กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 2
ตะวันกับแย้กำลังจะแย่ เดชาและพวกรุมล้อม ตะวันดูเหมือนไร้ทางรอดแน่ๆ แต่แล้วพลันแสงไฟรถส่าดแว่บมาจากถนน
“เฮ้ย ตำรวจมา ตำรวจมา”
แย้ตะโกนลั่น เดชาและเหล่าลูกน้องชะงักไปในทันที รีบเก็บอาวุธของตัวเอง
ตำรวจขับรถผ่านเข้ามา แย้วิ่งจูงมือตะวันเข้ามา แย้มีสีหน้าแบบว่ารอดตาย เดชา ล่ำ แหลมเดินออกมา สีหน้าไม่มีพิรุธแต่อย่างใด ตำรวจสองนายลงจากรถ
“อ้าว คุณตะวัน คุณเดชา มาทำอะไรกันเหรอครับ”
“ไอ้ลูกน้องผม มันอยากมาหาของป่า ผมเซ็งๆ อยู่พอดี ก็เลยออกมาสูดอากาศด้วย”
“มากันครบทีมขนาดนี้ แน่ใจเหรอว่าแค่มาหาของป่า” ตะวันบอก แย้ดึงตะวันออกไปกระซิบ
“หลักฐานเอาผิดก็ไม่มี เดี๋ยวจะซวยเปล่าๆ ไปกันเหอะลูกพี่”
“ถ้าคุณตำรวจไม่เชื่อ แล้วกลัวว่าผมจะทำเรื่องผิดกฎหมาย อยากจะค้นหาหลักฐานก็เชิญ” เดชาชี้ไปที่รถ “รถผมจอดอยู่ทางนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นขออนุญาตนะครับ”
“ล่ำ พาคุณตำรวจไป”
ล่ำเดินนำตำรวจทั้งสองนายเดินออกไป เดชาจ้องหน้าตะวันอย่างอาฆาตๆ แย้รีบดึงตะวันออกไป
“ไปเหอะลูกพี่ ไปได้แล้ว”
แย้ดึงตะวันไปที่รถ สักพักรถก็ขับออกไป เดชา แหลม มองไปทางตะวันอย่างฝากแค้น
“โชคดีนะครับเสี่ย ที่คืนนี้เราแค่มาดูลาดเลา” แหลมบก
“แต่ไม่ใช่โชคดีของไอ้ตะวันแน่ ถ้ามันยังไม่เลิกเป็นศัตรูของฉัน มันได้โดนดีแน่”
บริเวณหน้าโรงเลี้ยงหมู เสียงตะวันลั่นออกมา
“คุณต้องรับผิดชอบ”
ประตูโรงเลี้ยงหมูหักพัง ภายในเห็นหมูบางส่วนถูกจับกลับมาได้แล้ว แย้และคนงานบางส่วนยังวิ่งตามไล่ตะครุบจับลูกหมูอยู่ โรสรินเมินหน้า ทำเป็นมองไม่เห็นภาพความเสียหาย
“ทรัพย์สินของไร่ตะวันเสียหายขนาดนี้ ยังมาบอกว่าจะรีบไปหาหมอรักษาฝ้า”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจทำ แล้วฉันก็เปลี่ยนใจไม่ออกไปแล้วด้วย ฉันไม่ผิด” โรสรินลอยหน้า
“เอ้าๆ จะว่าความ ตัดสินคดีอะไรกัน ไว้วันพรุ่งนี้ได้มั้ย” ชาญหาว
“จริงด้วยพี่ตะวัน คืนนี้พี่โรสเค้าคงไม่มีแรงออกฤทธิ์อะไรแล้วล่ะ บางทีพรุ่งนี้อาจจะสำนึกได้เองก็ได้นะคะ”
น้ำค้างพูดเบาๆ กับตะวัน ตะวันเหลือบไปมองโรสรินที่ยังเมินหน้า ไม่ยอมมองภาพความเสียหายอยู่ดี ไม่อยากจะเชื่อ
โรสรินแม้จะทำเชิด แต่แอบแตะจุดด่างดำบนใบหน้าอย่างกังวล อาทิตย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ตะวัน จับตามองโรสรินที่แตะใบหน้าตัวเองอยู่ตลอด อาทิตย์ครุ่นคิดบางอย่างในใจเหมือนอยากจะช่วยโรสริน
คืนนั้นโรสรินนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง ไม่สบายทั้งกายใจ ใกล้จะร้องไห้อยู่รอมร่อ
“นี่เหรอ ชีวิตคุณหนูโรส ไม่อยากเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อ”
ทันใดก็มีเงาบางอย่างวูบผ่านม่านหน้าต่างไป โรสรินชะงัก รู้สึกสัมผัสได้ว่าเห็นอะไรแว๊บๆ ปลายสายตา พลันเสียงหมาก็ดันหอนโหยหวนขึ้นมาอีก บรู๋ววว โรสรินดึงผ้าห่มมาแนบตัวมากขึ้น
“ไม่ เราตาฝาด ไม่มี ไม่มี ผีไม่มีในโลก อึ่งเหรอ นั่นเธอรึเปล่า” โรสรินตะโกนถาม มีเสียงเคาะกระจกดังขึ้นที่หน้าต่างข้างนอก ก๊อก ก๊อก โรสรินเอาผ้าห่มมาคลุมโปงทันที “นะโมตัสสะ นะโม โลตัส แมคโคร ตัสสะ ไม่ใช่ นะโมตัสสะ โอ๊ย แล้วมันท่องยังไงต่อเนี่ย ทำไมฉันไม่หัดสวดมนต์อย่างที่ปู่สอนน๊ะ”
ปึง! กระจกหน้าต่างถูกดันเปิดออก พร้อมมือๆ หนึ่งยื่นเข้ามา โรสรินอดลืมตามองไม่ได้ เห็นภาพนั้นพอดีจึงเข้าใจว่าเป็นมือผี
“มือผี อ๊ายยย ผีหลอก”
ตะวันคงสภาพเดิม ทิ้งร่างอยู่บนเตียง อย่างเพลียจัด
“อ๊ายยยย”
เสียงร้องของโรสรินดังขึ้นมา
“เอา เชิญเลย เอาให้เต็มที่ มันอะไรกันนักกันหนาวะเนี่ย”
ตะวันตลบผ้าห่มมาปิดหู กดหัวตัวเองแน่นกับหมอน
โรสรินซุกตัวอยู่ในโปงแน่น ไม่กล้าลืมตา ปากก็ร้องเสียงสั่น
“อย่ามาหลอกหลอนกันเลย”
ผีหลอกๆ คืออึ่งกับอาทิตย์นั่นเอง อึ่งหน้าสวยเพราะโรสรินแต่งหน้าให้ ยิ้มแป้น
“ไม่ต้องกลัวนะพี่นางฟ้า อึ่งเอง ตะกี๊ลืม” อึ่งยื่นเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ให้ “เอาเสื้อกับกางเกงมาให้ เป็นของเก่าของพี่ตะวันนะ พี่ตะวันให้เอามาให้พี่นางฟ้า”
“ห๊า เอาของใช้แล้วมาให้ฉันใส่เนี่ยนะ ไอ้ตะวันบ้า อ้อ ฉันชื่อโรสริน เรียกนางฟ้าอยู่ได้”
“ก็พี่สวยยั๊งกะไม่ใช่คน เอ๊ย อึ่งหมายถึงพี่สวยอย่างกับนางฟ้าน่ะ เกือบลืม คุณทิตย์เค้ามีของจะให้พี่นางฟ้าแน่ะ” อึ่งยิ้มแล้วกระแซะอาทิตย์ อาทิตย์แบมือให้โรสดูตลับอะไรบางอย่างในมือ “ครีมสมุนไพรแก้สิวฝ้า สูตรปู่ชาญจ้า คุณทิตย์เค้ากลัวพี่นางฟ้าไม่สวยมั้ง ลองใช้ดูสิ”
โรสรินเบ้หน้า
“ครีมกระจอก”
“ไม่กระจอกนะ ไม่เชื่อก็ลองดูก่อนสิ”
“นายติสต์ ทำไมต้องทำดีกับฉัน ต้องการอะไร” โรสรินถามอาทิตย์ อาทิตย์ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ อึ่งช่วยพูดให้
“ไม่ต้องถามให้เมื่อยร๊อก คุณทิตย์ไม่ยอมพูดกับใคร แต่ถ้าอยู่ไปเรื่อยๆ ใช้กระแสจิตสื่อสารจะรู้เรื่องเอง” อึ่งทนง่วงไม่ไหวหาวออกมา “อึ่งไปนอนจริงๆ แล้วนะคะพี่นางฟ้า ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกมาได้เล้ย”
โรสรินพยักเพยิดให้ แล้วอึ่งก็ลากอาทิตย์เดินออกไป โรสรินคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เดี๋ยว ฉันยังไม่ง่วง เรามาทำอะไรสนุกๆ กันมั้ย” อึ่ง อาทิตย์หันมองโรสรินอย่างสงสัยๆ “อย่างน้อยก็ช่วยสร้างความบันเทิงให้ฉันอยู่ในไร่ที่แสนน่าเบื่อนี่ได้”
“พี่นางฟ้าจะทำอะไรเหรอ บอกอึ่งมาได้เลย อึ่งจัดให้”
โรสรินยิ้มๆ แล้วกระซิบกระซาบกับอึ่งและอาทิตย์ อึ่งกับอาทิตย์ตาโตดึ๋งงงง อย่างแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ที่แปลงกุหลาบถูกถางให้มีช่องเดินราวกับเป็นเวทีแคทวอล์ก ที่พื้นดินตามทางเดินปูเศษผ้าไว้ อึ่งใส่รองเท้าส้นสูงกำลังเดินแบบ ราวกับนางแบบบนแคทวอล์ก เดินกระเผลกอย่างไม่ถนัด แต่ก็ยังมั่นคิดว่าตัวเองสวย
“ถึงเวลาเปิดงาน “บ้านไร่ แฟชั่นวีค” แล้วจ้า”
สักพักอาทิตย์เดินแบบตามอึ่งมา หยุดโพสท่าหล่อ คนงานในไร่ที่โดนโรสรินจับแต่งหน้าหมดทยอยออกมาเดินแบบทีละคนสองคน ทุกคนโพสท่าเริ่ดมาก โรสรินอยู่ในชุดผ้าถุง คอกระเช้า แต่ผ้าถุงถูกเลิ่กขึ้นโชว์ต้นขาเรียวสวย เสื้อผูกเอวโชว์หน้าท้องแบนราบ ดูโดยรวมแล้ว เซ็กซี่มากๆ โรสรินโพสท่าจิกเท้าเดินแบบ
“ฟินาเล่”
ที่มุมหนึ่งแย้เดินผิวปากชิลๆ เข้ามา แย้อยู่ในชุดผ้าขาวม้า ปะแป้งขาวว่อก เพิ่งอาบน้ำเสร็จ แย้หันไปมองเห็นอาทิตย์ อึ่ง และคนงานกำลังโพสท่ากันอยู่ก็แทบช๊อก
“แม่เจ้า เพี้ยนอะไรกันวะเนี่ย”
ตะวันกำลังปิดไฟบ้านเตรียมจะเข้านอน พลันแย้พรวดเข้ามาหาอย่างตกใจ
“ลูกพี่ๆ ลูกพี่จ๋างานเข้าแล้วจ้า”
“มีอะไร ตกใจอย่างกับยัยโรสก่อเรื่องอะไรเข้าอีก”
“เป๊ะเลยลูกพี่ มีจิตสัมผัสรึเปล่าเนี่ย”
“ยัยโรส”
ตะวันผลุนผลันเดินออกไป แย้รีบตามไปติดๆ ชาญเดินผ่านเข้ามา เห็นตะวันกับแย้พรวดพราดออกไปเหมือนมีเรื่องใหญ่ก็มองๆ อย่างสงสัยๆ
ที่แปลงกุหลาบ โรสรินกำลังเดินแบบราวกับเป็นนางแบบมืออาชีพ อึ่ง อาทิตย์ คนงาน ถึงกับอึ้งไปเลยมองโรสรินตาค้าง เธอสวยราวกับนางฟ้าเดินดินบนไร่ตะวันจริงๆ อึ่ง อาทิตย์ และคนงานปรบมือกันสนั่นหวั่นไหว โรสรินโพสท่า จิกตาเซ็กซี่มากๆ ยิ้มมีความสุข แต่แล้วตะวันกับแย้ก็พรวดเข้ามา
“โรสริน ทำบ้าอะไรของเธอ”
ทุกคนตกใจที่เห็นตะวันโมโห ถอยกรูดอย่างกลัวๆ ยกเว้นโรสรินที่เดินไปหาตะวันอย่างไม่เกรงกลัวเลย ตะวันจ้องโรสริน แต่มองๆ ไป ก็สวยเหมือนกันแฮะ
“มองไร ชอบล่ะสิ”
ตะวันถอนหายใจเฮือก
“ยัยโรส”
“เสียดายนะที่เมื่อกี๊นายไม่เห็นฉันเดินแบบ บอกได้เลยว่า เป๊ะเว่อร์”
ตะวันยิ่งโมโห
“งี่เง่าที่สุด ไร้สาระคนเดียวไม่พอยังจะชวนคนอื่นงี่เง่าตามไปด้วย”
“อย่าทำให้ฉันจี๊ดสสสส์นะ ฉันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร”
“แต่ไอ้ดินที่คุณย่ำอยู่มันแปลงกุหลาบของผม แล้วเป็นบ้าอะไรถึงถางกุหลาบออก ดอกไม้ตายหมดแล้ว นี่เหรอไม่สร้างความเดือดร้อน” ตะวันหันไปพูดกับคนงาน “ผมจะหักเงินเดือนทุกคน โทษฐานที่บ้าไปกับยัยนี่ด้วย” ตะวันหันกลับมาหาโรสริน “คุณนี่มันเกินเยียวยาจริงๆ”
โรสรินจ้องหน้าตะวันอย่างไม่พอใจ ชาญเดินตามเข้ามาเห็นตะวันกับโรสรินทะเลาะกันก็เป็นห่วงมาก
“ฉันไม่มีสิทธิ์ทำอะไรนอกจากให้นายชี้นิ้วสั่งเลยใช่มั้ย เผด็จการมากไปแล้วนะ นายไม่เข้าใจฉันบ้างเลย”
ตะวันทำท่าจะฮึดฮัดใส่ ชาญเข้ามาขวาง
“พอๆๆ แยกย้ายๆ จบกันแค่นี้ ดึกแล้วไปนอนกันได้แล้วไป”
คนงานแยกย้ายกันเดินออกไป โรสรินจ้องหน้าตะวันอย่างไม่พอใจแล้วเชิ่ดหน้าเดินออกไป
“เดี๋ยวคุณ” ตะวันจะตามไป ชาญคว้าแขนตะวันไว้
“เฮ้ย พอแล้ว เข้าใจหนูโรสเค้าบ้าง จะให้เค้าเป็นแบบที่ตัวเองต้องการมันไม่ได้หรอก อะไรที่มันเป็นความสุขของเค้าก็ยอมๆ บ้างเถอะน่า”
“ช่ายยย พี่ตะวันเนี่ยไม่เข้าใจผู้หญิงเลย” อึ่งบอก ตะวันหันขวับ อึ่งจ๋อยวูบ “อูยยยย”
“แค่วันแรกก็ปวดหัวไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ถ้ายัยนั่นไม่เลิกออกฤทธิ์อย่าขอให้มาช่วยปราบก็แล้วกันนะครับปู่”
แล้วตะวันก็เดินออกไปอย่างหงุดหงิด ชาญมองตามอย่างเป็นห่วงๆ อึ่งสะกิดชาญ
“ปู่ๆ อึ่งสวยไหม”
ชาญเขกกระโหลกอึ่งดัง โป๊ก! แทนคำตอบ
ในห้องพักโรสริน โรสรินนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ยังหงุดหงิดตะวันไม่หาย
“ฉันไม่เคยเจอใครที่ทำให้ฉันจี๊ดดดส์ขนาดนี้มาก่อน ไอ้บ้าตะวัน นายกับฉันได้เป็นศัตรูกันร้อยชาติแน่” โรสรินเหล่ๆ กระปุกครีมสมุนไพรที่อาทิตย์เอามาให้ ท่าทางลังเลหนัก “นี่เราสิ้นคิดจนต้องใช้ครีมกระจอก นี่จริงๆ เหรอ”
โรสรินกระแทกกระปุกครีมลง ว่าจะไม่เอา แต่พอมองจุดด่างดำบนหน้า
“ครีมแก้ฝ้า นายตะวันก็เอาไปทิ้งแล้ว โอ๊ย จี๊ดสสส์” โรสรินหยิบกระปุกครีมขึ้นมาอีกครั้ง “ถ้าพรุ่งนี้ผิวหน้าฉันเป็นอะไรล่ะก็ ฉันจะบีบคอแกให้ตายคามือเลยไอ้เด็กบ้า”
โรสรินรู้สึกเสี่ยงที่สุดในชีวิต แต่ก็เสี่ยงลองเอาครีมแต้มจุดด่างดำด้วยความหวาดเสียว
เสียงไก่ขันบ่งบอกว่าเป็นวันใหม่ โรสรินเอามือปิดหน้าตัวเองอยู่หน้ากระจก
“หาย หาย หาย ต้องหาย ต้องหาย” โรสรินค่อยๆ เลื่อนมือออกจากหน้า โรสรินเปิกตาโพลง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อ “ไม่น่าเชื่อ หาย” ตะปบหน้า “หายจริงๆ ด้วย”
ที่ผิวหน้าของโรสริน จุดด่างดำได้ลบเลือนหายไป ภายในชั่วเวลาเพียง 1 คืนสั้นๆ โรสรินกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ แล้วก็ผลักประตูวิ่งออกไปนอกห้อง
อึ่งและอาทิตย์อยู่ที่โต๊ะอาหารกำลังแกะถุงน้ำเต้าหู้อยู่ อึ่งฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี โรสรินพรวดเข้ามายิ้มกว้างอย่างดีใจสุดๆ
“Thank you So much” โรสรินหยิกแก้มอึ่งและอาทิตย์อย่างเอ็นดู “ครีมที่ฉันสั่งมาจากแพรีส ยังใช้ไม่ดีเท่านี้เลย”
“ขอบคุณจ้ะ แต่ที่จริงต้องขอบคุณ คุณทิตย์ถึงจะถูก เค้าดูห่วงพี่นางฟ้ามากนะ”
“ขอบใจนะนายติสต์”
“เค้าชื่ออาทิตย์ ไม่ใช่ติสต์”
“ฉันจะเรียกติสต์ ใครจะทำไม”
“ไม่ทำไมหรอกจ้า” อึ่งเข้าไปประจบ “พี่นางฟ้าจ๋า อึ่งขอเป็นน้องสาวพี่ได้มั้ย”
“จะคิดดูก่อนแล้วกัน ถ้าเธอทำตัวดีๆ กับฉัน คอยช่วยเหลือฉันอยู่ตลอดๆ ฉันอาจจะให้เธอเป็นน้องสาวก็ได้”
“จริงๆ นะ พี่นางฟ้าห้ามโกหกด้วย ถ้างั้นอึ่งจะดีกับพี่นางฟ้าทู๊กอย่างเลย”
“ดีมาก” โรสรินกำลังจะไป แล้วก็หันกลับมา แกะถุงน้ำเต้าหู้เทใส่ถ้วยให้อึ่งและอาทิตย์ “จดจำวันนี้ไว้ โรสรินไม่เคยบริการใคร แต่กับเธอสองคนเป็นข้อยกเว้น เป็นการตอบแทนครีมหน้าเด้งมหัศจรรย์”
“ใจดีที่ซู๊ดดด เลย” โรสรินยิ้มน่ารัก
“นางฟ้าก็งี้แหล่ะจ้ะ”
ชาญกับน้ำค้างแอบดูอยู่ที่มุมเสา ต่างประหลาดใจ
“ยัยอึ่งกับอาทิตย์ทำให้คุณโรสปลื้มได้ไงเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อ”
“เห็นหนูโรสอารมณ์ดีขึ้นแบบเนี๊ยะ ปู่ค่อยโล่งใจ”
ตะวันเดินผ่ากลางออกมา ทำลายฝันหวานของทุกคน
“อารมณ์ดีขึ้นก็ดีแล้ว” ตะวันเดินออกไปคว้าแขนโรสรินไว้ทันที “จะได้มีแรงไปทำงาน”
โรสรินชะงัก เหวอ มาไงเนี่ย ทุกคนก็เหวอกันหมด
“โอ๊ย ปล่อย ปล่อยฉัน”
“พี่ตะวันปล่อยพี่นางฟ้านะ” อึ่งตีตะวัน
“นางฟ้าที่ไหน นางมารชัดๆ “
“ไม่ใช่ นางฟ้าต่างหาก แล้วก็เป็นนางฟ้าก็ใจดีด้วย พี่ตะวันปล่อยพี่นางฟ้า”
ตะวันถอนใจอย่างรำคาญ ลากโรสรินออกไปเลย
“อย่า โอ๊ย นายจะพาฉันไปไหนห๊า ปล๊อย”
ทุกคนมองไปทางโรสรินอย่างเอาใจช่วย
ตะวันลากโรสรินถูลู่ถูกังมา
“โอ๊ย นายจะพาฉันไปไหนห๊า ปล๊อย” โรสรินเดินตามกางเกงที่หลวมอยู่แล้ว ร่นลงจะหลุด โรสรินดึงขอบกางเกงอย่างทุลักทุเล “เดี๋ยวๆๆ กางเกงๆ กางเกงจะหลุด จะหลุดแล้ว” ตะวันรำคาญสุดๆ หันมองรอบๆ เห็นเชือกฟางอยู่ก็ดึงออกมาจะผูกกางเกงให้ โรสรินตกใจคว้ากางเกงหมับ “นี่!นายจะทำอะไร”
ตะวันยิ้มเยาะประมาณว่าอยากดูตายล่ะ แต่โรสรินยิ่งตกใจนึกว่าตะวันหื่น
“มานี่”
โรสรินดิ้นหนี แต่ตะวันจับรวบได้ และดึงกางเกงโรสรินทางด้านหลัง
“อย่านะ นี่นาย ปล่อยฉัน”
ตะวันอยู่ด้านหลัง พูดข้างหู
“กางเกงจะหลุดก้นแล้วไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวผูกให้”
ตะวันจัดการผูกกางเกงให้โรสริน โรสรินหน้าอี๋สุดๆ ที่ตะวันอยู่ใกล้ชิดมากๆ
“ผูกเป็นโบว์ให้สวยๆ ด้วยนะ”
ตะวันรำคาญ ผูกเชือกจนเสร็จ
“เอ้า ไม่หลุดแล้ว” ตะวันจับโรสรินหันมาแล้วพูดใส่หน้า “ผมกลัวหมูจะเป็นตากุ้งยิง”
“หมู หมายความว่ายังไง” โรสรินทำหน้างง
ที่โรงเลี้ยงหมู หมูโดนจับกลับมาในคอกจนครบ พวกคนงานที่ซ่อมรั้วและตามหมูทั้งคืนดูทรุดโทรม สโลสเลกันไปหมด โรสรินยืนมองอยู่ มองตะวันอย่างอึ้งๆ
“ให้ฉันกวาดคอกให้เจ้าพวกนี้เนี่ยนะ ชาติหน้า”
“ชาตินี้”
“ฉันไม่ทำ อี๋”
ตะวันหันไปพูดกับคนงาน
“ทุกคนฉันขอโทษด้วยนะที่เมื่อวานต้องมาเหนื่อยกันทั้งคืน กลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว ฉันจะคิดค่าแรงให้พิเศษอีก 2 งาน” พวกคนงานได้ยิน ดีใจกันใหญ่ “แล้วคุณโรสริน จะเป็นคนทำความสะอาดโรงเลี้ยงหมูแทน”
คนงานยิ่งเฮ กว่าเดิม
“นายไม่มีทางบังคับฉันได้หรอก”
โรสรินหันหลังจะเดินหนีปัญหาดื้อๆ แต่ทว่าพวกคนงานที่นั่งอยู่ ลุกขึ้นพรึ่บ มองโรสรินอย่างไม่ค่อยพอใจ โรสรินถึงกับชะงักกึก
“พวกเค้าคงไม่ยอมให้คุณเดินตัวปลิวออกไปเฉยๆ โดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยแน่ๆ”
โรสรินกลับมามองโรงเลี้ยงหมู แล้วโรสรินมองไปทางคนงานอีกที ก็รู้ว่าไม่มีทางเลือกจึงถอนใจเฮือก
“เฮ้อ”
พีระขับรถมาตามถนนอย่างใจร้อน
“ป่านนี้ไม่รู้โรซี่จะเป็นไงบ้าง เราน่าจะมากันตั้งแต่เมื่อคืน”
พีระบ่นกับอุษาวดี
“ยัยโรสน่ะไม่ใช่คนที่ใครจะมาเอาเปรียบได้ง่ายๆ อยู่แล้ว”
“ก็ไม่แน่ เรารู้ใจคนไม่ได้หรอก”
“เอ้อพี่พี ปู่ณรงค์บอกว่าถ้าพี่มาตามยัยโรสกลับปู่จะจี๊ดดส์ไม่ใช่เหรอ”
“พี่ยอมให้ปู่จี๊ดสส์ แต่พี่ไม่ยอมจ๋อย! พี่คิดถึงคุณโรซี่”
“เลิกเว่อร์ซะทีเถอะ เอ้าดูสิ เลยแล้วเนี่ย”
พีระรีบเบรกจนอุษาวดีเกือบหัวทิ่ม อุษาวดีค้อนพี่ชาย พีระหันมายิ้มแหยๆ แล้วรีบเลี้ยวรถเข้าไปตามทางที่มีป้ายปักว่า “ไร่ตะวัน” พีระขับรถจะเข้ามาในไร่ พีระมองเห็นว่าทางข้างหน้าขรุขระมากๆ ขับรถเข้าไปไม่ได้แน่ พีระกับอุษาวดีจึงลงจากรถ
“โอ้โห ดูถนนสิ นึกว่าดาวอังคาร ขับเข้าไปมีหวังช่วงล่างรถพังยับเยิน”
“แล้วจะทำยังไงล่ะ ถ้าต้องเดินก็ขาลากพอดี”
พีระครุ่นคิดหาทาง แล้วหันไปมองเห็นรถอีแต๋นจอดอยู่พร้อมกุญแจเสียบคารูไว้ พีระมีสีหน้าครุ่นคิดๆ
ที่บ้านตะวัน ชาญกระสับกระส่ายเป็นห่วงโรสริน
“ไอ้ตะวันมันจะใช้งานหนูโรสหนักเกินรึเปล่า หนูโรสแกก็ออกจะบอบบางอย่างนั้น”
อึ่งส่งกล้องส่องทางไกลให้ชาญ
“ใช้นี่ดีกว่าจ้าปู่ ชัดกว่ากันเย๊อะ”
“เออ ขอบใจ แบบนี้ค่อยใช้ได้หน่อย” ชาญจะส่องกล้อง แล้วชะงัก “เฮ้ย ปู่ไม่ใช่พวกสาระแนนาโว้ย”
“ก็ดูๆ ซะให้หายเครียดไงคะปู่ ดีกว่าอกแตกตาย” น้ำค้างพูดพลางจัดดอกไม้ไปด้วย “เฮ้อ ตั้งใจให้เค้ามาเป็นคู่กัน แต่ดันมาเป็นคู่กัดซะงั้น เนอะ”
“ปู่มั่นใจ ตะวันกับหนูโรส เค้าต้องเป็นคู่แท้กัน”
ไม่ทันไร มีเสียงดังมาจากหน้าบ้าน
“โรซี่ โรซี่ คุณอยู่นี่รึเปล่า โรซี่”
พีระกับอุษาวดีเดินเข้ามา ชาญ น้ำค้าง อึ่งพากันแปลกใจ ใครมา
พีระขับรถอีแต๋นเข้ามา อุษาวดียืนตัวสั่นๆ อยู่หลังรถพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าของพีระและอุษาวดี พีระตะโกนโหวกเหวกอยู่หน้าบ้าน อุษาวดีมองไปรอบๆ ยังไม่เห็นใครแถวนั้น
“โรซี่ คุณอยู่รึเปล่า โรซี่ โรซี่ ที่รักจ๋า ยู้ฮู แวร์ อาร์ ยู๊”
ชาญ น้ำค้าง อึ่ง เดินเข้ามาหาก็ช๊อกไปทันที
“โอ้โห คนกรุงเข้าชอบขึ้นรถอีแต๋นกันเหรอ เหมือนพี่นางฟ้าเปี๊ยบเลย”
“เมื่อ เมื่อ เมื่อกี๊ นายเรียกหนูโรสว่าไงนะ”
“ที่รักไง โรสรินเป็นแฟนผม”
ชาญ น้ำค้าง อึ่งช๊อก
“แฟน”
พีระ อุษาวดีลงจากรถอีแต๋น
“ตกใจอะไรกัน ผมมาหาแฟน เค้าอยู่ที่นี่ใช่มั้ย”
ภายในโรงเลี้ยงหมู โรสรินสวมบู้ท เอาผ้าพันหน้าตาเกือบมิดคล้ายมนุษย์อวกาศ กวาดคอกอย่างเสียไม่ได้
“ไม่กลัวหายใจไม่ออกตายรึไงคุ๊ณ”
ตะวันตะโกนแซวแล้วหัวเราะกับแย้ โรสรินหน้าหงิก
“ให้ใครมาเห็นคุณหนูโรสรินในสภาพนี้ ฉันขอไปเกิดใหม่ซะดีกว่า”
“นี่ กวาดแบบนั้นมันใช้ได้ที่ไหนเล่า กวาดไม่เป็นเหรอ”
“ในชีวิตฉันไม่เคยจับไม้กวาดแม้แต่ครั้งเดียว”
ตะวันเข้ามาในคอก จับไม้กวาดสาธิตให้ดู
“นี่ จับให้มันกระชับแล้วขนไม้กวาดน่ะกดลงไปอีก กวาดลึกๆ และกวาดไปทางเดียวกันอย่างนี้”
โรสรินหลอกใช้ ยิ้มเจ้าเล่ห์
“เหรอ นู่นๆๆ ทางนู้นเลอะขี้หมูอ่ะ”
ตะวันเข้าไปกวาด
“นี่ก็เขี่ยออกทางข้างแบบนี้”
“ทางโน้นก็มี”
ตะวันเข้าไปกวาด แล้วนึกได้
“อ้าว หลอกใช้กันนี่”
ตะวันเดินไปยื่นไม้กวาดให้โรสริน โรสรินหน้าหงิกแต่ขัดไม่ได้
ตะวันควบคุมการทำงานของโรสริน ชี้ให้กวาดให้ตรงนั้นตรงนี้ พอตะวันเผลอโรสรินจะกวาดขยะเข้าใส่ ตะวันหันมาพอดี โรสรินแกล้งทำเป็นกวาดไปตามปกติ แต่หน้ามุ่ยมากที่ไม่ได้ชำระแค้น
โรสรินกวาดคอกนู้น คอกนี้ คอกนั้น พอเห็นตะวันคุยงานกับแย้ โรสรินแอบโกงกวาดไปนิดเดียว แล้วหลบออกมา ข้ามไปคอกท้ายๆ เลย
โรสรินยิ้มในความเจ้าเล่ห์ของตัวเอง แต่แล้วตะวันมาสะกิด เห็นนะจะบอกให้ แล้วลากโรสรินกลับไปที่คอกแรกๆ ใหม่ โรสรินกวาดๆๆๆอย่างแสนแค้น
ตะวันสาธิตการใช้สายยางฉีดน้ำล้างคอก โรสรินจับสายยางไม่ทะมัดทะแมง ตะวันสอนให้จับใหม่ โรสรินได้ที ฉีดน้ำใส่เต็มหน้าตะวัน
“อุ๊ย เต็มๆ ฮ่าๆๆๆ”
แย้นั่งอยู่บนคอกหัวเราะ โรสรินหันไปฉีดน้ำใส่ทั้งแย้และตะวัน แย้โดนน้ำฉีดหงายหลังร่วงลงจุกแอ่ก
“ว้ายย ขอโทษทีนะ ฉันยังใช้สายยางไม่คล่อง”
โรสรินหันหลังหนีไปฟอร์มฉีดทำความสะอาดคอก ตะวันส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ฤทธิ์เยอะจริงๆ
อุษาวดียืนรอพีระอยู่ สักพักพีระขับรถหรูของตัวเองเข้ามาจอดข้างๆ อุษาวดี พีระรีบลงจากรถบ่นอุบ
“ไร่ก็ใหญ่โต แทนที่จะปรับปรุงถนนทางเข้าไร่ให้ดีๆ เฮ้อ กว่าจะเอารถเข้ามาได้ อ้อมเป็นกิโล”
ชาญ น้ำค้าง อึ่ง ยืนห่างๆ ออกไป น้ำค้างมองหน้าชาญ สีหน้างอแงไม่อยากทำตามคำสั่งชาย
“ปู่คะ ไม่ทำไม่ได้เหรอ ทำไมต้องให้น้ำค้างไปหลอกเค้าด้วย”
ชาญจุ๊ปากน้ำค้างเสียงเบาๆ หน่อย
“แล้วเราจะให้หมอนั่นมาพรากหนูโรสไปจากพี่ตะวันของเราเหรอ”
“แต่ว่าน้ำค้างไม่...”
“งั้นปู่ไปเองก็ได้ แล้วถ้าปู่เกิด หัวใจวายขึ้นมากลางทางก็จองศาลาวัดให้ปู่ด้วยละกัน”
ชาญทำเชิดประชด แล้วจะไปเลย น้ำค้างทนไม่ได้
“ก็ได้ๆ ครั้งนี้ครั้งเดียวนะคะ”
ชาญหันมาตบไหล่หลาน
“น้ำค้างหลานปู่ น่ารักที่สุด”
พีระเห็นปู่กับหลานคุยกันชักนาน เริ่มทนไม่ไหว เข้ามาเร่ง
“ฉันไม่มีเวลามากนะ จะพาฉันไปหาโรสได้รึยัง ยัยหน้ามุ่ย”
น้ำค้างหน้ามุ่ย
“ฉันชื่อน้ำค้าง ไม่ใช่ชื่อหน้ามุ่ย”
“รีบๆ ไปกันซะที ถ้าบริการถูกใจ เดี๋ยวฉันทิปให้”
“นี่คุณ ฉันไม่ได้เห็นแก่เงินนะ”
อุษาวดีรู้ว่าน้ำค้างอารมณ์ขึ้น เอาน้ำเย็นลูบ
“อย่าถือพี่ชายฉันเลยค่ะ ปากไม่ค่อยดีอย่างงี้เอง” พีระสะดุ้ง “ ขอบคุณคุณน้ำค้างมากนะคะ”
“ไปอึ่ง พาคุณสองคนเนี่ยไปตามหาคุณโรส ไป”
อึ่งเดินตามน้ำค้างขึ้นรถไปอย่างงงๆ น้ำค้างขับนำหน้าไปอย่างเร็ว พีระ อุษาวดี รีบขึ้นรถและตามรถคันหน้าไปอย่างเร็ว
ที่ตลาด มาลัยกำลังแต่งหน้าทาปากอยู่ที่แผงขายผัก ส่องกระจกเช็คความสวย
“มองไปมองมา หน้าเหมือนนางเอกหนังไทยเหมือนกันนะเรา โฮะๆๆ”
แม่ค้าแผงข้างๆ มองมาลัยอย่างหมั่นไส้
“โถ นังมาลัย อย่างเอ็งน่ะ นางร้ายมากกว่า”
มาลัยตบแผงปัง
“พูดให้มันดีๆ นะ ทั้งตลาดนี่มีใครสวยและนิสัยดีกว่าฉันรึไงห๊า”
แม่ค้าซุบซิบกับแผงข้างๆ
“เยอะแยะ ถมเถไป”
มาลีเดินถือต้นไม้เข้ามาที่แผงขายผลไม้
“เฮ้ยๆๆ ลูกข้าใครอย่าแตะโว้ย”
“เอามันเลยแม่ พวกมันหาว่าฉันร้าย”
“ก็จริงนี่หว่า”
“ไม่ต้องไปฟังพวกปากหอยปากปู” มาลียื่นต้นไม้ให้มาลัย เอ้า เอาไปให้คุณตะวันไป รายนั้นเค้าชอบต้นไม้ใบหญ้า เอาไปให้เค้าทุกๆ วัน จากต้นไม้มันจะได้กลายเป็นต้นรัก”
“อ๊ายย คุณแม่ขา พูดถูกใจจริงเชียว ถ้างั้นมาลัยไปหาสุดที่รักของมาลัยก่อนนะคะ”
“เออ เดี๋ยวแม่เฝ้าแผงให้เอง อย่าลืมนาเว้ย จับให้อยู่หมัด อย่าให้คนดีๆ รวยๆ แบบนั้นหลุดมือไปได้ เข้าใจมั้ย เราสองแม่ลูกจะได้สบายกันซะที”
“จัดให้ค๊า คุณแม่ขา”
มาลัยถือต้นไม้เดินออกไป มาลีมองอย่างภูมิใจในตัวลูกสาว ชาวบ้านมองสองแม่ลูกอย่างเอือมๆ
โรสรินนั่งหมดสภาพ ปลดผ้าปิดหน้า ปลดกระดุมเสื้อให้ระบายร้อน ตะวันเข็นรถใส่ถังอาหารหมูมาจอด โรสรินสะดุ้ง รีบแต่งตัวให้รัดกุมขึ้น
“นี่นาย เสียมารยาท ไม่เห็นรึไงว่าฉันโป๊อยู่”
“โป๊ตรงไหน ที่โป๊ของจริงน่ะ นู่น น่าดูกว่าคุณเยอะ” ตะวันชี้ไปในคอก ยั่วโมโหโรสริน
“ช่าย ขาวอมชมพู อวบอึ๋มน่าเจี๊ยะที่ซู๊ดดด” แย้บอก โรสรินจี๊ดขึ้นมาทันที
“ไอ้บ้า โรคจิต หาว่าหมูน่าดูกว่าฉันงั้นเหรอ”
“นี่ตกลงคุณอยากให้ผมดู หรือไม่อยากให้ดูกันแน่” โรสรินชะงัก รู้ตัว
“ไม่อยากน่ะสิ ปากเสียอย่างนาย มิน่าถึงต้องอยู่กับหมูกับหมา ไม่มีแฟนอยู่แบบนี้”
ตะวันสะอึกไป โรสรินเห็นว่าตะวันนอยด์จริงเลยยิ้มร้าย แย้กระซิบกับตะวัน
“แทงใจดำใช่มั้ยล่ะลูกพี่”
ตะวันถองศอกใส่แย้ไปทีนึง แย้ตัวงอ
“ว๊าย ตกลงนายเนี๊ยะ ไม่มีใครเอาจริงๆ ด้วย”
โรสรินหัวเราะคิกๆ คักๆ สะใจ ได้เอาคืนสักเล็กน้อย
“หัวเราะพอรึยัง”
“ยัง ยัง นี่ตกลงว่าจริงใช่มั้ยเนี่ย โถ นี่คงอกหักมาตลอดเลยสิท่า โอ๊ะ แล้วยังมาโดนฉันปฏิเสธการแต่งงานอีก สลดที่สุดอ่ะ”
ตะวันทนไม่ไหว เข้าไปเอามือปิดปากโรสรินเลย หมับ
“ทีนี้จะหยุดพูดได้รึยัง” โรสรินตาค้างแล้วกัดมือตะวันเลย “โอ๊ยยยยย ปล่อย ปล่อย” ตะวันดึงมือออกมาจนได้ โรสรินยิ้นสะใจ ตะวันโน้มหน้าลงไปใกล้ ขู่ “ฤทธิ์เยอะนักใช่มั้ย”
“อยู่แล้ว” โรสรินกระทืบเท้าตะวันอีกที ตะวันสะดุ้งโหยง
“โอ๊ยยยย” โรสรินจะวิ่งหนี “จะหนีไปไหน ยัยตัวแสบ”
โรสรินจะหนี ตะวันคว้าไว้ โรสรินเสียหลักจะล้ม
“ว๊ายยยยย”
ตะวันเหนี่ยวตัวโรสรินไว้รั้งเข้ามากอด ใบหน้าสองคนใกล้กันมากเหมือนอีกนิดนึงจะจูบกันได้อยู่แล้ว ตะวัน โรสรินตาประสานตา มองกันหวิวๆ ไปเหมือนกัน จังหวะนั้นมาลัยเดินลัลล้าเข้ามา
“พี่ตะวันขา มาลัยเอาต้นไม้มาฝากอีกแล้ว อยู่ไหนเอ่ย”
มาลัยช๊อกที่เห็นโรสรินกับตะวันเหมือนจะจูบกัน มาลัยทำกระถางร่วงมือ แตกเพล้ง
“อ๊ายยยยย”
ตะวันกับโรสรินสะดุ้งโหยงหันขวับไปทางเจ้าของเสียงกรี๊ด
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 2 (ต่อ)
แย้อุดหูอย่างสุดจนทนกับพลังเสียงกรี๊ดของมาลัย
“โอ๊ยยย หูจะแตกแล้วโว้ย กินนกหวีดเป็นอาหารรึไงห๊า”
มาลัยตัวสั่นงันงกเมื่อได้เห็นภาพบาดตา รีบปรี่เข้าไปหาโรสรินแต่ตะวันรั้งไว้
“ไม่เอาน่ามาลัย”
“นี่เธอจะกินพี่ตะวันให้ได้เลยใช่มั้ย”
“ตาบอดรึไง ไม่เห็นเหรอว่าใครกันแน่ที่ฉวยโอกาส”
ตะวันสะดุ้งโหยง
“ผมเนี่ยนะ ฉวยโอกาส”
“ใช่ ไปแก้ตัวกับแฟนนายเถอะ ฉันไม่อยากยุ่งด้วย”
โรสรินหนีไปทำงานต่อ เข็นรถอาหารหมูแต่เข็นไม่ไป ฮึด จนรถเคลื่อนไปจนได้ แต่มาลัยมาขวาง
“แต่เธอต้องยุ่ง ฉันไม่เชื่อว่าเธอไม่ได้อ่อยพี่ตะวัน” โรสรินดันรถพุ่งไปข้างหน้า จนมาลัยต้องรีบโดดออกมาแทบไม่ทัน “ว๊าย ยัย ยัยบ้า” โรสรินไม่อยากยุ่งด้วย คว้าถังอาหารหมูจะเอาไปเติมที่รางให้อาหาร มาลัยวิ่งมาดักหน้าอีก “กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง อย่านึกนะว่าอยู่ในไร่เดียวกันจะจับพี่ตะวันได้”
“ฉันไม่ได้นึก” โรสรินจ้องหน้ามาลัย “เพราะว่าฉันไม่ใช่อย่างเธอ” โรสรินเดินผ่านมาลัยไปเลย
“อ๊ายยย แก กลับมานี่น๊ะ นึกว่าจะด่าฉันได้ฟรีๆ งั้นเหรอ” มาลัยจะพุ่งเข้าหาโรสริน โรสรินหันหน้ามาดุใส่
“บอกว่าอย่ามากวนใจฉันไง”
“เธอมันก็ไม่ผิดกับสาวไซด์ไลน์ หาเหยื่อในเมืองไม่ได้ก็เลยมารับจ๊อบที่ไร่”
โรสรินยกถังอาหารหมูเทราดใส่มาลัยเลย
“อ๊ายยย แก”
“หยุดๆ ทั้งสองคนอย่าทะเลาะกัน”
ตะวันพยายามห้าม มาลัยไม่ยอมหยุดกอบอาหารหมูขึ้นมาสาดใส่โรสริน แต่โรสรินหลบได้ ตะวันวิ่งเข้ามาโดนอาหารหมูสาดใส่เต็มๆ
“ว๊าย พี่ตะวัน มาลัยไม่ได้ตั้งใจ ยัยนั่นแกล้งมาลัยก่อน”
ตะวันฉุนขาด คอกหมูที่โรสรินทำความสะอาดไปแล้วเลอะเทอะไปหมด
“คุณโรสริน ไม่ต้องให้อาหารหมูแล้ว ทำความสะอาดคอกนี้ให้เรียบร้อยเหมือนเดิม”
โรสรินเดินเข้ามาตบหน้าตะวัน ฉาด โรสรินเดินน้ำตาซึมออกมาและวิ่งหนีออกไปเลย ตะวันช๊อกไป หันมองไปทางโรสรินอย่างอึ้งๆ
โรสรินวิ่งออกมาด้วยความรู้สึกทั้งโมโหทั้งอัดอั้นตันใจที่สุด ตะวันวิ่งตามมาคว้าตัวโรสรินไว้
“คุณไม่มีสิทธิ์ตบผม คุณเป็นคนก่อเรื่องกลับไปทำความสะอาดให้เหมือนเดิมซะ”
โรสรินสะบัดตะวันออกอย่างแรง
“นายมันลำเอียง” ตะวันชะงัก เมื่อโดนตะโกนใส่หน้าแบบนั้น “ยัยนั่นมาหาเรื่องฉันก่อน”
“แล้วทำไมรู้จักอดทนบ้างล่ะ”
“เป็นความผิดของฉันใช่มั้ย ที่ฉันไม่ยอมให้ใครหยามศักดิ์ศรีของฉัน ฉันผิดมากใช่มั้ย” ตะวันสะอึก “ฉันรู้นะ ว่านายมองฉันเป็นคนไม่เอาไหน แต่ฉันก็ยังรับผิดชอบสิ่งที่ฉันทำ แต่สิ่งที่นายทำมันคืออะไร ถ้านายแค่เพียงใช้ความลำเอียงและอคติของนายมาแกล้งฉัน นายมันทุเรศมาก”
โรสรินวิ่งไปเลยอย่างไม่แคร์ ตะวันอึ้ง ในรอบสิบปี เพิ่งจะโดนด่าจริง เจ็บจริง จนหน้าชาขนาดนี้
โรสรินทรุดนั่งข้างกองฟาง ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆ เป็นครั้งแรกที่ความอดทนถึงขีดสุด ในชีวิตไม่เคยถูกกดขี่เท่านี้มาก่อน
มาลัยเดินกระฟัดกระเฟียดมาแถวแปลงดอกไม้ ตะวันเดินตามติดเข้ามา
“ไม่ๆๆๆ มาลัยไม่ผิด ถ้าให้ไปขอโทษยัยคุณหนูนั่น ขอกัดลิ้นตายดีกว่า”
“เธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” ตะวันแตะไหล่มาลัย มองขอร้อง “ไปขอโทษเค้าเถอะนะ”
“โถ สมองกระทบกระเทือนรึเปล่า โดนยัยนั่นตบเต็มหน้าแทนที่จะโกรธ”
“พี่เองก็ผิดที่ใจร้ายกับเค้าก่อน แล้วมาลัยก็ผิดที่ว่าคุณโรสเค้าเสียหายแบบนั้น”
“แล้วทำไมพี่ไม่ไปขอโทษเธอเองล่ะ”
“เสียฟอร์มตาย” ตะวันบอกออกมาเบาๆ
“หื๊อ”
“เถอะน่า ใครจะขอโทษก็เหมือนกัน คุณโรสก็อยู่ที่นี่อีกนาน ผูกมิตรกันไว้ดีกว่าไม่งั้นเค้าจะหาว่าคนที่นี่ใจร้าย”
มาลัยชักใจอ่อน
“มาลัยยอมขอโทษก็ได้” ตะวันยิ้มโล่งอก “แต่ยัยนั่นต้องมาขอโทษมาลัยก่อน”
ตะวันหุบยิ้ม
“พี่เพิ่งรู้ว่ามาลัยเป็นคนใจดำก็วันนี้ ไม่เป็นไรไม่ต้องขอโทษก็ได้ แต่ถ้าเกลียดคุณโรสนักก็ไม่ต้องมาเหยียบไร่ตะวันให้หมางใจกันอีก ไป กลับไปได้แล้ว”
มาลัยใจเสีย
“ไม่นะ ไม่เอา ไม่เห็นหน้าพี่แล้วใจจะขาด ก็ได้ๆๆๆ มาลัยยอมไปขอโทษก็ได้”
ตะวันชะงักเท้า ไม่หันมามอง ได้แต่ยิ้มอย่างโล่งอก
โรสรินปาดน้ำตาไม่ให้เหลือไว้บนใบหน้า
“พวกนั้นไม่มีค่าพอที่เราต้องเสียน้ำตาให้” โรสรินปาดน้ำตาออกจากใบหน้าจนหมด “ฮึบบบ ไม่ร้อง ไม่ร้องฮึบบบ”
โรสรินลุกขึ้นกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ มาลัยโผล่เข้ามา โรสรินตกใจ ที่มุมซ่อนตัวไม่ไกลกันนักเห็นตะวันชะโงกหัวแอบมองอยู่
“มีอะไร”
“พี่ตะวันสั่งให้ฉันมาขอโทษเธอ”
โรสรินชะงักไป
“เหรอ ถ้างั้นมัวรออะไรอยู่ล่ะ อ้อ ต้องขอโทษอย่างจริงใจ แล้วพูดให้เพราะๆ ด้วยนะ”
มาลัยเหลือบหันไปมองตะวันอย่างขอความเห็น ตะวันพยักเพยิดหน้าให้ ประมาณว่ายอมๆ ไปเถอะน่า มาลัยยิ้มให้ ทำหน้าเหมือนจริงใจ
“ฉันขอโทษนะจ๊ะคุณโรส ยกโทษให้ฉันนะจ๊ะ”
โรสรินยิ้มพอใจ
“กองๆ ไว้ตรงนั้น”
“เอ๊ะ ยัยหน้าว่อก” มาลัยถลกแขนเสื้อจะเอาเรื่อง “จะเอายังไงกันแน่”
โรสรินถลาไปหามาลัย พร้อมถลึงตาใส่ มาลัยตกใจกลัวเห็นโรสรินเอาจริง แววตาหน้ากลัวมาก มาลัยผละล้มก้นจ้ำเบ้าอย่างตกใจ
“โอ๊ยยยย”
“ฉันจะยอมรับคำขอโทษของนายตะวันคนเดียวเท่านั้น”
โรสรินบอกเสียงเฉียบ ตะวันแอบมองอยู่ถึงกับอึ้งไป
น้ำค้างขับรถนำรถของพีระเข้ามาบนถนนลูกรังสองข้างทางดูแห้งแล้ง ภายในรถน้ำค้างมีสีหน้าครุ่นคิด
“อึ่ง จะถ่วงเวลาพวกคุณๆ ที่มาจากกรุงเทพฯ ยังไงดี” น้ำค้างถามอึ่ง
“คนกรุงเทพไม่โง่นะ ถ้าเค้าจับได้เราซวยแน่พี่น้ำค้าง”
“คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ดูเค้าก็ไม่ใช่คนขี้โมโหอะไร”
พลันรถของพีระขับแซงแล้วปาดขวางหน้ารถน้ำค้าง น้ำค้างเหยียบเบรกเอี๊ยด
“ว๊ายยย”
น้ำค้าง พีระ อุษาวดี อึ่ง ลงจากรถ พีระเดินเข้ามาอย่างโมโหสุดๆ
“เธอจะพาฉันไปไหนกันแน่ ฉันต้องการพบตัวโรซี่”
“ก็ ก็กำลังจะพาไปหาอยู่นี่ไง”
อุษาวดีมองไปรอบๆ
“วังเวงแบบนี้เนี่ยนะ นี่ก็มาตั้งไกลแล้ว บ้านคนก็ไม่มีสักหลัง”
“เธอจะบอกว่าโรซี่มาหาเผือกหามันอยู่แถวนี้รึไง ห๊า”
“เอ่อ คือ”
พีระหันไปขู่ใส่อึ่ง
“เด็กดีต้องไม่โกหก บอกมาคุณโรสรินแฟนฉันอยู่ที่ไหน”
อึ่งเจ็บๆ กลัวๆ พีระบีบแขนอึ่งซะแรง
“โอ๊ย อึ่งเจ็บ”
“ก็รีบบอกมาสิว่าคุณโรซี่อยู่ไหน แล้วฉันจะปล่อย เร็วสิ บอกมา”
“ก็ได้ๆ พี่นางฟ้าอยู่ที่บ้านนั่นแหล่ะ”
“บ้าน”
น้ำค้างอึ้งไปเลยที่อึ่งเฉลยที่อยู่ของโรสริน พีระหันไปเอาเรื่องน้ำค้างทันที
“ยัยตัวแสบหน้าไหว้หลังหลอก”
“ไม่ได้หลอก ที่ว่าอยู่บ้านน่ะ มาทำธุระอยู่บ้านนายอำเภอต่างหาก ฉันกำลังจะพาไปอยู่นี่ไง อึ่งขึ้นรถ”
อึ่งมองน้ำค้างงงๆ ที่น้ำค้างโกหกหน้าตายอีกครั้ง น้ำค้างแอบยิ้มร้ายอย่างเจ้าเล่ห์ๆ
“โห ฝันไปรึเปล่า เพิ่งเคยเห็นพี่น้ำค้างโกหกเป็นครั้งแรก แถมยังเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก”
“แต่นายนั่นเป็นข้อยกเว้น คนนิสัยไม่ดีอย่างนั้น มันก็ต้องเจอแบบนี้แหล่ะ”
“แบบไหน”
น้ำค้างยิ้มมีแผน
“เดี๋ยวก็รู้”
โรสรินยืนเชิ่ดๆ หยิ่งๆ สวยๆ มาลัยดันหลังตะวันที่แข็งขืนมายืนอยู่หน้าโรสริน
“รีบๆ ขอโทษซะสิพี่ตะวัน เรื่องจะได้จบๆ มาลัยกลับไปตลาดก่อนนะ มิสยูนะ ขอจุ๊บที ม๊วมๆๆๆ”
มาลัยจะเข้าไปจุ๊บแก้มตะวัน แต่ตะวันยื่นมือดันหัวมาลัยไว้ได้ทัน มาลัยยอมไป แต่ก่อนไปสะบัดหน้าให้โรสรินทีนึง แล้วเดินออกไป
“สำนึกได้ล่ะสิว่านายทำผิดต่อฉัน ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้”
“ผม ผม ขอ…” ตะวันอึกอัก โรสรินยิ้มเย้ยๆ
“พูดให้มันเคยปากไว้เถอะ เพราะมันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ เร็วๆ สิ”
“ผมขอ ผมขอ...” โรสรินลุ้นๆๆๆ รอฟังคำขอโทษ “ผมขอสั่งให้คุณไปอาบน้ำอาบท่าซะ คนอะไรตัวเหม้นเหม็น เหม็นขี้หมู”
แล้วตะวันก็เดินหนีออกไปเลย โรสรินเหวอ ปรี๊ดสุดๆ รีบดิ่งตามตะวันไป
ตะวันเดินหนี โรสรินเดินตามไปเอาเรื่อง
“จะหนีไปไหน ขอโทษฉันก่อนสิ ขอโทษเดี๋ยวนี้”
“ไม่ จนกว่าผมจะซ่อมนิสัยเสียๆ ของคุณให้หายก่อน”
“อย่าทำให้ฉันจี๊ดส์จนทนไม่ไหวนะ”
“ทำไมจะลงไปนอนชักดิ้นชักงอรึไง”
“คนที่ต้องชักดิ้นชักงอคือนายต่างหาก” ตะวันมองอย่างไม่เข้าใจ โรสรินยิ้มร้ายผลักตะวันทันทีจะให้ล้มในถังขี้หมู “ตกถังขี้หมูไปซะเถอะ” ตะวันเกือบหงายหลังล้มลงอยู่แล้ว แต่ตะวันเหนี่ยวตัวโรสรินไว้ได้ “ว๊ายยย ปล่อยฉันนะ”
ตะวันได้หลักยึด ล็อกตัวโรสรินไว้แน่น ตอนนี้ตะวันกับโรสตัวใกล้ชิดกันมาก สบตากัน ใกล้ยิ่งกว่าใกล้ แล้วตะวันก็ทำท่าจะปล่อยโรสรินลงถังขี้หมู
“คนที่จะตกถังขี้หมูคงเป็นคุณแล้วล่ะ”
“อ๊ายยย ไม่เอา อย่า ฉันไม่ได้ตั้งใจแกล้งนายนะ ฉันขอโทษปล่อยฉันเถอะ พลีสสส”
“มันน่านัก แต่เอาเถอะผมยกให้สักครั้ง เพราะวันนี้ผมทำไม่ดีกับคุณจริงๆ” โรสรินอึ้งๆ ไปสัมผัสได้เลยว่าตะวันจริงใจมาก ตะวันยิ้มทะเล้น “แล้วที่สำคัญคุณก็อุตส่าห์ขอโทษผมซะด้วย”
ตะวันอุ้มโรสรินไปวางที่มุมหนึ่งแล้วเดินหนีไปอย่างสบายใจ โรสรินมองตะวันอย่างเจ็บใจ ที่อยากจะให้ตะวันขอโทษดันผิดแผนซะงั้น
รถน้ำค้างขับเข้ามาจอดในป่ารกร้างซึ่งตอนนี้มืดแล้วจึงดูวังเวง รถพีระขับตามเข้ามาจอด ทุกคนลงจากรถ พีระ อุษาวดีเดินเข้ามาหาอย่างข้องใจ อุษาวดีมองไปรอบๆ
“บ้านนายอำเภออยู่ที่ไหน”
“ยัยตัวแสบ ฉันไม่ว่างพอที่จะให้เธอปั่นหัวเล่นนะ อย่ามาลูกเล่นกับฉัน”
“มีสติกันหน่อยได้มั้ย ฉันพาพวกคุณมาทางลัด พวกคุณต้องเดินเท้าเข้าไปตามทาง แล้วจะเจอทางทางแยกข้างหน้าก็จะถึงบ้านนายอำเภอแล้วค่ะ”
พีระ อุษาวดีมองหน้ากันอย่างไม่อยากเชื่อ
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่โกหก”
น้ำค้างยิ้มใสซื่อ
“โถ ฉันจะโกหกทำไมล่ะ”
“ช่ายย บาปกั๊ม บาปกรรม”
น้ำค้างกับอึ่งยิ้มใสซื่อให้พีระกับอุษาวดี
“รีบไปเถอะจ้ะ ป่านนี้คุณโรสคงใกล้เสร็จธุระแล้วล่ะ”
“ยังไงก็ขอบใจเธอมาก แล้วฉันก็ต้องขอโทษด้วยที่อาจจะก้าวร้าวกับเธอมากไปหน่อย”
“รีบไปหายัยโรสแล้วก็รีบกลับบ้านเราซะที ไป”
แล้วอุษาวดีกับพีระก็เดินเข้าไปในทางแคบๆ ในป่า น้ำค้างโบกมือบ๊าย บายให้ แล้วก็พลันเปลี่ยนเป็นสีหน้าเจ้าเล่ห์อย่างที่สุด
“สมน้ำหน้า ซ่าส์ดีนักก็ต้องเจอแบบนี้แหล่ะ”
พลันเสียงหมาหอนก็ดังขึ้น บรู๋วววว น้ำค้าง อึ่งสะดุ้งโหยง
“รีบกลับไร่เราดีกว่าพี่น้ำค้าง เดี๋ยวแขกไม่ได้รับเชิญโผล่มานะ” อึ่งบอกอย่างกลัวๆ
“จริงด้วย ไปอึ่ง เผ่นกันเหอะ”
น้ำค้างกับอึ่งรีบขึ้นรถไปทันที แล้วรถก็ขับออกไป
พีระ อุษาวดีเดินตัวชิดติดกันอย่างกลัวๆ หมาก็หอนไม่หยุด บรู๋วววว
“ไหนล่ะ ทางแยกไปบ้านนายอำเภอ”
“มีแต่ป่า ป่า แล้วก็ป่า แถมหมาหอนตลอดทางเลย”
พีระ อุษาวดี เดินเบียดเสียดกันอย่างกลัวๆ
“อย่าเบียดๆ เดินดีๆ สิ”
“ไม่เอา พี่เป็นผู้ชาย เป็นผู้นำนะ นำหน้าไปก่อนเลย”
อุษาวดีดันๆ ตัวพีระ พีระเสียหลักจะล้ม
“เฮ้ยยยย”
พีระล้มพรวดไปนอนคว่ำข้างทาง พีระเห็นแผ่นป้ายไม้ปักอยู่ พีระเพ่งมอง
“ป้ายอะไรเหรอพี่”
พีระหยิบมือถือกดส่องแสงแทนไฟฉายแล้วอ่านป้าย
“เอ่อ นายทองดี มีทองแดง ชาตะ 2 มกรา 2515 มรณะ 3 สิงหา 25…ชัดเลย รู้แล้วว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน”
“ที่…”
“ป่าช้า”
“ป่าช้า อ๊ายยยย”
อุษาวดีวิ่งป่าราบหนีออกไป พีระลุกขึ้นมองไปรอบๆ กลัวสุดๆ หมาหอนอีกบรู๋ววววว
“ระ ระ ระ รอด้วยยย” พีระสะดุ้งตกใจ ผีๆๆ ผีจับขา อ๊ากกก”
ที่เท้าพีระเห็นเป็นรากไม้เกาะติดที่ขาอยู่ พีระแหกปากร้องลั่นวิ่งหนีกลัวสุดๆๆ
ภายในห้องพักโรสริน โรสรินเพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังเช็ดผมอยู่
“นายตะวัน ฉันจะแก้แค้นนายยังไงดีนะ” โรสรินแค้นตะวันมาก ครุ่นคิดวิธีจัดการกับตะวัน พลันยิ้มออกมา “ถ้าคุณปู่รู้ว่าหลานสาวสุดที่รักต้องเจ็บทั้งกายทั้งใจแบบนี้ คุณปู่ต้องหาทางเอาตัวฉันกลับแน่ๆ แล้วข้อตกลงบ้าบอทั้งหมดก็ต้องเป็นโมฆะ” โรสรินค้นหาโทรศัพท์มือถือทั้งในกระเป๋า โต๊ะเครื่องแป้ง ชั้นวางของต่างๆ แต่ก็ไม่เจอ “มือถือหาย ใคร ใครบังอาจมาขโมยมือถือของคุณหนูโรส จะมีใคร๊”
โรสรินแค้นสุดๆ
โรสรินแอบย่องๆ เข้ามาจะไปที่ห้องตะวัน แย้เดินนุ่งผ้าขาวม้าถือขันถือแปรงสีฟันจะไปอาบน้ำ โรสรินรีบแอบหลบมุม พอเห็นว่าแย้เดินออกไปแล้ว โรสรินก็ย่องๆ ไปที่หน้าห้องตะวัน โรสรินลองบิดลูกบิดปรากฏว่าไม่ได้ล็อก โรสรินยิ้มร้ายหึหึหึ แล้วเปิดประตูเข้าไป
โรสรินเข้าไปในห้องตะวันก็รีบหันซ้ายหันขวามองหาโทรศัพท์มือถือ
“มือถือๆๆ”
โรสรินรีบหามือถือตามชั้นวางของ หาไปหามา ไปเจอกรอบรูปเป็นรูปถ่ายตะวันถอดเสื้อโชว์ซิกแพ็คในแปลงดอกไม้ โรสรินหยิบรูปขึ้นมาดู
“โห เป๊ะมาก” โรสรินนึกได้ “อี๋ แหวะ ชมหมอนั่นทำไมเนี่ย น่าเกลียด โชว์ออฟ” โรสรินหามือถือต่อ ปรากฏว่าเจอมือถือในที่สุด โรสรินหยิบขึ้นมา “เยส นึกแล้วไม่มีผิด อีตาบ้า”
พลันได้ยินเสียงแกร๊ก เสียงลูกบิดประตู กำลังจะมีคนเข้ามาในห้อง โรสรินตาโต แล้วรีบมุดตัวใต้ผ้าห่มบนเตียงตะวัน ตะวันผิวปากสบายใจเข้ามา นุ่งผ้าขาวม้าถอดเสื้อ ผัดแป้งขาวว่อก ตะวันส่องกระจกเช็ดผมหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
ในผ้าห่มโรสรินแทบอยากบ้าตายทำไงดีๆๆ ครุ่นคิดหาวิธีเอาตัวรอดไม่ให้ตะวันรู้ ตะวันนั่งอ่านหนังสือกล้วยไม้อย่างสบายใจที่โต๊ะหนังสือ
อีกด้านหนึ่ง ชาญ น้ำค้างและอึ่งหัวเราะกันอย่างอารมณ์ดี อาทิตย์กำลังระบายสีรูปดอกกุหลาบอยู่ ชาญ ลูบหัวน้ำค้างและอึ่ง
“เก่งมากป่านนี้สองคนนั้นจับไข้หัวโกร๋นแล้วมั้ง”
“เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับหลานปู่ชาญ จริงมั้ยจ๊ะอาทิตย์”
น้ำค้างหันไปถามอาทิตย์ อาทิตย์ไม่ตอบ ระบายสีดอกกุหลาบตามเดิม พลันรถของพีระก็ขับเร็วแล้วมาเบรกเอี๊ยดจอดอยู่หน้าบ้าน ทุกคนหันมองไปทางเสียงที่ได้ยิน
“ใครมันมาวะน่ะ”
“อึ่งไปดูเองจ้ะ”
อึ่งวิ่งไปที่หน้าต่าง ชะโงกหน้ามองแล้วก็ตกใจ หันมาบอกทุกคน
“แย่แล้วๆๆ คนกรุงเทพสองคนนั้น กลับมาแล้ว”
ชาญคว้าปืนลูกซองยาวมากระชับไว้ในมือ
“งานนี้ปู่เคลียร์เองโว้ย”
อาทิตย์หันชะโงกมองตาม ชาญ น้ำค้าง และอึ่งที่วิ่งออกไป
พีระ อุษาวดีลงจากรถอย่างโมโหสุดๆ ชาญ อึ่ง น้ำค้าง เดินเข้ามาหา
“พวกคุณเอาโรซี่ซ่อนไว้ที่ไหน”
“นี่มันกักขังหน่วงเหนี่ยวกันชัดๆ ถ้าไม่ยอมบอก เรื่องนี้คงต้องถึงตำรวจค่ะ”
“อ้าว กล่าวหากันแบบนี้ไม่ได้นะคุณ ก็หนูโรสเค้าสมัครใจมาที่นี่เอง”
“แต่เราไม่สมัครใจให้คุณโรสเจอพวกคุณ”
“เราจะกลับก็ต่อเมื่อเราได้ตัวโรซี่กลับไปด้วย น้องอุษา ลุยกันเลย”
พีระกับอุษาวดีทำท่าจะบุกเข้าไปชาญแกล้งทำปืนลั่นขึ้นฟ้า เปรี้ยง! พีระกับอุษาวดีตกใจ ชะงัก
“อุ๊ย บ้าจัง โทษทีนะ ปืนมันลั่น”
“แหม หมู่นี้ลั่นบ่อยเหลือเกินนะจ๊ะปู่ จะโป้งป้างโดนใครเข้ามั้ยน๊า”
“ขู่กันแบบนี้คิดว่าจะกลัวเหรอ”
“นี่คุณรู้หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ว่า ว่าหนูโรสกับเจ้าตะวันหลานผมมีสัญญาผูกมัดต้องแต่งงานกัน แล้วถ้าคุณพาคุณโรสออกจากไร่นี้แม่แต่ก้าวเดียว เท่ากับละเมิดสัญญา หนูโรสจะกลายเป็นเจ้าสาวของนายตะวันทันที”
“ข้ามศพผมไปก่อนแล้วกัน”
อุษาวดีดึงมือพีระออกไป
“ไปเถอะพี่พี เลิกล้มความตั้งใจได้แล้ว”
อุษาวดีลากตัวพีระที่ยังงงๆ ออกไป ชาญ น้ำค้าง ยิ้มอย่างพอใจ อุษาวดีลากพีระไปที่รถ พีระข้องใจสุดๆ
“อะไรของเธอ เราจะยอมกลับง่ายๆ ไม่ได้”
“แล้วใครว่ายอม ใช้สมองหน่อยสิ เราต้องไม่ทำให้พวกเค้าสงสัย”
อุษาวดียิ้มเจ้าเล่ห์ พีระครุ่นคิดตามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา อุษาวดี พีระขึ้นรถแล้วขับออกไป
พีระขับรถ อุษาวดีนั่งข้างๆ พีระจอดรถแอบในมุมลับตา แล้วทั้งสองคนก็ลงจากรถ พีระ อุษาวดี มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง
“อุษาว่ายัยโรสต้องอยู่ที่บ้านหลังนั้นแน่ๆ”
“หรือว่าโรซี่จะโดนจับตัวขังไว้ ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน โธ่เว้ย บ้านป่าเมืองเถื่อนที่สุด”
“อย่าเพิ่งคิดในแง่ลบเลยพี่พี ถ้าเค้าไม่ให้เราเจอยัยโรส ก็ต้องแอบเข้าไปหา”
พีระยิ้มมั่นใจ
“ตามนั้น ลุยเลย”
พีระ อุษาวดีแอบย่องๆ เข้ามาในบ้านตะวันเห็นชาญผัดแป้งที่หน้าขาวว่อก เดินผิวปากอารมณ์ดีเข้ามาปิดไฟบ้าน ไฟดับพรึ่บๆๆ พีระ อุษาวดีรีบหลบมุมทันที พอเห็นชาญเดินออกไปแล้วก็ถอนใจโล่งอก
“ช่วยกันตามหาตัวโรซี่ให้เจอ”
ภายในห้องตะวัน โรสรินยังแอบอยู่ใต้ผ้าห่ม แอบเปิดชายผ้าห่มออกดู ตะวันเริ่มหาว เห็นว่าง่วงมากแล้ว เก็บหนังสือกล้วยไม้เข้าลิ้นชักแล้วปิดโคมไฟ ตะวันกำลังถอดผ้าขาวม้า โรสรินเห็นก็แทบกรี๊ดดีที่ปิดปากทัน ตะวันหยิบกางเกงขาสั้นมาใส่แต่ไม่สวมเสื้อ เดินไปปิดไฟห้อง หาวอย่างง่วงมากๆ แล้วล้มตัวลงนอน ตะวันจะดึงผ้าห่มมา แปลกใจทำไมหนักๆ แล้วก็ไม่คิดอะไร ตลบตัวมากอดผ้าห่มแทน โรสรินที่อยู่ข้างในจะบ้าตาย ตะวันเกลือกกลิ้งกับผ้าห่มจนผ้าห่มใกล้จะหลุดรุ่ยออกมา โรสรินทนไม่ไหวแล้วกำลังจะแหกปากขอยอมแพ้ โผล่พรวดออกมา ปรากฏว่าตะวันหลับไปซะแล้ว
“หลับแล้วเหรอ หลับง่ายเป็นเด็กๆ เลย ตะวัน ตะวัน นายตะวัน”
ตะวันหลับสนิท โรสรินมองมือถือในมือ ยิ้มดีใจจะลุกออกไป แต่ตะวันดันเหนี่ยวไว้นึกว่าโรสรินเป็นหมอนข้าง โรสรินพยายามแกะมือแกะขาตะวันออกอย่างไม่อยากให้ตื่น แต่แล้วพลันประตูเปิดพรวดเข้ามา พีระกับอุษาวดีพรวดเข้ามาเปิดไฟในห้อง
ทันทีที่ไฟสว่าง พีระ อุษาวดีช๊อกที่เห็นตะวันไม่ใส่เสื้อนอนกอดโรสรินอยู่ โรสรินก็มองช๊อกๆ
“อ๊ายยยยย”
อุษาวดีร้องลั่น โรสรินตกใจ ร้องด้วย
“อ๊ายยยย”
พีระก็ตกใจ ร้องอีกคน
“อ๊ายยยย”
ตะวันสะดุ้งตื่น เห็นว่าตัวเองกอดโรสรินอยู่
“เฮ้ยยยยย”
ทุกคนในห้องต่างมองกันอย่างอึ้งๆ
ห้องโถงบ้านตะวัน ไฟสว่างพรึ่บ ตะวัน ชาญ น้ำค้าง แย้ ยืนประจันหน้ากับโรสริน พีระ อุษาวดี
“เอามือถือของฉันคืนมา”
โรสรินบอก ตะวันกำโทรศัพท์มือถือไว้
“ไม่ อย่ามาหาข้อแก้ตัว มือถือเป็นแค่ข้ออ้างของคุณ”
“ข้ออ้างอะไรของนาย”
“ก็ข้ออ้างที่คุณหาเรื่องมาลักหลับผมไง อยู่ดีๆ คุณแอบมานอนบนเตียงผมทำไม”
“อ๊ายย รับไม่ได้ แย้รับไม่ได้ บัดสีบัดเถลิงที่ซู๊ดดด”
“ทุเรศที่สุดเลย ใครจะมาลักหลับนายแค่คิดก็ อี๋ แหวะ”
“โรซี่ มันไม่จริงอย่างที่นายนั่นว่าใช่มั้ย”
“นี่พีคิดว่าโรสจะ...อึ๋ยยย กับนายนั่น มีสมองรึเปล่าถึงคิดอะไรแบบนี้”
“ยัยโรสพวกเรามาพาเธอกลับ เรากลับกันตอนนี้เลยนะ”
ชาญฮัมเพลงแต่งงาน แต่แต๊แดแด แต่แต๊แดแด
“ถ้าไปหนูโรสต้องแต่งงานกับนายตะวันเลยนะ”
“อย่าขู่โรสนะคะ”
“เปล่าขู่นา ถ้าไม่เชื่อถามเจ้าณรงค์ปู่หนูก็ได้ โทรศัพท์อยู่โน่น โทรเลย”
“นายก็ไม่ได้รักไม่ได้ชอบโรซี่ ปล่อยโรซี่ไปเถอะ” พีระพูดกับตะวัน
“วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว ไม่มีเวลาต่อล้อต่อเถียงกับพวกคุณ” ตะวันจะเดินหนี
“นายตะวัน จะหนีไปไหน”
ตะวันเดินไปใกล้ๆ โรสริน
“ไปนอน แล้วคราวหลังคราวหลังอย่าคิดจะลักหลับผมเด็ดขาด”
แล้วตะวันก็เดินหนีไปเลย โรสรินปรี๊ดสุดๆๆ
“ไอ้ ปากเหรอเนี่ย นายนี่มัน นายมัน โอ๊ยยยย ไอ้บ้า ฉันเกลียดคนอย่างนายที่สุดเลย เกลียดๆๆๆ โอ๊ยจี๊ดสสส์”
โรสรินแผดเสียง ทุกคนได้แต่อุดหูกับพลังเสียงแปดหลอดของโรสริน
เช้าวันใหม่ โรสรินเดินผ่านมา พีระ อุษาวดีเดินตาม
“โรสคิดไม่ออกแล้วว่าจะหนีออกจากที่นี่ได้ยังไง”
“โรสต้องทนอยู่ที่นี่ตั้งหนึ่งปี มันเป็นไปไม่ได้หรอก”
“ถูก แค่นอนที่นี่วันเดียวก็สยองแล้ว โลวเทคไปซะทุกสิ่ง”
“เฮ้อ รู้งี้หนีกลับอังกฤษตั้งแต่แรกก็ดี”
พีระมองเห็นตะวันกับชาญอยู่ในแปลงดอกกุหลาบก็จุ๊ปากชวนทุกคนหลบมุมแอบฟัง ชาญกับตะวันกำลังฉีดปุ๋ยให้ดอกไม้อยู่
“เรื่องมันชักจะยุ่งแล้วนะปู่ ลำพังผมก็ปวดหัวเรื่องยัยโรสมากพออยู่แล้ว ยังมีพวกจากกรุงเทพมาป่วนอีก”
“ก็อย่าไปใส่ใจสิวะ เดี๋ยวปู่หาทางไล่ออกไปเอง”
“คิดเหรอว่าพวกเค้าจะยอมไปง่ายๆ ไร่เราจะวุ่นวายก็คราวนี้ล่ะ ผมขอบอกไว้เลยนะ ถ้ายัยโรสก่อเรื่องวุ่นจนหัวผมระเบิดเมื่อไหร่ ผมตะเพิดเธอกลับแน่”
“เฮ้ย! ไม่ได้นะเว้ย”
“ถ้าผมทนไม่ไหว ผมจะไม่สนใจสัญญารักของปู่แล้วนะครับ บางทีผมนี่แหล่ะจะฉีกสัญญาด้วยตัวเอง”
ตะวันเดินหนีออกไปเลย ชาญหนวดกระดิกขึ้นมาเพราะความโกรธ
“อ้าวเฮ้ย พูดงี้ก็สวยสิวะ มาเคลียร์กันก่อน นี่มันเป็นสัญญาศักดิ์สิทธิ์ใครก็ทำลายไม่ได้นาโว้ย”
พีระยิ้มร้ายอย่างมีแผน โรสริน อุษาวดีมองอย่างสงสัย
“หึหึ พีรู้แล้วว่าจะออกจากนรกที่นี่ได้ยังไง”
คืนรั้นโรสริน พีระ อุษาวดี ยืนอยู่ที่แปลงดอกกุหลาบ ดอกกำลังตูมเต็มแปลงไปหมด พีระยิ้มร้ายอย่างมีแผนเด็ด
“ทำลายให้เหี้ยนเลย ในเมื่อหนีไม่ได้ก็ต้องทำเลวให้พวกเค้าไล่โรซี่กลับ”
โรสรินอึ้ง ชี้ตัวเอง
“ทำเลว โรสเนี่ยนะ”
“เชื่อพีสิ โรซี่นิสัยไม่ค่อยดีอยู่แล้วน่าจะทำได้” พีระให้กำลังใจ โรสรินจ้องหน้าพีระขวับ อย่างเหวี่ยงๆ พีระจ๋อยๆ
“เดี๋ยวนะ เราจะทำลายแปลงดอกไม้จริงๆ เหรอ เค้าต้องโกรธมากแน่ๆ”
“สิ่งนี้แหล่ะที่ต้องการ ถ้าพวกเค้าโกรธเค้าไม่เอาโรซี่ไว้แน่ จริงมั้ย ดูสิดอกกำลังตูมได้ที่ส่งขายได้พอดี”
โรสรินครุ่นคิด
“ทำลายอย่าให้เหลือแม้แต่ดอกเดียว”
โรสรินยิ้มร้ายสุดๆ คราวนี้ล่ะได้ออกจากไร่สมใจแน่
เช้าวันรุ่งขึ้นที่ตลาด มาลัย มาลีกำลังเม้าท์กับแม่ค้าอย่างออกรสชาติ
“จริงเหรอวะมาลัย ถ้าอย่างนั้นแกก็ต้องอกหักดังเป๊าะน่ะสิ”
“ไม่มีทาง พี่ตะวันเกลียดยัยนั่นยังกะอะไร”
“แต่เอ็งก็บอกเองนะ ว่ายัยโรสรินเค้าเป็นว่าที่เมียของคุณตะวัน แล้วอย่างนี้เอ็งยังจะจับคุณตะวันได้อีกมั๊ยวะ โอ๊ย เครียดโว้ย”
เดชา ล่ำและแหลมเดินเข้ามาพอดี ได้ยินชื่อโรสรินและตะวันก็สนใจหันมองขวับ
“พี่ตะวันอยากได้ยัยนั่นเป็นเมียซะที่ไหน โด่เอ๊ย ฉันจะบอกให้นะยัยโรสน่ะไม่ใช่สเป็คพี่ตะวันเลย มีดีก็แค่สวย มีชาติตระกูล แล้วก็คงจะรวย ดูไฮโซๆ หน่อย ก็เท่านั้นเอง สู้ฉันไม่ได้สักนิด”
“จะโม้ว่าสเป็คตะวันต้องหยั่งแกล่ะสิ”
“แน่นอน เอ๊ะอีนี่ วอนๆๆ เดี๋ยวแม่ตบ” เดชาเดินเข้ามาหามาลัย มาลัยเห็นก็แจ๊ดแจ๋ใส่ “เสี่ยเดชาจ๋า วันนี้จะเหมาผลไม้มาลัยยกแผงอีกรึเปล่าจ๊ะ”
“เอาหมดนี่แหล่ะ”
มาลีโกยผลไม้ใส่ถุง
“แหมเสี่ยเดชาเนี่ย หล่อแล้วยังทุ่มทุนสร้างอีกนะจ๊ะเนี่ย”
“นี่ถ้ามาลัยชอบเสี่ยซะหน่อยนะ ไม่ปล่อยให้หลุดมือหร๊อก”
“ถามอะไรหน่อย ผู้หญิงที่ชื่อโรสเป็นอะไรกับตะวันนะ”
“พูดแล้วมันขึ้นเลย ปู่ชาญจับยัยนั่นคลุมถุงชนกับพี่ตะวันน่ะ ได้ยินมาว่าต้องอยู่ที่ไร่ตะวันตั้งปีนึง” มาลัยพูดไปยัดผลไม้ใส่ถุงไปด้วย “คิดแล้วมันอิจฉา มันแค้น มันเครียด อยากจะตบสักทีสองทีจริงๆ”
เดชาครุ่นคิดมีแผน สนใจผู้หญิงที่ชื่อโรสรินมากขึ้นไปอีก
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 2 (ต่อ)
ล่ำ แหลม เดินถือถุงผลไม้ตามหลังเดชาเข้ามา ทั้งสามคนหันมองสอดส่องสายตาไปทั่ว
“เสี่ยเดยังจะอยากเจอคุณหนูนั่นอีกทำไมครับ”
เดชาแค่นยิ้ม
“อะไรที่เกี่ยวข้องกับไอ้ตะวันมันน่าสนทั้งนั้น โดยเฉพาะผู้หญิงของมัน”
ล่ำเห็นโรสริน อุษาวดี พีระ ง่วนกับการทำลายแปลงกุหลาบอย่างแข็งขัน
“เสี่ยเดครับ ทางโน้น”
เดชามองไป ก็สะดุดสายตากับโรสรินที่กำลังตัดดอกไม้อย่างแข็งขัน โรสริน อุษาวดีกำลังตัดดอกกุหลาบอย่างแข็งขัน พีระก็ใช้จอบขุดทำลายถอนรากถอนโคนดอกไม้ พีระหอบแฮ่กๆ
“หยุดทำไมล่ะพี รีบเร่งมือเร็วเข้าเดี๋ยวมีใครมาเห็นก่อนพอดี”
“พักก่อนเถอะนะโรซี่”
“แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะเสร็จซะทีเห๊อะ”
อุษาวดีปาดเหงื่อ
“ฉันจะเป็นลมตายอยู่แล้วนะยัยโรส”
เดชาและลูกน้องเดินถือผลไม้ที่ซื้อจากมาลัยเข้ามาหา
“มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าครับคุณโรส”
โรสริน อุษาวดี พีระหันมองแขกแปลกหน้าอย่างสงสัยว่า ใคร สายตาเดชาจ้องมองโรสรินอย่างไม่กระพริบ ไม่สนใจคนอื่นๆ เลย
“รู้จักชื่อฉันได้ยังไง นาย…”
“ผมเดชา ได้ยินมาว่าคุณเป็นสมาชิกคนใหม่ของไร่ตะวัน”
“แล้วไง ไปให้พ้นเลยไป ฉันไม่มีเวลาคุยด้วย” เดชายิ้มอย่างถูกใจให้โรสริน กับอาการเหวี่ยงไม่เลือกหน้าของโรสริน “หูหนวกรึไง ยิ้มอะไร รู้ตัวมั้ยว่านายกำลังทำให้ฉันจี๊ดสสส์”
โรสรินชี้หน้าเดชา ล่ำ แหลม โมโหแทนเดชา ปรี่เข้าไปหา
“เฮ้ย พูดจาให้มันดีๆ รู้ตัวมั้ยว่าพูดอยู่กับใคร”
เดชาถองศอกใส่ล่ำกับแหลม อย่างปรามๆ
“อย่าเสียมารยาทกับคุณโรส พอดีผมต้องผ่านมาธุระแถวนี้ก็เลยมีอะไรติดไม้ติดมือมาฝาก สมาชิกใหม่ของที่นี่ ตะวันกับผม ก็คนคุ้นเคยกัน”
“เฮ้ยๆๆ ทนดูอยู่นานแล้ว จะมองโรซี่อะไรนักหนา วางของฝากแล้วไสหัวไปเลย”
พีระชัดขึ้นมา ล่ำ แหลมเข้าประกบทันที พีระจ๋อยๆ กลืนน้ำลายเอื้อก โรสรินไม่สนใจจัดการตัดดอกกุหลาบต่อ เดชามองสงสัย
“พวกคุณทำลายแปลงกุหลาบทำไมครับ”
“ไม่ต้องยุ่งน่ะ พวกฉันจะทำอะไร นายไม่เกี่ยว”
พีระยังทำเสียงเข้ม เดชาหันจ้องหน้าพีระอย่างโหด พีระถึงกับสะดุ้งผงะไปอีก
“ก็ พอดีนายตะวันไม่ใช้แปลงกุหลาบนี่แล้วก็เลยสั่งให้ฉันมาจัดการให้น่ะ พวกนายพอจะช่วยฉันได้มั้ย” โรสรินลองหยั่งเชิง “ได้มั้ย เดชา”
เดชายิ้มให้แทนคำตอบ ห่างไปที่มุมหนึ่งแย้กับคนงานเดินเข้ามาเห็น แย้เห็นเดชาและล่ำ แหลม ช่วยกันขุดดินทำลายแปลงกุหลาบ แย้มองอึ้งๆ
“เฮ้ยไอ้เดชา บรรลัยล่ะทีนี้ อะไรกันวะเนี่ย”
หน้าบ้านตะวัน ตะวันส่ายหน้าให้ชาญอย่างอ่อนใจ
“เชื่อปู่สิ หนูโรสเค้าฤทธิ์เยอะก็จริง แต่ก็ไม่กล้าทำเรื่องวุ่นวายหรอก”
“ถ้าขืนทำแสบอีกล่ะ โดนดีแน่”
แย้วิ่งเข้ามาอย่างตื่นตกใจ
“ลูกพี่ตะวัน คุณปู่คร๊าบบบ เกิดเรื่องใหญ่แล้วววว”
“เรื่องอะไรวะไอ้แย้”
“อืม ขอตั้งชื่อเรื่องแป๊บนึง”
ชาญจะยันเข้าให้
“เดี๋ยวยันโครม ยังไง มีเรื่องอะไร”
แย้มีสีหน้ากลุ้มหวาดเสียวสุดๆ ตะวันยิ่งสงสัย มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่
โรสริน พีระ อุษาวดียืนมองเดชาและลูกน้องทำลายแปลงดอกไม้อย่างชื่นใจเป็นที่สุด เดชา ล่ำ แหลมกระซวกจอบเต็มที่ทุกอย่างราบเป็นหน้ากอง
“เรียบร้อยแล้วครับ”
“ขอบใจนายมากนะ”
“เปลี่ยนเป็นเลี้ยงตอบแทนผมซักมื้อได้มั้ยครับ”
พีระกลัวเดชา แต่ก็ปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง
“ทะลึ่งแล้ว โรซี่เป็นแฟนฉัน อย่าสะเออะ”
“พี! โรสบอกกี่ครั้งแล้วว่าเราไม่ใช่แฟนกัน ไม่ใช่”
พีระแอบจ๋อย เดชามองอย่างสะใจ ตะวัน ชาญ หน้า เดินเข้ามา ตะวันตึงๆ กับเดชา
“ไร่ตะวันยินดีต้อนรับ ลมอะไรหอบเสี่ยเดชาผู้กว้างขวางมาที่นี่ได้”
โรสรินหันไปเห็นก็ยิ้มอย่างระรื่นมากๆ
“อ้าว มาพอดีเลย ดูสิตะวันแปลงกุหลาบของนายหายไปหมดแล้ว”
โรสรินยิ้มร้ายกะว่าตะวันคงจะโกรธเต็มที่ แต่ว่าผิดคาด ตะวันกับชาญยิ้มแย้มปรบมือให้ โรสริน พีระ อุษาวดีช๊อกสุดๆ
“ขอบคุณมาก คุณรู้ได้ยังไงว่าผมตั้งใจทำลายแปลงนี้อยู่พอดี”
“กุหลาบแปลงนี้พันธุ์ไม่ค่อยดี แถมดินก็เป็นด่างใช้กำมะถันแก้ยังไงก็เอาไม่อยู่ ขอบใจหนูโรสกับเพื่อนๆ มากนะ”
“ขอบใจที่มาช่วย พวกนายทำงานไวดีนี่ สนใจเป็นคนงานที่นี่รึเปล่า” ตะวันถามเดชา เดชาจ้องตะวันอย่างไม่ขำด้วย ตะวันยิ้มให้โรสรินอย่างรู้ทัน “นึกว่าคุณจะก่อแต่เรื่อง ไม่คิดเลยว่าคุณก็ทำประโยชน์เป็นเหมือนกันนะ”
พีระ อุษาวดีมองหน้ากันเหวอๆ โรสรินยิ้มเจื่อนๆ
“ก็เพราะฉันอยากช่วยนายไง”
โรสรินเสียหน้าสุดๆ แต่ก็ต้องปั้นหน้าระรื่นแจ่มใสรับคำชม
น้ำค้างหันมาถามตะวันอย่างไม่แน่ใจ
“แน่ใจนะคะ ว่าไม่ได้อำ ตกลงจะรื้อแปลงกุหลาบอยู่แล้วจริงๆ เหรอ”
“ไร่เราคงจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษา แม้แต่พวกที่มีเจตนาไม่ดี ก็ยังแพ้ภัย”
“พี่ตะวันหมายความว่า พี่โรสเค้าตั้งใจจะทำลายของงั้นเหรอ”
“ไอ้แย้ ต่อไปนี้บอกพวกคนงาน คอยจับตาดูดีๆ ถ้าใครมาทำอะไรในไร่ของเราอีกต้องรีบรายงานฉันให้เร็วกว่านี้”
สีหน้าตะวันจริงจัง น้ำค้างยังเหวอๆ
เดชา ล่ำ แหลมเดินผ่านเข้ามา
“มันน่าจะกระทืบไอ้ตะวันซะที มาชวนเสี่ยเดเป็นคนงานได้ไงวะ”
เดชาไม่สนใจล่ำ แหลม ยังตกอยู่ในภวังค์เพราะถูกใจโรสรินมากๆ
“เสี่ยเดยิ้มอะไรครับ อย่าบอกนะว่าชอบผู้หญิงขี้โมโหนั่นจริงๆ”
“ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าตะคอกใส่ฉันมาก่อน แล้วดูเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงง่ายๆ ที่พร้อมสยบแทบเท้าฉันเหมือนคนอื่นๆ จะไม่ให้ฉันชอบได้ไงวะ”
ล่ำเห็นโรสริน พีระ อุษาวดี ยืนปรึกษากันอยู่มุมหนึ่ง เดชา ล่ำ แหลม หลบมุมแอบมอง อุษาวดี โรสริน สนใจสิ่งที่พีระกำลังจะบอก
“คราวนี้ชัวร์ ผมรู้แล้วว่าคุณจะออกไปจากไร่นี้ได้ยังไง”
“ครั้งที่แล้วก็พลาด ไปทีนึงแล้วนะ คราวนี้อะไรอีกล่ะ”
พีระจับมือโรสรินคุกเข่า
“เป็นเจ้าสาวผมเถอะ ผมจะพาคุณพ้นไปจากนรกขุมนี้เอง”
โรสรินและอุษาวดีต่างเหวอ
“พี ทำอะไร”
“ไม่ใช่เวลามาชักช้าแล้วนะโรซี่ ไปจดทะเบียนกันก่อน งานแต่งไว้ทีหลัง ไป แล้วค่อยกลับมาขอขมาปู่คุณ ผมรับรองว่าถึงเวลานั้น มันต้องหมดปัญหา”
“เฮ้อ สมเป็นพี่ชายฉันจริงๆ”
โรสรินสะบัดมือออก
“ตื่นได้แล้ว โรสไม่ได้อยากจะแต่งกับพี แต่อยากจะเป็นผู้บริหารควีนโรส อยากไปให้พ้นๆ ที่นี่ซะที”
พีระชะงักไป อุษาวดีส่ายหน้าให้พี่ชาย เดชา ล่ำ แหลมย่างเท้าเข้ามารวมกลุ่ม
“ขอโทษนะครับที่ต้องมาขัดจังหวะ” พีระชักสีหน้าไม่พอใจ “พอดีผมบังเอิญได้รู้เรื่องของคุณ รู้สึกเห็นใจจริงๆ เลยอยากจะบอกอะไรคุณไว้สักหน่อย”
เดชาเข้าไปใกล้โรสริน
“เฮ้ย จะทำอะไรน่ะ” ล่ำกับแหลมขยับอย่างเตรียมเอาเรื่องทันที “อย่านึกนะว่าฉันจะกลัว” พีระพับแขนเสื้อ “ดูกล้ามซะก่อน ฟิตเนสทุกวันนะเว้ย”
ล่ำ แหลม เบ่งกล้ามให้ดูบ้าง กล้ามพีระเทียบไม่ติดฝุ่นมากๆ
“พี่พี อายเค้าน่ะ”
อุษาวดีบอก โรสรินส่ายหน้าอย่างระอาพีระแล้วถามเดชา
“คุณจะบอกอะไรฉันเหรอ”
เดชายิ้มให้อย่างมีแผนการ
“ผมเข้าใจสิ่งที่คุณคิดจะทำ แต่คุณน่ะยังขาวสะอาดเกินไป”
“อยากจะบอกอะไรก็พูดมาตรงๆ”
“การจะเล่นงานใคร สิ่งสำคัญที่คุณต้องรู้ให้ได้ก่อนก็คือ “จุดอ่อน”
โรสรินชะงัก หันไปมองตาเดชาซึ่งมีแววตาของคนที่เจนจัดเชี่ยวชาญจริงๆ โรสรินคิดตาม
ภายในมุมเก็บอุปกรณ์การเกษตร ตะวันกำลังขัดคราบดินโคลนออกจากรองเท้าบู๊ท โรสรินแอบจ้องมองดู
ตะวัน
“จุดอ่อนของนายตะวัน” โรสรินรวบรวมความกล้าเดินออกไปหาตะวันแล้วแสร้งยิ้มจริงใจ “ตะวัน ขยันจังเลยนะนายเนี่ย” ตะวันหันมามองโรสรินอย่างประหลาดใจ “ทำอะไรอยู่เหรอ ดูน่าสนใจจัง”
“เช็ดขี้วัว” ตะวันยื่นผ้าชุบน้ำให้ “สนใจมั้ย”
โรสรินผงะ ถอยกรูดแทบไม่ทัน เริ่มจี๊ดส์ แต่ก็ปรับอารมณ์ได้ทัน
“ก็ ก็น่าสนใจดี ฉันช่วยเช็ดก็ได้นะ”
ตะวันมองอย่างไม่ไว้ใจ
“มีแผนจะทำอะไรกันแน่”
“นี่! แผนเผินอะไร๊ ฉันก็แค่อยากพูดอยากทำดีๆ กับนาย อย่าทำให้ฉันจี๊ดบ่อยๆ ได้มั้ย” โรสรินรู้ตัว หันหลัง ส่ายหน้า “ไม่ ไม่ ฉันไม่จี๊ด” แล้วหันกลับมาหวานใส่ “วันเนี๊ยะ นายก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันตั้งใจช่วยงานจริงๆ”
“ตั้งใจช่วยจริงรึเปล่าก็ไม่รู้”
“ตั้งแต่เกิด คนอย่างคุณหนูโรสริน ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลยนะ” โรสรินทำงอน “ฉันเฮิร์ทนะ ที่นายทำเหมือนไม่ไว้ใจกัน”
โรสรินเล่นละครส่งสายตาอ้อนวอนตะวันไปเต็มที่ ตะวันมองอย่างไม่อยากจะไว้ใจ ตะวันอยากรู้ว่าโรสรินจะมาไม้ไหน จึงถามหยั่งเชิง
“ผมล่ะซึ้งใจจริงๆ ที่คุณมาอยากช่วยงานขนาดนี้ แต่ขอถามหน่อยเถอะ ไม่ทราบว่า รู้ได้ยังว่าผมตั้งใจรื้อกุหลาบแปลงนั้นทิ้ง”
“ก็ พอรู้ว่าจะต้องมาที่นี่ ฉันก็ต้องหาความรู้เอาไว้อยู่แล้ว กุหลาบแปลงนั้นก็ดอกไม่สวย ดินก็เป็นด่าง ฉันก็เลยอยากปรับหน้าดินให้ใหม่” โรสรินไหลไปได้ดีเกินคาด “นายยังไม่รู้จักฉันดี ถ้านายปล่อยให้ฉันลุยเองตั้งแต่แรก ก็จะเห็นถึงความสามารถที่ซุกซ่อนอยู่”
“งั้นเหรอ ถ้างั้นรู้มั้ยว่าเวลาที่ดีที่สุดในการตัดดอกไม้คือตอนไหน” โรสรินชะงัก
“ฉัน เอ่อฉัน...พอดีว่าเรื่องนี้ คือ ฉัน...”
“ตอนไหน”
โรสรินอึกอักๆ ทำยังไงดี แล้วหันไปเห็นบอร์ดตารางจัดเก็บดอกไม้ แปะที่ผนัง
“ตีห้า กับหกโมงเย็น”
ตะวันชะงัก หันไปมองด้านหลัง มีป้ายบอกเวลาตัดดอกไม้ติดไว้ หันกลับมาหาโรสริน โรสรินทำเป็นหลบตาว่าไม่ได้มองป้ายนะ
“ขอให้คุณรู้ไว้ว่าความไว้ใจ มันไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาง่ายๆ” ตะวันบอกแล้วจะเดินไป โรสรินไม่ยอมแพ้
“ทำไมถึงตั้งแง่กับฉันขนาดนี้ ทำงานให้ก็แล้ว พูดดีด้วยก็แล้ว นายจะให้ฉันทำยังไงอีก” โรสรินหันไปเห็นกรรไกรตัดกิ่งหยิบมาเลย “ฉันจะไปตัดดอกไม้เวลาที่นายบอกว่ามันดีที่สุด” โรสรินจะเปิดปากกรรไกร แต่มันติดตัว
ล็อคอยู่ “โอ๊ย ทำไมมันไม่ออกล่ะ” โรสรินงัดมั่วไปมั่วมา
“เฮ้ย เดี๋ยวก็โดนบาดหรอก”
โรสรินตกใจ อยู่ๆ ปากกรรไกรก็เด้งออกเต็มแรง
“ว๊ายยย” โรสรินมองมือตัวเอง หน้าเหยเก “ไม่ มันไม่เดี๋ยวแล้ว”
มือโรสรินหลบคมกรรไกรไม่ทัน เลือดซิบ เสียงร้องของโรสรินดังสนั่นโรงเก็บอุปกรณ์
ตะวันวางกล่องอุปกรณ์ทำแผลลง แล้วหันไปส่ายหัวให้โรสรินที่กุมนิ้วตัวเองอยู่มีเลือดซึมออกมา
“ไม่เอาไหนแล้วยังจะอวดเก่ง”
โรสรินน้ำตาไหลด้วยความเจ็บ มองตะวันอึ้ง
“เจ็บตัวจนน้ำตาไหลพราก ยังจะว่าฉันอีกเหรอ”
“ก็แค่แนะนำ ไหนดูซิ” ตะวันจับมือโรสริน มองที่บาดแผลสายตาห่วงๆ “โธ่เอ๊ย แค่แมวข่วนเอง”
“แผลขนาดนี้ เสือตะปบชัดๆ ฉันไม่ได้หนังหนาเหมือนนายนะ” ตะวันจับมือโรสรินไปใกล้ๆ หน้าตัวเอง โรสรินอึ้ง “จะทำอะไร”
ตะวันจับมือโรสรินขึ้นมา เป่าเพี้ยง แล้วยิ้มให้โรสริน
“เดี๋ยวก็หายแล้ว”
โรสรินชะงักกึ้ก ไม่อยากจะเชื่อว่าตะวันจะทำตัวน่ารักแบบนี้
“ไม่ต้องมาเป่าเพี้ยง ฉันไม่ใช่เด็กๆ นะ”
ตะวันหยิบแอลกอฮอล์ที่มีอยู่ มาใส่สำลี แล้วหันกลับมา เอาโป๊ะใส่มือโรสรินเลย โรสรินจ๊ากลั่น ตะวันยิ้ม
“เอ้า ร้องทำไมไหนบอกว่าไม่ใช่เด็กๆ” โรสรินน้ำตาซึม
“ทำแบบนี้กับฉันได้ไง ฉันเจ็บนะ”
“แล้วอยากจะให้มือสวยๆ เป็นบาดทะยักรึเปล่าถ้าติดเชื้อมากๆ ถึงขั้นตัดนิ้วไม่รู้ด้วย แต่ถ้าไม่อยากให้ผมช่วย ก็แล้วแต่คุณ”
โรสรินเหวอ ตะวันหันหลังจะเดินไป โรสรินดึงชายเสื้อตะวัน
“เดี๋ยวก่อน” โรสรินยื่นมือให้ แม้จะกลัวจนตัวสั่น “อ่ะ”
“อดทนหน่อย ไม่เจ็บขนาดนั้นหรอกน่า”
ตะวันเอาแอลกอฮอลล์มาล้างแผลให้ต่อ โรสรินเจ็บสุดๆ แต่กลั้นไว้ มืออีกข้าง เผลอจับแขนตะวันไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว ตะวันมองดูโรสรินที่กลัวเหมือนเด็กๆ กลับใจอ่อนยวบอย่างไม่รู้ตัว
“ล้างแผลเสร็จ เดี๋ยวใส่ยาแดงก็หายแล้ว”
ตะวันหยิบยาแดงมาใส่ต่อให้ โรสรินไม่พูดไม่จา หลับตาปี๋ไม่อยากมอง จับตะวันแน่นเหมือนเด็กหาที่พึ่ง ตะวันลอบมองโรสริน รู้สึกเหมือนกำลังดูแลเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ทั้งขำแล้วก็ทั้งอบอุ่นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
พีระฮึดฮัดมาก ๆ เดินตามโรสรินมาถึงหน้าห้อง
“โอ้โห มันจี๊ดส์แทน ผมจะฆ่ามัน มันกล้าทำให้โรซี่มีแผล”
“เค้าทำที่ไหนเล่าพี่พี เค้าทำแผลให้โรสต่างหาก”
“แต่มันก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวโรซี่ แม้แต่ปลายเล็บ”
“พี อุษา ออกไปกันก่อนเหอะ วันนี้โรสเหนื่อยมาก อยากพัก”
โรสรินเข้าห้องประตูปิดใส่หน้า พีระกับอุษาวดีที่อยู่หน้าห้องจ๋อยๆ
“บอกแล้วว่าให้ใจเย็นๆ เป็นไงล่ะ”
พีระฮึด ไม่ยอมแพ้
“ไม่เป็นไงนี่ เดี๋ยวโรซี่จะต้องได้รับรู้ถึงความห่วงใยของพี่ พี่จะช่วยเค้าสืบเรื่องอีกแรง”
“ช่วยสืบ แล้วพี่พีจะทำยังไง”
“ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่เดี๋ยวก็ต้องรู้ล่ะน่า”
พีระมุ่งมั่นต้องทำให้ได้
ตะวันนั่งตรวจงานเอกสารต่างๆอยู่ แล้วเหลือบไปเห็นรอยเปื้อนยาแดงที่มือเลยพลอยนึกถึงโรสริน
โรสรินเจ็บสุดๆ แต่กลั้นไว้ มืออีกข้างเผลอจับแขนตะวันไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว ตะวันมองดูโรสรินที่กลัวเหมือนเด็กๆ กลับใจอ่อนยวบอย่างไม่รู้ตัว
“ล้างแผลเสร็จ เดี๋ยวใส่ยาแดงก็หายแล้ว”
ตะวันหยิบยาแดงมาใส่ต่อให้ โรสรินไม่พูดไม่จา หลับตาปี๋ไม่อยากมอง จับตะวันแน่นเหมือนเด็กหาที่พึ่ง
ชาญพรวดไปหาหลานชาย
“นั่งใจลอย คิดถึงสาวเหรอวะ”
ตะวันยังเคลิ้มอยู่หันมายิ้มให้ชาญ ก่อนที่จะรู้สึกตัวปั้นหน้าซีเรียส
“สาวเสิวที่ไหนล่ะปู่ เห็นมั้ยทำงานอยู่เนี่ย” ตะวันรีบทำงานต่อ ชาญจับปากตะวัน
“อั๊นแน๊ ปากแข็งซะด้วย เมื่อกี๊แกเคลิ้มเลยนา”
ตะวันไม่สนใจตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ ชาญยิ้มกับฟอร์มของหลาน
โรสรินอยู่ในชุดนอน มองดูแผลที่ตะวันทำให้แล้วอมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อคิดถึงคอนที่ตะวันทำแผลให้
ตะวันจับมือโรสรินไปใกล้ๆ หน้าตัวเอง โรสรินอึ้ง
“จะทำอะไร”
ตะวันจับมือโรสรินขึ้นมา เป่าเพี้ยง แล้วยิ้มให้โรสริน
“เดี๋ยวก็หายแล้ว”
โรสรินยังอมยิ้มอยู่ แต่ก็พลันนึกได้
“อะไรๆ โรสริน ยิ้มทำไม นึกถึงเค้าทำไม หยุดเดี๋ยวนี้เลย” โรสรินบ่นตัวเอง ไม่ให้คิดถึงตะวัน “เฮ้อ ขนาดแอ๊บทำดีด้วยก็ยังไม่ได้เรื่องอะไร แล้วจะสืบได้เรื่องเมื่อไหร่เนี่ย”
โรสรินตลบตัวเองลงในผ้าห่ม นาฬิกาติดผนังในห้องโรสรินเป็นเวลาสี่ทุ่ม
นาฬิกาติดผนังในห้องโรสรินเป็นเวลาตีสี่ โรสรินนอนหลับปุ๋ยทันใดมีเสียงเคาะประตูดังลั่น ปังๆๆ โรสรินพลิกตัวเอาหมอนมาปิดหู แต่เสียงเคาะก็ยังดังต่อเนื่อง ปังๆๆ โรสรินทนไม่ไหว
“โอ๊ย มันอะไรกันเนี่ย กี่โมงกี่ยามกันแล้วรู้มั้ย”
โรสรินงัวเงียลุกเดินไปเปิดประตูพลั๊วะ ตะวันยืนมาดนิ่งอยู่ในชุดพร้อมทำงาน
“นาย” โรสรินหันไปมองนาฬิก “ฝัน ใช่ เครียดเกินจนเก็บมาฝัน”
โรสรินจะกลับไปนอนต่อ ตะวันดึงข้อมือโรสรินไว้
“นี่มันไม่ใช่เวลามานอนแล้ว” ตะวันโน้มไปใกล้ “แต่ว่าเป็นเวลา...”
“ปล่อยฉันนะ” โรสรินดิ้น ทุบ จิก ทึ้งตะวัน “ไอ้หูดำ บ้ากาม ลามก”
ตะวันเขย่าโรสรินให้หยุด
“หยุดเพี้ยนซะที ตกลงยังอยากช่วยงานอยู่อีกรึเปล่า”
“หมายความว่าไง”
“ความจำสั้นจริงนะ ก็เมื่อตอนเย็น คุณอยากได้โอกาสแก้ตัวไม่ใช่เหรอ”
โรสรินยังเหวอๆ อยู่ โรสรินดึงตะวันไว้
“นี่ นี่ตกลง นายยอมไว้ใจฉันแล้วเหรอ”
“ขึ้นอยู่กับคุณว่าทำให้ผมเชื่อใจได้รึเปล่า อีก 5 นาทีเจอกันที่หน้าโรงดอกไม้”
แล้วตะวันก็เดินออกไปเลย โรสรินครุ่นคิดแล้วยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“เยส แล้วนายจะได้รู้พิษสงที่แท้จริงของฉัน”
หน้าโรงเรือนดอกไม้ โรสรินหน้าง่วงมากสะลึมสะลือ สะโหลสะเหล ลืมตายังแทบจะไม่ขึ้น ตะวันเดินเข้ามายัดแก้วน้ำใส่มือโรสริน
“ดื่มซะ จะได้ดีขึ้น”
โรสรินเบลอๆ ก็เลยยอมทำตามสั่ง ดื่มไปหนึ่งอึกแล้วก็ตาโตดึ๋ง หน้าเหยเกเปรี้ยวสุดใจขาดดิ้น
“อ๊ายยย นี่นายเอายาพิษให้ฉันกินเหรอ”
“อย่าเว่อร์ ก็แค่น้ำมะนาวเพียวๆ คั้นสดๆ ไง ตื่นแล้วใช่มั้ย”
“แล้วถ้ามันกัดกระเพาะ ฉันตายไปจะว่าไง”
“โธ่ คุณ ไม่มีใครตายเพราะกินน้ำมะนาวหรอก เฮอะ”
โรสรินเห็นตะวันเผลอก็ยื่นแก้วกรอกปากตะวันให้กินน้ำมะนาวซะเลย ตะวันหน้าเหยเก เปรี้ยวไปถึงไส้ติ่ง โรสรินยิ้มสะใจได้เอาคืน
“นี่คุณ”
“ไม่มีใครตายเพราะกินน้ำมะนาวหรอกน่า”
“ผมจะพาคุณไปดูงานในไร่ งานของเราจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้ทุกวัน คุณจะต้องดู ฟัง และลองทำให้เป็น ตามผมมา”
ตะวันเดินออกไป หน้าตะวันยังไม่หายเปรี้ยวโรสรินอมยิ้มสะใจ
ตะวันตระเวนพาโรสรินไปสอนงานตามจุดต่างๆ ของไร่ดอกไม้ ที่โรงกล้วยไม้ตะวันสอนวิธีใช้ฟ้อกกี้ฉีดรดน้ำกล้วยไม้ที่แขวนไว้อย่างทะนุถนอมและสั่งให้โรสรินสังเกตวิธีการ โรสรินบ่นเบาๆ ไม่ให้ตะวันได้ยิน
“ฉันล่ะเกลียดดอกกล้วยไม้ที่สุด ได้กลิ่นก็จะ...” โรสรินทำท่าอ้วก โรสรินครุ่นคิดแล้วอมยิ้มเจ้าเล่ห์
ภาพความคิดของโรสริน โรสรินแอบหยิบขวดยาที่มีตรารูปหัวกระโหลกไขว้มาเติมใส่ฟ๊อกกี้ ยิ้มร้าย หึๆๆๆ แล้วฉีดยาพิษเข้าหน้าตะวันกรีดร้องและล้มลง โรสรินหัวเราะอย่างสะใจ
ปัจจุบัน ตะวันสะกิดโรสรินที่ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ตื่นจากภวังค์
“ยิ้มอะไร” ตะวันยื่นฟ้อกกี้ให้ “ทำงาน”
โรสรินไม่อยาก แต่ต้องข่มใจ ยื่นมือรับป๊อกกี้มา ตะวันคอยจิกอยู่ด้านหลังว่ารดไม่ค่อยโดนเลย อย่างงั้นอย่างงี้ โรสรินอดทนๆๆ โรสรินกำหมัด บอกตัวเอง
“สืบ เราทำเพื่อสิ่งนั้น ทนไว้ๆๆ”
ที่ไร่กุหลาบ ตะวันสอนวิธีตัดดอกไม้ให้สดและไม่ช้ำ จ้ำจี้จ้ำไชโรสรินให้ทำ อย่างมัดทะแมง จับอุปกรณ์ให้ถูกต้อง โรสรินมองไปทางตะวันแล้วยิ้มร้ายๆ
ภาพความคิดของโรสริน โรสรินง้างกรรไกรขึ้นถือกรรไกรวิ่งเข้าหาตะวัน ฉับ ฉับ ฉับ ฉับ ตะวันถูกตัดเสื้อผ้าแหว่งวิ่นไม่เหลือสภาพ โรสรินยังไม่สะใจ ง้างกรรไกรวิ่งเข้าไปหาตะวันอีกครั้ง คราวนี้นายตาย
ปัจจุบัน โรสรินยิ้มสะใจในความคิดของตัวเอง แต่ ป๊อก ตะวันดีดนิ้วใส่หน้าผากโรสริน
“โอ๊ย ก็แค่เหม่อ พูดกันดีๆ ก็ได้นี่นา”
“ตั้งใจดู ฟัง จำ หน่อยสิคุณ ถามจริง มัวคิดอะไรอยู่”
“เปล๊า”
“เอ้า ลองตัดดอกกุหลาบดู อย่าให้ช้ำล่ะ เข้าใจมั้ย”
แล้วตะวันก็เดินไปนั่งมองดูอย่างไม่ให้คลาดสายตา
“สั่งได้สั่งดี คอยดูเหอะ ถ้าตายใจเมื่อไหร่ฉันจัดชุดใหญ่ให้แน่”
แล้วโรสรินก็ตัดดอกกุหลาบใส่ตะกร้า ตะวันมองยิ้มๆ
“ยัยคุณหนูตัวร้าย ก็เชื่องได้เหมือนกันแฮะ”
ที่โรงเรือนดอกไม้ เสียงตะวันดังลอดออกมา
“มันก็สำคัญไปหมดนั่นแหละ”
ตะวันตัดแต่งกิ่งก้านของดอกไม้ที่ใบทึบ ให้ใบมีความโปร่ง เล็มไป พูดกับโรสรินไป โรสรินกระแซะอยู่ใกล้ๆ
“แต่มันต้องมีสิ่งที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมดในไร่นี้”
“รดน้ำ ใส่ปุ๋ย พรวดดินต้นไม้ก็สำคัญ การเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับปลูกและเพาะกล้าก็สำคัญ การตัดแต่ง เล็มกิ่งก้านนี่ก็สำคัญ การรักษาอุณหภูมิ ดูแสง ดูความชื้น ป้องกันแมลงและโรคก็สำคัญ”
“ก็รู้ แต่อะไรล่ะ ที่สำคัญที่สุดสำหรับนาย”
ตะวันชักแปลกใจ
“ผมว่าคุณสนใจ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก่อนดีกว่า ไปหยิบกรรไกรตรงโน้นมา แล้วมาหัดตัดนี่”
โรสรินเซ็ง หลอกถามไม่สำเร็จ เดินไม่ระวังหัวโขกกับชั้นหรือเสาอะไรสักอย่าง
“โอ๊ย” โสรินถึงกับเซจะล้ม ตะวันปราดเข้ามาพยุงไว้
“ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย โอเคมั้ย”
“โน้ว”
“ใช่ แล้วหัวก็โนด้วย เฮ้อ” ตะวันดูหน้าผากโรสรินเห็นเป็นรอยแดง ก็นวดให้ “เจ็บมากมั้ย”
ตะวันบ่นๆ พลางนวดหน้าผากให้โรสริน อย่างเป็นห่วง ตะวันดูแลโรสรินเหมือนดูแลเด็กซุ่มซ่าม โรสรินเจ็บก็ยอมให้ตะวันนวดไปเรื่อยๆ และแล้วทั้งสองคนก็เริ่มรู้สึกอะไรบางอย่าง
เหล่าคนงานแถวนั้นปกติต้องก้มหน้าก้มตาทำงาน ต่างมองมาที่ตะวันและโรสรินเป็นตาเดียว ตะวัน โรสรินชะงัก รีบผละร่างออกจากกัน ตะวันมองกวาดไปที่เหล่าคนงาน ทุกคนรู้ตัว รีบก้มหน้าก้มตากลับไปทำงานดังเดิม ตะวันหันมาส่ายหน้า โรสรินรู้สึกใจในอกมีอาการแปลกๆ อะไรบางอย่าง แต่พยายามไม่สนใจ ตัดดอกไม้ต่อ
“ทำยังไงถึงจะล้วงความลับ หาจุดอ่อนนายตะวันได้นะ”
พีระ อุษาวดี แอบมองน้ำค้างที่กำลังจัดดอกกุหลาบเตรียมส่งขาย
“หึหึหึ ไม่ต้องไปเค้นเอาจากนายตะวันหร๊อก คนอื่นในไร่ก็ต้องรู้” พีระพูดกับอุษาวดี
“แล้วเค้าจะยอมบอกเราเหรอ”
พีระเดินเข้าไปหาน้ำค้าง อุษาวดีเดินตามไป
“อะแฮ่ม” น้ำค้างไม่หันไปมอง “อะแฮ่มๆๆ หูหนวกรึไงแม่คุณ”
น้ำค้างไม่หันมามอง
“คนแถวนี้ไม่มีใครชื่ออะแฮ่ม”
“มุขเยอะจังนะ เออนี่เธอ ฉันถามอะไรหน่อย”
“แถวนี้ก็ไม่มีใครชื่อหน่อย”
พีระต้องข่มอารมณ์
“คุณน้ำค้าง ฉันอยากรู้ว่าที่เนี่ยมันสร้างมานานเท่าไหร่แล้ว แล้ว..อะไรเหรอ ที่นับว่าหัวใจสำคัญของที่นี่”
น้ำค้างหันมาอย่างแปลกใจ
“แล้วคุณจะถามไปทำไม”
“ก็ ก็ ฉันเห็นว่ามันสวยดีไง ฉันก็เลยอยากรู้ ไม่ได้รึไง”
พีระมามุกนี้ น้ำค้างเลยเถียงไม่ออก แต่ยังจ้องพีระไม่วางตาสงสัยว่าหมอนี่ จะมาไม้ไหน
“ฉันน่ะไม่รู้หรอก แต่ถ้าอยากรู้จริงๆ ต้องไปถามคนคนนี้”
พีระ อุษาวดี ยิ้มให้แววตาใสซื่อ
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 2 (ต่อ)
พีระ อุษาวดีมองอาทิตย์ที่กำลังวาดรูประบายสีอยู่ข้างๆ อึ่ง
“ให้ฉันถามเด็กนี่เนี่ยนะ”
“จะได้เรื่องเหรอคะ”
“คุณทิตย์น่ะ ไอคิว160 เลยนะ รู้ทุกเรื่องทุกอย่างในไร่นี้ จริงมั้ย อึ่ง”
น้ำค้างหันไปสบตาอึ่ง แล้วสองสาวก็ขยิบตาส่งซิกกัน
“จริงจ้า ถ้าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับไร่ตะวัน คุณอาทิตย์ตอบได้โม๊ดเลย”
“เข้าประเด็นเลยละกัน ในไร่ตะวันอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
พีระถามอาทิตย์ อาทิตย์ไม่ตอบ สนใจแต่ระบายสี
“แหม ถ้าอยากได้คำตอบจากอาทิตย์ ไม่มีข้อแลกเปลี่ยนหน่อยรึไงจ๊ะ”
“แลกเปลี่ยน” พีระหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา “เอาเท่าไหร่”
“คนในเมือง พูดกันด้วยภาษาเงินอย่างเดียวเลยใช่มั้ย”
“แล้วต้องการอะไรล่ะ”
น้ำค้างยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
อึ่งหัวเราะมีความสุข น้ำค้างหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง พีระหน้ามุ่ยมาก หน้าเลอะไปด้วยสี อาทิตย์วาดหน้าพีระเป็นหน้าแมว
“เต็มที่เลยนะอาทิตย์ น้าเค้ายอมให้วาดหน้าได้ ไม่ต้องกลัวโดนดุนะ”
“ร้องเหมียวๆ ด้วยสิคะ ถ้าถูกใจอาทิตย์ เค้าถึงจะตอบคำถาม”
“แค่นี้ก็เยอะเกินไปจนไม่รู้จะเกินยังไงแล้ว ฉันไม่บ้าทำอะไรแบบนั้นหรอก”
“ตามใจ งั้นก็ไม่ต้องรู้คำตอบ อาทิตย์อย่าตอบคำถามนะ”
“ยอมๆ เถอะพี่พี ไหนๆ ก็ยอมมาซะขนาดนี้แล้ว”
พีระยอมทำท่าแมว
“เมี้ยววว เมี้ยววว หง่าววว”
“เดินแบบแมวด้วยสิ ร้องเฉยๆ ได้ไง”
พีระยอมลงไปเดินแบบแมว น้ำค้างขยิบตาให้อึ่ง อึ่งรีบวิ่งไปโดดคร่อมนั่งที่หลังพีระทันที พีระหลังแอ่น กัดฟันกรอดๆๆๆ น้ำค้าง อึ่งหัวเราะกันอย่างชอบใจ ขณะที่อาทิตย์ไม่ได้ขำกับคนอื่นด้วย
“เพื่อคุณโรสๆๆ อดทนไว้ๆ”
พีระท่องเบาๆ แล้วกัดฟันยอมที่สุดในชีวิต น้ำค้างหัวเราะ ขำกลิ้ง สะใจจริงๆ
โรสรินเดินบ่นอย่างอารมณ์เสียเข้ามา
“นู่นก็สำคัญ นี่ก็สำคัญ แล้วอะไรล่ะที่สำคัญที่สุด”
โรสรินเดินมาเห็นโรงเรือนกล้วยไม้ โรสรินสะดุดตากับป้ายที่เขียนตัวแดงชัดๆ ว่า”บุคคลภายนอกห้ามเข้าโดยเด็ดขาด”
“โรงอื่นไม่เห็นห้าม แต่ทำไม…”
โรสรินครุ่นคิดแล้วเดินเข้าไปใกล้โรงเรือน ตัดสินใจจะผลักประตูเข้าไป แต่ทว่าตะวันเปิดประตูพลั๊วะสวนออกมาพอดี
“เข้ามาทำไม ป้ายก็เขียนบอกว่าห้ามเข้า” ตะวันดุ โรสรินอึ้ง
“หมาแม่ลูกอ่อนรึไงนายเนี่ย ดุทำไม ฉัน ฉันก็แค่ แค่ จะมาหากาบมะพร้าวเพิ่ม เอามาทำปุ๋ยไง”
“ในนี้ไม่มีหรอก เดี๋ยวผมพาไปเอง”
ตะวันล็อกประตู คล้องโซ่ลงกลอนแน่นหนา โรสรินยังมองอย่างสนใจ
“ในนั้นมีอะไรเหรอ”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ ถ้าผมไม่อนุญาต ก็ห้ามเข้า เข้าใจมั้ย”
ตะวันบอกเสียงเฉียบขาดสีหน้าเอาจริงเดินนำและเร่งให้โรสรินเดินตามมา โรสรินยังอดหันไปมองอย่างสงสัยไม่ได้ สีหน้าโรสรินครุ่นคิด
อุษาวดีมองหน้าแมวเหมียวที่อาทิตย์วาดบนหน้าของพีระอย่างเอือมๆ
“อุตส่าห์หลอกถามความลับ แต่ดันโดนแกล้ง จนไม่รู้เรื่องอะไรซะงั้น”
“สามพี่น้องนั่นทำแสบนัก เดี๋ยวมีเอาคืนแน่”
โรสรินเดินยิ้มเข้ามา พีระ อุษาวดีหันไปมอง โรสรินมองหน้าพีระ
“ไม่มีอะไรทำรึไง ถึงวาดหน้าตัวเองเล่นแบบนั้น”
“เรื่องมันยาวน่ะโรซี่ คุณหายไปไหนมา ผมพยายามช่วยคุณสืบเรื่องด้วยนะ”
“ไม่ต้องแล้วล่ะ” โรสรินยิ้ม พีระ อุษาวดีชะงัก “เพราะว่าตอนนี้ โรสรู้แล้วว่าอะไรที่เป็นจุดอ่อนของไร่ นายตะวัน นายเสร็จฉันแน่”
โรสรินสีหน้ามั่นใจสุดๆๆ
ด้านนอกโรงเรือนกล้วยไม้แสนรักของตะวัน โรสริน พีระและอุษาวดีกำลังสุมหัวแอบมองตะวันที่อยู่ข้างใน โรสรินพยามยามหาช่องโหว่แอบมอง
“มองไม่เห็นเลย นายตะวันอยู่ไหนนะ”
“วันนี้สวยกว่าเมื่อวานอีกนะ ขอจูบทีสิ”
โรสริน พีระ อุษาได้ยินแค่เสียง ชะงักกันไป ห๊ะ!
“ชัดเลย มันแอบพาผู้หญิงมาบึ้ดจ้ำบึ้ดแน่ๆ”
“บ้า ไม่ใช่มั๊งพี่พี ถ้าจะทำ เอ่อ…คงไม่มาทำอะไรกันในนี้หรอก มั้ง”
“ชื่นใจ จูบอย่างเดียวไม่พอแล้วขอจับหน่อยนะ”
โรสริน พีระ อุษาชะงักอีกรอบ แค่ได้ยินก็ขนลุก
“ได้ยินมั้ย ทั้งจูบ ทั้งจับ ไอ้นี่มันร้ายจริงๆ นะโรซี่”
โรสรินรับไม่ได้
“ธาตุแท้แตกบึ้ม ทำเป็นวางมาดที่แท้ก็หื่นจัด อี๊”
“ทนไม่ไหวแล้ว ขอเปิดดูหน่อย โห อวบอึ๋มใหญ่มาก จูบแล้วนะ”
โรสรินหน้าร้อนฉ่า เฮ้ย! อะไร เปิดอะไร ใหญ่อะไร โรสรินรับไม่ได้จะร้องออกมา พีระรีบปิดปากโรสรินไว้
“อย่า โรซี่ เดี๋ยวมันรู้ว่าเรามาแอบดู”
โรสรินสลัดพีระออกได้ ด่าเป็นชุด แต่เสียงไม่ดัง
“หื่นกาม ตัณหาจัดแล้วทำมาเป็นสั่งสอนคนอื่น ทุเรศที่สุด”
อุษาวดีจะชะโงกดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น พีระดึงตัวน้องสาวออกมา
“ยัยอุษา เรานี่ก็ โรสแค่นี้ก็รู้แล้วว่าเนี่ย เป็นสถานที่พลอดรักของมัน”
“มิน่าถึงหวงนักหวงหนา ถ้าเราจัดการโรงกล้วยไม้นี่ได้ มันทนโรสไม่ไหวแน่”
“หึหึหึหึ ถูก ปะ ไป วางแผนกันเหอะ”
โรสรินยังฮึดฮัดทำท่าจะไม่ยอมกลับ พีระลากตัวสองสาวออกไป
ภายในโรงเรือนกล้วยไม้แสนรักของตะวัน ตะวันเปิดดูดอกกล้วยไม้ที่โดนใบบังเอาไว้ กล้วยไม้เป็นดอกที่โตมากๆ ตะวันหอมดอกกล้วยไม้อีกทีแล้วยิ้มประทับใจความหอม
“หอมชื่นใจ ใหญ่กำลังดี”
ตะวันเดินไปดูดอกอื่น ทั้งหอมทั้งดม จับอย่างชื่นชม ตะวันมีความสุขม๊าก มาก
ภายในห้องนั่งเล่นบ้านตะวัน ชาญประท้วงอย่างไม่พอใจ น้ำค้างกำลังนั่งสอนการบ้านอึ่งกับอาทิตย์อยู่ เห็นสมุดการบ้านวางอยู่หลายเล่มบนโต๊ะ
“ดูดู๊ เย็นย่ำขนาดนี้ มันยังไม่ออกจากโรงกล้วยไม้อีก มีผู้หญิงสวยๆ อย่างหนูโรสมาอยู่ที่บ้านนี้ทั้งคน ดันสนใจแต่ดอกไม้ใบหญ้า เฮ้อ”
“แล้วจะสนใจเรื่องชาวบ้านเค้าไปถึงไหนจ๊ะปู่” อึ่งพูดขึ้นลอยๆ
“ถึงไหนถึงกันสิวะ” ชาญสะดุ้งโหยง “นังอึ่ง เอ็งว่าใครวะ”
“แทงใจเหรอคะปู่ เด็กมันก็งี้แหล่ะค่ะ พูดในสิ่งที่คิด”
น้ำค้างหันไปกระซิบกับอาทิตย์และอึ่ง
“พี่น้ำค้างก็คิดนะแต่ไม่พูด” ชาญสะดุ้งอีกรอบ
“นังน้ำค้าง ได้ยินนะ”
“ไม่เอาน่าปู่ วันนี้แค่พี่ตะวันยอมสอนงานให้พี่โรสก็เหลือเชื่อแล้ว จะให้พี่เค้าเลิกสนใจโรงกล้วยไม้นั่นน่ะ ปู่ก็รู้ว่ามัน...”
“เป็น-ไป-ไม่-ได้”
“เออ ข้าก็บ่นไปอย่างงั้นเอง ใครๆ ก็ว่ารู้ตะวันมันหวงที่นั่นมาก ใครแตะต้องได้ที่ไหน”
ชาญอดอก ต้องยอมแพ้อย่างฉุนๆ น้ำค้างแอบยิ้มกับความจริงจังของชาญ
ในห้องนอนโรสริน พีระ อุษาวดี โรสรินกำลังปรึกษากัน
“พรุ่งนี้ค่อยเริ่มแผนแต่เช้า แล้วกลางคืนพวกเราจะลงมือ”
“ครั้งนี้จะพลาดไม่ได้อีกเด็ดขาด แยกย้ายได้แล้ว”
โรสรินจะเข้าห้อง พีระขวางไว้
“นอนคนเดียวน่ากลัวจะตาย เปลี่ยวๆ ป่าๆ แบบนี้ อาจจะมีผีก็ได้”
“อย่าเว่อร์ ผีเผออะไร ลองมาสิจะเหวี่ยงเข้าให้”
“แน่ะ ลบหลู่อีกเดี๋ยวก็เจอผีป่าหรอก เพื่อความชัวร์ พีนอนเป็นเพื่อนโรซี่เอง ไป”
พีระทำท่าจะเข้าห้องโรสริน โรสรินจ้องหน้า
“ผีป่าไม่มีหรอก แต่ผีทะเลมีแน่ๆ เดี๋ยวเหอะ อยากให้โรสจี๊ดส์รึไง ห๊ะ”
“ก็คนเค้าเป็นห่วง อย่าจี๊ดส์นะ คนดีของพี”
“กลับไปได้แล้วพีนั่นแหล่ะ ไปเลย” พีระทำท่าจะอ้อยอิ่ง อุษาวดีเลยช่วยดึงตัวพี่ชายออกไป โรสรินรีบปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว “เฮ้อ วุ่นวายจริงๆ”
โรสรินเดินมานั่งที่เตียง แล้วความคิดแว่บขึ้นมา
“ขอจูบทีสิ / ขอสัมผัสหน่อยนะ / โห อวบอึ๋มใหญ่มาก”
โรสรินเอามือขึ้นมาปิดหู แทบทนไม่ได้ อ๊ายยย
“ซ่อนผู้หญิง คนไหนไว้เนี่ย เอ๊า แล้วทำไมเราต้องไปนึกถึงด้วย บ้ารึไง”
โรสรินหงุดหงิดตะวันแล้วยังหงุดหงิดตัวเองที่ดันไปนึกถึงเค้า
ไร่ตะวันยามเช้า ชาญพูดอย่างไม่ถือสามากๆ
“แหมไม่ได้หนีกลับกรุงเทพซะหน่อย แค่ไปตลาดแค่นี้ ทำไมจะไม่ได้ แต่ไปแล้วต้องรีบกลับมานะ”
โรสริน พีระ อุษาวดีดีใจที่ทางสะดวก หันหลังจะเดินออกก็เจอกับตะวันที่ปรี่เข้ามา
“ไม่ได้”
โรสรินลอยหน้าลอยตา
“เสียใจ คุณปู่ของนาย อนุญาตแล้ว”
“แล้วปู่หรือว่าฉันกันแน่ที่ต้องเป็นคนแต่งงานกับคุณถ้าหากว่าคุณหนีออกไปจากไร่ ก่อนครบสัญญา”
“เอ๊ะ นี่นาย”
“แต่อุษากับโรสต้องไปซื้อของใช้ส่วนตั๊ว ส่วนตัวเพิ่มนะคะ” อุษาวดีบอก
“ผมไม่ห้ามก็ได้” ตะวันบอกพร้อมกับจับข้อมือโรสริน “แต่เราต้องไปด้วยกัน”
“อย่ามาโดนตัวโรซี่นะ นั่นแฟนฉัน ปล่อย” พีระตีมือตะวัน ชาญหันไปเห็นแย้ที่หอบปุ๋ยคอกผ่านมาใกล้ๆ ก็ส่งซิกให้แย้ แย้แกล้งเซชนพีระ ปุ๋ยเลอะเต็มตัวพีระ “เฮ้ยๆ แบบนี้มันหาเรื่องกันนี่หว่า”
“ใจเย็นน่า เดี๋ยวปู่ช่วยเอง มามะ” ชาญเอาผ้าขี้ริ้วมาเช็ดให้ เปื้อนหนักกว่าเดิม
“ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย”
พีระ อุษาวดีวุ่นวายอยู่ หันมาอีกทีโรสรินกับตะวันหายไปซะแล้ว ชาญขำกิ๊กกับแย้ก่อนจะหันมาทำหน้าตาไม่รู้เรื่อง
ตะวันจูงข้อมือโรสรินเดินดุ่มๆ มา
“ปล่อยฉันได้แล้ว” โรสรินนึกเรื่องเมื่อวานทำหน้าขยะแขยง “อย่าเอามือสกปรกของนายมาจับฉัน”
“มือสกปรก สกปรกยังไง ผมกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือนะคุณ”
โรสรินสะดุ้งเฮือก กลัวความลับแตก
“ก็ ก็…”
“เออ ลืมไป เมื่อกี๊ไปฉี่ยังไม่ได้ล้างมือแฮะ”
“อ๊ายยย ไอ้บ้าลามก สกปรก”
ตะวันกางมือทำท่าจะแตะโรสริน โรสรินรีบหลบตัวสั่น ตะวันหัวเราะชอบใจที่แกล้งได้ โรสรินเจ็บใจ
ที่ตลาด โรสรินเดินหน้ามุ่ยมาอย่างไม่พอใจมีตะวันขนาบคุมอยู่ไม่ห่าง
“ทำไมต้องตามเป็นเงาขนาดนี้ด้วย ไปห่างๆ ได้มั้ย”
“ถ้าสิงตัวคุณได้ทำไปนานแล้ว รู้ไว้ซะด้วย”
ห่างออกไป 10 เมตร มาลัย มาลีอยู่ที่แผงขายผลไม้ กำลังเต้น ร้องเพลงไปด้วย
“แตงโมแตงโมแตงโม แตงโมลูกโตรสหวาน ใครรับประทาน ถูกอกถูกใจ แตงลูกโตๆ ฉ่ำๆ ดับกระหาย คลายร้อนมั๊ยจ๊ะพี่จ๋า”
“พี่ขอแตง 2 ลูก ลูกใหญ่ๆ แบบเต็มไม้เต็มมือนะจ้ะ”
“จัดให้คร๊าคุณพี่”
มาลัยส่งถุงใส่แตงให้ แล้วหันขวับไปเห็นตะวันเดินมากับโรสรินพอดี มาลัยปล่อยมือ พลั่ก ถุงแตงหล่นใส่เท้าลูกค้า ลูกค้าร้องลั่น
“แม่จ๋า นั่น ยัยโรส ศัตรูหัวใจของฉัน” มาลัยชี้มือให้แม่ดู
“หน็อย ศัตรูเอ็งมันก็เป็นศัตรูแม่ด้วยเหมือนกัน ไปเลยลูก ไปแย่งคุณตะวันมาเดี๋ยวนี้”
มาลัยวิ่งฟุ้บฟั๊บ แหวกคนเดินตลาด คนเข็นผักเดินผ่านมามาลัยกระโดดลอยฟึ่บข้ามรถเข็น เห็นเข่งวางขวางอยู่หลายใบ มาลัยและกระโดดข้ามเข่ง ฟึ่บๆๆ มาโผล่ตรงหน้า มาลัยปราดเข้าไปเกาะแขนตะวันทันที
“พี่ตะวัน พาแม่นี่มากินลมชมตลาดได้ยังไง มาลัยไม่ยอมนะ”
“เธอมาก็ดีแล้ว เชิญอยู่กับแฟนของนายไปเถอะ”
โรสรินวิ่งหนีออกไปทันที ตะวันจะตาม แต่มาลัยฉุดไว้
“เฮ้ย เดี๋ยว อย่าหนีนะ”
ตะวันจะตามโรสรินไป แต่มาลัยกระโดดขี่หลังตะวันหมั่บ ไม่ยอมให้ไปไหน
“จะไปยุ่งกับเค้าทำไม ไม่ได้ยินเหรอว่าเค้ายกพี่ให้ฉันแล้วนะ”
“คุณโรส เสร็จแล้วมาเจอผมที่รถห้ามเกินสิบโมง ได้ยินมั้ย”
โรสรินวิ่งออกไปไกลแล้ว หันมายิ้ม
“ไม่มีใครขวางฉันได้แล้ว นายตะวัน ทีนี้แหละ! หึหึหึ”
ร้านเฟอร์นิเจอร์ในตลาด เดชาขยี้เช็คแล้วปาลงกับพื้น ล่ำตบหน้าเถ้าแก่อย่างแรงจนล้มไป
“แกกล้าทำเช็คเด้งใส่หน้าฉันเหรอ”
ล่ำ และแหลมเข้าไปกระชากเถ้าแก่ลุกขึ้น
“พวกลื๊อจะทำอะไร อั๊วะ อั๊วะเรียกตำรวจนะ”
“คิดว่าตำรวจทำอะไรฉันได้วะ ลืมแล้วเหรอว่าฉันลูกใคร ถ้าแกยังลูกเล่นอีก” เดชาชูปืนขู่ “ได้กินลูกปืนแน่” แหลมใช้ด้ามปืนตบเถ้าแก่อีกที เถ้าแก่กระเด็นไป “วันนี้แค่เตือน แต่วันหน้าถ้าคิดยังไม่ซื่อ ตาย”
เดชาเดินเหวี่ยงออกมา มีล่ำแหลมตาม กำลังจะเดินไปทางหนึ่งแล้วต้องชะงักเมื่อเห็นโรสรินเดินสวนไปอีกทาง ท่าทางระแวดระวังตัว เดชาหันมองไปทางโรสรินแล้วยิ้ม
หน้าร้านขายของเกษตร พ่อค้าเดินหอบถุงใส่ของตามโรสรินออกมา ของภายในถุงห่อด้วยหนังสือพิมพ์ดูมิดชิด
“หนูจ๊ะ ให้ลุงขนของไปไว้ที่ไหน”
โรสรินครุ่นคิด
“ถ้าไว้ที่รถนายตะวันก็ต้องรู้สิ”
“ว่าไงล่ะหนู”
“โอ๊ยย เดี๋ยวสิลุง ขอใช้สมองก่อน”
พ่อค้าผงะอย่างกลัวๆ
“ขนเองแล้วกัน” พ่อค้าวางถุงลงแล้วเดินไปเลย โรสรินเดินตาม
“อ้าว นี่ เดี๋ยวสิ จะให้ขนไปเองได้ยังไงล่ะ”
โรสรินเซ็งสุดๆ แต่พอหันกลับมาต้องชะงัก เมื่อเห็นเดชายืนถือถุงใส่ของให้โรสริน เดชาแหวกดูของในถุงแล้วก็แปลกใจ
“ยาฆ่าหญ้า นี่มันของต้องห้ามในไร่ตะวัน”
“โธ่เอ๊ย แบบนี้ก็ยิ่งเอาเข้าไปในไร่ไม่ได้น่ะสิ”
เดชาคิด ยิ้มร้ายรู้ว่าโรสรินมีแผน
“ใช่ครับ คุณไม่มีทางเอาไอ้นี่เข้าไปได้แน่ๆ”
“แต่ฉันจำเป็นต้องใช้มัน”
“ถ้างั้น คงต้องให้ผมช่วยแล้วล่ะ”
โรสรินมีสีหน้าครุ่นคิด เอาไงดี
ตะวันอยู่ที่แผงขายผลไม้ ตะวันดูนาฬิกาข้อมือ ใกล้สิบโมงแล้ว มาลัยพยายามป้อนผลไม้ให้ตะวัน มืออีกข้างเกาะแน่นหนึบ เอาขาเกี่ยวด้วย
“แม่จ๋า ช่วยกันหน่อย”
“สัปปะรดหวานๆ ฉ่ำๆ จ้ะ ว่าที่ลูกเขย”
มาลีจิ้มสัปปะรดจะป้อนให้ตะวัน ตะวันส่ายหน้า
“ชาติที่แล้วเป็นตุ๊กแกรึไง ทำไมเกาะหนึบขนาดนี้”
“ถ้าปล่อยให้หลุดมือ ก็โดนยัยคุณหนูโรสงาบไปหม่ำน่ะสิ มาลัยไม๊ยอม”
“มาลัย พี่ต้องกลับไร่แล้ว” ตะวันบอกเสียงเข้ม
“หือ มาแป๊บเดียวเอง ยังไม่หายคิดถึงเลยอ่ะ” ตะวันหน้าซีเรียส มาลัยทำแก้มป่อง ยื่นให้ “ถ้าอยากไปก็หอมเค้าก่อน”
“มาลัย”
“ดีลูกจ๋า ถ้าไม่หอมก็อย่าให้หนีไปได้”
“อยากได้หอมใช่มั้ย ได้”
ตะวันกลั้นใจ มาลัยมีความสุข แต่พอลืมตามองดีๆ สะดุ้งโหยง หอมหัวใหญ่ถูกยื่นมาแปะแก้ม
“น่ารักที่ซู๊ด เย้ยย ไม่ใช่หอมงี้อ่ะ”
ตะวันฉวยโอกาสตอนมาลัยกำลังเผลอรีบชิ่งออกมาทันที ก่อนที่เสียงกรี๊ดของมาลัยจะไล่หลังมา
“พี่ตะวั๊น กลับมาก๊อนนน จะเอาหอมพี่ตะวัน ไม่ใช่หัวหอม ฮึ๊ย”
ตะวันเดินมองซ้ายขวามองหาโรสริน และพลันตะวันก็ชะงักไป เมื่อเห็นโรสรินกับเดชายืนอยู่ใกล้กันดูยุกยิกมีพิรุธแถวท้ายรถกระบะของตะวัน เดชายื่นถุงใส่ของบางสิ่งให้โรสริน แล้วสักพักเดชากระซิบกระซาบอะไรโรสรินบางอย่าง ก่อนที่จะเดินออกไป
“ยัยโรส เดชา คิดจะทำอะไร”
โรสรินรีบยัดถุงใส่ท้ายรถตะวันซึ่งมีผ้าใบปิดท้ายกระบะอยู่ สักพักตะวันเดินเข้ามาจากด้านหลัง
“อะไรน่ะ” ตะวันแหวกเข้าไป “ไหนดูซิ”
โรสรินโต้ตอบอัตโนมัติขวางไม่ให้ตะวันดู ตะวันไปขวาก็ดักขวา ไปซ้ายก็ดักซ้าย
“ไม่มี๊”
“นิสัยไม่ดีแล้วยังขี้โกหกอีกนะ”
ตะวันรวบตัวโรสรินไปข้างๆ รีบเปิดผ้าใบดู ท้ายกระบะมีถุงผ้าวางอยู่ ตะวันกระชากมาถือไว้ทันที
“นี่ ไม่มีมารยาท นั่นเดชาเค้าอุตส่าห์ซื้อให้ฉันนะ เอาคืนมา”
“อ๋อ นี่รู้จักสนิทสนมกันแล้วเหรอ คิดอะไรถึงไปยุ่งกับไอ้คนแบบนั้น”
“แบบไหน ยังไงเค้าก็ไม่นิสัยแย่ บ้าอำนาจเหมือนนายหรอก” ตะวันไม่สนล้วงมือดึงของในถุงออกมาดูปรากฏว่าเป็นชุดสวยๆ หลายชุด “ขอโทษนะ พอดีว่าอยู่เฉยๆ ก็สวย ผู้ชายก็อยากซื้อของให้”
ตะวันทำท่าจะไม่คืนชุดให้โรสริน
“ไร่ตะวัน ไม่มีเวทีเดินแบบ ไม่ต้องแต่งตัวสวยไว้อวดใคร”
โรสรินคว้าถุงชุดเดรสในมือตะวันทันที
“ฉันมีชุดเน่าๆ เก่า ของนายแค่สองชุด ยังมีหน้ายึดอีกเหรอ เดี๋ยวเหอะ” โรสรินกระชากถุงเสื้อมาได้ “ฉันเสร็จธุระแล้ว กลับกันได้รึยัง”
โรสรินหันหลังจะไป ตะวันมองอย่างสงสัย
“เดี๋ยว” ตะวันคว้าแขนโรสรินไว้ “แล้วไหนว่ามาซื้อของสำคัญ”
“ก็...” โรสรินดูมีพิรุธ ตะวันเห็นถุงเล็กๆ อีกถุงในมือโรสริน
“ในนี้ซ่อนอะไรเอาไว้” ตะวันเข้ามาดึงถุงเล็กจากมือโรสริน
“นายไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะ ฉันจะฟ้องปู่นายด้วย”
“เชิญ”
“ถ้าไม่มีอะไรนายต้องขอโทษฉันห้าสิบคำ”
“ได้ ให้ห้าร้อยคำเลย” ตะวันเปิดถุงออกมาเจอบางอย่าง “ไหนว่าไม่มี แล้วนี่อะไร”
ตะวันดึงของในถุงออกมาดูปรากฏว่าเป็นชุดชั้นใน
“เต็มตาแล้วใช่มั้ย” โสรินรีบเก็บเข้าไปไว้ในกระเป๋าถือ “ถ้านายไม่ขอโทษฉัน ฉันจะแฉความลามกของนายกับทุกๆ คน”
ตะวันเหวอไป เจอไม้นี้เข้า โรสรินยิ้มอย่างสะใจ
ภายในรถตะวัน ระหว่างทางกลับไร่ โรสรินยิ้มสะใจได้ที ข่มได้ข่มเอา
“กระซิบกระซาบอะไร ไม่ได้ยิน ดังๆ สิ”
“ขอโทษครับ”
“นี่ แค่คำที่ร้อยสิบเจ็ด เสียงก็เริ่มจะเบาแล้วนะ”
ตะวันเค้นเสียงอย่างแค้น
“ขอโทษครับ ขอโทษครับ ขอโทษครับ”
“ยังเหลืออีกสามร้อยแปดสิบคำ จัดมาให้มันไวๆ”
ตะวันสุดจะแค้น แต่ต้องยอม โรสรินแอบโล่งอก
“ดีนะ ความไม่แตก”
รถตะวันแล่นไปบนถนน มีเสียง “ขอโทษครับๆๆๆๆ ” ดังลอดออกมาตลอดทาง
แย้ยื่นขวดยาน้ำจิบแก้เจ็บคอให้ตะวัน ตะวันดูกลืนน้ำลายลงคอลำบาก
“อ่ะ ยาแก้เจ็บคอ”
“เออ ขอบใจ”
ตะวันเปิดฝาทำท่าจะจิบ
“แล้วนี่ไปร้องคาราโอเกะที่ไหนมา เสียบแหบเสียงแห้ง”
“ไปๆ ไปทำงาน ถามซอกแซ่กอยู่ได้”
ตะวันเตะตูดแย้ให้เดินออกไป แย้ยอมเดินออกไป แล้วตะวันก็เปิดขวดยาจะจิบยา แต่พอหันไปก็ต้องชะงัก สำลักพรวดไอแค่กๆ ทันที เพราะเห็นโรสรินอยู่ในชุดเดรสที่เดชาซื้อให้ สวยสง่าออร่ามากๆ โรสรินหมุนตัวพลิ้วๆ โชว์ตะวัน
“ขอโทษนะที่ความสวยของฉันทำนายสำลัก ชุดของเดชาเก๋ดีนะ นายว่ามั้ย”
“นี่ไม่ใช่ชุดทำงาน กลับไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”
โรสรินลอยหน้าลอยตา
“เพิ่งซักยังไม่แห้ง ฉันจะใส่ชุดนี้ ชุดที่คนใจดีอย่างเดชาซื้อให้ มีปัญหาอะไรมั้ย”
“คำก็เดชา สองคำก็เดชา ถ้าคุณรู้จักเค้าเหมือนที่ผมรู้จัก ผมเชื่อว่าคุณต้องเผาไอ้ชุดนี่ทิ้งแน่”
“นายนี่มันใจคับแคบเอาแต่คิดไม่ดีกับคนอื่น ฉันไม่เห็นว่าเค้าจะร้ายกับฉันตรงไหน”
ตะวันเดินเข้าไปใกล้ๆ
“ผมเตือนคุณแล้วนะ อยู่ห่างๆ นายนั่นไว้”
โรสรินเชิ่ดหน้า สะบัดหน้าใส่อย่างไม่สนแล้วเดินออกไป ตะวันมองตามอย่างรู้สึกเป็นห่วง
รั้วด้านหนึ่งของไร่ตะวัน โรสรินเดินเข้ามา มองซ้าย ขวา เห็นว่าไม่มีใครเดินตามมา ที่มุมหนึ่ง เดชา ล่ำ แหลม เปิดรั้วเข้ามา ล่ำ แหลมถือถุงใส่ยาฆ่าหญ้ามาด้วย เดชาเห็นโรสรินในชุดที่เขาซื้อให้
“นั่นมันชุดที่เสี่ยซื้อให้นี่ครับ”
“มีใจชัวร์ๆ”
เดชาแอบชอบใจ แต่รีบทำเก๊ก ถองศอกใส่แหลมก่อนเดินเข้าไปหาโรสริน โรสรินหันไปเห็นเดชาเดินเข้ามา ล่ำแหลมยื่นถุงใส่ยาฆ่าแมลงให้โรสริน
“ขอบใจนะ ที่อุตส่าห์เป็นธุระให้”
โรสรินเดินหนีทันที เดชารีบฉวยมือโรสรินไว้ โรสรินชะงัก มองที่มือ เดชารู้จากสายตาว่ายังไม่ถึงเวลาจึงปล่อยมือออก
“ไม่นึกว่าคุณจะรีบร้อนขนาดนี้ ไม่คิดจะตอบแทนกันบ้างเหรอ”
“ก็เห็นคุณบอกว่า ยินดีที่ได้ช่วยเหลือฉัน”
“ก็ใช่ครับ แต่ผมคงจะยินดีมากขึ้น ถ้าได้รับประทานอาหารกับคุณสักมื้อ”
เดชาขอกันตรงๆ โรสรินเห็นแววตาที่มุ่งมั่นแกมบังคับของเดชาก็ตัดรำคาญ เดชาจ้องตาอย่างไม่อยากให้โรสรินปฏิเสธ
“ก็ได้แต่หลังจากที่ฉันเสร็จธุระก่อน”
“ถือว่าเป็นคำสัญญานะครับ”
โรสรินยักไหล่เชิ่ดๆ เดชายิ้มอย่างพอใจ แล้วเดชา ล่ำ แหลม เปิดรั้วเดินออกไป โรสรินเบ้หน้า
“ฝันไปเหอะย่ะ”
ไม่นานนักพีระกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา
“โรซี่ เรียบร้อยดีมั้ย คุณได้ของมารึเปล่า”
“ไม่พลาดอยู่แล้ว เริ่มแผนของเราได้เลย”
พีระหยิบแกลอนยาขึ้นมา
“คืนนี้แหละไอ้นายตะวัน”
จบตอนที่ 2