รักต้องอุ้ม ตอนที่ 6
สิปาดันโอบไหล่ลันตาแบบกึ่งบังคับโดยดันให้เธอเดินไปด้วยกัน
ลันตาขืน ๆ แล้วก็สะบัดจนหลุดจากที่สิปาดัน “แกเป็นอะไรของแก...”
สิปาดันหันไปมองด้านหลังอย่างมั่นใจว่ามะนาวไม่เห็นแล้ว
“โอเคแล้ว...”
ลันตาจ้องสิปาดันอย่างจับผิด “นี่แกอย่าบอกนะว่าแกหนี!”
เสียงแพทดังขึ้น “หนีอะไรกันเหรอ”
แพทกับกีรติเดินเข้ามา
ลันตาบอกกับแพท “หนีมะนาวน่ะสิ”
“มะนาว....” แพทตกใจ “อย่าบอกนะว่ามะนาว...”
“ดาวบริหารนั่นแหล่ะ” ลันตาบอก
“มะนาวนี่ใครเหรอครับ” กีรติถาม
“แฟนเก่าสิปาสมัยมหาวิทยาลัยค่ะ” ลันตาบอก
“แล้วทำไม...” กีรติจะซัก
แต่สิปาดันขัดขึ้น “เย็นแล้วรีบไปไหม กว่าจะถึงที่พักมันจะมืด”
ลันตายังไม่ทันจะท้วง สิปาดันก็ลากลันตาไปทันที แพทรีบตามไป กีรติมองตามอย่างงง ๆ
รถของกีรติวิ่งไปตามทางบนถนนนอกตัวเมืองเชียงใหม่ สิปาดันขับรถ ลันตานั่งที่นั่งข้างคนขับ แพทกับกีรตินั่งอยู่ด้านหลัง ลันตาเหลือบมองอาการของสิปาดันที่ขับรถไปเงียบๆ แต่กัดเล็บตลอดเวลา และมีสีหน้าที่ดูเครียด ลันตายื่นมือมาตีเพี๊ยะที่มือสิปาดัน
“โอ้ย! ไอ้ลันมันเจ็บนะ”
“แกก็เลิกกัดเล็บ ทำหน้าเครียด หงิก งอแบบนี้สิ ทำไมแกต้องทำตัวเหมือนคนผิดทั้งที่ความจริงมะนาวเป็นคนทิ้งแก” ลันตาว่า
“อย่าไปตัดสินว่าใครผิดใครถูกเลย บางอย่างที่เขาทำ อาจมีเหตุผลที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ ไม่ใช่เขาเราก็ไม่รู้หรอก” สิปาดันบอก
ลันตาหมั่นไส้ “รักมาก....ออกตัวปกป้องขนาดนี้ ยัยมะนาวนี่ซื่อบื้อจริง ๆที่ทิ้งแกไป”
แพทรู้ความจริงก็จะแย้ง “มะนาวไม่ได้เป็นคนทิ้งสิปานะ”
สิปาดันขัดขึ้นมาทันที “แพท!”
แพทเห็นสิปาดันหันมาปราม ลันตากับกีรติมองสิปาดันว่าเป็นอะไร
สิปาดันพูดต่อ “อย่าไปรื้อฟื้นเลย ฉันไม่ดีเอง....มันก็เลยจบไม่สวย”
ลันตามองสิปาดันด้วยความเข้าใจว่าสิปาดันรักมะนาวมากจนโทษตัวเอง สิปาดันนิ่งคิดถึงสิ่งที่เคยทำกับมะนาวในอดีต
เหตุการณ์ในอดีต สิปาดันนั่งอยู่เพียงลำพัง เขาเปิดสมุดแล้วมองข้างในด้วยสีหน้าอ่อนโยนและยิ้มๆ มะนาวเดินเข้ามาด้านหลัง สิปาดันรีบปิดสมุด มะนาวดึงสมุดไป ทันที่เปิดสมุดภาพลันตาก็กระเด้งขึ้นมาเป็นป็อบอัพที่สิปาดันทำเอง ในสมุดแต่ละหน้าจะเป็นภาพของลันตาไล่มาตั้งแต่ มัธยม มหาวิทยาลัยหลากหลายอิริยาบถ มะนาวเปิดแต่ละหน้าด้วยสีหน้าเจ็บปวด
“ไหนสิปาบอกว่าลันเป็นแค่เพื่อนไง” มะนาวว่า
“นาว...ผม”
“สำหรับสิปา ลันไม่ใช่แค่...เพื่อน ใช่ไหม”
สิปาดันพูดไม่ออก “ผม...”
“สองปีที่ผ่านมา นาวพยายามบอกตัวเองว่าคิดมาก แต่วันนี้...” มะนาวมองอย่างตัดสินใจ “สิปา...รักนาวบ้างไหม”
สิปาดันมองมะนาวที่ตอนนี้น้ำตาไหลด้วยความเสียใจ สิปาดันรู้สึกผิดและสงสารมะนาวจึงไม่อยากโกหกอีกต่อไป
“ผมขอโทษ”
“งั้นวันนี้...นาวคงไปพบคุณย่ากับคุณพ่อของสิปาไม่ได้แล้ว...เสียดายนะ นาวคิดว่าท่านทั้งสองคนคงน่ารักมาก ๆ”
มะนาวเจ็บปวดจนพูดไม่ออก ทั้งคู่นิ่งกันไป
“สิปา! ไอ้ลันมอเตอร์ไซค์ล้มที่หน้ามหาลัย” แพทเข้ามาบอก
สิปาดันได้ยินปั๊บก็ตกใจแล้วจะไปแต่มะนาวคว้าไว้
“อย่าไปนะ!”
สิปาดันชะงักหันมองมะนาว มะนาวมองอย่างไม่ยอม
“นาว...”
“ถ้าไป เราจบกัน!” มะนาวบอก
แพทมองสิปาดันที่ถูกกดดันแล้วเธอก็ตัดสินใจ
“งั้นเดี๋ยวฉันไปดูไอ้ลันเอง” แพทบอก
สิปาดันพูดแทรก “ผมขอโทษนะนาว”
แพทกับมะนาวชะงักไปทั้งคู่
สิปาดันแกะมือมะนาวออกด้วยความรู้สึกผิด
มะนาวเสียใจกับการตัดสินใจของสิปาดัน “สิปา!”
สิปาดันชะงักไปเล็กน้อยแต่ตัดสินใจเดินออกไป แพทอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เอ่อ..สิปา รอด้วย...”
แพทเดินตามสิปาดันออกไป มะนาวมองตามด้วยอาการช็อคที่ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว
เหตุการณ์ปัจจุบัน สิปาดันขับรถแต่สีหน้าเหม่อลอย ลันตาเห็นว่าหน้ารถของสิปาดันกำลังแฉลบไปทางเลนที่รถวิ่งสวนทางมา เสียงแตรจากรถที่สวนทางมาดังลั่นถนน ทุกคนตกใจ!
ลันตาตกใจ “สิปา!”
สิปาดันสะดุ้งที่เห็นว่ารถตัวเองเกือบจะพุ่งไปหารถที่สวนทางมา สิปาดันได้สติก็จับพวงมาลัยหักกลับมาในเลนของตัวเอง
ลันตาหัวเสีย “ไอ้บ้า เหม่ออะไร แกขับรถอยู่นะ”
“ถ้าขับไม่ไหว ฉันขับให้ได้นะ” กีรติบอก
“ไหว ๆ โทษที”
กีรติมองสิปาดันด้วยความสงสัยว่าเป็นอะไร แพทมองอย่างเข้าใจ ส่วนลันตามองสิปาดันด้วยความเป็นห่วง
น้ำตาลปั้นเป็นรูปกลีบกุหลาบสีชมพูถูกจัดวางบนหน้าเค้กแบบเก๋ๆ พอลเก็บรายละเอียดอีกเล็กน้อยแล้วส่งเค้กต่อให้กับพนักงานที่มีหน้าที่แพ็คเค้กลงกล่อง พอลทำงานอย่างคล่องแคล่ว มีเค้กอีกสี่ห้าก้อนกำลังรอการแต่งหน้าจากพอล เสียงตาหนูร้องโยเย พอลคอยมองออกไปข้างนอกก็เห็นมลอุ้มปลอบโยนแต่เขาก็ยังห่วงจนไม่มีสมาธิ พอลตัดสินใจล้างมือแล้วเดินออกมาดูตาหนู
“ตัวเล็กเป็นอะไรครับพี่มล ผมได้ยินแกร้องตลอดเลย”
“ผ้าอ้อมก็ไม่เปียก นมก็ทานแล้ว...” มลคิด “คุณพอลลองอุ้มหน่อยสิคะ”
พอลรับตาหนูมาอุ้มเอาไว้ ตาหนูค่อย ๆสงบลง มิ้งค์เข้ามาเห็นพอลกำลังปลอบโยนตาหนู
มลยิ้ม “คงยังไม่ชินกับพี่น่ะค่ะ ชินกับมือคุณพอลมากกว่า”
“คุณพอล ลูกค้าจะขอบรีฟรายละเอียดเพิ่มเติมเค้กที่จะมารับครับ” พนักงานเข้ามาบอก
พอลละล้าละลังกับตาหนูที่อยู่ในมือ
“ฝากพี่มลด้วยนะครับ”
มลรับตาหนูจากพอล ตาหนูร้องโยเย พอลละล้าละลัง
มิ้งค์เดินเข้ามาหาปรบมือเบา ๆ เรียกความสนใจจากตาหนู “ตัวเล็ก.....”
พอลหันมาก็แปลกใจที่เห็นมิ้งค์ มิ้งค์ยิ้มกับตาหนูแล้วเข้ามาจับตาหนู ตาหนูโผเข้าหามิ้งค์ตามความคุ้นเคย
“ฉันดูตัวเล็กให้เอง” มิ้งค์บอก
“ทำไม...” พอลสงสัย
“ลูกค้ารอคุยกับคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
พอลนึกได้ว่าจริงจึงหันไปรับโทรศัพท์จากพนักงานแล้วเดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ มิ้งค์ดูแลตาหนูไปพลางมองพอลที่ทำเค้กอย่างเชี่ยวชาญไปด้วยสายตาชื่นชม
พอลวางอุปกรณ์ทำเค้กที่ใช้งานแล้วลงในซิงค์ล้างจาน แล้วเขาก็หันไปสั่งพนักงานที่กำลังเอากล่องเค้กใส่ถุง
“ผูกโบว์ที่กล่องแล้วแนบนามบัตรไปด้วย” พอลสั่ง
พนักงานถือถุงเค้กทั้งหมดแล้วเดินออกไป พอลหันมาจะจัดการล้างอุปกรณ์แล้วก็ชะงักที่เห็นว่ามิ้งค์ขยับเข้ามาช่วยล้าง
“ไม่ต้องหรอกหนูน้อย”
“ฉันไม่ได้ช่วยเพราะมีน้ำใจ แต่ชดเชย...ที่คุณดูแลตัวเล็กมาทั้งวัน” มิ้งค์บอก
“ทำเรื่องดีๆ ต้องมีฟอร์มด้วยเหรอหนูน้อย...”
“โอเค” มิ้งค์จะล้างมือเพื่อเลิกทำ
“โอเค...ผมไม่พูดละ”
มิ้งค์มองแล้วก็ล้างต่อ
“แล้วตัวเล็กล่ะคุณ...” พอลถาม
มิ้งค์พยักเพยิดไปทางรถเข็น พอลมองตามไปก็เห็นว่าตาหนูหลับไปแล้วโดยมีมลคอยช่วยนั่งดูแลอยู่ข้าง ๆ พอลยกนิ้วให้ มิ้งค์ยิ้มคล้ายจะบอกว่ามันแน่นอนอยู่แล้ว พอลไปเก็บเช็ดเคาน์เตอร์พลางแอบมองมิ้งค์ไปด้วย
นางรำกำลังฟ้อนรำ เอื้องคำ พี่สะใภ้ของย่านวลนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของเรือนที่มีชุดขันโตกถูกจัดวางอย่างดี เอื้องคำนั่งมองการฟ้อนรำ มะนาวเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะคุณป้า”
เอื้องคำมองด้วยสายตาเย็นชา “แกมาช้ากว่าที่ฉันสั่ง”
มะนาวถูกกดดันตั้งแต่เล็ก เธอติดในเรื่องบุญคุณและอยู่ใต้อำนาจมาตลอด “นาวติดงานด่วนน่ะค่ะ คุณป้าคะ” มะนาวทิ้งจังหวะเรียกความสนใจให้ฟังในเรื่องที่เธอกำลังจะบอก “...วันนี้นาวเจอสิปาค่ะ”
เอื้องคำสนใจ “แล้วมันว่าไง”
“เหมือนเดิมค่ะ อยู่กับลันตา ก็ดูมีความสุขดี” มะนาวบอก
“เพราะแกมันโง่ ปล่อยบ่อเงินบ่อทองอย่างเจ้าสิปาไป”
“ให้นาวรั้งคนที่ไม่รักเรา นาวไม่ทำ”
“ฉันให้แกไปจูงจมูกมัน ไม่ได้ให้แกหลงเสน่ห์ รักมันจนอกหักซมซานกลับมาแบบนั้น ความรักมันเป็นเรื่องโง่เง่า เงินทองสิของจริง” เอื้องคำเห็นมะนาวนิ่งก็มองอย่างสมเพช “แกยังรักมันอยู่ สายตาแกมันฟ้อง”
“ป้าจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา ยังไงเรื่องของนาวกับสิปามันก็จบไปแล้ว”
“ถ้าฉันไม่ให้จบ มันก็จบไม่ได้”
มะนาวมองเอื้องคำว่าหมายความว่ายังไง
เอื้องคำพูดต่อ “แปดปีแล้วที่ฉันต้องทนเห็นพวกมันเสวยสุขบนกิจการของฉัน”
“กิจการของสามีคุณป้าไม่ใช่เหรอคะ”
เอื้องคำหันขวับ มะนาวหุบปากอย่างรู้ตัวว่าล้ำเส้น
“กิจการพวกนั้นควรจะเป็นของฉัน! ถ้านังมาลัยมันไม่แส่มายุ่ง”
เอื้องคำเห็นมะนาวนิ่งไป
“มะนาว...แกบอกป้าว่าสิปามันเคยบอกว่าจะพาแกไปแนะนำกับที่บ้านใช่ไหม”
“ค่ะ”
“จนถึงวันนี้สิปามันก็ยังไม่แต่งงาน ถ้าวันนั้นแกไม่อ่อนแอ วันนี้แกก็จะได้อยู่กับคนที่แกรัก หรือว่าแกไม่อยากได้คนที่แกรักคืนมา”
มะนาวคิดตามคำพูดของเอื้องคำ เธอคิดภาพตอนที่เห็นสิปาดันลุกขึ้นมาที่ร้านกาแฟดูหล่อและมีเสน่ห์ไม่เปลี่ยน มะนาวสีหน้าเครียดปฏิเสธไม่ออกเพราะอยากได้
“แค่แกทำตามที่ป้าบอก แกจะได้ของ ๆ แกกลับคืนมา” เอื้องคำว่า
มะนาวมองเอื้องคำอย่างลังเล เอื้องคำยิ้มนิด ๆ อย่างพอใจเพราะรู้ว่ามะนาวกำลังโอนอ่อนมาทางตัวเองแล้ว
สิปาดันกับกีรติช่วยแพทกับลันตาช่วยกันถือกระเป๋าเสื้อผ้ามายังที่พัก เหนือใส่ชุดแบบล้านนาแต่ก็ใส่หมวกดูจงใจปิดหน้าปิดตา แพทมองไปรอบๆ อย่างคนกลัวผี
“สิปา...มันเงียบไปมะที่นี่น่ะ” แพทว่า
“วันธรรมดาก็อย่างนี้ล่ะ” สิปาดันบอก
“แล้วไม่ต้องไปเช็คอินก่อนเหรอ” กีรติถาม
“ฉันจัดการให้แล้ว ไปเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันจะได้พัก”
แพทมองเหนือที่เดินอย่างเงียบๆ “ที่พักเข้าไปลึกไหม”
เหนือพูดเสียงเนิบๆ น่ากลัวเล็กๆ “ลึกครับ...”
แพทกับลันตาหันมองหน้ากันแล้วก็ชักจะไม่สบายใจ
“ทางเดินที่นี่สวยดีนะ ไม้ลายสวยเชียว” ลันตาลูบที่ลายไม้
“ไม้พวกนี้อายุเป็นร้อยปีเลยนะ” สิปาดันบอก
“ไม้เก่าขนาดนี้จะมีเจ้าของตามมาหรือเปล่าวะ” กีรติถาม
ลันตาชักมือกลับทันทีและมีสีหน้าตกใจ
“เป็นไปได้” สิปาดันทำท่าทางซีเรียส “ฉันเคยอ่านบล็อกคนที่เคยมาพักเขาว่าที่นี่มีคนเห็นอะไรแปลก ๆ บ่อย”
ลันตากลัวไม่แพ้กัน “ที่ว่าแปลก ๆ น่ะ แกหมายถึง...”
เหนือพูดเสียงเนิบเรียกความสนใจ “แบบนี้หรือเปล่าครับ”
ลันตากับแพทหันไปมองตามเสียงก็เห็นเหนือที่ถอดหมวกออกจนเห็นหน้าเหนือที่ถูกแต่งเละแบบผี ลันตากับแพทตกใจจึงกรี๊ดดังลั่น ด้วยความกลัวแพทจึงถีบเหนือดังพลั่กจนเหนือร่วงลงไปกองกับพื้น
“หลอกฉันเหรอ ไอ้ผีบ้า!” แพทโวยวาย
แทนที่จะหนีลันตากับแพทกลับตามเข้ารุมกระทืบเหนือ
“ตายไม่อยู่ส่วนตาย กลัวเข้าใจไหมว่ากลัว” แพทเตะไม่หยุด
สิปาดันกับกีรติตกใจจึงรีบเข้ามาช่วยกันห้าม สิปาดันดึงลันตา ส่วนกีรติพยายามล็อคแพทให้หยุด
“เฮ้ย! พอแล้ว เดี๋ยวมันตายจริง ๆ” สิปาดันว่า
“ผีมันตายไปแล้วจะตายซ้ำซ้อนได้ยังไง หลอกดีนักต้องสั่งสอน” ลันตาบอก
“นี่มันไอ้เหนือ ไม่ใช่ผี!” สิปาดันบอก
ลันตากับแพทชะงักมองหน้าสิปาดัน
“ถ้าเป็นผีจะมารุมอัดแบบนี้ได้เหรอครับ?” กีรติว่า
“เออ...จริง” แพทเห็นด้วย
ลันตามองสภาพเหนือที่สะบักสะบอม “เหนือเหรอ?”
เหนือที่สภาพสะบักสะบอมชูสองนิ้ว
“เก๊าเอง...เจ้” เหนือบอก
“อุต๊ะ! ไอ้เหนือจริงๆ ด้วย แล้วทำไมเหนือมาอยู่ที่นี่” ลันตาสงสัย
“เหนือมาช่วยดูแลงานที่นี่ให้ลุงนนท์น่ะครับ” กีรติเล่า
ลันตาหันไปมองสิปาดัน “งั้นรีสอร์ทนี่ก็...”
อ่านต่อหน้าที่ 2
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 6 (ต่อ)
ยามค่ำ อินทนนท์ยิ้มรับ
“รีสอร์ทของลุงเอง”
สิปาดัน ลันตา กีรติ แพทกำลังคุยอยู่กับอินทนนท์ ย่านวลกำลังเตรียมยาทาให้เหนืออยู่ไม่ห่าง
“คุณลุงทำสวนต้นปาล์มส่งให้พวกโครงการหมู่บ้านไม่ใช่เหรอคะ” ลันตาถาม
“สิปามันว่าเราน่าจะมีอาชีพเสริม รีสอร์ทนี่ผลงานมันทั้งนั้น”
ลันตาหันมองสิปาดัน สิปาดันยืดนิด ๆ
“ทึ่งล่ะสิ..ทึ่ง...หล่อ เก่ง รวย”
ลันตาหลังเข้าให้ “ทำไมแกไม่บอกฉัน!”
“ก็ฉันรอให้มันเป็นรูปเป็นร่างก่อน พูดลอย ๆ ไม่มีอะไรให้ดู แกก็หาว่าฉันขี้โม้น่ะสิ” สิปาดันบอก
แพทมองกีรติ “คุณรวมหัวกับสิปาเรื่องหลอกผีนี่ใช่ไหม”
“เอ่อ..” กีรติอึกอัก ลันตามอง “ผมตั้งใจจะบอกตั้งแต่ที่ดอยสุเทพแล้วแต่สิปามันห้ามไว้ มันอยากให้พวกคุณเซอร์ไพร์ส”
“เซอร์ไพร์สมาก” เหนือว่า “ตอนพี่สิปาบอกให้ทำไม่เห็นบอกเลยว่าเหนือจะได้กินยำตรีนนนนกลางดึก”
นวลเอาสำลีที่ชุบแอลกอฮอล์จิ้มเข้าที่แผล
“โอ้ย..ย่าจ๋า เหนือเจ็บนะจ๊ะ”
“สม..เล่นไม่เข้าท่าดีนัก” นวลว่า
เหนือโอดโอย “พี่สิปาเป็นคนต้นคิดทำไมเหนือต้องเจ็บตัวคนเดียวเนี่ย”
“ไม่ยักรู้แกมีน้องชายด้วย” กีรติบอก
“ไม่ใช่น้องก็เหมือนน้อง” สิปาดันว่า
“เหนือเป็นลูกคนงานตัวน้อยๆ พ่อนนท์กับย่าจ๋า พี่สิปาเมตตาเอาเหนือมาเลี้ยง ให้เหนือมีกินมีใช้ มีอนาคต” เหนือกอดย่านวลแบบอ้อนมาก
สิปาดันหมั่นไส้ “เยอะไปแระ...”
“แสดงว่าคุณกบ สิปา เหนือ ตั้งใจหลอกผีลันกับแพทใช่ไหมคะ”
กีรติเปลี่ยนเรื่องทันที “สิปาพูดถึงคุณย่านวลบ่อยๆ ครับ ดีใจครับที่ได้เจอ คุณย่าสวยจนผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคุณลุงกับสิปาถึงหน้าตาดี”
“เป็นคนตาแหลมคมมาก”
“คุณกบอย่าเปลี่ยนประเด็น” ลันตาว่า
เหนือเห็นอาการลันตาก็รีบขยับเอาหน้ามาชิดกับอินทนนท์ทันที อินทนนท์เหล่
อินทนนท์งง “ทำอะไรของแก”
“เหนือก็หน้าตาดีเหมือนพ่อนนท์ จริงไหมครับพี่กบ”
ลันตาขอสำลีจากย่านวลแล้วจิ้มไปที่แผลบนคิ้วของเหนือ
“โอ้ย...พี่ลัน เหนือเจ็บ ๆๆ!”
ลันตามีสีหน้าเอาเรื่อง “นี่ไม่โดนอัดซ้ำฐานที่แกล้งพี่กับพี่แพทก็บุญแล้ว”
เหนืออ้อน “ย่าจ๋า...”
“เอาล่ะ...เลิกโวยวายกันได้แล้ว เจ้าเหนือไปช่วยพี่ๆ ยกกระเป๋าขึ้นมา” นวลสั่ง
“ครับผม!”
เหนือรีบวิ่งปรู๊ดออกไปทันที
นวลพูดกับลันตา “แล้วลันกับสิปามานี่ ตัวเล็กล่ะฝากใครไว้”
มิ้งค์เข็นรถเข็นตาหนูออกมาด้านนอก พอลปิดร้านเรียบร้อยก็เดินตามออกมา
“แล้วทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะ เรานัดที่คอนโดไม่ใช่เหรอ”
“ฉันเลิกงานเร็ว ไปรอที่คอนโดตั้งนาน โทรมาก็ไม่รับ ฉันเป็นห่วงก็เลยมาดูน่ะสิ”
พอลทวนคำ “ห่วง?”
มิ้งค์เห็นพอลมองหน้าเหมือนจะถามว่าห่วงผมเหรอเธอจึงรีบแก้ตัว “ห่วงตัวเล็ก...”
“แค่นั้น...”
“ก็แค่นั้นน่ะสิ”
พอลทำหน้าเสียดายนิด ๆ “แต่ก็ขอบคุณนะ ถ้าคุณไม่มาผมก็แย่”
มิ้งค์ยิ้ม เสียงมือถือของมิ้งค์ดัง
มิ้งค์รับสายด้วยสีหน้าหงุดหงิด “มิ้งค์จะรีบไปเดี๋ยวนี้”
พอลมองว่าเกิดอะไรขึ้น
เสียงม๊าดังขึ้น “เลิกเสียงดังสักที อายคนอื่นเขาบ้าง”
เสียงเตี่ยดังตามมา “หุบปาก!”
มิ้งค์จะเดินเข้าไปในบ้าน เก้าอี้เล็กโดนเขวี้ยงออกมา มิ้งค์หลบอย่างเฉียดฉิว
เตี่ยเห็นมิ้งค์ก็โวยใส่ทันที “ลื้อหายหัวไปไหนมา!”
มิ้งค์มองเข้าไปก็เห็นม๊าร้องไห้อยู่มุมหนึ่งจึงรีบเข้าไปหา เธอเห็นม่อเก๊ากับโมนั่งอ่านหนังสือ ดูทีวีอยู่อีกมุมหนึ่งด้วยท่าทางไม่ได้เดือดร้อนกับการที่เห็นม๊าร้องไห้และเตี่ยอาละวาดเลย
“ม๊า!”
“ลูกค้าสั่งกุ้ยช่ายเป็นร้อยๆ กล่อง แทนที่จะกลับมาช่วยงานที่บ้าน กลับหนีไปเที่ยว” เตี่ย
“มิ้งค์ไปทำงาน”
“ข้ออ้าง!” เตี่ยว่าม๊า “อั๊วบอกแล้วว่าไม่ต้องให้มันเรียน ...มีลูกสาวเหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน”
“เตี่ยลำเอียง!” มิ้งค์ว่า “มิ้งค์กับม๊าต้องทำงานทุกอย่าง แต่เฮียกับไอ้โมมันขี้เกียจหลังยาวไม่เคยช่วยงาน หวังให้ลูกชายเลี้ยง เรียนให้จบยังไม่มีปัญญาเลย”
“ไอ้มิ้งค์!” ม่อเก๊าเสียงดัง
เตี่ยแทรก “เฉ้าฉุ่ย! (ปากเหม็น) ต่อไปนี้ลื้อไม่ต้องไปฝึกงาน ไม่ต้องเรียน ลื้อต้องอยู่บ้านช่วยงานอั๊ว”
“ไม่ค่ะ มิ้งค์จะเรียนให้จบ จะไปทำงานข้างนอก”
เตี่ยโกรธมาก “อามิ้งค์!”
เตี่ยคว้าไม้จะไล่ตีมิ้งค์ ม๊าเข้ามาช่วยดึงไว้ มอเก๊ากับโมมองอย่างสะใจ
“พอแล้ว ! มิ้งค์ ออกไปก่อน” ม๊าบอก
มิ้งค์มองเตี่ยที่อาละวาดแล้วก็มองพี่ชายกับน้องชายอย่างเจ็บใจ มิ้งค์เดินออกไปที่หน้าบ้าน มิ้งค์น้ำตาร่วงขณะเดินออกมาแล้วก็ชะงักที่เห็นพอลยืนอยู่หน้าบ้าน มิ้งค์รู้สึกอายเหลือเกินที่ต้องให้พอลมารับรู้เรื่องของตัวเอง
หนูหลับอยู่ในคาร์ซีท พอลขยับผ้าห่มให้กับตาหนูแล้วก็ถอยออกมามองความเรียบร้อย แล้วเขาก็หันไปมองมิ้งค์ที่ยังยืนร้องไห้เงียบๆ โดยหันหลังให้กับรถของพอล พอลเดินเข้าไปยืนด้านหลังมิ้งค์เงียบ ๆ
“ลูกสาว...สักวันฉันจะทำให้เตี่ยเห็นว่าลูกสาวมันดีกว่าลูกชายที่เตี่ยปลื้ม” มิ้งค์บอก
“พิสูจน์ตัวเองเพื่อเปลี่ยนความคิดคนมันไม่ง่ายนะ แต่ผมเชื่อว่าคุณทำได้” พอลพูด
มิ้งค์หันมองพอล พอลยิ้มอย่างเป็นกำลังใจ
“ขอบคุณ”
มิ้งค์มองพอลอย่างรู้สึกขอบคุณและค่อย ๆ รู้สึกดีที่พอลเข้าใจตัวเองอีกหนึ่งคน
รถของกีรติขับเข้ามาจอดตรงหน้าห้องพัก
“พักแบบ วีไอพีไปเลย” สิปาดันบอก
“มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับแกเลยนะ” ลันตาว่า
“เอ่อ...รีบอาบน้ำแล้วไปกินข้าวดีกว่านะ ย่านวลสั่งแม่ครัวจัดชุดใหญ่ให้ไว้ที่ห้องอาหารแล้ว”
ลันตาจะโวย
สิปาดันพูด “ย่านวลยังไม่ได้ทานข้าว เพราะรอจะทานพร้อมเรา แกจะให้ย่าหิ้วท้องรออีกนานไหม”
ลันตาอึ้ง “งั้นก็ฝากไว้ก่อน รีบไปอาบน้ำเร็วแพท”
ลันตารีบลากแพทเข้าไปในห้อง
กีรติมองตาม “ฉันไม่คิดว่าคุณลันจะยอมรามือง่ายๆ แบบนี้นะ”
“รายนี้ใจอ่อนกับเด็ก สตรีและคนชรา”
กีรติยิ้ม “น่ารักดีนะ”
สิปาดันรู้สึกสะดุดกับรอยยิ้มของกีรติทำให้เขาไม่ค่อยสบายใจนัก
ตกกลางคืน สิปาดันที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมาที่ระเบียงพร้อมกับคิด ภาพตอนที่กีรติยิ้มมองตามลันตาแวบขึ้นมา
“น่ารักดี” กีรติบอก
สิปาดันรู้สึกหงุดหงิด
“ยิ้มอะไรของมันวะ”
เสียงมือถือแจ้งการเตือนของเฟซบุ๊คดังขึ้น สิปาดันเปิดดูก็เห็นว่ากีรติอัพรูปตุ๊กตาที่ผูกโบว์สีแดง ตัวที่ลันตาให้กีรติเป็นของขวัญ กีรติเข้ามาเห็นสิปาดันกำลังดูมือถืออยู่
“เห็นรูปยัง...” กีรติถาม
“ตุ๊กตาตัวนี้ ลันให้แกเหรอ” สิปาดันถาม
“ของขวัญวันเกิดฉัน...แกรู้ได้ยังไง”
“แล้วมันใช่ไหม”
“ใช่...ฉันไม่เคยเห็นแบบนี้ที่ไหน ริบบิ้นธรรมดาแต่ผูกให้มันมีความหมายได้ เป็นของขวัญที่อบอุ่นดี ฉันไม่เคยได้ของขวัญที่รู้สึกดีแบบนี้มานานมาก” กีรติยิ้มปลื้ม “เขาน่ารักดีนะ”
สิปาดันคิดกันท่าจึงเสียงดังขึ้นมาทันที “สร้างภาพ! แกยังไม่เห็นตัวตนจริงๆ ของมัน ไม่ได้ดังใจมันก็วิ่งไล่เตะ เอาน้ำสาด บ้าพลัง”
“เออ..ตรงๆ แรงๆ แบบนี้น่าสนใจ” กีรติบอก
สิปาดันใส่ร้ายเพิ่มขึ้นอีก “มันซกมกมาก เวลาฉันเครียดมันกำตดมาอัดใส่หน้าฉัน มันบอกว่าคลายเครียด ผู้หญิงสติดีที่ไหนมันจะคิดแบบนี้เรอใส่หน้าปลุกฉันไปทำงานงี้ แกเอ๊ย! กลิ่นยิ่งกว่ารถขยะคว่ำ นี่ยังไม่นับว่าตั้งแต่มันมาเลี้ยงตาหนู ทั้งกลิ่นฉี่ กลิ่นอ้วก เหม็นนัวไปหมด มันยังไม่อาบน้ำติด ๆ กันสามวันสามคืน...บอกได้เลยว่าเน่ามาก”
กีรติทำหน้าอึ้งและทึ่งมาก “โห...”
สิปาดันมองหน้ากีรติเพราะคิดว่าได้ผลแน่แล้ว “ไอ้ลันมัน...”
กีรติพูดออกมา “น่ารักโคตร”
สิปาดันเคลิ้ม “ใช่...” สิปาดันนึกได้ “เฮ้ย!..น่ารักตรงไหนวะ”
“น่ารักสิวะ ที่แกพูดมาเขาห่วงแกนะเว้ย กำตดอัดหน้าคลายเคลียด เรอปลุกไปทำงาน กับตาหนู ลูกก็ไม่ใช่ยังดูแลเต็มที่ไม่รังเกียจเลย เจ๋งว่ะ”
สิปาดันมองเพื่อนแบบโมโหที่การใส่ร้ายไม่ได้ผล
กีรติดีใจ “แต่ฟังๆ แล้ว แกนี่สนิทกับคุณลันมากเลยนะ ดีเลย..”
“ดียังไง?”
“ฉันอยากจะจีบเขาว่ะ”
สิปาดันอึ้งกว่า กีรติมองสิปาดันที่อึ้งไปด้วยความสงสัย
“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นวะ หรือว่า...แกจะจีบเขา ถ้าแกจะจีบแกบอกฉันได้นะ เพื่อนกัน...”
สิปาดันไม่เคยกล้ายอมรับกับใคร เพราะกลัวว่าความในใจตัวเองจะทำให้ต้องเสียความเป็นเพื่อนและเสียลันตาไปตลอดกาล
สิปาดันร้องเสียงหลงนิด ๆ “ไม่มีทาง!....ฉันกับลัน..เพื่อนกัน”
“จริงเหรอวะ”
“เออ...”
“งั้นแกจะช่วยฉันใช่ไหม” กีรติถาม
“จะให้ไปสะกดจิตมันให้ชอบแกหรือไง เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่สวิทช์นะ ฉันเปิดปุ๊บแล้วแกจะจีบติดปั๊บ”
“แกไม่ต้องออกตัว แค่แนะนำฉันว่าคุณลันชอบไม่ชอบอะไร แล้วก็คอยเปิดโอกาสให้ฉันนิดหน่อย ที่เหลือฉันจัดการเอง โอเคนะ”
สิปาดันพูดไม่ออก กีรติมองอย่างรอคำตอบ สิปาดันอึกอักเพราะยังหาทางเลี่ยงไม่ได้ แพทที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้ามา
“ที่นี่หนาวเนอะ...”
สิปาดันหันมาด้วยสีหน้าโล่งใจที่มีคนมาช่วยชีวิต
แพทรู้สึกว่าบรรยากาศแปลก ๆ “นี่...ฉันมาขัดจังหวะหรือเปล่า..งั้นฉัน...”
สิปาดันถามขึ้น “ลันล่ะ...”
ลันตาออกมาจากห้องกำลังจะเดินไปแต่ลันตาชะงักแล้วหันมองไปทางรถของกีรติที่จอดอยู่ ลันตาเห็นชัยกับยุทธกำลังทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ทีรถของกีรติ
“ใครน่ะ!” ลันตาถาม
ชัยกับยุทธตกใจที่มีคนเห็น
ลันตาคิดว่าโจรแน่นอนจึงร้องออกมา “ช่วยด้วย!”
เสียงลันตาร้องดัง “ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
สิปาดันได้ยินก็วิ่งออกไปทันที กีรติ แพท และเหนือวิ่งตามไป
ชัยตรงเข้ามาล็อคคอปิดปากลันตา ลันตาพยายามดิ้นรน
“มันเห็นหน้าเราเก็บมันเลยไหม” ยุทธถาม
ลันตาได้ยินตกใจแล้วดิ้นรนสุดชีวิต
“อื้อ.อื้อ..” ลันตาจะร้องว่าช่วยด้วย
ทันใดนั้นสิปาดันก็พุ่งเข้ามาถีบชัยจนกระเด็นและต้องปล่อยมือจากลันตา ยุทธเห็นชัยโดนเล่นงานก็พุ่งเข้ามาเล่นงานสิปาดันจนเกิดการตะลุมบอนกัน กีรติ แพท และเหนือตามเข้ามา กีรติกับเหนือเข้าไปช่วยสิปาดัน
“เหนือ แจ้งตำรวจ”
เหนือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันที ชัยกับยุทธได้ยินคำว่าตำรวจก็สู้สุดชีวิตเพื่อให้หลุดจากสิปาดัน กับกีรติได้ ชัยเตะมือเหนือที่ถือโทรศัพท์จนกระเด็น แล้วชัยกับยุทธก็รีบหนีไป
สิปาดันรีบเข้าไปหาลันตา “ลันเป็นยังไงบ้าง แล้วมันเกิดอะไรขึ้น”
ลันตามองทุกคนด้วยสีหน้าที่ยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อินทนนท์กับย่านวลตรงเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนใจมาก
“หนูลันเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” นวลถาม
“ลันน่ะไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แต่สิปา..” ลันตาพูด
ทุกคนมองสิปาดันที่มีรอยเขียวเล็กน้อย
“แค่นิดหน่อย ทายาพรุ่งนี้ก็หาย” อินทนนท์จิ้มตรงรอยเขียว
“โอ้ย..เจ็บนะพ่อ!”
กีรติกับเหนือเดินเข้ามา
“เช็ครถแล้วใช่ไหม” อินทนนท์ถาม
“ครับ...มันปล่อยน้ำมันเบรก แล้วก็ตัดท่อระบบน้ำในรถเสียหายหมดเลยครับ” กีรติบอก
“รปภ.ล่ะ ทำไมปล่อยให้พวกมันเข้ามาได้” อินทนนท์ถาม
“โดนเล่นงานจนสลบเลยพ่อ ตอนนี้ส่งไปโรงพยาบาลอยู่” เหนือบอก
“มันไม่ได้คิดขโมยรถแน่ๆ แล้วมันทำทำไม เสียดายที่จับพวกมันไม่ได้”
“เหนือเอาภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพพวกมันได้มาจ๊ะ”
อ่านต่อหน้าที่ 3
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 6 (ต่อ)
ในจอคอมพิวเตอร์เป็นภาพชัยกับยุทธที่เข้ามาลับ ๆล่อ ๆ ที่รถของกีรติ
“สิปา หยุดภาพก่อน” แพทบอก
สิปาดันกดหยุดภาพ แพทมองภาพในจอ
“ใช่เลย เป็นคนเดียวกับไอ้มือปาหินที่อยุธยาแน่ มันตามเรามา” แพทบอก
ทุกคนหันมองแพทด้วยอาการอึ้งกับประเด็นใหม่
“ทำไมคุณถึงแน่ใจว่ามันตามเรามา” กีรติถาม
แพทหยิบกล้องมาแล้วเปิดให้เห็นภาพชัย
“ครั้งแรกฉันเห็นก่อนที่รถจะถูกปาหิน แล้วเห็นอีกทีที่ร้านกาแฟมันยืนมองมาทางเรา ก็เลยถ่ายไว้”
“มันตั้งใจทำร้ายเราเหรอ..ทำไมล่ะ” ลันตาสงสัย
“ปาหิน...ตัดสายเบรก เหมือนไม่อยากให้เราเดินทางนะ” สิปาดันบอก
“หรือเป็นคนร้ายที่ตั้งใจทำร้ายตัวเล็ก” ลันตาสงสัย
ทุกคนอึ้ง
ลันตาออกมาเดินด้านหน้าที่พักด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สิปาดันเดินถือยาหม่องเข้ามาชะงักที่เห็นลันตา
“ทำไมยังไม่นอนอีก พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
“นอนไม่หลับ คิดถึงเรื่องตัวเล็ก... แล้วคืนนี้แกไม่กลับไปนอนที่บ้านเหรอ” ลันตาถาม
“กลัวพวกมันย้อนกลับมา กบคนเดียวไม่น่าจะรับมือไหว” สิปาดันบอก
“ฉันกับแพทก็อยู่...”
“เพราะแกอยู่ไงถึงห่วง...”
สิปาดันหลุดปากพูดไปก็ชะงักที่เห็นลันตาชะงักแล้วมองหน้า
“ห่วงว่าแกจะก่อเรื่องอีก” สิปาดันโยกหัวเป็นเชิงระอา “แกมันชอบสร้างปัญหาไม่หยุดเลย”
“โหย..ไอ้สิปา”
ลันตาจะเตะสิปาดันแต่สิปาดันหลบทำให้ลันตาเตะวืดแล้วล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้า
“โอ้ย!” ลันตามีท่าทางโอดโอยดูเจ็บปวดมาก
สิปาดันตกใจ
“เจ็บเปล่าวะลัน” สิปาดันถาม
สิปาดันขยับลงไปนั่งตรงหน้าลันตาด้วยความเป็นห่วง ลันตาอาศัยช่วงที่สิปาดันกำลังห่วงจะแอบใช้มือขวาตีสิปาดันแต่สิปาดันยกมือกันไว้ได้
“ไม่ได้กินหรอกเว้ย”
ลันตามองอย่างไม่ยอมแพ้ เธอคว้าผมสิปาดันตรงใกล้ๆ ขมับ สิปาดันร้องลั่น
“โอ้ยๆ ๆ”
ลันตาชะงักที่เห็นสิปาดันดูเจ็บมาก
“เวอร์ ๆ...ฉันแค่จิกผมแกนิดเดียวเอง” ลันตาว่า
“แกโดนแผลฉัน” สิปาดันบอก
“แผลอะไร ไหนดูดิ๊”
ลันตาจับหน้าสิปาดันมาดูใกล้ๆ สิปาดันชะงักไปเล็กน้อย
“โห...เขียวเชียว เจ็บมะ”
“เจ็บดิ...เดี๋ยวคืนนี้ทายาหม่อง พรุ่งนี้ก็ดีขึ้น” สิปาดันบอก
สิปาดันเปิดยาหม่องแล้วจะทาแต่พยายามใช้มือแตะหาจุดที่เจ็บ
“ไหน” ลันตาจับหน้าสิปาดันมาดู “มานี่...ฉันทาให้แกดีกว่า”
ลันตาดึงยาหม่องมาแล้วจัดการทายาหม่องให้กับสิปาดัน สิปาดันมองลันตาที่ทายาหม่องให้ สิปาดันมองลันตาที่ทายาหม่องให้
ลันตาทาไปก็ยิ้มขำกับความคิดของตัวเอง
สิปาดันงง “แกขำอะไร”
“ก็ตอนสิบขวบ แกโดนมดทั้งรังรุมกัด ฉันก็ทายาหม่องให้ ตอนแกสิบหกเตะบอลฟาดแข้งกับเพื่อนจนช้ำ ฉันก็ทายาหมองให้ ตอนนี้แกจะสามสิบแล้ว ฉันยังต้องทายาหม่องให้อีก...”
สิปาดันวางมือบนมือลันตาที่กำลังทายาหม่อง “แกจะทายาหม่องให้ฉันตลอดชีวิตเลยได้ไหมล่ะ”
ลันตาชะงักมองสิปาดัน สิปาดันมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนมาก แค่ชั่วขณะเดียว ลันตาก็กดนิ้วตรงจุดที่ช้ำ สิปาดันร้องลั่นด้วยความเจ็บ
“ตลกละ...ถ้าต้องทาให้แกตลอดชีวิต ฉันก็ขึ้นคานพอดี ไปนอนดีกว่า...ง่วง!”
สิปาดันฉุน “ไอ้นี่...”
ลันตาทำเนียนหาวแล้วเดินเข้าห้องไปเลย สิปาดันมองตามด้วยความผิดหวังเพราะหวังจะได้คำตอบบางอย่างที่ชัดเจน
ลันตาเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูก่อนจะยืนพิงประตู
“ทำไมวันนี้หล่อวะ”
ลันตารู้สึกว่าความรู้สึกที่มีกับสิปาดันกำลังเปลี่ยนแปลง สิปาดันเดินมาที่ประตูแล้วใช้มือแตะที่ประตูเหมือนอยากจะบอกความรู้สึกผ่านประตูเข้าไปถึงใครบางคน สิปาดันถอนใจแล้วหันหลังพิงประตู ทั้งคู่ต่างก็หันหลังพิงประตูที่เหมือนเป็นกำแพงที่กั้นความรู้สึกบางอย่างในหัวใจ
แพทถือกล้องเดินเข้ามาเห็นกีรตินั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ซึ่งมีทั้งกล้องและสมุดจด แพทเดินเข้าไปหา
“ยังไม่นอนอีกเหรอ” แพทถาม
“นอนแล้วผมจะมานั่งตรงนี้เหรอ ถามไม่คิด” กีรติว่า
“นี่ฉันถามดีๆ”
“ผมก็ตอบดีๆ แล้วรูปของวันนี้คุณโหลดแล้วส่งเมล์ให้ผมกับพี่อธิปหรือยัง”
“ต้องส่งให้พี่อธิปด้วยเหรอ?”
“พี่อธิปจะเป็นคนมองภาพรวมทั้งหมด ผมส่งในส่วนของtext คุณส่งรูป พี่อธิปจะช่วยเราดูในส่วนที่ขาด จะได้เพิ่มเติมได้ทัน”
“คุณน่าจะบอกตั้งแต่แรก”
“แล้วทำไมคุณไม่ถาม...แต่ละออฟฟิศทำงานไม่เหมือนกัน หรือคุณถนัดแต่ทำงานตามใจฉัน”
แพทมองแบบพยายามเก็บอารมณ์ เธอคิดอยู่ว่าจะเถียงสวนแต่กีรติก็ถามแทรกขึ้นมาก่อน..
“...คุณรู้จักคุณลันกับสิปานานแค่ไหน?”
แพทงงว่าเกี่ยวอะไร “ม.3 ฉันย้ายมาเรียนห้องเดียวกับทั้งคู่ ก็เลยสนิทกันยาวมาถึงตอนนี้”
“คุณลันเคยมีแฟนไหม”
แพทรู้ละว่าอยากล้วงเรื่องลันตา “เคย...”
“แล้วตอนนี้...”
“โสด...แต่มีคนจองแล้ว” แพทบอก
“ใคร? บอกได้ไหม”
“รู้แค่ว่าเขาดีมาก หล่อมาก รักลันมาก และคุณไม่มีปัญญาสู้เขาได้ก็พอ”
กีรติไม่ยี่หระ “ดี..ยิ่งยากผมยิ่งชอบ ฝากบอกคนที่จองด้วยว่าผมไม่ยอมแพ้แน่” กีรติเห็นแพทมีสีหน้าเคือง ๆ เขาก็ยิ้มพอใจ “ราตรีสวัสดิ์”
กีรติเดินออกไป แพทกีรติมองตามอย่างเซ็งเล็กน้อยที่แพทไม่ยอมบอก
สิปาดันที่ยังเดินอยู่หน้าห้องแล้วก็คิดเรื่องลันตาแล้วกำลังจะเข้าห้องซึ่งเป็นจังหวะที่กีรติเดินมาพอดี
“จะนอนแล้วเหรอ”
“อือ...” สิปาดันตอบรับ
สิปาดันจะเปิดประตูห้อง
“สิปา...แล้วเรื่องนั้น แกจะช่วยฉันใช่ไหม”
สิปาดันมองกีรติอึ้งๆ
“..ทำไมต้องเป็นลันวะ”
“มันอธิบายเป็นรายละเอียดไม่ได้ แต่ความรู้สึกฉันมันบอกว่าเขาคือคนที่ฉันรอ”
“แกจริงจัง?”
“เขาทำให้ฉันอยากจริงจัง ฉันจะตอบได้มากกว่านี้ถ้าฉันมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันมากกว่านี้ ช่วยเพื่อนหน่อยนะ ส่วนมันจะสำเร็จหรือไม่ให้คุณลันจะเป็นคนตัดสินใจเอง”
สิปาดันหนักใจแต่คำว่าเพื่อนก็ค้ำคอ “ก็ลองดู..”
กีรติดีใจ สิปาดันจะเดินเข้าห้อง
“สิปา..” กีรติเห็นสิปาดันชะงัก “คุณแพทบอกว่าคุณลันโสดแต่มีคนจอง แกรู้ไหมว่าใคร
สิปาดันสะอึกไป “ไม่รู้เหมือนกัน...”
“ขอบใจนะเว้ย ที่แกยอมช่วย” กีรติยิ้ม
สิปาดันยิ้มตอบอย่างฝืดๆ
ลันตานอนกระสับกระส่ายในขณะที่แพทหลับไปแล้ว ลันตาทนไม่ไหวขยับมาดูที่โทรศัพท์เห็นว่าเป็นเวลาตีสามแล้ว ลันตาพยายามจะนอนให้หลับแต่พอหลับตา
สิปาดันวางมือบนมือลันตาที่กำลังทายาหม่อง “แกจะทายาหม่องให้ฉันตลอดชีวิตเลยได้ไหมล่ะ”
ลันตาลืมตาโพลงแล้วพลิกไปพลิกมาอย่างกระสับกระส่าย จนในที่สุดก็ทนไม่ไหว ลันตาขยับขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง ลันตาถอนหายใจอย่างไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร ลันตามองออกไปด้านนอกก็เห็นพระจันทร์เต็มดวงที่ส่องสว่างท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน
เช้าวันใหม่ ลันตายังนั่งอยู่ท่าเดิม ฟ้าเริ่มสว่าง แสงด้านนอกเริ่มส่องเข้ามา แพทพลิกตัวตื่นพอหันกลับมามองไปทางลันตาเห็นนั่งพิงหัวเตียงเหม่อ ๆ
แพทงัวเงีย “ไอ้ลัน ทำไมตื่นเช้าจัง”
ลันตาถอนใจ “มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย”
แพทลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วจะไปอาบน้ำ
“ไอ้ลัน ตาแกดูโรยๆ แกไม่ได้นอนใช่ไหมเนี่ย วันนี้ต้องขึ้นดอย แกจะไหวเหรอ”
ลันตาฝืนยิ้ม “สบายมาก”
แพทเดินเข้าห้องน้ำ ลันตามองตามไปสีหน้าที่ยังเครียดเรื่องตัวเองไม่หาย
ลันตากับแพทเดินเข้ามาเจออินทนนท์กับนวลที่นั่งประจำโต๊ะอาหารแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณลุง คุณย่า” ลันตาทักทาย
“ลองเปลี่ยนมานั่งกินอาหารเช้ากันหลายๆ คนนี่มันครึกครื้นดีนะแม่” อินทนนท์บอก
นวลยิ้มมองลันตา “หลับสบายไหมลูก”
ลันตากำลังจะตอบ สิปาดันที่เพิ่งเดินเข้ามากับกีรติรีบพูดแทรก
“กรนสนั่นห้องแน่นอนย่า ผมคอนเฟิร์ม” สิปาดันว่า
“ฉันไม่เคยกรน”
“เหรอ...แล้วตอนม.5 ไปเก็บตัวทีม ใครนะที่กรนจนนักบอลนอนไม่หลับ”
“จริงเหรอลัน ไม่เห็นแกบอกฉันเลย” แพทถาม
ลันตามองด้วยสายตาคล้ายจะถามว่ามันน่าบอกเหรอไง “ไอ้แพท!”
“ฉันล้อเล่นน่า” แพทว่า
สิปาดันลงนั่งตรงที่โต๊ะอาหารตรงข้ามกับลันตา แต่กีรติสะกิดสิปาดัน สิปาดันมองหน้ากีรติ
“ฉันนั่งตรงนี้ได้ไหมวะ” กีรติถาม
สิปาดันมองกีรติที่พยักเพยิดไปทางลันตาแบบเนียน ๆ เพื่อส่งสัญญาณว่าอยากให้สิปาดันเปิดโอกาสให้นั่งตรงข้ามกับลันตา สิปาดันมองอย่างลำบากใจแต่ก็ขยับไปนั่งเก้าอี้ตัวถัดไปเพื่อให้กีรติลงนั่งตรงข้ามกับลันตาแทน เหนือยกโถใส่ข้าวต้มเข้ามาวางตรงมุมที่กีรติ
“ข้าวต้มร้อนๆ มาแล้วครับ” เหนือบอก
เหนือจะหยิบถ้วยของลันตามาตักข้าวต้มให้
“พี่ช่วย” กีรติหยิบถ้วยของลันตามาแล้วตักข้าวต้มส่งให้ “ของคุณลันครับ”
ลันตายิ้มรับแบบไม่ได้คิดอะไร “ขอบคุณค่ะ”
ลันตาจับเหยือกน้ำเทใส่แก้วให้กีรติแบบน้ำใจทั่วไปแล้วยื่นให้กีรติ
“ขอบคุณครับ” กีรติพูด
สิปาดันอึดอัดสุด ๆ
อินทนนท์กับนวลมองท่าทีของกีรติที่มีต่อลันตาแล้วก็แอบสบตากันเล็กน้อยเมื่อเห็นความผิดปกติ
แพทจับตามองอยู่เงียบๆ
สิปาดันเปลี่ยนเรื่องเพื่อคลายบรรยากาศชวนอึดอัด “พ่อครับแล้วเรื่องเมื่อคืน”
“พ่อเอาภาพวงจรปิดให้ให้เพื่อนที่เป็นตำรวจช่วยจัดการตามตัวพวกมันแล้ว” อินทนนท์ยื่นกระดาษวาดแผนที่ให้ “อันนี้แผนที่หมู่บ้านชาวเขาที่พวกลูก ๆจะขึ้นไปวันนี้ ดอยอื่น พ่อให้คนไล่ตามสืบมาหมดแล้วไม่เจอ ดอยนี้น่าจะใช่”
“ขอบคุณครับพ่อ”
“งั้นรีบกินแล้วรีบไปกันเถอะ ฉันกลัวพวกมันจะมาวุ่นวายกับเราอีก” ลันตาบอก
อ่านต่อหน้าที่ 4
รักต้องอุ้ม ตอนที่ 6 (ต่อ)
รถของธัญญาเรศวิ่งมาบนถนน ธัญญาเรศเป็นคนขับ ในขณะที่มิ้งค์นั่งด้านที่นั่งข้างคนขับ
“หลังสัมภาษณ์คุณหญิงเสร็จ พี่ญ่าจะมีประชุมกับฝ่ายการตลาดตอนบ่ายสามที่ออฟฟิศค่ะ” มิ้งค์บอก
“แล้วเรื่องประชุมทีม” ธัญญาเรศถาม
“คอนเฟิร์มทุกฝ่ายแล้วค่ะ” มิ้งค์บอก
เสียงมือถือธัญญาเรศดังขึ้น ธัญญาเรศหยิบมือถือขึ้นมามองแต่ไม่ยอมกดรับ มิ้งค์มองอย่างสงสัยแล้วจึงยิ้มเนียนๆ
“มิ้งค์รับให้ไหมคะ”
ธัญญาเรศเสียงแข็ง “ไม่ต้อง!”
มิ้งค์สะดุ้งที่จู่ๆ ธัญญาเรศก็จอดรถริมถนนหน้าเซเว่นอีเลฟเว่น มิ้งค์มองอย่างงงๆ
“ไปซื้อน้ำกับพาราให้พี่หน่อย พี่ปวดหัว”
“ค่ะ...”
มิ้งค์ลงจากรถแล้วเดินเข้าเซเว่นฯ ธัญญาเรศหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก
“จัดการพวกมันได้ไหม”
มิ้งค์เข้ามาในเซเว่นแล้วพยายามหามุมที่แอบมองธัญญาเรศในรถ เธอเห็นธัญญาเรศกำลังคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางโวยวายเพราะอารมณ์เสียมาก มิ้งค์มองนาฬิกาตัวเอง
“เก้าโมงครึ่ง..” มิ้งค์พยายามท่องจำ “เก้าโมงครึ่ง”
มิ้งค์เห็นธัญญาเรศคุยโทรศัพท์สีหน้าเครียดมากก็มองอย่างสงสัย
รถของสิปาดันสำหรับขึ้นดอยจอดอยู่ เหนือขนของขึ้นรถแล้วปิดด้านหลังเรียบร้อย
“ของกินพร้อม น้ำมันเต็มถังครับ” เหนือบอก
“ขอบใจ” สิปาดันพูด
สิปาดัน ลันตา กีรติ และแพทเตรียมพร้อมที่จะเดินทาง อินทนนท์กับนวลมองอย่างเป็นห่วง
“ให้พ่อไปด้วยไหม เผื่อมีอะไร”
“ไม่ต้องหรอกครับพ่อ ผมดูแลลันได้” สิปาดันบอก
ลันตาชะงักไปนิดแล้วลอบมองสิปาดัน ทุกคนมองสิปาดัน
สิปาดันกลบเกลื่อน “มีทั้งผม ไอ้กบ ผู้หญิงสองคนไม่มีปัญหาหรอกครับ”
อินทนนท์ยื่นกระดาษข้อมูลให้กับสิปาดัน
“ลันเอาตัวรอดได้ค่ะ คุณลุงกับคุณย่าไม่ต้องห่วงนะคะ ยิ่งรู้ว่ามีคนตามแบบนี้ ลันยิ่งเป็นห่วงตัวเล็ก มีคนคิดจะทำร้ายเขาแน่ๆ” ลันตาว่า
“ระวังตัวด้วยนะลูก” นวลบอก
“ค่ะคุณย่า”
“ขึ้นรถเถอะ สายแล้ว”
สิปาดันจะไปขึ้นรถ กีรติสะกิด สิปาดันมองกีรติ กีรติส่งซิกว่าช่วยหน่อย ลันตากำลังจะขึ้นนั่งด้านหน้า สิปาดันรู้สึกลำบากใจแต่ต้องทำ
“ลัน ให้แพทมานั่งหน้า แกไปนั่งหลังดีกว่า” สิปาดันบอก
“ทำไมล่ะ ทุกทีฉันก็นั่งหน้านี่” ลันตาบอก
“แพทมันดูแผนที่แม่นกว่าแก ไปนั่งหลังกับไอ้กบไป ขึ้นรถสิแพท
แพทมองอย่างงง ๆ แต่ก็ยอมเดินขึ้นไปนั่งด้านหน้า ลันตามองอึ้งๆ กีรติเปิดประตูที่นั่งด้านหลังให้กับลันตา “เชิญครับ”
ลันตาก้าวขึ้นรถอย่างงงๆ กีรติยิ้มให้สิปาดันอย่างขอบใจ สิปาดันยิ้มรับฝืน ๆ แล้วทุกคนต่างขึ้นรถ
สิปาดันขับรถออกไป
นวล อินทนนท์ และเหนือกำลังจะเข้าบ้าน แต่แล้วก็มีเสียงรถอีกคันวิ่งเข้ามา ทุกคนหันไปมอง
“พ่อนนท์...ผีกะ” เหนือหมายถึงผีปอบ “มา”
“ใครเหรอผีกะ”
เหนือหลุดปาก “ก็ป้าเอื้องคำ ป้าสะใภ้ที่รักของย่าไงจ๊ะ..เหนือโดนย่านวลหยิก “โอ้ย ๆ ๆ!
ย่านวลหยิกอินทนนท์ “เราใช่ไหมสอนให้เจ้าเหนือพูดจาแบบนี้”
อินทนนท์หันมามองเหนือเหมือนจะบอกว่าหาเรื่องให้ทำไมเนี่ย เหนือรีบขยับถอยห่างอย่างกลัวลูกหลง รถเข้ามาจอดตรงหน้าทั้งสามคน คนขับรถลงมาเปิดประตูด้านหลัง ไม้เท้ากับขาของเอื้องคำค่อยๆ ก้าวลงมา เอื้องคำเดินไม่ปกติ
“สวัสดีค่ะ พี่เอื้องคำ”
อินทนนท์กับเหนือสวัสดี เอื้องคำมองแบบข่มด้วยท่าทางเย็นชาไม่ชอบหน้าทั้งเหนือและอินทนนท์
“วันนี้ฉันพาหลานสาวมาด้วย เพิ่งกลับมาจากอเมริกา” เอื้องคำบอก
มะนาวก้าวลงมาจากรถแล้วยกมือไหว้พร้อมทั้งยิ้มอย่างเป็นมิตรมาก
“มะนาว ลูกของน้องชายฉัน วันนี้ฉันจะมีเรื่องจะให้เธอช่วยหน่อย” เอื้องคำบอก
เหนือแอบกระซิบกับอินทนนท์
“ผีกะเริ่มหากินแล้วพ่อ”
เอื้องคำหันขวับจ้องเหนือ เหนือสะดุ้ง
นวลรีบตัดบท “เข้าไปคุยกันด้านในดีกว่านะคะ”
นวลเดินนำเอื้องคำกับมะนาวเข้าไปข้างใน
“รีบตามเข้าไปเถอะพ่อ เดี๋ยวย่าใจอ่อนอีก” เหนือบอก
อินทนนท์มองอย่างหนักใจแล้วรีบเดินตามเข้าไป
โฉนดที่ดินถูกยื่นมาตรงหน้าย่านวล
“ฉันอยากเอาที่ผืนนี้มาฝากไว้กับเธอ” เอื้องคำบอก
“ที่ดินของใครคะพี่เอื้อง” นวลถาม
“ของน้องชายฉัน” เอื้องคำบอก
เอื้องคำมองไปทางมะนาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
“แล้วพี่ต้องการเท่าไหร่คะ” นวลถาม
เอื้องคำพูดเหมือนเงินไม่กี่พัน “ห้าล้าน”
นวลอึ้ง
“เธอคงไม่ขัดข้องใช่ไหม” เอื้องคำถาม
นวลยังไม่ทันตอบ อินทนนท์ก็เดินเข้ามาพูด
“ก็ต้องดูก่อนนะครับ ว่าที่มันได้มาถูกต้องไหม”
“ไม่ว่ามันจะได้มายังไงก็ไม่เกี่ยว ในเมื่อฉันแค่ฝาก”
“ประสบการณ์มันสอนให้จำครับ ไม่งั้นก็ต้องเจอแต่คนพาความเดือดร้อนมาให้อยู่ร่ำไป”
เอื้องคำมีสายตากร้าวมาแล้วหันมายิ้มให้กับนวลซึ่งเป็นยิ้มที่เชือดเฉือนจนนวลรู้สึกหายใจไม่ออก
เอื้องคำลูบที่ขาข้างซ้ายซึ่งเป็นขาเทียม “เงินแค่ไม่กี่ล้าน นวลให้กับพี่ที่ต้องเสียขา เสียสามีเพราะ” เอื้องคำมองด้วยสายตาจิกตำหนิพร้อมกล่าวโทษอย่างรุนแรง “ความประมาทของนวลได้ไหม?”
นวลชะงักหน้าซีด มือสั่นเพราะไม่เคยลืมความผิดนี้เลย
“ว่ายังไงล่ะนวล” เอื้องคำถามย้ำ
“ได้ค่ะ”
“แม่!” อินทนนท์พูดกับเอื้องคำ “ผมขอคุยกับแม่ก่อนนะครับ”
อินทนนท์รั้งให้ย่านวลไปคุยกันที่ระเบียง
อินทนนท์ดึงให้นวลออกมาด้านนอก
“แม่อย่าไปยอมนะ เพราะที่ดินของป้าเอื้องคำที่หลอกให้เราไปขายป้ามาลัย ถึงได้โดนด่าเป็นไอ้ขี้โกงอยู่ทุกวันนี้ ไอ้ที่ผืนใหม่นี่ก็ต้องมีปัญหาอีกแน่ๆญาติฝั่งป้าเอื้องคำ ไม่เคยมีดีสักคน”
“แม่รู้ แต่เพราะแม่ทำให้ลุงแกต้องตาย ทำให้พี่เอื้องคำต้องพิการ แม่ต้องรับผิดชอบ”
“แล้วเราต้องรับผิดชอบไปจนตายหรือไงแม่ แม่ชดใช้มาทั้งชีวิตแล้ว พอเถอะแม่”
“นนท์ แม่ลืมไม่ได้จริงๆ มันเป็นความผิดของแม่ ตอนนี้เรามีเงินมากพอที่จะช่วยเขาได้ ให้แม่ช่วยเถอะนะ”
อินทนนท์เห็นนวลน้ำตาคลอเบ้าก็พูดไม่ออก
“ถ้าแม่จะสัญญาว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย” อินทนนท์บอก
“แม่จะพยายาม”
อินทนนท์มองอย่างเหนื่อยใจแต่รู้ว่าห้ามไม่ได้แน่
ด้านหลังอินทนนท์กับนวลมีเอื้องคำยืนคุยกับมะนาว
“คุณป้าคะ ไหนคุณป้าว่าจะช่วยนาว” มะนาวว่า
เอื้องคำยิ้มมั่นใจ “ฉันบอกว่าได้ก็ต้องได้สิ”
มะนาวมองไปที่รูปถ่ายครอบครัวที่ประดับอยู่ เธอเห็นภาพสิปาดันในชุดนักบินที่ถ่ายกับครอบครัว ก็หยิบขึ้นมา
“สิปา...”
มะนาวมองสิปาดันอย่างหมายมาด
รถของสิปาดันขึ้นมาจอดตรงทางเข้าหมู่บ้านขอบด้ง ทุกคนลงจากรถ สิปาดันแจกรูปของมินที่
ขยายแล้วให้กับทั้งสี่คน
“ถ้าไม่ใช่ที่นี่ก็ต้องไปตระเวนหาที่จังหวัดอื่น...ทีนี้ล่ะงมเข็มในมหาสมุทรของจริง” สิปาดันว่า
“ขอใด้โชคเข้าข้างเรา” ลันตาบอก
กีรติยิ้มกับลันตา “ผมเชื่อว่าโชคต้องเข้าข้างคุณลันแน่”
ลันตายิ้ม “ขอบคุณค่ะ”
สิปาดันเห็นสองคนยิ้มให้กันก็รู้สึกอึดอัด
“แพท ไปกับฉัน..ลัน แกไปกับกบนะ” สิปาดันบอก
แพทกับลันตาหันมามองสิปาดันอย่างไม่เข้าใจ สิปาดันดึงแพทออกไปเลยโดยทิ้งลันตาไว้กับกีรติ
แพทพูดกับสิปาดัน “สิปา...แกคิดจะทำอะไร เปิดโอกาสให้สองคนนั้นอยู่ด้วยกันเหรอ แกทำทำไม”
สิปาดันอึกอัก พอเห็นกลุ่มชาวเขาเดินผ่านมาเขาก็เปลี่ยนเรื่อง
สิปาดันพูดกับชาวเขา “ขอโทษนะครับ”
สิปาดันวิ่งไปหากลุ่มชาวเขาทันที แพทมองอย่างหงุดหงิดเพราะรู้ว่าสิปาดันเลี่ยงที่จะตอบ ลันตามองสิปาดันด้วยความสงสัยว่าเขาเป็นอะไร
กีรติเห็นลันตานิ่งไป “คุณลัน...เป็นอะไรเหรอเปล่าครับ”
ลันตายังไม่ทันตอบ เสียงสิปาดันก็ดังขึ้น
“ไอ้กบ แพท! เราเจอคนที่เราตามหาแล้ว”
กีรติกับลันตารีบเข้าไปหาสิปาดันกับแพท
“ลัน..ผู้หญิงคนนี้ชื่อมิน อยู่ที่หมู่บ้านนี้” แพทบอก
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน” ลันตาถาม
บ้านมิน เป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงไม่มาก การก่อสร้างไม่ค่อยมั่นคง ผนังบ้านเป็นไม้ไผ่ที่ทำขึ้นมาอย่างหยาบ ๆ พร้อมพังได้เสมอ ยุทธนั่งดูต้นทางเฝ้าอยู่ที่บันไดเตี้ย ๆ หน้าบ้าน มินโดนเหวี่ยงเข้ามาที่พื้นบ้านดังตึง! ชัยก้าวเข้ามา มินร้องขอชีวิต
“อย่าทำฉันเลย ฉันจะไม่พูด...ไม่ว่าใครถามอะไรฉันก็จะปิดปากเงียบ...จริงๆ นะ”
ชัยมองแล้วถาม “ใครจ้างแกให้เอาเด็กมาทิ้ง”
มินตอบทันที “คุณธัญญาเรศ!”
มินปิดปากตัวเองเพราะเพิ่งนึกได้ว่าเผลอพูดไป
ชัยเสียงเหี้ยม “อย่าอยู่เลยมึง!”
มินตกใจมาก
ยุทธที่ยืนอยู่ด้านนอกเห็นกลุ่มของสิปาดันเข้ามาก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน ยุทธวิ่งเข้ามาก็เห็นว่าชัยกำลังเข้าบีบคอมินที่กำลังพยายามจะแกะมือชัยสุดชีวิต
“พี่ชัย พวกมันมาแล้ว”
ชัยชะงักเพราะเสียจังหวะ มินเห็นเป็นโอกาสจึงถีบเข้าที่ท้องของชัยแล้วยันตัวชัยจนหงายหลังไป
มินรีบลุกขึ้นมาตั้งหลัก ยุทธชักปืนออกมา
“อย่า! ต้องเงียบที่สุด” ชัยเตือน
ชัยลุกขึ้นแล้วคว้ามีดทำครัวในบ้านมินจะเอามาทำร้ายมิน มินตัดสินใจพุ่งไปที่ประตูหวังจะหนีตายให้ได้ ยุทธขยับมาขวางจะกันมินไว้ แต่มินตัดสินใจพุ่งชนสุดตัว เธอกระแทกยุทธจนพุ่งชนผนังไม้ไผ่ของบ้าน แรงกระแทกทำให้ฝาไม้ไผ่ของบ้านมินพัง ร่างของยุทธและมินพุ่งถลาออกไปพร้อมกับผนังบ้านที่พังกระจาย
สิปาดัน ลันตา กีรติ และแพทกำลังมองหาว่าบ้านหลังไหนเป็นของมิน แล้วทุกคนก็ตกใจที่จู่ ๆ ก็เห็นร่างของมินกับยุทธพุ่งถลาพังฝาบ้านออกมาแล้วกระแทกพื้นล้มกลิ้งอยู่ตรงหน้า ลันตาเห็นมินที่ลุกขึ้นมาแบบไม่คล่องนัก
“นั่นไง มิน!”
มินชะงักก่อนจะหันมาแล้วก็ตกใจที่เห็นลันตา กีรติเห็นชัยวิ่งออกมา
“พวกโจร!” กีรติว่า
“พวกฉันพาตำรวจมาด้วย พวกแกไม่รอดแน่” สิปาดันบอก
มินได้ยินคำว่าตำรวจก็ตกใจมาก
“ตำรวจ!”
มินลุกพรวดด้วยความกลัวแล้วตัดสินใจวิ่งหน้าตั้งมุ่งไปทางด้านหลังป่าอย่างไม่คิดชีวิต ชัยกับยุทธรีบวิ่งตามไป ลันตาก็รีบวิ่งตามไปทันที สิปาดันวิ่งตาม แพทกับกีรติก็วิ่งตามไป
อ่านต่อตอนที่ 7