พรมแดนหัวใจ ตอนที่ 4
จีรณะยืนหน้าเครียดอยู่ มองเอื้องในห้องขัง เห็นเอื้องเอาแต่ร้องไห้เช็ดน้ำตาป้อยๆ
“ฉันคงช่วยเหลืออะไรเธอไม่ได้แล้ว คนทำผิดต้องชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อขึ้น”
เอื้องคร่ำครวญ “แล้วใครจะชดใช้กรรมที่ทำกับเอื้องล่ะคุณจี เอื้องถูกพ่อแม่ส่งตัวมาให้แม่เลี้ยงโขกสับสารพัด เพื่อขัดดอกเบี้ยเงินกู้ เอื้องต้องพลัดพรากจากพ่อแม่พี่น้องมาตั้งแต่เด็กๆ เอื้องทำไปเพราะต้องการแก้แค้นแม่เลี้ยงแค่นั้นเอง”
“ไม่มีเหตุผล นี่ไม่ใช่ข้ออ้างของคนที่จะทำผิดกฎหมาย”
โสภิตเข้ามากับดาบม้วน สบตากับจีรณะเย้ยๆ แวบหนึ่ง จีรณะอึ้งหลบตา
“เอื้องสารภาพเรื่องลักทรัพย์ แต่เรื่องถูกข่มขืนก็เป็นอีกเรื่อง” ดาบม้วนบอก
โสภิตจ้องหน้าเอื้อง “เอื้องพูดความจริงกับฉันพี่ยศข่มขืนเธอจริงๆ เหรอ”
เอื้องหลบตา เช็ดน้ำตา “ถ้าเธอรับว่าแจ้งความเท็จ ฉันจะดูแลเรื่องคดีให้เธอเอง เธอจะได้กลับบ้าน...”
จีรณะฉุน “อ้าว...ทำอย่างนี้ก็กดขี่ทางเพศ ดูถูกเพศเดียวกันสิคุณ อยู่ๆ จะให้เอื้องรับผิดคนเดียว”
โสภิตหันมาโต้ “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเพศ มันเป็นเรื่องของข้อเท็จจริง ผู้ชายหรือผู้หญิงก็เหมือนๆ กัน มีเหตุผล มีเหตุจูงใจให้ทำความผิดเหมือนๆกัน จะมามองว่าเป็นผู้หญิงแล้วต้องอ่อนแอถูกรังแกฝ่ายเดียวมันก็ไม่ถูก ผิดก็ต้องว่าผิดถูกก็ต้องว่าถูก”
จีรณะยัวะ “พูดความจริงเลยเอื้อง เธอถูกนายยศข่มขืนจริงๆรึเปล่า ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ฉันจะหาทนายมาช่วยเธอเอง”
เอื้องชักลังเลโสภิตดูออก พยายามหว่านล้อม “ถ้าเธอรับว่าเธอกับพี่ยศได้เสียกันด้วยความยินยอมพร้อมใจ ฉันจะยกหนี้สินให้พ่อแม่เธอทั้งหมด ให้ค่าทำขวัญเธอเป็นทุนไปทำมาหากินที่บ้าน ถ้าเธอท้องกับพี่ยศ ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่าง แต่ถ้าเธอยังยืนยันจะดำเนินคดีกับพี่ยศ เราก็ไปว่ากันในศาล ตามพยานหลักฐานที่มี”
จีรณะฟังแล้วอึ้งมองเอื้องเป็นเชิงบอกว่าอย่ายอม เอื้องหลบตาวูบ
โสภิตมองเอื้องด้วยความเห็นใจ แล้วมองจีรณะเย้ยว่าดื้อด้าน แล้วเดินจากไป
จีรณะมองตามไปอย่างแค้นใจที่โสภิตใช้เงินซื้อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อีก
กลับถึงบ้าน จีรณะหัวเสียเข้ามาในห้องรับแขกอย่างเซ็งชีวิต
“บ้าสิ้นดี”
อาโปกำลังดูละคร อินจัดที่นางเอกนั่งร้องห่มร้องไห้
“ใช่ พระเอกมันบ้า แกล้งนางเอกอยู่ได้ เป็นผู้ชายซะเปล่า หูเบาที่สุด ใครพูดอะไรก็เชื่อหมด”
จีรณะบ่นบ้าไป “ผู้หญิงต่างหากที่มารยาสาไถ ปากอย่างใจอย่าง เชื่อไม่ได้”
อาโปบอกอินสุดๆ “แต่นางเอกเรื่องนี้ไม่เคยโกหกนะนาย พูดความจริงตลอดแต่พระเอกไม่เชื่อ ไม่ใช่บ้าอย่างเดียว โง่ด้วย โดนนางอิจฉาหลอกตลอด ไม่รู้เป็นพระเอกได้ไง”
“ฉลาดแค่ไหนก็สู้มารยาร้อยเล่มเกวียนผู้หญิงไม่ได้หรอก”
“โอ๊ยนาย ใครก็ดูออกมีพระเอกไม่รู้อยู่คนเดียวแหละ”
จีรณะชักฉุน “อาโป อย่าเถียงได้มั้ย”
อาโปงุนงง จีรณะงุ่นง่าน หยิบรีโมทปิดทีวี
“ดูแต่ละครน้ำเน่า ไร้สาระ ว่างทำไมไม่ไปอ่านหนังสือ”
จิตราถือผลไม้ที่ปอกแล้วออกมา “เอะอะเสียงดังอะไรคะพี่จี อาโปทำอะไรให้พี่จีโกรธ”
“อาโป เปล่า อาโปแค่ดูละคร นายอย่าโกรธเลยนะ อาโปไม่ดูแล้ว เดี๋ยวอาโปจะไปอ่านหนังสือ”
อาโปลนลานเดินไปหลังบ้าน จิตราถาม “มีเรื่องข้างนอกใช่มั้ยคะ”
“เอื้องเค้ายอมรับผิด สารภาพว่าเป็นขโมย แลกกับการปลดหนี้ให้พ่อแม่ ปลดตัวเองเป็นอิสระจากคุ้มแม่เลี้ยง”
“อ้าว แต่เอื้องบอกว่าถูกพี่ยศ ข่มเหง”
“เอื้องกลับคำให้การ บอกว่าสมยอมเอง” จิตราอึ้ง “จิต พี่ไม่อยากเชื่อเลยนะ ว่าเงินจะซื้อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ได้”
จิตราท้วง “แต่เท่าที่จิตรู้จัก พี่ยศ เค้าไม่ใช่คนที่จะใช้กำลังบังคับใครนะคะ เอื้องอาจจะพูดจริง”
จีรณะโมโหลุกพรวด “จิต นี่เธอกับมัน”
จิตรารีบแจง “ไม่ใช่นะคะ จิตยังไม่เคยมีอะไรกับพี่ยศ”
“งั้นก็ดี คนจิตใจสกปรกอย่างมัน อย่าว่าแต่ข่มขืนผู้หญิง เรื่องชั่วช้าสารเลวกว่านี้มันก็ทำได้ แล้วมันก็จะยังทำต่อไป ตราบใดที่ยังมีคนยอมก้มหัวให้กับอำนาจเงินของมัน”
จิตราได้แต่นิ่ง จีรณะเดินขึ้นห้องนอนไปอย่างมีอารมณ์
รุ่งเช้าที่สำนักงานสมัชชาเอ็นจีโอ บัวหอมอยู่ต่อหน้าภีมะ หน้าตานำเสนอมาก ภีมะนั่งดูใบรายละเอียดโฆษณาชวนเชื่อของบัวหอม
“นี่มันแชร์ลูกโซ่ชัดๆ ระบาดจากกรุงเทพฯไปต่างจังหวัด เจ๊งกันถูกจับกันคนก็ยังไม่เข็ด เพราะความโลภตัวเดียว”
บัวหอมตาโตไม่พอใจ
“มั่วแล้วคุณ ชาวบ้านเค้ารวยกันถ้วนหน้าก็เพราะหุ้นยางพาราตัวนี้แหละ”
ภีมะอธิบาย “มันมีหลายชื่อครับ เอาดังๆก็แชร์น้ำมัน แชร์น้ำหอม หุ้นทองแท่ง แบล็กดอลล่าร์ โกงชาวบ้าน ผิดกฎหมาย ที่สำคัญเจ๊งทุกตัวครับ”
บัวหอมลุกพรวดไม่พอใจมาก “คุณภีมะนี่เป็นอะหยัง มือบ่พาย เอาหางราน้ำ ขัดขวางทางรวยของชาวบ้าน อุตส่าห์มาเสนอเรื่องดีดีหื้อ อู้ซะอัปมงคลเลย”
จีรณะเดินเข้ามาพอดี “พี่บัวหอม มีอะไรครับมาถึงนี่”
บัวหอมวึดวือ หงุดหงิดจะไป “จะมาชี้ทางสวรรค์ให้คุณภีมะกับพ่อจีน่ะซิ แต่ตอนนี้เสียฤกษ์แล้ว”
จีรณะเหนี่ยวแขนไว้ “เดี๋ยว ทางสวรรค์อะไรครับ”
ภีมะบอก “หุ้นยางพารา”
จีรณะทวนคำ “หุ้นยางพารา...”
“ใช่ ตอนนี้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้ก็เพราะหุ้นยางนี่แหละ”
“มันยังไงนะครับ ผมชักสนใจ ถ้าดีจริง เดี๋ยวผมไปถอนเงินในธนาคารทั้งหมดมาซื้อเลย”
บัวหอมยิ้มให้จีรณะหันไปค้อนใส่ภีมะ “มันต้องอย่างงี้ พ่อจีหัวแหลมขนาด”
จีรณะมองกับภีมะอย่างรู้กัน
ที่สำนักงานขายหุ้น เจ้าของตึกกำลังติดป้ายให้เช่าด่วน บัวหอม จีรณะ เดินนำหมู่มวลเข้ามาตรงนี้ มีชาวบ้านที่มาก่อนราว 10 คน หน้าเครียด กดโทรศัพท์วุ่นวาย
บัวหอมแปลกใจ “เดี๋ยวๆ คุณทำอะไร มาติดป้ายให้เช่าอะไรแถวนี้
เจ้าของตึกบอก “ก็นี่มันตึกของผม ทำไมผมจะติดประกาศให้เช่าไม่ได้”
บัวหอมงง “แล้วเจ้าของบริษัทหุ้น...”
“ไอ้ยางพาราบ้าอะไรนั่นเหรอ ชาวบ้านเค้าบอกมันขนของหนีไป ตั้งแต่เช้ามืดแล้ว ค่าเช่าก็ไม่จ่าย ผมโดนไปหลายแสนเลยเดี๋ยวจะไปแจ้งความ”
ชาวบ้านเข้ามารุมล้อมบัวหอมจำได้
ชาวบ้าน 1 นำทีม “นี่คุณบัวหอม ผู้จัดการระดับมงกุฎเพชรนี่ พวกเดียวกับมันรึเปล่า กระทืบเลยพวกเรา”
จีรณะห้าม “อย่าครับๆ น้าบัวหอมก็ถูกหลอกเหมือนกัน”
สายพิณกดโทร.วุ่นวายใจแล้ว อึ้งฟัง...จะคุยถามบริษัทโทรศัพท์
“เบอร์มันระงับการใช้ไปแล้ว ยะจะใดดีพี่บัวหอม” สายพิณรี่เข้ามาหาบัวหอม
บัวหอมตาค้างหงายหลัง จีรณะรับเอาไว้ได้ทัน
ไม่นานต่อมา ร้อยเวรตั้งโต๊ะแจ้งความที่หน้าโรงพัก มี ตำรวจ 3 นายยืนระวังอยู่ข้างหลัง ชาวบ้านราว 30 คน เข้าแถว ถือกระดาษสัญญาหุ้น แจ้งความกัน คุยกัน หน้าเครียด
กลุ่มของจีรณะอยู่ตรงกลางมีชาวบ้านผ่านไปมาวุ่นวายโกลาหล
บุญมีแค้น “ผมหมดตัวแล้วลุงโฉนดที่ได้คืนมาจากแม่เลี้ยง ผมเอาไปขายหมดแล้ว”
คำปันหน้าเศร้า “ข้าขายข้าวโพดได้ก็เอามาลงหมดเลย ที่ทางจำนองหมดเกลี้ยงกะจะเอาเงินปันผลส่งไอ้พวกตัวเล็กไปโรงเรียนในจังหวัด หมดกันอนาคตหลานข้า”
จ่าทองนั่งกับพื้นร้องไห้อย่างไม่อายใคร
“ฉันเพิ่งโดนเมื่อวานนี้เองเบิกเงินหมดธนาคารเลย ปืนกับวิทยุก็เอาไปจำนำแล้วด้วย”
ดาบม้วนเซ็ง “ถึงว่า...มาถามข้าว่าโฉนดโรงพักอยู่ที่ไหน ไอ้เวร”
จ่าทองโบ้ย “ก็น้าบัวหอมเมียดาบนั่นแหละเป็นคนมาชวนฉัน”
ดาบม้วนหันขวับไปมองบัวหอม “ที่แกซื้อนู่นซื้อนี่ ทั้งรถทั้งสร้อยแหวนเพชรอะไรนี่ แกก็เล่นหุ้นกับเค้าเหรอ เอาเงินที่ไหนไปเล่น”
“ก็เงินอ้ายนั่นแหละ เฮาปลอมลายเซ็นอ้ายไปเบิกธนาคาร”
ดาบม้วนกระโดดเข้าบีบคอเมีย “โถ..อีหน้ามึน อี ง่าว อีวอก พอถามไปรวยอะไรมา บอกถูกหวย กูว่าแล้วหวยอะไร มันแทงถูกได้ทุกวัน”
อาโปสายพิณเข้าแยก จีรณะ ดุ โกรธเสียงดัง
“หยุดได้แล้ว หยุดฟูมฟายกันซะที ตั้งสติกันดีๆ มาช่วยกันคิดดีกว่า ไอ้หุ้นอุบาทว์อะไรนี่มาถึงบ้านเราได้ยังไง”
หมู่มวลมองจีรณะเป็นตาเดียว
เวลาเดียวกันในห้องทำงาน สำนักงานแม่เลี้ยงอมราในคุ้ม บนโต๊ะมีเงินกองเป็นมัดๆ วางอยู่ เยอะมากๆ
แม่เลี้ยงหัวเราะ นับเงินเพลิน พีรพงษ์นั่งไขว่ห้างมองหยิ่งๆ
“อัศจรรย์จริงพ่อคุณของป้า คิดได้ยังไงเนี่ย เกียรตินิยมเหรียญทองเศรษฐศาสตร์จากประเทศไหนลูก”
“ก็แค่เอาเงินจากพวกโง่ๆ มาคืนคุณป้า ไม่ต้องใช้ความคิดอะไรมากมายหรอกครับ”
แม่เลี้ยงเกลี่ยเงินเป็นสองส่วน “โถ...อุตส่าห์ทำเพื่อป้า...มาๆ แบ่งกันคนละครึ่ง ป้าไม่เคยคิด
เอาเปรียบใครอยู่แล้ว”
พีรพงษ์โบกมือแล้วไหว้ “ผมไม่กล้ารับหรอกครับ อีกหน่อยเราก็ต้องเป็นทองแผ่นเดียวกันอยู่แล้ว”
แม่เลี้ยงนิ่งคิด ตาโต “จริงด้วยสิ ว่าที่ลูกเขยของป้า”
โสภิตเดินถือเอกสารเข้ามา “แม่คะ ลูกหนี้รายนี้ สัญญามีมั้ยคะ” หล่อนชะงักเมื่อเห็นกองเงิน “เงินเยอะจัง”
แม่เลี้ยงรีบแก้ “อ๋อ พ่อพงษ์เค้าขายที่ให้แม่ได้น่ะ”
“แปลงไหนคะ”
“ที่ที่กรุงเทพน่ะ แม่ฝากขายไว้นานแล้ว เดี๋ยวภิตเอาไปเข้าแบงค์ให้ที ให้พ่อพงษ์ขับรถให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ภิตไปเองได้”
“อย่าเลยครับ เดี๋ยวนี้คนสิ้นคิดมันเยอะ ไม่ปลอดภัย” พีรพงษ์เสนอหน้า
แม่เลี้ยงอมราเชียร์ “นั่นซิ พวกที่ไม่ชอบเราก็เยอะ ไปกับพ่อพงษ์นั่นแหละแม่จะได้หมดห่วง”
“งั้นเดี๋ยวผมไปถอยรถมารับหน้าบ้านนะครับ”
พีรพงษ์ลุกนำไป โสภิตบ่นอุบ “แม่ ทำไมต้องยัดเยียดให้ภิตไปกับคุณพงษ์ด้วย”
“เค้าไม่ดีตรงไหนยัยภิต เค้าชอบลูกจะตาย ไม่ได้ชอบธรรมดาๆ ด้วย เค้าอยากให้ภิตเป็นแม่ของลูกเค้าขนาดนั้นเลย แม่ดูก็รู้”
“แม่จะให้ภิตทำอะไร ภิตทำให้ทุกอย่าง แต่ขอร้องล่ะค่ะ เรื่องอย่างนี้อย่ามาบังคับจิตใจภิต”
โสภิตจะเข้าบ้านแม่เลี้ยงรีบขวาง“ฉันไปบังคับอะไรแกยัยภิต ฉันไม่อยากเสี่ยงให้แกไปหาผัวเอง เดี๋ยวก็เหมือนกับยัยพิมพี่สาวแก ส่งให้ไปเรียนเมืองนอกดีๆ กลับไปมีผัวฝรั่ง กระจอกๆเพราะฉะนั้นอย่ามาขัดใจฉัน”
อัปสรโสภิตเซ็ง
จีรณะเปิดประตูเข้ามาในสำนักงานเอ็นจีโอ ตามด้วย จ่าทอง ดาบม้วน ภีมะลุกยืนตื่นเต้น
“สารวัตรได้รับรายงานจากสายมาว่าไอ้แก๊งหุ้นยางพาราไม่ใช่ในพื้นที่ มันเดินสายหลอกลวงชาวบ้านไปทั่ว ได้เงินจากจังหวัดหนึ่งก็ย้ายไปอีกภาคอีกจังหวัด เปลี่ยนตัวหุ้นไปเรื่อยเดี๋ยวหุ้นทอง หุ้นน้ำหอม หุ้นน้ำมัน สรุปก็เป็นแชร์ลูกโซ่ทั้งหมด” ดาบม้วนว่า
“เอกสารที่ให้ชาวบ้านดูก็ของปลอมทั้งนั้น ชาวบ้านก็หลงดีใจแรกๆ ได้รับเงินปันผลมากมายพอทุ่มทุนลงไปมากๆ มันก็ปิดบริษัทเชิดเงินหนีเลย” ภีมะบอก
จีรณะติดใจ ตั้งข้อสังเกต “แต่มันแปลกอยู่อย่างพี่ ถ้ามันเป็นคนนอกพื้นที่ทำไมมันเลือกน้าบัวหอมเป็นเหยื่อตกเบ็ดพวกชาวบ้าน แค่ไม่กี่วัน มันรู้ได้ยังไง ว่าน้าบัวหอมเป็นคนที่ชาวบ้านรู้จักมักคุ้น ไว้เนื้อเชื้อใจ”
ภีมะเห็นด้วย “จริงของจี ที่อื่นมันต้องฝังตัวหาข่าวเปิดบริษัทบังหน้า อยู่กันเป็นเดือน”
ดาบม้วนหงุดหงิด “พูดแล้วคันไม้คันมือ เป็นเมียตำรวจอย่างผมแท้ๆ ไปให้พวกมันหลอกเอาได้นังบัวหอม โดนต้องโดนผมซักวัน”
จ่าทองตบเข่าดาบม้วน “ใจเย็นดาบใจเย็นๆ”
เสียงโทรศัพท์ดัง จีรณะรีบรับสาย ฟังบุญมีว่าคำปันจะฆ่าตัวตาย เขาตกใจมาก
“เดี๋ยวผมไป เกลี้ยกล่อมแกเอาไว้ก่อน”
จีรณะลุกพรวดพราดออกไป สามคนมองงงๆ
ที่บ้านลุงคำปันตอนนั้น คำปันถีบดุ่ยกระเด็น บุญมี และไทร จะเข้าจับคำปัน คำปันตวัดมีดไปมา บุญมี ไทร ถอย
“ถอยไป อย่ามายุ่งกับกู”
คำปันเดินระแวดระวังไปที่เก้าอี้ใต้ขื่อบ้าน มีเชือกผูกเตรียมฆ่าตัวตาย หลานๆ นั่งร้องไห้กระจองอแงอยู่อีกมุม
ขณะคำปันปีนเก้าอี้แล้ว บุญมี ดุ่ย และไทร ขยับเข้ามา คำปันตวัดมีดไม่ให้ใครเข้าใกล้
“ใจเย็นๆ ลุง มานั่งคุยกันดีๆ ดีกว่า มีอะไรก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากัน” บุญมีกล่อม
“กูไม่คุย ขืนใครเข้ามาอีกได้เป็นผีก่อนกูแน่ ใครแตะตัวกูกูจะปาดคอตัวเอง”
คำปันจับห่วงเชือกเตรียมเอาคอใส่ห่วง
จีรณะขี่มอเตอร์ไซค์ เปิดไฟสูง บีบแตรแล่นเข้ามาจอดพรืด ลงจากรถ เดินเร่งรีบหน้าเครียดเข้าไปหาคำปันเร็วรี่ คำปันเงื้อมีดจะแทงคอตัวเอง จีรณะชักปืนเล็งใส่คำปัน
“ลงมาเดี๋ยวนี้ลุงคำปัน ไม่งั้นผมยิงลุงแน่”
คำปันกลับเร่งให้ยิง “ยิง ยิงเลยพ่อจี ลุงไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ลุงอยากตาย ยิงสิๆ”
จีรณะส่ายหัวเซ็ง เก็บปืน ชี้มือไปที่เด็กๆ “ทำไมไม่เห็นแก่หลานๆ ลุงบ้าง ลุงฆ่าตัวตายหนีหนี้หมดทุกข์ หมดโศกไปคนเดียว แล้วเด็กๆพวกนี้จะอยู่ยังไง บาปนะลุง”
คำปันน้ำตาไหลมองหลานๆ จีรณะกล่อมต่อ
“คิดดูพ่อแม่ก็ทิ้ง ไปแล้ว ตายังมาฆ่าตัวตายต่อหน้าต่อตา จิตใจพวกเค้าจะเป็นยังไง” เด็กหลานๆ เข้ามากอดขาคำปันร้องไห้น่าเวทนา “มาช่วยกันแก้ปัญหากันไม่ดีกว่าเหรอครับ”
หมู่มวลสบตากันไปมา
ทุกคนล้อมวงคุยกันอยู่ตรงลานบ้านลุงคำปัน เห็นเด็กๆ อยู่ไม่ไกลนัก
“ไอ้เรื่องแชร์ลูกโซ่ หุ้นยางพารา ถ้าเราโชคดี จับพวกมันได้ก็อาจจะได้เงินคืนบ้าง ช่วงนี้อยู่กินกันประหยัดๆหน่อย ก็น่าจะพออยู่ได้นะครับ ใครเหลือใครขาดก็ช่วยๆ กันไปก่อน”
“มันไม่ง่ายอย่างที่พ่อจีพูดน่ะสิ ที่ลุงฆ่าตัวตายนี่เพราะมันไม่มีจะกินแล้ว มื้อที่แล้วก็ไปขอข้าววัดมากิน พรุ่งนี้เจ๊พรจะมาเก็บ” จีรณะงง มองหมู่มวลไปมา “ดอกเบี้ยรายวัน ไม่รู้จะเอาที่ไหนมาให้ ตายดีกว่า”
จีรณะขัดขึ้น “เดี๋ยวๆ หนี้เจ๊พร ดอกเบี้ยรายวันนี่มันอะไรครับ นี่อย่าบอกนะว่า ลุงไปกู้เงินนอกระบบมาอีก”
บุญมีหลบตา “ไอ้จี...พวกข้าเก็บเกี่ยวข้าวมาพอจะมีเงินเก็บ ก็เอาไปลงหุ้นซะหมด จะไปกู้แม่เลี้ยงมันก็ไม่ยอมให้กู้เพิ่ม มีเจ๊พรนี่แหละ ให้เงินกู้ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันแค่ทำสัญญาเงินกู้ลอยๆ เก็บดอกเบี้ยรายวันเลย ร้อยละสิบ”
จีรณะอึ้ง “นี่น้ามีก็ด้วยเหรอครับ”
หมู่มวลพยักหน้าหงึกๆ บุญมีสารภาพ
“ก็คนมันร้อนเงิน ต้องกินต้องใช้ทุกวัน ก็ต้องเอาไว้ก่อน จะมีเงินใช้หนี้เค้ารึเปล่าว่ากันทีหลัง
เอ็นจีโอหนุ่มกลุ้ม ส่ายหน้ามึนตึ๊บ
ด้านพีรพงษ์ขับรถไปพูดไป โสภิตนั่งข้าง
“เดี๋ยวผมจะพาไปโรงแรมห้าดาวของเพื่อน อาหารอิตาเลี่ยนอร่อยมากน้องภิตต้องชอบ
“ฉันยังไม่หิวค่ะ”
“หรือถ้าไม่ชอบอาหารอิตาเลี่ยนก็เป็นอาหารญี่ปุ่น เป็นร้านเพื่อนพ่อผมเอง...อาหารทะเลก็มีนะครับ รุ่นน้องผมมีหุ้น”
โสภิตมองไปนอกรถเซ็งๆ“ฉันยังไม่อยากกินอะไรจริงๆค่ะ”
“งั้นก็ไปนั่งจิบกาแฟบนดอยกัน ผมจะพาไปชิมกาแฟขี้ชะมด กำลังฮิต แก้วละ 800 เชียวนะครับ”
รถแล่นผ่านร้านหนานเทืองพอดี โสภิตบอก “เดี๋ยวค่ะ จอดก่อน”
พีรพงษ์เบรกทันที “อะไรครับ”
“ฉันรู้แล้วว่าอยากกินอะไร”
ต่อมาไม่นานนัก หนานเทืองเอาน้ำมาเสิร์ฟ โสภิตกับพีรพงษ์นั่งอยู่แล้ว ลูกชายส.ส. มีท่าทางหงุดหงิด
“นี่เหรอ ร้านโปรดน้องภิต ไม่เห็นมีอะไรน่ากินเลย”
“ทำไมจะไม่มีคะ ร้านนี้มีทั้งก๋วยเตี๋ยว ข้าวซอย ข้าวแกง ราคาก็ไม่แพงด้วย”
หนานเทืองถามขึ้น “จะรับอะไรดีครับ”
โสภิตบอก “ข้าวซอยค่ะ
หนานเทืองถามพีรพงษ์ “แล้วคุณ...”
“เหมือนน้องภิตก็แล้วกัน” พีรพงษ์ขยับเสื้อ “...ไม่มีพัดลมเหรอ ร้อนมาก”
หนานเทือง หยิบพัดยื่นให้ “นี่ครับ ออกแรงหน่อย เย็นเหมือนกัน”
โสภิตแอบยิ้มสะใจ พีรพงษ์พัดเหยงๆ
จังหวะนี้เสียงบัวหอมร้องกรี๊ดๆ เว้นระยะสามสี่ครั้ง ก่อนจะเห็นดาบม้วนแต่งครึ่งท่อนเดินผลุนผลันเข้าร้านมา บัวหอมร้องไห้ฟูมฟายเข้ามาชี้ดาบม้วน
“จะเอาอย่างนั้นใช่มั้ย จะเอาอย่างนั้นใช่มั้ย”
หนานเทืองงง “นี่มันเรื่องอะไรกัน ดาบม้วน บัวหอม”
“ก็ดาบม้วนน่ะสิ มันขอหย่ากับเฮา เฮาบ่ได้ทำอะไรผิดซักเตื้อ”
ชาวบ้านแอบมองลุ้นๆ สายพิณแหวกคนเข้ามาดู
“ไม่ผิดบ้าอะไร คิดดู อยู่ๆมันก็ไปกู้เงิน นอกระบบจากเจ๊พงเจ๊พรอะไรก็ไม่รู้มา ก่อเรื่องไม่หยุดไม่รู้จักหลาบจำ”
“ก็แกนั่นแหละบังคับให้เฮาหาเงินมาใช้เงินที่ขโมยแกไปเล่นหุ้น เฮาก็เลยไปกู้เจ๊พรมาไง”
ดาบม้วนด่า “หืม...อีโง่ เถียงคำไม่ตกฟาก เลิกกันน่ะดีแล้ว มีเมียอย่างแกชีวิตมีแต่เสื่อม”
บัวหอมด่ากลับ “โถไอ้ดาบถ้าแกไม่แต่งชุดนายฮ้อยมาหลอกฉัน เฮาก็บ่แต่งงานด้วยหรอก”
“แฉเรื่องเก่าเหรอ อีบัว”
ทั้งคู่โผนเข้าหากัน หนานเทืองจับดาบม้วนเอาไว้ สายพิณจับบัวหอมเอาไว้ ชุลมุนวุ่นวาย ไปกระแทกโต๊ะโสภิตกับพีรพงษ์ จนน้ำอัดลมบนโต๊ะหกใส่พีรพงษ์
“เฮ้ย อะไรกันวะ น้องภิตเจ็บมั้ย พวกแกนี่มันไม่มีมารยาทเอาซะเลย สมกับเป็นพวกชั้นต่ำไร้การศึกษา”
ทุกคนหันมามองพงษ์เป็นตาเดียวพร้อมกัน “อ้าว”
ต่างทำท่าจะหันมาเอาเรื่องพีรพงษ์
เสียงนกหวีดจ่าทองที่เดินเข้ามาดังขึ้น “หยุดเลยๆ ทะเลาะวิวาท สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้ผู้อื่น ผิดลหุโทษนะ ถ้าไม่อยากไปโรงพัก ก็ไปเลย แยกย้ายกันไปผัวเมียไม่เอาความกันก็ไม่เว้นนะดาบ ดาบเองก็เป็นตำรวจด้วย อย่าลืม”
ดาบม้วนกับบัวหอมมองค้อนกัน ออกไปคนละทาง
หนานเทืองงง “ตกลงสองคนนั่นตีกันเรื่องอะไร จ่า”
จ่าทองแจง “จะอะไรก็เรื่องที่เจ๊บัวหอมไปกู้เงินเจ๊พร เจ้าแม่เงินกู้รายใหม่ของบ้านเราน่ะซิ”
พีรพงษ์มีปฏิกิริยายิ้มสะใจ หนานเทืองงงอยู่ดี “เจ๊พรไหน ไม่เคยรู้จัก”
“ถามนี่ซิ” จ่าทองชี้สายพิณ
สายพิณไม่ยอม “อย่าๆ จ่าก็กู้ไปผ่อนปืนสวัสดิการไม่ใช่เหรอ”
“ฉันแค่ เจ็ดพัน แต่แม่พิณตั้งหมื่นสอง”
สายพิณว่า “ก็ร้านมันหมุนเงินบ่ทัน”
โสภิตฟังข้อมูลอย่างสนใจ พึมพำเบาๆ “เจ้าแม่เงินกู้รายใหม่” แล้วถามพีรพงษ์ “คุณพงษ์รู้จักเจ๊พรมั้ยคะ”
“ไม่รู้จักหรอกครับ ผมว่าเราไปร้านอื่นเถอะ บรรยากาศแบบนี้ น้องภิตคงกินอะไรไม่ลง”
“เดี๋ยวซิคะ ยังไม่ได้จ่ายค่าน้ำเลย”
หนานเทืองบอก “แค่น้ำเปล่า ไม่เป็นไรหรอกครับ”
พีรพงษ์ดึงโสภิตออกไปเลย สายพิณเอ่ยขึ้น “แล้วนี่จ่าส่งดอกมั่งยัง”
“ยังไม่มีน่ะซิ หลบๆอยู่เนี่ย”
สายพิณเครียด “จะทำจะใดกันดี ไปขอให้พ่อจีช่วยดีก๊ะ หะ ว่าไงหนาน”
หนานเทืองถอนใจ “เฮ้อ อัตตาหิ อัตตาโน นาโถ ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตนฉันใด ตัวใครตัวมันก็ฉันนั้น”
เช้าวันต่อมา ยศใส่ชุดลำลอง ขาสั้น เสื้อกล้าม นั่งจิบกาแฟดูหนังสือนางแบบชุดว่ายน้ำอยู่อย่างเพลิดเพลิน
แม่เลี้ยงอมราเข้ามาฟาดผัวะ “ทำไมยังไม่แต่งตัวเรานัดคุณนายท่านผู้ว่ากับหนูนิตยากินข้าวกันนี่ มันกี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว”
“โธ่แม่...แม่ไปคนเดียวก็ได้นี่ครับ แค่กินข้าวคุยกัน”
แม่เลี้ยงกระชากหนังสือมา เหลือบดูหน้าปกเป็นภาพผู้หญิงโป๊ แม่เลี้ยงตาเหลือก เอาหนังสือตีหัวยศไม่ยั้ง ยศหลบไปมา
“เค้านัดคุยเรื่องงานแต่งงานของแกยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน หนูนิตเค้ายิ่งไม่ชอบหน้าแกอยู่ยังไม่รู้ตัว หน้าอย่างแกจะหา ผู้หญิงดีๆเป็นกุลสตรี เพียบพร้อมอย่างหนูนิดได้ที่ไหนอีก”
โทรศัพท์ดัง แม่เลี้ยงรับสาย...ตั้งใจฟังยิ้มเหี้ยมพยักหน้า
“เข้าใจแล้วคุณพงษ์ ป้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
แม่เลี้ยงควักกระเป๋า หยิบเงินเป็นฟ่อนใหญ่ออกมา ชี้หน้ายศ
“เอาเงินนี่ไปเปลี่ยนใจหนูนิตให้เค้าชอบแกให้ได้ ถ้าไม่ได้เรื่องอีก ฉันจะหักเงินแกสองเท่าของเงินก้อนนี้”
ยศยิ้มแหยๆยื่นมือไปรับ โสภิตเดินเข้ามามองแม่ที่ให้เงินยศอย่างระอาใจที่ยศยังขอเงินแม่
“ภิต แต่งตัวออกไปเป็นเพื่อนแม่หน่อย”
“ไปไหนคะ”
อมรายิ้มเหี้ยมๆ “ไปเปิดตลาดลูกค้าใหม่จ้ะลูก”
หมู่มวลนั่งกันอย่างจ๋องๆ อยู่บนศาลาวัด จีรณะหน้าเครียดกวาดตามองทุกคน ยกเอกสารสัญญาสามสี่แผ่นขึ้นมาชู
“ผมอ่านเอกสารพวกนี้แล้ว เป็นสัญญาเงินกู้ที่ถูกกฎหมาย แต่เขียนจำนวนเงินกู้เกินความเป็นจริง มันก็ร้ายพอๆ กับแม่เลี้ยงนั่นแหละ”
สายพิณลุกตะโกน “คุณจีต้องช่วยหมู่เฮาๆ”
ชาวบ้านพูดพร้อมกัน “คุณจีต้องช่วยพวกเราๆๆ”
จีรณะยกมือ ชาวบ้านค่อยๆ หยุดพูด “ผมต้องช่วยทุกคนอยู่แล้ว สมัชชาคนรักป่าของเรา ต้องการให้ชาวบ้านช่วยกันรักษาทรัพยากรของชุมชน เข้าถึงการศึกษาและสาธารณะสุขขั้นพื้นฐาน และต้องใช้ชีวิตตามทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง”
บัวหอมพยักหน้า “ใช่ๆ อย่างนั้นเลย เราต้องการอย่างที่พ่อจีพูดเลย”
จีรณะส่ายหัว “ไม่จริง พวกพี่ๆลุงป้าน้าอา ทุกคนไม่เคยพอ อยากได้ใคร่มีเกินความจำเป็นของชีวิต ถึงได้เกิดปัญหาอย่างนี้”
ชาวบ้านจ๋อย หลบหูหลบตา จีรณะถอนใจ “ผมขอสัญญาจากทุกคน ขอให้กลับตัวกลับใจ ปฏิบัติตัวตามวิถีเศรษฐกิจพอเพียงให้เคร่งครัด ทุกคนจะทำได้มั้ยครับ”
ชาวบ้านรับเซ็งแซ่ “ได้ๆ ทำได้ๆ...สัญญา”
จีรณะยิ้ม “ตกลงเดี๋ยวผมจะเจรจากับเจ๊พรเอง”
แม่เลี้ยงอมราเดินเฉิดฉายเข้ามากับ ชีพ เส่ง และโสภิตเดินตามเข้ามาอย่างแปลกใจ ชาวบ้านก็แปลกใจเหมือนกัน
แม่เลี้ยงทำเป็นพึ่งเห็นจีรณะ “เอ๊ะ ลูกครูเจือมาได้ไง เป็นลูกหนี้เจ๊พรด้วยหรือ”
จีรณะก้าวออกมาหรี่ตาดู ไม่ไว้ใจ “แม่เลี้ยงรู้จักเจ๊พรด้วยเหรอ”
แม่เลี้ยงอมราลั่นหัวเราะ “ฮ่าๆๆ รู้จักสิ รู้จักดีเชียวแหละ”
จีรณะเอะใจ “หมายความว่าไง หรือว่า แม่เลี้ยงกับเจ๊พรรู้กัน”
แม่เลี้ยงกวนๆ “พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูก ความจริงคืออีเจ๊พรศรีมันเป็นลูกหนี้ฉัน ตอนนี้เงินมันหมุนไม่ทันเลยโอนหนี้ลูกหนี้ของมัน มาใช้หนี้ให้ฉัน เฮ้อ...ก็ลูกหนี้หน้าเดิมๆทั้งนั้น อุตส่าห์ลดต้นลดดอกหนี้เดิมให้แล้วนะเนี่ย ไปลงทุนทำอะไรเจ๊งกันมาอีกล่ะ” หมู่มวลฮือฮา
“แม่เลี้ยงรู้ได้ยังไงว่าชาวบ้านลงทุนแล้วเจ๊ง”
บุญมีโผนเข้าหาแม่เลี้ยงจะทำร้าย “กูจะฆ่ามึง”
ชีพกับเส่งจับไว้ได้ เหวี่ยงกลับไปที่หมู่มวลจนล้มระเนระนาด จีรณะกับโสภิตเดินเข้ามาขวางไม่ให้สองฝ่ายปะทะกัน แต่กลายเป็นสองคนประจันหน้ากันอย่างไม่ตั้งใจ จีรณะจ้องโสภิต
“วางแผนกันมาก่อนแล้วใช่มั้ย”
โสภิตอึกอัก อมราเดินมาพูด ชูสัญญาให้ดู ยักไหล่อย่างเป็นต่อ
“วางแผนอะไรกันมาก็ไม่รู้หรอกนะ เพราะลูกโสภิตเค้าจัดการให้แม่หมด”
โสภิตตกใจอุทานเบาๆ อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
“คุณแม่”
“ลูกภิตเค้าตรวจสอบสัญญาแล้ว ว่าถูกต้องตามกฎหมายทุกฉบับ จริงมั้ยลูก”
โสภิตตกกระไดพลอยโจน “เอ่อ อ่า ค่ะ เราทำตามขั้นตอนทุกอย่าง”
จีรณะจ้องโสภิตอย่างแค้นจัด “เรื่องมันไม่จบง่ายๆอย่างนี้หรอก”
“มีอะไรก็ไปเจอกันในศาลก็แล้วกัน” อมราเยาะจีรณะ
ขณะที่แม่เลี้ยงอมรากำลังจะก้าวขึ้นรถหันมาสั่งโสภิต
“แม่จะแยกไปทำธุระต่อ ภิตเอาเช็คไปขึ้นเงินให้แม่ด้วย”
“เดี๋ยวก่อนค่ะแม่ แม่ทำอย่างนี้ แม่ตั้งใจแก้แค้นพวกชาวบ้านหรือคะ”
แม่เลี้ยงหัวเราะ “ยายภิต ฉันแก้แค้นตรงไหน ไอ้ชาวบ้านพวกนี้ มันหมดหนี้หมดสินแล้ว แต่มันโลภใช้เงินเกินตัว หวังรวยทางลัด ไปเล่นหุ้นยางพาราจนหมดเนื้อหมดตัว ฉันเอามีดไปจี้ให้มันมากู้มาลงทุนหรือไง”
โสภิตลำบากใจ “แต่ เราก็ไปหลอกล่อเค้า”
“พวกนี้ มันไม่มีทางปลดหนี้หรอก ถึงไม่เป็นลูกหนี้เราก็ดิ้นรนไปหาเจ้าหนี้คนอื่นอยู่ดี เลิกสนใจพวกนี้ได้แล้ว”
แม่เลี้ยงไม่สนใจ ปิดประตูรถแล่นออกไป
โสภิตเดินมาที่รถ เปิดเข้านั่งจีรณะ เปิดประตูขึ้นมานั่งข้างอย่างรวดเร็ว
“นายขึ้นมาทำไม ลงไปนะ”
“กลัวอะไร กลัวผมปล้นเหรอ ใช่ซิ ในกระเป๋าคงมีเงินเยอะมาก”
จีรณะคว้ากระเป๋าหมับ โสภิตจะแย่งจนกลายเป็นตกอยู่ในอ้อมกอดจีรณะ
“ถ้านายไม่ลงไปฉันจะร้องให้คนช่วย คราวนี้จะไม่แค่ร้อง แต่ฉันจะแจ้งตำรวจ ว่านายปล้นทรัพย์กักขัง หน่วงเหนี่ยว แล้วก็อย่าหวังว่าจะมีคนไปประกันนายอีก”
“เพิ่มลวนลาม ข่มขืนอนาจารไปด้วยเลยนะ จะได้คุ้มหน่อย”
โสภิตตกใจ หันไปมองหน้าจีรณะ หน้าเกือบชนหน้า ชะงักกันไป
“อย่า อย่านะ”
จีรณะแกล้งชม “คุณเป็นคนสวยนะ สวยมากด้วย...” เขาเว้นระยะเงียบไป “แต่ใจดำสิ้นดี”
โสภิตสะบัดตัวออกมา จีรณะยังจับข้อมือไว้ “ผมไม่เข้าใจ เสียงก่นด่าสาปแช่งของชาวบ้าน มันไม่ระคายผิวพวกคุณบ้างเชียวหรือ ทำไมคุณต้องจองล้างจองผลาญ ขูดเลือดเนื้อพวกเค้าขนาดนี้”
“แม่ฉันก็บอกนายแล้วว่า เจ๊พรโอนหนี้มาให้แม่ พวกชาวบ้านต่างหากที่หาเรื่องใส่ตัวเอง”
“ไม่อยากเชื่อเลยว่า คุณจะพูดแบบนี้ได้ นี่ถ้าวันนี้ ผมกล่อมลุงคำปันไม่ให้ผูกคอตายไม่สำเร็จ ป่านนี้มีศพมาให้คนใจหินอย่างคุณดูแล้ว”
โสภิตตกใจพอได้ฟัง “แล้วลุงคำปันปลอดภัยใช่มั้ยคะ”
“ถึงไม่หมดลมหายใจ แต่ลุงแกกับหลานอีกสามชีวิตก็กำลังตายทั้งเป็น”
ว่าพลางจีรณะกระแทกกระเป๋าคืนไว้ที่ตักโสภิต
“กอดเงินของคุณเอาไว้เถอะ กอดเอาไว้ให้แน่นๆ เพราะมันคงเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตคุณ หวังว่า มันจะทำให้คุณกับครอบครัวมีความสุขกันได้จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตนะ”
จีรณะเปิดประตูเดินออกไป โสภิตได้แต่นั่งอึ้ง
ตอนเย็นนิตยาเดินมาในตลาดห้องแถวพร้อมกับยศ นิตยามองโน่นนี่ ไม่สนใจยศ
“คุณนิตอยากซื้ออะไรมั้ยครับ เดี๋ยวพี่จัดการให้ ลูกหนี้แม่พี่ทั้งนั้น”
“ตลาดอย่างนี้ไม่มีอะไรน่าซื้อซักอย่าง ร้อนก็ร้อน”
“งั้นเราขับรถไปกินในเมืองดีมั้ยครับ”
“ก็ได้ค่ะ”
ยศแอบมองนิตยาวัดใจ เอื้อมมือไปจะจับมือ พอมือแตะกัน นิตยากระตุกมือกลับ
“จะทำอะไรคะ เดี๋ยวใครเห็นไปฟ้องคุณพ่อ คุณพ่อจะไม่ยอมให้นิตไปกับคุณสองต่อสองอีก”
“ผมขอโทษครับ มือมันไปโดนครับ”
ยศเซ็ง นิตยาเดินนำไป
อาโปยืนยิ้มอยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้า มองจิตราเอาเสื้อทาบตัวให้เกียรติก้องไปมาในร้าน นิตยาเดินผ่านเข้ามา จำอาโปได้ รีบเดินไปหน้าร้านมอง เห็นจิตราทาบเสื้อให้เกียรติก้องจึงเมียงมองสองคน “ตัวนี้ก็เท่ดีนะคะ” จิตรายิ้ม
นิตยาคิดออกว่าจะแกล้งยศยังไง
“คุณนิต” ยศวิ่งตามมา นิตยาบอก “นิตอยากดูเสื้อร้านนี้ค่ะ”
นิตยาเดินเข้าไป ดึงเสื้อที่จิตราถืออยู่ ยศเห็นเกียรติก้องกับจิตรา ก็หึงมาก
“อุ๊ย สวยจัง”
จิตราอึ้ง “คุณ”
นิตยาทำเป็นเพิ่งเห็น “อ้าว คุณพยาบาลนี่เอง เจอกันอีกแล้วนะคะ พาแฟนมาซื้อเสื้อเหรอ รสนิยมดีจัง พี่ยศ ไหนลองทาบดูซิคะ นิตว่าพี่ยศใส่แล้วต้องสมาร์ทมากๆ”
“แน่นอน ผมใส่อะไรก็ดูดีอยู่แล้ว ไม่เหมือนพวกอยู่ป่า อยู่ดอย ใส่ของดียังไงมันก็ช่วยไม่ได้”
“อะไร มาตู่เอาของคนอื่น หน้าด้านป่ะล่ะ”
อาโปแย่งคืนนิตยากรี๊ด “ต๊าย เด็กปากเสีย”
นิตยาไปเกาะแขนยศ “พี่ยศสั่งสอนมันหน่อยสิคะ”
ยศเงื้อมือจะตบอาโป “ปากดีนัก อีเด็กดอย”
เกียรติก้องจับมือยศบิดจนยศทรุดนั่ง นิตยาแกล้งเชียร์
“ต่อยมันเลยพี่ ซัดมันเลย”
ยศพยายามสู้อย่างป้อแป้ “โอ๊ย...เจ็บ...ปล่อยๆกู กูจะฟ้องแม่ให้ย้ายแกไปเป็นตำรวจเข็นศพที่นิติเวช”
จิตราไปดึงมือเกียรติก้อง“พอแล้ว ไปเถอะค่ะพี่ก้อง”
เกียรติก้องปล่อยมือยศ ยศกุมมือหน้าบิดเบี้ยว เจ็บปวด
เกียรติก้อง จิตรา อาโป ออกไป เจ๊เข้าไปดูยศห่วงใย
“ไปหาหมอมั้ยคุณยศ ผู้หญิงที่มากับคุณเค้าไปแล้ว”
ยศสะบัดรีบลุกพึมพำ “คุณนิต”
ยศรีบวิ่งไปดูหน้าร้าน หันซ้ายแลขวา นิตยาหายไปแล้ว
นิตยากลับถึงบ้านทำเดือดบ่นใส่คุณนายนลินี
“ผู้ชายห่วยแตก ทั้งๆ ที่อยู่กับหนูแต่กลับไปหึงเมียเก่าออกนอกหน้า แบบนี้มันไม่ให้เกียรติกันนะคะ คุณแม่”
“เรื่องแค่นี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ซักหน่อย”
“งั้นเรื่องใหญ่ของคุณแม่คืออะไรคะ”
“ครอบครัวล้มละลาย ถูกยึดทรัพย์ ฉันถึงจะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่”
นิตยากระแทกตัวลงนั่ง เซ็งสุดขีด “เจ้าชู้ไปทั่ว เรียนตกแล้วตกอีกผ่านมาได้เพราะซื้อมา งานการไม่ทำ ขี้โม้ ขี้คุย ขี้อวด ผู้ชายอย่างนี้หรือคะ ที่แม่จะให้หนูแต่งงานด้วย หนูไม่แต่งด้วยหรอก”
“แต่แกต้องแต่ง คิดดูดีๆ ปีหน้าคุณพ่อก็จะเกษียณอายุราชการแล้ว พออำนาจหมด เงินก็หมด พ่อแกเค้าเป็นข้าราชการที่กินอุดมคติ โล่เต็มบ้าน เงินไม่มีเก็บ เราต้องอาศัยเงินบ้านตายศ มาเป็นทุนทำกิจการโน่นนี่ เลี้ยงครอบครัว เข้าใจรึยัง”
นิตยาทำหน้าขัดใจ
ท่านผู้ว่าเดินเข้ามา มีมนัสผู้ช่วยเดินถือของตาม ผู้ว่ามองสองแม่ลูก
มนัสสบตากับนิตยาจังๆ นิตยาถูกใจ “นี่มนัส จะมาเป็นผู้ช่วยฉัน” ผู้ว่าแนะนำ
มนัสไหว้ แล้วรีบก้มหน้า เดินเลี่ยงไป “เมื่อกี๊แม่ลูกคุยอะไรกัน”
“คุยเรื่องเตรียมงานแต่งงานค่ะ”
ผู้ว่าทักท้วง “แน่ใจแล้วเหรอ ว่าลูกชายแม่เลี้ยงอมราเป็นคนดี ที่ได้ยินเข้าหูแต่ละเรื่องมันแย่ๆทั้งนั้น”
“พวกลูกหนี้แม่เลี้ยงมันปล่อยข่าวทั้งนั้นค่ะ ตายศเป็นคนใช้ได้ ฉันรับรอง ใช่มั้ยยัยนิต”
นลินีหยิกลูกสาว เพราะนิตยาเอาแต่เหม่อมองตามมนัสไป
“ค่ะ คุณพ่อ พี่ยศเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลก”
แม่เลี้ยงอมรานั่งเครียดอ่านรายการของขันหมากอยู่ในห้องโถง ส่วนโสภิตนั่งเหม่อคิดถึงคำพูดจีรณะ
“นี่ถ้าวันนี้ผมห้ามลุงคำปันฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ ผมคงมีศพมาเป็นมาให้คนใจหินอย่างคุณดูแล้ว”
โสภิตตกใจ “แล้วลุงคำปันปลอดภัยใช่มั้ยคะ
“ถึงไม่หมดลมหายใจ แต่ลุงแกกับหลานอีกสามชีวิตก็กำลังตายทั้งเป็น”
จีรณะกระแทกกระเป๋าคืนไว้ที่ตักโสภิต “กอดเงินของคุณเอาไว้เถอะ กอดเอาไว้ให้แน่นๆ เพราะมันคงเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตคุณ หวังว่า มันจะทำให้คุณมีครอบครัวคุณยังมีความสุขได้จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตนะ”
แม่เลี้ยงหยิบปากกาบนโต๊ะ มาขีดๆ วงๆ ในกระดาษ ปากก็บ่นบ้าไปเรื่อย
“มีแต่ต้องตัดออก นี่ๆ ไอ้พวกชอบกั้นประตู ให้ไอ้ชีพกับไอ้กาบโยนประทัดยักษ์นำเข้าไปก่อน ให้พวกมันกระเจิงไปเลย ส่วนเงินในซองใส่ซองละห้าสิบบาทก็พอ เผื่อมันกั้นหลายประตู ไหนจะค่าไถ่รองเท้าอะไรอีก ไม่รู้ไอ้บ้าตัวไหนเป็นต้นคิด ปัญญาอ่อนจริงๆ” แม่เลี้ยงหันมาเห็นลูกสาวเอาแต่เหม่อ “ยัยภิต ได้ยินแม่พูดมั้ย”
“อ๋อ ค่ะ แล้วแขกที่ฝ่ายเราต้องออกการ์ดเชิญล่ะคะแม่ มีใครต้องเชิญเป็นพิเศษบ้างมั้ยคะ”
“ภิตไปเช็กดูก็แล้วกัน เราจะเชิญพวกพ่อเลี้ยง แม่เลี้ยงเจ้าของกิจการที่ประวัติการเงินดีไม่มีตัวแดงในธนาคาร ใครที่ยากจนข้นแค้น อยู่เขียมกินเขียมขี้เหนียวไม่ต้องไปเชิญพวกมัน เปลืองที่นั่ง เปลืองอาหาร”
แม่เลี้ยงส่งกระกาษคืนให้ โสภิตรับกระดาษมาใส่ในแฟ้มเอกสาร ครุ่นคิดพลางแอบมองแม่เลี้ยงที่กำลังเปิดโน้ตบุ๊ก
“เดี๋ยวแม่ดูพวกเพื่อนๆตามต่างจังหวัดก่อน ใครเหมาะสมที่จะเชิญมาบ้าง”
โทรศัพท์มือถือของอมราดัง แม่เลี้ยงรับ “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ คุณนาย กำลังคุยกับยัยภิตเรื่องงานแต่งเลย อะไรนะคะ...” ฟังแล้วหน้าเครียดขึ้นๆ แม่เลี้ยง หน้าเสียพูดโทรศัพท์ “จริงๆ เหรอคะ ตายศทำอย่างนั้นกับหนูนิต จริงๆ เหรอคะไม่ต้องห่วงค่ะ ดิฉันจะจัดการให้”
“เกิดอะไรขึ้นคะแม่”
ยศเดินเข้ามาพอดี จับข้อมือที่ถูกบิด ยศชะงักกึก “แหม อยู่กันพร้อมหน้าเลย”
“พาหนูนิตยาไปไหนมาบ้างตายศ”
ยศยิ้มระรื่นทันที “โอ๊ย เยอะแยะเลยครับแม่ กินข้าว ดูหนัง ช็อบปิ้งในตัวเมือง”
“แล้วเป็นไง หนูนิตมีความสุขดีมั้ย”
“มากเลยครับแม่ ท่าทางหลงผมสุดๆ”
แม่เลี้ยงโมโหเขวี้ยงแก้วกาแฟเฉียดหัวยศไปแตกกระจาย พวงเข้ามาตกใจเอามือทาบอก“ไอ้โกหก ไอ้เลือดชั่ว ฉันจะเอาเลือดชั่วของแกออกมาซะบ้างไอ้ยศ”
โสภิตตกใจ อมราคว้าส้อม พวงกะโสภิต เข้าจับห้าม แม่เลี้ยงดิ้น
“อย่าคะแม่ อย่า”
“แม่เลี้ยงนี่ลูกนะเจ้า” พวงบอก
“ปล่อยๆฉันๆจะฆ่ามัน”
พวงกอดแม่เลี้ยงแน่น โสภิตรีบลากยศหนีไป อมรายืนหอบ กำส้อมแน่น
พวงปล่อยแม่เลี้ยง แล้วถอยจะออกไป
“ลูกแท้ๆ นะเจ้า จะฆ่าจะแกงได้ลงคอเชียวเหรอ บาปจ๊าดหนักนะเจ้า”
“ลูกล้างลูกผลาญแบบมัน เลี้ยงต่อไปก็เสียข้าวสุก”
พวงต่อปาก “ข้าวนึ่งข้าวสารในครัวมีเหลือเฟือนะเจ้า”
แม่เลี้ยงแผดเสียงใส่ “นังพวง!”
โสภิตผลักยศเข้าห้องมาแล้วเดินตาม ยศรีบไปปิดประตูกดล็อกแน่นหนา เดินหน้าเจื่อนมานั่งที่เตียง โสภิตมองตามตาดุ
“เรื่องมันเป็นยังไงเล่ามาเดี๋ยวนี้ ทำไมแม่ถึงโกรธพี่ได้ขนาดนี้”
“ก็...จิตราน่ะสิ เค้าควงผู้ชายคนใหม่มาเยาะเย้ยพี่ มันทำร้ายพี่ด้วยนะ คุณนิตเค้าไปกับพี่ด้วย เลยเป็นเรื่อง”
“แล้วไปยุ่งกับเค้าทำไม เค้าจะคบกับใครมันก็เรื่องของเค้า อย่าลืมสิพี่กับคุณจิตราหย่าขาดกันแล้ว”
“แม่ต่างหากบังคับให้พี่หย่ากับจิต” ยศบ่น
โสภิตฉุน “ทำไมเป็นคนทุเรศได้ขนาดนี้พี่ยศ เรื่องของตัวเองแท้ๆ ไปโทษแม่ หัดเป็นลูกผู้ชายซะบ้าง พี่เป็นลูกชายคนเดียว เป็นความหวังของบ้านนะ ทำให้แม่ชื่นใจบ้างซิ”
“ก็ที่ยอมให้แม่กดหัวบังคับอยู่ทุกวันนี้ยังไม่พอเหรอ คอยดู ถ้าทนไม่ไหว พี่จะหนีไปแบบพี่พิม เชิญเธออยู่เป็นลูกรักไปคนเดียวเถอะ”
ยศหมายถึงพิมพร พี่สาวคนโตที่ไปมีสามีฝรั่งขณะไปเรียนที่เมืองนอก และถูกแม่เลี้ยงตัดแม่ตัดลูก
ขณะเดียวกันเกียรติก้องนั่งช่วยปอกกระเทียม อาโปหั่นหมู จิตราหั่นผักตายังแดงช้ำ เตรียมทำกับข้าว
เกียรติก้อง หันไปดูหม้อข้าวควันฉุย “ข้าวสุกแล้ว จิต”
“เหรอคะ”
อาโปทิ้งเขียงไปเปิดหม้อแกงเอาทัพพีคนๆ ตักชิมแกงหม้อข้างๆ
“แกงส้มก็เสร็จแล้ว”
เกียรติก้องรีบตำกระเทียม “ตั้งกระทะเลย เดี๋ยวพี่ผัดผักเอง”
จีรณะเข้ามามองทุกคนยิ้มๆ “แหมมาทันเวลากินพอดี ไม่ต้องทำอะไรโชคดีจริงๆ”
เกียรติก้องผัดผักอย่างคล่องแคล่ว
อาโปพูดไปชี้ไป แล้วไปตักข้าวใส่จาน “ใครบอกกินเสร็จนายต้องเป็นคนล้างถ้วยล้างชาม ล้างจาน”
จีรณะขยี้หัวอาโปอย่างเอ็นดู “ได้ที ใช้เลยนะเรา”
อาโปเอ่ยขึ้นซื่อๆ “เออ..นาย วันนี้พวกเราไปเจอคนชื่อยศกับแฟนใหม่ ของเค้าด้วย ผู้กองหักข้อมือมัน ร้องอย่างกะหมูตกเขาเลยนาย”
ทุกคนชะงักมองจิตรา เห็นจิตราขรึมลงทันที
“อาโป อย่าเพิ่งคุย รีบจัดกับข้าวลงบนโต๊ะเร็ว”
เกียรติก้อง จิตรา อาโป และจีรณะช่วยกันจัดโต๊ะ นั่งกันข้าวกันเงียบๆ สองหนุ่มสบตากันขรึมๆ อาโปกินอร่อยหน้าตาเบิกบานไม่รู้เรื่องรู้ราว
“เสียดาย ถ้านายอยู่ด้วย ต้องเตะมันแน่ๆเลย มันเกเร...”
เกียรติก้องทำตาดุ “อาโป”
“ไม่เป็นไร อาโปเล่าไปเถอะ เค้าจะทำอะไรก็ช่างเค้า”
“มันมายุ่งอะไรกับพวกเราเหรอจิต”
จิตราผืนยิ้มพูดไปนึกภาพที่เจอไป เสียใจขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่มีอะไรหรอกพี่จี บังเอิญไปเจอกันในตลาด เค้ามากับลูกสาวผู้ว่าคู่หมั้นของเค้า”
“แล้วมีเรื่องอะไรกัน”
อาโปสอดอีก “ยัยคู่หมั้น จะมาแย่งเสื้อที่พี่จิตจะซื้อให้ผู้กอง ลูกชายแม่เลี้ยงจะต่อยผู้กอง แล้ว…”
เกียรติก้องชิงบอก “แล้วก็แค่นั้นแหละ เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ไม่มีอะไร”
“จิต ลวกผักไว้ ลืมเลย เดี๋ยวไปหยิบมาให้นะจ๊ะ” จิตราเดินเข้าครัวไป
อาโปยังไม่หยุดอีก “พี่จิตต้องแอบไปร้องไห้แหง ตอนกลับมาก็รีบเข้าห้องไปร้องไห้ตั้งนาน”
จีรณะมองเกียรติก้อง สองหนุ่มสบตากัน
“มันคิดว่าฉันเป็นแฟนใหม่ของจิต เลยเข้ามาหาเรื่อง คงยังหึงหวงจิตอยู่”
“แล้วทำไมแกไม่บอกมันไปเลยว่าแกกับจิตเป็นแฟนกัน”
เกียรติก้องตกใจ “เฮ้ย...จะให้ฉันพูดอย่างนั้นได้ยังไง แกนี่พูดอะไรไม่เห็นแก่จิตใจของน้องสาวแกเลย”
“แล้วแกอ่ะ คิดถึงจิตใจของตัวแกเองบ้างรึเปล่า”
“ผู้กองชอบพี่จิตเหรอ อาโปนึกแล้ว” อาโปบอก
“อาโป ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
เกียรติก้องเอ็ด แล้วตักข้าวกินแก้เขินกลบเกลื่อน จีรณะกับอาโปมองเกียรติก้องกันไปมา
ที่ห้องรับแขกคุ้มอมรา เช้าวันนี้ โสภิตประคองแม่ให้ลุก ละจากงานมานั่งกินข้าวเช้าที่พวงจัดไว้ให้
“วันนี้พักทำงานที่บ้านเถอะค่ะ แม่”
“ไม่ได้ เดี๋ยวต้องไปจวนผู้ว่า ขอโทษหนูนิต แม่จะยอมให้งานแต่งล้มไม่ได้” อมราร้อนใจ
โสภิตตัดใจเสี่ยงถาม “แม่คะ งานสำคัญอย่างนี้เราจะไม่ส่งข่าวไปบอกพี่พิมเหรอคะงานนี้ครอบครัวน่าจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา”
แม่เลี้ยงอมราปิดจอพับลงทันที หน้าเครียดไปถนัดตา
“บอกมันทำไม มันเคยเห็นฉันเป็นแม่มันมั้ย เห็นภิต เห็นยศเป็นพี่น้องของมันมั้ย อารมณ์กำลังดีคุยเรื่องงานมงคลอยู่ เอ่ยชื่อมันขึ้นมาทำไมก็ไม่รู้”
เสียงเด็กชายบ็อบบี้ ส่งเสียงเป็นภาษาอังกฤษ
“Hi grandma,I have been longing to see you.” (สวัสดีครับคุณยาย ผมอยากพบคุณยายมานานแล้ว)
พร้อมกันนั้นบ็อบบี้ก็วิ่งเข้ามากอดแม่เลี้ยงหอมแก้มซ้ายขวา ยืนยิ้มมองแม่เลี้ยง
อมรา และ โสภิต ตะลึง พอแม่เลี้ยงรู้ตัวเอามือเช็ดแก้มตัวเอง ผลักบ็อบบี้กระเด็นไป พวงวิ่งเข้ามาหน้าตื่น ยืนมองเลิ่กลั่ก
แม่เลี้ยงอมราลุกพรวด ชี้หน้าบ็อบบี้ “ไอ้เด็กฝรั่งนี่เป็นใคร ไอ้ชีพ มันอยู่ไหน ปล่อยให้มันวิ่งเล่นในบ้านฉันได้ยังไง”
พิมพรเดินเข้ามาในชุดดูดีมีรสนิยม กาบเดินถือกระเป๋าเดินทาง อีกใบลากตามเข้ามา
“นั่นบ็อบบี้ ลูกของพิมค่ะแม่” พิมพรบอก
อมรา โสภิต ตะลึงมองพิมพร แล้วมองบ็อบบี้อีกที พวงตกใจ
“พี่พิม” โสภิตอุทาน
แม่เลี้ยงอมราลากพิมพรออกมานอกคฤหาสน์ แล้วผลักจนล้มลงไป ชีพ พวง และกาบ ออกมาเมียงมอง
“เก็บกระเป๋าของแก แล้วไสหัวออกไปจากบ้านฉัน เอาลูกแกไปด้วย หนอย...ส่งให้ไปเรียน หนังสือหนังหา กลับไปมีลูกมีผัว”
โสภิตเดินจูงบ็อบบี้ออกมาหน้าตื่น บ็อบบี้แกะมือออกจากโสภิต วิ่งไปประคองแม่ แม่เลี้ยงชี้หน้าพิมพร
“ไอ้ชีพ ไอ้กาบ ลากพวกมันออกไปจากบ้านฉันทั้งแม่ทั้งลูก”
พิมพรยันตัวลุก บ็อบบี้งงๆ ฟังภาษาไทยยังไม่แตกฉานดีนัก
“ทำไมแม่ใจดำอย่างนี้ นี่มันหลานแม่ เลือดเนื้อเชื้อไขของแม่แท้ๆนะคะ”
“ฉันไม่รับรู้ ตอนที่แกกับผัวทำมันออกมา แกคิดถึงหัวอกของฉันบ้างมั้ย ว่ามันจะเจ็บช้ำแค่ไหน นังลูกไม่รักดี”
“แปลกนะคะตอนพิมท้อง พิมกลับมีความสุขใจ พิมเพิ่งรู้ว่าตอนแม่ท้อง แม่กำลังเจ็บช้ำ”
อมราโกรธจัด “ฉันไม่เหมือนแก ฉันได้แต่งงานผูกข้อมือผู้ใหญ่รับรู้ ส่วนแกเรียนไม่จบ ท้องแล้วไม่ได้แต่ง สุดท้ายก็ซมซานหอบลูกกลับบ้าน”
“พิมยอมรับว่าพิมพลาดมีบ็อบบี้คนเดียว พิมก็ถอย ไม่ปล่อยให้ออกมาถึง 3 คน” พิมพรแดกดัน
แม่เลี้ยงโกรธจนตัวสั่น เดินเข้าไปตบเปรี้ยง พิมพรหน้าหัน โสภิตกับบ็อบบี้ตะลึง
อมราชี้หน้าด่า “แก แก นังลูกอกตัญ”
จู่ๆ แม่เลี้ยงหน้ามืด เป็นลม โสภิตผวาเข้าไปประคองแม่ พิมพรยืนตัวแข็ง บ็อบบี้มากอดท่าทีตกใจ
อมรานอนหลับอยู่บนโซฟาห้องรับแขก พวงเอาพัดมาโบกๆ บ็อบบี้กอดเอวพิมพรท่าทางหวาดกลัว พิมพรชะโงกหน้ามองแม่อย่างกังวล
“แน่ใจนะว่าไม่ต้องโทร.เรียกรถพยาบาล”
“ไม่ค่ะ ให้ยาอมใต้ลิ้นตามที่หมอบอกก็พอค่ะ”
“โรคหัวใจเหรอ แม่เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ถ้าเริ่มเป็น ก็...ตั้งแต่พี่หายไปค่ะ แต่ปีนี้แม่เพิ่งเข้าผ่าตัดใหญ่หมอบอกว่า อย่าให้แม่กระทบกระเทือนจิตใจ”
พิมพรถอนใจ จูงบ็อบบี้ไปนั่งข้างๆ แม่ พิมพรใจอ่อนหยิบมือแม่เลี้ยงอมรามาบีบ บ็อบบี้พยายามบีบนวดยาย
“แม่ พิมขอโทษ พิมไม่ได้ตั้งใจพูดอย่างนั้น”
โสภิตดีใจ “ภิตรู้ว่าพี่รักแม่ จริงๆ แล้วแม่ก็รักพี่มาก เพียงแต่ยังโกรธยังน้อยใจพี่อยู่”
พิมพรกลั้นน้ำตา แกล้งหัวเราะ “เหมือนกัน พี่ก็แสดงออกว่ารักแม่ไม่เป็นเหมือนกัน”
บ็อบบี้รีบแทรก “แต่ผมแสดงได้ ผมรักยาย ผมจะดูแลยาย จูบยาย กอดยาย I love you grandma”
บ็อบบี้ทั้งหอม กอดแม่เลี้ยง แล้วมาบีบนวด ผู้ใหญ่สองคนหัวเราะ มองอย่างเอ็นดู
“หลานชายน้าชื่ออะไรนะครับ What s your name?”
“ผมชื่อบูรณาครับ ชื่อเล่น บ็อบบี้ อายุหกขวบครับ” เด็กชายแนะนำตัว
“เก่งจริง พูดไทยชัดมาก”
บ็อบบี้เริ่มหาวพิมบอก “บ็อบบี้ชอบพูดภาษาไทย”
“ดีแล้วค่ะ แม่ไม่ชอบฝรั่ง เอ่อ...ภิตขอโทษ
โสภิตตกใจรีบหยุดพูด พิมหน้านิ่ง “ไม่ต้องมาเกรงใจหรอก ฉันรู้”
เวลาต่อมาโสภิตเดินนำพี่สาวเข้าห้องมา พิมพรอุ้มบ็อบบี้ที่หลับอยู่ไปวางบนเตียง มองรอบๆห้อง
“ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย”
“ค่ะ พวงมาทำความสะอาดให้ทุกอาทิตย์ แล้วนี่พี่พิมจะอยู่...”
พิมพรรีบพูดแทรก “พี่เลิกกับโทมัสพ่อของบ็อบบี้แล้ว”
โสภิตตกใจ “อ้าว”
“ความรักที่เกิดจากความเหงามันไม่ยั่งยืนหรอก จิตรกรอย่างโทมัส เค้ากินอุดมการณ์ รูปไม่ขาย ลูกเมียจะอดอยากแค่ไหนไม่สน พี่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านแสนเหนื่อย กลับมาก็ต้องมาเลี้ยงบ็อบบี้ นอนวันนึงถึงสามชั่วโมงหรือเปล่าไม่รู้”
“ภิตนึกไม่ถึง ว่าพี่จะลำบากอย่างนี้”
“พี่จะไม่กลับไปที่นั่นอีกแล้ว ถ้าแม่ไม่ให้พี่อยู่ด้วย พี่ก็จะไปตายเอาดาบหน้า”
“พี่พิมกับหลานไม่ต้องไปไหน ภิตจะพูดกับแม่ให้แต่ภิตไม่รับรอง ว่าแม่จะฟังภิตหรือเปล่า พี่ก็รู้แม่เป็นคนยังไง รักแรงเกลียดแรง ลองได้โกรธแล้วฝังใจไม่ยอมให้อภัยยกโทษให้ใครง่ายๆ”
“เป็นเธอก็ดี แม่รักตามใจทุกอย่าง”
“ไม่จริงหรอก ภิตเองก็อยากไปเรียนเมืองนอกเหมือนกัน แต่แม่ไม่ยอมสิ้นเปลือง เสียเงิน ส่งเสียเราพร้อมกันทั้งสองคน พี่พิมมีโอกาสเต็มๆ แต่กลับทิ้งมันไป นี่เสียดาย”
“นี่อย่าบอกนะว่าเธอยังโกรธ ยังน้อยใจฉันในเรื่องเก่าๆ พวกนี้อีกยัยภิต”
“ภิตเคยอิจฉาพี่พิมด้วยเหรอคะ แค่เห็นพี่พิมตีกับพี่ยศทุกวัน ภิตก็เหนื่อยแล้ว”
“แล้วนี่นายยศมันเป็นยังไงบ้าง ยังเหลวไหลเหมือนเดิมหรือเปล่า”
ขณะที่จิตราถือตระกร้าจะออกไปจ่ายกับข้าว กำลังจะออกประตูชะงักตกใจ เห็นยศแอบทำลับๆ ล่อๆ อยู่แถวรั้วบ้านหน้าประตู
ยศหน้าตาจริงจังสำนึกผิด “จิตพี่มีเรื่องจะคุยด้วย”
“เราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้ว พี่ยศไปซะเถอะค่ะ”
“โธ่จิต พี่คิดถึงจิตนะ พี่ตั้งใจจะมาหาจิตจริงๆ”
“ไม่ต้องมาพูด เดี๋ยวว่าที่เจ้าสาวพี่จะมาเห็นเข้า”
“โธ่..พี่รักจิตคนเดียว จิตเป็นคนที่เข้าใจพี่ที่สุด เรื่องที่เกิดขึ้นกับจิตแม่บงการวางแผนทั้งหมด จิตไม่รู้หรอกพี่ทุกข์ทรมานใจแค่ไหนที่เห็นจิตเจ็บ พี่เจ็บมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า แต่ความเป็นลูกกตัญญูพี่ต้องก้มหน้ารับกรรม”
จิตราแค้นใจ น้อยใจในความกะล่อนของยศ “ค่ะ จิตเข้าใจ”
“ไม่ จิตไม่เข้าใจ ไม่งั้นจิตคงไม่ไปมีคนอื่น”
“จิตไม่เคยมีใคร”
“แล้วไอ้ตชด.นั่น”
“พี่ก้องเป็นเพื่อนพี่จี เราแค่สนิทกันเฉยๆ”
ยศคว้าคัตเตอร์ ออกมา “พี่ไม่เชื่อ จิตไม่รักพี่แล้ว พี่จะพิสูจน์ให้จิตเห็นว่าพี่รักจิตแค่ไหน”
ยศกดคัตเตอร์ทำท่าจะกรีดข้อมือ
จิตรากรี๊ด “อ๊าย...อย่าๆ”
จีรณะตะโกนมาก่อนตัว “จิตรา” หน้าตื่นเดินรี่มาจากบ้าน
ยศรีบขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ขับหนี ใบหน้ายิ้มระรื่นสะใจหลอกจิตราได้
จีรณะเข้ามาหาจิตที่ยังหน้าตื่นอยู่ มองระแวดระวังไปนอกบ้าน
“มีอะไรเหรอจิต ใครมาทำอะไร”
“ไม่..ไม่มีอะไรจ๊ะ คนเมาเค้าจำบ้านผิด จะเข้าบ้านเราพอได้ยินเสียงพี่จี มันก็หนีไปเลย”
จีรณะพยักหน้าเข้าใจ แต่หน้ายังห่วงน้องสาวอยู่ มองออกไปนอกบ้าน
เย็นนั้น พวงตักข้าวให้แม่เลี้ยงอมราเสร็จ แล้วตักให้โสภิต พวงกะโสภิตสบตากัน โสภิตเหลียวมองหาพิมพร
แม่เลี้ยงด่า “นังพวง แกรวยมากหรือยังไงอยู่กันแค่นี้ทำกับข้าวตั้งห้าหกอย่าง”
พวงตักข้าวใส่จานที่สาม อมราบ่นต่อ “ตายศยังไม่กลับ แกจะตักข้าวทำไมให้มันเย็นชืด”
พิมพรเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะกินข้าวข้างๆ โสภิต แม่เลี้ยงตาค้าง
“นี่แกยังไม่ไปจากที่บ้านฉันอีกเหรอยัยพิม ภิตก็ได้ยิน แม่ไล่มันออกจากบ้านไปแล้วไม่ใช่เหรอ อะไร..สั่งไม่เป็นสั่ง”
“แม่คะ มีเหตุผลหน่อยสิคะ ผู้หญิงกับเด็กตัวเล็กๆ ร่อนเร่อยู่ข้างถนน มันอันตรายมากนะคะ”
อมราไม่ฟัง “ไม่ต้องมาอ้าง ถ้าแกไม่ไล่ฉันไล่เอง ไอ้ชีพ ไอ้กาบ” แม่เลี้ยงตะโกน
พิมพรลุกพรวดเดินไปหาแม่เลี้ยงที่หัวโต๊ะ หน้าเรียบเฉย
“แม่คะ พิมผิดไปแล้วที่ไม่เชื่อฟังแม่ ไม่ตั้งใจเรียน หลงผิดไปคว้าผู้ชายที่ไม่เอาไหนมาแต่งงานด้วย ตอนนี้พิมสำนึกผิดแล้วแม่จะไม่ให้อภัยพิมซักครั้งเหรอคะ”
พิมพรคุกเข่ากราบที่ไหล่แม่เลี้ยง “พิมกราบขอโทษค่ะ”
แม่เลี้ยงปัดออก พิมพรชะงัก กัดริมฝีปาก โสภิตรีบไกล่เกลี่ย
“แม่คะ ยกโทษให้พี่พิมเถอะนะคะ ถ้าแม่ไม่ให้อภัยก็นึกถึงท่านผู้ว่าก็ยังดี”
ทุกคนงง “ท่านผู้ว่าเกี่ยวอะไร”
โสภิตอธิบาย “ท่านผู้ว่าจะคิดยังไงคะ ถ้ารู้ว่าครอบครัวเราแตกแยก แม่ไล่ลูกกับหลานไปนอนข้างถนน เค้าจะให้ลูกสาวเค้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลเราหรือคะ เราต้องสร้างความกลมเกลียวให้เค้าเห็น”
แม่เลี้ยงพยักหน้าทำผืนๆ เชิดๆ
“ก็ได้ แกกับลูกอยู่บ้านนี้ได้ แต่จำเอาไว้ ว่าฉันไม่ได้ใจอ่อนอภัยให้แกหรอกนะ ฉันแค่สร้างภาพเท่านั้นเอง”
แม่เลี้ยงอมรากินข้าว ทำไมรู้ไม่ชี้ เหมือนพิมพรไม่มีตัวตน พิมพรเซ็ง
ขณะเดียวกัน บ็อบบี้ตัวเปียกโชก ถือสายยางฉีดน้ำใส่รถยศ สนุกสนาน โฟมเป็นฟองกระจาย ยศขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามางงๆ และเปลี่ยนเป็นโกรธ บ็อบบี้ตกใจหันไปหายศพร้อมสายน้ำ
ยศร้อง “เฮ้ย”
ยศโดนน้ำเปียกยิ่งโกรธ เช็ดหน้าเช็ดตา “ไอ้เด็กเวรนี่ แกมายุ่งอะไรกับรถฉันไปให้พ้น ยัง..ยังไม่ปิดน้ำอีก”
ยศตรงรี่เข้าไปจะแย่งสายยางบ็อบบี้ บ็อบบี้ฉีดน้ำใส่ ยศล้มกันจ้ำเบ้า บ็อบบี้สนุกหัวเราะเยาะไป ฉีดน้ำใส่ยศไป
“ไอ้เด็กผี พ่อแม่ไม่สั่งสอน”
ยศเข้าแย่งสายยางได้โยนทิ้งไป บ็อบบี้ชี้หน้ายศหัวเราะไปมา ยศตรงเข้าจับแขนบ็อบบี้ “ขำมากใช่มั้ยไอ้เด็กเปรต”
ยศเงื้อมือจะตบบ็อบบี้ พิมพรตะโกนก้อง “หยุดนะไอ้ยศ”
ยศหันไปพิมพรเดินเร็วรี่เข้ามา บ็อบบี้สะบัดหลุดจากยศ วิ่งไปกอดขาแม่
“พี่พิม”
“แกนี่นิสัยไม่เคยเปลี่ยน อายุเท่าไหร่แล้ว ลงไปทะเลาะกับเด็กหกขวบปัญญาอ่อนหรือแก”
ยศมองพิมพรสลับกับบ็อบบี้
“นี่ลูกพี่ใช่มั้ย ตามสูตรสก๊อยแถวบ้านเราเลย หนีเรียนไปมีผัว พอท้องก็ซมซานกลับบ้าน ไม่รู้ว่าจะกลับมาทำไม บินไปแล้วก็บินไปให้สุดทางสิวะ”
พิมพรทนไม่ไหว จะเข้าไปทุบตีน้องชาย ยศจับมือไว้ พิมพรเข่าลอยใส่จนยศทรุดโมโห
แม่เลี้ยงเดินเข้ามาพวงถลาไปกอดยศ
“หยุดด...แกสองคนจะตีกันตั้งแต่เด็กยันแก่เลยหรือไง ฮึ”
พิมพรรีบฟ้อง “ก็มันปากเสีย”
ยศเถียง “ก็พี่พิมเริ่มก่อน”
“หยุดทั้งสองคนนะแหละ ยายพิมแกพาลูกไปกินข้าวในครัว”
พวงรีบเข้ามาจูงบ็อบบี้ ยศสบตากับบ็อบบี้ชี้หน้า บ็อบบี้แลบลิ้นใส่ ยศจะเข้าไปตี แต่แม่เลี้ยงไวกว่า บิดหูไว้ทัน
“โอ้ย...แม่”
“แกกับฉัน มีเรื่องต้องสะสาง”
แม่เลี้ยงอมราดึงหูยศลากมาแล้วปล่อย ยศกุมหูร้องโอดโอย
“พอแล้วแม่ หูหลุดแล้ว โอ้ย เจ็บๆ”
“วันก่อนฉันให้เงินแกไปฟ่อนใหญ่ให้แกไปง้อหนูนิต แต่แกกลับทำเรื่องให้น้องเค้าระคายใจกว่าเดิม”
“น้องนิตเข้าใจผิด”
“แกต้องไปง้อหนูนิตให้สำเร็จ ไม่งั้นแกไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้า”
ยศแบมือขอเงิน “ได้ครับ คราวนี้น้องนิตต้องหลงผมหัวปักหัวปำ”
แม่เลี้ยงมองมือที่ยื่นมา ล้วงในกระเป๋า ยศยิ้มลุ้นเงินที่จะได้ แม่เลี้ยงหยิบมีดตัดกระดาษออกมาปักลงกลางมือ ยศเกือบหลบไม่ทัน
“แม่ ทำอะไร”
“เงินงวดนั้น เอาไป ทำงานไม่สำเร็จ ฉันคูณ 10 เท่า รวมในบัญชีหนี้สินที่แกต้องจ่ายฉัน ส่วนงานวันนี้ ถ้าแกทำไม่สำเร็จ ฉันจะหักเงินเดือนแก เดือนละหมื่น เอาไปเพิ่มให้ลูกนังพิมไว้เรียนหนังสือ จะได้ไม่โง่เหมือนแก”
แม่เลี้ยงเดินออกไป ยศโมโหพาลโทษพี่สาว
“แม่นะแม่ ลูกตัวเองยังเค็มสุดขั้ว พี่พิม จะกลับมาทำไมก็ไม่รู้”
มนัสเดินมาตามทางแถวเรือนคนใช้จวนผู้ว่า นิตยาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น แอบดูอยู่แถวแปลงดอกไม้ เกาะติดต้นไม้ พอมนัสเข้ามาใกล้ นิตยาร้องกรี๊ดๆ
“ช่วยด้วย งูๆ”
มนัสตกใจวิ่งเข้าไปหา นิตยาทำเป็นลมล้มทรุดลงกับพื้น มนัสเข้าไปประคองหลวมๆ แตะหลัง แตะไหล่ ไม่กล้าถูกเนื้อต้องตัว มนัสสอดส่ายสายตา
“ไม่เป็นไรแล้วครับคุณนิด งูมันหนีไปแล้ว”
นิตยาทำตาปรือสูดลมหายใจลึกๆ ผ่อนลมหายใจพยายามอิงตัวพิงตัวมนัส
“ไม่เป็นไรค่ะ นิดไม่เป็นอะไรแล้ว”
นิตยาทำพยายามจะลุกเซไปเซมา มนัสพยายามประคองเบามือ
เสียงคุณนายนลินีดังขึ้น “นี่ปล่อยลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้นะ”
คุณนายเข้ามาจ้องมนัส แล้วมองนิตยา นิตยาทำหลับตาโซเซ ยศเดินตามหลังคุณนายมา มองอย่างงงๆ
“คุณนิดเป็นลมครับ” มนัสบอก
นลินีเข้าไปกระชากนิตยามาโอบเอวเอาไว้
“ฉันบอกให้ปล่อยก็ปล่อย ทำอะไรไม่รู้จักเจียมกะลาหัว จะไปไหนก็ไป ลูกสาวฉันๆ ดูแลเองได้”
มนัสหน้าจ๋อยไหว้นอบน้อม แล้วรีบถอยออกไป นิตยาทำท่าเซ็งที่ถูกขัดจังหวะ
“อย่านึกว่าฉันไม่รู้ทันแก ยัยนิต”
“รู้ทันเรื่องอะไรกันคะ” นิตยาทำไร้เดียงสา
ยศแถมาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว “คุณนิต คุณนิตเป็นลมหรือครับ”
คุณนายเรียก “พ่อยศ มาช่วยประคองน้องหน่อยค่ะ”
“เต็มที่เลยครับ”
ยศยิ้มกริ่มจะได้อุ้มสาว นิตยาจะหายเป็นลม นลินีจิกข้อมือให้เล่นละครต่อ ยศเข้ามาประคองอุ้ม
“อุ้มไปไหนดีครับ”
คุณนายบอก “ไปห้องโถงก่อนดีกว่าค่ะ”
นลินีเดินนำยศอุ้มเดินตามไป เริ่มหน้าเบ้ เพราะตัวนิตยาหนักมาก จนเริ่มเดินเป๋ สุดท้ายยศสะดุดทางเดิน นิตยาหล่นพลั่ก
“โอ้ย”
นิตยาร้อง “ว้าย โอ๊ย”
คุณนายหันมาเห็นก็ตกใจ “ตาเถร”
นิตยาลุกขึ้นมาได้ก่อนหัวเสีย ปัดเนื้อปัดตัว
“โธ่เอ๊ย จะโชว์พาวก็ไม่มีปัญญา ไปหัดวิ่งให้ครบรอบสนามก่อนเถอะค่ะ ถึงอาสามาอุ้มนิต”
นิตยาเดินงอนตุ๊บป่องออกไป ยศยิ้มเรี่ยราด อายๆ คุณนายยลินีมองอย่างอ่อนใจ
ส่วนโสภิตหอบของพวกอุปกรณ์การเรียน พวกสมุด ดินสอ ข้าวสาร อาหารแห้งเต็มมือ เอาไปวางไว้หน้าบ้านคำปัน แล้ววิ่งไปแอบมองเด็กๆ หลังต้นไม้ เด็กๆ ยังไม่ออกมา โสภิตเลยเก็บก้อนอิฐแถวนั้น ปาไปที่หลังคาบ้าน แล้วรีบหลบ
ได้ผลเด็กๆ เปิดประตูออกมา เห็นของวางไว้หน้าบ้าน เรียกกันมาดู ดีใจกันใหญ่
เด็ก 1 ว่า “ของดีๆทั้งนั้นเลย ใครเอามาให้ก็ไม่รู้”
“สงสัยเป็นครูจีแน่ๆ เลย” เด็ก 2 บอก
โสภิตยิ้มปลื้มใจ ถอยหลังเดินจะกลับ เจอบุญมี ดุ่ย และไทร ที่เดินมาหาคำปัน หล่อนชะงัก รีบเดินหนี
ดุ่ยจำได้ “นั่นลูกสาวแม่เลี้ยงนี่”
ไทรถาม “มาทำอะไรที่นี่”
“คงจะมาทวงหนี้น้าคำปัน ใจกล้ามากที่มาคนเดียว” บุญมีว่า
สามคนมองหน้ากัน บุญมีเดินตาม โสภิตรีบเดินจ้ำหนีทั้งสามวิ่งมาดัก
บุญมีถาม “จะรีบไปไหนล่ะคุณ”
“ฉันมีธุระพวกนายจะทำอะไร อย่านะ” สามคนไม่ถอย โสภิตหันหลังกลับวิ่งหนี “ช่วยด้วยๆๆ”
จีรณะวิ่งมาตามเสียงร้องมาเจอบุญมี “ผมได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย”
ท่าทางทั้งสามมีพิรุธเกี่ยงกัน บุญมีเป็นคนบอก
“ลูกสาวแม่เลี้ยง เห็นมาลับๆล่อๆบ้านเฒ่าคำปัน ยังไม่ได้ทำอะไรเลย แหกปากวิ่งหนีไปแล้ว”
โสภิตวิ่งหนีมาอีกมุมหนึ่ง แล้วไปหลบหลังต้นไม้ จีรณะวิ่งตามมาจนทัน เห็นโสภิตแว่บๆ หลบ ยิ้มเดินไปหาอย่างช้าๆ แกล้งด่า
“มาทำลับๆ ล่อ จะเผาบ้านเค้าอีกรอบหรือ อยากผ่าหัวใจออกมาดู ว่ามันดำมืดซักแค่ไหน”
จีรณะสืบเท้าเดินใกล้เข้ามา ด่าไปเรื่อยๆ “ซาดิสต์กันทั้งบ้านหรือเปล่า มีความสุขที่เห็นชาวบ้าน เดือดร้อน ทุกข์ทรมานใจ วันหน้าถ้าลูกหลานตัวเองถูกคนอื่นเค้าทำกลับคืนบ้าง พวกคุณคงสุข สนุกกันสุดยอดเลยนะ”
โสภิตมองรอบๆ ว่าจะทำยังไง เห็นเข่งใส่ดินวางอยู่
“แต่ผมว่าวันนี้ผมคงต้องสั่งสอนบทเรียนคุณซะบ้าง”
จีรณะก้าวพรวดไปที่โสภิตหลบอยู่ โสภิตยกเข่งสาดดินใส่ เต็มหน้า แล้วขว้างเข่งใส่อีกจีรณะผงะล้มลงไป
“สั่งสอนเหรอ ฝันไปเถอะ”
โสภิตวิ่งหนีไปจีรณะดินเต็มหน้าแสบตามาก
“ตัวแค่นี้ แสบไม่ใช่เล่น ยัยอุตพิด”
ฟากบ็อบบี้ป่ายปีนรั้วหน้าบ้าน ชะเง้อมองออกไปนอกรั้ว อย่างเพลิดเพลิน ยศเดินหงุดหงิด เตะกิ่งไม้ใบหญ้ามาไกลๆ แล้วชะงักมองบ็อบบี้ ครุ่นคิดแผนร้าย ยศเดินเหลียวหน้าแลหลังระแวดระวังมาหาบ็อบบี้
“บ็อบบี้ GOOD BOY”
“น้ายศ BAD GUY โดนคุณยายด่า”
ยศด่าเบาๆ ไม่มีเสียงว่า “เด็กเวร” แล้วรีบยิ้มเอ็นดูเด็ก
“เรามาดีกันนะ น้าขอโทษบ็อบบี้ ซอรี่ๆ นะ”
บ็อบบี้บอก “never mind”
ยศทำมือประกอบ “บ็อบบี้ รู้จักMELON มั้ย”
บ็อบบี้ครุ่นคิด พยักหน้า“I SEE. WATER MELON ลูกเขียวๆ ข้างในสีแดงก็มี สีเหลืองก็มี บ็อบบี้ชอบ”
ยศดีใจรีบล้วงเงิน ร้อยบาทส่งให้บ็อบบี้
“ดีๆ ออกไปซื้อที่ตลาดให้น้าที ตลาด มาร์เก็ตน่ะ”
บ็อบบี้ตื่นเต้น “โอ มาร์เก็ต ไกลมั้ยครับ”
“อู๊ย ไม่ไกลหรอก ดูโน่นๆ ดู”
ยศชี้ไปที่ถนน เห็นรถสองแถววิ่งผ่านมาหยุดรับป้าที่โบกรถ ขับออกไป
“นั่งรถแบบนั้นไป เดี๋ยวเดียวก็ถึง”
บ็อบบี้ยิ้ม ยศล้วงเหรียญออกมาให้อีกยี่สิบกว่าบาท สบตากันสนุกสนาน
แม่ค้าผลไม้ส่งเงินทอนให้บ็อบบี้ บ็อบบี้รับเงินแต่ตามองรอบๆ ตลาด อย่างตื่นตาตื่นใจ “ใส่กระเป๋าดีๆล่ะ เดี๋ยวหล่นหาย”
บ็อบบี้เอาเงินใส่กระเป๋า“THANK YOUขอบคุณครับ”
แม่ค้าส่งแตงโมในถุงให้ บ็อบบี้รับมาถือไม่ไหว อุ้มไปอุ้มมา
แม่ค้าเหลียวหาพ่อแม่ของบ็อบบี้ รำพึงเบาๆ
“หนักล่ะสิ พ่อแม่มันไปไหนวะ มาๆ เดี๋ยวหั่นให้ รอก่อน”
บ็อบบี้พยักหน้า เดินมองโน่นนี่ไป จากนั้นบ็อบบี้ชมตลาดอย่างตื่นตา
บ็อบบี้ เดินมามุมหนึ่ง มีเด็กเกเรเล่นล้อต๊อกกันสนุกสนาน บ็อบบี้เข้ามายืนเมียงมอง คนแพ้จ่ายเงินคนชนะ เด็กโข่งหย่อนเหรียญบาทใส่กระดานเอียง เหรียญกลิ้งไปหยุดล้มกับพื้น เด็กอื่นๆมองผ่านแล้วรับไปต่อคิว เตรียมหยอดเหรียญใส่กระดาน
เด็กโข่งแอบเอาเท้าเขี่ยเหรียญเข้าไปใกล้เส้น บ็อบบี้เครียดส่ายหน้า เด็กอื่นเหรียญออกนอกเส้นบ้าง ไม่ใกล้เส้นบ้าง ต่างควักเงินเตรียมจ่ายให้เด็กโข่ง
“ยูเล่นโกง YOU PLAY TRICKS ON SOMEONE อย่าไปจ่ายเงิน เค้าเล่นโกงเอาเท้าเขี่ยเหรียญ”
เด็กๆชะงัก มองเด็กโข่ง มองบ็อบบี้ “อยากเล่นด้วยก็ไม่บอก จัดให้”
ขาดคำ เด็กโข่งเข้าไปต่อยบ็อบบี้กระเด็นล้ม บ็อบบี้ลุกโดดเข้าสู้ไม่กลัวคน
จีรณะเดินปัดเนื้อปัดตัวมาพูดโทรศัพท์
“อาโป ถามพี่จิต จะเอาอะไรบ้าง ฉันอยู่ที่ตลาด เฮ้ย..ทำอะไร กัน หยุดๆเดี๋ยวนี้”
จีรณะหันไปเห็นบ็อบบี้โดนต่อยเซไปเด็กอื่นเฮผลักบ็อบบี้เข้าไปสู้ใหม่ ล้อมเป็นวง
จีรณะวิ่งเข้ามา เด็กวิ่งหนี บ็อบบี้นั่งหมดสภาพกับพื้น จีรณะเข้ามามองบ็อบบี้ยืนมือให้แล้วดึงบ็อบบี้ยื่นมือให้บ็อบบี้ยืน
“THANK YOU ขอบคุณครับ”
บ็อบบี้เช็ดเลือดที่ปากจมูก แก้มช้ำ
จีรณะจูงบ็อบบี้มาที่รถมอเตอร์ไซค์ตรงลานจอดรถ เลือดเด็กชายไม่ไหลแล้ว แต่เห็นเป็นรอยจางๆ บ็อบบี้ซึมไปถนัดตา
“เดี๋ยวครูพาไปส่งบ้าน บ้านอยู่ที่ไหนล่ะไอ้เสือบ็อบบี้”
“จำไม่ได้แล้วครับ”
“อ้าว แล้วมาตลาดยังไงครับ”
“ขึ้นรถมาครับ ค่ารถ five บาท”
จีรณะย่อตัวลงนั่ง “ใจเย็นๆ นะครับ ตอนบ็อบบี้มาตลาด มาจากทางไหนซ้ายหรือขวา”
บ็อบบี้มองซ้าย แลขวา มองรอบๆ ตัว งงๆ บ็อบบี้สบตาจีรณะ ส่ายหน้า
จีรณะมองโหนกแก้มช้ำแดง ปากเจ่อ จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเบาๆ เอานี้แตะโหนกแก้ม บ็อบบี้สะดุ้ง
“เจ็บเหรอครับ ครูขอโทษ”
บ็อบบี้ส่ายหน้า ร้องไห้น่าเวทนา
ไม่นานนักจีรณะขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาหน้าบ้าน บ็อบบี้กอดเอว เอียงซบหน้ากับหลังจีรณะ เหมือนหลับอยู่
“ถึงบ้านครูแล้วบ็อบบี้ ดูแผลประคบน้ำแข็ง ใส่ยากันก่อนแล้วค่อยหาทางกลับบ้านกัน บ็อบบี้ๆ”
บ็อบบี้นิ่ง จีรณะตกใจ
อาโปรีบออกมา “อาโปประคองเด็กให้หน่อย”
“เด็กฝรั่งนี่ ลูกใครนาย”
“ไม่รู้ หลงทางมา”
อาโปเข้าประคองบ็อบบี้เอาไว้ จีรณะรีบลงจากรถ
“เด็กฝรั่งตัวร้อนจี๋เลยนาย”
รณะจีอุ้มบ็อบบี้ไป บ็อบบี้คอพับ ทุกคนพากันเข้าบ้านไป
บ็อบบี้นอนหลับอยู่ มีผ้าเย็นพับวางอยู่บนหน้าผาก จมูก ปากไม่มีรอยเลือดแล้ว จิตราเอาผ้าห่อน้ำแข็งประคบที่โหนกแก้มบ็อบบี้อย่างอ่อนโยน จีรณะยืนดู ห่วงใยอาโปนั่งคอยเอาผ้า ชุบน้ำเย็นเปลี่ยนให้จิตรา
จิตราอธิบาย “มีไข้ จิตให้กินยาไปแล้วตื่นมาก็ดีขึ้น พี่จีไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“พี่สะเพร่าเอง ให้ซ้อนรถตากแดดมา
“สงสัยจะเป็นลูกนักท่องเที่ยวคะ ป่านนี้พ่อแม่คงเป็นห่วงน่าดู”
ทุกคนสบตากันไปมา
ฟากโสภิตยืนอยู่ในห้องโถงท่าทีร้อนใจ เมียงมองออกไปนอกบ้าน พวงหน้าตื่นเข้ามา
“เจอมั้ยคะ ป้า”
ยศนั่งทำเป็นชะเง้อชะแง้หา “ไม่เจอเจ้า หาทั่วบ้านแล้ว”
ชีพกะกาบหน้าตื่นเข้ามาชีพบอก “หน้าบ้านก็ไม่มีครับ”
“หลังบ้านก็ไม่เจอครับ”
แม่เลี้ยงอมราเข้ามา “มีอะไรวิ่งกันวุ่นวาย”
“บ็อบบี้หายตัวไปค่ะ”
แม่เลี้ยงบ่น “ เด็กตัวตั้งโต อยู่ดีๆ มันจะหายตัวไปได้ยังไง”
พิมพรในชุดนอน ใส่เสื้อคลุมทับ เดินลงมาจากฉันบน
“เอะอะโวยวายอะไรกันคะแม่”
“คุณบ็อบบี้หายไปไหนก็บ่ฮู้เจ้า”
พิมพรลงนั่ง รินน้ำกิน ยังไม่ซีเรียส “จะหายไปไหน คงเล่นซนอยู่แถวๆ นี้แหละ”
อมราด่า “แกเป็นแม่ภาษาอะไรยัยพิม ลูกเต้าหายไปทั้งคน ยังมาทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เอาแต่นอนกินบ้านกินเมือง”
“ลูกหนูไม่ใช่เด็กโง่นะคะแม่ บ็อบบี้มันฉลาดจะตาย ไอคิวตั้งร้อยห้าสิบ”
เส่งวิ่งเข้ามา เหงื่อเต็มหน้า “ชาวบ้านหน้าคุ้มเห็นคุณบ็อบบี้เดินออกไปข้างนอกครับ”
แม่เลี้ยงสั่ง “พาลูกน้องแกออกตามหาเร็วๆ สิ มาบอกทำไมวะไอ้นี่”
เส่งรีบออกไป พิมพรบอก “ทำเป็นตื่นเต้นกันไปได้ บ็อบบี้มันความจำดีจะตาย อยู่ที่โน่นมันเดินไปทั่วเมือง กลับบ้านถูกไม่เคยหลง”
“แต่นี่มันเมืองไทยนะพี่พิม ไม่ใช่บ้านที่เมืองนอกของพี่ บ็อบบี้จะได้คุ้นเคยทาง”
จู่ๆ โสภิตนึกถึงที่จีรณะเคยพูดด่า
“ซาดิสต์กันทั้งบ้านหรือเปล่า มีความสุขที่เห็นชาวบ้านเดือดร้อน ทุกข์ทรมานใจ วันหน้าถ้าลูกหลานตัวเองถูกคนอื่นเค้าทำกลับคืนบ้าง พวกคุณคงสุข สนุกกันสุดยอดเลยนะ”
นึกขึ้นมาแล้วโสภิตยิ่งตกใจ “ตายแล้วแม่ บ็อบบี้อาจจะถูกจับไปเรียกค่าไถ่ก็ได้”
“อะไรนะ” พิมพรตกใจ
โสภิตอธิบาย “พวกลูกหนี้ แค้นเราอยู่ถ้ารู้ว่าบ็อบบี้เป็นหลานแม่เลี้ยงอมรา บ็อบบี้ไม่ปลอดภัยแน่”
พิมพรกระเด้งลุกขึ้น ห่วงลูก “จริงเหรอ แล้วจะทำไงล่ะ”
แม่เลี้ยงอมราสั่งเสียงดัง “ชีพ เอารถออกเดี๋ยวนี้”
ไม่นานต่อมาดาบม้วนนั่งพิมพ์ดีดบันทึกปากคำ จ่าทองนั่งอยู่ข้างๆ แม่เลี้ยงอมรา โสภิต และพิมพร นั่งหน้าเครียดอยู่ตรงข้าม
ดาบม้วนพิมพ์เสร็จดัดนิ้ว “เรียบร้อยแล้วครับแม่เลี้ยง”
แม่เลี้ยงตบโต๊ะเปรี้ยง “เรียบร้อยบ้าอะไร นั่งกันตาแป๋ว ทำไมไม่จัดกำลังออกตามหาหลานฉัน นี่มันก็มืดค่ำแล้ว”
“กำลังเราระดมไปจับยาบ้ากับโสเภณีเด็กครับ เดี๋ยวรอกำลังกลับมาก่อน” ดาบม้วนอธิบาย
“โทร.เรียกกลับมาเดี๋ยวนี้เลย มาตามหาลูกฉันก่อน”
“ยาบ้ามันก็ขายกันทุกวี่ทุกวัน แต่นานๆ หลานฉันจะหายซักที ต้องลัดคิวมาให้ฉันก่อน”
“ตามหลักคนหาย มันต้องรอให้ครบสี่สิบแปดชั่วโมง ถ้าเป็นเด็กก็ต้องรอ...”
อมราสวนทันที “รอทำไม ถ้าหลานฉันถูกจับไปเป็นขอทาน ฉันจะย้ายให้หมดโรงพักเลย”
พิมพรกดโทรศัพท์เป็นรูปบ็อบบี้ส่งให้จ่าทองดู “นี่รูปบ็อบบี้ ลูกชายฉัน สั่งพิมพ์ติดให้ทั่วจังหวัดเลย”
“เอ่อ...คือ ทำอย่างนี้ไม่ได้ครับ” จ่าทองว่า
“ทำไมทำไม่ได้ ฉันสั่งขังลืมพวกแกยังทำได้เลย”
โสภิตรีบเข้าห้าม
“ใจเย็นค่ะแม่ ขอโทษค่ะจ่าขอร้องล่ะค่ะจ่าทอง ดาบม้วน บ็อบบี้อายุแค่หกขวบเอง ช่วยรีบวิทยุส่งข่าวตามหากันเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
แม่เลี้ยงลุกขึ้น “ใครตามหาหลานฉันเจอ ฉันจะยกหนี้ให้ทั้งต้นทั้งดอก คืนโฉนดจำนอง ของจำนำให้หมดเลย”
จ่าทอง กะ ดาบม้วน ลุกยืนพร้อมกัน มองสบตากันตาโต
บ็อบบี้นอนหลับอยู่บนเตียง จิตราหยิบผ้าในขันมาบิดน้ำ พับวางบนหน้าผากบ็อบบี้ จีรณะอยู่ข้างๆ อาโปยืนดูอยู่ด้วย
บ็อบบี้ละเมอเอามือมาจับมือจีรณะ “แด๊ดดี้ แด๊ดดี้”
“ถ้าไข้ไม่ลดอาจจะต้องส่งโรงพยาบาลนะคะ” จิตราบอก
“อืม คงจะต้องไปแจ้งตำรวจเอาไว้ด้วย พ่อแม่บ็อบบี้อาจจะไปแจ้งความไว้แล้วก็ได้”
อาโปบอก “โชคดีนะที่เจอคนดีดีอย่างนาย ถ้าเจอผู้ร้าย คงโดนจับไปตัดแขนตัดขาเป็นขอทาน”
ทั้งหมดมองบ็อบบี้อย่างสงสาร
หมู่มวลนั่งกินข้าวต้มกันอยู่ที่โต๊ะกินข้าว โสภิตอิ่มก่อน ยกดื่มน้ำแล้วซับปาก
“เดี๋ยวภิตไปตามข่าวบ็อบบี้ที่โรงพักนะคะแม่”
พิมพรรีบอิ่มด้วย “พี่ไปด้วย”
ยศซดข้าวต้ม แม่เลี้ยงมอง “หลานหายไปทั้งคน แกไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยเหรอตายศ”
ยศสำลัก “ผมก็เตรียมจะไป...”
พวงเข้ามาหน้าตื่น “ตำรวจมาเจ้า แม่เลี้ยง”
ทุกคนตกใจตาโต
หมู่มวลนำโดยแม่เลี้ยงอมราเดินออกประตูมา ดาบม้วนจัดแถวเด็กๆ แม่ยืนแถวหลัง รับหน้าเด็กลูกครึ่งทั้งสาม แม่เลี้ยงเครียด พิมพรส่ายหน้ากับโสภิต ยศแอบยิ้ม
ดาบม้วนถาม “คนไหนบ็อบบี้ครับแม่เลี้ยง พอผมออกข่าวไปชาวบ้านพวกนี้บอกเจอเด็กลูกครึ่งหลงทางพร้อมกันทั้งหมดเลย ผมจำหน้าบ็อบบี้ที่ดูในภาพไม่ค่อยได้”
แม่เลี้ยงชี้หน้าดาบม้วน “ยะลา ปัตตานี นราธิวาส อยากย้ายไปอยู่จังหวัดไหนเลือกเอา”
ดาบม้วนชี้พวกแม่ๆ เด็ก “ยังไม่รีบไปกันอีก เดี๋ยวเอาเข้าคุกให้หมดเลย”
แม่ๆ พาเด็ก รีบออกไป จ่าทองขี่มอเตอร์ไซค์มีป้า 1 ซ้อนท้ายมาจอด ลงจากรถทั้งคู่ จ่าทองชี้ป้า 1
“ป้าคนนี้บอกว่าเห็นบ็อบบี้เมื่อวานนี้ครับ
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเห็นหลานฉันจริง มั่วมาอีกรึเปล่าก็ไม่รู้”
โสภิตถามขึ้น “อุ๊ยจ๊ะ เด็กที่อุ๊ยเห็นใส่เสื้อสีอะไรจ๊ะ”
ป้าเล่าให้ฟังว่าตนอยู่ในรถสองแถวเมื่อวานนี้ กำลังจะไปตลาด ในรถมีผู้โดยสาร ชายหญิง 3-4 คน รถสองแถวแล่นมาสักระยะหนึ่ง ป้าจึงเห็นบ็อบบี้ยืนโบกรถ แล้วขึ้นรถมานั่งคู่กับป้า 1
ป้ามองบ็อบบี้สงสัย “จะไปไหน ไอ้หนู”
“ไปตลาดครับ”
“แล้วพ่อแม่ไปไหน ทำไมมาคนเดียวอย่างนี้”
“แม่อยู่ที่บ้านครับ”
“ไม่กลัวหลงเหรอ”
“ไม่หลงหรอกครับ ผมโตแล้วตอนอยู่ที่เมืองนอก ผมก็ไปซื้อของให้แม่บ่อยๆ คุณป้าครับถ้าถึงตลาดแล้วช่วยบอกคนขับรถจอดให้ผมลงหน่อยนะครับ”
ป้ายิ้มมองบ็อบบี้ เอามือลูบหัวอย่างเอ็นดู
พอเล่าจบ ป้าบอกอีกว่า “เด็กใส่เสื้อสีดำ มีรูปหัวเสือด้วย”
พวงจำได้ “ใช่ๆ พวงเป็นคนใส่ให้คุณบ็อบบี้เองกับมือ”
โสภิตครุ่นคิด “ไปไกลขนาดนั้นคนเดียวได้ยังไง”
“ก็พ่อบ็อบบี้น่ะซิ ชอบฝึกให้ลูกไปไหนมาไหนคนเดียวตั้งแต่สี่ห้าขวบแล้ว” พิมพรบอก
แม่เลี้ยงโมโห “ไอ้บ้า มันไม่อยากรับผิดชอบลูกมันน่ะซิ จะไปรถชน ตกท่ออะไรที่ไหน มันก็ไม่สน”
“งั้นเดี๋ยวภิต จะไปดูที่ตลาด แม่พักก่อนเถอะค่ะ ได้ความยังไงภิตจะโทร.มาบอก”
พิมพรลุกตามน้องไป ยศบ่น “มาไม่เท่าไหร่ ก็ทำเรื่องวุ่นวายแล้ว”
“เด็กก่อเรื่องมันยังน่าให้อภัย แต่ผู้ใหญ่โตเป็นวัวเป็นควายแล้วสร้างปัญหานี่ซิ มันน่าเลี้ยงมั้ย”
ยศหน้าเจื่อน ยิ่งแค้น
ด้านจีรณะอยู่ที่บ้านจูงบ็อบบี้ใส่ชุดชาวเขาลงมาจากบ้าน จิตรากำลังจัดถ้วยชามบนโต๊ะ
“จิต เคยเห็นชาวเขาฝรั่งรึเปล่า พี่เอาชุดที่ซื้อจะเอาไปฝากนักเรียนให้บ็อบบี้ใส่”
จิตราหัวเราะ “ชุดบ็อบบี้แห้งแล้ว จิตพับใส่ถุงให้แล้ว มานั่งกันก่อน จิตให้อาโปไปซื้อโจ๊กที่ตลาด เดี๋ยวก็คงกลับ”
จิตราแตะหน้าผาก แก้ม คอของบ็อบบี้ “ไม่มีไข้แล้วนี่ มาทำความรู้จักกันหน่อยซิ”
“ชื่อบ็อบบี้ครับ ชื่อจริงชื่อบูรณา แล้วพี่คนสวยล่ะครับ”
“พี่ชื่อ จิตรา ชื่อเล่น จิต” แล้วชี้จีรณะ “คนนี้พี่ชายของพี่ชื่อ จีรณะ ชื่อเล่น จี”
บ็อบบี้ชี้จีรณะ แล้วชี้จิตรา “มิสเตอร์ จี มิส จิตรา”
“คุณแม่บ็อบบี้ชื่ออะไรครับ”
“แม่ชื่อพิมพรครับ ผมกับแม่กลับจากอเมริกามาอยู่บ้านคุณยาย”
“คุณยายชื่ออะไรจ๊ะ”
บ็อบบี้ครุ่นคิดเอานิ้วแตะๆ “ยายชื่อ...ชื่อแม่เลี้ยง”
สองพี่น้องเอะใจ “แม่เลี้ยง”
เสียงรถตำรวจเปิดหวอเข้ามาหน้าบ้าน จีรณะ จิตรา และบ็อบบี้ตกใจ
อ่านต่อตอนที่ 5