xs
xsm
sm
md
lg

วิมานมะพร้าว ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


วิมานมะพร้าว ตอนที่ 6

มุมหนึ่งใกล้ๆ กัน คุณนายเง็กพยายามเหลือเกินที่จะยื่นหูเข้าไปฟังให้ชัดๆ ครรชิตเข้ามาสะกิด

“บอสขอคุยกับการส่วนตัวกับคุณจุลลานะครับท่านรอง”
“แล้วลื้อคิดว่าคนอย่างอั๊วจะเชื่ออีเหรอ”
“ไม่ครับ”
“เออ แล้วจะมาบอกทำไม”
“เผื่อท่านรองจะรู้สึกละอายใจบ้างครับ เล็กน้อยก็ยังดี”
“ไม่ละอาย ไปให้พ้นๆ ไป หมดหน้าที่ลื้อแล้ว ทางนี้ปล่อยอั๊ว”
“ครับผม แต่...แน่ใจนะครับว่าจะเสียมารยาทต่อไป”
“เดี๋ยวไล่ออกเลย” ครรชิตรีบไหว้ลา
“สวัสดีครับ”
ครรชิตรีบออกไป คุณนายเง็กรีบไปแอบฟังต่อ จุลลามองหน้าสืบสายจะบอกดีหรือไม่ดี

ที่หน้าบ้านพักคนงาน เจ๊พุ่มยังลีลา
“คือเจ๊ก็แค่ผู้หญิงตัวเล็ก ตอนนี้ก็ดึกแล้ว บ้านก็อยู่ตั้งไกล เดินกลับคนเดียวอันตราย”
“เดี๋ยวไปส่ง” แสบบอก
“พูดหวานๆ กับเจ๊หน่อยสิ เจ๊ขี้ตกใจ”
“อย่ามาดัดจริต เดี๋ยวถูกตบ” เจ๊อ้อยบอก
“นังอ้อย”
“ทำให้คนอื่นอยากรู้เป็นบาป ชาตินี้อาจจะหาผัวไม่ได้นะครับผม”
“รุ่นนี้แล้ว ไม่ง้อผู้ชาย”
“งั้นอาจจะเข้าทรงไม่รุ่ง เจ้าแม่ไม่ชอบคนโกหกไม่ใช่เหรอเจ๊ ถ้าเจ้าแม่ไม่เมตตา ต่อไปลูกศิษย์จะพึ่งใครล่ะ”
น้ำหวานบอก เจ๊พุ่มอึ้ง ท่าทีอ่อนลง
“สวย ฉลาด รู้จักพูดจาโน้มน้าวคน นี่แหละแม่ของลูกแสบ”
“ทะลึ่ง ใช่เวลามั้ย”
“ไม่ใช่จ๊ะ แต่ขอนิดนุง แก้เลี่ยน”
“ยิ่งเลี่ยนเลยไอ้แสบ เงียบเลย ฉันจะฟังอีเจ๊พุ่มมันคายความลับ คาย”
“ก็ได้” ทุกคนรอฟัง
“ท่านรองอยากจับคู่นายช่างกับบอส”
ทุกคนประหลาดใจมาก
“ฮ้า”

สืบสายรอฟังคำอธิบายจากจุลลา โดยมีคุณนายเง็กแอบฟังอยู่
“มันมีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับฉัน”
“ผิดปกติยังไง”
“ใช่ ฉันหมดสติ แต่ไม่ใช่เพราะถูกต่อย แต่เพราะ เพราะอะไรไม่รู้”
“ฟังฉันนะ มันมีเหตุผลที่คุณหมดสติ คุณไม่ได้ถูกทำร้าย แต่เพราะก๋งเข้าไปสิงร่างของคุณ เพื่อมาช่วยฉันจัดการกับไอ้พวกเลวนั่น”
“อะไรนะ”
คุณนายเง็กตกใจ ตื่นเต้น
“ผู้ชายตั้งสามคน คุณคิดว่าฉันเก่งมากนักหรือไง ผู้ชายตัวใหญ่ตั้งสามคน ไม่มีทางที่ฉันคนเดียวจะเอาอยู่ได้”
“ไม่จริง เหลือเชื่อเกินไป”
คุณนายเง็กเข้ามาช่วยยืนยัน
“เชื่ออาหนูช่างเถอะอาตี๋ ก๋งอยู่ใกล้ๆ พวกเราจริงๆ”
“ตอนนี้ก๋งอยู่ใกล้ๆ เธอ ใกล้ๆ ฉันหรือเปล่า”
“ฉันไม่รู้ พอพาคุณส่งโรงพยาบาล ฉันก็ไม่เห็นท่านอีกแล้ว และเมื่อกี้ฉันกำลังจะออกไปหาท่าน”
“ที่ไหน”
สืบสาย คุณนายเง็กมองจุลลา จุลลาถอนใจ ตัดสินใจที่จะพาสืบสายและคุณนายเง็กไปหาเถ้าแก่ที่ฮวงซุ้ย

เสี่ยตงเดินมองหาคุณนายเง็ก ป้าเมี่ยงเข้ามา
“เรียกเมี่ยงมา มีอะไรเหรอคะท่านประธาน”
“เห็นอาเง็กมั้ย”
“เมื่อกี้ยังเห็นเดินๆ อยู่ อาจจะออกไปเดินรับลมอยู่ข้างนอกก็ได้นะคะ”
“ช่วยเตือนอีหน่อยนะว่าให้ใจเย็นๆ ลงหน่อย ยิ่งแก่ ยิ่งอารมณ์ร้อน ไม่น่ารัก”
“ขออนุญาตนะคะ เมี่ยงขอพูดอะไรหน่อยได้มั้ยคะ”
“ว่ามา”
“ท่านรองคงกลัวน่ะค่ะ ยิ่งช่วงหลังท่านประธานออกไปข้างนอกบ่อย จนแทบไม่ได้อยู่ติดบ้าน ทั้งๆ ที่ก็ปล่อยเรื่องงานให้คุณสืบจัดการ ทำให้ห่างเหินกัน” เสี่ยตงอึ้ง
“กลัวอะไร กลัวอั๊วเหลวไหลงั้นเหรอ ไอ้หยากลัวไม่เข้าท่า”
“เมี่ยงก็แค่อยากจะสะท้อนให้ท่านประธานรับรู้ เพราะเมี่ยงอยู่ใกล้ชิดท่านรองและรู้ดีว่าเธอคิดอะไรอยู่ ผู้ชายยิ่งอายุมากยิ่งดูดีมีราศี แต่ผู้หญิงนับวันมีแต่จะโรยรา ย่อมอ่อนไหวเป็นธรรมดา ถ้าเห็นผู้ชายของเราใกล้ชิดผู้หญิงที่ทั้งสาวทั้งสวย”
เสี่ยตงอึ้งและไม่ยอมรับ เดินออกไป ป้าเมี่ยงมองตามอย่างเป็นกังวล

จุลลาพาสืบสายและคุณนายเง็กมาที่หน้าฮวงซุ้ย คุณนายเง็กกลัวความวังเวงมาก
“อาหนูช่าง ลื้อมาเจอผีเตี่ยที่นี่บ่อยหรือเปล่า”
“บ่อยค่ะ เพราะที่นี่เป็นฐานบัญชาการของเถ้าแก่”
สืบสายอึ้ง มองหน้าจุลลา ระแวงว่าจุลลาจะรู้ความในใจที่มาคุยกับเถ้าแก่ที่นี่
“เธอมาที่นี่ ตอนไหน” จุลลารู้ทัน
“จำไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนที่มา ฉันต้องแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ หรือมีใครเห็นว่าฉันมาคุยกับเถ้าแก่ที่นี่ เพราะไม่อยากให้คนหาว่าฉันเป็นบ้า” สืบสายโล่งอก
“อาหนูช่าง ลื้อลองเรียกเตี่ยดูซิ แล้วบอกเตี่ยว่าให้ทำยังไงก็ได้ให้อาตี๋อีเชื่อว่าก๋งยังอยู่ และมีเรื่องอยากจะบอกลูกหลาน เร็วๆ อย่าอยู่นาน อั๊วกลัว”
“กลัวทำไมล่ะคะท่านรอง คนกันเอง”
“ไอ้หยา ต่อให้กันเองก็ยังกลัวอยู่ดี”
“จุลลา! ฉันต้องการพิสูจน์คำพูดของเธอ เดี๋ยวนี้” จุลลาตัดสินใจเรียก
“เถ้าแก่ หนูมาหา พาท่านรองกับคุณสืบสายมาด้วย เถ้าแก่ได้ยินหนูมั้ย”
ทุกคนรอดู การปรากฏตัวของผีเถ้าแก่

ในฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่นอนอยู่บนเก้าอี้อ่อนแรงลงเรื่อยๆ คลื่นพลังงานของผีเถ้าแก่ติดๆ ดับๆ
“เถ้าแก่ ได้ยินหนูมั้ย ออกมาคุยกันหน่อย”
ผีเถ้าแก่ไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับร่าง พยายามจะพูดก็แทบจะไม่มีเสียง
“อาหนู...ช่าง...อั๊ว...ใช้พลังมากเกินไปแล้ว...อั๊ว...กำลังจะแตก...ดับ...กลาย...เป็น...ผีเร่...ร่อน...อยู่ใน...โลกวิญญาณ...ไม่ได้...ไปผุด ไป...เกิด”
ผีเถ้าแก่อ่อนพลังบนเก้าอี้ ไม่ขยับ ไม่เคลื่อนไหว

หน้าฮวงซุ้ย เงียบ ไร้เสียงตอบรับ แม้แต่ลมก็ไม่พัดสักแอะ จุลลาเริ่มร้อนใจ
“มายัง อาหนูช่าง”
“ยังค่ะ แปลกจังเลย ปกติไม่เป็นอย่างนี้นะ เรียกปุ๊บแกก็จะมาปั๊บ แล้วแกก็เพิ่งสัญญากับหนูว่าจะไม่ทิ้งหนูไว้ ถ้าหนูต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่ แกจะรีบ...”
สืบสายตัดบท อย่างไม่พอใจ
“พอเถอะ เลิกพูดจาเหลวไหล เพ้อเจ้อสักที”
“มันไม่ใช่เรื่องเหลวไหว ฉันไม่ได้เพ้อเจ้อ ฉันเพิ่งจะบอกคุณไปนี่ เรื่อง...”
“แต่มันก็ไม่มีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ที่จับต้องได้ ก๋งฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ หรือที่ไหน ท่านอยู่บนสวรรค์ ท่านไปสบายแล้ว อย่าดึงท่านลงมายุ่งวุ่นวายอีก”
“อาตี๋ ใจเย็นๆ ฟังม้าก่อนนะ ก๋ง...”
“ม้าก็เหมือนกัน ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับเรา คนที่ต้องแก้ปัญหาคือเรา ที่ต้องจัดการกันเอง ไม่ใช่ไปหวังพึ่งสิ่งที่มองไม่เห็น ต่อไปถ้ายังพยายามจะทำให้ผมเชื่อเรื่องนี้อีก ผมจะโกรธม้าและจะไม่พูดกับเธออีกนอกจากเรื่องงาน...จุลลา”

สืบสายเดินออกไป จุลลาและคุณนายเง็กใจเสีย หน้าเสีย จุลลาเป็นห่วงผีเถ้าแก่ในฮวงซุ้ยมาก

 
จุลลาและคุณนายเง็กเดินเข้ามาในบ้าน ต่างรู้สึกเป็นกังวล
 
“เดี๋ยวก่อนอาหนูช่าง”
“คะ”
“อาจจะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับผีก๋งอาตี๋ ว่ามั้ย” จุลลาอึ้ง คิดเหมือนกัน สืบสายกำลังจะเดินขึ้นข้างบนได้ยิน แอบฟัง “พอจะนึกออกหรือจำได้บ้างมั้ย หลังๆ อีมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง”
“ก็ซ่าเสมอต้นเสมอปลายล่ะค่ะ ไม่มีอะไรเปลี่ยน แถมเจ้าเล่ ขี้น้อยใจ ขี้งอน เชื่อไม่ได้ เหมื้อนเดิม” จุลลาอึ้ง เพราะเจอสายตาของคุณนายเง็กเบรกไว้
“คิดดีๆ”
“ล่าสุด เถ้าแก่เข้าสิงร่างคุณสืบสาย จนกลายเป็นบรู๊ซลี แล้วพอแกออกจากร่างคุณสืบสาย แกก็...”
“ก็อะไร”
ภาพผีเถ้าแก่หมดแรง หมดสภาพอยู่กับพื้นหลังจากที่ต่อสู้กับคนร้ายแล้วแว่บเข้ามา
“หมดแรง”
“แปลว่าอีอาจจะหมดบุญ”
“แปลว่าอะไรคะ”
“ไม่รู้ เคยได้ยินเค้าพูดๆ กัน คิดว่ามันอาจจะ...ใช่”
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะ ว่าการหมดแรงของผีเถ้าแก่มันใช่การหมดบุญหรือเปล่า แล้วหมดบุญคือแปลว่าอะไร มันจะแปลว่าอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว ต้องไปเกิดแล้ว หรือไม่ได้เกิด เฮ้อ...รู้งี้ เข้าวัดกับแม่บ่อยๆ ก็ดี ท่านรองพอจะรู้มั้ยคะ”
“ไม่รู้ อั๊วไม่เคยตาย”
“ค่ะ”
“อั๊วจะไปปรึกษาอาจารย์เพี้ยน เผื่อแกจะมีเซ้นส์ ลื้อหาทางติดต่อผีเตี่ยให้ได้ เราต้องร่วมมือกัน โอเคมั้ย”
“ค่ะ”
จุลลา คุณนายเง็กหมายมั่นกับภารกิจติดต่อผีเถ้าแก่
สืบสาย ถอนใจ เหนื่อยใจที่จุลลาและคุณนายเง็กยังไม่เลิกเรื่องผีก๋ง แต่ใจหนึ่งสืบสายเองก็เป็นห่วง หากเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นจริงๆ รู้สึกสับสน

เช้าวันรุ่งขึ้นสืบสายยืนอยู่หน้าฮวงวุ้ยมองที่ป้าย พยายามนิ่งและมีสมาธิ...จะพูดแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ หันมองซ้ายมองขวา กลัวมีใครมาเห็น โดยเฉพาะจุลลา สืบสายมองซ้ายมองขวาไม่พอเดินไปเช็กว่ามีใครแอบซ่อนอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าไม่เห็นใคร สืบสายจึงเดินกลับมายืนที่เดิม
“ก๋งครับ”
ผีเถ้าแก่กำลังนอนหยอดน้ำข้าวต้มให้ตัวเองอยู่ ถึงกับสะดุ้ง
“อาตี๋”
ผีเถ้าแก่พยายามจะยันกายลุกขึ้นก็ยากลำบากเต็มที หันไปหยิบไม้เท้าที่วางอยู่ข้างๆ ค่อยๆ ยัน ลุกขึ้น ดูผีเถ้าแก่แก่งุ้มลงไปกว่าเดิมเยอะมาก
สืบสายยืนอยู่ที่เดิมคุยกับเถ้าแก่
“ผมมาหา”
สืบสายมองไปข้างในฮวงซุ้ย ทุกอย่างยังคงนิ่ง เงียบสนิท เหมือนเดิมปกติ สืบสายหันมองไปรอบๆ เช็กความเคลื่อนไหว กลัวผีเถ้าแก่โผล่มาเมื่อไหร่ไม่รู้ เกรงตัวเองจะช็อค สืบสายรวบรวมสมาธิใหม่
“ก๋ง อาจจะกำลังอยู่แถวๆ นี้”
ผีเถ้าแก่หายตัวเข้ามาอยู่ข้างๆ สืบสาย เรียกได้ว่าข้างๆ ตัวแทบติด ตัวลางๆ เดี๋ยวชัด เดี๋ยวไม่ชัด
“อยู่ติดกับลื้อเลยล่ะ รู้สึกมั้ย” แต่สืบสายก็ยังคงมองไม่เห็น และไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของผีเถ้าแก่ “นอนหยอดน้ำข้าวต้มทั้งคืน ตอนนี้พอจะมีแรงพูดได้แล้ว แต่ได้แค่เดี๋ยวเดี๋ยว เดี๋ยวมันก็จะหมด”
“ผมเชื่อครับ ว่าวิญญาณของก๋ง...มีจริง” ผีเถ้าแก่ดีใจ
“อาตี๋ ถ้าลื้อเชื่อว่าอั๊วมีจริง ลื้อก็จะมองเห็นอั๊ว ไอ้หยา อั๊วดีใจฝุดๆ เตรียมตัวน้า” ผีเถ้าแก่จะเบ่งพลังปรากฏร่างให้สืบสายเห็น แต่ทันใดนั้นผีเถ้าแก่ก็เริ่มหมดแรงและม่อยลงเรื่อยๆ “อาตี๋ ก๋ง จะเข้าไป หยอด น้ำข้าวต้ม เพิ่มนะโอย สงสัย จะหยอด ไม่ทัน มัน โอย” ร่างผีเถ้าแก่เริ่มซีดจาง กำลังจะหายไป “อาตี๋ ก๋ง คงทำให้ลื้อ เห็น ตัวก๋ง ไม่ ได้แล้ว”
ผีเถ้าแก่กำลังจะร่างสลาย

อีกด้านหนึ่งที่หน้าคฤหาสน์สืบสาย จุลลากับคุณนายเง็กใส่บาตรเรียบร้อย ไหว้พระ รับพร
“อย่าลืมตั้งจิตอธิษฐานกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าสัวนะ” พระบอกหลังจากให้พรเสร็จ
“เจ้าค่ะ” พระเดินออกไป ป้าเมี่ยงส่งชุดกรวดน้ำให้คุณนายเง็ก “มา อาหนูช่าง ส่งบุญให้ก๋งสืบสายด้วยกัน”
“ค่ะ”
“อุ๊ย! เมี่ยงลืมใส่น้ำมาค่ะ”
“อายุมากแล้วขี้หลงขี้ลืม ลืมได้ยังไง”
“ก็ไม่ค่อยได้ใส่บาตรนี่คะท่านรอง ชุดกรวดน้ำนี้ก็เพิ่งจะเอาออกมาใช้”
“เหอะๆๆ รีบไปเติมน้ำมาเร็วๆ”
“เดี๋ยวหนูวิ่งเข้าไปเติมให้เองค่ะ”
“จะดีเหรอคะ นายช่าง”
“ท่านรองใจร้อน วิ่งเร็วกว่านะคะ”
จุลลาดึงที่กรวดน้ำมา วิ่งเข้าข้างในเลย
“อาหนูช่าง ระวังล้ม เอ้อ เดินก็ได้ อั๊วไม่ได้รีบขนาดนั้น”

หน้าฮวงซุ้ย ร่างผีเถ้าแก่ค่อยๆ จางลง จางลง
“อา ตี๋” ร่างผีเถ้าแก่ จางลงอีก “อาหนูช่าง อั๊ว ลา ก่อน”
จุลลามาถึงก็อกน้ำ รีบเปิดน้ำลงใส่ในชุดกรวดน้ำ จุลลารู้สึกลุ้น ใจไม่สบาย อยากรีบ
“เต็มๆๆๆ”
น้ำเต็มขวด จุลลารีบวิ่งออกไป
ร่างผีเถ้าแก่ซีดจางมาก ส่วนล่างหายไปก่อน ส่วนบนกำลังจะหายไป
“อั๊วคง หมด บุญ แต่ เพียง เท่า...” ทันใดนั้นร่างของผีเถ้าแก่กลับมาฟูใหม่ ผีเถ้าแก่อึ้ง งง แปลกใจ เสียงกรุ๊งกริ๊งๆ แสงสีทองฉาบร่าง “เฮ้ย อั๊ว อั๊ว”
ผีเถ้าแก่ดีใจที่เห็นร่างประกอบใหม่

ขณะนั้นจุลลาและคุณนายเง็กกำลังกรวดน้ำ ป้าเมี่ยงแตะข้อศอกคุณนายเง็ก ทั้งสามคนร่วมกันตั้งจิตอธิษฐานอุทิศส่วนกุศลให้เถ้าแก่เรียบร้อย
“เสร็จแล้ว เตี่ย ลื้อคงได้รับบุญที่อั๊ว อาหนูช่างและอาเมี่ยงส่งไปให้แล้วนะ”
“หนูเอาไปเทที่ต้นไม้ให้เองค่ะ”
จุลลาถือชุดกรวดน้ำไปเทที่โคนต้นไม้
ทั้งหมดรู้สึกสบายใจและอิ่มใจ ลมพัดเข้ามาสัมผัสร่างกายของทุกคน รู้สึกเย็นกายและใจ

ร่างของผีเถ้าแก่กลับคืนสู่สภาพเดิม ผีเถ้าแก่ดีใจมาก

“ไอ้หยา อั๊วมาเต็มแล้ว ฮ่ะๆๆ” ผีเถ้าแก่มองไปทางหนึ่ง รู้สึกได้ทันทีว่าเป็นเพราะลูกหลานใส่บาตรและอุทิศส่วนกุศลให้ “ขอบใจนะอาเง็ก อาหนูจุลลา อาเมี่ยง แต่คราวหลังช่วยใส่บาตรทำบุญให้อั๊วบ่อยกว่านี้ก็ดีนะ อย่ารอเช็งเม้ง ปีละหน”

 
จุลลากำลังจะเข้าบ้านกับคุณนายเง็ก เสียงของผีเถ้าแก่ดังเข้ามา
 
“ลื้อได้ยินหรืออั๊วหรือเปล่าวะอาหนูช่าง”
จุลลาชะงัก ดีใจ
“เถ้าแก่”
คุณนายเง็ก ป้าเมี่ยง ชะงัก ตื่นเต้น ดีใจและตกใจ เข้าไปกอดจุลลา
“ผีเตี่ยมาเหรอ อาหนูช่าง”
“ค่ะ เถ้าแก่พูดกับหนูแล้ว”
“อีว่าไง อีว่าไง”
“เจ้าสัวอยู่แถวนี้หรือเปล่าคะ นายช่าง”
“เงียบก่อนค่ะ เหมือนแกจะอยู่ไกล หนูได้ยินเบามาก”
จุลลาเงี่ยหูฟัง ในขณะที่คุณนายเง็ก ป้าเมี่ยงอยากรู้ว่าเถ้าแก่สื่อสารอะไรมาบ้าง แต่ก็กลัว

ผีเถ้าแก่อยู่ที่หน้าฮวงซุ้ยยืนบ่นอยู่ข้างๆ หูสืบสาย พ่นเป็นชุด
“ลื้อบอกอาเง็กนะ ให้ไปบอกผัวมันซึ่งก็คือลูกชายคนเดียวของอั๊ว หัดคิดถึงบรรพบุรุษให้ทุกลมหายใจเข้าออก ใส่บาตรทำบุญมาบ่อยๆ ไม่ใช่ให้อั๊วรอแค่ปีละครั้ง ไอ้หยา! พูดแล้วเคือง” จุลลารู้สึกหูชา “คำว่ากตัญญูอย่างสม่ำเสมอ พวกมันรู้จักมั้ยวะ”
“พอมาได้ก็พ่นไฟเลยนะเถ้าแก่”
“อีว่าไง อาหนูช่าง”
“แกอยากให้พวกเราใส่บาตรทำบุญให้แกบ่อยกว่าที่เป็นอยู่ อย่ารอแค่ตอนเช็งเม้ง”
“นั่นไง ผิดคำอั๊วมั้ย อีกำลังจะหมดบุญ เลยต้องรีบทำบุญส่งไปให้ แหม้ อาจารย์เพี้ยนอีแนะนำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุดจริงๆ”
“จริงๆ ไม่ต้องถามอาจารย์เพี้ยน เราเองก็ควรจะทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“นายช่างพูดถูกนะคะท่านรอง”
“เออน่ะ มีอาจารย์เพี้ยนก็เหมือนมีไกด์ คำแนะนำอีเหมือนเป็นแผนที่ชีวิต”
“แต่ท่านรองถามทุกเรื่องเลยนะคะ ล่าสุดก็วิธีทำให้ผัวรักผัวหลง”
“โอ๊ย หนูก็ตอบได้ค่ะ”
“ลื้อเคยมีผัวเหรอ”
“ไม่เคยค่ะ แต่หนูเห็นพ่อหนูทั้งรักทั้งหลงแม่ เรียกว่าโงหัวไม่ขึ้น ไม่หือไม่อือเลย”
“ฮ้า จริงเหรอ” คุณนายเง็กสนใจขึ้นมาทันที “แม่ลื้ออีทำยังไงให้พ่อลื้อเชื่องอยู่หมัด”
“พูดถึงสามีหรือหมาคะ”
เสี่ยตงเดินออกมา กำลังจะออกไปออกรอบตีกอล์ฟ
“ทำอะไรกัน”
จุลลา คุณนายเง็ก ผ้าเมี่ยงชะงัก คุณนายเง็กเห็นเสี่ยตงจะออกไปตีกอล์ฟ รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที ชักสีหน้าไม่พอใจ
“จะออกไปตีอีกอล์ฟที่ไหนอีก”
“เพิ่งใส่บาตรไม่ใช่เหรอ ทีหลังทำบุญแล้วจิตใจยังขุ่นมัวไม่เลิกแบบนี้ อย่าทำเลย เสียของ”
เสี่ยตงเดินออกไปทันที คุณนายเง็กเจ็บจี๊ด ป้าเมี่ยงกลุ้มใจ จุลลาถอนใจ

ผีเถ้าแก่หอบเพราะบ่น
“แฮ่กๆๆ เหนื่อย พอ จบ อาตี๋มองอั๊ว! อั๊วจะทำให้ลื้อเห็นอั๊วเดี๋ยวนี้”
“แต่ผมขอร้องก๋งได้มั้ยครับ” สืบสายพูดแทรกขึ้นมา ผีเถ้าแก่ชะงัก “อย่าทำให้ใครเห็นก๋งอีกเลย ผมอยากให้ก๋งอยู่ของก๋ง คนที่ยังมีชีวิตอยู่ที่นี่ก็ให้เค้าอยู่ของเค้า อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีกเลย”
ผีเถ้าแก่ตกใจ เสียใจ คิดว่าหลานอกตัญญู โกรธมาก
“ลื้อพูดอย่างนี้ได้ยังไง พูดเหมือนอั๊วเป็นตัว เอ๊ย...ผีที่สร้างความเดือดร้อนให้ทุกคน อั๊วมาดี ไม่ได้มาสร้างความพินาศฉิบหายให้ลูกหลาน มีแต่จะทำให้เจริญรุ่งเรือง”
“ตอนนี้ก๋งคงกำลังยืนด่าผมอยู่ใช่มั้ยครับ”
“เออสิวะ ด่าหูหลับตับไหม้เลยด้วย”
“แต่ผมมีเหตุผลของผมครับ ก๋ง”
ผีเถ้าแก่อึ้ง ชะงักไป แปลกใจว่าสืบสายมีเหตุผลอะไร

จุลลาเดินมาในสวนมะพร้าวอย่างรีบเร่งเพื่อไปหาผีเถ้าแก่ สืบสายเดินมาจากอีกทาง ทั้งสองคนมาเจอกันตรงกลาง ต่างคนต่างตกใจ ไม่คิดว่าจะได้เจอ
“คุณ”
“เธอ”
“คุณมาหาเถ้าแก่”
“ฉันก็มาของฉันตามปกติ ส่วนเธอ...”
“ฉันอยากมาหาเถ้าแก่ ฉันอยากรู้ว่าเถ้าแก่หายไปไหนมา แล้วที่...” สืบสายไม่ฟัง เดินหนี ไม่พูดอะไรออกมาอีก “อ้าว คุณสืบสาย ฉันยังพูดไม่จบ”
แต่สืบสายก็ไม่หันมาตอบ เดินหนีไป จุลลาอึ้ง ข้องใจ วิ่งตาม

จุลลาวิ่งตามสืบสายมา
“อะไร”
“เป็นไร”
“เป็นเจ้านายเธอ”
“โกรธไร” สืบสายมองดูนาฬิกา
“อีกสิบนาทีได้เวลาตอกบัตร ไม่งั้นสาย เกินสามครั้งถูกหักเงิน”
สืบสายพูดจบ เดินออกไป จุลลามองนาฬิกา ตกใจ สายแล้ว
“เฮ้ย”
จุลลาวิ่งออกไป

จุลลารีบเดินเข้ามาในโรงงาน สงสัยท่าทีของสืบสาย
“เป็นอะไรของเค้า พูดด้วยก็ไม่พูดด้วย”
แสบ เข่ง ถัด หยิก เข้ามาเป็นแผงดักจุลลาเอาไว้
“อะไร” แสบยิ้มล้อๆ จุลลา
“อื๋ยยย”
“จื๋ยยย”
“จุ๊บุๆ”
ทุกคนล้อจุลลา แต่ถัดกลับเงียบ แสบ เข่ง หยิก หันไปมองถัด
“ทำไมไม่รับลูกต่อ”
“ลูกอะไร ก็บอสกับพี่จูนยังไม่ได้แจมกันเลย มีลูกได้ไง ไม่ได้”
แสบ เข่ง ถัด หยิกรีบเข้าไปตีปากถัด
“ลูกอะไร บอสกับฉัน แจมอะไร มีอะไรกัน! ไอ้แสบ”
“ไม่มีอะไรครับพี่จูน ไอ้ถัดมันพูดจาเพ้อเจ้อ เลื่อนเปื้อนไปงั้น เฮ้ย! ได้เวลางานแล้ว ไปเร็ว”
แสบรีบถีบถัดออกไป ลูกน้องตามออกไป จุลลามองตาม รู้สึกมีพิรุธ แต่ดูเวลาแล้ว ต้องเข้างาน รีบเดินออกไป

จุลลาเปิดประตูผลัวะเข้าไปในห้องแล้วผงะ เพราะตกใจ หลังชนประตู เมื่อเห็นผีเถ้าแก่นั่งเซ็งอยู่ที่โต๊ะจุลลา
“เถ้าแก่”
“อีโกรธที่ลื้อยังพูดเรื่องอั๊ว” ผีเถ้าแก่พูดอกมาเบาๆ
“อะไรนะ”
“อั๊วบอกว่า อาตี๋อีโกรธลื้อ หูตึงหรือไงวะ” จุลลาตกใจ
“อุย โกรธหนู โกรธเรื่องอะไร”

จุลลาแปลกใจ ยังนึกไม่ออกว่าสืบสายโกรธเรื่องอะไร

 
สืบสายกำลังเดินมาที่ห้องทำงาน ครรชิตประจำการ โค้งคำนับ
 
“สวัสดีครับผม เมื่อคืนนอนหลับฝันดีมั้ยครับ”
“อืม”
“แต่คงกินรังแตนมา เลยหน้าบึ้ง ใช่มั้ยครับ”
คุณนายเง็กเดินเข้ามาหาสืบสาย
“อาตี๋ ลื้อรู้มั้ยว่าวันนี้ป๊าลื้อไปออกรอบที่ไหน” สืบสายจ้องหน้าคุณนายเง็ก แล้วเฉย เดินเข้าห้องไปเลย คุณนายเง็ก ครรชิต งงเป็นไก่ตาแตก “อีเป็นอะไร อาครรชิต”
“เป็นลูกชายท่านรองครับ”
คุณนายเง็กมองครรชิตตาเขียว ครรชิตรีบม้วนตามสืบสายเข้าห้องทำงานไป

น้ำหวานวางกระเป๋าทำงานที่โต๊ะ เปิดห้องทำงานของทรงเดช จะเข้าไปเตรียมความพร้อม แต่จู่ๆ มือของแสบมาจับมือน้ำหวานยั้งไว้ ยังไม่ไห้เปิดประตู
“เดี๋ยวก่อนจ๊ะ น้ำหวาน”
น้ำหวานอึ้ง มองมือแสบ เกิดเคมีแล่นเปรี๊ยะปร๊ะสปาร์คอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แสบเองก็รู้สึกหวิวไหวไม่ต่างกัน ทั้งสองคนอึ้ง มองหน้ากัน บอกไม่ถูกว่ามันคืออะไร น้ำหวานรู้สึกตัว รีบดึงมือออก
“มาจับมือทำไม ไอ้พี่แสบ”
“นอกจากมือจะนิ่ม แล้วยังหอมด้วย” แสบดมมือตัวเอง
“ดมมือตัวเอง มันจะเหมือนดมของมือของน้ำหวานเหรอ” แสบตาลุก
“ฮิ้ว” พวกลูกหนังแสบแซว
“เอาแหล่วๆๆๆ กลิ่นมือใครก็ไม่ชื่นใจเหมือนกลิ่นมือของน้ำหวานหรอกจ๊ะ แต่จะดีเหรอ ให้เค้าดม เค้าไม่เคย เค้าเขิน”
“ไม่ต้องเขิน พี่แสบอยู่เฉยๆ เดี๋ยวน้ำหวานจัดการเอง”
“ฮิ้ว”
“เอาแหล่วๆๆ งั้นขอดม”
แสบยังพูดไม่ทันจบ น้ำหวานใส่หมัดซัดเข้าเต็มเบ้าตาแสบ เปรี้ยง จนแสบเห็นดาว
“พี่แสบ”
แสบร่วงในอ้อมแขนของลูกน้อง
“เอาแหล่ว”
“ให้ดมมือในลักษณะที่เรียกว่าหมัดไงไอ้พี่แสบ หลอกแต๊ะอั๋งตลอดๆ อย่างนี้จะให้ไว้ใจได้ไง ว่ามาดี บริสุทธิ์ใจ”
“โหย โหด”
“ได้อีกนะ ไปให้พ้นหน้าเลย ทั้งหัวทั้งหาง”
แสบเข้าไปขวางที่ประตูห้องทำงานทรงเดช ทรุดกับพื้นได้ทรุดนอนเลย
“ไม่ไป ยังไงพี่ก็ไม่ไป”
“โหย เว่อร์”
“ไม่ถอยไปอีก มีอีกดอกนะไอ้พี่แสบ”
“จะกี่ดอก หรือจะมาเป็นสวนเลยพี่ก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น”
น้ำหวานอึ้ง เหวอกับความดราม่าของแสบ

จุลลาสงสัยและหงุดหงิดกับสิ่งที่ผีเถ้าแก่บอก
“อยู่ๆ ก็โกรธ งี่เง่าจริงๆ เลยนะหลานเถ้าแก่น่ะ”
“อีไม่ได้งี่เง่า อีมีเหตุผล”
“เหตุผลอะไร”
“คะ” ผีเถ้าแก่พูดต่อให้ จุลลาจึงต้องพูดตาม
“คะ”
ผีเถ้าแก่ถอนใจ แล้วเล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่สืบสายบอกเหตุผลที่ไม่ให้ผีเถ้าแก่มายุ่งกับทุกคนอีก ตอนนั้นผีเถ้าแก่เคืองมาก
“ผมไม่อยากให้หม่าม้า ให้จุลลาหรือใครก็ตามที่อยู่ในความดูแลของผมเอาชีวิตไปฝากไว้กับการปรากฏตัวของก๋ง จนไม่คิด ไม่ลงมือทำด้วยตัวเอง” ผีเถ้าแก่อึ้งไป “ผมไม่อยากให้ทุกคนงมงาย กับเรื่องเหนือธรรมชาติ” ผีเถ้าแก่เริ่มเข้าใจสืบสาย “ถ้าก๋งมีเรื่องที่เป็นห่วง จนทำให้ไปไหนไม่ได้ ต้องติดอยู่ที่นี่ ปล่อยวางเถอะครับ ให้เป็นหน้าที่ของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ผมเคยให้คำมั่นสัญญาต่อหน้าฮวงซุ้ยก๋งแล้วนะครับ ว่าผมจะรักษาและดูแลสิ่งที่ก๋งสร้างมาให้ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้”
“อาตี๋”
“ตอนนี้ ผมเริ่มเชื่อแล้วว่าสิ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี แต่ผมขอเลือกที่จะ อยู่กับความไม่มีให้ชิน ดีกว่ารอรับความช่วยเหลือที่ไม่รู้ว่า วันไหนมันจะหายไป ผมไม่อยากให้ทุกคนเคว้ง ถ้าวันหนึ่งวิญญาณของก๋งต้องเดินทางอีกครั้ง”
“อาตี๋ ลื้อเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่อั๊วคิด มา ขอก๋งกอดที” สืบสายเดินเข้าไปโค้งทำความเคารพฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่วืด
“ผมอยากเจอก๋งนะครับ”
“ก็นี่ไง กำลังจะเข้าไปกอด”
“แต่ เพื่อความเท่าเทียมกับคนอื่น อย่ามาให้ผมเห็นเลยดีกว่าครับ”
“เท่าเทียม? แปลว่าอะไรวะ”
“ผมยื่นคำขาดกับหม่าม้าและจุลลาและทุกคน ถ้ายังจะพูดเรื่องก๋ง คิดเรื่องก๋ง รอให้ก๋งปรากฏตัวเพื่อจะถามอะไรก็ตาม ผมจะโกรธและไม่พูดกับทุกคนอีกเลย”
ผีเถ้าแก่อึ้ง เมื่อเห็นสืบสายจริงจังมาก

ผีเถ้าแก่ถอนหายใจพร้อมกับจุลลา
“ความคิดอีหล่อมาก”
“แปลว่าเถ้าแก่จะยอมทำตามที่คุณสืบสายต้องการ”
“เปล่า”
“อ้าว”
“อีจะคิดจะทำอะไรก็เรื่องของอีสิ อั๊วไม่เกี่ยว เพราะเราอยู่กันคนละโลก”
“โห เชื่อแระ ว่าลูกหลานรั้นเหมือนใคร”
“อาหนูช่าง เราต้องประชุมกัน”
“ประชุม ประชุมเรื่องอะไร”
“เรื่องเป้าหมายของอั๊วนับแต่นี้ไป”
“ทำฟิต หายดีแล้วเหรอ ถามจริง เถ้าแก่เป็นอะไร”
“อั๊วยุ่งเรื่องของมนุษย์ขี้เหม็นมากเกินไป โดยเฉพาะช็อตบรู๊ซลี มันทำให้อั๊วอ่อนแอ จนเกือบจะแตกดับ กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน และไม่มีวันได้ผุดได้เกิดอีก”
“เอ๊า! แล้วยังจะกล้ามาประชุมยุ่งเรื่องมนุษย์อีกเหรอ เจ็บแล้วไม่จำ”
“ไอ้หยา เลิกด่าก่อนได้มั้ย ลื้อนี่ยังไง”
“เลิกเถอะเถ้าแก่ ทำตามที่หลานขอ อย่าให้เสียศรัทธา”
“หรือว่าลื้อกลัวอีโกรธแล้วไม่พูดด้วย”
“เอาจริงๆ นะ หนูเป็นห่วงเถ้าแก่ กลัวจะเกิดเหตุการณ์หมดพลังแบบนี้อีกสงวนแรงเอาไว้ทำอย่างอื่น ที่จะช่วยให้เถ้าแก่ไปเกิดได้ดีกว่า” ผีเถ้าแก่อึ้ง ตาปริบๆ “ซึ้งเหรอ”
“ผงเข้าตาอั๊ว ก็นี่ไง อั๊วถึงได้จะประชุมกับลื้อ”
“หนูต้องทำงาน”
จุลลาออกไป ผีเถ้าแก่ไม่ยอมแพ้ ตาม

สืบสายนั่งในห้องประชุม ครรชิตยื่นเอกสารการประชุมให้สืบสาย สืบสายจะอ่านเอกสาร ก่อนจะนึกขึ้นได้ มองกราดพนักงานทุกคนไล่เรียงคนแต่ไม่เห็นทรงเดช
“ทรงเดชล่ะ ครรชิต ทำไมยังไม่เข้าประชุม ไม่ได้แจ้งเหรอ”
“แจ้งครับ”
“โทรตามซิ”
“ยังไม่มาทำงานและไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกครับ”

สืบสายชักหงุดหงิดกับการทำงานของทรงเดช
 

วิมานมะพร้าว ตอนที่ 6 (ต่อ)

แสบยังขวางทางประตูห้องทำงาน ไม่ให้น้ำหวานเข้าไปในห้องทำงานทรงเดช

“พี่แสบ ถอยไป ลุกขึ้น”
“ไม่ลุก พี่จะอยู่ตรงนี้ จะคุกเข่าอ้อนวอนให้น้องน้ำหวานเข้าใจ ว่าพี่ไม่ได้มาหลอก”
“เพราะพี่แสบเอาจริง”
“ไอ้ถัด มึง”
แสบเหวี่ยงเท้าเหวี่ยงแขนใส่ถัด ถัดหลบพัลวัน ทรงเดชเดินเข้ามาหน้าตาปูด
“งานการไม่ทำกันหรือไง”
แสบ น้ำหวานและลูกน้องหันไปเห็นสภาพของทรงเดชแล้วตกใจ
“เฮ้ย”

สืบสายทนรอไม่ไหว ลุกขึ้น
“ไปตามตัวทรงเดชมาพบฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าผู้จัดการฝ่ายมาไม่ครบก็ไม่ต้องประชุม”
สืบสายเดินออกไปอย่างหงุดหงิด ทุกคนสะดุ้งซีดกันทั้งห้องประชุม
“คุณเลขา บอสหงุดหงิดเรื่องอะไรมา”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับพี่”
ครรชิตรีบออกไปทันที

แสบ น้ำหวานและลูกน้องจ้องหน้าทรงเดช
“ไปฟัดกับหมาทีไหนมาครับ คุณส่งเดช เอ๊ย ทรงเดช”
“อย่ามาทะลึ่ง ไม่ใช่เรื่องของพวกแก ยังไม่ไปทำงานอีก อยากให้ฉันรายงานเพื่อนฉันหรือไงว่าพวกแกอู้งานมาหลีหญิงที่หน้าห้องฉัน หา” แสบนึกแค้น
“ไอ้พี่แสบ รีบไปทำงาน อยากเดือดร้อนหรือไง”
“ถอยไป เกะกะ” แสบแอบยิ้มกริ่ม ยอมถอยให้ทรงเดชแต่โดยดี ทรงเดชเปิดประตูจะเข้าห้องเห็นห้องมืด ยังไม่ได้เปิดไฟ “น้ำหวาน มาตั้งแต่กี่โมง ทำไมไม่เปิดไฟเปิดแอร์ห้องฉัน”
“เอ่อ คือ”
“ทำงานไม่ได้เรื่อง”
ทรงเดชเดินเข้าไปในห้อง แสบรอลุ้นผล ขณะเดียวกันจุลลาเดินผ่านมาพอดี ทรงเดชเอื้อมมือไปกดสวิตช์ไฟในห้อง บึ้ม! หลอดไฟระเบิด
“เฮ้ย”
จุลลาและทุกคนตกใจ ทรงเดชตกใจสะดุ้งร้องออกมาจากในห้อง
“เฮ้ย อะไรวะเนี่ย”
“หลอดไฟระเบิดครับ ตาบอดเหรอครับ”
“ก็เกือบบอด ถามมาได้ ไม่เห็นเหรอ สะเก็ดหลอดไฟพุ่งเกือบทิ่มตา ระเบิดได้ไงวะเนี่ย”
จุลลาหันหน้ามองแสบทันทีด้วยความไม่พอใจ แสบหลบตา ทำไม่รู้ไม่ชี้

จุลลาลากแสบมาชำระความในมุมที่ลับตาคน
“ไอ้แสบ ฝีมือแกใช่มั้ย”
“มีหลักฐานอะไรมาว่าผมเป็นคนทำให้หลอดไฟระเบิด”
“ฉันมีเซ้นส์”
“วะ พูดเหมือนท่านรองเลยพับผ่า”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวข้างๆ แสบ
“เหมือนอั๊วด้วย”
“ชักจะกลืนๆ เป็นคนในครอบครัว”
“ก็อยากได้อยู่ แต่อีปากแข็ง” ผีเถ้าแก่บอก
“แสบ แกอย่ามาทำเฉไฉพูดเรื่องฉัน ไม่เกี่ยว! รู้มั้ยทำไมฉันคิดว่าเป็นฝีมือแก ก่อนหน้านี้ไง แกพูดเอาไว้ว่าจะทำให้นายส่งเดชมันอยู่ไม่ได้” แสบอึ้ง จ๋อย

ทรงเดชเดินโวยวายมากับน้ำหวาน
“ตามไอ้พวกช่างมาจัดการ จนกว่าจะเรียบร้อย ค่อยไปตามฉัน”
“ให้ตามที่ไหนคะ”
“ฉันมีประชุมกับไอ้สืบ”
“แล้วทำไมเพิ่งมาคะ”
“ฉันเป็นเจ้านายเธอ ใช้คำพูดให้มันดีๆ หน่อย”
“ขอโทษค่ะ”
“แล้วอีกอย่าง ไปตามหัวหน้าแผนกซ่อมบำรุงที่ชื่อจุลลาไปพบฉันที่ห้องไอ้สืบด้วย”
“ให้ตามพี่จูนไปพบทำไมคะ”
“หลอดไฟระเบิดในห้องฉัน มันมีเงื่อนงำ ไม่ได้จู่ๆ ก็เกิดขึ้นเพราะหลอดไฟมันเก่าอย่างที่เค้าบอกฉัน ฉันจำได้ว่าเพิ่งเปลี่ยนหลอดไฟตอนที่ฉันเข้ามาใช้ห้องนี้วันแรกเลยด้วยซ้ำ”
น้ำหวานอึ้ง ทรงเดชเตรียมเอาเรื่องจุลลา

จุลลาต่อว่าแสบ
“ทำไมคิดสั้น คิดตื้นแบบนี้! ไม่ฉลาดเลย”
“คิดยาว คิดลึก คิดฉลาดได้ ผมจะมาเป็นแค่หัวหน้าช่างอยู่แบบนี้เหรอ พี่จูน” จุลลา ผีเถ้าแก่อึ้ง “ผมรู้แค่ว่า ผมต้องทำอะไรก็ได้ เพื่อให้มันเจ็บ เหมือนกับที่น้ำหวานเจ็บ”
“แล้วมันเจ็บป่ะ”
“ไม่เห็นเจ็บตรงไหนเลย”
“แล้วรู้มั้ย ว่าคนอย่างไอ้ส่งเดช มันจ้องจะใช้วิกฤติทุกอย่างให้เป็นโอกาสสำหรับตัวมัน”
น้ำหวานวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“แย่แล้วพี่จูน คุณทรงเดชเรียกพี่จูนไปพบที่ห้องบอส”
“นั่นไง” จุลลาถอนใจ แล้วจะเดินออกไป
“พี่จูน พี่จูนจะบอกมันว่ายังไง”
“แกไปเปลี่ยนหลอดไฟ แก้ไขทุกอย่างให้กลับสู่สภาพเดิม เรื่องอื่น ไม่ต้องยุ่ง”
แสบอึ้ง จุลลาออกไป ผีเถ้าแก่ตามออกไปด้วย น้ำหวานเดินมามองหน้าแสบ
“เรื่องนี้ เกี่ยวข้องกับแกหรือเปล่า ไอ้พี่แสบ” แสบจ๋อย เหมือนจะเล่าแต่รีบวิ่งหนี “ไอ้พี่แสบ”

สืบสายนั่งเครียดอยู่ในห้องทำงาน มองดูรายงานประสิทธิภาพเครื่องจักรในมือ มีแต่เครื่องเก่าที่ให้ผลผลิตน้อยลงกว่าไตรมาสที่ผ่านมา คุณนายเง็กเปิดประตูเข้ามา
“อาตี๋ อั๊วต้องคุยกับลื้อ”
“ไว้ก่อนได้มั้ยม้า”
“ก่อนอะไร”
“ม้า ผมกำลังจะประชุม”
“เรื่องงานไว้ทีหลัง เรื่องครอบครัวต้องมาก่อน ทำไมลื้อไม่คุยกับอั๊ว”
“ม้ารู้ดีว่าเพราะอะไร”
“อั๊วไม่รู้”
“ม้ายังคิดจะให้จุลลาติดต่อกับก๋ง”
“ลื้อรู้ได้ยังไง ใครบอก อาเมี่ยงเหรอ”
“ผมรู้ของผมเอง บอกผมมาสิ ว่าจริงหรือไม่จริง”
“ถ้า...”
“อย่าโกหกผม ถ้าไม่อยากให้ผมเป็นลูกที่มีปัญหาครอบครัว”
“เออ อั๊วทำจริง”
“คำไหนคำนั้นครับ ม้า ผมโกรธ”
“แต่อั๊วเป็นแม่ลื้อ ลื้อกล้าโกรธอั๊วเหรอ”
ทรงเดชเข้ามากับครรชิต
“สืบ ฉันมีเรื่องด่วนที่ต้องให้นายสะสาง” ทรงเดชบอก สืบสายยิ่งเครียด
“ไม่เห็นอั๊วกำลังคุยธุระกับอาตี๋หรือไง อาทรงเดช” คุณนายเง็กถามอย่างไม่พอใจ
“เห็นครับ”
“คุณทรงเดชเค้าไม่ค่อยแคร์หน้าอินทร์หน้าพรหมหรือหน้าท่านรองหรอกครับ” ครรชิตบอก
“ไอ้หยา”
สืบสายทนไม่ไหว ลุกหนีเดินออกไปเลย
“สืบ เดี๋ยวก่อน แกจะไปไหน”
“อาตี๋ ม้ายังพูดกับลื้อไม่จบ”
ครรชิตยกมือห้ามทุกคน
“อย่าเพิ่งครับ ตอนนี้ มีรังสีอำมหิตแผ่จากตัวบอสสูงมาก ปล่อยบอสอยู่ตามลำพังครับ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวมาแน่ โดยเฉพาะคุณทรงเดช รอรับได้เลย”

คุณนายเง็กอึ้ง ทรงเดชไม่สบอารมณ์

 
สืบสายเดินออกมาด้วยสีหน้าเครียดมาก ต้องการไปให้พ้นจากสถานการณ์นี้ก่อน ไม่อยากระเบิด จุลลาเดินเข้ามาพอดี เจอกับสืบสาย ทั้งสองคนชะงัก
 
“คุณทรงเดชตามฉันให้ไปเจอที่ห้องคุณ เมื่อกี้มีเรื่องที่ห้องคุณทรงเดช”
จุลลาพูดไม่ทันจบ สืบสายคว้ามือของจุลลาพาเดินออกไปทันที จุลลาแปลกใจ ตัวปลิวตามไป ผีเถ้าแก่ปรากฏตัว
“ไอ้หยา อาตี๋อีเครียดหน้าดำหน้าแดงเลยวุ้ย” ผีเถ้าแก่จะตามไป แต่เปลี่ยนใจ “แล้วอั๊วจะไปเป็น ก ข ค ง จ ทำไมวะ บางทีอั๊วอาจจะไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของอีสองคนแล้วก็ได้ เพราะระบบของหัวใจมันทำงานได้ด้วยตัวของมันเอง คริคริ”
ผีเถ้าแก่ยิ้มสบายใจ

สืบสายจูงมือจุลลาออกมาหน้าออฟฟิศ
“จะพาฉันไปไหน”
สืบสายชะงัก มองมือจุลลา
“วันนี้ มือนิ่มนะ” จุลลารีบชักมือกลับ
“ทาครีม”
“เหรอ ทำไมเพิ่งมาทา”
“เพิ่งหาขวดโลชั่นเจอ โอ๊ย! ไม่ต้องมาคุยเรื่องมือฉันเลย คุณจะพาฉันไปไหน”
สืบสายไม่ตอบแต่จูงมือจุลลาตัวปลิวออกไปอีก

เดือนพิไลอยู่ที่โรงพยาบาลกำลังโวยวายกับเสี่ยตง
“คุณสืบกลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วอ่ะ ป๊าไม่รู้เรื่องเลยเหรอคะ”
“ก็ไม่มีใครบอกป๊า เมื่อเช้าป๊าก็ไม่ได้เข้าออฟฟิศ เลยไม่รู้เรื่อง”
“เสียเวลาทำมาหากินหนูมั้ยเนี่ย รู้มั้ยคะว่าวันนี้หนูต้องแคนเซิลงานอีเว้นต์ไป เพราะตั้งใจจะมาดูแลคุณสืบ”
“ป๊าขอโทษ”
“ป๊าขอโทษ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เงินค่าตัวหนูสองแสนกลับเข้ากระเป๋าหนูหรอกนะคะ หนูตัวคนเดียว ทำงานเลี้ยงตัวเอง ไม่มีใครดูแล”
“เอาน่า ป๊าขอโทษ ป๊ารู้ว่าหนูเป็นคนขยัน รู้จักคุณค่าของเงิน ไม่เคยง้อใครให้เสียเกียรติ นี่สิผู้หญิงของป๊า”
“คะ”
“หมายถึงลูกสะใภ้ของป๊า”
“แล้วไปค่ะ ป๊าอ่ะ ชอบทำให้หนูคิดว่าหูเฝื่อน ได้ยินอะไรผิดๆ อยู่เรื่อย คิดว่าป๊ามีใจให้หนู”
เดือนพิไลส่งสายตาให้เสี่ยตง เสี่ยตงถึงกับใจเต้นแรง เสียงมือถือเดือนพิไลดังขึ้น เดือนพิไลเห็นชื่อที่หน้าจอ “พี่บี” รู้สึกเซ็ง รีบรับ
“ว่าไงเจ๊”
“หล่อนอยู่ที่ไหน นังมูน” พี่บีถามเสียงแหลม โกรธมาก เดือนพิไลแสบแก้วหู

สืบสายและจุลลามาถึงมอเตอร์ไซค์
“คิดไงอยากขี่รถเล่น”
“เครียด”
จุลลาล้วงกุญแจ เปิดที่เก็บหมวกกันน็อก หยิบมา ส่งหมวกกันน็อกให้สืบสาย
“อ่ะ ใส่ซะ”
สืบสายเอามาใส่ จุลลาใส่บ้าง ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ กระเถิบให้เหลือเบาะหลังกว้างๆ แต่สืบสายกลับสะกิดให้จุลลาลงมา จุลลาพักมอเตอร์ไซค์ลงมางงๆ ถอดหมวกออกคุย
“มีปัญหาอะไรอีกล่ะ หรือเปลี่ยนใจ ก็ดีนะ ฉัน....” สืบสายตัดบท แย่งกุญแจมาจากจุลลา ขึ้นไปนั่ง สตาร์ทเครื่อง “เฮ้ย คุณ”
“ขึ้นมาสิ เร็ว” จุลลารีบใส่หมวกขึ้นซ้อน “เกาะเอวดีๆ นะ”
“ฉันลูกมีพ่อมีแม่นะ คุณขี่เป็นเหรอ”
“เดี๋ยวก็รู้”
สืบสายบิดมอเตอร์ไซค์ ขี่พาจุลลาซ้อนท้ายออกไป

เดือนพิไลเลี่ยงเสี่ยตงมาคุยโทรศัพท์กับพี่บี
“ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วย”
พี่บีกระสับกระส่ายอยู่ที่มุมหนึ่งในห้าง
“ก็แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่มาที่งาน”
“ให้เค้ารอหน่อยไม่ได้หรือไง”
“รอมาสองชั่วโมงแล้วนะ ซีเคว้นบนเวทีต้องเลื่อนเวลาไปเป็นช่วงบ่ายเพราะหล่อน! งานรวนทั้งงานแล้วค่ะ แม่คุณ แม่ดาราในกระแส จะไม่เอาใช่มั้ยเงินน่ะ เก้าหมื่นเชียวนะเก้าหมื่น”
“หนูอยู่โรงพยาบาล หนูป่วย”
“ป่วยเหรอ แน่ใจเหรอ อย่ามาอำ”
“เดี๋ยวจะส่งรูปไปให้ดูเดี๋ยวนี้เลย แล้วเอาไปให้ออกาไนซ์ดูด้วย”
เดือนพิไลกดเลือกโปรแกรมกล้อง หามุม ให้เห็นแบ็คกราวด์ชัดๆ แล้วเซ็ตอัพหน้าตัวเองให้ดูง่อย โทรม จากนั้นก็กดถ่ายรูป แล้วกดส่งทางข้อความให้พี่บี เดือนพิไลยิ้มเยาะ สบายใจ
“หึ จะไปเอาทำไมเก้าหมื่น”
เดือนพิไลเดินกลับไปหาเสี่ยตง

สืบสายขี่มอเตอร์ไซค์โดยมีจุลลานั่งซ้อนมาตามถนน
ขณะนั้นคุณนายเง็ก ทรงเดชรอสืบสายอยู่ในห้องทำงานโดยมีครรชิตคุมสถานการณ์อยู่ คุณนายเง็กมองหน้าทรงเดชไม่วางตา
“ไปทำอะไรมา หน้าตาถึงได้เป็นแบบนี้”
“เอ่อ คือ...” ทรงเดชตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ “ผมอายครับ อย่าให้เล่าเลย”
“เออ งั้นก็ไม่ต้องเล่า” คุณนายเงิกไม่สนใจต่อ ทรงเดชรีบเล่า
“ผมถูกแฟนเก่าทำร้ายร่างกายครับ”
คุณนายเง็กกับครรชิตอึ้ง
“ไอ้หยา ลื้อน่ะเหรอ ถูกผู้หญิงทำร้าย”
“ผมนี่แหละครับ เธอโกรธที่ผมบอกเลิก โกรธมากจนคลั่ง เข้ามาตบตีต่อยชก ผมรู้สึกผิดที่ทำเธอเสียใจเลยยอมให้เธอทำ จนกว่าจะหนำใจ เผื่อเธอจะโกรธผมน้อยลง”
“โห หล่อมากครับ”
“ถ้าเลือกได้ ผมขอเป็นคนหน้าตาไม่หล่ออย่างที่เป็นดีกว่าครับ ปวดหัว ผู้หญิงไม่ค่อยอยากเลิกกับผม”
“ประชดชัดๆ ยังไม่เก็ต ซื่อหรือโง่หรือเข้าข้างตัวเองวะครับ” ครรชิตบ่นเบาๆ กับตัวเอง
“แล้วลื้อเลิกกับอีทำไม”
“ผมเลิกกับเธอ เพราะเธอ...รวยครับ ผมไม่อยากให้พ่อเธอดูถูกผมว่ามาเกาะผู้หญิงกิน”
“หล่ออีกแล้วครับ”
“ขอบคุณครับ หล่อแล้วเป็นเหยื่อแบบนี้ อย่าหล่อเลยครับ หน้าตาแบบคุณเลขาน่ะดีที่สุด” ครรชิตเซ็ง ทรงเดชทนรอสืบสายไม่ไหว โวยใส่ครรชิต “คุณเลขา นานแล้วนะครับ สืบยังไม่กลับเข้ามาเลย ติดต่อไม่ได้เลยหรือยังไงว่าตอนนี้อยู่ไหน เมื่อไหร่จะกลับ ผมมีเรื่องต้องเคลียร์ด่วน”
“ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขของบอสครับ อ้อ อีกอย่าง บอสขี่มอเตอร์ไซค์ไปกับคุณจุลลาครับท่านรอง ซ้อนสองกอดเอวแน่นเลยครับ ท่านร้องงง”
“อะไรนะ”

คุณนายเง็กยิ้มสมใจ ดีใจ
 




 
แสบกำลังยืนบนบันได เปลี่ยนหลอดไฟกลางห้องทำงานทรงเดช น้ำหวานยืนมองตาเขียวอยู่ รอเวลาชำระความ แสบทำงานไป ชำเลืองมองน้ำหวานไป เสียวๆ
 
“เสร็จยัง”
“ยังจ้า แหม มายืนจ้องอยู่แบบนี้ พี่เกร็งก็เลยเสร็จช้า”
น้ำหวานหมั่นไส้ เดินเข้าไปเขย่าบันได
“จะเสร็จหรือยัง”
“ว้าย! น้ำหวานจ๋า อย่าทำแบบนี้”
“รีบทำเร็วๆ ฉันรู้นะว่าแกถ่วงเวลา เพราะไม่อยากให้ฉันซักฟอก ไอ้พี่แสบ”
“อุ๊ย รู้ทัน แย่จัง”
“หมั่นไส้ บอกให้เร็วๆ”
น้ำหว่านเขย่าบันไดอีก แสบเสียหลักล้มลงมา ทับน้ำหวาน ล้มลงไปทั้งคู่ ตึงๆๆๆ สบตากัน อึ้ง ค้าง
ทรงเดชเดินฉุนเข้ามาเห็นภาพก็โวย
“เฮ้ย ทำทุเรศอะไรกันในห้องทำงานฉัน” แสบ น้ำหวาน สะดุ้ง รีบลุกขึ้น น้ำหวานหน้าซีด “ฉันถามว่าทำอะไร”
“เปล่าทำนะคะ คือ มันเป็น...”
“ทุเรศ! กล้าปฏิเสธเหรอ เห็นจะจะคาตา”
น้ำหวานใจเสีย น้ำตาซึมเลย แสบปกป้อง
“มันเป็นอุบัติเหตุ ผมตกบันไดล้มทับน้อง”
“ฉันไม่เชื่อ”
“ก็เรื่องของคุณเด้ะ”
แสบเหลืออดตะคอกใส่หน้าทรงเดช ทรงเดชอึ้ง สองคนเผชิญหน้ากัน น้ำหวานยืนขวัญเสียตรงกลาง

คุณนายเง็กกลับเข้ามาในห้องทำงาน ครรชิตตามเข้ามา
“อีไม่ยอมคุยกับอั๊วไม่เป็นไร ขอแค่อีคุยกับอาหนูช่างก็พอ”
“เป็นว่าที่แม่สามีที่ใจกว้างมากครับ”
“ใครบอกว่าอาหนูช่างจะมาเป็นลูกสะใภ้อั๊ว”
“อ้าว ก็ท่านรองกำลังจะจับคู่บอสกับคุณจุลลา”
“แค่ให้อีมาเป็นตัวกันยัยข้าวเหนียวบูดไปให้พ้นจากอาตี๋เท่านั้น”
“หือ”
“จากนั้นอั๊วก็จะหาลูกสะใภ้ให้อาตี๋อีกที ซึ่งอั๊วกำลังคัดสรรจากบรรดาลูกสาวของเพื่อนๆ อั๊วอยู่”
“ฮ้า”
“ลูกสะใภ้อั๊วต้องเพอร์เฟ็กต์ทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา มารยาทและชาติตระกูล อย่างอาหนูช่าง อะไรก็ดีนะ แต่ไม่เพอร์เฟ็กต์อ่ะ คุณสมบัติไม่ครบทุกข้อ ไม่ได้ ไม่เหมาะสมกับอาตี๋ ลูกชายของอั๊ว”
“ร้ายมาก” ครรชิตบอกอย่างลืมตัว
“ด่าอั๊วเหรออาครรชิต”
“ผมคอมเม้นต์แผนการของท่านรองว่าร้ายมากครับ ไม่ได้ด่าท่านรองว่าร้าย ใจดำ จอมวางแผน อำมหิตผิดมนุษย์ผู้เจริญแล้วเลยสักนิด”
“ลื้อห้ามปากสว่างบอกใครเด็ดขาด ไม่งั้น อั๊วไล่ออก”
“ครับผม”
“ไปบอกคนขับรถอั๊วให้เตรียมรถ อั๊วจะออกไปเช็คบิล”
คุณนายเง็กคว้ากระเป๋าออกเดินไป มีแผนการบางอย่าง ครรชิตนึกสงสารทั้งสืบสายและจุลลา
“โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน รักลูก อยากปกป้องลูกแต่ทำร้ายหัวใจคนอื่น ร้ายมากกกก”
ครรชิตเดินออกไป หดหู่มาก

สืบสายจอดรถริมทะเล จุลลาหลับซบอยู่กับไหล่ของสืบสาย กอดเอวแน่น สืบสายถอดหมวกมอง อมยิ้ม
จุลลายังไม่รู้สึกตัว สืบสายเคาะหมวกกันน็อกจุลลา จุลลาสะดุ้งตื่น เห็นตัวเองอยู่ริมทะเลก็ตกใจ รีบถอดหมวก
“เฮ้ย”

สืบสายมายืนโต้ลม รับอากาศสดชื่น จุลลามายืนข้างๆ มองสืบสายอยู่เงียบๆ สงสัยจะเครียดจริง นั่งลง ไม่พูด ปล่อยสืบสายให้อยู่กับตัวเอง แต่ลอบมองเสี้ยวหน้าของสืบสายเพลินเลย สืบสายหันมา จุลลารีบหันไปทางอื่น ไม่รู้ไม่ชี้ สืบสายหันกลับไป จุลลาหันกลับมามองอีก แต่คราวนี้สืบสายหันมาขวับ โดยที่จุลลาไม่ทันตั้งตัวเลยต้องมองค้างอย่างนั้น
“มองผมทำไม”
“ใครบอกฉันมองคุณ ฉันมอง โน่น”
จุลลาชี้ไปมั่วๆ สืบสายหันมองตามเห็นมีแต่ทะเล
“ทะเล”
“มาทะเล ก็ต้องมองทะเล”
สืบสายอมยิ้ม ไม่โต้ตอบหันไปมองทะเลต่อ จุลลานั่งต่อไปเงียบๆ อมยิ้ม รู้สึกมีความสุขอย่างประหลาด
สืบสายพูดโดยไม่หันมา
“หลับขณะซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ได้ด้วยเหรอ”
“ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจะทำได้ เกิดมาไม่เคยซ้อนท้ายใคร”
“ผมเป็นคนแรกของคุณงั้นเหรอ”
“อืม”
สืบสายหันมาสบตากับจุลลา สายตาเต็มไปด้วยความลึกซึ้งและมีความหมาย จนทำให้จุลลาอึ้งและอึดอัด รีบลุก เลี่ยงไปเลย
“จะไปไหน”
“เดินเล่น ไปมะ”
“ไปสิ”
“ก็มาสิ”
“ก็รอสิ”
“ก็เดินสิ”
สืบสายอดหัวเราะออกไม่ได้อย่างอารมณ์ดีที่ได้ต่อปากต่อคำกับจุลลา เดินไปหาจุลลา ออกเดินไปด้วยกัน

คุณนายเง็กกำลังคุยมือถือกับเพื่อนร่วมก๊วนของเสี่ยตง ตกใจและไม่พอใจ
“วันนี้ไม่มีออกรอบ ก๊วนอื่นมีมั้ย ไม่มี โอเค ขอบใจเฮียมาก” คุณนายเง็กวางสาย โทรหาเสี่ยตงทันที รอสาย ได้ยินเสียงตอบรับเพราะปิดเครื่อง คุณนายเง็กโกรธมาก “เฮีย ตง”

ขณะนั้นเสี่ยตงอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เสี่ยตงยื่นเช็คเงินสดให้เดือนพิไล
“เช็คเงินสด ไม่เติมตัวเลข” เดือนพิไลตกใจ
“ค่าตัวหนูเท่าไหร่ ก็ใส่ลงไปเองเลยจ๊ะ”
“อะไรนะคะ”
“ป๊าหมายถึง เงินค่าจ้างงานอีเว้นต์ที่หนูยกเลิกเค้าน่ะ อย่าเข้าใจป๊าผิด”
“ก็ป๊าน่ะ ชอบพูดอะไรกำกวมอยู่เรื่อยเลย”
เดือนพิไลแกล้งตีเบา หัวเราะตัวโยกตัวคลอนไปซบอกเสี่ยตง เสี่ยตงตาโต ใจเต้นแรง ตึ่กตักๆ แอบสูดกลิ่นผมของเดือนพิไล เดือนพิไลยิ้มกริ่ม
“ต้องรบกวนป๊าอีกแล้ว คราวที่แล้วก็ทีนึง”
“ป๊าเต็มใจน่า สบายใจได้ ตาคราวนี้ ห้ามเอาไปคืนอีกนะ ไม่งั้น ป๊าโกรธ”
“ก็ได้ค่ะ แต่หนูขอกรอกตัวเลขต่อหน้าป๊าตรงนี้เลยนะคะ เพื่อยืนยันว่าหนูบริสุทธิ์ใจ”
“เชิญจ๊ะ นี่ปากกา”
เดือนพิไลรับปากกามากรอกตัวเลขลงไป สองแสนบาท เสี่ยตงเห็นตัวเลขถึงกับหน้าซีด ปาดเหงื่อ
“จริงๆ แล้วค่าตัวหนูสามแสนนะคะ แต่หนูไม่อยากทำให้ป๊าลำบากใจหรือว่าลำบากคะ”
“ไม่เลยจ๊ะ ไม่ลำบากเลยแม้แต่นิดเดียว”

เดือนพิไลแอบยิ้มสมใจ ในขณะที่เสี่ยตงเริ่มหายใจติดขัด

 
ชายหาดอีกมุมหนึ่ง สืบสายเดินเล่นมากับจุลลา
 
“คุณไม่โกรธฉันแล้วเหรอ ถึงได้ยอมคุยกับฉัน ที่ไม่ใช่เรื่องงาน”
“รู้ได้ไงว่าผมโกรธ”
“อ๋อ เอ่อ ก็เดาเอา เดาไม่ยากนี่ เพราะเมื่อเช้าคุณมึนตึงกับฉัน แล้วก็คุยแต่เรื่องเวลาเข้างาน”
“แน่ใจเหรอว่าเดา”
“พูดแบบนี้ แสดงว่ารู้อยู่แล้ว ว่าฉันรู้ได้ยังไง”
“ฉันขอร้องเธอได้มั้ยจุลลา ช่วยทำตามคำขอร้องของฉัน ฉันเชื่อว่า ฉันมีเหตุผลที่ดี” จุลลาอึ้ง “ผมเห็นรายงานประสิทธิภาพเครื่องจักรของคุณแล้วนะ”
“ประชุมกันออกมาว่ายังไงล่ะ”
“ยังไม่ได้ประชุม”
“อ้าว”
“เพราะผู้จัดการฝ่ายผลิตที่ต้องมาวางแผนร่วมกันกับฝ่ายอื่นๆ ไม่มาประชุม” จุลลาถอนใจ เซ็งทรงเดช
“ผลผลิตไม่ทันตามออร์เดอร์ ยอดขายตกต่ำ กำไรหดหาย สุดท้ายก็อาจจะเสียลูกค้าไปให้คู่แข่ง”
จุลลาสังเกตเห็นว่าสืบสายเครียดมาก
“เรายังมีทางแก้ไขนะคะ”
“เธอพูดคะกับฉัน”
“ก็แล้วแต่อารมณ์”
“งั้นอารมณ์ไหน เธอถึงจะพูดคะขา”
“ถามงี้ ตอบไม่ถูกหรอก บอกแล้วไง แล้วแต่อารมณ์ อารมณ์คือความรู้สึกที่คาดเดาได้ยาก จะมาก็มา จะไปก็ไป”
“ผู้หญิง”
“เปล่า กะเทยเพิ่งผ่ามา”
“หือ”
“ล้อเล่นน่ะ”
สืบสายหลุดขำ สองคนหัวเราะให้กัน ก่อนจะอึ้งกันไป เพราะเริ่มเข้าใจกันมากขึ้น ลึกซึ้งขึ้น เสียงมือถือจุลลาดังขึ้นมา
“ของใคร”
“ไม่ใช่ของฉัน ฉันปิดเครื่อง”
จุลลารีบหยิบมือถือขึ้นมาเห็นเบอร์โรงงาน
“ที่โรงงาน ฮัลโหล...” จุลลารีบรับแล้วตกใจ “อะไรนะ มีเรื่อง คุณทรงเดช แสบกับน้ำหวาน”
จุลลามองหน้าสืบสาย ทั้งคู่ตกใจและแปลกใจ ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

สืบสายกับจุลลารีบกลับมาที่โรงงาน
“เล่าซิ ว่าเกิดอะไรขึ้น”
สืบสายถาม ขณะแสบยืนอยู่กับน้ำหวาน ทรงเดชยืนอยู่คนละฝั่ง เตรียมไล่บี้เต็มที่
“สองคนนี้มันอาศัยช่วงจังหวะที่ฉันไม่อยู่ ทำทุเรศ ไม่รู้จักเกรงใจเจ้าที่เจ้าทาง”
“ซ่อมหลอดไฟแล้วพลาดลื่นล้มตกบันได มันทุเรศ ไม่เกรงใจเจ้าที่ตรงไหนวะครับ” แสบขัด
“แกไม่ต้องมาแก้ตัว ฉันเห็นจะจะคาตาว่าแกกับเลขาฉันกำลัง...อย่าให้ฉันพูดเลยว่ะสืบ ฉันไม่แปลกใจเลยว่ะ ไอ้พวกการศึกษายิ่งน้อยยิ่งมีความยับยั้งชั่งใจต่ำ รอให้เลิกงานก่อนไม่ได้หรือไง ม่านรูดถูกๆ แถวนี้ก็มี”
คำพูดของทรงเดชทำให้จุลลา แสบ น้ำหวานไม่พอใจ แต่แสบไวจัด พุ่งเข้าไปจะต่อยปากทรงเดช
“มันจะดูถูกกันมากไปแล้วเว้ยครับ ไอ้คุณทรงเดช”
จุลลาเข้าไปขวาง ยั้งหมัดของแสบเอาไว้
“แสบ หยุด อยู่เฉยๆ”
“การศึกษาน้อยผมไม่เถียง แต่อย่าดูถูกหัวใจกัน โดยเฉพาะน้องน้ำหวาน เพศแม่มันนะพี่จูน ผมเฉยไม่ได้” แสบจะเงื้อหมัดอีก
“ฉันบอกว่าให้หยุด” จุลลาจงใจห้ามแสบแบบศอกตัวเองถองโดนหน้าทรงเดชซะเอง ทรงเดชโดนเข้าไปเต็มหน้า เซ ล้ม
“โอ๊ย!”
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันช่วยนะ”
จุลลายื่นมือให้ทรงเดชจับเพื่อช่วยให้ลุก ทรงเดชจับปุ๊บ จุลลาดึงมือทรงเดชขึ้นปั๊บแกล้งเตะขัดขาทรงเดช ล้มลงไปอีก ก้นจ้ำเบ้ากับพื้น
“อ๊ากส์”
จุลลา แสบ น้ำหวาน ครรชิตแอบขำ สืบสายรู้ทันว่าจุลลาแกล้ง
“สืบ มันจงใจแกล้งฉัน แกเห็นมั้ย” ทรงเดชฟ้องสืบสาย
“เห็น”
จุลลา แสบ น้ำหวาน ครรชิตอึ้งไป...
“ฉัน”
“คุณทำไม่ถูกนะจุลลา” จุลลาอึ้ง มองสืบสายอย่างผิดหวัง สืบสายรีบอธิบาย “ผมรู้ว่าคุณโกรธและเจ็บแทนลูกน้อง แต่...”
“งั้นจะให้ฉันใช้วิธีไหน พวกฉันถึงจะได้รับความยุติธรรม จากการถูกนายทรงเดชปรักปรำ ทั้งๆ ที่ไม่มีหลักฐาน นอกจากคำพูดพล่อยๆ และกดขี่คนอื่นอย่างไม่ให้เกียรติ” จุลลาตัดบท
“แล้วฉันตัดสินให้แสบกับน้ำหวานไม่ได้รับความยุติธรรมไปตั้งแต่เมื่อไหร่” จุลลาและทุกคนอึ้ง “ใจเย็นๆ ก่อน”
“คุณสองคนมันก็เพื่อนกัน ย่อมจะเข้าข้างกันอยู่แล้ว จะตัดสินเรื่องยังไงก็รีบๆ แจ้งมา พวกฉันไม่มีเวลาให้กับเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้มากนัก ไป ไอ้แสบ ไปทำงาน”
“เดี๋ยว”
แต่จุลลาไม่ฟัง เดินไปกับแสบ แสบส่งสายตาเป็นห่วงให้กับน้ำหวาน น้ำหวานยิ้มตอบอย่างซึ้งใจแสบ ครรชิตเสนอหน้าเปิดประตูให้จุลลาเลย
“เชิญครับ คุณจุลลา คุณหัวหน้าช่างแสบ”
ปรากฏว่า เข่ง ถัด หยิก เจ๊พุ่มซึ่งแอบฟังอยู่ที่ประตูอยู่แล้ว ล้มลงมากอง
“ใครอนุญาตให้มาแอบฟัง”
ทุกคนชี้ไปที่ครรชิต
“ว้าย”
สืบสายเอือมกับความเป็นกลุ่มก้อนของพนักงานตัวเองมาก ในขณะที่จุลลาและทรงเดชหันมาส่งสายตาคมกริบใส่กัน ทรงเดชรู้สึกว่าถือไพ่เหนือกว่าและจะต้องเอาผิดจุลลาและพวกให้ได้

จุลลาและแสบเดินมากับลูกน้อง หงุดหงิด
“ยิ่งเกลียดคนแบบไหน ยิ่งต้องเจอสิวะ ส่งเดชเอ้ย รู้งี้น่าจะส่งมันกลับบ้านเก่าไปเลย” จุลลาหันมองหน้าแสบ “ไอ้แสบ...ยังไงเนี่ย”
“ที่ผมบอกเป็นความจริงทุกคำ ต่อให้ผมหน้าเป็นภาชนะใส่แกงกับน้องน้ำหวานมากแค่ไหน ถึงผมจะตอดนิดตอดหน่อยกับน้องทุกครั้งที่มีโอกาส ถึงผมจะ...”
“พอเหอะ แสบ พูดอีกประโยคเดียว ฉันเชื่อเลยนะว่าไอ้ส่งเดชมันพูดจริงส่วนแกโกหก”
“เออ นั่นดิ่พี่”
“หลังๆ ที่พี่ทำตัวมีพิรุธ เพราะพี่จ้องจะหาโอกาสปูไต่กับน้องน้ำหวานเนี่ยนะ เลวว่ะ”
“โคตรเลว”
“เว้ย พอ! ถึงพี่จะดูเลว ถึงพี่จะดูชั่ว แต่หัวใจพี่ ไม่เคยเป็นหัวใจเดรัจฉานที่จะไม่รู้จักคำว่าสำนึกผิดชอบชั่วดี ที่นี่คือสถานประกอบการที่มีพระคุณกับพี่ พี่ต้องให้เกียรติและเคารพ ยิ่งน้องน้ำหวาน ต่อให้พี่อยากได้มาเป็นแม่ของลูกมากแค่ไหน แต่ถ้าน้องยังไม่ยอมรับพี่ พี่ก็จะไม่มีทางทำร้ายให้เสียเกียรติ”
จุลลาและลูกน้อง เจ๊พุ่มอึ้งกันไป
“หล่อมาก”
“น้ำหวานยังไม่รับรัก มาเป็นผัวเด็กเจ๊เถอะ”
“เว้ย ไม่เอา”
“แต่พวกเราเชื่อมั่นในตัวพี่แสบนะ”
“เพราะพี่แสบเลวแค่พื้นๆ ไม่ได้เลวโดยสันดาน”
“ขอบใจที่เข้าใจพี่ ขอสักดอกเถอะ”
แสบไล่เตะถัด เจ๊พุ่ม เข่งไล่ห้าม
“ไอ้แสบ หยุด”
หยิกมากระซิบจุลลา
“แล้วงี้ พี่จูนว่าบอสจะยังไงต่ออ่ะ เอียงเข้าข้างเพื่อน หรือว่ามีความยุติธรรมให้กับทุกฝ่าย”
“ไม่รู้อ่ะ”
“แล้วงี้ พี่จูนหายไปไหนมากับบอสอ่ะ สองต่อสองนานสองนาน”
จุลลาอึ้ง ทันใดนั้น แสบ เข่ง เจ๊พุ่มก็พร้อมใจกันมารุมจ้องหน้าจุลลา สายตาล้อๆ
“ก็ ไปคลายเครียด”
“หือ”
“บอสแค่อยากไปไหนก็ได้ ให้พ้นๆ จากเรื่องเครียด”
“เหรอ”
“ไปทำงาน สร้างความเดือดร้อนให้ลูกพี่แกอยู่นะไอ้แสบ”
“นายช่างสั่งแล้ว ยังไม่ไปอีก”
“เจ๊ด้วย”

เจ๊พุ่มอึ้ง ทุกคนเห็นหน้าตาเครียดของจุลลาแล้วไม่กล้า รีบสลายตัว
 

วิมานมะพร้าว ตอนที่ 6 (ต่อ)

ที่ห้องทำงานสืบสาย น้ำหวานเสียงอ่อย เล่าให้สืบสายฟัง

“ที่น้ำหวานเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงนะคะบอส สาบานได้”
“ผมช่วยสาบานให้อีกคนครับ โดยพื้นฐาน น้ำหวานเป็นเด็กดี รักนวลสงวนตัว ไม่มีทางทำอะไรเช่นนั้น” ครรชิตช่วยพูด
“สืบมันถามความเห็นของคุณเลขาหรือไง” ทรงเดชถามครรชิต
“ไม่ได้ถาม แต่ถ้าจำเป็นผมก็ต้องสาระแนครับ”
“สืบ คนใกล้ตัวแกแต่ละคน น่ากลัวมากนะ บอกตรงๆ เหมือนเลี้ยงเสือเลี้ยงจระเข้”
“รวมถึงตัวคุณทรงเดชด้วยเหรอครับผม”
ทรงเดชตาเขียวใส่ครรชิตทันที
“ครรชิต”
“ครับบอส”
“พาน้ำหวานออกไปก่อน ฉันจะคุยเรื่องนี้กับทรงเดชเอง”
“ครับผม ไปครับ น้ำหวาน”
น้ำหวานไหว้สืบสายแล้วออกไปกับครรชิต ใจคอไม่ดี
“สืบ แกจะปล่อยเรื่องนี้ไว้โดยไม่ทำอะไรไม่ได้นะ ต้องลงดาบ ไม่งั้นลูกน้องมันจะขี่คอแก โดยเฉพาะหัวมัน ยัยจุลลา คุมลูกน้องไม่อยู่แถมยังถือหางแบบนี้ ต่อไปแผนกซ่อมบำรุงคงเป็นแผนกรวมกุ๊ย”
“พอเถอะ ทรงเดช”
“ไล่มันออกเลยใช่มั้ย”
“จะไล่ออกได้ยังไง ในเมื่อไม่มีหลักฐานอะไร นอกจากคำพูดของนาย”
ทรงเดชอึ้ง นึกเจ็บใจ สืบสายมองทรงเดชด้วยสายตาที่หนักแน่น

แสบและลูกน้องกำลังเดินไปจะทำงาน น้ำหวานเดินมา ยังไม่ค่อยสบายใจนัก แสบรีบเข้าไปหาน้ำหวานทันที แต่เบรกตัวเองไม่ให้เข้าใกล้น้ำหวาน ทั้งๆ ที่ใจอยาก
“ไม่ๆๆ”
“ไม่อะไรพี่แสบ”
“ไม่เข้าใกล้น้ำหวานมากไปกว่านี้ กลัวจะเป็นข่าว เพราะเราเพิ่งถูกเพ่งเล็ง”
“แต่เพราะฉันที่ไปแกล้งพี่ พี่เลยตกบันได ทำให้เป็นเรื่อง ขอโทษด้วยนะที่ทำให้พี่แสบเดือดร้อนไปด้วย”
“นี่น้ำหวานสำนึกผิดเป็นด้วยเหรอ”
“ไอ้พี่แสบ”
“ล้อเล่น อย่าโกรธง่ายนักจิ เดี๋ยวแก่เร็วเหมือนเจ๊พุ่มน้า”
“ฮิ้ว”
“แล้วถ้าเค้าแก่ จะยังดีกับเค้ายังงี้มั้ยอ่ะ” น้ำหวานถามเขินๆ
“ฮิ้ว”
“ก็ตัวเองดีกับเค้าหรือยังอ่ะ”
“ฮิ้ว”
“ไปรับจ้างแห่นาคมั้ยครับ น้องๆ” แสบถามลูกน้อง
“ก็ซ้อมไว้แห่ขันหมากให้พี่แสบไง”
“ฮิ้ว” ทุกคนตอบรับ เจ๊พุ่มวิ่งมา
“ไอ้แสบ”
“จะตายยากตายเย็นอะไรนักหนาเนี่ยเจ๊ พูดถึงก็มาเลย มาขัดจังหวะการปลูกต้นรักของแสบทำไม!”
“จะมาถาม ว่าบอสว่ายังไงบ้าง น้ำหวาน”
“ไม่รู้เหมือนกัน เจ๊ แต่นายทรงเดชมันจ้องจะเอาผิดพี่จูนกะพี่แสบให้ได้เลย”
“ไอ้เลว”

จุลลายืนแนะนำการดูแลเครื่องเบื้องต้นกับคนงานประจำเครื่อง
“เครื่องเก่าแล้ว พี่ต้องดูแลรักษาเครื่องประจำวันตามข้อแนะนำอย่างเคร่งครัดเลยนะ ห้ามลืม”
“ครับ”
จุลลาผละออกมา มองสภาพเครื่องจักร กลุ้มใจ
“จะใช้ได้ไปสักกี่น้ำเนี่ย แล้วตกลงคุณสืบสายจะเอาไง” จุลลาคิดถึงสืบสาย ภาพขณะขี่มอเตอร์ไซค์ซ้อนท้ายสืบสายแวบเข้ามา จุลลายิ้มเขิน หน้าร้อนผ่าว “เฮ้ย! คิดไรเนี่ย...บ้า”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัว
“คิดถึงก็บอกว่าคิดถึง ส่วนเรื่องไอ้แฟนกำมะลอน่ะ เมื่อไหร่จะเลิก”
“เถ้าแก่ ชู่ว์ อย่าเสียงดัง เดี๋ยวใครได้ยิน อายเค้า”
“ใครจะได้ยินอั๊ว มีแต่ลื้อนั่นแหละ”
“เออ ลืม”
“ค่ะ”
“ค่ะ โอย เยอะ”
จุลลาเดินหนี อาย
“ผู้หญิงอายแล้วทำไมชอบเดินหนีวะ เหนื่อยจะเดินตามนะเว้ย! แล้วจะเดินทำไม หายตัวสิวะ” ผีเถ้าแก่หายตัวไป

แสบและลูกน้องกำลังซ่อมเครื่องไปฟังครรชิตเม้าท์ไป น้ำหวาน เจ๊พุ่มอยู่ด้วย น้ำหวานถือไอแพดอยู่
“บอสไม่เชื่อนายส่งเดช เพราะไม่มีหลักฐานใดๆ นอกจากคำพูดปรักปรำของมัน”
“สะใจที่สุด”
“ทำงานไปด้วยครับ อย่าหยุด”
“ครับๆ” แสบหันไปซ่อมเครื่องต่อ
“แล้วคุณทรงเดช ไม่โวยวายออฟฟิศแตกเลยเหรอคะ คุณเลขา”
“ทำงานอยู่ด้วยหรือเปล่าครับระหว่างนี้”
“ค่ะ กำลังส่งอีเมล์สั่งซื้ออุปกรณ์สำนักงานของฝ่ายอยู่ด้วยค่ะ”
“เจ๊ก็กำลังทำอยู่ ไม่ต้องถาม เป็นสายสืบให้ท่านรอง”
“งานเบา สบายดีมากครับ”
“เล่าเร็วๆ คุณเลขา เดี๋ยวคีมลอย”
“ครับผม สำหรับนายทรงเดช จะเหลือเหรอครับ โวยลั่นออฟฟิศสะเทือน”

สืบสายเดินมา ทรงเดชตาม ยังไม่เลิกเรื่องกดดันให้สืบสายไล่จุลลาและแสบออก
“แกก็เห็นว่าเรื่องที่มันเกิด พัวพันกับยัยจุลลาและลูกน้องทั้งนั้น มีแต่เรื่องฉาวโฉ่ ไม่เป็นมืออาชีพ กลั่นแกล้งผู้บังคับบัญชาต่อหน้าเอ็มดี ยังงี้แกจะเลี้ยงไว้อีกเหรอ”
“ทรงเดช ฉันตัดสินเรื่องนี้ไปแล้วนะ”
“แต่...”
“หรือถ้าแกรู้สึกอึดอัดใจกับการตัดสินใจของฉัน จะลาออกไปก็ไม่ว่ากันนะ” ทรงเดชอึ้ง
จุลลาเดินมาเห็นสืบสายกำลังคุยกับทรงเดชอย่างจริงจัง เผลอมองสืบสาย โดยไม่รู้ตัวเอง เคลิ้ม ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวข้างๆ จุลลา โดยที่จุลลาไม่รู้ตัว สังเกตพฤติกรรมของจุลลาแล้วยิ้มๆ
“เฮ้ย สืบ แกพูดงี้ได้ไง เราเพื่อนกัน ฉันไม่ทิ้งแกไปง่ายๆ หรอก”
“ถ้าเห็นแก่ความเป็นเพื่อนกันอยู่ ช่วยอะไรฉันสักอย่างได้มั้ย”
“เฮ้ย ได้เสมอ แกจะให้ฉันช่วยอะไร ว่ามาเลย”
“ช่วยพิสูจน์ฝีมือการทำงานของแกให้ฉันเห็นหน่อย ก่อนจะถึงกำหนดทดลองงาน ฉันไม่อยากให้แกออก เพราะไม่ผ่านโปร” ทรงเดชอึ้ง
จุลลายังมองสืบสายเคลิ้มอยู่ ผีเถ้าแก่นึกสนุกดีดนิ้ว
“อาตี๋ มีสาวๆ แอบมองลื้ออยู่”
สืบสายเหลือบไปเห็นจุลลา จุลลาถึงกับสะดุ้ง รีบหันหนี
“จุลลา”
จุลลาชะงัก เจ็บใจตัวเอง รวบรวมสติ ไม่ให้ตื่นเต้น หันไป ผีเถ้าแก่อมยิ้มชอบใจอยู่ข้างๆ จุลลาหันไปตาเขียวใส่ สืบสายเดินมา มองตามสายตาของจุลลาเห็นเครื่องจักรตัวหนึ่ง
“เครื่องจักรตัวนั้นทำไมหยุดเดินไลน์ผลิต”
“เสียค่ะ”
สืบสายเห็นสายตาเขินๆ ของจุลลา แล้วตัวเองก็เขิน หลบตา รีบกลบเกลื่อน ทำเคร่งขรึม

“เชิญทางนี้”

 
สืบสายเดินนำไป จุลลาเดินตาม ทรงเดชมองมาอย่างเจ็บใจ ผีเถ้าแก่มองหน้าทรงเดช
 
“มองหน้าหาเรื่องเหรอวะ หา”
“ได้ยินว่าบอสไม่เอาผิดไอ้แสบกับน้ำหวาน เพราะมีแต่คำพูดลอยๆ ของคุณ เอ๊ คำพูดนี่คุ้นๆ นะ ว่าคุณเคยพูดกับฉันตอนนั้น จำได้มั้ย คุณบอกว่า พวกฉันไม่สามารถเอาผิดอะไรคุณได้ เพราะไม่มีหลักฐานนอกจากคำพูดลอยๆ” จุลลาพูดเย้ยทรงเดช
“กรรมตามสนอง หึหึหึ”
“คนล้มอย่าข้าม”
“อ้อ ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ข้ามหรอก รอเงื้อเท้ากระทืบเลยทีเดียว” จุลลาบอก
“เออ!” ผีเถ้าแก่เห็นด้วย
ทรงเดชเจ็บใจ ปะทะสายตากับจุลลา ศึกเริ่มต้นเข้มข้นอีกระดับโดยมีผีเถ้าแก่อยู่ข้างจุลลา

พี่บีเดินนำเดือนพิไลมา ยื่นซองใส่เงินให้
“ค่าตัว” เดือนพิไลรับซองมาเปิดดู
“ทำไมมันบางงี้ล่ะ”
“หล่อนมาสายร่วมสามชั่วโมง ทำงานให้เค้าได้แค่ครึ่งเดียวจากที่ตกลงไว้ เค้าเลยหักเหลือสี่หมื่นห้า หักส่วนขอฉันสามสิบเปอร์เซ็นต์ก็เหลือ...”
“ทำนาบนหลังคน”
“อะไรนะ”
“ฉันบอกว่าเจ๊ทำนาบนหลังคน วันๆ ไม่เห็นจะทำอะไรเลย มีแต่โทรศัพท์คะๆ ขาๆ แต่ฉันซึ่งตากหน้างกๆ ต้องแบ่งให้ตั้งสามสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่แฟร์”
“นังมูน”
“ต่อไปนี้ เจ๊ไม่ต้องมาทำอะไรให้ฉันเลยนะ ฉันไล่เจ๊ออก”
เดือนพิไลสะบัดบ็อบออกไป พี่บีโกรธจนจุก ด่าไม่ทัน รู้แต่โกรธมาก

สืบสายอยู่ในห้องประชุม ยื่นรายงานประสิทธิภาพเครื่องจักรให้ทรงเดช จุลลาและครรชิตอยู่มุมหนึ่ง
“อะไร”
“นายไม่เคยเห็นมันมาก่อนเหรอ ทรงเดช”
“วันๆ ฉันอ่านเอกสารเยอะแยะ ฉันจำไม่ได้หรอก อะไรเป็นอะไร งานฉันเยอะ”
“งั้นนายคงเห็นแล้ว ว่าประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรแต่ละตัวในโรงงานของเรามันเป็นยังไง”
ทรงเดชอึ้ง เพราะยังไม่ได้อ่าน กลบเกลื่อน
“รู้สิ ฉันรู้ดี”
“งั้นเสนอทางออกมาหน่อย”
“หือ ทางออกอะไร” ทรงเดชทำหน้างง
“ตกลงนายได้อ่านหรือไม่ได้อ่าน” สืบสายถาม
“อ๋อ เครื่องจักรเหรอ”
“จุลลา ที่เธอบอกว่าเรื่องนี้มีทางออก เสนอมาซิ” สืบสายหันไปถามจุลลา
“หา ฉันเหรอ ฉันแค่รายงานสภาพการใช้งาน ส่วนเรื่องทางออก...”
“แล้วฉันจะเรียกเธอมาทำไม” สืบสายตัดบท
“ถ้านายฟังความเห็นของคนที่เป็นแค่ช่าง...”
“วิศกรเครื่องกลประจำโรงงานครับ” ครรชิตแย้งคำพูดทรงดช
“นั่นแหละ! ถ้านายคิดจะฟังแค่คนระดับปฏิบัติการ แต่ข้ามหัวระดับผู้บริหารอย่างฉัน ฉันลาออก”
“หือ” จุลลา ครรชิตมองหน้าทรงเดช ผีเถ้าแก่ปรากฏตัว
“ออกเลย ออกเลย ออกเลย ไอ้หยา ขู่ฟ่อๆๆ ขู่จัง คนดีแต่ปากแบบนี้ ให้มันออกไปเลยอาตี๋ ไม่ต้องไปรั้ง”
“ถ้าอยากออก ก็เชิญ” สืบสายบอก
“สืบสาย นายเปลี่ยนไป”
ทรงเดชมีท่าทีที่แข็งกร้าวใส่สืบสาย จุลลา ครรชิต ผีเถ้าแก่ลุ้นให้ทรงเดชออกไปจริงๆ

สืบสายออกจากห้องมา ทรงเดชตามง้อ เลีย จุลลา เถ้าแก่ และครรชิตตามออกมาด้วย มองดูการสอพลอของทรงเดชด้วยความเหวอ
“ฉันก็แค่น้อยใจเป็นธรรมดา ที่แกไปถามความเห็นของลูกน้องแทนที่จะเป็นฉัน”
“วันนี้เอาแต่ตามตูดบอสแบบนี้ทั้งวันเลยนะครับ” ครรชิตเม้าท์กับจุลลา
“งานถนัดเค้าล่ะ”
สืบสายถอนใจ หันไปคุยกับกับทรงเดช
“ตกลงเอาไง จะอยู่หรือจะไป”
“อยู่สิ ฉันต้องอยู่เพื่อพิสูจน์ความสามารถของฉันให้แกเห็น”
“ฉันขอผลงานที่เป็นรูปเป็นร่าง เป็นเรื่องเป็นราว พรุ่งนี้เช้าเข้าประชุมพร้อมกับฝ่ายอื่นๆ ห้ามสาย ห้ามเบี้ยว นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะทรงเดช ที่ฉันจะทำในฐานะที่เราเป็นเพื่อนกันได้”
“ฉันรู้ๆ เพื่อน ไม่ต้องห่วง สู้ๆ เต็มที่ เพื่อปาล์มโปรดักส์”
สืบสายพยักหน้า ตบไหล่ให้กำลังใจทรงเดช ทรงเดชออกไป พอลับตาสืบสาย ทรงเดชหน้าเครียด เจ็บใจ เสียหน้า เกือบเสียงาน ผีเถ้าแก่เดินเข้ามามองหน้าทรงเดช
“ไอ้นี่ ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง ใช้ไม่ได้จริงๆ ไอ้หยา ตัวอันตรายชัดๆ”
สืบสายมองจุลลา จุลลาหลบตา ไม่อยากสบตา บอกตรงๆ เขิน สืบสายไม่พูด เดินออกไป
“ไปไหนครับบอส” ครรชิตรีบถาม
“เลิกงานแล้วนี่ ฉันหิวข้าว” สืบสายมองจุลลาแล้วพูดต่อ “เธอเองก็ไม่ควรจะกลับไปทานข้าวช้า อย่าให้ผู้ใหญ่รอนาน ไม่ดี”
สืบสายเดินออกไปเลย จุลลางงๆ
“หือ แปลว่าอะไร “
“แปลว่าบอสอยากให้คุณจุลลาไปทานข้าวเย็นด้วยกันครับ”
“เห้ย จะดีเหรอ”
“เห้ย แต่ใจมันไปนั่งรออยู่ที่โต๊ะดินเนอร์แล้วนะ อั๊วว่า”
“เห้ย ไม่หรอกกก ไม่ได้อยากไปเลย”
“รำคาญ” ครรชิตกับผีเถ้าแก่พูดออกมาพร้อมกัน
“จะเล่นตัวอะไรนักหนาครับ คุณจุลลาครับ” จุลลา ผีเถ้าแก่มองหน้าครรชิตอึ้งๆ ครรชิตรู้ตัวรีบกลบเกลื่อน
“หวาย พูดอะไรออกไป”

เดือนพิไลหงุดหงิด นับเงินในซอง ยิ่งอารมณ์เสีย
“เกลียดจริง ไอ้พวกลิ้นพวกเหลือบ คอยดูดเลือด”
“ฉันก็เกลียดอีพวกเนรคุณคน”
เดือนพิไลตกใจ หันไป พี่บีเท้าสะเอวมองมาด้วยสายตาจะฉีกเดือนพิไลเป็นชิ้นๆ คนเดินผ่านไปผ่านมา เริ่มมองกันด้วยความสนใจ
“จะตะโกนเพื่อ? ไม่อายคนหรือไง”
“คิดดีแล้วว่าไม่อาย ถึงได้มาตะโกนด่าหล่อนแบบนี้ไง”
“อีเจ๊ เบาๆ”
“ไม่เบา ทุกคนฟังนะ นี่คือเดือนพิไล ดาราสาวที่กำลังอยู่ในกระแส ดังได้เพราะเรื่องคาวฉาวโฉ่ที่ตัวเองสร้างขึ้น ไม่ได้ดังเพราะฝีมือหรือคุณภาพแต่อย่างใด”
เดือนพิไลกระโดดเข้าไปปิดปากพี่บี
“ฉันบอกให้หยุด”

“ไม่หยุด เอาสิ แกจะมาสู้แรงกะเทยเคยแมนอย่างฉันได้ไง ออกไป” พี่บีสะบัดเดือนพิไลจนหลุด คนเริ่มมามุงดู

 
เดือนพิไลอายมาก

“ล้อมเลยค่ะ ล้อมวงกันเข้ามา เข้ามาดูหนังหน้าของแม่ดาราใหญ่ที่กำลังจะเฉดหัวผู้มีพระคุณทิ้ง” ไทยมุงเริ่มซุบซิบ “คนอย่างฉัน ถ้าเจ็บ ไม่มีทางเจ็บคนเดียว เพราะมันไม่แฟร์” เดือนพิไลอึ้ง พี่บีหันไปประจานต่อ “นี่ค่ะ รับงานไว้สิบโมงแต่โผล่มาบ่ายสอง ยังค่ะยังไม่หมด...”
เดือนพิไลทนไม่ไหว ลุกวิ่งหนี
“อ๊าย”
พี่บีมองตามสะใจ ไทยมุงพากันซุบซิบไม่เลิก

เดือนพิไลขึ้นรถได้ ล็อกประตู มองไปรอบๆ กลัวถูกตามมาอีก เจ็บใจ
“อีเจ๊นรก แสบนักนะ แล้วไงต่อล่ะเนี่ย เดือนพิไล”
เสียงมือถือของเดือนพิไลดังขึ้น หน้าจอขึ้นชื่อ ป่ะป๊า
“ไอ้แก่หัวงูนี่ก็โทรมาจัง อะไรนักหนาเนี่ย” เดือนพิไลบ่นอย่างหงุดหงิดก่อนจะรับสาย ปรับเสียงเป็นปกติ “ฮัลโหลค่ะป๊า มูนเพิ่งเสร็จงานพอดีเลยค่ะ เหนื้อยเหนื่อย...แหวะ”

เสี่ยตงคุยมือถืออยู่ที่มุมหนึ่งของบ้าน
“ทำงานเสร็จแล้ว ก็แวะมาทานข้าวเย็นบ้านป๊าได้สิ”
“หวาย คงยากน่ะคะป๊า เพราะว่าอาจจะต้องไปฟิตติ้งเดินแบบ...”
เสี่ยตงเห็นสืบสายเดินเข้าบ้าน
“อาตี๋กลับบ้านเร็วแฮะวันนี้” เดือนพิไลตาโตหูผึ่งทันที
“คุณสืบอยู่บ้านเหรอคะป๊า”
“อยู่สิ ป๊าเพิ่งเห็นอีเดินเข้าบ้าน อีเป็นคนบอกให้ที่บ้านตั้งโต๊ะ เพราะอีจะกลับมาดินเนอร์ ไม่งั้นป๊าไม่ชวนหนูหรอก แต่หนูมาไม่ได้ เสียดายจัง”
“อุ๊ยตาย” เดือนพิไลแกล้งตกใจ
“ตกใจอะไรจ๊ะ หนูมูน”
“มีเสียงเตือนข้อความเข้าค่ะ รอแป๊บนะคะ” เดือนพิไลแกล้งพักสาย แล้วโทรใหม่ “ป๊าขา ฟิตติ้งงานถ่ายแบบแคนเซิลอ่ะค่า”
“งั้นก็ดีน่ะสิ”
“แต่ป๊าไม่ต้องบอกคุณสืบนะว่าหนูจะไปดินเนอร์ด้วย”
“ได้เลย เซอร์ไพรส์”
คุณนายเง็กโผล่หน้ามา
“เซอร์ไพรส์อะไรใคร” เสี่ยตงตกใจ
“เฮ้ย”
คุณนายเง็กหน้าเครียด เสี่ยตงหายใจไม่ทั่วท้อง

เดือนพิไลกรี๊ดลั่นในรถด้วยความดีใจ
“อ๊าย! อยากได้ ต้องได้ ท่องไว้เดือนพิไล อ๊าย”
เดือนพิไลออกรถทันที รถเดือนพิไลเคลื่อนตัวออกจากที่จอดรถเห็นป้ายติดไว้ที่ตูดรถ “ฉันเป็นคนอกตัญญูที่สุดในสามโลก” พี่บีแอบอยู่ใกล้ๆ ในมือมีอุปกรณ์ติดป้ายแขวนป้าย หัวเราะหึๆๆ
“อยากโดน ต้องโดน หึหึหึ”

คุณนายเง็กต่อว่าเสี่ยตง
“เฮียตง ลื้อมีอะไรที่จะเซอร์ไพรส์ใคร บอกมา”
“ไอ้หยา บอกไปก็ไม่เซอร์ไพรส์ซี”
“งั้นก็บอกมา”
“ลื้อนี่ นับวันหูยิ่งตึง ก็เพิ่งบอกไปแหม็บๆ ว่า...”
สืบสายเดินเข้ามา
“หม่าม้าครับ ป๊าครับ” คุณนายเง็กและเสี่ยตงหยุดทะเลาะกัน หันไป “ผมชวนจุลลามาทานข้าวเย็นกับพวกเราด้วยนะครับ”
เสี่ยตง คุณนายเง็กอึ้ง เสี่ยตงเหวอ
“เซอร์ไพรส์” คุณนายเง็กดีใจ สืบสายยิ้มๆ เขินๆ ขณะที่เสี่ยตง เซอร์ไพรส์กว่าถึงกับเซ็ง

จุลลาเก็บของเรียบร้อยแล้วจะเดินออกไป แต่เปลี่ยนใจกลับมานั่งใหม่ ลังเล สับสน
“ชวนกินข้าวเย็น เนื่องในโอกาสอะไร”
ผีเถ้าแก่เข้ามา พร้อมถ้วยบะหมี่ร้อนๆ ควันฉุย กินยั่ว
“ก็คนมันอยากจะกินข้าวกับคนที่รู้สึกดีด้วย มันเป็นความรู้สึกดีๆ เข้าใจมั้ย”
“พ่อแม่ก็มี”
“มันดีไม่เหมือนกัน อ๊า อร่อยเหาะ” จุลลาชักหิว “ยังไม่ไปอีก ไม่หิวหรือไง”
“ไม่หิว” จุลลาบอก แต่ท้องร้องครืดคราด จุลลาสะดุ้ง
“เฮ้อ เบื่อไอ้พวกปากกับใจไม่ตรงกัน อยากไปก็ไป อย่ามาทำเก๊ก”
“รู้ได้ไงว่าหนูอยากไป”

ที่บ้านสืบสาย ป้าเมี่ยงกำลังคุมเด็กทำกับข้าว คุณนายเง็กเข้ามากระซิบกับป้าเมี่ยง
“อั๊วมีเซ้นส์”
“เซ้นส์อะไรคะท่านรอง”
คุณนายเง็กมองซ้ายมองขวากลัวเสี่ยตงหรือสืบสายแอบฟัง ออกไปเช็กข้างหน้าประตูอีก ไม่มีใคร คุณนายเง็กหลบกลับเข้าไปข้างใน เท่านั้นแหละ เสี่ยตงย่องมาแอบฟังที่หน้าประตูห้องครัว
“อั๊วได้ยินเฮียตงอีคุยกับใครไม่รู้ จับได้ว่า ชวนมากินข้าวเย็นที่บ้าน ถามก็ไม่บอกว่าใคร อีบอกเซอร์ไพรส์”
“ไม่หรอกมั้งคะ ท่านประธานไม่เห็นจะสั่งให้ทำกับข้าวเพิ่ม นอกจากคุณสืบที่ให้เตรียมเผื่อนายช่าง”
“แล้วตอนอีเดินมาบอกลื้อ สีหน้าและแววตาอาตี๋อีเป็นไงบ้าง”
“ก็ปกตินี่คะ”
“ไอ้หยา! อีไม่มีลูกอ่อนไหวกับอาหนูช่างขึ้นบ้างหรือยังไง”
“ท่านรองหมายความว่ายังไงคะ”
“เอ๊าะ เปล่า ไม่มีอะไร ลื้อทำกับข้าวไปเถอะ ทำให้อร่อยๆ สุดฝีมือเลยนะ แต่เบาหวานหน่อย อย่าหนักมือ”
“ทำไมคะ”
“ให้ไปหนักหวานกันที่โต๊ะ คริคริ” ป้าเมี่ยงมองงงๆ ไม่เข้าใจ “ไม่เข้าใจใช่มั้ย ไม่เป็นไร อั๊วแค่พูดเรื่อยเปื่อย เออ...ต่อไปนี้เตรียมอาหารเย็นเผื่ออาหนูช่างทุกวันเลยนะ มีคนมากินเป็นเพื่อน อั๊วชอบ ไม่เหงา”
“ค่ะ”
คุณนายเง็กเดินออกไปจากห้องครัว เสี่ยตงรีบวิ่งจู๊ดออกไป คุณนายเง็กเดินออกมาโดยที่ไม่เห็นเสี่ยตง

สี่ยตงเดินมามุมหนึ่งของบ้านอย่างเดือดๆ
“อาเง็กอีกำลังชักนำให้อาจุลลากับอาตี๋ ชูวับ วับๆ ไอ้หยา ไม่ได้! งานนี้ ตงจะเสียผู้ใหญ่ไม่ได้”
เสี่ยตงมุ่งมั่น ไม่ให้เสียเหลี่ยม เสียหน้ากับเดือนพิไล

จุลลายังนั่งนิ่งอยู่ในห้องทำงานแผนกซ่อมบำรุง จุลลาถอนหายใจ มองเวลาเลยเวลาเลิกงานมามากแล้ว นั่งไม่ติด อยากไป แต่ไม่กล้า ผีเถ้าแก่วางตะเกียบ ซดน้ำชา อิ่ม
“ไอ้หยา อิ่มจุงเบย อาม่าอาตี๋ว่าเล่นตัวเก่งเวลาอั๊วตามจีบ อียังไม่ท่ามากเหมือนลื้อเลยว่ะ”
“ไม่เคยได้ยินหรือไงเถ้าแก่ ยิ่งยาก ยิ่งอยากได้”
“น่านไง”
“ตกใจ”
“ลื้อสารภาพออกมาแล้ว ว่าลื้อก็อยากได้อาตี๋”
“เถ้าแก่ ทะลึ่ง หนูพูดตอนไหน ไม่เคยพูด”
“งั้นอั๊วจะกรอให้ลื้อฟังอีกที” ผีเถ้าแก่ดีดนิ้ว
“ไม่เคยได้ยินหรือไงเถ้าแก่ ยิ่งยากยิ่งอยากได้”
“เฮ้ย” จุลลาตกใจ
“ลื้อมีสิทธิ์ที่จะไม่พูด เพราะคำพูดทุกคำของลื้อจะใช้เป็นหลักฐานยืนยัน”
“โอย!”
“ทำตามที่หัวใจเรียกร้องเถอะวะอาหนูช่าง ก่อนที่จะสายเกินไป”
“แต่ หนู ไม่ได้”
“ท่องไว้ ด้านได้อายอด”
“เอ๊า! เสียสถาบันสตรีหมดสิ”
“ไม่เสีย อั๊วไม่ถือ รีบไปซะ ไปให้อาตี๋มันเห็นว่าลื้อไม่ได้ปฏิเสธน้ำใจ แล้วค่อยหาทางสารภาพความจริงกับอีซะ ว่าลื้อยังไม่มีแฟน”
“ทำไมยุ่งกับเรื่องหนูจังเนี่ย หนูบอกว่าหนูไม่ได้...”
“จะบอกว่าลื้อไม่ได้คิดอะไรกับอาตี๋เหรอ อมพระประธานองค์เท่าเขาค้อมาพูดอั๊วก็ไม่เชื่อ”
“โอย!”
“รำคาญว่ะ ไม่ไปใช่มั้ย”

ผีเถ้าแก่เอี้ยวตัวไปข้างๆ หยิบซอจีนมาสี แล้วครวญเพลงอ่อยอี๋เอียง จุลลาหนวกหู รีบคว้าเป้วิ่งหนีออกไปเลย ผีเถ้าแก่ยังครวญเพลงต่อชอบใจ
 




 
สืบสายเปลี่ยนชุดเป็นชุดลำลองแล้ว สำรวจตัวเองในกระจก ต้องการดูดีเป็นพิเศษ นึกไม่ชอบเสื้อตัวที่ใส่อยู่ เดินไปเปิดตู้ หาตัวอื่นๆ สองสามตัวมาวางบนเตียง ตัดสินใจเลือกใหม่ ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

ที่ในโรงงาน แสบยังทำงานอยู่ ลูกน้องเข้ามา
“เลิกงานแล้วพี่แสบ หิวข้าวว่ะ ไปหาอะไรกินกัน”
“อีกหน่อย เดี๋ยวเสร็จแล้ว พวกแกไปกินก่อนไป”
“พี่แสบเปลี่ยนไป”
“ขยันนะช่วงนี้ ทำล่วงเวลาได้ล่วงตลอด”
“จะเอาโอทีป่ะเนี่ย แหม ขยันตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อตเลยน้า เก็บเงินไว้แต่งเมียสิท่า”
“คนอย่างพี่ นิดหน่อยไม่ตอดบริษัทหรอกเว้ย ไว้ตอดหญิงอย่างเดียวพอ”
น้ำหวานเดินเข้ามา เขินๆ อายๆ แต่ทำวีน
“นี่ ยังไม่กลับบ้านกันอีกหรือไง ทำอะไรกันอยู่”
“โอ๊ะ พูดถึงหญิง หญิงก็มา”
“หญิงอะไร หญิงคนไหน”
“ก็มีอยู่หญิงเดียวในใจแสบอ่ะ แล้วจะให้มีใครที่ไหนอีก ไม่มี้”
เจ๊พุ่มวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“ไอ้แสบ มีผู้หญิงท้องมาหาเอ็ง ร้องไห้ใหญ่เลย” แสบอึ้ง น้ำหวานและลูกน้องตกใจ แปลกใจ
“หญิงท้อง ร้องไห้มาหา เฮ้ย พี่แสบไปทำใครท้องมา”
“เรื่องของฉัน พวกแกไม่ต้องยุ่ง แล้วไม่ต้องตามมาเลยนะ”
น้ำหวานและทุกคนตกใจ แสบมองหน้าน้ำหวาน เห็นความเสียใจ แต่แสบก็ไม่อธิบายอะไร วิ่งออกไปทันที
“เฮ้ย”
“ไอ้แสบมันบอกว่าไม่ให้ตามไปว่ะ”
“แล้วพวกเราเคยเชื่อพี่แสบเหรอเจ๊”
เจ๊พุ่ม และลูกน้องตามไป น้ำหวานยังยืนขาแข็งอยู่ จุลลาเดินลิ่วมาเห็นน้ำหวานยืนตกใจอยู่ รีบเข้ามาซัก
“น้ำหวาน เป็นอะไร”
“พี่จูน”

มุมหนึ่งในบริเวณโรงงาน แสบยืนคุยกับวัยรุ่นท้อง แสบหน้าตาเครียดมาก วัยรุ่นท้องร้องไห้โฮไม่หยุด เจ๊พุ่มกับลูกน้องแอบดูอยู่มุมหนึ่ง ทุกคนสงสัยมาก จุลลาและน้ำหวานตามมาสมทบแอบดูกับลูกน้อง
“ใครรู้จักผู้หญิงคนนั้นบ้าง”
“ไม่เคยเห็นหน้าเลยพี่”
“ยังดูเด็กๆ อยู่เลย ท้องเสียแระ”
“เสียดายเนาะ อนาคตของชาติ”
“เสียดาย ทำไมเข่งไม่มีเมียเด็กอย่างนี้บ้าง”
“คุกไอ้เข่งคุก”
ทุกคนยังแอบดูแสบต่อไป

สืบสายเดินอารมณ์ดีมาที่โต๊ะอาหาร คุณนายเง็กและเสี่ยตงเดินมาจากคนละมุม ป้าเมี่ยงยืนรอบริการอยู่แล้ว
“จุลลาล่ะครับป้าเมี่ยง”
“ยังไม่เห็นเลยค่ะ”
สืบสายนึกฉุน พอดีกับเสียงมือถือของคุณนายเง็กดังขึ้น คุณนายเง็กดูเบอร์โทรเข้าเห็นชื่อ “จุลลา”
“อาหนูช่างโทรมา”
“ผมคุยเองครับ” สืบสายแย่งมือถือคุณนายเง็กมาคุย พ่นใส่เลย “ทำไมไม่รู้จักเวล่ำเวลา หา! จุลลา แล้วคนที่เธอควรจะโทรหาคือฉัน ไม่ใช่แม่ฉัน”

จุลลาหูชาอยู่ที่มุมหนึ่ง ขณะที่น้ำหวาน เจ๊พุ่มและลูกน้องยังแอบดูแสบคุยกับวัยรุ่นอยู่
“แล้วทำไมฉันต้องโทรหาคุณ”
“เพราะฉันเป็นคนชวนเธอมากินข้าว โทรหาแม่ฉันทำไม”
“เอ๊า ก็ตอนนั้นคุณบอกแค่ว่า อย่าให้ผู้ใหญ่รอนาน ฉันก็นึกว่าแม่คุณเป็นคนชวนฉัน”
“นี่เธอซื่อหรือว่า...”
“ไม่มีเวลามาฟังคุณด่านะ ถ้าไม่ให้คุยกับแม่คุณก็ฝากเรียนท่านด้วยว่า ฉันติดธุระ วันนี้ขอตัว”
“ธุระอะไร”
“สวัสดีค่า” เสียงเดือนพิไลดังขึ้น สืบสายตกใจ จุลลาชะงัก ได้ยินเสียงคุ้นๆ เอาหูแนบมือถือแทบจะสิงเข้าไป
“เดือนพิไล”
“อาหนูมูน มาแล้วเหรอ” เสี่ยตงดีใจ คุณนายเง็กอ้าปากค้าง
จุลลาได้ยินชื่อเดือนพิไลเต็มสองหู รู้สึกหงุดหงิด วางสายเลย
“จะชวนให้ไปร่วมโต๊ะกับแฟนนี่เอง เพื่อ...”
จุลลาเดินมาสมทบกับน้ำหวาน อารมณ์ค้าง จิกหัวเข่ง
“อ๊ากกก”
ทุกคนรุมปิดปากเข่ง แสบกันมา ทุกคนหลบกันหวุดหวิดมาก

เดือนพิไลนั่งลงร่วมโต๊ะ ข้างๆ สืบสาย คุณนายเง็ก เสี่ยตงนั่งตรงข้าม
“มูนเป็นคนบอกป๊าเองค่ะ ว่าไม่ให้บอกใครว่ามูนจะมาดินเนอร์ด้วย อยากเซอร์ไพรส์”
“แต่อั๊วช็อก” คุณนายเง็กบอก
“คุณแม่อายุมากแล้วก็แบบนี้ล่ะค่ะ หัวใจอ่อนแอ นิดหน่อยก็พาลจะช็อก” คุณนายเง็กอึ้ง โกรธ
“อาตี๋ อาหนูช่างโทรมาว่ายังไง”
“ติดธุระครับ ขอตัว”
“ทีคนอยากให้มาไม่มา ทีคนไม่อยากจะให้มาก็มา อั๊วจะกินลงมั้ยมื้อนี้”
“อ่ะๆ หนูมูนมาไกล นี่ก็เลยเวลาอาหารเย็นมานานแล้ว ใครยังไม่มาก็ช่างเถอะ อาเมี่ยง เสิร์ฟข้าว” เสี่ยตงบอก
“ค่ะ”
“ผมขอตัวแล้วกันนะครับ” สืบสายลุกขึ้น
“ลื้อจะไปไหน”
“นึกขึ้นได้ว่ามีงานค้าง ทานกันไปก่อนนะครับ ไม่ต้องรอผม”
สืบสายเดินหนี เดือนพิไลอ้าปากค้าง คุณนายเง็กยิ้มสะใจ
“อ่ะๆ อาเมี่ยง เสิร์ฟข้าว อั๊วชักหิว จะกินหัวคนได้ทั้งหัวแล้ว”
คุณนายเง็กปรายตามองเดือนพิไล เดือนพิไลเก็บซ่อนความไม่พอใจ
“งั้น มูนขอตัวแป๊บนะคะ อยากคุยอะไรกับคุณสืบนิดนึง ไม่นานหรอกค่ะ กลัวคุณแม่ทานข้าวไม่อร่อยถ้าไม่ได้ทานไปคุยไปกับมูน”
เดือนพิไลไม่รอช้า ลุกเดินออกไปเลย เหลือคุณนายเง็กกับเสี่ยตงสองคน มองหน้ากันอย่างรู้ทัน

วิมานมะพร้าว ตอนที่ 6 (ต่อ)

วัยรุ่นรับเงินจากแสบ ร้องไห้ไม่หยุด แสบล้วงกระเป๋าเงิน หยิบส่งเงินให้จำนวนหนึ่ง แบงก์พันแบงก์ร้อย ให้จนหมดกระเป๋า วัยรุ่นรับมา ร้องไห้หนักกว่าเก่า
 
“ให้เงินด้วยอ่ะ หมดกระเป๋าเลยมั้ง”
“อย่ามายืมเงินเข่งอีกนะพี่แสบ หนอย เงินหมดบ่อยๆ เพราะให้หญิงนี่เอง”
“พี่แสบยืมเงินพวกพี่บ่อยเหรอ”
“บ่อยสิ”
“คืนมั่งไม่คืนมั่ง”
“ทรงนี้ ไปทำเค้าท้อง จนน้องออกมาร้องไห้ เรียกร้องความรับผิดชอบชัวร์”
“ยังไงกันแน่เนี่ยไอ้แสบ”
แสบเข้าไปกอดปลอบวัยรุ่น จุลลาและทุกคนครางฮือ จุลลาและทุกคนได้ยินเสียงสะอื้นใกล้ๆ ทุกคนหันไปเห็นน้ำหวานสะอื้นอยู่
“น้ำหวาน เป็นอะไร”
น้ำหวานไม่ตอบเดินหนีออกไป จุลลาตามน้ำหวานไป ลูกน้องหันไปดูแสบอีกที อ้าว...หายไปกันซะแล้ว
“เฮ้ย หายไปไหนกันแล้ววะ”
“ถามกูแล้วกูจะไปถามใคร”
ทุกคนหันมองเจ๊พุ่ม
“ไม่รู้ เรื่องไอ้แสบ เจ๊ไม่ได้อยากรู้เลย เสียเวลา”
“เหรอออ”
“ได้เรื่องยังไงค่อยเม้าท์ให้ฟังแล้วกัน ตอนนี้หิวข้าวเว้ย”
เจ๊พุ่มเลี่ยงไป เหลือลูกน้องมองหน้ากันงงๆ

เดือนพิไลตามสืบสายมา
“คุณสืบคะ” สืบสายชะงัก
“ครับ”
“เกลียดอะไรมูนคะ” สืบสายอึ้ง
“ผมไม่ได้เกลียด”
“แต่ก็ไม่ได้ชอบใจ จนทำให้ร่วมโต๊ะทานข้าวกับมูนไม่ได้”
“เปล่า”
“แต่กับผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้วคนนั้น คุณกลับคิดถึงมาก เมื่อเขาไม่มา คุณถึงกับทานข้าวไม่ลง”
“เปล่า”
“อย่าปฏิเสธมูนเลยค่ะ มูนดูออก” สืบสายอึ้ง เดือนพิไลลอบยิ้มกับแผนการ เข้าหาโดยใช้ความเป็นเพื่อนที่เข้าใจทุกอย่างบังหน้า “เราเคยคุยกันแล้วไม่ใช่เหรอคะ เราเป็นเพื่อนกันนะ” สืบสายอึ้ง รู้สึกว่าตัวเองทำเกินไปกับเดือนพิไลเหมือนกัน “เพื่อนอุตส่าห์มาหา มาทานข้าวด้วย ต้อนรับกันหน่อย ไม่ได้เหรอคะ”
“ไม่ใช่ผมไม่ต้อนรับคุณ”
“งั้นอะไรล่ะคะ ที่คุณทำตอนนี้ คุณกำลังทำให้มูนน้อยใจว่าแม้แต่ความเป็นเพื่อน คุณก็ให้มูนไม่ได้”
สืบสายถอนใจ เจอสายตางอนง้อของเดือนพิไล ลังเล จะออกไปหาจุลลาดีหรืออยู่ต่อดี

น้ำหวานร้องไห้วิ่งมา จุลลาตามมารั้งเอาไว้
“น้ำหวาน เดี๋ยวก่อน ร้องไห้ทำไม”
“คือ น้ำหวานปวดท้อง ปวดหัว รู้สึกไม่ค่อยสบายจนทนไม่ไหว เลยร้องไห้จ๊ะพี่จูน”
“น้ำหวานเสียใจเรื่องไอ้แสบ” น้ำหวานอึ้ง ไม่ตอบ “แปลว่าใช่ โธ่เอ้ย อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจจากแค่สิ่งที่เห็น มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้”
“เปล่านะ น้ำหวานไม่ได้คิดอะไร แค่เสียใจอ่ะ ฮือ ไม่รู้ทำไม”
“ทำไม ก็คิดมากไง ไม่เอา อย่าร้อง เงียบ จนกว่าเราจะได้ฟังเหตุผลจากไอ้แสบก่อน เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจ ฮื้อ”
จุลลาถอนใจ ไม่รู้ทำไง ได้แต่กอดปลอบใจเอาไว้ ผีเถ้าแก่เข้ามาสะกิดจุลลา จุลลาอดตกใจไม่ได้ สะดุ้งเฮือก
“เฮ้ย”
น้ำหวานยังร้องไม่เลิก จนไม่ได้สนใจว่าจุลลาเป็นอะไร
“ฮื้อออออ”
“ยุ่งแต่เรื่องของคนอื่น แล้วเรื่องของตัวเองอ่ะ ป่านนี้อาตี๋มันคงพ่นไฟรอลื้อแล้ว”
“เรื่องของเค้าเด่ะ ป่านนี้คงกินอร่อยกับแฟนเค้าไปแล้ว”
“แฟน ใครวะ? อ๋อ ไอ้หยา แล้วอีมาได้ยังไง”
จุลลาคิดถึงสืบสายแล้วหงุดหงิด ในขณะที่น้ำหวานก็ร้องไป

คุณนายเง็กกับเสี่ยตงเปิดโต๊ะสาดสงครามน้ำลายใส่กัน
“ลื้อจงใจมัดมือชกอาตี๋ ด้วยการพายัยข้าวเหนียวบูดมาถึงบ้าน”
“ลื้อจงใจพาอาหนูช่างให้เข้ามาในชีวิตของอาตี๋ เพื่อเป็นกันชนไม่ให้หนูมูนเข้าใกล้อาตี๋” ป้าเมี่ยงยืนงง
“มีหลักฐานอะไรมาปรักปรำอั๊ว”
“อั๊วได้ยินเต็มสองหู ตอนลื้อคุยกับอาเมี่ยงในครัว อย่าคิดว่าอั๊วไม่รู้ทัน”
“ทันหรือไม่ทัน ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ฮ่าๆๆ เพราะว่าอาตี๋ของอั๊วไม่ได้สนใจยัยข้าวเหนียวบูดของลื้อเลย อีกำลังจะไปตามอาหนูช่าง แต่อีปากแข็ง เลยอ้างเรื่องงาน”
เดือนพิไลควงสืบสายเข้ามา
“คุณสืบกลับมาทานข้าวได้แล้วค่ะ ป๊า คุณแม่”
คุณนายเง็ก เสี่ยตง ชะงัก หันไป คุณนายเง็กแทบช็อก เสี่ยตงหัวเราะสะใจมาก
“ฮ่ะๆๆ มันต้องอย่างนี้สิลูกป๊า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เรื่องงานไว้ทีหลัง”
“นั่งนะคะ มูนขอนั่งข้างๆ จะได้คุยกันได้สะดวกๆ ป้าคะ ตักข้าวเลยค่ะ มูนขอข้าวแค่ครึ่งทัพพีนะคะ ช่วงนี้รู้สึกอ้วนต้องลด”
สืบสายนั่งยิ้มๆ ไม่พูดอะไร เลี่ยงสายตาคุณนายเง็กที่มองสืบสายตาเขียว เดือนพิไลแอบยิ้มกับเสี่ยตง ที่ทำสำเร็จ

แสบเดินเข้ามาหน้าบ้านพักเจอหยิกขวาง มองด้วยสายตาตั้งคำถาม แสบเดินเลี่ยง หนี แสบไปเจอเข่งดักรออีกด้าน แสบตบหัวเข่ง เข่งหลบให้ แสบเดินไปเจอถัด แสบจะตบหัว ถัดตั้งการ์ด แสบดึงขนจมูกแทน ถัดหลบให้ แสบเลี่ยงไปได้ แต่ไม่รอด จุลลาเดินเข้ามา
“เดี๋ยวก่อนไอ้แสบ”
แสบชะงัก หันไป
“จะมาถามเรื่องผู้หญิงท้องคนนั้นเป็นใครใช่ป่ะ”
“เออ”
“โทษทีพี่ ผมพูดไม่ได้”
“ทำไมวะ”
“ผมพูดไม่ได้จริงๆ ขอโทษทุกคนด้วย”
“แต่น้ำหวานกำลังเข้าใจแกผิด”
“ถ้าน้ำหวานไม่เชื่อใจผม ผมก็ทำอะไรไม่ได้ แต่...ผมพูดไม่ได้จริงๆ”

แสบจริงจังมาก จนจุลลาและทุกคนอึ้งกันไปตามๆ กัน
 

 
สืบสายกำลังกินข้าวอยู่กับเดือนพิไล คุยกันพอหอมปากหอมคอตามมารยาท แต่เสี่ยตงร่าเริงเป็นพิเศษ คุณนายเง็กเหลือบมองเสี่ยตงตาเขียว ไม่พอใจมาก ผีเถ้าแก่สังเกตพฤติกรรมของทุกคน

“โลกมนุษย์นี่หนอ วุ่นวาย มากมายไปด้วยกิเลส คนนั้นก็อยากได้คนนี้เป็นแฟน ถามว่ารักมั้ย ไม่รักหรอก แต่อีโปรไฟล์ดี ส่วนไอ้คนนี้ก็หวังเคลม เผื่อได้ กำไรชีวิตไป ส่วนไอ้คนนี้ก็อารมณ์เพชรหึงขึ้นหน้า จนไม่มีสติ ส่วนอาตี๋หลานรักของอั๊ว จะดีไปไหนวะ เฮ้ย! ไม่อยากจะยุ่งแล้วเชียวนา พับผ่า! ผู้หญิงสมัยนี้น่ากลัวนะเว้ยเฮ้ย! รู้หน้าไม่รู้ใจ”
สืบสายวางช้อน
“ผมอิ่มแล้วครับ”
“ทานน้อยจังเลยค่ะ”
“คือ จู่ๆ ก็อิ่มครับ”
“ไม่อิ่มได้ไง อั๊วยืนเป็นมารคอหอยอีอยู่”
เสียงข้อความในมือถือของสืบสายดังขึ้น สืบสายกดอ่าน จากครรชิต “เมล์จากญี่ปุ่นส่งมาแล้วครับผม”
“เอ่อ พอดีมีงานด่วนส่งมาทางเมล์ ขอตัวก่อนนะครับ”
“งั้น มูนก็ไม่กวนแล้วดีกว่าค่ะ อิ่มพอดี กลับเลยดีกว่า คุณสืบจะได้ไม่ต้องมาคอยดูแลมูน”
“สวัสดีจ๊ะ ขับรถดีๆ นะ” คุณนายเง็กรีบบอก
“เอ่อ ค่ะ สวัสดีค่ะ”
“อาตี๋ ออกไปส่งหนูมูนก่อนสิ” เสี่ยตงบอก
“ครับป๊า”
สืบสายออกไปกับเดือนพิไล เสี่ยตงมองตามเดือนพิไลเหลียวหลัง คุณนายเง็กดึงหูเสี่ยตงมางึ่มๆ กันอีก
“ลื้อมองอะไร เฮียตง”
“มองว่าอีสองคนดูเหมาะสมกันดี มองไม่ได้หรือไง”
“ไม่ได้ มองอั๊วคนเดียวนี่”
“อั๊วกินข้าวต่อดีกว่า”
ผีเถ้าแก่ลงนั่งร่วมโต๊ะ มองกับข้าว
“ไอ้หยา กินอะไรกันวะ มีแต่ของมันๆ เหมือนเดิม ฝีมือไม่พัฒนาเลยนะอาเมี่ยง”
จู่ๆ ป้าเมี่ยงก็รู้สึกขนลุก มองซ้ายมองขวา รู้สึกใจคอไม่ดี

สืบสายเดินออกมาส่งเดือนพิไล
“ขอบคุณมากนะคะ สำหรับอาหารเย็นที่แสนอร่อย”
“คุณไม่จริงใจ” เดือนพิไลอึ้ง
“คะ”
“บ้านผมอาหารติดจะมีแต่ของมันๆ และก็จืด ไม่อร่อยถูกปากคนที่ไม่คุ้นเคยกับรสชาตินี้หรอกครับ”
“มูนก็ต้องพูดรักษามารยาทสิคะ อะไรกัน มาพึ่งข้าวบ้านเค้า ใครจะกล้าวิจารณ์ตรงๆ ว่ามั้ยคะ”
สืบสายหัวเราะน้อยๆ จุลลาเดินเข้ามาเห็นช็อตสืบสายหัวเราะกับเดือนพิไลพอดี อึ้ง รีบหลบ รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาทันที สืบสายเห็นป้ายติดอยู่ที่หลังรถ
“อะไรติดอยู่ที่หลังรถครับ”
“อะไรเหรอคะ” สืบสายเดินไปดู เดือนพิไลตาม เห็นป้ายเต็มๆ “ฉันเป็นคนอกตัญญูที่สุดในสามโลก” ฝีมือพี่บี
“ว้าย” เดือนพิไลตกใจรีบไปเอาออก “คงเป็นฝีมือพวกโรคจิตแน่ๆ เลย”
“โรคจิตที่ไหนครับ”
“ช่วงนี้มีโรคจิตตามมูนอยู่บ่อยๆ ค่ะ”
“แจ้งตำรวจไว้หรือเปล่าครับ”
“ยังเลยค่ะ มูนเจอแบบนี้ กลัว ทำอะไรไม่ถูก”
“ไม่บอกผู้จัดการคุณล่ะครับ”
“นั่นยิ่งตัวดีเลยค่ะ ขี้กลัวยิ่งกว่ามูนอีก”
“งั้น ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ” จุลลาแหวะ
“ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณ แหวะ...แสนดี หล่อมาก พ่อคุณ”
“มูนกลับดีกว่าค่ะ คุณต้องรีบทำงาน แล้วเจอกันนะคะ”
“ครับ คุณสะดวกไปสถานีตำรวจเมื่อไหร่ โทรหาผมแล้วกัน”
“โทรหาได้เหรอคะ ไม่รวบกวนเวลาทำงานคุณใช่มั้ยคะ”
“เราเป็นเพื่อนกันนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เดือนพิไลยิ้มหวานให้สืบสาย ขึ้นรถ ปิดประตูได้ปุ๊บ มองป้ายในมือปั๊บ โกรธ “อีเจ๊บี แก”
เดือนพิไลปาป้ายทิ้งในรถ เปิดกระจก ส่งยิ้มหวานให้สืบสายอีกที แล้วปิดกระจกออกรถไป สืบสายมองส่งจนรถลับออกไป หันเดินจะเข้าบ้าน รู้สึกผิดสังเกตที่มุมที่จุลลาแอบอยู่ เดินเข้าไป

จุลลานั่งบ่นอย่างหมั่นไส้อยู่
“หืม โทรหาได้เหรอคะ ไม่รบกวนเหรอคะ แหม เราเป็นเพื่อนกัน แหม แหมๆๆ”
สืบสายโผล่หน้ามาข้างๆ จุลลา
“เป็นเพื่อนกันผิดด้วยเหรอ”
จุลลาตกใจหันไป ปากของจุลลาไปจุ๊บที่ข้างแก้มของสืบสายพอดี ตึ่ง สืบสายและจุลลาอึ้งกันไปทั้งสองคน สบตากัน หวั่นไหวหนัก จุลลารู้สึกตัว หน้าแดง รีบผละออกไปทันที สืบสายมองตามจุลลา พูดไม่ออก ขาไม่ขยับ ใจเต้นแรง ตึ่งๆๆ
จุลลาเข้าห้องมา ปิดประตู หัวใจเต้นแรง ภาพชนแก้มสืบสายโดยไม่ตั้งใจแว่บเข้ามาในความคิดอีก จุลลาคลั่ง
“โอ๊ยยยย”
สืบสายยังยืนอึ้ง จับที่แก้มตัวเองที่ถูกจุลลาหอม เบาๆ รู้สึกตัวเบา หัวใจเต้นแรง ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวด้วยความเขิน คุณนายเง็กเดินเข้ามา ทำลายความวาบหวามในหัวใจของสืบสาย
“ม้ามีเรื่องจะคุยด้วย”
คุณนายเง็กลากตัวสืบสายเข้าบ้าน

จุลลาเดินพล่าน พยายามสลัดความรู้สึกหงุดหงิดตัวเอง
“โอย ไม่เอา ไม่คิด ไม่ อากส์” จุลลาเดินมาเจอผีเถ้าแก่ยืนอยู่กลางห้อง “เถ้าแก่”
“ก็อั๊วน่ะสิ หรือว่าอยากให้เป็นคนอื่น”
“ใคร”
“คนที่ลื้อก็รู้ว่าใคร”
“โจวชิงฉือ”
“ตลกแระ” แล้วผีเถ้าแก่ก็ชะงัก เมื่อเห็นจุลลาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “อาหนูช่าง ลื้อเป็นอะไร”
“หนู...หนู...”
“ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรลื้อ”
“ไม่มีใครทำหนู มีแต่หนูทำเค้า”
“ลื้อไปทำอะไรใคร ไอ้หยา มันน่าเสียใจ มันน่าเศร้าถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ”
“หนู...หอมแก้ม อาตี๋ของเถ้าแก่อ่ะ”
จุลลาปิดหน้าตัวเอง เศร้ามาก
“อ๋อ คิดว่าเรื่องอะไร เฮ้ย! แล้วจะร้องไห้เสียใจทำไม นี่เป็นเรื่องน่ายินดี”
“ก็หนูเสียหอมแรกให้เค้าไปแล้วอ่ะ อื๊อ”
“แค่เสียหอม ไม่ได้เสียตัว”
“ก็คนมันไม่เคยอ่ะ อื๊ออออ” จุลลาปิดหน้า อายจัด ยังไม่ยอมเลิกคลั่ง ผีเถ้าแก่มองจุลลาเซ็งปนขำ “หนูจะกลับไปนอนที่บ้านพัก”
จุลลาคว้าเป้ ยัดเสื้อผ้าของใช้ในห้องลงเป้
“เอาเข้าไป คนเรามันกลัว...”
“กลัวอะไร หนูไม่เคยกลัว ขนาดเถ้าแก่เป็นผี หนูยังไม่กลัวเลย”
“กลัวจะตกหลุมรักอาตี๋อ่ะดี้” จุลลาสะดุ้งเฮือก รีบปิดเป้ ออกจากห้องไปเลย ผีเถ้าแก่หัวเราะชอบใจ

“หนีอะไรหนีได้ แต่หนีหัวใจตัวเองไม่พ้นหรอก อาหนูช่าง คริคริคริ”

 
คุณนายเง็กหันมาถามสืบสาย
 
“เอาความจริง เคยหรือไม่เคย”
“ผมไม่เคยให้ความหวังหรือแสดงออกกับคุณมูนมากไปกว่าการเป็นเพื่อนที่ดี”
“แล้วอีล่ะ แสดงออกกับลื้อยังไง”
“คุณมูนเข้าใจดีครับ เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีที่นอกเหนือไปจากนั้น”
“ค่อยยังชั่ว”
“ทำไมม้าถึงได้รังเกียจคุณมูนมากถึงขนาดนี้ครับ”
“อั๊วมีเซ้นส์ ว่าอีไว้ใจไม่ได้ รู้หน้าไม่รู้ใจ”
“ม้าอคติเกินไป”
“ลื้อว่าม้าเหรอ นี่เห็นผู้หญิงคนอื่นดีกว่าแม่ตัวเองเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ไม่มีใครดีกว่าหม่าม้า ผมแค่หมายความว่า...”
“ลื้อกำลังมีใจให้เดือนพิไลใช่มั้ยอาตี๋” สืบสายอึ้ง เหนื่อยจะปฏิเสธ จุลลามาได้ยินพอดี อึ้ง เหมือนถูกตีหัวเปรี้ยง “ลื้อไม่ตอบ แสดงว่าใช่”
“ม้า”
“อั๊วไม่ยอม! ลื้อจะชอบเดือนพิไลไม่ได้ ผู้หญิงอื่นมีตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่ชอบ ทำไมต้องมาชอบคนที่อั๊วเกลียด”
“ม้า”
จุลลาเหวอ มึน รีบเดินออกไป โดยที่สืบสายและคุณนายเง็กไม่เห็น เสี่ยตงแอบดูอยู่มุมหนึ่ง เสี่ยตงไม่เห็นจุลลาเพราะอยู่กันคนละมุม เสี่ยตงยิ้มชอบใจ รีบออกไปขณะที่คุณนายเง็กยังตีโพยตีพาย
“ลื้อทำให้ม้าเสียใจ”
“ผมยังไม่ได้พูดสักคำว่าผมชอบเดือนพิไล”
“เหรอ”
“ม้าใจเย็นก่อนได้มั้ยครับ นี่ถ้าใครมาได้ยินเข้า คงเข้าใจผิดผมไปใหญ่โตแล้ว”
สืบสายปวดหัวแม่

จุลลาเดินเหวอออกมาจากบ้าน ผีเถ้าแก่ขวางหน้า
“ลื้อจะกลับไปตอนนี้จริงๆ เหรอวะ”
“เห็นหนูออกมาเดินเล่นชมดาวหรือไง ถอย หนูจะไป”
“เป็นอะไร อย่าตอบว่าเป็นนายช่าง”
“ไม่ได้เป็นอะไร”
“อั๊วไม่เชื่อ ลื้อดู ซึมไป”
“ที่ซึม เพราะ...คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อ แม่ ทุกคนที่บ้าน อยากกลับไปหา ไปกินข้าวฝีมืออร่อยๆ ของพ่อ ไปฟังเสียงแม่บ่นบังคับให้แต่งหญิง อยากฟังป้าลำยองเม้าท์ละครที่แกกำลังติดว่าถึงตอนไหนแล้ว แล้วลีลากับมะขวิดยังทะเลาะกันทุกวันอยู่หรือเปล่า” ผีเถ้าแก่อึ้งที่เห็นจุลลาเล่าไป น้ำตาซึมไป ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย “ทุกคนที่บ้าน คนที่หนูรัก และรักหนู หนูคิดถึงพวกเค้า แค่นั้นแหละ” จุลลาจะออกเดิน ผีเถ้าแก่ก็ยังไม่ถอย “ไม่ถอย หนูทะลุนะ”
จุลลาพูดจบก็เดินทะลุร่างของผีเถ้าแก่ไปเลย แล้วค่อยๆ เดินจากไป ผีเถ้าแก่อึ้ง หันมองจุลลาอย่างเป็นห่วง
“อยู่ๆ ก็ดราม่า อีไปเจอไปเห็นไปได้ยินอะไรมาวะ”

สืบสายพยายามอธิบายกับคุณนายเง็ก
“ผมไม่มีทางหวั่นไหวกับเดือนพิไล”
“ทำไมลื้อดูมั่นใจมาก ว่าลื้อไม่มีทางหวั่นไหวกับยัยข้าวเหนียวบูด หรือว่าลื้อชอบใครอยู่แล้ว” สืบสายอึ้ง พูดไม่ออก บอกไม่ได้ “ใช่ มันต้องใช่แน่ๆ ลื้อมีคนที่ชอบอยู่แล้ว ไม่งั้นสวยเอ็กซ์เซ็กส์แตกขนาดนั้น ลื้อไม่มีทางรอด”
“ไม่มีครับม้า”
สืบสายซึมไป
“จริงเหรอ ไม่มีผู้หญิงคนไหนในดวงใจเลยเหรอ”
“ไม่มีครับ”
“งั้น ผู้ชายในดวงใจก็ได้ ม้าจะทำใจยอมรับ”
“หม่าม้า”
“ยังไงก็ดีกว่าได้ยัยข้าวเหนียวบูดเป็นลูกสะใภ้”
“ผมเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิง จบมั้ยครับ”
“จบก็ได้”
“ขอบคุณครับ” คุณนายเง็กยิ้มย่องออกไป สืบสาย เศร้าทันที “ที่ไม่มี เพราะผมชอบเค้าไม่ได้ครับม้า”
สืบสายคิดถึงจุลลา มองเห็นแต่ทางผิดหวัง

จุลลาขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าบ้านพัก จุลลาลงจากรถได้ มองซ้ายมองขวาเพื่อเช็กความปลอดภัย เห็นทุกอย่างปกติจึงเดินไปนั่งอยู่หน้าบ้าน สงบสติอารมณ์ตัวเองที่กำลังเบาโหวง หัวใจหลุดออกไปจากตัวแล้ว ทันใดนั้นจุลลาก็ได้ยินเสียงสวบสาบๆ อยู่ข้างหลัง ประสาทจุลลาตื่นตัวทันที หันขวับ เตรียมตัว
ที่บ้านสืบสาย สืบสายเดินมาถึงหน้าห้องพักจุลลาจะเคาะประตู แล้วชะงัก เปลี่ยนใจ หันหลังกลับ ผีเถ้าแก่ยืนขวางสืบสายอยู่ สืบสายเปลี่ยนใจอีก ชะงัก
“ไม่รู้เรื่องเลยใช่มั้ย ว่าอาหนูช่างอีออกไปแล้ว”
สืบสายสังหรณ์ใจ
“เงียบ ผิดปกติ” สืบสายเข้าไปเคาะประตูเรียกจุลลาทันที “จุลลา จุลลา”
ไม่มีเสียงตอบรับ ผีเถ้าแก่มาพูดข้างหูสืบสาย
“ท่าทางอีเหมือนถูกทุบกะโหลกจนมึน อั๊วถามหนึ่ง อีตอบมาสองร้อย แถมดราม่าน้ำตาซึม ลื้อทำอะไรอีหรือเปล่าวะ อาตี๋”
“จุลลา เธออยู่ในห้องหรือเปล่า”
“ถ้าอีอยู่ อีรีบเปิดประตูมาเจอหน้าลื้อแล้ว แต่นี่อีไม่อยู่ กลับไปบ้านพักแล้ว แล้วจะยืนเคาะประตูอยู่ทำไม” ผีเถ้าแก่ยังพูดไม่ทันจบ สืบสายผลักประตูเข้าไป ห้องว่างเปล่า สืบสายรีบออกไปทันที “เมื่อไหร่มันจะคิดเองได้ โดยที่อั๊วไม่ต้องบิวท์วะ” เถ้าแก่จะหายตัว แต่แล้วเปลี่ยนใจ “ไปยุ่งเรื่องของมนุษย์หนึ่งครั้ง บุญลดลงสามขีด เพราะฉะนั้นไป
รอจิ้นเบาๆ ดีกว่า”
ผีเถ้าแก่หัวเราะอารมณ์ดี

จุลลาระวังตัว เสียงสวบดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ มือผู้ชายกำลังเอื้อมมาจะแตะตัวจุลลา จุลลาหันไปคว้าคอบุรุษลึกลับ ล็อค เตรียมต่อย แต่แล้วยามจ่อยก็เงยหน้าขึ้นมา ไฟฉายอยู่ในมือ
“ยามจ่อยเองครับผม นายช่างครับผม อย่าครับผม”
“ยามจ่อย”
จุลลาตกใจ รีบปล่อยยามจ่อยที่คอเคล็ดไปแล้ว
“ขอโทษ ไม่เจ็บใช่มั้ย”
“ไม่เหลือสิครับผม โอย”
“แล้วมาทำอะไรลับๆ ล่อๆ อยู่ข้างหลังฉัน ฉันก็นึกว่าไอ้พวกนั้นมันส่งคนมาเล่นงานฉันอีก”
“ผมรับเวรดูแลความปลอดภัยให้บ้านพักนายช่างระหว่างรอจัดระบบรักษาความปลอดภัยใหม่เรียบร้อยครับผม”
“อ้อ...เหรอ ขอโทษอีกทีแล้วกัน ไม่เจ็บนะ”
“เจ็บครับ แต่วันนี้ไม่ใช่วันกำหนดกลับไม่ใช่เหรอครับผม”
“ก็ฉันจะกลับ”
จุลลาพูดจบเดินเข้าไปไขกุญแจเข้าบ้าน
“งั้นผมขออนุญาตไปรายงานบอสก่อนนะครับผม”
จุลลาผิดหูที่ได้ยินยามจ่อยพูดถึงสืบสาย จู่ๆ ก็ปี๊ดขึ้นมา
“จะไปรายงานบอสแบดที่ไหนก็เชิญ”
“เป็นอะไรของเธอ จุลลา” จุลลาชะงักอึ้ง หันมา สืบสายเดินเข้ามา ไม่พอใจที่จุลลาหนีกลับมาบ้านพัก ยามจ่อยคอเคล็ด เจ็บมาก แต่ก็ยังฝืนฟังสืบสายกับจุลลา “ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอกลับมา แล้วกลับมาทำไม”
“ก็ฉันไม่อยากอยู่ที่บ้านคุณ”
“ทำไม”
“ยังจะมาถามอีก” จุลลาหน้าแดง
“ถามสิ เพราะฉันไม่รู้”
“ไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้”
“ไม่ได้แกล้ง ไม่รู้จริงๆ ผู้หญิงเวลาหงุดหงิดอารมณ์เสีย มีตั้งหลายเหตุผล”
“ใช่ครับผม ประจำเดือนไม่มา ไม่กล้าบอกรัก ถูกทักว่าอ้วน” ยามจ่อยบอกแล้วปวดคอแปล๊บ “โอ๊ยยยย”
“ยามจ่อย เป็นอะไร”
“ถูกฉันล็อกคอ”
“ปวดมากเหรอ ไปห้องพยาบาลก่อนไป”
“ครับผม แต่อยู่กันสองต่อสองได้มั้ยครับผม”
“ได้ /ไม่ได้” สืบสายกับจุลลาพูดออกมาพร้อมกัน สืบสาย จุลลาหันมามองหน้ากัน เมื่อออกเสียงกันไปคนละทาง
“ตกลงผมได้ยินว่าได้นะครับผม ขอตัวครับผม”
ยามจ่อยรีบออกไป เปิดโอกาสให้สืบสายกับจุลลาอย่างเต็มใจ
“ยามจ่อย เดี๋ยวก่อน ยาม”
“อยู่กับฉันสองต่อสองไม่ได้หรือไง”
“ได้”
“ตอบคำถามฉันมา กลับมาทำไม”
จุลลาอ้ำอึ้ง พูดไม่ออกถึงเหตุผลที่แท้จริง จะอยู่ได้อย่างไรเมื่อฉันกำลังตกหลุมรักเธอ ในขณะที่เธอบอกกับแม่ว่าชอบเดือนพิไล

เดือนพิไลคุยมือถือเข้ามาในโถงคอนโด
“จริงเหรอคะป๊า”
เสี่ยตงแอบคุยมือถืออยู่ที่มุมหนึ่ง

“จริงสิหนู ป๊าได้ยินเต็มสองหูว่าอาตี๋ชอบลื้อ”

 
เดือนพิไลดีใจปากคอสั่นมาก
 
“มูนดีใจจังเลย ดีใจจนพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้หัวใจเต้นแรงมาก จนอยากจะมีใครสักคนช่วยกอดเอาไว้ แล้วบอกมูนว่านี่ไม่ใช่ความฝัน”
“แต่พูดเป็นชุดเลยจ๊ะ”
“ป๊าอ่ะ อย่าแหย่มูนสิคะ”
“ป๊าล้อเล่น โอ๋ อย่างอนป๊าน้า ยังอยากมีใครสักคนกอดแล้วบอกให้ชื่นใจมั้ยจ๊ะว่าไม่ได้ฝันไป”
“อยากสิคะ แต่โชคร้ายที่ตอนนี้มูนอยู่คนเดียว ไม่มีใครเลย”
“หลับตาสิจ๊ะ แล้วจินตนาการว่า ป๊ากำลังกอด”
เดือนพิไลอยากจะอ๊วก แต่ก็แกล้งตามน้ำ
“มูนหลับตาแล้วค่ะ”
“ป๊าก็กำลังหลับตา แล้วจินตนาการว่าหนูมูนอยู่ข้างๆ” เสี่ยตงหลับตา ทำท่าโอบ คุณนายเง็กเข้ามาอยู่ในตำแหน่งหมับ “ป๊าโอบแล้วน้า รู้สึกถึงวงแขนอบอุ่นของป๊ามั้ย”
“รู้สึกค่ะ” คุณนายเง็กบอก
“ทำไมเสียงหนูมูนเหมือนเสียงเมียป๊าเลย”
“ก็เมียป๊านี่คะที่ป๊าโอบอยู่ ไม่ใช่ยัยข้าวเหนียวบูด ไอ้ตง” เสี่ยตงตกใจ ลืมตา ผงะ
“อาเง็ก”
คุณนายเง็กหน้าเขียว เสี่ยตงวางสายทันที เหวอสุดตัว

เดือนพิไลรีบกดวางสายตกใจ
“ว้าย ยัยเง็กงกลูกชาย” เดือนพิไลสยองจะเดินเข้าคอนโด แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวกองโตวางอยู่ที่มุมหนึ่ง “นั่นของๆ ฉันนี่ มาอยู่ตรงนี้ได้ไง ยาม”
“คุณบีให้ขนลงมาครับ”
“อีเจ๊บี”
เดือนพิไลเข่นเขี้ยว ไม่พอใจ เตรียมเอาเรื่อง

หน้าบ้านพักจุลลา สืบสายยังคงรอฟังเหตุผลจากจุลลาอยู่
“ว่าไง”
“ก็...ฉันอยากอยู่คนเดียว”
“แค่นี้”
“อย่าคาดคั้นอะไรฉันเลย ขอตัว” จุลลาจะเข้าบ้าน
“ผมขอโทษ” จุลลาชะงัก หันมา
“ขอโทษเรื่อง”
“เรื่องเมื่อตอนหัวค่ำ ที่คุณ เอ่อ” สืบสายชี้ที่แก้มตัวเอง
“ยังคิดถึงเรื่องนี้อยู่อีกเหรอ”
“ผมคิดถึงเรื่องของคุณเสมอ” จุลลาอึ้ง “อย่าเข้าใจผิด ผมหมายถึง คุณทำให้ผมต้องมีเรื่องให้คิดเสมอ”
“อ้อ ว่าฉันชอบสร้างเรื่อง ไม่ต้องคิดมากหรอก ฉันยังไม่คิดมากเลย มันเป็นอุบัติเหตุที่ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด” สืบสายอึ้ง ยิ้มเยาะตัวเอง “ยิ้มอะไร ยิ้มทำไม”
“นั่นสินะ มันเป็นอุบัติเหตุที่คุณไม่ได้คิดอะไร”
“อืม” จุลลาและสืบสายนิ่งกันไป ความเงียบสร้างความอึดอัด “แล้วฉัน เข้าบ้านได้หรือยัง”
“พรุ่งนี้ ระบบการรักษาความปลอดภัยที่ผมจัดมาเพิ่มก็จะเรียบร้อย แต่ถ้าคืนนี้คุณอยากนอนที่นี่ก็ได้ เชิญ”
“ขอบคุณ” จุลลาเปิดประตูเข้าไป สืบสายยังยืนมองอยู่ จุลลาเอี้ยวตัวมาจะปิดประตูเห็นสืบสายนั่งลงเฝ้าหน้าบ้าน “อ้าว แล้วทำไมไม่กลับบ้านคุณล่ะ”
“ผมจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่คนเดียว เป็นห่วง คุณเข้าไปพักผ่อนเถอะ”
จุลลาอึ้ง สืบสายยิ้มให้จุลลา นั่งคนเดียวต่อไป จุลลาหวั่นไหว ใจเต้นโครมครามอีกแล้ว

เดือนพิไลเข้ามาทะเลาะกับพี่บี ที่อยู่ในชุดเตรียมนอน พอกหน้าขาว
“ฉันไม่ไป”
“หล่อนจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกับผู้จัดการที่หล่อนเพิ่งจะไล่ออกต่อไปทำไม และอีกอย่างนี่คอนโดฉัน ฉันซื้อ ส่วนหล่อนมันคนอาศัย ไสหัวไปซะ”
“จู่ๆ เจ๊จะมาไล่หนูออกไปแบบนี้ไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้ ทีหล่อนยังจู่ๆ ไล่ฉันออกจากการเป็นผู้จัดการที่ทำนาบนหลังควาย เอ้ย หลังหล่อนได้เลย นังมูน! อยากแฟร์นักใช่มั้ย นี่ไง แฟร์ยัง! แฟร์มาก แฟร์ที่สุด” เดือนพิไลร้อนใจ ตั้งตัวไม่ติด “ยัง ยังไม่แฟร์ที่สุด พรุ่งนี้เตรียมตัวได้เลย” พี่บีสะบัดลิสต์รายชื่อสื่อบันเทิงยาวเป็นหางว่าวออกอ่าน “ทีวีเอ้าไซต์ บันเทิงเที่ยงวันยันเที่ยงคืน ไหนเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และอีกเก้าลอเก้าสื่อบันเทิงทั้งประเทศทั้งช่องกระแสหลักและเคเบิ้ล จานดำจานแดงจานสังกะสีจะต้องเอาแถลงการณ์ของฉันไปออกอากาศเป็นข่าวด่วน ว่าหล่อนคือดาราอกตัญญูเบอร์หนึ่งของวงการ! สุดยอดของความแฟร์! จบ”
พี่บีเดือดดาลมาก ด่าเสร็จก็หอบเหนื่อยจะเป็นลม เดือนพิไลทำเป็นห่วงเป็นใย เข้าไปประคอง
“เจ๊ เป็นไงบ้าง หน้ามืดเหรอ ดูสิ หน้าซีดซะขาวโพลนเลย”
“ฉันพอกหน้า”
“ไม่เอาเจ๊ ใจเย็น อย่าโมโห เดี๋ยวหัวใจวายตาย”
“หล่อนแช่งฉันเหรอ ได้ ฉันจะติดต่อซีเอ็นเอ็น เอ็นบีซี เคบีเอส ให้มาทำข่าวเอาให้โกอินเตอร์ไปเลย จะได้ไม่ต้องไปทำมาหากินที่ไหนอีก! คร่อก”
พี่บีเลือดขึ้นหน้า จนเป็นลมไปเอง
“เจ๊ เจ๊” พี่บีไม่รู้สึกตัว “อีเจ๊” เมื่อเดือนพิไลแน่ใจว่าพี่บีหมดสติแน่จึงทิ้งตัวพี่บีเลย พี่บีลงไปนอนกอง “นังกะเทยตัวแสบ เล่นกันไม่ให้ผุดให้เกิดเลยใช่มั้ย” เดือนพิไลแค้น หันไปเห็นขวดซอสพริกที่วางอยู่บนโต๊ะ “หืม ก็อยากจะเอายาหอมยาดมให้หรอกนะ แต่ตอนนี้ขอหน่อยเถอะ ก่อนแกจะฟื้น” เดือนพิไลถือขวดซอสในมือ มองไปที่หน้าของพี่บีด้วยความสะใจ เตรียมราดซอส “เชฟทัพพีเหล็กคืนนี้ ขอเสนอเมนูที่ใช้ซอสพริกเป็นวัตถุดิบหลัก กะเทยราดซอสพริก”

ในฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่วางตะเกียบรู้สึกเผ็ดร้อน เพราะกับข้าวบนโต๊ะคือเมนูที่มีรสเผ็ด
“ไอ้หยา เผ็ดอะไรอย่างนี้วะ” ผีเถ้าแก่ยกน้ำชาซด “หน้าตามันไม่น่าจะเผ็ดนี่หว่า ต้องบอกอาหนูช่าง ใส่บาตรคราวหน้า ไม่เอาแล้วเผ็ดๆ คู่จิ้นอั๊ว อ่อยอี๋เอียงกันไปถึงไหนแล้วว้า”
ผีเถ้าแก่รีบวิ่งมาที่หน้าจอทีวี ซึ่งจับที่หน้าบ้านพักจุลลา เห็นสืบสายนั่งอยู่หน้าบ้าน
สืบสายนั่งอยู่หน้าบ้านจุลลา ตบยุงเปาะแปะ จุลลาที่อาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนที่ทะมัดทะแมงเรียบร้อยแล้ว มีผ้าห่มผืนบางคลุมไหล่ออกมาด้วย เดินเข้ามาหยุดข้างหลังสืบสาย
“ฉันว่า คุณกลับบ้านไปซะเถอะ”
“ไม่กลับ”
“หรือไม่ ก็เรียกยามจ่อยมาก็ได้”
“ผมโทรไปแล้ว ว่าไม่ต้องมา”
“ทำไม”
“ให้ยามจ่อยพักเถอะ เดี๋ยวก็ต้องควบกะกลางวันอีก”
“นี่! ใช่เรื่องมั้ยเนี่ย ที่จะมานั่งตบยุงเฝ้าหน้าบ้านฉันเนี่ย”
“ใช่ เป็นเรื่องของผม ที่ผมต้องรับผิดชอบสวัสดิภาพและความปลอดภัยของคุณ ผมอยากแน่ใจ ว่าคุณไม่เป็นอะไร ไม่งั้น ผมคงไม่มีหน้าไปตอบคำถามพ่อแม่คุณ”
“ดื้อชิบเป๋ง”
“ก็คุณอยากดื้อกับผมก่อน”
“นี่”
“อะไร ไปๆๆ ไปนอน” สืบสายดันตัวจุลลาให้เดินเข้าบ้าน
“ไม่นอน ถ้าคุณไม่ไป”
“ผมบอกให้ไปนอน”
“ไม่”
“ก็ได้ งั้นก็อยู่ด้วยกัน” สืบสายนั่งลงดึงตัวจุลลานั่งลงด้วยกันข้างๆ จุลลารีบกระชากมือกลับ “ขอโทษ”
“ขอโทษบ่อยไปมะ”
“ผมพูดได้บ่อยๆ นะ ถ้าผมทำผิดจริงๆ”
“ก็ดี แต่ตอนนี้ อย่าเพิ่งพูดอะไรได้ป่ะ”
“ทำไม”
“จะดูดาว กำลังสวย”

จุลลาแหงนมองดูดาว สืบสายมองตามเห็นดาวบนท้องฟ้า พร่างพราว สืบสายแอบมองเสี้ยวหน้าจุลลา...เพลิน จุลลาหันมามองสืบสาย สืบสายรีบหันมองท้องฟ้า จุลลาแอบมองเสี้ยวหน้าสืบสาย...เพลิน สืบสายหันมามองจุลลา จุลลารีบหันมองท้องฟ้า สืบสายแอบมองเสี้ยวหน้าจุลลา...เพลิน
 
จบตอนที่ 6 

กำลังโหลดความคิดเห็น