เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 17
หลังจากดนตรีหยุดลง เชนกับเพลิงก็เดินมาหาครูประสิทธิ์ซึ่งนั่งพิงพนักเก้าอี้หลับตาเหมือนคน กำลังนอนหลับพักผ่อนอย่างไม่ทุกข์ทรมาน
เชนพยายามเขย่าตัวพ่อให้รู้สึกตัว แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ทุกคนเศร้าสลด
“เชน ครูเขาจากเราไปแล้วนะ”
เอื้อมเดือนพูดพร้อมกับปาดน้ำตา
“ไม่จริง พ่อลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมา พวกผมยังร้องเพลงให้พ่อฟังไม่จบเลย ก็ไหนพ่อบอกว่าอยากฟัง พวกผมร้องเพลงไง ลุกขึ้นมาสิพ่อ ลุกขึ้นมาชี้แนะพวกผมอีก”
เพลิงเข้ามาพูดปลอบใจ
“ไอ้เชน ครูเขาชี้แนะพวกเราไม่ได้อีกแล้ว ต่อไปนี้เอ็งคือหัวหน้าวงเต็มตัว เอ็งคือความหวังเดียวที่ จะช่วยคืนความสงบสุขให้กับผาปืนแตก”
เชนส่ายหน้า น้ำตานอง
“ฉันทำไม่ได้หรอกพี่เพลิง แค่พ่อคนเดียวฉันยังช่วยชีวิตไม่ได้เลย"
แสนกับน้อยต้องช่วยกันพูดให้กำลังใจ จนเชนรู้สึกมั่นใจมากขึ้น พลางมองร่างครูประสิทธิ์ที่ไม่ไหวติงอยู่บนเก้าอี้ ก่อนจะกุมมือพ่อมาบีบน้ำตาอาบแก้ม
“ฉันสัญญานะพ่อ ด้วยความรู้ที่พ่อสั่งสมมาให้ฉันทั้งชีวิต ด้วยความรักในเสียงดนตรี ด้วยความ หวงแหนในแผ่นดินเกิด ฉันจะใช้สองมือและความตั้งใจสานต่อความฝันของพ่อให้สำเร็จ”
เชนคุกเข่าลงจับมือพ่อบีบแน่น ทุกคนคุกเข่าลงน้ำตาไหลอาบแก้มสะอึกสะอื้นตาม
“ขอให้พ่อไปสู่สุขคติ ได้อยู่ในภพภูมิที่ดีและมองลงมาที่ผาปืนแตกด้วยความภาคภูมิใจว่า ลูกหลานของพ่อได้สานต่อความตั้งใจของพ่อทุกคน”
ระหว่างนั้นเองวัลภารีบวิ่งเข้ามา แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นภาพตรงหน้า
“ครู”
เอื้อมเดือนรีบขยับเข้ามาที่วัลภา “วัลภาจ๊ะ ครูจากพวกเราไปแล้ว”
“จริงเหรอคะหมอ นี่ฉันมาไม่ทันช่วยครูเหรอ”
วัลภาค่อยๆ เดินเข้าไป พร้อมกับระเบิดความเสียใจ ร้องไห้ออกมาซบหน้าลงที่ตักของครูประสิทธิ์ เชนต้องกอดโอบวัลภาเอาไว้
กำนันปราบเอาก้อนแร่ทองคำที่ได้จากเหมืองทองคำมาวางลงในมือของลำดวน พลางบอกว่าเป็นรางวัลสำหรับความจงรักภักดี
ลำดวนยิ้มกริ่มแล้วเข้าไปโอบคอระดมพรมจูบทั่วหน้า
“ฉันรักพี่กำนันของฉันที่สุดเลยจ้ะ”
แต่กำนันปราบกลับจับหน้าลำดวนมาบีบปาก แล้วจ้องตาเขม็ง
“ฉันยังพูดไม่จบลำดวน เธอก็ต้องรู้ด้วยว่าถ้าความภักดีของเธอไม่เป็นอย่างที่ฉันคิด อะไรจะ
เกิดขึ้น”
ลำดวนรีบพูดอย่างเอาใจว่าจะคอยเป็นหูเป็นตาดูพวกของเชนไม่ให้คิดแข็งข้ออีกเป็นอันขาด
กำนันปราบยิ้มอย่างพอใจ
วัลภานั่งเหม่อน้ำตาซึมอยู่คนเดียวอย่างเศร้าๆ ครู่หนึ่งเชนก็เดินเข้ามา วัลภารีบเช็ดน้ำตา
“จัดการเรื่องศพพ่อเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอเชน”
เชนพยักหน้าเศร้าๆ
“ศพตั้งอยู่ที่ศาลา ฉันว่าจะนอนเฝ้าแต่พี่เพลิงเขาอยากให้ฉันกลับมาพักผ่อนที่บ้าน”
“ทุกคนเขาเป็นห่วงเป็นห่วงเธอนะเชน กลับมานอนที่บ้านก็ดีแล้ว หิวรึเปล่า เดี๋ยวฉันไปหาอะไร ให้กินนะ”
วัลภาจะเดินผ่านเชนเข้าไปที่เรือนหอ แต่เชนกลับจับแขนรั้งเธอเอาไว้ พลางถามว่าวันนี้ที่มาไม่ทันดูใจครูประสิทธิ์ วัลภาหายไปไหนมา
“เอ่อ เชน ฉันขอโทษ”
“ฉันไม่ได้โกรธเธอหรอกวัลภา ฉันแค่อยากรู้ เพราะพอเธอมาถึง เธอก็มาพร้อมกับยาและอุปกรณ์ การแพทย์ ทั้งๆที่ของทั้งหมดนั่นหาได้ยากที่สุดในตอนนี้ บอกฉันมาสิวัลภา เธอไปเอาของพวกนั้นมาได้ยังไง”
“ฉันก็แค่พยายามหาทางช่วยพ่อให้อยู่กับพวกเรานานที่สุดนะเชน”
วัลภาตอบแบบเลี่ยงๆ พร้อมแกะมือเชนแล้วเดินเลี่ยงเข้าไปในเรือน เชนนิ่งมองตามด้วยความสงสัย
ที่แท้วัลภาสัญญากับน้ำค้างว่าเรื่องนี้จะต้องเป็นความลับ ที่รู้กันแค่ 2 คนเท่านั้น ห้ามคนอื่นรู้ เด็ดขาด โดยเฉพาะเชน
วัลภานั่งลงที่เตียงหน้าเครียดๆ เจ็บใจตัวเองจนน้ำตาซึมที่สุดท้ายก็ช่วยครูประสิทธิ์ไม่ได้ ระหว่าง นั้น เชนก็ตามเข้ามาคาดคั้น เพราะเกรงว่าวัลภาจะไปมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรกับพวกกำนับปราบเพื่อแลกกับยา วัลภาเลี่ยงต่อไม่ได้ จึงปดไปว่าเธอบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากลำดวน ยอมให้แม่ดูถูกเหยียดหยาม เพราะประกาศตัดแม่ตัดลูกกันไปแล้ว
เชนได้ฟังก็ถึงกับอึ้ง
“ฉันขอโทษนะวัลภา ฉันไม่น่าปล่อยให้น้าลำดวนทำแบบนั้นกับเธอ”
พูดพลางจะเดินผละออกไป พร้อมกับบอกวัลภาว่าจะไปกู้ศักดิ์ศรีของเธอคืน แต่วัลภาห้ามไว้ พร้อมกับบอกว่าสิ่งที่เธอทำ เธอเต็มใจทำเพื่อครูประสิทธิ์ และเพื่อเชน
“วัลภา ฉันสงสารเธอเหลือเกิน”
เชนเชยคางวัลภาขึ้นมามองสบตาอย่างเข้าใจและรักมากมาย
ลำดวนเดินเข้ามาในห้องของชาติพร้อมกับถาดอาหาร พลันหูก็แว่วได้ยินเสียงร้องไห้ของเนื้อทอง เมื่อเหลือบมองไป ก็เห็นเนื้อทองกอดเข่าร้องไห้อยู่ที่มุมห้อง
“ร้องห่มร้องไห้แต่เช้าแบบนี้ แสดงว่ารู้เรื่องครูเพลงที่รักเคารพของบ้านผาปืนแตกตายแล้วล่ะสิ เนื้อทอง”
เนื้อทองไม่ตอบ กลับตวาดไล่
“ออกไป ฉันอยากอยู่คนเดียว”
ลำดวนเบ้ปาก
“ฉันก็ไม่ได้อยากเข้ามายุ่งเรื่องของเธอเท่าไหร่หรอก ถ้าพี่กำนันไม่สั่งให้ฉันเข้ามาดูแลเธอ เพราะ กลัวที่เธอไม่ยอมแตะอะไรเลยแล้วจะกลายเป็นศพแห้งตายในบ้านเขา”
“ถ้ากลัวฉันตายล่ะก็ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ยอมตายง่ายๆ จนกว่าจะได้เห็นหายนะของพวกแก ทุกคน”
ลำดวมองหน้าเนื้อทองอย่างเย้ยหยัน
“เห็นเป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉันเลยเตือนเอาไว้ อย่าพยายามทำอะไรหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองเพราะ ถ้าชาติทนไม่ไหวแล้วจับเธอส่งไปตีตราเป็นผีเสื้อราตรี เธออาจจะไม่ได้ โชคดีเหมือนมีเทวดามาโปรดพาออกไป จากขุมนรกอย่างที่ฉันเคยเจอ”
พร้อมกับเล่าให้เนื้อทองฟังว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นผีเสื้อราตรี แต่โชคดีได้เจอกับกำนันปราบ ที่รักจริง และช่วยเอาไว้จากขุมนรกนั่นได้
“ฉันเตือนเธอแล้วนะเนื้อทอง ถ้าเธอถูกจับไปตีตราเมื่อไหร่ ชีวิตเธอได้ตกนรกทั้งเป็น ชนิดไม่ได้ ผุดได้เกิดแน่”
ลำดวนเดินออกไปโดยทิ้งจานอาหารไว้ เนื้อทองหน้าเครียด
เพลิงกับยอดยืนมองโลงศพที่ตั้งอยู่ในศาลาวัด ด้วยสีหน้าเศร้าๆ ส่วนจิกกับแสนช่วยกันกวาด ศาลาเตรียมพื้นที่จัดงานศพ ครู่หนึ่งเอื้อมเดือนกับน้อยก็ถือกระจาดดอกไม้พากันเดินเข้ามา แต่แล้วจู่ๆ เอื้อมเดือน ก็มีอาการหน้ามืดวิงเวียนจนเซจะเป็นลม เพลิงปรี่เข้ามาประครองเธอเอาไว้ทัน แล้วรีบพาเอื้อมเดือนกลับไปพักที่บ้าน
เมื่อมาถึงบ้านพัก เพลิงก็ช่วยจัดที่นอนวางหมอนให้เข้าที่เข้าทาง เอื้อมเดือนเดินเข้ามาแล้วก็มีอาการวิงเวียนอีกหัวหมุนจนเซจะล้ม เพลิงหันมาประคองเอาไว้ ใบหน้าของทั้งคู่เกือบจะชนกัน สายตาสบ ประสานกัน
“ขอบใจนะเพลิง เธอช่วยอยู่กับฉันก่อนได้มั้ย ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลย”
“ได้สิครับ ผมจะอยู่ดูแลคุณหมอจนกว่าจะดีขึ้น”
จากนั้นก็ประคองเอื้อมเดือนมานอนพิงหลังกับหัวเตียง แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดตาให้อย่าง ทะนุถนอม
“คุณหมอมีอาการแบบนี้มานานรึยังครับ”
“เพิ่งจะเป็นนี่แหละจ้ะ”
เพลิงใช้หลังมืออังศีรษะ
“ตัวคุณหมอก็ไม่ได้ร้อน ไข้ก็ไม่ได้มี แต่เวียนหัวบ่อยๆแบบนี้ ผมว่าคุณหมอควรจะทานยานะครับ เดี๋ยวผมไปดูที่ตู้ยา เผื่อจะมียาให้คุณหมอทานได้”
เพลิงจะลุกขึ้น แต่เอื้อมเดือนจับมือเพลิงไว้
“เรื่องกินยา เดี๋ยวฉันจัดการเองได้ หลายวันมาเนี่ย ฉันคงเจอแต่เรื่องเครียดๆ และต้องดูคนเจ็บ มาก เลยไม่ได้พักผ่อนมากกว่า”
เพลิงนิ่งไปแล้วถอนใจออกมาเบาๆ
“ถ้าคุณหมอเชื่อพี่ชาย ยอมออกไปจากผาปืนแตกตั้งแต่แรก ก็คงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้”
“ฉันทิ้งผาปืนแตกไปไม่ได้ ก็เพราะเหตุผลเดียวกับเธอนั่นแหละเพลิง เพราะฉะนั้นเราจะไม่พูด เรื่องนี้กันอีก”
เพลิงพูดด้วยสีหน้ากังวล“แต่คุณหมอก็รู้เหมือนที่ผมรู้ว่าจากวันนี้ไป สิ่งที่พวกเราต้องเผชิญหน้ากับพวกมันคือการถูก บังคับให้เป็นแรงงานทาส”
เอื้อมเดือนพยักหน้า
“ฉันรู้จ้ะ ถึงเราจะต้องอยู่ท่ามกลางความยากลำบาก แต่เราก็ยังมีกันและกันอยู่ใช่มั้ย”
เอื้อมเดือนบีบมือเพลิง แล้วก็สบตากันนิ่ง
ขณะที่ยอด แสน จิก และน้อย กำลังช่วยกันตกแต่งสถานที่สำหรับจัดงานศพครูประสิทธิ์ จู่ๆ ชาติ กับพวกลูกน้อง ก็โผล่เข้ามา พลางบอกว่าจะขอมาร่วมแสดงความเคารพด้วย ยอด แสน จิก รีบปราดมาขวางหน้าไว้ จนเกิดการตะลุมบอนกันขึ้น
น้อยตกใจโวยวายกระโดดเกาะหลังทุบลูกน้องชาติเป็นพัลวัน
“ไสหัวพวกเอ็งออกไปให้หมด งานศพครูไม่ต้อนรับพวกชั่วๆ”
ชาติยิ้มหยัน
“ถ้าพวกเอ็งไม่ต้อนรับข้า งั้นงานศพก็ไม่ต้องจัด พังให้เละเลยเว้ย”
เชนเข้ามาเอาภาพถ่ายของพ่อเพื่อเตรียมจะเอาไปไว้ใช้ที่วัด วัลภารีบเข้ามาหาอย่างร้อนรน“ มีอะไรเหรอวัลภา”
“ฉันว่าเธอรีบไปที่วัดเถอะ”
เชนคิ้วขมวดอย่างสงสัย
ขณะที่พวกยอด แสน จิก น้อย ยังคงตะลุมบอนกับพวกของชาติอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ที่กลางศาลาวัด ยอดเป็นฝ่ายทนไม่ไหว ตัดสินใจถามชาติไปตรงๆ ว่ามาที่มาที่นี่มีจุดประสงค์อะไร
ชาติยิ้มเยาะ ก่อนจะเดินไปที่หน้าโลงศพของครูประสิทธิ์
“ผาปืนแตกเป็นของพวกข้า ใครจะเกิดใครจะตายใครจะเผาศพต้องได้รับอนุญาตจากข้าก่อน เพราะฉะนั้นที่พวกเอ็งจะจัดงานศพโดยไม่ขออนุญาตข้ามันเลยเป็นเรื่องผิด พวกแกจะได้จำให้ขึ้นใจ ว่าจะต้องมี ชีวิตอยู่ในผาปืนแตกยังไง”
พลางหันไปสั่งลูกน้อง “ยกโลงศพมันออกไป”
เชนกับวัลภารีบมาที่วัด เห็นชาติพร้อมพรรคพวกกำลังลากโลงศพใส่รถเข็นมาตามทาง
“ไอ้ชาติ หยุดเดี๋ยวนี้ เอาศพของพ่อข้าคืนมา”
ชาติทำหน้ากวนแล้วหัวไปหัวเราะกับพวกลูกน้อง เชนกำหมัดแน่น ด้วยความเจ็บใจ
“พวกเอ็งฆ่าพ่อข้า แล้วยังมาเอาศพพ่อข้าไปอีก มันจะเกินไปแล้วเว้ย”
เชนกำหมัดแน่นแล้วปรี่เข้าไปเอาเรื่อง วัลภาก็เข้าช่วยด้วย ลูกน้องชาติโดนเชนกับวัลภาเล่นงาน จนสู้ไม่ได้ ชาติยิ้มมุมปากแล้วหันไปพยักหน้า ไอ้เชิดรู้ว่าลูกพี่ต้องการอะไรเลยเอาระเบิดมือออกมา
“หยุดเป็นหมาบ้าได้แล้วไอ้เชน ถ้าเอ็งไม่หยุด เอ็งได้เห็นศพพ่อเอ็งเละเป็นชิ้นๆไม่ทันได้ทำพิธีแน่” เชนกับวัลภาชะงักหันไป ชาติชูระเบิดมือยื่นไปใกล้ๆ โลงศพทำท่าจะหย่อนลงไปในโลง พร้อมกับชักปืนออกมากราดยิงไปที่พื้นขวางไม่ให้เชนกับวัลภาลุกขึ้นเอาเรื่อง
“อย่าพยายามเลยไอ้เชน ศพของพ่อเอ็งยังมีประโยชน์อยู่ เพราะข้าจะใช้ประกาศให้ทุกคนในผา ปืนแตกรู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ไอ้เชน พนัญเชิงกับไอ้เพลิง พญาไฟและพรรคพวกของมันจะพากันมาคุกเข่ายอมเป็น แรงงานทาส ในเหมืองทองคำของพวกข้า โลงศพของพ่อเอ็งจะตั้งอยู่ที่ลานหมู่บ้าน ถ้าเอ็งอยากเผาศพส่งดวง วิญญาณคนที่เอ็งรักล่ะก็ คบไฟที่เอ็งจะใช้จุดต้องมาจากไอ้ชาติ ตะลุมพุกเท่านั้น”
ชาติพูดพร้อมกับยกเท้าถีบเชนจนล้ม แล้วหัวเราะชอบใจ เชนจะลุกตามแต่ไอ้เชิดก็ยิงปืนลง พื้น ขวางดักไม่ให้ตาม เชนเลยได้แต่กำหมัดแน่นเจ็บใจทนดูพวกมันเข็นโลงศพครูประสิทธิ์ออกไป
ทางด้านจ่า ก็รีบไปแจ้งข่าวกับหลวงพ่อสินกับผู้กองสมานที่วัด “ไอ้ชาติพาพวกมาเอาโลงศพครูไปตั้งที่ลานหมู่บ้าน มันว่าถ้าอยากเผาศพครู ไอ้เชนจะต้องไป ขอคบไฟจากมันคนเดียวเท่านั้น”
หลวงพ่อสินถึงกับอึ้ง
“ข้าจะไปขอไอ้ชาติเอง แม้แต่ศพคนตายมันก็ควรให้เกียรติ”
“ผมว่าหลวงพ่อพักอยู่ที่นี่เถอะครับ ผมจะไปจัดการเอง จ่า ผมฝากหลวงพ่อด้วย”
ผู้กองสมานสั่งจ่าแล้วออกไปเลย
ส่วนติ๋มก็รีบมาแจ้งข่าวเพลิงกับเอื้อมเดือนที่บ้านพักเหมือนกัน เพลิงรีบวิ่งออกไป เอื้อมเดือนจะไปด้วย แต่จู่ๆ ก็อาเจียนโอ้กอ้ากจนตัวโยน ติ๋มต้องลูบหลังเป็นห่วง พลางมองอย่างครุ่นคิด เอื้อมเดือนเห็นท่าทีของติ๋มก็รู้ได้ทันทีว่าติ๋มคิดอะไรอยู่ จึงหันมาย้ำว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร
โลงศพของครูประสิทธิ์ถูกเอามาวางบนแคร่กลางลานดินของหมู่บ้าน มีชาวบ้านเข้ามายืนจับกลุ่ม ดูอยู่ห่างๆ ชาติเดินเข้ามายืนมองโลงศพอย่างสะใจ
ระหว่างนั้นกำนันปราบกับฟ้าลั่นเข้ามาพร้อมกับรถจี๊ปที่มีลูกน้องขับให้ พลางรีบบอกกับชาติ
“เหมืองทองคำของเราเริ่มเปิดแล้ว ข้าต้องเข้าไปคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ มีเรื่องสำคัญอีกเยอะที่ต้อง สะสาง”
“งั้นทางนี้พ่อไม่ต้องเป็นห่วง กลับมาอีกทีพวกมันจะเป็นมือเป็นเท้าให้เราใช้งานยิ่งกว่าทาส ซะอีก”
กำนันปราบมองไปที่โลงศพ แล้วยิ้มอย่างพอใจ
“วิธีการขยี้เล่นงานพวกมันให้โงหัวไม่ขึ้นของแกนี่ ทำเอาข้าคิดไม่ถึงจริงๆ .จัดการตามที่เอ็งเห็นว่า ควรเลย ไอ้ฟ้าลั่นมันจะอยู่ช่วยเอ็งที่นี่ด้วย”
กำนันปราบตบไหล่ลูกชายแล้วเดินไปขึ้นรถจี๊ปออกไปกับลูกน้อง ชาติหันมามองหน้ากับฟ้าลั่น
ข้าวของกระจัดกระจายเกลื่อนศาลาวัด ทั้งดอกไม้สดและไฟกระพริบที่ไว้จัดเตรียมไว้ถูกรื้อมากองไว้ ผู้กองสมาน เพลิง ยอด ช่วยกันประคองแสน จิก น้อย ให้ขึ้นมานั่ง จากนั้นเพลิงก็ตั้งท่าจะตามไปเอาเรื่อง ระหว่างนั้นเชนกับวัลภาเข้ามา
“ฉันจะไปเอง”
เชนพูดอย่างเอาจริง แต่เพลิงไม่เห็นด้วย
“เชน ไอ้ชาติมันตั้งใจทำแบบนี้เพราะอยากหยามหน้าเอ็ง มันอยากเห็นเอ็งหมดศักดิ์ศรี”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง ฉันต้องเผาศพพ่อฉันให้ได้ ดวงวิญญาณของพ่อจะได้สู่สุขคติ”
วัลภารีบหันมาพูดกับเพลิง
“พี่เพลิงจ๊ะ เชนเขาตัดสินใจแล้ว พวกเราทุกคนต่างก็ตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะต้องมาถึง แต่เชน อยากไปคนเดียว เพราะเขาไม่ต้องการให้คนอื่นต้องหมดสิ้นศักดิ์ศรีเหมือนอย่างเขา”
ผู้กองสมานรีบพูดค้าน
“คิดอย่างนั้นไม่ได้นะเชน ถ้าวันข้างหน้าเราจะสร้างผาปืนแตกขึ้นมาใหม่ พวกเราจะต้องเป็นปึก แผ่นเดียวกัน”
เพลิงเข้าไปบีบไหล่เชนหนักแน่น
“ไอ้น้องชาย เวลาที่เอ็งก้าวไปข้างหน้า พี่อยากให้เอ็งรู้ว่า ทุกๆ ก้าวของเอ็งมีพวกพี่คอยหนุนหลัง และจะไม่ทิ้งเอ็งแน่นอน”
เชนมองเพลิง ยอด และผู้กองสมาน ที่ก้าวเข้ามายื่นมือบีบไหล่ ด้วยความซึ้งใจ
เชน เพลิง ยอด และผู้กองสมาน ที่ถือปืนในมือ บุกเข้ามาหาชาติกัฟ้าลั่นที่ลานหมู่บ้าน พลางจ่อปืนไปที่พวกมัน
ชาติหัวเราะเหี้ยม
“ไอ้เชน ในที่สุดเอ็งกับพวกกระจอกๆของก็มาจนได้”
“แต่มาแบบนี้มันเรียกว่ามาแบบวอนเป็นศพเหมือนพ่อมัน งั้นเดี๋ยวข้าจัดให้”
ชาติรีบหันขวับไปปรามฟ้าลั่น“เอ็งอยู่เฉยๆไอ้ฟ้าลั่น มันไม่ได้อยากมาตายหรอก ข้ารู้ดี ใช่มั้ยไอ้เชน”
เชนนิ่งไป ก่อนจะโยนปืนลงพื้น จากนั้นคนอื่นๆ ก็ทำตาม เหมือนยอมจำนน ชาติกับพวกเห็น แบบนั้นก็ยิ้มชอบใจ
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 17 (ต่อ)
ชาติก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเชนโดยมีโลงศพครูประสิทธิ์กั้นอยู่ตรงกลาง ส่วนพวกลูกน้องก็เข้ามา เก็บปืนของพวกเชนออกไป
“ในเมื่อพ่อข้าตายไปแล้ว เอ็งก็ควรจะให้เกียรติคนตายบ้างนะไอ้ชาติ”
ชาติยิ้มหยัน
“ก็เอ็งกับพวกดันมาช้าทำให้ข้าต้องเสียเวลารอ ข้าก็เลยต้องหาอะไรทำแก้เซ็ง”
“งั้นในเมื่อพวกข้ามาตามที่เอ็งต้องการแล้ว เอ็งก็ควรให้เกียรติพ่อข้า”
“ได้สิไอ้เชน”
ชาติจ้องหน้าเชนแล้วยกปืนขึ้นไปยิงขวดเบียร์ที่เหลืออยู่บนโลงแตกกระจายหมด เชนกำหมัดแน่น ด้วยความเจ็บใจ เพลิงก้าวออกมายืนข้างเชน
“ถ้าพวกเอ็งรักษาสัญญาที่พูดเอาไว้ว่าจะไม่แตะต้องพวกข้าที่เหลือ แล้วพวกเอ็งจะเห็นว่าพวกข้า มีความอดทนได้แบบไร้ขีดจำกัด”
ชาติหัวเราะขำ
“ไอ้เพลิง กล้าพูดออกมาแบบนี้ งั้นข้าก็ชักอยากจะเห็นแล้วสิ ไอ้เชิด”
ไอ้เชิดถือคบไฟเข้ามาแล้วจุดไฟ.พรึ่บ เชนชะงักมอง ชาติหันมายิ้มหยัน
“ข้าบอกเอ็งไปแล้วว่าถ้าเอ็งอยากเผาศพพ่อเอ็ง เอ็งก็ต้องมาเอาคบไฟจากข้า หรือไม่ก็ต้องมา ดับไฟในมือข้า เพราะไม่อย่างนั้นข้าจะเป็นคนเผาศพพ่อเอ็งให้เอง”
ชาติพูดพร้อมกับคบไฟไปที่โลงศพ เชนรีบร้องห้าม ชาติยิ้มสะใจ
“งั้นเอ็งก็ต้องฝ่าดงตีนของพวกข้าเข้ามาให้ได้”
”พี่เองดีกว่าเชน”
เพลิงอาสา ฟ้าลั่นรีบบอก
“เอ็งทั้งสองคนนั่นแหละ ข้าอยากเห็นนักว่าความอดทนไร้ขีดจำกัดของพวกเอ็งมันจะได้มากเท่า ราคาคุยรึเปล่า”
ผู้กองสมานกับยอดจะร่วมด้วย แต่กลับถูกลูกน้องชาติเอาปืนจ่อไว้ไม่ให้เข้าไปยุ่ง
เชนกับเพลิง ก้าวขาออกไปโดยมีฟ้าลั่น ไอ้เชิดและลูกน้องอีกเป็นโขยงก้าวออกมารอต้อนรับ พร้อมเตรียมหมัด เตรียมสนับมือและเตรียมไม้คมแฝกรอประเคนอย่างเต็มที่
เชนถูกหมัดของฟ้าลั่นซัดเข้าหน้าเต็ม พร้อมๆ กับที่เพลิงเองก็โดนไอ้เชิดกับพวกลูกน้องประเคน หมัดเข่าศอกใส่เข้าไปไม่ยั้ง
ชาติถือคบไฟเดินไปโบกที่โลงศพล่อเชนกับเพลิงที่เริ่มทรุดลงไปแล้วให้ลุกขึ้นมารับมือต่อ
ก่อนที่จะกระหน่ำซัดทั้งเชน ทั้งเพลิงอย่างมันมือ แล้วก็ยิ้มอย่างสะใจ จากนั้นก็ยอมโยนคบไฟทิ้งลงพื้น “วันนี้ข้าพอใจแล้ว เอาศพพ่อเอ็งไปทำพิธีซะ แล้วก็รีบๆรักษาตัวให้หาย เพราะที่เหมืองทองคำ ของพวกข้า ยังต้องการใช้แรงงานพวกเอ็งช่วยทำเหมืองอีกไปเว้ย”
ชาติสั่งแล้วเดินเดินไปขึ้นรถจี๊ปออกไปพร้อมกับลูกน้อง ฟ้าลั่นยกเท้าออกจากหลังเพลิงแล้วเตะ เข้าชายโครงเพลิงอีกดอก ก่อนจะขึ้นรถจี๊ปอีกคันออกไปทิ้งเชนกับพวกไว้เบื้องหลัง
ผู้กองสมานกับยอดรีบเข้าไปประคองเพลิงขึ้นมา เชนเดินเข้าไปที่โลงศพของครูประสิทธิ์ แล้ว คุกเข่าลงข้างโลง
“พ่อ ฉันมารับพ่อกลับไปแล้วนะ ฉันขอโทษที่ปล่อยให้พวกมันหยามเกียรติพ่อ”
เพลิงเข้ามาแตะไหล่ “เชน พาครูกลับไปทำพิธีเถอะ”
เชนหันมาพยักหน้ารับ
เชนกับเพลิง ในสภาพที่โดนเล่นมาหนัก เดินเข้ามาในวัดด้วยท่าทีที่อ่อนแรงจนต้องวางโลงศพ พ่อลงพื้น วัลภารีบเข้าไปประคองคนรักเอาไว้ แสนกับจิกก็รีบเข้าช่วยประคองเพลิง
วัลภาดึงเชนเข้ามาโอบกอดพร้อมกับร้องไห้เสียใจ
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกวัลภา ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นที่ฉันจะยอมให้เกียรติยศของฉันถูกพวกมัน เหยียบจมดิน”
“ไม่ต้องห่วงนะเชน พวกเราจะอยู่ข้างๆกันและกันเสมอ”
เชนยิ้มรับอย่างอ่อนแรง ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงซบหน้าลงกับไหล่ของวัลภา
ในที่สุดศพของครูประสิทธิ์ก็ได้จัดพิธีเผาอย่างสมเกียรติ เชนกับเพลิงอยู่ในสภาพมีผ้าพันแผล ตามตัว แต่ว่าอาการดีขึ้นบ้างแล้ว เดินนำวัลภา แสน จิกน้อย และคนอื่นๆ พร้อมลูกวงทยอยกันนำดอกไม้จันทร์ ใส่เข้าไปในเตาเผาศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้า
เชนกับวัลภาพากันเดินลงมาจากเมรุเป็นคนสุดท้ายแล้วมายืนรวมกลุ่มกับทุกคน วัลภาพูดด้วย ความสะเทือนใจ
“ครูคะขอให้ดวงวิญญาณของครูเป็นกำลังให้พวกเรายืนหยัดอยู่ได้ต่อไปด้วยความเข้มแข็งนะคะ”
เชนพยักหน้ารับกับวัลภา เพลิงเข้ามายืนข้างๆ เชนด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
เชนรีบประกาศต่อหน้าทุกคน
“ทุกคน ต่อหน้าดวงวิญญาณของพ่อที่กำลังเดินทางไปสู่สุขคติ ฉันกับพี่เพลิงมีคำสาบานที่อยาก ให้ทุกคนร่วมเป็นพยาน”
เพลิงพยักหน้ารับ แล้วพูดต่อ
“วันนี้คือวันสุดท้ายที่เราจะมาเสียใจร่วมกัน เพราะตั้งแต่นี้ไปเราจะสร้างผาปืนแตกขึ้นมาใหม่ จากเถ้าถ่าน เราจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อวาน เราจะหยุดความกลัว และความตายให้เป็นแค่ความทรงจำ”
เชนมองหน้าทุกคนด้วยแววตาจริงจัง
“เพื่อต่อไปในอนาคตเด็กทุกคนที่เกิดมาจะเดินบนถนนผาปืนแตกได้อย่างภาคภูมิใจว่าดินทุก ก้อน ก่อตัวขึ้นจากความยุติธรรม น้ำจากลำธารทุกหยดมาจากความเสียสละ และสายลมที่พัดผ่านมา คือความ หวัง ที่พวกเราแลกมาด้วยชีวิตเพื่อพวกเขา”
สิ้นคำพูดที่ฮึกเหิมของเชน ยอดก็ชูกำปั้นมือขวาขึ้นมา
“เลือดของข้าเพื่อผาปืนแตก”
จากนั้นทุกคนก็ทำและพูดตามด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
1 เดือนผ่านไป
เหมืองทองคำเต็มไปด้วยความแห้งแล้งมีแต่หินผาซ้อน ชาวบ้านชายในหมู่บ้านผาปืนแตกหลายคน ถูกกดขี่ใช้แรงงานเยี่ยงทาสในการขนหิน เนื้อตัวมอมแมมสกปรก ท่ามกลางพวกของกำนันปราบที่ถือปืนเอ็ม 16 คอย เป็นผู้คุมการทำงาน
จิกกับแสน ก็ถูกนำมาเป็นแรงงานด้วยเช่นกัน เมื่อจิกทำงานไม่ไหว ก็โดนไอ้เชิดทำร้ายร่างกายอย่างไม่ปรานี จนแสนต้องร้องห้าม
“อย่าทำมันเลยไอ้เชิด ข้าขอร้องล่ะ ไอ้จิกมันขนหินทั้งวันจนมันจะไม่ไหวอยู่แล้วนะเว้ย”
“ไม่ไหวเหรอ พวกเอ็งห้ามพูดว่าไม่ไหวจนกว่าพวกข้าจะบอกว่าพอ”
พูดพลางกระชากคอเสื้อแสนขึ้นมาง้างหมัดจะชก แต่เชนข้ามารั้งไว้
“ดีแต่ข่มเหงคนอ่อนแอ มันน่าภูมิใจนักเหรอไงวะไอ้เชิด”
เชนซึ่งอยู่ในชุดแรงงานเหมือง เนื้อตัวมอมแมมฝุ่นเต็มตัวและบีบมือไอ้เชิดแน่น มันผลักอกเชน จนเซแล้วจิกหน้าเอาเรื่องพร้อมชี้หน้า
“เอ็งอย่ามาสอดไม่เข้าเรื่อง ตรงนี้มันหน้าที่เอ็งเหรอไง โน่น หินกองนั้นเอ็งต้องขนให้หมดก่อน ตะวันตกดิน”
“งานแค่นั้นฉันทำเสร็จทันเวลาแน่ แต่งานของน้าจิก น้าแสนไม่มีทางเสร็จทันเวลาแน่ ถ้าแกมัวแต่มา ข่มเหงเขาอยู่แบบนี้”
ไอ้เชิดหงุดหงิดง้างหมัดแล้วปรี่เข้าใส่ แต่เชนกลับเอี้ยวตัวหลบแล้วเตะตัดขาจนมันหน้าคะมำ หัวเกือบทิ่ม เชนรีบเข้าไปช่วยแสนประครองจิกขึ้นมายืน พลางอาสาจะทำงานแทน ให้แสนรีบพาจิกเข้าไปพัก แต่ไอ้เชิดกลับชักปืนออกมาจ่อไปที่หัวเชน
“ก็ลองไปดูสิวะ ใครเป็นขี้ข้าใครเป็นเจ้านาย อยากรู้มั้ยไอ้เชน”
เชนชะงักนิ่ง ด้วยความเจ็บใจ
อีกมุมหนึ่งของเหมือง เพลิงกับผู้กองสมาน กำลังทำงานสกัดหินอยู่ท่ามกลางแดดร้อนระอุร่วมกับ ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มา ระหว่างนั้นเสียงของชาวบ้านคนหนึ่งร้องโอดโอยดังลั่น เพราะโดนหินทับ เพลิงกับผู้กองสมานหันขวับไปจะช่วย แต่ไอ้คมกลับเข้ามาขัด จนหวุดหวิดจะมีเรื่องกับผู้กองสมาน เพลิงรีบเข้ามาห้ามทัพไว้
“ที่พวกเอ็งไว้ชีวิตพวกข้าเพราะต้องการให้มาทำงานในเหมือง ถ้าพวกข้าเป็นอะไรไป พวกเอ็งคงต้องไป ลักพาตัวคนจากหมู่บ้านอื่นมาทำงาน ถ้าเป็นอย่างนั้น เหมืองทองคำก็คงไม่ใช่ความลับของผาปืนแตกอีกต่อไป”
ไอ้คมชะงักจิกหน้าร้ายรีบเก็บมีด แล้วบอกให้ทั้งคู่ช่วยคนเจ็บ ถ้าช่วยไม่ได้ ก็ต้องแบกรับงานของคนเจ็บคนนั้นไปทำต่อ
เพลิงกับผู้กองสมานเข้าไปช่วยกันยกหินที่หนักอึ้งจนลอยขึ้นพอที่ชาวบ้านจะขยับตัวออกมา ท่ามกลาง เสียงพวกชาวบ้านที่เชียร์กันสนั่น ไอ้คมคมยิงปืนขึ้นฟ้า แล้วชี้ปืนไปที่เพลิงกับสมานอย่างหมั่นไส้
“ข้าจะรอวันที่เอ็งสองตัวหมดประโยชน์ วันนั้นมาถึงเมื่อไหร่ล่ะก็ สนุกแน่”
พูดจบไอ้คมก็เดินออกไป ขณะที่ยอดเข้ามาบอกทั้งคู่ให้รีบไปช่วยเชน
เชนถูกทอมกระชากคอเสื้อมาใช้หัวโขกใส่. จนตัวเซ ไอ้เชิดพร้อมกับพวกมันหัวเราะชอบอกชอบใจ จากนั้นทอมก็เข้าไปประเคนทั้งหมัด ศอก เข่าซ้ำอีก แต่มันก็ถูกเพลิงพุ่งตัวเข้ามาถีบหลังอย่างแรงก่อนที่เชนจะถูกมัน กระทืบ ผู้กองสมานกับยอดเข้าไปช่วยประครองเชนขึ้นมา แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อถูกชาติยกปืนเล็งมา
“ไอ้เชิด ข้าสั่งให้เอ็งคุมพวกมันทำงาน แล้วนี่อะไร ปล่อยให้พวกมันมีเวลาว่างงานมากแบบนี้น่ะเหรอ”
ไอ้เชิดหน้าเจื่อน
“ขอโทษครับพี่ชาติ ไอ้เชนมันหัวแข็ง ไม่ยอมฟังคำสั่ง ผมก็เลยตั้งลากมันมาให้ไอ้ทอมสั่งสอน”
“แสดงว่างานที่ทำอยู่มันยังหนักไม่พอสำหรับมันสองตัว ถึงได้กล้าหัวแข็ง งั้นเดี๋ยวข้าจะจัดหางาน ที่ทำให้พวกมันไม่กล้าหืออีก”
ชาติพยักหน้าให้ไอ้เชิดกับไอ้ทอมคุมตัวเพลิงกับเชนแล้วลากตัวออกไป
เชนกับเพลิงถูกไอ้เชิดกับไอ้ทอมผลักเข้ามาที่ทุ่งหินโล่ง ชาติหัวเราะเยาะชอบใจก่อนจะหันไปสั่งลูกน้อง ที่ตามมาด้วย ให้วางกระเป๋าผ้าที่มีแท่งระเบิดไดนาไมต์พร้อมสายชนวน เชนกับเพลิงมองอย่างสงสัย
“ตลอดเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา พวกเอ็งช่วยทำให้พวกข้าได้ทองคำจำนวนมากอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ แต่นั่น ก็ยังไม่พอกับความต้องการที่พวกข้าจะใช้มันเพื่อก้าวไปสู่ความยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน”
เพลิงจ้องหน้าชาติ
“ความต้องการของพวกเอ็งมันใหญ่เกินตัว ต่อให้เอาทองทั้งภูเขาพระสุเมรุมากอง มันก็ไม่พอกับความ มักใหญ่ใฝ่สูง”
“เอ็งว่าข้ามักใหญ่ใฝ่สูงจนเกินตัว แล้วดูพวกเอ็ง มักน้อยจนสุดท้ายก็เป็นได้แค่แรงงานทาสของข้า”
ชาติพูดพร้อมกับโยนระเบิดไดนาไมต์ให้เพลิงกับเชนรับไปคนละแท่ง จากนั้นก็เอาตัวจุดชนวน ระเบิดออกมาวาง พลางสั่งให้ทั้งคู่ระเบิดเหมืองหาแร่ทองคำมาเพิ่ม แล้วพยักหน้าสั่งไอ้คมกับไอ้ทอม ให้ผลักไหล่เชนกับเพลิงให้เดินออกไป
วัลภาหยิบชุดนักร้องปักเลื่อมสวยที่แขวนอยู่ในราวออกมามองอย่างเสียดาย ครู่หนึ่งก็หัน ไปเห็นน้อย เดินตามสาวเชียร์รำวงในคณะคนหนึ่งเข้ามา พลางเตือนให้คิดให้ดีกับการตัดสินใจ ที่จะออกไปทำงานที่ต้องเอาตัวเข้าแลก
“แล้วพี่น้อยจะให้ฉันทำยังไง พ่อกับพี่ชายฉันก็ต้องไปเป็นแรงงานในเหมือง แม่ฉันก็กำลังป่วย จะกิน จะอยู่ในผาปืนแตกตอนนี้มันก็อัตคัตไปหมด ถ้าฉันไม่ทำก็ต้องอดตาย พี่น้อยห้ามฉันไม่ได้หรอก พวกนั้นมารับฉันแล้ว”
พอสาวเชียร์รำวงเดินออกไป วัลภาก็เข้ามาถามด้วยความสงสัย
สาวเชียร์รำวงเดินออกมาหาน้ำค้างที่มาพร้อมกับฟ้าลั่นและลูกน้อง น้ำค้างเอาเงินค่าจ้างล่วงหน้า ยื่น ให้ พร้อมกับที่ฟ้าลั่นlสั่งลูกน้องให้พาไปที่บาร์ผีเสื้อราตรี
วัลภากับน้อยรีบเดินออกมา พยามยามจะห้าม แต่เจอฟ้าลั่นก้าวเข้ามาขวาง
“ทำไมจ๊ะวัลภาคนสวย อยากจะตามลูกน้องในวงของผัวเธอไปทำงานที่บาร์ของฉันด้วยเหรอ ถ้าอย่าง เธอ ฉันขับรถพาไปส่งถึงที่ ไม่ต้องเดินให้เมื่อยหรอก”
แต่มันกลับโดนวัลภาด่ากลับ น้ำค้างเถียงแทนว่าผู้หญิงพวกนั้นเต็มใจเอง น้อยทนไม่ไหวเงื้อมือ จะ ตบฟ้าลั่น แต่กลับถูกจับมือเอาไว้หมับ แล้วผลักน้อยเข้าไปในบ้าน วัลภาตกใจ รีบตามเข้าไป น้อยถูกฟ้าลั่นผลักเข้ามาจนล้มใส่ราวแขวนเสื้อผ้านักร้องล้มระเนระนาด วัลภาปรี่เข้าไปจะเล่นงาน ฟ้าลั่น แต่ถูกน้ำค้างจับแขนรั้งไว้ พลางพูดทวงบุญคุณ จากนั้นก็เดินเข้าไปสั่งฟ้าลั่นให้จัดการกับน้อยจนเลือดกลบปาก วัลภาต้องรีบรีบเข้าไปประคอง
ฟ้าลั่นหัวเราะชอบใจ ก่อนจะหยิบเสื้อผ้านักร้องปักเลื่อมขึ้นมาจากพื้น แล้วเดินเข้าไปเล็งไปทาบ ที่ตัววัลภา
“ตอนนี้บาร์ของฉันเริ่มเปิดต้อนรับลูกค้าคนสำคัญแล้ว แต่ยังขาดวงดนตรีสนุกๆที่ จะไปช่วยขับกล่อม ให้ลูกค้าของฉัน”
วัลภาปัดมือมันออกจากรังเกียจ
“ถ้าคิดจะให้พวกฉันไปร้องรำทำเพลงให้พวกแกฟังล่ะก็ ฝันไปเถอะ”
ฟ้าลั่นหัวเราะขำ
“ฉันนึกอยู่แล้วว่าถ้ามาบอกดีๆ คงต้องโดนปฏิเสธ แต่อย่าเล่นตัวหยิ่งยโสให้มากนักนะ เพราะตอนนี้ พวกไอ้เชน มันต้องไปทำงานที่เหมืองทุกวัน วันดีคืนดีถ้าพวกมันไปเหยียบระเบิดที่ไว้ใช้ระเบิดเหมืองเข้า ถึงตอนนั้นที่นี่ ก็คงจะมีแต่แม่หม้ายกันหมด ก็อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละวัลภา ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้ ถ้าอยากมีชีวิตรอดในผาปืนแตก แกจะต้องฉลาดและรู้จักปรับตัว ลองไปคิดดูเอาเองนะ วัลภาคนสวย”
พูดจบฟ้าลั่นก็เชยคางวัลภาก่อนจะเดินออกไป น้ำค้างยิ้มร้ายแล้วตามไปด้วย วัลภากับน้อยมองตาม อย่างเจ็บใจ
เชน กับเพลิงกำลังปักแท่งระเบิดลงในช่องหินที่เจาะเอาไว้สำหรับใส่ระเบิด โดยมีสายชนวนระเบิด ระโยงระยางลากยาวไปสุดปลายที่ชาติกับพวกมัน
ชาติตะโกนสั่ง
“เดี๋ยวก่อน งานแค่นั้นมันยังไม่จบ พวกแกต้องรอฟังคำสั่งของฉันก่อน แล้วถึงจะกลับเข้ามาได้”
เชนสวนกลับทันที
“ไอ้ชาติ ถ้าจงใจจะฆ่ากันแบบนี้ ชักปืนออกมายิงเลยดีกว่ามั้ง”
ชาติยิ้มเหยียด
“ยิงนัดเดียวตายแบบนั้นแล้วมันจะไปสนุกอะไรวะ ในเมื่อพวกเอ็งอยากหัวแข็ง ก็ต้องเจองานหนักๆ จะได้ไม่กล้าหืออีกไง ข้าจะนับ1-10 ถ้าพวกเอ็งวิ่งออกมาจากดงระเบิดนั่นช้า พวกเอ็งก็ไม่รอด”
พูดพลางเริ่มนับเสียงดัง เชนกับเพลิงกำหมัดแน่นหันมามองหน้ากัน สีหน้าเคร่งเครียด
“เราต้องรอดใช่มั้ยพี่บึ้ก”
เพลิงพยักหน้า “ใช่ไอ้น้องชาย ตายง่ายๆไม่ได้เด็ดขาด”
“งั้นเต็มที่เลยนะพี่บึ้ก ตีนหมา”
เพลิงพยักหน้ารับกับเชนแ แล้วออกตัววิ่งเต็มกำลัง แต่พอทั้งคู่ใกล้จะถึงแนวปลอดภัย ชาติแอบเล่น ขี้โกง หันไปพยักหน้าให้ไอ้เชิดชักปืนเอ็ม 16 ออกมา แล้วกราดยิงไม่ให้เชนกับเพลิงวิ่งเข้ามาได้อย่างง่ายๆ ทั้งคู่ต้อง กระโจนหลบกลิ้งไปตามพื้น ชาติหัวเราะชอบใจ
เพลิงถูกกระสุนถากที่ขา เชนรีบเข้ามาประคอง แล้วรีบพยุงพาเพลิงมุ่งหน้าไปที่เส้นแนวพ้นเขต ระเบิดอย่างลุ้นระทึก
ทันทีที่นับถึง 10 ชาติก็กดระเบิดทันที ระเบิดที่ฝังเอาไว้ระเบิดพร้อมกันดังสนั่นหวั่นไหว สะเก็ดหิน กระจายเต็ม ฝุ่นควันคละคลุ้งไปทั่ว
เชนกับเพลิงถูกแรงระเบิดอัดกระแทกลอยเข้ามากลิ้งลงแทบเท้าชาติชนิดรอดตายหวุดหวิด ชาติหัวเราะสะใจ แล้วควักเอาแบงค์ที่ขยำจนยับยู่ยี่โยนให้ตรงหน้า
“เอาไป ค่าแรงสำหรับงานวันนี้ของพวกเอ็ง เก็บไว้ซื้อขาวปลากินจะได้มีเรี่ยวมีแรงมาทำงานแบบนี้ ให้ข้าอีก”
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 17 (ต่อ)
ชาติกับพวกพากันออกไป ทิ้งให้เชนเข้าไปช่วยประคองเพลิงที่ขายังมีเลือดไหลอยู่ โดยไม่แตะต้องเงินที่ยับยู่ยี่ที่พื้น
แสนประครองจิกที่แกล้งทำเป็นอ่อนเปลี้ยเพลียแรงเข้ามานั่งหลบใต้ร่มไม้ใกล้ๆ แคมป์ ที่มีพวกลูกน้องของกำนันปราบเดินไปเดินมา จิกแกล้งทำเป็นร้องโอดโอยครวญคราง จนลูกน้องคนหนึ่งเข้ามา ทั้งคู่แกล้งออกปากขอพัก จนลูกน้องหลงเชื่อเดินออกไป ทั้งคู่หันมาพยักหน้าให้กัน
“ข้าจะดูต้นทางให้ เอ็งรีบไปเถอะ”
จิกหันมาบอก แสนพยักหน้ารับ
“เออ ระวังตัวด้วย”
พูดจบก็รีบเดินเข้าไปที่บริเวณแคมป์ของพวกมันโดยมีจิกคอยช่วยดูต้นทาง
แสนซุ่มรออยู่ข้างนอกจนกระทั่งลูกน้องคนหนึ่งของพวกมันเดินออกมาจากข้างใน จึงรีบมุดเต๊นท์เข้าไป
แล้วรีบเข้าไปรื้อค้นตามลังต่างๆ จนมาถึงลังอาวุธ พอเปิดลังออกก็เจอกระสุนปืนเรียงเป็นตับ พร้อมด้วยปืนสั้นอีกหลาย กระบอก
แสนตาโต หยิบปืนกับกระสุนขึ้นมามองด้วยความตื่นเต้น
จิกที่ดูต้นทางอนู่ เห็นแสนเข้าไปนานก็เริ่มกังวล ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงไอ้คมเรียกมาจากข้างหลัง
“ไอ้จิก เอ็งมาทำอะไรแถวนี้วะ”
จิกรีบทำสำออย บอกว่าเข้ามาพัก แต่ก็ตบตามันไม่ได้ ไอ้คมปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อมาจ้องเขม็ง และยกตัวจิกขึ้นจนขาลอยจากพื้น
“ข้าถามเอ็งอีกครั้งว่าเอ็งป่วยจริงๆ หรือแกล้งอู้งาน”
จิกแกล้งทำเป็นจามออกมาใส่หน้าจนน้ำลายเต็มหน้า ไอ้คมยิ่งโมโห เหวี่ยงจิกกระแทกลงพื้น
ก่อนจะซัดหมัดเข้าที่ท้องอย่างแรง จนจิกตัวงอ ระหว่างนั้นลูกน้องคนเดิมเดินกลับมา พร้อมกับบอกว่าเป็นคนอนุญาตให้แสนกับจิกเข้ามาพัก
“ไอ้แสนพามันมา ? แล้วตอนนี้ไอ้แสนอยู่ไหน”
จิกหน้าเสียรีบทำเป็นก้มหน้าก้มตาร้องโอดโอย ไอ้คมยิ่งระแวง
แสนกำลังเอาปืนเหน็บเข้าที่เอวสองสามกระบอก เอาลูกกระสุนใส่กระเป๋ากางเกงและกระเป๋าเสื้อ พยายามขนไปให้มากที่สุด แต่ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงไอ้คมสั่งลูกน้องให้เปิดดูตามเต๊นท์ ก่อนที่จะหันมองมาที่เต๊นท์ที่แสนอยู่
ไอ้คมเดินใกล้จะมาถึงเต๊นท์ แสนยืนตกใจทำอะไรไม่ถูก ระหว่างนั้นมือหนึ่งมาแตะไหล่ แสนหันปาก กระบอกปืนที่ถืออยู่ในใส่ทันที แต่คนที่เข้ามากลับกลายเป็นยอด
“ฉันเป็นห่วงพวกน้าเลยตามมาดู ฉันเข้ามาทางนี้. ตามฉันออกไปเถอะ”
ยอดชี้ให้ดูว่าตัวเองแอบมุดเข้ามาจากอีกฝั่งของเต๊นท์ แสนรีบมุดออกไปทางนั้น ยอดเหลือบมองไป ที่ลังอาวุธ เห็นวิทยุสื่อสารเก่าๆอยู่ในลัง ก็นิ่งมองอย่างตัดสินใจ
ไอ้คมเดินมาถึงหน้าเต๊นท์ พร้อมกับขึ้นไกปืนแล้วพยักหน้าให้ลูกน้องเข้ามาสมทบ พวกมันยกปืนเล็ง เตรียมพร้อมจู่โจมเข้าไปข้างในทันทีที่ไอ้คมสั่งให้บุก แต่พอเข้ามาในเต๊นท์ กลับไม่เจอใคร ลังอาวุธก็อยู่ในสภาพเดิม แต่ไอ้คมยังไม่สิ้นสงสัยหันไปสั่งลูกน้องให้ตามต่อ
ไอ้คมกับลูกน้องรีบวิ่งออกมาบริเวณแคมป์ที่พัก ก่อนจะมีคนเห็นแสนยืนลับๆ ล่อๆ หันหลังอยู่ข้างต้นไม้ พวกมันรีบปราดเข้าไป แต่กลายเป็นว่าเจอแสนยืนฉี่อยู่
อีกด้านของเหมือง ผู้กองสมานกำลังขนเศษหินใส่รถเข็นเตรียมเข็นออกไปทิ้ง ยอดยืนลับๆล่อๆ แล้วค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆ เพื่อหลบสายตาของพวกลูกน้องชาติที่เฝ้าอยู่รอบๆ ก่อนจะแอบเอาปืนสองสามกระบอกกับ กระสุนอีก 1 ถุง วางใส่ในรถเข็นขนหินแล้วเอาเศษหินวางทับกลบเกลื่อนไม่ให้ใครเห็น จากนั้นยอดก็บอกต่ออีกว่าได้ของดี คือวิทยุสื่อสารติดมือมาด้วย
แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะคุยอะไรกันต่อ ชาติก็ตวาดเสียงดังแทรกเข้ามา
“พวกเอ็งยังมายืนคุยอะไรกันอีก อยากโดนงานหนักเหมือนอย่างไอ้สองตัวนั่นใช่มั้ย”
ยอดรีบเอาวิทยุที่ได้มาใส่ลงไปในรถเข็นขนหิน แล้วช่วยผู้กองสมานเอาหินมาคลุม
ชาติหันมาสั่งไอ้เชิดให้ดูแลที่นี่ให้ดี ก่อนที่จะเดินออกไป ไอ้เชิดหันมามองผู้กองสมานกับยอด ทั้งคู่จึงรีบเข็นรถขนหินออกไปอย่างเนียนๆ
ติ๋มช่วยดูแลเอื้อมเอือน ที่เอาแต่อาเจียนเพราะแพ้ท้องอยู่อยู่ที่สุขศาลา เอื้อมเดือนไม่วายย้ำติ๋มว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร แต่ติ๋มกลับแย้งว่าเรื่องแบบนี้ปิดได้ไม่นาน ผู้กองสมานก็ต้องรู้เรื่อง
เอื้อมเดือนพยักหน้า สีหน้ากังวล“ฉันรู้ว่าเรื่องนี้ปิดไม่ได้หรอก แต่เวลานี้ผาปืนแตกกำลังอยู่ในภาวะที่ฉันไม่สมควรจะพูดเรื่องนี้ ให้ใครฟัง”
ระหว่างนั้นกำนันปราบเดินเข้ามาพร้อมลูกน้องที่ขนลังอุปกรณ์ยาเข้ามา พลางปรายตามองเอื้อมเดือน แล้วยิ้มแบบมีเล่ห์เหลี่ยม
เอื้อมเดือนกับติ๋มยืนดูกำนันปราบสั่งให้ลูกน้องเอายาและเครื่องเวชภัณฑ์มากมายออกมาจากลัง ซึ่งมีปริมาณมากพอที่จะใช้ได้ประมาณ 6 เดือน
เอื้อมเดือนมองยาตรงหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงชาเย็น
“ก่อนอื่นฉันต้องขอบคุณมากค่ะกำนันที่อนุญาตให้ฉันกลับมาที่สุขศาลาเพื่อดูแลชาวบ้านอีกครั้งและถ้า กำนันอยากจะแสดงความมีน้ำใจ กำนันก็ควรจะให้สิทธิพิเศษฉันผ่านด่านออกไปสั่งยากับเวชภัณฑ์ที่จำเป็นเอง”
กำนันปราบหัวเราะในลำคอ
“ผมให้สิทธิพิเศษนั่นกับคุณหมอไม่ได้หรอกครับ เพราะผมลั่นปากไว้แล้ว แม้แต่มดตัวเดียว ผมก็ให้ ออกไปจากผาปืนแตกไม่ได้ เชิญทำงานตามหน้าที่ต่อนะครับ”
กำนันปราบยิ้มร้ายแล้วจะเดินออกไป จังหวะเดียวกับที่เชนพยุงเพลิง ถูกยิงเฉี่ยวที่ขาเข้ามา
“ไอ้เชน ไอ้เพลิง ได้ยินไอ้ชาติมาคุยว่าวันนี้หางานดีๆ ให้พวกเอ็งทำ ท่าทางงานนี้จะสนุกถูกใจพวกชอบ เสี่ยงชีวิตอย่างพวกเอ็งนะ”
เชนกำหมัดแน่น
“งั้นฉันฝากกำนันกลับไปบอกไอ้ชาติมันด้วย คนอย่างไอ้เชน พนัญเชิงกับไอ้เพลิง พญา ไฟ นรกยังไม่ ต้องการตัวง่ายๆ”
กำนันปราบจะหัวเราะเยาะ
“พวกเอ็งไม่ต้องถามหานรกที่ไหนหรอก เพราะที่มีชีวิตกันอยู่ทุกวันนี้ก็เหมือนอยู่ในนรกที่พวกข้า หยิบยื่นให้เอ็ง”
พูดจบก็เดินออกไป เชนกับเพลิงมองตามอย่างเจ็บใจ
เอื้อมเดือนช่วยทำแผลที่ขาให้เพลิงจนเรียบร้อย
“ทีหลังอย่าทำเรื่องเสี่ยงๆแบบนี้อีกได้มั้ย ถ้าพลาดขึ้นมาล่ะก็..”
เอื้อมเดือนนิ่งไปไม่กล้าพูดคำว่าตาย แต่เพลิงก็เข้าใจความรู้สึกได้ดี
“ผมขอโทษครับที่มาแล้วก็ทำให้คุณหมอไม่สบายใจ แต่ผมคงรับปากไม่ได้ เพราะทุกนาที ตอนนี้ ชีวิตของพวกเรามันก็ต้องอยู่กับความเสี่ยง”
เอื้อมเดือนเกือบตัดสินใจพูดเรื่องท้องกับเพลิง แต่เชนเข้ามาขัดจังหวะโดยไม่ตั้งใจ เอื้อมเดือนจึงเปลี่ยนใจไม่พูด
“คือฉันจะบอกว่า ฉันพยายามหาข้ออ้างกับกำนันขอออกไปจากผาปืนแตกแล้ว แต่เขาคงรู้ทัน เลยไม่ ยอมให้ฉันออกไป”
เพลิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ พวกมันกลัวเราจะติดต่อขอความช่วยเหลือจากคนข้างนอก ยังไงมันก็ต้อง ขังพวกเราเอาไว้ในนี้”
“ก็ปล่อยให้มันย่ามใจ ขังเราเอาไว้จนตายใจ เพราะเมื่อถึงวันที่เราพร้อมล่ะก็ ฉันจะเอาคืนพวกมันให้ สาสม”
เชนพูดด้วยสีหน้าจริงจังดุดัน
วัลภาหยิบปืนในกระบะขึ้นมาขึ้นลำกล้องแล้วลองเล็งดู ส่วนเชนกับจิกกำลังช่วยกันตรวจดูวิทยุสื่อสาร ที่ได้มาจากยอด ครู่หนึ่งจิกก็ร้องอย่างดีใจ
“เสร็จแล้วโว้ย ข้าซ่อมวิทยุสื่อสารได้แล้ว ฝีมืออย่างไอ้จิกซะอย่าง”
วัลภายิ้มอย่างพอใจ
“งั้นหมายความเราจะวิทยุขอความช่วยเหลือจากคนอื่นให้มาช่วยเรากวาดล้างพวกมันได้แล้วใช่มั้ย”
เชนพยักหน้า
“ใช่แล้ววัลภา ฉันจะติดต่อขอให้ผู้พันที่ฉันเคยสังกัดอยู่ ให้ยกกองกำลังมาช่วยกวาดล้างพวกมัน”
แต่เชนลองเปิดเครื่อง กลับไม่มีเสียง
“เครื่องมันเก่าต้องกระตุ้นมันก่อน มาเดี๋ยวน้าทำให้ดู”
จิกเข้าไปใช้มือทุบๆ แล้วยกเครื่องขึ้นมาเขย่าๆ ครู่หนึ่งก็ใช้การได้
เชนค่อยๆใช้มือหมุนหาคลื่นความถี่ช้าๆ อย่างตั้งใจ เสียงคลื่นแทรกดังออกมาเป็นระยะๆ สักพักก็เริ่ม ได้ยินเสียงคลื่นที่เปลี่ยนไปเหมือนจะเจอคลื่นที่กำลังหาอยู่
“เจอแล้ว ช่องสัญญาณนี้แหละ ผู้พันครับ ผมเชน พนัญเชิง ผมต้องการความช่วยเหลือ เพราะตอนนี้...”
เชนพูดยังไม่ทันจบประโยคดี ไฟจากเครื่องส่งวิทยุก็ช็อตเกิดประกายไฟแปล๊บก่อนจะระเบิดควันโขมง
จิกมองทุกคนหน้าเครียดๆ
เชนมือกำแน่น พลางทุบเสาเรือนอย่างเจ็บใจ จนวัลภาต้องเข้ามาแตะไหล่ปลอบใจ
“น้าจิกก็ไม่ได้บอกว่าจะซ่อมไม่ได้นี่เชน แต่แค่ต้องหาอะไหล่มาเปลี่ยนใหม่แค่นั้น”
เชนถอนหายใจ
“แค่นั้นน่ะเรื่องใหญ่เลยนะวัลภา กว่าที่พวกเราจะหลอกล่อให้น้าจิกกับน้าแสนเข้าไปลักลอบขโมย อาวุธของพวกมันมาสะสมได้แต่ละครั้ง ก็ยากเย็นแสนเข็ญ ยิ่งครั้งนี้พวกมันเริ่มรู้ตัวแล้วด้วย เราคงไม่มีครั้งต่อไปแน่”
วัลภาพูดเตือนสติเชนว่าอย่าเพิ่งหมดหวัง เชนหันมายิ้มตอบ
“พ่อฉันพูดถูกว่าฉันควรจะรักเธอมากๆ เพราะเธอเป็นเมียที่ดีที่คอยดูแลฉันในทุกๆเรื่อง ฉันรักเธอจัง เลยวัลภา”
พูดพลางก็ยื่นหน้าจะจูบ แต่วัลภาดันให้ไปจูบเสาเรือนแทน
“อย่ามาขี้ตู่ฉวยโอกาสนะเชน สัญญาเรายังเหมือนเดิม ผาปืนแตกไม่สงบสุข เธอก็ยังไม่ได้ฉันเป็นเมีย จริงๆ”
วัลภายิ้ให้ก่อนจะเดินออกไป เชนมองตามตาละห้อย
เชนตามวัลภาเข้ามาในห้องนอน พลางพูดจาออดอ่อน จนวัลภาเริ่มจะใจอ่อน แต่จู่ๆ กลับนึกอะไรขึ้นมาได้
“ฉันนึกอะไรออกแล้วเชน”
เชนทำหน้าจ๋อย “โธ่ มานึกอะไรออกตอนนี้ล่ะวัลภา เก็บไว้ก่อนได้มั้ย”
“ไม่ได้ ก็นี่มันเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้น้าจิกซ่อมเครื่องส่งวิทยุได้ไง พอคิดอะไรดีๆ ออกแล้วสมองมันแล่น ไม่อยากทำอะไร เดี๋ยวลืม”
เชนแอบทำหน้าเซ็ง
เช้าวันใหม่ ทุกคนมารวมกันที่ลานซ้อมวง วัลภารีบเล่าแผนการว่าจะให้ทุกคนเข้าไปเล่นดนตรีในบาร์ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ขณะที่จะส่งคนเข้าไปหาอะไหล่มาซ่อมวิทยุสื่อสาร แต่เชนกลับไม่เห็นด้วย
“ถ้าเธอก้าวเข้าไปในบาร์ของพวกมัน เธอรู้ใช่มั้ยว่าเธอจะต้องเจอกับอะไรวัลภา บาร์ของพวกมันก็คือ ซ่องของพวกผีเสื้อราตรีนะ”
ชื่อของผีเสื้อราตรีทำให้วัลภาชะงัก สีหน้าเกิดความกังวลขึ้นมาในดวงตาวูบนึง
“ผีเสื้อราตรีเคยทำให้เธอต้องเจ็บปวด แล้วเรื่องอะไรฉันจะปล่อยให้เธอต้องเข้าไปเสี่ยงกับพวกมันอีก”
“แต่ทุกวันนี้ทุกคนก็ต้องเสี่ยงชีวิตกันหมดไม่ใช่เหรอเชน แล้วจะให้ฉันรอเฉยๆ รอว่าเมื่อไหร่ เธอจะ พลาดท่า แล้วกลับมาเป็นศพเหรอ ฉันไม่รอหรอกเชน”
วัลภาน้ำตาคลอๆปัดมือเชนแล้วเดินเข้าไปในบ้าน เชนจะตามไป แต่แสนแตะไหล่ห้ามไว้
“น้าว่าเอ็งอย่าเพิ่งไปห้ามเลย ก็รู้อยู่ว่าวัลภาตั้งใจแล้วอะไรก็หยุดไม่ได้”
เพลิงพยักหน้าเห็นด้วย
“น้าแสนพูดถูกนะเชน ว่าแต่ผีเสื้อราตรีคืออะไร ทำไมวัลภาถึงได้มีท่าทางกลัวนัก”
เชนมองหน้าเพลิงนิ่ง
เพลิงกลับเข้ามาในกระท่อมท้ายวัด พลางคิดถึงคำพูดของเชน
“ผีเสื้อราตรีมันก็คือพวกแมงดาที่เที่ยวไล่จับผู้หญิงมาตีตราให้เป็นสินค้าทางเพศ วัลภาเคยถูกพวกมัน จับตัวไป และถูกตีตราให้เป็นผีเสื้อราตรี แต่โชคดีที่ผู้กองสมานช่วยออกมาได้ และจับพวกมันเข้าคุกไปหลายคน”
เพลิงพยักหน้า
“งั้นพี่ก็เข้าใจแล้ว เพราะไอ้พวกผีเสื้อราตรีมันถูกผู้กองทลายแก๊งไปที่กรุงเทพฯ พวกมันเลยโอนกิจการ ทั้งหมดไปให้ไอ้ฟ้าลั่นดูแลแทน”
“ใช่ เชื้อชั่วพวกนี้มันไม่ยอมตาย ยิ่งได้คนอย่างไอ้ฟ้าลั่นมาดูแลด้วยแล้ว สันดานมันยิ่งเข้าทางเรื่อง พวกนี้ ตอนนี้มันก็เลยรื้อฟื้นผีเสื้อราตรีขึ้นมาเพื่อใช้รับรองพวกลูกค้าเหมืองทองคำ คอยเอาใจและช่วยเหลือพวกมัน”
เพลิงตบบ่าเชน
“งั้นก็น่าเป็นห่วงที่วัลภาจะต้องกลับไปเจอความน่ากลัวที่เคยผ่านมาแล้ว แต่อย่างนึงที่พี่อยากจะ บอกเอ็ง ความกลัวที่วัลภาเคยผ่านมา มันมีก่อนที่วัลภาจะรู้จักเอ็ง แต่ตอนนี้พี่เชื่อว่าวัลภาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนเยอะ เพราะมีเอ็งคอยเป็นกำลังใจ ไว้ใจวัลภาเถอะเชน”
เชนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับเพลิง
เพลิงนึกถึงคำพูดของเชน ระหว่างนั้นสายตาก็เหลือบไปมองที่ผีเสื้อพลาสติกที่ฟ้างามกำเอาไว้ในมือ ก่อนที่ตัวเองจะตาย
เพลิงมองผีเสื้อพลาสติกตัวนี้ แล้วก็ยิ่งครุ่นคิด และความสงสัยบางอย่างก็ทำให้เพลิงนึกอะไรขึ้นมาได้
ภาพเหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง
วันนั้นเพลิงหิ้วถุงซื้อเสื้อผ้ามาเต็มสองมือเข้ามาแล้วร้องเรียกหาฟ้างามในบ้าน แต่ไม่มีเสียงขานรับ เพลิงหยิบผีเสื้อพลาสติกที่ฟ้างามยังร้อยมู่ลี่ไม่เสร็จขึ้นมาดู ครู่หนึ่งฟ้างามก็เดินหน้าเศร้าออกมา
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะเพลิง”
“อ้าว ฟ้างาม อยู่ในบ้านเหรอ ผมเรียกคุณตั้งนานแล้วไม่เห็นคุณตอบผมเลย”
ฟ้างามหลบตาวูบ
“คือ ฉันซักผ้าอยู่หลังบ้านจ้ะ”
“งั้นแสดงว่าคุณก็กลับมานานแล้วสิ ผมนึกว่าคุณจะไปทำธุระกับพี่ลำดวนนานกว่านี้ซะอีก”
ฟ้างามชะงัก สีหน้าไม่ค่อยสบายใจ
“เอ่อ พอดีฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายก็เลยขอตัวกลับมาก่อน”
เพลิงยื่นมือจะไปแตะหน้าผากแต่ฟ้างามรีบปัดมือออก
“ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะเพลิง เดี๋ยวฉันไปหาอะไรให้เธอกินแล้วกันนะ”
ฟ้างามรีบเดินออกไปด้วยท่าทีดูแปลกๆ จนเพลิงอดสงสัยไม่ได้
เพลิงเดินตามฟ้างามมาที่เตียงนอนที่ฟ้างามมานั่งเศร้าๆ พลางพยายามคาดคั้นถามว่าฟ้างามมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า
“อย่าโกหกผมเลย ผมขอร้องล่ะ ผมเป็นคนพรากคุณมาจากชีวิตที่สุขสบายแล้วต้องมา ร่วมฝันกับ อนาคตที่ไม่รู้จะเป็นจริงเมื่อไหร่ของผม อย่าให้ผมรู้สึกว่าผมทำอะไรให้คุณไม่ได้เลยนะฟ้างาม เชื่อใจผมสิ”
ฟ้างามนิ่งมองเพลิงน้ำตาคลอๆแล้วเหมือนจะพูดออกมา แต่เสียงของลำดวนดังขัดเข้ามาก่อน
“ฟ้างาม นี่พี่ลำดวนเองนะ ฟ้างาม”
ฟ้างามชะงักเมื่อได้ยินเสียงพี่ลำดวน สีหน้าเปลี่ยนไปแต่เพลิงไม่ทันสังเกตเห็น
“พี่ลำดวนมาทำไม เดี๋ยวผมไปดูก่อนนะ”
เพลิงรีบลุกออกไป ฟ้างามหน้าเจื่อน อยากจะห้ามเพลิงแต่ห้ามไม่ทัน
จากนั้นเพลิงก็พาลำดวนเข้ามาในบ้าน ฟ้างามเอาแต่ยืนก้มหน้าก้มตาไม่ยอมมองหน้าลำดวน
“โธ่เอ้ย พี่ก็นึกว่าฟ้างามเป็นอะไรถึงได้รีบออกมาจากบ้านท่าน”
“ท่าน ? ท่านไหนเหรอพี่” เพลิงถามย้ำ
ลำดวนเหลือบมองฟ้างามอย่างมั่นใจว่าฟ้างามยังไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง
“ท่านสมบัติน่ะจ้ะ ท่านเป็นนักการเมืองที่รู้จักสนิทสนมกับพี่ ท่านเคยช่วยเป็นสปอนเซอร์ให้ตอนพี่ ออกแผ่นเสียงแล้วก็เดินสายร้องเพลงทั่วประเทศ”
พูดไปลำดวนก็เดินฉีกยิ้มเข้าไปที่ฟ้างามแล้วยืนประกบข้างๆ พลางยิ้มอย่างเป็นมิตร ทั้งที่ในใจคิด อย่างอื่น
“บังเอิญว่าตอนพี่ไปเดินซื้อของกับฟ้างาม พี่ไปเจอท่านก็เลยแวะไปทานข้าวที่บ้านท่าน แต่ยังไม่ทัน จะได้ทานอะไร ฟ้างามก็รีบขอตัวกลับมาซะก่อน”
“เรื่องนี้รึเปล่าฟ้างามที่คุณกำลังจะบอกผม”
ฟ้างามมองหน้าเพลิง พลางมองลำดวน ที่จิกหน้ายิ้มแต่ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้ แล้วชิงพูดตัดหน้า “โธ่เอ้ยฟ้างาม พี่ว่าหนูอย่ารู้สึกผิดเลย ท่านไม่โกรธหนูหรอก ถึงท่านจะมีอิทธิพลที่ใครๆก็พากันกลัว แต่ท่านก็เป็นผู้ใหญ่ใจดี ง่ายๆไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง ท่านรับปากพี่แล้วด้วยว่าจะช่วยดันเพลิงให้ได้ไปร้องเพลงเวทีใหญ่ ไม่ต้องมาร้องเพลงตามไนท์คลับอีก”
“จริงเหรอครับพี่ลำดวน”
ลำดวนทำทีเป็นยิ้มหวาน“จริงสิจ๊ะ พี่จะโกหกเพลิงทำไม เพลิงก็เหมือนน้องชายของพี่นะ ใช่มั้ยฟ้างาม”
ฟ้างามกระอักกระอ่วนที่จะพูด “ฉันขอตัวก่อนนะจ๊ะเพลิง”
ฟ้างามผลุนผลันรีบเดินออกไป แต่บังเอิญไปชนโต๊ะ ทำให้ผีเสื้อพลาสติกที่วางอยู่ตกพื้น
ลำดวนหันมาบอกกับเพลิง “ให้ฟ้างามไปพักเถอะจ้ะเพลิง คืนนี้พี่จะให้เพลิงร้องเพลงแทนพี่จะได้มั้ย”
เพลิงยิ้มให้ลำดวนโดยไม่ติดใจอะไร
เพลิงมองผีเสื้อพลาสติกในมือแล้วเริ่มสงสัยอยากรู้บางอย่าง พร้อมกับที่หูแว่วได้ยินเสียงคนเดินเข้า มาข้างหลัง จึงรีบวางผีเสื้อพลาสติกคืนที่เดิม แล้วหยิบปืนที่ซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าออกมาหันขวับไปจ่อ แต่ปรากฎว่าคนที่เดินเข้ามาคือเอื้อมเดือน ที่แวะมาดูอาการของเพลิง เพลิงเตือนว่าเอื้อมเดือนไม่ควรไปไหนมาไหนคนเดียว แต่เอื้อมเดือนกลับแย้งว่า
“ตอนนี้เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอก ฉันเป็นหมอคนเดียวในผาปืนแตกที่กำนันต้องการให้ฉันดูแลพวก คนงานในเหมือง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน กำนันมีปัญหาเรื่องแรงงานแน่”
“แต่ผมก็ไม่อยากให้คุณหมอประมาท” เพลิงพูดอย่างเป็นห่วง
“เธอกับเชนและพรรคพวกคนอื่นๆต่างหากที่ไม่ควรประมาท ฉันได้ยินจากน้าน้อยมาว่า วัลภาจะไป ร้องเพลงที่บาร์ของพวกนั้นเหรอ”
“ครับ ถ้าโชคดีได้อะไหล่มาซ่อมวิทยุสื่อสาร เชนก็จะตามผู้พันที่เคยร่วมปราบปรามพวกลายเสือมา ช่วยกันจัดการพวกมันให้สิ้นซากไปจากผาปืนแตก”
เอื้อมเดือนพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะทิ้งน้ำยาล้างแผลให้เพลิงแล้วรีบเดินออกไป เพลิงมองตามรู้สึก แปลกใจแต่ไม่ได้ตามไป
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 17 (ต่อ)
เอื้อมเดือนเดินน้ำตาคลอมาคนเดียว ระหว่างนั้นเธอมีอาการแพ้ท้องขึ้นมาเลยหยุดแวะพักที่ใต้ต้นไม้ แล้วอาเจียนออกมา ผู้กองสมานเดินเข้ามาเห็นน้องสาวตัวเองยืนอาเจียนอยู่ก็ตกใจรีบเข้ามาลูบหลังดูแล เอื้อมเดือนรีบบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่แพ้อากาศ แพ้แดด แล้วจะเดินเลี่ยงไป แต่ผู้กองสมานไม่ยอมปล่อยผ่านไป
“แบบนี้มันไม่ใช่หรอกเดือน อย่ามาโกหกพี่ดีกว่า”
“เดือนไม่ได้โกหกอะไร เดือนจะกลับไปดูแลคนไข้”
ผู้กองสมานจ้องหน้าเอื้อมเดือนอย่างคาดคั้น“พี่จะไม่ปล่อยให้เดือนไปจนกว่าเดือนจะพูดความจริง บอกพี่มาเดี๋ยวนี้นะเดือน พี่สั่งให้พูด”
พูดพลางบีบแขนน้องสาวอย่างแรง เอื้อมเดือนถึงกับน้ำตาคลอ
“พี่สมาน. ถ้าเดือนบอกพี่ไปแล้ว พี่ต้องรับปากนะว่าห้ามให้เพลิงรู้เรื่องเด็ดขาด พี่รับปากฉันก่อนสิ ฉันขอร้องล่ะ รับปากฉัน”
ผู้กองสมานพยักหน้า “ก็ได้ พี่รับปาก ตกลงเดือนเป็นอะไรกันแน่”
“ฉันท้องกับเพลิงจ้ะพี่”
ผู้กองสมานถึงกับอึ้ง ในขณะที่เอื้อมเดือน ร้องไห้โฮ พร้อมกับโผเข้ากอดพี่ชาย ด้วยความอึดอัดใจ
ผู้กองสมานยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เอื้อมเดือนเอาไปซับน้ำตาหลังจากฟังเรื่องราวที่น้องสาวเล่าให้ฟัง
“แล้วเดือนเริ่มรู้ตัวว่าท้องกับไอ้เพลิงตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตอนที่ผาปืนแตกเริ่มถูกพวกมันปิดตายจ้ะ”
ผู้กองสมานหน้าเครียด
“เดือนน่าจะบอกพี่ตั้งตอนนั้น พี่จะได้หาทางพาเดือนหนีออกไปจากที่นี่”
“แต่เดือนไม่เคยมีความคิดนั้นเลยนะจ๊ะพี่”
“แต่พี่ไม่ยอมให้เดือนอุ้มท้องในสถานการณ์ที่ผาปืนแตกเป็นแบบนี้”
เอื้อมเดือนหน้าสลด
“เพราะเหตุผลนี้ไงจ๊ะ เดือนถึงไม่อยากบอกใคร โดยเฉพาะกับเพลิง ถ้าเขารู้ เขาจะห่วงเดือนกับลูก มากกว่าภารกิจกอบกู้ผาปืนแตก”
ผู้กองสมานเจ็บใจจะเดินออกไป เอื้อมเดือนรีบเข้าไปห้าม
“แต่มันเป็นพ่อของเด็กในท้อง มันควรต้องรู้”
“งั้นถ้าพี่ไปบอกเพลิง เดือนจะเอาเด็กออก”
เอื้อมเดือนน้ำตาคลอเบ้าอย่างเจ็บปวด
“ถึงลูกจะเกิดมาจากความรักของเดือนกับเพลิง แต่ถ้าลูกจะเป็นสาเหตุให้เพลิงต้องกลายเป็นผู้ชาย เห็นแก่ตัว ยอมทิ้งภารกิจกอบกู้ความสงบสุขให้ผาปืนแตกแล้วล่ะก็ เดือนก็จะไม่ให้เขาเกิด พวกเราทุกคนต่างก็อยาก เห็นผาปืนแตกกลายเป็นสวรรค์บนดิน เมื่อถึงเวลานั้น เดือนอยากให้ลูกภาคภูมิใจในความสำเร็จของพ่อเขานะจ๊ะ พี่สมาน”
เอื้อมเดือนร้องไห้ออกมา ผู้กองสมานเลยตัดสินใจดึงน้องสาวมาโอบปลอบใจ
“พี่ขอโทษเดือน”
เพลิงแบกหินก้อนใหญ่ๆอย่างหนักอึ้งเข้ามาที่รถเข็น แต่ไอ้เชิดเข้ามายืนขวาง จงใจกลั่นแกล้งให้ เพลิงแบกก้อนหินหนักๆ อยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะหาเรื่องว่าเพลิงเป็นคนขโมยปืนกับกระสุนจากคลังแสง แต่เพลิงปฏิเสธ พร้อมๆ กับที่ขาสั่นเริ่มจะยืนไม่ไหว เข่าเริ่มทรุดลงมาข้างนึง
ไอ้เชิดใช้ท่อนไม้ใกล้มือฟาดเข้าที่กลางหลังเพลิงให้ลุกขึ้น เชนอยู่ในกลุ่มพวกชาวบ้านแรงงานเหมือง เห็นเพลิงกำลังถูกทารุณ ก็กัดฟันอย่างเจ็บใจ
เชนแอบลอบเข้ามาในแคมป์ที่พัก โดยมียอดตามหลังเข้ามาด้วย เชนซุ่มดูพวกลูกน้องของพวก มันเดินออกมาจากเต๊นท์ ก็หันมาถามยอด
“เอาของพวกมันมาได้มั้ย”
“ได้ แต่แอบเอามาได้แค่อันเดียว”
ยอดยื่นแท่งระเบิดไดนาไมต์ให้
“แค่นี้ก็พอ แต่ต้องรีบลงมือ ไม่งั้นพี่บึ้กถูกมันเล่นงานสนองความบ้าของพวกมันแน่”
ยอดพยักหน้าให้เชน แล้วทำทีเป็นเดินผิวปาก เรียกความสนใจจากพวกลูกน้องของพวกมัน พลางพยักหน้าให้เชนที่แอบซุ่มอยู่ใช้โอกาสนี้วิ่งเข้าไปด้านในแคมป์
เชิดกระทืบเข้าไปที่แผ่นหลังแรงๆ จนเพลิงจุกแอ้ก พวกชาวบ้านทำเหมืองได้แต่ยืนมองอย่างเวทนา แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย ระหว่างนั้นรถจี๊ปของกำนันปราบ กับชาติก็ขับเข้ามาจอด ไอ้เชิดรีบรายงานว่ากำลังสอบสวนเพลิงอยู่ เพราะสงสัยว่าเป็นคนลักลอบแอบเข้าไปขโมยอาวุธ
“ท่านสมบัติ’ นักการเมืองมากอิทธิพลที่นั่งมากับรถจี๊ปด้วย เดินลงมาจากรถ พลางถามกำนันปราบ “ไหนกำนันบอกว่าจะพาฉันมาดูผลงานทำเหมือง แล้วนี่อะไร อย่าให้เสียเวลาฉันสิ”
“คนงานมันเกเร ก็ต้องเข้มงวดกับมันหน่อยครับท่าน จัดการไปตามที่เอ็งถนัด ข้าต้องคุยธุระสำคัญ”
ไอ้เชิดรับคำ กำนันปราบกับชาติพาท่านสมบัติกลับไปที่รถจี๊ปแล้วขับออกไป
เชนแอบลอบเข้ามาใกล้ๆ เต๊นท์หนึ่งในบริเวณแคมป์ที่มีลูกน้องปราบถือปืนเอ็ม16 เฝ้าอยู่ แสดงให้ เห็นว่าเต๊นท์นี้มีความสำคัญมาก ก่อนที่จะฉวยจังหวะย่องเข้าไปข้างหลัง แล้วใช้ฝีมือจัดการมันจนหมอบนิ่งไปอย่าง เงียบเชียบ ทั้ง 3 คน
เชนค่อยๆลากพวกมันไปหลบไม่ให้ใครเข้ามาเห็น แล้วเดินไปที่เต๊นท์ เมื่อเปิดเข้าไปข้างในก็เห็นลัง ที่มีแต่ก้อนแร่ทองคำที่ยังไม่ได้ถลุงอยู่เต็มไปหมด เชนหยิบก้อนแร่ทองคำขึ้นมามองด้วยแววตาชิงชัง
“หยาดเหงื่อ ความเสียสละ และความตายของพวกเราบ้านผาปืนแตกต้องแลกมาด้วยก้อนหินพวกนี้ ไอ้เวรเอ้ย”
เชนปาก้อนแร่ทองคำทิ้งลงพื้นอย่างเจ็บใจ พลางกัดกรามแน่น ระหว่างนั้นเสียงรถจี๊ปมาจอดหน้า เต๊นท์ เชนถึงกับชะงัก
กำนันปราบกับชาติ พาท่านสมบัติเข้ามาด้านใน เชนซึ่งอยู่ในเต๊นท์ เลยแหวกช่องผ้าเต๊นท์แอบดู กำนันปราบเห็นไม่มีใครอยู่เฝ้าก็หัวเสีย ชาติแย้งว่าเป็นช่วงพัก กำนันปราบจึงหันมาสั่งเสียงเข้ม
“แกต้องกำชับพวกมันให้ดีนะไอ้ชาติ รู้ใช่มั้ยว่าของข้างในมันสำคัญขนาดไหน““รู้สิพ่อ ไม่งั้นเราจะได้รับเกียรติจากท่านมาชื่นชมของล้ำค่าของเราให้เป็นขวัญตาเหรอ”
ท่านสมบัติยิ้มอย่างพอใจ
“พูดได้ดีไอ้หลานชาย ฉันต้องเดินทางมาไกลถึงเขตชายแดนแบบนี้ ถ้าสิ่งที่กำนันโอ้อวดเอาไว้ ไม่สมกับที่ฉันเสียเวลาโดดประชุมวาระสำคัญในพรรคมาล่ะก็ คงเป็นเรื่องแน่”
กำนันปราบรีบพุดเชิงประจบสอพลอ พร้อมผายมือเชิญให้เข้าไปด้านใน แต่ยังไม่ทันที่ทั้งหมดจะเข้า ไปใกล้เต้นท์ เสียงระเบิดก็ดังสนั่นออกมาจากในเต๊นท์ กำนันปราบ ชาติ และท่านสมบัติกระเด็นตามแรงระเบิดไป คนละทาง
ไอ้เชิดที่กำลังเตะอัดเพลิงอยู่ได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากทางแคมป์เลยหยุดชะงัก พลางสั่งพวกลูกน้องให้ดูแลต่อ ส่วนมันจะเข้าไปช่วยพวกกำนันปราบ
เพลิงพยายามฝืนกำลังยันตัวลุกขึ้น ยอดรีบเข้ามาช่วยพยุง
“มา ข้าช่วยเอ็งเอง” พลางหันไปทางพวกลูกน้อง “เดี๋ยวฉันจะพามันกลับไปทำงานนะลูกพี่ รับรองไม่ เสียงานเสียการแน่ ขอโทษนะ”
ยอดทำท่าอ่อนน้อม แล้วพยุงเพลิงออกไป
ชาติลุกขึ้นมา แล้วรีบไปดูกำนันปราบ แต่กำนันปราบบอกว่าไม่เป็นอะไรให้รีบไปดูท่านสมบัติ จังหวะนั้นไอ้เชิดก็วิ่งเข้ามาช่วย กำนันปราบหันมาตวาดลั่น
“มีหมามาลอบกัดเรา มันกะเล่นข้าถึงชีวิต พวกเอ็งมัวทำอะไรอยู่ถึง ปล่อยให้มันลอบกัดข้าได้”
ไอ้เชิดหน้าซีด iu[ระล่ำระลักขอโทษ ท่านสมบัติหันมาทางกำนันปราบ
“ไหนกำนันบอกฉันว่ายึดผาปืนแตกเอาไว้หมดแล้ว ไม่มีใครหน้าไหนมาขวางกำนันอีกไง”
กำนันปราบหน้าเสีย
“ที่ผ่านมาก็ไม่มีใครมาขวางทางผมหรอกครับท่าน ก็เพิ่งจะมีวันนี้แหละ”
ชาติเหลือบมองไป แล้วรีบชี้ให้พ่อดู กำนันปราบกับทุกคนหันไป ก็เห็นหุ่นฟางตัวหนึ่งปักอยู่กับพื้น ไม่ไกลกันมาก หุ่นฟางตัวนั้นถูกจับสวมหมวกคาวบอย ใส่เสื้อกั๊กและมีผ้าคาดหน้าสีแดง บ่งบอกถึงบุคลิกของจอมโจร ไอ้เสือ
สองคนพ่อ-ลูก หันมามองหน้ากันอย่างเจ็บใจ
เชนเอาก้อนหินแร่ทองคำวางลงบนโต๊ะตรงหน้าวัลภา แสนและยอด ที่มารวมตัวกันในอู่ร้าง
“วันนี้ฉันอาจจะทำลายทองคำของพวกมันได้ไม่เท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นพวกมันนั่งหนวด กระดิกเจ็บใจเล่น ตอนนี้ฉันต้องการสับรางไม่ให้พวกมันจับได้ว่าพวกเรากำลังซ่องสุมกำลังรอตอบโต้พวกมันอยู่ เลย ต้องใช้ชื่อของจอมโจรไอ้เสือหลอกล่อพวกมัน ไว้ถึงเวลาที่น้าจิกซ่อมไอ้เสือคำรามเสร็จ รับรองว่าไอ้เสือกับนางสิงห์ จะกลับมาไล่ตะปบพวกมันให้มันส์แน่”
จิกพยักหน้ารับคำ
“แต่คราวนี้ต้องใช้เวลาหน่อยนะ ไอ้เสือคำรามโดนมาหนัก งานนี้ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องให้แจ๋ว กว่าเดิม ไม่งั้นปล่อยไปเพ่นพ่านไม่ได้”
“เออ ว่าแต่เรื่องที่เอ็งไปเจอไอ้นักการเมืองใหญ่ที่อยู่กับพวกมันด้วยเนี่ย มันยังไงวะ”
แสนหันมาถาม เชนครุ่นคิดตาม สีหน้าจริงจัง
บาร์ของฟ้าลั่น ซึ่งก่อสร้างขึ้นง่ายๆลักษณะคล้ายโรงเหล้า มีทหารต่างชาติและพวกลูกน้อง นั่งดื่มกิน อย่างเฮฮา โดยมีสาวๆผีเสื้อราตรีคอยนั่งนัวเนียอยู่ข้างๆ
ฟ้าลั่นและทอม อยู่ที่บริเวณเคาน์เตอร์ รอรับนายพลต่างชาติหัวทองที่ควงคู่สาวๆผีเสื้อราตรี เข้ามา หลังจากพาไปประกอบกามกิจกันมาเรียบร้อยแล้ว นายพลติดใจจะขอผีเสื้อแสนสวยกลับไปด้วย ฟ้าลั่นรีบพูดเอาใจ
“ถ้าท่านนายพลอยากได้ผีเสื้อไปเลี้ยงดูเล่น ทางผมก็ไม่มีปัญหา แต่ก็อย่างที่ทราบนั่นแหละครับ ผีเสื้อสวยๆกว่าจะได้มาเลี้ยงแต่ละตัวมันหายาก”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ทหารของฉันฝีมือดีทุกคน อาวุธใหม่ๆ ก็มีให้เลือกเยอะแยะ แค่ผีเสื้อราตรีกับ ทองคำในเหมืองสองอย่างนี้เราก็ร่วมมือกันได้แล้ว”
ฟ้าลั่นกับนายพลจับมือกันเป็นมั่นเหมาะ ก่อนที่จะหันไปสั่งสาวๆ ให้ดูแลนายพลให้ดี แล้วสั่งให้ทอม ออกไปส่ง ทอมพยักหน้ารับแล้วพานายพลออกไป
ฟ้าลั่นมองตามแล้วกระหยิ่มยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะมาชะงัก เมื่อได้ยินเสียงลายเสือ เรียกข้างหลัง
“ไอ้ฟ้าลั่น นี่คิดจะทำอะไรของเอ็งวะ”
ฟ้าลั่นรีบขอโทษ ที่แอบติดต่อไอ้นายพลจอร์จให้ขายอาวุธกับเสริมกำลังคนให้ เลยถูกลายเสือตวาดลั่น
“เอ็งหันไปร่วมมือกับทหารต่างชาติกลุ่มอื่น ทั้งๆที่ไม่มาปรึกษาข้าหรือกำนันทำแบบนี้มันใช้ ไม่ได้ เว้ย”
ฟ้าลั่นพยายามอธิบายว่าทำเพราะต้องการเสริมเขี้ยวเล็บให้เป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่ ลายเสือตะคอกซ้ำ
“แต่แผนการของข้ากับกำนันคือการช่วยดันท่านสมบัติให้ได้เป็นนายก”
“แล้วคอยชักใยไอ้นักการเมืองเฒ่านั่นอีกทีน่ะเหรอ ฉันว่าเสียเวลาเปล่า ทำไมจะต้องใช้คนอื่นเป็น หุ่นเชิด”
ลายเสือสวนกลับทันควัน
“เพราะหนทางที่จะเข้าควบคุมประเทศนี้ ข้ากับกำนันออกหน้าเองไม่ได้ไง”
ฟ้าลั่นรีบบอกว่า ให้ใช้วิธีซื้อกองทัพทหารต่างชาติให้มาช่วยรบ ใครไม่เห็นด้วยก็ฆ่าให้หมด ทั้ง แผ่นดิน เหมือนที่ทำกับผาปืนแตก
ลายเสือถึงกับอึ้ง แล้วรีบบอก
“ไอ้ฟ้าลั่น ที่เอ็งพูดมา มันคือสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”
“พ่อจะใช้คำนั้นก็ได้นะ ฟังดูก็ดุเดือดถูกใจฉันเหมือนกัน ลองเอาไปคิดดูแล้วกันนะพ่อ จะต้องเสียเงิน เสียทองไปเชิดหุ่นทำไม ในเมื่อเราออกโรงเล่นเองได้ถนัดกว่า”
ฟ้าลั่นหัวเราะชอบใจแล้วเดินออกไป ลายเสือนิ่งคิด หน้าเครียด
กำนันปราบกับชาติ พาท่านสมบัติมาพักที่บ้าน ท่านสมบัติที่ใช้มือกุมหัวที่เจ็บเลือดอาบไม่หาย ตำหนิกำนันปราบเรื่องที่ปล่อยให้จอมโจรไอ้เสือโผล่มาเล่นงาน จนตัวเองพลอยโดนลูกหลง
ชาติตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นฝีมือของพวกเชน ที่ยืมชื่อจอมโจรไอ้เสือมา เพื่อสร้างความสับสน เพราะช่วงนี้พวกเชนดูมีพิรุธหลายอย่าง
กำนันปราบนิ่งคิด ก่อนจะบอกว่า
“หรือไม่ จอมโจรไอ้เสือก็ยังไม่ตาย”
ชาติถึงกับชะงัก
“พ่อคิดว่าฉันพลาดฆ่ามันไม่ตายเหรอ ฉันยิงมันจนร่างเละไม่มีชิ้นดีไปแล้วนะ”
ท่านสมบัติยิ่งฟัง ยิ่งข้องใจ
“เดี๋ยว หยุดเถียงกันก่อน นอกจากจอมโจรไอ้เสือนางสิงห์อะไรนั่นแล้ว ยังมีพวกชาวบ้านที่ต่อต้าน กำนันอีกเหรอ”
“ก็แค่พวกชาวบ้านหัวแข็งเท่านั้น พิษสงเขี้ยวเล็บอะไรไม่มีแล้ว”
ท่านสมบัติ มองหน้ากำนันปราบแล้วพูดอย่างจริงจัง
“ฉันขอพูดตรงๆเลยนะกำนันทองคำทั้งหมดที่ฉันเห็นวันนี้ ฉันเชื่อแล้วว่ามันมากมายมหาศาลจริงๆ งั้นก็เอาเป็นว่า เส้นสายการเมืองของฉันพร้อมร่วมมือให้กำนันเป็นนายทุน แต่นั่นหมายความว่า ต้องไม่มีปัญหาอะไร ตามมา”
กำนันปราบยิ้มรับแล้วเข้าไปตบบ่า แสดงอาการเหนือกว่า
“ขอบคุณมากครับท่าน งั้นผมถือว่านี่คือคำสัญญาร่วมมือทำภารกิจสร้างชาติขึ้นมาใหม่ของพวกเรา ลำดวน ลำดวน”
ลำดวนนขานรับแล้วเดินเข้ามา กำนันปราบสั่งให้พาท่านสมบัติไปพักผ่อน ชาติมองตามแล้วทำหน้าสมเพช
“ไอ้แก่เอ้ย พวกแกมันก็เก่งแต่สงครามน้ำลาย แค่เงินมากองก็กระดิกหางแล้ว”
“ก็เพราะพวกมันเป็นแบบนี้ไง ข้าถึงเลือกให้มันมาเป็นหุ่นเชิดให้เรา”
สองพ่อ-ลูกยิ้มให้กันอย่างชอบใจ
เพลิงนั่งให้ยอดช่วยเอายาทาแผลที่ถูกตีหลังอยู่ที่กระท่อมท้ายวัด ยอดบอกให้เพลิงไปให้เอื้อมเดือนรักษา แต่เพลิงบอกว่าไม่อยากไปเพราะเกรงใจ
“เอ็งเกรงใจเขา แต่ข้าว่าเขาจะเต็มใจดูแลเอ็งน่ะสิวะ”
เพลิงส่ายหน้า
“พอเลยไอ้ยอด ข้ารู้ว่าหลายครั้ง ที่เอ็งพยายามยุให้ข้ากับคุณหมอกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่เอ็งเลิก พยายามได้แล้ว ข้ามันพวกพูดคำไหนคำนั้น”
ยอดหมั่นไว้เลยจัดการเทแอลกอฮอล์ลงไปที่หลังเพลิงเต็มๆ เพลิงร้องเจ็บลั่น
“เอ็งจะให้ข้าทำไง ในเมื่อข้ากับพี่ชายเขายังมีเรื่องการตายของฟ้างามที่ยังคาราคาซังอยู่”
“คนมันก็ตายไปแล้ว เหลือก็แต่เอ็งกับผู้กองนั่นแหละ ที่ยังไม่ยอมให้ชีวิตเดินหน้า ปล่อยให้คนตาย ฉุดรั้งชีวิตเอาไว้”
เพลิงถอนหายใจ
“ฟ้างามไม่ได้รั้งชีวิตข้าไว้ แต่ข้ากำลังเรียกหาความยุติธรรมให้ฟ้างาม”
“แต่ตอนนี้เอ็งติดอยู่ที่ผาปืนแตก แล้วเอ็งจะไปสืบหาฆาตกรที่ฆ่าฟ้างามได้ยังไง”
เพลิงเดินไปหยิบผีเสื้อพลาสติกที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมามอง
“ฟ้างามกำผีเสื้อตัวนี้ไว้ตอนที่เธอตาย บางทีเธออาจจะพยายามบอกอะไรข้า เพราะก่อนเธอตาย ไม่กี่วัน เธอมีเรื่องไม่สบายใจอยากคุยกับข้า”
“เรื่องอะไรวะ”
“ข้าไม่รู้ แต่คนที่รู้และน่าจะช่วยตอบคำถามข้าได้ก็คือ...”
เพลิงค้างไว้แค่นั้น
ลำดวนพาท่านสมบัติเข้ามาในห้องรับแขก พลางบอกว่าจะไปตามสาวๆ ผีเสื้อราตรีมาดูแล ท่านสมบัติยิ้มแล้วเข้าไปเชยคางลำดวน
“แล้วแม่ผีเสื้อราตรีแสนสวยตัวนี้ล่ะ ไม่คิดถึงวันเก่าๆ ของเราบ้างเลยเหรอ”
ลำดวนค่อยๆ ปัดมือออกอย่างนุ่มนวล
“ท่านคะ ไม่เอาค่ะ ตอนนี้ดิฉันไม่ใช่ลำดวน ดอกรักคนเก่าที่ท่านเคยอุปถัมป์แล้วนะคะ”
ท่านสมบัติย้อนถามว่ากำนันปราบรู้เรื่องระหว่างเธอกับเขามาก่อนรึเปล่า ลำดวนรีบบอกว่าเรื่องในอดีตเธอขุดหลุมฟังกลบไปหมดแล้ว และไม่อยากพูดถึงอีก
“ถ้าเธอไม่พูดถึงอดีตอีก เรื่องมือเปื้อนเลือด มันก็ยังคงเป็นความลับของเราสองคน”
“ขอบคุณค่ะท่าน”
ลำดวนยิ้มรับ แล้วปรบมือเป็นสัญญาณ ครู่หนึ่งสาวสวยที่มีรอยสักผีเสื้อราตรีก็นวยนาดเข้ามา
จบตอนที่ 17