xs
xsm
sm
md
lg

ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 3

ประกายดาวมองเพื่อนด้วยสีหน้าประหลาดใจมาก
“แปลก ทำไมคุณหญิงนิ่มยังให้ฉันไปถ่ายแฟชั่นสินค้าร้านเค้าอยู่ ฉันนึกว่าพี่ชายเค้าเอาฉันไปด่าจนเละแล้วนะเนี่ย”
มิลินทร์คิดแล้วก็นึกออก “หรือว่าคุณชายจันทร์รู้สึกผิดกับแก”
“ผู้ชายที่หยิ่งจองหองอย่างคุณชายจันทร์เนี่ยนะ จะสำนึกผิด โอ๊ย! ไม่มีทาง!”จิตสุภางค์ค้าน
“เอ้า..ของแบบนี้มันก็ไม่แน่ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของแกแล้วนะดาว คุณชายจันทร์จะอยู่หรือจะไป ก็งานนี้แหละ”
ประกายดาวกังวลใจไม่น้อย ขณะนั้น หมวย หลิน และหลิงก็เดินเรียงแถวแบบโพสท่าแฟชั่นบนแคทวอล์ก สลับกันไปมา สามสาวมองงงๆ จิตสุภางค์หันไปมองเชาที่ยืนแอบสอนลูกอยู่
“เฮีย คนกำลังคุยงานอยู่ ปล่อยลูกมาเดินเพ่นพ่านทำไม” จิตสุภางค์ว่า
“เพ่นพ่านที่ไหนกัน เฮียให้ลูกมาลองโพสท่าถ่ายแบบ เผื่อจะเข้าตาดาว ได้ไปถ่ายแฟชั่นด้วยไง -ไหนลองโพสท่าถือกระเป๋าซิลูก”
เด็กทั้งสามทำท่าถือกระเป๋า
“เอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย--งานถ่ายแฟชั่นของไอ้ดาว มันต้องใช้ นางแบบนายแบบ ที่เป็น มืออาชีพ จะมายัดเยียดพวกกันเองได้ยังไง—ใช่มั๊ยดาว—แต่ว่า แกไม่ลองให้ลูกๆ ชั้น ไปแสดงหน่อยละ คิดค่าตัวราคาเพื่อนฝูง -เผื่อมันจะดัง พ่อกับแม่จะได้เกาะลูกกิน--ได้มั๊ย”
ประกายดาวยิ้มๆ

ประกายดาวกำลังจัดชุดให้หมวย หลิง และหลิน โดยมีจิตสุภางค์อยู่ด้วย ทีกำลังเตรียมกล้องอยู่ด้านหลัง ระหว่างนั้นหญิงนิ่มกับจันทรภานุก็เข้ามาในร้าน
“สวัสดีค่ะพี่ดาว” หญิงนิ่มทัก
ประกายดาว จิตสุภางค์ และทีหันไปเห็นหญิงนิ่มกับจันทรภานุ จันทรภานุเก็กใส่ประกายดาว ประกายดาวทำไม่เป็นสนใจแล้วหันไปยิ้มทักทายหญิงนิ่มคนเดียวทำให้จันทรภานุอึ้ง
“สวัสดีค่ะคุณหญิงนิ่ม นี่คือนางแบบตัวน้อยของเราในวันนี้ค่ะ”
หญิงนิ่มมองเด็กๆด้วยความชอบใจ จันทรภานุเห็นเด็กๆก็จำได้
หญิงนิ่มหันไปทางประกายดาว “แต่งตัวกันน่ารักมากเลยค่ะ”
“ต้องขอบคุณแม่พวกเค้าค่ะ” ประกายดาวหันไปทางจิตสุภางค์ “ที่ครีเอทชุดนี้ให้”
จันทรภานุชะงักไปนิดนึงที่รู้ว่าประกายดาวไม่ใช่แม่ของเด็กเหล่านี้ หญิงนิ่มหันไปยิ้มให้จิตสุภางค์
“เดี๋ยวเราไปเตรียมตัวกันเลยดีกว่านะเด็กๆ...ไป”
จิตสุภางค์พาเด็กๆเดินออกไป หญิ่งนิ่มสะกิดจันทรภานุ จันทรภานุพ่นลมหายใจออกมา เขาหันไปทางประกายดาวแล้วกำลังจะพูด
“เออ...”
ประกายดาวเมินหน้าหนีแล้วเดินตามจิตสุภางค์ไปติดๆ จันทรภานุหน้าแตกเพล้ง หญิงนิ่มเองก็อึ้งไปเช่นกัน ประกายดาวยิ้มอย่างพอใจที่เห็นปฏิกิริยาของจันทรภานุ เธอคิดย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในอดีต

เหตุการณ์ในอดีตย้อนกลับมา ประกายดาวหันมาทางจิตสุภางค์และมิลินทร์
“ฉันคิดออกแล้วว่าจะทำยังไง?” ประกายดาวบอก เพื่อนๆมองหน้าประกายดาวด้วยความสงสัย “คนอย่างคุณชายจันทรภานุ นพรัตน์มีแต่คนให้ความสนใจ มีแต่ผู้หญิงอยากเข้าใกล้ เพราะฉะนั้นฉันจะทำตรงกันข้าม”
จิตสุภางค์กับมิลินทร์มองหน้ากันแล้วก็หันไปมองประกายดาวแบบไม่ค่อยมั่นใจในความคิดของประกายดาวสักเท่าไหร่

หมวย หลิง และหลินแอคท่าเป็นนางแบบจำเป็นถ่ายคู่กับกระเป๋า ผ้าพันคอ และเครื่องประดับ เด็กทั้งสามแอคชั่นกันอย่างน่ารักให้ประกายดาวถ่ายรูป ประกายดาวกดชัตเตอร์ไม่หยุด โดยมีจิตสุภางค์กับทีช่วยแหย่ให้เด็กๆหัวเราะ จันทรภานุดึงหญิงนิ่มมาคุยตรงมุมหนึ่ง
“พี่จะกลับล่ะนะ” จันทรภานุบอก
หญิงนิ่มงง “ทำไมล่ะคะ?”
“น้องหญิงไม่เห็นเหรอคะว่าผู้หญิงคนนั้นทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตน”
“ถ้าเป็นหญิง หญิงก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน” หญิงนิ่มบอก จันทรภานุผงะ “พี่ชายเล่นไปว่าพี่ดาวแรงแบบนั้น พี่ดาวก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา ไม่รู้ล่ะค่ะ..วันนี้ยังไงพี่ชายต้องขอโทษพี่ดาวให้ได้ ไม่อย่างนั้นหญิงจะถือว่าพี่ชายไม่เป็นสุภาพบุรุษ เพราะงานนี้พี่ชายเป็นฝ่ายผิดเต็มๆ”
จันทรภานุเหวอ “เอ้า!”
หญิงนิ่มเดินออกไป จันทรภานุถอนหายใจด้วยความกลุ้ม

ประกายดาวกดชัตเตอร์รูปสุดท้ายก่อนจะลดกล้องลง
“เสร็จแล้ว!”
ทุกคนเฮและปรบมือ ประกายดาวหันไปเห็นจันทรภานุมองก็ทำเป็นไม่สนใจ ประกายดาวส่งกล้องให้ทีเก็บ จิตสุภางค์เดินเข้ามาหาลูกๆ หญิงนิ่มเดินมาหาประกายดาว
“พี่ดาวกับเพื่อนมีธุระที่ไหนต่อรึเปล่าคะ ถ้าไม่มี หญิงอยากขอเลี้ยงอาหารกลางวัน ห้ามปฏิเสธนะคะ”

ทุกคนเดินมาที่โต๊ะ จันทรภานุยังคงไม่สบายใจ เขากระซิบกับหญิงนิ่ม
“วันนี้ฤกษ์ไม่ดีแล้ว เอาไว้วันอื่น พี่ค่อยหาทางขอโทษเค้าก็แล้วกัน”
หญิงนิ่มขำ “หญิงไม่อยากจะเชื่อเลยนะคะว่าพี่ชายจะท้อเพราะผู้หญิง อย่างว่าแหละนะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำกับพี่ชายแบบนี้มาก่อน พี่ดาวนี่สุดยอดจริงๆ”
“พี่ไม่ปลื้มด้วยหรอกนะคะ”
“หญิงไม่แซวแล้วก็ได้ เดี๋ยวหญิงจะหาโอกาสให้พี่ชายเอง”
ทุกคนเดินมาถึงโต๊ะ จิตสุภางค์นั่งกับหมวย หลิง และหลิน ตรงข้ามเป็นทีที่นั่งอีกข้างของประกายดาว
หญิงนิ่มรีบพูด “พี่ชายนั่งข้างพี่ดาวเลยค่ะ หญิงนั่งหัวโต๊ะเอง เพราะวันนี้หญิงเป็นเจ้ามือ”
จันทรภานุหน้านิ่ง เขานั่งลงข้างๆ ประกายดาว ประกายดาวยังทำเป็นไม่มอง หญิงนิ่มหันไปส่งซิกให้จันทรภานุ จันทรภานุหันไปทางประกายดาวแล้วกำลังจะพูด แต่ประกายดาวหันไปพูดกับหญิงนิ่มก่อน
“พี่ขอตัวออกไปโทรศัพท์ซักครู่นะคะ”
จันทรภานุหน้าแตกเพล้งอีกครั้ง
หญิงนิ่มขานรับ “ค่ะ”
ประกายดาวเดินออกไป หญิงนิ่มสะกิดขาจันทรภานุแล้วพยักเพยิดให้จันทรภานุตามประกายดาวออกไป จันทรภานุส่ายหัว หญิงนิ่มถลึงตาใส่ จันทราภานุถอนหายใจแล้วก็ลุกเดินออกไป จิตสุภางค์รีบเอามือถือออกมากดส่งข้อความ

ที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือขึ้นมาว่าประกายดาวได้รับข้อความจากจิตสุภางค์ “คุณชายจันทร์กำลังออกไปหาแก”
ประกายดาวเงยหน้ายิ้ม เธอหันไปก็เห็นจันทรภานุเดินมา ประกายดาวแกล้งทำเป็นคุยโทรศัพท์เสียงดัง
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ยังไงดาวก็ไปถ่ายให้ไม่ได้ ไม่ใช่ดาวไม่ว่างนะค่ะ แต่ไม่อยากไปถ่ายให้จริงๆ เพราะนายแบบขี้เก็กมากๆ หน้าตาก็งั้นๆ นึกว่าตัวเองรวยแล้วงี่เง่า พูดจาน่าถีบยอดหน้า ตามด้วยเข่าให้ตรงเป้าสักที”

จันทรภานุได้ยินแล้วไม่แน่ใจว่าประกายดาวเหน็บตนรึเปล่า แต่เขาก็สะท้านเหมือนกัน จันทรภานุจำต้องยืนรอ ประกายดาวเหล่จันทรภานุแล้วก็พล่ามต่ออย่างมันปาก
“ฝากบอกนายแบบปากปีจอคนนั้นด้วยนะ ว่าว่างๆ ให้เอาหมาออกจากปากบ้าง จะได้ไม่เห่าคนอื่นไปทั่ว”
ประกายดาวยังคงเม้าท์ต่อเนื่อง
“อะไรนะ จะให้กราบเท้าขอโทษเหรอ—บอกคำเดียวว่าโนเวย์—ฮือ—ดีค่ะ—ดีค่ะ”
จันทรภานุพูดแทรก “รู้สึกว่าฝั่งโน้นเค้าจะวางหูแล้วนะครับ”
ประกายดาวทำหน้าเหรอหราเมื่อเห็นจันทรภานุที่ยืนอยู่ใกล้ๆ แอบฟังโทรศัพท์อยู่
“ผมไม่ได้ยินเสียงใครคุยด้วยเลย”
ประกายดาวสะดุ้งแล้วแกล้งคุยโทรศัพท์ต่อ
“แค่นี้ก่อนนะ มีคนไม่มีมารยาทมาแอบฟังเราคุยกัน”
ประกายดาววางสายแล้วหันไปค้อนจันทรภานุก่อนจะเดินไป จันทรภานุเรียกประกายดาว แต่ประกายดาวทำเป็นไม่สนใจพร้อมทั้งเดินเลี่ยงไป
จันทรภานุรีบพูด “เดี๋ยว..”
ประกายดาวไม่หยุดเดิน จันทรภานุรีบเดินมาขวาง
“ผมเรียกไม่ได้ยินเหรอ”
ประกายดาวทำหน้าตาย “ฉันไม่ทราบว่าคุณชายเรียกฉัน เห็นพูดว่าเดี๋ยว..เดี๋ยว...”
จันทรภานุไม่พอใจแต่ต้องอดกลั้น “คุณประกายดาว ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
ประกายดาวมองหน้าจันทรภานุแล้วทำเป็นเอือมๆ
“มีอะไรจะต่อว่าฉันอีกเหรอคะคุณชาย”
“ผมยอมรับว่าผมผิดที่พูดไม่ดีกับคุณ ผม..” จันทรภานุอึกอัก “ผม...” ประกายดาวจ้องหน้า “ขอโทษ”
ประกายดาวจ้องหน้าจันทรภานุจนเขาสงสัย
“มองหน้าหาอะไร”
“กำลังมองหาว่าส่วนไหนบนใบหน้าที่ให้ความรู้สึกแบบขอโทษจริงๆ จากใจ ซึ่งหายังไม่เจอเลย”
“จะต้องทำหน้าขนาดไหน ผมอุตส่าห์ขอโทษแล้วนะ”
“นั่นไง ชัดเลย--ขนาดต้องใช้คำว่า”อุตส่าห์” แสดงว่าคำขอโทษของคุณชายไม่ได้ออกมาจากใจ”
จันทรภานุชะงัก ประกายดาวเดินเฉียดจันทรภานุออกไปแบบไม่ใส่ใจ
จังหวะที่ประกายดาวเลี้ยวตรงหัวมุมทางเดิน เธอก็ชะงักกึกเพราะนันทินีออกมายืนขวางพร้อมมองอย่างโกรธๆ ทำให้ประกายดาวสะดุ้ง นันทินีมองเลยจากประกายดาวไปที่จันทรภานุ ซึ่งกำลังเดินเข้ามา
“เพราะผู้หญิงนี้คนนี้ใช่มั๊ยคะถึงทำให้คุณชายไม่รับโทรศัพท์นันเลย” นันทินีถาม
“ใช่ครับ เพราะกลัวดาวเค้าจะหึง หาว่าผมมาคบกับนัน ทั้งๆ ที่ผมกับคุณดาว รักกันมากจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้” จันทรภานุบอก
ประกายดาวเหวอ จันทรภานุที่อยากให้นันทินีออกไปจากชีวิตอยู่แล้วโอบไหล่ประกายดาวเข้ามาแนบแน่น โดยที่ประกายดาวตั้งตัวไม่ติด
“ดาวได้ยินแล้วนะ ว่าผมกับนันไม่มีอะไรกัน” ประกายดาวหันไปมองจันทรภานุอ้าปากค้าง นันทินีกางมือแน่นด้วยความโมโหมาก หันไปจ้องประกายดาวกินเลือดกินเนื้อ ประกายดาวมองที่มือของนันทินีที่กางกว้างและเกร็งไว้”
“คุณนันค่ะ อย่าร้องกริ๊ดๆ แล้วตบดาวนะ มันเป็นนิสัยของนางอิจฉาในละครไทย ดาวมองดูลักษณะแล้ว คุณนันไม่ใช่นางอิจฉาแน่นอน----แต่ถ้าเกร็งมือขนาดนี้แล้ว แปลว่าต้องตบ --- เช่นนั้น ดาวอนุญาตให้ตบแฟนของดาวได้”
ประกายดาวปรายตามาที่จันทรภานุที่กำลังทำหน้างงๆ
“อะไรนะ”
“เขาพร้อมเป็นที่รองรับอารมณ์โกรธของผู้หญิงได้ เชิญค่ะ” ประกายดาวบอก
จันทรภานุจะหันไปห้ามนันทินี แต่ฝ่ามือของนันทินีปะทะเข้าที่หน้าจันทรภานุเต็มๆ ประกายดาวมีสีหน้าเจ็บปวดแทน จันทรภานุอึ้ง นันทินีตกใจจนหน้าซีดแล้วรีบยกมือไหว้
“ขอโทษค่ะคุณชาย นันไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบนะคะ”
ประกายดาวเหวอ จันทรภานุถึงกับมึนไปทันที

ประกายดาวเดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เธอเข้ามานั่งข้างหญิงนิ่มแล้วกระซิบ
“คุณหญิงคะ..คุณชายให้พี่มาตามคุณหญิงออกไปพบค่ะ”
หญิงนิ่มนิ่วหน้า “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“คุณหญิงออกไป ก็จะรู้เองค่ะ”
หญิงนิ่มแปลกใจมากแต่ก็เดินออกไป จิตสุภางค์รีบสะกิดแขนประกายดาว
“มีอะไรเหรอดาว?”
ประกายดาวเหล่ทีที่นั่งอยู่ “ไว้ถึงบ้านแล้วจะเล่าให้ฟัง”
จิตสุภางค์ยิ่งอยากรู้

หญิงนิ่มเอายาทาหน้าให้จันทรภานุ บนหน้าของจันทรภานุยังมีรอยแดงจากการโดนตบ
“โอ๊ย!! หญิงนิ่ม พี่เจ็บนะคะ”
“สมน้ำหน้าแล้วค่ะ” หญิงนิ่มว่า จันทรภานุชะงัก “พี่ชายบอกคุณนันว่าพี่ดาวเป็นแฟนได้ไง ทำแบบนี้หาเรื่องให้พี่ดาวชัดๆ คุณนันยิ่งเป็นคนกัดไม่ปล่อยอยู่”
“ตอนที่พูด พี่ไม่ได้คิดอะไร นอกจากทำยังไงก็ได้ให้คุณนันทินีไปให้พ้นๆ”
“หญิงว่าป่านนี้คุณนันต้องเอาเรื่องพี่ชายกับพี่ดาวไปฟ้องหม่อมป้าแล้วแน่ๆ เตรียมตัวเอาไว้เถอะค่ะ”
จันทรภานุกังวลใจขึ้นมาทันที

นันทินีร้องไห้ฟูมฟายโอเวอร์อยู่กับสุรีย์และนมพร สุรีย์กับนมพรมองหน้ากันด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างแรง แล้วสุรีย์ก็หันมาทางนันทินีอีกครั้ง
“หนูนันแน่ใจนะจ๊ะว่าฟังไม่ผิด”
นันทินีเงยหน้าขึ้นมาด้วยน้ำตานองหน้า มาสคาร่าเปื้อน ขนตาปลอมหลุดมาติดอยู่ที่ขนตาล่างทำให้สุรีย์กับนมพรตกใจ
“นันฟังไม่ผิดแน่นอนค่ะหม่อมแม่ คุณชายจันทร์บอกเต็มปากเต็มคำว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟน!” นันทินีก้มหน้าร้องไห้ฟูมฟายต่อ “โฮๆๆๆ”
สุรีย์กับนมพรมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจนัก

สุรีย์กับนมพรเดินมาด้วยกัน
“หม่อมคิดว่าสิ่งที่คุณนันทินีบอกเป็นความจริงรึเปล่าคะ” นมพรถาม
“ถ้าชายจันทร์มีแฟนจริง เค้าต้องบอกฉันเป็นคนแรก ฉันว่าหนูนันน่าจะเข้าใจผิด”
“อีฉันก็คิดแบบเดียวกับหม่อมค่ะ”
สุรีย์ไม่ได้คิดสงสัยอะไร เธอเดินต่อไปกับนมพร

ประกายดาวนั่งหน้าเซ็งอยู่ในผับ มิลินทร์กับกิจจาเดินกลับมาที่โต๊ะ
“ฉันชวนแกมาเที่ยวผับนะไอ้ดาว ไม่ได้มาห้องสมุดจะได้นั่งเป็นหมาเหงาแบบนี้ ออกไปเต้นกัน”
ประกายดาวยังไม่ทันตอบ พนักงานเอาคอกเทลมาเสิร์ฟแล้วก็เดินออกไป ประกายดาวกำลังจะคว้ามาดื่ม แต่เจอกิจจาคว้าออกไป
“ไอ้หมอ..เอาเครื่องดื่มฉันไปไหน?” ประกายดาวถาม
“อย่าลืมสิครับคุณ ว่าคุณต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อทำการฝังตัวอ่อน เพราะฉะนั้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ห้ามเด็ดขาด” กิจจาบอก
“คุณสามีพูดถูก ว่าแต่..การออกไปเต้นเนี่ยจะกระเทือนถึงมดลูกไอ้ดาวมันรึเปล่าคะ” มิลินทร์ถาม
“ไม่ครับคุณภรรยา”
มิลินทร์ฉุดแขนประกายดาวออกไปทันที
“ถ้างั้น...เล็ท โก!”
มิลินทร์ลากประกายดาวเดินออกไป

ประกายดาวกระโดดเต้นอย่างบ้าคลั่งอยู่กับมิลินทร์และกิจจา ประกายดาวกระโดดมากไปหน่อยเลยเซไปชนคนๆหนึ่งเข้า ประกายดายรีบหันไปพูด “ขอโทษค่ะ”
คนที่โดนประกายดาวชนเซหันขวับมาก็ปรากฎว่าเป็นนันทินีที่กำลังเมาหน้าแดง ประกายดาวตกใจที่เห็น นันทินีชี้หน้าประกายดาวชนิดเลือดขึ้นหน้าทันที
“แกนั่นเอง!”
ประกายดาวรีบอธิบาย “ฟังฉันก่อนนะคะ”
“ฟังเหรอ?!! ฉันฟังมาพอแล้ว เมื่อตอนกลางวัน แกทำให้ฉันตบโดนหน้าคุณชาย เพราะฉะนั้นแกต้องโดนเอาคืน”
นันทินีตบหน้าประกายดาวอย่างแรงโดยที่ประกายดาวไม่ทันตั้งตัว ประกายดาวหน้าหันเลือดซึมมุมปาก ประกายดาวโมโหสุดๆ พอหันไปก็เจอนันทินีกำลังจะตบอีก ประกายดาวจึงชกนันทินีอย่างแรงจนนันทินีหน้าหงายเซไปชนคนอื่น คนแถวนั้นวงแตกพากันตกใจ
มิลินทร์กับกิจจาหันมาเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจจึงรีบเข้ามาหาประกายดาวที่ยืนสะบัดมือด้วยความเจ็บ
“มันเกิดอะไรขึ้นอ่ะดาว?”
ประกายดาวไม่ทันตอบ นันทินีเห็นเลือดไหลออกมาทางจมูกก็โมโหมาก
“อ๊าย!” นันทินีมองประกายดาว “แก...แกตาย!”
ประกายดาวตกใจ มิลินทร์กับกิจจาเหวอ นันทินีถอดรองเท้าส้นสูงสองข้างจะพุ่งเข้ามาหาประกายดาว แต่อภิเชษฐ์เข้ามาคว้าตัวนันทินีเอาไว้ได้ทันพอดี
“หยุดนะคุณนันยาง!” อภิเชษฐ์บอก
นันทินีหันไปเห็นอภิเชษฐ์ก็ชะงักนิดนึง “นายมาจับฉันทำไม??! ไปจับมันโน่นสิ ลากมันเข้าคุกข้อหาทำร้ายร่างกายฉัน!!”
“แต่ผมเห็นคุณมีรองเท้าส้นสูงเป็นอาวุธ แล้วก็กำลังจะทำร้ายเค้า!”
นันทินีอึ้งมองรองเท้าในมือแล้วก็พูดไม่ออก

ประกายดาวกับนันทินียืนประจันหน้า โดยมีอภิเชษฐ์ยืนตรงกลาง มิลินทร์กับกิจจายืนข้างประกายดาว
“เค้าตบฉันก่อน!” ประกายดาวบอก
นันทินีหัวเสีย อภิเชษฐ์หันไปทางนันทินี
“ว่าไงครับคุณนัน จะปฏิเสธมั๊ย?”
“ฉันไม่ปฏิเสธก็ได้ ว่าฉันตบเค้าก่อน แต่เป็นเพราะ” นันทินีชี้หน้าประกายดาว “เค้าแย่งคุณชายไปจากฉัน”อภิเชษฐ์เหวอ เขาหันขวับไปมองประกายดาว ประกายดาวหมั่นไส้นันทินีเลยแกล้งยั่วโมโห
“อย่ามาพูดว่าฉันแย่งคุณชายจันทร์! ในเมื่อคุณกับคุณชายไม่ได้เป็นอะไรกัน” นันทินีกำมือแน่นด้วยความโมโห “และที่สำคัญคุณชายจันทร์มาหาฉันเอง”
นันทินีได้แต่อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก ประกายดาวพูดเสร็จก็หันไปทางมิลินทร์กับกิจจา
“กลับกันเหอะ”
ประกายดาว มิลินทร์ และกิจจาเดินออกไป นันทินีกรี๊ดออกมาดังลั่น อภิเชษฐ์หูแทบแตก
“โอ๊ย!! คุณนันยาง! คุณจะแหกปากกรี๊ดไปทำไมห๊ะ!”
นันทินีหันมาทางอภิเชษฐ์แล้วก็กรี๊ดต่ออย่างบ้าคลั่ง “อ๊าย..อ๊าย อ๊าย!”
อภิเชษฐ์รีบยกมืออุดหู แล้วนันทินีก็เดินเข้าไปข้างใน
“เนี่ยนะคนที่มาจากราชสกุลดัง ทำตัวได้ไร้สติมาก” อภิเชษฐ์ถอนใจแล้วก็คิด “ว่าแต่ไอ้ชายกับผู้หญิงคนนั้น” อภิเชษฐ์ไม่แน่ใจ “จริงเหรอวะ?”

จันทรภานุขำก๊ากตรงหน้าอภิเชษฐ์
“ฉันถามว่าจริงรึเปล่าที่แกกับผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนกัน ไม่ได้เล่าเรื่องตลกให้ฟังนะเว๊ย!”
“ก็มันอดขำไม่ได้ ที่คุณดาวพูดแบบนั้นกับคุณนันทินี” จันทรภานุบอก
“สรุปก็คือ คุณดาวอะไรเนี่ย..เป็นแฟนแกจริงๆ”
จันทรภานุมองหน้าเพื่อนแล้วก็นึกอะไรออก “แล้วถ้าเกิดเค้าเป็นแฟนฉันขึ้นมาจริงๆ แกว่าเค้าจะรับมือกับคุณนันทินีได้รึเปล่า”
“ได้ยิ่งกว่าได้ เห็นจากเมื่อคืนนี้แล้ว ก๋ากั่นเป็นบ้า!” อภิเชษฐ์ชม จันทรภานุยิ้ม “พูดแบบนี้ แสดงว่าแกกับเค้าไม่ได้เป็นแฟนกัน” จันทรภานุหันมายิ้ม “แกคิดจะทำอะไรอยู่ใช่มั๊ย?”
จันทรภานุเอาแต่ยิ้มโดยไม่ยอมพูดอะไรออกมา

เสียงกดออดดังขึ้น ประกายดาวเปิดประตูแล้วก็ชะงักกึกเพราะเห็นจันทรภานุยืนอยู่พร้อมกับช่อดอกไม้
“คุณชายจันทร์!”
“ผมได้ข่าวจากเพื่อนผม ว่าคุณโดนคุณนันตบ ผมก็เลยมาเยี่ยมและถือโอกาสมาขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณต้องเจ็บตัว”
ประกายดาวอึ้งมาก
“ความจริงฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ก็ขอบคุณนะคะ” ประกายดาวรับช่อดอกไม้มาวางบนโต๊ะ “เออ...มีอะไรจะพูดกับฉันอีกรึเปล่า”
จันทรภานุกลั้นใจเดินมาตรงหน้าประกายดาว
“เป็นแฟนผมนะครับคุณดาว”
ประกายดาวแทบช็อค ตาของเธอเบิกโพลง
ประกายดาวพึมพำ “ฉันฝันไปแน่ๆ” ประกายดาวตบหน้าตัวเอง “ตื่นได้แล้วไอ้ดาว..ตื่น..ตื่น” ประกายดาวหันไปยังเห็นจันทรภานุยืนอยู่ “ยังไม่ยอมตื่นขึ้นมาอีก” ประกายดาวหยิกแขนตัวเอง “อุ๊ย ทำไมเจ็บแขนงี้วะ..หรือว่า..”
จันทรภานุจับแขนประกายดาว ประกายดาวหันไปมอง
จันทรภานุพูดขึ้น “คุณไม่ได้ฝัน”
ประกายดาวตกใจสุดขีด เธอรีบจับมือจับแขนจันทรภานุ
“จับต้องได้ รู้สึกได้ ไม่ได้ฝันจริงๆด้วย”
ประกายดาวรู้ตัวว่าจับนานไปหน่อยเลยรีบปล่อย แล้วหันไปทางจันทรภานุ
“คุณชาย..ช่วยพูดกับฉันอีกซักครั้งจะได้มั๊ยคะ” ประกายดาวรีบเอาผมเหน็บหู “ฉันอยากได้ยินชัดๆ”
“เป็นแฟนกับผมนะครับคุณดาว” จันทรภานุพูด
หัวใจประกายดาวแทบจะหยุดเต้น!!

ประกายดาวนั่งลงตรงข้ามจันทรภานุด้วยหน้าตาเหวอมาก
“คุณจะจ้างให้ฉันเป็นแฟนกับคุณ?”
“เข้าใจถูกต้องแล้ว” จันทรภานุบอก
“ทำไม?”
“ถ้าผมมีแฟน..หม่อมแม่จะได้เลิกจับคู่ผมกับคุณนันทินีซักที”
“คุณแน่ใจเหรอว่ามันจะได้ผล”
“ผมมั่นใจ งานนี้ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ได้ผลประโยชน์ แต่คุณก็ได้ด้วยเหมือนกัน” จันทรภานุบอก ประกายดาวนิ่วหน้า “คิดดูให้ดีนะคุณดาว การที่คุณได้เป็นแฟนกับผม มันจะทำให้คุณสยบข่าวเรื่องที่คุณเป็นเมียน้อยคุณศิวะได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าคุณอาจจะเป็นจริงๆ”
ประกายดาวชักฉุน “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้เป็นอะไรกับนายศิวะ”
“เอาเถอะๆ ไม่ต้องมาอธิบายให้ผมฟัง ผมไม่อยากรู้เรื่องส่วนตัวของคุณ เพราะเราแค่ทำธุรกิจด้วยกันเท่านั้น งานนี้ไม่มีใครเสียเปรียบใคร วินวินด้วยกันทั้งคู่”
“ฉันขอคิดก่อนได้มั๊ย”
“ทำไมยังต้องคิดอีก”
ประกายดาวชักไม่พอใจ “นี่มันเป็นเรื่องใหญ่นะคะคุณชายจันทร์ ฉันขอคิดไม่นานหรอก รอแป๊บ”
ประกายดาวลุกเดินออกไป จันทรภานุแปลกใจ

จิตสุภางค์กำลังให้นมหลงที่อุ้มอยู่พลางคุยโทรศัพท์กับประกายดาวไปด้วย
“แกจะรีรออะไรอีก รับปากคุณชายไปเลย”
ประกายดาวที่แอบมาคุยโทรศัพท์ในห้องนอนยังลังเล
“มันจะดีจริงๆเหรอแก”
“ดีสิ...ถ้าแกช่วยคุณชายสำเร็จ แกก็มีสิทธิ์ขออะไรจากเค้าก็ได้ ความหวังที่แกอยากจะได้สเปิร์มของเค้าก็ไม่ไกลเกินเอื้อม”
ประกายดาวคิดตามอย่างเห็นด้วย

ประกายดาวยืนอยู่กับจันทรภานุ
ประกายดาวยอมรับ “ฉันตกลงค่ะคุณชาย”
จันทรภานุยิ้มด้วยความพอใจมาก “คุณต้องการค่าเหนื่อยเท่าไหร่บอกผมมาได้เลย”
“ฉันไม่ต้องการเงิน เพราะฉันรวยอยู่แล้ว”
จันทรภานุอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองประกายดาวนิดนึงแล้วก็หันไปทางอื่น
“แล้วคุณต้องการอะไร?”
“ไว้ฉันทำงานสำเร็จก่อน แล้วฉันจะบอก”
“ถ้าไม่ใช่ดาวกับเดือน ผมให้คุณได้ทุกอย่าง” จันทรภานุบอก ประกายดาวยิ้มพอใจ “ถ้างั้นตอนนี้ก็ถือว่าเราเป็นทีมเดียวกันแล้วนะ”
จันทรภานุยื่นมือออกไป ประกายดาวจับมือจันทรภานุ ทั้งสองคนยิ้มให้กัน

หญิงนิ่มนั่งลงข้างๆ จันทรภานุด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
“พี่ดาวตกลงเป็นแฟนกับพี่ชาย”
“แค่แกล้งเป็นแฟน พูดให้ถูกต้องด้วย”
“แหม...แต่หญิงว่าผู้หญิงอย่างพี่ดาวก็เหมาะสมกับพี่ชายดีออก บางทีพี่ดาวอาจจะเป็นเนื้อคู่พี่ชายตามที่เจ้าแม่ไทรทองเคยทำนายเอาไว้ก็ได้”
“ไม่มีทาง เพราะเค้าไม่ใช่สเป็คพี่”
“แต่โบราณว่า ไม่ชอบอะไร ก็จะได้อย่างนั้นนะคะ”
“ไม่ต้องมาทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักหน่อยเลยเรา ถ้าคุณนันไปจากพี่เมื่อไหร่ พี่กับคุณดาวก็ต่างคนต่างไป”
“แต่หญิงว่าแค่คุณนันรู้ว่าพี่ชายมีแฟน ไม่ทำให้คุณนันลดละเลิกความพยายามกับพี่ชายหรอกค่ะ พี่ชายต้องทำให้คุณนันเห็นว่าพี่ชายรักพี่ดาวมากขนาดไหน”
จันทรภานุนิ่วหน้า “แล้วพี่ต้องทำยังไงคะ?”
หญิงนิ่มยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

วันต่อมา ประกายดาวกำลังถ่ายรูปนายแบบ ทีคอยช่วย สักพักประกายดาวก็หยุดถ่าย
“เสร็จแล้วค่า ขอบคุณทุกคนมากค่ะ”
ประกายดาวส่งกล้องให้ที เธอหันไปเจอเจ๊พีชเดินถือชุดเข้ามาหา
ประกายดาวยกมือไหว้ “หวัดดีค่ะเจ๊ ไปไงมาไงคะเนี่ย”
“มาหาน้องดาวนั่นแหละค่ะ”
เจ๊พีชยิ้ม ประกายดาวมองเจ๊พีชด้วยความสงสัย

อ่านต่อหน้าที่ 2


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 3 (ต่อ)

ประกายดาวมองหน้าเจ๊พีชด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คุณชายให้เจ๊เอาชุดนี้มาให้ดาวใส่ออกงานคืนนี้!!”
“อือฮึ ไม่แค่นั้นนะ เจ๊ยังต้องมาแต่งหน้าทำสวยให้น้องดาวอีกด้วย” เจ๊พีซบอก
“ทำไมเค้าไม่โทรมาบอกดาว?”
“คุณชายว่ายังไงดาวก็ปฏิเสธเค้าไม่ได้อยู่แล้ว” เจ๊พีซบอก ประกายดาวเหวอ เจ๊พีชเอาศอกสะกิด “ร้ายนะเราน่ะ เห็นหงิมๆแบบนี้แต่หยิบชิ้นปลามัน แถมยังเป็นปลาที่ไล่จับยากอีกด้วย”
ประกายดาวยิ้มแหยๆ
“แล้วไปจีบกันตอนไหนยะ ทำไมเจ๊ไม่รู้”
“ดาวถือเคล็ดน่ะเจ๊ ถ้าไม่ชัวร์ ก็ไม่อยากพูด แต่นี่ก็เพิ่งเริ่มต้นเองนะ หนทางข้างหน้ายังอีกไกลแสนไกล”
“อ่ะจ๊ะอ่ะจ๊ะ ถ้างั้นก็ไปแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทัน”
เจ๊พีชส่งชุดให้ประกายดาว

จันทรภานุในชุดสูทเท่ห์เดินมาหาเจ๊พีช
“รอซักครู่นะคะคุณชาย น้องดาวเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวก็ออกมา” เจ๊พีซบอก
จันทรภานุยิ้มรับ ไม่นานเจ๊พีชก็เห็นประกายดาวเดินออกมา
“ออกมาแล้วค่ะ แหมทันใจดีจริงๆ”
จันทรภานุหันไปมองประกายดาวแล้วก็ตะลึงไปเล็กน้อยเมื่อเห็นประกายดาวในชุดราตรีงามสง่าเดินออกมา จันทรภานุมีแววตาเป็นประกายตามประสาผู้ชายที่เห็นผู้หญิงสวย และนึกไม่ถึงว่าประกายดาวจะดูดีขนาดนี้ เจ๊พีชลอบมองจันทรภานุแล้วก็อมยิ้ม ประกายดาวเดินมาถึงแล้วก็พูด
“ขอโทษนะคะที่ช้า”
จันทรภานุยังเงียจนประกายดาวแปลกใจ เจ๊พีชแอบอมยิ้ม
“ตะลึงจนพูดไม่ออกเลยเหรอคะคุณชาย” เจ๊พีซถาม
จันทรภานุได้สติแล้วก็รู้สึกอายนิดๆ เลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทัน ขอบคุณเจ๊พีชมากนะครับ”
“ไม่มีปัญหาค่ะ ยินดี”
จันทรภานุผายมือให้ประกายดาวเดินไปที่รถ แล้วตัวเองก็เดินตามไป เจ๊พีชมองตามด้วยความปลาบปลื้ม
“สมกันราวกับกิ่งทองใบหยก”

ประกายดาวยุกยิกนั่งไม่อยู่สุขจนจันทรภานุต้องหันมามอง
“เป็นอะไร?”
“ฉันไม่ค่อยถนัดใส่ส้นสูง ใส่ทีไร กัดทุกที” ประกายดาวถอดรองเท้าออกมา
“ถอดรองเท้าทำไม?”
“แม่ฉันเคยสอนว่าถ้ารองเท้ากัด เราต้องกัดมันก่อน คุณชายว่ามันจะยังทันอยู่มั๊ยคะ” ประกายดาวถาม จันทรภานุเหวอเพราะนึกว่าประกายดาวจะทำจริงๆ “ฉันล้อเล่นค่ะ ใครจะบ้ากัดรองเท้า ฉันแค่ถอดพักเท้าเท่านั้น”
จันทรภานุโล่งอก
“พอเข้างานไปแล้ว อย่าทำให้ฉันขายหน้า”
ประกายดาวเบ้หน้าหมั่นไส้ “เจ้าค่ะคุณชาย”
จันทรภานุถอนใจแล้วส่ายหัว

จันทรภานุจอดรถ ประกายดาวเห็นนักข่าวออกันเต็มหน้างานก็ตกใจมาก จันทรภานุหันมาพูดกับประกายดาว
“หันหลังให้ฉันที”
ประกายดาวงง “คะ??”
“หันหลัง”
ประกายดาวงงๆ แต่ก็ยอมนั่งหันหลังให้จันทรภานุ จันทรภานุเอาสร้อยเพชรออกมาสวมให้ประกายดาว ประกายดาวถึงกับอึ้ง
“ไปได้แล้ว”
จันทรภานุเปิดประตูลงไป นักข่าวหันมาเห็นก็จำได้
“คุณชายจันทร์มาแล้ว”
นักข่าวตั้งกล้องเตรียมถ่ายรูป พนักงานเข้ามาเปิดประตู จันทรภานุลงมาก่อนแล้วก็หันไปยื่นมือให้ประกายดาว ไม่นานประกายดาวก็ยื่นมือมาจับจันทรภานุ นักข่าวเตรียมกดชัตเตอร์ ประกายดาวลงจากรถ นักข่าวฮือฮาและกดชัตเตอร์ไม่หยุด ประกายดาวอึ้งกับสิ่งที่เห็น
จันทรภานุเอามือประกายดาวมาควงแขนตัวเองแล้วก็เดินไป แต่ประกายดาวเจ็บเท้าทำให้เดินไม่ถนัด ส้นรองเท้าพลิกจะล้ม จันทรภานุรีบโอบเอวประกายดาวเอาไว้ ประกายดาวหันไปพอดีทำให้หน้าใกล้กับจันทรภานุมากๆ นักข่าวได้ช๊อตเด็ดจึงรีบถ่ายไม่หยุด จันทรภานุประคองประกายดาวให้ทรงตัวได้แล้วก็ตัดสินใจโอบเอวประกายดาวพาเดินเข้าไปในงาน ประกายดาวตื่นเต้นสุดๆ

จันทรภานุควงแขนประกายดาวเดินไปคุยกับแขกเหรื่อในงานพร้อมกับแนะนำให้ประกายดาวรู้จักกับผู้ใหญ่ ประกายดาววางตัวดี ไหว้สวยงาม กิริยามารยาทดี จนสายตาทุกคู่ในนั้นต่างจับตามองเป็นตาเดียว จันทรภานุอดเหล่มองด้วยความพอใจไม่ได้จนต้องหันไปลอบอมยิ้มอยู่คนเดียว

จันทรภานุจอดรถหน้าคอนโดประกายดาวแล้วหันมาทางประกายดาว
“วันนี้เธอทำได้ดีมาก”
ประกายดาวยิ้ม “ฉันไปก่อนนะคะ” ประกายดาวนึกขึ้นได้ “ส่วนเรื่องชุด ฉันจะซักมาคืนให้ แล้วก็..” ประกายดาวถอดสร้อยเพชร “นี่ค่ะ”
“ทั้งชุดทั้งสร้อย ฉันให้เธอ” จันทรภานุบอก ประกายดาวชะงักแล้วจะปฏิเสธแต่จันทรภานุพูดดัก “ตกลงตามนั้นแหละ ไม่ต้องปฏิเสธ”
“เออ..ค่ะ”
ประกายดาวลงจากรถแล้วปิดประตู รถจันทรภานุแล่นออกไป ประกายดาวหันไปมองตาม

วันต่อมา ภาพจันทรภานุโอบเอวประกายดาวแนบแน่นปรากฎบนหน้าหนังสือพิมพ์ จิตสุภางค์นั่งอ่านเนื้อข่าว
“คุณชายจันทรภานุ เปิดตัวสาวสวยคนใหม่ ที่ยังเป็นปริศนาว่าเธอคือใคร?” จิตสุภางค์หันไปทางประกายดาว “นี่แกจริงๆเหรอไอ้ดาว ฉันจำแทบไม่ได้ ทำไมสวยอย่างงี้วะ”
“แล้วแต่ก่อนไม่สวยเหรอไง”
“ก็สวยตามมาตรฐาน ไม่ได้สวยมากมาย รูปนี้แกเหมือนดาราเลยอ่ะ” จิตสุภางค์จับแขนประกายดาว “ฉันภูมิใจในตัวแกจริงๆ”
“แต่ฉันรู้สึกไม่สบายใจ ยังไงก็ไม่รู้”
ประกายดาวมีสีหน้ากังวลใจอะไรบางอย่าง

สุรีย์กับนมพรกำลังดูภาพข่าวจันทรภานุกับประกายดาวด้วยความอึ้ง นมพรหันมาพูดกับสุรีย์
“แสดงว่าสิ่งที่คุณนันบอกก็เป็นความจริงน่ะสิคะหม่อม”
สุรีย์เครียด

จันทรภานุเดินมาตามทาง เสียงสุรีย์ดังขึ้น
“ชายจันทร์”
จันทรภานุหันกลับไปเห็นสุรีย์เดินมาหา
“ว่างคุยกับแม่หน่อยมั๊ย” สุรีย์ถาม
จันทรภานุเงียบเพราะรู้ว่าสุรีย์จะคุยกับเขาเรื่องอะไร

สุรีย์ยืนจ้องหน้าจันทรภานุที่นั่งอยู่ด้วยสีหน้าจับผิด
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ทำอาชีพอะไร? เป็นลูกเต้าเหล่าใคร? บ้านอยู่ไหน? ทำไมชายจันทร์ถึงรู้จัก? แล้วเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“คุณแม่ทราบแล้วเหรอครับ”
“หนังสือพิมพ์ลงรูปชัดเจนขนาดนั้น แม่จะไม่ทราบได้ยังไง?”
“หม่อมแม่ใจเย็นก่อนนะครับ ผมกับเค้าเพิ่งเริ่มต้นกันเอง”
“จะเพิ่มเริ่ม หรือ เริ่มนานแล้ว แม่ก็ต้องการรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ลูกอย่าลืมว่าลูกเป็นราชนิกูลโดยกำเนิด เป็นหม่อมราชวงศ์ เป็นราชสกุลของนพรัตน์ บรรพบุรุษของเราแต่งงานกับคนที่มีศักดิ์เท่าเทียมกันมาตลอด เพราะฉะนั้นแม่จะไม่มีวันยอมให้ลูกไปคว้าใครที่ไหนมาเป็นภรรยาเด็ดขาด”
จันทรภานุอึ้งที่เรื่องราวไปกันใหญ่เลยลุกขึ้นยืน
“ไปกันใหญ่แล้วหม่อมแม่ ผมยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นซักนิด”
“แม่ก็แค่เตือนสติให้ลูกรู้ตัว ว่าลูกเป็นใคร? และควรเลือกผู้หญิงแบบไหน ถ้าลูกไม่อยากเล่าให้แม่ฟังเรื่องผู้หญิงคนนั้น...ก็ไม่เป็นไร”
สุรีย์พูดจบก็เดินออกไป จันทรภานุมองตามหม่อมสุรีย์ด้วยสีหน้ากังวลใจมาก

สุรีย์มายืนโทรศัพท์
“ฉันเห็นคุณเป็นคนกว้างขวาง ก็เลยมีเรื่องร้อนใจ อยากให้คุณช่วย”

หมอดูกำลังพลิกไพ่ทั้งสิบใบที่วางอยู่ อรอุมากับรติรสที่นั่งตรงหน้ามองลุ้นๆ หมอดูทายจากไพ่ที่อยู่ตรงหน้า
“ไพ่--- หมายถึง คนที่เรารักกำลังนอกใจ”
อรอุมากับรติรสตกใจ
“สามีดิชั้น กำลังมีกิ๊ก ใช่มั๊ยค่ะ!” อรอุมาถาม
“ไพ่บอกอย่างนั้น
หมอดูพูดจบก็หันไปมองรติรส รติรสหน้าถอดสีที่หมอดูมองมาที่เธอ
อรอุมาหึงมาก “มันเป็นใครคะอาจารย์หญิง?”
“ไพ่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ นอกจากจะบอกได้เพียงว่า เธอคนนั่นเป็นผู้หญิงผิวสองสี”
รติรสฟังแล้วก็กลืนน้ำลายพร้อมกับคิดในใจ “กูนี่แหละผิวสองสี”
“สูง” หมอดูพูดต่อ รติรสอึ้งอีกเพราะเธอก็สูง “ตาโต” รติรสยิ่งฟังก็ยิ่งตื่นเต้น “และที่สำคัญมีไฝเม็ดใหญ่ในที่ลับ”
รติรสสะดุ้งเฮือก อรอุมาร้อนใจมาก
“และเพราะไฝเม็ดนี้แหละ ถึงทำให้สามีของคุณกู่ไม่กลับ หลงหัวปักหัวปำ”
“แล้วมีวิธีแก้มั๊ยคะ” อรอุมาถาม
หมอดูส่งไพ่ให้เลือก อรอุมาเลือกมาหนึ่งใบ
“ไพ่ใบนี้แปลว่า การมีบุตร แสดงว่า คุณต้องรีบมีลูก เพราะลูกคือโซ่ทองคล้องใจ ถ้ามีลูกเมื่อไหร่ สามีจะเลิกกับผู้หญิงคนนั้นทันที”
รติรสหน้าเสีย อรอุมามีสีหน้าที่มีความหวังรำไร

อรอุมากับรติรสเดินออกมาด้วยกัน รติรสกังวลใจมากๆ
“แกเชื่อที่อาจารย์หญิงพูดด้วยเหรอ หมอดูก็คือหมอเดา” รติรสว่า
“แต่อาจารย์หญิงแม่นมาก ไม่ว่าใครที่ได้มาดู แล้วทำตามที่อาจารย์หญิงบอก ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้ทุกราย แล้วนังกิ๊กศิวะที่อาจารย์หญิงบรรยายมาลักษณะมันคือนังประกายดาวชัดๆ”
รติรสรีบใส่ไฟประกายดาวทันที “ก็ต้องเป็นนังประกายดาวอยู่แล้ว จะเป็นใครได้อีก แล้วแกจะมีลูกกับศิวะตามที่หมอดูแนะนำเหรอ?”
“ใช่..เพราะจะว่าไป ฉันก็มัวแต่ตามหึงผัว จนลืมทำการบ้านมานานแล้ว สงสัยคืนนี้ต้องจัดชุดใหญ่ซักหน่อย”
อรอุมายิ้มอย่างมีความสุขแล้วก็เดินออกไป รติรสโมโห

ประกายดาวกำลังจะเดินเข้าไปในคอนโดแต่อยู่ๆ ก็มีคนมาจับแขน ประกายดาวตกใจหันไปจะชกแต่เห็นว่าเป็นศิวะที่รีบปล่อยมือจากแขนประกายดาวแล้วยกมือขึ้นมากัน
“เราเองดาว!”
“มาทำไม!” ประกายดาวถาม
“ดาวกำลังจะเดือดร้อนรู้ตัวมั๊ย หม่อมสุรีย์ให้เราสืบประวัติว่าดาวเป็นใคร?” ศิวะบอก ประกายดาวชะงัก “ถ้าหม่อมรู้เข้า เราบอกได้เลยว่าดาวแย่แน่”
“มันจะแย่ยังไง? ในเมื่อฉันไม่เคยทำอะไรเสื่อมเสีย”
“แต่หม่อมสุรีย์ ท่านไม่ได้รู้จักดาว ท่านไว้ใจเรา ท่านถึงให้เราช่วย เพราะฉะนั้นถ้าเราพูดอะไรที่เกี่ยวกับดาว หม่อมก็จะเชื่อเราทุกอย่าง”
ประกายดาวฉุนกึก “นายคิดจะทำอะไร!!”
“ใจเย็นก่อนสิดาว ฟังเราพูดให้จบก่อน ความจริงเราไม่อยากทำร้ายดาวเลยนะ ถ้าดาว” ศิวะเดินมาเอามือลูบแขนประกายดาว “ยอมเรา เท่านี้..เราก็จะไม่บอกหม่อม แล้วเราสัญญาว่าเราจะไม่ทิ้งดาวอีก เราจะดูแลให้ดาวสบาย”
ประกายดาวมองศิวะอย่างรู้ความหมาย ศิวะยิ้มลามก ประกายดาวแกล้งยิ้มหวาน
“มาใกล้ๆฉันหน่อยสิ”
ศิวะดีใจ “นี่ดาว..ยอมเราเหรอ?”
ประกายดาวยิ้มแต่ไม่ตอบ ศิวะเดินเข้ามาใกล้ ประกายดาวกวักนิ้ว ศิวะยื่นหน้าเข้ามาใกล้หมายจะจูบประกายดาว ประกายดาวจับไหล่ศิวะทั้งสองข้างแล้วตีเข่าเข้าเป้าศิวะอย่างแรง ศิวะตาเหลือก หน้าเขียว แต่ร้องไม่ออก ประกายดาวต่อยเปรี้ยงเข้าไปอีกหมัด ศิวะหน้าหันและถึงกับมึน
“นายนี่มันชาติชั่วจริงๆ ชาตินี้นายไม่มีทางได้แอ้มฉันหรอก!”
ประกายดาวหันหลังจ้ำเดินเข้าไปในคอนโดด้วยความโมโห ศิวะมองตามประกายดาวสีหน้าเจ็บปวดและเจ็บแค้น

ศิวะที่บริเวณมุมปากช้ำเล็กๆ เดินหนีบขาเพราะเจ็บเป้ากลับเข้ามาในห้อง เขาพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติ ศิวะมองไปที่เตียงพอไม่เห็นอรอุมาก็แปลกใจ
“อร?”
ศิวะแปลกใจมาก เสียงดนตรียั่วยวนดังขึ้น ศิวะตกใจพอหันขวับไปก็เห็นอรอุมาในชุดนอนเซ็กซี่เดินออกมา ศิวะกลืนน้ำลายเอื๊อกแต่ไม่ได้นึกพิศวาสเลยแม้แต่น้อย
“ศิวะขา...”
“อะอะ..อรอร!!! ทะทำไม..แต่งตัวแบบนี้”
อรอุมาพูดเสียงกระเซ่าพร้อมทำท่าเซ็กซี่ไปด้วย
“ก็อากาศมันร้อนนี่คะ” อรุมาเดินยั่วยวนมาตรงหน้า “ศิวะไม่ร้อนเหรอไง” อรอุมาดึงคอเสื้อศิวะเข้ามา “อรถอดเสื้อให้ดีกว่า”
อรอุมาแทรกขามาตรงหว่างขาของศิวะ ศิวะเสียววูบ แล้วขาอรอุมาก็กระแทกเข้าเป้าศิวะเต็มๆ ศิวะร้องลั่น
“อ๊ากก”
ศิวะรีบกุมเป้าเอาไว้ อรอุมาตกใจ
“คุณเป็นอะไร?” อรอุมาขยับตัวเข้ามา
“อย่าเข้ามา!” ศิวะรีบยกมือห้าม
ศิวะมีสีหน้าเจ็บปวด แล้วอรอุมาก็สังเกตเห็นรอยช้ำที่มุมปาก อรอุมาพุ่งเข้ามาจับหน้าศิวะ ศิวะร้องลั่น
“โอ๊ยโอ๊ย”
“หน้าคุณไปโดนอะไรมา”
ศิวะหน้าถอดสีและเหงื่อตก “ผมหกล้ม หน้าไปกระแทกกับเสา” อรอุมามองอย่างจับผิด “ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ มันร้อนอย่างที่คุณว่าจริงๆ”
ศิวะรีบลนลานเข้าไปในห้องน้ำ อรอุมามองด้วยความสงสัยและไม่เชื่อ

เช้าวันต่อมาประกายดาวยืนชงกาแฟพลางเหม่อคิดย้อนกลับไปตอนที่ศิวะพูด
“เดี๋ยวสิดาว” ศิวะเรียก ประกายดาวหยุดกึก “ดาวกำลังจะเดือดร้อนรู้ตัวมั๊ย หม่อมสุรีย์ให้เราสืบประวัติว่าดาวเป็นใคร?” ประกายดาวชะงักกึก “ถ้าหม่อมรู้เข้า เราบอกได้เลยว่าดาวแย่แน่”
“มันจะแย่ยังไง? ในเมื่อฉันไม่เคยทำอะไรที่เป็นเรื่องเสื่อมเสีย”
“แต่หม่อมสุรีย์ ท่านไม่ได้รู้จักดาว ท่านไว้ใจเรา ท่านถึงให้เราช่วย เพราะฉะนั้นถ้าเราพูดอะไรออกที่เกี่ยวกับดาว หม่อมก็จะเชื่อเราทุกอย่าง”
ประกายดาวฉุนกึก “นายคิดจะทำอะไร!”
“ใจเย็นก่อนสิดาว ฟังเราพูดให้จบก่อน ความจริงเราไม่อยากทำร้ายดาวเลย ถ้าดาว” ศิวะเดินมาเอามือลูบแขนประกายดาว “ยอมเรา เท่านี้..เราก็จะไม่บอกหม่อม แล้วเราสัญญาว่าเราจะไม่ทิ้งดาวอีก เราจะดูแลให้ดาวสบาย”
ประกายดาวคิดแล้วก็มีสีหน้ามุ่งมั่น
“ฉันไม่ยอมให้นายมาขัดขวางการได้สเปิร์มของคุณชายจันทร์เด็ดขาด!”
ประกายดาวนึกอะไรออกก็หยิบมือถือออกมาแล้วกดโทรออกทันที
“ฉันอยากเจอนาย ออกมาหาฉันตอนนี้ได้มั๊ย?”

ศิวะรีบเข้ามาในร้าน พอเห็นประกายดาวนั่งอยู่เขาก็ดีใจมากจึงรีบเดินมานั่ง
“ดาว..” ศิวะเรียก ประกายดาวยิ้ม “เราดีใจมากเลยนะที่ดาวโทรหาเรา เราคิดว่าดาวจะไม่ยอมเจอเราซะแล้ว”
“ฉันมาคิดๆดูแล้ว ข้อเสนอของนาย ก็น่าสนใจ” ประกายดาวบอก ศิวะยิ้ม “แต่ฉันอยากถามเพื่อความแน่ใจว่านายยังรักฉันอยู่จริงๆใช่มั๊ย”
ศิวะหนักแน่น “ใช่สิจ๊ะ เรารักดาว”
“ทำไมเสียงเบาแบบนี้แหละ ไม่ค่อยได้ยินเลย” ประกายดาวทำเป็นอ้อน
ศิวะอมยิ้ม “เรา รัก ดาว!!! รักไม่เคยเปลี่ยน รักมาตลอด รักที่สุดเลยจ๊ะ”
“นายแน่ใจนะว่านายไม่ได้รักคุณอร”
“แน่ใจ เราไม่ได้รักอร เราบอกแล้วไงว่าเราแต่งงานกับอรเพราะคุณแม่บังคับ” ศิวะจับมือประกายดาว “เราดีใจนะที่ดาวให้โอกาสเราอีกครั้ง คราวนี้เราจะไม่ทำให้ดาวเสียใจอีก เราจะให้ดาวทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ แหวนเพชร เงินทอง หรือถ้าดาวอยากได้อะไรนอกเหนือจากนี้ เราก็หามาให้ได้”
“แล้วเมียนายเค้าจะไม่รู้เหรอว่านายมีฉันอยู่อีกคน”
“ไม่มีทางรู้หรอก อรน่ะโง่จะตาย เราพูดป้อยอนิด หยอดคำหวานหน่อยก็เชื่อเราแล้ว”
ประกายดาวยิ้มพอใจมากแล้วก็ดึงมือออกมา ก่อนที่เธอจะหยิบไอโฟนในกระเป๋าออกมา ศิวะแปลกใจ แล้วประกายดาวก็กดปิดการอัดเสียง
“ขอบใจนะศิวะที่บอกทุกอย่างให้ฉันได้รู้”
ศิวะอึ้งมาก “นี่ดาวอัดเสียงเราไว้เหรอ?”
ประกายดาวพยักหน้า ศิวะโกรธมาก ประกายดาวพูดต่อ “ถ้านายไม่อยากให้คลิปเสียงนี้ไปถึงหูคุณอรอุมา นายก็ห้ามยุ่งเรื่องฉันกับคุณชายอีก!”
ประกายดาวเอาจริง ศิวะได้แต่กำมือแน่นแต่ไม่กล้าทำอะไร

ศิวะเข้ามานั่งในรถแล้วปิดประตูดังปังอย่างหัวเสีย
“นังประกายดาว!! ซักวันฉันต้องทำให้แกเป็นของฉันให้ได้!”
ศิวะหน้าตาเคียดแค้น

พงศ์จันทรเห็นข่าวประกายดาวกับจันทรภานุก็อึ้งมาก
“เราไปฮ่องกงแค่ไม่กี่วัน ก็ถูกงาบไปแล้วเหรอวะเนี่ย”
พงศ์จันทรรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างแรงก่อนจะหยิบมือถือออกมากดโทรหาเจ๊พีช
“เจ๊พีช..ผมพงศ์จันทรนะครับ ผมอยากถามเรื่องข่าวของคุณดาวกับคุณชายจันทร์”

ประกายดาวกับทีกำลังช่วยกันจัดแสงเพื่อถ่ายรูปห้องพักคอนโด ระหว่างนั้นหญิงนิ่มก็เดินเข้ามาหา
“พี่ดาวคะ”
ประกายดาวหันไป “ขอโทษนะคะ ที่ต้องกวนคุณหญิงให้มาเอารูปด้วยตัวเอง”
ประกายดาวหยิบซองออกมาจากกระเป๋าส่งให้หญิงนิ่ม
“ไม่เป็นไรค่ะ ทางผ่านอยู่แล้ว” หญิงนิ่มรับซองมาเปิดดูรูปก็เห็นเป็นรูปสินค้าในร้าน “รูปสวยมากเลยค่ะ”
“พี่ดีใจนะคะที่คุณหญิงชอบ”
หญิงนิ่มมองประกายดาวแล้วก็ยิ้มจนประกายดาวแปลกใจ
“คุณหญิงมองหน้าพี่แล้วยิ้มทำไมคะ”
“หญิงเห็นข่าวพี่ดาวกับพี่ชายแล้วนะคะ”
ประกายดาวผงะแล้วยิ้มเจื่อน
หญิงนิ่มกระซิบ “หญิงดีใจนะคะที่พี่ดาวเป็นแฟนกับพี่ชาย” ประกายดาวได้แต่ยิ้ม “น่าเสียดาย ที่เป็นแฟนกันหลอกๆ”
ประกายดาวหุบยิ้มแทบไม่ทัน “คุณหญิงรู้”
“ค่ะ พี่ชายปรึกษาหญิง แต่หญิงไม่บอกใครหรอกนะคะ รับรอง”
ประกายดาวยิ้มแหยๆ ออกมา
“หญิงขออยู่ดูพี่ดาวทำงานได้มั๊ยคะ ยังเหลืออีกเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดของหญิง”
“ได้สิคะ ตามสบายเลย งั้นพี่ขอตัวไปทำงานก่อนนะ”
หญิงนิ่มพยักหน้า ประกายดาวเดินออกไป

พงศ์จันทรเดินเข้ามาในคอนโด คนงานปีนบันไดทาสีกำแพง ทันใดนั้นถังสีที่วางบนบันไดก็หล่นมาเฉียดพงศ์จันทรไปนิดเดียว สีกระเด็นโดนปลายขากางเกงของพงศ์จันทร คนงานรีบปีนบันไดลงมาด้วยความตกใจ
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
พงศ์จันทรเซ็ง

หญิงนิ่มดูประกายดาวทำงานสักพักก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ เลยเดินไปทางทีมงานคนหนึ่ง
“ขอโทษนะคะ ห้องน้ำอยู่ไหนคะ”
“ด้านนอกค่ะ แต่เป็นห้องน้ำรวมนะคะ” ทีมงานบอก
“ค่ะ”
หญิงนิ่มเดินออกไป

พงศ์จันทรเดินเข้ามาในห้องน้ำ เขามองปลายขากางเกงตัวเองด้วยความเซ็ง
“เฮ้อ..จะล้างออกมั๊ยเนี่ย”
พงศ์จันทรจะยกขาขึ้นมาวางบนอ่างล้างหน้าแต่ก็ยกไม่ขึ้นเลยตัดสินใจ ถอดกางเกงออกมาจนเหลือแต่บ๊อกเซอร์แล้วก็เปิดน้ำเพื่อเอาน้ำถูกับปลายกางเกง
ทันใดนั้นหญิงนิ่มก็เปิดประตูเข้ามาเห็นพงศ์จันทร เธอถึงกับชะงักกึกด้วยความตกใจมาก
“อ๊าย!”
พงศ์จันทรหันไปเห็นหญิงนิ่มก็ตกใจเช่นกัน

ประกายดาว ที และบรรดาทีมงานหันขวับไปตามที่มาของเสียง
“เสียงนั่น..” ประกายดาวนึกขึ้นได้ “คุณหญิงนิ่ม!”
ประกายดาว ที และทีมงานรีบวิ่งออกไป

ประกายดาว ที และทีมงานเปิดประตูพรวดเข้ามาในห้องน้ำก็เห็นหญิงนิ่มกำลังเอากระเป๋าฟาดพงศ์จันทร์ที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ไม่ยั้ง
“คุณหญิง!” ประกายดาวตกใจ
หญิงนิ่มตีไปด้วยแล้วก็หันไปฟ้อง “พี่ดาวช่วยหญิงด้วย!”
“ที..จัดการดิ”
ทีรีบเข้ามาจับตัวพงศ์จันทร์เอาไว้ พงศ์จันทรเงยหน้าขึ้นมา ประกายดาวกับทีเห็นก็ถึงกับอึ้ง
“คุณพงศ์จันทร!”
พงศ์จันทรหมดสภาพ หญิงนิ่มมองประกายดาวด้วยความแปลกใจ

พงศ์จันทรที่ใส่กางเกงเรียบร้อยแล้วนั่งหน้าแย่ หญิงนิ่มนั่งอยู่ข้างๆประกายดาว
“นี่คุณพงศ์จันทรค่ะคุณหญิงนิ่ม” ประกายดาวแนะนำ
“เราเคยเจอกันแล้วตอนงานฉลองห้างมีเดียกรุ๊ป แต่คุณหญิงคงจำผมไม่ได้ ถึงได้ฟาดผมไม่ยั้งขนาดนี้”
“ก็ท่าทางของคุณเหมือนคนโรคจิตจะตาย ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าคุณเป็นเพื่อนกับพี่ดาว” หญิงนิ่มว่า
“นี่คุณหญิงครับ คนหน้าตาดีอย่างผม จะเป็นโรคจิตได้ยังไง”
“คนเราสมัยนี้ รู้หน้าไม่รู้ใจหรอกค่ะ”
ประกายดาวเห็นทั้งสองคนเถียงกันไปเถียงมาพอเห็นท่าจะไม่ดีเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เออ..ว่าแต่คุณพงศ์รู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่?” ประกายดาวถาม
“ผมโทรถามเจ๊พีชครับ เพราะว่าผมมีเรื่องร้อนใจอยากเจอคุณดาว คุณดาวใจร้ายกับผมมากเลยนะครับ”
ประกายดาวแปลกใจ หญิงนิ่มก็สงสัย
“ตอนผมอยู่ฮ่องกง สาวหมวยสาวจีน ผมก็ไม่เคยมอง หวังว่าจะกลับมามองคุณดาวให้หนำใจ” พงศ์จันทรออดอ้อน หญิงนิ่มเบ้หน้า “แต่ที่ไหนได้..คุณดาวกลับไปมีแฟน ปล่อยให้ผมหัวใจแห้งเหี่ยว”
ประกายดาวหน้าแหยและเหล่มองหญิงนิ่ม หญิงนิ่มหมั่นไส้พงศ์จันทรมาก
“แถวนี้มีน้ำเน่าด้วยเหรอคะพี่ดาว”
“ไม่มีนี่คะ” ประกายดาวตอบ
“เหรอคะ แต่ทำไมหญิงถึงได้กลิ่นอะไรตุตุ” หญิงนิ่มมองพงศ์จันทร
พงศ์จันทรรู้ว่าหญิงนิ่มแขวะแต่ไม่อยากต่อปากต่อคำเลยหันไปทางประกายดาว
“ให้ผมอยู่รอคุณดาวนะครับ คุณดาวเสร็จงานแล้ว เราจะได้ไปหาอะไรทานกัน”
“ถ้างั้นหญิงก็จะอยู่เป็นเพื่อนพี่ดาวจนกว่าพี่ดาวจะทำงานเสร็จเหมือนกันค่ะ” หญิงนิ่มบอก
พงศ์จันทรหันขวับ
“อ้าว? แล้วคุณหญิงไม่มีนัดแล้วเหรอคะ” ประกายดาวถาม
“มีค่ะ แต่ไม่สำคัญ หญิงไปสายหน่อยก็ได้ หญิงไม่อยากปล่อยให้พี่ดาวอยู่คนเดียว เพราะรู้สึกว่าแถวนี้จะมีสัตว์เลื้อยคลานมีพิษ หญิงกลัวพี่ดาวโดนฉกค่ะ”
พงศ์จันทรหันไปมองหญิงนิ่มอย่างไม่พอใจ หญิงนิ่มมองกลับอย่างไม่กลัวเกรง ประกายดาวงงมาก

สุรีย์กำลังคุยโทรศัพท์กับศิวะด้วยสีหน้าผิดหวัง นมพรนั่งมองอยู่ข้างๆ
“ขอบใจมากนะคุณศิวะ”
สุรีย์วางสายแล้วหันมาทางนมพรก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อประกายดาว เป็นช่างภาพที่มาถ่ายภาพครอบครัวเราวันก่อน นมพรจำได้มั๊ย”
นมพรคิด “คนที่ช่วยคุณชายขึ้นมาจากบึงน้ำ”
“คนนั้นแหละ คุณศิวะบอกว่าพ่อแม่เค้าเป็นเจ้าของร้านข้าวขาหมู มีพี่ชายหนึ่งคนเป็นเจ้าของร้านต้นไม้ ประวัติดี ไม่มีอะไรเสียหาย”
“ถ้างั้นคุณหญิงก็น่าจะสบายใจนะคะ”
“ถึงจะไม่มีประวัติด่างพร้อย แต่นมพรก็ทราบดีว่าสำหรับฉันชาติตระกูลคือสิ่งสำคัญ”
“แต่ถ้าเกิดชายจันทร์รักชอบพอคุณประกายดาวขึ้นมาจริงๆ หม่อมจะทำยังไง”
สุรีย์ครุ่นคิด

จันทรภานุแทบตกเก้าอี้ เขาเงยหน้ามองสุรีย์ด้วยความตกใจ
“คุณแม่อยากเชิญคุณดาวมาทานข้าวที่วังของเรา”
“ทำไมชายจันทร์ต้องตกใจด้วย?”
“ก็ดูเหมือนหม่อมแม่จะไม่ชอบคุณดาวนี่ครับ”
“แม่จะชอบหรือแม่จะไม่ชอบ แต่เค้าก็คือคนที่ลูกเลือก เพราะฉะนั้นแม่ก็อยากทำความรู้จักเอาไว้”
จันทรภานุเริ่มเครียดและกังวลใจสุดๆ

ประกายดาวแทบสำลักน้ำที่รู้เรื่อง เธอมองจันทรภานุที่นั่งตรงข้าม
“หม่อมแม่คุณชวนฉันไปทานข้าวที่วัง?”
“ใช่ ท่านอยากทำความรู้จักคุณเอาไว้ แต่ผมรู้ว่าหม่อมแม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง เพราะฉะนั้นคุณต้องห้ามทำตัวให้มีพิรุธเด็ดขาด และที่สำคัญคุณต้องแอ๊บ”
ประกายดาวผงะ “แอ๊บ?!!! หม่อมแม่คุณชายชอบผู้หญิงแอ๊บๆ” ประกายดาวทำหน้าและท่าแอ๊บแบ๊ว” แบบนี้เหรอคะ”
“ไม่ได้แอ๊บแบบนั้น ผมหมายถึงคุณห้ามแสดงความห้าว กร้าว แข็งกระด้างอย่างที่คุณเป็นออกมา เพราะหม่อมแม่ของผมไม่ชอบ”
“ฟังดูยากจัง งั้นบอกหม่อมแม่คุณชายว่าฉันไม่ว่างแหละกัน”
“ไม่ได้! อย่าลืมสิว่าคุณรับปากจะช่วยผมแล้ว”
ประกายดาวนิ่ง พลางคิดในใจ
“นี่ถ้าไม่เห็นว่าคุณจะเป็นพ่อของลูกฉัน ฉันไม่ฝืนใจทำอะไรที่ไม่เป็นตัวเองแบบนี้หรอก”
ประกายดาวพูดออกมา “ตกลงๆ จะให้ฉันทำไรก็ว่ามา”
“เริ่มจาก..ภาพลักษณ์ภายนอกอันดับแรก” จันทรภานุบอก
ประกายดาวนิ่วหน้า

อ่านต่อหน้าที่ 3


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 3 (ต่อ)

จันทรภานุหยิบชุดเดรสแนวเรียบหรูสีหวานส่งให้ประกายดาว ประกายดาวเห็นชุดแล้วก็เบ้หน้าแล้วก็หยิบชุดที่ตัวเองชอบออกมา จันทรภานุหันมาเห็นก็ไม่พอใจ ประกายดาวยิ้มแหยแล้วก็จำต้องเก็บชุดที่ตัวเองชอบก่อนจะหยิบชุดที่จันทรภานุเลือกออกมา
ประกายดาวลองชุดมาให้จันทรภานุเลือกอยู่หลายชุด แต่จันทรภานุก็ไม่พอใจจนมาถึงชุดเดรสสีชมพูอ่อนที่ดูหวานมากๆ จันทรภานุพยักหน้า แต่ประกายดาวไม่ชอบอย่างแรง
จันทรภานุชี้รองเท้าที่ตัวเองต้องการให้พนักงานหยิบออกมาให้ประกายดาวลอง ลองจนประกายดาวเมื่อยและเซจะล้ม จันทรภานุรีบเข้าไปประคอง ทั้งสองคนชะงักกันไปแล้วประกายดาวก็รีบผละออกห่าง

จันทรภานุเดินมากับประกายดาวที่เดินหิ้วถุง
“พรุ่งนี้อย่าให้มีอะไรพลาดนะคุณดาว” จันทรภานุกำชับ
“รับทราบค่ะเจ้านาย รับรองว่าฉันจะแอ๊บให้สุดความสามารถ” ประกายดาวบอก
“เก้าโมงเช้า หญิงนิ่มจะไปรับคุณที่คอนโด อย่าเลทล่ะ”
ประกายดาวพยักหน้า จันทรภานุเดินออกไป ประกายดาวได้แต่ถอนใจ
“ดีแต่ออกคำสั่ง!”
ประกายดาวเดินตามจันทรภานุออกไป

จิตสุภางค์กับมิลินทร์นั่งคุยอยู่กับประกายดาว
จิตสุภางค์หน้าตื่น “หม่อมแม่ของคุณชายชวนแกไปทานข้าว”
ประกายดาวพยักหน้า มิลินทร์แปลกใจ
“เดี๋ยวนะ ที่ฉันไปต่างประเทศสามสี่วัน ฉันตกข่าวอะไรไปรึเปล่า?” มิลินทร์ถาม
ประกายดาวกับจิตสุภางค์มองหน้ามิลินทร์
หลังจากรู้เรื่อง มิลินทร์ก็แหกปากดังลั่นด้วยความตกใจ
“แกแกล้งเป็นแฟนกับคุณชาย เพื่อจะขอแลกกับสเปิร์มของเค้า!! แกใช้อะไรคิดห๊ะไอ้ดาว”
“ใช้หัวไอ้จิตคิดไง” ประกายดาวบอก
มิลินทร์หันขวับ จิตสุภางค์หน้าเหรอรา
“แล้วฉันคิดไม่ดีตรงไหน ก็คุณชายบอกไอ้ดาวว่าถ้าทำให้หม่อมแม่เลิกจับคู่คุณชาย กับยัยนันทินีได้สำเร็จ เค้าก็จะให้ไอ้ดาวทุกอย่าง” จิตสุภางค์บอก
“แล้วแกคิดว่าคนหัวโบราณอย่างคุณชายจะยอมยกสเปิร์มให้ไอ้ดาวง่ายๆเหรอ?” มิลินทร์ถาม
จิตสุภางค์กับประกายดาวอึ้งเพราะลืมนึกถึงข้อนี้ไป
“จะตัดสินใจทำอะไรลงไป ทำไมไม่โทรมาปรึกษาฉันก่อน ฉันบอกได้เลยว่าแกสองคนคิดผิด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก เป็นเรื่องที่สังคมยังไม่ยอมรับ ถ้าแกบอกเค้าไปว่าแกอยากอะไร แกได้โดนด่าเปิงแน่”
ประกายดาวกับจิตสุภางค์คิดตามแล้วก็เครียด
“จริงด้วยอ่ะดาว ฉันก็ลืมนึกไป” จิตสุภางค์บอก
“เอ้า..ทำไมแกพูดจาแมวๆแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันก็ไม่ตกลงหรอก”
ระหว่างนั้นแดนดินก็เดินเข้ามาพร้อมกับถุงของมากมาย
“อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยนะสาวๆ พี่มีของฝากจากญี่ปุ่นมาให้”
ทั้งสามสาวไม่แสดงอาการตื่นเต้นใดใดจนแดนดินแปลกใจจนถึงกับเสียความมั่นใจไปเลยทีเดียว
“มีอะไรกันรึเปล่าเนี่ย?”


แดนดินจับแขนประกายดาวลากเข้ามาในห้อง
“ฉันไปฮันนีมูนรอบสองแค่หนึ่งอาทิตย์ แกก็ทำเรื่องขนาดนี้เลยเหรอวะไอ้ดาว!”
แดนดินเผลอบีบแขนประกายดาวแน่น
“โอ๊ยพี่ดิน!! ดาวเจ็บนะ”
แดนดินปล่อยแขนแล้วหันมาด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“เจ็บสิดี ถ้าแกยังตัวเล็กๆ พี่จะจับตีก้นซะให้เข็ด แกเป็นนักประพันธ์รึไง ถึงได้ขยันสร้างเรื่องนัก”
ประกายดาวทำเป็นขำ “โอ้โฮ..มีมุขซะด้วย”
“ฉันไม่ได้มุข และแกก็ไม่ต้องมาขำเปลี่ยนเรื่อง” แดนดินว่า ประกายดาวจ๋อย “แค่แกคิดอยากมีลูกโดยที่ไม่มีผัวก็บ้าพอแล้ว นี่แกยังจะไปเป็นแฟนหลอกๆกับคุณชาย เพื่อแลกกับสเปิร์มเค้าอีก ฉันไม่น่าเห็นด้วยกับแกตั้งแต่แรกเลยจริงๆ ป่านนี้ป๊ากับม้าคงด่าฉันอยู่บนสวรรค์แน่”
แดนดินทิ้งตัวนั่งลงด้วยความเครียด ประกายดาวค่อยๆหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ
“พี่ดิน...มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก”
แดนดินหันมา “แกก็เป็นซะอย่างเนี้ย ชอบคิดอะไรตื้นๆ” แดนดินว่า ประกายดาวเงียบ “ฉันเชื่อตามที่ลินทร์บอก..ว่าคุณชายอะไรเนี่ย ไม่มีทางทำตามที่แกขอแน่ และไม่ใช่แกคนเดียวที่จะโดนประณาม เค้าต้องด่ามาถึงฉันซึ่งเป็นพี่ชายของแก แถมยังด่าถึงพ่อถึงแม่ถึงวงศ์ตระกูลของเรา และถ้ามันเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริงๆ ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไหนจะเมียจะลูกฉันอีก”
ประกายดาวเครียดไปทันที

ประกายดาวนั่งคุยอยู่กับจันทรภานุ
“สำเร็จแล้วนะครับคุณดาว หม่อมแม่ไม่จับคู่ให้ผมกับคุณนันแล้ว คราวนี้คุณก็บอกผมมาได้เลยว่าต้องการอะไร?”
ประกายดาวดีใจมาก “ฉันต้องการสเปิร์มของคุณชายค่ะ”
จันทรภานุผงะ ทันใดนั้นสุรีย์ก็โผล่ออกมา
“เธอคิดว่าลูกชายฉันเป็นโรงงานผลิตสเปิร์มรึไง นึกจะขอก็ขอกันง่ายๆ” สุรีย์ว่า
ประกายดาวตกใจ เธอหันไปอีกทางก็เจอนันทินี
“สเปิร์มของคุณชายต้องเป็นของฉันคนเดียว!” นันทินีพูด
ประกายดาวอึ้ง เธอหันไปเจอหญิงนิ่ม
“หญิงผิดหวังในตัวพี่ดาวจริงๆ ของแบบนี้ใครเค้าขอกันคะ พี่ดาวบ้าไปแล้วรึเปล่า”
ประกายดาวหน้าเสียมาก เธอหันไปเห็นจิตสุภางค์ มิลินทร์ และแดนดินยืนอยู่
“ไอ้ดาว..เป็นเพราะแก ทำให้เฮียเชาขอหย่ากับกับฉัน เพราะเค้ากลัวว่าแกจะมาขโมยสเปิร์มของเค้า” จิตสุภางค์บอก

ประกายดาวตกใจสุดๆ
มิลินทร์พูด “แกไม่ต้องมาเป็นเพื่อนกับฉันอีก ต่อไปนี้เราตัดขาดกัน!”
ประกายดาวหน้าเสียก่อนจะหันไปทางแดนดิน
“พี่ดิน...”
“ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพี่..ฉันไม่มีน้องบ้าๆบอๆอย่างแก แกมันเป็นไอ้โรคจิต”
ประกายดาวจะร้องไห้ เธอหันไปก็เห็นนักข่าวยื่นไมโครโฟนเข้ามาพร้อมกล้อง มีไฟสปอร์ตไลท์ส่องหน้า
“ขณะนี้เราอยู่กับคุณประกายดาว..สาวนักล่าสเปิร์ม!” นักข่าวหันขวับไปมองประกายดาวหน้าตื่น “อุ๊ย!!..คุณจะเอาสเปิร์มของผมไปรึเปล่าครับเนี่ย อย่านะครับ..ผมกลัว!”
นักข่าวผู้ชายรีบวิ่งหนีออกไป นักข่าวผู้หญิงหันมารุมด่าประกายดาว
“คุณทำให้ภาพลักษณ์ของผู้หญิงไทยเสื่อมเสีย เราไม่ต้องการให้คุณอยู่ในประเทศของเราอีก”
ประกายดาวแทบช็อค เธอหันไปเห็นแดนดิน จันทรภานุ หม่อมสุรีย์ หญิงนิ่ม จิตสุภางค์ มิลินทร์ กิจจา และคนอื่น ถือป้ายและรูปขับไล่เธอให้ออกไป
“ประกายดาวออกไป..ออกไป..ออกไป...”
เสียงขับไล่ดังกึกก้องไปทั่ว ประกายดาวยกมืออุดหูพร้อมกับส่ายหน้าไม่หยุด

ประกายดาวหน้าตาตื่นทั้งๆที่ยังนอนหลับตาอยู่บนเตียง เหงื่อผุดเต็มหน้าของเธอ
“ไม่..ไม่...ไม่...”
ประกายดาวสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจก่อนจะมองไปรอบๆ พอเห็นว่าตัวเองอยู่ในห้องก็โล่งอกแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง
“ฝัน? เฮ้อ....น่ากลัวที่สุด”
ประกายดาวหันไปมองนาฬิกาก็เห็นว่าเป็นเวลาเก้าโมงเช้า เธอนิ่งไปแล้วมีสีหน้าครุ่นคิดและลังเล
“ฉันควรจะไปทานข้าวกับหม่อมแม่ของคุณชายรึเปล่านะ?”

หญิงนิ่มดูนาฬิกาพอเห็นว่าสิบเอ็ดโมงก็หันไปมองที่คอนโด
“ทำไมป่านนี้พี่ดาวยังไม่ออกมาอีก?”
หญิงนิ่มกำลังจะโทรตาม แต่ประกายดาวเดินออกมา หญิงนิ่มจึงรีบเดินมาหา
“สวัสดีค่ะพี่ดาว” หญิงนิ่มเห็นประกายดาวหน้าซีด “พี่ดาวไม่สบายรึเปล่าคะ”
ประกายดาวชะงัก “เออ..เมื่อคืนพี่นอนไม่ค่อยหลับน่ะค่ะ ตื่นเต้น”
“ไม่ต้องตื่นเต้นเลยนะคะ ถึงภายนอกหม่อมป้าจะดูดุ แต่จริงๆแล้วท่านเป็นคนจิตใจดีม๊ากค่ะ”
ประกายดาวพยักหน้าแต่มีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ

ประกายดาวไหว้สุรีย์ จันทรภานุกับหญิงนิ่มยืนอยู่ด้วย สุรีย์รับไหว้ ประกายดาวเงยหน้าขึ้นมาเจอสายตาที่คมกริบของสุรีย์แล้วก็รู้สึกฝ่อไปทันที ประกายดาวเกร็งมาก
“เราไปที่ห้องทานอาหารกันเลยมั๊ยครับหม่อมแม่” จันทรภานุชวน
“รอซักครู่ แขกยังมาไม่ครบ” สุรีย์บอก
จันทรภานุ ประกายดาว และหญิงนิ่มแปลกใจ ไม่นานนันทินีก็เดินเข้ามา
“สวัสดีค่า”
ทุกคนหันไปเห็นนันทินีก็ชะงัก ยกเว้นสุรีย์ที่ยิ้มพอใจเหมือนมีแผนการอะไรบางอย่าง นันทินีไหว้หม่อมสุรีย์แล้วก็เข้ามากอดสุรีย์เพื่อแสดงความสนิทสนมและเป็นกันเองมากๆ
ประกายดาว จันทรภานุ และหญิงนิ่มมองด้วยความระแวง
“ต้องขอโทษนะคะหม่อมแม่ที่นันมาช้า”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ” สุรีย์หันไปทางประกายดาว “ก่อนรับประทาน ฉันจะพาคุณไปเดินชมวังก่อน”
“ค่ะ”
นันทินีปรายตามองประกายดาวพร้อมยิ้มหยันแล้วก็ประคองสุรีย์เดินออกไป หญิงนิ่มหันมากระซิบกับประกายดาวและจันทรภานุ
“หม่อมป้านัดคุณนันมาด้วย ต้องมีอะไรแน่ๆ”
“พี่ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” จันทรภานุหันไปทางประกายดาว “คุณระวังตัวไว้ด้วยแล้วกัน”
ประกายดาวพยักหน้าพร้อมกับกลืนน้ำลายดังเอื๊อก แล้วทั้งสามคนก็เดินออกไป

สุรีย์กับนันทินีเดินนำประกายดาว จันทรภานุ และหญิงนิ่มเดินไปตามห้องต่างๆ ประกายดาวเห็นถึงความโอ่อ่า หรูรา วิจิตรงดงามภายในวัง ประกายดาวมองไปรอบๆ ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
สุรีย์เดินไปก็อธิบายไป นันทินีลอบมองประกายดาว พอเห็นประกายดาวนิ่งเธอก็เข้าใจว่าประกายดาวตะลึงอยู่ นันทินีแอบกระซิบกับสุรีย์
“เริ่มแผนต่อไปได้ค่ะหม่อมแม่ เพราะดูท่าทางประกายดาวกำลังตะลึงเต็มที่ เราต้องรีบข่มมันต่อทำให้มันรู้สึกตัวว่าไม่คู่ควรกับคุณชายค่ะ”
สุรีย์ยิ้มด้วยความพอใจ

สุรีย์ นันทินี จันทรภานุ ประกายดาว และหญิงนิ่มเดินมาตามทางเรื่อยๆ
“ชายจันทร์เล่าประวัติของวังเราให้คุณดาวฟังสิจ๊ะ” สุรีย์บอก
“ครับหม่อมแม่” จันทรภานุหันไปทางประกายดาว “วังนพรัตน์มีอายุมากกว่าร้อยปี อยู่มาหลายยุค หลายแผ่นดิน มีเนื้อที่กว่า 10 ไร่”
“ฉันดูแลที่นี่มานาน ก็หวังว่าซักวันถ้าชายจันทร์แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเมื่อไหร่ คนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากฉันก็คงต้องเป็นภรรยาของชายจันทร์” สุรีย์พูดต่อ
สุรีย์หันไปมองนันทินี นันทินีทำเขิน ประกายดาวรู้ทันทีว่าสุรีย์จงใจพูดให้เธอรู้ตัว จันทรภานุกับหญิงนิ่มลอบมองหน้ากัน ทั้งหมดเดินมาหยุดตรงหน้ารูปถ่ายขาวดำขนาดใหญ่ที่ติดข้างฝา มีรูปหลายรูปติดอยู่ที่ข้างฝา
“รูปที่เห็นทั้งหมด คือรูปบรรพบุรุษของผม” จันทรภานุแนะนำแต่ละรูป “นั่นเจ้าพระยามหบดีศรีสุริยน ออกญามหาเสนาบดี พระยาศรีเทพทอง”
“แต่ล่ะท่านล้วนทำคุณงามความดีให้กับแผ่นดินทั้งสิ้น ตระกูลของฉันกับตระกูลของหนูนัน..สนิทสนมกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ท่านพ่อของหม่อมสุริยะวรรตกับท่านพ่อของหนูนัน ยังเคยคุยกันว่าถ้ามีลูก ก็อยากให้ลูกดองกันซักทีเพราะที่ผ่านมาของสองตระกูลเรา มักได้เพศเดียวมาตลอด เพิ่งมายุคของชายจันทร์กับหนูนันเนี่ยแหละ ที่เกิดมาคนล่ะเพศกัน” สุรีย์บอก
สุรีย์จงใจพูดให้ประกายดาวรู้สึกว่าเธอเป็นส่วนเกินซึ่งก็ได้ผล ประกายดาวอึดอัดมากขึ้นแต่ยังคุมสติได้ดีอยู่
จันทรภานุรีบพูด “มันก็แค่การพูดคุยของผู้ใหญ่เท่านั้นแหละครับคุณดาว”
“สิ่งที่ผู้ใหญ่บอก แสดงว่าผู้ใหญ่ตรองดีแล้วถึงพูดออกมา”
สุรีย์ปรายตามองประกายดาว ประกายดาวได้แต่เงียบ
“ตายจริง นี่เลยเที่ยงมาแล้ว ต้องขอโทษที่พาชมวังเพลินไปซักหน่อย ไปรับประทานอาหารกันเถอะ” สุรีย์บอก
สุรีย์กับนันทินีเดินออกไป จันทรภานุกับหญิงนิ่มหันไปทางประกายดาว
“พี่ดาวเป็นไงบ้างคะ” หญิงนิ่มถาม
“โอเคค่ะ พี่หน้าด้านอยู่แล้ว ไม่รู้สึกอะไรหรอก”
ประกายดาวทำเป็นยิ้มทั้งๆที่ในใจเป็นกังวลมาก

อาหารถูกวางจนเต็มโต๊ะ หม่อมสุรีย์นั่งหัวโต๊ะ จันทรภานุ ประกายดาว และหญิงนิ่มนั่งอีกฝั่ง ส่วนนันทินีนั่งอีกด้านตรงข้ามกับจันทรภานุ
“มื้อนี้เป็นอาหารฝรั่ง หวังว่าคุณประกายดาวคงจะรับประทานได้” สุรีย์บอก
“ดาวเป็นคนง่ายๆอยู่แล้วค่ะ อะไรก็ทานได้”
ประกายดาวมองไปที่ช้อนหลายคันที่วางอยู่บนโต๊ะ
“ถ้าหยิบจับอะไรไม่ถูก บอกได้เลยนะคะ นันเข้าใจว่าคุณคงจะทานแต่ข้าวราดแกง อาหารแบบนี้คงเพิ่งทานเป็นครั้งแรก” นันทินีกระแหนะกระแหน
นันทินียิ้มดูถูก ประกายดาวไม่พอใจแต่ไม่แสดงออก จันทรภานุกับหญิงนิ่มอึ้ง
พนักงานเอาซุปมาเสิร์ฟแล้วก็เดินออกไป สุรีย์กับนันทินีจับตามอง จันทรภานุกำลังจะบอกประกายดาว แต่ประกายดาวหยิบช้อนซุปขึ้นมาและตักซุปได้อย่างถูกต้องทำเอาสุรีย์กับนันทินีเหวอ
หญิงนิ่มลอบยิ้มด้วยความพอใจ จันทรภานุเองก็อึ้งไป
“ตอนดาวเรียนที่นิวยอร์ค ดาวมีเพื่อนเป็นเจ้าชายโมนาโคค่ะ” ประกายดาวบอก สุรีย์กับนันทินีแทบจะทำช้อนร่วงจากมือ “เค้าเคยพาดาวไปเที่ยววังของเค้า ใหญ่โตกว่าที่นี่มาก วังหม่อม 10 ไร่ แต่ของเพื่อนดาวเนื้อที่วังเท่ากับภูเขาลูกใหญ่ๆสามลูกติดกัน”
ประกายดาวยิ้มๆแล้วก็ก้มหน้าทานต่อ สุรีย์กับนันทินีเหล่มองหน้ากันอย่างพูดไม่ออก จันทรภานุกับหญิงนิ่มหันมายิ้มให้กัน

ประกายดาวยกมือไหว้สุรีย์ สุรีย์รับไหว้หน้าเชิด นันทินียืนอยู่ข้างๆ จันทรภานุ หญิงนิ่มยืนข้างๆ ประกายดาว
“ขอบคุณสำหรับอาหารนะคะหม่อม” ประกายดาวบอก
สุรีย์รับคำ “จ๊ะ”
“ดาวขอตัวกลับเลยนะคะ”
สุรีย์ไม่พูดอะไรออกมา ประกายดาวหันไปมองนันทินีแบบผู้ชนะแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับจันทรภานุและหญิงนิ่ม
สุรีย์หันไปทางนันทินี “เท่ากับทุกอย่างที่เราทำมาวันนี้ก็สูญเปล่า ประกายดาวคนนี้ไม่ธรรมดา มีเพื่อนเป็นถึงเจ้าชายแห่งโมนาโค” นันทินีพูดไม่ออก “แม่ล่ะขายหน้าจริงๆ รู้สึกเหมือนมีใครเอาก้อนหินมาทุบที่หัว แผนของหนูนันนี่ใช้ไม่ได้”
“อ้าว? ทำไมหม่อมแม่มาว่านันแบบนี้ล่ะคะ หม่อมแม่ก็เห็นด้วยกับนันตั้งแต่แรกว่าจะใช้แผนกดดันประกายดาวให้มันรู้สึกไม่คู่ควรกับคุณชาย ใครจะไปรู้ว่ามันก็มีตังค์กับเค้าเหมือนกัน”
“ถ้าจะเล่นงานครั้งต่อไป คงต้องรอบคอบมากกว่านี้”
สุรีย์กับนันทินีได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่

จันทรภานุกับหญิงนิ่มเดินออกมาพร้อมกับประกายดาว
“พี่ดาวมีเพื่อนเป็นเจ้าชายโมนาโคจริงเหรอคะ” หญิงนิ่มถาม
ประกายดาวอมยิ้ม “ไม่จริงหรอกค่ะ พี่ก็โม้ไปงั้นแหละ”
“คุณนี่ปั้นน้ำเป็นตัวได้เก่งจริงๆ” จันทรภานุว่า
“ชื่นชมฉันเหรอคุณชาย”
“ผมไม่ได้ชื่นชม ผมว่าผมชักจะกลัวๆคุณซะแล้ว เพราะไม่รู้ว่าเรื่องที่คุณพูด อันไหนคือเรื่องจริง อันไหนคือเรื่องโกหก”
“มันก็ต้องแล้วแต่สถานการณ์ค่ะ ฉันไม่ใช่คนโกหกพร่ำเพรื่อ”
“อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิคะ ยังไม่พ้นประตูวังเลย เดี๋ยวหม่อมป้ากับคุณนันเห็นเข้าจะยุ่ง” หญิงนิ่มปราม
จันทรภานุมองประกายดาวแบบไม่ค่อยไว้ใจ
“เดี๋ยวหญิงไปส่งพี่ดาวที่บ้านนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ พี่กลับแท็กซี่เอง” ประกายดาวบอก
“ได้ไงคะ หญิงไปรับ ก็ต้องไปส่ง” หญิงนิ่มหันไปทางจันทรภานุ “หญิงไปนะคะพี่ชาย”
จันทรภานุพยักหน้า ประกายดาวมองจันทรภานุแล้วก็เชิดใส่ก่อนจะเดินออกไปกับหญิงนิ่ม จันทรภานุส่ายหัว แต่ก็อดยิ้มให้กับความฉลาดของประกายดาวไม่ได้

หญิงนิ่มกับประกายดาวเดินเข้ามาในบริเวณคอนโด
“ขอบคุณคุณหญิงนะคะที่มารับแล้วก็มาส่งพี่”
“หญิงเต็มใจอยู่แล้วค่ะพี่ดาว”
สองสาวหันไปเห็นพงศ์จันทรยืนอยู่ หญิงนิ่มหุบยิ้มทันที พงศ์จันทร์เดินแทรกกลางระหว่างประกายดาวกับหญิงนิ่มทำเหมือนหญิงนิ่มไม่ได้อยู่ตรงนั้นทำให้หญิงนิ่มไม่พอใจ
“สวัสดีครับคุณดาว ผมมารอคุณดาวครึ่งชั่วโมงแล้วนะครับ”
หญิงนิ่มพูดแทรกทันที “แล้วใครใช้ให้มารอล่ะ”
“เอ๊ะ เสียงอะไร? คุณดาวได้ยินมั๊ยครับ”
ประกายดาวเหวอ หญิงนิ่มหัวเสีย เธอจับไหล่พงศ์จันทรให้หันมา
พงศ์จันทรทำเป็นเพิ่งเห็น “อ้าวคุณหญิงนิ่ม มาด้วยเหรอครับ ผมไม่ยักเห็น”
ประกายดาวเห็นบรรยากาศเริ่มมาคุก็เลยรีบพูด
“คุณพงศ์มาหาดาวทำไมคะ”
“มาเพราะคิดถึงน่ะสิครับ” พงศ์จันทรตอบ
หญิงนิ่มทำเป็นอาเจียน “อ้วก”
พงศ์จันทรหันไปมองหญิงนิ่มอย่างไม่พอใจ
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ เพิ่งทานอาหารมาอิ่มๆก็เลยรู้สึกพะอืดพะอมเหมือนอาหารไม่ย่อย”
“นี่คุณดาวทานข้าวมาแล้วเหรอครับ ว้าแย่จัง ผมว่าจะชวนคุณดาวไปหาอะไรทาน แต่ไม่เป็นไรครับ เราไปหาอะไรเล่นๆทานก็ได้”
“พี่ดาวคงทานอะไรไม่ลงหรอกค่ะ เพราะอิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งใจ” หญิงนิ่มบอก พงศ์จันทรชะงัก “เมื่อครู่..พี่ดาวไปทานข้าวกับพี่ชายและหม่อมแม่ของพี่ชายที่วังมาค่ะ ยังสำลักความสุขไม่หายเลยนะคะเนี่ย”
หญิงนิ่มยิ้มหน้าเป็นทำให้พงศ์จันทรหัวเสีย
“คุณพงศ์คะ...วันนี้ดาวอิ่มจริงๆ ไว้โอกาสหน้านะคะ” ประกายดาวบอก
หญิงนิ่มอมยิ้มขำ พงศ์จันทรหน้าแตกแต่ต้องฝืนยิ้ม
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ ถึงจะมีมาร” พงศ์จันทรปรายตามองหญิงนิ่ม หญิงนิ่มรู้ว่าโดนแขวะ “มาผจญ แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางไม่ให้ผมเจอกับคุณดาวได้หรอกครับ”
พงศ์จันทรหันไปมองหญิงนิ่มอย่างท้าทาย หญิงนิ่มจ้องกลับแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน

หญิงนิ่มมีท่าทางโมโหขณะยืนอยู่ด้านหลังประกายดาวที่กำลังรินน้ำตรงหน้าตู้เย็น
“นายเพลย์บอยนี่ตื้อพี่ดาวชะมัด พี่ดาวไม่รำคาญบ้างเหรอ”
ประกายดาวหันมาแล้วเอาน้ำให้หญิงนิ่มแก้วนึงของตัวเองแก้วนึง
“ก็ไม่นะคะ”
“พี่ดาวนี่ใจดีจริง ถ้าเป็นหญิง หญิงไล่ตะเพิดไปนานแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าพี่ดาวเป็นแฟนกับพี่ชาย ก็ยังมาเซ้าซี้ หญิงไม่ไว้ใจเค้าเลย”
“ความจริงคุณพงศ์ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเท่าไหร่หรอกค่ะ ถ้าคบเป็นเพื่อนก็พอไหว”
“แน่ใจเหรอคะพี่ดาว เค้าเป็นทั้งปลาไหลเป็นทั้งจิ้งจกที่ปรับตัวได้ตามสภาพ ผู้หญิงคนไหนชอบเค้า คงกระอักเลือดตายวันล่ะหลายรอบ”
“คุณหญิงนี่ก็ปากจัดเหมือนกันนะคะเนี่ย”
หญิงนิ่มยิ้มแหย “แหม..ก็คนมันโมโหนี่คะ หญิงพูดตามตรงเลยนะคะว่าหญิงอยากให้พี่ดาวเป็นแฟนกับพี่ชายจริงๆ”
ประกายดาวที่กำลังดื่มน้ำถึงกับสำลัก “ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะคุณหญิง”
“ของแบบนี้มันก็ไม่แน่นะคะ ทีสิงโตกับเสือยังผสมพันธุ์กันได้เลย”
ประกายดาวยิ้มแหยและพูดไม่ออกจึงได้แต่ดื่มน้ำอักๆ

หญิงนิ่มกับเพื่อนเดินมาตามทางของช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นพงศ์จันทรกินข้าวอยู่คนเดียว หญิงนิ่มยิ้มมุมปากแล้วหันไปทางเพื่อน
“เธอไปก่อน เดี๋ยวฉันตามไป”
เพื่อนพยักหน้าแล้วเดินออกไป หญิงนิ่มเดินเข้ามาในร้านอาหาร
“ทานข้าวคนเดียวเหงามั๊ยคะ”
พงศ์จันทรเงยหน้าเห็นหญิงนิ่มก็เซ็ง
“สำหรับผม ผู้หญิงมีความสวยกันทุกคน อาจจะสวยจากภายใน ไม่ใช่ภายนอก แต่สำหรับคุณ ผมดูยังไงก็ไม่สวย แถมยังชอบทำให้ผมซวยอีกต่างหาก”
หญิงนิ่มฉุนกึก “นี่!! ไม่เคยมีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้มาก่อน”
“ก็เคยซะจะได้ชิน ผมขออนุญาตทานอาหารอย่างสงบต่อนะครับ”
พงศ์จันทรไม่สนใจ เขาก้มหน้าทานข้าว หญิงนิ่มหัวเสียมากๆ แต่ทำอะไรไม่ได้จึงจำต้องเดินออกไป แล้วเธอก็เห็นพนักงานกำลังถือถาดวางเครื่องดื่มเดินมา หญิงนิ่มมองด้วยความสงสัย
“โทษนะ ของโต๊ะไหน?” หญิงนิ่มถาม
พนักงานหันไปทางโต๊ะพงศ์จันทร
“โต๊ะของคุณผู้ชายท่านนั้นครับ”
หญิงนิ่มมีสีหน้าร้าย “ขอฉันยืมแป๊บนึงสิ”
พนักงานลำบากใจ หญิงนิ่มหยิบเงินออกมายื่นให้ พนักงานมองอย่างสนใจก่อนจะยื่นถาดให้หญิงนิ่ม หญิงนิ่มลอบมองพงศ์จันทรด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ก่อนจะเอาถาดเครื่องดื่มมาวางบนโต๊ะที่ว่างอยู่แล้วหยิบเกลือมาเปิดฝาแล้วก็เทพรวดลงไปจนหมดขวด พนักงานถึงกับกลืนน้ำลายเอื๊อก
หญิงนิ่มเอาช้อนบนโต๊ะขึ้นมาคนๆๆ แล้วก็หันไปส่งถาดคืนให้พนักงาน
“ขอบใจ”
หญิงนิ่มเดินออกไป พนักงานมองเครื่องดื่มแก้วนั้นด้วยสีหน้าหวั่นไหวมาก พนักงานเอาเครื่องดื่มมาให้พงศ์จันทร์แล้วก็รีบเดินออกไปทันที พงศ์จันทรไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เขาหันมายกแก้วขึ้นดื่มแล้วก็พ่นพรวดน้ำออกมา ทำให้ลูกค้าและพนักงานหันมามองเป็นตาเดียว พงศ์จันทรหน้าแย่สุดๆ
“ทำไมมันเค็มเป็นน้ำเกลืองี้วะ?”
พงศ์จันทรหันไปเห็นพนักงานที่เป็นคนนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ พนักงานรีบหลบตา พงศ์จันทรมองด้วยความสงสัย

หญิงนิ่มเดินอย่างอารมณ์ดีมาตามทาง แล้วก็ต้องเบรคเอี๊ยดเมื่อเห็นพงศ์จันทรยืนอยู่ หญิงนิ่มตกใจมาก
“นายมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” หญิงนิ่มคิดนิดนึง “หรือว่า นายตามฉันมา!”
“แล้วผมจะตามคุณมาเรื่องอะไร?!” พงศ์จันทรถาม
หญิงนิ่มเผลอ “ก็เรื่องน้ำ..” หญิงนิ่มนึกได้
“เป็นคุณจริงๆ เอาเกลือใส่ลงในน้ำให้ผมดื่ม ปากผมเกือบแหกแล้วมั๊ยล่ะ”
หญิงนิ่มทำหน้าตาย “นายพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
พงศ์จันทรเดินเข้าหา หญิงนิ่มรีบถอยหลังจนไปติดกำแพง พงศ์จันทรยืนต่อหน้าหญิงนิ่มในระยะประชิดพร้อมกับเอามือยันกำแพงไว้ทั้งสองข้าง
“รสชาติน้ำดื่มผสมเกลือของคุณ ยังอยู่ในปากผมอยู่เลย อยากลองชิมดูมั๊ยว่ามันเค็มขนาดไหน”
พงศ์จันทรแกล้งยื่นหน้าจะจูบ หญิงนิ่มหน้าตาตื่นตระหนกก่อนจะรีบหดหัวหลบ ทำให้พงศ์จันทรจูบเข้ากับกำแพงเต็มๆ พงศ์จันทรหันขวับด้วยความโมโห
หญิงนิ่มว่า “นายนี่มันเป็นไอ้โรคจิตชัดๆ”
“ถ้าผมเป็นไอ้โรคจิต คุณก็เป็นเหมือนกัน คุณแกล้งผมทำไมห๊ะคุณหญิง!!”
“ก็นายอยากมายุ่งกับพี่ดาวทำไม?”
“แล้วทำไมผมจะยุ่งกับคุณดาวไมได้”
“พี่ดาวมีแฟนแล้ว”
“มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่พูดว่าคุณดาวเป็นแฟนกับคุณชาย ผมยังไม่ได้ยินคุณดาวพูดซักคำ”
หญิงนิ่มเงียบไปแล้วทำสีหน้ามีพิรุธจนพงศ์จันทรสงสัย
“ทำไมคราวนี้ไม่เถียง” พงศ์จันทรถาม หญิงนิ่มยังนิ่ง พงศ์จันทรหรี่ตาด้วยความสงสัย “หรือว่า ระหว่างคุณดาวกับคุณชายมีอะไร” พงศ์จันทรคิดต่อ “หรือว่า..เค้าไม่ใช่แฟนกันจริงๆ”
หญิงนิ่มร้อนตัวและตื่นตูมจนผิดปกติ “เค้าเป็นแฟนกัน!”
“โกหกมันบาปนะครับคุณหญิง ผมไม่อยากเห็นคุณตกนรกแล้วต้องโดนตัดลิ้นขาด”
“นายนั่นแหละจะโดนตัดลิ้นขาด ฉันไม่คุยกับนายแล้ว”
หญิงนิ่มทำฮึดฮัดกลบเกลื่อนแล้วก็รีบเดินออกไป พงศ์จันทรหันไปมองตามด้วยความสงสัยพร้อมกับลูบคาง
“มันต้องมีอะไรแน่ๆ” พงศ์จันทรครุ่นคิด

จันทรภานุกับอภิเชษฐ์กำลังเล่นเวทอยู่ สักพักอภิเชษฐ์ก็หันมาพูด
“ฟังที่แกเล่ามา แสดงว่าคุณประกายดาวนี่ก็แสบไม่ใช่เล่น ถึงทำให้หม่อมแม่แกจุกได้”
จันทรภานุยิ้มแล้วก็ยิ้มค้างอยู่อย่างนั้นจนอภิเชษฐ์สงสัย
“แกยิ้มไร?”
“คิดถึงคุณดาวน่ะ” จันทรภานุตอบ
“ฮั่นแน่..อย่าบอกนะว่าชอบเค้า”
จันทรภานุรีบหุบยิ้มทันที “ไม่มีทาง! ยังไงฉันก็ไม่มีวันชอบเค้า เราต่างกันมาก”
“ชาย..แกก็โสดมาหลายปีแล้ว เมื่อไหร่จะเปิดโอกาสให้ตัวเองซักที หรือว่าแกยังคิดถึง..”
จันทรภานุหันขวับมามองอภิเชษฐ์ อภิเชษฐ์อึ้ง
“ขอโทษ..ฉันไม่ควรพูดถึงเรื่องนี้”
จันทรภานุเครียดขึ้นมาทันที

อ่านต่อหน้าที่ 4


ดาวเกี้ยวเดือน ตอนที่ 3 (ต่อ)

ตกกลางดึก จันทรภานุยืนก้มมองรูปถ่ายใบเดิมที่เขาถ่ายคู่กับแพทแล้วนึกถึงอดีต

ในตึกเรียนของมหาวิทยาลัยลอนดอน แพทกำลังยืนหน้าเศร้าอยู่ จันทรภานุเห็นแพทก็รีบเดินมาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“แพทครับ แพทมีอะไรจะคุยกับผม”
“แพทได้ทุนไปเรียนโทกับเอกที่อเมริกา”
จันทรภานุดีใจมาก “ดีใจด้วยนะแพท”
“แพทต้องใช้เวลาเรียนหลายปี ซึ่งไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่”
“ถ้ายังไง แพทกลับประเทศไทยพร้อมกับผมก่อนได้มั๊ย ผมอยากให้หม่อมแม่รู้จักกับแพท”
“อย่าเลยค่ะชาย” แพทบอก จันทรภานุค่อยๆหุบยิ้ม “หลังจากเรียนจบ แพทว่าจะทำงานเป็นหมอที่นั่น และอาจจะไม่กลับมาเมืองไทยอีก”
จันทรภานุอึ้งมาก “แล้วเรื่องของเราล่ะแพท”
“แพทขอโทษนะชาย ชายก็รู้ว่าการได้เป็นหมอคือความฝันของแพท แพทอยากทำความฝันของแพทให้เป็นจริง โดยที่ไม่อยากให้มีอะไรมาทำให้ว่อกแว่ก”
จันทรภานุนิ่วหน้า “แพทหมายความว่ายังไง?”
“ชายเป็นคนดี แพทเชื่อว่าชายต้องได้เจอคนที่เค้าพร้อมจะดูแลชายและรักชาย”
“แพทจะเลิกกับผม?” จันทรภานุน้ำตารื้นขึ้นมา
แพทน้ำตาไหล “แพทขอโทษนะชาย แพทขอโทษ”
แพทกอดจันทรภานุแล้วร้องไห้ จันทรภานุน้ำตาไหลแล้วนิ่งไปสามวินาทีก่อนจะดึงตัวแพทออกมาแล้วหันหลังเดินออกไปทันที แพทมองจันทรภานุอย่างรู้สึกผิดสุดๆ

เมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต จันทรภานุก็เอามือลูบไปที่บริเวณหน้าแพทด้วยแววตาที่ยังเต็มไปด้วยความคิดถึงมาก เขาเอารูปมากอดไว้ด้วยสีหน้าเศร้า

สามวันต่อมา ภาพข่าวจันทรภานุกับประกายดาวออกงานด้วยกันอยู่ในหนังสือพิมพ์อีกหลายฉบับที่อยู่ในร้านทำผม อรอุมากับรติรสกำลังนั่งทำผมอยู่ข้างๆกัน แล้วอรอุมาก็ปิดหนังสือพิมพ์ด้วยความโมโห
“นังประกายดาวนี่มันทำบุญมาด้วยอะไรถึงได้คนดีดีอย่างคุณชายจันทร์”
“ฉันว่านังนี่มันให้ท่าคุณชายมากกว่า เพราะไม่มีทางที่คนอย่างคุณชายจันทรภานุ นพรัตน์ จะคว้าผู้หญิงกากๆอย่างนังนี่มาเป็นแฟนหรอก” รติรสว่า
นันทินีที่กำลังทำผมอยู่ด้านหลังได้ยินทุกอย่างที่อรอุมากับรติรสพูด เธอมีสีหน้าครุ่นคิด

อรอุมากับรติรสกำลังจะออกจากร้าน นันทินีเดินออกมา ทั้งสองคนชะงักแล้วหยุดมอง
“ฉันได้ยินคุณสองคนพูดถึงยัยประกายดาว” นันทินีพูด อรอุมากับรติรสเหล่มองหน้ากัน “ฉันมีเรื่องอยากเจรจาด้วย”
อรอุมากับรติรสมองหน้านันทินีด้วยความสงสัย

อรอุมา รติรส และนันทินีนั่งอยู่ด้วยกัน
“ใครที่เป็นศัตรูกับนังประกายดาว ก็ถือเป็นเพื่อนเรา” อรอุมาบอก
นันทินียิ้มพอใจ
“มีอะไรให้พวกเราช่วย บอกมาได้เลยค่ะคุณนัน” รติรสเปิดประเด็น
“ฉันต้องการทำให้ยัยนี่ออกไปจากชีวิตคุณชายจันทร์” นันทินีบอก
“คุณมาหาถูกคนแล้ว นังประกายดาวมันเคยเป็นกิ๊กสามีฉัน พอเห็นสามีฉันรวยขึ้น มันก็เลยกลับมาหา ยั่วยวนจนสามีฉันตกหลุมมัน” อรอุมาเล่า
“หมายความว่านังประกายดาวกับสามีของคุณ...”
“นังนั่นเป็นเมียน้อยศิวะค่ะ” รติรสพูดแทน นันทินีตกใจ “เห็นหงิมๆแบบนั้น แต่ร้ายไม่ใช่เล่น คนซื่ออย่างพวกเรา ไม่มีวันตามมันทัน”
นันทินีหน้าแย่มาก
“ถ้าจะเล่นงานนังนี่ เราต้องคิดตรึกตรองให้ดี เพราะว่ามันไม่ใช่คนโง่” อรอุมาบอก
“ช่วงนี้ฉันกับอรจะช่วยกันหาข้อมูลที่เป็นจุดอ่อนของนังประกายดาวเพื่อเล่นงานมัน ส่วนคุณก็จับตาดูคุณชายจันทร์เอาไว้ให้ดี คุณชายไปไหน คุณต้องไปด้วย อย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด ไม่งั้นนังนั่นมันคาบคุณชายไปรับประทานแน่”
“ฉันคิดไม่ผิดจริงๆที่มาขอความช่วยเหลือจากพวกคุณ” นันทินียื่นมือออกไป “ยินดีที่เราได้ร่วมงานกัน”
อรอุมากับรติรสจับมือนันทนีคนละครั้ง ทั้งสามคนยิ้มร้ายๆ ให้กัน

ประกายดาวกำลังล้างรูปขาวดำในถาดน้ำยาเคมี ก่อนจะเอาคีมหนีบรูปขึ้นมาหนีบแขวนตากเอาไว้ พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้น ประกายดาววางของในมือ แล้วหยิบมือถือมากดรับสาย
“ค่ะเจ๊พีช” ประกายดาวฟัง “มีงานด่วน ถ่ายรีสอร์ท ที่ไหนคะ” ประกายดาวฟัง

เจ๊พีชวางสายแล้วหันมาทางพงศ์จันทร
“น้องดาวตกลงค่ะ” เจ๊พีซบอก
“เยส” พงศ์จันทรจับมือเจ๊พีช “ขอบคุณเจ๊พีชคนสวยมากนะครับ”
เจ๊พีชดึงมือออก “ไม่ต้องมาปากหวานเอาใจ นี่ถ้าน้องดาวรู้ว่าเจ๊โกหกเพื่อช่วยคุณล่ะก้อ น้องดาวมีเคือง”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะรูดซิบปากให้สนิท”
“เจ๊ไม่เข้าใจ ทั้งๆที่น้องดาวเป็นแฟนกับคุณชายจันทร์ ทำไมคุณพงศ์ถึงยังไม่เลิกชอบน้องดาวอีก”
“ผมรู้สึกว่าการเป็นแฟนกันของเค้าสองคน มันดูแปลกๆ เหมือนคนแกล้งทำกันมากกว่า นี่ผมคิดตามสัญชาติญาณของผมนะครับ ผมจะหาทางพิสูจน์ว่าสิ่งที่ผมคิดถูกต้องหรือไม่ ถ้าเค้าเป็นแฟนกันจริงๆ ผมก็จะเลิก แต่ถ้าไม่..ผมก็จะเดินหน้าพิชิตหัวใจคุณดาวมาให้ได้”
เจ๊พีชทึ่ง “ว้าว!!”
พงศ์จันทรยิ้มมุมปากแบบร้ายนิดๆ

ประกายดาวเดินมองหาจันทรภานุในแผนกของเล่นในห้างสรรพสินค้า
“นัดเรามาที่แผนกของเล่นทำไม?”
ประกายดาวหันไปเห็นจันทรภานุกำลังทำท่าเล็งปืนของเล่น เธอก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ประกายดาวย่องเข้าหาจากทางด้านหลัง
“เล่นคนเดียวสนุกมั๊ยคะ
จันทรภานุหันมาเห็นประกายดาวก็เขินๆ เขารีบวางปืนลงที่เดิม
“มานานเหรอยัง”
“เพิ่งมาถึงค่ะ คุณชายนัดฉันมาที่นี่ทำไม?”
“ผมต้องมาซื้อของไปแจกเด็กๆ ของเด็กผู้ชายผมซื้อไว้แล้ว แต่ของเด็กผู้หญิง ผมไม่ถนัด เลยอยากให้คุณช่วยเลือก”
“ได้เลยค่ะ คุณมาหาถูกคนแล้ว เพราะว่าฉันรู้ใจเด็กมากที่สุด” ประกายดาวหันไปมองรอบๆ “ตามมาเลยค่ะ”
ประกายดาวเดินนำ จันทรภานุเดินตาม

ประกายดาวกับจันทรภานุเลือกซื้อของเล่นสำหรับเด็กผู้หญิง ประกายดาวหยิบตุ๊กตาพูดได้ขึ้นมาแล้วกดฟังเสียง ก่อนจะยื่นให้จันทรภานุฟังด้วย ทั้งสองคนเอาหน้ามาแนบคนละข้างของตุ๊กตา จันทรภานุอมยิ้ม ประกายดาวเหลือบเห็นจันทรภานุยิ้มก็เลยยิ้มออกมา
ทั้งสองคนยังคงเดินซื้อของกัน จันทรภานุหันไปดูของที่ชั้น ประกายดาวเห็นหน้ากากผีเลยคว้ามาใส่แล้วสะกิดไหล่จันทรภานุ จันทรภานุหันมาแต่แทนที่จะตกใจกลับยืนหน้านิ่งมาก ประกายดาวหน้าแตกเลยถอดหน้ากากออก จันทรภานุส่ายหัวแล้วเดินออกไป ประกายดาวเบ้หน้าไล่หลัง

บุญชูเอาของมาเก็บท้ายรถ จันทรภานุหันมาพูดกับประกายดาว
“พรุ่งนี้ฉันจะไปโรงเรียนที่ฉันไปสร้างห้องสมุดให้ ไปด้วยกันนะ”
“ฉันไม่ว่าง ติดงาน” ประกายดาวบอก
“โทรไปแคนเซิลงานสิ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ นั่นน่ะรายได้ฉันนะคะ”
“เค้าให้คุณเท่าไหร่ ผมจะให้เท่านั้น เพราะพรุ่งนี้คุณนันไปด้วย คุณต้องไปช่วยผม”
“ฉันไปด้วยไม่ได้จริงๆค่ะคุณชาย”
“ถ้างั้นผมให้เพิ่มอีกเท่าหนึ่ง”
“มันไม่เกี่ยวกับเงิน แต่ฉันรับปากเค้าไว้แล้ว สัญญาต้องเป็นสัญญาค่ะ ฉันกลับนะคะ”
ประกายดาวหันหลังเดินออกไป จันทรภานุเซ็ง

รถแล่นมาจอดตรงหน้าบ้านพักสวยงามสไตล์ยุโรปในเขาใหญ่ เจ๊พีชลงจากด้านคนขับพร้อมประกายดาวที่ลงอีกฝั่ง ทันทีที่ประกายดาวเห็นทิวทัศน์ แววตาของเธอก็เป็นประกายด้วยความชื่นชอบขึ้นมาทันที
“สวยมากเลยค่ะเจ๊”
ประกายดาวอดใจไม่ไหวจนต้องเอากล้องขึ้นมาถ่ายรูป เจ๊พีชยิ้ม ไม่นานพงศ์จันทรก็เดินเข้ามา
“สวัสดีครับ”
ประกายดาวชะงักหันไปหาพงศ์จันทรพร้อมกับเจ๊พีช ประกายดาวแปลกใจมาก
“คุณพงศ์จันทร.!! ทำไมคุณอยู่ที่นี่”
“รีสอร์ทของผมนี่ครับ ไม่ให้ผมอยู่ที่นี่ แล้วจะให้ผมไปอยู่ที่ไหน” พงศ์จันทรบอก
ประกายดาวชักเอะใจ เธอหันไปมองเจ๊พีช
เจ๊พีชรีบแก้ตัว “อย่ามองเจ๊ด้วยสายตาแบบนั้นสิคะน้องดาว เจ๊ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น เจ๊แค่รับงานมาให้น้องดาวเฉยๆ”
“ดาวยังไม่ได้ว่าอะไรซักคำ อย่าร้อนตัวสิคะเจ๊” ประกายดาวหันไปทางพงศ์จันทร “ความจริงคุณโทรหาฉันโดยตรงก็ได้ ทำไมต้องผ่านเจ๊พีช แบบนี้เจตนาดูไม่บริสุทธิ์นะคะ”
“ผมก็กลัวคนของคุณดาว เออ คุณชายจันทร์จะเข้าใจผิดน่ะสิครับ ก็เลยให้เจ๊พีชช่วยโทรให้จะดีกว่า พอคุณดาวทำงานเสร็จแล้ว ผมมีโบนัสให้นอกจากค่าตัวคุณดาวด้วยนะครับ”
ประกายดาวสงสัย “อะไรคะ?”
“ผมรู้จากเจ๊พีชว่าคุณดาวชอบปีนเขามาก ผมเองก็เป็นนักปีนเขาตัวยงคนหนึ่งเหมือนกัน ผมจะพาคุณดาวไปปีนเขาครับ”
ประกายดาวมีแววตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “ถ้างั้นค่าตัวฉัน ไม่ต้องให้ก็ได้ รีบทำงานกันเถอะค่ะ แค่ฟังก็อยากไปจะแย่แล้ว”
พงศ์จันทรยิ้มและผายมือให้ ประกายดาวเดินออกไป พงศ์จันทรหันมาตีมือกับเจ๊พีชแล้วก็เดินตามประกายดาวออกไป

พงศ์จันทรพาประกายดาวกับเจ๊พีชเดินชมรีสอร์ท
“รีสอร์ทของผมจะเปิดบริการเดือนหน้า ผมอยากเอารูปมาลงโบรชัวร์ อินเตอร์เน็ต โดยเน้นการอยู่อาศัยกับธรรมชาติ นอกจากรีสอร์ทแล้ว ผมก็มีร้านอาหารที่อยู่ด้านติดถนนใหญ่ ซึ่งตอนนี้ผมเปิดให้บริการแล้ว”
ประกายดาวพยักหน้าแล้วก็ยกกล้องขึ้นมาเล็งมุมไปรอบๆ พงศ์จันทรมองประกายดาวด้วยแววตามีความหมาย

ณ โรงเรียนที่อยู่ใกล้เขาใหญ่ ครูใหญ่เดินออกมากับสุรีย์ จันทรภานุ หญิงนิ่ม และนันทินี โดยมีนักข่าวคอยถ่ายรูปเก็บภาพเอาไว้ตลอดเวลา
“ต้องขอบคุณหม่อมสุรีย์กับคุณชายจันทร์เป็นอย่างมาก ที่กรุณามาสร้างห้องสมุดให้กับทางโรงเรียนของเรา แถมยังมีของมาแจกให้เด็กๆตั้งมากมาย” ครูใหญ่บอก
“เด็กไทยสมัยนี้ไม่ค่อยอ่านหนังสือ ถ้าผมสามารถเป็นหนึ่งคนที่จะช่วยพวกเค้าได้ ผมก็เต็มใจที่จะทำครับ” จันทรภานุบอก
นันทินีปรบมือเสียงดัง “คุณชายของนัน ช่างมีน้ำใจจริงๆ” หญิงนิ่มเบ้หน้า จันทรภานุทำหน้าไม่ถูก “นันว่าเรามาถ่ายรูปร่วมกันดีกว่าค่ะ พี่นักข่าวคะ”
“ไม่ทราบว่างานนี้..ทำไมคุณประกายดาวแฟนคุณชายจันทร์ถึงไม่ได้มาด้วยล่ะครับ” นักข่าวถาม
นันทินีหน้าแตกเพล้ง เธอเหล่มองหน้าหม่อมสุรีย์ หญิงนิ่มอดที่จะอมยิ้มออกมาไม่ได้
จันทรภานุตอบคำถาม “เออ..คุณดาวเธอไม่ว่างน่ะครับ เธอติดงาน ถ่ายรูปกันดีกว่าครับแม่”
นักข่าวเตรียมตัวตั้งกล้อง นันทินีเจ้ากี้เจ้าการจัดตำแหน่ง หญิงนิ่มรีบมายืนติดกับจันทรภานุแล้วก็หันไปทางนันทินี
“ขอโทษนะคะคุณนัน..หญิงกลัวพี่ดาวจะเข้าใจผิด คุณนันไปยืนข้างหม่อมป้าก็แล้วกันนะคะ”
นันทินีไม่กล้าจึงได้แต่ฝืนยิ้มออกมา แล้วก็ไปยืนข้างสุรีย์ด้วยความจำทน
นักข่าวนับ “พร้อมนะครับ หนึ่ง ส่อง ส่าม..”

จันทรภานุหันมาทางหญิงนิ่มด้วยสีหน้าสุดเซ็ง
“พี่จะไม่ไหวแล้วนะน้องหญิง คุณนันพยายามที่จะเข้ามาเกาะแกะพี่ไม่หยุด”
“หญิงเห็นแล้วค่ะ น่าจะเปลี่ยนชื่อเป็น “ตุ๊ก” มากกว่า” หญิงนิ่มว่า
“ตุ๊กอะไรคะ?” จันทรภานุถาม
“ตุ๊กแกยังไงล่ะคะ” หญิงนิ่มบอก จันทรภานุอดยิ้มออกมาไม่ได้ “ถึงชอบเกาะนัก นี่คงอยากทำให้ตัวเองเป็นข่าวกับพี่ชาย หญิงว่าพี่ชายโทรตามพี่ดาวมาดีกว่า”
“พี่บอกแล้วว่าเค้าติดงาน”
“พี่ชายก็ลองพูดกับพี่ดาวดีดีสิคะ อย่าไปออกคำสั่ง”
“แล้วเค้าจะมาทันเหรอ”
“เขาใหญ่แค่เนี้ย ขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงค่ะ”
จันทรภานุพยักหน้าแล้วก็เอามือถือออกมากดโทรออก

ประกายดาวกำลังถ่ายภาพมุมต่างๆ ของรีสอร์ทด้วยท่าทางที่ทะมัดทะแมง พงศ์จันทรมองและยิ้มด้วยความปลาบปลื้มมากๆ ทันใดนั้นเสียงมือถือของประกายดาวก็ดังขึ้น เจ๊พีชที่สะพายกระเป๋ากล้องให้ประกายดาว เปิดกระเป๋าแล้วหยิบมือถือออกมา
“คุณชายจันทร์โทรมา” เจ๊พีซบอก
พงศ์จันทรได้ยินก็หันไปมองพลางครุ่นคิด
“ผมเอาไปให้คุณดาวเองครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
พงศ์จันทรเอามือถือประกายดาวมาแล้วก็ทำเป็นเดินออกไปหาประกายดาว แต่จริงๆพงศ์จันทรกดตัดสายทิ้ง แล้วปิดเครื่องไปเลย พงศ์จันทรยิ้มอย่างสบายใจ

จันทรภานุวางสายแล้วหันมาทางหญิงนิ่ม
“คุณดาวไม่รับโทรศัพท์ แล้วก็ปิดเครื่องไปเลย”
“สงสัยพี่ดาวกำลังทำงาน”
จันทรภานุถอนหายใจ ระหว่างนั้นนันทินีก็เดินมาหา
“คุณชายขา...หม่อมแม่ให้นันมาตามค่ะ เรากำลังจะกลับกันแล้ว”
นันทินีจะเข้ามาควงจันทรภานุแต่เจอหญิงนิ่มขวางไว้ หญิงนิ่มควงแขนจันทรภานุแล้วเดินออกไปทำให้นันทินีโมโห

จันทรภานุ หญิงนิ่ม และนันทินีเดินออกมาเจอสุรีย์รออยู่กับนักข่าวที่รถตู้
“เดี๋ยวเราไปหาอะไรทานก่อนกลับกรุงเทพนะลูก” สุรีย์ชวน จันทรภานุพยักหน้า สุรีย์หันไปทางนักข่าว “เชิญน้องๆด้วยนะคะ มื้อนี้ฉันจะเป็นเจ้ามือให้เอง”
นักข่าวยิ้มรับ จันทรภานุขึ้นรถ หญิงนิ่มรีบเอาตัวกันไม่ให้นันทินีขึ้นไปนั่งกับจันทรภานุ นันทินีจำต้องนั่งข้างหม่อมสุรีย์ แล้วรถตู้ก็แล่นออกไป

ประกายดาวกดเลื่อนภาพในกล้องที่เพิ่งถ่ายเสร็จให้พงศ์จันทรดู แต่พงศ์จันทรไม่ได้มองรูปเพราะเอาแต่มองหน้าประกายดาว
ประกายดาวถาม “รูปโอเคมั๊ยคะคุณพงศ์”
“สวยครับ” พงศ์จันทรตอบ
เจ๊พีชเห็นพงศ์จันทรมองประกายดาวก็รู้ทัน
“รูปสวยหรือคนสวยกันแน่คะคุณพงศ์”
ประกายดาวหันไปก็ชะงักเมื่อเห็นพงศ์จันทรมองเธอในระยะใกล้ขนาดนั้น
“สวยทั้งคนสวยทั้งรูปนั่นแหละครับเจ๊พีช”
“ว๊าย!!! เจ๊ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย”
ประกายดาวทำหน้าไม่ถูก พงศ์จันทรยิ้มๆ
“นี่ก็บ่ายแล้ว คุณดาวกับเจ๊พีชคงหิวแย่ ให้ผมเลี้ยงนะครับ” พงศ์จันทรอาสา
“ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วค่ะ” เจ๊พีซว่า
พงศ์จันทรผายมือ ประกายดายจะสะพายกระเป๋ากล้อง พงศ์จันทรรีบเข้ามาคว้าเอาไว้
“ผมถือให้ครับ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
“เถอะครับ”
ประกายดาวยอมให้พงศ์จันทรถือกะเป๋ากล้องให้ แล้วก็เดินไปกับเจ๊พีช พงศ์จันทรเอามือถือประกายดาวออกมากดเปิดเครื่องแล้วก็ใส่ลงในกระเป๋ากล้องตามเดิม ก่อนจะเดินตามออกไป

จันทรภานุกับหญิงนิ่มนั่งหันหน้าไปตรงทางเข้าร้าน สุรีย์กับนันทินีนั่งหันหลัง ส่วนนักข่าวนั่งอยู่ที่โต๊ะอีกตัวหนึ่ง ทั้งหมดกำลังรับประทานอาหารกัน นันทินีเอาใจจันทรภานุมากๆ
นันทินีตักอาหารให้ “ทานเยอะๆนะคะคุณชาย”
“พี่ชายคะ หญิงขอชิ้นที่คุณนันให้นะคะ ชิ้นมันใหญ่ดี” หญิงนิ่มรีบออกตัว
นันทินีหน้าตึงขึ้นมาทันที
“หญิงนิ่มอย่าเสียมารยาทสิ นั่นมันของพี่ชายเค้า” สุรีย์ว่า
“ให้น้องเถอะครับหม่อมแม่ คุณนันไม่ว่าอะไรหรอก จริงมั๊ยครับ” จันทรภานุหันไปถาม
นันทินีได้แต่ยิ้มเพราะพูดไม่ออก ทันใดนั้นประกายดาว พงศ์จันทร และเจ๊พีชก็เดินเข้ามาในร้าน จันทรภานุเงยหน้าขึ้นมาเห็นก็ชะงักและไม่พอใจประกายดาว เขารีบสะกิดหญิงนิ่ม หญิงนิ่มหันไปมองตามก็ตกใจ
หญิงนิ่มพูดเสียงเบามากแต่แฝงความไม่พอใจ “ทำไมพี่ดาวมากับนายพงศ์จันทร?”
พนักงานเดินนำประกายดาว พงศ์จันทร และเจ๊พีชไปนั่งอีกด้านหนึ่ง จันทรภานุกับหญิงนิ่มมัวแต่มองจนนันทินีแปลกใจ พอนันทินีหันไปมองตามก็ไม่เห็นอะไร
นันทินีสงสัย “มองอะไรกันคะ”
“เออ..ไม่มีอะไรครับ หม่อมแม่ครับ ผมนึกได้ว่าต้องโทรไปสั่งงานลูกน้อง ขอตัวซักครู่นะครับ”
จันทรภานุเดินออกไป สุรีย์กับนันทินีไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร

พนักงานเอาไวน์มาเสิร์ฟให้ประกายดาว พงศ์จันทร และเจ๊พีชที่นั่งโต๊ะเดียวกัน
พงศ์จันทรมองประกายดาวแบบหยั่งเชิง “ไม่ทราบว่าคุณดาวกับคุณชายเป็นแฟนกันได้ยังไง” ประกายดาวชะงัก “ผมจำได้ว่าผมเจอคุณดาวก่อนไปฮ่องกงไม่นาน หลังจากนั้นไม่กี่วัน คุณก็เป็นแฟนกับคุณชายซะแล้ว”
“เออนั่นสิน้องดาว พี่ก็อยากรู้” เจ๊พีซสนใจ
ประกายดาวอึกอัก “...อ่า...เรื่องความรัก บางทีมันก็ไม่ต้องใช้เวลานานหรอกนะคะ”
“อืม..มันก็จริง บางคนเจอปุ๊บก็รักปั๊บ เหมือนอย่างพี่ไง”
พูดจบเจ๊พีชก็ปรายตามองพนักงานคนนึงแล้วส่งจูบให้ พนักงานขนลุกซู่รีบเดินออกไป
“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคุณดาวกับคุณชายรู้จักกันแค่ไม่กี่วันก็ตกลงเป็นแฟนกัน ทั้งๆที่ใครๆเค้าก็รู้กันว่าคุณชายเลือกมากแค่ไหน แปลกครับ แปลกมากจริงๆ” พงศ์จันทรจับผิด
ประกายดาวเริ่มหน้าซีดเพราะไปไม่ถูก พงศ์จันทรมองอย่างจับสังเกตจนประกายดาวทนไม่ไหว
“ดาวขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
ประกายดาวรีบเดินออกไปทันที
พงศ์จันทรมีสีหน้ามั่นใจ “ผมว่าคุณดาวกับคุณชาย ไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกเจ๊ งานนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ และผมต้องหาความจริงให้ได้”
พงศ์จันทรทำสีหน้ามุ่งมั่นมาก

ประกาวดาวเดินออกมาจากห้องน้ำ
“ซักไม่หยุด เกือบหลุดแล้วมั๊ยเรา เฮ้อ”
ประกายดาวสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นจันทรภานุยืนอยู่
“คุณชายจันทร์!!”
“มิน่า..ว่าทำไมผมโทรหาแล้วถึงไม่รับสาย แถมยังปิดเครื่อง” จันทรภานุว่า
“ฉันมาทำงาน” ประกายดาวบอก
“แน่ใจว่ามาทำงาน ไม่ใช่ว่ามาเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นจนลืมหน้าที่ของตัวเอง”
“หน้าที่อะไร ?”
“คุณแสดงเป็นแฟนผมอยู่นะคุณดาว คุณลืมไปแล้วเหรอไง” จันทรภานุบอก ประกายดาวเหวอ “เพราะฉะนั้นคุณไม่ควรทำประเจิดประเจ้อกับคนอื่น ถ้าใครเห็นเข้า แล้วไปบอกหม่อมแม่ แผนทุกอย่างของผมก็พังไม่เป็นท่ากันพอดี”
ประกายดาวถึงกับพูดไม่ออก

สุรีย์แปลกใจ
“ทำไมชายจันทร์ไปโทรศัพท์นานจัง”
“นันไปตามเองค่ะ”
หญิงนิ่มตกใจ “ไม่ต้อง!” นันทินีกับสุรีย์สะดุ้ง “หญิงไปตามพี่ชายเอง พี่นันอยู่กับหม่อมป้าเถอะค่ะ”
หญิงนิ่มรีบลุกเดินออกไป

พงศ์จันทรหันไปทางเจ๊พีชที่กำลังกินด้วยความเอร็ดอร่อย
“ผมไปดูคุณดาวก่อนนะครับ หายไปนานแล้ว”
“นี่ถ้าพี่ไม่ติดว่าอร่อย พี่จะไปตามให้นะคะเนี่ย” เจ๊พีซบอก
พงศ์จันทรยิ้มๆแล้วก็ลุกเดินออกไป

พงศ์จันทรเดินมากำลังจะเลี้ยวก็ชนกับหญิงนิ่มที่เลี้ยวออกมาพอดีบริเวณหัวมุม หญิงนิ่มตกใจ
“ว๊าย!”
หญิงนิ่มทำท่าจะล้ม พงศ์จันทรรีบมาประคองรับเอาไว้ ทันทีที่หญิงนิ่มกับพงศ์จันทรเห็นหน้ากันก็ตกใจ หญิงนิ่มรีบผละออกห่าง พงศ์จันทรก็รีบปล่อยมือ
“คุณหญิงนิ่ม! คุณมาที่นี่ได้ยังไง”
“แล้วทำไมฉันถึงมาไม่ได้”
“คุณมากับใคร”
“มากับพี่ชาย แล้วตอนนี้พี่ชายก็อยู่กับพี่ดาว”
พงศ์จันทรอึ้งและกำลังจะเดินไป หญิงนิ่มรีบขวาง
“จะไปไหน?” หญิงนิ่มถาม
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” พงศ์จันทรว่า
“ฉันไม่ให้คุณไป”
หญิงนิ่มกางแขน แอ่นอกขวาง พงศ์จันทรมองหญิงนิ่มอย่างไม่พอใจ

สุรีย์หันไปทางนันทินี
“หญิงนิ่มก็หายไปกับชายจันทร์อีกคน”
“นันไปดูให้ค่ะ”
นันทินีลุกเดินออกไปทันที

ประกายดาวยังคุยอยู่กับจันทรภานุ
“ฉันขอโทษก็แล้วกันคุณชาย ฉันไม่ได้นึกถึงข้อนั้นจริงๆ ฉันจะไม่ทำอีกก็แล้วกัน ขอตัวก่อนนะคะ”
“ขอตัวกลับไปนั่งกับผู้ชายคนนั้นน่ะเหรอ?” จันทรภานุถาม ประกายดาวชะงัก “คุณ-ห้าม-ไป”
นันทินีเดินมาเห็นจันทรภานุกับประกายดาวก็ตกใจมากจึงรีบหาที่หลบแล้วแอบดู
“ยัยประกายดาว!”
นันทินีเห็นท่าทางเหมือนทั้งสองทะเลาะกันเลยพยายามจะฟัง..
“พูดอะไรกัน ไม่ได้ยินเลย”
ประกายดาวคุยกับจันทรภานุ
“เอ๊ะคุณชาย..ฉันไม่ใช่แฟนจริงๆของคุณ ไม่ต้องมาทำหึงหรอกน่า” ประกายดาวบอก
“ผมไม่ได้หึง! แต่หม่อมแม่กับคุณนันอยู่ที่นี่ด้วย เพราะฉะนั้นนับตั้งแต่วินาทีนี้คุณคือแฟนผม”
“งั้นก็ให้ฉันไปบอกคุณพงศ์จันทรก่อน อยู่ๆหายตัวไป มันเสียมารยาท”
ประกายดาวไม่สนใจรอคำตอบ เธอเดินออกไปทันที จันทรภานุรีบเดินตามไปอย่างหัวเสีย นันทินีหลบแล้วมีสีหน้าครุ่นคิด
“ท่าทางเหมือนกำลังทะเลาะกัน”
นันทินียิ้มร้ายอย่างมีแผนการ

จบตอนที่ 3

กำลังโหลดความคิดเห็น