เรื่องย่อละคร “อีสา-รวีช่วงโชติ”
บทประพันธ์ : สีฟ้า
บทโทรทัศน์ : ศิริลักษ์ ศรีสุคนธ์
กำกับการแสดง : สันต์ ศรีแก้วหล่อ
ผลิต : นิพนธ์ ผิวเณร, ถกลเกียรติ วีรวรรณ
แนวละคร :
วันเวลาออกอากาศ :
ระยะเวลาออกอากาศ :
จำนวนตอนออกอากาศ :
อีสา(วรุนุช ภิรมย์ภักดี) เกิดมาในแผ่นดินรัชกาลที่ 6 หลังจากที่มีการเลิกทาสแล้ว เกิดมาได้สองสามวันแม่ก็ตาย เพราะตกเลือด ป้าเจิม(รัญญา ศิญานนท์) จึงคอยเลี้ยงดูสา ป้าเจิมมีหน้าที่ช่วยงานอยู่ในโรงครัวของวังหม่อมเจ้าโชติช่วงระวี รวีวาร(ธีรพงศ์ เหลียวรักษ์วงศ์) ท่านชายเข้าพิธีเศกสมรสกับ หม่อมพริ้ม(สินจัย เปล่งพานิช) ซึ่งถือว่าเป็นหม่อมใหญ่ นอกจากนั้นท่านชายยังมีหม่อมอื่นๆ อันได้แก่ หม่อมลำดวน(ปนัดดา วงศ์ผู้ดี) หม่อมคนที่สอง หม่อมนิ่ม(ลักขณา วัธนวงส์ศิริ) และ หม่อมน้อยท่านชายทรงมีลูกกับหม่อมต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นธิดาทั้งสิ้น หม่อมทุกคนจึงแข่งขันกันอยู่ในทีว่าใครจะให้กำเนิดลูกชาย ผู้จะเป็นผู้รับสืบทอดตราประจำตระกูลรวีวารต่อจากท่านชาย สาโตขึ้นเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวย ป้าเจิมจึงพาสาไปฝากกับหม่อมนิ่มและหม่อมน้อยให้ฝึกรำ สาได้เห็นท่านชายอยู่บ่อยครั้ง และแอบหลงใหลในความสง่างามของท่าน สาโตเป็นสาวอายุได้16 ปี ในวังมีงานฉลองพระชนม์มายุครบ 4 รอบ (46 ปี) ของท่านชายหม่อมนิ่มให้สาขึ้นรำเป็นนางรจนา ตอนนางรจนาเสี่ยงพวงมาลัย สาตั้งใจรำโปรยเสน่ห์เต็มที่ และก็ได้ผล ความสวยของสาจับใจท่านชาย จนสาได้เป็นหม่อมของท่านชายในคืนนั้นเอง
ท่านชายโปรดปรานสามาก จนหม่อมทุกคนอิจฉา ต่อมาไม่นานสาก็ตั้งครรภ์ สาวาดหวังไว้ว่าตนจะได้ลูกชาย และมีอนาคตที่ดีงาม แต่เมื่อถึงกำหนดคลอด สาให้กำเนิดลูกชายตามที่คาดไว้ หม่อมพริ้มขอลูกของสาไปเลี้ยงเป็นลูกของตน ตอนแรกสาเองไม่แน่ใจ แต่เนื่องจากสาน้ำนมเป็นพิษ และท่านชายก็หลงใหลตัวสามาก ไม่ต้องการให้สาเสียเวลาไปกับการเลี้ยงลูก จึงยกลูกชายให้หม่อมพริ้มไป ท่านชายไปบรรทมที่ห้องสาทุกคืนไม่หยุดหย่อน จนในที่สุดท่านชายก็สิ้นพระชนม์ในคืนที่ไปนอนกับสา เมื่อสิ้นท่านชายก็สิ้นเสาหลักของบ้าน หม่อมพริ้มไม่ต้องการรับภาระเลี้ยงดูหม่อมต่างๆ และบ่าวไพร่จำนวนมากมาย หลายคนจึงต้องออกไปจากวัง เหลือเพียงป้าเจิมกับอีสาที่ยังอยู่เลี้ยงดูคุณชายรวีช่วงโชติ(นิธิดล ป้อมสุวรรณ) ลูกชายแท้ๆ ของสาเอง กับคุณหญิงอีก 3 คนอันเป็นลูกสาวของหม่อมพริ้ม
บริเวณรอบตำหนักใหญ่ถูกขายให้กับพระคลังข้างที่ จนหม่อมพริ้มต้องล้อมรั้ว และปล่อยบ้านเล็กบ้านน้อยรอบตำหนักใหญ่ให้เช่าเพื่อหารายได้ ทำให้สาได้รู้จักกับ สมศักดิ์(ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์) หนุ่มรูปงามที่มาอาศัยเช่าบ้านอยู่ สมศักดิ์หว่านเสน่ห์ใส่สาจนสาเคลิบเคลิ้ม แต่กลายเป็นว่า หญิงที่สมศักดิ์หมายปองกลายเป็นคุณหญิงโสภาพรรณวดี(เต็มฟ้า กฤษณายุทธ) ลูกสาวคนโตของหม่อมพริ้ม
สาเสียใจมาก เพราะจริงๆ แล้วก็หลงใหลในตัวสมศักดิ์ แต่พอสารู้ตัวว่าตนตั้งท้องลูกของท่านชาย สาจึงตัดใจยอมรับเป็นแม่สื่อ ส่งจดหมายรักให้สมศักดิ์กับคุณหญิงโสภา จนถึงขั้นนัดพบกัน แต่หม่อมพริ้มจะให้คุณหญิงโสภาแต่งกับงานลูกของญาติท่านชาย แต่เธอไม่ต้องการแต่งงานกับคนอื่น จึงหนีไปตามคำชวนของสมศักดิ์ โดยมีสาเป็นผู้จัดการและติดตามไปด้วยความภักดี สร้างความโกรธแค้นให้กับหม่อมพริ้มเป็นอย่างมาก หม่อมพริ้มประกาศตัดแม่ตัดลูกกับคุณหญิงโสภา และถ้าหากพบตัวสากับสมศักดิ์จะจับเข้าคุกเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทำให้สมศักดิ์ตกใจและผิดหวังมาก สาเพิ่งรู้ว่าจริงๆ แล้วสมศักดิ์เป็นคนดีแต่ปาก ที่หลอกพาคุณหญิงโสภาหนีมา เพราะหวังจะเข้าไปเป็นเขยของรวีวารเกาะกินสมบัติของหม่อมพริ้ม แต่พอสถานการณ์ไม่เป็นไปตามคาด สมศักดิ์จึงตกกระไดพลอยโจนต้องเลี้ยงดูคุณหญิงโสภาต่อไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นช่วงสงครามเศรษฐกิจตกต่ำ สมศักดิ์หางานทำไม่ได้ คุณหญิงโสภาและสาต้องอดอยาก สาสงสารคุณหญิงจึงพยายามเคี่ยวเข็นสมศักดิ์ให้ออกไปหางานหาเลี้ยงคุณหญิงด้วย
สาคลอดลูกออกมาเป็นผู้หญิง คุณหญิงไม่อยากให้ลูกของท่านชายต้องเป็นเด็กกำพร้า จึงรับเป็นแม่ของเด็ก ตั้งชื่อให้ว่า โสภิตพิไล(มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ) แล้วเลี้ยงดูเป็นอย่างดี สาทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงคุณหญิงและลูก พอเห็นคณะละครชาตรีมาแสดงแถวบ้าน สาจึงไปสมัครเป็นนางละคร และได้เป็นนางเอกของคณะละครนั้น สำรวย(รัดเกล้า อามระดิษ) นักแสดงจากคณะละครร้องมาเห็นสา รู้สึกทึ่งในความสวยและความสามารถ จึงชวนสาไปแสดงด้วย สาก็ไปด้วยความเต็มใจ เพราะต้องการหาเงิน และอีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อหลบหนีจากสมศักดิ์ ที่มักจะมาเกาะแกะหาทางใกล้ชิดสาเสมอ
เมื่อกลับไปเป็นนางละคร สาก็กลับมาเป็นสาวสวยทรงเสน่ห์เหมือนที่เคย ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสมศักดิ์กับคุณหญิงค่อยๆ ห่างกันออกไป สมศักดิ์กลับมาติดพันสามากขึ้น วันหนึ่งระหว่างที่เล่นละคร สาเห็นหม่อมพริ้มมาชมละครก็ตกใจมาก ด้วยความที่กลัวหม่อมพริ้มสาจึงลาออกจากคณะ ไม่กลับไปแสดงละครอีก สมศักดิ์เริ่มหาโอกาสใกล้ชิดสามากขึ้น แล้วในวันหนึ่งด้วยบรรยากาศเป็นใจ สากับสมศักดิ์ก็ลักลอบมีความสัมพันธ์ต่อกันจนได้ หลังจากนั้นสาก็ยิ่งพยายามตีตัวออกห่างสมศักดิ์ พอดีกับที่สาได้ไปพบวิทย์(กันต์ดนย์ อะคาซาน) เด็กหนุ่มนักดนตรีในหลุมหลบภัย วิทย์ทำงานอยู่ที่คณะละครที่สาไปดูมา วิทย์ติดใจสาจึงชวนสาไปเล่นละครแบบชายจริงหญิงแท้กับคณะละครที่กำลังจะเปิดใหม่ซึ่งสาก็ยินดี
สาบอกคุณหญิงว่าจะตนกลับไปเล่นละคร และเสนอให้คุณหญิงพาสมศักดิ์และโสภิตพิไล ย้ายไปอยู่บ้าน ป้าแป้น(ไปรมา รัชตะ) หญิงชาวสวนใจดีที่สาเคยรู้จักที่คลองบางกอกน้อย โดยอ้างว่าจะได้ไม่ต้องหนีลูกระเบิด แต่จริงๆ แล้วสาต้องการจะหนีห่างจากสมศักดิ์ สมศักดิ์ยังคงแอบมาหาสาที่บ้าน สาไม่เต็มใจ แต่ก็ขัดขืนธรรมชาติของตัวเองไม่ได้ คืนหนึ่งที่ระเบิดลงหนักสมศักด์ขอค้างกับสาที่บ้าน คุณหญิงเห็นสมศักดิ์ไม่กลับบ้าน ประกอบกับเป็นห่วงสาจึงไปหาที่บ้านแต่เช้าตรู่ และได้เห็นสาอยู่กับสมศักดิ์ คุณหญิงเสียใจมากหนีกลับบ้านป้าแป้นทันที สาสั่งให้สมศักดิ์ตามไปง้อขอคืนดี แต่คุณหญิงเสียใจและผิดหวังที่ถูกคนที่รักทั้งสองคนทรยศ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย
เสร็จงานศพคุณหญิง สาตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกับวิทย์เพื่อหนีสมศักดิ์ ทำให้สมศักดิ์เสียใจหันไปดื่มเหล้าอย่างหนัก และในที่สุดก็เมาตกน้ำตาย ในที่เดียวกับที่คุณหญิงฆ่าตัวตายนั่นเอง หลังแต่งงาน สาย้ายไปอยู่ที่บ้านวิทย์ วิภา(สกาวใจ พูนสวัสดิ์) พี่สาวของวิทย์รังเกียจสา เพราะทั้งสาและวิทย์ต่างไม่มีงานทำ วิทย์เป็นศิลปินไม่ยอมทำงานแบบอื่น เอาแต่สีไวโอลินไปวันๆ จนสาเองก็เริ่มเบื่อหน่าย วันหนึ่งสาไปพบกับพลเรือนญี่ปุ่นคนหนึ่งในหลุมหลบภัยชื่อ เซกิ(ณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุทธยา) เป็นพนักงานบริษัทญี่ปุ่น เซกิหลงรักสา สาเองก็เผลอไผลไปกับความสุขสนุกสนานที่เซกิปรนเปรอให้ ทำให้สากับวิทย์เริ่มมีปากเสียงกัน ต่อมาเซกิรู้ว่าญี่ปุ่นกำลังจะยอมแพ้สงครามกับอเมริกา ด้วยความรักเซกิจึงมอบเงินก้อนใหญ่ให้สาก่อนจะกลับประเทศไป สาจึงตัดสินใจเลิกกับวิทย์แล้วกลับไปอยู่กับป้าแป้น
สา ซึ่งบัดนี้เป็นที่รู้จักของทุกคนในนามของ อุษาสาวใหญ่วัย 40 ปี เอาเงินที่ได้จากเซกิมาตั้งไนท์คลับ สากลับมามีชื่อเสียงหอมหวนให้หมู่นักเที่ยว คลับของสามีคนแน่นทุกวัน ทำให้ฐานะของสาร่ำรวยขึ้นอีกมาก จนประธาน(ปฏิภาณ ปฐวีกานต์) หุ้นส่วนหนุ่มที่แอบหมายปองในตัวสา เพราะหวังเงิน ซึ่งสาก็รู้ทันแต่ก็อดไม่ได้ลอบมีความสัมพันธ์กับประธานอย่างลับๆ แต่สาไม่เคยไว้ใจประธานเลย สาเหมือนจะมีความสุขทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเดียวคือ โสภิตพิไลลูกที่แท้จริงของสา ที่คิดว่าตนเป็นเพียงหลานสาว ตอนนี้เรียนจบชั้นมัธยมจากโรงเรียนประจำ และกลับมาอยู่ในบ้านกับสา โสภิตคิดสาเป็นญาติห่างๆ ของแม่ และมีศักดิ์เป็นป้า โสภิตเกรงใจสาที่เลี้ยงมา แต่ก็แอบไม่พอใจที่สามีอาชีพที่น่ารักเกียจ ทำให้เธอต้องอับอายเพิ่อนฝูง ประธานสนใจโสภิตที่กำลังแตกเนื้อสาว แต่โสภิตไม่ชอบประธานนัก และสาเองก็รู้ทันคอยกีดกันอยู่เสมอ วันหนึ่งสาได้พบกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่คลับของเธอ เขาคือหม่อมราชวงศ์รวีช่วงโชติ รวีวาร สาดีใจมากที่ได้เห็นลูกชายของตนเติบโตมาเป็นชายหนุ่มที่สง่างาม สาสนใจคุณชายรวีอย่างออกนอกหน้า และพยายามสืบเรื่องของคุณชายรวี จนรู้ว่าจบกฎหมายมาจากฝรั่งเศส แล้วตอนนี้เป็นผู้พิพากษา สาพยายามตีสนิทเอาอกเอาใจคุณชายระวี ชวนให้ระวีมาที่ไนต์คลับบ่อยๆ ทำให้ประธานไม่พอใจ คุณชายรวีเองก็รู้สึกถูกชะตากับสา ไม่ได้นึกรังเกียจว่าเป็นคนกลางคืน กลับสงสารที่สาต้องมาทำงานในที่ที่คนดูถูกอย่างนั้น คุณชายรวีชอบเสียงร้องเพลงของสา และมักจะแวะไปที่คลับบ่อยๆ
หม่อมพริ้มได้ข่าวว่าคุณชายรวีไปติดพันนักร้องเจ้าของไนท์คลับ หม่อมพริ้มตักเตือนคุณชาย แต่คุณชายไม่เชื่อ จนกระทั่งวันหนึ่ง หม่อมพริ้มเห็นรูปสาในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ไม่แน่ใจจึงไปถามยายเจิม ยายเจิมบอกได้ชัดเจนว่าผู้หญิงในรูปคือสา หม่อมพริ้มตกใจมาก เกรงว่าสาจะบอกความจริงกับชายรวี ว่าตัวเองคือใคร หม่อมพริ้มไปหาสาที่บ้าน ทั้งสองคนจำกันได้ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม หม่อมพริ้มห้ามสา บอกคุณชายรวีเรื่องชาติกำเนิดของตน สาให้คำสาบานว่าจะไม่บอก แต่ก่อนจะกลับ หม่อมพริ้มเห็นโสภิตพิไล เธอสงสัยว่าเด็กสาวคือลูกของใคร สาจึงจำใจต้องบอกว่าเป็นลูกของคุณหญิงโสภา ทำให้หม่อมพริ้มเศร้าใจ คิดถึงลูกสาวที่จากไปเพราะความใจแข็งของเธอเอง หม่อมพริ้มคิดจะขอโสภิตมาเลี้ยงแทนคุณหญิงโสภา แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร โสภิตก็ถูกประธานที่ดื่มเหล้าเมาลวนลาม สาเข้าเห็นการกระทำของประธานเข้า โมโหจนขาดสติ จึงคว้าปืนยิงประธานล้มลง ถึงแก่ความตาย สาถูกตำรวจจับไป สาไม่ยอมบอกความจริงว่าเธอยิงประธานเพราะลวนลามโสภิต เพราะไม่อยากให้ชื่อเสียงของโสภิตเสียหาย สาถูกนำตัวไปฝากขังไว้ที่เรือนจำแดนนักโทษหญิงเพื่อรอพิจารณาคดี โสภิตพิไลรู้ว่าสาอาจจะถูกพิพากษาประหารชีวิตเพื่อปกป้องตน โสภิตตัดสินใจว่าจะต้องช่วยเหลือสาให้ได้
วันพิจารณาคดีสาถูกนำตัวไปขึ้นศาลโดยมีคนรู้จักสา ลูกจ้าง นักร้อง ร่วมถึงหม่อมพริ้มมานั่งฟังการพิจารณาคดีด้วย สายตาของสาเหลือบไปเห็นผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือ คุณชายรวี ซึ่งเป็นผู้พิพากษาในคดีของสา และโดยที่สาไม่คาดฝัน โสภิตพิไลเข้ามาเป็นพยาน โสภิตเล่าเรื่องทั้งหมดให้ศาลฟัง จนสุดท้ายศาลก็ยกฟ้องคดีของสา สาจึงได้เป็นอิสระ คุณชายรวีชื่นชมในความรักและเสียสละที่สามีต่อโสภิต ที่เป็นเพียงหลานสาว ยิ่งคุณชายชื่นชมสามากเท่าไหร่ หม่อมพริ้มก็ยิ่งระแวงมากขึ้นเท่านั้น เกรงว่าอีสาจะมาอ้างความเป็นแม่ แล้วแย่งคุณชายรวีกลับคืนไป หม่อมพริ้มจึงขอให้สายุติความสัมพันธ์ระหว่างสากับคุณชายรวีลง และขอร้องชายรวีให้เห็นแก่ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เลิกไปคบกับสา และร้ายกว่านั้น หม่อมพริ้มยังตัดสินใจบอกความจริงกับโสภิตพิไล ว่าจริงๆ แล้วสาไม่ใช่ญาติ แต่เป็นเพียงบ่าวที่ชักนำให้แม่ของเธอหนีตามผู้ชายไป โสภิตโกรธและเกลียดสามา ทำให้สายิ่งเสียใจสาถูกพรากจากลูกทั้งสอง ด้วยความเสียใจ สาเกือบจะฆ่าตัวตาย แต่ทันใดนั้นสาก็นึกถึงพระรัตนตรัยขึ้นมาจึงทำให้สาหยุดความคิดนั้น
สาหันหน้าเข้าสู่พระรัตนตรัยโดยการบวชเป็นชีที่สำนักชีแห่งหนึ่ง ทำให้สามีจิตใจที่สงบขึ้น และหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา แต่สาบวชชีได้พักหนึ่ง แต่จิตใจสงบอยู่ได้ไม่นาน นิสัยเดิมของสาที่ติดหลงในกิเลส ความเย้ายวนต่างๆ ก็ทำให้สาตัดสินใจสึกออกมา สากลับไปที่วังรวีวารอีกครั้ง เพื่อไปกราบหม่อมพริ้ม และคุณหญิงลูก ๆ ของหม่อมพริ้ม สาไปเยี่ยมโสภิตพิไล ที่บัดนี้หม่อมพริ้มเอามาเลี้ยงดูในฐานะหลานสาว เพราะเข้าใจว่าโสภิตเป็นลูกของหญิงโสภา โสภิตเย็นชากับสา เพราะยังไม่หายโกรธ ที่สาเป็นต้นเหตุให้คุณหญิงโสภาแม่ของเธอ ต้องมีชีวิตที่ยากลำบาก ทำให้สาเสียใจมาก ส่วนคุณชายรวีนั้นรู้เพียงว่า สาเคยเป็นหม่อมคนหนึ่งของท่านพ่อ แต่ก็ยังรักและดีกับสาเสมอ ความอ่อนโยนและเมตตาของชายรวี เป็นเสมือนน้ำทิพย์ชะโลมใจสา
จากนั้น สาก็ไปเยี่ยมพี่แป้นที่บ้านคลองบางกอกน้อย ทุกคนรักและมีน้ำใจกับสาเหมือนเดิม ใจสว่าง(ลิลลี่-ภัณฑิรา) หลานสาวของพี่แป้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยคณะเดียวกับโสภิตพิไล และเป็นมหาวิทยาลัยที่คุณชายรวีเป็นอาจารย์สอน ใจสว่างเป็นเด็กดีสาจึงชวนใจสว่างให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้าน เพื่อจะได้ไม่ต้องไปอยู่ที่หอพัก และสาเองก็มีใจสว่างเป็นเพื่อนปรับทุกข์เรื่องโสภิตพิไล เพราะใจสว่างรู้ความจริงทุกอย่าง ที่บ้านของสา เพ็ญศรี เพื่อนของสาเป็นช่วยดูแลไนท์คลับให้ระหว่างที่สาเข้าคุกและบวชชี นำเงินที่ได้มาให้สา สาตัดสินใจเลิกทำไนท์คลับ หันมาเปิดร้านทำผมตัดเสื้อ เพราะเห็นแก่โสภิต ว่าจะได้ไม่ต้องอับอายคนที่มีแม่เป็นคนกลางคืน หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง กลุ่มนักการเมืองขึ้นมามีอำนาจ ความสำคัญของตระกูลรวีวารก็หมดลง ทรัพย์สมบัติก็ร่อยหรอไป คุณหญิงหริ พี่สาวคุณชายรวี ต้องการแนะนำให้ชายรวีแต่งงานกับคุณแหวว-สวาทโฉม ลูกสาวของ คุณหญิงเฉิดฉวี และ นายพลสันทนา(ภูธเนศ หงษ์มานพ) ที่กำลังเรืองอำนาจ เพราะใกล้ชิดกับท่านผู้นำ ทั้งนี้เพื่อผดุงฐานะของรวีวาร และเป็นการสนับสนุนธุรกิจของ ปวุฒิ สามีของคุณหญิงหริทางอ้อมด้วย
ในงานฉลองยศของนายพลสันทนา คุณชายรวี และโสภิตจึงได้รับเชิญไปงานด้วย เพื่อให้คุณชายรวีได้พบกับสวาทโฉม แต่ “ท่าน” เจ้านายของนายพลสันทนาที่มาร่วมงานเกิดถูกตาต้องใจในตัวโสภิต ต้องการให้โสภิตมาเป็นอนุภรรยา จึงให้นายพลสันทนาเป็นธุระจัดการให้ นายพลสันทนารู้ว่าโสภิตเป็นลูกสาวของสา จึงมาติดต่อสาที่ร้านทำผม แต่เมื่อนายพลสันทนาได้พบสาก็เกิดหลงเสน่ห์ สาเองก็ว้าเหว่จึงเผลอใจตกเป็นอนุภรรยาของนายพลสันทนา นายพลสันทนาหลงรักสามากถึงกับให้เงินลงทุน ให้สาเปิดคลับขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้ไปหาสาได้สะดวก เมื่อคุณหญิงเฉิดฉวีรู้เรื่องเข้า จึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับสาอย่างเปิดเผย
ส่วนตัวโสภิตพิไลเองนั้น กำลังมีความรักกับ ชิษณุ ลูกชายของคุณหญิงศุภลักษณ์ลูกสาวของหม่อมพริ้ม ถึงขั้นจะแต่งงานกันโสภิต แต่เมื่อสารู้ข่าวก็อดไม่ได้ที่จะขัดขวาง เพราะจริงๆ แล้วโสภิตเป็นลูกสาวของตัวเอง และมีศักดิ์เป็นน้าแท้ๆ ของชิษณุ สาจึงจำเป็นต้องพาคุณชายรวีไปหาพี่แป้น และเล่าความจริงเรื่องกำเนิดของโสภิตให้คุณชายรวีฟัง โดยมีพี่แป้นเป็นพยานอีกคนหนึ่ง เมื่อคุณชายรวีรู้เรื่องก็ตกใจ จึงหาทางช่วยขัดขวางเรื่องการแต่งงาน คุณชายรวีไปพบชิษณุ ซึ่งคุณชายรวีมีศักดิ์เป็นน้าของชิษณุ ทั้งๆ ที่คุณชายรวีมีอายุน้อยกว่า คุณชายรวีเล่าเรื่องทั้งหมดให้ชิษณุฟัง ชิษณุเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงหนีหน้าโสภิตไปทำงานที่โคราช เพื่อตัดปัญหาทั้งหมด โสภิตตามไปหาชิษณุที่โคราช แต่เจอชิษณุอยู่กับอัญมณีคนรักเก่า โสภิตเสียใจดื่มเหล้าจนเมาขาดสติ และเกือบจะถูกทหารจีไอพาตัวไป แต่โชคดีที่ ปรมัตถ์ คนที่เคยชอบเธอสมัยเรียนมาช่วยไว้ได้ทัน ใจสว่างได้รู้ข่าวจากปรมัตถ์ จึงพาคุณชายรวีไปตามหาโสภิตถึงโคราช คุณชายรวีเห็นโสภิตเสียใจมากที่ถูกทอดทิ้ง จึงตัดสินใจบอกความจริง ว่าชิษณุกับโสภิตไม่อาจรักกันได้ เพราะจริงๆ แล้ว เธอเป็นลูกของสา โสภิตตกใจมากที่ตนเป็นลูกของสา ผู้หญิงที่ตนเคยดูถูกว่าต่ำต้อยและไร้ยางอาย
โสภิตไม่อาจสู้หน้าหม่อมพริ้ม จึงกลับไปอยู่กับสา และเมื่อโสภิตไปพบนายพลสันทนา จึงรับปากจะเป็นอนุภรรยาของ “ท่าน” เพื่อประชดสา และประชดทุกๆ คน สาและคุณชายรวีพยายามห้าม แต่โสภิตก็ไม่ฟัง และยังหนีไปจากบ้าน ที่ “ท่าน” สั่งให้หาเอาไว้ให้ สาพยายามติดตามหาโสภิต แต่เธอไม่ยอมพบสา ระหว่างนั้น คุณชายรวีจำใจต้องแต่งงานกับสวาทโฉม เพราะไม่อาจขัดผู้ใหญ่ได้ ตลอดเวลาคุณชายรวีทำหน้าที่เป็นสามีที่ดี แต่สวาทโฉมเองก็ไม่ได้รักคุณชาย เธอเองก็มีความจำเป็นทำให้ต้องแต่งงานเหมือนกัน ใจสว่างเห็นชัดว่าคุณชายรวีไม่มีความสุข เธอทำได้เพียงให้กำลังใจเขา
ยามเจิมล้มป่วยลงใกล้ตาย คุณชายรวีและคุณหญิงศรีลักษณา ไปเยี่ยมยายเจิมที่ห้อง ยายเจิมหลงเห็นคุณชายรวีเป็นท่านชายพ่อของคุณชายรวี เลยหลุดปากพูดเรื่องสาออกมา ว่าสามีลูกชายกับท่านชาย 1 คน คุณชายรวีจึงไปถามความจริงจากคุณหญิงศรีลักษณา และได้รู้ว่าตัวเองคือลูกของสา แต่ด้วยความเข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด คุณชายรวีก็ไม่ได้โกรธ หรือรังเกียจที่มีแม่อย่างสาเลย แต่ดีใจด้วยซ้ำที่ได้รู้ความจริง และก็ยังรักหม่อมพริ้มแม่ที่เลี้ยงดูมาเหมือนเดิม
นายพลสันทนาช่วยให้สาและใจสว่างได้เจอโสภิต โสภิตได้สติขึ้นมา แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะอีกไม่นาน “ท่าน” จะกลับจากต่างประเทศ และไม่มีใครสามารถจะปฏิเสธ “ท่าน” ได้ สาได้แต่เสียใจ หม่อมพริ้มได้แต่ก่นด่าสาปแช่งสา ว่าเกิดมาเพื่อทำลายชื่อเสียงของรวีวาร สุดท้ายสาจะหาทางช่วยโสภิตได้หรือไม่? และความบาดหมางของสากับหม่อมพริ้มจะลงเอยยังไง ตามชมได้ในละคร “อีสา-รวีช่วงโชติ” ทุกวันพุธ-พฤหัส 20.10น. ช่อง 5 เริ่มตอนแรกคืนวันพุธที่ 4 ธันวาคมนี้
คาแร็กเตอร์ตัวละคร
วรนุช ภิรมย์ภักดี รับบท สา
เด็กกำพร้าที่เกิดมาในวังรวีวาร สาเป็นคนสวย ดึงดูดเพศตรงข้าม มีเสียงไพเราะและมีพรสวรรค์ด้านการร้อง การรำ นิสัยเจ้าอารมณ์ อ่อนไหวง่าย รักหลงง่ายแบบศิลปิน ด้วยปมที่เป็นเด็กกำพร้า ทำให้สาต้องการความรักจากเพศตรงข้ามเป็นอย่างมาก
“อีสาเป็นบทที่นุ่นใฝ่ฝันอยากจะเล่นมานานแล้ว ตั้งแต่ 15 ปีก่อนพอรู้ว่าเอ็กแซ็กท์จะเอากลับมาทำใหม่ แล้ววางตัวให้เราเล่นก็ดีใจมากๆแล้วพอได้มาเล่นก็สนุกมากๆเป็นบทที่มีความหลากหลายให้เราได้โชว์ศักยภาพทางการแสดงอย่างมาก แล้วก็ได้โชว์นาฏศิลป์ไทยที่เราได้เรียนมาด้วย ก็อยากให้ติดตามชมกันเยอะๆ รับรองว่าสนุกสนานเข้มข้นทุกตอนแน่นอนค่ะ”
สินจัย เปล่งพานิช รับบท หม่อมพริ้ม
ภรรยาเอกของท่านชาย เป็นคนมีความอดทน อดกลั้น ใจแข็ง เชื่อว่าผู้ดีจะต้องควบคุมตนเองให้คิด พูด ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นคนที่มีลักษณะนิสัยตรงข้ามกับอีสาโดยสิ้นเชิง
“อีสาเป็นละครทีถูกสร้างมากี่ครั้งก็ถูกอกถูกใจคนดูนะคะ เพราะด้วยความที่เป็นเรื่องไทยๆ เนื้อเรื่องเข้มข้น ทำกี่ครั้งก็น่าสนใจน่าดูทุกครั้ง แล้วเวอร์ชั่นนี้ของเอ็กแซ็กท์ก็เป็นละครฟอร์มยักษ์ โปรดักชั่นอลังการคับคั่งไปด้วยนักแสดงคุณภาพมาประชันบทบาทกันเยอะมาก ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่น่าติดตามชมมากๆค่ะ”
ธีรพงศ์ เหลียวรักษ์วงศ์รับบท หม่อมเจ้าโชติช่วงระวี
ท่านชายโอรสของเสด็จในกรม เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลรวีวาร มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลางดงาม กิริยาอ่อนหวาน ความหวังเดียวของท่านชายคือการมีลูกชายเพื่อสืบสกุลรวีวาร ทำให้มีภรรยาหลายคน
“รู้สึกดีใจครับ ที่ได้มาเล่นเรื่องนี้ ถึงแม้จะแค่รับเชิญแค่ไม่กี่ตอน แต่ก็เป็นตัวละครที่สำคัญ ที่ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย สำหรับอีสาเวอร์ชั่นนี้เป็นอะไรที่น่าดูมากๆแค่ได้เห็นโปรดักชั่น ความละเอียดของทุกฝ่าย ทั้งทีมงานนักแสดง ผู้กำกับ ก็รู้แล้วว่าเป็นละครที่น่าดูมากจริงๆครับ”
ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ รับบท สมศักดิ์
เป็นลูกภรรยาน้อยของคุณหลวงคนหนึ่ง แต่ไม่ได้รับความสนใจจากพ่อ จึงเติบโตมาอย่างขัดสน สมศักดิ์เป็นคนหน้าตาดี คารมดี มีเสน่ห์ หวังจะเป็นเขยวังรวีวารเพื่อยกระดับฐานะตัวเอง
“เรื่องนี้ได้กลับมาเล่นร้ายอีกครั้ง ก็ยากเหมือนกันครับ เพราะเป็นบทที่ค่อนข้างไกลตัวเรา แต่ก็สนุกดีครับเป็นบทที่มีอะไรให้เล่นเยอะดี ก็อยากให้ติดตามชมกันเยอะๆ เป็นละครฟอร์มยักษ์อีกเรื่องของเอ็กแซ็กท์ที่น่าดูมาก เรื่องราวสนุกสนานเข้มข้นครบรส ซึ่งเราทุกคนก็ตั้งใจทำเต็มที่ครับ”
ภูธเนศ หงษ์มานพ รับบท นายพลสันทนา
นายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เรืองอำนาจในสมัยนั้น เป็นทหารรับใช้ใกล้ชิดท่านผู้นำ มีภรรยาอยู่แล้ว แต่ก็มาถูกใจสาตั้งแต่แรกเห็น จนได้สามาเป็นอนุภรรยา
“เรื่องนี้ผมรับบทเป็นสามีคนสุดท้ายของอีสาครับ จะอยู่ในภาคที่สองคือ “รวีช่วงวโชติ” ก็ถือว่าเป็นบทที่น่าสนใจครับ ได้กลับมาเล่นละครพีเรียดอีกครั้งหลังห่างไปนาน แล้วเรื่องนี้เป็นโปรเจ็คต์ที่สวยงามอลังการมาก ก็ดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในงานดีๆ แบบนี้นะครับ”
ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ รับบท ประธาน
เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี เจ้าเล่ห์ เจ้าชู้แบบปากว่ามือถึง เต้นรำเก่ง ร้องเพลงเพราะ มีเสน่ห์แพรวพราวไปทั้งตัว เป็นคนแนะนำให้สาเปิดไนท์คลับ
“บทที่ผมได้รับในเรื่องนี้ มันส์แล้วก็สนุกมากๆครับ ได้พลิกมาเล่นร้ายหลังจากห่างไปนานมาก เรียกว่าต้องเคาะสนิมกันนิดหน่อย ใครที่อยากเห็นผมในบทบาทใหม่ๆห้ามพลาดเรื่องนี้เด็ดขาดนะครับ แล้วที่สำคัญอีสาเวอร์ชั่นนี้แซ่บถูกใจคอละครแน่ๆครับ”
เต็มฟ้า กฤษณายุทธ รับบท หม่อมราชวงศ์หญิงโสภาพรรวดี
ลูกสาวคนกลางของหม่อมพริ้ม อายุอ่อนกว่าสา 3 ปี เรียนการเรือน เป็นคนเรียบร้อยจิตใจงาม มองโลกในแง่ดี บริสุทธิ์สดใส จึงได้หลงเชื่อสา และสมศักดิ์จนหนีออกจากวังมา
“เรื่องนี้เป็นบทบาทที่ยากและท้าทายความสามารถของหนูมากๆค่ะ ต้องทำการบ้านอย่างหนักเป็นสองเท่ากว่า 2เรื่องที่เล่นมา เพราะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก แต่ยิ่งเล่นยิ่งสนุกนะคะ เป็นการพัฒนาฝีมือทางการแสดงของเราไปด้วยก็อยากฝากให้ติดตามและเป็นกำลังใจให้หนูด้วยนะคะ”
รายชื่อนักแสดง
วรนุช ภิรมย์ภักดี รับบทเป็น สา
สินจัย เปล่งพานิช รับบทเป็น หม่อมพริ้ม
ธีรพงศ์ เหลียวรักษ์วงศ์ รับบทเป็น หม่อมเจ้าโชติช่วงระวี
ณวัฒน์ กุลรัตนรักษ์ รับบทเป็น สมศักดิ์
ภูธเนศ หงษ์มานพ รับบทเป็น นายพลสันทนา
ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ รับบทเป็น ประธาน
ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยารับบทเป็น เซกิ
กันต์ดนย์ อะคาซาน รับบทเป็น วิทย์
นิธิดล ป้อมสุวรรณ รับบทเป็น ระวีช่วงโชติ
เต็มฟ้า กฤษณายุทธ รับบทเป็น หญิงโสภา
มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญรับบทเป็น โสภิตพิไล
ภัณฑลา วิน ปานสิริธนาโชติรับบทเป็น ใจสว่าง
รัญญา ศิยานนท์ รับบทเป็น เจิม
สกาวใจ พูนสวัสดิ์ รับบทเป็น วิภา
รัดเกล้า อามระดิษ รับบทเป็น สำรวย
ปนัดดา วงศ์ผู้ดี รับบทเป็น หม่อมลำดวน
ลักขณา วัธนวงส์ศิริ รับบทเป็น หม่อมนิ่ม
อริสรา วงษ์ชาลี รับบทเป็น หวน
ไปรมา รัชตะ รับบทเป็น แป้น
จอย ชวนชื่น รับบทเป็น หวน
สุมนรัตน์ วัฒนาเศลารัตน์ รับบทเป็น พร