สามีตีตรา ตอนที่ 9
สายน้ำผึ้ง ยื่นแฟ้มเอกสารให้ฟองดาว
“พี่ฟองคะ...เรื่องงานของมิสเตอร์โฮลล์ยังไงผึ้งก็ต้องคุยรายละเอียดกับคุณพิศุทธิ์ เพราะ โปรเจค นี้ มันเกี่ยวข้อง กับโปรเจคของมิสเตอร์ชาลล์ที่คุณพิศุทธิ์ดูแลอยู่ ช่วยแจ้งคุณพิศุทธิ์ให้ทราบด้วยนะคะ”
ชายนี่ ยี่หวา ที่สุมหัวกันดูรูปในอินสตาแกรม อยู่เงยหน้าขึ้นมองเห็นท่าทางสายน้ำผึ้งก็เบ้ปาก ฟองดาวเสียงแข็ง
“ที่อยากให้พี่แจ้งคุณพิศุทธิ์เนี่ย เพื่องานหรือเพื่อตัวเองไม่ทราบคะ”
ชายนี่กับยี่หวาหัวเราะคิกคัก สายน้ำผึ้งหันควับไปมอง
“ก็ต้องเพื่องานสิคะ...คุณพิศุทธิ์เองก็น่าจะเข้าใจว่างานนี้สำคัญแค่ไหน หรือพี่ฟองดาวเห็นว่างานไม่สำคัญคะ”
ฟองดาวมองสายน้ำผึ้งหน้าตึง ชายนี่กับยี่หวามองหน้ากันที่สายน้ำผึ้งร้ายอย่างไม่น่าเชื่อ
“ผึ้งไม่รู้ว่าพี่ฟองคิดยังไงกับผึ้งถึงได้ดูมึนตึงแบบนี้ แต่ผึ้งอยากจะอธิบายว่าเรื่องวันนั้นมันไม่...”
สายน้ำผึ้งจะพูดว่าไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด แต่ชายนี่กับยี่หวาใช้จังหวะนี้แทรกเข้ามา
“ต๊าย! ยี่หวาเอาน้ำมาสาดตาเจ๊สิ ตาเจ๊มันร้อนจนจะลุกเป็นไฟแล้ว”
ยี่หวาแกล้งหยิบแก้วน้ำจะสาดใส่ ชายนี่รีบยกมือห้าม
“ไม่ต้องสาดจริง เจ๊แค่เปรียบเปรย ดูสิ คุณกะรัตกับคุณพิศุทธิ์ สวีทกันทะเลเป็นน้ำเชื่อมเลย อิจฉาตาร้อน”
สายน้ำผึ้งเก็บอารมณ์ ยี่หว่าหันมาหา
“ดูสิคะน้องผึ้ง คุณพิศุทธิ์ดูมีความสุขจะตาย จะไปรีบดึงแกมาทำงานให้บาป ทำไมคะ”
สายน้ำผึ้งยิ่งต้องเก็บอารมณ์ หันไปหาฟองดาว
“พี่ฟองคะ...”
ฟองดาวสวน
“พี่เป็นเลขาคุณพิศุทธิ์พี่ก็ต้องทำตามคำสั่งที่คุณพิศุทธิ์ให้ไว้ ส่วนเรื่องที่พี่ได้ยินมา พี่ว่าพี่เข้าใจไม่ผิดหรอก หูพี่ไม่พิการ”
ฟองดาวยื่นแฟ้มเอกสารให้สายน้ำผึ้งก่อนจะลุกไป ชายนี่กับยี่หวาหัวเราะคิกคักเดินตามไป สายน้ำผึ้งกระแทกแฟ้มลงที่โต๊ะ แล้วหยิบมือถือมาเปิดดูรูปอินสตาแกรมของกะรัต เห็นเป็นรูป กะรัตจูบแก้มพิศุทธิ์ สายน้ำผึ้งมองด้วยความอิจฉา
สายน้ำผึ้งเดินถือถุงของแบรนด์เนมเข้ามาในบ้าน มีทั้งของตัวเอง และของลูก รสสุคนธ์มองอย่างไม่ชอบใจ
“นี่ผึ้งไปซื้อของมาอีกแล้วเหรอ พักนี้ผึ้งไปช๊อปปิ้งแทบทุกวันเลยนะ”
“ก็ผึ้งเครียด ไปทำงานก็เจอแต่พวกกลับกลอก เห็นแก่เงิน”
รสสุคนธ์หยิบเสื้อผ้าออกจากถุงซื้อเห็นป้ายราคา
“โอ้โห ชุดอะไรเกือบหมื่น อย่าหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะผึ้ง ถ้าคุณศิวาให้เงินผึ้งซื้อของแพง ขนาดนี้ ผึ้งน่าจะเก็บเงินสักส่วนนึง ไว้ให้ลูกอนาคตมัน ไม่แน่ไม่นอน ถ้าวันนึงคุณศิวาเลิกกับผึ้ง อย่างน้อยเราก็ยังมีเงินก้นถุงให้ลูก”
“มันไม่มีวันนั้นแน่นอนน้ารส”
“ที่น้าพูด เพราะน้าเป็นห่วง ที่ผ่านมา น้าว่าผึ้งน่าจะเรียนรู้ได้แล้วว่าไม่มีอะไรที่แน่นอน เผื่อใจไว้บ้าง อะไรที่คิดว่าได้ มันอาจจะไม่ได้”
สายน้ำผึ้งเจ็บใจที่รสสุคนธ์พูดจี้ปม รีบพูดแทรก
“ผึ้งต้องได้ ไม่มีใครไปจากผึ้งได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุณพิศุทธิ์หรือนายศิวา ผึ้งไม่ยอม”
สายน้ำผึ้งคิดถึงกันตา แล้วคิดแผนบางอย่าง
เช้าวันใหม่...สายน้ำผึ้งคุยมือถือกับศิวาอยู่มุมหนึ่งของบริษัท
“ผมสั่งคุณแล้วใช่ไหมว่าอย่าโทรมา ดีนะที่ตอนนี้ผม ไม่ได้อยู่กับคุณก้อย”
สายน้ำผึ้งแกล้งพูดดักคอ
“อย่าบอกนะคะว่าราชสีห์อย่างคุณ จะกลัวคุณหมอหน้าหวาน”
“ผมไม่ได้กลัวคุณก้อย ผมแค่ไม่อยากมีปัญหา”
“มาเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง คุณหมอก้อยไม่รู้หรอกค่ะ...มาเจอกัน หน่อยนะคะ...ฉันคิดถึงคุณจะแย่อยู่แล้ว”
สายน้ำผึ้งพยายามอ้อนเต็มที่ เพราะมีแผนการ
เย็นนั้นสายน้ำผึ้งรอศิวาอยู่ในคอนโด ศิวาเปิดประตูเข้ามา เธอรีบเข้าไปกอดเขาแสดงว่าคิดถึงมาก
“คิดถึงคุณจังเลยค่ะ”
ศิวาวางมือถือกับกระเป๋าเงินและกุญแจรถไว้ที่โต๊ะ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่ง
“ไปแช่ตัวให้สบายๆก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันเข้าไปถูหลังให้”
ศิวาปัดมือสายนน้ำผึ้งออกอย่างรำคาญ
“ช่วงนี้คุณเป็นอะไรทำไมดูพิศวาสผมนัก...มีอะไรรึเปล่า เงินหมดเหรอ”
“แหม พูดแบบนี้มันดูถูกกันนะคะ ผึ้งก็แค่คิดถึงคุณ ทำไมคะผึ้งคิดถึงคุณไม่ได้เหรอ”
“อย่าคิดถึงให้มันบ่อยนัก ผมไม่อยากทำอะไรให้คุณก้อยสงสัยอีก”
สายน้ำผึ้งมองหมั่นไส้ แต่แอ๊บเป็นนางเอก
“เพื่อคุณ...ผึ้งจะพยายาม มาเหนื่อยๆไปล้างตัวก่อนเถอะค่ะ ผึ้งผสมน้ำอุ่นไว้ให้คุณแล้ว”
ศิวามองหน้า สายน้ำผึ้งหอมแก้มเขาทันที
“อาบน้ำแล้ว...ผึ้งจะนวดให้คุณทั้งตัว...นะคะ”
ศิวาเจอไม้นี้ ของเคยๆ เลยไฟติดไม่ยาก เขาลุกเดินเข้าห้องน้ำไปสายน้ำผึ้งมองแล้ว จึงหันมาหยิบมือถือของศิวา แล้วกดปิดเครื่องก่อนจะเดิน ไปใช้โทรศัพท์ห้องกดโทรหา รปภ.
“ฮัลโหล...ฉันเอง จัดการตามที่ฉันบอกได้เลย”
สายน้ำผึ้งวางสายแล้วยิ้มอย่างมั่นใจว่าแผนจะสำเร็จ
กันตาเดินออกเวรจากโรงพยาบาล มือถือของเธอดังขึ้น กันตาเห็นเป็นเบอร์แปลกๆก็ลังเล แต่ตัดสินใจกดรับสาย
“ฮัลโหล...ค่ะ...จากที่ใหนค่ะ...เจ้าหน้าที่ของคอนโดคุณศิวา”
รปภ. คุยโทรศัพท์กับกันตาอยู่ที่ล็อบบี้
“พอดีมีลูกห้องของคอนโดร้องเรียนว่ามีน้ำรั่วลงมาจากห้องคุณศิวา เดือดร้อนมากเลยครับ แต่เราติดต่อคุณศิวาไม่ได้ คุณศิวาให้ เบอร์ฉุกเฉินเบอร์นี้ไว้ คุณช่วยรีบมาดูภายในวันนี้ได้ไหมครับ”
กันตากดวางสาย คิดว่าจะทำยังไงดีแล้วกดมือถือโทรศิวา แต่ไม่ติด
“ปิดเครื่องซะงั้น”
ค่ำนั้น กันตาเดินเข้ามาที่เคาเตอร์รปภ.
“ฉันมาดูห้องคุณศิวาน่ะค่ะ”
“สักครู่ครับ” รปภ.หยิบคีย์การ์ดให้ “คีย์การ์ดห้องคุณศิวาครับ”
กันตารับคีย์การ์ดมองอย่างชั่งใจ
กันตาเดินมายืนที่หน้าศิวา แล้วใช้คีย์การ์ดรูดเปิดประตูห้องแต่เปิดไม่ได้ เพราะประตูโดนล็อคกลอนจากด้านใน เธอชะงัก สายน้ำผึ้งกับศิวาที่นั่งดื่มไวน์อยู่ ตกใจที่ได้ยินคนจะเปิดประตู
“ใครมาเปิดประตูห้อง”
ศิวาเดินไปที่ประตู สายน้ำผึ้งมองแล้วแอบยิ้มเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าคนที่เคาะประตูคือใคร ศิวามองที่ช่องตาแมวแล้วอึ้ง
“คุณก้อย”
สายน้ำผึ้งแกล้งทำท่าตกใจใสซื่อ
“คุณก้อย”
ศิวามองหน้าสายน้ำผึ้ง
“คุณก้อยมาที่นี่ได้ยังไง”
“ฉันไม่รู้ค่ะ” สายน้ำผึ้งตีหน้าซื่อ
ศิวาจะคาดคั้นสายน้ำผึ้ง แต่กันตาเคาะประตูห้องเสียก่อน กันตาเคาะเพื่อความชัวร์ว่า ศิวาอยู่ในห้อง จะได้ไม่ต้องเข้าไปดูเรื่องน้ำรั่ว
“คุณศิวา คุณอยู่ในห้องรึเปล่าคะ”
ศิวาละล้าละลังว่าจะทำยังไงดี สุดท้ายชี้หน้าสายน้ำผึ้งให้ไปซ่อน แล้วเปิดประตูไปหากันตา สายน้ำผึ้งยืนมองศิวาแล้วแอบยิ้มสะใจ ศิวารีบออกจากห้อง ปิดประตู ออกมาคุยกับกันตานอกห้อง เขาพยายามคุมสติตัวเองให้ทำตัวปกติ
“คุณ...คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“ที่ฉันมาเพราะมีคนโทรหาฉัน บอกว่าห้องคุณน้ำรั่ว ลงไปห้องข้างล่าง”
“โทรหาคุณ” ศิวาชะงัก
กันตาพยักหน้า ศิวาแปลกใจ
“ทำน้ำรั่ว”
กันตาพยักหน้าอีก ศิวาชักสงสัย
“แล้วพวกนั้นรู้เบอร์คุณได้ยังไง”
“เขาบอกว่าคุณให้ไว้”
“ผมเนี่ยนะ”
“อ้าว ถ้าคุณไม่ได้ให้เบอร์ฉัน แล้วใครให้ล่ะคะ หรือว่ามีคนอื่นที่รู้จักฉัน โดยที่ฉันไม่รู้ตัว”
ศิวาต้องรีบแก้ทาง
“แหม...ผมนี่มันขี้ลืมจริงๆ ผมให้เบอร์คุณกับคอนโดไว้เมื่ออาทิตย์ก่อน คือทางคอนโดขออัพเดทข้อมูล ผมเลยแจ้งเบอร์คุณไว้เลย เพราะอีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกันแล้ว”
“น่าแปลกนะคะ ฉันไม่ยักรู้ว่านอกจากคอนโดที่คุณอยู่ประจำแล้ว คุณยังมีคอนโดอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ”
กันตาเห็นศิวามีพิรุธเลยยิงหมัดตรงถาม ศิวาต้องรีบหาทางหนี
“เอ่อ...ก็...คอนโดนี่ผมซื้อไว้ให้คนเช่า พอดีคนเช่าเก่าย้ายออก ผมเลย มาเช็คความเรียบร้อย ก่อนให้คนอื่นเช่าต่อเท่านั้นเอง”
กันตาเห็นอาการของศิวาแล้วอดอยากดูในห้องไม่ได้
“แล้วเราจะยืนคุยกัน อย่างนี้เหรอ”
กันตาเดินเข้าห้องไปทันที ศิวาเครียด รีบเดินตามหลังอย่างลุ้นๆว่าสายน้ำผึ้งซ่อนตัวรึยัง ปรากฏไม่เห็นสายน้ำผึ้ง กันตาเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดู แต่ไม่มีใคร
“เห็นรึยังครับว่าผมอยู่คนเดียว”
“ฉันก็ไม่ได้บอกสักคำว่าจะเข้ามาดูว่าคุณอยู่กับใคร อย่าร้อนตัวนักสิคะ”
ศิวาชะงักกับท่าทีที่เหนือกว่าของกันตา
“พอดีเพื่อนฉันกำลังหาเช่าคอนโดแถวนี้ ฉันเลย…” กันตาเห็นแก้วไวน์วาง 2 ใบ “ท่าทางคุณคงกำลังเครียด ถึงได้ดื่มไวน์คนเดียวสองแก้ว”
ศิวาชะงัก สายน้ำผึ้งยืนยิ้มฟังกันตาคุยกับศิวาอยู่มุมด้านในของห้องน้ำ
“โอเคๆ ผมยอมรับว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว เมื่อกี้เพื่อนผมมา แต่กลับไปแล้ว ไอ้เจษไงครับ คนที่โทรหาผมบ่อยๆน่ะ”
“งั้นเรื่องที่คุณคุย คงจะสำคัญมาก จนคุณปิดมือถือไม่ให้ใครรบกวน”
ศิวาชะงัก เดินไปหยิบมือถือตัวเองมาดูแล้วเห็นว่ามือถือปิดไป เขาแอบคิดไปถึงสายน้ำผึ้ง แต่ต้องรีบทำหน้าปกติกับกันตาไว้
“เอ่อ...สงสัยแบตหมดน่ะครับ”
“บังเอิญจังนะคะ”
ศิวามองกันตาอย่างรู้ทันว่ากำลังโดนสงสัย จึงคิดหาทางเอาตัวรอดเนียนที่สุด
“ถ้าคุณสงสัยผม ผมจะพาคุณไปดูกล้องวงจรปิดของคอนโดว่า คนที่เข้ามากับผมใช่ไอ้เจษไหม”
ศิวาจะจูงกันตาไป เธอดึงมือไว้
“ไม่ต้อง ถ้าคุณยืนยันว่าคุณไม่มีอะไร ฉันก็จะเชื่อว่าไม่มี ฉันเคยบอกคุณแล้วว่า...ถ้าคุณจริงใจกับฉัน ฉันก็จริงใจกับคุณ แต่ถ้าคุณไม่จริงใจ ฉันก็ไม่ขอเสียเวลากับคุณ”
สายน้ำผึ้งฟังที่กันตาพูด แล้วคิดบางอย่าง
“ฉันกลับล่ะ”
กันตาจะเดินไป สายน้ำผึ้งแกล้งปัดขวดแชมพูตกดัง โครม กันตาหันขวับมองไปทางห้องน้ำ แล้วมองหน้าศิวา เขาพยายามปั้นหน้าให้ปกติที่สุด
“ไม่ได้มีอะไรอย่างที่คุณคิดนะ”
“งั้นก็พิสูจน์สิ”
ศิวาแอบชะงักในใจว่าแย่แล้ว ถ้าเปิดประตู กันตาอาจจะเจอสายน้ำผึ้ง แต่ถ้าไม่เปิดประตู ให้เธอเห็น เธอต้องตัดขาดตัวเองแน่
“ถ้าคุณกลัว ฉันไม่บังคับคุณก็ได้ แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับในสิ่งที่ ฉันไม่อยากทำเหมือนกัน”
กันตาเดินออกจากห้องไป ศิวาจะตามไป
“คุณก้อย”
สายน้ำผึ้งเดินออกจากม่านกั้นอ่างอาบน้ำที่เอาห่อม้วนตัวเองไว้ มาดึงมือศิวาไว้
“คุณศิวาคะ คุณก้อยเป็นยังไงบ้าง” ศิวาสะบัดมือออก
“อย่าไปไหน เดี๋ยวผมจะขึ้นมาจัดการกับคุณ”
ศิวารีบตามกันตาออกไป สายน้ำผึ้งทำท่ากลัวตัวสั่น
“กลัวจังเลย”
สายน้ำผึ้งยิ้มสะใจ
ศิวาวิ่งออกมาจากในคอนโดมามองหากันตา แต่ไม่เห็นแล้ว เขาหยิบ มือถือมาเปิดเครื่องแล้วกดโทรหา แต่กันตาปิดเครื่อง ศิวากดวางสายอย่างเครียด แล้วคิดถึงสายน้ำผึ้งอย่างไม่พอใจ รีบเดินเข้าคอนโดไปจัดการ
สายน้ำผึ้งนั่งปั้นเครียดกังวล ศิวาเปิดประตูพุ่งเข้ามาเอาเรื่อง
“เป็นฝีมือคุณใช่ไหม”
สายน้ำผึ้งตีหน้าซื่อ
“ฉันไม่รู้เรื่องนะคะ”
“คุณต้องรู้ ไม่อย่างนั้นใครจะมาปิดมือถือผม”
“ฉันยืนยันได้ว่าฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ลูกฉันยังเล็ก ฉันยังต้องการเงิน ฉันคงไม่โง่ทำอะไร ให้ชีวิตฉันกับลูกต้องลำบากหรอกค่ะ และถ้าฉันทำ จริง...ฉันจะซ่อนตัวทำไม สู้ฉันยืนรอให้คุณก้อย เห็นเลยไม่ดีกว่าเหรอ”
ศิวาพูดไม่ออก
“โอเค จับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถ้าผมรู้ว่าใครตุกติกกับผมเมื่อไหร่ แล้วจะหาว่าผมไม่เตือน”
ศิวาเดินไปหยิบของแล้วเดินออกจากคอนโดไปทันที สายน้ำผึ้งมองแล้วยิ้มสะใจ
เช้าวันใหม่...หม่อมมลุลีนั่งเช็ดเครื่องเพชรอยู่ ท่านชายอ๊อดเดินคุยมือถืออย่าง หงุดหงิดลงบันไดมา
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวอาทิตย์หน้าโอนเงินไปให้ เงินแค่ไม่กี่ล้าน...พวกแกรีบทำงานของพวกแกให้เสร็จเถอะ มันใกล้กำหนดส่งงานแล้วนะเว้ย...ไหนว่าเป็น บริษัทก่อสร้างที่ทำงานเร็วที่สุดในประเทศไทยไง...กระจอก...อะไรนะ...เงินมางานเดินงั้นรึ”
ปลายทางวางสายใส่
“ฮัลโหล...ฮัลโหล” ท่านชายอ๊อดเครียด “เอายังไงดีวะ”
ท่านชายอ๊อดหันไปเห็นเครื่องเพชรของหม่อมมลุลีรีบพูดอ้อนทันที
“หม่อมแม่...”
หม่อมมลุลีรีบเก็บเครื่องเพชรอย่างรู้ทัน
“แม่ไม่ให้”
“ผมขอยืมไปหมุนไปจ่ายบริษัทรับเหมาก่อน เอาแค่สักเซตสองเซตก็ได้”
ท่านชายอ๊อดจะหยิบกล่องเครื่องเพชร หม่อมมลุลีดึงหนี
“ไม่ได้ นี่มันของประจำตระกูล อีกอย่างเงินที่เจ้าสัวร่วมลงทุนกับธุรกิจของชาย ชายก็ได้มาตั้งเยอะ ก็เอาเงินนั่นมาหมุนก่อนสิ”
“เงินนั่นหมดไปตั้งแต่ผมพาหม่อมแม่ไปช๊อปปิ๊งที่ฮ่องกงเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วล่ะครับ นี้ถ้าผมไม่มีเงินไปจ่าย งานผมเสร็จไม่ทันกำหนด ผมโดนฟ้องบานแน่...หม่อมแม่ช่วยไปพูดกับเจ้าสัวให้ผมหน่อยสิครับ”
“นี่ชายจะให้แม่โดนนังเนื้อแพร กับพิศุทธิ์ถอนหงอกอีกงั้นรึ จำไม่ได้เหรอว่าวันนั้น สองแม่ลูกมาชี้หน้าด่าเราว่าอะไร เหลือหน้าให้มีไว้ออกสังคมบ้างเถอะชาย”
หม่อมมลุลีเก็บเครื่องเพชรแล้วจะเดินขึ้นบันได
“สองแม่ลูกนั้นไม่รู้หรอกครับ ผมได้ข่าวว่า ตอนนี้พิศุทธิ์ไปฮันนีมูนอยู่ ส่วนเนื้อแพรก็ยุ่งกับการเปิดสาขาใหม่อยู่ เป็นโอกาสดีที่หม่อมแม่เข้าไปเอ่ยปากด้วยตัวเอง ยังไงเจ้าสัวไม่มีทางปฏิเสธหม่อมแม่หรอกครับ”
หม่อมมลุลีเครียดว่าจะเอายังไงดี
ในห้องรับแขกบ้านเจ้าสัวบัญชา...หม่อมมลุลีกับท่านชายอ๊อดส่งกล่องผลไม้เมืองนอกให้
“ผมสั่งอิมพอร์ตผลไม้เมืองนอกมาฝากเจ้าสัวเลยนะเนี่ย”
“ขอบใจนะ...” เจ้าสัวทำเป็นพูดขำๆ “แบบนี้ ภาษาไทยเขาเรียกว่า อัฐยายซื้อขนมยายใช่ไหม”
ท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลีชะงัก เจ้าสัวหัวเราะ
“อั๊วล้อเล่นๆ ตกลงแวะมาแค่นี้ใช่มั้ย งั้นอั๊วขอตัวก่อนนะ”
ท่านชายอ๊อดส่งสายตาให้หม่อมมลุลีรีบพูด
“แหมท่านเจ้าสัวค่ะ อย่าทำเป็นไม่มีเยื่อใยกันแบบนี้สิค่ะ”
“นั่นนะสิครับเรื่องที่พิศุทธ์โกรธท่านจะคิดมากทำไม อย่างหนูกะรัตเนี่ยก็เหมือน รถมือสามมือสี่เข้าไปแล้ว มันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมาซอมมาแซมไอ้ที่มันสึกหรอกันไปบ้าง”
หม่อมมลุลีรีบมองปรามชายอ๊อดว่าพูดแรงไปแล้ว เจ้าสัวไม่พอใจ
“พูดจากันให้ดีๆหน่อย ก่อนหน้านี้ที่ผมให้เงินพวกคุณไปไม่ใช่เพราะอยากจะซื้อลูกชายอย่างที่คุณเข้าใจนะ แต่ผมช่วยเพราะเห็นว่าเป็นพ่อของคนที่หลานผมรัก ถ้ารู้ว่าพวกคุณจะเอาเงินไปใช้ฟุ้งเฟ้อกันขนาดนี้ ผมไม่ร่วมลงทุนด้วยเด็ดขาด”
ท่านชายอ๊อดรีบพูดแก้ตัว
“เจ้าสัวเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้เอาเงินไปฟุ้งเฟ้อเหมือนที่ปากหอยปากปูพวกขี้อิจฉามันพูด ผมเอาไปลงทุนธุรกิจจริงๆ แต่เจ้าสัว ก็รู้ว่าการลงทุนมันมีทั้งได้และเสีย”
“ซึ่งส่วนใหญ่มันเสีย” เจ้าสัวสวน
“ก็ชายอ๊อดเป็นพวกใจดี ใจกว้าง เชื่อคนง่าย ใครว่าอะไรก็เชื่อ อย่างที่โบราณว่าไว้ คนล้มเราไม่ควรข้าม แต่ควรให้โอกาส ชายอ๊อดได้ ประสบการณ์ราคาแพงแล้ว ชายอ๊อดคงไม่ทำพลาดอีก”
“แล้วที่มานี่ก็จะมาเอาเงินจากอั๊วอีกใช่ไหม จะว่าไปกว่าอั๊วจะมีวันนี้ได้ ก็เพราะมีคนให้โอกาส อั๊วก็เลยชอบให้โอกาสคนเหมือนกัน”
ท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลี มองหน้าดีใจว่าเจ้าสัวบัญชาต้องให้เงินแน่ๆ
“ขอบคุณมากนะเจ้าสัว ผมรู้อยู่แล้วว่าเงินแค่นี้ ไม่กระเทือนเจ้าสัวหรอก”
“ใช่ มันไม่กระเทือนอั๊วหรอก แต่มันอาจจะกระเทือนคนอื่น ดังนั้นก่อนที่อั๊วจะให้โอกาสคุณชายอีกครั้ง อั๊วคงต้องให้คนๆนึงมาช่วยยืนยันด้วย”
ท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลีถามพร้อมกัน
“ใคร”
เจ้าสัวยิ้มนิ่งๆ
พิศุทธิ์กับเนื้อแพรมองกะรัตที่กำลังโขลกพริกในครกอย่างทุลักทุเล
พริกกระเด็นเข้าตา
“โอ้ย”
กะรัตขยี้ตาพิศุทธิ์เดินเข้าไปช่วยดูตาให้ เป่าตาให้ เนื้อแพรมองภาพที่ลูกชายดูมีความสุข เธอก็สุขใจไปด้วย
“เป็นไงล่ะ...ทำเป็นเก่ง ผมบอกว่าให้ผมทำให้เองคุณก็ไม่เชื่อ”
กะรัตรีบยกมือห้าม
“อย่าค่ะ กั้งบอกแล้วไงคะว่ากั้งทำได้ กั้งเห็นคุณทำที่ทะเลมาสามวัน กั้งจำสูตรคุณได้ขึ้นใจ แค่ทำน้ำจิ้มซีฟู๊ด ไม่ยากหรอกค่ะ คุณกับคุณเนื้อแพรไปนั่งรอที่ โต๊ะเถอะ”
กะรัตเอาฝาหม้อปิดหม้อ แล้วหันมาตำกระเทียมในครกทำน้ำจิ้ม พิศุทธิ์มองอย่างเป็นห่วง เนื้อแพรเข้ามาดึงมือ
“ไปกันเถอะลูก”
เนื้อแพรจูงลูกชายออกไป กะรัตโบกมือให้ไปเถอะไม่ต้องห่วง พิศุทธิ์กับเนื้อแพรเดินออกไป
“new กะรัตซะอย่าง...ต้องทำได้สิน่า”
กะรัตก้มหน้าก้มตาทำ
เนื้อแพรจูงพิศุทธิ์มานั่งที่โต๊ะอาหาร พิศุทธิ์ยังมองไปทางในครัวอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้องห่วงหนูกะรัตหรอก”
“ผมไม่ได้ห่วงกั้งผมห่วงครัวของแม่จะพังต่างหาก”
เนื้อแพรหัวเราะ
“หน้าลูกดูอิ่มเอิ่บขึ้นนะ สงสัยไปฮันนีมูนคราวนี้ แม่คงจะได้หลาน”
พิศุทธิ์ชะงักนิดหนึ่ง แล้วทำตัวปกติไม่ให้เนื้อแพรเห็นพิรุธว่าเขายังลังเลเรื่องการมีลูก รีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“เรื่องท่านพ่อเป็นยังไงบ้างครับ แม่พอจะได้ข่าวไหม”
“ก็ได้ข่าวว่ากำลังเร่งทำงานเพราะถึงกำหนดต้องส่งงาน หวังว่าได้เงินจากค่าส่งงานมา คงเอาไปใช้หนี้ให้เจ้าสัว”
“แล้วถ้าไม่เป็นอย่างนั้นล่ะครับ” พิศุทธิ์กังวล
หม่อมมลุลีกับท่านชายอ๊อดเดินเข้าบ้านมาด้วยความเครียด
“เจ้าสัวนี่หัวหมอ มันไม่อยากให้เงินเรา แต่ไม่พูด กลับบีบให้เราไปบอกให้พิศุทธิ์มาพูดยืนยัน มันรู้อยู่แล้วว่าเป็นไปไม่ได้”
“นั่นน่ะสิ วันนั้นพิศุทธิ์ด่าเราป่าวๆ คงไม่มีทางช่วยเราหรอก เอายังไงดีล่ะชาย”
ท่านชายอ๊อดอ้อน
“คงต้องพึ่งเครื่องเพชรของหม่อมแม่แล้วล่ะครับ ถึงขายได้ไม่กี่ล้านก็ยังดี”
“ขายไม่ได้” หม่อมมลุลีเสียงแข็ง
“หม่อมแม่อย่ามาใจดำหน่อยได้มั้ย อยากเห็นผมโดนฟ้องล้มละลายหรือยังไง”
“เอ๊ะตาอ๊อดนี่ อย่ามาพาลแม่ได้มั้ย นี่แม่ก็โดนถอนหงอกมาขนาดนี้แล้วยังจะหาว่าแม่ใจดำอยู่อีกเหรอ”
“ไอ้พิศุทธ์นี่ก็อีกคน ถ้ายังมากำแหงใส่ผมอีกล่ะก็ คอยดูนะ ถ้าวังต้นตระกูลถูกยึดเมื่อไหร่คงได้อับอายขายหน้ากันบ้างล่ะ”
“ชายว่าไงนะ”
ท่านชายอ๊อดมีพิรุธ แต่ไม่พูดต่อ หม่อมมลุลีมองไม่เข้าใจที่ลูกชายพูด
สายวันใหม่ กะรัตเดินออกจากห้องตรวจพร้อมกันตา เธออ่านเอกสารแนะนำการมี บุตรด้วยสีหน้ามีความสุขกับแผนการที่กำลังจะวางในอนาคต
“พี่คิดไม่ผิดจริงๆที่รีบมาปรึกษาคุณหมอ ถึงได้นึกได้ว่าถ้าเราอยากได้ ลูกต้องทำกิจกรรมหรรษา ตอนช่วงวันตกไข่ แล้ววันไข่ตกของพี่มันวันไหน ล่ะ”
“ก็ดูวันที่ประจำเดือนมาวันแรก แล้วนับถอยหลังไป 14 วัน หรือ 2 สัปดาห์ จะได้วันตกไข่”
ขณะเดียวกัน สายน้ำผึ้งเดินถือซองยามา กะรัตกับกันตาหยุดตรงหัวมุมทางเดิน สายน้ำผึ้งต้องชะงักในสิ่งที่ได้ยินพอดี
“เดือนที่แล้ว ของพี่มาวันแรก วันที่...” กะรัตพึมพำนับนิ้วคำนวนวัน “อุต๊ะ ไข่พี่ตกคืนนี้นี่” กะรัตคิดอย่างร้อนรน “จะทำยังไงดีให้คุณพิศุทธิ์ไม่พลาดก่อร่างสร้างลูกกันคืนนี้...ต้องสร้างบรรยากาศ...แล้วจะ สร้างยังไงดีล่ะ”
กันตาจับแขนกะรัตให้มีสติ
“พี่กั้ง ใจเย็นๆ ก้อยถามจริงๆนะ...พี่กั้ง…”
กะรัตรีบพูดแทรก
“พร้อมจะมีลูกจริงๆเหรอ…พี่รู้ว่าทุกคนต้องคิดอย่างนี้ พี่บอกได้เลยว่าพี่พร้อมและพี่ก็มั่นใจว่าคุณพิศุทธิ์เองก็พร้อม เราสองคนรักกันมาก มากพอที่จะมีให้กับคนอีกคนที่เป็นหัวใจของเรา...เราจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์”
“ก้อยไม่แน่ใจเหมือนกันว่าก้อย จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์ได้แบบนั้นรึเปล่า”
สายน้ำผึ้งนิ่งอึ้ง เพราะกระแทกใจที่กะรัตกำลังมีครอบครัวที่สมบูรณ์ มันเป็นสิ่งที่เธอโหยหา สายน้ำผึ้งทนไม่ได้จึงเดินออกไปอย่างเร่งรีบพร้อมคุยมือถือกับรสสุคนธ์
“เดี๋ยวผึ้งให้แมสเซนเจอร์เอายาของน้องพีทไปให้...แค่นี้นะ ผึ้งรีบ...”สายน้ำผึ้งกดวางสายแล้วพึมพำอย่างเครียดจัด “ครอบครัวที่สมบูรณ์ แกไม่มีค่าพอที่จะได้เจอคำนั้น”
พิศุทธิ์ส่งเอกสารให้ฟองดาว เสียงเคาะประตูดังขึ้น สายน้ำผึ้งเปิดประตูเข้ามา ฟองดาวเห็นสายน้ำผึ้งแอบมีอาการเบื่อโลกขึ้นมาทันที
“ผึ้งอยากคุยกับคุณพิศุทธิ์เรื่องงานของมิสเตอร์โฮลล์น่ะค่ะ”
“มิสเตอร์โฮลมาถึงเมืองไทยวันนี้ตอนสองทุ่มคืนนี้ครับ”
“ถ้างั้นเราไปรับมิสเตอร์โฮลด้วยกัน เผื่อคุณอยากคุยเรื่องรายละเอียด”
“ผมคุยกับมิสเตอร์โฮลทางอีเมลเรียบร้อยแล้วครับ” พิศุทธิ์ปฏิเสธเนียนๆ
“เหรอคะ” สายน้ำผึ้งชะงัก
ฟองดาวแอบยิ้มที่สายน้ำผึ้งหน้าแตก สายน้ำผึ้งเหลือบมองฟองดาวแต่เก็บอาการไว้
“ครับ ผมบอกมิสเตอร์โฮลไปแล้วว่าทางผมคิดสูตรรสชาติตามอย่างที่ มิสเตอร์โฮลต้องการเรียบร้อยแล้ว รอให้มิสเตอร์โฮลมาทดสอบพรุ่งนี้ วันนี้มิสเตอร์โฮลอยากรู้เรื่องข้อมูลทางการตลาด ขอโทษนะที่บอกกะทันหัน พอดีมิสเตอร์โฮลอยู่เมืองไทยได้สองวันเท่านั้น ทุกอย่าง เลยต้องเร่ง”
สายน้ำผึ้งเห็นว่าเข้าทาง
“งั้นฉันรบกวนคุณพิศุทธิ์ไปกับฉันได้ไหมคะ เวลาเตรียมงานไม่เยอะแบบนี้ ฉันกลัวจะตอบคำถามได้ไม่ตรงกับที่คุณพิศุทธิ์คุยไว้”
พิศุทธิ์ชะงัก สายน้ำผึ้งมองลุ้นคำตอบ ฟองดาวมองพิศุทธิ์รอฟังคำตอบเช่นกัน
“ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ รบกวนคุณผึ้งโน้ตไว้ พรุ่งนี้จะอธิบายกับมิสเตอร์โฮลเอง ยังไงวันนี้ฝากคุณดูแลมิสเตอร์โฮลด้วยนะครับ”
สายน้ำผึ้งแอบผิดหวัง ฟองดาวแอบยิ้ม
สามีตีตรา ตอนที่ 9 (ต่อ)
ค่ำนั้น กันตานั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน สายตามองไปที่กระดาษจดหมายแจ้งผล การตอบรับจากมหาวิทยาลัย และพาสปอร์ตที่วางอยู่ข้างๆ เธอตัดสินใจเลือกที่จะไป เรียนต่อ
วันใหม่...ศิวากับกันตาอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ศิวามองหน้ากันตาอย่างตกใจ
“เลื่อนการแต่งงาน”
“ใช่” กันตาพูดนิ่งๆ
“ทำไมล่ะครับ หรือเพราะคุณก้อยระแวงเรื่องที่คอนโดนั่นอยู่ แต่คุณก้อยก็เห็นแล้วว่าผมไม่มีใคร ผมอยู่คนเดียว”
“ฉันแค่คิด ทบทวนดูแล้วว่าเราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน น่าจะใช้เวลาเรียนรู้กันมากกว่านี้”
“แต่ผมไม่อยากรออะไรแล้ว ในเมื่อผมพบคนที่ใช่แล้ว ผมก็อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับคุณ”
“แต่ฉันต้องการเวลาค่ะ การแต่งงานมันเรื่องใหญ่สำหรับฉัน ฉันเสียทั้งอิสระภาพ เสียทุกๆอย่าง แล้วถ้ามันได้ไม่คุ้มเสีย ฉันก็คง ไม่เสี่ยง”
ศิวาแอบเสียวสันหลังแต่จะอ้อนวอนต่อ
“คุณก้อย...”
“ถ้าคุณอยากแต่งกับฉัน คุณก็ต้องรอ” กันตาน้ำเสียงเด็ดขาด
“แล้วผมต้องรอไปอีกนานเท่าไร” ศิวาหน้าเสีย
“ก็จนกว่าฉันจะไปเรียนต่อจบ”
“คุณก้อย...”
กันตารีบพูดตัดบท
“ถ้าคุณรอไม่ได้ ฉันก็พร้อมจะเป็นเพื่อนที่ดีของคุณ ขอตัวนะคะ”
กันตาลุกขึ้นเดินออกไปทันทีให้ศิวาเห็นความเข้มแข็งและเด็ดขาด ศิวามองตามไปด้วยอารมณ์เครียด หงุดหงิด พร้อมระเบิดที่ไม่ได้สมหวังดั่งใจ
พวงหยกเดินคุยมือถือกับศิวาด้วยสีหน้าตกใจอยู่ในบ้าน
“ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งโมโหนะคะคุณศิวา ป้ายืนยันได้เลยว่า งานมงคลจะต้องมีอยู่ เดี๋ยวป้าจัดการเอง” พวงหยกกดวางสายด้วยอย่างพร้อมเอาเรื่องกันตา
เย็นนั้น ศิวาเดินเข้าคอนโดมา สายน้ำผึ้งโผเข้าไปหาพูดเสียงแอบเยาะเย้ย
“ไหนว่าไม่อยากเจอแล้ว โทรเรียกฉันมาทำไมล่ะคะ แต่บอกไว้ก่อนนะ...ว่าวันนี้ฉันอยู่ได้ไม่นาน ต้องรีบไปรับลูกค้า”
ศิวาไม่พูดอะไรกับสายน้ำผึ้ง แต่เดินผ่านไปหยิบกระเป๋าของเธอแล้วค้นหา กระเป๋าเงิน สายน้ำผึ้งมองอย่างตกใจ
“คุณจะทำอะไรน่ะ”
ศิวาดึงบัตรเครดิตที่เคยให้สายน้ำผึ้งออกมาทุกใบ สายน้ำผึ้งมองศิวาดึงบัตรเครดิตไปอย่างอึ้ง
“คุณจะเอาบัตรเครดิตฉันไปไหน”
“คุณพูดผิดแล้ว นี่มันบัตรเครดิตผมต่างหาก ผมบอกแล้วไง...ถ้าอยู่ด้วยกัน แล้วไม่ทำตัวมีปัญหา ผมก็จะให้ทุกอย่าง แต่ถ้ามีปัญหา เมื่อไหร่ ผมก็จะเอาคืนทุกอย่าง”
สายน้ำผึ้งรู้ว่าศิวาหมายถึงเรื่องกันตาแต่ตีหน้าซื่อไว้
“ฉันไปสร้างปัญหาอะไรให้คุณ ถ้าเป็นเรื่องคุณก้อยของคุณล่ะก้อ ฉันบอกแล้วไงว่า ฉันไม่รู้เรื่อง”
“ก็ในเมื่อจับมือใครดมไม่ได้ ผมก็จะยึดทุกอย่างจากทุกคน จำไว้นะ ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือใครก็ตาม จงหยุดซะ บอกแล้วไงว่า คุณก้อยคือคนสำคัญของผม ถ้าคิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะทำให้ผม กับคุณก้อยไม่ได้แต่งงานกัน...คิดผิด ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ คุณก้อยมา ยอมแม้แต่เลิกหาความสุขจากผู้หญิงอย่างคุณ”
ศิวาจะเดินออกจากห้อง สายน้ำผึ้งรีบจับแขนไว้
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณศิวา”
ศิวาสะบัดมือออก สายน้ำผึ้งเซล้ม เขาเดินออกจากห้องไปไม่เหลียวมอง สายน้ำผึ้งเจ็บ และยิ่งเจ็บก็ยิ่งแค้น
พวงหยกเอ็ดตะโรใส่กันตาอยู่ที่หน้าบ้าน กะรัตเดินมาก็ชะงักที่ได้ยินเสียงแม่ เธอหยุดฟังเรื่องราวก่อนที่จะเข้าไปร่วมสงครามครั้งนี้
“เวรกรรมอะไรของฉันนักหนา มีลูกแต่ละคน ไม่ได้ดั่งใจเลย คนนึงก็โง๊โง่ ให้ผู้ชายหลอกอยู่ได้ อีกคนมีเทพบุตรมาโปรด กลับเล่นตัว...ฟังไว้นะ ยายก้อย ไม่ว่ายังไง...แกต้องแต่งงานกับคุณศิวา ผู้ชายที่พร้อมทั้งรูป พร้อมทั้งทรัพย์อย่างนี้ เกิดไม่รู้กี่ชาติกว่าจะได้เจอ แกห้ามยกเลิกการ แต่งงานเด็ดขาด”
“ก้อยก็ไม่ได้บอกสักคำว่าจะยกเลิก”
“อ้าว...ก็ไหนคุณศิวาบอกว่าแกไม่ยอมแต่งงานกับเขา”
“ก้อยบอกเลื่อน เพราะก้อยจะขอหมั้นไว้ก่อน โอเคไหมคะ”
กะรัตตัดสินใจเดินถือถุงใส่ของฝากเข้ามา
“โอไปเถอะแม่...กั้งฟังอยู่นานแล้ว ถ้าแม่ตกลงตามนั้น...เรื่องก็จบ ไม่มีใครเครียด จบป่ะ”
พวงหยกยังโกรธไม่หาย
“นังกั้ง แกก็อีกคน แม่พูดแม่บอกไรไม่เคยเชื่อ ไม่มีทางฉันไม่ยอมหรอก”
“แม่ก็รู้ว่ายายก้อยเป็นคนยังไง ถ้ายัยก้อยบอกไม่ ก็แปลว่าไม่แต่ถ้ายัยก้อยมีทางเลือกให้แม่ ก็แปลว่ายอมแม่มากแล้ว แต่ถ้าแม่ไม่เอา งานเข้าแม่แน่”
พวงหยกชะงัก รู้ว่ากะรัตพูดถูก
“โอ้ย...ฉันอยากจะตายวันละหลายๆรอบ”
กะรัตล้อพวงหยก
“ตายครั้งเดียวก็พอแม่ กั้งขี้เกียจจัดงาน เหนื่อย”
“นังกั้ง” พวงหยกโมโห
“เดี๋ยวค่อยด่ากั้งทีหลัง มากินข้าวหลามกันดีกว่า นี่กั้งขับรถ ตรงไปซื้อข้าวหลามเจ้าโปรดมาฝากแม่เลยนะ”
“แกจะมาให้ฉันทำไม เอาไปประเคนให้ผัว กับแม่ผัวแกโน้น”
“โถๆ...คนอื่นจะไปสำคัญกว่าแม่ได้ยังไง”
พวงหยกหันไปทางกันตากับกุนตี
“รีบอัดคลิปไว้เร็ว เดี๋ยวตอนที่ฉันบอกให้มันหย่า ฉันจะเอาคำนี่ย้อนใส่มัน ว่ามันควรเชื่อคนที่สำคัญที่สุด”
“งั้นแม่ก็ควรอัดไปด้วยนะว่า...กั้งไม่มีวันหย่ากับคุณพิศุทธิ์ แม่จะได้รู้ว่า แม่พยายามไป ก็ไม่ได้ผล” กะรัตสวน
“ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าผัวแกคนนี้มันมีอะไรดีนักหนา เจอโคตรเหง้ามันปอกลอก ขนาดนี้ แกยังติดหนึบ พร้อมถวายทั้งเงิน ทั้งตัว”
“กั้งไม่รู้ว่าคำว่าดีของแม่ มาตรฐานมันอยู่ตรงไหน แต่สำหรับกั้ง เขาเป็นคนเดียวที่ทำให้กั้งมีความสุข เป็นคนแรกที่ทำให้กั้งอยากมีลูก”
พวงหยกชะงักอึ้ง
“ลูก...นี่ผัวแกเอาเรื่องมีลูกใส่หัวแกใช่ไหม มันร้ายจริงๆ มันกลัวว่าวันนึงถ้าแกทิ้งมันขึ้นมา มันก็ยังดูดเงินจากลูกได้”
“ไปกันใหญ่แล้วแม่ เรื่องลูก กั้งคิดของกั้งเอง” กะรัตถอนใจเซ็ง
“ฉันไม่เชื่อ ผัวแกต้องมีแผนแน่ๆ”
“กั้งไม่คุยกับแม่แล้ว คืนนี้กั้งมีภารกิจสำคัญต้องไปทำ รีบกลับไปรอสามีสุดที่รักดีกว่า”
กะรัตลุกเดินออกไป พวงหยกมองตามสายตาหมายมาด
“คอยดูนะ ฉันไม่มีวันปล่อยให้มันบานปลายไปถึงขั้นนั้นเด็ดขาด”
ค่ำนั้น ในสวนบ้านกะรัตมีการจัดไฟและเครื่องประดับดูโรแมนติก นวลวิ่งไล่ จุดเทียนหอมรอบสระว่ายน้ำสร้างบรรยากาศ แล้วไปยกถังใส่น้ำแข็งแช่ไวน์มาวางเตรียมไว้ ข้างโต๊ะอาหาร กะรัตเดินมามอง
“นวล เธอว่าเราจัดแบบนี้ คุณพิศุทธิ์คงไม่รู้หรอกเนอะว่าฉันคิดอะไร”
นวลหันไปมองแล้วอึ้งตาโต กะรัตใส่ชุดสุดเซ็กซี่วาบหวิวสุดร้อนแรงยืนเก๊กท่าเซ็กซี่อยู่
“จริงค่ะ ดูไม่ออกเล๊ย...ยิ่งเห็นคุณกั้งแต่งตัว คงนึกว่าชวนไปนั่งสมาธิด้วยกัน”
“นั่นไง ฉันว่าแล้วว่าฉันชุดใส่ไม่ค่อยเซ็กซี่ ไปเปลี่ยนดีกว่า”
นวลรีบพูด
“นวลประชดค่า แค่นี้คุณพิศุทธิ์เห็นก็ไม่อยากกินข้าว แต่อยากกินคุณกั้งแล้ว”
กะรัตดีใจ
“จริงเหรอ งั้นเธอรีบดูอาหารสิว่าเรียบร้อยรึยัง เดี๋ยวคุณพิศุทธิ์มาจะ ได้เสิร์ฟเลย”
“แปลว่าตอนนี้คุณพิศุทธิ์ใกล้ถึงบ้านแล้วใช่ไหมคะ” นวลพลอยตื่นเต้นไปด้วย
ในห้องประชมของบริษัท พิศุทธิ์คุยมือถือในขณะที่กำลังประชุม
“ผมยังประชุมอยู่เลย ถ้าคุณหิว...ทานก่อนเลยก็ได้นะครับไม่ต้องรอผม. ..แค่นี้ก่อนนะครับ”
พิศุทธิ์กดวางสายแล้วมือถือดังขึ้นมาอีกเป็นสายน้ำผึ้งโทรเข้ามา พิศุทธิ์กดรับสาย
“ครับคุณผึ้ง”
สายน้ำผึ้งนั่งทานอาหารกับมิสเตอร์โฮลอยู่ในร้านอาหารคุยมือถือกับพิศุทธิ์ มิสเตอร์โฮลใช้ช่วงที่สายน้ำผึ้งคุยมือถือ มองสำรวจใบหน้า ลำคอและรูปร่างของเธอด้วยสายตาหลงใหล
“ผึ้งรับมิสเตอร์โฮลมาจากสนามบินแล้วค่ะ ตอนนี้พามาทานข้าวในโรงแรม คุณพิศุทธิ์อยู่ไหนคะ...มิสเตอร์โฮลถามหาคุณน่ะค่ะ...คุณพอจะแวะมาที่นี่ได้ไหมคะ ยังไงโรงแรมนี่ก็เป็นทางผ่าน กลับบ้านคุณอยู่แล้ว...คุณกำลังประชุมอยู่...ขอโทษค่ะที่โทรมารบกวน”
สายน้ำผึ้งกดวางสายอย่างเซ็งที่ดึงพิศุทธิ์มาหาไม่ได้ มิสเตอร์โฮลวางช้อนเสียงดังนิดๆเรียก ความสนใจ
“คุณพิศุทธิ์ไม่มาใช่ไหมครับ”
“ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” เธอเห็นมิสเตอร์โฮลวางช้อนแล้ว “ถ้าอย่างนั้นเราเช็คบิลเลยนะคะ คุณจะได้พักผ่อน” สายน้ำผึ้งยกมือขึ้นจะเรียกพนักงานเสิร์ฟ
มิสเตอร์โฮลจับมือของเธอไม่ให้เรียกพนักงาน
“เดี๋ยวสิครับ ผมขอดื่มไวน์อีกนิดนึง เมื่อกี้คุยเรื่องการตลาดกับคุณยังไม่เข้าใจ คุณช่วยนั่งดื่มและคุย เรื่องการตลาดอีกทีนะครับ”
สายน้ำผึ้งมมองมิสเตอร์โฮลอย่างระแวง รู้สึกว่าไม่ธรรมดา
“ดิฉันไม่ดื่มค่ะ ขอคุยงานอย่างเดียวนะคะ” เธอดึงมือตัวเองออกจากมือมิสเตอร์โฮล
“โอเค...ไม่มีปัญหา”
มิสเตอร์โฮลยกแก้วไวน์ดื่มแล้วเหลือบมองสายน้ำผึ้ง ด้วยสายตาคิดบางอย่าง
กะรัตเดินไปเดินมารอพิศุทธิ์อยู่ริมสระน้ำ นวลยืนข้างๆ
“ป่านนี้ทำไมคุณพิศุทธิ์ไม่มาอีกเนี่ย จะสามทุ่มแล้วนะ”
“ใจเย็นๆนะคะคุณกั้ง ไข่ตกไม่ใช่ซินเดอเรล่า หลังเที่ยงคืนไปก็ไม่สาย”
“ในสมองฉันไม่ได้มีแต่เรื่องนั้นนะ ฉันห่วงคุณพิศุทธิ์ ทำงานหนักขนาดนี้ ไม่รู้ป่านนี้จะมีใครหาอะไรให้กินรองท้องบ้างรึเปล่า โทรไปก็ไม่รับสาย” กะรัตเซ็ง
พิศุทธิ์ยังประชุมอยู่ เสียงโทรศัพท์เข้า เขาเห็นเป็นชื่อสายน้ำผึ้ง ลังเลนิดนึงก่อนที่จะกดแอบรับโทรศัพท์
“ฮัลโหลครับคุณผึ้ง”
สายน้ำผึ้งยืนคุยมือถืออยู่มุมหนึ่งของโรงแรม อย่างเครียดๆ พร้อมมองไปทางมิสเตอร์โฮลที่ นั่งเมาอยู่ที่โต๊ะ
“มิสเตอร์โฮลเมามาก...ฉันไม่รู้จะทำยังไง”
“ให้พนักงานพยุงขึ้นไปห้องได้ไหมครับ”
“คุณพิศุทธิ์ช่วยมาดูหน่อยได้ไหมคะ”
พิศุทธิ์อึดอัดใจแต่ติดงานจริงเลยไปไม่ได้
“ผมยังติดประชุมอยู่น่ะครับ ยังไงฝากคุณผึ้งดูแลก่อน เดี๋ยวผมจะให้คุณฟองดาวโทรไปทางโรงแรมให้ส่งคนช่วยดูแล”
“งั้นไม่เป็นไรค่ะ...ขอโทษนะคะที่รบกวนคุณ”
สายน้ำผึ้งโมโห กดวางสาย แล้วตัดสินใจพยุงมิสเตอร์โฮลขึ้นห้อง
สายน้ำผึ้งพยุงมิสเตอร์โฮลที่เมาเข้ามาในห้อง เธอเอากระเป๋าวาง ขวางบานประตูเพื่อให้เปิดค้างไว้ และให้ตัวเองอยู่ใกล้ประตูห้องมากที่สุด แล้วพยุงร่าง มิสเตอร์โฮลให้นั่งที่เก้าอี้ใกล้ประตู
“พักผ่อนนะคะ ฉันขอตัวกลับก่อน”
สายน้ำผึ้งจะเดินไป มิสเตอร์โฮลพูดเสียงเมาๆ
“ขอน้ำหน่อย”
สายน้ำผึ้งชะงัก หันมามองมิสเตอร์โฮลแล้วมองขวดน้ำที่อยู่บนโต๊ะด้านในห้อง เธอลังเลว่าจะไปเอาน้ำให้ดีไหม มิสเตอร์โฮลไอจะอ๊วก เธอจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหยิบเปิดขวดน้ำแล้วเทใส่แก้ว ยกแก้วน้ำหันมาจะให้ แต่เห็นมิสเตอร์โฮลกำลังปิดประตูห้องและล็อคกลอนเรียบร้อย เธอชะงักที่ตัวเองเสียรู้แล้วเธอหยิบขวดน้ำเป็นอาวุธ
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะคะ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
มิสเตอร์โฮลเห็นสายน้ำผึ้งง้างจะเอาขวดฟาด จึงแกล้งทำมือยกขึ้นเป็นเชิงยอม
“ใจเย็นๆ นี่ผมเป็นลูกค้าคุณนะ หน้าที่คุณ ต้องทำให้ผมพอใจสิ”
“ฉันทำให้พอใจเรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องอื่น ถอยไป”
สายน้ำผึ้งง้างขวดทำท่าจะตี มิสเตอร์โฮลแกล้งเบี่ยงตัวหลบให้เดินไปทางประตู
“โอเคๆ”
สายน้ำผึ้งเดินอย่างระแวงไปที่ประตู โดยใช้ขาก้าว แต่ตามองมิสเตอร์โฮลระหว่างที่เธอจะเอื้อมมือไปเปิดประตู มิสเตอร์โฮลแกล้งร้องพร้อมชี้ไปทางประตู
“ระวัง”
สายน้ำผึ้งเผลอละสายตาจากมิสเตอร์โฮลไปมองตามที่เขาชี้ มิสเตอร์โฮลได้จังหวะเข้า รวบเอวแล้วอุ้มไปโยนลงบนเตียง
“ปล่อยฉันนะ” สายน้ำผึ้งพยายามดิ้น
“อย่าทำเป็นเล่นตัวหน่อยเลยน่า บริษัทส่งผู้หญิงมาต้อนรับลูกค้าแบบนี้มันก็รู้อยู่แล้วว่าแปลว่าอะไร”
“ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดนะ”
มิสเตอร์โฮลดึงสายน้ำผึ้งเข้ามากอดแล้วจะจูบ เธอตบหน้าเขาดัง เพี๊ยะ มิสเตอร์โฮลยิ่งเจ็บยิ่งบ้าคลั่ง พุ่งเข้าไปจับตัว สายน้ำผึ้งวิ่งหนี มิสเตอร์โฮลดึง เสื้อขาด แล้วเหวี่ยงตัวเธอล้มไปลงเตียง
“อย่าเข้ามานะ”
“ไม่ต้องห่วง ผมจ่ายค่าเสียเวลาให้คุ้ม”
มิสเตอร์โฮลจะเข้าใส่ สายน้ำผึ้งฮึดแรงเต็มที่ แล้วถีบกระเด็น เธอจะวิ่งหนี แต่มิสเตอร์โฮลยืนขวางทางไว้ สายน้ำผึ้งจึงพุ่งเข้าไปอยู่ในห้องน้ำ ล็อคประตูแน่น มิสเตอร์โฮลล์เคาะประตูลั่น
“มาสนุกกันดีกว่า ยังไงคืนนี้เธอก็หนีฉันไม่พ้น”
สายน้ำผึ้งกลัวลนลาน
พิศุทธิ์เดินออกมาที่หน้าบริษัทจะตรงไปที่ลานจอดรถ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นกะรัตโทรมา
“จะกลับได้รึยังคะ”
“กำลังกลับแล้วครับ”
“จริงนะคะ...อย่าหลอกให้กั้งรอเก้อนะคะ หิวจะแย่...”
“ก็บอกแล้วว่าให้ทานก่อน”
จังหวะนั้นเบอร์สายน้ำผึ้งเรียกซ้อนเข้ามา พิศุทธิ์มองชื่อในโทรศัพท์
“ฮัลโหลๆ ทำไมคุณเงียบไปหล่ะคะ”
“เดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะกั้ง”
พิศุทธิ์ตัดสินใจรับสายสายน้ำผึ้ง
“คุณพิศุทธิ์ ช่วยฉันด้วย...ช่วยด้วย”
เสียงสายน้ำผึ้งร้องไห้ กลัวลนลาน พิศุทธิ์ตกใจ
กะรัตวางสายด้วยความเซ็ง บ่นกับนวล
“กลับดึกแบบนี้ ไม่รู้นังผึ้งมันจะ อยู่ทำงานด้วยไหม”
“หยุดคิดเลยค่ะ อย่าลืมสิคะว่าตอนนี้คุณกั้งเป็น NEW กั้ง ไม่คิดอะไรระแวงคุณพิศุทธิ์อีก อีกอย่างคุณกั้งก็เห็นแล้วว่าตอนนี้คุณผึ้งแพ้ คุณกั้งหลุดลอย คุณผึ้งไม่มีอะไรจะมาใช้สู้กับคุณกั้งได้อีกแล้วล่ะค่ะ” นวลเตือนสติ
สายน้ำผึ้งนั่งอยู่ในห้องน้ำด้วยความกลัว มิสเตอร์โฮลเคาะประตูพร้อมตะโกน
“เธอจะเปิดดีๆหรือจะให้ฉันพังเข้าไป ฉันนับ 1...2”
สายน้ำผึ้งลนลานมองหาทางหนี
“3...”
มิสเตอร์โฮลทุบประตูอย่างรัว ปังๆ สายน้ำผึ้งตกใจขวัญหนีดีฝ่อ
“สนุกพอรึยัง ทีนี้ผมจะเอาจริงแล้วนะ” มิสเตอร์โฮลหัวเราะ
มิสเตอร์โฮลเงียบไป สายน้ำผึ้งเอาหูแนบประตู เพื่อฟังเสียงความเป็นไปของเขา ทันใดนั้นได้ยินเสียงลูกกุญแจเสียบเข้าลูกบิดประตู ห้องน้ำ แล้วไขเปิดประตูเข้ามาทันที มิสเตอร์โฮลพุ่งเข้าไปกอดทันที สายน้ำผึ้งพยายามดิ้น
มิสเตอร์โฮลอุ้มสายน้ำผึ้งออกจากห้องน้ำ เธอดิ้นแต่สู้แรงไม่ไหว มิสเตอร์โฮลพูดอย่างสะใจ
“คุณลืมไปแล้วเหรอว่าโลกนี้มันมีคำว่ากุญแจสำรอง คุณนี่มันเร้าใจจริงๆ”
มิสเตอร์โฮลจับสายน้ำผึ้งลงเตียงแล้วนอนทับตัวแล้วจะจูบ ทันใดนั้นพิศุทธิ์เปิดประตูเข้ามาพร้อมพนักงานโรงแรม พิศุทธิ์เห็นมิสเตอร์โฮลนอนทับตัว สายน้ำผึ้ง เห็นเธอเสื้อขาด
“คุณพิศุทธิ์ช่วยฉันด้วย”
พิศุทธิ์เข้ากระชากตัวมิสเตอร์โฮลลงจากเตียงแล้วต่อยเข้าเต็มหน้าจนกระเด็นล้ม หัวไปกระแทกตู้มึนนั่งกองกับพื้น สายน้ำผึ้งรีบวิ่งไปโผกอดพิศุทธิ์ทันที
พิศุทธิ์พยุงสายน้ำผึ้งมาที่หน้าลิฟท์ เธอมีอาการตัวสั่นด้วยความกลัว สภาพเสื้อผ้าขาดวิ่น พิศุทธิ์ถอดเสื้อสูทของตัวเองคลุมให้ ความอบอุ่นของเขาจับหัวใจของเธอจนน้ำตาหยด
“คุณแน่ใจนะว่าจะไม่ไปแจ้งตำรวจ”
สายน้ำผึ้งส่ายหน้า
“ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากให้เรื่องใหญ่โตไปมากกว่านี้”
“แต่ว่า...”
“ฉันไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ แค่นี้ชีวิตฉันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว...ถ้าใครรู้...เขาคงไม่เชื่อว่าฉันโดนปล้ำ แต่คงคิดว่าฉันหวังจะรวยทางลัด”
“คุณผึ้ง...” พิศุทธิ์ชะงัก
ความเจ็บทางกายกับสิ่งที่เจอมันทำให้สายน้ำผึ้งแทบร้องไห้
“ฉันอยาก...กลับบ้าน”
พิศุทธิ์ประคองสายน้ำผึ้งเข้าลิฟท์ไป ความอบอุ่นจากฝ่ามือนั้นเข้าสู่หัวใจที่กำลังเหน็บหนาว
พิศุทธิ์ขับรถมาส่งสายน้ำผึ้งที่บ้าน เขาและเธอลงจากรถ
“คุณไม่เจ็บตรงไหนแน่นะครับ”
สายน้ำผึ้งมองพิศุทธิ์ที่ดูเป็นห่วงตัวเองด้วยความตื้นตัน
“ไม่ค่ะ”
“ถ้ามีปัญหาอะไร โทรบอกผม ผมจะจัดการเอง”
มือถือพิศุทธิ์ดังขึ้น เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู หน้าจอมือถือ เป็นกะรัตโทรมา สายน้ำผึ้งรู้สึกเกลียดกะรัตจับใจ พิศุทธิ์ไม่อยากรับสายต่อหน้าสายน้ำผึ้ง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
พิศุทธิ์หันหลังจะเดินไปที่รถ และทำท่าจะกดรับสายกะรัต สายน้ำผึ้งมองพิศุทธิ์เดินจากไป อย่างทนไม่ได้ เธอวิ่งเข้าไปกอดข้างหลังเขา พิศุทธิ์ทำมือถือหลุดมือลงที่พื้นซึ่งกะรัตยังคงโทรเข้ามาอยู่
“คุณผึ้ง”
“คุณรู้ตัวไหม...คุณเป็นคนดีเหลือเกิน ยิ่งเห็นคุณดีเท่าไร กั้งยิ่งไม่มีค่าพอที่จะได้คุณไปเท่านั้น”
พิศุทธิ์ระอาที่สายน้ำผึ้งไม่จบสักที พยายามดึงมือออก
“ผมว่าเราคุยเรื่องนี้กันจบแล้วนะครับ”
“คุณบอกฉันมาสิคะ..ว่าคุณรักกั้งตรงไหน...ช่วยบอกฉันหน่อยสิว่า กั้งมีดีกว่าฉันตรงไหน...ฉันเป็นเพื่อนกับกั้งมา 12 ปี ฉันไม่เคยเห็นข้อดี ของกั้งเลย ทั้งอารมณ์ร้อน ขี้โมโห เอาแต่ใจ...ดีแต่ใช้เงินฟาดหัวคนอื่น...เห็นคนอื่นเป็นแค่ของเล่นสนองความพอใจของตัวเอง...ไม่เว้นแม้แต่คุณ”
พิศุทธิ์รู้ว่าพูดกับสายน้ำผึ้งไปก็ไม่มีประโยชน์
“ผมกลับล่ะ...” เขาหยิบมือถือจากพื้นจะเดินไป
สายน้ำผึ้งรีบพูด
“ฉันเคยบอกคุณแล้วว่ากั้งทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะฉัน ตอนนี้เขาทำให้คุณเชื่อว่าเขาเปลี่ยนได้ แผนต่อไปที่เขาใช้แก้แค้น คือ การมีลูก”
พิศุทธิ์ชะงักว่าสายน้ำผึ้งรู้เรื่องกะรัตอยากมีลูกได้ยังไง สายน้ำผึ้งอ่านสีหน้าเขาออก
“วันนี้เขาโทรมาหยามฉันว่าเขาไปโรงพยาบาล เขากำลังวางแผนมีลูกกับคุณ คุณอย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยสงสัยว่า อยู่ๆคนที่เกลียดเด็กอย่างกั้ง ทำไมถึงอยากมีลูก เขาต้องการให้ ฉันเจ็บเหมือนตอนที่คุณภูอยากมีลูกกับฉัน และที่สำคัญ...เขาจะใช้ ลูกไว้ผูกมัดคุณ เหมือนที่เขาใช้ทะเบียนสมรสตีตราคุณไว้นั่นแหละ”
พิศุทธิ์ไม่อยากฟัง ตัดสินใจเดินไปขึ้นรถ สายน้ำผึ้งรีบเดินตามไปดึงประตูรถไว้
“คุณเชื่อจริงๆเหรอว่ากั้งเขารักคุณ บางทีเขาอยากเอาชนะฉันจนยอมทำทุกอย่าง...แม้แต่หลอกว่าเขารักคุณ”
“คุณรู้อะไรไหม ยิ่งคุณพูดทำลายกั้งเท่าไร ผมก็ยิ่งเห็นใจและรักกั้งมากขึ้นเท่านั้น”
สายน้ำผึ้งเจ็บจี๊ด
“คุณพิศุทธิ์”
พิศุทธิ์เดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที สายน้ำผึ้งมองตามแล้วจับเสื้อที่เขาคลุมให้แน่นเหมือนยึดไว้
“ครอบครัวสมบูรณ์แบบเหรอนังกั้ง ฉันไม่มีวันให้แกได้มันไปหรอก”
พิศุทธิ์เดินเข้าบ้านมา เห็นกะรัตนอนรออยู่ที่โซฟาแล้ว ยิ้มๆเอ็นดู สิ่งที่สายน้ำผึ้งพูดออกไปจากสมองว่ามันไม่จริง พิศุทธิ์ค่อยๆเข้าไปจะไปอุ้มกะรัตแล้วเตะกับแฟ้มเอกสารที่เธออ่านค้าง แล้วเผลอ หลับ เอกสารจึงหลุดจากมือไหลอยู่ที่พื้น พิศุทธิ์ก้มมองเอกสารนั้น แล้วหยิบขึ้นมาดูว่า เป็นเอกสารอะไร เขาเห็นเป็นเอกสาร “วางแผนการมีบุตร” พิศุทธิ์ชะงักว่ากะรัตไปโรงพยาบาลอย่างที่สายน้ำผึ้งพูดจริงๆ เขานึกถึงคำพูดของสายน้ำผึ้ง
“วันนี้เขาโทรมาหยามฉันว่าเขาไปโรงพยาบาล เขากำลังวางแผนมีลูกกับคุณ คุณอย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยสงสัยว่า อยู่ๆคนที่เกลียดเด็ก อย่างกั้ง ทำไมถึงอยากมีลูก เขาต้องการให้ ฉันเจ็บเหมือนตอนที่ คุณภูอยากมีลูกกับฉัน และที่สำคัญ...เขาจะใช้ ลูกไว้ผูกมัดคุณ เหมือนที่เขาใช้ทะเบียนสมรสตีตราคุณไว้นั่นแหละ”
พิศุทธิ์เห็นภาพที่กะรัตร่างวาด ไว้เป็นรูปเด็กจับมือพ่อกับแม่ไว้ให้กอดกัน มีข้อความเขียน “ลูกคือโซ่ทองคล้องใจ” พิศุทธิ์นึกถึงคำพูดของสายน้ำผึ้ง
“คุณเชื่อจริงๆเหรอว่ากั้งเขารักคุณ บางทีเขาอยากเอาชนะฉันจนยอมทำทุกอย่าง...แม้แต่หลอกว่าเขารักคุณ”
พิศุทธิ์ดูรูปเครียดๆ
ในบ้านเนื้อแพร เย็นวันใหม่ พิศุทธิ์นั่งเหม่อๆคิดบางอย่าง เนื้อแพรเพิ่งกลับเข้าบ้านมา
“อ้าวลูก มาตั้งแต่เมื่อไหร ไม่เห็นโทรมาบอกก่อนหละจ๊ะ”
“มาได้สักพักแล้วครับ”
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้น มีปัญหาอะไรหรือเปล่าลูก”
“แม่ครับ...ตอนแรกตัดสินใจเลิกกับพ่อ แม่เคยคิดไหมว่าไม่อยากเลิก อย่างน้อยอยู่แสดงให้ใครๆเห็นว่าพ่อเป็นของแม่”
“เคย แม่เคยคิด”
“แล้วทำไมแม่ไม่ทำ”
“เพราะแม่ไม่มีความสุข อยู่ด้วยกัน แต่ไม่รักกันไปเพื่ออะไรล่ะลูก”
“เพื่อเอาชนะผู้หญิงคนอื่นไงครับ”
“ทำไมถามแบบนี้หละลูก ใครมาพูดอะไรให้ลูกไขว้เขวอีกหรือเปล่า”
“บางทีการที่กั้งแสดงออกว่าต้องการผมมาก มันทำให้ผมไม่แน่ใจ”
“ชาย แม่เคยบอกแล้วว่าหนูกั้ง ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีอะไรแล้วเก็บเอาไว้นะลูก เขาคนละขั้วกับชาย แต่ชายก็บอกว่ารับเขาได้ทุกอย่าง แต่วันนี้ชายจะมาบอกสิ่งที่หนูกั้งมันทำให้ ชายระแวง แม่ว่ามันไม่ใช่” เนื้อแพรจับมือลูกชาย “แม่ไม่รู้ว่าปัญหาเกิดจาก อะไรกันแน่ แต่แม่อยากบอกชายไว้ ชายเคยต้องการหนูกั้งเชื่อใจชาย เท่าไหน ชายเองก็ต้องมีความเชื่อใจเขากลับไปเท่านั้น”
พิศุทธิ์ชะงักคิด
ในวังวิวัฒน์วงศ์ยามเย็น...ท่านชายอ๊อดเดินเครียดๆเข้ามา หม่อมมลุลีเดินหน้าเอาเรื่องโกรธมากๆพุ่งเข้ามาหาพร้อมยื่นเอกสารจากธนาคารตรงหน้า
“นี่มันอะไรกันชายอ๊อด”
ท่านชายอ๊อดมองเอกสารของธนาคารอย่างอึ้งๆแล้วแถ
“ผมมองไม่เห็น ลืมแว่นไว้ในรถ เดี๋ยวออกไปเอาก่อน”
หม่อมมลุลีดึงลูกชายไว้
“ไม่ต้องคิดหนีเลยนะ นี่ชายแอบเอาโฉนดที่ดินไปจำนองตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกแม่ นี่แหละนะ ท่านพ่อเคยบอกไม่ให้แม่โอนชื่อวังให้เป็นของชายคนเดียว แม่มันโง่เองที่ไม่เคยเชื่อ”
“หม่อมแม่ใจเย็นๆน่า ก็แค่ผมขาดส่งไม่กี่งวด ไม่มีอะไรหรอก”
“ไม่มีอะไรได้ยังไง ในเมื่อในเอกสารเขียนหราขนาดนี้ว่าจะยึดวังเราไปใช้หนี้” หม่อมมลุลีเหลืออด ตีลูกชาย “ชายนะชาย ทำไมทำกับแม่อย่างนี้ นี่มันสมบัติชิ้นสุดท้ายแล้วนะ ถ้าโดนยึดแล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน”
หม่อมมลุลีเครียดจัดจนเป็นลมล้มพับ ท่านชายอ๊อดรีบรับร่างแม่ไว้
“หม่อมแม่ หม่อมแม่...ใครก็ได้มาช่วยทีเร็ว”
ท่านชายอ๊อดมองไปที่เอกสารของธนาคารหน้าเครียด
สามีตีตรา ตอนที่ 9 (ต่อ)
วังวิวัฒน์วงศ์...หม่อมมลุลีนอนดมยาดมอยู่ที่โซฟา ท่านชายอ๊อดนั่งหน้าเครียด
“ชายอ๊อดนะชายอ๊อด” หม่อมมลุลีเอาหมอนตีลูกชายอย่างโมโห “ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ ถ้าวังโดนยึด แม่ไม่ต้องเอาปี๊บคลุมหัวเดินรึไง พวกปากหอยปากปูมันยิ่งจ้องจะเขมือบเราอยู่แล้วแม่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“โอ้ย หม่อมแม่...จะคร่ำครวญให้มันได้อะไรขึ้นมา ก่อนจะคิดเรื่องหน้าตัวเอง มาคิดเรื่องหาหน้าคนที่จะมาช่วยเราดีกว่ามั้ยครับหม่อมแม่”
“โอ้ย...ตอนนี้ใครหน้าไหนจะช่วยเราได้ ยิ่งเจ้าสัวก็พูดปาวๆว่าถ้าจะเอาเงิน ก็ต้องเอาตัวพิศุทธิ์ไปช่วยยืนยัน ฝันไปเถอะ ยิ่งถ้าพิศุทธิ์รู้ว่า เป็นหนี้นอกระบบ ยิ่งไม่มีทางช่วย แถมยังสมน้ำหน้าให้ด้วย”
ท่านชายอ๊อดคิดเจ้าเล่ห์
“แต่ผมว่าถ้าเราเข้าถูกทาง พิศุทธิ์มันอาจจะยอมก็ได้นะครับ”
หม่อมมลุลีมองท่านชายอ๊อดอย่างสงสัย
“ชายหมายความว่า...”
หม่อมมลุลี ลากท่านชายอ๊อดเดินมาที่ทางเดินเข้าบ้านเนื้อแพรข้างๆ
“ชายรีบไปขอร้องแม่เนื้อแพรให้ไปพูดกับพิศุทธิ์เดี๋ยวนี้เลย แค่มาเป็น เพื่อนแม่ก็แหยงแล้ว แม่จะรอ ข้างนอก”
หม่อมมลุลี จะเดินไป ท่านชายอ๊อดดึงมือไว้
“จะไปไหนล่ะหม่อมแม่ เข้าไปหาเนื้อแพรด้วยกันสิครับ”
หม่อมมลุลีสะบัด
“เรื่องอะไรแม่จะเข้าไปให้มันถอนหงอก”
หม่อมมลุลีเดินไป ท่านชายอ๊อดดึงมือไว้
“ขืนผมเข้าไปคนเดียว เนื้อแพรไม่ฟังผมหรอกครับ แต่หม่อมแม่เป็นผู้ใหญ่ เนื้อแพรก็ต้องมีความเกรงใจบ้าง”
“เกรงใจเหรอ ที่มันไปอาละวาดคราวก่อน มันแทบจะถอดรองเท้าวางบนหัวแม่แล้วนะ คราวนี้มันไม่เอาน้ำสาดไล่เราเลยเหรอ”
หม่อมมลุลีจะเดินไป ทันใดนั้นมีน้ำจากสายยางพุ่งมาทางท่านชายอ๊อดและหม่อมมลุลี ทั้งสองคนรีบกระโดดหลบ เนื้อแพรถือสายยางเดินมาจากในบริเวณบ้าน
“อุ้ย ขอโทษค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่ตรงนี้”
หม่อมมลุลีกระซิบลูกชายแบบโกรธๆ แต่เก็บอารมณ์ไว้
“แม่ไม่เชื่อหรอกว่ามันไม่รู้”
ท่านชายอ๊อดพูดเอาใจเนื้อแพร
“เนื้อแพรไม่ได้ตั้งใจหรอกครับหม่อมแม่ คนจิตใจดีอย่างเนื้อแพร ไม่ใจจืดใจดำกับคนคุ้นเคยกันหรอก ใช่ไหมเนื้อแพร”
ทั้งสามพากันมาคุยในห้องรับแขก...เนื้อแพรพูดยืนยันเสียงแข็งใส่ท่านชายอ๊อดและหม่อมมลุลี
“ดิฉันช่วยไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมเธอถึงแล้งน้ำใจอย่างนี้ ฉันแค่ให้เธอช่วยไปพูดกับพิศุทธิ์ ให้ไปคุยกับเจ้าสัวเท่านั้นเอง มันไม่เห็นจะยากอะไรเลย”
หม่อมมลุลีเสริม
“นั่นน่ะสิ หล่อนรู้ไหมว่าตอนนี้ชายอ๊อดเดือดร้อนขนาดไหน”
ท่านชายอ๊อดพยายามอ้อนวอน
“บริษัทฉันกำลังจะล้ม ไหนวังฉันจะโดนยึด เจ้าหนี้นอกระบบมันโกงฉัน ฉันเป็นหนี้ท่วมตัวไปหมด ถ้าฉันไม่มีเงินไปใช้หนี้ พวกมันอาจจะทำอะไรรุนแรงกับฉันกับหม่อมแม่ก็ได้”
เนื้อแพรพูดยิ้มๆ
“ก็ไปแจ้งตำรวจสิคะ มาบอกดิฉันกับลูก พวกเราคงช่วยพวกท่านไม่ได้ เป็นหนี้นอกระบบ มันก็เหมือนเล่นกับไฟ ทำไมตอนก่อนทำไม่รู้จักคิด อยากเล่นกับไฟ ก็ต้องโดนไฟเผาแบบนี้แหละค่ะ”
ท่านชายอ๊อดอึ้งที่โดนเนื้อแพรพูดตลบกลับแบบนี้ หม่อมมลุลีรู้ว่าเนื้อแพรเหน็บ
“มากไปแล้วนะเนื้อแพร ฉันไม่ได้มาให้หล่อนด่านะ แหม...พอเห็นฉันกับชายอ๊อดล้มเข้าหน่อย ก็ทำมาจองหอง” หม่อมมลุลีหันไปทาง ท่านชายอ๊อด “ไม่เป็นไรชาย คนใจแคบไม่ช่วยก็ช่างมัน ชายโทรไปหาพิศุทธิ์ เองเลยก็ได้ แม่เชื่อว่าพิศุทธิ์ไม่ให้พ่อกับย่าต้องลำบากหรอก”
“ไม่ต้องโทรหรอกครับ ผมอยู่นี่แล้ว” พิศุทธิ์เดินเข้ามา “ผมคงช่วยท่านพ่อกับหม่อมย่าไม่ได้หรอกครับ”
ท่านชายอ๊อดมองหน้าลูกชาย
“แค่ขอให้แกช่วยออกปากเกริ่นเจ้าสัวให้ ถ้าฉันหมดตัว แกก็ไม่มีราชสกุลให้คุ้มกะลาหัว”
“ผมไม่สนเรื่องสกุล ผมไม่ชอบยืมจมูกคนอื่นหายใจ ถ้าเราไม่มีปัญญาจะรักษาวังไว้ก็ปล่อยมันไปเถอะครับ”
“แกมันเห็นแก่ตัว ห่วงแต่ศักดิ์ศรี แล้วไม่ห่วงชื่อเสียงเมียแกบ้างรึไง ถ้าตระกูลเราหมดตัวเมียแกจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนในเมื่อเขาก็เป็นวิวัฒน์วงศ์คนนึงเหมือนกัน”
พิศุทธิ์ชะงักนิ่ง หม่อมมลุลีเห็นเขานิ่ง รีบเติมเชื้อไฟ
“พิศุทธ์!พ่อกับย่ายอมบากหน้ามาให้เรากับแม่หยามเกียรติแบบนี้เพื่อจะรักษาวังนั่นไว้ให้เป็นสมบัติของพิศุทธิ์ อีกอย่าง ถ้าเรื่องนี้เข้าหูพวงหยกทีนี้...คนทางฝ่ายนั้นจะยิ่งดูถูกเรากันใหญ่”
ท่านชายอ๊อดส่งสายตาให้หม่อมมลุลีว่ารับลูกได้เฉียบมากแต่ดีใจได้ไม่นานเพราะคำตอบของพิศุทธิ์คือ
“ผมไม่เห็นว่าการไม่มีสมบัติติดตัวจะเสียหายตรงไหน ถ้าผมเกาะเขากินสิครับถึงสมควรอาย”
“พิศุทธิ์” หม่อมมลุลีอึ้ง
ท่านชายอ๊อดของโมโหมาก
“นี่แกต้องให้ฉันคุกเข่าอ้อนวอนแกรึไง แกถึงจะช่วยฉัน”
พิศุทธิ์พูดนิ่งๆ
“อย่าทำถึงขั้นนั้นเลยครับ มันจะเป็นบาปติดตัวผมไปเปล่าๆ”
ท่านชายอ๊อดโมโห
“พิศุทธิ์ ฉันเป็นพ่อแกเนี้ยไม่ได้มีความหมายกับชีวิตแกเลยใช่มั้ย”
พิศุทธิ์ชะงักมองท่านชายอ๊อดด้วยสายตาเจ็บปวด
“ท่านพ่อมีค่าสำหรับผมเสมอครับ ต่อให้ท่านพ่อไม่เคยเลี้ยงดูผม ผมก็ระลึกถึงท่านพ่อเสมอ ท่านพ่อต่างหากเคยคิดถึงลูกคนนี้บ้างไหม หรือนึกได้ว่ายังมีลูกคนนี้ อีกคนในวันที่เห็นผมมีประโยชน์เท่านั้น”
หม่อมมลุลีขัดขึ้น
“คิดอะไรอย่างนั้นน่ะพิศุทธิ์ พ่อกับย่าคิดถึงเราตลอด แต่แม่เรานั่นแหละที่กีดกัน ไม่ให้พ่อลูกเจอกัน แต่พ่อเราเขาก็ยังรักจนคิดจะยกวังให้เป็น ของเรา แต่ดันเกิดปัญหานี้ก่อน พ่อเราถึงยอมบากหน้ามาให้แม่เรา หยามเกียรติแบบนี้ เพื่อจะรักษาวังนั่นไว้”
พิศุทธิ์นิ่ง หม่อมมลุลีกับท่านชายอ๊อดเห็นอย่างนั้นก็แอบดีใจว่าพิศุทธิ์ต้องใจอ่อนยอม ช่วยแน่ ท่านชายอ๊อดแอบยกนิ้วโป้งชมหม่อมมลุลีว่าเยี่ยม
“ตกลงพิศุทธิ์จะช่วยพ่อใช่ไหมลูก” ท่านชายอ๊อดพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน
หม่อมมลุลีลากท่านชายอ๊อดที่กำลังโวยวายออกมาขึ้นรถ
“ไอ้ลูกชั่ว...ขอให้ช่วยแค่นี้ก็ไม่ได้ ไม่น่าปล่อยให้เกิดมาเลย”
“พอแล้วชายอ๊อด...คลั่งเป็นหมาบ้าแบบนี้ ตาพิศุทธิ์มันยิ่งไม่เห็นใจ”
“ก็มันน่าโมโหมั้ยล่ะหม่อมแม่ มีลูก...ลูกก็ไม่รักดี”
“เพิ่งรู้เหรอ...แม่รู้มานานแล้ว ว่ามีลูกไม่รักดีมันเป็นยังไง”
หม่อมมลุลีมองหน้าท่านชายอ๊อดว่าหมายถึงตัว
“หยุดเหน็บผม แล้วมาช่วยกันคิดดีกว่าครับ ว่าเราจะเอาเงินได้จากใครอีก”
ค่ำนั้น กะรัตถือหูโทรศัพท์อยู่เดินไปเดินมางุ่นง่าน
“ทำไม คุณพิศุทธิ์ไม่รับโทรศัพท์นะ ไปทานข้าวกับแม่...หรือไปไหนกันแน่ ป่านนี้ยังไม่กลับเลย”
นวลปลอบ
“ใจเย็นๆค่ะคุณกั้ง ท่องไว้สิคะ...new กะรัต...new กะรัต”
“ใครจะเย็นไหว จนป่านนี้ฉันยังไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนเขาไปไหน สัญญาว่าจะรีบกลับมาดินเน่อร์ แต่ทำไมกลับดึกขนาดนั้น แล้วเมื่อเช้าก็รีบออกไปทำงาน โทร.ไปก็บอกว่างานยุ่ง...แล้ว นี่ก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์...เพราะเธอคนเดียวเลยนะนวลเมื่อคืนพอคุณพิศุทธิ์กลับมาแทนที่จะปลุกฉัน ดันปล่อยให้ฉันหลับเป็นตาย”
“อ้าว ก็นวลนึกว่าคุณกั้งแกล้งหลับให้คุณพิศุทธิ์อุ้ม...จะได้เข้าแผนปั๊มลูกผูกจิตไงคะ” นวลเซ็ง
“ปั๊มกะผีน่ะสิ...ทีหลังอย่าอวดฉลาดนะนวล...โฮ้ย ป่านนี้ทำไมยังไม่กลับ อีก”
พิศุทธิ์เดินมาถึงหน้าห้องหน้าเครียดครุ่นคิดปัญหาของตัวเองอยู่ นวลรีบพูด
“หยุดเลยค่ะ ถ้าคุณกั้งสงสัยอะไร ถามคุณพิศุทธิ์ไปเลยค่ะ”
“พอฉันถาม เขาก็หาว่าฉันระแวงเขาอีก”
“แต่ถ้าคุณกั้งไม่ถาม คุณกั้งก็คิดมาก เดี๋ยวเป็นเรื่องอีก”
พิศุทธิ์ตัดสินใจว่าไม่ช้าก็เร็วต้องบอกปัญหาที่เกิดกับกะรัตอยู่ดี จึงเดินเข้าห้องไป นวลเห็นพิศุทธิ์ ก็ตาววาว
“อุ้ย คุณพิศุทธิ์กลับมาแล้ว”
กะรัตกลับแอบงอน
“ไปทานข้าวบ้านแม่ทำไมกลับช้าจังคะ”
นวลเห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องของคนสองคน
“นวลว่าท่าทางนวลควรจะไปจากตรงนี้ดีกว่า ไปนะคะ”
นวลออกไป พิศุทธิ์นิ่ง คิดถึงคำพูดของเนื้อแพร
“มาถึงขั้นนี้ท่านพ่อกับหม่อมย่าของชายไม่มีทางรามือจากเจ้าสัวแน่ ชายต้องรีบไปบอกหนูกั้งเรื่องที่ท่านพ่อกำลังมีปัญหาเรื่องเงิน ก่อนที่ท่านพ่อของชายจะไปตีโพยตีพายเอากับทางนั้น”
“แม่คิดว่าคนอย่างก๋งจะยอมช่วยท่านพ่ออีกเหรอครับ”
“เขาคงไม่ได้คิดอยากช่วยเรา แต่เขาก็คงไม่ปล่อยให้หลานสาวต้องมามัวหมองไปเพราะตระกูลเราเหมือนกัน”
“แม่พูดอย่างกับว่าทางนั้นจะรับไม่ได้ที่บ้านเราเป็นแบบนี้”
“เรื่องเครดิตสำหรับนักธุรกิจมันเป็นเรื่องใหญ่ ชายถึงต้องบอกให้หนูกั้งสบายใจว่าเราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับหนี้ของท่านพ่อ”
พิศุทธิ์ตัดสินใจ
“กั้ง...คือผม...”
กะรัตคิดว่าพิศุทธิ์ไม่อยากอธิบายบางอย่าง
“เมื่อคืนคุณก็กลับดึก แล้วก็รีบออกไปแต่เช้า...วันนี้ก็กลับบ้านดึกอีก ตั้งแต่กลับมาจากทะเล คุณทำยังกับคุณไม่มีความสุขที่ได้อยู่กับกั้งหรือที่คุณพยายามหลบหน้ากั้ง เป็นเพราะคุณไม่อยากมีลูกกับกั้ง...ใช่มั้ยคะ”
กะรัตพูด โดยหวังว่าเขาจะรีบปฏิเสธว่าไม่ใช่ แล้วเข้ามากอดอ้อน พิศุทธิ์คิดหนักเพราะปัญหาทั้งเรื่องหนี้ของท่านชายอ๊อด และคำพูดของสายน้ำผึ้ง
“เรื่องมีลูก...ผมยังไม่พร้อม”
กะรัตอึ้ง ไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้
“ทำไมล่ะคะ”
“การมีลูกไม่ใช่แค่คลอดเขาออกมาแล้วจบ แต่เรา ต้องคิดถึงสิ่งที่ต้องตามมาอีกมากมาย ไม่ใช่แค่เพื่อเอาไว้ยืนยันความมั่นคงในชีวิตแต่งงานหรือเพื่อจะเอาชนะใคร แต่เราต้องพร้อมที่จะรับผิดรับชอบสำหรับชีวิตที่จะเกิดขึ้น คุณแน่ใจเหรอกั้งว่าทำได้”
พิศุทธิ์พรั่งพรูความรู้สึกที่อยู่ในใจที่เป็นปมของตัวเองออกมา หลังจากโดนพายุความรู้สึกที่ท่านชายอ๊อดทิ้งไว้ให้ กะรัตชะงักอึ้งไป
“คุณพิศุทธิ์”
พิศุทธิ์ถอนใจอย่างเหนื่อยใจ
“เอาเป็นว่า...ผมยังไม่พร้อม”
พิศุทธิ์พูดจบ เดินเข้าห้องน้ำไปทันที ทิ้งให้กะรัตยืนอึ้งกับคำตอบของเขาและคำถามที่มี ในใจมากมายว่าทำไม
สายของวันใหม่...ศิวามาหาพวงหยกที่บ้านนั่งคุยกันในห้องรับแขก
“ขอโทษนะครับที่ผมมารบกวนคุณป้า แต่ผมร้อนใจเรื่องคุณก้อยจริงๆ”
“อู๊ย...ไม่ต้องเกรงใจเลย เรากำลังจะเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว มีอะไรอยากให้ป้าช่วย ก็บอกมาเลย”
“ผมกลัวใจคุณก้อยน่ะครับ คุณป้าก็เห็นแล้วว่าอยู่ๆ คุณก้อยก็เปลี่ยนใจจากแต่งงาน มาเป็นหมั้น ผมยอมรับว่าผมเองก็มีส่วนทำให้คุณก้อย ไม่เชื่อใจ แต่ผมจริงใจกับคุณก้อยจริงๆ นะครับ”
“เรื่องนั้นป้าเชื่ออย่างสนิทใจเลยค่ะ” พวงหยกรีบพูดเอาใจ
“ขอบคุณครับ แต่ผมกลัวคุณก้อยจะไม่เชื่อ แล้วเกิดเปลี่ยนใจหนีไปเรียนแล้วไม่กลับมา”
“ป้าก็ทนไม่ได้”
“ผมเลยบอกกับพ่อว่า อยากจัดงานหมั้นกับคุณก้อยให้เร็วที่สุด ซึ่งผมไปดูฤกษ์มาแล้วคืออาทิตย์หน้า”
“อาทิตย์หน้า” พวงหยกหน้าตื่น
“เร็วไปเหรอครับ” ศิวาหน้าเสีย
“ช้าไปค่ะ ใจป้าอยากได้ฤกษ์พรุ่งนี้เลย งั้นป้าอนุญาตให้พ่อศิวาลุก ยายก้อยได้เต็มที่”
ศิวายิ้มดีใจที่พวงหยกอยู่ข้างตัวเอง
ศิวามาหากันตาที่โรงพยาบาลคคุยกันอยู่มุมหนึ่ง
“ฉันไปไม่ได้ค่ะ ฉันมีงานต้องทำ คุณอยากไปตัดชุดก็ไปก่อนเลย ไม่ต้องรอฉัน”
กันตาจะเดินไป ศิวารีบเดินไปขวางหน้า
“มีที่ไหนครับ คู่หมั้นกัน แต่ปล่อยให้ฝ่ายชายไปตัดชุดคนเดียว”
“ก็มีที่นี่ไงคะ แล้วถ้าคุณยังมาเซ้าซี้ฉันอีก นอกจากฉันจะไม่ไปตัดชุด ฉันอาจจะเลื่อนงานหมั้นออกไปอีกก็ได้”
กันตาจะเดินไปอีก ศิวารีบเดินไปขวาง
“โอเคๆ วันนี้คุณยังไม่ต้องไปตัดชุดก็ได้ แต่หลังเลิกงานวันนี้ คุณต้องไปทานข้าวกับผมนะ”
“ฉันไม่ว่าง”
“เรื่องไปตัดชุด ผมบังคับคุณไปไม่ได้ แต่เรื่องนี้...ผมว่าผมทำให้คุณว่างไปกับผมได้” ศิวายิ้มอย่างมั่นใจ
ในห้อง V.I.P ของร้านอาหาร...กันตา ศิวาและศรัทธานั่งร่วมโต๊ะอาหารกัน ศิวายิ้มให้กันตาแบบยียวน กันตาหมั่นไส้จึงแอบหยิกแล้วกระซิบ
“คุณไม่ต้องมายิ้มเลย ที่ฉันมาเพราะป๊าคุณเป็นคนนัดหรอกนะ ถ้ามากับคุณ ฉันไม่ทิ้งงานมาหรอก”
ศิวาแกล้งทำหน้าจ๋อยแต่แอบทะเล้น ศรัทธายิ้มแย้ม
“ขอบใจนะหนูก้อยที่มาทานข้าวกับป๊า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ก้อยขอตัวไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ”
“เชิญเลยจ้ะ”
กันตาเดินออกไป ศิวามองตามยิ้มๆ ศรัทธามองกันตาเดินออกไปแล้วพูดกับศิวาด้วยเสียง เครียด
“ที่ป๊านัดแกกินข้าว ป๊านัดแกคนเดียว ไม่ได้บอกให้พาหนูก้อยมาด้วยนะ”
“แหม...ผมกับคุณก้อยไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอยู่แล้ว”
“แต่เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องที่ป๊าต้องคุยกับแกสองคน”
ศิวามองศรัทธาที่ดูหน้าจริงจัง
“ป๊าจะคุยกับผมเรื่องอะไร”
กันตาเดินมาจากห้องน้ำเข้ามาจะเปิดประตูห้อง ทันใดนั้นได้ยินเสียงศิวาตะโกนลั่นห้อง กันตาชะงัก แล้วแง้มประตูแอบมองอย่างเป็นห่วงว่ามีเรื่องอะไรกันรึเปล่า ศิวาพูดกับศรัทธาด้วยความโกรธ
“ผมไม่ให้ นี่มันแหวนของแม่ผมนะป๊า ป๊าไม่มีสิทธิ์เอาแหวนของแม่ผม ไปให้พวกผู้หญิงของป๊า”
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ แหวนนั่นมันแหวนที่ย่าแกให้ป๊า แล้วป๊าก็ให้แม่แก ป๊ามีสิทธิ์ที่จะเอาคืน”
“ผมไม่ยอมให้พ่อเอาแหวนที่ผมรัก ไปให้คนอื่นเด็ดขาด” ศิวาโกรธ
“คนอื่นที่แกว่า เขาเป็นเมียป๊านะ เขากำลังท้อง ป๊าจะเอาแหวนนี่ให้เป็นของขวัญให้ลูกของป๊า”
“แล้วผมไม่ใช่ลูกป๊าเหรอ”
ศรัทธาชะงักแต่ไม่ยอมเสียฟอร์ม จึงพูดเสียงดังใส่
“ศิวา”
“ป๊าจะมีผู้หญิงหรือมีลูกอีกกี่คน ผมไม่เคยยุ่ง ป๊าจะไม่เคยเลี้ยงดูผม ผมก็ไม่เคยแคร์ แต่ผมขออย่างเดียว แหวนวงนี้มีค่ากับผมมาก เพราะมันเป็นแหวนที่ผู้หญิง ที่ผมรักที่สุดในชีวิตให้ผมไว้ และผมก็จะเอาแหวนวงนี้ไปสวมให้กับผู้หญิงที่ผมรักที่สุดเหมือนกัน”
ศิวาเดินออกจากห้องทันที กันตายืนฟังอยู่อึ้งๆ ศิวาออกจากห้องมา
“ไปครับคุณก้อย”
ศิวาจูงมือกันตาเดินออกไปทันที
ศิวาพากันตามาที่สวนสาธารณะ เขานั่งเหม่อมองวิว กันตานั่งอยู่ข้างๆ
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะยืนฟังคุณกับพ่อคุณคุยกัน”
“ก็ดีแล้วล่ะครับที่คุณได้ยิน คุณจะได้รู้ว่าครอบครัวผมไม่ได้ดีจริง มันเน่าเฟะสิ้นดี ขนาดแม่ผมยังทนไม่ได้จนต้องตรอมใจตาย ถ้าผมทำได้ ผมก็ อยากตายตามแม่ไปเหมือนกัน”
“คุณศิวา...”
“ในโลกนี้...แม่เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้ว่าความรักที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทนมันเป็นยังไง พอไม่มีแม่ ผมก็ไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนจะรักผมโดยไม่หวังผลสักคน” ศิวาจับมือกันตา “จนผมมาเจอคุณ” เขาพยายาม ยิ้มทั้งที่ขมขื่น “คุณเห็นอย่างนี้แล้ว...จะยกเลิกงานทุกอย่างก็ได้นะครับ ผมสัญญาว่าคราวนี้จะยอมรับ การตัดสินใจของคุณอย่างเต็มใจ จะไม่กวนใจคุณอีก”
กันตามองศิวาว่าผู้ชายเจ้าชู้ แท้จริงช่างเป็นผู้ชายที่โดดเดี่ยว น่าสงสารเหลือเกิน เธอยิ้มให้เขา
“คุณจำได้ไหม...ตอนที่แม่เอาเอกสารมาแฉคุณพิศุทธิ์ ฉันเคยถามคุณว่าจะเลิกกับฉันก็ได้ แต่คุณปฏิเสธ แล้วครั้งนี้...ฉันจะปฏิเสธคุณได้ ยังไง อีกอย่าง สำหรับฉันเรื่องแหวนไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ถึงความสำคัญที่ คุณมีให้กับฉันแต่มันอยู่ที่ความรู้สึก และการกระทำของคุณมากกว่า”
ศิวาตื้นตันใจ
“คุณก้อยไม่ต้องห่วง ผมยอมรับว่าอดีตผมเคยผิดพลาด แต่ต่อไปนี้ วินาทีนี้ ผมขอสัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์กับคุณคนเดียว”
กันตายิ้มรับ ทั้งคู่กอดกันอย่างมีความสุข
เย็นนั้น เนื้อแพรเดินคุยกับลูกค้าออกมาส่วนด้านหน้าของสปา กะรัตนั่งรออยู่
“มาถึงนี่...คุณมีอะไรรึเปล่า อย่าบอกนะว่าคุณจะมารอทำสปา”
เนื้อแพรชวนกะรัตไปคุยกันที่มุมสงบของสปา
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคุณพิศุทธิ์ถึงไม่พร้อมที่จะมีลูกกับฉัน ฉันอยากมี ลูกกับเขาใจจะขาด แต่เขากลับบอกว่าไม่พร้อม...แล้วอะไรที่เขาคิดว่า มันไม่พร้อม”
เนื้อแพรเข้าใจปัญหาในใจกะรัต
“พิศุทธิ์อาจจะมีบางอย่างที่ลำบากใจที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ง่ายๆ”
“ถ้าไม่พูดแล้วฉันจะรู้ได้ยังไง ฉันคิดอะไร ฉันก็บอกหมด”
“เขาพูดแน่ เมื่อตอนที่เขาพร้อม ไหนคุณว่าเป็นคนใหม่ที่มีความอดทนมากขึ้นแล้วไง ตอนนี้คุณกำลังจะจี้จนทำให้เขารู้สึกอึดอัดนะ”
“ฉันเป็นแบบนั้นเหรอ” กะรัตชะงัก
“คุณคิดว่าไงล่ะ”
“แหม...ฉันก็แค่ต้องการความชัดเจน”
“เรื่องบางเรื่องมันต้องใช้เวลา...คุณต้องเรียนรู้ที่จะอดทนและรู้จักผ่อนปรนให้มาก ถ้าคุณร้อนเป็นไฟก็ยากที่จะรู้ความในใจของใครได้”
กะรัตมองหน้าเนื้อแพร คำแนะนำของเนื้อแพรทำให้เธอเย็นลง
พนักงานทยอยออกจากห้องประชุม พิศุทธิ์เดินออกมา สายน้ำผึ้งเห็นกำลังเดินเข้ามาหา พิศุทธิ์เห็นสายน้ำผึ้งจึงเลี่ยงเดินไปคุยกับหัวหน้า ที่เพิ่งเดินออกมา เขาไม่อยากอยู่ใกล้สายน้ำผึ้ง หรือฟังอะไรอีก สายน้ำผึ้งชะงัก ทำยืนรอขณะเดียวกันนั้นมือถือของเธอดังขึ้นเป็นศิวาโทรมา เธอจึงเลี่ยงเดินออก และกดรับสาย
“ค่ะคุณศิวา...คุณว่าอะไรนะคะ”
สายน้ำผึ้งมาหาศิวาที่คอนโด
“เสาร์หน้าผมจะหมั้นกับคุณก้อย” ศิวาพูดอย่างไม่อ้อมค้อม
สายน้ำผึ้งอึ้ง
“นี่หรือคะที่เป็นเหตุผลที่คุณจะเลิกกับฉัน”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่มีวันปล่อยคุณก้อยไปแน่ ผมยอมทำทุกอย่าง เพื่อรักษาคุณก้อยไว้ แม้แต่การเลิกหาความสนุก”
“เลิกตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ถ้าเขารู้ว่าตลอดมาคุณสวมเขาให้ คิดว่าเขาจะยอมรับหมั้นคุณอยู่เหรอ”
“ถึงไม่หมั้นกับคุณก้อย ผมก็ไม่มีวันลงเอยกับผู้หญิงแบบคุณอยู่ดี”
สายน้ำผึ้งเจ็บแค้นกับคำตอบของศิวา
“และที่ผมเรียกคุณมาวันนี้ ก็เพื่อจะบอกว่า ให้คุณรีบย้ายของออกไปจากคอนโดนี้”
สายน้ำผึ้งตกใจ
“ไม่นะคะคุณศิวา ก็คุณบอกว่ายกคอนโดนี้ให้ฉัน แล้วคุณจะมาเอาคืนง่ายๆอย่างงี้ได้ไง”
“ใช่ ผมบอกจะยกให้คุณ และผมไม่เคยคิดที่จะเอาคืน ถ้าวันนั้น คุณก้อยไม่รู้ว่าผมมีคอนโดอยู่ที่นี่”
สายน้ำผึ้งอึ้ง ที่ไม่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำจะย้อนกลับมาหาตัวเอง
“ฉันไม่ให้”
ศิวาเด็ดขาดและจริงจัง
“มันเป็นสิทธิ์ของผม คุณรู้ไหมว่าผู้หญิงคนอื่น ผมสั่งให้คนไปบอกแต่กับคุณ ..ผมยอมมาคุยเอง อย่าทำให้เรื่องมันยาก ที่ผ่านมาคุณก็ได้ จากผมไปเยอะแล้ว ผมจะไม่ทำให้คุณก้อยต้องผิดหวังในตัวผมอีกแล้ว ผมต้องการเริ่มต้นใหม่ ผมต้องการมีครอบครัวที่สมบูรณ์กับคุณก้อยเท่านั้น”
สายน้ำผึ้ง เมื่อรู้ว่าทำแข็งกับศิวาไม่ได้ ก็รีบเปลี่ยนท่าที
“คุณศิวาคะ ฉันยอมรับว่า ชีวิตครอบครัวฉันทุกวันนี้ดีขึ้นได้เพราะคุณ ถ้าคุณเลิกกับฉันไปตอนนี้ ลูกฉันจะเป็นยังไง คุณก็รู้ว่าเขาอ่อนแอ ต้องจ่ายค่าหมอแต่ละเดือนก็ ไม่ใช่น้อย”
ศิวารู้สึกเห็นใจจึงหยิบสมุดเช็คออกมาเซ็นต์ให้
“ถือซะว่า...นี่เป็นค่าตอบแทนของการเป็นแม่ที่ดีของคุณแล้วกัน ผมชื่นชมคุณนะ ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก” ศิวาลุกขึ้น “ส่วนคีย์การ์ดนั่น คุณเก็บไว้คุณก็เข้าห้องนี้อีกไม่ได้อยู่ดี เพราะผมสั่งปรับปรุงห้องไปแล้ว”
ศิวาเดินไปที่ประตู สายน้ำผึ้งรีบวิ่งไปกอดเขาไว้
“คุณศิวา...”
ศิวาดึงสายน้ำผึ้งออก
“โชคดี”
ศิวาเดินออกจากประตูไป สายน้ำผึ้งยืนมองเช็คเงินสดด้วยความแค้น
ในห้องเสื้อกะรัตวันใหม่...พวงหยกกระวีกระวาดเลือกชุดให้กันตาลองแล้วลองอีก กุนตีคอยช่วยกันตา เปลี่ยนชุด กะรัตหยิบชุดให้ลองด้วยสีหน้ายิ้มแบบไม่สุขจริง พยายามมีความสุขแต่ในใจเครียด ศิวามองกันตาอย่างชื่นชม พวงหยกหันมาถามกันตา
“ตกลงหล่อนจะเลือกชุดไหนยายก้อย”
“ถ้าถามก้อย ก้อยก็จะบอกว่าชุดอะไรก็ได้ เพราะก้อยสวยอยู่แล้ว”
พวงหยกหมั่นไส้
“จ้า แม่คนสวย ฉันถามคุณศิวาก็ได้ ถามแก...แกก็เอาแต่เล่นลิ้น...คุณศิวาชอบชุดไหนคะ”
“ชุดไหนก็ได้ครับ เพราะคุณก้อยสวยอยู่แล้ว”
พวงหยกรีบชื่นชมศิวา
“อุ้ยตาย พูดดี...สมกับจะมาเป็นว่าที่ลูกเขย”
กะรัตมองภาพกันตากำลังจะมีความสุข และมองพวงหยกทำท่าปลื้มศิวามาก กุนตีสังเกตเห็นกะรัตท่าทางไม่ค่อยมีความสุข
“เป็นอะไรรึเปล่ากั้ง หรือว่าทะเลาะอะไรกับคุณพิศุทธิ์อีกแล้ว”
“เปล่าหรอกค่ะ กั้งแค่เห็นแม่ปลื้มคุณศิวาเท่าไร ก็ยิ่งห่วงคุณพิศุทธิ์เท่านั้น ไม่รู้วันงานจะโดนค่อนแคะอะไรบ้าง”
“นิสัยแม่ก็เป็นอย่างนั้นแหละ ขอให้ได้พูด ถึงจะเป็นเรื่องเดิมๆก็ขอให้ได้พูด พี่ว่าคุณพิศุทธิ์คงชินแล้วล่ะ”
กะรัตพึมพำ
“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น”
สามีตีตรา ตอนที่ 9 (ต่อ)
กุนตีมองน้องสาว
“อะไรนะ...กั้งมีอะไรรึเปล่า”
กะรัตมองกุนตีอย่างลังเลว่าจะบอกว่าตัวเองร้อนใจเรื่องทำไมพิศุทธิ์ไม่อยากมีลูกดีไหม เธอตัดสินใจไม่บอก
“ไม่มีอะไรค่ะ”
กุนตีมองอย่างไม่เชื่อ แต่ไม่อยากบังคับจับมือกะรัต
“มีอะไรอยากให้ พี่ช่วยก็บอกนะ ต่อให้กั้งแต่งงานไปแล้ว พี่ก็ยังเป็นพี่และพร้อมจะช่วย กั้งเหมือนเดิม”
กะรัตยิ้มขอบคุณ กันตาเดินเข้ามาแทรกระหว่างกะรัตกับกุนตี
“พี่กั้งกับพี่กุ้งช่วยก้อยหน่อยสิคะ ก้อยบอกแม่ว่าก้อยชอบสูทสีดำ แต่แม่จะเอาสีขาว”
พวงหยกชื่นชม
“อูย...ถึงคุณศิวาไม่ต้องใส่สูทสีขาว คุณศิวาก็เหมือนเทวดา...มาจุติสร้างความสุขให้กับคนแก่อย่างแม่”
ศิวายิ้มปลื้มปริ่มที่พวงหยกชื่นชมตัวเอง กันตาหมั่นไส้ที่แม่ชื่นชมศิวาเว่อร์ กะรัตกับกุนตีขำ...สายน้ำผึ้งแอบยืนมองอยู่หน้าร้าน กะรัตหันไปทางหน้าร้านเพื่อไปหยิบของ แล้วหางตารู้สึกเห็นสายน้ำผึ้งที่หน้าร้านก็รีบ เงยหน้ามองปรากฏว่าไม่เห็นสายน้ำผึ้งแล้ว กะรัตมองหา กุนตีสงสัย
“มีอะไรเหรอกั้ง”
กะรัตลังเล
“กั้งรู้สึกเหมือนเห็น...ช่างเถอะ กั้งคงตาฝาด”
กะรัตหันกลับไป สายน้ำผึ้งเดินกลับมามองบรรยากาศมีความสุข ของทุกคนด้วยความแค้น
ในห้องนอนสายน้ำผึ้งยามค่ำคืน...สายน้ำผึ้งนั่งอยู่หน้ากระจก พูดกับตัวเองด้วยความโกรธแค้น
“ทำไมคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นถึงไม่เคยเป็นฉัน...ทำไมฉันไม่เคยได้สวมชุดเจ้าสาว ทำไมต้องเป็นพวกมันที่มีความสุข”
สายน้ำผึ้งโกรธแค้นจนคุมสติไม่อยู่ หยิบของปาใส่กระจกจนเกิดรอยร้าว
“ทำไมฉันต้องแพ้แกนังกั้ง...ทำไม ทำไม ทำไม”
สายน้ำผึ้งยืนหอบหายใจก้มหน้าอยู่หน้ากระจก
“ไม่จริง ฉันไม่มีวันแพ้ พวกมันจะไม่มีวัน มีความสุข พวกมันต้องเป็นฝ่ายทุกข์ทรมาน ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ฉัน นังก้อยต้องอับอายเป็น ม่ายขันหมาก นังกั้งต้องเจ็บปวดทุรนทุราย ปางตายที่โดนผัวคนที่สี่ทรยศ”
สายน้ำผึ้งที่โดนความเกลียดแค้นเข้าครอบงำ จนแทบไม่มีสติคิดผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป
กะรัตนอนหลับอยู่ที่เตียง และสะดุ้งผวาแต่ตายังหลับอยู่พึมพำละเมอ
“แกทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนังผึ้ง”
พิศุทธิ์เดินออกจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาเดินเข้ามาเรียกเบาๆ
“กั้ง...คุณว่าอะไรนะ”
กะรัตหลับต่อไม่ตอบอะไร
“ละเมอเหรอ”
พิศุทธิ์ห่มผ้าให้มองกะรัตแล้วถอนใจเครียด ลงนั่งข้างๆแล้วใช้มือสัมผัสอย่างแผ่วเบา ด้วยความรัก
วันใหม่...หม่อมมลุลีเดินลงมาจากบันได เห็นท่านชายอ๊อดแต่งตัวเต็มยศนั่งหน้าเชิด
“ชายให้เด็กไปตามแม่มาทำไม เอ้า แล้วนั่น...แต่งตัวซะเต็มขนาดนั้นจะไปไหนเหรอ”
“ก็จะไปหาตัวช่วยมาไถ่วังคืนยังไงครับ ใกล้จะสิ้นเดือนตามกำหนด ของไอ้เสี่ยปฐมแล้ว ถ้ามัวรอไอ้ลูกทรพีเปลี่ยนใจมาช่วย คงไม่มีที่ซุก หัวนอนซะก่อน”
หม่อมมลุลีไม่เข้าใจ
“ตัวช่วย”
ท่านชายอ๊อดหยิบหนังสือพิมพ์เปิดข่าวหนาสังคมให้หม่อมมลุลีอ่าน หม่อมมลุลีเห็นข่าวแล้วชะงัก
“นี่มัน...”
“เราจะไปหาตัวช่วยจากงานนี้ หม่อมแม่รีบไปแต่งตัวให้ไวเถอะครับ...ชักช้าเดี๋ยวตลาดจะวาย”
หม่อมมลุลีรีบเดินขึ้นห้องไป ผ่านเห็นหนังสือพิมพ์ที่พาดหัวข่าว “งานหมั้น 2 ตระกูลยักษ์ใหญ่” มีรูปศิวากับกันตาคู่กันประกอบพาดหัวข่าว
ในบ้านสายน้ำผึ้ง...รสสุคนธ์ถือถาดใส่อาหารที่ใส่ของใส่บาตรเดินเข้ามา สายน้ำผึ้งแต่งชุดดำลงบันไดมา
“ผึ้งมาพอดี มายกมือสาธุสิลูก น้าไปทำบุญเผื่อผึ้งกับน้องพีทมา”
สายน้ำผึ้งยกมือไหว้
“งั้นผึ้งก็ขอให้ผลบุญนี้ ส่งผลให้สิ่งที่ผึ้งจะทำ สัมฤทธิ์ผล”
รสสุคนธ์มองสายน้ำผึ้งอย่างสงสัย
“ผึ้งจะไปทำอะไร หวังว่าคงไม่ได้คิดทำอะไรไม่ดีนะ ที่น้าทำบุญให้ผึ้ง เพราะน้าหวังจะให้ผลบุญฉุดผึ้งขึ้นจาก นรกบ้าง”
“น้าไม่ต้องห่วงหรอก สิ่งที่ผึ้งจะไปทำ มันเป็นสิ่งดี เพราะผึ้งจะเอาคำสอนของ พระพุทธศาสนา ไปสอนคนว่าการทำกรรมชั่วในตอนนี้ ถ้าตายไป... จะเจออะไร”
สายน้ำผึ้งเดินออกไป รสสุคนธ์มองตามอย่างหวั่นเกรงว่าหลานรักต้องไปทำอะไรไม่ดีแน่
บรรยากาศงานหมั้นของกันตากับศิวาที่คฤหาสน์เทพทัต...พวงหยกในชุดไทยหรูหราลงบันไดลงมาพบกฤชยืนคุยกับกุนตี
“แหม พอรู้ว่าลูกจะหมั้นกับตระกูลเศรษฐี ก็รีบโผล่หัวมาเอาหน้าเลยนะ”
“แม่...” กุนตีปราม
“ก็จริงนี่ พ่อแกเคยช่วยอะไรครอบครัวบ้างมั้ย อย่าให้ฉันพูดเลย วันนี้วันมงคล ฉันไม่อยากเสียฤกษ์”
“ผมก็เห็นว่าตั้งแต่เริ่มต้น คุณก็ไม่เคยคิดจะให้ผมเข้าไปมีส่วนร่วม ในการหาลูกเขยของคุณ”
“คุณก็เลยเอาเวลาไปคลั่งไคล้คลอเคลียนังดาราตกอับงั้นสิ”
“ไม่เอาน่าแม่ แขกมองกันใหญ่แล้วนะคะ” กุนตีรีบห้าม
พวงหยกปั้นยิ้มให้แขก แล้วพูดเสียงขู่
“แขกเผลอ แล้วเจอกัน จะเคลียร์บัญชีเก่า บัญชีใหม่ ทบทั้งต้นด้นทั้งดอกเลย”
พวงหยกพูดจบรีบเดินไปดูงานด้านหน้า
“เอ้า เร็วๆ เข้าหน่อย วันนี้ต้องช่วยกันดูแลแขกให้ดี คุณศิวาเชิญแต่แขก ใหญ่ๆโตๆมาทั้งนั้น อย่าทำให้ขายหน้า”
“อีกตั้งสองชั่วโมงกว่าจะถึงฤกษ์ดูแม่เราตื่นเต้นยังกับเขาจะมาสู่ขอตัวเอง” กฤชถอนใจ
“เมื่อคืนแม่ไม่ได้นอนด้วยซ้ำคะ เดี๋ยวกุ้งขอขึ้นไปดูยายก้อยก่อนนะคะ” กุนตีบอกอย่างหน่ายๆแม่เช่นกัน
เจ้าสัวบัญชาเดินเข้ามาทัก พิศุทธิ์ ที่ยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง
“คุณชายสบายดีนะครับ”
“ครับ...เอ่อ...”
พิศุทธิ์อยากเอ่ยปากคุยเรื่องท่านชายอ๊อด แต่คิดว่าไม่น่าเหมาะ เจ้าสัวยิ้มแย้ม
“คุณชายไม่ต้องห่วงนะว่าท่านพ่อกับหม่อมย่าของคุณชายจะมาสร้าง ปัญหาอะไรให้อั๊วอีก อั๊วเคยรับปากคุณชายแล้ว อั๊วก็ทำตามนั้น อั๊วเข้าใจความรู้สึกของคุณชาย”
กะรัตเดินนำนวลถือกาแฟเข้ามาทางพิศุทธิ์ พอเห็นเจ้าสัวจึงรีบเข้ามากอด นวลส่งกาแฟให้พิศุทธิ์
“กั้งคิดถึงก๋งจังเลย ไม่ได้แวะไปหา ก๋งเหงาไหมคะ”
“เราคิดว่าแม่เราจะทำให้ก๋งเหงาเหรอ นี่ก็ได้ข่าวว่าเราอยากมีลูกแล้วใช่มั้ย”
กะรัตกับพิศุทธิ์ชะงักนิ่งไปนิด เจ้าสัวสังเกตอาการของทั้งสองแล้วรู้สึกว่าต้องมีปัญหาบางอย่าง จึงเปลี่ยนเรื่อง
“ก๋งว่าเราไปช่วยแม่รับแขกเถอะ นี่ก็ใกล้เวลาแล้ว”
เจ้าสัวพากะรัตไป พิศุทธิ์มองตาม แล้วถอนใจเหนื่อยที่มันต้องมีอะไรมาทำให้ไม่สบายใจตลอด
กันตาเดินออกมาจากห้องน้ำ แต่งตัวเสร็จแล้ว โดยมีช่างตามเข้ามา ช่วยจัดการ กุนตีเห็นหน้าน้องสาวไม่ค่อยยิ้มก็เข้าไปถาม
“เป็นอะไรรึเปล่า วันนี้เป็นวันที่ก้อยควรจะมีความสุขนะ พี่อยากเห็น น้องสาวของพี่ยิ้มตลอดงาน”
“ก้อยเป็นอะไรก็ไม่รู้เหมือนกันพี่กุ้ง เหมือนมีอะไรมารบกวน จิตใจ หวั่นๆยังไงชอบกล หรือเป็นอาการใจหายของคนหวงความโสด” กันตาถอนใจ
“จะมาเสียดายความโสดตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะก้อย จำไว้นะ ไม่ว่าจะเกิด อะไร เมื่อการตัดสินใจของเราเกิดขึ้นแล้ว ก้อยก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตามมา อย่างเข้มแข็งและมั่นใจกับสิ่งที่เราเลือก”
กันตาพยายามสูดลมหายใจเรียกกำลังใจให้ตัวเอง
กันตา ศิวาและทุกคนในครอบครัว รวมถึงศรัทธา ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้างาน ท่านชายอ๊อดถือของขวัญกล่องใหญ่ เดินบังหม่อมมลุลีเข้ามา พวงหยกหันไปเห็น
“อ้าว...นั่นไง แขกผู้ใหญ่ที่ไหนมาแต่เช้า”
พิศุทธิ์มองเห็นท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลีก็ชะงัก ใจเกิดระแวงทันทีว่ามาทำไม พิศุทธิ์หันไปมอง เจ้าสัวบัญชาขยับมาหาพิศุทธิ์นิดหนึ่งไม่ให้เป็นที่สังเกต แล้วพูดพอได้ยินกันสองคน
“ไม่ต้องกังวล ถ้าคุณชายยืนยันว่าไม่ให้ช่วย ทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น”
พวงหยกมองท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลีอย่างหมั่นไส้ เพราะยังเคืองที่มาเอาเงินจากเจ้าสัว
“ใครเชิญคุณชายกับหม่อมมางานนี้คะ”
ท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลีหน้าเหวอ ทุกคนอึ้งกับคำพูดที่ตรงมากของพวงหยก หม่อมมลุลีพยายามยิ้มสู้
“แหม...ก็เราเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วนี่จ้ะ ถึงไม่เชิญเราก็ต้องมาแสดงความยินดี” หม่อมมลุลีหันไปทางศิวากับกันตา “ย่าดีใจกับ...”
พวงหยกรีบพูดขัด
“อุ้ยตาย ท่านรัฐมนตรีมาแล้ว ไปยายก้อย คุณศิวา เราไปไหว้ท่านกันเถอะ”
พวงหยกรีบจูงมือศิวากับกันตาเดินแยกออกมา ทุกคนปลงกับพฤติกรรมของพวงหยก หม่อมมลุลีกับท่านชายอ๊อดมองอย่างเซ็งๆ
“สวัสดีค่ะเจ้าสัว สบายดีนะคะ” หม่อมมลุลีรีบทักทายเจ้าสัว
“สบายดี ช่วงนี้อั๊วอยู่กับอากาศที่บริสุทธิ์ ไม่มีมลภาวะ เลยยิ่งสบาย”
หม่อมมลุลีกระซิบประชดท่านชายอ๊อด
“ขอบใจนะชาย ที่พาแม่มาให้โดนเขาเหน็บ”
“ท่องไว้หม่อมแม่ ด้านได้ อายอด” ท่านชายอ๊อดกระซิบ
พิศุทธิ์ยิ่งเห็นท่านชายอ๊อดกับมลุลีกระซิบกันก็ยิ่งสงสัย
“ท่านพ่อกับหม่อมย่า เชิญทางนี้ครับ”
พิศุทธิ์เดินนำไปทางสนามหญ้า ท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลี มองหน้ากันแล้วเดินตามไป กะรัตจะเดินตาม เจ้าสัวดึงไว้
พิศุทธิ์เดินนำท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลี เข้ามามุมหนึ่งในสนามหญ้าหน้าบ้าน
“ผมไม่คิดว่าท่านพ่อกับหม่อมย่าจะมางานนี้”
ท่านชายอ๊อดหัวเราะอารมณ์ดี
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าเราเป็นทองแผ่นเดียวกัน ก็ต้องมาเป็นเกียรติสิ”
“มาเพราะเป็นเกียรติหรือเพราะเรื่องอื่นกันแน่ครับ”
ท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลีมองหน้ากัน รู้ว่าพิศุทธิ์หมายถึงอะไร
“ย่ารู้ว่าพิศุทธิ์หมายถึงอะไร ที่เรามา... เพราะเจ้าสัวโทรไปเชิญ ส่วนเรื่องเงิน พิศุทธิ์ไม่ต้องห่วง ย่ากับพ่อไม่รบกวนพิศุทธิ์แล้ว”
พิศุทธิ์มองหม่อมมลุลีอย่างสงสัย
“หมายความว่า...”
ท่านชายอ๊อดเชิด
“คนอย่างฉัน มันไม่จนตรอกง่ายๆหรอก หมดข้อสงสัยแล้วใช่ไหม ฉันกับหม่อมแม่จะได้ไปทักทายคนอื่น...ไปครับหม่อมแม่”
ท่านชายอ๊อดควงหม่อมมลุลีเดินแยกไป พิศุทธิ์มองท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลีอย่างคิดๆว่าไปเอาเงินจากใคร เขาจะเดินไป พวงหยกเดินเข้ามา
“ไงคะคุณชาย ได้ข่าวว่าอยากจะมีลูกเหรอ”
“เอ่อ...” พิศุทธิ์ชะงัก
พวงหยกปรบมือให้พิศุทธิ์
“ฉันขอปรบมือให้กับความแผนสูงของคุณ เห็นยายกั้งลมเพลมพัด กลัวจะหมดรักสักวัน เลยจะเอาลูกมาผูกมัดไว้”
“ผมไม่เคยคิดแบบนั้น”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณไม่มีทางยอมรับ ฉันจะบอกให้นะ...ฉันไม่ได้โง่เหมือนยายกั้ง อย่าหวังจะได้สมบัติฉันง่ายๆ” พวงหยกหัวเราะเยาะ
“คุณพวงหยกไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมบอกกั้งไปแล้วว่ายังไม่พร้อมมีลูกตอนนี้ เพราะผมคิดอยู่แล้วว่าต้องมีใครคิดแบบนี้”
“ดี...ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน”
พวงหยกสะบัดเดินเชิดออกไป พิศุทธิ์เครียด...มุมหนึ่งท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลีแอบฟังอยู่ ท่านชายอ๊อด ยิ้มขึ้นมาอย่างมีแผน
เจ้าสัวบัญชาจูงมือกะรัตเข้าไปในงาน
“ปล่อยให้เขาคุยกัน เราอย่าไปยุ่งกับเขาเลย”
“นี่พวกเขาจะมารบกวนอะไรก๋งอีกหรอเปล่าค่ะ กั้งสงสารคุณพิศุทธิ์จริงๆ ตัวเองทำดีแทบตาย แต่ต้องมาพังเพราะ...”
“ไม่เอาน่ากั้ง ยังไงเขาก็เป็นพ่อ เป็นย่าของคุณชาย” เจ้าสัวรีบห้าม
หม่อมมลุลีกับท่านชายอ๊อดเดินเข้ามา กะรัตมองทั้งสองไม่ชอบใจนัก
“ก๋งเข้าไปข้างในเถอะค่ะ ทางนี้ กั้งจัดการเอง”
เจ้าสัวบัญชาเดินเข้าไป หม่อมมลุลีมองลูกชายอย่างไม่พอใจ
“ตายแล้วชายอ๊อด ทำไมพาแม่เดินมาทางนี้ ชายไม่เห็นนังส้วมสุขภัณฑ์ มันยืนกันท่าอยู่เหรอ”
“เพราะเห็นไงครับ ถึงพาหม่อมแม่มา”
ท่านชายอ๊อดเดินเข้ามาหากะรัต
“สวัสดีจ๊ะหนูกั้ง เมื่อกี้เรายังไม่ได้คุยกันเลย”
กะรัตพูดดักไว้ก่อน
“ก๋งไม่อยู่แถวนี้หรอกค่ะ”
“ฉันอยากคุยกับหนูแหละ เราหาที่เงียบๆคุยกันได้ไหม”
กะรัตมองท่านชายอ๊อดที่พูดกับตัวเองเสียงหวานอย่างชะงัก
“คุยกับฉัน”
กะรัตมองท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลีอย่างระแวง
พิศุทธิ์เดินหากะรัตอย่างกังวลใจ ตั้งใจจะบอกเรื่องไม่ให้ช่วยท่านชายอ๊อด นวลดูแลแขกอยู่ พิศุทธิ์เข้าไปถาม
“กั้งล่ะ”
“เห็นเข้าไปข้างในกับเจ้าสัวแล้วนี่คะ”
ขณะเดียวกัน สายน้ำผึ้งแอบยืนมองพิศุทธิ์อยู่ริมรั้วบ้านพวงหยก
กะรัตมองท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลีอย่างสงสัย
“อย่ามองพ่ออย่างนั้นสิ”
กะรัตพูดเสียงขำๆแต่จริงๆจงใจพูดกัด
“แหม...จะไม่ให้ฉันแปลกใจก็คงไม่ได้หรอกค่ะ ก่อนหน้านี้คุณชายกับหม่อม ด่าสาดเสียเทเสียฉันไว้เยอะ อยู่ๆกลับมาพูดดี ถ้าไม่ผีเข้า...ก็คงมีอะไรผิดปกติ”
ท่านชายอ๊อดพยักหน้าให้แม่พูดต่อ
“เธอก็ต้องเข้าใจฉันสองคนนะ เราอยู่ในชนชั้นที่มีเกียรติ บางอย่างที่เรา ไม่อยากทำ เราก็ต้องแกล้งทำเพื่อรักษาเกียรติไว้ แต่ถ้าถามจากใจว่า เรารังเกียจหนูไหม บอกได้เลยว่าไม่เคยรังเกียจ”
กะรัตไม่อยากเชื่อ
“เหรอคะ แหม...แกล้งซะเหมือนเชียว”
ท่านชายอ๊อดรีบตัดบท
“ไหนๆเราก็ดองกันแล้ว ลืมเรื่องเก่าๆเถอะนะ เพราะถึงยังไง ไม่ว่าเราจะ เคยบาดหมางอะไรกันมาก่อน แต่จุดประสงค์ที่เราทำก็เพื่อให้พิศุทธิ์มี ความสุขเหมือนกัน”
หม่อมมลุลีทำท่าจะร้องไห้
“แต่ตอนนี้เรากลับทำให้พิศุทธิ์เป็นทุกข์อีกแล้ว”
ท่านชายอ๊อดปลอบแม่
“ไม่เอาน่าหม่อมแม่ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อายเขา”
“ก็แม่เสียใจนี่ แม่มันไม่ดี แก่ปูนนี้แล้วแทนที่จะเห็นลูกหลานมีความสุข แต่กลับเป็นคนทำลายความฝันของลูกหลาน”
“ผมผิดเองต่างหากล่ะหม่อมแม่ ที่ทำลายความฝันการมีครอบครัวที่สมบูรณ์ของพิศุทธิ์”
“อะไรนะคะ” กะรัตชะงัก
พิศุทธิ์เดินเข้ามา ท่านชายอ๊อดเห็นจึงรีบกระซิบบอกกะรัต
“ไว้พ่อจะหาโอกาสเล่าให้หนูฟังนะ แต่หนูห้ามบอกพิศุทธิ์ เพราะไอ้ลูกชายคนนี้มันขี้เกรงใจ”
พิศุทธิ์มองท่านชายอ๊อดกับหม่อมมลุลีอย่างระแวง
“คุยอะไรกันเหรอครับ”
ท่านชายอ๊อดพูดดีด้วย
“พ่อก็แค่คุยทักทายลูกสะใภ้เท่านั้นเอง แต่ถ้าพ่อกับหม่อมแม่เกะกะแกนัก ฉันไปที่อื่นก็ได้...ไปครับหม่อมแม่”
ท่านชายอ๊อดพยุงหม่อมมลุลีเดินออกไปแอบยิ้มกับแม่ พิศุทธิ์มองกะรัต
“พ่อกับย่าผมพูดอะไรกับคุณ”
“คือว่า...”
กะรัตยังไม่ทันตอบ กุนตีเดินเข้ามาก่อน
“คุณพิศุทธิ์คะ เชิญด้านในค่ะ ได้ฤกษ์สวมแหวนแล้ว” กุนตีจูงมือกะรัต “ไปกั้ง”
กุนตีเดินจูงกะรัตเข้าไปในงาน พิศุทธิ์มองตามแล้วถอนใจที่ไม่ได้บอกเรื่องท่านชายอ๊อด จะเอาเงินสักที
สายน้ำผึ้งยืนอยู่ริมรั้วบ้าน มองแมสเซนเจอร์กำลัง ส่งกล่องของให้เด็กรับใช้อยู่
“คุณศิวาฝากให้คุณพวงหยก บอกให้เปิดเซอร์ไพร์สคุณกันตาต่อหน้าแขก”
เด็กรับใช้รับกล่องของเดินเข้าบ้านไป แมสเซนเจอร์มองไปทางสายน้ำผึ้งที่ยืนอยู่ริมรั้วบ้าน เธอยิ้มพอใจ แล้วหันไปมองในบ้าน รอดูผลงานมุมหนึ่ง
สมหวังเดินดูแลรถของแขกแล้วเห็นสายน้ำผึ้ง เขาตกใจมาก ว่ามาทำไม แล้วรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน
เจ้าสัวบัญชานั่งเป็นประธานบนโซฟา ศรัทธานั่งอยู่ฝ่ายเจ้าบ่าว ส่วนพวงหยกกับกฤชนั่งอยู่ฝ่ายเจ้าสาว กุนตีนั่งข้างกฤช กะรัตนั่งห่างกุนตีออกมา พิศุทธิ์นั่งอยู่กับหม่อมมลุลีและท่านชายอ๊อดอีกที่หนึ่ง
ภายในพิธีหมั้นศรัทธาในฐานะตัวแทนผู้ใหญ่ฝ่ายชาย ทำพิธีสู่ขอกันตาจากเจ้าสัวให้แก่ศิวา
“วันนี้ฤกษ์งามยามดี ผมเลยอยากจะมาขอหมั้นหนูกันตาให้กับเจ้าศิวาลูกชายของผม นี่เป็นของหมั้นที่ผมขอนำมาหมั้นหมายหนูก้อย”
ศรัทธาคลี่ผ้าเห็นของหมั้นเป็นสร้อยทอง เครื่องเพชรที่นำมาเป็นของหมั้น
พวงหยกยิ้มหน้าบานเมื่อได้ตรวจนับเห็นของหมั้นในหลักล้าน จากนั้นศิวาสวมแหวนให้ กันตา เธอยกมือไหว้ ศิวารับไหว้จับมือกันตามาจูบ ทุกคนยิ้มปลาบปลื้ม พวงหยกปลื้มที่สุด หันไปบอกนักข่าว
“น้องๆนักข่าวคะ เวลาถ่ายรูปยิงแสงแฟลซเบาๆหน่อยนะ...แบบว่าเพชรเม็ดใหญ่เว่อร์ เดี๋ยวประกายเพชรสะท้อนแสงแฟลช ทำให้ภาพเสีย” พวงหยกหันไปเหน็บทางพิศุทธิ์ ท่านชายอ๊อด หม่อมมลุลี “แบบว่ามัน ของจริง ไม่ใช่สวยนอกแต่ปลอมใน”
นักข่าวรุมถ่ายภาพแสงแฟลตสนั่นห้อง สมหวังเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าตาตื่น พยายามแหวกแขก และนักข่าวที่นั่งล้อมอยู่ เข้ามาหานวล
สมหวังสะกิด นวลกำลังชื่นชมความสุขของกันตาอยู่ รำคาญที่ถูกสะกิด
“สะกิดทำไม”
“คือว่า...”
สมหวังยังไม่ทันพูด พวงหยกหยิบกล่องของขวัญ จากเด็กรับใช้มาแล้วประกาศให้ทุกคนเงียบ
“ทุกคนอยู่ในความสงบนิดนึงนะคะ ดิฉันมีของจะมาเซอร์ไพร์สยายก้อย”
กันตามองพวงหยกงงๆ
“แม่เนี่ยนะจะเซอร์ไพร์สก้อย”
“อันที่จริงก็ไม่ใช่ของฉันหรอก แต่เป็นของคุณศิวา”
ศิวาชะงัก เพราะตัวเองไม่รู้เรื่อง
“หา...คือว่าผม...”
สมหวังเห็นกล่องแล้วสังหรณ์ว่ามาจากสายน้ำผึ้งแน่ๆ สมหวังพยายามสะกิดนวล แต่นวลให้สมหวังหุบปาก แล้วหันไปมองพวงหยกอย่างตื่นเต้นอยากรู้ว่าของในกล่องเป็นอะไร สมหวังเซ็ง แล้วคิดว่าจะทำยังไงดีพวงหยกแย่งศิวาพูด
“คุณศิวาคงกลัวว่าเก็บไว้กับตัวเอง แล้วยายก้อยจะเห็นเสียก่อน เลยเอามาฝากไว้กับป้าใช่ไหมลูก”
ศิวาอึกอักจะพูด
“เอ่อ...คือ...”
พวงหยกแย่งพูดหันไปพูดอวยศรัทธา
“คุณศิวานี่น่ารักที่สุดเลยนะคะ” พวงหยกหันไปทางนักข่าว “เอ้า น้องๆนักข่าวเตรียมถ่ายรูปกันเลยนะ ดูสิว่า...คุณศิวาให้อะไรเซอร์ไพร์สยายก้อย” พวงหยกยื่นกล่องของให้กันตา “เปิดสิยายก้อย”
กันตามองหน้าศิวาว่าเล่นอะไร ศิวาส่ายหน้าไม่รู้เรื่อง
“เอ่อ...คือ...”
พวงหยกแย่งพูดอีก
“คุณศิวาไม่ต้องอายหรอกค่ะ ความรักเป็นเรื่องสวยงาม เก็บไว้คนเดียวไม่ได้ มันจุกอก ต้องยกออกค่ะ” พวงหยกเห็นกันตาไม่แกะ กล่องสักที “ช้าจริง...สงสัยจะหนักเพชรที่นิ้วเลยแกะไม่ถนัด งั้นแม่แกะให้เอง”
พวงหยกหยิบกล่องมาจะเปิดฝา นักข่าวเตรียมกล้องซูมรอแชะอย่างลุ้นๆ พวงหยกง้างฝากำลังจะเปิดกล่อง สมหวังทนไม่ไหวจึงตัดสินใจพูดบอกนวล
“คุณผึ้งมา”
กะรัตได้ยิน หันขวับมามองสมหวัง
“อะไรนะ”
สมหวังกับนวลชะงักที่กะรัตได้ยิน พิศุทธิ์มองที่กะรัต นวล สมหวังคุยกันอยู่ ทันใดนั้นพวงหยกเปิดฝากล่อง นักข่าวรัวชัตเตอร์ แชะ แชะ แชะ ทุกคนมองของในกล่อง พวงหยกเห็นของในกล่องก็ตกใจ
“ต้นงิ้ว”
กันตาชะงักมองศิวาที่อึ้งว่าใครเป็นคนส่งมา กะรัตมองต้นงิ้ว แล้วมองหน้ากันตาที่หน้าเสีย แล้วมองแขกในงานต่างมองกันตา แล้วซุบซิบ กะรัตสงสารกันตาจนเกิดความโกรธมาก แล้วหันขวับมาทางสมหวัง
“มันอยู่ไหน”
สมหวังชี้ไปทางหน้าบ้าน กะรัตรีบพุ่งเดินออกไป พิศุทธิ์เห็นรีบตามไป โดยไม่มีใครสนใจกะรัตกับพิศุทธิ์เพราะต่างสงสัยใน ต้นงิ้วกันอยู่
นวลกับสมหวังมองหน้ากันว่าจะเอายังไง แล้วตัดสินใจรีบเดินตามกะรัตไป ท่านชายอ๊อดกับมหม่อมลุลี มองเหตุการณ์ งงๆ ว่าความหวังพังทลาย...ทุกคน งงๆ กันตาจ้องมองที่ ของขวัญ
สายน้ำผึ้งยืนยิ้มสะใจอยู่ที่นอกรั้ว
“ขอให้พวกแกสำลักความสุขกันจนอ๊วกกับของขวัญของฉันนะ”
กะรัตเดินเร็วพุ่งออกมา สายน้ำผึ้งเห็นกะรัตก็โบกมือให้ กะรัตโกรธมาก
“อีผึ้ง...ฉันจะฆ่าแก”
กะรัตเร่งฝีเท้าเดินไปถึงหน้าประตู พิศุทธิ์ที่ตามมาห้ามไว้
“กั้งอย่าทำอะไรบ้าๆนะ”
นวลกับสมหวังออกมา
“คุณกั้งอาละวาดเละแน่งานนี้” นวลบอกอย่างหนักใจ
เป็นจังหวะที่แท็กซี่มา สายน้ำผึ้งโบกมือเรียกแท็กซี่ กะรัตเห็นรีบวิ่งไป สายน้ำผึ้งยิ้มสะใจก่อนก้าวขึ้นแท็กซี่ กะรัตตามมาถึง...แท็กซี่ออกกะรัตตบตูดรถขณะที่รถวิ่งออกไป พิศุทธิ์วิ่งตามมาทัน
“อีผึ้ง...จะหนีไปไหน...อีบ้า...แกทำบ้าอะไร”
พิศุทธิ์จับกะรัตให้ใจเย็น แต่เธอกำลังเลือดขึ้นหน้า
“พอเถอะกั้ง...ใจเย็นๆ”
“ปล่อยกั้ง...กั้งจะตามไปฆ่ามัน...”
พิศุทธิ์จับไว้แน่น
“ตั้งสติดีดีกั้ง...คุณต้องกลับเข้าไปในงาน คุณก้อยคงอยากให้คุณยืนอยู่ข้างๆในเวลาแบบนี้มากกว่า”
กะรัตได้สติกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเตือนสติของเขา เธอสงบลง และรีบเดินกลับเข้างานไปนวลถอนใจโล่ง
“โชคดีนะคะที่คุณพิศุทธิ์ห้ามได้ ไม่งั้นนวลว่างานแต่งจะกลายเป็นงานตายแน่ๆ”
พิศุทธิ์มองกะรัตที่เดินไปอย่างหนักใจ