้ำในใต้หล้า “กล้า” (บอล-วิธวัฒน์) แอบน้อยใจ “แสน” (เต๋า-สมชาย) ที่ไม่ให้ตนช่วยจัดเตรียมของกำนัลไปขอบคุณเจ้าพระยาขรรค์ชัย ที่รับ “หาญ” (เอี๊ยง-สิทธา) เข้ารับราชการเป็นทหารในรั้วในวัง แอบมาทอดอารมณ์อยู่ริมน้ำคนเดียว “หยก” (แม็ค-จิรายุทธ) ที่เห็นกล้าไม่สบายใจจึงตามมาปลอบใจด้วยความห่วงใยและเสน่หา ทั้งสองคนตัวเริ่มใกล้ชิดกัน ทั้งสองจูบกันโดยไม่รู้ตัว จน “ซินแสเทียน” (อาจารย์วิโรจน์) เข้ามาเห็นทั้งคู่จึงแยกตัวออกจากกันทันที

ตอนที่ 17 ออกอากาศวันพุธที่ 8 ตุลาคม 2557 เวลา 8.00/12.30/20.00น.
บริเวณตลาดสำเพ็งในพระนคร “หาญ” (เอี๊ยง-สิทธา) บังเอิญเดินมาเจอ “บุษบาบรรณ” (แจม-ชรัฐฐา) จึงหยุดเสวนาด้วยเพราะคิดว่าบุษบาบรรณมาเดินตลาดเพียงลำพัง แต่บุษบาบรรณบอกว่ามีผู้ติดตามมาด้วย พร้อมตะโกนเรียก “เดือน” ในคราบของ “ตะวัน” (ขนมจีน-กุลมาศ) เมื่อหาญเห็นตะวันและพลางสบตาก็ตกใจและรู้สึกคุ้นหน้าตะวันเหมือนเคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน เดือนในคราบตะวันหลบสายตาของหาญเพราะยังรู้สึกเสียใจที่ทำให้หาญผิดหวังในตัวเองเรื่องที่ทุกคนคิดว่าได้เสียกับเมฆ

ตอนที่ 18 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2557 เวลา 8.00/12.40/20.00น.
หลังจาก “ดาว” (มด-ณปภัช) หอบเสื้อผ้าขึ้นมาอยู่กับ “หาญ” (เอี๊ยง-สิทธา) บนเรือนใหญ่ แต่ก็ต้องหัวเสียที่ยั่วยวนและอ่อยหาญหมายจะพลีกายให้ไม่สำเร็จ จึงเดินหงุดหงิดอยู่คนเดียวบริเวณลานบ้านในใต้หล้า “เมฆ” (เอ-พศิน) ที่ซุ่มมองดาวโผล่เข้ามาดักฉุดดาวแล้วอุ้มเข้าไปในห้อง ทั้งกอดรัดฟัดหอมดาวอย่างหื่นกระหายจนดาวดิ้นไม่หลุดเสียสาวตกเป็นเมีย

ตอนที่ 19 ออกอากาศวันอังคารที่ 14 ตุลาคม 2557 เวลา 8.00/12.40/20.00น.
ณ ตลาดสำเพ็ง “หาญ” (เอี๊ยง-สิทธา) พึ่งกลับจากงานราชการจึงมาเดินเล่นที่ตลาดสำเพ็ง บังเอิญเหลือบไปเห็น “ตะวัน” (ขนมจีน-กุลมาศ) ที่มาช่วย “บุษบาบรรณ” (แจม-ชรัฐฐา) ถือของหาญตะโกนเสียงดังร้องเรียกตะวันเพราะตั้งใจจะถามถึงแม่เดือน แต่ตะวันกลับจ้ำอ้าววิ่งหนีหาญจนบุษบาบรรณเห็นพลางช่วยตะโกนเรียก ระหว่างที่หาญกำลังวิ่งตามตะวัน ไม้ค้ำนั่งร้านก่อสร้างบ้านเรือนเขยิบง่อนแง่นกำลังจะตกใส่บุษบาบรรณ หาญเห็นเข้าจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยบุษบาบรรณทันที บุษบาบรรณอยู่ในอ้อมกอดของหาญที่กอดไว้แน่น

ตอนที่ 20 ออกอากาศวันพุธที่ 15 ตุลาคม 2557 เวลา 8.00/12.40/20.00น.
ห้องโถงในใต้หล้า “แสน” (เต๋า-สมชาย) และ “แก้ว” (นุ้ย-สุจิรา) เกิดวิตกกลัว “หาญ” (เอี๊ยง-สิทธา) จะเสียงานราชการจึงตัดสินใจให้ทั้งสองแต่งงานกัน หาญไม่ได้มีใจรักในตัวบุษบาบรรณแต่ยอมทำตามเพราะความรับผิดชอบ หาญและบุษบาบรรณเข้าพิธีรดน้ำสังข์เพื่อความเป็นสิริมงคลท่ามกลางญาติผู้ใหญ่และบ่าวไพร่ในเรือน ฟาก “เดือน” (ขนมจีน-กุลมาศ) ที่อยู่ในคราบของตะวัน ก็แอบน้ำตาตกร้องไห้เสียใจที่เห็นคนที่ตัวเองรักแต่งงานกับคนอื่น

ตอนที่ 21 ออกอากาศวันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม 2557 เวลา 8.00/12.40/20.00น.
“หาญ” (เอี๊ยง-สิทธา) เข้าพิธีแต่งงานกับ “บุษบาบรรณ” (แจม-ชรัฐฐา) ทั้งที่หาญไม่ได้มีใจรักในตัวบุษบาบรรณแต่ยอมทำตามเพราะความรับผิดชอบ ทั้งสองยกถ้วยน้ำชาแบบจีนให้ “แสน” (เต๋า-สมชาย) และ “แก้ว” (นุ้ย-สุจิรา) เพื่อความเป็นสิริมงคลท่ามกลางญาติผู้ใหญ่และบ่าวไพร่ในเรือน ฟาก “เดือน” (ขนมจีน-กุลมาศ) ที่อยู่ในคราบของตะวัน ก็แอบน้ำตาตกร้องไห้เสียใจที่เห็นคนที่ตัวเองรักแต่งงานกับคนอื่น

ตอนที่ 22 ออกอากาศวันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2557 เวลา 8.00/12.40/20.00น.
“ซินแสเทียน” (อาจารย์วิโรจน์) ส่งตัว “หยก” (แม็ค-จิรายุทธ) ไปอยู่ปากน้ำโพเพื่อจับหยกแยกกับ “กล้า” (บอล-วิธวัฒน์) แต่ระยะทางก็ไม่เป็นอุปสรรคของความรักวิปริตผิดเพศ เมื่อทั้งคู่ต่างทนคิดถึงและต้านแรงรักที่สุมอยู่ในใจไม่ไหวแอบมาหาและลักลอบได้เสียกันแบบผิดประเวณีชายรักกับชายในร้านขายข้าวที่กล้าดูแลอยู่ “แสน” (เต๋า-สมชาย) เกิดเป็นห่วงร้านขึ้นมาจึงมาดูโดยมี “สายฝน” (ฝ้าย-ณัฎฐพัชร) ขอตามมาด้วย เลยเห็นทั้งคู่นอนกอดก่ายได้เสียกัน แสนผิดหวังและเสียใจมาก

ตอนที่ 23 ออกอากาศวันพุธที่ 22 ตุลาคม 2557 เวลา 8.00/12.40/20.00น.
“ดาว” (มด-ณปภัช) ทำพิธีเสน่ห์ยาแฝดใส่ “หาญ” (เอี๊ยง-สิทธา) เสร็จ ดาวนั่งอ้อยสร้อยชะเง้อรอหาญอยู่หน้าเรือนเมื่อรู้ว่าหาญเดินมา ดาวแสร้งนำน้ำปรุงมาลูบไล้พลางปรายสายตายั่วยวนอ่อยหาญแล้วประคองพามานั่งลงที่แคร่นอน หาญจ้องมองดาวอย่างพิศวาสจากฤทธิ์ยา ดาวได้ทีแอบหยิบยาเสน่ห์มาป้ายหาญ แล้วป้ายซอกคอตัวเอง พลางโผกอดหาญ หาญซบลงสูดกลิ่นยาเสน่ห์ที่ซอกคอแล้วเริ่มคุมสติตัวเองไม่อยู่หาญซุกหน้าไซ้ชอนไชเรือนร่างของดาว ดาวได้แต่ร้องครางด้วยความหฤหรรษ์ใบหน้ายิ้มมีความสุขเหลือเกิน

ตอนที่ 24
หาญตามออกมาจากในโรงเก็บของ กำลังติดกระดุมเสื้อผ้าไปด้วย ดาวเห็นท่าทีของหาญกับเดือนนึกรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ดาวมองเดือนน้ำตาเอ่อด้วยความคั่งแค้น เดินตรงเข้าไปตบไม่เลี้ยง จนบุษบาบรรณมาเห็นแล้วห้ามไว้ ทุกคนชะงักงัน บุษบาบรรณเดินเข้ามามองอาการทุกคน “เกิดอะไรขึ้นรึ ทำไมต้องลงไม้ลงมือกับแม่เดือนด้วย” เดือนทรุดลงกับพื้นเพราะเข่าอ่อน รู้สึกผิดกับบุษบาบรรณ ดาวกระหยิ่ม ยังไม่ฟ้องบุษบาบรรณทันที แสร้งปดเป็นเรื่องอื่น “อิฉันแค่สั่งสอนให้มันรู้จักที่ต่ำที่สูงเท่านั้นแหละเจ้าค่ะ” ดาวมองจิกเดือน “คนมันไม่เจียมกะลาหัว” บุษบาบรรณว่า “แต่แม่เดือนเป็นคนของเรา หากมีอะไรเราก็ควรสอบความเองมิใช่รึ แล้วอีกอย่างคุณหาญก็อยู่ทั้งคน ทำไมแม่ดาวมิให้คุณหาญว่ากล่าวตักเตือนเอง” หาญอ้ำอึ้ง ดาวมองหาญกับเดือนเยาะๆ “คุณหาญคงจะลงโทษกันมาแล้วกระมังเจ้าคะ อิฉันขอตัวล่ะเจ้าค่ะ” ดาวมองแบบถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะเดินออกมา เดือนรู้สึกผิดจนพูดอะไรไม่ออก หาญเห็นบุษบาบรรณจ้องมองเดือนเลยรีบแก้เก้อ “เมื่อครู่แม่เดือนต้มยาให้แล้วล่ะ ใช่ไหมแม่เดือน” เดือนก้มหน้ารับคำ “เจ้าค่ะ” หาญหันไปบอก “คุณบุษกลับไปรอที่ห้องเถิด ประเดี๋ยวผมจะยกตามไป” บุษบาบรรณจ้องมองเดือน เห็นมีเลือดซึมๆที่มุมปาก บุษบาบรรณตรงเข้าไปจับหน้าเดือนเชยขึ้นมามองเห็นแผล “แม่เดือนคงเจ็บแย่สินะ มา...ประเดี๋ยวเราเอายาทาให้” แต่เดือนอายเหลือทนกับสิ่งที่ทำลงไปรีบบอก “มิเป็นไรเจ้าค่ะ บ่าวดูแลตัวเองได้เจ้าค่ะ คุณบุษกลับเรือนเถอะเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวบ่าวจะวานน้าเอื้อยเอายาไปให้นะเจ้าคะ” เดือนผละออกจากบุษบาบรรณแล้วรีบเดินออกไป หาญมองตามเดือนอย่างเป็นห่วง บุษบาบรรณมองตามแอบสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นดาวเข้าห้องมาปิดประตูห้องแล้วร้องกรี๊ดดดด!!!เสียงดัง ด้วยความแค้น

เช้าวันใหม่ เดือนเดินมาที่เรือนครัวสวนกับเอียดที่ยกสำรับอาหารสวนไป ที่ถาดอาหารมีชามยาของบุษบาบรรณอยู่ด้วย เดือนไม่ทันสังเกต เอียดร้องทักขึ้น “อ้าวนังเดือน ลุกไหวแล้วรึ เห็นคุณบุษว่าไม่ค่อยสบาย” เดือนว่า “ไม่เป็นไรแล้วจ้ะ นั่นสำรับใครรึพี่เอียด” เอียดบอก “ของคุณบุษน่ะ” เอียดเดินผ่านไป เดือนตรงไปที่เตาเคี่ยวยา

ที่เตาเคี่ยวยา ดาวเอายาพิษค่อยๆ หยดใส่ในหม้อเคี่ยวยา เดือนเข้ามาคว้าข้อมือดาวไว้ จับได้คาหนังคาเขา “นังดาว” เดือนดึงขวดยาออกจากมือดาวตบดาวแบบไม่ทันตั้งตัว “อ๊าย! อีเดือน...ฉันเจ็บนะ” เดือนจ้องหน้าดาวเอาเรื่อง “ข้าจะทำให้เจ็บจะได้สำนึกยังไงล่ะ จิตใจแกมันทำด้วยอะไรถึงได้เอายาพิษมาใส่ในหม้อเคี่ยวยาของคุณบุษแบบนี้” ดาวทำไม่รู้ไม่ชี้ “ยาพิษอะไรที่ไหนเอ็งอย่ามาใส่ความข้านะ” เดือนยกให้ดู “ยานี่ยังไงล่ะ เอ็งใส่ยาลงไปในหม้อ เมื่อไหร่เอ็งจะเลิกทำชั่วสักทีนังดาว” ดาวยิ้มเยาะ “หึๆ เอ็งว่าข้าชั่ว แล้วที่เอ็งมีอะไรกับคุณหาญล่ะไม่เรียกว่าชั่วรึอย่างไรกัน เอาสิ ถ้าเอ็งพูดเรื่องข้า ข้าก็จะพูดเรื่องเอ็งให้คุณบุษได้รู้ว่าเอ็งนอนกับคุณหาญ คนใกล้ตัวคิดทรยศ คงเจ็บปวดแทบกระอักเลือดล่ะคราวนี้” เดือนรีบร้องห้าม “ไม่นะ แกจะทำแบบนั้นกับคุณบุษไม่ได้นะ” ดาวยิ้มร้าย “ถึงจะห้ามตอนนี้ก็คงสายไปแล้ว เพราะป่านนี้นังเอียดมันคงเอายาถ้วยนั้นให้นังบุษกินแล้วล่ะ” ดาวหัวเราะสะใจ “ฮ่าๆๆๆ ” เดือนตกใจรีบวิ่งออกไปทันที

หาญนั่งมองเหม่อ คิดถึงเรื่องเมื่อคืนที่ตนเองมีอะไรกับเดือนแล้วถอนใจ หันไปมองเห็นบุษบาบรรณที่กำลังจะทานยา หาญจึงรีบเข้าไปช่วย หาญหยิบถ้วยยายื่นให้ บุษบาบรรณยกถ้วยยาขึ้นมองดูก่อนจะกลั้นใจยกขึ้นจะดื่ม

เดือนในมือกำขวดยาพิษที่ยึดจากดาวมาด้วย วิ่งพรวดเข้ามาพร้อมเสียงห้าม “อย่าดื่มนะเจ้าคะ” เดือนถือวิสาสะเข้าไปคว้ามาจากบุษบาบรรณ บุษบาบรรณกับหาญมองเดือนงงๆ “อะไรกันแม่เดือน” เดือนรีบบอกอย่างร้อนรน “ดื่มไม่ได้เจ้าค่ะ ในชามนี้มียาพิษ” หาญกับบุษบาบรรณตกใจ “ยาพิษอย่างนั้นรึ” ดาวโผล่เข้ามา “ใช่เจ้าค่ะ อิฉันจับได้ว่านังเดือนมันใส่ยาพิษลงในยาของคุณบุษ มันก็เลยรีบลนลานแกล้งทำมาห้าม เพื่อให้ตัวพ้นผิดเจ้าค่ะ” เดือนสั่นหัว หาญไม่เชื่อที่ดาวพูด “โกหก” หาญโกรธดาวที่ปรักปรำเดือน ดาวยิ้มสู้ “ขวดยาก็อยู่ในมือมันนั่นยังไงเจ้าคะ” บุษบาบรรณกับหาญมองที่มือดาวที่กำขวดยาอยู่ เดือนตกใจนึกได้ ค่อยๆ แบมือออกมา ขวดยาอยู่ที่มือจริงอย่างที่ดาวบอก “แล้วทำไมคุณหาญต้องปกป้องนังเดือนด้วยเจ้าคะ คุณหาญคิดอะไรกับนังเดือนมันเกินเลยกว่านายบ่าวหรืออย่างไรเจ้าคะ”หาญตัวชารีบหันมองบุษบาบรรณ “เราเปล่า...ปกป้องแม่เดือน” ดาวยิ้มอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า “งั้นหลักฐานคาตาแบบนี้ ถ้ามันไม่ได้ทำแล้วใครจะทำเจ้าคะ” เดือนโพล่งออกมา “ฉันไม่ได้ทำ” ดาวว่า “ถ้ามั่นใจว่าไม่ได้ทำก็กินยานั่นเสียสิ ถ้าแกบริสุทธิ์ใจจริงๆ แกก็ต้องกินมัน” เดือนมองดาวอย่างเจ็บใจ ก้มมองที่ยาแล้วกลั้นใจดื่ม ดาวมองอึ้ง สักพักเดือนกระอักเลือดออกมา ทั้งหมดตกใจ “ยานี่มีพิษ!!” หาญเข้าไปจับเดือน “แม่เดือน” เดือนกระอักเลือดออกมาอีก เดือนกระเสือกกระสนรีบออกไปจากบุษบาบรรณและหาญบุษบาบรรณมองเดือนอึ้งๆ พูดไม่ออกจะเป็นลม หาญต้องเข้าไปประคอง “นี่มันอะไรกัน” ดาวบอก “อีเดือนมันคิดจะวางยาพิษคุณบุษเจ้าค่ะ” หาญกับบุษบาบรรณตกใจ “ไม่! แม่เดือนไม่มีทางทำร้ายเรา” ดาวใส่ไฟทันที “มันก็อาจมีเหตุผลบางอย่างที่คุณบุษอาจคาดไม่ถึงน่ะสิเจ้าคะ เหตุผลที่มันคิดอยากเทียบเท่าคุณบุษยังไงล่ะ” หาญมองดาวอึ้ง บุษบาบรรณก็อึ้ง ดาวแอบยิ้มสะใจ

ตอนที่ 25
เดือนวิ่งไปอ้วกตรงโอ่งหลังเรือนครัวจนหมด เอื้อยเห็นก็ร้องถาม “เป็นอะไรนังเดือน ท่าไม่ดีเลย นังชื่น ช่วยกันหน่อย” ชื่นจึงรีบหาไข่ขาวส่งให้เอื้อย เอื้อยจับกรอกไข่ขาวเข้าไปอีก เดือนอ้วกออกจนหมดแรง ตอนนี้สภาพของเดือนดูแย่มาก ทั้งเอื้อยและชื่นมองเดือนอย่างเป็นกังวล

ที่เรือนทาส มั่นช่วยพยุงเดือนกลับมานั่งพักที่ตั่ง ชื่นเตรียมหมอนไว้รอ มั่นพยุงให้เดือนมานั่งพิงแล้วเอายาถอนพิษที่ซินแสเทียนให้ไว้สำหรับบุษบาบรรณมาให้เดือนกินก่อน

หาญนั่งซึมอยู่ที่ศาลาท่าน้ำ มองดูเงาพระจันทร์สะท้อนในน้ำ ดวงตาเศร้าคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า หาญรู้สึกกังวล “เจ้าคงไม่ทำอย่างที่แม่ดาวว่าใช่ไหม” ฟ้าหยาดเดินผ่านมา เห็นหาญนั่งซึมอยู่คนเดียว ก็เดินเข้าไปทักทาย “อาการของคุณบุษเป็นอย่างไรบ้างล่ะ” หาญหันมามองเห็นเป็นฟ้าหยาด “ยังไม่ดีขึ้นเลยขอรับ เพิ่งกินยาบำรุงแล้วก็หลับไป” ฟ้าหยาดลงนั่งใกล้หาญ มองเห็นว่าหาญดูเศร้าซึมเลยตัดสินใจเอ่ยถาม “บ่าวในเรือนเล่าให้พี่ฟังว่าแม่เดือนวางยาคุณบุษ แม่เดือนกลัวผิดเลยต้องกินยานั่นเสียเองจริงรึ” หาญพยักหน้า ฟ้าหยาดถามต่อ “แล้วน้องหาญเชื่อรึว่าแม่เดือนจะทำเยี่ยงนั้นจริงๆ” หาญถอนใจ “กระผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน แต่เหตุการณ์มันชวนให้คิดให้สงสัย แล้วที่หนักกว่านั้น คือ แม่เดือนเองก็ไม่ค้านที่แม่ดาวกล่าวหา กระผมเลยไม่รู้ว่าจะเชื่อใครดี” ฟ้าหยาดว่า “ถ้าคุณพ่อยังอยู่ก็คงจะเรียกมาสอบความทั้งสองฝ่ายทั้งแม่เดือนและแม่ดาว น้องหาญเองก็ควรจะทำเช่นนั้นมิใช่รึ” หาญคิดตามที่ฟ้าหยาดพูดแล้วยิ้มขึ้น “กระผมดีใจที่ได้คู่คิดอย่างพี่ฟ้าหยาดมาอยู่เคียงข้าง ขอบคุณพี่ฟ้าหยาดมากนะขอรับที่เตือนสติกระผม” ฟ้าหยาดยิ้มตอบ “จะทำอะไรต้องใช้สติ คิดให้รอบคอบ อย่าตัดสินคนเพียงแค่ตาเห็น จำไว้นะ” ฟ้าหยาดลุกเดินออกไป หาญยืนส่ง มองไปทางเรือนคนใช้ก่อนจะเดินออกไป ดาวแอบซุ่มมองอยู่แววตาสงสัยใคร่รู้รีบตามหาญไป

หาญเดินมาที่เรือนทาส เห็นมั่นนอนเฝ้าเดือนอยู่หน้าเรือน หาญเข้าไปขอคุยกับเดือนตามลำพัง ดาวแอบดูรู้สึกเจ็บใจ ก่อนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ รีบออกไปทันที

บุษบาบรรณตื่นมาไอไม่เจอหาญ จึงค่อยลุกขึ้นมองหา เสียงเคาะประตูดังขึ้น บุษบาบรรณหันมอง เสียงดาวดังขึ้น “ดาวเองเจ้าค่ะ” บุษบาบรรณเลยบอกให้ดาวเข้ามา “มีอะไรรึ” ดาวแกล้งทำท่าเจียมตัว “อิฉันรู้ว่าเมื่อเช้าคุณบุษไม่เชื่อสิ่งที่อิฉันพูด อิฉันเลยจะมาพาคุณบุษไปดูให้เห็นกับตา ว่าแท้จริงแล้วคุณบุษโดนนังเดือนกับคุณหาญสวมเขาให้อยู่เจ้าค่ะ” ดาวมองดูบุษบาบรรณนิ่งๆ แกล้งเปรย “แต่... ถ้าคุณบุษไม่รับความหวังดีจากอิฉันก็ไม่เป็นไรนะ เจ้าคะ” บุษบาบรรณอึ้ง พยายามระงับอารมณ์ไม่ให้ดาวเห็นว่าเสียใจ “เจ้าน่ะรึ จะหวังดีกับเราจริงๆ” ดาวบอก “ที่ผ่านมา คุณบุษอาจจะมองอิฉันไม่ดีในสายตา แต่ครานี้อิฉันจริงใจกับคุณบุษ ไม่อยากเห็นคุณบุษโดนคนที่เชื่อใจทั้งสองคนทรยศเจ้าค่ะ” ดาวตีหน้าเศร้า “คุณบุษกำลังท้อง อิฉันเองก็กำลังท้องเราสองคนตกที่นั่งเดียวกันนะเจ้าคะ” บุษบาบรรณนิ่งคิด ก่อนจะตอบ “ก็ได้...เราจะลองไป แต่ถ้าไม่เป็นอย่างที่เจ้าพูดมา ขอให้เจ้าหยุดว่าร้ายแม่เดือนได้แล้ว” ดาวรีบพยักหน้า“เจ้าค่ะ” ดาวกระหยิ่มในใจ บุษบาบรรณเดินออกไปจะถึงประตู ดาวแกล้งทัก “คุณบุษเอาผ้าแพรไปด้วยดีกว่านะเจ้าคะน้ำค้างแรงนัก ประเดี๋ยวอิฉันหยิบให้” ดาวหยิบผ้าแพรคลุมที่พาดอยู่ ดาวแอบเอาผงยาโรยใส่ผ้าคลุมแล้วเหลือบเห็นถาดยาพร้อมเหยือกน้ำของบุษบาบรรณ ดาวรีบเอาผงยาเทใส่ในเหยือกน้ำ ยิ้มร้าย ก่อนรีบตามออกไป

ที่เรือนทาส หาญเข้ามาดูอาการเดือนที่นอนซมอยู่ เดือนลืมตามาเห็นหน้าหาญก็ตกใจ ถดตัวหนีหาญจับตัวไว้ “เราไม่เชื่อสิ่งที่แม่ดาวพูดนะ...แม่เดือน แต่ทำไม ทำไมแม่เดือนถึงไม่ปฏิเสธไป” เดือนหลบตา “คุณหาญก็น่าจะทราบดีว่าเพราะอะไร” หาญไม่พอใจ “มันมีเรื่องอะไรที่สำคัญกว่าชีวิตเจ้างั้นรึ แม่เดือน” เดือนน้ำตาคลอ “มีสิเจ้าคะ หากแม่ดาวโกรธแล้วบอกเรื่องคืนนั้นของเรากับคุณบุษ คุณบุษเธอจะทำอย่างไร มันเป็นความผิดของบ่าวเองที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้คุณหาญง่ายๆ” บุษบาบรรณคลุมศีรษะด้วยผ้าแพรกันน้ำค้าง เข้ามาเห็นสองคนชะงักหยุดฟัง “ถ้างั้นเราก็ผิดเหมือนกัน ที่ไม่อาจตัดใจจากเจ้าได้เลยแม่เดือน” หาญเข้าไปกอดเดือน “แม่เดือนรู้ไหมว่าเรารักแม่เดือนมากแค่ไหน ไม่ว่าเราจะมีใครสักกี่คนเราก็ยังรักแม่เดือนคนเดียว คนเดียวจริงๆ” หาญเชยหน้าเดือนขึ้นมามองตากัน “เรารักแม่เดือนมากเหลือเกิน” เดือนมองหาญด้วยหัวใจรักเต็มเปี่ยม หาญก้มมาจูบเดือน บุษบาบรรณช็อก นิ่งอึ้งไป ดาวแอบดูสะใจ เดือนผละออก “อย่าลืมสิเจ้าคะ คุณบุษคือคู่ชีวิตของคุณหาญนะเจ้าคะ” บุษบาบรรณฝืนใจพูดขึ้น “หากเราตายคุณหาญกับแม่เดือนคงจะสมใจสินะ” หาญกับเดือนตกใจ หันมาเห็นบุษบาบรรณที่มีเลือดไหลจากจมูกลงมา “คุณบุษ!!!” บุษบาบรรณพูดทั้งน้ำตา “เราขอโทษด้วยนะที่เข้ามาทำให้ทั้งสองคนเป็นทุกข์ มีความสุขกันต่อไปเถอะ เราขอโทษจริงๆ” บุษบาบรรณเดินหนีออกมา แต่ทนสภาพตัวเองไม่ไหวเป็นลมฟุบลงไปกับพื้นนิ่ง หาญกับเดือนตกใจอย่างที่สุด หาญรีบเข้าไปช่วย ดาวแอบมองทุกคนสะใจ

ตอนที่ 26
หาญพาบุษบาบรรณกลับมาที่ห้อง หยิบเหยือกน้ำที่ดาวใส่ผงยาไว้เทใส่อ่างเล็ก หาญเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้บุษบาบรรณเพื่อเอาเลือดที่เปื้อนหน้าออก หาญมองดูใบหน้าบุษบาบรรณที่ซีดเซียวด้วยความกลุ้มใจ หาญกำมือบุษบาบรรณ เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก้มหน้าฟุบลงน้ำตาไหล “กระผมขอโทษ” น้ำตาหาญหยดลงบนมือของบุษบาบรรณ บุษบาบรรณรู้สึกตัว ลืมตามามอง เห็นหาญที่อยู่ข้างๆ พร่ำพูดคำขอโทษ บุษบาบรรณมองดูหาญ บุษบาบรรณไม่พูดอะไรหลับตาลง น้ำตาไหลออกมา

บรรยากาศรุ่งสาง หาญนั่งอยู่ริมหน้าต่างทั้งคืน คิดเรื่องที่เกิดขึ้น บุษบาบรรณไอ หาญหันมามองเห็นบุษบาบรรณนอนขดเพราะหนาว หาญรีบลุกเข้ามาหาที่เตียง บุษบาบรรณตัวสั่น ตามตัวบุษบาบรรณเป็นส่าไข้จุดแดงๆ เล็กๆ เต็มไปหมด หาญตกใจ จับตัวบุษบาบรรณที่ร้อนมาก “คุณบุษ” หาญรีบเอาผ้าห่มคลุมให้บุษบาบรรณ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหายหนาว หาญรีบลุกไปหยิบผ้าที่กรุมาเพิ่ม หาญเปิดกรุมีฝุ่นผงฟุ้งไปทั่ว หาญแปลกใจยกผ้ามาสลัดก่อนจะห่มให้ บุษบาบรรณเสียงแหบแทบไม่มีเสียงขอน้ำหาญรีบไปหยิบแก้วน้ำเทน้ำจากเหยือกใส่แก้ว ขอบแก้วมีผงสีขาวๆ ที่ขอบ หาญเอาน้ำให้บุษบาบรรณดื่ม ประคองบุษบาบรรณขึ้นมาดื่มน้ำดื่มเสร็จหาญส่งผ้าซับปากให้ บุษบาบรรณไอทันที มีเศษเลือดติดที่ผ้า บุษบาบรรณตกใจ หาญเห็นสีหน้าบุษบาบรรณก็รีบถาม “คุณบุษเป็นอย่างไรบ้าง” บุษบาบรรณรีบเก็บผ้าไม่ไห้หาญเห็น แล้วสะบัดตัวหนี “ไม่ต้องมาเสียเวลาดูแลบุษหรอกเจ้าค่ะ” หาญว่า “คุณบุษอย่าเพิ่งพูดอะไรเลย นอนพักก่อนเถอะนะ” หาญพยายามประคองบุษบาบรรณลงนอน สักพัก บุษบาบรรณปวดท้องอย่างหนัก “โอ๊ย ปวดท้องเหลือเกิน” หาญตกใจทำอะไรไม่ถูก ออกไปตะโกนบอกที่หน้าห้องให้ตามซินแสเทียน หาญกลับมาที่เตียง บุษบาบรรณนอนตัวบิดตัวงอไปมา เห็นมีรอยเลือดบนที่นอน หาญเปิดผ้าห่มออกเห็นเลือดเปื้อนจากผ้าถุง บุษบาบรรณแท้งลูก หาญช็อก “คุณบุษ” หาญตกใจ

บุษบาบรรณนอนตัวซีดเป็นส่าไข้ จุดแดงๆเล็กๆ เต็มไปหมด มีเลือดออกจากจมูก ตามผิวหนังเป็นผื่นแดงๆ มีเลือดซึมตามผิวหนัง เอื้อยกับชื่นช่วยกันซับเลือดที่ซึมออกมาเหมือนเหงื่อออก ซินแสเทียนตรวจอาการบุษบาบรรณแล้วตกใจ

ที่หน้าห้องนอนบุษบาบรรณ ทุกคนตั้งใจฟังที่ซินแสเทียนพูด “อาการลักษณะแบบนี้เหมือนโดนยาพิษ” ทุกคนตกใจมาก “หา!!! ยาพิษ” ซินแสเทียนถามขึ้น “มีอะไรแปลกปลอมนอกจากอาหารที่แม่บุษกินรึไม่” เอื้อยพยายามนึก “มียาบำรุงครรภ์ที่นังเดือนต้มให้คุณบุษกินทุกวันเท่านั้นแหละเจ้าค่ะ”ซินแสเทียนถามต่อ “แล้วยาถอนพิษที่อั๊วให้ไว้ล่ะ ทำไมไม่เอาให้แม่บุษกิน” เอื้อยหน้าเสีย “เออ คุณบุษเธอเอายาที่เหลือให้นังเดือนกินจนหมดแล้วเจ้าค่ะ” ซินแสประหลาดใจ “แม่เดือนจะต้องกินยาทำไมกัน” เอื้อยจำต้องบอก “มันกินยาพิษเข้าไปน่ะเจ้าค่ะ” แก้วเพิ่งรู้ความ ตกใจ “เดี๋ยว ยาพิษอะไร ที่ไหน” ดาวได้ทีรีบพูด “เมื่อวานนี้อิฉันจับได้ว่านังเดือนมันใส่ยาพิษลงในยาบำรุงของคุณบุษเจ้าค่ะ มันกลัวความผิดเลยยกดื่มเองจนหมดเจ้าค่ะ” แก้วได้ฟังแบบนั้นก็โมโห “อะไรกัน ทำไมไม่มีใครคิดจะบอกอะไรฉันบ้าง หรือเห็นฉันไม่สำคัญ ไม่ใช่เจ้าสัว เลยไม่มีใครสนใจรึอย่างไร” หาญแก้ตัว “ไม่มีใครคิดแบบนั้นดอกขอรับคุณแม่ ทุกคนไม่อยากให้คุณแม่ไม่สบายใจก็เลยไม่ได้เรียนให้ทราบขอรับ” แก้วหันมาถามซินแสเทียน “ยาพิษที่แม่บุษโดน คือ ยาอะไรรึเจ้าคะท่านซินแส” ซินแสเทียนบอก “ยาสั่ง!!!” ดาวรีบแทรกขึ้น “คุณแก้วเจ้าคะ ฝีมือนังเดือนแน่ๆ เจ้าค่ะ มันเอายาเอาน้ำให้คุณบุษกิน มันเจ้ากี้เจ้าการทำเพียงคนเดียวไม่ให้ใครยุ่ง ต้องเป็นมันแน่ๆ เจ้าค่ะ” ซินแสเทียนหันไปบอกเอื้อยให้ไปยกสำรับยาและน้ำในห้องมาตรวจดู ก็พบว่าเป็นยาพิษ ดาวได้ทีรีบบอกว่าเดือนเป็นคนวางยา พอดีเอื้อยร้องบอกว่าบุษบาบรรณแย่แล้ว ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะหาญ ดาวยิ้มร้ายสมใจ ทุกคนกรูเข้ามาในห้อง มองเห็นบุษบาบรรณอาการแย่ลง หาญรีบเข้ามาประคอง บุษบาบรรณกระอักเลือดออกมา ทุกคนสงสารบุษบาบรรณ

เดือนเดินเข้ามาเห็นบุษบาบรรณถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ เพราะคิดไม่ถึงว่าแค่ชั่วข้ามคืนบุษบาบรรณจะอาการหนักเพียงนี้ เดือนผวาเข้าหาบุษบาบรรณที่ข้างเตียง “คุณบุษเจ้าคะ คุณบุษป็นอะไรไปเจ้าคะ...คุณบุษ” ดาวเข้ามากระชากหัวเดือนทำทีเป็นโกรธแทน แล้วตบตีเดือน แก้วร้องสั่งให้หยุด เดือนถลาไปตรงเตียง บุษบาบรรณมองเห็นเดือนลางๆ เดือนเห็นอาการบุษบาบรรณก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ “คุณบุษเจ้าคะ บ่าวอยู่นี่เจ้าค่ะ” บุษบาบรรณพยายามเพ่งมองหา และใช้มือสะเปะสะปะควานหา เดือนจับมือบุษบาบรรณไว้ “บ่าวอยู่นี่เจ้าค่ะ” บุษบาบรรณพูดไม่ออกเพราะกระอักเลือด รวบรวมกำลังบอกเดือน “เจ้าไม่ได้ทรยศเราใช่ไหม” เดือนน้ำตาไหลไม่ทันจะได้ตอบอะไร บุษบาบรรณกระอักเลือดออกมาอีก “ไม่ได้ทรยศ...เรา...ใช่...ไหม” บุษบาบรรณจับมือเดือน เกร็ง ชัก อยู่ต่อหน้าเดือน เดือนช็อกกับภาพตรงหน้า ใบหน้าของบุษบาบรรณที่เปี่ยมไปด้วยความรักความเอ็นดูที่มีต่อเดือน เดือนน้ำตาไหล หาญรีบเข้ามาจับบุษบาบรรณ “คุณบุษ” ซินแสเทียนตามเข้ามาช่วย แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ เดือนน้ำตาไหลริน ถอยห่างออกมามองดูบุษบาบรรณด้วยใจที่ปวดร้าว ดาวสมใจหันมองเดือน “อีเดือน เอ็งฆ่าคุณบุษ” ทุกคนมองมาที่เดือน เดือนปวดร้าวเกินกว่าจะพูดปฏิเสธใดๆ ได้ เดือนน้ำตาไหลริน

ตอนที่ 27
ร่างบุษบาบรรณนิ่งอยู่บนแคร่ตั้งศพ มีผ้าคลุมปิดถึงอก จันทร์กอดบุษบาบรรณร้องไห้คร่ำครวญต่อว่าหาญที่ดูแลลูกเธอไม่ดี และถามถึงสาเหตุ หาญว่ากำลังตรวจสอบอยู่ แต่ดาวเข้ามาประกาศว่าเป็นฝีมือของเดือนที่วางยาพิษบุษบาบรรณ จันทร์ได้ฟังแบบนั้นก็โกรธตรงเข้าไปตบตีเดือนทันที

เดือนพยายามบอกทุกคนว่าเธอไม่ได้ทำ เธอรักบุษบาบรรณมาก เพราะเธอมีบุญคุณกับเดือนมาก ดาวท้าให้ไปค้นห้องของเดือน แล้วก็พบยาพิษจริงอย่างที่ดาวบอก หาญตกใจไม่คิดเลยว่าสุดท้ายเดือนทำจริงๆ เจ้าพระยากับจันทร์ต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แก้วสั่งให้นำตัวเดือนไปขังไว้ก่อน กล้ากลับมาก็ตกใจมากที่เกิดเรื่องแบบนี้

พระจันทร์สว่างอยู่กลางท้องฟ้า ในห้องเก็บของ แสงจันทร์ลอดเข้ามาทาบใบหน้าเดือนที่มายืนมองจันทร์ผ่านช่องระบายอากาศของห้องเก็บของ เดือนร้องไห้เงียบๆ “จันทร์เจ้าขา...ช่วยบอกคุณบุษด้วยนะเจ้าคะ บ่าวไม่เคยคิดทรยศกับคุณบุษเลย ถึงบ่าวจะรักคุณหาญมากเพียงใด” “โกหก” หาญยืนอยู่มุมหนึ่งข้างช่องระบายลม เดือนตกใจ ได้ยินเสียง มองลอดช่องออกมา หาญเผยตัวให้เห็น เขามองผ่านช่องว่างสบตาเดือน “ถ้าแม่เดือนต้องการเรา เราก็พร้อมจะอยู่กับแม่เดือนอยู่แล้ว ทำไมต้องคิดทำร้ายคุณบุษด้วย” เดือนหน้าตื่น รีบบอก “คุณหาญเจ้าขา บ่าวไม่เคยคิดจะแย่งคุณหาญจากคุณบุษเลย แม้บ่าวจะรักคุณหาญเพียงใด แต่บ่าวก็สำนึกบุญคุณยิ่งยวด บ่าวไม่ได้วางยาคุณบุษจริงๆ นะเจ้าคะ” หาญพูดขึ้นอย่างเจ็บปวด “หลักฐานแน่นหนา อีกทั้งแม่เดือนเป็นคนเดียวที่ใกล้ชิดคุณบุษ แม่เดือนเป็นคนดูแลจัดการเรื่องยา มันไม่ยากเลยใช่ไหมที่แม่เดือนจะใช้ความไว้ใจมาทำร้ายคนที่รัก” เดือนยืนยัน “คุณหาญได้โปรดเชื่อบ่าว บ่าวไม่ได้ทำ” หาญจ้องหน้าเดือนนิ่ง “ฉันจะเชื่อเธอได้หรือแม่เดือน กระทั่งขวดยาพิษ แม่เดือนยังใช้ขวดน้ำปรุงที่ฉันซื้อให้เอามาใส่ แม่เดือนใช้ความรักของฉันมาฆ่าคุณบุษเยี่ยงนี้ฉันเสียใจจริงๆ แม่เดือน” เดือนส่ายหน้า “คุณหาญเจ้าคะ ไม่จริงเจ้าค่ะ บ่าวไม่ได้ทำ ขวดน้ำปรุงนั่นก็ไม่รู้ว่าทำไมกลายเป็นยาพิษคุณหาญฟังบ่าวก่อนนะเจ้าคะ” หาญว่า “หมดเวลาแก้ตัวแล้วแม่เดือน พูดแก้ตัวเยี่ยงไร คุณบุษก็ไม่มีวันฟื้นกลับมาได้หรอก ฉันดูแม่เดือนผิดไปจริงๆ ” หาญหันหลัง เดือนเอื้อมมือออกมาจะคว้ามือหาญ หาญไม่สนใจก้าวเดินออกไป มือเดือนที่จับหาญอยู่หลุดออกค่อยๆห่างออกไป เดือนได้แต่ยื่นมือผ่านลูกกรงสัมผัสความว่างเปล่า

เช้าวันใหม่ ชื่นและมั่นเอาข้าวมาให้เดือน แต่ส่งเข้าไปให้ไม่ได้ ชื่นหยิบข้าวด้วยมือ ปั้นเป็นก้อนส่งผ่านลูกกรงให้เดือนกิน ดาวเข้ามาขวาง แล้วไม่นานเจ้าหน้าที่ก็มาคุมตัวเดือนไป แก้วมองแล้วได้แต่ปลง ช่วยเหลืออะไรไม่ได้ ชื่นคลานมากอดขาแก้ว ร้องขอให้ช่วย แก้วบอกชื่นเสียงอ่อน “หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ ปฏิเสธไม่ได้หรอกนังชื่น แต่หากแม่เดือนไม่ได้ทำ พระย่อมคุ้มครองคนดี ใครทำอะไรไว้ต้องได้ผลตอบแทนเยี่ยงนั้น” เว่ยชิงที่ยืนมองอยู่ด้วยความสงสัยและสังเวชใจ ถึงกับถอนหายใจรำพึง “ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าแม่เดือนคนนี้จะเป็นคนสร้างเรื่องมากมาย” เอื้อยหันขวับ มองหน้าเว่ยชิง นึกว่าเว่ยชิงกวน แต่เว่ยชิงดูสงสัยมากกว่าจะกวน เอื้อยเท้าสะเอวด้วยความอยากรู้ คาดคั้นถามเว่ยชิง “นี่เจ๊เว่ยชิง ที่พูดเมื่อกี้หมายความเยี่ยงไร จะซ้ำเติมนังเดือนกับอีชื่นมันใช่ไหม” เว่ยชิงว่า “หาเรื่องหาเวรอะไรเล่า อั๊วแค่สงสัย ที่พูดกันก่อนนี้ว่าแม่เดือนลักลอบเล่นชู้กับไอ้เมฆจนต้องโดนไล่ออกจากใต้หล้า มันจะเป็นไปได้ยังไง” เอื้อยเห็นพ้อง “ก็ใช่สิ มันจะเป็นไปได้ยังไงก็นังดาวมันใส่ร้ายนังเดือนไงล่ะ” เอื้อยเพิ่งนึกได้ “เอ๊ะ เจ๊เว่ยชิงพูดแบบนี้ เจ๊รู้อะไรมาเหรอ” เว่ยชิงถอนใจ “อั๊วก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางหรอกนะ แต่อั๊วเพิ่งเห็นไอ้เมฆมันแอบลักลอบเล่นชู้กับแม่ดาว” “หา!” เอื้อยตกใจ เว่ยชิงพูดต่อ “แล้วอั๊วก็ยังเห็นอีกนะ อั๊วกำลังเดินผ่านเรือนครัวพอดี แรกๆ อั๊วก็ไม่คิดอะไร แต่อั๊วเห็นอาการแปลกๆ ของแม่ดาวที่กำลังหยอดอะไรสักอย่างใส่ลงเตา อั๊วก็เก็บความสงสัยอยู่ในใจตลอดมา พอมีเรื่องคุณบุษตาย อั๊วก็เริ่มสงสัยว่าไอ้คนที่วางยาพิษน่าจะไม่ใช่แม่เดือน” เว่ยชิงหันไปมองเอื้อย “แล้วหล่อนคิดว่ายังไงล่ะ” เว่ยชิงพูดชวนสงสัย เอื้อยเครียด คิดทบทวนเรื่องราวแล้วนึกได้ รีบวิ่งออกไปทันที

ตอนที่ 28
เอื้อยรีบกระหืดกระหอบจะกลับเรือนใหญ่เพื่อไปบอกข่าว เดินผ่านเรือนเล็ก จังหวะนั้นสายฝนสวนทางมาพอดี จึงเป็นห่วงจะพาขึ้นเรือนด้วยแต่สายฝนไม่ยอมไป เอื้อยสั่งให้นั่งเฉยๆ รอ พอเอื้อยออกไป สายฝนก็เดินไปอยู่ในห้องดาว มองตรงนั้นตรงนี้คิดว่าเป็นห้องบุหงา สายฝนไปที่หน้ากระจก เจอขวดน้ำปรุงซึ่งเป็นขวดยาพิษวางเรียงรายอยู่ สายฝนคิดว่าเป็นน้ำปรุงของแม่จึงนำมาเททาสูดดม กรอกยาพิษ คิดว่าเป็นน้ำจัณฑ์

เอื้อยสวนกับหาญ กล้า และฟ้าหยาด ที่ตามหาสายฝน จึงบอกว่าอยู่ตรงไหน ทั้งหมดจึงรีบตามไปแล้วช่วยสายฝนไว้ได้

ที่เรือนใหญ่ เอื้อยเล่าเรื่องที่เว่ยชิงบอกให้แก้วฟังเรียบร้อยแล้ว พลันทั้งคู่ได้ยินเสียงฟ้าหยาดร้องกรี๊ด ทั้งสอเลยงรีบไปดู และให้คนรีบไปตามซินแสเทียนมาดูอาการจนสายฝนปลอดภัย

เวลาผ่านไป แก้วทรุดลงนั่งด้วยความโล่งใจ “โชคดีที่สายฝนปลอดภัย” เว่ยชิงว่ย “ใจเย็นๆ นะคุณแก้ว ฟ้าหยาดดูแลสายฝนอย่างใกล้ชิด ไม่ต้องกลัวนะ” หาญเดินไปหามั่น “นายมั่น รีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่กระทรวงนะ นำจดหมายและของนี้ส่งให้ท่านเจ้าพระยาด้วยท่านคงจะเข้าใจและวินิจฉัยได้” หาญยื่นซองจดหมายและขวดยาพิษอีกขวดให้มั่น มั่นรีบออกไป มั่นกำลังจะออกไป พอดีสวนกับดาวที่เดินเฉิดฉายเข้ามา มั่นหันไปพูด “ผลกรรมมาทันใจดีแท้ มึงเตรียมตัวให้ดีอีดาว” ดาวไม่พอใจ รีบเข้าไปฟ้องหาญ “ไอ้มั่น สามหาว...คุณหาญเจ้าขา ดูอ้ายทาสคนนี้สิเจ้าคะ มันว่าเมีย คุณหาญโบยมันนะเจ้าคะ” หาญมองหน้าดาวเอือมๆก่อนจะพูดตัดบท “รีบไปเถอะนายมั่น ทางนี้ฉันจะจัดการก่อนจะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่” ดาวว่า “ส่งตัวใครเจ้าคะ อิฉันไปดูมาแล้ว นังเดือนถูกขังใต้ศาลไว้ชั่วคราวเจ้าค่ะ พรุ่งนี้จะย้ายมันไปอยู่คุก รอวันพิพากษาประหาร ฮ่าๆๆ มันทำร้ายใครไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ” ดาวเข้ามาออดอ้อนหาญ แก้วมองดาวหัวจรดเท้า ยังนิ่งเงียบด้วยความอดทน แต่เอื้อยทนไม่ได้ “บ่าวขอนะเจ้าคะคุณๆ บ่าวจะไม่ทนอีกต่อไป” เอื้อยเข้ามากระชากตัวดาวออกมาจากหาญ “นังดาว มึง...มึง” ดาวร้องโวยวาย “คุณหาญเจ้าขา ช่วยเมียด้วย นี่มันอะไรกัน คุณแม่แก้วเจ้าคะ” แก้วมองดาวแล้วยิ้มให้ “อย่าต่อตีนังดาวเลยแม่เอื้อย” ดาวหันไปตวาดเอื้อย“ปล่อยกูเดี๋ยวนี้อีขี้ข้า แม่ผัวกูบอกให้ปล่อยกูได้ยินไหม” แก้วพูดต่อ “คนมันเลว มันนำแต่เรื่องชั่วๆ เข้ามา เราต้องดีตอบมัน ต้องชี้ทางธรรมให้” ดาวงง “คุณแก้วพูดอะไรเจ้าคะ คุณแก้วหมายถึงใครเลว” เอื้อยมองเหล่ไปที่ดาว “เห็นไหมเจ้าคะ คนบางจำพวกมันก็เลวและชั่วเกินกว่าสติปัญญาจะมองเห็นทางสว่าง” เอื้อยผลักดาวอย่างแรง ดาวถลาเซล้ม หาญโยนขวดยาพิษลงตรงหน้าดาว ดาวตกใจแต่รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะพูดขึ้น “ขวดยาพิษ...ของนังเดือน” หาญว่า “แต่เราพบที่เรือนเล็ก...เรือนที่หล่อนอยู่” ดาวหน้าเสีย แต่ก็ยังปากแข็ง “ไม่จริงเจ้าค่ะ มันไม่ใช่ของอิฉัน มันเป็นของนังเดือน นังชื่นมันต้องเอามายัดใส่เพื่อใส่ร้ายอิฉันแน่ๆ มันยัดใส่หีบผ้าใช่ไหมเจ้าคะ” กล้าสวน “ดูท่า หล่อนจะรู้วิธีการใส่ร้ายเสียจริงนะ” ดาวรีบบอก “ไม่...ไม่เจ้าค่ะ อิฉันไม่รู้ อิฉันไม่ได้ทำ เป็นของอีเดือนเจ้าค่ะ อีเดือนมันทำนังชื่นมันต้องใส่ร้ายอิฉันแน่ๆ เจ้าค่ะ” หาญบอก “งั้นไปดูสิว่าแม่ชื่นใส่ร้ายหล่อนจริงไหม ไปสิ” ดาวกังวลรีบผลุนผลันออกไป ทุกคนตามดาวเข้าไปอยู่กลางห้อง ดาวมองเห็นว่าขวดยาพิษกระจัดกระจายเต็มห้อง ขวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทรงขวดน้ำปรุงก็ถูกพบเจอวางหราอยู่ตามพื้น ดาวตกใจ “ไม่จริง...ไม่ ใครเข้ามาในนี้ ใครรู้เห็นของข้า ไม่จริง” ดาวแทบจนมุม คิดหาทางแต่ยังนึกไม่ออก ดาวจึงนึกถึงมีดพก รีบพกเหน็บไว้ก่อน “กูจะไม่ยอมรับผิด กูไม่ผิด คุณหาญเป็นของกู กูทำเพื่อคุณหาญ” ดาวรีบวิ่งออกไป

ดาวออกจากห้อง เห็นเหล่าทาสกำลังห้อมล้อมเข้ามา ทุกคนมองดาวอย่างจงเกลียดจงชัง เคียดแค้น ดาวตวาด “พวกมึงเข้ามาสิ นึกว่ากูกลัวเหรอ กูเป็น เมียคุณหาญ กูเป็นนาย ได้ยินไหม กูเป็นนายไม่ใช่ขี้ข้าอย่างพวกมึง” ชื่นดาหน้าเข้ามาอย่างไม่กลัว เงื้อมือเตรียมจะตบ “เอ็งใส่ร้ายลูกข้า ที่แท้เอ็งมันเลว” ด้วยความที่ชื่นแก่กว่า ดาวใช้ความไวหลบวูบไปได้แล้วย้อนกลับไปตบชื่นคว่ำลง เอื้อยและอ่ำรีบประคองชื่น กล้าตะโกนขึ้นเสียงเข้ม “หยุดเดี๋ยวนี้นะแม่ดาว” ดาวโวย “พวกมันจะทำร้ายอิฉันนะเจ้าคะ อิฉันไม่ผิด” กล้าว่า “ขวดยาพิษอยู่เต็มเรือนของหล่อน หล่อนยังไม่ยอมรับผิดอีกหรือ” ดาวยังไม่ยอมรับ “นั่นมันขวดน้ำปรุง อิฉันไม่เคยมียาพิษ ยาสั่งที่ไหนนะเจ้าคะ” กล้าบอก“ไม่มีรึ แล้วที่หล่อนแอบไปเอายาสั่งจากยายตาดที่กระท่อมร้างล่ะ หล่อนจะแก้ตัวว่าอย่างไร” ดาวตกใจที่กล้ารู้ “ไม่ อิฉันไม่รู้จักยายแก่นั่น อย่ามากล่าวหาอิฉันนะเจ้าคะ คุณกล้า” เอื้อยเข้ามาช่วยยืนยัน“เอ็งมันเลวอีดาว ข้ากับคุณกล้าเห็นเอ็งเข้าไปเอายาสั่งกับยายตาด เอ็งคิดว่าพวกเราไม่เห็นความชั่วของเอ็งรึ” เว่ยชิงว่า “อั๊วก็เห็นลื้อแอบใส่ยาในหม้อต้มยาคุณบุษด้วย” กล้าอธิบายให้ทุกคนเข้าใจ “เป็นหล่อนที่วางยาพิษให้แม่บุษตาย แล้วหล่อนก็ใส่ร้ายแม่เดือนให้รับผิดแทน” หาญมองดาวแค้น “หล่อนทำให้แม่เดือนต้องติดคุกเพราะถูกใส่ร้าย” แก้วโมโห “แล้วแกก็ทำให้สายฝนเกือบตาย” เอื้อยต่อ “ที่สำคัญ แกคบชู้กับไอ้เมฆ ข้ารู้หมดแล้วโว้ย” ดาวสั่นหน้าไม่ยอมรับ “ไม่จริง ทุกคนใส่ร้ายฉัน” ดาวเข้าไปหาหาญ “คุณหาญเจ้าขา เมตตาเมียด้วย เมตตาแม่ที่จะให้กำเนิดลูกของคุณหาญด้วยนะเจ้าคะ” เสียงเฆมดังขึ้น “มึงโกหก ลูกคุณหาญที่ไหน เด็กในท้องนั่นลูกกูต่างหาก” ทุกคนหันไปมองอึ้ง

เมฆปรากฏตัวออกมา ดาวหันไปมองตะลึง!! “ไอ้เมฆ มึงยังไม่ตาย” เฆมจ้องหน้าดาวแค้น “กูยังไม่ตายง่ายๆ หลอกนังดาว” หาญงง “นี่มันอะไรกันนายเมฆ” เมฆโพล่งออกมา “วันนี้ข้าขอเปิดโปงความชั่วของนังดาวขอรับ ที่ผ่านมา นังดาวมันได้เสียกับข้าตลอด ได้เสียกันจนมันท้อง แต่มันใฝ่สูงอยากเป็นเมียคุณหาญให้ได้ มันจึงใช้ยาเสน่ห์กับคุณหาญ ทำให้คุณหาญหลงแล้วหลอกว่าได้เสียกับคุณหาญจนท้อง และมันนั่นแหละขอรับที่ใช้ยาสั่งฆ่าคุณบุษบาบรรณตาย” ดาวโวยวาย “ไอ้เมฆ ไอ้ระยำ มึงพูดบ้าอะไร ไอ้เลว” ดาวเข้ามาทุบตีเมฆ เมฆต้องจับไว้ “เอ็งกล้าทุบตีผัวเอ็งรึนังดาว” ดาวตวาด “ลูกในท้องข้าไม่ใช่ลูกเอ็ง เป็นลูกคุณหาญ คุณหาญอย่าไปฟังมันนะเจ้าคะ” ดาวตัวสะบัดจากเมฆ วิ่งเข้าไปกอดขาหาญ “บอกไอ้ทาสชาติชั่วนี่สิคะ ทูนหัวของดาวบอกมันไปว่า อิฉันเป็นเมียคุณหาญ บอกมันไปว่าคุณหาญรักดาว คุณหาญรักนังดาว” หาญพูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น “เรา...ฉันไม่เคยรักแม่ดาวเลย” ดาวหน้าเสียทันที “คุณหาญ ไม่จริงใช่ไหมเจ้าคะ คุณหาญพูดไม่จริง คุณหาญรักอิฉันคนเดียว” หาญพูดต่อ “ต่อให้เรามีรัก รักนั้นก็ไม่ได้มีให้แม่ดาว” “ไม่” ดาวกรี๊ดหันมาทางเมฆ “ไอ้เมฆ เอ็งทำลายชีวิตข้า เอ็งอย่าอยู่เลย” ดาวหยิบมีดพกออกมา วิ่งเข้าไปเสียบเมฆ แทงไม่ยั้ง “กูไม่ได้รักมึง ไอ้เมฆ กูรักคุณหาญ มึงตายซะ” “นังดาว” เมฆเลือดท่วม ดาวจะเสียบเมฆอีกเมฆรับทัน เมฆสะบัดมีดหลุดออก แล้วจับดึงดาวเข้าไปในห้อง ทุกคนตกใจ เมฆแทงดาวตายด้วยกันทั้งคู่

ตอนที่ 29
ที่พื้นดินมีรอยคราบเลือด มีทรายถูกโปรยลงกลบคราบเลือด อ่ำ ชื่น และทาสช่วยกันคราดดินให้สะอาด กล้าบัญชาการอยู่มุมหนึ่ง หาญยืนอึ้งอยู่ นิ่งจนดูคล้ายกับว่าช็อกอยู่ ทาสเดินผ่านไปมา หาญไม่มีปฏิกริยา ได้แต่จ้องผืนดินที่มีรอยเลือดอยู่ตรงนั้น

กล้าเดินผ่านหาญ เห็นน้องชายนิ่ง ค่อยๆแตะบ่า “น้องหาญ” หาญบอกน้ำเสียงเหนื่อยๆ “ชีวิตก็เท่านี้เองนะขอรับ” กล้ามองหาญอย่างให้กำลังใจ

ที่ศาลาท่าน้ำ ลมพัดใบไม้ไหว ใบไม้ใบหนึ่งหลุดขั้วจากกิ่ง ปลิวตามลมตกลงพื้น “เวียนว่ายตายเกิดอยู่ในกิเลส รัก โลภ โกรธหลง ที่สุดแล้วก็ไม่ได้มีอะไรจีรังแน่นอน” หาญ กล้า มาอยู่กับแก้ว หาญปรับทุกข์ ดูปลงชีวิต “ถึงคราวเกิด ถึงคราวดับ เวียนว่ายไปมาอยู่อย่างนี้...แล้วเราจะยึดติดสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปเพื่ออะไรขอรับคุณแม่” แก้วลูลบหัวลูกเอ็นดู “ลูกหาญของแม่ เมื่อวานแม่ยังรู้สึกว่าเจ้าเป็นเด็กน้อยวิ่งเล่นในสวน วันนี้เจ้าดูโตและเข้าใจชีวิตขึ้นเยอะ..อะไรมันก็ไม่แน่นอนจริงๆ” กล้าว่า “อดีตเป็นบทเรียนให้เรานะขอรับ” แก้วบอกเสียงเศร้า “อดีตที่ผ่านมาทั้งหมด แม่เป็นคนผิดเอง” เอื้อยชะงักมือจากพัดวี สงสารแก้ว “คุณแก้ว อย่าโทษตัวเองเยี่ยงนั้นเจ้าค่ะ” แก้วยืนยัน “ฉันเองนั่นแหละ ที่ยึดติดดวงทำนายทายทัก เก็บมาคิดมาปรุงแต่งดวงคู่ชะตาพ่อหาญ แทนที่จะเข้าใจคำสอนของซินแสเทียน ที่หมายถึงให้คู่กับคนดี เมื่อนั้นจะนำพาความร่มเย็นมาให้ครอบครัว แต่แล้วก็เลือกผิด หยิบก้อนหิน ทิ้งก้อนแร่ เชิดชูนังดาวแทนที่จะเป็นนังเดือน” แก้วมองหาญ รู้สึกเสียใจแทนลูกชายเหมือนกัน หาญบอก “ดวงจะเป็นเช่นไรก็ตาม กระผมก็รักแม่เดือน รักมานานแล้วขอรับ” แก้วพยักหน้า “แม่พอจะรู้ แต่แม่ก็ฝืนหัวใจลูก เอาดวงเป็นที่ตั้ง...แม่ขอโทษนะพ่อหาญ” หาญว่า “มิได้ขอรับคุณแม่ อย่าขอโทษลูก คุณแม่หวังดีต่อกระผม เพียงแต่หัวใจกระผมมอบแด่แม่เดือนอยู่นานแล้ว ถึงแม้คุณบุษบาบรรณจะดีแค่ไหน กระผมก็ไม่อาจลืมแม่เดือนได้เลย กระผมเองที่เป็นฝ่ายผิด ที่ห้ามหัวใจตนเองมิได้” กล้าว่า “ถ้าเช่นนั้น หากเมื่อนายมั่นพาแม่เดือนกลับมาคุณแม่คงให้โอกาสน้องหาญกับแม่เดือนนะขอรับ” กล้าชงเรื่องให้น้อง แก้วยิ้ม “ผ่านเรื่องร้ายๆ มามากมายหวังว่าเมื่อฟ้าหลังฝนแล้ว ชีวิตพ่อหาญของแม่จะได้มีความสุขสักทีนะ” เสียงมั่นดังขึ้น “นังเดือนมันหายไปแล้วขอรับ” ทุกคนตะลึง ตกใจ หาญหันขวับมองมั่น มั่นเดินเข้ามาหน้าเศร้า “เจ้าพูดอะไรนายมั่น แม่เดือนไปไหน” มั่นบอก “นังเดือน ไม่อยู่คุกหลวงแล้วขอรับ มันคงหนีไปแล้วขอรับ” หาญหน้าเศร้าทันที

วันเวลาผ่านไป หาญเสียใจผ่านวันและคืนไปอย่างเศร้าสร้อย หาญเดินมาที่โถงกลาง นึกถึงเดือนที่เขาเคยมองตาด้วย เดือนรำอยู่ หาญเบนสายตามองเดือนยิ้มให้ หวังว่าเดือนจะเสี่ยงพวงมาลัยมาให้ เหล่าทาสมากันเต็มเรือนใหญ่ หาญคืนสติ มองไป แก้วกวักมือเรียก “มานี่สิพ่อหาญ... วันนี้ถึงเพลาคนของใต้หล้าหลายคนจะได้เป็นไท” เหล่าทาส 5-6 คน นั่งพับเพียบ ยิ้มกว้าง หนึ่งในนั้น คือ มั่น พวกทาสที่มีอายุ เช่น ชื่น เอื้อย อ่ำ อยู่ห่างออกไป มองพวกทาสหนุ่มสาวอย่างยินดีด้วย กล้ากล่าวขึ้น “ตามพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณลูกทาสลูกไทของพระพุทธเจ้าหลวง เมื่ออายุครบ 21 ทาสผู้นั้นจะเป็นอิสระ ปลดจากความเป็นทาสแล้วอีกไม่นาน พวกเจ้าก็คงจะได้เป็นไทหมด” เหล่าทาสทั้งหมด รวมทั้งนาย ก้มกราบพระรูปพระพุทธเจ้าหลวง (ร.๕) แก้วยื่นอัฐขวัญถุงให้ทีละคน แต่ละคนเข้ามารับ “อัฐขวัญถุงนี้ ข้าให้ หวังพวกเจ้าจะเอาไว้สร้างเนื้อสร้างตัว ที่ดินคนละไร่ หากพวกเจ้าต้องการปลูกเรือน หรือทำสวนเล็กๆ น้อยๆ“ กล้าเสริม “หากผู้ใดยังไม่พร้อมจะจากไป เพราะพ่อแม่เจ้ายังเป็นทาสอยู่ที่นี่ ก็อยู่ต่อไปได้ จะออกหางานหรือทำงานที่ใต้หล้ากับข้า ข้าก็ยินดี ถือเป็นการทำงานรับเงินเดือน” ทาสทุกคนต่างก้มลงกราบ “ขอบพระคุณขอรับคุณแก้ว คุณกล้า” แก้วว่า “ขอบคุณท่านเจ้าสัวเถิด เรื่องดูแลพวกเจ้า ท่านกำชับข้าไว้ตั้งนานแล้ว” เหล่าทาสปาดน้ำตาด้วยความซาบซึ้ง” หาญมองมั่น เห็นรุ่นๆ เดียวกันก็นึกถึงเดือน

อีกมุมหนึ่ง หาญคุยกับมั่นสองคน “จากนี้ไปพี่มั่นจะทำอะไร” มั่นบอก “ท่านเจ้าพระยาเห็นหน่วยก้านกระผม เลยให้สมัครงานเป็นเสมียนเดินเรื่องต่างๆ ขอรับ” “ท่านเจ้าพระยาขรรค์ชัยรึ” มั่นพยักหน้า “ขอรับ กระผมเห็นโอกาสก้าวหน้า ที่สำคัญได้เป็นเสมียนหน้าห้องคุณหาญด้วย” มั่นยิ้มกว้าง มีความสุขกับความเป็นไท ก่อนจะนึกได้ “วันนี้นายมั่นเป็นไท แม่เดือนก็ต้องเป็นไทด้วยสินะ แล้วแม่เดือนจะไปทำอะไร จะเป็นอย่างไรบ้างนะ” หาญซึมลง มั่นยิ้มค้าง อึ้งไปรู้สึกเห็นใจหาญ

หาญทอดถอนใจอยู่มุมหนึ่ง เห็นทาสซักผ้าสะบัดตากที่ราว หาญนึกเหมือนจะเห็นเดือน หาญเศร้ามาก ไม่เข้าใจว่าเดือนหายไปไหน กล้าเข้ามาตบไหล่น้องชายอย่างปลอบใจ หาญถอนใจ “มันจะเป็นไปได้อย่างไร จู่ๆ แม่เดือนก็หายไป ไม่กลับมาใต้หล้า จะเป็นจะตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่มีใครรู้” กล้าบอก “แต่มันเป็นไปแล้วนี่นะ น้องหาญต้องพยายามตัดใจเสียบ้าง” หาญหันไปมองกล้าแล้วโวย“พี่กล้าตัดความรักได้หมดสิ้นจริงหรือขอรับ พี่กล้าทำได้หรือขอรับ” กล้าหัวเราะหึๆ ขำหาญที่โมโหฉุนเฉียว “ใครบอกล่ะ พี่รักพี่หยก ไม่เคยตัดความรักนั้นทิ้งไปเลย แต่พี่ไม่นำมาทำร้ายตัวเอง เหมือนน้องหาญตอนนี้” หาญงง “พี่กล้า หมายความเยี่ยงไร” กล้าบอก “รักให้เป็น คิดถึงแต่พอดี หวัง แต่อย่าคาดหวังรักแค่รู้ว่ารักก็พอแล้วมิใช่รึ” กล้ายิ้มให้หาญก่อนจะเดินออกไป หาญยังงงอยู่

ฟ้าหยาดสอนให้สายฝนปักผ้าสะดึงกลมแบบจีนอันโต เว่ยชิงปักผ้าอีกผืนลายดอกโบตั๋นเป็นตัวอย่าง สายฝนโวยวาย “โอ๊ย ยาก อะไรก็ไม่รู้ ปักขึ้นปักลงอยู่เนี่ย เมื่อไหร่มันจะเป็นลายเหมือนเจ๊เว่ยบ้าง” ฟ้าหยาดบอก “ก็อดทนหน่อยสิ งานฝีมือ งานละเอียดต้องใช้เวลา ใช้สมาธิ” เว่ยชิงว่า “นี่ๆ แม่คุณ เดินไหมให้ละเอียดล่ะ แบบนี้เห็นไหม ออกมาเป็นลายบุหงาหน้าร้อน” “บุหงา!” สายฝนได้ยินคำว่าบุหงา ก็เผลอทำเข็มตำนิ้วเลือดหยดลงผ้าที่ขึงสะดึง เลือดสีแดงค่อยๆ ขยายตัวออกกว้าง ราวกับดอกไม้เลือด สายฝนมองเลือดนิ่งอึ้งไป “สายฝน....เป็นอะไรหรือเปล่า” เว่ยชิงและฟ้าหยาดมองหน้ากันเลิกลั่ก “หรืออีจะบ้าไปอีกแล้ว ไอ้หยา...” สายฝนมองเลือดที่ซึมอยู่บนผ้า ราวกับย้อนเวลาไปเห็นเลือดของพ่อที่โดนแม่แทง สายฝนตกใจ เห็นเลือด สติเหมือนกลับไปกลับมา เหมือนจำได้ว่าทุกคนเป็นใคร “คุณพ่อ! คุณแม่ทำอะไรคุณพ่อ คุณแม่...” บุหงาตายลงอย่างทุกข์ทน ตาค้าง แม้ชั่ววินาทีสุดท้าย กิเลสริษยายังครอบงำให้ทุกข์ไม่พบทางสว่าง“คุณแม่!”



















กำลังโหลดความคิดเห็น