xs
xsm
sm
md
lg

เป็นเรื่อง... “นางโชว์” ชื่อซ้ำ? เรื่องเก่าหรือเรื่องใหม่ ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เป็นเรื่อง...“นางโชว์” ชื้อซ้ำ ? เรื่องเก่าหรือเรื่องใหม่ ?
 
“พิ้งค์กี้ สาวิกา ไชยเดช” สร้างความฮือฮาอีกครั้ง ด้วยการรับบท “นางโชว์” ละครผู้หญิงแท้ปลอมตัวเป็นกระเทยเข้ามาอยู่ในคาบาเร่ต์ ซึ่งจะต้องทำทุกอย่างให้เหมือนเพศที่สามมากที่สุด ทั้งร้อง เต้น เล่น โชว์ การถ่ายทำครั้งนี้ นัดหมายกันที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านท่าพระ เป็นฉากเปิดตัวบนเวทีครั้งแรกของตัวละครตัวนี้
 
และเป็นครั้งแรกในการพลิกบทบาทจากหน้าจอสู่หลังจอเป็น”ผู้กำกับการแสดง” ของ “แมน ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์” ด้วย โดยผู้จัดละคร “พี่เป็ด-ธีรภาพ สุขกันตะ” แห่งบริษัท มั่งมีศรีสุข ผู้ผลิตละครเรื่อง”สาวน้อยคาเฟ่”อีกเรื่องหนึ่ง

ด้วยชื่อเรื่อง “นางโชว์” เหมือนเรื่องเก่า คนส่วนใหญ่จึงเข้าใจว่าเป็นเรื่องเดียวกับที่เคยทำมาแล้ว ผู้กำกับตอบว่า

“เหมือนกันแค่ชื่อ แต่ข้างในไม่เหมือนกันเลย ไม่ใช่แบบฉบับที่เคยทำมา คนละเรื่องกันเลย เรื่องเก่าเป็นเรื่องของผู้หญิง เป็นโชว์ของผู้หญิง คนละแบบทุกสิ่งอย่าง มีแค่ชื่อที่เหมือนกัน
 
จริงๆ ผมแสดงละครซะส่วนใหญ่ พอมากำกับเอง ก็เป็นเรื่องที่เราอยากจะทำ เป็นโอกาสของเพศที่สาม ที่ผ่านมาไม่ค่อยมี หรือมี เขาก็ไม่ค่อยให้ออกสื่อ เรื่องนี้เป็นโอกาสที่จะได้แสดง ได้โชว์ ความเป็นตัวตนของเขาออกมา เราพยายามทำให้เหมือนหนัง ด้วยฟีลภาพ ด้วยการกำกับ ด้วยการแบ่งเป็นคัทๆ เพราะว่าเป็นทีวีดิจิตอล เป็น HD เราอยากจะนำเสนออะไรที่มันใหม่ๆ บ้าง

ชีวิตในวงการที่ผ่านมา อยู่กับกระเทยมาตลอด ไม่ว่าทีมงาน เบื้องหลัง ช่างแต่งหน้า ช่างทำผม หรือว่านักแสดงต่างๆ ก็คุ้นเคยกันดี เราเจอกันมาหลายๆ ปี ผมมองว่าเป็นชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เข้ามาอยู่ในสังคมบันเทิง ที่เป็นอาชีพคาบาเรต์ การศึกษาก็ดูจากคาบาเรต์จริง แล้วพวกหนังฝรั่ง ซึ่งฝรั่งเขาไม่มี LADY BOY กระเทยโชว์ แบบเรา มีแต่ผู้หญิงโชว์
 
แต่ของเรา”นางโชว์” มันคือ กระเทย ผู้ชายไทยสวยที่สุดในโลก อันนี้ต้องยอมรับ ผมไปศึกษาเรื่องชีวิตของเขา เขาดำเนินชีวิตยังไง กลับบ้านยังไง มีความฝันอะไร อยากเอาชนะในสิ่งที่ไม่เคยได้รับมา ทำให้ทุกคนรู้ว่าฉันมีความสามารถ คือ คนๆ หนึ่งที่มีคุณภาพ ให้ทุกๆ คนได้เห็นว่า เพศนี้ก็มีความสามารถ”

 
ด้านผู้จัด “พี่เป็ด-ธีรภาพ” แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับละครเรื่องนี้ว่า
 
“กระเทยส่วนใหญ่ในประเทศไทยประกอบอาชีพทำนองนี้ ที่พัทยา ที่ทิฟฟานี่ มันเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว แต่ว่าโอกาสของกระเทยที่จะออกจอ มีน้อย พี่อยากให้เพศที่สามของเรามีศักดิ์ศรีขึ้นมาในสังคม เพียงแต่ว่าอาชีพที่ดูสวยหรูและทุกคนยอมรับคือ “คาบาเรต์โชว์” ก็เลยหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาทำ แล้วอาชีพ”นางโชว์” ก็เป็นอาชีพสุจริต
 
ส่วนที่เลือกแมนเป็นผู้กำกับ เพราะว่าคุยกันแล้วถูกจริตซึ่งกันและกัน คุยกันแล้วรู้เรื่อง ความเป็นชายเป็นหญิงไม่ได้เกี่ยว ว่าจะทำงานด้วยกันได้หรือไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกว่าทำงานแล้วถูกใจมาก ก็เลยร่วมงานกัน
 
กับชื่อเรื่องที่ตรงกัน พี่ได้คุยกับโอ๊ต (บุตรรัตน บุตรพรหม) 2-3 ครั้ง ก่อนที่จะเปิดกล้องว่าเขาจะว่าอะไรไหม เขาก็เป็นน้องพี่ไก่วรายุฑเหมือนกัน พี่ก็เป็นน้อง พี่ไก่ก็แนะนำว่า “ถ้าเธอจะทำ ถึงเธอไม่ใช้เรื่องเขา เขาทำมาก่อน ก็บอกเขาหน่อย” แต่ในมุมมองของพี่ คิดว่ามันเป็นอาชีพๆ หนึ่ง ซึ่งใครจะหยิบตรงจุดไหนมาทำ มันก็แล้วแต่มุมมองของคนๆ นั้น ลองดูละครพี่ก่อน ไม่ได้มีอะไรเหมือนของเดิมเลย แล้วจะให้พี่ใช้คำว่าอะไร นายโชว์หรือ หรือว่าจะเลี่ยงไปตรงไหน มีคนบอกว่า อย่างนั้น “อย่าลืมฉัน, คู่กรรม” ใครๆ ก็ก๊อปได้ พี่ว่าไม่ใช่ อินสไปรเรชั่นของพี่ไม่ได้มาจากละครเรื่องนี้ เรื่องที่เขาเคยทำมา พี่เอามาจากเบอเรส... เพรสซิล่า...กูวังกู...มูแลงรูจ ทุกอย่างรวมกันเป็นโชว์ เพียงแต่ภาษาไทยก็คงต้องใช้คำว่านางโชว์
 
เราอยู่ในวงการเดียวกัน พี่ไม่อยากมีปัญหากับใคร ด้วยสถานีก็ยอมรับกับคำว่า”นางโชว์” ถ้าพี่จะเปลี่ยนก็ต้องถามทางสถานีก่อนว่าเขาโอเค.ไหม นายว่าอย่างไร ถ้านายให้เปลี่ยน พี่ก็เปลี่ยน พี่เป็นลูกจ้าง พล็อตของเดิมจริงๆ ไม่มีเรื่องราวเดิมหลงเหลืออยู่ เป็นเรื่องของพี่ เพียงแต่ว่าเราใช้คำนี้ เพราะไม่รู้ว่าจะเลี่ยงยังไง กับอาชีพนางโชว์ ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน
 
ส่วนเพลงในเรื่อง ไม่ว่าเพลงไทยหรือเพลงฝรั่ง ถ้าเราจะใช้เพลงไหนก็ทำหนังสือไปถึงคนถือลิขสิทธิ์ ขออนุญาตไปใช้ เขาจะมีค่าใช้จ่ายยังไง ทางสถานีมีเจ้าหน้าที่ดูแลว่าต้องใช้เพลงอะไรบ้าง ส่วนมากเป็นเพลงฝรั่ง แล้วก็เพลงไทยเก่าๆ คือเราต้องเอาเพลงคุ้นหูมาค่ะ ไม่คล้ายของเก่านะคะ เราไมได้หยิบเพลงเขามานะ มันไม่มีอะไรเหมือนกันเลย
 
อยากให้ตามมาดูงานพี่ว่าเหมือนไหม สนุกไหม ลองมาดูกัน ประชาชนจะเป็นคนตัดสินว่าเหมือนหรือไม่เหมือน สนุกยังไงพี่ถ่ายมาได้สักพักหนึ่งแล้ว พี่ว่าสนุกมากนะ ลองมาดูกัน คนเขียนบทก็เก่ง ทีมงาน ดารา พิงค์กี้ คะเดียให้ความร่วมมือดีมาก เป็นเรื่องของอาชีพหนึ่งที่พี่เอามาตีแผ่ ให้ทุกคนได้รับชมในมุมสนุก มุมเศร้า มีอะไรทุกอย่างเหมือนคนปกติ เพียงแต่ว่าเขามีอะไรพิเศษนิดหนึ่ง”

 
มาที่นางเอกพิงค์กี้บ้าง หลังเปลี่ยนชุดเตรียมตัวเข้าฉากต่อไป พูดถึงงานล่าสุด
 
“วันนี้ถ่ายฉากเยอะเลยค่ะ มีตั้งแต่ก่อนเข้ามาเป็นนางโชว์ ก็จะมีออกมาเต้น ตั้งแต่ยังไม่เป็นเลย จนกระทั่งเป็นนางโชว์เต็มอลังการ ก็จะมีพัฒนาการ วันนี้เขาก็ขนเพลงลูกทุ่ง เพลงสตริง เพลงสากล เยอะมากค่ะ
 
การเล่นเป็นกระเทย ยากค่ะ ต้องดูพี่ๆ ในกองถ่ายว่าเขาเป็นยังไง ตอนนี้คุยธรรมดาไม่ได้แล้วนะคะ ต้องมีท่าทาง เป็นทักษะที่ยากมาก ไม่เคยทำมาก่อน ผู้หญิงเราจะมีแอคติ้งแบบหนึ่ง แต่แอคติ้งเป็นนางโชว์ต้องเป็นแบบพี่ๆ เขา เหมือนเอาพลังที่มีทั้งหมดในตัว โกยออกมา แล้วปล่อยออกไป เวลาแสดงเขาจะบอกไลน์ว่าเดินไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ทุกอย่างมันคืออารมณ์ล้วนๆ โมเมนท์ตรงนั้นคือปล่อยไป ใช้วิธีครูพักลักจำ เลียนแบบค่ะ
 
ละครตอนนี้มี 2 เรื่องค่ะ แล้วก็มีหนังอินเดียด้วย ปลายปีนี้ ถ่ายทำที่เมืองไทย ยังไม่ทราบรายละเอียด เพราะยังไม่ได้เซ็นสัญญา แค่รู้ว่าได้เล่น มีดาราที่โน่นหลายคน เป็นการรวมตัวกันของบอลลีวูด เป็นฟอร์มใหญ่ น่าเล่นมาก ดาราที่มาก็ตัวเป้งๆ เท่าที่บอกมาก็เจ๋งอยู่ เขามาถ่ายที่นี่เพราะโลเกชั่นต้องเป็นทะเล ผู้สร้างเขารู้จักว่าเราเป็นดาราเคยมาเล่นที่อินเดียก็ต้องการนักแสดงเมืองนอกคือเรา เป็นนักแสดงไทยไปเล่นกับนักแสดงเมืองเขาเพื่อให้มันมีสีสัน
 
ส่วนละครเรื่องนี้ “นางโชว์” มีโชว์เยอะค่ะ มีความเซ็กซี่บ้าง วันนี้จะมีโชว์พี่ผึ้ง เป็นเมดเล่ย์ มีดรีมเกิร์ล เป็นโชว์ที่อลังการ
ที่ต้องฝึกเป็นพิเศษคือ การร้องเพลงแบบคนดำค่ะ เป็นดรีมเกิร์ลที่มีแอคติ้ง แล้วมีท่าทางแบบย้อนยุคนิดๆ ทุกอย่างเป็นโชว์เหมือนที่เราเห็นในเอ็มวี ในหนัง แบบนั้นเลยค่ะ “นางโชว์” ยุคนี้จะเป็นนางโชว์ที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย มีความหลากหลาย เป็นนางโชว์ที่มีสีสัน เสื้อผ้าสวยงามมาก หน้า ผม นี่ก็เริ่ดมากค่ะ”

 
ติดตามชม “นางโชว์” 2014 เวอร์์ชั่นพิงค์กี้ ได้เร็วๆ นี้ ทางช่อง ไทยทีวี















กำลังโหลดความคิดเห็น