“ออม-สุชาร์” นางเอกสุดฮอต นำละครซีรีส์ไทย โกอินเตอร์
ขอแสดงความยินดีกับการมีคนฟอลโลว์ในอินสตาร์แกรมครบ 1 ล้านไลค์ไปเมื่อวานนี้... นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “ออม-สุชาร์” ด้วยกระแสละครซีรีส์ “Full House วุ่นนักรักเต็มบ้าน” ที่แสดงคู่กับ “ไมค์-พิรัชต์” จนกลายเป็นคู่จิ้นโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ เฉพาะในเมืองไทย ยอดเปิดดูก็ทะลุไปกว่า 200 ล้านวิวแล้ว เธอเป็นใคร มาทำความรู้จักกัน
“ออม- สุชาร์ มานะยิ่ง” เข้าสู่วงการด้วยการถ่ายแบบ, โฆษณา, มิวสิควิดีโอ, พิธีกรรายการสตรอเบอรี่ชีสเค้ก แล้วมาแสดงภาพยนตร์ (ปายอินเลิฟ, Yes or No อยากรักก็รักเลย, ชอบกด Like ใช่กด Love (Yes or No 2) รักไม่รักอย่ากั๊กเลย, ฮาชิมะ โปรเจกต์, นมัสเต จ๊ะเอ๋ บ๊ายบาย)
จากนั้นก็แสดงละครละครโทรทัศน์ (นางสาวผ้าขี้ริ้ว, ก๊วนกามเทพ, มาลัยสามชาย, โลมากล้าท้าฝัน, พรพรหมอลเวง) และมีละครซิทคอม (จุดนัดภพ) ละครซีรีส์ รักนี้ชั่วนิรันดร์ กับ ติ๊กเจษฎาภรณ์ ผลดี มาโด่งดังสุดๆ เมื่อเล่นคู่กับ “ไมค์-พิรัชต์” ในละครซีรีส์เรื่อง “Full House วุ่นนักรักเต็มบ้าน”
ถึงตอนนี้คงต้องเรียก”ออม”ว่า นางเอกซีรีส์โกอินเตอร์ได้แล้ว รู้สึกอย่างไรกับผลตอบรับซีรีสเรื่องฟูลเฮาส์
“ก็ดีใจที่งานเราดูเป็นฟอร์มที่ชัดเจนในแขนงของนักแสดง เป็นโอกาสที่ได้มาแล้วเราอยากทำให้มันเต็มที่มากกว่า แล้วพี่อนันดาก็สนับสนุนด้วยค่ะ”
มาร่วมงานกับอนันดาได้อย่างไร
“ออมร่วมงานกับพี่อนันดาตั้งแต่โปรเจคเรื่อง “Autumn in my heart รักนี้ชั่วนิรันดร์” แล้ว ก่อนหน้านี้หนูเล่นกับ”พี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์” ทำให้เราคุ้นเคยกันดีกับทีมงาน พอมาเรื่องที่สองเขาก็ดูว่าจะเล่นได้ไหม เพราะเรื่องที่แล้วกับเรื่องนี้ไม่เหมือนกันเลย”
แตกต่างกันอย่างไร
“Autumn in my heart จะเป็นแบบเศร้าโศก เมโลดราม่า ร้องไห้ เป็นพี่ชาย กับน้องสาว ที่ตายตอนจบบนหลังของพี่ชาย แต่ Full House เป็นโรแมนติกคอมาดี้ โทนมันก็ต่างกันแล้ว เป็นเรื่องของผู้ชายผู้หญิงที่เป็นคู่กัดกัน ไม่ค่อยลงรอยกัน มีเหตุการณ์จับพลัดจับผลูให้มาอยู่บ้านเดียวกัน”
เค้าโครงของทั้งสองเรื่องเป็นของเกาหลีทั้งหมด ?
“คือซื้อลิขสิทธิ์มา มีการปรับให้เป็นเวอร์ชั่นของเรา คือ เขา Attitude ที่อยากจะพัฒนาวงการละครไทย ให้ทัดเทียมเอเชียด้วยการ คือหนูว่าสิ่งอะไรพวกนี้เป็นการปูทาง คือเราไม่ได้ก๊อปมาทั้งดุ้น แต่เราเอามาปรับให้เป็นของเรา ซึ่งหลายๆ คนชอบ และไม่เหมือนเกาหลีเลย”
คิดว่าเสน่ห์ในเวอร์ชั่นเรามันอยู่ตรงไหน ความแตกต่างคืออะไร
“ด้วยบท หนึ่งคือระยะเวลาในการรีเมคเราทิ้งเรื่องนั้นมา 8 ปี มันมีอะไรใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ไอเดียทุกอย่าง เทคนิคการถ่ายทำหรือว่า คาแรคเตอร์คู่พระนางซึ่งมันเป็นจุดสำคัญ ในการดึงดูดคนเข้ามาดู อย่างเรื่องที่แล้ว คนก็ติดในเคมีของพระนาง “ซองเฮเคียว” กับ “เรน” มาถึงคู่ “ออมกับไมค์” ก็เป็นอีกรสชาติหนึ่ง พอเขาตามคู่นี้ไป มันเป็นเคมีที่รู้สึกว่า เป็นอาหารคนละประเภท เรารู้เส้นเรื่องมาก่อน แต่ไม่เหมือนกัน เป็นรสชาติใหม่ๆ
ตอนผลิตละคร กลุ่มเป้าหมายของเรื่องนี้ เจาะไปที่กลุ่มไหนบ้าง
“ก็ทั้งคนไทยและต่างประเทศนะคะ ออมคิดว่าซีรีส์ Full House เป็นอะไรที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย เป็นหนังสำหรับครอบครัวก็ได้ เป็นหนังสำหรับวัยรุ่นก็ได้ แต่แปลก ฟีดแบคออกมาว่า คนที่ชอบมากเลยคือพนักงานออฟฟิศ เป็น Community ที่คุยกัน ถามกัน ว่าเฮ้ยดูหรือยังตอนนี้ ถึงตอนไหนแล้ว ตอนหน้าอย่าลืมดูนะ คือ หนูรู้สึกเลยว่า โอโห มันเป็นอะไรที่ทำให้เกิดกระแสในกลุ่มคนทำงานอย่างนี้มันยาก มันเป็นอะไรที่หนูรู้เลยว่าเขารีแลกซ์ เวลาทำงานแล้วมาดูอะไรอย่างนี้ มันสนุกแล้วอยากจะแชร์ต่อกับคนรอบข้าง ดูแล้วไม่เครียด สนุก ดูไปหัวเราะไป”
ความรู้สึกของออมตั้งแต่ช่วงก่อนแสดง เริ่มแสดง และหลังแสดงเรื่องนี้ เป็นอย่างไรบ้าง
"ก่อนเริ่มแสดง คนมักจะพูดว่าเป็นเรื่องของคนไทยที่รีเมคเกาหลีก็คงได้ประมาณหนึ่งล่ะ ทำให้ตายก็คงไม่ได้เท่าเขา เพราะว่ามันมีอะไรที่ Masterpiece อยู่แล้วก็ยากที่จะทำ แต่พวกเราก็สู้ ทำตามโจทย์ที่ได้รับไป ทำตามหน้าที่ตัวเอง พอผลลัพธ์ออกมามันเกินกว่าสิ่งที่เราคาดมาก หนึ่ง คนดูไม่อคติเลย มีแต่กระแสบวก บวก บวก แล้วก็เป็นกระแส VIRAL ในต่างประเทศด้วย
ในจีนก็จะชอบมาก เรทติ้งดีมาก คำเซิร์ชในทวิตเตอร์ของจีน ติดอยู่ในอันดับหนึ่งอันดับสอง แล้วในเรื่องก็ทำให้เกิดกระแส มีประเพณีการแต่งงานแบบไทย มีคุณย่าสอนทำอาหารไทย สอดแทรก ทำให้คนรู้ว่าแกงเขียวหวาน ต้มฟัก เป็นอย่างนี้ ดีนะ คนจีนก็หัดทำ เอาตีนไก่มาแกง โอโห ตีนไก่ กลายเป็นกระแส “ซุปตาร์ตีนไก่” อย่างน้อยคนก็จดจำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคนไทยได้ รู้ว่า อ๋อ เป็นอย่างนี้ๆ ”
การร่วมงานกับพระเอกซีรีส์ไทย(อิงเกาหลี)ทั้งสองเรื่อง เป็นอย่างไร พี่ติ๊กกับไมค์
“แตกต่างกันเลยค่ะ อย่างพี่ติ๊ก ออมเด็กกว่าพี่ติ๊กมาก เป็นเด็กอะไรไม่รู้ที่อยู่ดีๆ ได้มาเล่นละครกับพี่ติ๊กเจษฎาภรณ์ที่เป็นเบอร์หนึ่งอยู่แล้ว เราก็ตื่นเต้นด้วยในส่วนของเรา เราก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด พยายามทำการบ้าน เขาโปรเฟสชั่นนอลมาก ออมไม่เคยเล่นกับเขาเกิน 2-3 เทคเลย เทคแรกได้หมด แล้วก็รับข้าง รับมาสเตอร์ ซียู เรารู้ถึงพลังที่เขาส่งมาให้เรา ทำให้เราง่ายแล้วก็สบาย รู้สึกว่านี่ฉันไม่ได้เล่นละคร ฉันเฉยๆ แล้วก็ไปเอง เขาก็พาเราไป เราก็พาเขาไป คือได้รู้ถึงพลังของนักแสดงรุ่นใหญ่จริงๆ
แต่ของไมค์ มันคนละชั้วกันเลย ไมค์เป็นรุ่นเดียวกับออม เป็นเพื่อนกัน การคุย การปฏิสัมพันธ์ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง แล้วก็เป็นเพื่อนกันมาก่อนอยู่แล้ว โน่น นั่น นี่ มีอะไรปรึกษากัน ช่วยกัน ถือว่าเราพอๆ กัน เรารุ่นๆ เดียวกัน มีอะไรก็แชร์กัน เล่นอย่างนี้ดีไหม ก็มาช่วยกันดีไซน์ มีความสนุกในการพัฒนาตัวละคร และพัฒนา Situation (สถานการณ์)”
คิดว่าอะไรทำให้ละครไทยกับละครซีรีส์มีความนิยมที่แตกต่างกัน เป็นเพราะกลุ่มเป้าหมายคนละกลุ่มหรืออย่างไร
“มันต้องดูที่โปรเจคค่ะ อย่างเรื่องนี้ พอเรื่องมา เราก็รู้แล้วว่าเราได้กลุ่มต่างประเทศ มีคนรู้จักเรื่องนี้ คนรู้เรื่องพวกนี้ คนรอดูเรื่องนี้ มีคนที่รักเรื่องนี้อยู่แล้วรอดู แต่กับละครไทย จะมีแค่คนทั่วไปที่เป็นเป้าหมายหลัก ดูอยู่แล้ว กลับบ้านมาเปิดดูอยู่แล้ว”
ในมุมมองของออมคิดว่าอะไรทำให้ละครซีรีส์เรื่องนี้ฮิตกว่าละครทั่วไป
“ในความคิดของออมเองนะ ออมคิดว่าอยู่ที่รสนิยมความชอบค่ะ ซีรีส์อาจจะดูใหม่สำหรับคนไทย ด้วยช่วงหลังๆ เรามีที่มีการทำซีรีส์ออกมาเยอะๆ ด้วยยุคที่มันพัฒนาขึ้นไปแล้ว เราอาจจะได้กระแสจากต่างประเทศมาด้วย แต่กับละคร ละครจะมีรูปแบบ มีฟอร์มที่มีมานานแล้ว หนูว่าอาจจะด้วย บท แล้วก็วิธีการถ่ายทำ ความกล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ เช่น บทอย่างเรื่องฮอร์โมน ไม่สามารถอยู่ในละครไทยได้ อย่าง Full House ก็ยาก
มันมีหลายอย่างที่ไม่ใช่พิมพ์นิยมในแบบที่นางเอกไทยเคยเป็น ไม่ใช่แบบพระเอกไทยเคยเป็น หนูเชื่อเลยว่าหนูเป็นนางเอกละครไทยไม่ได้ ไม่ว่ารูปลักษณ์หรือวิธีการแสดงออกที่หนูเล่นใน Full House ไม่มีทางเกิดขึ้นในละครไทย เพราะว่าหนูเล่นทุเรศมาก นี่หรือนางเอก ไม่ใช่เลย”
มันจริงกว่าในละครไทย ?
“หนูมีความคิดว่ามันต้องเรียลลิสติกกว่าในละครไทย คือคนดูจะต้องสัมผัสได้จริงๆ รู้สึกได้จริง แตะต้องตัวเขาได้ รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีอยู่จริง อันนี้คือสิ่งที่หนูกับทีมพยายามตีโจทย์ให้ออก”
ในด้านการผลิตละครช่อง กับ ละครซีรีส์ต่างกันไหม
"ไม่เหมือนกันค่ะ ละครไทยมีสวิทชิ่ง มีกล้อง 3 ตัว เล่นรอบเดียว ผ่านก็ผ่าน แล้วก็เปลี่ยนซีน แต่ละครซีรีส์ 1 ซีนต้องเล่นขั้นต่ำ 4 รอบ เล่นเหมือนเดิม เหมือนหนัง จะพูดอะไรก็ต้องเหมือนกัน จับผมข้างเดิมเดิมกัน ก็เหนื่อยกว่า"
มาเรื่องความรักกับชีวิตจริงกันบ้าง เห็นแสดงหนังเป็นนางเอกดี้บ่อยๆ จนคนดูเข้าใจว่าเป็นดี้แล้ว
“ในชีวิตจริงหนูไม่ได้เป็นค่ะ มุมมองความรักเรื่องนี้ หนูเฉยๆ มากกับการแบ่งเพศ มันไม่น่ามีมานานแล้ว หนูอยู่ในสังคมที่มีเพื่อนเป็นดี้ เป็นทอม เป็นตุ๊ด เราก็อยู่ด้วยกันได้หมด”
มีสเปคความรักอย่างไร
“ถ้าใครสองคนคบกัน แล้วส่งเสริมกันและกัน แล้วต่างคนต่างมีความสุข ออมว่าเขาน่าอิจฉาด้วยซ้ำ มันคือการแมทช์ที่ลงตัว บางทีคู่ชายหญิงอาจจะไม่มีอย่างพวกเขาก็ได้”
กับความโด่งดังในผลงานซีรีส์ฟูลเฮาส์ ต่อไปนี้ออมจะมุ่งไปทางละครซีรีสโกอินเตอร์อย่างเดียวเลยไหม
“หนูก็รับทั่วไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจง หนูก็อยากเล่นละครเหมือนกันนะ อยู่ที่โอกาสที่จะเข้ามา เร็วๆ นี้จะมีผลงานที่เป็นหนังผี ชื่อเรื่อง The Couple เรื่องความรักของคนคู่หนึ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ เมื่อไรที่คนที่คุณรักที่สุดกลายเป็นคนที่คุณกลัวมากที่สุดจะเกิดอะไรขึ้น คนสองคนเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วก็ย้ายตัวเองไปอยู่อีกที่หนึ่งแล้วเกิดเหตุการณ์ต่างๆ นานา ที่มันเข้ามาแล้วทำให้ความสัมพันธ์ของเขาเปลี่ยนไป”
มีคติในการทำงานหรือการใช้ชีวิตอย่างไรตอนนี้
“ไม่มีค่ะ ก็แค่ตั้งใจทำให้ดี แล้วก็มีสติกับปัจจุบัน หนูคิดว่าถ้ามีสติ สมาธิ ทุกอย่างก็คงไปได้ดี”
ก็จริงอย่างที่ออมว่า คนเราต้องมีสติ อยู่กับปัจจุบัน แต่ที่หลายคนทำไม่เต็มที่ เพราะมัวคิดถึงเรื่องอดีต มองแต่สิ่งที่ยังมาไม่ถึงในอนาคต ถ้าเราทำปัจจุบันให้ดี ทุกสิ่งมันก็จะดีเอง