xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องย่อ “ผู้ชนะสิบทิศ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรื่องย่อละคร “ผู้ชนะสิบทิศ”

บทประพันธ์ : ยาขอบ
บทโทรทัศน์ : ศัลยา / วิโรจน์ ศรีสิทธ์เสรีอมร
กำกับการแสดง : คุณากร เศรษฐี
ผลิต : บริษัท ศรีคำรุ้ง โปรดักชั่น จำกัด
แนวละคร : ดราม่า-แอ็คชั่น
วันเวลาออกอากาศ : วันจันทร์ - วันพุธ เวลา 08.00 น. / 11.45 น. / 16.35 น. / 20.00 น. ทางช่อง 8
ระยะเวลาออกอากาศ :
จำนวนตอนออกอากาศ : 30 / + / -

ณ เวิ้งแม่น้ำอิระวดี ดินแดนพุกามประเทศ เมื่อพุทธศักราช ๒๐๗๓ เมงกะยินโยได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามพระเจ้ามหาสิริชัยะสุระ ยกเศวตรฉัตรขึ้น ณ เมืองตองอู ทรงได้พระราชธิดาและพระราชบุตรพระนามว่า “จันทรา” และ “มังตรา” โดยมีนางเลาชีเป็นพระนม และนางเองก็มีบุตรชายชื่อว่า “จะเด็ด” เด็กทั้งสามจึงดื่มนมร่วมอกเดียวกัน

ครั้นเมื่อเจริญวัยจะเด็ดได้เกิดความรักขึ้นกับตะละแม่จันทรา ทั้งสองจึงถูกพรากให้จากกัน จะเด็ดได้ไปเป็นพนักงานให้กับขุนวังทะกยอดิน ซึ่งมีบุตรสาวชื่อนันทวดี แต่ต่อมาได้เกิดเรื่องกับอุปราชสอพินยาแห่งหงสาว¬ดีจนถึงขั้นอุกฤษ มหาเถรกุโสดอจึงขอพระราชทานอภัยโทษโดยให้จะเด็ดไปสืบราชการลับที่ เมืองแปร โดยใช้ชื่อ “มังฉงาย” และเมื่อพระเจ้ามหาสิริชัยะสุระสิ้นพระชนม์ มังตราราชบุตรก็ขึ้นครองบัลลังก์แทน ทรงพระนามว่า “พระเจ้าตะเบงชเวตี้” และได้อภิเษกกับนันทวดี

พระเจ้านรบดีแห่งแปรนั้นโปรดปานจะเด็ดมากโดยมิได้ระแวงว่าเป็นไส้ศึก จึงให้เข้ามารับราชการอยู่ในวังโดยให้เป็นมโหรีหลวงสอน “ตะละแม่กุสุมา” ราชธิดาเล่นพิณ 13 สาย รานองเห็นจะเด็ดก็จำได้จึงวางแผนให้พระเจ้านรบดีบังคับจะเด็ดแต่งงานกับตะละแม่กุสุมา เพื่อผูกมัดตองอูไม่ให้เกิดศึกกับแปร มังตรารู้ข่าวเข้าใจว่าจะเด็ดทรยศจึงยกทัพมาตีแปร แต่ถูกพระเจ้านรบดีซ้อนกลจุดไฟเผาค่ายพ่ายแพ้กลับไป

กองทัพโมนยินของพระเจ้าโสหันพวารู้ว่าแปรกำลังอ่อนแอ จึงยกทัพมาตีกระหนาบซ้ำ สอพินยาพระคู่หมั้น “อเทตยา” หลานหลวง ซึ่งมีความริษยาจะเด็ดเพราะหลงรักกุสุมาอยู่เช่นกัน จึงวางแผนให้พวกโมนยินบุกเข้าเผาทำลายเมือง แล้วพากุสุมาหนีไปหงสาวดี กุสุมาเสียรู้ได้ตกเป็นมเหสีสอพินยา ส่วนจะเด็ดได้รับการช่วยเหลือจากกันทิมาลูกสาวตะคะญีครูดาบ ตีฝ่าวงล้อมกองทัพโมนยินกลับไปตองอู

มังตรานั้นยังโกรธแค้นจะเด็ดอยู่ถึงกับคิดจะประหาร แต่มหาเถรกุโสดอได้มาห้ามไว้ จะเด็ดขอแก้ตัวโดยนำกองทัพตองอูบุกไปตีแปรเป็นการล้างแค้น ศึกครั้งนี้จะเด็ดปราบได้ทั้งพวกโมนยินและแปร แต่พอรู้ว่าตะละแม่กุสุมาได้หนีไปหงสาวดีกับสอพินยา จะเด็ดก็แค้นหนักชวนจาเลงกะโบเพื่อนร่วมสาบานตามไปหงสาวดี ระหว่างนั้นสอพินยาไปราชการเมืองเมาะตะมะ จะเด็ดจึงใช้ให้ “ปอละเตียง” กับ “เชงสอบู” สองพี่น้องนางข้าหลวงกุสุมาช่วยพาลอบเข้าไปหากุสุมาเพื่อนำกุสุมากลับตองอู แต่กุสุมากลับหนีไปหาสอพินยาที่เมาะตะมะเพราะถือว่าได้เป็นเมีย—ผัวกันแล้ว จะเด็ดยิ่งแค้นใจตามไปบุกชิงตัวกุสุมาคืน พร้อมกับเผากองเรือของสอพินยาเป็นการล้างแค้น หงสาวดีกับแปรจึงยกทัพมาตีกระหนาบ แต่จาเลงกะโบส่งข่าวไปให้ตะคะญียกทัพลงมาช่วยได้ทัน หงสาวดีกับแปรจึงถอยกลับเมืองไป จะเด็ดจึงยึดได้เมาะตะมะและแปร แล้วส่งตะคะญีมายั่วปะขันหวุ่นญีแม่ทัพแปรให้เกิดความแค้นใจถึงกับฆ่าตัวตาย ทำให้ “โชอั้ว” บุตรสาวฝังความแค้นในตัวจะเด็ดวางแผนให้จะเด็ดกับกุสุมาทะเลาะกัน จะเด็ดหลงกลเกิดความน้อยใจกุสุมาจึงชวนจาเลงกะโบกลับตองอู

เมื่อถึงตองอูจะเด็ดกับมังตราเกิดทะเลาะกัน เพราะมังตราคิดว่าที่เกิดศึกเมาะตะมะนั้นเพราะจะเด็ดหลงผู้หญิงเพียงคนเดียว ด้วยความเมาจะเด็ดได้สังหารทหารองครักษ์มังตราเสียชีวิต จันทรากับเลาชีต้องมาขอพระราชทานชีวิตให้จะเด็ด และขอให้จะเด็ดบวชอยู่กับพระมหาเถรที่วัดกุโสดอ

สอพินยาได้ร่วมกับทัพโมนยินที่ตอนนี้ตีได้เมืองอังวะแล้ว ยกมาตีตองอูกับแปร มังตราต้องทำสงครามเพียงลำพังทำให้เกือบจะเสียเมือง จะเด็ดทนดูไม่ได้จึงขอร้องให้ตะละแม่จันทราช่วยจัดการสึกจากพระมาช่วยมังตราป้องกันเมืองจนพวกอังวะถอยไป ทำให้มังตราหายโกรธจะเด็ด

ส่วนศึกที่แปรนั้นไขลูกับโชอั้วได้ร่วมกันหลอกจีสะเบงลูกแม่ทัพตองหวุ่นญีให้เปิดประตูเมือง แต่จาเลงกะโบไหวตัวทันป้องกันเมืองแปรไว้ได้ จีสะเบงจึงถูกพ่อฆ่าตายและไขลูถูกจับเป็นเชลย ส่วนโชอั้วนั้นจะ¬เด็ดได้นำไปถวายเป็นพระสนมเอกมังตรา และจะเด็ดได้พูดจาหว่านล้อมให้จันทรายอมอภิเษกกับตนพร้อมกุสุมา ด้วยความรักและเห็นใจจะเด็ดจันทราจึงยอมทำตาม แต่เลาชีคัดค้านหากจะเด็ดฝืนจะขอยอมตาย จะเด็ดเห็นแก่แม่จึงยอมส่งกุสุมากลับแปร และนิมนต์พระมหาเถรตามไปงานอภิเษกตนกับกุสุมาที่แปร และจะเด็ดได้เป็นแม่ทัพแปรแทนปะขันหวุ่นญี สอพินยารู้เรื่องจึงลอบวางแผนไปช่วยไขลูออกมาจากตองอู และได้ลอบฆ่าพระมหาเถรตาย

จะเด็ดแค้นใจรีบจัดทัพลงไปตีหงสาวดี พระเจ้าสการะวุตพีกับสอพินยาสู้ไม่ได้ จึงทิ้งเมืองพากันหนีไปเมาะตะมะ จะเด็ดยึดเมืองหงสาวดีได้ก็ยกทัพตามไปจับพระเจ้าสการะวุตพีสำเร็จโทษ สอพินยาสำนึกผิดที่ก่อเรื่องขึ้นมาทั้งหมดจึงปลงพระชนม์ชีพตนเอง แล้วจะเด็ดจึงจัดพิธีพระราชทานเพลิงพระศพพระมหาเถร โดยจับไขลูมาแล่เนื้อเผาประชุมเพลิงไปด้วยเพื่อให้หายแค้น

จากนั้นจึงประกอบพิธีพระบรมราชาภิเษกพระเจ้าตะเบงชเวตี้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ์ แห่งพุกาม ประทับอยู่ ณ กรุงหงสาวดี ส่วนจะเด็ดได้พากุสุมา, มินบู, อเทตยา, ตองสา, และเชงสอบู กลับไปอยู่กับจันทราที่ตองอู เนงบากลับไปยังหมู่บ้านกระเหรี่ยงเพื่อสู่ขอกันทิมา แต่พอรู้ว่ากันทิมารักอยู่กับจะเด็ดก็น้อยใจ ประกาศตัดเป็นตัดตายกับจะเด็ดหนีไปอังวะ จะเด็ดรู้ข่าวรีบออกติดตามก็ไม่พบ

ปลายปีนั้น “สันเทโว” เจ้าเมืองทรางทวย พระอนุชาพระเจ้าเมงบา เจ้าเมืองยะข่าย ระแวงพระเจ้าตะเบงชเวตี้จะมาย่ำยี จึงรีบเข้ามาสวามิภักดิ์แจ้งให้ไปตียะข่ายแทน พระเจ้าตะเบงชเวตี้กำลังโปรดอาวุธปืนไฟของพวกโปรตุเกสและอยากล้างอายที่ทำศึกแพ้จะเด็ดมาถึงสองหน จึงให้จัดทัพไปเอาเมืองยะข่าย พระเจ้าเมงบาเห็นทางสู้ไม่ได้จึงเปิดเมืองรับตะเบงชเวตี้ พร้อมกับถวาย “ตะละแม่มุขอาย” พระธิดาเชื้อสายมองโกลเป็นมเหสี มังตราโปรดมุขอายมากจึงไม่ยอมกลับหงสาวดี

“สมิงสอตุด” ขุนวังเชื้อสายเก่าสการะวุตพีผู้มีความแค้นในตัวจะเด็ด รู้ข่าวว่าทางโยเดียกำลังผลัดแผ่นดิน จึงกราบทูลยุยงให้ตะเบงชเวตี้ยกไปตี จะเด็ดทัดทานไม่ได้จึงอาสาเป็นทัพหน้าไปเตรียมเสบียงให้ จนกระทั่งพระมหากษัตริย์โยเดียแต่งทูตมาขอสงบศึก จะเด็ดเห็นว่าการยอมเจรจากับโยเดียครั้งนี้จะสร้างพระเมตตาคุณอันยิ่งใหญ่ให้เลื่องลือ จึงกราบทูลให้ตะเบงชเวตี้เจริญพระราชไมตรีกับกรุงโยเดีย แม่ทัพนายกองทุกคนก็เห็นด้วย ทำให้ตะเบงชเวตี้น้อยพระทัยที่ไม่ได้ยาตราทัพเข้ากรุงโยเดียแม้แต่กว้าเดียว เมื่อเดินทางกลับมาถึงเมาะตะมะก็เกิดข่าวลือว่าทัพตะเบงชเวตี้มิได้มีชัยแก่กรุงโยเดีย และที่รอดมาได้ก็เพราะสติปัญญาของจะเด็ดก็ทรงกริ้วจับคนพูดมาประหารเอาศพโยนทิ้งน้ำ สร้างความเจ็บแค้นให้กับชาวมอญเป็นอย่างมาก จะเด็ดต้องปลอบโยนจนสงบแล้วจัดขบวนทัพแห่เข้าหงสาวดีอย่างยิ่งใหญ่ แต่เกิดอาเพศอสุนีบาตตกต้องช้างพระที่นั่งจนพระองค์ได้รับบาดเจ็บ ต้องเข้าพิธีสะเดาะเคราะห์กระทำเป็นสู่สวรรคต ๗ ราตรี จะเด็ดจึงต้องอยู่เป็นเพื่อน โดยให้สมิงสอตุดเป็นผู้สำเร็จราชการกรุงหงสาวดีแทน สมิงสอตุดจึงใช้โอกาสนี้ยุแยงให้พระเจ้าเมงบาผิดใจกับจะเด็ดยกทัพมาบุกตองอู นันทวดีกับกันทิมาและข้าราชบริพารช่วยกันต่อสู้รักษากรุงหงสาวดีไว้ได้ แล้วรีบส่งกันทิมากับทหารขึ้นไปช่วยจันทราและพระโอรส ขณะเดียวกันมังตราได้ถูก “พยัตตบะ” ปรุงน้ำจัณฑ์ใส่ยาพิษถวายจนพระอาการทรุดหนัก จะเด็ดจึงไม่กล้าทิ้งมังตราขึ้นไปช่วยตองอู

พระเจ้าเมงบาได้ตั้งทัพคอยสกัดขบวนกันทิมาที่พาจันทราและพระโอรสหลบหนีมาตามช่องเขา ทำให้กันทิมาไม่อาจสู้กับกองทัพพระเจ้าเมงบาได้ แต่เนงบารู้ข่าวการยกทัพของพระเจ้าเมงบาจึงพากำลังจากซุ้มโจรของตนมาช่วย แต่ด้วยกำลังน้อยกว่าจึงสู้ไม่ได้.....ทั้งเนงบากับกันทิมาจึงเสียชีวิตในสนามรบ

มังตรารู้ตัวว่าคงไม่มีพระชนม์ชีพอีกต่อไปจึงขอให้จะเด็ดไปปราบพระเจ้าเมงบา เพื่อรักษาแผ่นดินพุกามทั้งหมดเอาไว้ให้สมพระนาม “ผู้ชนะสิบทิศ” ตามที่พระองค์เคยฝันไว้ แล้วสิ้นพระชนม์ จะเด็ดจึงได้ยกทัพไปช่วยจันทราและลูกได้ทัน พระเจ้าเมงบาถูกสำเร็จโทษในสนามรบ

เสร็จศึกแล้วก็เป็นอันสิ้นเสี้ยนหนาม จะเด็ดหรือบุเรงนองจึงราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ เฉลิมพระนามว่า “ พระเจ้าสิริสุธรรมราชา ” ครองกรุงหงสาวดีเป็น........ผู้ชนะสิบทิศ ตะละแม่นันทวดีนั้น เมื่อถวายพระมหามงกุฎแด่พระเจ้าอยู่หัวสิบทิศแล้ว ก็กราบทูลลาออกบวชแสวงหาความสงบสุขตราบชั่วอายุขัย

คาแร็กเตอร์ตัวละคร

จะเด็ด / มังฉงาย / บุเรงนองกะยอดินนรธา / ปะหยิ่นหน่าว นำแสดงโดย รัฐภูมิ โตคงทรัพย์
รักและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ยิ่งชีวิต และมีความกตัญญูอย่างที่สุด เก่งอาวุธทวนบนหลังม้า สัญลักษณ์ประจำตัวคือธงเหลืองรูปยูงฟ้อน

ตะละแม่กุสุมา นำแสดงโดย ณฉัตร วัลเณซ่า เมืองโคตร
ธิดาเจ้าเมืองแปร สวยมีเสน่ห์ แต่หัวอ่อนไม่มีความเชื่อมั่นในตนเอง เป็นผู้หญิงที่จะเด็ดถวิลหาที่สุด ถึงกับยกทัพไปแย่งกลับมาจากสอพินยา

ตะละแม่จันทรานำแสดงโดย ปริศนา กัมพูสิริ
พระพี่นางของมังตรา จริยวัตรสมเป็นขัตติยนารี เป็นคนมีเมตตาสูง เก็บความรู้สึกได้ยอดเยี่ยม จะเด็ดจึงเคารพและบูชาที่สุด

มังตรา / ตะเบงชเวตี้ / ตะปิ่นชเวตี นำแสดงโดย จิระ ด่านบวรเกียรติ
อายุอ่อนกว่าจะเด็ด 7—8 เดือน ดื่มนมร่วมถันเดียวกับจะเด็ดจึงเปรียบเป็นน้องร่วมอุทร เจ้าอารมณ์เอาแต่ใจตัวเอง เวลาแค้นใครจะอาฆาตแรง ทำอะไรมักแพ้จะเด็จอยู่เสมอ

สอพินยานำแสดงโดย ปรมะ อิ่มอโนทัย
พระอนุชาพระเจ้าสการะวุตพี นิสัยหยิ่งทะนงเพราะเกิดในชาติตระกูลสูง บางครั้งก็ทำตัวเหมือนเด็กไม่มีความรับผิดชอบ ไม่ยอมเสียเปรียบใคร ผิดหวังไม่เป็น เป็นคู่หมั้นของ อ¬เทต¬ยาแต่หลงรักกุสุมา พยายามทุกวิถีทางที่จะได้กุสุมาเป็นมเหสี

กันทิมา / นาคะตะเชโบ ชาวทรางทวย นำแสดงโดยณปภัช วัฒนากมลวุฒิ
ธิดาตะคะญี โตมากับกลุ่มผู้ชายจนมีนิสัยและท่าทางเป็นผู้ชาย เพราะเป็นลูกครูดาบจึงเก่งเรื่องการฟันดาบ รักจะเด็ดมากแต่จะเด็ดไม่เคยรู้

อเทตยานำแสดงโดย กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์
หลานหลวงในพระเจ้านรบดี (ลูกน้องชาย) คู่หมั้นของสอพินยา พระอัครเทวีโปรดมาก รักอย่างลูกตน ใกล้ชิดกับกุสุมาตั้งแต่เล็กมีความเหงาอยู่ลึกๆเพราะกำพร้า..และรักจะเด็ดไม่เคยเปลี่ยน

เมงกะยินโยนำแสดงโดย รอน บรรจงสร้าง
พระเจ้ามหาสิริชัยะสุระกษัตริย์ตองอู พระราชบิดาของมังตรา

พระราชเทวีนำแสดงโดยรุ้งทอง ร่วมทอง
พระราชเทวีแห่งเมงกะยินโย พระราชมารดาของมังตรา

แม่เลาชีนำแสดงโดยนฤมล พงษ์สุภาพ
แม่ของจะเด็ด เป็นแม่นมของจันทราและมันตรา ชาวเมืองสองดวิงญี อาชีพปาดตาลเทิดทูนสถาบันกษัตริย์ยิ่งชีวิต

สีอ่องนำแสดงโดยกีรติ เทพธัญญ์
ศิษย์ตะคะญีเพื่อนร่วมสาบานจะเด็ด เป็นคนมีอารมณ์ขันทะลึ่งตึงตังตลอด เวลาพูดไม่ค่อยคิดแต่จริงใจ รักเพื่อน ได้เป็นนายกองม้าตองอู

ขุนเมืองราย นำแสดงโดยเขมชาติ โรจนะหัสดิน
นายทัพตองอู กรมการเมืองผู้ภักดีต่อพระมหาเถรกุโสดอ อยู่ใกล้ชิดกับมังตรามาก

พระเจ้านระบดี นำแสดงโดยกลศ อัทธเสรี
เจ้าผู้ครองแปร พระราชบิดาตะละแม่กุสุมา มีความเมตตาจนบางครั้งเหมือนคนโลเล ไม่เชื่อมั่นตนเอง

พระอัครมเหสี นำแสดงโดย พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ
พระราชมารดาตะละแม่กุสุมา เป็นคนอ่อนไหว เชื่ออารมณ์มากกว่าเหตุผลจนกลายเป็นคนหูเบา

ไขลู นำแสดงโดย สรพงษ์ ชาตรี
ทหารเอกคู่พระทัยสอพินยา หัวหน้าทหารดาบ เจ้าเล่ห์แสนกล แต่ซื่อสัตย์ และยินดีถวายชีวิตแก่สอพินยาผู้เดียว

รานอง นำแสดงโดย สุเชาว์ พงษ์วิไล
มหาอุปราชแปร เป็นคนนิ่งแต่ความคิดลึกซึ้ง ชอบใช้กุศโลบายมากกว่ากำลัง พระเจ้าแปรไว้ใจที่สุด

ตะคะญี นำแสดงโดย เอกพัน บรรลือฤทธิ์
กะเหรี่ยงนายบ้านขุนพลเก่าเพื่อนมหาเถร เก่งวิชาฟันดาบ มหาเถรจึงส่งจะเด็ดมาเรียนวิชาดาบกับท่านผู้นี้

ปะขันหวุ่นญีนำแสดงโดย ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง
แม่ทัพใหญ่ ผู้ว่าการทหารฝ่ายแปร นิสัยดุดันจะรบอย่างเดียว หยิ่งในศักดิ์ศรีความเป็นชายชาติทหารมาก

รายชื่อนักแสดง

1. รัฐภูมิ โตคงทรัพย์
2. ณฉัตร วัลเณซ่า เมืองโคตร
3. ปริศนา กัมพูสิริ
4. จิระ ด่านบวรเกียรติ
5. ปรมะ อิ่มอโนทัย
6. ณปภัช วัฒนากมลวุฒิ
7. กุลมาศ ลิมปวุฒิวรานนท์
8. รอน บรรจงสร้าง
9. รุ้งทอง ร่วมทอง
10. นฤมล พงษ์สุภาพ
11. กีรติ เทพธัญญ์
12. เขมชาติ โรจนะหัสดิน
13. กลศ อัทธเสรี
14. พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ
15. สรพงษ์ ชาตรี
16. สุเชาว์ พงษ์วิไล
17. เอกพัน บรรลือฤทธิ์
18. ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง



















กำลังโหลดความคิดเห็น