xs
xsm
sm
md
lg

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 10

เคที่และทิพย์ยังเดินสำรวจบ้านไตรรัตน์อยู่บริเวณชั้น 2 เคที่เดินผ่านห้องที่สอง ซึ่งเป็นห้องเด็กหญิงผมยาวไป ทิพย์เดินผ่านเหลียวมองสนใจห้องที่สองที่เปิดแง้มๆอยู่ เคที่เดินมาถึงห้องในสุด ทิพย์ตามมาติดๆเหลียวหันดูต้นทาง ก่อนค่อยๆเปิดแง้มประตูห้องนั้นออก เห็นพระพุทธรูปเรียงรายเต็มห้อง ทิพย์เฉยๆ

"ห้องพระ"
ทิพย์ยกมือไหว้ จะหันออก เพราะไม่เห็นมีอะไร
" ไธรซ์บอกว่าเสี่ยจำเริญแกสะสมพระดังๆ ทั่วบ้านทั่วเมืองแบบองค์เป็นล้านๆไว้ในห้องนี้"
ทิพย์ตาวาว
"บางองค์เป็นสิบล้าน"
ทิพย์ตาโตเป็นไข่ห่าน
"บางองค์เป็นสิบๆล้าน"
ไม่ทันพูดจบ ทิพย์พรวดหายเข้าไปในห้อง เคที่แทบเหลียวตามไม่ทัน
"ไหนๆ องค์ไหน บอกแม่เร็ว อย่าเสียเวลา"
ทิพย์มายืนอยู่หน้าโต๊ะแท่นบูชาพระ มองส่องหาไปมา
"อะไรละมามี้"
" ก็องค์ที่แกว่าเป็นสิบๆ ล้านน่ะสิ ถามได้ เร็ว แม่จะใส่ถุงนี่ไป"
ทิพย์ควักถุงผ้าใบโตขึ้นมาสะบัดคลี่ออก มองๆ เล็งหา
" มามี้..ใจเย็นก่อนมั้ย วันนี้เรามาดูทางกันก่อน แล้ววันต่อไปค่อยให้คนมาขน เอาไปตอนนี้ องค์ไหนก็ไม่รู้"
" โธ่ แกนะแก ไม่รู้จักหัดดู หัดถามไว้"
"ก็ไธรซ์ไม่ได้บอกไว้นี่... งั้นนี่"
เคที่ยกมือถือขึ้นมาเล็งถ่ายวิดีโอเก็บพระพุทธรูปในห้องไปรอบทิศ กวาดวนขวาแบบ 360 ช้าจนมาจบที่มุมหน้าประตูที่เดิม ซึ่งปรากฏเห็นเป็นเงามืดๆเลือนคล้ายเด็กร่างหญิงผมยาวยืนจ้องอยู่ที่หน้าห้อง
เคที่ถึงกับสะดุด รีบลดมือถือลง เงยมองที่หน้าประตู แต่ไม่เห็นมีอะไร
"ฉลาดมาก ต้องยังงี้ซิ"
เคที่ชักหวิวๆ รีบเก็บมือถือ แล้วดึงทิพย์ให้ออกจากห้อง
" ไป ออกไปเถอะมี้"

เคที่เดินกลับไปทางบันได ทิพย์ดึงมือไว้
" อ้าว แล้วห้องนี้ของใคร ดูด้วยซิ ถ่ายไว้ให้หมดเลย"
ทิพย์ชี้ที่ห้องตรงข้ามกับห้องพระ
" ห้อง ป๊า กะม้า"
เคที่เสียงอ่อยแบบเสียไม่ได้

ทั้งคู่เข้ามาในห้องเสี่ยจำเริญและเจ๊หญิง เคที่กวาดกล้องถ่ายรอบห้องนอนเจ๊หญิงช้าๆ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ทิพย์ที่ยืนอยู่มุมหนึ่ง รีบคว้านาฬิกาข้อมือทองเรือนโต กับตุ้มหูเพชรบนโต๊ะหัวนอนไป
"เรียบร้อยใช่มั้ย"
เคที่พยักหน้ารับ ทันใดนั้นเสียงดังจากข้างนอกเหมือนมีคนลั่นกุญแจเปิดห้อง
สองแม่ลูกถึงกับหน้าซีด มองหน้ากัน

เคที่ ค่อยๆเยี่ยมหน้าโผล่ออกมาจากห้อง เห็นโถงทางเดินโล่งปกติ ไม่มีใคร
"ไม่มีใคร"
"ดูดีๆนะ"
เคที่โผล่ออกไปดูอีกทีแล้วดึงแม่ออกไป
" ไม่มี...เร็วมี้"

ทั้งคู่ย่องเร็วออกมาตามทางเดิน
"แกจะรีบไปไหน"
"อ้าว มี้จะรอคนมาจับหรือไง"
ทันทีที่สองแม่ลูกเดินมาถึงหน้าห้องโบตั๋น ประตูห้องค่อยๆแง้มออกเสียงดัง ทั้งคู่สะดุ้งเฮือกมอง
" ม..มีคน" เคที่พูดตะกุกตะกัก
"หา"
พลันประตูห้องหยุดนิ่ง แง้มออกเพียงกึ่งหนึ่ง แม่ลูกหน้าซีดจืด ใจเต้นตูมกอดกัน มองนิ่งลุ้นว่า จะมีใครออกมา ทิพย์สะกิดๆดันๆให้เคที่เข้าไปดู เคที่โบกมือปฏิเสธไปมาก่อนจะดึงทิพย์จะให้รีบเดินต่อไปที่บันไดทันที
"อะไรของมี้ ไป"
"เดี๋ยว ลมคงพัดประตูเปิด"
" ไม่มี้ ตอนมายังปิดอยู่เลย..แสดงว่ามีคนเปิด"
" ไม่..ก็แม่เห็นมันแง้มเปิดอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ได้ปิด"
ทิพย์จะเดินเข้าไปดู เคที่จะดึงไว้แต่ไม่ทัน
" ไม่มี้"
ทิพย์ ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้กรอบประตู เห็นข้างในมืด เคที่ยืนลุ้น
"มีใครอยู่มั้ยคะ"
ทิพย์ชะเง้อมองเข้าไปในห้องที่มึดสลัวๆ
" มีใครอยู่มั้ยคะ"
ทิพย์ตัดสินใจค่อยๆ ผลักเปิดประตูห้องออกกว้าง พลันเสียงตุ๊กตาไขลานหีบเพลงกรุ๊งกริ๊งดังขึ้น แล้วเงียบไป ทั้งคู่ตกใจเล็กน้อย ทิพย์พยายามชะเง้อมองหา ฉับพลันไฟโถงทาง ดับพรึ่บจนมืดลง ทั้งคู่สะดุ้ง เย็นวาบอย่างประหลาด ขนแขนลุกชัน
"ม..มี้"
เคที่พรวดมาเกาะแขนทิพย์ที่เริ่มหวั่นขึ้นมาบ้าง แล้วพูดกระซิบถามลูก
"อะไรของแก"
" ไป..ไปกันเถอะ"
เคที่ดึงแขนทิพย์ให้ไปให้ได้ ทิพย์เปลี่ยนใจยอมถอยตามเคที่ ทั้งสองหันหลังจะเดินหนีกลับ
จังหวะนั้นเองที่เสียงเย็นๆ เบาๆ ของเด็กหญิงลอยลมมา
"มาหาใครคะ"
ทั้งคู่หยุดกึกพร้อมกัน
"มี้..พ พูด อะไร"
"ฉ... ฉัน ไม่ได้พูด"
ทั้งคู่หายใจเต้นระทึก ก่อนก้าวเดินต่อ
เสียงเย็นๆ เบาๆลอยมาอีก
"เห็นของขวัญหนูมั้ย"
ทั้งคู่หัวใจแทบหยุดเต้น
"เสียง ด เด็ก"
เคที่ พยักหน้าเบาๆ แล้วหันกลับไปดูข้างหลังพร้อมกัน
"มาหาใครคะ" เด็กหญิงพูดเสียงเย็น
ทั้งคู่สะดุ้งเห็นร่างเด็กหญิงผมยาวยืนอยู่ข้างใน ใกล้ปากประตู ทิพย์ค่อยโล่งใจ
"อ... อ๋อ น้ามาหาเจ๊หญิงน่ะ..น นี่ห้องหนูเหรอจ๊ะ"
"เห็นของขวัญหนูมั้ย"
"ของขวัญอะไรละหนู"
เงียบ ไม่มีคำตอบ
"หนูอยู่ห้องคนเดียวหรือ ทำไมไม่เปิดไฟ"
ทิพย์ก้าวขยับเข้าไปที่ประตู เคที่ขยับตาม
"มาหาใครคะ"
ทั้งคู่หยุดยืนนิ่ง เห็นยะเยือกขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที
"นี่หนู อย่าอยู่ในห้องคนเดียวมืดๆนะไม่ดี เดี๋ยวน้า เปิดไฟไว้ให้"
ทิพย์ดันเคที่เข้าไปที่หน้าประตู เคที่ตั้งตัวแทบไม่ทัน
"เปิดไฟให้น้องเค้า เดี๋ยวเราจะได้ไป"
เคที่หันมองทิพย์ขุ่นๆ ก่อนยอมเยี่ยมหน้าเข้าไปในห้อง ตามองเงาร่างเด็กหญิงที่เหมือนยืนหันหลังให้ ในระยะถัดเข้าไปไม่กี่เมตร
เคที่หันมองที่พนังข้างประตู มือคลำหาสวิทซ์ไฟ ทิพย์ขยับตามเข้ามามองในห้องเคที่กดเปิดสวิทซ์ไฟ
แสงไฟบนเพดานกลางห้องกระพริบวาบแดงๆอยู่อย่างนั้น เห็นร่างของเด็กหญิงในชุดนอนยาวยืนหันหลังอยู่กลางห้อง แบบไม่ชัดถนัดนัก สองแม่ลูกยืนมองลุ้นไฟอยู่ครู่หนึ่ง
"มี้ก็ไฟมันเสีย น้องเขาถึงไม่เปิด"
"อ๋อ นั่นสินะ"
ทิพย์เดินตรงเข้าไปที่ร่างเด็กหญิง
"งั้นน้ากับพี่ไปก่อนนะ นี่น้าแค่แวะเดินชมบ้านเล่นเฉยๆ"
ทิพย์เอื้อมมือจะไปจับไหล่เด็กหญิง พอดีกับที่ประตูห้องปิดปัง สองแม่ลูกตกใจ หันไปดู หันกลับมา ร่างเด็กหญิงหันหน้ามา แต่ระดับใบหน้ากลับอยู่สูงเท่ากับสองแม่ลูก ก้มหน้าผมยาวสยายปิดๆ ถามเสียงเย็นๆ ดุ"เห็นตุ๊กตาหนูมั้ย."
สองแม่ลูกตกใจ เหลือบไล่ลงไปมองถึงพื้น เห็นเท้าของเด็กหญิงลอยสูงห่างจากพื้น สองแม่ลูกแทบหัวใจหยุดเต้น สั่นเป็นเจ้าเข้าเหงื่อท่วม
"ผ..ผ.."
"มาหาใคร"
ทันใดนั้นเด็กหญิงก็เงยหน้าที่ก้มขึ้นมาให้เห็น เธอมีเพียงร่องรอยของใบหน้าซูบ ไม่มีคิ้ว ตา จมูก ปาก
สองแม่ลูกช็อก ตะลึง ซีด ร้องอะไรไม่ออก เด็กหญิงลอยยื่นหน้าเข้าใกล้หน้าสองแม่ลูก ที่ยืนขาสั่นตัวแข็งอยู่กับที่ ก่อนผมบนศีรษะของทั้งสองค่อยชี้ตั้ง
"เห็นตุ๊กตาหนูมั้ย"
"..ผ..ผี"
สองแม่ลูกไม่คิดชีวิตหันกลับวิ่ง เปิดประตูพรวดออกไป ล้มคลุกอยู่หน้าห้อง ถุงผ้าที่ใส่ของที่ขโมยมาจากห้องเจ๊หญิงก็ตกอยู่ ก่อนทั้งคู่ลุกวิ่งอ้าวลงไปทางบันได
"เห็นตุ๊กตาหนูมั้ย"

ในห้องมืดมิดสนิทมองไม่เห็นอะไรนั้น ประตูค่อยๆแง้มปิดลง

เจ๊หญิง เสี่ยจำเริญ เดินมาด้อมๆมองๆ ก่อนหันไปมองเสียงโครมครามที่บันได สองแม่ลูกหัวฟู หน้าซีด วิ่งหน้าตั้งลงมาจากบันได

"ผ..ผ..ผี ผีมา"
ทั้งคู่วิ่งโกยอ้าวออกนอกบ้านกันไปทันที
"หา..เอ่อ..อ้าว"
เจ๊หญิง เสี่ยจำเริญมองหน้ากันอย่างงงๆ
"ผี" เสี่ยจำเริญอุทานเบาๆ
เจ๊หญิงมองไปทางชั้นสอง พึมพำ "โบตั๋น"
โบตั๋น หรือ ใยไหม ธรรมวัฒน์ ลูกสาวของเจ๊หญิงกับเสี่ยจำเริญ น้องสาวของไตรรัตน์
เสี่ยจำเริญหันมองเจ๊หญิง
"ห๊า...ขออย่าให้เป็นจริง"
ทั้งคู่กอดกัน ใบหน้าเครียด

เช้าวันต่อมาที่โถงรับแขกในเรือนไทย คณะเสี่ยต่างชาติ ชาวไต้หวันและมาเลย์ เดินยิ้มแย้มชื่นมื่นสบายตัวออกมา
เสี่ย1บอก
"โอ้เก โอ้เก...เวรี่กู้ด เซอวิส"
สาวสวยบอก
"ยัว เวลคัม แทงกิ้ว พลีสคัม อเกน นะคะ"
สาวสวยรีเซพชั่นยืนไหว้สวยๆ ผายมือรับช่วงพาออกไป
"แฮฟ อะกู้ดเดย์ บาย"
ทั้งหมดเดินผ่านมิรันตี ทนายสมชาติ และเบญจา ที่บริเวณรีเซฟชั่น
"เรียบร้อยดีนะวันนี้"
"คะ คุณแม่ ทุกอย่างเป็นไปตามที่คุณแม่วางไว้ ลูกค้าแฮปปี้ทุกราย ยอดจองเข้ามาแทบทุกชั่วโมง ตอนนี้ยาวเต็มไปเกือบข้ามไปเดือนหน้าแล้วค่ะ"
"เห็นมะ มิรันตีซะอย่าง มองขาดเสมอ เจ้าติณห์มันโง่ไปหลงเชื่อเรื่องบ้าบอของยัยบ้านั่น แหม ทำขืนไปบ้าจี้ตามไปทำมิวซงมิวเซี่ยม ผีที่ไหนจะมาเหยียบมาดู"
มิรันตีหันไปทางรูปหลวงพิชัยภักดีใบโตที่ผนังและทนายสมชาติตามลำดับ แล้วถาม
"จริงมั้ยคะคุณพ่อ ... จริงมั้ยคะคุณทนาย"
"จริงครับจริง ทุกอย่างเห็นได้จริงอย่างที่คุณมิรันตีว่าไว้ไม่มีผิดครับ"
มิรันตีหัวเราะชอบใจ หน้าบ้าน มองไปรอบๆสปาอย่างเต็มภาคภูมิมั่นใจ มิรันตีถามเบญจา
"เออ แล้วนี่ตาติณห์กะยัยแม่มดนั่นไม่มายุ่งแล้วใช่ไหม"
"ค่ะ"
"ดีมาก แสดงว่าคุณสมชาติจัดการที่บอกไปแล้วซินะ"
"ครับเรียบร้อยแล้วครับ พอดีคุณเบญจาช่วยจัดการ"
"อ้าว เหรอ แท้งอะลอตนะเบญจี้ ไอเลิฟยู"
"ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ เบญยินดีช่วยคุณแม่ทุกอย่างอยู่แล้ว"
"แต่ยังไงๆ ฉันจะไม่ปล่อยให้เรื่องเจ้าติณห์กับยัยนั่นลอยนวลต่อไปอีกแน่ มันต้องเด็ดขาดเสียที..ไปคุณทนาย"
มิรันตีเดินยิ้มกริ่มมีความสุข เบญจามองตาม แววตาพอใจไม่แพ้กัน

พนักงานต้อนรับเดินออกมาส่งคณะเสี่ยต่างชาติที่หน้าเรือนไทย หลวงพิชัยภักดีและติณห์ยืนฮึ่มฮั่มไปมาอยู่ไม่ไกลมุมหนึ่ง
"โอยๆ ดูมันทำ ชื่อเสียง เกียรติยศตระกูลชั้น..ป่นปี้ ป่นปี้"
"ผมทนไม่ไหวแล้วแกรนด์ปา"
"จัดการเลยไอ้ติณห์ ไปเลย"
ติณห์ที่ฉุนตงิดขึ้นมาทันที เดินพุ่งไปกะจะโวยกับพวกสาวๆและคณะเสี่ยๆ ก่อนจะถึงกลุ่ม...มีมือใหญ่สองมือของบอดี้การ์ด 2 นายมากระชากยกตัวเขาดึงรั้งไว้
"เฮ้...อะไรกัน"
การ์ดพูดพร้อมกัน
"คุณห้ามเข้าเป็นอันขาด"
"นี่มันที่ของผม บ้านของแกรนด์..เอ่อ บ้านของผม ทำไมผมจะเข้าไม่ได้"
การ์ดพูดพร้อมกัน
"ไม่ได้ ติณห์ ญาณิน ห้ามเข้าเด็ดขาด"
"ปล่อยชั้นลงไม่งั้น ผมจะแจ้งตำรวจ"
ติณห์ยกมือปัดแขน แต่เหมือนปัดท่อนเหล็ก ติณห์หน้าเหยเก หลวพิชัยภักดีส่ายหน้า

มิรันตี สมชาติ เดินเข้ามาถึงในห้องรับแขกของบ้านติณห์ มิรันตีทิ้งตัวลงนั่งโซฟา
"ครับ ผมก็เข้าใจครับ แต่ปัญหามันอยู่ที่คุณติณห์ไม่..." สมชาติบอก
"ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นคุณทนาย ฉัน...มิรันตี ต้องการเป็นผู้จัดการทรัพย์สินทุกอย่างโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะทองที่อยู่ในธนาคารทั้งหมด ทำให้ได้น่ะ เข้าใจมั้ย" มิรันตีจ้องหน้ากำชับ
"แต่..สิทธิ์เป็นของคุณติณห์โดยสมบูรณ์ตามพินัยกรรม ถ้าคุณติณห์ไม่ยอมก็เป็นไปได้ยากนะครับ ยกเว้นจะมีเหตุผลดีพอยื่นร้องกับศาล"
มิรันตีฟังเงียบคิคแล้วตาเป็นประกายขึ้นมาทันที ชำเลืองมองสมชาติ
"เหตุผลที่ดีพอ"
ติณห์โผล่พรวด หน้าขึงตึงเข้ามา
"มาพอดี เจ้าตัวดี"
ติณห์ฉุนสุดขีด
"มัม...นี่มัมทำอย่างนี้ได้ไง มัมกำลังทำเกินไปนะ มัมมาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เรือนไทยให้ไปเป็น อักลี่สปาไล้ค์แด้ทไม่พอ แล้วยังมาห้ามไม่ให้ผมกับคุณณินเข้าไปนั้นด้วย นี่มันหมายความว่าอะไร"
"ก็ไม่หมายความว่ายังไง แกเห็นอะไรก็เป็นไปตามนั้น เพราะว่าจากนี้ไปฉันจะไม่ยอมอ่อนข้อให้แกกับยายหมอผียิปซีนั่น มาวุ่นวายกับเมกะโปรเจ็กต์ของฉันอีกเด็ดขาด ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม..ติณห์ ลูกก็เห็นแล้วไม่ใช่หรือ ว่ามันเวิร์กแค่ไหน"
"เวิร์ก..นั่นเวิร์กเหรอมัม ผมไม่เข้าใจ มัมกำลังทำให้บ้านของแกรนด์ปาเสื่อมเสียนะ มัมต้องเชื่อผม มัมต้องเลิก เลิกอักลี่สปานั่นเดี๋ยวนี้"
ติณห์หันสั่งสมชาติ
"คุณสมชาติ ผมขอสั่งให้ล้มเลิกทุกอย่างที่เรือนไทยนั่น คุณต้องไปจัดการตามที่ผมสั่ง เพราะเรือนไทยเป็นของผม"
"เลิก...หึหึ ขำ...คนที่จะเลิกไม่ใช่ฉัน แต่เป็นแก แกต้องเลิกกับยายนั่นเดี๋ยวนี้ ฉันขอยื่นคำขาด แกเลือกเอา จะไล่แม่นั่นไป หรือไม่ก็ทั้งแกกับแม่นั่นต้องออกไปจากรีสอร์ตนี้ ฉันจะเข้ามาดูแลจัดการทรัพย์สินของคุณตาแกแทนแกทั้งหมด ไม่อย่างนั้น...ฉันจะยื่นเรื่องกับศาลว่า แกกำลังมีสภาพจิตบกพร่องไม่สามารถควบคุมสติความคิดได้แบบคนปกติ เพราะตอนนี้แกกำลังโดนยายหมอผียิปซีนั่นใช้การสะกดจิตหมู่ควบคุมบงการอยู่ นี่ละแค่นี้ศาลก็ต้องรีบยกสิทธิ์กลับมาให้ฉันดูแลแทนแก ภายใน 24 ชั่วโมงนับจากวินาทีนี้ ฉันต้องไม่เห็นยัยนั่นอยู่รีสอร์ตนี้"

ติณห์เงียบอึ้ง มึนตึง

เวลากลางวัน ต่อเนื่องมา รถกรรัมภาเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์พิมพ์พิลาศ เธอและปาร์คจุนจี ลงมาจากรถ เห็นความโอ่อ่าหรูหราของคฤหาสน์ แต่ดูทึมๆ เงียบเหงาๆ

"สรุปว่า คุณต้องการสัมผัสของใช้ส่วนตัวของย่าผม แล้วจะทำให้คุณมองเห็นสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในอดีต"
"ใช่"
จุนจีเย้ยๆ
"งั้น...ถ้าคุณจับมือผม คุณจะมองเห็นอดีตของมันมั้ย ว่าผมเคยจับอะไรมามั่ง"
"อุ๊ย...ทะลึ่งนะเนี่ย"
"อะไร...ทะลึ่งยังไง นี่ไง แสดงว่าในหัวคุณมีแต่เรื่องทะลึ่งอะดิ"
"คุณไม่เชื่อก็อย่ามาลบหลู่ได้ปะ"
"มันเหมือนในหนังเกินไป...แบบนี้ถ้าใครทำได้ โลกนี้ก็ไม่ต้องมีตำรวจพิสูจน์หลักฐานแล้ว"
"อย่าให้ฉันคุยนะ ว่าชั้นช่วยตำรวจคลี่คลายคดีมาแล้ว"
"จริงดิ"
"มาลองพิสูจน์กันไหมล่ะ...ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจับของที่ท่านรักมากๆ เช่น สร้อยคอ เสื้อผ้า หรืออะไรก็ได้"
"ผมไม่สนิทกับคุณย่า ผมไม่รู้ว่าอะไรคือของที่ท่านรัก คุณลองจับของต่างๆดูเองแล้วกัน"
ปาร์คจุนจีบ่นกะตัวเอง
"คบเด็กสร้างบ้านสักครั้งวะเรา"
จุนจีเหมือนยังทำใจไม่ได้ เดินเข้าบ้านหน้าเครียด กรรัมภาส่ายหัว เดินตามไป

กรรัมภาเดินเข้ามาในคฤหาสน์ มองดูรอบโถงบันได
"ใหญ่โตดีนะคะ แต่..."
"อะไร"
"มันดูเหงาไปหน่อย"
จุนจียักไหล่ ไม่ยี่หระ
"ก็คงอย่างงั้น"
ทั้งสองมาหยุดยืนมองรูปพิมพ์พิลาศขนาดใหญ่
"คุณพิมพ์พิลาศ...คุณย่าคุณ เป็นผู้หญิงที่ดูยิ่งใหญ่ไม่ธรรมดาเลยนะคะ"
จุนจีไม่ตอบ เธอมองภาพหญิงสูงวัยด้วยความทึ่ง

ทั้งคู่โผล่หน้าเข้ามาในห้องทำงานพิมพ์พิลาศ
"ห้องทำงานคุณย่า"
กรรัมภาเดินเข้ามา กวาดตาดูห้องที่โอ่อ่ากว้างขวางโดยรอบ สามารถแบ่งมุมหนึ่งเป็นพื้นที่โต๊ะทำงานได้
"คุณอยากจะสัมผัสอะไรในห้องนี้แบบที่คุณถนัด ก็ตามใจคุณเลยนะ"
"ค้า..บอส"
เธอยิ้มๆ ตรงไปที่โต๊ะทำงาน ที่มีรูปของพิมพ์พิลาศกับอติเทพวางอยู่ เธอเดินไปจับหมับเข้าที่เก้าอี้ทำงานตัวโตเข้าพอดี แล้วสะดุ้งเฮือกสุดตัวเหมือนถูกสะกดจิตนิ่งงัน ตาเบิกกว้าง กระแสประมวลเหตุการณ์ไหลเข้าสู่จิตของกรรัมภา

พิมพ์พิลาศนั่งเซ็นเช็คอยู่ที่เก้าอี้ อติเทพยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงาน โวยวาย เขาขึ้นเสียงทะเลาะกับเธอใหญ่โต เธอไม่ยอมๆตามคำขอ จนเขาแย่งสมุดเช็คไป เธอแย่งคืนมา แล้วผลักเขาเซ ล้มลง
พิมพ์พิลาศเอาแจกกันทุ่มใส่หัวอติเทพ เขาวิ่งหนีไป เธอมองตาม โกรธตัวสั่น แอบร้องไห้เสียใจ

กรรัมภาตาโต ตกใจ
"คุณเห็นอะไร"
กรรัมภาไม่ตอบ แต่เดินมาจับสมุดโน้ตเล่มใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานพิมพ์พิลาศ

ทนายสมชาย อรวี นั่งอยู่หน้าโต๊ะ รอลุ้นฟังอนุมัติตามเอกสารที่ทำมายื่นให้พิจารณา พิมพ์พิลาศเปิดแฟ้มเอกสารอ่านเสร็จ ปิดปัง แล้วบ่นด่าสารพัด ก่อนเขวี้ยงโยนสมุดโน้ตเล่มใหญ่ใส่อรวี
สมชายรีบกล่าวขอโทษขอโพย รีบแก้ต่างช่วยอรวี พิมพ์พิลาศไม่ฟัง ลุกยืนไล่ตะเพิดให้กลับไป

กรรัมภาสีหน้าเผือดสนิท ทำท่าเหมือนจะเป็นลม จุนจีเดินเข้ามาจับตัว
"แก้ม...คุณแก้ม คุณเป็นอะไรรึเปล่า"
กรรัมภาได้สติ
"..ป..เปล่าค่ะ"
กรรัมภาสีหน้าไม่สู้ดี เซโงนเงน จุนจีเข้ามาประคอง ก่อนจะล้มลง

รถของทนายสมชายแล่นผ่านประตูบ้านเข้ามาจอดเทียบข้างรถกรรัมภา สมชายมองรถอย่างสงสัย เขาลงจากรถ พร้อมกับอรวี คนสวนเดินยิ้มมา
"รถใคร" สมชายถาม
"รถเพื่อนหญิงของคุณจักรครับ"
สมชายมองคิด อรวีแปลกใจ

ติณห์เดินเข้ามาในเรือนรับรองด้วยอารมณ์หงุดหงิดมา อรวรรณนั่งลุ้นรอจ้องไปที่ญาณินที่วางมือถือ
"โอเคมากันแล้ว"
"ว่ายังไงนะคะคุณหนู"
"ยัยรสกับนายไต กำลังเริ่มตามแผนแล้วค่ะ"
"ออลไรท์ หวังว่าทั้งคู่จะช่วยเราได้นะ ไม่งั้น..." ติณห์บอก
"งั้นอะไรคะ"
"เออ...เปล่าครับ" ติณห์ถอนใจด้วยความว้าวุ้น
ติณห์ไม่กล้าบอกญาณินเรื่องที่มิรันตียื่นคำขาดให้ไล่ญาณินออกจากพื้นที่

บนเรือนไทยมีแขกของรีสอร์ตมาใช้บริการสปากันเป็นกลุ่ม พนักงานสาวชุดไทย สวัสดีสวยงามก่อนยื่นมอบคล้องพวงมาลัยและน้ำสมุนไพรให้กับลูกค้า VIP ที่เป็นคณะชาวยุโรปส่วนใหญ่ มีเสี่ยญี่ปุ่นปนมาบ้าง โดยมี สุคนธรส ไตรรัตน์ที่ปลอมตัว เดินมาเป็นคนสุดท้าย ไตรรัตน์มาในลุคญี่ปุ่นๆ เสี่ยๆ ส่วนสุคนธรสมาในลุคสาวห้าวทอมบอย ในลุคญี่ปุ่นเช่นกัน
ทันทีที่ก้าวเข้ามา สุคนธรสรับรู้ได้ถึงพลังอาคมที่เป็นพลังคลื่นอากาศ แต่เพียงแวบเดียวก็หายไป เบญจาที่ยืนต้อนรับ ก็พลันรู้สึกถึงพลังอาคมบางอย่างเช่นกัน สะดุดตามองสุคนธรส แต่ไม่ได้ใส่ใจเพราะ สุคนธรสแต่งเป็นสาวทอม
สุคนธรสเห็นเบญจามองเลยทำห้าวเข้มข่ม ขยับปกคอเสื้อมั่นๆ ยิ้มหวานให้ ไตรรัตน์หันมาเห็นแทบทนไม่ได้
เบญจากล่าวต้อนรับ
"เวลคัม ทู รีสอร์ต แอน สปา..วี วิล บริง ยู ดิ อันฟอร์เกททาเบิล เอกซ์พิเรียน..พลีส คัม ดิส เวย์"
พนักงานสาวต่างผายมือ ออกเดินนำไป
ไตรรัตน์รีบหันมากระซิบกับสุคนธรสจริงจัง
"นี่คุณ ถามตรงๆนะ ตกลงว่าคุณ..."
สุคนธรสยัดน้ำสมุนไพรใส่ปากไตรรัตน์หมับอย่างว่องไว
สุคนธรสขู่กัดฟันดัดเสียงห้าว
"หุบปากนายซะ"
สุคนธรสหันไปยิ้มหวานแต๊ะอั๋งพนักงานสาวที่มามอบพวงมาลัย
"ไงจ๊ะน้องสาว"
สุคนธรสเดินตามคณะไป ไตรรัตน์หายใจฟืดฟาดกำสองมือแน่น ไม่วายรีบออกตัวตามติด
"อึ๊ย...เห็นสาวๆไม่ได้ ทำไม ทำไม"
"นี่คุณ...ตกลงคุณยังไง บอกผมมา ที่ผ่านมา คุณหลอกผมเหรอ"
"นี่คุณ...คิดเรื่องอื่นเป็นมั้ย"
ไตรรัตน์ยืนยันหนักแน่น
"ไม่อธิบายผมมา...วันนี้ต้องเคลียร์"
พลันเสียงฮือฮาของเหล่า VIP ทั้งญี่ปุ่น ฝรั่งดังขึ้น สาวๆในชุดตะเบงมานปรากฏกายออกมาต้อนรับ เสี่ยฝรั่ง ญี่ปุ่น ตาโตเป็นไข่ห่าน ไตรรัตน์ก็ตาค้างไม่แพ้กัน สุคนธรสหันไปเห็นไตรรัตน์ เลยโดนตบกระโหลกไปหนึ่งที
"ชั้นต้องการคำอธิบาย...ว่าไง"
"อธิบายอะไร"
"ไป สาวๆปฏิบัติหน้าที่"
สาวๆ ก้มไหว้งามๆ หนุ่มเสี่ยทั้งหลายก็แทบโน้มตาม แต่ตาจ้องวาววับ
"เชิญค่ะ"

สาวๆผายมือ

หลวงพิชัยภักดีปรากฎตัวขึ้นมุมหนึ่ง โกลเดนเบบี๋กระโดดโลดเต้นรีบโผล่มาประกบ
 
"เย้ เย้..พี่รสมาแล้วแว้วๆ"
"ใช่ๆ มาแล้ว"
"ค่ะคุณตา รับรองพี่รสช่วยคุณตาได้แน่ๆ"
ทั้งคู่ดีใจ

จุนจีประคองกรรัมภามา
"คุณไม่สบายนี่ ไหวมั้ย...กลับก่อนไหม"
กรรัมภาเบี่ยงตัวออก
"ชั้นไม่เป็นไร ชั้นสบายดี นี่มันแค่ปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ไปจับอย่างอื่นต่อเถอะ ชั้นกำลังจะได้เงื่อนงำของการฆาตกรรมแล้ว"
"ว่า..."
"ยังสรุปไม่ได้ ขอ...ดูอย่างอื่นที่มันลึกซึ้งกว่าห้องทำงานได้ไหมคะ"
จุนจีอึ้งๆ แล้วตัดสินใจ เขาพาเธอเข้ามาในห้องนอนพิมพ์พิลาศที่ดูใหญ่เกินจะเป็นห้องนอนของคนธรรมดาทั่วไป
ข้าวของเกือบทุกขิ้นยังวางเรียงรายเหมือนสมัยที่เธอยังอยู่ บนโต๊ะเครื่องแป้งยังมีเครื่องสำอางวางอยู่ที่เดิมทุกอย่าง
"โอ๊ว...เป็นห้องนอนที่ใหญ่สุดๆ ใหญ่กว่าห้องพ่อแม่ชั้นอีก ดูเหมือนว่า ข้าวของยังคงเก็บเอาไว้สภาพเดิมแทบทุกอย่างเลยนะ"
"ผมว่าคุณจะทำอะไรก็ทำเถอะ ถ้าอติเทพมาพบเราที่นี่จะเป็นเรื่องนะ"
"ค่ะ บอส"
กรรัมภาเดินสำรวจสัมผัสสิ่งของภายในห้อง แต่ไม่พบอะไรเป็นพิเศษ
"เออ...จริงสิ ..ผมมีของสำคัญ"
จุนจีควักกระเป๋าสตางค์ออกมา แล้วเปิดหาในช่องเศษสตางค์หาๆ กรรัมภามองลุ้น
จุนจีหยิบกุญแจตู้เซฟออกมา
"กุญแจไรอ่า"
จุนจีเดินไปยังตู้เซฟใบเขื่องที่วางอยู่มุมห้อง
ตู้เซฟถูกบิดหมุนรหัสจนคลิกเปิดออก เห็นเป็นกล่องกำมะหยี่สีแดงใหญ่สำหรับใส่เครื่องประดับ
อยู่อีกชั้น เขาเปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงออกพบเครื่องเพชรหรูหราหลายชิ้น
กรรัมภาเลือกหยิบสร้อยทับทิมขึ้นมาดูเป็นเส้นแรก
"สร้อยทับทิมที่คุณย่าใส่ วันที่ท่านเสีย"
"ขอฉันดูหน่อยนะคะ"
"แก้ม คุณไหว..นะ"
"ค่ะ...โอเค ไม่ไหวจะบอกนะ"
กรรัมภาพบกับความทรงจำอันว่างเปล่าบนสร้อยเส้นนั้น เธอสีหน้าเรียบนิ่งจับอยู่ครู่หนึ่งก่อนวางคืนไว้ในกล่อง
"เป็นไงครับ"
เธอมีสีหน้าไม่อยากเชื่อ ก่อนส่ายหน้าตอบ
"ไม่เห็นอะไรค่ะ...งั้นฉันขอดูอันอื่นๆ"
เธอมองแล้วหยิบสร้อยเพชรรูปหยดน้ำ ที่วางอยู่ก้นกล่องขึ้นมาดู ทันทีที่สัมผัสกรรัมภาก็สะดุ้ง ตัวสั่นรัวขึ้นทันที จนจุนจีต้องประคอง
"เป็นอะไรหรือเปล่า"
"ฉันเห็น..."
"เห็นอะไร"
"ร้านเพชรค่ะ ร้านใหญ่มาก มีลูกค้าแน่นร้านไปหมด"
ภาพที่เธอเห็นเป็นร้านจิวเวรี่หรู ใหญ่ มีคนเดินเข้าออก ส่วนมากเป็นคุณหญิงคุณนาย
มีคนเดินพลุกพล่านภายนอกร้านเหมือนเป็นร้านในห้าง ป้ายร้านเป็นตัวหนังสือลายมือตวัดๆ มองอ่านได้ไม่ชัดนัก
"เป็นร้านในห้างที่ไหนสักแห่ง"
"คุณเห็นชื่อร้านหรือเปล่า"
"เห็นคะ"
"ร้านอะไร"
"แฮะๆ..แต่เห็นไม่ชัดนะสิคะ"
"มีอะไรที่พอเป็นสัญลักษณ์บ้างไหม"
"นี่คุณบอส ฉันไม่ใช่สาวน้อยมหัศจรรย์นะ จะได้มาเห็นปุ๊บปั๊บชัดใสเป็นภาพไฮเดฟ"
"ขอโทษ ผมก็แค่อยากรู้เร็วๆ"
สักพัก มือสั่นๆเหมือนสร้อยร้อนฉ่าขึ้นมา กรรัมภารีบวาง
"ชั้นรู้สึกว่า..มีความเกลียด ความโกรธอยู่กับสร้อยนี่ด้วย"
"ย่าผมก็โกรธเกลียดใครๆอยู่ตลอดเวลาแหละ"
พลันประตูห้องเปิดออก จุนจีหันขวับไปดู อติเทพโผล่เข้ามา จุนจี กรรัมภาผงะ

บนเรือนไทย คณะ VIP ญี่ปุ่น-ฝรั่งที่เปลี่ยนชุดแล้วกำลังควงสาวๆกันแยกย้ายกันไปคนละห้อง
เหลือไตรรัตน์ กับสุคนธรสเปลี่ยนชุดแล้วเช่นกัน ที่ยืนเก้กังอยู่ สาวๆก็พยายามดึงให้ไปห้องใคร
ห้องมัน ไตรรัตน์ได้สาวอึ๋มเซ็กซี่ สุคนธรสได้สาวมินิเล็กเรียบร้อย
สุคนธรสกวาดตาสังเกตโดยรอบ หาจุดที่ลงยันต์อาคมไว้ ไตรรัตน์ทกลืนน้ำลายเอื้อกไปมาหลายรอบก็ยังไม่ยอมไปทั้งที่จะไม่ไหวอยู่แล้ว มองรีรอมาที่สุคนธรส
"นี่เอาไง คุณ..คุณไม่ว่าไร ผมก็จะเข้าไปละนะ"
"ก็ลองดู..เอ้ย ก็ตามใจนาย ... ใช่มั้ยจ๊ะน้องสาว"
ไตรรัตน์สะดุ้ง คิดไปมาเอาไงดี จะเข้าไปหรือยอมปล่อยเมียให้คลาดสายตาดี เบญจาเดินเข้ามา
"มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะท่าน"
"อ้อ ไม่...ไม่มีอะไรคับ ผมสองคนแค่อยากแลกน้องกันน่ะ"
ว่าแล้วสุคนธรสก็ไปคว้ากระชากสาวอึ๋มมาจากไตรรัตน์
"ฮะ เฮ้ย"
"โอเก้..เรียบร้อย ไปเลยน้อง พี่พร้อม"
"อ๋อค่ะๆ ตามสบาย ได้เลยคะ" เบญจาบอก
สุคนธรสดึงสาวอึ๋มเดินไป แล้วหันมา
"โชคดีเว้ยเพื่อน"
ไตรรัตน์กระเดือกน้ำลายเหนียว เสียดายโคตร เขามองสาว ก่อนถอนใจทิ้งเฮือก
"ไปน้อง รีบๆไป...ก่อนพี่จะไม่ได้อะไร"
ไตรรัตน์รีบจูงมือสาวมินิไปอีกทาง เบญจามองยิ้มๆ ก่อนเดินไป

ฝ่ายติณห์ อรวรรณยังนั่งลุ้นตัวเกร็ง นั่งไม่ติด ญาณินเข้าสมาธินิ่งอยู่
"ตอนนี้จะเป็นไงบ้าง"
"คุณหนู คุณหนูคะ"
ญาณินถอนใจเบา ไม่ลืมตา
"ยัง...ยังติดต่อไม่ได้"
"หา"
ติณห์ชักกังวลหนัก

ทางด้านคฤหาสน์พิมพ์พิลาศ อติเทพสีหน้าเดือดปุด
"แก ถือวิสาสะอะไร ที่เข้ามาห้องนอนฉัน"
จุนจีประคองกรรัมภาขึ้น
"ห้องคุณย่า ทำไมฉันจะเข้ามาไม่ได้ คุณย่าให้ของในเซฟในห้องนี้กับฉัน"
"แต่เสียใจว่ะ ย่าแกคือเมียฉัน เขายกบ้านหลังนี้ให้ฉันไงโว้ย ไอ้หน้าจืด"
จุนจีฉุนปุด แก้มดึงไว้
"ไง ทำไมวะ เป็นคนไทยดีๆไม่ชอบ ไปกระเดียดเป็นศิลปินเกาหลี เนรคุณเชื้อชาติตัวเองไม่พอ
ยังคิดจะมาเนรคุณคนที่ให้พ่อแกเกิดมารึไง หา..."
"ไอ้..."
จุนจีพุ่งกระโจนใส่อติเทพจนล้มหงายกลิ้ง ขึ้นคร่อมจับคอเสื้อเขย่าไปมาอย่างแรง อติเทพไม่ยอมพยายามจับข้อมือจุนจีจนเหวี่ยงจุนจีออก ล้มไป อติเทพตามเข้าเตะต่อย แต่จุนจีหลบ อติเทพคว้าแจกันบนโต๊ะขึ้นมาฟาดใส่จุนจี จุนจีป้องไว้ทัน อติเทพเตะเสยตาม จนจุนจีถลา
"ไอ้จืด...มึง เมื่อไหร่มึงจะเซ็นเอกสารให้กู"
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ แอร๊ย"
"เย้ย...คราวนี้มึงอย่าหวังจะรอดเหมือนคราวก่อนเลย ย๊าก"
อติเทพพุ่งกระโจนกดค่อมจุนจีไว้กับพื้น แล้วเหวี่ยงใส่เข้าโหนกแก้มจนจุนจีเลือดซิบ หมัดต่อไปจุนจีป้องไว้ทัน กรรัมภาเดือดปุดสุดขีดตะโกนลั่น
"หยุด...หยุดนะ"
สองหนุ่มฟัดนัวเนียกันไปมา กรรัมภาหึ่ม กัดฟัดกรอดๆ หักนิ้วไปมา
"แก แก...แกทำจุนจีมีเลือด.บังอาจมาก ติ่งหูกรรัมภาขอเอาคืน"
ทันใดนั้น กรรัมภากระโดดเหวี่ยงง้างแขน
"ย๊าก...พลังฝ่ามือติ่งหูสยบมาร"
อติเทพมองตะลึง ฝ่ามือเข้าหน้าแบบไม่ยั้ง ลอยตามแรงมือกรรัมภาไปติดผนังด้านหนึ่ง
"คุณแก้ม"
จุนจีตกใจ
"เอาไง...จะอยู่นี่อัดกันต่อ หรือจะไป"
"ไปๆ"

จุนจีลุกขึ้น ทั้งคู่รีบออกนอกห้อง อติเทพมึน ตะเกียกตะกายลุกขึ้น
 
อ่านต่อหน้า 2

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 10 (ต่อ)

กรรัมภาจูงมือพาจุนจีวิ่งลิ่วลงบันไดมา สมชายและอรวียืนอยู่ด้านล่างรีบมาไกล่เกลี่ยไปมา

"เดี๋ยว...เดี๋ยวครับ คุณจุนจี เกิดอะไรขึ้นครับ"
กรรัมภาไม่ฟังเดินลิ่วจนไปจะถึงหน้าประตูใหญ่ สมชาย อรวี พรวดมาขวางดักหน้าดักหลัง
"คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันไปนะครับ คุณจักรใจเย็นนะครับ"
กรรัมภาบอก
"ไม่ผิดหรอกค่ะ โดนจนเลือดเข้าเลือดออกขนาดนี้ แถวบ้านชั้นเรียกว่า โดนเต็มๆ"
"จะให้แจ้งความทำร้ายร่างกายไหมล่ะ คุณทนาย" ปาร์จุนจีบอก
"โถ คุณจักรอย่าเพิ่งโมโหไปครับ คุยกันได้... เอางี้ผมรับปากว่า ผมจะคุยกับคุณอติเทพให้เอง
แล้วคราวต่อไปรับรอง เรื่องผิดคิวแบบนี้ไม่มีแน่ เชื่อผมครับคุณจักร"
"หลบไปค่ะ ห้ามใครล่วงเกินหรือแตะต้องทำให้จุนจีขัดใจอะไรทั้งนั้น หลีก...ฉันจะรีบพาจุนจี
ไปหาหมอ"
"ผมขอเวลาครู่เดียวครับ"
อติเทพในสภาพสะบักสะบอมตามลงมา อรวีวิ่งเข้าไปช่วยประคอง
"ว้าย..คุณอติเทพ"
"แจ้งความบุกรุก ทำร้ายร่างกายกับมันเดี๋ยวนี้เลย"
สมชายปรามดุๆ
"คุณอติเทพ จุ๊ๆๆๆ คุณทำมามากเกินไปละนะ พอซะที คุณจักรครับ ได้โปรดเถอะครับ คุณจักรช่วยเซ็นรับทราบในเอกสาร แค่อีกแผ่นเดียว แล้วทุกอย่างจะได้จบเป็นไปตามที่คุณพิมพ์พิลาศต้องการเสียที นะครับ"
สมชายส่งแฟ้มเอกสารยื่นให้จุนจี ยิ้มๆ จุนจียื่นมือรับ
"จุนจี"
สมชาย อติเทพ ดีใจขึ้นมาทันที จุนจีรับแฟ้มมา แล้วปาลงไปกับพื้น ไปกองที่หน้าอติเทพทันที
ทุกคนหน้าเสีย งงเป็นไก่ตาแตก
"ขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวัง โดยเฉพาะคุณอติเทพ"
จุนจีมองอาฆาต แค้นนิ่งใส่อติเทพ ก่อนคว้ามือกรรัมภาเดินลิ่วออกไป
"ไอ้จุนจี คราวหน้ามึงคงได้เซ็นต์แบบไม่สมประกอบแน่"

ในห้องนวด สุคนธรสคุยโทรศัพท์กับญาณินนั่งอยู่บนเตียงนวดเก้ๆกังๆ มองไปรอบห้อง สาวนวดอึ๋มเดินยิ้มตรงมา จะถอดเสื้อเธอออก
"ทะทำอะไรน่ะ"
"ถอดเสื้อซิคะรูปหล่อ"
"หา..ดะ เดี๋ยวซิน้องสาว ใจเย็นนะ...คือว่า"
"อะไรค่ะพี่รูปหล่อ หรือจะให้หนูถอดก่อน" สาวอึ๋มทำท่าจะปลดตะเบงมาน
"เอ้อ..เว้ย โน..ไม่ต้อง"
สุคนธรสบอกญาณิน
"งั้นเจ๊ ถือสายไว้ก่อน กำลังฉุกเฉิน"
สาวนวดปลดตะเบงมานลงพรึ่บ สุคนธรสหน้าตาเหว๋อ บระเจ้า ไม่เคยเห็นขนาดนี้มา รีบมองซ้ายขวาหาทางออก
"อะโอ..เก งั้น ดะเดวพี่มานะน้อง"
สุคนธรสรีบพรวดออกไปจากห้อง สาวนวดอึ๋มงง คว้าผ้าเช็ดตัวขึ้นมาปิดพันตัว

ในห้องนวดอีกห้อง ไตรรัตน์สีหน้าเซ็งๆไร้อารมณ์สิ้นดีปล่อยให้สาวนวดไซส์มินิถอดเสื้อของตนออกจนเสร็จ สายตาชำเลืองดูหน้า ดูหุ่นสาวนวดก็ยิ่งหมดอารมณ์
"เอาเลยมั้ยค่ะท่าน"
ไตรรัตน์พลันเปลี่ยนเป็นครุ่นคิด พึมพำ
"ไม่ได้ ไอ้ไตต้องไม่ยอม... เฮ้ย ยัยรสเราต้องคุยให้รู้เรื่องเว้ย"
ไตรรัตน์ลุกยืนพรวดออกไป สาวนวดตกใจ

สุคนธสเดินหลบมามุมหนึ่ง แล้วเปิดกระเป๋าดึงเอาบางสิ่งออกมา
"หนุมาน...ช่วยให้สิ่งต่ำอวิชชาต่างๆบนเรือนนี้ปรากฎให้หนูเห็นด้วยเทอญ"
สุคนธรสยืนท่องมนตร์งึมงำ แล้วเป่าพ่นออกไป ยื่นหนุมานออกมาข้างหน้า แสงสว่างเรืองรองเปล่งอนุภาพออกจากหนุมาน ปรากฏรอยยันต์เป็นแสงเรืองขึ้นรอบไล่ไปตลอดทาง ตามพลังอนุภาพของหนุมานเปิดตาของสุคนธรสเดินทางกระจายไป
"แล้วจุดลงยันต์ประธานมันอยู่ไหน"
สุคนธรส เดินมุ่งหาต่อ
เบญจาที่กำลังเดินจะกลับมาหามิรันตี พลันรู้สึกถึงพลังอาคมแผ่กระจายมา เธอแววตาวาวดุดันวาบขึ้นทันที พร้อมๆกับวิ่งกลับไปบนเรือนไทย
"คุณตา ยัยเบญจามันกลับขึ้นไปข้างบนแล้ว" โกลเดนเบบี๋บอก
"มันต้องรู้เรื่องหนูรสแน่ๆ เพี้ยง!! ขออย่าให้หนูรสโดนจับได้เลย" หลวงพิชัยภักดีพูดพลางยกมือท่วมหัว
รอยยันต์เป็นแสงเรืองยังปรากฏขึ้นตลอด สุคนธรสเดินตรงเข้าไปดูตามเสาเรือน
เบญจาเดินนิ่งๆมามุมหนึ่ง พลังคลื่นอาคมของสุคนธรสที่เปิดตาเอาไว้ยังกระเพื่อมไหวๆอยู่
ก่อนหันขวับไปทางที่สุคนธรสเดินหลุดหลังไปไวๆ เบญจาตาลุกวาว มีแววเหี้ยมเกรียม

สุคนธรสยืนมองมาที่เสาเอกของเรือนไทย ที่ปรากฏรอยยันต์สักเป็นตัวอักษรเด่นขึ้นมาอย่างเด่นชัดสีวาบแดง สุคนธรสโทร.มือถือ พูดเสียงเบาทันที
" เจ๊ ฉันเจอแล้ว ฉันเจอจุดลงยันต์ประธานแล้ว"
ญาณินและติณห์วิ่งมาหลบมุมหนึ่งด้านหน้าเรือนไทย
"เยี่ยมมากเพื่อน ลงมือเลยเร็ว"
ญาณินเอาใจช่วยสุคนธรส
สุคนธรสใส่ Small Talk สีหน้าไม่มั่นใจเอาเสียเลย
"ได้ มาลองดู"
สุคนธรสยืนมองมาที่เสาเอกของเรือนไทย ที่ปรากฏรอยยันต์สักไว้เป็นตัวอักษร เด่นชัดวาบ
เบญจาเดินเร็วพรวด ไปตามทิศทางของคลื่นพลังอาคมที่เหมือนจะแรงขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมด้วยการ์ดหน้านิ่ง2คน เสียงสวดชยันโตด่าโวยเป็นทั้งภาษาฝรั่ง ภาษาญี่ปุ่น ดังล้งเล้งแว่วมา เบญจาชะงัก

สุคนธรสเหงื่อซึมเต็มหน้า ปล่อยพลังเวทย์เต็มสตีม คลื่นพลังเวทย์พุ่งเข้าใส่อักขระที่เสา อย่างรุนแรงเป็นลำต่อเนื่อง แต่ไม่มีวี่แววอักขระนั้นจะอ่อนลงเลย พลังเวทย์ของสุคนธรสที่พุ่งใส่ต่างกระเด้งกระดอนออกไปคนละทิศละทาง

ติณห์สะกิดญาณิน

“คุณ...เป็นอย่างไรบ้าง”
ญาณินถามสุคนธรส
“รส แกไหวมั้ย”
คนธรสนิ่ง ทำสมาธิปล่อยพลังเวทย์ ก่อนที่จะยอมส่ายหน้าเบาๆออกมา
“ไม่ไหว...พลังอาคมมันล้ำจริงๆ”
“มา ฉันอีกแรง”
ญาณินหลับตาลง พลันกระแสแสงวาบขาวพุ่งขึ้นไปยังเสาเอกเรือนไทย เกิดเป็นแรงสมทบปะทะอย่างรุนแรง ญาณินเริ่มรู้สึกได้ถึงความเปล่าประโยชน์ พลางถอนใจออกมาเบาๆ
“โธ่เอ้ย...”
คลื่นพลังเวทย์แผ่ซ่านออกเป็นวงกว้างรุนแรง ขณะเดียวกับที่เบญจาโผล่มาพอดี เธอตาลุกวาววาบแดง สุคนธรสลืมตาหันมาเห็น
“แก”
ญาณินและติณห์ได้ยินเสียงเบญจาลอดออกมาทางโทรศัพท์ก็ตกใจ ตาโต
“เบญจา”
“ยัยรส! หลบออกมาก่อน”
เบญจาถามสุคนธรส
“แกเป็นใคร”
พลันไตรรัตน์ก็พรวดโผล่เข้ามาชนกับเบญจาจนล้มปลิว
“โอ้ย ขอโทษครับคุณ เป็นอะไรหรือเปล่า”
“นี่คุณ”
ญาณินรีบเตือนสุคนธรส
“รส พอเถอะ ออกมา”
สุคนธรสหน้าซีด เหงื่อเต็ม
“อืม”
ไตรรัตน์หันไปเห็นและตรงพรวดเข้ามาหาสุคนธรส
“รส นี่คุณ..เป็นอะไรไป”
เบญจามองตาม สั่งการ์ดทั้งสองให้จับสุคนธรสและไตรรัตน์
“ไปจับทั้งคู่”
ก่อนที่การ์ดร่างยักษ์2คนจะถึงตัวสุคนธรสและไตรรัตน์ ก็มีเสียงเอะอะโวยวายมาทางด้านรีเซฟชั่น ทั้งหมดชะงัก หันไปมอง
ติณห์โวยวายลั่น ทำเอาประชาสัมพันธ์หลายคนต้องปรามให้ติณห์เบาอารมณ์ลง
“ทำไม...ผมนวดบ้างไม่ได้เหรอ ผมก็เป็นแขกมาขอรับบริการนะ”
“แต่คุณมิรันตีสั่งไม่ให้คุณเข้ามานะคะ”
“แต่ผมปวดตัวอยากนวดนี่นา”
แก๊งฝรั่งญี่ปุ่นวิ่งกรูมา ไตรรัตน์หน้าเหวอ รีบโกยอ้าวหาทางหนี ติณห์กระพริบตาส่งซิกให้ไตรรัตน์ เขาพาสุคนธรสหลบลงจากเรือนไทยไป
ญาณิน จูงพาสุคนธรสและไตรรัตน์หนีไปได้ท่ามกลางความชุลมุนชุลเก ทุกอย่างโกลาหลเบญจา แม้จะต้องถอดใจกับเรื่องนี้ แต่แววตาแค้นอาฆาต

บ่ายต่อเนื่อง พงอินทร์ขับรถมาจอดหน้าหน้าบริษัทที่ปรึกษาทางบัญชีของดร.แผนยุทธ ซึ่งเป็นอาคารขนาดใหญ่ ตรงทางเข้ามีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดี ายในรถ กรรณมองอาคารที่ทำงาน แล้วหันมาตามพงอินทร์
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“เราจะมาทำความรู้จักกับ..คุณช่อเพชร เลขาฯคุณแผนยุทธไงล่ะ”
กรรณาหันกลับไปมองตึก
“นี่ที่ทำงานนายแผนยุทธเหรอ...ใหญ่ชะมัดเลย”
“ไปได้แล้วคุณ”
ทั้งสองลงจากรถ

ประตูกระจกเปิด ทั้งคู่เดินชิดกันก้าวเข้ามาด้านใน พนักงานที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์มอง พงอินทร์แต่งตัวดี ใส่สูท ผูกไท ใส่แว่นตากรอบใส กรรณาใส่ชุดทำงานเรียบสวย
กรรณาใส่หมวก สวมแว่นตาดำ แบบคุณนายไฮโซรุ่นสาว พงอินทร์ดราม่าจัดเต็ม
“ผมขอพบด็อกเตอร์แผนยุทธครับ”
“ได้นัดไว้ก่อนไหมคะ”
“เปล่าครับ”
“ตามหลักต้องนัดล่วงหน้านะคะ รู้สึกว่าตอนนี้ท่านยังไม่ได้เข้ามาด้วย”
“ดีครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอนัดหมายเวลากับเลขาขอท่านได้ไหมครับ”
“ให้แจ้งว่ามาจากไหนคะ”
“มาจากนิตยสาร My Idol จะมาขอสัมภาษณ์ดร.แผนยุทธน่ะค่ะ” กรรณาบอก
แผนนี้ทำเอาประชาสัมพันธ์สาวกระตือรือร้นขึ้นมานิดนึง รีบยกหูโทรศัพท์ต่อสายไปหน้าห้องแผนยุทธทันที
“ขอโทษค่ะ ไม่มีคนรับค่ะ สงสัยเลขาของท่านจะไม่อยู่ที่โต๊ะ”
กรรณาอึ้ง
“งั้นพวกผมขอขึ้นไปรอ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เชิญนั่งรอสักครู่นะคะ ดิชั้นจะลองโทรถามเลขาฯ ท่านให้อีกที”
พงอินทร์ขยับคิ้วเข้าหากัน ขนาดจะติดต่อเลขาฯยังยุ่งยากขนาดนี้ เขาจึงตัดสินใจใช้ไม้ตาย
“ไม่ต้องมีพิธีรีตรองขนาดนั้นก็ได้คุณ... ผมกับคุณช่อเพชรเคยติดต่องานกันมาก่อนแล้ว
รู้จักกันดี”
ช่อเพชร อินนาวงศ์ คือชื่อ - นามสกุลของเลขาดร . แผนยุทธ
“เอ...สงสัยคุณจะเข้าใจอะไรผิดนะคะ เลขาของคุณแผนยุทธไม่ได้ชื่อช่อเพชรค่ะ”
กรรณาและพงอินทร์มองหน้ากัน งงเป็นไก่ตาแตก
“ไม่ได้ชื่อช่อเพชร แล้วขื่ออะไรคะ”
“เลขาของคุณแผนยุทธชื่อว่า...”
“มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าคะ”
เสียงหวานแว่วมาจากด้านหลัง พงอินทร์หันไปมอง ดวงตากลมของสาวนางนั้นมองมาที่กรรณาก่อน แล้วเลื่อนไปที่พงอินทร์ ทันทีที่เห็นเขา ดวงตาคู่นั้นก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ทั้งคู่มองหน้ากัน อึ้ง
น้ำหนึ่ง พินทุวงศ์ ถามพงอินทร์
“โจ้ ! โจ้จริงๆ ด้วย”
“หนึ่ง! มาทำอะไรที่นี่น่ะ”
น้ำหนึ่งบอก
“หนึ่งทำงานอยู่ที่นี่ โจ้ล่ะมาทำอะไร”
กรรณาเห็นพงอินทร์ทำตาวาวขึ้นอย่างมีความหวัง
“ผมมาพบเลขาคุณแผนยุทธ หนึ่งพอจะรู้จักเข้าไหม”
“หนึ่งนี่แหละ เลขาของคุณแผนยุทธ”

โจ้กับกรรณาแปลกใจ !

บริเวณคาเฟ่เทอเรียของออฟฟิศแผนยุทธ ทั้ง 3 คนนั่งคุยกัน กรรณานั่งข้างพงอินทร์ เขายังคงพลางตัวอยู่

“หนึ่งเพิ่งมาทำงานได้ไม่ถึงเดือน หลังจากคุณช่อเพชรลาออกไป หนึ่งก็ไม่เคยเจอกับคุณช่อเพชรเหมือนกัน ได้ยินแต่ว่าเขาลากลับบ้านต่างจังหวัดแล้วก็ไม่กลับมาอีกเลย ส่งมาแต่จดหมายลาออก”
พงอินทร์กับกรรณาฟังเก็บข้อมูล
“แล้วโจ้ล่ะ กำลังทำอะไรอยู่”
“หากินกับสัตว์เหมือนเดิม เข้าป่าเก็บภาพนิ่งมาขายเหมือนเดิม”
“หนึ่งไม่ได้ถามถึงเรื่องงานของโจ้ หนึ่งถามถึงตอนนี้ โจ้กับคุณกรรณกำลังทำอะไรกันอยู่ใช่ไหมจ๊ะ”
“ทำไมรู้ล่ะ”
“ทำไมหนึ่งจะไม่รู้ โจ้ไม่มีน้องสาว โจ้ไม่ไว้ผมยาวเกินบ่าเพราะโจ้ไม่ชอบหวีผม แล้วคนอย่างโจ้ ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีกับคนที่โจ้รัก โจ้ไม่มาขอคร่ำครวญขอความช่วยเหลือจากใครหรอก โจ้จะไปถล่มเอง”
“แหม่ อยากให้โล่สุดยอดแฟนคลับกับหนึ่งซะจริง”
กรรณานั่งเท้าคางรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน แล้วตาก็มองวนไปในอากาศ ตบเพี้ยะ !
เขากับน้ำหนึ่งหันขวับไปมอง
“แฮะ...โทษที แมลงวันตอม”
“ใกล้เน่าแล้วสิ” พงอินทร์บอก
“มันมาตอมปากนายนั่นแหละ “
“จริงปะ อ้า” พงอินทร์อ้าปากพ่นลมใส่กรรณา
“อี๋ ทุเรศว่ะ” กรรณาปาเศษกระดาษทิชชู่ใส่ปากเขา
น้ำหนึ่งมองแล้วขำ
“ในที่สุด โจ้ก็เจอผู้หญิงที่ปราบโจ้ได้”
“เฮ้ย ! ไม่ใช่ ผมกับคุณกรรณไม่ได้เป็นอะไรกัน”
กรรณาชำเลืองมองเขา เกิดความแค้นตาถลึงขึ้นมาแว่บหนึ่ง แล้วปั้นหน้าเป็นปกติ
“ใช่ค่ะ แค่เพื่อนก็ยังไม่อยากจะเป็นด้วยซ้ำ แต่มันจำเป็นเพราะเราทำงานด้วยกัน”
“งาน งานอะไรคะ..แล้วทำไมต้องถามหาคุณช่อเพชรด้วย มีอะไรบอกหนึ่งก็ได้ค่ะ”
กรรณากับพงอินทร์มองกันเป็นเชิงถามว่า...จะบอกน้ำหนึ่งดีไหม
“ชั้นเป็นแค่ลูกจ้าง แล้วแต่นายจ้างตัดสินใจ”
พงอินทร์หันมองน้ำหนึ่งที่หน้าตาใสซื่อจริงใจ
“ผมงงๆ นิดหน่อย ว่าหนึ่งมาทำงานกับพี่เขยผมได้ไง เขาไม่ใช่คนดีนะหนึ่ง”
“จริงเหรอคะ..ไม่ดียังไงคะ”
พงอินทร์มองหน้ากรรณา แล้วตอบน้ำหนึ่ง
“เอาไงดี เอาเป็นว่า หนึ่งต้องระวังตัว แล้วอยู่ห่างๆเค้าไว้...เอ้อ หนึ่งรู้เรื่องที่ ภรรยาเค้าเสียชีวิตหรือเปล่า ภรรยาเขา พี่สาวผมไง”
“เอ่อ...ก็ไม่ทราบเลย นี่หนึ่งก็งงๆอยู่นะคะเนี่ย”
“คือเรื่องมันยาวมาก ย่อๆนะหนึ่ง ผมสงสัยว่า ช่อเพชรจะรู้เรื่องเงื่อนงำการตายของพี่สาวผม เพราะพี่พิมจับได้ว่าช่อเพชรเป็นชู้กับพี่แผน”
“เดี๋ยว...ช้าๆก่อนนะคะ โจ้ ขอหนึ่งจูนหัวสมองก่อน คุณแผนยุทธเป็นพี่เขยของโจ้หรอกหรือ ทำไม เป็นไปได้ไง โลกกลมจัง”
“ใช่ กลมมาก ผมถึงต้องบอกหนึ่ง เผื่อหนึ่งจะช่วยผมกับคุณกรรณได้ อีกอย่าง หนึ่งจะได้ระวังตัวไว้ อย่างไอ้พี่แผนปลาไหลยังซูฮก หนึ่งอย่าไปหลงคารมมันเข้าให้ล่ะ เอ๊ะ หรือว่า...ผมมาสายไปละ หนึ่งโดนเข้าไปแล้วอีกคน”
น้ำหนึ่งถอนหายใจ กรรณาเห็นน้ำหนึ่งมองตรงเข้าไปในดวงตาของพงอินทร์ จ้องราวกับสิ่งที่กำลังจะพูดนั้นมีความหมายลึกซึ้งที่เข้าใจกันเพียงสองคน
“โจ้ไม่ต้องห่วงหรอก หนึ่งเกลียดผู้ชายเจ้าชู้ขนาดไหน โจ้น่าจะรู้ดี”

รีสอร์ตติณห์ ภายในเรือนรับรอง ติณห์ยืนครุ่นคิด เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง สีหน้าหนักใจอึ้ง
หลวงพิชัยภักดี โกลเดนเบบี๋ สีหน้าตกใจ
“ใช่...ไม่น่าเป็นไปได้”
ญาณิน สุคนธรส อรวรรณ ทุกคนหน้าตาเครียด มีไตรรัตน์นั่งหน้าเจี๋ยมทำมึนจ๋อยอยู่ห่างๆ
“เวทย์อาคมชั้นสูงของหลวงลุงที่ฉันมั่นใจ ก็กลับทำอะไรมันไม่ได้”
“พลังพุทธคุณของฉันก็ไม่มีความหมาย”
อรวรรณบอก
“ตายแล้ว นี่..คนที่ทำสิ่งนี้ มันมีอิทธิฤทธิ์สูงเกินกว่าที่เราชาวซิกส์เซนส์จะทาบได้เชียวหรือคะ”
ติณห์ถอนใจเบาๆ ก่อนหันกลับมา
“งั้นก็คือ เราหมดสิทธ์ทำอะไรไอ้ยันต์อาคมนี้ได้เลย”
ทุกคนเงียบ
“นี่ ฉันขอพูดอะไรนิดนะ ติณห์ฉันเห็นแกตอนนี้แล้วนึกถึงบ้านฉันตอนโดนไอ้สมคิดนั่นมันเล่นซะจริงเชียว” ไตรรัตน์บอก
“นายไตเงียบไปเลย ก่อเรื่องได้ไม่หยุดไม่หย่อนแล้วยัง...”
“อะจ๊ะ...เงียบแล้วจ๊ะ ก็แค่นึกถึงเจ๋ยๆ”
“เออ...จริงของคุณไตรนะ ว่าไป...ถ้าหมอสมคิดยังไม่โดนปลดอาคม ฉันก็จะนึกถึงเขานะ”
ติณห์นิ่งคิดๆ
“แปลว่ามีหมอผีเจ้าใหม่ เจ๋งกว่าใคร มาทำสิ่งนี้เหรอคะ” อรวรรณว่า
หลวงพิชัยภักดีบอก
“แล้วชั้นจะต้องทนอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหน ใครช่วยแนะนำชั้นที”
ติณห์วาบคิดอะไรได้ขึ้นมา
“เยส แกรนด์ปา เมย์บียู ไรท์ ...โอเค ไอรู้แล้ว ว่าไอควรไปหาใคร”
ทุกคนมองตกใจ ติณห์สายตามั่น

เวลาต่อมา ประตูกรงเลื่อนออก นักโทษคนหนึ่งเดินออกมาจากกรง โดยมีผู้คุมเดินนำไป
นักโทษกำนันพงษ์นวดเคราครึ้ม ในชุดนักโทษ หน้านิ่งครึม

บริเวณคาเฟ่เทอเรียของออฟฟิศแผนยุทธ พงอินทร์ถาม
 
“หนึ่งยังใช้เบอร์เดิมอยู่หรือเปล่า”
น้ำหนึ่งส่ายหน้า พงอินทร์ยิ้ม
“งั้นผมขอเบอร์หนึ่งไว้ได้ไหม”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาทำให้กรรณาหมั่นไส้
“ผมจะได้ให้เบอร์หนึ่งกับคุณกรรณเอาไว้ คือว่าคุณกรรณเป็นนักสืบที่จะมาช่วยผมสืบคดีพี่พิม เผื่อหนึ่งมีข้อมูลของคุณช่อเพชรเพิ่มจะได้โทรบอกคุณกรรณ”
“นักสืบ”
น้ำหนึ่งตาโตมองกรรณาอย่างทึ่งๆ น้ำหนึ่งล้วงหยิบมือถือในกระเป๋า
“ได้จ้ะ”
กรรณากระซิบบอก
“แมนๆ หน่อย อยากได้เบอร์เขาก็พูดไปตรงๆ ไม่ต้องเอาชั้นมาอ้าง”
พงอินทร์ลอยหน้าลอยตาไม่สนใจ
“ขอเบอร์คุณกรรณด้วยค่ะ”
“ได้ค่ะ”
น้ำหนึ่งและกรรณาแลกเบอร์กัน ระหว่างนั้นน้ำหนึ่งหันมองพงอินทร์แบบสนิทสนม
“สำหรับโจ้ ห้ามโทร...หลังสี่ทุ่ม”
น้ำหนึ่งดักทางพงอินทร์อย่างรู้ทันกัน
“แหม...ผมไม่นอนดึกเหมือนสมัยหนุ่มๆแล้วน่า”
กรรณารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก

เวลาเย็นต่อเนื่อง แผนยุทธเดินเข้ามาในบริษัท พนักงานต้อนรับยกมือไหว้และรายงาน
“คุณแผนยุทธคะ เมื่อตะกี้มีมาคนมาขอพบคุณค่ะ”
แผนยุทธแปลกใจ วิญญาณช่อเพชรด้านหลังแผนยุทธโกรธได้ยินดังนั้น ก็สะบัดหน้าผมปลิว
“มาถึงนี่เลยเหรอ อีหน้าด้าน”

จู่ๆ กรรณาสะดุ้ง หูกรรณา...ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง ช่อเพชรกรีดเสียงร้อง กรรณาหันขวับมาทางเสียง
“แกมาทำไม อยากตายใช่ไหม”
กรรณารีบเอาหูฟังใส่ทันที
“คุณเป็นไร” พงอินทร์ถาม
“คุณแผนยุทธมา”
พงอินทร์กับน้ำหนึ่งมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
กรรณาเห็นแผนยุทธเดินเข้ามาถึงในโรงอาหาร มองซ้ายมองขวา กรรณาก้มหลบใต้โต๊ะพร้อมกับกดหัวโจ้ลงไปด้วย
“ก้มลงนายโจ้”
พงอินทร์โผล่หน้าไปมองอย่างตกใจ รีบส่งซิกบอกให้น้ำหนึ่งช่วย เธอไม่รอช้า รีบลุกขึ้นไปหาก่อนที่แผนยุทธจะมาถึงโต๊ะ เธอพยายามเอาตัวบังแผนยุทธไม่ให้มองไปที่โต๊ะ
“สวัสดีค่ะ...คุณแผนยุทธมาทานข้าวหรือคะ อยากทานอะไร เดี๋ยวหนึ่งไปสั่งให้ค่ะ”
ระหว่างนั้นพงอินทร์กับกรรณาพากันคลานอ้อมโต๊ะไปที่ทางออก
“น้ำหนึ่ง...มีคนมาขอพบผมเหรอ”
“เอ่อ...เขา...เขากลับกันไปแล้วค่ะ”
กรรณาคลานตามหลังพงอินทร์ เงาดำของช่อเพชรคร่อมหลังกรรณาแล้วพูดใส่
“แกต้องตาย เพราะแกมายุ่งกับผัวชั้น แอร๊ย...”
กรรณาแสบแก้วหู แม้จะใส่หูฟังแล้วก็ตาม
“เข้าใจชั้นไหม”
จานข้าวของคนที่อยู่แถวนั้นแตก เพล้งๆๆ กรรณาแสบแก้วหูมากทรุดลงกับพื้น
“โอ๊ย”
“คุณกรรณ”
แผนยุทธจะหันไปมองทางเสียง แต่น้ำหนึ่งคว้าแขนไว้
“คุณแผนยุทธคะ หนึ่งมีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณค่ะ”
แผนยุทธหันกลับมาด้วยสายตาวิบวับ น้ำหนึ่งมองเขาตาเป็นประกาย เขายิ้ม กรรณางอตัว ปิดหู น้ำตาไหลคลอ
“กรรณ คุณเป็นอะไร”
“ชั้น...ไม่ไหว”
“กรี๊ด...แกต้องตาย”
กรรณากองกับพื้นดิ้นพล่าน พยายามประคองสติ
บริเวณนั้น แก้วน้ำแถวนั้นล้มระเนระนาด บางแก้วแตก เก้าอี้นั่งบางตัวหัก คนนั่งล้โครม...ตกใจกันหมด พงอินทร์ชะเง้อมองไปที่แผนยุทธ น้ำหนึ่งคอยจับตัวแผนยุทธหันหลังให้พงอินทร์และกรรณา
“วันนี้แกไม่รอดแน่...แอร๊ย”
กรรณาตาเหลือก
“โอ๊ย...”
พงอินทร์ช้อนตัวอุ้มพากรรณาวิ่งออกไป
“จะไปไหน...อีหน้าด้าน แกอย่ามายุ่งกับผัวชั้นอีก เข้าใจมั้ย”
น้ำหนึ่งเห็นพงอินทร์พากรรณาออกไปแล้ว
แผนยุทธหันไปมองพอดี แต่คลาดกับพงอินทร์และกรรณาพอดี
“เกิดอะไรขึ้นนี่”
แผนยุทธมองผู้คนที่เดินอลหม่านไปมา
ผีช่อเพชรยืนตรงกลางระหว่างน้ำหนึ่งและแผนยุทธ
“อีน้องชั่ว แกอีกคนมาแย่งผัวชั้น คุณแผนยุทธอย่าไปยุ่งกับมัน นังนี่มันบ้า มันเป็นโรคจิต”

บริเวณห้องพบญาติ เรือนจำกลางเมืองกาญจน์ เวลาเย็น กำนันพงษ์นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกับคนทั้งสอง
ติณห์ถาม
“กำนันเป็นอย่างไรบ้างครับ”
“คุณติณห์มาเยี่ยมผมถึงนี่ คงจะไม่แค่ถามสารทุกข์สุกดิบผม ใช่มั้ยครับ”
ติณห์ยื่นโทรศัพท์ในมือไปวางลงตรงหน้ากำนัน
“กำนันเคยเห็นนี่มั้ย”
พงษ์ภาพอักขระตัวอักษรอาคม ที่ญาณินถ่ายไว้บนเรือนไทย กำนันมองเพ่งพิจารณาก่อนเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสีหน้าที่ปกติ
“ถ้ากำนันเคยเห็น ช่วยบอกชั้นหน่อยว่ามันมาจากไหน”
กำนันพงษ์มองทั้งคู่ด้วยสายตาคมกริบ ก่อนยิ้มมุมปาก
“นึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่รู้จักยันต์นี้อีก”
“กำนันรู้เหรอคะว่า ใครเป็นคนทำ”
“เป็นยันต์ที่ลบรูปลบรอยได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ หึหึ...แต่การที่คุณญาณินได้ภาพนี้มาก็นับว่าแน่ไม่น้อย”
“คุณรสพยายามล้างอาคมยันต์นี้ แต่ก็ไม่สำเร็จ” ติณห์บอก
“หึหึ...ยันต์อักขระแบบนี้ มีเพียงสองคนที่ทำมันขึ้นมาได้”
กำนันเงียบ แววตาเป็นประกายมีนัยยะ ติณห์รอฟังลุ้น
“เพราะสองคนนี้คือศิษย์จากสำนักเดียวกันที่ยังหลงเหลืออยู่”
“คนแรกคือใครครับกำนัน”
“ผมเอง”
ทั้งคู่ตาโต มองหน้ากัน
“แต่...กำนันโดนเจ้ากรรมนายเวรเอาอาคมออกจากตัวแล้วนี่นา ก็ต้องเป็นอีกคนที่เหลือยู่นะสิกำนัน”

“อีกคน...หึหึ คุณก็รู้จักดีอยู่แล้ว”
 
อ่านต่อหน้า 3

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 10 (ต่อ)

ที่เรือนรับรอง เวลากลางคืน สุคนธรส และไตรรัตน์ มีสีหน้าตกใจ โพล่งพร้อมกัน

“หมอสมคิด”
ติณห์สีหน้าหนักใจก่อนเดินครุ่นคิดไปมาต่อ มีไตรรัตน์ สุคนธรส ญาณิน และอรวรรณนั่งฟังอยู่อย่างตั้งใจ
“คุณตา ใช่หมอผีสมคิดจริงด้วย คุณตา” โกลเดนเบบี๋บอก
“บ๊ะเป็นไอ้นี่จริงละหรือ แต่มันมาตอนไหนวะ ฉันอยู่ที่เรือนตลอด ก็ไม่ยักเคยเห็นมันมาเลยนะ”
“แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้ ไอ้สมคิดนั่นถูกหลวงลุงกำจัดอาคมออกจากตัวไปหมดแล้ว” ติณห์บอก
“แต่กำนันพงษ์คอนเฟิร์มว่ามีเพียงแค่เขาสองคนเท่านั้นจริงๆที่ทำยันต์นี่ขึ้นมาได้” ไตรรัตน์ว่า
“ก็แทบตัดทิ้งสองคนที่ว่านี่ไปได้เลย”
ญาณินเห็นว่า
“มันก็ใช่..นอกเสียจากว่า”
สุคนธรสถาม
“อะไรของแก”
“กำนัน หรือ หมอสมคิด...จะมีลูกศิษย์”
ติณห์หันขวับ สุคนธรส อรวรรณ ตาลุก
“ถูกต้อง” ติณห์ว่า
ญาณินบอก
“และลูกศิษย์คนนั้น ต้องอยู่ที่นี่”
ทุกคนตาลุกวาว

บานกระจกหน้าต่างสั่นเทาระริก ฉับพลันทันใด หลวงพิชัยภักดี และโกลเดนเบบี๋ตัวซ่าเหมือนภาพทีวีล้มและชั่วอึดใจก็ปลิวลิ่วหายออกไปนอกห้อง
“พะ..พระช่วย”
“เหวอ”
สุคนธรส ญาณิน รับรู้ถึงพลังมาคุบางอย่างพร้อมกันทันที
ประตู หน้าต่างในห้องที่สั่นระรัว ไล่จากด้านในสุดของห้องออกมาถึงที่ประตูทางเข้า ทุกคนในห้องต่างตกตะลึงหันมองขวับไปที่ประตู
ประตูห้องทางเข้าที่ตอนนี้เปิดโล่ง เห็นแต่กลุ่มใบไม้ใบหญ้าด้านนอกที่สงบนิ่งตรงข้ามกับภายในเรือนรับรอง ทุกคนต่างมองกันไปมา
เบญจาก้าวมาจากหลังบานประตู ยืนนิ่งที่หน้าประตู ก่อนเดินตรงเข้ามาหยุด ยืนยิ้มทักทาย ภายในแสงจากหลอดไฟดวงกระพริบติดดับไปมาเป็นระยะ ทุกคนอึ้ง ตะลึง อรวรรณกับไตรรัตน์ ขนลุกเกรียว
“สวัสดีค่ะ แหมอยู่กันครบเลย ขอโทษที่หนูมาเสียค่ำ ออ แล้วก็เมื่อกลางวัน”
เบญจาชม้ายตามาทางสุคนธรส แล้วพูดต่อ
“ก็ไม่ทันได้รู้ว่า พี่ติณห์มีเพื่อนมาเที่ยวด้วยสองคน หนูเลยไม่ได้ต้อนรับเป็นพิเศษ”
สุคนธรสปะทะสายตากับเบญจา
“แล้วเธอ มีธุระอะไร เบญจา”
“ทำไมพี่ติณห์ถามหนูอย่างนี้ล่ะคะ...ถ้าหนูไม่มีธุระหนูมาที่นี่ไม่ได้เหรอคะ”
สุคนธรสที่พยายามจับความรู้สึกกับเบญจามาตลอดที่สบตาถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนหันกระซิบกับญาณินที่อยู่ข้างๆ เบาๆ
“ทำไมฉันไม่เห็นรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนี้ได้เลย ถ้าหากว่าคนๆนี้คือ...”
“ฉันด้วย”
“คือหนูได้ยินมาว่า เพื่อนพี่ติณห์ ไม่สิ เพื่อนคนเก่งของพี่ญาณิน เขาก็อยู่ที่นี่ ก็เลยมาเยี่ยมค่ะ”
“ไตรรัตน์ กับ สุคนธรส แวะมาเยี่ยมพี่...เดี๋ยวเขาก็กลับแล้ว”
เบญจาได้ยินชื่อสุคนธรส พลันสายตาแข็งกร้าวขึ้นมาทันใด หันขวับมาจ้องเธอทันที จนเธอรู้สึกได้ถึงพลังภายในตัวของเบญจา
“สุคนธรส เจอกันจนได้นะ”
หน้าต่าง ประตูทุกบานต่างตีกลับปิดล้อมสนิททั่วทั้งห้อง ข้าวของในห้องทั้งหลายเริ่มสั่นสะเทือนแรงเร่งขึ้นจนขยับ สุคนธรสสั่ง
“ทุกคน...มาอยู่ข้างหลังชั้น”
ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก
ไตรรัตน์ย้ำ
“ม่ต้องงง หลบมาอยู่หลังคุณรส...เร็ว”
ทั้งหมดรีบมาอยู่ด้านหลังสุคนธรส ไตรรัตน์ถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณ...ไหวไหม”
“ก็ต้องลองดู คุณ... คุณติณห์ห้ามมาอยู่กลางระหว่างชั้นกับเบญจาเด็ดขาด เข้าใจไหม”
ติณห์กับไตรรัตน์รับคำ
“โอเค”
เบญจาจ้องสุคนธรสตาไม่กระพริบ ติณห์โอบญาณินเอาไว้ ส่วนไตรรัตน์ประคองอรวรรณ
“ชั้นอยากเจอเธอมานานแล้ว” เบญจาบอก
ทันทีที่ขาดคำ ข้าวของทั่วห้องต่างลอยตัวพุ่งตรงเข้าใส่ทุกคนที่อยู่ในห้อง ยกเว้นติณห์ ทุกคนเป็นข้าวของไม่อันตรายมาก ยกเว้นสุคนธรสโดนพวกของแตกได้ เช่น แก้ว แจกัน ฯลฯ
“ว้าย...คุณหนู”
“ว้าย ป้าระวัง”
ของบางส่วนพุ่งมาทางอรวรรณ ไตรรัตน์หันตัวเองปิดป้องให้อรวรรณจนโดนของที่พุ่งใส่เสียเอง
“โอ๊ก”
“ไตรรัตน์!! … เบญจา หยุดนะ หยุด” ติณห์บอก
สุคนธรสขยับตัวโยกหลบ จนโดนเฉี่ยวหน้าไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ติณห์ยืนงง ตะลึง
“ผมบอกให้หยุด”
เบญจาไม่ได้ยินเสียงติณห์ โฟกัสที่สุคนธรสเพียงผู้เดียว!
ทุกคนที่ก้มหลบก็ตะลึงนึกไม่ถึง
สุคนธรสขวับมองปะทะสายตากับเบญจาที่จ้องมาด้วยแววตาอาฆาตสุดประมาณ ฉับพลันของอีกชุดใหญ่ พุ่งจากรอบทิศตรงใส่สุคนธรสคนเดียว ทำให้คนอื่นต้องหลบวิถีไปด้วย
สุคนธรสหลับตาท่องคาถาบางอย่าง ในช่วงเสี้ยววินาที พลันลืมตาพร้อมกับวาดมือโค้งจากล่างขึ้นบนข้ามไปหลังศีรษะ พลันข้าวของที่ตรงเข้ามาหาเธอทั้งหมดก็กระเด้งกระดอนคล้ายลูกปิงปองกับออกไปกระทบฝาบ้านแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
“เธอเป็นใคร รู้จักชั้นได้ยังไง”
เบญจาไม่ตอบ
แต่ในชั่วแวบเสี้ยววินาทีนั้น ญาณินสังเกตคล้ายมีรูปอีกากระพือปีกบินในแววตาดำของเบญจาได้ชัดเจน ทันใดนั้นตู้ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้สุคนธรสกำลังล้มเอี๊ยดลงมา
“ระวังคุณรส” ติณห์บอก
“ระวัง” ไตรรัตน์ย้ำ
ติณห์โผพุ่งไปคว้าตัวสุคนธรสกลิ้งหลบหลุนๆ
ไตรรัตน์บอกกับตัวเอง
“แท้งกิ้วนะไอ้ฝรั่ง นี่มันหนังเทพอสูรมังกรฟ้าหรืออะไรฟะเนี่ย”
เบญจามองอาฆาตมาทางไตรรัตน์ พลันตู้อีกใบก็ล้มลงมาอีก ทั้งสองต้องกลิ้งตัวหลบแยกออกคนละทาง ตู้ล้มผ่ากลางวง เบญจาฉุนที่พลาด
“คุณรส คุณติณห์” อรวรรณโพล่งเรียก
“นี่เธอ...มันจะมากเกินไปแล้วนะ”
ไตรรัตน์วิ่งตรงเข้าไปหาเบญจา
ญาณินห้าม
“อย่าเข้าไป”
“นายไตรรัตน์ อย่า...” สุคนธรสบอก
“ไตรรัตน์เหรอ...แกก็อีกตัว”
ไม่ทันที่ทุกคนจะห้ามไตรรัตน์ เบญจายกมือขึ้นมาขนานกับพื้น ทันใดไตรรัตน์เหมือนโดนค้อนขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาปะทะลำตัว
“อ๊าก...”
ไตรรัตน์ลอยกระเด็นชนข้างฝา กลิ้งลงมากองกับพื้นเลือดออกปาก ติณห์ลุกขึ้นมาขวางเบญจา“ห๊า...เบญจาเธอหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“พี่ติณห์หลบไปค่ะ”
“ไม่...จนกว่าเธอจะหยุด”

“คุณติณห์”

เสียงตูมตาม โครมคราม ข้าวของแตกในเรือนรับรองดังออกมา หลวงพิชัยภักดีกับโกลเดนเบบี๋ ยืนลุ้นไปมาอยู่หน้าตัวบ้าน

“โอยๆ นั่นมันอะไรนี่ ใครมันเข้าไปทำอะไรพวกหนูญาณิน”
“คุณตาไม่ต้องห่วงเลยนะ แม่สุคนธรสหนูอยู่ทั้งคน”
“แต่ว่า...ทำไมอยู่ดีๆ เราออกมาอยู่นี่กันได้ละ”
“ก็นั่นนะสิคุณ ออกมาพร้อมกันนี่นา”
มิรันตี กับทนายสมชาติเดินมาพอดี
“ชั้นจะมาดูให้เห็นกะตาเลย ถ้ายัยยิปซีนั่นยังอยู่ ชั้นจะไล่มันออกไปเอง”
สมชาติสังเกตเห็นบ้านเรือนรับรอง
“โอโห เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น”
มิรันตีหันไปมองเรือนรับรอง ตาโต
“ว้ากก...ยัยมิรันตีมาที่นี่ทำไม”

ติณห์ยืนขวางระหว่างเบญจาและญาณิน ไตรรัตน์ สุคนธรสและอรวรรณ ทุกคนดูสะบักสะบอม เหนื่อยหอบจากการหลบหลีกสิ่งของที่ลอยมาใส่ก่อนหน้านี้
“พี่ติณห์ หนูบอกให้พี่หลีกไง หนูไม่อยากทำร้ายพี่”
“แล้วเธอจะทำอะไรพวกนี้เค้า ตั้งใจจะฆ่าเค้าให้ตายกันให้หมดเลยรึไง”
“ไอ้ฝรั่ง ไม่ต้องคุยแล้ว ยัยนี่มันคือเด็กปีศาจ แม่มดแห่งแม่มดหมอผีทั้งแผ่นดินแล้ว”
พูดไม่ทันขาดคำ ไตรรัตน์หยิบแจกันเขวี้ยงไปหาเบญจาทันที เธอมองแจกัน แล้วเอียงคอหลบนิดเดียวแบบแม่นยำ ไตรรัตน์ แปลกใจกับวิชาของเบญจา
“ว้าว... ยัยบ้านี่มันชิลด์ๆมากมายเลย”
เบญจาตาลุกวาวขึ้นมาทันที ยกมือขึ้นเหมือนจะเปล่งพลังไปที่ไตรรัตน์ แต่ติณห์มาขวาง
“อย่า”
เบญจาเสียจังหวะ หยุดกึกเพราะไม่อยากทำร้ายติณห์
“ยัยรส...จัดไปตอนนี้”
ญาณินส่งสัญญาณให้สุคนธรสหาทางตอบโต้ช่วงที่เบญจาลังเลอยู่
“ได้เลยเพื่อน..เด็กนักใช่มั้ย สวยนักใช่มั้ย..แบบนี้ต้องเจอเจ๊จัดเต็ม”
สุคนธสแทรกสองหนุ่มออกมายืนสวด ชยมงคลคาถา....
“ พาหุงสะหัส สะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆ ระสะเสนะมารัง...”
อักขระมนตราลอยเป็นแผงเข้าสาดใส่ เบญจารู้สึกตัวได้ก็แทบจะป้องกันไม่ทัน ได้แต่ยกมือปกป้องตัวเอง คลื่นพลังบริสุทธิ์แห่งพุทธคุณกระแทกเบญจาถึงกับตัวงอ ลื่นไถลถอยหลังไปหนึ่งช่วงตัว แต่ไม่เป็นอะไรมาก
“ยัยเบญจาไม่สะท้านเลย แปลว่าจิตมันแข็งมาก” ญาณินบอก
ไตรรัตน์ถาม
“แล้วทำไงล่ะทีนี้ หลบไปตั้งหลักก่อนไหม”
“ไม่ทันแล้ว...” ติณห์บอก
เบญจาโกรธจัดรวบรวมพลังจิต แสดงรูปเป็นทรงกลมดำๆ ลอยขึ้นที่สูง สิ่งกลมนั้นบานออก เหมือนหอยเม่น หมุนตัวสลัดเข็มแหลมๆนับไม่ถ้วน พุ่งเข้าสู่กลุ่มติณห์
สุคนธรสยังสวดมนตร์ต่อเนื่องไป และอักขระมนตรานั้นก็แตกตัวออกเป็นโล่ป้องกัน บางส่วนป้องกันได้ บางส่วนป้องกันไม่ได้ พุ่งเข้าเฉี่ยวแก้ม สุคนธรส จนถึงกับเลือดพุ่งออกมาเป็นเส้น ที่เหลือพุ่งผ่านผมของสุคนธรส บางส่วนทิ่มเข้าตามแขน2-3จุด เห็นเสื้อขาด เจาะเป็นรูเล็กๆ เหมือนเข็มทิ่มเข้าเสื้อทะลุถึงเนื้อสุคนธรส
“โอ๊ย...”
เข็มบางส่วนพุ่งเข้าใส่ไตรรัตน์ 2-3จุด
“อ๊าก”
“ว้าย...!! แอร๊ยๆๆ หอยเม่นอวกาศ” อรวรรณบอก
ญาณินบอก
“คุณติณห์เรารีบออกจากที่นี่กันเถอะ”
“หมดทางหนีแล้วค่ะพี่ณิน...”
เบญจาพูดจบรวบรวมพลังภายในเต็มที่ หลับตาลง ของในบ้านเริ่มสั่น ไฟติดๆดับๆ
“เบญจาหยุด ผมบอกให้หยุด”
อยู่ๆ เบญจาชะงัก เหมือนได้ยินอะไร หันมาทางประตู แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอยกมือชี้ที่ลูกกลมให้หยุด แล้วหดตัวลอยกลับมา เธอเอามือรับไว้ แล้วหมุนมืออีกที ลูกกลมหายไปแล้ว พวกญาณินต่างหมอบตัวลงอย่าง งงๆ เบญจายิ้มเย็น

มิรันตีและทนายสมชาติเดินขึ้นมาบนระเบียง
“คุณทนายเปิดประตูเลย เดี๋ยวชั้นจะโชว์เอง”
ทันใดนั้น ประตูบ้านเปิดพรวดออก มิรันตี สมชาติ ผงะ ! มีควันเทาๆ มืดๆ บังตาเบาๆ ภายในนั้น มืดสนิท ไม่เห็นอะไร
ทันใด จากความมืด และควันเทาจางๆ ลง ก็มีเสียงกรี๊ดของเบญจา
“อ๊า...นั่นเสียงเบญจานี่”
ทันใด เบญจาเดินโซซัดโซเซ เสื้อผ้าขาดวิ่น เนื้อตัวมีรอยฟกช้ำ กะปลกกะเปลี้ย เดินออกมา แล้วล้มลง
“นี่เป็นอะไรน่ะเบญจา”
เบญจาร้องไห้ระล่ำระลัก
“คือ หนู..หนูโดน พวกนั้น”
“ใจเย็นนะ ค่อยๆพูด มีใครทำอะไรเธอ”
ติณห์ ญาณิน ไตรรัตน์ สุคนธรส อรวรรณโผล่ตามออกมาจากบ้านพอดี
“ว้าย นี่อะไรกันนี่ พวกแกรุมสะกดจิตหมู่กันยังไม่พอหรือ พวกแกยังรุมสกรัมหมู่กันอีก โหดร้าย ป่าเถื่อน วิตถาร โรคจิตกันชัดๆ”
“เฮ้..มัม ยู กำลัง เข้าใจผิดนะครับ”
“ติณห์แกหยุดได้แล้ว หัดลืมหูลืมตาดูซะบ้างว่าอะไรมันเกิดขึ้น นี่แกไม่เห็นเหรอผู้หญิง ตัวเล็กๆคนเดียว ต้องสะบักสะบอมออกมาจากบ้านพวกแก หรือว่าแกก็เป็นไปด้วย”
“มัม เมื่อกี้มัมไม่เห็น สิ่งที่เกิดขึ้นข้างในนะ เบญจาเขา...”
“นูทำอะไรคะ ไล่ตบพี่ๆทุกคน หรือเสกเข็มหอยเม่นศักดิ์สิทธิ์จากต่างดาว มาไล่แทงพวกพี่ บอกไปสิคะ”
“ใช่..นี่ไง เข็มหอยเม่นต่างดาวของเธอมันแทงพี่เป็นแผล นี่ไงครับ มัมมี้ดู เสื้อผมขาดเลย”
“เข็มหอยเม้นต่างดาวเนี่ยนะ บ้าแล้ว เครซี่ บ้าบอ ติงต๊อง จิตทรามที่สุด พอทีติณห์ แกจะเอายังไง ฉันไม่ทนกับคนพวกนี้อีกต่อไปแล้ว จำที่ฉันยื่นคำขาดกับแกได้ไหม ตกลงแกจะเลือกแม่หรือเลือกจะออกจากรีสอร์ตนี้ไปพร้อมกับพวกยัยญาณิน บอกฉัน มา..เทลมีๆๆนาว”
“มัม” ติณห์หนักใจ จ้องมองมิรันตีน้ำตาคลอเบ้า ตัดสินใจ
“โอเค อิฟ ยู ว้อนท์ ไอ วิล..ผมจะออกไปกับญาณิน”

มิรันตี สมชาติ เบญจา อึ้ง ฝ่ายญาณิน สุคนธรส ไตรรัตน์ อรวรรณตะลึง ขณะที่หลวงพิชัยภักดี โกลเดนเบบี๋ตกใจ

ประตูห้องนอนเปิดพรวด ติณห์ขึงขังเข้ามาเปิดประตูตู้เสื้อผ้า กวาดดึงเสื้อในตู้มาโยนกองลงบนเตียงโครมๆ หลวงพิชัยภักดีพรวดมาดักหน้าดักหลังติณห์ไปมา

“นะ โน โนเด็ดขาดเลยนะไอ้หลานสุดเลิฟ แกห้ามทิ้งฉันกับที่นี่ไปเด็ดขาด เข้าใจมั้ย ถ้าแกกับหนูญาณินไปฉันจะทำยังไง แล้วรีสอร์ตที่แกอุตส่าห์สร้างมาคงย่อยยับป่นปี้ ความชั่วร้ายเลวทรามจะครอบงำที่นี่นะเว้ย”
“แกรนด์ปา แอม ซอรี่ ผมเสียใจจริงๆ”
ติณห์รีบคว้าหยิบกระเป๋าใบโตออกมาเปิด คว้ารวบเสื้อผ้าจะยัดลงกระเป๋า ญาณิน เข้ามาคว้ามือติณห์เอาไว้
“ติณห์ หยุดซะ คุณทำอย่างนี้ไม่ได้ คุณจะตัดสินใจอย่างนี้ไม่ได้”
“ใช่ ถูกต้อง” หลวงพิชัยภักดีบอก
สุคนธรส ไตรรัตน์ อรวรรณ โกลเดนเบบี๋ ตามมาลุ้นมองอยู่ห่างๆ
“ดาลิ้ง คุณก็เห็นทั้งหมดแล้ว ยังไงๆ มัมก็ไม่มีวันฟังไอ”
“ใช่คะฉันเห็นแล้ว แล้วคุณก็เห็นพร้อมๆกับฉัน แล้วแล้วคุณจะทิ้งแม่คุณไว้กับเบญจานะ คุณทำได้หรือ”
“ใช่เลย แกทิ้งไม่ได้ แกห้ามทิ้ง อันตราย หายนะแน่”
“คุณต้องรวบรวมสติ รวบรวมสมาธิให้นิ่ง ใจเย็นๆ วู่วามแบบนี้ความคิดและปัญญาคุณจะ โดนหมอกควันบดบังนะคะ”
ติณห์อึ้งไป
“ติณห์คะ คุณต้องอยู่ที่นี่ต่อไป คุณจะไปไหนไม่ได้ นี่คือบ้านของคุณ รีสอร์ตของคุณ และแม่ของคุณ”
“ฉันด้วยนะ”
ติณห์นิ่งคิดๆ อาการสงบลง
“ใช่ ถ้าผมไม่อยู่ เราจะไม่มีทางที่จะรักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ได้เลย ผมต้องช่วยมัมและแกรนด์ปา”
“ต้องอย่างนี้สิไอ้ติณห์หลานรัก”
หลวงพิชัยภักดีและติณห์กอดกัน
“ขอบใจนะ แม่หนูญาณิน”
“ค่ะคุณหลวง”
ญาณินจับมือสบตาติณห์
“คุณต้องอยู่ต่อไป”
ติณห์พยักหน้า

รถวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบริษัทซิกส์เซนส์ ประตูบ้านเปิดออก พงอินทร์ประคองกรรณาเข้ามาในบ้าน
“โอ๊ย...ยัยผีขี้หึงตัวนี้มันใครกันแน่ อีตาแผนยุทธพี่เขยคุณเล่นทั้งมั่วและทั่วถึงแบบนี้ เราจะจับมือผีตัวไหนดมได้ ว่าหล่อนเป็นใคร แล้วไม่รู้จะโกรธอะไรชั้นนักหนา ตะโกนจนแก้วหูจะพังแล้วเนี่ย ไม่รู้กี่ร้อยเดซิเบล.. นี่ถ้าคุณน้ำหนึ่งแฟนนายมีซิกส์เซนส์แบบชั้นล่ะก็...นางเละแน่”
“น้ำหนึ่งไม่ใช่แฟนผม”
“อดีตแฟนก็ได้อะ”
“เราแค่เกือบจะเป็นแฟนกัน”
“นายไปหักอกคุณหนึ่งล่ะสิ ผู้ชายก็งี้ ไม่เคยพอ”
“หนึ่งต่างหากที่หักอกผม”
กรรณาเหวอ
“หนึ่งเขาไม่เชื่อว่าผมจะรักเดียวใจเดียว”
พงอินทร์หัวเราะดูแค่นๆ แปร่งๆหู
“ไม่แปลก เป็นชั้น ชั้นก็ไม่เชื่อ”
พงอินทร์ทะเล้นใส่
“แต่ผมจะทำให้คุณเชื่อ โอเคไหมจ๊ะดาร์ลิ่ง จ๊วบ”
พงอินทร์ยื่นหน้าไปใกล้กรรณาทำตาหวานเยิ้ม กรรณาอี๋ใส่แล้วผลักเขาให้ออกประตูไป
“ฉันว่าคุณไปหาคนคุยด้วยใหม่ ที่เป็นคนที่เขาอยากเชื่ออยากคุณดีกว่า”
กรรณารีบดึงประตูปิดอย่างรวดเร็ว

ข้าวของสัมภาระทั้งหลายถูกวางใส่ท้ายรถโฟร์วิล ไตรรัตน์ปิดท้ายรถลง มีสุคนธรส อรวรรณยืนดูของอยู่ มิรันตี เบญจา สมชาติ ยืนสังเกตการณ์อยู่อีกมุม ติณห์จับประคองมือญาณินร่ำลาอยู่ใกล้ๆ
“ขอบคุณที่เชื่อฉัน ติณห์ คุณต้องเชื่อมั่นในความดี ความถูกต้อง อย่ายอมแพ้เป็นอันขาด”
“ดาร์ลิ้ง ผมจะไม่มีวันยอมแพ้แน่”
“สู้ๆค่ะ”
สุคนธรส เดินเข้ามายัดขตะกรุดสามกษัตริย์ใส่มือติณห์
“ตะกรุดสามกษัตริย์...นี่ เก็บเอาไว้ดีๆ เอาห้อยคอหรือคาดเอวก็ได้ อย่าให้ห่างตัว แล้วอย่าให้ฝ่ายนั้นเห็นเด็ดขาด คุณจะแคล้วคลาดจากการทำร้ายทางคุณไสยทุกอย่าง”
ติณห์แบมือดู เห็นเป็นแท่งตะกรุดสามกษัตริย์ พลันลายอักขระที่จารึกที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ปรากฏวาบเรืองขึ้นมาแล้วหายไป ติณห์ยกพนมจบอย่างศรัทธา
“ตะกรุดครับ ช่วยผมด้วย..ผมจะไม่ให้ห่างตัวเลย แต๊งคุณรส ไตรรัตน์ ยูโบธ..อาร์มายแองเจลส์”
ติณห์จับมือสุคนธรสเขย่าเป็นการขอบคุณ ก่อนหันไปโอบกอดไตรรัตน์
“แอนด์ยู ป้าออ ไอเลิฟยูทู”
ติณห์ดึงอรวรรณมาโอบกอด
“คุณพระคุณเจ้ารักษานะคะ คุณติณห์”
“เจ๊กับพี่รสต้องไปจริงๆเหรอคุณตา”
“ใช่”
“ที่นี่ก็จะเหลือแต่คุณตากับพี่ติณห์สิคะ”
หลวงพิชัยภักดีนั่งประคองโกลเดนเบบี๋ไว้
“แล้วใครจะดูแลคุณตากะพี่ติณห์ล่ะคะ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ พวกเราจะดูแลกันเอง”
โกลเดนเบบี๋กอดกับคุณหลวง
“ดูแลตัวเองด้วยนะอีหนู”
“ใช่...ไม่ต้องห่วงนะโกลเดน” ติณห์บอก
มิรันตีถาม
“จะยืนกันอยู่ทำไม ไปสตาร์ทรถสิ ยิ่งช้ายิ่งเสียเวลา...ไป”
ไตรรัตน์ถอนหายใจเปิดประตูขึ้นติดเครื่อง
“ติณห์ แล้วลูกก็มาได้แล้ว”
“โอเค ฉันไปละ”
ญาณินบอก ติณห์ถอนใจ ยอมปล่อยมือ เธอมองสบตา ก่อนขยิบตาข้างหนึ่งเป็นนัยทิ้งท้าย
ติณห์ขยิบตารับ
“พี่ติณห์คะ คุณแม่รออยู่ค่ะ ไปเร็ว”
เบญจาพรวดเดินเข้ามาดึงตัวติณห์ไป ญาณินสะดุดมองเล็กน้อย ก่อนเดินไปที่รถ

ภายในรถโฟร์วิล ญาณินนั่งอยู่เบาะหน้า หน้านิ่งหันไปมองกระจกข้าง เห็นเบญจายืนอยู่ข้างติณห์ ญาณินปวดใจ มิรันตียิ้มพอใจ สมชาติมองตาม ติณห์ที่มีเบญจายืนเกาะแขน มองตาตาปริบๆ

ภายในบริษัทซิกส์เซนส์ เวลาดึก กรรณาในชุดนอนมองโทรศัพท์เห็นเบอร์แปลกๆ ก็งงว่าใครโทร.มา แล้วตัดสินใจกดรับ
 
“ใครคะ”
“หลับหรือยังคุณ”
“ห๊า...”
ในบ้าน พงอินทร์กำลังคุยโทรศัพท์กับกรรณา
"ได้ยินไม่ค่อยชัดเหรอ ผมถามว่าหลับยัง โทรศัพท์รุ่นเก่าก็งี้ เบิกค่าจ้างล่วงหน้าเอาไปถอยโทรศัพท์ใหม่ไหมคุณ"
"นายโจ้ รู้เบอร์ชั้นได้ไง"
"อะๆ คุณให้ผมเอง"
กรรณางงแล้วนึกขึ้นได้ เมื่อตอนที่เธอบอกเบอร์น้ำหนึ่ง
"นายนี่แอบจำเบอร์ชั้นตอนชั้นแลกเบอร์กับคุณน้ำหนึ่ง ทุเรศที่สุด แล้วยังมีหน้ามาถามว่าหลับยัง งั้นเหรอ ถ้าหลับแล้วนี่ใครพูดล่ะ ผีรึไง"
"ผมหมายความว่า ผมโทร.มาปลุกคุณหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าคุณหลับไปแล้ว แต่ต้องตื่นเพราะผมรบกวนไรงี้"
"แล้วมันใช่เวลาคุยธุระไหมล่ะ ดึกป่านนี้ อ่ะ มีรัยว่ามา"
"ผมเหงา"
กรรณาใจเต้นประหลาด แต่ก็ทำห้าวกลบเกลื่อน
"ถ้าเหงาก็โทร.หานายก๊องโน่น เพื่อนดูบอลนายไม่ใช่เหรอ หรือไม่ก็โทร.ไปหาเพื่อนเก่าของคุณ เอาเบอร์ไหม ชั้นให้"
"คุณหมายถึงใคร"
กรรณาเงียบไม่ยอมตอบ
"หนึ่งไม่ให้ผมโทรหาหลังสี่ทุ่ม คุณไม่ได้ยินเหรอW
กรรณาน้อยใจ
"งั้นวันหลังก็เหงาให้มันเร็วๆ หน่อยก็แล้วกัน จะได้โทร.กวนได้ถูกคน แค่นี้นะ"
"เดี๋ยว"
"อะไรอีก"
"ถ้าคุณเหงาก็โทรมาหาผมได้เลยนะ ผมชอบถูกคุณกวน ฝันดีนะจ๊ะดาร์ลิ่ง จุบุจุบุ"
พงอินทร์วางสาย กรรณาด่าใส่โทรศัพท์
"ไอ้บ้า ! หน๋อย…โทร.หายัยน้ำหนึ่งไม่ได้ มาโทร.หาเราแทน อย่าเอาความเหงามาลงที่ฉัน ไม่ได้มีงานแก้ความเหงาใคร โนๆๆๆๆๆ..โว้ย"
ทันใดมีข้อความเข้ามาในมือถือ กรรณากดเปิดอ่าน "มีความคืบหน้าเรื่องช่อเพชร ติดต่อกลับด้วยนะคะ...น้ำหนึ่ง" เธอนิ่งคิดชั่วครู่ก่อนจะวิ่งออกไป

ภายในร้านกาแฟ ยามดึก กรรณาเดินเข้ามาในตามที่นัดกับน้ำหนึ่งไว้ เธอมองหา ไม่พบน้ำหนึ่ง จึงตัดสินใจนั่งรอ เธอสั่งกาแฟมาดื่มฆ่าเวลา แต่ขณะที่เธอยกกาแฟดื่ม มีเสียงทักทายมาจากโต๊ะที่ติดกัน
"สวัสดีค่ะคุณกรรณา"
กรรณาสะดุ้งตัวลอย หน้าเหว๋อ
"ค่ะ... สวัสดีค่ะคุณน้ำหนึ่ง"
เธอแปลกใจที่น้ำหนึ่งนั่งอยู่โต๊ะติดกันมาตั้งแต่แรก แต่ทำไมเธอจึงไม่เห็นก็ไม่เข้าใจ น้ำหนึ่งย้ายมานั่งโต๊ะเดียวกัน
น้ำหนึ่งยื่นซองจดหมายฉบับหนึ่งให้กรรณา
"ซองบิลค่าโทรศัพท์ของคุณช่อเพชร เมื่อเย็นหนึ่งจัดโต๊ะทำงาน เจอมันอยู่ในตะกร้าเห็นมีจ่าหน้าซองชื่อช่อเพชร มีที่อยู่ด้วย หนึ่งคิดว่าอาจจะเป็นประโยชน์ในการสืบของคุณก็เลยเอามาให้ แต่พอดีว่าหนึ่งเพิ่งเลิกประชุมก็เลยติดต่อคุณดึกไปหน่อย"
กรรณารับซองมาดู หน้าซองจ่าชื่อ "ช่อเพชร อินนาวงษ์"
"แล้วคุณหนึ่งบอก...เอ่อ...โจ้หรือยังคะ"
"เปล่าคะ ก็หนึ่งบอกคุณกรรณแล้วไงคะ"
"ขอโทษนะคะ ทำไมคุณหนึ่งเลือกโทร.หาฉัน แทนที่เป็นนายโจ้"
"หนึ่งเห็นว่าคุณกรรณเป็นนักสืบน่ะค่ะ ก็เลยเลือกโทร.หาคุณกรรณ ส่วนรายนั้น... หนึ่งไม่อยากคุยต่อความยาวสาวความยืด ไหนๆ ก็จบกันไปแล้ว คุณกรรณอย่าบอกเขานะคะ เดี๋ยวจะพาลมาเคืองหนึ่ง"
กรรณาไม่ตอบ แต่หัวใจเต็มไปด้วยตะกอนขุ่นมัว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเกิดความรู้สึกแบบนี้

เช้าวันใหม่ ที่หน้าคอนโดฯ ของช่อเพชรวินมอเตอร์ไซค์ขับมาจอดในซอยอย่างเร็วและแรงอย่างหวาดกลัวอะไรบางอย่าง กรรณาซ้อนท้ายเอนตัวกระแทกหลังพี่วินฯ ตามแรงเบรก ในมือถือซองค่าโทรศัพท์ของช่อเพชรอยู่
เธอลงจากรถ ตามองที่คอนโดฯที่อยู่ลึกลับเข้ามาในซอย เดินทางไม่สะดวก สภาพคอนโดฯสูงประมาณ 20 ชั้น เก่าทรุดโทรม คนสร้างขาดทุน ดูแลรักษาตามมีตามเกิด มีไฟเปิดสว่างสลัวบริเวณโถงลิฟท์ บ่งบอกว่ามีคนอยู่น้อยมาก เธอดูที่อยู่บนซองจดหมาย แล้วมองไปที่หน้าตึก เห็นป้ายเลขที่ของคอนโดฯ ตรงกัน
"ใช่แล้ว"
พนักงานรปภ.มีแค่ชายแก่และวัยรุ่นในเครื่องแบบที่หลุดลุ่ย ทางเข้าตึกไม่มีใครเฝ้า กรรณาจึงเข้าได้ตามสะดวก เธอเดินมาบริเวณโถงลิฟต์ที่มีไฟเปิดสลัวดวงเดียว
กรรณากำลังจะดึงไอพอดขึ้นมาเสียบหู แต่ไม่ทันซะแล้ว เมื่อได้ยินเสียงห้าวทุ่มน่ากลัวของผู้ชายสำเนียงแปร่งหู พร้อมเสียงดังปึง ! ปึง ! เหมือนมีใครเอาของหนักๆ กระแทกลงพื้น
กรรณาปิดหู
"มันทับที่กู !"
เธอผงะ แต่ทำให้เธอรู้ว่าสาเหตุที่ทำให้คอนโดนี้เกือบเป็นคอนโดร้างเพราะตึกนี้สร้างทับที่ใครบางคนเอาไว้
"มันทับที่กู พวกมันต้องฉิบหายอยู่ไม่เป็นสุข มันทับที่กู พวกมันต้องฉิบหายอยู่ไม่เป็นสุข"
กรรณาคิดจะล่าถอย แต่ประตูลิฟต์เปิดรับเธอเสียก่อน เธอรีบดึงหูฟังขึ้นมาใส่แล้ววิ่งเข้าไปในลิฟต์ มองดูในใบแจ้ง แล้วกดชั้น12 ตามที่อยู่ในใบแจ้งหนี้ช่อเพชร
เสียงลิฟต์ดัง ตรึ่ง! หน้าลิฟต์มีเลข 12 ประตูลิฟต์เปิด กรรณาเห็นทางเดินยาวขนาบข้างด้วยประตูห้องเรียงราย บรรยากาศวังเวง ดูเหมือนมีสายตาบางคู่จับจ้องมองเธออยู่ เธอทำใจแข็งสู้
"บรรยากาศน่าถ่ายหนังผีดีแท้ รู้งี้เอาสเปรย์ปราบผีของยัยรสมาด้วยดีกว่า บรื๋อ... ขนลุก แต่เอาว่ะ มาถึงนี่แล้ว เป็นไงเป็นกัน"
กรรณาสูดลมหายใจเรียกกำลังใจตัวเอง แล้วเร่งฝีเท้าเดินไปตามทาง ตามองไล่เลขห้อง ยิ่งก้าวไป เธอยิ่งรู้สึกเหมือนโดนจับตารุนแรงขึ้น เธอหันขวา หันซ้ายแล้วชะงัก
ประตูห้องหนึ่งมีแผ่นไม้ตอกปิดหน้าห้อง หน้าแผ่นไม้ติดผ้ายันต์สีแดง
"โวะ! .เจ้าของคอนโดควรต้องทำบุญด่วนนะแบบเนี้ย"

กรรณามองประตูนั้น แล้วเดินเอาหลังถอยๆๆออกก่อน จนพ้นระยะน่ากลัว จึงหันเดินไปต่อ
 
อ่านต่อหน้า 4

สื่อรักสัมผัสหัวใจ ซีซั่น 2 ตอนที่ 10 (ต่อ)

เธอเดินมาหยุดยืนหน้าห้อง 1203 เช็คเลขห้องบนหน้าซองจดหมาย ตอนนั้นสายตาของเธอก้มมองต่ำ เห็นเงาเหมือนคนเดินอยู่ในห้องวับแวบผ่านใต้ประตู

"คุณช่อเพชร"
กรรณาดึงหูฟังออก เคาะประตูโดยเร็ว
"คุณช่อเพชรคะ คุณช่อเพชร เปิดประตูให้ชั้นหน่อยค่ะ ชั้นมีธุระจะคุยกับคุณ"
เงาใต้ประตูหายไป ในห้องเงียบกริบ ไม่มีความเคลื่อนไหว เธอเคาะประตูอีก
"คุณช่อเพชรคะ คุณอยู่ใช่ไหมคะ"
ไม่มีเสียงตอบ ตอนนี้เอง ที่เธอรู้สึกว่าเหมือนมีใครบางคนจ้องเธอ เธอหันขวับไปทิศทางนั้นทันที บันไดหนีไฟ เธอมองอยู่ตรงนั้นอึดใจใหญ่ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กรรณาตัดสินใจหันกลับมาเคาะประตูเป็นครั้งสุดท้าย ประตูห้องฝั่งตรงกันข้ามเปิดออก
เสียงหญิงแก่ ดังถาม
“มาเคาะอะไรโครมๆ ไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่อง”
กรรณาหันหลังเจอหญิงแก่ ผมขาวโพลนใส่ชุดนอนสีขาวยาวกร่อมเท้า ยืนหน้าถมึงทึงอยู่หน้าห้องฝั่งตรงข้าม กรรณากรีดร้องดัง
“ยังจะกรี๊ดอีก เดี๋ยวก็ได้ตื่นกันทั้งตึก เด็กสมัยนี้ไร้มารยาทสิ้นดี”
กรรณาตั้งสติ ลืมตามองสำรวจ แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก
“เฮ้อ...นึกว่าผี”
“ว่าอะไรนะ”
“หนูขอโทษค่ะ หนูมาหาผู้หญิงที่อยู่ห้องนี้ คุณยายรู้จักบ้างไหมคะ”
“คิดว่าชั้นเป็นยามหรือไง ถึงจะได้นั่งเฝ้าคนทั้งชั้น แล้วรู้จักหมดทุกคน”
“ไม่ต้องรู้จักก็ได้ค่ะ เอาแค่ว่าคุณยายเคยเห็นผู้หญิงที่อยู่ห้องนี้ไหมคะ”
“นังเมียน้อยน่ะเหรอ ชั้นไม่รู้จักคนพรรค์นั้นหรอก แล้วก็ไม่สนใจด้วย”
หญิงแก่เชิดหน้า แต่กรรณาเกิดความหวังขึ้น
“คุณยายรู้ได้ยังไงคะว่าเขาเป็นเมียน้อย”
“โอ๊ย ก็เมียหลวงอะไร ผู้ชายจะพามาเช่าห้องแล้วแวะมาหาชั่วครั้งชั่วคราว”
“แล้วเขายังมาอยู่ไหมคะ”
“ก็เห็นยังแวะมานานๆ ที แต่จะมาเมื่อไหร่ ไปเมื่อไหร่ ชั้นก็ไม่ได้สนใจหรอกนะ ชั้นไม่ใช่พวกชอบสาระแนสังเกตพฤติกรรมเพื่อนบ้านแล้วเอามานินทา”
กรรณารำพึงกับตัวเอง
“แวะมานานๆที”
กรรณาถามต่อ
“แล้วผู้ชายคนที่มาหาบ่อยๆล่ะคะ”
“ไม่เห็นมาแล้วนี่ สงสัยจะโดนเฉดหัวทิ้งซะละมั้ง”
กรรณาแอบพึมพำเบาๆ ขำที่หญิงแก่ตอบเธอได้ทุกข้อ
“ค่ะ หนูเชื่อ แหม...ไม่ค่อยสังเกตเลยเนอะ”
“ชั้นเชื่อเรื่องกรรมเวร ใครทำยังไงก็ได้รับอย่างงั้น กรรมมันติดจรวดดีแท้”
กรรณาพยักหน้านิดๆ กำลังเก็บข้อมูล แล้วนึกขึ้นได้ ล้วงหยิบกระดาษกับปากกาในกระเป๋ามาจดเบอร์โทร.ส่งให้ยาย
“ถ้าหากว่าคุณยายเจอผู้หญิงเจ้าของห้อง ช่วยบอกให้เขาโทร.กลับมาหาหนูด้วยนะคะ เบอร์นี้”
กรรณายื่นเบอร์ให้ แต่หญิงแก่เมิน
“ให้ชั้นไปเสวนากับพวกคบชู้สู่ชาย ผิดศีลธรรม ชั้นขอตายดีกว่า”
หญิงแก่กลับเข้าไปในห้อง
“อะ...อ้าว คุณยาย เดี๋ยวสิคะ”
จังหวะนั้น กรรณาเห็นเงาคนเดินในห้องช่อเพชรวาบผ่านช่องใต้ประตูพอดี เธอแน่ใจว่าต้องมีคนอยู่ในห้อง จึงพูดเสียงดัง ตั้งใจให้คนในห้องได้ยิน
“ถ้างั้นฝากคุณยายบอกเขาให้หน่อยนะคะ ว่าหนูต้องการคุยกับเขา เรื่องการตายของเมียหลวงของผู้ชายที่มาหาเขาบ่อยๆนั่นแหละค่ะ ถ้าเขาบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ คุณยายก็บอกเขาให้โทร.กลับหาหนูนะคะ หนูจะทิ้งเบอร์ไว้ให้”
กรรณาสอดกระดาษเข้าไปใต้ประตูแล้วทำเดินกลับไป แต่เดินห่างออกมาได้หน่อย เธอก็ แอบเอาหลังติดกำแพง ชะเง้อมองไปที่แผ่นกระดาษใต้ประตู
แผ่นกระดาษยังอยู่ที่เดิม ไม่มีการเคลื่อนไหว
“ต้องมีคนอยู่ในห้องแน่ๆ”
จู่ๆ โทรศัพท์กรรณามีสายเข้าเสียงดังลั่น
“ตายๆๆ”
เธอรีบกุมกระเป๋าไม่ให้เสียงดังแล้ววิ่งไปจากตรงนั้น ไปหยุดแอบอยู่มุมหนึ่ง ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า แล้วมือก็ปัดไปโดนผ้ายันต์บนแผ่นไม้
ผ้ายันต์ปลิวตกพื้น
กรรณาอึ้ง หันขวับไปที่ประตู เห็นประตูหลังแผ่นไม้ค่อยๆ เปิดเอี๊ยด!
“ว้าย...วายป่วงแล้ว”
กรรณาไม่อยู่แล้ว วิ่งเตลิดกลับไป ใต้ประตูห้อง 1203 แผ่นกระดาษถูกดึงเข้าไปข้างใน !

ที่รีสอร์ตเมืองหาญจน์ เบญจาและมิรันตีขึ้นรถออกไปธุระด้วยกัน รถมิรันตีแล่นออกไปจากบ้านติณห์ หลวงพิชัยภักดีแอบมองจนรถลับสายตา ติณห์กับหลวงพิชัยภักดีมองตามอย่างไม่สบายใจ
“คนแบบนังมิรันตีถ้าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา อย่างนี้ต้องปล่อยให้โดนยัยเบญจาหลอกซะให้เข็ด เอาให้หมดตัว”
“เอาจริงเหรอแกรนด์ปา”
“ข้าพูดเล่น ถึงนังมิรันตีมันจะเกรียนเทพ ไร้สมองยังไง มันก็เป็นลูกสาวข้า เป็นแม่เอ็ง เราต้องหาทางช่วยให้นังมิรันตีตาสว่างให้ได้นะติณห์”
“แต่ทางเดียวที่จะช่วยมัมคือเ ราจะต้องรู้ให้ได้ว่าเบญจา เป็นใครกันแน่”
“นั่นแหละปัญหาใหญ่”
ติณห์นึกอะไรขึ้นได้ ตอนที่เบญจามาที่รีสอร์ตครั้งแรก มีกระเป๋าสะพายติดตัวมาด้วย

“ผมนึกออกแล้ว”

ติณห์เข้ามาในห้องเบญจา มองซ้ายมองขวา

“กระเป๋า...กระเป๋า...เธอเอากระเป๋าไปไว้ไหน”
ติณห์เริ่มปฏิบัติการหากระเป๋าและของใช้ส่วนตัวของเบญจา เพื่อสืบหาตัวตนของเบญจา เขาค้นของเบญจาจนเหงื่อตก ภายในในห้องตกแต่งเรียบง่าย มีเฟอร์นิเจอร์อยู่น้อยชิ้น หลวงพิชัยภักดีทะลุกำแพงเข้ามา
“ไอ้ติณห์ !”
“มายก็อด ! แกรนด์ปาอย่าโผล่มาแบบนี้สิครับ หัวใจผมหล่นไปที่อยู่ที่ตะปุ่ม”
“ตาตุ่ม ไม่ใช่ ตะปุ่ม ว่าไง...หาเจอหรือยัง”
“ไม่เจออะไรเลยแกรนด์ปา”
“อะไรวะ ห้องเท่าแมวดิ้นตาย ถ้าอยู่ในนี้มันจะต้องเจอสิ หรือว่ายัยเบญจาเอาไปทิ้ง”
“ถ้าผมมีสมบัติชิ้นเดียวติดตัวมา ผมไม่ทิ้งแน่ แต่จะซ่อนไว้ให้มิดชิดที่สุด”
“งั้นก็หาให้เจอสิไอ้ติณห์”
จู่ๆหลวงพิชัยภักดีก็สะดุ้ง รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
“มีอะไรแกรนด์ปา”
“ไม่รู้...เดี๋ยวมาเว้ย”
หลวงพิชัยภักดีวิ่งทะลุกำแพงออกไป มองไปหน้าบ้าน เห็นเบญจาเดินเข้ามาที่บ้าน สีหน้าเป็นปกติ
“ห่ะ !”
หลวงพิชัยภักดีรีบทะลุกำแพงกลับเข้ามาหาติณห์ในห้องนอนเบญจา
“ไอ้ติณห์…แย่แล้ว ยัยเบญจาเดินกลับเข้ามาในบ้านแล้ว”
“เฮ้ย…ของเละเต็มห้องเลยทำไงล่ะ”
“ก็รีบเก็บสิ เดี๋ยวโดนยัยเบญจาจับได้ แผนพังหมด…เร็ว ไอ้ติณห์”
“ก็รีบอยู่นี่แกรนด์ปา มือสั่นแล้วเนี่ย… แกรนด์ปาช่วยผมด้วยสิ”
“ช่วยยังไงเล่า…จับอะไรก็ทะลุ ทะลุ ว้าก…เร็วไอ้ติณห์”
หลวงพิชัยภักดีพยายามจะช่วยติณห์ แต่จับอะไรก็จับไม่ติด

เบญจากำลังเดินอยู่หน้าบ้านแบบรีบก้าวเดินฉับๆ เธอเข้ามาในบ้าน ติณห์ฟอร์มคุยโทรศัพท์ นั่งทำงานหน้าคอมพ์ ทำเป็นเครียดมาก
“Website ที่คุณออกแบบมามันเชยเกินไป ผมทำรีสอร์ตไม่ได้สร้างวัด ขอแบบเก๋ๆ ชิคๆ แก้Websiteมาให้ผมดูใหม่ด้วยนะ “
ติณห์วางสาย เบญจาเดินผ่าน ทักทาย
“ขยันจังเลยค่ะพี่ติณห์”
“พี่เห็นเราออกไปกับมัมพี่ แล้วทำไม”
“อ้อ...เบญจาลืมของน่ะค่ะ”
เบญจาเดินหายเข้าไปในห้อง ติณห์กับหลวงพิชัยภักดีชะเง้อมองตามเบญจา ลุ้นว่า เบญจาจะรู้ไหมว่าถูกค้นห้อง ประตูห้องเปิด ติณห์รีบวางท่าเช็คอีเมล์ หลวงพิชัยภักดีหลบหลังเสา ชั่วครู่ เธอเดินออกมาจากในห้อง และสะพายกระเป๋าใบที่ติณห์พยายามหา
“กระเป๋า !”
เบญจาทำเป็นงง แถมยิ้มซื่อใส โชว์กระเป๋าให้ดู
“คะ กระเป๋า...เบญจาลืมกระเป๋าน่ะค่ะ เลยกลับมาเอา”
เบญจาพูดกับลม
“ฮะๆๆๆ โง่เอ๊ย”
ติณห์ กับหลวงพิชัยภักดี รู้ว่าโดนเยาะเย้ย
“ยัยนี่มันแสบจริงๆ”

สถาบันนิติเวช ห้องทำงานหมอ วรวรรธดีดกีต้าร์ ร้องเพลงใส่มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ เพลงที่ร้องเป็นเพลงรักสวยงาม สุพิชชาเปิดประตูเข้ามาในห้อง ยืนมองหมอวรวรรธ สุพิชชายิ้ม นึกถึงสมัยอดีตเป็นแฟนกับวรวรรธ
สุพิชชาหุบยิ้ม เพิ่งได้สติว่าเขาไม่ได้ร้องให้ตัวเอง หมอวรวรรธร้องเพลงจบ
“เพราะมั่กๆ”
“ผมไม่ได้อยากฟังคำนั้น เร็วๆสิ...ใจจะขาดแล้วน้า”
ที่ออฟฟิศ บริษัท ซิกส์เซนส์ เนตรสิตางศุ์ นั่งบิดไปมาร่าเริง
“เนตรคิดถึงหมอค่ะ แค่นี้นะคะ เนตรตุ๋นไก่งวงชามะนาวอยู่”
สุพิชชาน้ำตาไหล ใจสลาย ณัฐเดชเปิดประตูเข้ามา
“อ้าว...พีช ทำไมมาเร็วล่ะคะ พี่ยังทำงานไม่...”
จู่ๆ สุพิชชาก็โผล่กอด ร้องไห้กับณัฐเดช
“พี่ณัฐ !”
สองหนุ่มตกใจ
“พีช พีชเป็นอะไร”
หมอวรรธรีบแทรก
“ผมเปล่านะพี่ ผมไม่ได้ทำอะไรเลย พีชเข้ามาตอนไหน ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำ ไม่เชื่อโทร.ถามคุณเนตรได้ เมื่อตะกี้ผมคุยกับคุณเนตรอยู่”
“ไม่มีใครทำอะไรพีชหรอกค่ะพี่ณัฐ พีชเห็นข่าวตำรวจถูกคนร้ายยิงตาย พีชนึกไปถึงว่าถ้าตำรวจคนนั้นเป็นพี่ณัฐ พีชจะทำยังไง พีชจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีพี่ณัฐ พีชไม่อยากเสียพี่ณัฐไป ฮือ...”
ณัฐเดชดึงสุพิชชามากอดปลอบ ปลาบปลื้มใจ
“โธ่... พีชไม่ต้องกลัว พี่ไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก พี่จะอยู่ดูแลพีชไปตลอดนะคะ”
หมอวรวรรธมองสังเกตพฤติกรรม สุพิชชายิ้มออก ณัฐเดชเลื่อนเก้าอี้มาให้เธอนั่งตรงโต๊ะทำงานของหมอวรรธ
“พีชนั่งก่อนนะคะ พี่ทำงานอีกแปบเดียว แล้วเดี๋ยวเราไปทานข้าวกัน”
สุพิชชายิ้มรับ
“ไอ้หมอ มีอะไรคืบหน้า”
หมอวรรธหยิบแฟ้มบนโต๊ะส่งให้พลางแอบเหล่มองสุพิชชา
“ผลชันสูตรศพของคุณพิสมร”

ณัฐเดชนั่งข้างสุพิชชา เปิดดูในแฟ้ม สุพิชชาเกาะแขน เอาหน้าซบคลอเคลียกับไหล่ณัฐเดชที่กำลังอ่านในแฟ้ม
“คุณพิสมร ได้รับสารโปรโปฟอลเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก”
หมอวรรธบอก
“สารนี้เราใช้สำหรับเป็นยาสลบ แต่ถ้าได้รับในปริมาณที่มากเกินไปก็จะส่งผลร้ายกับร่างกาย ผมว่า...”
จู่ๆ หมอวรรธสะดุ้ง ก้มมองใต้โต๊ะตามสัญชาติญาณ เห็นเท้าของสุพิชชายื่นมาเขี่ยขาหมอวรวรรธไปมาช้าๆ อย่างให้ท่า เขาอึ้ง พอเงยขึ้นมาก็พบสุพิชชาที่นั่งซบณัฐเดชเป็นปกติ ณัฐเดชก้มลงไปมองบ้าง ใต้โต๊ะ ขาสุพิชชาอยู่ตำแหน่งปกติ
“มีอะไรวะ”
“เปล่าครับ เหมือนมีตัวอะไรมากัดขาน่ะครับ”
หมอวรวรรธมอง สุพิชชาทำหน้าใสซื่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังกอดแขนณัฐเดชแต่ตามองหมอวรรธอย่างท้าทาย
“ไอ้หมอ ว่าต่อ”
“ครับ ผมแค่คิดว่าโชเฟอร์แท็กซี่ปกติไม่น่ามีสารโปรโปฟอลอยู่กับตัว”
เท้าสุพิชชาเขี่ยขาหมอวรรธอีก หมอวรรธขยับขาหลบ
“นอกจากว่า เขาไม่ใช่โชเฟอร์จริง ทุกอย่างเป็นการวางแผนฆาตกรรม” ณัฐเดชบอก
สุพิชชาตามไปเขี่ยขาหมอวรรธจนได้
หมอวรรธสะดุ้ง อุทานออกมา
“โว้ะ”
“โว้ะ...อะไรไอ้หมอ”
สุพิชชาตัดบทเปลี่ยนความสนใจ
“น่ากลัวจังเลยค่ะ”
“พีชไปไหนมาไหนก็ต้องระวังตัวนะคะ ผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้”
สุพิชชายกขาเขี่ยหมอวรวรรธสูงขึ้น...สูงขึ้น.. จนใกล้ถึงเป้า หมอวรวรรธอึดอัด ถอยเก้าอี้ออกห่างโต๊ะ หน้าตาอึดอัด ลุกขึ้นยืน
“ไม่ใช่แค่ผู้ชายนะครับ ผู้หญิงบางคนก็ไว้ใจไม่ได้เหมือนกัน ! ขอยืนคุยนะพี่”
ณัฐเดชมองหมอวรวรรธและสุพิชชาแต่ไม่พบอะไรผิดปกติ

“ยืนก็ยืน...ว่าต่อเลย”

บริเวณหน้าเรือนรับรอง รีสอร์ตติณห์ รถแล่นขับเข้ามาจอด มิรันตีกับเบญจาลงจากรถพร้อมหิ้วถุงของมากมาย เบญจาสะพายกระเป๋ามาด้วย เบญจาแย่งถุงในมือมิรันตีไปถือ

“หนูถือให้ค่ะ”
มิรันตีมองเบญจาอย่างเอ็นดู
“ขอบใจ ตั้งแต่นี้เบญจาคิดว่า บ้านนี้เป็นบ้านของหนูเองเลยนะจ๊ะ ชั้นยกให้จ้ะ”
เบญจายกมือไหว้
“ขอบพระคุณ คุณแม่มากค่ะ”
เบญจามองไปที่เรือนรับรอง เห็นญาณิน อรวรรณอยู่ในเรือนรับรอง
“นั่นพี่ณินกับป้าออหนิ”
มิรันตีมองตาม โกรธปรี๊ด
“โอมายก๊อด ...นังญาณิน ยังมีหน้ากลับมาอีกเรอะ”
“คุณแม่ขา คุณแม่ใจเย็นๆนะคะ พี่ณินคงแค่แวะมาเสนอหน้าขอความเห็นใจจากคุณแม่กับพี่ติณห์ เราทำเฉยๆ ไป เดี๋ยวเขาก็กลับไปเอง”
มิรันตีฟังแล้วก้าวเข้าไปในบ้าน
“เชอะ! ใครจะไปเห็นใจพวกมัน...เดี๋ยวชั้นจัดการเอง”
ภายในบ้าน ญาณินกับอรวรรณกำลังช่วยกันหาของ ในห้องมีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแล้ว
“ใครอนุญาตให้พวกหล่อนเข้ามาในบริเวณที่ดินของเรา”
“สมุดออกแบบของณินหาย ณินคิดว่าอาจจะลืมไว้ที่นี่ก็เลยกลับมาดู”
“สตรอเบอรี่ได้โล่ ! ชั้นรู้ว่าหล่อนกลับมาที่นี่ทำไม หล่อนไม่ได้ลืมของอะไรทั้งนั้น ชั้นไม่ได้โง่หรอกนะ”
“ไม่โง่จริงหรือคะ” อรวรรณถาม
“ยัยป้าแก่ ! เงียบไปเลย”
“เงียบก็ได้ ยัยแม่สาว”
ติณห์เข้ามา หลวงพิชัยภักดีตามเข้ามาด้วย โดยมีคนงานที่เห็นท่าไม่ดีไปตามมา
“มัม มีอะไรครับ คูณณิน”
ติณห์จะเข้าไปหาญาณิน แต่มิรันตีดึงตัวลูกชายไว้
“นังนี่มันวอน ชั้นจะโทรแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้เลย”
“ใจเย็นมัม...ฟังเหตุผลก่อนนะมัม”
เบญจามองหลวงพิชัยภักดีกับติณห์อยู่ตลอด
“ณินแวะมาหาของค่ะ”
“พี่ณินไม่ต้องดูหรอกค่ะ ที่นี่ไม่มีของพี่ณินเหลืออยู่อีกแล้ว”
“มีสิ บุญคุณของคุณหนูที่มีต่อเธอไง” อรวรรณบอก
“บุญคุณอะไรคะ หนูจำไม่ได้”
“นังอสรพิษ”
“หุบปาก อย่ามาหยาบคายกับคนของชั้น”
มิรันตีก้าวเข้าไปชิดหน้าญาณิน พูดใส่หน้าเสียงเบา
“อย่าให้ชั้นต้องเอาน้ำร้อนมาสาด”
“ใครลองแตะต้องคุณหนูดูสิ เจอฤทธิ์อีออแน่”
อรวรรณแทรกเข้าไปตรงกลางระหว่างมิรันตีกับญาณิน อรวรรณจงใจกระแทกมิรันตี
“ป้าออ! แก! ต่ำมาก”
มิรันตีสะบัดตัวออกจากติณห์แล้วเข้าไปผลักอรวรรณจนกระเด็น ก้นจ้ำเบ้า
“ว้าย...เอาวะวันนี้....อีออยอมตาย”
อรวรรณพุ่งไปปัดป่ายมือตบกับมิรันตี ญาณินรั้งตัวอรวรรณ ติณห์กับเบญจาห้ามมิรันตี หลวงพิชัยภักดีวิ่งไปวิ่งมา
“อายุรวมกันเกือบเท่ากรุงเทพฯ ตบกัน ไม่อายเด็กมันบ้างหรือไง เฮ้ยๆๆ อย่าจิกผมกัน ผมหลุดติดมือ อายุปูนนี้ผมมันไม่ขึ้นให้ง่ายๆ แล้วนะโว้ย”
อรวรรณโดนมิรันตีตบหน้าผัวะ ทุกคนหยุดค้างนิ่งอึ้ง อรวรรณโวยวาย
“ไม่ไหวแล้วโว้ย”
อรวรรณเหมือนช้างตกปราดเข้าไปผลักติณห์และเบญจาออก แล้วผลักมิรันตีอย่างแรง จนล้มลงพื้น อรวรรณกระโดดนั่งคร่อม บีบคอมิรันตีแน่นจนตาเหลือก
“ติณห์...ช่วยแม่”
“นังออผีเข้า ! ผีเข้าแน่ๆ ปล่อยลูกสาวชั้นเดี๋ยวนี้”
หลวงพิชัยภักดีพยายามจะดึงอรวรรณ แต่ทำไม่ได้
“ไอ้ติณห์...แกจะให้แม่แกตายเหรอ”
ติณห์ลุกขึ้นมาดึงตัวอรวรรณออก
"ป้าอออย่า"
อรวรรณไม่ปล่อย มิรันตีตาเหลือกเหมือนจะตาย ติณห์โมโห กระชากอรวรรณเหวี่ยงออกไปกระแทกข้างฝา ของตกระเนระนาด สีหน้าเจ็บปวด
ญาณินเข้าไปดูอรวรรณ
"ป้าออ ! ป้าออเป็นอะไรไหมคะ"
ญาณินมองติณห์อย่างโกรธจัด มิรันตีไอค่อกแค่กร้องไห้คร่ำครวญอ้อนติณห์
"โอ๊ย...ทำไมมันเป็นอย่างงี้ แล้วชั้นจะไปเกิดอย่างไงล่ะทีนี้"

ญาณินประคองอรวรรณมาจากทางเรือนรับรอง ติณห์ตามเข้ามา
"คุณณิน ป้าออครับ ผมขอโทษ"
"ไม่เป็นไรค่ะ" อรวรรณบอก
"แม่หนู...ไอ้ติณห์มันไม่ได้ตั้งใจนะ อย่าไปโกรธมันนะ"
ญาณินถามเสียงแข็ง
"หมดธุระแล้วใช่ไหมคะ"
ญาณินจะพาอรวรรณออกไป ติณห์ห้าม
"เดี๋ยวครับ ผมไม่อยากให้มัมกับคุณมีปัญหากัน ป้าออน่าจะไปขอโทษมัม ทุกอย่างจะได้ดีขึ้น"
"ถ้าป้าออขอโทษ แล้วแม่คุณจะขอโทษป้าออหรือเปล่า"
ติณห์ตอบไม่ได้ หลวงพิชัยภักดีส่ายหน้าบอกไม่มีทาง
"ถ้างั้นป้าออก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษใคร เพราะป้าออไม่ได้ผิดฝ่ายเดียว"
"แต่ป้าออเริ่มก่อน"
"คุณไม่รู้อะไร คุณอย่าพูดดีกว่า เพราะชั้นไม่อยากเสียความรู้สึกมากไปกว่านี้"
"เฮ้ย...ไม่ได้นะ อย่ามาทะเลาะกันนะ"
"คุณกลับไปดูแลคุณแม่ของคุณเถอะ อ่อ...และก็ดูแลลูกสาวคุณด้วยนะคะคุณหลวง"
"มีเหตุผลหน่อยสิคุณณิน"
"ใช่..."
"เหตุผลของชั้นก็คือเราคงต้องห่างกันสักพัก"
"ทำไม"
"แม่คุณไม่ชอบชั้น เหตุผลแค่นี้เพียงพอแล้วที่เราจะใช้เวลาคิดกันใหม่ ว่าความสัมพันธ์ของเราควรจะดำเนินต่อไป หรือหยุดมันไว้แค่นี้ ก่อนที่เราจะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่คำว่าเพื่อน"
"คุณหนู"
"แม่หนูญาณิน!"

ญาณินประคองอรวรรณออกไป ติณห์มองตามอย่างเศร้าๆ มิรันตีและเบญจายืนมองอยู่บนระเบียงเรือนรับรอง เบญจาสีหน้าเรียบเฉย... ยังไม่ปักใจเชื่อซะทีเดียว

ภายในบริษัทซิกส์เซนส์ในเวลาต่อมา ห้าสาวและก้องฟ้าตบมือให้อรวรรณ ที่คลำแก้มป้อยๆ ยิ้มเขินอาย
 
"สุดยอดไปเลยค่ะป้าออ เล่นจริง เจ็บจริง" เนตรสิตางศุ์บอก
สุคนธรสถาม
"ณิน แกว่ายัยเบญจาจะเชื่อไหมวะ"
"ไม่แน่ใข"
คนอื่นร้อง "อ้าว"
ก้องฟ้าถาม
"ป้าโดนคุณมิรันตีเกลียดฟรี ตบฟรีเหรอครับ"
"ไม่ฟรีหรอก แต่คนพิษสงเยอะอย่างเบญจา ไม่มีทางไม่ไว้ใจใคร ไม่เชื่อง่ายๆอยู่แล้ว"
"ผมว่าเราต้องหาวิธีทำให้เขาไว้ใจนายติณห์เพิ่มขึ้นอีก" ไตรรัตน์บอก
กรรณาถาม
"เจ๊จะให้ป้าออไปเสียสละโดนตบอีกเหรอ"
"เปล่า ตอนนี้พวกเราไม่ต้องทำอะไรแล้ว หมากต่อไปคุณติณห์ขอจัดการเอง"
"ปล่อยคุณติณห์ไว้แบบนั้น เหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมวเลยนะแก"
"ความรักคือความไว้ใจจ้ะ"
คนอื่นกิ๊กกิ๊วแซว
"ไม่ได้บอกให้มองโลกในแง่ร้าย แต่เรามีกรณีศึกษา คุณพิมอรทั้งรักทั้งไว้ใจคุณแผนยุทธ สุดท้ายเป็นไง...สมภารกินไก่วัด ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ไว้ใจไม่ได้สักคน" กรรณาบอก
"ยกเว้นนายโจ้มั้ง" กรรัมภาแซว
"นั่นแหละตัวพ่อ คิดดูแล้วกัน ขนาดผู้หญิงที่นายโจ้เคยรักมากๆๆ ..ยังไม่ไว้ใจว่า นายโจ้จะรักเดียวใจเดียวได้ถึงขอเลิกไป นายโจ้ก็เหลือเกินแทนที่จะเข็ด พอมาเจอหน้ากันใหม่ ก็ถึงกับหวั่นไหวใจเหงาเศร้าเพ้อ ตาลอย..ฝันๆหวานอีกครั้ง สาธุ ขอให้เขาหักอกอีกรอบ จะหัวเราะให้ดังไปถึงหนองจอกมีนบุรีเลย"
"เอ๋...นี่โกรธอะไรเค้ามากมายนี่" ไตรรัตน์ว่า
ทุกคนถาม
"น่านสิ...นั่นแน่ ไงๆ ยัยกรรณ"
ทันใด มือถือของไตรรัตน์ก็ดังขึ้น
"ครับม้า...ห๊า"
ไตรรัตน์หน้าตกใจสุดขีด

รถไตรรัตน์เข้ามาจอดภายในบ้านอย่างเร็ว สุคนธรสและไตรรัตน์รีบวิ่งมาที่บริเวณโถงทางขึ้นบันได พบว่าเสี่ยจำเริญกับเจ๊หญิง อาม่า อาอี๊เสาวภา ยืนเกาะกุมกันอยู่ตรงนั้น ท่าทางสยองๆว่า มีสิ่งลี้ลับที่ชั้นบน เพราะเสียงยังคงดังตลอด
"ใครทำอะไรอยู่บนนั้นคะ" สุคนธรสถาม
อาอี๊เสาวภาชี้ไปทางชั้นบน
"เสียงมันมาจาก..ทางนั้น"
"นั่นมันห้องของ..."
เจ๊หญิงบอก
"ม้าไม่เข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้ได้ยังไง"
ทุกคนเว้นสุคนธรสที่อึ้งๆ มองหน้ากันไปมา สุคนธรสมองปฏิกิริยาทุกคนด้วยความสงสัย
"ห้องใครคะ"
ไม่มีใครตอบ
"อ๋อ ต้องเป็นเพราะวิญญาณเด็กคนนั้นแน่ๆ"
เสี่ยจำเริญถาม
"อะไรนะ หนูรสเคยเจอ"
ไตรรัตน์อึ้งๆ อึดอัด
"ครับ..ป๊า"
ทุกคนอึ้งที่สุคนธรสพูดเรื่องวิญญาณเด็ก แต่อยู่ๆเสียงจากชั้นบนก็ดังโครมใหญ่ ทุกคนสะดุ้งกันหมด สุคนธรสเดินขึ้นไปทันที เจ๊หญิงเรียก
"หนูรส...หนูรส"
เธอเดินพุ่งมาตามทางเดิน จนมาถึงที่หน้าห้องใยไหม หรือที่บ้านเคยเรียกอย่างคุ้นเคยว่า โบตั๋น เธอหยุดอยู่หน้าห้อง เพื่อใช้เซนส์สัมผัสความรู้สึกของวิญญาณด้านใน
" กลิ่นเดี๋ยวก็ฉุนเดี๋ยวก็เฉา เขากำลังมีปัญหาอะไรอยู่"
สุคนธรสแตะที่ประตู แต่ยังไม่ทันเปิดประตูเข้าไป ไตรรัตน์ก็วิ่งมา
"คุณรส อย่า"
"อะไร"
ไตรรัตน์เข้ามาขวาง
"ผมเคยบอกแล้วว่าอย่ายุ่งกับห้องๆนี้"
"มีวิญญาณเด็กผู้หญิงอยู่ในห้องนี้ และเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ"
"จะมีได้ยังไง"
"ทำไม..นายรู้อะไร"
ทุกคนในบ้านที่เหลือประคองกันตามขึ้นมาหมด
"ทุกคนมีความลับอะไรเกี่ยวกับห้องๆนี้ แล้วไม่บอกรส..มันคืออะไรคะ"

แล้วอยู่ๆประตูห้องนั้นก็เปิดเอง
 
อ่านต่อตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น