ข่าวละคร “ผู้ชนะสิบทิศ”
อลังการงานสร้าง ! RS ทุ่ม 80 ล้าน
ส่งบิ๊กโปรเจ็กต์ “ผู้ชนะสิบทิศ” ลงจอแก้ว
ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ปี ที่ “ช่อง 8 ฟรีทีวีวาไรตี้ 24 ชม.” เติบโตและก้าวขึ้นเป็นสถานีโทรทัศน์อันดับต้นๆ ของประเทศไทย เพราะได้รับการตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างดี งานนี้นายสถานีใหญ่อย่าง “เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาร์เอส เลยขอคืนกำไรให้แฟนๆ ด้วยการทุ่มงบกว่า 80 ล้าน สร้างอภิมหาโปรเจ็กต์ภาพยนตร์โทรทัศน์ “ผู้ชนะสิบทิศ” ที่นอกจากจะได้เห็นความอลังการของฉาก เสื้อผ้า หน้าผม และความพิถีพิถันในงานสร้างแล้ว ยังจะได้เห็นทัพนักแสดงระดับแถวหน้าของประเทศ ที่พร้อมใจตบเท้าเข้าร่วมถ่ายทอดเรื่องราวและความยิ่งใหญ่ในเรื่องนี้ด้วย เรียกว่าเป็นบิ๊กโปรเจ็กต์แห่งปีของช่อง 8 จริงๆ รับชมพร้อมกัน อังคารที่ 12 พฤศจิกายนนี้แน่นอน!
“ผู้ชนะสิบทิศ” นวนิยายไทยอิงพงศาวดารพม่า ในรูปแบบสงครามและความรัก สะท้อนให้เห็นถึงการเสียสละของมนุษย์ ที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และแผ่นดินเกิดอย่างน่ายกย่อง บทประพันธ์โดย ยาขอบ บทโทรทัศน์โดย วิโรจน์ ศรีสิทธ์เสรีอมร กำกับการแสดงโดย คุณากร เศรษฐี และผลิตโดย บริษัท ศรีคำรุ้งโปรดักชั่น จำกัด
เป็นเรื่องราวรักระหว่างรบของแม่ทัพหนุ่มแห่งตองอู จะเด็ด ที่นอกจากจะมีความเฉลียวฉลาดชำนาญการรบแล้ว เรื่องรักก็เป็นหนึ่งเช่นกัน จะเด็ดเติบโตมาพร้อมกับ ตะละแม่จันทรา และ มังตรา พระราชธิดาและพระราชบุตร ใน พระเจ้ามหาสิริชัยะสุระ ทั้งมังตราและจันทรา ต่างนับถือจะเด็ดเสมือนพี่ ด้วยเพราะทั้งสามดื่มนมร่วมอกของ นางเลาชี แม่ของจะเด็ดนั่นเอง
เมื่อเข้าสู่วัยหนุ่มสาว จะเด็ดและตะละแม่จันทราเกิดมีใจต่อกัน มังตรานำเรื่องไปฟ้อง จนทำให้จะเด็ดต้องระเห็จไปอยู่กับ ขุนวังทะกยอดิน และมีเรื่องถูก อุปราชสอพินยา แห่งหงสาวดีใส่ความ มหาเถรกุโสดอ พระอาจารย์จึงขอพระราชทานอภัยโทษ ด้วยการส่งจะเด็ดให้ไปสืบราชการลับที่ เมืองแปร จะเด็ดได้พบรักกับตะละแม่กุสุมา พระราชธิดาของพระเจ้าแปร ในขณะเดียวกันพระเจ้ามหาสิริชัยะสุระสวรรคต มังตราขึ้นครองราชย์แทน
กองทัพโมนยินรู้ว่าแปรกำลังอ่อนแอจึงยกทัพมาตี สอพินยาซึ่งหลงรักกุสุมาแต่แรกพบ อาศัยช่วงชุลมุนลักพาตัวกุสุมากลับหงสาวดี กุสุมาจึงตกเป็นของสอพินยา เมื่อจะเด็ดรู้ข่าวว่าตะละแม่กุสุมาหนีไปหงสาวดีกับสอพินยา จะเด็ดก็ตามแย่งตัวคืน สร้างความแค้นใจให้กับสอพินยาที่ถูกศัตรูคู่อริแย่งหญิงที่รักไป และพยายามหาทางแย่งตัวกุสุมาคืน ก่อเกิดเรื่องราวความรักในสมรภูมิรบจนเป็นที่มาของสมญานามว่า “ผู้ชนะสิบทิศ”
โดย ดร.โด่ง-องอาจ สิงห์ลำพอง รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานสถานีโทรทัศน์ ช่อง 8 เผยถึงที่มาของบิ๊กโปรเจ็กต์นี้ว่า “จุดเริ่มต้นของโปรเจ็กต์นี้มาจาก เฮียฮ้อ ได้ชวน ท่านมุ้ย (หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล) มาร่วมงาน จังหวะเดียวกับที่ทางช่อง 8 เองอยากจะมีอะไรที่หลากหลาย จึงเป็นที่มาของการมาร่วมงานกันในครั้งนี้ โดยท่านมุ้ยก็ได้ให้คุณหญิงแมงมุม (ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล รัตตกุล) เข้ามาดำเนินการในนามบริษัทศรีคำรุ้ง ซึ่งทั้งในส่วนของทีมโปรดักชั่นมีความน่าเชื่อถือระดับประเทศและตัวเรื่องก็น่าสนใจ ก็ถือเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ที่ทำให้ช่องก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง และเป็นการส่งท้ายปีให้กับแฟนๆ ได้ชมละครฟอร์มใหญ่ ได้เห็นอะไรที่แตกต่างจากละครที่เคยได้รับชมด้วย”
“เรื่องนี้ใช้นักแสดงนำถึง 50 ชีวิต ทุกคนต้องผ่านการคัดเลือกจากทีมผู้สร้าง ไม่เว้นแม้แต่ ฟิล์ม-รัฐภูมิ, ฟลุค ซีควินท์, ปั้นจั่น-ปรมะ, มด-ณปภัช, ขนมจีน-กุลมาศ ซึ่งเป็นนักแสดงในสังกัด และเรื่องนี้ยังเป็นการรวมเอานักแสดงระดับพระกาฬอย่าง สรพงษ์ ชาตรี, กลศ อัทธเสรี, สุเชาว์ พงษ์วิไล, รอน บรรจงสร้าง, สมภพ เบญจาทิกุล, เอกพันธ์ บันลือฤทธิ์, พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ, รุ้งทอง ร่วมทอง, กบ-พิมลรัตน์, เอ-พีรวัชร์ ฯลฯ แค่ได้เห็นรายชื่อนักแสดงนำก็คุ้มค่าแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นการประชันบทบาทของ 2 นางงามต่างเวทีอย่าง ณฉัตร-วัลเณซ่า เมืองโคตร จากเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์ปี 55 ที่จะมารับบท ‘กุสุมา’ และ โบว์ลิ่ง-ปริศนา กัมพูสิริ จากเวทีนางสาวไทยปี 55 รับบท ‘จันทรา’ ซึ่งทั้งคู่จะเป็นนักแสดงในสังกัดเบอร์แรกของช่อง 8 อีกด้วย ยังไม่นับรวมงานสร้างไม่ว่าจะเป็น ฉาก เครื่องแต่งกาย แฟนๆ จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ อลังการ ไปพร้อมๆ กับเรื่องราวความรักระหว่างรบของ “บุเรงนอง” แม่ทัพใหญ่แห่งตองอู ซึ่งใช้ทุนสร้างกว่า 80 ล้านบาท ถือเป็นการลงทุนเพื่อคนดู และเพื่อให้ช่องเติบโต ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าครับ”
ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ กับบทบาทของ จะเด็ด หรือ บุเรงนอง เผยว่า “คาแร็กเตอร์จะเป็นชายชาติทหาร เข้มแข็ง แข็งแรง เด็ดขาด ทุกคน เป็นคนรักษาคำสัตย์ สำหรับเรื่องนี้ยอมรับว่าเครียดมาก ด้วยบทพูดเป็นราชาศัพท์ทั้งหมด ถ่ายวันแรกร้องไห้เลย คือมันงงกับตัวเองว่าทำไมเราเอาชนะสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ มันยากตั้งแต่ราชาศัพท์แล้ว วันนั้นเป็นฉากที่เราทำผิดปีนเข้าห้องนางเอก ต้องพูดไปแล้วก็ร้องไห้ไป เล่นยังไงก็เล่นไม่ได้ ผมเลยขอน้ำตาเทียม โดนด่าเลย โดนเรียกไปคุย เขาให้คนที่รู้เรื่องนี้มาพูดให้ฟังจนเราเข้าใจ แต่ก็มีเวลาให้เราพัก ให้เราคิด จนเราเอาชนะมันได้ ต้องอินเนอร์จริงๆ ฝีมือล้วนๆ ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหนังท่านมุ้ยถึงดังทุกเรื่อง เพราะเขาเล่นจริง ทุกคน”
ณฉัตร-วัลเณซ่า เมืองโคตร โดดจากเวทีมิสไทยแลนด์เวิลด์มาลงจอแก้วเป็นครั้งแรก กับหน้าที่หนัก ตะละแม่กุสุมา นางเอกของเรื่อง เผยว่า “ณฉัตรรับบทเป็นตะละแม่กุสุมาค่ะ เป็นผู้หญิงสดใสร่าเริง ชีวิตสวยงามเป็นเมืองที่รักในเสียงดนตรี ไม่เคยมีเรื่องทุกข์ในจิตใจเลย จนวันหนึ่งมีผู้ชายเข้ามาในชีวิต ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ก็มีรักแรกกับชายคนนี้ ยอมทุกอย่างกับเขา เหมือนเราเทิดทูนในความรัก บูชาความรัก ถือเป็นบทที่ยากและกดดัน คือในส่วนของคาแร็กเตอร์ค่อนข้างใกล้ตัว แต่ตอนแรกจะมีปัญหาเรื่องภาษา และการแสดงความรู้สึก เพราะเป็นคนไม่แสดงความรู้สึกออกมา พอต้องมาแสดงกลายเป็นว่าพอจะเอาออกไม่รู้ว่าคนโกรธเขาโกรธอย่างไร ก็ต้องไปนั่งดูว่าเวลาเขางอนกันต้องทำอย่างไร ส่วนเรื่องกดดัน กดดันตั้งแต่รู้ว่าบทนี้พี่นก-สินจัยเคยเล่นมาก่อน และเป็นเรื่องที่ทำให้พี่นกมีชื่อด้วย เราก็ยิ่งเครียดเลย แรกๆ เราก็เรียนแอ็คติ้งเพิ่ม อ่านบทให้มากขึ้น และไปหาซื้อวรรณกรรมดั้งเดิมมาอ่าน ค่อนข้างยากแต่พออ่านแล้วสนุกเราก็ได้รู้อะไรเพิ่มมากขึ้นค่ะ”
โบว์ลิ่ง-ปริศนา กัมพูสิริ นางสาวไทยปี 55 มารับบทเป็น ตะละแม่จันทรา หนึ่งในนางเอกของเรื่อง “รับบทเป็นตะละแม่จันทราค่ะ เป็นหนึ่งในนางเอกของเรื่อง เล่นคู่พี่ฟิล์ม คาแร็กเตอร์เรียบร้อยมาก จริงๆ หนูยังเป็นเด็กอยู่ผิดกับคาแร็กเตอร์เลย คือในบทเราต้องเป็นพี่สาวกษัตริย์ คือมังตรา ก็จะเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์ที่ข้างนอกเป็นกุลสตรีเรียบร้อย เป็นผู้หญิงพม่า แต่ลึกๆ ก็มีความเป็นกษัตริย์อยู่ในตัว บางฉากก็จะมีดุมังตราบ้าง โบว์ลิ่งว่าตัวนี้เป็นตัวหลักของเรื่องเลยก็ว่าได้ ความรู้สึกเขาค่อนข้างลึกค่ะ อันนี้ก็คือค่อนข้างจะยากมาก เข้าฉากกับฟิล์มวันแรกๆ ก็เกร็งเลยค่ะ คือเราจะเห็นพี่เขาแต่ในจอ พอมาเจอตัวจริงก็เกร็ง พี่ฟิล์มเขาก็จะนิ่งๆ แล้วบทวันนั้นก็ดราม่าด้วย แต่พอผ่านฉากแรกไปก็ไม่เกร็ง เหมือนพี่เขาส่งให้เราดีด้วย เขาเป็นมืออาชีพมากๆ”
ฟลุค-จิระ ด่านบวรเกียรติ ที่เลิกจับไมค์หันมาเอาดีทางละคร รับหน้าที่ในบทของกษัตริย์หนุ่มเลือดร้อน มังตรา หรือ พระเจ้าตะเบงชะเวตี้ เผยว่า“รับบทเป็นมังตรา พระราชบุตรของกษัตริย์ตองอู เป็นคนดี แต่ถูกเลี้ยงดูมาแบบเอาใจเลยเป็นคนเอาแต่ใจ และมักจะชอบเอาชนะจะเด็ด เพราะจะเด็ดจะเก่งกว่าทุกด้าน แต่ก็นับเขาเป็นพี่ชายเพราะแม่เขาเป็นแม่นมเรา พื้นฐานเป็นคนดี แต่โมโหร้ายมาก เลยทำให้เรื่องที่เกิดจากเราเยอะเหมือนกัน เรื่องนี้เป็นพีเรียดเรื่องแรกที่ฟลุคได้มีโอกาสเล่น ลำบากครับ ด้วยบทพูด มันไม่ใช่คำพูดของคนสมัยเรา มีสลับคำไปมาเป็นเจ้าบทเจ้ากลอน ก็เลยยากต่อการพูด อีกอย่างบทยาวมากเป็นหน้าเลย มีพูดเปรียบเทียบ พูดอ้อมๆ จำยาก มันไม่เหมือนบทสมัยนี้จะเป็นตรงๆ ชัดเจนไปเลย การแต่งตัว โลเกชั่น แต่งตัวก็เป็นชั่วโมง อย่างผู้ชายใช้เวลาแต่งตัวประมาณชั่วโมงครึ่ง ผู้หญิงต้องสองชั่วโมง กว่าจะแต่งหน้าแถมการแต่งตัวก็ต้องเย็บเสื้อกันแบบสดๆ ของเราบางทีอาจจะมีโครงมาบ้างแล้ว แต่ผู้หญิงเนี่ยต้องเย็บสดเลย”
ปั้นจั่น-ปรมะ อิ่มอโนทัย หนีไม่พ้นบทตัวร้าย สอพินยา ที่ต้องฟาดฟันกับพระเอก “รับบทสอพินยา อุปราชแห่งเมืองหงสาวดี เป็นคนหลงตัวเอง มักใหญ่ใฝ่สูง คิดว่าตัวเองมีความสามารถ แต่จริงๆ แผนการณ์ทั้งหมดได้ ไขลู ครูคนสนิทช่วย คือพี่เอก-สรพงษ์ อาจจะเป็นเพราะการเลี้ยงดูที่ผิดวิธีมาตั้งแต่เด็กจนโต และด้วยความที่เราเป็นน้องกษัตริย์ถูกตามใจ เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ รวมถึงไขลูก็ว่าผิดเป็นถูกเสมอ เขารักก็เลยตามใจเรา ไม่อยากขัดใจเรา เลยกลายเป็นเด็กเสียคน ถามว่าบทนี้ยากไหม ที่จริงบทเอาแต่ใจตัวเอง ขี้โมโหก็ค่อนข้างชินนะ เพราะว่าเราเล่นร้ายมาหลายเรื่องแล้ว ผมว่าที่ยากน่าจะเป็นเรื่องบทพูดมากกว่า เพราะเป็นคำราชาศัพท์ และเป็นคำโบราณ ในเรื่องที่เราจะเข้าไปถึงอินเนอร์ของตัวละคร คือเราไม่สามารถสัมผัสได้เลยว่าการเป็นเชื้อพระวงศ์มันเป็นอย่างไร เราก็ได้แต่เทียบเคียงเอาให้ใกล้ที่สุด อาจจะดูตัวอย่างหนังพีเรียด ละครพีเรียด รวมถึงบรรยากาศสถานที่ถ่ายทำก็ค่อนข้างช่วยได้เยอะ โดยเฉพาะเครื่องแต่งกาย โลเกชั่นทุกอย่างเหมือนจริงหมด มันก็เลยทำให้เราอินกับบทนี้”
มด-ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ ที่พลิกภาพจากนักร้องวัยใสมาเป็นนักแสดงได้อย่างเหลือเชื่อ รับบทเป็นสาวห้าว กันทิมา ลูกครูดาบ แถมยังต้องปลอมตัวเป็นผู้ชายในชื่อ นาคะตะเชโบ อีกต่างหาก “รับบทเป็นกันทิมา สาวชาวกะเหรี่ยง ด้วยความที่มีพ่อเป็นครูดาบและมีพี่ชาย เลยกลายเป็นผู้หญิงค่อนข้างเหมือนผู้ชาย เก่งดาบ เก่งต่อสู้ ขี่ม้าเก่ง ได้พบกับจะเด็ดก็หลงรัก แต่จะเด็ดไม่รัก ภายนอกดูแข็งแต่ข้างในอ่อนไหวมาก สำหรับเรื่องนี้มดว่ายากกว่าเรื่องน้องเมียหรือข้าวนอกนาเยอะ เพราะต้องซ้อมขี่ม้า รำดาบ ต้องบู๊ ซึ่งมดไม่เคยเจอบทแบบนี้มาก่อน อย่างขี่ม้านี่ต้องขับรถไปซ้อมที่เมืองกาญจน์ 3 เดือน ตกม้าไปหนึ่งที ทำให้รู้ว่าเราต้องระวังให้มากขึ้น ส่วนคิวบู๊ก็ได้แผลถลอกตามแขนขาบ้าง แต่ก็เป็นอะไรที่สนุกดีค่ะ ได้บู๊กับอาเอก-สรพงษ์ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับมดค่ะ”
ขนมจีน-กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์ พระคู่หมั้นของ สอพินยา ที่แอบร้ายนิดๆ “รับบทเป็นอเทตยาค่ะ เป็นหลานของเมืองแปร คือเป็นเด็กกำพร้าแล้วคุณลุง ซึ่งเป็นกษัตริย์ พ่อของกุสุมา (ณฉัตร-วัลเณซ่า เมืองโคตร) รับมาเลี้ยงค่ะ เป็นเด็กสาววัยรุ่นค่อนข้างจะเป็นเด็กหัวสมัยใหม่ กล้าแสดงออก เอาแต่ใจตัวเองด้วย เวลาไม่ได้ดั่งใจก็จะปรี๊ดปร้าดตามประสาเด็กๆ แต่ก็แอบมีร้ายเหมือนกันนะ พอพระเอกมาเราก็แอบวางแผน ก็จะเป็นความคิดเด็กๆ ไม่ได้ลึกมาก แล้วก็โดนหลอกใช้เป็นเครื่องมือ สำหรับเรื่องนี้มันยากที่ภาษา จังหวะในการพูด แต่ในเรื่องของคาแร็กเตอร์ค่อนข้างใกล้เคียงกับตัวเราเลย เพราะอย่างที่บอกจะคล้ายๆ คนสมัยใหม่เพราะพูดเร็วกว่าปกติ คิดเร็วกว่า”
ร่วมลุ้นไปกับเรื่องราวความรักระหว่างรบของ “บุเรงนอง” และอะไรที่ทำให้แม่ทัพใหญ่แห่งตองอูผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็น “ผู้ชนะสิบทิศ” ร่วมพิสูจน์ความยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องนี้ได้แบบเต็มอิ่มหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ทุกวันจันทร์-พุธ เวลา 08.00/11.45/16.35/20.00 น. ทางช่อง 8 เริ่ม! จันทร์ที่ 11 พฤศจิกายนนี้