xs
xsm
sm
md
lg

นางร้ายสายลับ ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางร้ายสายลับ ตอนที่ 2

นฤเบศขับรถมาจอดที่หน้าสำนักงานตำรวจ สุรีกานต์อยู่ในสภาพพรางตัวเอาผ้าพันคอมาคลุมผมปิดบังหน้าตาเอาไว้ และสวมแว่นตาดำทับอีกชั้น

“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่รู้เรื่อง แล้วที่นี่มันที่ไหนเนี่ย”
นฤเบศลงจากรถแล้วเดินไปทางประตูรถฝั่งสุรีกานต์ แต่เธอนั่งหน้าบึ้งยังไม่ยอมลงจากรถ
“ลงมาจากรถได้แล้ว”
สุรีกานต์นั่งนิ่งไม่ยอมลง
“หรือคุณอยากเป็นข่าว งั้นนั่งอยู่นี่แหละ เดี๋ยวผมไปตามนักข่าวมาให้”
“อย่านะ ฉันลงแล้วก็ได้”
สุรีกานต์ตกใจรีบลงจากรถ นฤเบศยืนมองอยู่แบบเหนือกว่า รถของสุรีกานต์ที่จ่ายมขับตามมาแล่นมาจอดหน้าตึกพอดี
“ตำรวจอะไรข่มขู่ประชาชาชน” สุรีกานต์บ่นพึมพำ
“ผมได้ยินนะ หรืออยากจะโดนข้อหาหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน อีกกระทง”
จ่ายมเดินเข้ามา
“จ่า พาผู้ต้องสงสัยเข้าไปในห้องสอบสวนด้วย”
นฤเบศเดินผละไปทันที สุรีกานต์โมโห
“นี่ฉันกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้วเหรอ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ทำอะไร”
จ่ายมตื่นเต้น เขินอายเมื่อได้เห็นสุรีกานต์ในระยะประชิด เขาพูดอึกอัก
“เอ่อ คุณ สุรีกานต์ใช่มั้ยครับ คือ...คือ เมียผมชอบคุณสุรีกานต์มากเลยครับ ผมอยากจะขอลายเซ็น”
นฤเบศกำลังจะเดินเข้าไปในตึก หันกลับมาส่งสายตาพิฆาต
“จ่า”
“ครับๆ ไปเดี๋ยวนี้ละครับ” จ่ายมหันมาทางสุรีกานต์ นอบน้อม “เชิญครับคุณสุรีกานต์”
สุรีกานต์ฮึดฮัดแต่ก็จัดผ้าคลุมผม และแว่นตาดำที่ใช้อำพรางหน้าตาให้ดูมิดชิดกว่าเดิม เธอสอดส่ายสายตามองซ้ายมองขวา จ่ายมสงสัย
“มองหาใครเหรอครับ”
“นักข่าวน่ะสิ ฉันยังไม่อยากเห็นตัวเองขึ้นหน้าหนึ่งเพราะโดนจับหรอกนะ”
“โอ๊ย ป่านนี้แล้วไม่มีนักข่าวหรอกครับ แล้วคุณสุรีกานต์ก็แปลงกายเป็นนางเอกหนังอินเดียซะขนาดนี้ ไม่มีใครจำได้หรอก”
“แน่ใจนะคุณจ่า”
“ครับ ตามผมมาทางนี้เลยครับ”
จ่ายมพาสุรีกานต์เดินเข้าไปในตึกสำนักงานกองบัญชาการตำรวจ

จ่ายมเปิดประตูเข้ามาในห้อง เชิญสุรีกานต์ที่เดินตามมาเข้ามาด้านใน นฤเบศนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานหน้าเข้ม สุรีกานต์เดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ ประจันหน้ากับเขา จ่ายมเดินออกไปจากห้อง
“ตกลงคุณจะเอายังไงก็ว่ามา” สุรีกานต์มองหน้า
นฤเบศนิ่งมองสุรีกานต์ที่พรางตัวปิดหน้าปิดตา
“ถอดผ้าคลุมที่พันหน้าตาของคุณออก”
สุรีกานต์ตกใจถอยกรูด เอามือปิดป้องร่างกายตัวเอง
“ห๊ะ...ฉันว่าแล้ว ตำรวจอย่างนายมันต้องคิดไม่ซื่อ ที่พาฉันมาที่นี่เพราะหวังจะทำมิดีมิร้ายฉันใช่มั้ย”
“คุณนี่ท่าจะเล่นละครมากจนเพี้ยนไปแล้วนะ เจอครั้งแรกก็หาว่าผมเป็นโจร ครั้งที่สองก็หาว่าเป็นมือปืน มาครั้งนี้ยังหาว่าผมเป็นตำรวจในคราบผู้ร้ายข่มขืนอีก”
สุรีกานต์ชะงักถอดแว่นออก เพ่งมองนฤเบศอย่างครุ่นคิด ตาค่อยๆ เบิกกว้าง จำได้
“นายน่ะเอง...อ๋อ หรือว่า นายจงใจยัดข้อหาเพื่อแก้แค้นฉัน กะว่าจับดาราอย่างฉันได้แล้วจะสร้างผลงานให้ตัวเองใช่มั้ย ฉันรู้ทันนายหรอกน่า”
“แต่งเรื่องได้ขนาดนี้ ผมว่าคุณเลิกเป็นดาราแล้วไปเขียนบทดีกว่ามั้ย แล้วแทนที่คุณจะเอาเวลามาคิดเรื่องไร้สาระแบบนี้ ผมว่าคุณอธิบายให้ผมฟังดีกว่าว่ายานี่มาอยู่ในกระเป๋าคุณได้ยังไง”
นฤเบศหยิบซองยาเสพติดขึ้นชูตรงหน้า
“ก็ฉันบอกคุณเป็นร้อยครั้งแล้ว ว่าฉันไม่รู้เรื่อง ฉันแค่ไปเอาของให้เพื่อนเฉยๆ กุญแจบ้านฉันก็มีเนี่ยเห็นมั้ย” เธอชูกุญแจให้ดู “ฉันไม่ได้เป็นขโมยนะ”
“แต่ท่าทางคุณมีพิรุธ ถ้าแค่มาเอาของให้เพื่อน ทำไมคุณต้องทำท่าลับๆ ล่อๆ แบบนั้นด้วย”
สุรีกานต์เถียงทันควัน
“แบบไหน”
“แบบนี้ไง”
นฤเบศเลื่อนโน้ตบุ๊คให้สุรีกานต์ได้เห็นวิดีโอที่จ่ายมบันทึกภาพของเธอที่ท่าทางลับๆ ล่อๆ ไว้ได้ สุรีกานต์หน้าตาเลิ่กลั่ก รีบแก้ตัว
“ก็...ก็... ฉัน…ฉันเป็นดารานี่ ฉันต้องระวังปาปารัซซี่สิ”
“ผมว่าคุณเลิกแก้ตัวแล้วพูดความจริงมาดีกว่า ไอ้ของที่คุณอ้างว่ามาเอาให้เพื่อนก็คือยาเสพติดนี่ใช่มั้ย”
สุรีกานต์หน้าตื่น
“ฉันเปล่า ฉันแค่มาเอาไอ้กล้องสีแดงนี่ให้เพื่อน” เธอชี้กล้องที่วางบนโต๊ะ “แต่ฉันไม่รู้จริงๆ นะว่ามันมียาเสพติดซ่อนอยู่ด้วย”
“ถ้าแค่มาเอากล้อง ทำไมคุณต้องทำท่ามีพิรุธ…หรือว่า ในกล้องนี้มันมีภาพอะไรที่เปิดเผยไม่ได้ คุณถึงไม่ต้องการให้ใครเห็น”
นฤเบศหยิบกล้องดิจิตอลสีแดงขึ้นมา เปิดกล้องดึงเมมโมรี่การ์ดออกแล้วเอาไปเสียบกับโน้ตบุ๊ค ภาพบนจอเป็นภาพงานปาร์ตี้ธรรมดา เขาคลิกดูภาพไปเรื่อยๆ สุรีกานต์แย้ง
“มันไม่ใช่รูปผิดกฎหมายอะไรสักหน่อย ก็แค่รูปปาร์ตี้ธรรมดา”
นฤเบศคลิกดูรูปต่อ จากรูปปาร์ตี้ธรรมดาก็กลายเป็นรูปเนธานกับอุษณะนอนเปลือยกอดก่ายกันอยู่บนเตียง หอมแก้ม กอดกัน ท่าทางสนิทสนมแต่สุรีกานต์ไม่เห็น นฤเบศหันมามองหน้าเธอ
“คุณแน่ใจนะว่าปาร์ตี้ธรรมดา”
“แน่ใจสิ แต่ถึงจะเป็นปาร์ตี้ธรรมดา แต่เพื่อนฉันก็เป็นถึงนางฟ้าแห่งวงการบันเทิง ถ้ามีภาพเมาหลุดออกไป รับรองได้กลายเป็นนางฟ้าตกสวรรค์แน่”
นฤเบศแปลกใจ
“นางฟ้า...ผู้หญิงเหรอ”
“ใช่ นางฟ้าบ้านคุณเป็นผู้ชายรึไง”
นฤเบศไม่ตอบ แต่เลื่อนโน้ตบุ๊คไปให้เธอดู สุรีกานต์มองภาพในจอด้วยความช็อค ร้องลั่น
“อ๊าย”

พลอยนิลนอนหลับอยู่บนเตียง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น พลอยนิลงัวเงีย อารมณ์เสีย
“ใครโทรมาเนี่ย”
พลอยนิลคว้าโทรศัพท์มาดู เห็นชื่อสุรีกานต์ก็ลุกขึ้นนั่ง รีบกดรับอย่างตื่นเต้น
“เป็นไงโซ่ ได้รูปมาหรือเปล่า”
สุรีกานต์ยืนโทรศัพท์อยู่มุมหนึ่งของห้องทำงานนฤเบศ โดยเขายืนฟังอยู่ห่างๆ
“ได้”
พลอยนิลดีใจ
“ฉันไว้ใจถูกคนจริงๆ แกไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ ด้วย”
สุรีกานต์ไม่ตอบอะไร เสียใจที่เพื่อนสนใจแต่เรื่องของตัวเอง
“โซ่ ทำไมแกเงียบไปล่ะ”
สุรีกานต์น้ำเสียงจริงจัง
“นิล ฉันถามจริงๆ ตกลงแกให้ฉันไปเอารูปใคร”
พลอยนิลอึกอัก
“ก็...ก็รูปฉันไง ฉันบอกแกไปแล้วนี่ ทำไม หรือว่า…” พลอยนิลเสียงเครียด กลัว “แกเปิดดูแล้ว”
“ยัง พอดีแบตหมดก่อน”
พลอยนิลแอบถอนใจโล่งอก
“ตอนนี้แกอยู่ที่ไหน ฉันจะได้ไปหา”
“ฉันคิดว่าแกจะไม่ถามถึงฉันซะแล้ว”
“ฉันต้องถามสิ ก็ฉันต้องไปเอารูปจากแกอยู่แล้วนี่ ว่าไง ตกลงแกอยู่ที่ไหน”
สุรีกานต์ยิ่งฟังยิ่งเสียใจ
“แกไม่ต้องมาหรอก วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว ถ้าแกอยากได้รูปนัก เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันเอาไปให้แกที่กองแต่เช้าเลย”
“ขอบใจนะโซ่ เอ๊ะ...แต่พรุ่งนี้แกมีคิวตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เป็นไร เพื่อเพื่อนรักอย่างแก ฉันทำให้ได้”
“เพราะแกเป็นอย่างนี้ไง ฉันถึงรักแกที่สุด”
พลอยนิลวางสาย และล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างมีความสุข...สุรีกานต์วางสายก่อนจะหลับตาลงอย่างเสียใจ พอหันกลับมาเห็นนฤเบศยืนมองอยู่ เธอก็เดินเข้าไปหา
“ตกลงว่ายังไง” นฤเบศมองหน้า
“ฉันยังยืนยันคำเดิมว่าฉันไม่รู้เรื่องยาเสพติดนั่น”
“แต่คุณมียาเสพติดในครอบครอง ถึงคุณจะอ้างว่าทำไปเพราะไม่รู้ ยังไงคุณก็ยังมีความผิดอยู่ดี ผมต้องดำเนินคดีกับคุณตามขั้นตอนของกฎหมาย”
สุรีกานต์หน้าเสีย
“นี่ฉันจะต้องติดคุกจริงๆ เหรอ”
“คุณยังมีโอกาสสู้คดีในชั้นศาล ถ้าคุณไม่ผิด กฎหมายก็จะคุ้มครองผู้บริสุทธิ์”
“แต่กว่าจะถึงตอนนั้น ชื่อเสียงของฉันก็คงไม่เหลือ แล้วใครจะอยากมาจ้างนางร้ายที่ยังมีคดีพัวพันยาเสพติดล่ะ…แล้วมันต้องใช้เวลานานขนาดไหนล่ะคุณสารวัตร กว่าฉันจะพ้นมลทิน”
“มันก็ต้องแล้วแต่คดี” นฤเบศแกล้งขู่ “อาจจะเป็นเดือน เป็นปี หรือสิบปี...”
สุรีกานต์หน้าตื่น
“ห๊ะ...นานขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันรอไม่ไหวหรอก”
“แต่ถึงคุณจะรอดจากคดียาเสพติดได้ คุณก็ยังมีความผิดข้อหาบุกรุก ผมคงต้องแจ้งเจ้าของบ้าน เพื่อสอบถามว่าเขาจะดำเนินคดีกับคุณรึเปล่า”
สุรีกานต์ตกใจ
“ไม่ได้นะ ถ้าคุณแจ้งไป อุษณะก็ต้องรู้ว่าฉันเข้าไปขโมยรูป”
นฤเบศจ้องหน้า
“ไหนคุณบอกว่าไม่ได้ขโมยไง”
สุรีกานต์เลิ่กลั่ก แล้วยอมรับสารภาพ
“โอเค ฉันยอมรับผิด ฉันทำลงไปเพราะฉันรักเพื่อน แต่ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายแอบแฝงนะ”
“คุณจะแก้ตัวยังไงคุณก็ผิดอยู่ดี และผมต้องดำเนินคดีกับคุณตามกฎหมาย”
สุรีกานต์ขอร้องเสียงอ่อย
“โธ่ คุณสารวัตร คุณช่วยฉันหน่อยไม่ได้เหรอ นะ ฉันไม่อยากถูกจับ ให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันยอมทั้งนั้นแหละ นะคุณสารวัตรนะ”
นฤเบศนิ่งคิด
“แน่ใจนะว่าคุณจะยอมทำทุกอย่าง”
สุรีกานต์ดีใจขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่เมื่อเห็นนฤเบศยิ้มกริ่ม แววตามีประกายบางอย่างก็เริ่มสงสัยและไม่ค่อยไว้ใจ

นฤเบศดึงเมมโมรี่การ์ดออกมาจากโน้ตบุ๊ค อีกมือหนึ่งถือกล้องดิจิตอลสีแดงเอาไว้
“ผมต้องขอยึดของกลางนี้ไว้ก่อน”
“แต่ว่าฉันต้องเอารูปพวกนี้ไปให้เพื่อน”
“นี่คุณ ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะ การที่จะทำให้เรื่องนี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็คือ ผมต้องเอาของที่คุณขโมยมาไปไว้ที่เดิม”
“งั้นฉันขอแค่เมมโมรี่การ์ดเอาไว้ได้มั้ย ถ้าแค่เมมโมรี่การ์ดหาย อุษณะคงไม่สงสัยมาถึงฉัน และเขาคงไม่แจ้งความหรอก เพราะมันมีรูปที่ทำให้เขาเสื่อมเสียอยู่”
“คุณเอาไปก็ได้ แต่คุณต้องรับปากว่าจะไม่เอาไปใช้ในทางมิชอบ ส่วนเรื่อง ยาเสพติดผมคงต้องตรวจสอบดูอีกทีว่าอุษณะมีความเกี่ยวข้องเป็นผู้เสพหรือผู้ค้ารึเปล่า”
“แล้วตกลงที่คุณช่วยฉันทั้งหมดเนี่ย คุณจะให้ฉันทำอะไร”
“เดี๋ยวผมจะบอกคุณอีกที แต่คุณเตรียมใจไว้ให้พร้อมก็แล้วกัน”

ดึกคืนนั้น สุรีกานต์เปิดประตูเข้ามาในคอนโด แล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยๆ ก่อนจะหันไปมองกระเป๋าและควานหาเมมโมรี่การ์ดขึ้นมามองอย่างครุ่นคิด สุรีกานต์เอาเมมโมรี่การ์ดเชื่อมต่อกับไอแพด แล้วนั่งมองรูปทั้งหมดในหน้าจอ ก่อนจะหันไปมองกรอบรูปบนชั้นตู้โชว์ที่มีรูปพลอยนิลกับเธอวางอยู่ สุรีกานต์นิ่งคิด ก่อนจะตัดสินใจเลือกเฉพาะรูปล่อแหลมของเนธานกับอุษณะแล้วกดปุ่ม Delete รูปทิ้ง บนหน้าจอเหลือเพียงแค่รูปปาร์ตี้งานวันเกิดของอุษณะธรรมดา
“ถึงยังไงแกก็เป็นเพื่อนรักฉันอยู่ดี”

วันใหม่...พลอยนิลนั่งเล่นไอแพดอยู่ในรถ ประตูรถเลื่อนเปิดออกสุรีกานต์ยืนมองพลอยนิลหน้าตึงไม่พูดไม่จา พลอยนิลดีใจ
“โซ่ ไหนล่ะกล้อง”
สุรีกานต์ถอนหายใจ เข้าไปนั่งลงบนเบาะนั่งข้างพลอยนิลแล้วยื่นเมมโมรี่การ์ดที่ถือมาให้
“อ้าว...”
“มันแบตหมด ฉันเลยเอามาแค่เมมโมรี่”
พลอยนิลยักไหล่ ยื่นมือจะหยิบเมมโมรี่การ์ดจากสุรีกานต์แต่สุรีกานต์กลับเบี่ยงหลบไม่ให้ง่ายๆ
พลอยนิลเริ่มอารมณ์เสีย
“เอ๊ะ”
“บอกฉันมาก่อนว่าแกให้ฉันไปเอารูปใครกันแน่”
พลอยนิลสายตามีพิรุธ ทำท่ารำคาญกลบเกลื่อน
“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่ารูปฉัน ถามกี่รอบๆ ฉันก็ตอบแบบเดิมนั่นแหละ”
“โอเค…ถ้าแกยังยืนยันตามที่พูด ฉันก็คงไม่มีอะไรจะพูดกับแกอีก” สุรีกานต์ยื่นเมมโมรี่การ์ดให้ “เปิดดูสิว่าใช่รูปที่แกให้ฉันเสี่ยงตายไปเอามาหรือเปล่า”
“เลิกพูดจาประชดประชันฉันเสียทีเถอะน่า แกเป็นเพื่อนรักฉันนะ เวลาฉันมีปัญหา แกก็ต้องมีหน้าที่ช่วยสิ”
พลอยนิลเชื่อมต่อเมมโมรี่การ์ดเข้ากับไอแพด รูปที่ปรากฏบนหน้าจอเป็นภาพงานปาร์ตี้วันเกิดที่บ้านอุษณะ พลอยนิลกดเลื่อนไปดูหลายรูปก็ไม่เจอรูปเนธานแม้แต่รูปเดียว พลอยนิลเงยหน้าขึ้นมอง สุรีกานต์ ทำหน้าจริงจังก่อนจะถาม
“บอกฉันได้มั้ยว่าแกอยากได้รูปพวกนี้ไปทำไม ในเมื่อมันไม่มีรูปแกแม้แต่รูปเดียว”
พลอยนิลอึกอัก
“ก็…ก็อุษณะนะสิทำให้ฉันคิดมากว่ามันเป็นภาพหลุด จนฉันประสาทเสียหลงเชื่อคำขู่ลอยๆ ของมัน ฉันก็เลยขอให้แกช่วยนั่นแหละ”
“เอาเป็นว่า ฉันจะพยายามเชื่อแกก็แล้วกันนะนิล” สุรีกานต์พูดเสียงเย็นชา

สุรีกานต์เดินมาตามทางเดินบริเวณกองถ่าย ถอนหายใจอย่างหนักใจ วุ้นกรอบกับพายไก่วิ่งหน้าบาน ตื่นเต้นมาหา
“เจ๊หายไปไหนมา พวกฉันหาตัวกันทั่วทั้งกองเลย” พายไก่ถาม
สุรีกานต์มองอย่างรู้ทัน
“ลงทุนเหนื่อยกันขนาดนี้ มีเรื่องอะไรจะเม้าท์อีกละสิ”
“น่ารักที่สุดเลยเจ๊ สมแล้วที่เราซี้กัน” วุ้นกรอบหัวเราะเฮฮา
“พอดีว่า วุ้นมันเจอชายในฝันแล้วน่ะเจ๊ มันเลยอยากจะพรีเซ็นต์ให้เจ๊ได้รู้จัก”
“นังพาย ใครบอกแกว่าฉันเจอชายในฝัน” วุ้นกรอบทำเสียงเพ้อๆ “ฉันเจอผู้ชายที่จะแต่งงานด้วยแล้วต่างหากล่ะ”
สุรีกานต์ส่ายหน้ารีบเดินหนี
“ว่าแล้วว่าต้องเป็นเรื่องไร้สาระ ฉันไปท่องบทดีกว่า”
วุ้นกรอบวิ่งตามเซ้าซี้
“ฟังก่อนสิเจ๊ เรื่องเนี๊ยมันเกี่ยวกับเจ๊ด้วยนะ”
“เกี่ยวกับฉันเหรอ เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องละครฟอร์มยักษ์แห่งปีของช่องที่เจ๊เพิ่งรับเล่นไปแล้วไง ข่าวล่ามาไวแจ้งมาว่าละครเรื่องนี้ทางช่องจะปั้นพระเอกใหม่ เป็นนักธุรกิจหนุ่มหล่อใส ไฮโซด้วย”
“ก็ดีนี่ หน้าจอทีวีจะได้มีสีสันใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาบ้าง”
“ได้ยินว่าเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เจ้าของสนามกอล์ฟชื่อดัง เพิ่งจบโทจากอังกฤษมาหมาดๆ และที่สำคัญนิตยสารหัวนอกชื่อดังโหวตให้เขาเป็นหนุ่มโสดในฝันของสาวๆ ทั่วประเทศ” พายไก่สาธยาย
วุ้นกรอบปลาบปลื้ม
“ไม่ใช่แค่สาวๆ ย่ะ เกเก้อย่างฉันก็ด้วย ก็เพอร์เฟ็คซะขนาดนี้ คุณกวิน กฤษดาอภินันท์ถึงเหมาะสมที่สุดที่จะมาเป็นเจ้าบ่าวของฉันไงล่ะ”
พายไก่เบ้หน้าให้กับอาการเพ้อเจ้อของวุ้นกรอบ สุรีกานต์ส่ายหน้า
“โฆษณาซะจนฉันอยากจะเห็นหน้าเทพบุตรสุดหล่อของพวกแกขึ้นมาซะแล้วสิ”
วุ้นกรอบยิ้มปลื้ม
“ถ้าเจ๊เห็นแล้วอย่าเปลี่ยนใจลงสนามมาเป็นคู่แข่งของวุ้นกรอบคนนี้ละกัน”

บริเวณสนามกอล์ฟในร่ม...กวินตั้งท่าเตรียมหวดวงสวิง เมื่ออยู่ในท่าพร้อมแล้วเขาก็ตีลูกกอล์ฟออกไป ลูกกอล์ฟกลิ้งลงไปในหลุม เสียงปรบมือดังขึ้นจากคนข้างหลัง กวินหันหน้ามาใบหน้าหล่อเหล่าฉีกยิ้มสดใสให้กับนัฐชาเลขาของเขา
“ฝีมือไม่เคยตกจริงๆ เลยนะคะคุณกวิน”
กวินยิ้มรับคำชม
“ไม่ได้สิครับ เดี๋ยวเสียชื่อลูกชายเจ้าของสนามกอล์ฟหมด”

กวินเดินตรวจงานในคลับเฮ้าส์ของสนามกอล์ฟ โดยมีนัฐชาถือแฟ้มเดินตาม
“มีเอกสารด่วนเรื่องการจัดซื้ออุปกรณ์กอล์ฟล็อตใหม่จากคุณมงคลค่ะพอดี เมื่อกี้นัฐชาเห็นคุณกวินกำลังเพลินเลยไม่อยากกวน “
นัฐชายื่นแฟ้มสีดำที่ถืออยู่ให้กวินพร้อมปากกา กวินรับเอกสารในมือนัฐชาไปอ่านคร่าวๆ เซ็นลายเซ็นลงไปแล้วส่งแฟ้มคืนให้ กวินเหลือบไปเห็นพื้นที่บริเวณใกล้ๆ ล็อบบี้กำลังมีการตกแต่งจัดทำร้านใหม่
“มีคนมาเช่าที่ตรงนี้แล้วเหรอครับ”
“อ๋อ ใช่ค่ะ ฝ่ายจัดสรรสถานที่แจ้งมาว่าจะมีผู้เช่ารายใหม่มาเปิดร้านเบเกอร์รี่ค่ะ”
“ยังไงฝากคุณนัฐชาดูแลความเรียบร้อยด้วยละกันนะครับ”
“ได้ค่ะคุณกวิน”

นฤเบศนั่งอ่านประวัติของสุรีกานต์อยู่ที่โต๊ะ เสียงเคาะประตูดังขึ้น จ่ายมเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องยื่นแฟ้มเอกสารให้
“ผลการตรวจสอบ ไม่พบลายนิ้วมือของคุณสุรีกานต์บนซองยาเสพติดครับ ส่วนผลการตรวจปัสสาวะ ก็ไม่พบสารเสพติดด้วยเช่นกัน”
นฤเบศพลิกอ่านรายงานในแฟ้มที่จ่ายมยื่นให้
“ผมว่านะครับ เท่าที่ผมเป็นแฟนคลับติดตามข่าวคุณสุรีกานต์มา ไม่เคยเห็นคุณสุรีกานต์มีข่าวเสียหายเลย แถมยังได้รับรางวัลดาราผู้มีคุณธรรม แล้วก็เข้าร่วมโครงการต่อต้านยาเสพติดด้วยนะครับ ดูยังไงคุณสุรีกานต์ก็ไม่น่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดได้”
“บางทีรางวัลก็ไม่สามารถการันตี ความเป็นคนดีของใครได้เสมอไปหรอกนะจ่า”
“ผมเข้าใจครับสารวัตร แต่ดูยังไง คุณสุรีกานต์ก็ไม่น่าจะเป็นคนไม่ดีอยู่ดี”
สารวัตรนฤเบศนิ่งคิด เขานึกถึงภาพที่สุรีกานต์กำลังบู๊กับโจรกระชากกระเป๋า และภาพที่สุรีกานต์เอากระเป๋าที่ถูกวิ่งราวมาคืนให้กับเจ้าของสีหน้ายิ้มแย้ม นฤเบศยังคงนิ่งครุ่นคิด จ่ายมเห็นเงียบไปก็เรียก
“สารวัตรครับ สารวัตร”
นฤเบศสะดุ้งจากภวังค์ความคิด
“มีอะไรจ่า”
“ผมเห็นสารวัตรเงียบไป มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ผมกำลังตัดสินใจเรื่องบางอย่างอยู่น่ะ”
จ่ายมงง
“ตัดสินใจ เรื่องอะไรเหรอครับ”
“เรื่องที่บางที เราอาจจะได้นางร้ายมาเป็นสายลับให้เราก็ได้”

กองถ่ายละครมาถ่ายทำกันทีสวนสาธารณะ อายอดตะโกนสั่ง
“คัท”
อุษณะกอดกับพลอยนิลหวานชื่นในสวนสวย ท่ามกลางนักแสดงตัวประกอบอื่นๆ รายล้อม สุรีกานต์ในมาดนางร้ายที่กลับตัวได้ในฉากจบยืนยิ้มปรบมือยินดี
“โอเค ปิดกล้อง เตรียมตัวฉลองได้”
ขาดคำของอายอดทีมงานทุกคนร้อง เย้เฮกันใหญ่กับฉากสุดท้ายในวันนี้ ก่อนจะแยกย้ายไปเก็บของ พลอยนิลผละออกจากอุษณะทันที ก่อนจะเดินสะบัดสะบิ้งมาเจออายอด ซึ่งเดินเข้ามาพอดี
“เหนื่อยมาตั้งหลายเดือนแล้ว คืนนี้สนุกกันให้เต็มที่เลยนะ”
“นิลขอตัวนะคะอา นิลไม่ว่าง”
วุ้นกรอบยืนอยู่กับสุรีกานต์ บ่นพึมพำ
“ตามประกบผู้ชายอีกตามเคย”
พลอยนิลมองวุ้นกรอบตาเขียว อุษณะปรายตามองพลอยนิลส่งเสียงหึๆในลำคอ อายอดหันมาชวนอุษณะ
“แล้วณะล่ะ ไปด้วยกันมั้ย”
“ผมติดงานอีเว้นท์ครับอา ต้องรีบไปเหมือนกัน”
“อ้าวเหรอ น่าเสียดาย ขาดไปสองแล้ว แล้วโซ่ล่ะว่าไง”
“โซ่ไปได้ค่ะอา งั้นเดี๋ยวโซ่ขอไปเก็บของก่อนนะคะ” สุรีกานต์ตอบรับทันที

สุรีกานต์เก็บของ โทรศัพท์ดังขึ้นพอดี เห็นเป็นเบอร์แปลกเลยลังเลก่อนกดรับ
“ฮัลโหล สุรีกานต์พูดค่ะ”
ฤเบศอยู่ในห้องทำงานยืนพิงโต๊ะทำงาน ถือแฟ้มประวัติของสุรีกานต์อยู่ในมือ
“นี่ผมเอง…สารวัตรนฤเบศ ผมโทรมาเรื่องที่เราคุยค้างกันเอาไว้”
สุรีกานต์เดินเลี่ยงออกมาจากที่คนพลุกพล่าน หมั่นไส้เสียงวางอำนาจของเขา
“เราคุยอะไรค้างกันเอาไว้ไม่ทราบ ฉันจำไม่เห็นได้เลย”
“โอเค งั้นผมคงต้องดำเนินคดีกับคุณตามกฎหมายเพื่อเตือนความจำคุณหน่อยเป็นไง”
“ชิ...ขู่จังเลยนะ...แล้วสรุปคุณจะให้ฉันทำอะไร”
“เรื่องนี้ผมคุยกับคุณทางโทรศัพท์ไม่ได้ คุณต้องมาพบผม”
“เมื่อไหร่”
“ตอนนี้เลย”
“ห๊ะ...ตอนนี้เนี่ยนะ”

สุรีกานเดินเซ็งๆ ไปที่ลานจอดรถ ผ่านกลุ่มทีมงานที่กำลังรวมกลุ่มคุยกันจอแจเรื่องที่จะไปเลี้ยงปิดกล้องกัน วุ้นกรอบกับพายไก่หันมาเห็นสุรีกานต์ รีบกระโดดออกจากวงสนทนามาควงแขนสุรีกานต์เอาไว้คนละข้างทันที
“เจ๊ พวกฉันไปรถเจ๊นะ” วุ้นกรอบออดอ้อน
สุรีกานต์หนักใจ
“ขอโทษด้วยนะวุ้น พาย แต่ฉันคงไปไม่ได้แล้วล่ะ พอดีว่ามีธุระด่วนมาก”
วุ้นกรอบชะงัก
“โห เจ๊ งานฉลองปิดกล้องทั้งที จะขาดเจ๊ได้ไง”
พายไก่เซ็ง
“จริงด้วย ขาดเจ๊โซ่ไปคน แล้วพวกฉันจะดวนไมค์คาราโอเกะกับใครล่ะ”
อายอดเดินผ่านมาได้ยินพอดี
“อ้าว ไม่ไปด้วยกันแล้วเหรอโซ่”
สุรีกานต์หน้าตาเสียดาย
“โซ่ต้องขอโทษด้วยนะคะอา พอดีว่ามีธุระด่วนจริงๆ น่ะค่ะ”
วุ้นกรอบผิดหวัง
“เจ๊นะเจ๊ ทำไมต้องมามีธุระวันนี้ด้วย”
สุรีกานต์หน้าเซ็งๆ
“นั่นนะสิ ทำไมอีตาสารวัตรนั่นต้องนัดวันนี้ด้วยก็ไม่รู้”
พายไก่ชะงัก
“เมื่อกี้เจ๊ว่าไงนะ สารว้งสารวัตรอะไร”
“อ๋อ ปละเปล่านี่ ไม่ได้พูดอะไร” สุรีกานต์ยิ้มเจื่อนๆ “งั้นโซ่กลับก่อนนะคะอา...ฉันไปนะ”
สุรีกานต์เดินรีบร้อนออกไป อายอดถอนใจ
“เฮ้อ...นางเอกก็ไม่ไป นางร้ายก็ไม่ว่าง แถมพระเอกยังมาติดอีเว้นท์อีก แบบนี้งานเลี้ยงกองเรามันก็กร่อยแย่สิ”
วุ้นกรอบปลอบ
“อาไม่ต้องห่วง ถึงแม้ตัวพ่อตัวแม่จะไม่อยู่ แต่พวกหนูจะเป็นสีสันของงานให้เอง”
อายอดหน้าแหยๆ
“ฉันกลัวจะมีแต่สีม่วงน่ะสิ”

นฤเบศยืนหันหลังมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณลานริมน้ำใต้สะพานพระราม 8 สุรีกานต์เดินเข้ามา
“ตกลงคุณจะให้ฉันทำอะไร”
นฤเบศหันกลับมา
“คุณเคยบอกใช่มั้ยว่า คุณยอมทำทุกอย่างเพื่อให้หลุดคดีนี้”
“ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณจะให้ฉันทำอะไร ถ้าเกิดคุณขอให้ฉันกระโดดแม่น้ำเจ้าพระยา ฉันคงทำหรอก”
“ผมไม่ให้คุณทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นหรอก ถึงแม้ใจผมจะอยากขนาดไหนก็ตาม”
“นี่ สรุปคุณเรียกฉันมาหาเรื่องเฉยๆ งั้นใช่ป่ะ”
“ผมไม่มีเวลาว่างขนาดนั้นหรอกนะ ที่ผมเรียกคุณมาก็เพราะผมจะยื่นเงื่อนไขให้คุณ”
“เงื่อนไขอะไร”
“ผมอยากให้คุณเป็นสายลับ”
สุรีกานต์อึ้ง
“ที่นี่มีกล้องซ่อนอยู่รึเปล่า ฉันถูกรายการไหนแกล้งอยู่ใช่มั้ยเนี่ย”
“นี่ คุณดารา ฟังให้ดีนะ นี่คือเรื่องจริง ผมต้องการให้คุณเป็นสายลับจริงๆ”
“นี่ สมองคุณยังปกติดีอยู่รึเปล่า ฉันเป็นดารานะยะ คนทั้งประเทศเขาก็รู้จักฉันกันทั้งนั้น แล้วจะให้ฉันไปเป็นสายลับได้ยังไง”
“ถ้าคุณตอบตกลง เรื่องวิธีการในการทำงาน เราคุยกันอีกที”
สุรีกานต์นิ่งคิด
“เงื่อนไขที่ผมเสนอให้กับคุณ มันคือการช่วยเหลืองานราชการ รวมถึงช่วยเหลือสังคมและประเทศชาติ คุณเก็บไปคิดดูก่อนก็ได้ ผมให้เวลาคุณตัดสินใจ 3 วัน แล้วผมจะติดต่อไปอีกที”
นฤเบศเดินจากไปทิ้งให้สุรีกานต์ยืนครุ่นคิดเพียงลำพัง

ค่ำนั้น พลอยนิลนอนแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ หลับตาพริ้มเพื่อความผ่อนคลาย เสียงกดกริ่งห้องดังขึ้นมา เธอลืมตา ฉุกคิดแล้วยิ้มออกมา
“ธาน”
พลอยนิลในชุดคลุมวิ่งไปเปิดประตูห้อง เห็นเนธานก็โผกอดแน่นทันที
“คิดถึงธานที่สุดเลย”
เนธานกอดตอบ พาเดินคลอเคลียกันเข้าไปในห้อง นั่งลงบนโซฟา
“ผมก็คิดถึงนิลมาก คิดถึงจนใจจะขาดอยู่แล้ว ขนาดไปตะลอนถ่ายแบบทั่วทั้งโรม ผมก็เอาแต่คิดถึงนิลอยู่นั่นแหละ”
พลอยนิลหอมแก้ม
“คิดถึงมากก็ต้องพิสูจน์ให้รู้เดี๋ยวนี้นะคะว่ามากแค่ไหน”
เนธานยิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ เริ่มซุกไซ้พลอยนิล
“แล้วเรื่องที่ผมฝากนิลให้ช่วยจัดการให้ล่ะ นิลจัดการให้ผมเรียบร้อยหรือยังจ๊ะที่รัก”
“มือระดับนี้แล้ว ธานก็รู้ว่านิลจัดการทุกอย่างให้ธานได้เสมอ”
เนธานดีใจ ผละออกทันที
“แล้วไหนล่ะ ของที่ผมให้นิลไปเอามา”
“ตกลงธานคิดถึงนิล หรือคิดถึงของที่ธานให้นิลไปเอามาให้กันแน่ห๊ะ”
“โธ่ นิล ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ผมจะสนใจเท่านิลอีกแล้ว นิลก็รู้”
“งั้นตอนนี้ธานก็สนใจนิลก่อนสิคะ นิลคิดถึงธานจนจะบ้าตายอยู่แล้วนะ”
เนธานแอบทำหน้าขัดใจ

เนธานนอนอยู่บนเตียง ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างมีผ้าห่มคลุ่มเอาไว้ เขาลืมตาตื่น ขึ้นมามองหาพลอยนิลแต่ไม่เจอ พลิกตัวหันไปทางโต๊ะข้างหัวเตียงเห็นไอแพดวางอยู่ มีกระดาษโน้ตแปะไว้ว่า “ของที่คุณต้องการ” เนธานยิ้มดีใจรีบหยิบมาเปิดดูรูป แต่พอไม่เจอรูปที่ตัวเองต้องการก็หน้าเครียด พลอยนิลในชุดคลุมอาบน้ำเดินเข้ามาพอดี
“อ้าวตื่นแล้วเหรอคะ ธานรีบไปอาบน้ำสิ เราจะได้ออกไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกัน”
เนธานเสียงเครียด
“นี่มันอะไรกันนิล ไม่เห็นมีรูปที่ผมต้องการเลย”
“นิลก็อยากถามธานอยู่เหมือนกัน ว่าสรุปแล้วธานให้นิลเสียเวลาไปเอารูปอะไรมาให้ธานกันแน่ เห็นมีแต่รูปงานเลี้ยงวันเกิดธรรมดาๆ ของอุษณะ ไม่เห็นจะมีรูปหลุดอะไร อย่างที่ธานว่าเลย”
เนธานเริ่มมีอารมณ์
“อะไรกัน นิลทำพลาดแบบนี้ได้ยังไง ทำไมนิลถึงไม่ดูให้ดี”
พลอยนิลชักโมโห
“เอ๊ะ ธาน อย่ามาว่านิลแบบนี้นะ ถ้านิลทำเองไม่มีทางพลาดหรอก”
เนธานตกใจ พลอยนิลหน้าซีดที่แอบหลุดปาก
“นี่นิลบอกเรื่องนี้กับคนอื่นด้วยงั้นเหรอ รู้ตัวมั้ยว่านิลกำลังทำอะไรอยู่ นิลกำลังจะทำให้ชีวิตผมพังนะ”
พลอยนิลเสียงอ่อย
“ใจเย็นสิคะธาน ทุกอย่างมันไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ เรื่องนี้ถึงนิลจะไม่ได้ลงมือเอง แต่นิลรับรองได้ ว่าคนที่ทำงานให้เราไว้ใจได้แน่นอน”
“แล้วถ้ามันไว้ใจไม่ได้ขึ้นมาละนิล ถ้ารูปของจริงทั้งหมดอยู่ที่คนๆ นั้น ผมไม่ต้องนั่งดูชีวิตตัวเองพังไปต่อหน้าต่อตาเหรอไง นิลบอกผมมาเลยนะว่าใช้ให้ใครไปขโมยรูป”
“งั้นธานก็ต้องบอกนิลมาก่อน ว่ารูปที่ธานให้นิลไปเอามันคือรูปอะไรกันแน่”
เนธานอึกอักไม่ยอมตอบ

วันใหม่...เสียงออดหน้าประตูดังขึ้น สุรีกานต์เดินไปส่องตาแมว ก่อนจะเปิดประตูอย่างเซ็งๆ วุ้นกรอบและพายไก่ยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าประตู
“ฮัลโหล เจ๊”
สุรีกานต์เดินกลับเข้าไปข้างในอย่างไร้อารมณ์ วุ้นกรอบกับพายไก่เดินตาม
“เจ๊ เห็นพวกฉันแล้วทำไมต้องทำหน้าอึไม่ออกแบบนั้นด้วย”
“พวกแกมาทำไมกัน”
วุ้นกรอบต่อว่า
“ทำไมเจ๊ตัดรอนกันแบบนี้ล่ะ เห็นเมื่อวานเจ๊กลับไปก่อน วันนี้พวกฉันก็เลยมาหาเพราะว่าเป็นห่วง เห็นเจ๊เงียบๆ ไปไม่ส่งข่าวคราว”
“ก็ไม่ได้มีอะไรนี่ สรุปที่พวกแกมาหา แค่อยากมาสอดรู้เรื่องฉันเฉยๆ ใช่มั้ย”
“จริงๆ ก็มีเรื่องอื่นด้วยน่ะเจ๊” พายไก่พูดขึ้น
“ฉันว่าแล้ว อย่างพวกแกไม่ถ่อมาถามเพราะเรื่องแค่นี้หรอก แล้วตกลงมีอะไร”
วุ้นกรอบยิ้มกว้าง
“พวกฉันจะชวนเจ๊ไปช็อป เขาเริ่มโปรโมชั่นเซลล์กระหน่ำ 70% วันนี้วันแรกเลยนะเจ๊”
“ฉันไม่ไป ไม่มีอารมณ์”
วุ้นกรอบกับพายไก่เบิกตามอง วุ้นกรอบไม่อยากจะเชื่อ
“ห๊ะ...อย่างเจ๊เนี่ยนะไม่อยากไป วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกรึเปล่านังพาย”
พายไก่ส่ายหน้า
“เปล่านี่ ฉันก็เห็นมันขึ้นทิศตะวันออกเหมือนเดิม”
วุ้นกรอบจิ๊ปากอย่างขัดใจกับความซื่อของพายไก่
“เจ๊ ฉันว่าเรื่องนี้มันผิดปกติ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ เลยใช่มั้ย เจ๊กำลังปิดบังอะไรอยู่”
“พวกแกอย่าเซ้าซี้ได้มั้ย ฉันบอกว่าไม่มี ก็ไม่มีสิ”
พายไก่มองหน้า
“ถ้าไม่มีอะไรจริง งั้นเจ๊ก็ไปช็อปกับพวกเราสิ”
“วันนี้ฉันเหนื่อย ฉันไม่อยากไป”
พายไก่อ้อนวอน
“ไปเถอะเจ๊ ไปช็อปปิ้งทิ้งความเครียดกัน อีกไม่กี่วันก็ถึงวันฟิตติ้งละครเรื่องใหม่แล้ว พวกเราก็คงจะหัวปั่น ไม่มีเวลาว่างไปช็อปด้วยกันอีกนาน”
“ถ้าเจ๊ไม่ไป พวกฉันก็จะเซ้าซี้เจ๊อยู่อย่างนี้แหละ เจ๊ทนได้ก็ให้มันรู้ไป” วุ้นเส้นน้ำเสียงจริงจัง

ในห้างสรรพสินค้า สุรีกานต์เดินเซ็งๆ ไม่มีอารมณ์ ต่างจากวุ้นกรอบกับพายไก่ที่ดี๊ด๊า เดินดูของเซลล์แต่ละร้านอย่างสนุกสนาน...สุรีกานต์เดินผ่านร้านหนังสือ มองเข้าไปในร้านแล้วหยุดชะงัก วุ้นกรอบกับพายไก่ที่เดินนำหน้าสุรีกานต์ไปแล้ว หยุดกระดี๊กระด๊าเมื่อเห็นนิตยสารธุรกิจที่กวินขึ้นปก วุ้นกรอบชี้ให้พายไก่ดู
“นังพาย ดูสิ คนอะไรหล๊อหล่อ ราศีพระเอกจับสุดๆ ฉันอยากจะถอดวิญญาณไปสิงร่างนางเอกที่จะได้เข้าฉากเลิฟซีนด้วยจริงๆ เลย”
“นั่นสิ ฉันอยากจะให้ถึงวันฟิตติ้งเร็วๆ จริงๆ อยากสัมผัสตัวเป็นๆ จะแย่แล้ว”
“แหม แกกะจะใช้หน้าที่คอสตูมบังหน้าแอบลูบคลำร่างกายกำยำของเขาล่ะสิ แต่จะว่าไป คนที่ได้นัวเนียถึงเนื้อถึงตัวมากที่สุด ก็คงจะเป็น...”
วุ้นกรอบกับพายไก่ตาโต
“เจ๊โซ่”
วุ้นกรอบกับพายไก่ หันไปมองทางสุรีกานต์แต่ไม่เห็น
“อ้าว...หายไปไหนล่ะเนี่ย”
วุ้นกรอบหันไปเห็นสุรีกานต์ยืนนิ่งมองหนังสือพิมพ์อยู่ วุ้นกรอบกับพายไก่เดินเข้าไปหา
“เจ๊ ดูอะไรอยู่อ่ะ”
วุ้นกรอบมองตามสายตาสุรีกานต์ เห็นพาดหัวข่าวดาราติดยาเสพติดโชว์หราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ “จับดาราหนุ่ม ซุกยา คาคอนโดหรู” พายไก่ตกใจหน้าตื่น
“ว้าย เห็นกันอยู่หลัดๆ ไม่น่าเลย”
วุ้นกรอบปราม
“นี่ นังพาย เขายังไม่ตายย่ะ แค่โดนจับข้อหายาเสพติด”
“แต่จับได้คาหนังคาเขาขนาดนี้ ไม่ตายก็เหมือนตายนั่นแหละ กี่รายต่อกี่รายที่เกี่ยวพันกับยาเสพติดมีแต่หมดอนาคตกันทั้งนั้นแหละ”
สุรีกานต์ยืนนิ่ง หน้าซีด

สุรีกานต์นั่งกินไอศกรีมกับวุ้นกรอบและพายไก่ท่าทางเหม่อลอย วุ้นกรอบกับพายไก่นั่งเม้าท์เรื่องข่าวในหนังสือพิมพ์ต่อ
“ฉันเพิ่งดูละครเรื่องที่แล้วของเขาอยู่เลย ในเรื่องเขาถูกจับเพราะค้ายาไม่คิดเลยว่าชีวิตจริงก็ไม่ต่างกัน” พายไก่น้ำเสียงเศร้าๆ
“ป่านนี้ก็ได้ไปเล่นละครต่อในคุกแล้วแหละ”
“จะว่าไปก่อนหน้านี้ก็มีดาราถูกจับเพราะซุกยานะแก ตอนนี้ยังสู้คดีในศาลอยู่เลย”
“กว่าคดีจะจบ งานหาย ชื่อหด หมดสิ้นชีวิตในวงการบันเทิงแน่”
สุรีกานต์นั่งฟังเริ่มเครียด ครุ่นคิดถึงเรื่องราวของตัวเอง คำพูดของนฤเบศดังก้องในหัว
“แต่คุณมียาเสพติดในครอบครอง ถึงคุณจะอ้างว่าทำไปเพราะไม่รู้ คุณก็มีความผิดอยู่ดี…คุณยังมีโอกาสสู้คดีในชั้นศาล ถ้าคุณไม่ผิด กฎหมายก็จะคุ้มครองผู้บริสุทธิ์”
สุรีกานต์นึกถึงตอนที่เธอกำลังเดินขึ้นไปรับรางวัลนางร้ายยอดเยี่ยมบนเวที พิธีกรหญิงประกาศก้อง
“เรียกได้ว่าเธอเป็นนางร้ายตัวแม่แห่งยุคเลยทีเดียว เพราะครองรางวัลนี้มาถึง 3 ปีซ้อนแล้วค่ะ”
สุรีกานต์นึกถึงตอนที่เธอไปพบพี่ติ๋มผู้จัดละคร เพื่อคุยเรื่องละครฟอร์มยักษ์
“แหม ละครฟอร์มยักษ์ของช่องทั้งที จะขาดนางร้ายเบอร์หนึ่งฝีมือดีอย่างน้องโซ่ไปได้ยังไง”
กุ๊กไก่ชื่นชม
“น้องโซ่ทั้งเก่ง ทั้งมีความรับผิดชอบใครๆ ก็อยากร่วมงานด้วยทั้งนั้นแหละค่ะ”
สุรีกานต์ครุ่นคิดเครียดๆ แล้วเสียงนฤเบศก็ดังก้องเข้ามาในหัวอีก
“ผมต้องดำเนินคดีกับคุณตามกฎหมาย...ผมต้องการให้คุณเป็นสายลับ...”
สุรีกานต์ลุกขึ้นตบโต๊ะปัง
“โอ๊ย...เป็นก็เป็นโว๊ย”
วุ้นกรอบและพายไก่ตกใจเงยหน้าขึ้นมองพายไก่สงสัย
“เป็นอะไรอ่ะเจ๊”
วุ้นกรอบมองอย่างไม่เข้าใจ
“แล้วเจ๊จะเป็นอะไร”
“พวกแกกลับเองละกัน วันนี้ฉันมีธุระ ฉันไปล่ะ”
สุรีกานต์เดินออกไปทันที พายไก่หน้าเหวอ
“อ้าว เดี๋ยวสิเจ๊”
วุ้นกรอบโวยวาย
“มีธุระตลอด ธุระอะไรของเขานักหนาเนี่ย”
วุ้นกรอบและพายไก่มองตามสุรีกานต์อย่างงงๆ

สุรีกานต์เดินมาถึงรถ เปิดประตูลงไปนั่ง หยิบโทรศัพท์โทรหานฤเบศ
“คุณอยู่ที่ไหน ฉันมีคำตอบให้คุณแล้ว”
รถสุรีกานต์แล่นออกจากลานจอดรถห้างสรรพสินค้า

รถของสุรีกานต์ขับมาจอดใต้ต้นไม้ใหญ่บนถนนลูกรัง ทอดยาวซึ่งขนาบข้างด้วยต้นไม้เขียวขจี สุรีกานต์หันซ้ายแลขวามองหาคนเพื่อถามทาง แล้วก็ยิ้มออกเมื่อเห็นป้าชาวบ้านคนหนึ่งกำลังเดินผ่านมา เธอหยิบแว่นกันแดดสีดำอันใหญ่มาใส่ และเอื้อมมือไปหยิบผ้าพันคอที่วางอยู่ตรงเบาะหลังมาคลุมหัวไว้ แล้วรีบลงจากรถทันที
“ป้าคะ…ป้า”
ป้าชาวบ้านหยุดเดิน
“มีอะไรเหรอจ๊ะหนู”
“คือว่าหนูจะไปตลาดสวนพฤกษาน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าหนูต้องไปยังไงต่อคะ”
“ตลาดต้นไม้ดอกไม้ใช่มั้ยหนู ไม่ยาก…เลยโค้งหน้านี้ไปก็ถึงท่าเรือแล้ว หนูนั่งเรือหางยาวไปไม่ถึง 10 นาที ก็ถึง”
สุรีกานต์ชะงักอึ้ง
“อะไรนะคะป้า เรือเหรอ”
ป้าชาวบ้านมองๆ สุรีกานต์เหมือนจะจำได้แต่ก็ยังนึกไม่ออก สุรีกานต์เห็นแล้วรีบดึงผ้าพันคอที่คลุมศีรษะอยู่ปกปิดหน้าตาทันที
“เอ่อ ขอบคุณมากเลยนะคะป้า”
สุรีกานต์รีบเดินหนีขึ้นรถทันที

บนเรือหางยาว สุรีกานต์นั่งอยู่แถวท้ายเรือ มีผู้โดยสารคนอื่นๆ นั่งกระจายอยู่บนเรือ 3-4 คน ไม่มีใครจำสุรีกานต์ได้เพราะเธอปิดบังหน้าตาเอาไว้ด้วยผ้าพันคอพร้อมแว่นกันแดด ระหว่างเรือแล่นไป ลมพัดแรงมาก สุรีกานต์พยายามจับผ้าพันคอที่คลุมหัวไว้ แต่สุดท้ายก็ต้านลมแรงไม่อยู่ ผ้าพันคอปลิวไปกับสายลม
“ไม่นะ นั่นมันผ้าพันคอลิมิเต็ตเอดิชั่นผืนเดียวในชีวิตของฉันเลยนะ…ไม่จริง”
สุรีกานต์มองตามผ้าพันคอแบรนเนมตาละห้อยอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนรีบขยับแว่นตา ก้มหน้าก้มหน้า เพราะกลัวใครจำได้
“ไอ้สารวัตรบ้า ถ้าชีวิตฉันไม่ได้อยู่ในกำมือนาย ฉันไม่มีวันยอมขนาดนี้แน่”

เรือหางยาวมาจอดที่ท่าเรือ สุรีกานต์ขึ้นจากเรืออย่างทุลักทุเล ท่ามกลางผู้โดยสารคนอื่นที่ทยอยขึ้นมาเช่นกัน พอยืนบนฝั่งแล้วเธอก็หันหน้ามองหาที่หมาย เห็นป้ายไม้ขนาดใหญ่ที่เขียนว่า “สวนพฤกษา” ก็ยิ้มออกมา

ความสวยงามของสวนพฤกษาที่อุดมไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับมากมายนานาชนิด สุรีกานต์เดินมองรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจแล้วมองหานฤเบศ หญิงสาวเริ่มหงุดหงิด
“สวนนี่กว้างตั้งไม่รู้กี่ไร่ แล้วฉันจะหานายเจอได้ไงเนี่ย”
สุรีกานต์หันไปเห็นนฤเบศกำลังยกกระถางดอกไม้ขึ้นมาดูอย่างพิจารณาเหมือนกำลังเลือกซื้อ จึงรีบปรี่จะเข้าไปหา แต่ด้วยความรีบทำให้ส้นรองเท้าปักแน่นลงไปที่ซอกอิฐที่พื้น สุรีกานต์พยายามดึงขาพร้อมรองเท้าขึ้นมา แต่ก็ดึงไม่ออก
“อ๊าย นี่มันวันซวยอะไรของฉันเนี่ย”
สุรีกานต์ออกแรงกระชากทำให้รองเท้าหลุดออกมาจากซอกอิฐ พร้อมกับเสียหลักหงายตูมลงไปที่ร่องน้ำในสวน
“ว๊าย”
สุรีกานต์พยายามยืนอย่างยากเย็นเพราะพื้นเป็นโคลน แทบจะร้องกรี๊ดออกมา นฤเบศหันไปเห็นพอดีก็เดินไปหา
“อ้าวคุณ…” เขามองเธอหัวจรดเท้า “นี่มันดาราหรือลูกหมาตกน้ำกันแน่เนี่ย” นฤเบศแอบยิ้มขำ
สุรีกานต์หน้านิ่ง มองนฤเบศด้วยแววตาอาฆาตแค้น

บริเวณทางเดินในโรงเรือนเพาะชำกล้วยไม้แบบโปร่ง สุรีกานต์เดินตามหลังนฤเบศมา
“คุณต้องการจะแกล้งฉันใช่มั้ย ถึงหลอกให้ฉันมาหาคุณถึงที่นี่ ฉันต้องทิ้งรถเอาไว้แล้วนั่งเรือต่อเข้ามา ฉันต้องสูญเสียผ้าพันคอสุดรักของฉันไป แล้วไหนฉันยังตกอยู่ในสภาพแบบนี้”
สุรีกานต์ใส่รองเท้าแตะคู่เก่า นฤเบศส่ายหัวรำคาญ
“คุณนี่มันมลพิษทางเสียงชัดๆ เลย อยากรู้นักว่าการพูดไม่หยุดปากเคยทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยบ้างมั้ย”
“นี่ ไม่ต้องมาหาเรื่องว่าฉันเพื่อเบี่ยงประเด็นเลยนะ สารภาพมาซะดีกว่าว่าคุณจงใจจะปั่นหัวฉันเล่นใช่มั้ย”
“ผมไม่ว่างพอที่จะคิดอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอกน่า เวลาของผมมีค่า ยิ่งเวลาส่วนตัวนอกเหนือจากเวลาทำงาน ยิ่งต้องใช้ให้คุ้มค่ามากที่สุด”
“จะบอกว่าคุณมาดูต้นไม้พอดี เลยให้ฉันตามมาคุยที่นี่ว่างั้นเถอะ เชอะ ฉันคงเชื่อคุณหรอกนะ ผู้ชายหน้าโหดอย่างคุณ ไม่เห็นจะดูเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเลย”
“เอาล่ะๆ ผมไม่เถียงกับคุณแล้ว สรุปมาเลยดีกว่า คุณตัดสินใจยังไงเรื่องการเป็นสายลับ”
“ถามมาได้ คิดว่าฉันมีทางเลือกอีกหรือไง”
นฤเบศยิ้ม
“หมายความว่าคุณตกลง”
สุรีกานต์หน้าตึง
“ฉันอยากรู้จริงๆ เลย ว่าทำไมถึงต้องเป็นฉัน ชีวิตฉันมันสวยงามราบเรียบเกินไปหรือไง ถึงต้องหาความตื่นเต้นเสี่ยงตายมาโยนให้กันแบบนี้”
“เอาน่าคุณดารา ประเทศชาติกำลังต้องการคนดี รับรองว่าการเสียสละของคุณในครั้งนี้ไม่สูญเปล่าแน่นอน เตรียมตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
สุรีกานต์ชะงัก
“เตรียมตัวเหรอ… นี่หมายความว่า…”
“ภารกิจของเรากำลังจะเริ่มต้นขึ้น ผมจะติดต่อกลับไปหาคุณไปอีกครั้งเมื่อถึงเวลา”
สุรีกานต์มองตามหลังสารวัตรนฤเบศที่เดินไปก่อน ถนนเบื้องหน้ามีรถกระบะคันหนึ่งจอดอยู่ เจ้าหน้าที่ของสวนพฤกษาสองคนกำลังช่วยกันขนต้นไม้ในถุงเพาะพันธุ์หลายสิบถุงขึ้นไปวางบนท้ายรถกระบะคันนั้น นฤเบศเข้าไปถาม
“เป็นไงบ้าง เรียบร้อยมั้ยครับ”
คนงานยิ้มแย้มบอก
“เรียบร้อยครับ 50 ต้นครับ”
สุรีกานต์มองอึ้งๆ รีบเดินตามมา
“นี่ อย่าบอกนะว่านี่รถคุณ”
นฤเบศพยักหน้าตอบรับ
“ความจำดีนี่คุณ จริงสิ ก็คุณเคยขับชนมันมาแล้วนี่”
“แสดงว่ามีทางที่รถขับเข้ามาถึงที่นี่ได้ แต่คุณก็ยังบอกให้ฉันไปอีกทางที่ มันลำบากลำบน”
“อ้าว ก็คุณไม่ได้ถามนี่ ว่านอกจากทางนั้นแล้วยังมีทางอื่นมาถึงที่นี่อีกหรือเปล่า หมดธุระแล้ว ผมไปดีกว่า แล้วเจอกันนะ คุณดารา”
นฤเบศเดินไปที่รถ ขึ้นไปนั่งแล้วเลื่อนกระจกลง โบกมือลา ยิ้มกวนๆ ให้ สุรีกานต์โกรธจนควันออกหู อยากกรี๊ด แต่ก็ต้องฟึดฟัด ข่มใจไว้

“หนอย ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ แล้วฉันจะเอาคืนให้สาสมเลย”

นางร้ายสายลับ ตอนที่ 2 (ต่อ)

รถแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ สุรีกานต์ใส่แว่นดำ ลงจากรถอย่างเฉิดฉายอารมณ์ดีปิดล็อกรถแล้วถือสัมภาระเดินเข้าไปในสตูดิโอ

เมื่อก้าวพ้นประตูเข้ามาในห้องแต่งตัว วุ้นกรอบก็กรี๊ดกร๊าดปรี่เข้ามาหา พายไก่วิ่งตามมาต้อยๆ
“อะไรของแกห๊ะ ยัยวุ้น”
วุ้นกรอบลากสุรีกานต์ไปนั่งเก้าอี้ เตรียมแต่งหน้าทันที พายไก่นั่งลงตาม สุรีกานต์มองอย่างงงๆ
“ร้อยวันพันปีต้องให้จิกถึงที่ถึงจะนวยนาดมาเติมหน้าให้ วันนี้เกิดอาเพศอะไรขยันทำงานตั้งแต่หน้าประตูเชียว”
“แหมเจ๊ กล่าวหา ฉันขยันทำงานทุกที่ทุกวัน ไม่งั้นจะเป็นช่างแต่งหน้าประจำให้เจ๊ได้ยังไง วุ้นกรอบคนนี้ก็คิวทองไม่แพ้นางร้ายแห่งยุคนะคะ”
“ย่ะ แม่ช่างแต่งหน้าสุดฮ็อต”
“ว่าแต่ เจ๊รู้หรือยัง”
“ฉันว่าล่ะ ที่แกลงทุนขยันทำงานตั้งแต่ฉันเหยียบเข้ามาเนี่ย เพราะแกมีเรื่องจะเม้าท์ล่ะสิ”
พายไก่สอดขึ้น
“เจ๊ก็น่าจะรู้ วุ้นมันจะขยันทำงานก็เมื่อมีเรื่องมาเม้าท์ไปด้วยนั่นแหละ”
วุ้นกรอบค้อน
“แสนรู้นะยะนังพาย งานการแกไม่มีทำหรือไงถึงมานั่งสาระแนอยู่ตรงนี้น่ะห๊ะ”
“ฉันว่างแล้วย่ะ ฉันมันแค่ผู้ช่วยคอสตูม ไม่ใช่ช่างแต่งหน้าคิวทองนี่”
“อ๊าย...นังพาย”
สุรีกานต์รีบห้าม
“พอๆ กัดกันอยู่ได้ ทำงานด้วยกันทุกวันแท้ๆ ไหนยัยวุ้นมีอะไรก็รีบๆเล่ามาเลย เดี๋ยวอกแตกตายไปซะก่อน หน้าฉันจะสวยไม่เสร็จ”
วุ้นกรอบยิ้มแป้นแล้น
“เจ๊ก็ จำที่วุ้นเคยเล่าให้ฟังได้มั้ย พระเอกไฮโซสดใหม่ที่ช่องจะปั้นน่ะ”
“ทำไม...เขาไม่มาฟิตติ้งเหรอไง หรือว่าโดนถอดไปแล้ว”
“ใช่ที่ไหนล่ะเจ๊ เขามาตั้งแต่ไก่โห่เลยต่างหาก นั่งหล่อน่าลาก อยู่ตรงนั้นไง”
วุ้นกรอบกรีดมือไปทางอีกมุมหนึ่งของห้อง สุรีกานต์หันไปมองตาม เห็นกวินนั่งให้ช่างแต่งหน้าให้อยู่ สุรีกานต์ตาโต วุ้นกรอบเห็นสุรีกานต์นิ่งค้างไปก็รีบกระเซ้า
“หล่อใช่มั้ยเจ๊ วุ้นบอกแล้ว คนเนี้ยมาแรงชัวร์ วุ้นฟันเอง เอ้ย วุ้นฟันธง”
วุ้นกรอบหันไปเม้าท์ต่อกับพายไก่ ไม่ได้สนใจสุรีกานต์ที่มองไปทางกวินๆแอบใจเต้นอยู่เหมือนกัน

แก้วดาราเดินกรีดกรายเข้ามาหน้าสตูดิโอ มีเกี๊ยวกุ้งกางร่มหอบของพะรุงพะรังตามหลัง
“เร็วสิพี่เกี๊ยว ถือของแค่นั้นชักช้าจริง แดดก็ร้อนจะตายเดี๋ยวผิวแก้วเสียหมด”
“ใจเย็นๆสิค้าคุณน้องแก้ว เราตกลงกันแล้วไงคะว่าวันนี้ ไม่วีน ไม่เหวี่ยง เราทำงาน กับเขาวันแรก ต้องทำตัวให้น่ารักน่าเอ็นดูนะคะ ท่องไว้ค่ะว่า น่ารัก น่ารัก”
“รู้แล้วน่า แก้วไม่ได้โง่นะ แค่ทำตัวแอ๊บแบ๊วใสซื่อ ของกล้วยๆ”
แก้วดาราเชิดหน้าเดินเข้าไปจะผลักประตูแต่มือของใครบางคนก็แตะลงบนมือแก้วดาราอย่างจงใจ แก้วดาราเงยหน้าไปมองอย่างไม่พอใจ แต่พอเห็นเป็นเนธานก็เปลี่ยนเป็นยิ้มยั่วแล้วดึงมือออก
“สวัสดีครับคุณแก้ว เจอกันอีกแล้วนะครับ”
“สวัสดีค่ะคุณเนธาน”
“เราได้เจอกันเร็วกว่าที่ผมหวังไว้เสียอีก ผมดีใจนะครับที่ได้ร่วมงานกับคนที่ทั้งเก่ง
ทั้งสวย… อย่างคุณแก้ว”
“แก้วก็ดีใจค่ะ ได้ร่วมงานกันทั้งที หวังว่าเราจะรู้จักกันมากขึ้นนะคะ”
แก้วดาราส่งสายตาอย่างมีความหมาย เนธานมองกรุ้มกริ่ม ก่อนที่แก้วดาราจะผลักประตูเข้าไปในสตูดิโอ มีเกี๊ยวกุ้งเดินตามอย่างงงๆ

แก้วดาราเดินเข้ามาเห็นสุรีกานต์นั่งแต่งหน้าอยู่กับวุ้นกรอบและพายไก่ ที่มุมหนึ่งไกลๆ เธอยักไหล่แล้วสะบัดหน้าไปทางอีกมุมแทน ก่อนจะตาลุกวาวเมื่อเห็นกวินนั่งยิ้มหล่อให้ช่างแต่งหน้าทำผมอยู่ แก้วดาราหันไปสะกิดเกี๊ยวกุ้งที่เดินตามมายิกๆ
“พี่เกี๊ยวๆ” แก้วดาราพยักเพยิดไปทางกวิน “คนนั้นใครน่ะ”
“อ๋อ คุณกวิน คนนี้ไงคะ ตะวันฉาย ในตะวันสีรุ้ง ก็พระเอกของ ทอรุ้ง ไงล่ะค่ะ”
เกี๊ยวกุ้งตอบแล้วขำคิกคัก แล้วหันไปคุยกับช่างแต่งหน้าคนอื่นที่เดินมาหาพอดี แก้วดารามองกวินตาวาว ยิ้มอย่างหมายมั่นปั้นมือ เธอพึมพำเบาๆ
“พระเอกของทอรุ้ง…ก็พระเอกของฉันน่ะสิ”

วุ้นกรอบกับพายไก่ยืนมองผลงานของตัวเองอย่างภูมิใจ สุรีกานต์ในชุดเดรสกระโปรงพริ้วๆ ดูหรูหราสง่างาม
“สุดยอดเลยเจ๊ งามมาก งามหยดย้อย งามเลิศล้ำในสามโลก งาม…” วุ้นกรอบปลื้มมาก
สุรีกานต์ยกมือห้าม
“พอๆ ชมขนาดนี้กะให้ฉันชมว่าแกแต่งหน้าเก่งใช่มั้ยยะ”
“แหม ฝีมือฉันก็มีส่วนนี่นา เนรมิตให้เจ๊เป็น วิลาสินี หญิงสาวดีกรีนักเรียนนอกที่จะเปิดศึกชิง ตะวันฉายกับหม่อมราชวงศ์ทอรุ้ง ที่ทั้งสาว ทั้งสูงศักดิ์กว่าได้”
“แกต้องการจะบอกอะไรฉันกันแน่ห๊ะยัยวุ้น”
“ก็แหม หม่อมราชวงศ์ทอรุ้งน่ะเป็นดอกไม้งามเลอค่าน่ะเจ๊ ไม่แปลกที่ ตะวันฉาย ข้าราชการหนุ่มหล่อผู้เงียบขรึมจะหมายปองแต่มิอาจเอื้อม”
พายไก่สอดขึ้น
“อ๋อ วุ้นมันจะบอกเจ๊ว่า วิลาสินี น่ะ นอกจากรวยแล้วก็ไม่เห็นมีคุณสมบัติอะไร มันถึงต้องประโคมให้เจ๊สวยสู้ยัยเด็กสาวนั่นให้ได้ไงล่ะ”
วุ้นกรอบยิ้มกว้าง
“สมแล้วที่เป็นคู่หูฉันนังพาย รู้ใจที่สุด”
“เจ๊ไม่ต้องห่วงนะ ถึงเจ๊จะแก่กว่ายัยเด็กนั่นเป็นครึ่งรอบ แต่หนูก็จะเนรมิตชุดสวยๆ
ให้เจ๊เอง รับรองหม่อมก็หม่อมเถอะ” พายไก่คุยโอ่
สุรีกานต์ชะงัก
“พวกแกนี่ ได้ทีหลอกด่าฉันกันใหญ่เลยนะ ถึงฉันจะแก่แต่ก็เก๋าประสบการณ์ย่ะ”
วุ้นกรอบค้อน
“ค่า คุณนางร้ายฉายเดี่ยว ประสบการณ์ในวงการ 7 ปีแน่นเปรี๊ยะ แต่ประสบการณ์ผู้ชายในชีวิตกลับติดลบซะได้”
สุรีกานต์ฮึดฮัด เถียงไม่ออก
“ฉันไม่สนพวกหล่อนแล้ว ไปห้องน้ำดีกว่า”
วุ้นกรอบกับพายไก่หัวเราะกันคิกคัก

สุรีกานต์เดินยิ้มทักทายทีมงานที่เดินสวนกัน ขณะที่กำลังจะเลี้ยวไปทางห้องน้ำ เนธานก็โผล่ออกมาจากทางนั้นพอดี ทั้งสุรีกานต์และเนธานต่างชะงัก
“เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะ”
“พอดีฉันยุ่งๆน่ะ”
“ต่อไปเราคงได้เจอกันบ่อยๆ ถ้ายังไงว่างๆก็กินข้าวด้วยกันนะ ชวนนิลด้วยอีกคนเหมือนสมัยก่อนไงเราสามคนไปกินข้าวกันออกจะบ่อย แต่พอฉันคบกับพลอยนิล เราก็…”
สุรีกานต์รีบขัดขึ้นมา
“ฉันปวดฉี่ ขอตัวก่อนนะ”
สุรีกานต์รีบผละไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเนธานยืนงงสงสัยท่าทีแปลกๆของสุรีกานต์ ก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วเดินต่อไป

สุรีกานต์ปิดประตูห้องน้ำลงกลอนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยืนพิงประตูแล้วถอนหายใจ
“ภาพติดตาชะมัด”
สุรีกานต์ยืนนิ่ง นึกถึงคำพูดของเนธานเมื่อครู่
“ถ้ายังไงว่างๆก็กินข้าวด้วยกันนะ ชวนนิลด้วยอีกคน เหมือนสมัยก่อนไงเราสามคนไปกินข้าวกันออกจะบ่อย…”
สุรีกานต์ครุ่นคิดถึงคำพูดวุ้นกรอบ
“ประสบการณ์ในวงการ 7 ปีแน่นเปรี๊ยะ แต่ประสบการณ์ผู้ชายในชีวิตกลับติดลบ
ซะได้”
สุรีกานต์ถอนหายใจ ส่ายหัวเซ็งๆ
“ติดลบก็เพราะเคยปลื้มแฟนเพื่อนเนี่ยแหละ เฮ้อ...ไม่น่าเลยเรา”

สุรีกานต์ในชุดผู้หญิงย้อนยุค กระโปรงพริ้ว หรูๆ สวยสง่า แก้วดาราในชุดแนวอ่อนหวาน กวินในชุดสูทเรียบๆ ดูภูมิฐาน เนธานในชุดเครื่องแบบตำรวจ ดูเท่ห์เข้มแข็ง ยืนโพสต์อยู่บนฉากสีขาว โดยกวินกับแก้วดารายืนหันหน้าเข้าหากันตรงกลาง ข้างๆกวินเป็นสุรีกานต์และข้างๆแก้วดาราเป็นเนธาน ทั้งสี่คนโพสท่าเปลี่ยนไปมาอยู่ 2-3 ครั้งให้ช่างภาพเก็บภาพรัวๆ
จากนั้นเป็นการถ่ายภาพเดี่ยวของสุรีกานต์ เธอโพสต์ท่าทางสง่างามปนเซ็กซี่มีเสน่ห์ จิกตาใส่กล้อง เปลี่ยนท่าอย่างมืออาชีพ วุ้นกรอบพายไก่วิ่งเข้ามาช่วยซับหน้าจัดชุด สุรีกานต์ยิ้มแย้มแจ่มใส่ กวินแอบมองอย่างชื่นชม
ภาพเดี่ยวของแก้วดารา เธอโพสต์ท่าน่ารัก เรียบร้อย แอบแบ๊ว แอบหันไปเบ้หน้าเซ็งๆเมื่อทีมงานจัดท่าให้ใหม่
ภาพเดี่ยวของกวิน ท่าทางเกร็งๆตื่นเต้นๆแต่ก็ยิ้มสู้ ทีมงานช่วยจัดท่า กวินก็ตั้งใจฟัง สุรีกานต์ทำทีเป็นจัดเสื้อผ้าตัวเองแต่ตาก็แอบเหลือบมองกวิน กวินก้มหัวขอบคุณเมื่อทีมงานยกนิ้วชื่นชม
ภาพเดี่ยวของเนธาน ท่าทางมั่นใจ มีเสน่ห์ เพราะเป็นนายแบบมืออาชีพอยู่แล้ว
ภาพคู่ของกวินกับแก้วดารา ต้องจ้องตากันด้วยสีหน้าโหยหา กวินแอบเขิน แก้วดาราก็แกล้งแบ๊วเขินอาย...กวินต้องกอดแก้วดารา แก้วดาราทำเป็นเนียนกอดแน่นๆจนกวินยิ้มอายๆ ทำให้ทีมงานต้องมาช่วยจัดท่าให้ เพราะดูท่าทางแก้วดาราจะตั้งใจเนียนบ่อย
ภาพคู่ของกวินกับสุรีกานต์ ความใกล้ชิดทำให้กวินยิ้มๆ สุรีกานต์แอบเขินแต่ก็ทำเป็นเฉยๆ สุรีกานต์ต้องจับอกกวิน เห็นเสื้อผ้ากวินไม่ค่อยเรียบร้อยเลยเผลอจัดให้ ความใกล้ชิดทำให้กวินมองอึ้งๆแล้วก็ยิ้ม ส่วนสุรีกานต์เผลอช้อนตามอง แล้วเสหลบอย่างอายๆ
ภาพคู่ของแก้วดารากับเนธาน ทั้งคู่เหลือบตามองกันอย่างมีความหมายที่รู้กันสองคน
ภาพคู่ของสุรีกานต์กับเนธาน สุรีกานต์แอบยิ้มเจื่อนๆ ไม่ค่อยอยากสบตา

หลังจากเสร็จงาน กวินเห็นสุรีกานต์เก็บของอยู่ที่มุมหนึ่ง ตั้งใจจะเข้าไปหา แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงแก้วดาราดังขึ้น
“พี่วินคะ”
กวินมองไปทางสุรีกานต์ แล้วหันมายิ้มให้แก้วดารา
“น้องแก้ว มีอะไรเหรอครับ”
“พี่ๆนักข่าวอยากสัมภาษณ์เราสองคนคู่กันน่ะค่ะ” แก้วดาราพยักเพยิดไปทางกลุ่มนักข่าว “เขาแซวกันว่าเราเป็นคู่ที่น่าจับตามอง แหม แซวอะไรกันก็ไม่รู้นะคะ”
กวินยิ้มรับ ไม่พูดอะไร แก้วดาราก็มาจับแขนให้เดินไปสัมภาษณ์ด้วยกัน
“ทางนี้ค่ะ เดี๋ยวพี่ๆ นักข่าวจะรอนาน”
กวินละล้าละลัง มองไปทางสุรีกานต์ตาละห้อย แต่ก็ตัดใจเดินตามแรงจูงของแก้วดาราไป
สุรีกานต์เก็บของเสร็จกำลังจะกลับ วุ้นกรอบเข้ามาถาม
“จะกลับแล้วเหรอเจ๊”
“งานเสร็จแล้วจะอยู่ทำไมล่ะยะ”
วุ้นกรอบกับพายไก่มองไปทางกลุ่มนักข่าวที่ล้อมรอบกวินและแก้วดาราอยู่ที่มุมหนึ่งพายไก่หันมาถามสุรีกานต์
“แล้วเจ๊ไม่ให้สัมภาษณ์กะเขาบ้างเหรอ”
สุรีกานต์มองตามพายไก่ แล้วยักไหล่
“ฉันเรียบร้อยแล้วย่ะ อย่าลืมสิ ละครฟอร์มยักษ์ฉลอง 50 ปีของช่องกับพระเอกหน้าใหม่และนางเอกดาวรุ่งพุ่งแรง ใครเขาจะสนใจนางร้ายหน้าซ้ำอย่างฉันล่ะยะ”
“แหม ถึงจะหน้าซ้ำ ไม่มีภาพหลุด ไม่มีข่าวฉาว ไม่มีข่าวกับผู้ชายเหมือนดาราชะนีนางอื่นแต่ก็ไม่ควรปล่อยเจ๊เดียวดายแบบนี้นะ เดี๋ยววุ้นไปตามให้สักคนสองคนดีกว่า”
สุรีกานต์ห้าม
“ช่างเถอะน่า สัมภาษณ์แค่นั้นก็พอแล้ว ฉันเจอนักข่าวแทบทุกวัน เขาคงไม่มีอะไรจะถามกันแล้วแหละ ดีแล้วฉันจะได้กลับบ้าน อยากนอนจะแย่ ฉันไปล่ะ”
สุรีกานต์เดินออกไปทันที วุ้นกรอบกับพายไก่มองตามไปอย่างฮึดฮัดขัดใจแทน

สุรีกานต์เดินมาถึงรถ กดเปิดล็อกแต่เพราะของเยอะทำให้เปิดไม่ถนัด เธอเปลี่ยนท่าไปมา ของก็ทำท่าจะหล่น พอจะจับที่เปิดประตูก็มีมือใครบางคนมาจับไว้ก่อน สุรีกานต์ไล่สายตาขึ้นไปมอง เห็นกวินยืนยิ้มเหงื่อพราวหน้าอยู่ สุรีกานต์ตาค้าง พอตั้งสติได้ก็สะบัดหัวทำทีนิ่งๆ
“ผมช่วยนะครับ”
สุรีกานต์ถอยหลังให้กวินมาเปิดประตูให้ แอบตื่นๆไม่รู้จะทำตัวยังไงดี เขาเปิดประตูเสร็จก็หันมาหยิบสัมภาระไปจากมือของเธอแล้ววางไว้ในรถให้ หญิงสาวแอบยิ้ม กวินปิดประตูรถให้เรียบร้อยแล้วหันกลับมา สุรีกานต์รีบปรับสีหน้าเป็นนิ่งๆเหมือนเดิม
“ขอบคุณนะคะ”
สุรีกานต์จะผละไปขึ้นรถ กวินพูดแทรกขึ้น
“เมื่อกี้ไม่มีโอกาสได้คุยกันเลยนะครับ ผมดีใจที่ได้เจอคุณอีก แถมยังได้ร่วมงานกันอีกด้วย”
สุรีกานต์แอบเขิน พยายามไม่ยิ้ม
“พี่ติ๋มบอกผมว่าคุณเป็นนางร้ายเบอร์หนึ่งของวงการ คนรอบตัวที่รู้ว่าผมได้เล่นเรื่องนี้ก็มีแต่คนชื่นชมฝีมือคุณ ผมเป็นมือใหม่คงต้องรบกวนด้วยนะครับ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันก็ไม่ได้เก่งอะไร อาศัยประสบการณ์กับการฝึกฝน เท่าที่ดูวันนี้ ฉันรับรองว่าคุณต้องเป็นพระเอกดาวรุ่งได้ไม่ยาก”
“คุณสังเกตผมด้วยเหรอครับ”
สุรีกานต์อ้าปากค้าง หน้าเลิ่กลั่ก
“เอ่อ ก็… ค่ะ เราต้องทำงานด้วยกันนี่คะ ฉันก็ต้องศึกษาผู้ร่วมงานไว้บ้าง”
กวินแอบยิ้ม
“งั้นถ้าผมมีอะไรสงสัยหรือไม่เข้าใจ ผมถามคุณได้ใช่มั้ยครับ”
“ได้ค่ะ แต่ฉันไม่รับปากว่าจะช่วยคุณได้ทุกเรื่องนะคะ”
ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดี กวินยื่นมือออกมา
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันครับคุณสุรีกานต์”
สุรีกานต์ยิ้มให้ แล้วยื่นมือไปจับ
“ยินดีค่ะ เรียกโซ่ก็ได้นะคะ สุรีกานต์ยาวไป”
“ครับ คุณโซ่ งั้นก็เรียกผมวินเฉยๆนะครับ”
“ค่ะคุณวิน”
ทั้งคู่ยิ้มให้กัน สุรีกานต์เคลิ้มไปกับเสน่ห์ของกวิน แต่อยู่ดีๆเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขัดจังหวะ ทั้งคู่ชะงักหลุดจากภวังค์ สุรีกานต์ยิ้มแหยๆก่อนจะปล่อยมืออย่างเสียดาย
“งั้นผมขอตัวก่อน ไว้เจอกันวันถ่ายนะครับ”
“ค่ะ”
กวินเดินกลับไปทางสตูดิโอ สุรีกานต์ยิ้มส่ง ก่อนจะหันมาล้วงมือถือในกระเป๋าอย่างหงุดหงิด พอเห็นชื่อหน้าจอที่เมมไว้ว่า “สารวัตรปากร้าย” ก็หน้าหงิก
“ฮัลโหล มีอะไร...ประชุมพรุ่งนี้ แล้วมาบอกฉันทำไม… ห๊า ให้ฉันไปประชุมด้วย นี่คุณสารวัตร ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะ ฉันเป็นดารา คิวฉัน… ฮัลโหลๆๆ โธ่เว้ย ไอ้ตำรวจฮิตเลอร์”

วันใหม่...ในเซฟเฮ้าส์ทีมเดอะซัน ที่โต๊ะประชุมสุรีกานต์นั่งยิ้มเซ็งๆอยู่ มีจ่ายม อัศวิน ปรีติ และประเสริฐมองมาอย่างสำรวจปนตื่นเต้น นฤเบศยืนอยู่หัวโต๊ะ กวาดตามองทุกคนก่อนจะกล่าวขึ้น
“ทุกคนคงรู้จักคุณผู้หญิงคนนี้กันดีอยู่แล้ว และก็อย่างที่ทุกคนทราบดี คุณสุรีกานต์จะมาทำหน้าที่เป็นสายลับให้เรา งั้นผมขอแนะนำลูกทีมของผมให้คุณรู้จักล่ะกัน”
สุรีกานต์ยิ้มรับ พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เริ่มเลย
“คนที่นั่งถัดจากคุณ ผู้กองอัศวิน เขาเป็นมือบู๊ขาลุยของทีม”
อัศวินยิ้มให้อย่างกระตือรือร้น เก๊กท่าเท่หว่านเสน่ห์ สุรีกานต์ยิ้มตอบแหยๆ
“ถัดจากผู้กองอัศวิน นั่นหมวดประเสริฐ ตำรวจผู้มีธรรมะในหัวใจ เขาทำโจรกลับใจมาเยอะแล้วนะ ว่างๆคุณลองนั่งคุยกับเขาดูสิ”
สุรีกานต์เอะใจรู้สึกเหมือนถูกด่า หันไปมองเห็นนฤเบศยักคิ้วตอบกลับมากวนๆ เธอเลยแยกเขี้ยวใส่
“ส่วนคนตรงข้ามคุณ หมวดปรีติ มันสมองของทีม ทุกเรื่องเทคโนโลยีเขารู้หมด”
สุรีกานต์ยิ้มให้ ปรีติก็กระตุกยิ้มตอบแล้วกลับไปหน้านิ่งเหมือนเดิม สุรีกานต์ได้แต่ขมวดคิ้วงงๆ
“และคนสุดท้าย จ่ายม ข้อมูลของคดีนี้ทุกอย่างอยู่ที่เขา มีอะไรสงสัยก็ถามเขาได้ แต่ยังไงคนตัดสินใจก็คือ ผม”
จ่ายมยิ้มให้อย่างตื่นเต้นดีใจ พอสุรีกานต์ยิ้มตอบ จ่ายมก็ช็อคอ้าปากค้างแล้วอายม้วนบิดไปบิดมา สุรีกานต์มองอย่างหวาดๆ
“เอาล่ะ รู้จักกันเรียบร้อยแล้ว ผมจะขออธิบายแผนงานของคดีนี้ให้คุณได้รู้”
นฤเบศหันไปให้สัญญาณ ปรีติกดแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ และบนจอโปรเจ็คเตอร์ก็โชว์ชาร์ทโยงใยถึงบุคคลที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี
“คดีที่ทางเราได้รับมอบหมายมาคือ การกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ และนี่คือผู้ต้องสงสัยที่มีส่วนเกี่ยวพันกับคดีนี้”
สุรีกานต์ไล่สายตามองข้อมูลต่างๆในชาร์ท นฤเบศมองท่าทางเริ่มสนใจของสุรีกานต์แล้วพูดต่อ
“คนอื่นคุณไม่ต้องสนใจ คนเดียวที่ผมอยากให้คุณสนใจมากที่สุดคือ คนนี้”
รูปริชาร์ดขยายใหญ่ขึ้นมาเต็มจอ สุรีกานต์มองอย่างเก็บรายละเอียด
“มิสเตอร์ริชาร์ด รอซซีนี่ รหัสลับที่เราใช้เรียกเขาคือ พลูโต”
สุรีกานต์เลิกคิ้วถาม
“พลูโต”
“ใช่ พลูโต อดีตดาวเคราะห์ที่ถูกปลดออกจากระบบสุริยะจักรวาล...ก็เหมือนมิสเตอร์ริชาร์ดคนนี้ ถ้าเราจับเขาไม่ได้และเขาหนีออกนอกประเทศไปได้เมื่อไหร่ เขาก็จะหลุดออกจากวงโคจรไม่ต่างไปจากดาวพลูโต”
สุรีกานต์อึ้งๆ
“ช่างคิดเนอะ”
“คุณไม่ต้องสนใจที่มาของมันหรอก ผมอยากให้คุณสนใจหน้าที่ของคุณมากกว่า”
“แล้วหน้าที่ฉันต้องทำอะไรบ้าง”
“คุณเป็นสายลับ หน้าที่ของคุณคือ สืบข้อมูลทุกอย่างจากพลูโต ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดชนิดใหม่ที่มีชื่อว่า CN1 (Connect one)”
สุรีกานต์พยักหน้าเข้าใจ
“แค่นี้”
“ใช่”
สุรีกานต์โวยวาย
“ไม่เห็นต้องใช้ฉันเลย คุณไปหาสปายที่ไหนก็ได้”
“นี่คุณดารา ที่ผมใช้คุณเพราะคุณเป็นผู้หญิง แน่นอนว่าคุณสวย… แล้วผู้ชายที่
ไหนก็แพ้ผู้หญิงสวย ยิ่งผู้ชายอย่างริชาร์ด ยิ่งแพ้”
สุรีกานต์ยิ้มรับอย่างมั่นใจ
“คุณเลยกะจะใช้ความสวยของฉันให้เป็นประโยชน์ว่างั้น”
“ใช่ คุณเอาความสวยของคุณไปทำให้ริชาร์ดไว้ใจแล้วก็หาข้อมูลมาให้ผม หวังว่า
คุณจะทำได้นะ”
“แน่นอน โซ่ สุรีกานต์น่ะเกิดมาเพื่อเป็นนางร้าย งานที่ต้องใช้ความสวย และการหว่านเสน่ห์เนี่ย ฉันถนัดอยู่แล้ว”
สุรีกานต่อตากับนฤเบศอย่างไม่ยอมแพ้ จนจ่ายมที่นั่งมองอยู่ต้องขัดจังหวะขึ้นมา
“เอ่อ สารวัตรครับ”
นฤเบศหันขวับไปมอง
“อะไร”
จ่ายมสะดุ้ง
“ระ...รหัสลับของคุณสุรีกานต์ล่ะครับ”
นฤเบศหันมาหาสุรีกานต์
“รหัสลับของคุณคือ มูน ส่วนของพวกผมคือ เดอะซัน ผมคือเดอะซันหนึ่ง ผู้กองอัศวิน คือเดอะซันสอง หมวดปรีติคือเดอะซันสาม หมวดประเสริฐคือเดอะซันสี่ และจ่ายมเดอะคือซันห้า คุณจำให้ดีนะ เวลาปฏิบัติงานเราจะติดต่อกันโดยใช้รหัสลับ”
สุรีกานต์คิดนิดๆ
“มูนเหรอ...ฉันขอเปลี่ยนได้มั้ย”
“นี่คุณดารา อย่ามาเรื่องมาก ผมไม่ทนคุณแบบทีมงานคุณนะ”
“ก็มูนมันขรุขระนี่ฉันไม่ชอบ เอาเป็นว่า ฉันขอใช้เนปจูนแทนล่ะกันนะ...มันอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ดี ฉันชอบ”
นฤเบศจ้องหน้านิ่ง สุรีกานต์ยักคิ้วตอบอย่างกวนๆ อัศวินพูดขึ้น
“ผมว่า เนปจูนก็เหมาะกับคุณสุรีกานต์ดีนะครับ ดาวเคราะห์สีน้ำเงินแสนสวย”
สุรีกานต์ยิ้ม
“งั้นคงไม่มีใครขัดข้องที่ฉันจะใช้รหัสนี้นะคะ”
จ่ายมโบกไม้โบกมือ
“โอ๊ย ไม่มีๆ ไม่มีครับ คุณสุรีกานต์อยากใช้ดาวไหนก็เอาเลยครับ หรือจะเอาดาวในใจผมก็ยังได้”
ทุกคนทำท่าโก่งคอ
“อ้วก”
ประเสริฐขัดขึ้น
“อะนัดเถ นะ ยุดโต สิยา ไม่ควรทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์”
“ดาบเสริฐเขาหมายความว่า จ่าป้อให้ตาย คุณสุรีกานต์เขาก็ไม่สนใจผู้ชายน้ำหน้าอย่างจ่าหรอก” ปรีติแดกดัน
จ่ายมมีฮึดฮัด
“โห หมวด พูดงี้มีเรื่องกันเลยดีกว่า”
นฤเบศตัดบท
“เอาล่ะๆ พอได้แล้ว ต่อไปผมจะบอกภารกิจแรกของเราให้ทุกคนได้รับทราบ ขอให้ทุกคนตั้งใจฟัง โดยเฉพาะคุณ คุณสุรีกานต์ ฟังให้ดีๆและช่วยปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วย”
สุรีกานต์เชิดหน้า ส่งสายตาท้าทาย

ในห้องครัว บ้านท่านรองมานพ แพรไหมลูกสาวท่านรองยืนตรงหน้าวัตถุดิบทำขนม อุปรณ์เครื่องมือ ขนมที่ทำเสร็จแล้ว มีมัฟฟิน ชาเขียว สตรอเบอร์รี่โรล คุกกี้เนยสด หน้าตาน่าอร่อยวางเรียงรายบนโต๊ะ แพรไหมเปิดเตาแล้วหยิบพายฟักทองออกมา มองดูผลงานในมืออย่างอารมณ์ดี แม่บ้านและเด็กรับใช้ยืนมองอย่างอยากรู้อยากเห็น แพรไหมตัดพายออกเป็นชิ้นๆ
“เรียบร้อยแล้วจ้ะ”
น้อยชื่นชม
“คุณไหมทำไปให้ใครคะเยอะจัง น่ากินทั้งนั้นเลย”
แพรไหมแบ่งขนมแต่ละชนิดใส่กล่อง
“อยากกินมั้ยล่ะ”
น้อยดีใจ
“หนูกินได้เหรอคะ”
ป้าอิ่มปราม
“เดี๋ยวเถอะ ของเจ้านายเขา คุณไหมเขาทำไปให้คุณท่านทาน”
แพรไหมยิ้มแย้ม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไหมแบ่งไปให้คุณพ่อแล้ว เดี๋ยวที่เหลือป้าอิ่มกับน้อยเอาไปแบ่ง
คนอื่นๆทานกันเลยนะคะ”
แพรไหมถอดผ้ากันเปื้อน แล้วหยิบกล่องเค้กเดินออกจากครัวไป น้อยยังชมไม่หยุด
“คุณไหมนี่ทำขนมเก่งจังเลยเนอะป้า ดูสิ แต่ละอย่างส๊วยสวย”
“แกเพิ่งมาทำงานได้เดือนเดียวเลยไม่รู้ คุณไหมน่ะชอบทำขนมมาตั้งแต่เด็กแล้ว พอจบปริญญาก็บินไปเรียนที่...ที่...ที่อะไรเลอๆ เบลอๆเนี่ยแหละที่ฝรั่งเศส เนี่ยก็เพิ่งกลับมาได้ไม่กี่เดือน”
น้อยปลื้มมาก
“โห ถึงว่าทำเก๊งเก่ง”

ในห้องทำงานท่านรองมานพ ที่สำนักงานตำรวจ...นฤเบศนั่งอยู่ที่เก้าอี้กำลังรายงานเรื่องการหาสายลับหญิงให้ท่านรองมานพทราบ
“สรุปว่าได้คนปฎิบัติงานเรียบร้อยแล้ว”
“ครับ ตอนนี้ผมบอกรายละเอียดของคดีให้สายลับหญิงของเรารู้แล้ว เรากำลังจะ
เริ่มภารกิจแรกกันครับ”
“ดี ยังไงรายงานผมเป็นระยะนะ”
“ครับท่าน”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น รองมานพเอ่ยขึ้น
“เข้ามา”
แพรไหมเปิดประตูเข้ามาท่าทางสดใส
“เซอร์ไพรส์ค่ะคุณพ่อ ไหมทำขนมมาให้ทาน เผื่อคุณพ่ออยากจิบน้ำชายามบ่ายจะได้ อุ๊ย…”
แพรไหมชะงักเพราะเพิ่งเห็นว่าพ่อมีแขก
“ลูกสาวพ่อ โม้เพลินเลยนะ”
“ขอโทษค่ะ ไหมไม่รู้ว่าคุณพ่อมีแขกอยู่ เอาไว้เดี๋ยวไหมรอข้างนอกนะคะ”
“ไม่เป็นไร เข้ามาเถอะ พ่อคุยธุระเสร็จพอดี”
นฤเบศลุกขึ้นยืนก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มอบอุ่น แพรไหมตาโตแล้วยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“พี่เบศ”
แพรไหมยิ้มกว้าง สารวัตรนฤเบศยิ้มตอบ

แพรไหมกับนฤเบศเดินคุยกัน
“ไม่ได้เจอพี่เบศนานมากเลย เจอครั้งสุดท้ายตอนไหมรับปริญญาโน่น เกือบสองปี
ได้แล้วมั้ง”
“เห็นท่านรองบอกว่าไหม ไปเรียนคอร์สเบเกอรี่ที่ฝรั่งเศส”
“ใช่แล้วค่ะ ไหมเพิ่งกลับมาเมืองไทยได้สองเดือนนี่เอง”
“ช่วงนั้นพี่คงยุ่งกับงานเลยไม่รู้เรื่องเลย”
“ไหมก็ยุ่งๆเหมือนกันค่ะ พอดีมีโครงการจะเปิดร้าน”
“หือ...ร้านเบเกอรี่เหรอ”
“คะ พี่เบศก็รู้น้องสาวคนนี้ชอบทำขนมจะตาย”
“โห น้องสาวพี่โตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย เมื่อก่อนแค่เล่นซ่อนแอบยังกลัวจนร้องไห้
ขี้มูกโป่ง ดูตอนนี้สิ เก่งขนาดจะมีร้านเป็นของตัวเองแล้ว”
“นั่นมันสมัย 7-8 ขวบนะคะ ปีนี้ไหมอายุ 23 แล้วนะคะ”
“เหรอ ทำไมยังตัวแค่นี้อยู่เลยเนี่ย”
“ใครจะสูงเป็นเสาไฟฟ้าแบบพี่เบศล่ะ”
“เรานั่นแหละ หลักกิโลเดินได้”
“พี่เบศใจร้าย”
แพรไหมแอบค้อน นฤเบศยิ้มอย่างอารมณ์ดี

แพรไหมกับนฤเบศเดินมาที่รถ...
“ไหมขอแวะไปหาพี่เบศที่บ้านบ้างได้มั้ยคะ อยากเจอป้ามล ไม่ได้เจอนานแล้ว”
“ได้สิ บ้านพี่อยู่ที่เดิม ไปหาได้ทุกเมื่อ”
“งั้นไหมจะทำขนมไปให้ทานนะคะ ยืมตัวเป็นหนูทดลองหน่อย”
“เอาจริงเหรอ พี่ไม่ค่อยถูกกับขนมหวานซะด้วย”
“ไม่รู้แหละ เดี๋ยวไหมลองทำไปให้ชิมนะคะ”
“งั้นก็ตามใจ ได้กินของฟรีป้ามลก็คงชอบเหมือนกัน”
นฤเบศหัวเราะอารมณ์ดี แพรไหมยิ้มแล้วหันไปเปิดประตูขึ้นรถ
“งั้นไหมกลับก่อนนะคะ ไว้จะแวะไปหาแน่ๆ”
“ขับรถดีๆล่ะ”
นฤเบศขยี้ผมอย่างเอ็นดู แพรไหมแอบเขินหัวใจเต้นแรง นฤเบศปิดประตูรถให้ แล้วรถของแพรไหมก็แล่นออกไป อีกด้านของลานจอดรถ มังกรกำหมัดแน่น มองไปที่นฤเบศที่ยืนมองส่งแพรไหมด้วยสายตาเคียดแค้น
“ใจคอจะแย่งทุกอย่างไปจากกูเลยเหรอ ไม่มีวันซะล่ะ กูจะเอาชนะมึงให้ได้ไม่ว่าเรื่องงานหรือความรัก ไอ้นฤเบศ”

สุรีกานต์ในชุดกระโปรงบานย้อนยุคนั่งอ่านบทอยู่ วุ้นกรอบกับพายไก่นั่งข้างๆ วุ้นกรอบอ่านนิตยสารกอสซิปไปก็บ่นไป
“โอ๊ย นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว นัดกองตั้งแต่ไก่โห่จนถ่ายซีนอื่นเสร็จไปแล้วก็ยังไม่
โผล่มาสักที ดูชีทำสิเจ๊ นี่ขนาดวันแรก ย้ำวันแรกนะเจ๊ ชียังกล้าเลทได้ขนาดนี้”
“แกเป็นผู้จัดรึไง หรือเป็นผู้กำกับ อายอดเขายังไม่บ่นเท่าแกเลย”
สุรีกานต์พยักเพยิดไปทางอายอด ที่นั่งหน้าเครียดหน้าจอมอนิเตอร์
“ไม่บ่น แต่สั่งพี่แต๋วกดโทรศัพท์จนแป้นจะยุบแล้วเจ๊” พายไก่บอก
แก้วดาราเดินเข้ามาพอดี
“ขอโทษนะคะทุกคน”
แก้วดาราหน้าแอ๊บแบ๊วน่ารัก ท่าทางสำนึกผิด เกี๊ยวกุ้งที่เดินถือของตามมายิ้มแหยๆ สุรีกานต์เงยหน้าจากบทขึ้นมามอง วุ้นกรอบบ่นเบาๆ
“โผล่หัวมาได้ซะที นังชะนีดาวรุ่ง”
แก้วดาราแอ๊บใส่
“แก้วต้องขอโทษทุกคนเป็นอย่างมากเลยค่ะที่ทำให้ทุกคนต้องรอ ช่วงนี้คิวแก้ว
แน่นมากเลยค่ะ ทำงานเช้ายันดึกทุกวัน จนแทบไม่ได้พักเลย”
“โอ๊ย พล่ามความฮอตอยู่ได้ ไม่มีใครเขาอยากรู้หรอกย่ะ” วุ้นกรอบประชดประชัน
สุรีกานต์รีบกระทุ้งศอกใส่เมื่อวุ้นกรอบเริ่มพูดเสียงดัง วุ้นกรอบจิ๊ปากอย่างขัดใจ เกี๊ยวกุ้งมองหน้าวุ้นกรอบ
“แกมีปัญหาอะไรเหรอนังวุ้น”
“เปล๊า ฉันด่าหนังสือกอสซิปนี่ เขียนอวยดาราคนนี้อยู่ได้ เข้าวงการมาก็ไม่นาน ผลงานก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ทำไมอ๊วยอวย อวยจนจะอ้วก”
สุรีกานต์แกล้งเหยียบเท้าเบาๆ ส่ายหน้าปรามๆ วุ้นกรอบสะบัดหน้าถอนหายใจเซ็งๆ แก้วดาราแอบหันไปเบ้ปากเหยียดๆ
อายอดหันมาเร่ง
“เอาล่ะ มาแล้วก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่งหน้าทำผมไป เดี๋ยวจะได้มาซ้อมคิวกัน”
“ค่ะอา แก้วขอโทษอีกครั้งนะคะทุกคน”
แก้วดาราแกล้งทำหน้าเสียใจอย่างสุดซึ้ง ก้มหัวขอโทษทีมงานท่าทางสำนึกผิดสุดฤทธิ์

อายอดเรียกนักแสดงทั้งสี่คนมาซ้อมคิวก่อนถ่าย
“ฉากนี้เป็นฉากที่ตะวันฉายกับหญิงรุ้งเดินมาคู่กันนะ แล้วพอดีหญิงรุ้งสะดุดขั้นบันไดเลยเสียหลักจะล้ม ตะวันฉายก็เลยโอบไว้ทั้งตัว แบบนี้ๆ”
อายอดจับแขนกวินให้โอบตัวแก้วดาราไว้จากด้านหลัง แก้วดารายิ้มแกล้งซุกแน่นกับอกของกวินจนเขาเริ่มเกร็งแต่ก็ยังยิ้มเจื่อนๆ
“หญิงรุ้งต้องเงยหน้ามาสบตาตะวันฉายนะ แล้วตะวันฉายก็ต้องมองซึ้งๆหวานๆ สองคนจะมองตากันเหมือนต้องมนต์สะกด”
แก้วดารากับกวินทำตามลำดับที่อายอดบอก สองคนเหมือนตกอยู่ในภวังค์กันจริงๆ อายอดพอใจ
“นั่นแหละ อย่างนั้นแหละ เหมือนโลกนี้มีแค่เราสองคน”
สุรีกานต์ยืนมองทั้งสองคนซ้อมคิวนิ่ง ก่อนจะสะบัดหัวเรียกสมาธิแล้วเบนสายตาไปมองทางอื่นแทน เนธานยืนอยู่ข้างๆ สุรีกานต์ พอเห็นการแสดงของแก้วดาราแล้วยิ้มๆอย่างรู้ทัน ก่อนจะเหลือบไปมอง สุรีกานต์แล้วแกล้งถามลองใจ
“ช่วงนี้โซ่เจอนิลบ้างมั้ย”
สุรีกานต์ชะงักไปเล็กน้อย
“ก็บ้าง แต่ไม่บ่อยหรอก ยุ่งๆ กันทั้งคู่น่ะ ถามทำไมเหรอ”
“อ๋อ ไม่มีอะไร พอดีก่อนหน้านี้ไม่กี่วันฉันเพิ่งไปถ่ายแบบที่อิตาลีเห็นนิลอยู่คนเดียวเลยคิดว่าเขาอาจจะไปหาโซ่”
“ก็...เจอกันบ้างน่ะ แค่กินข้าวคุยกันแล้วก็กลับ”
“นิลเขาเป็นคนขี้เหงา ชอบไปพึ่งพาคนอื่นประจำเขาทำอะไรให้โซ่ลำบากใจบ้างหรือเปล่า ถ้ายังไงบอกฉันได้นะ ฉันยินดีช่วย”
เนธานมองสุรีกานต์อย่างจับผิด สุรีกานต์พยายามไม่มีพิรุธ ยิ้มตอบ
“ขอบใจนะแต่ฉันไม่ลำบากใจอะไร นิลเป็นเพื่อนฉัน อะไรช่วยได้ฉันก็ช่วย”
เนธานกับสุรีกานต์มองตากันอย่างท้าทายภายใต้ใบหน้ายิ้มๆ เสียงอายอดดังขึ้น
“เอ้า สองคนนั้นน่ะ มาซ้อมคิวได้แล้ว”
สุรีกานต์ทิ้งสายตามองเนธานก่อนจะหันเดินกลับไปหาอายอด เนธานมองตามอย่างสงสัยแล้วเดินตามไป

มุมที่พักนักแสดงในเรือนไทย...สุรีกานต์ดูนาฬิกาในโทรศัพท์แล้วก็ยัดของลงประเป๋าอย่างรีบๆ พอเงยหน้าขึ้นมาก็ชะงักกับกวินที่ยืนส่งยิ้มให้ สุรีกานต์แอบประหม่าแต่พยายามเก็บอาการ
“เอ่อ คุณวินมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เลิกกองแล้วคุณโซ่ไปไหนต่อหรือเปล่าครับ”
“ก็ พอดีมีธุระต้องไปทำน่ะค่ะ”
กวินหน้าหมองลงทันตา สุรีกานต์กัดปากอย่างทำอะไรไม่ถูก
“คุณวินมีอะไรให้โซ่ช่วยหรือเปล่าคะ”
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ คือผมเพิ่งกลับมาเมืองไทยได้ไม่นาน ยังไม่ค่อยรู้จักร้านอาหาร
อร่อยๆ เลยกะว่าจะให้คุณโซ่ช่วยแนะนำหน่อย”
สุรีกานแอบยิ้มกับท่าทางเขินๆของกวิน
“เห็นโซ่อ้วนใช่มั้ยคะเนี่ย”
กวินตกใจ รีบพูดแก้ตัว
“เปล่านะครับ คือ...คือผม…”
“ถ้าแค่ถามโซ่ก็พอให้คำแนะนำได้ค่ะ แต่ไม่รับประกันความพอใจนะคะ”
“ถ้าไม่ใช่แค่ถามล่ะครับ แต่ถ้าผมอยากให้พาไป คุณโซ่สะดวกมั้ยครับ”
สุรีกานต์อึ้งไปนิดแล้วก็เขินจัด กวินก็เขินตาม ระหว่างกำลังอยู่ในภวังค์ทั้งคู่ เสียงว็อตแอ๊บโทรศัพท์ของ สุรีกานต์ก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศ
“เอ่อ เอาไว้วันอื่นได้มั้ยคะ วันนี้โซ่มีธุระต้องรีบไปทำจริงๆ”
“ครับๆ ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ เอาไว้ผมขอนัดคุณโซ่อีกทีนะครับ”
“ได้ค่ะ งั้น โซ่ขอตัวนะคะ”
สุรีกานต์ยิ้มให้แล้วรีบเดินเร็วๆผ่านกวินไป สุรีกานต์หยิบโทรศัพท์มาเปิดอ่านข้อความ จิ๊ปากอย่างขัดใจ
“ชาติที่แล้วเกิดเป็นไก่หรือไง จิกอยู่ได้”

ค่ำนั้น นฤเบศปลอมตัวเป็นนักธุรกิจใส่แว่นสายตาติดหนวดนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษอยู่ในห้องอาหาร โรงแรมหรู พลางแอบมองกระวนกระวาย ดูนาฬิกาแล้วก็เริ่มโมโห หยิบโทรศัพท์มาจะโทร แต่ริชาร์ดพร้อมกับบอดี้การ์ด 2 คนก็เดินเข้ามาพอดี ริชาร์ดเดินเข้ามานั่งห่างจากโต๊ะนฤเบศไปไม่ไกลนัก โต๊ะนั้นมีคนนั่งรออยู่แล้วตั้งแต่แรกแต่ นฤเบศไม่ได้สังเกตเห็นและชายคนนั้นก็นั่งหันหลังอยู่ นฤเบศขัดใจทำทีเป็นอ่านหนังสือพิมพ์ต่อแต่ตาก็มองไปทางประตูอย่างโกรธๆบ่นเบาๆ
“ทำไมยัยดารานั่นยังไม่มาอีกนะ”
นฤเบศเห็นริชาร์ดเริ่มพูดคุยกับชายคนนั้น ก็ครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดี ทันใดนั้นสุรีกานต์ในชุดสั้นรัดรูปสีแดงแฝงความเซ็กซี่ก็เดินเข้ามาอย่างเฉิดฉาย ยิ้มโปรยเสน่ห์ แต่พอเห็นนฤเบศส่งสายตาตำหนิมาก็ชะงัก เชิดหน้าไม่สนใจแล้วมองหาเป้าหมาย พอเห็นริชาร์ดก็เดินเยื้องกรายเข้าไปนั่งโต๊ะใกล้ๆ จงใจนั่งหันหน้าไปทางเขา ริชาร์ดเหลือบมาเห็นสุรีกานต์ก็ตะลึง ปรายตามองอย่างสนใจด้วยสายตากรุ้มกริ่ม สุรีกานต์หันไปสบตากับเขา ริชาร์ดก้มหัวให้น้อยๆทักทาย สุรีกานต์ยิ้มยั่วหว่านเสน่ห์ บริกรเข้ามารับออเดอร์พอดี สุรีกานต์หันไปสั่ง
“Margarita”
บริกรโค้งเก็บเมนูเดินออกไป สุรีกานต์หยิบโทรศัพท์มานั่งเล่น เห็นมิสคอลเป็นสิบสายกับว็อตแอ๊บจากนฤเบศ พอเปิดอ่านก็เจอข้อความ
“คุณมาสาย”
สุรีกานต์ปรายตามองนฤเบศขมุบขมิบบ่น
“ด่าต่อหน้าไม่ได้ก็ยังพยายามนะ”
สุรีกานต์เบ้ปากพิมพ์ตอบกลับไปทันที นฤเบศเปิดอ่านข้อความ
“ฉันมาทันเวลา”
เขาตวัดสายตาไปมองเธออย่างโมโห แล้วก็เห็นริชาร์ดเรียกบริกรเข้ามาแล้วกระซิบอะไรบางอย่าง นฤเบศมองอย่างสงสัย สุรีกานต์ใช้มือถือถ่ายรูปเล่นไปเรื่อย บริกรนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพร้อมกับกุหลาบสีแดงเข้ม 1 ดอก
“บริการเสริมของร้านเหรอคะ”
“เปล่าครับ จากคุณผู้ชายท่านนั้น”
บริกรผายมือไปทางริชาร์ดที่ยิ้มกรุ่มกริ่มมองมา ยกแก้วเครื่องดื่มเชิญชวน สุรีกานต์ยิ้มแล้วหยิบกุหลาบสีแดงเข้มมาแตะริมฝีปากเบาๆอย่างยั่วยวน นฤเบศนั่งมองอย่างกังวล โทรศัพท์สั่น ว๊อตแอ๊บเข้าพอเปิดอ่านก็เห็นข้อความ
“ฉันจะกลับแล้ว”
นฤเบศขมวดคิ้ว พิมพ์ข้อความตอบ
“ไม่ได้ คุณยังไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งยิ้ม”
สุรีกานต์นั่งพิมพ์ข้อความตอบอย่างเซ็งๆ
“แค่นี้ก็พอ เหยื่อติดเบ็ดแล้ว”
นฤเบศพิมพ์ตอบหน้าตาเคร่งเครียด
“ตรงไหน คุณยังไม่ได้เหวี่ยงเบ็ดเลยด้วยซ้ำ”
“อ่อยไปขนาดนั้น ผู้ชายหน้าไหนก็ทนไม่ไหว คอยดูสิ”
นฤเบศเงยหน้าไปมองทางโต๊ะสุรีกานต์ เห็นเรียกบริกรมาเช็คบิล พอมองทางริชาร์ดเห็นยังนั่งคุยกับมงคลไม่มีท่าทีอะไร แต่แล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นริชาร์ดลุกจากโต๊ะเดินไปที่โต๊ะสุรีกานต์
“ขอโทษครับ คุณผู้หญิง”
สุรีกานต์ยิ้มหวาน
“มาทวงค่าดอกไม้เหรอคะ”
ริชาร์ดหัวเราะน้อยๆ
“นั่นเป็นความในใจของผม ผมตั้งใจให้คุณ”
“ความในใจของคุณ อะไรล่ะคะ”
“ความหมายของกุหลาบสีไวน์แดง หมายถึง คุณช่างสวยเหลือเกิน และที่ผมให้
คุณเพียงแค่ดอกเดียว เพราะมันหมายความว่า รักแรกพบ”
สุรีกานต์ยิ้มหวาน
“ปากหวานจังเลยนะคะ”
ริชาร์ดหัวเราะ
“อย่าเพิ่งเลี่ยนซะก่อนนะครับ...ผม ริชาร์ด นี่ครับนามบัตรผม ผมขอค่าดอกไม้เป็นเบอร์โทรศัพท์คุณได้มั้ยครับ”
ริชาร์ดยื่นนามบัตรให้ สุรีกานต์รับไปอ่านแล้วมองหน้ายิ้มๆ
“สุรีกานต์ค่ะ”
“เป็นชื่อที่เพราะมากเลยครับ”
“ค่าดอกไม้ของคุณฉันก็อยากจะจ่ายให้นะคะ แต่บังเอิญว่าฉันไม่มีนามบัตรติดตัวมาด้วย ไว้ครั้งหน้าละกันนะคะ”
ริชาร์ดชะงัก
“ครั้งหน้า”
สุรีกานต์ชูนามบัตรในมือโบกเบาๆ
“ค่ะ ถ้าได้เจอกันอีก”
นฤเบศนั่งมองไปทางโต๊ะสุรีกานต์ลุ้นๆ เห็นมงคลแค่ข้างหลังลุกเดินออกไปรอริชาร์ดตรงประตูทางออก นฤเบศพยายามจ้องเก็บรายละเอียดแต่ก็มีบริกรที่เดินมาบังสายตา ริชาร์ดเห็นมงคลยืนรอ ก็หันมายิ้มหวานให้สุรีกานต์
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ หวังว่าจะได้เจอกันเร็วๆนี้”
สุรีกานต์ยิ้มตอบ จ้องตาริชาร์ดอย่างยั่วยวน ริชาร์ดเดินออกไป สุรีกานต์ก้มลงดูนามบัตรในมือแล้วยักไหล่
“Mission Complete”

นฤเบศยืนคุยกับสุรีกานต์อยู่ที่ลานจอดรถ นฤเบศหัวเสีย
“ซะที่ไหนกันเล่า คุณทำมันพังตั้งแต่ยังไม่เริ่มต่างหาก”
สุรีกานต์เริ่มโมโห
“ฉันทำพังตรงไหน”
นฤเบศสวนกลับทันที
“คุณมาสาย”
สุรีกานต์ลอยหน้าลอยตา
“ฉันมาทันเวลาต่างหาก พลูโตยังไม่ได้ไปไหนซะหน่อย”
นฤเบศหน้าเครียด
“แต่ถ้าคุณมาเร็วกว่านี้ แผนจะสำเร็จตามที่วางไว้”
สุรีกานต์ชะงัก
“แผน”
“ใช่ แผนของทีม… ไม่ใช่แค่ไอ้นามบัตรแผ่นเดียวที่คุณได้มา แต่คุณจะได้มากกว่า
นั้น ถ้าคุณมาตรงเวลา คือหนึ่งชั่วโมงก่อนพลูโตจะมาถึง ผมจะบอกแผนการของเราให้คุณทราบ พร้อมกล้องตัวนี้ให้คุณ”
นฤเบศโชว์กล้องตัวจิ๋วในมือ สุรีกานต์มองงงๆ
“กล้อง”
“ใช่ เมื่อคุณเริ่มถ่าย สัญญาณจะถูกเชื่อมต่อไปที่รถปฏิบัติการด้านล่างเพื่อ
บันทึกภาพไว้…สุรีกานต์หยิบกล้องไปดูอย่างทึ่งๆ
“โห เหมือนหนังสายลับที่ฉันเคยดูเลย จริงๆ ฉันก็เคยแสดงหนังแบบนี้มา…”
“คุณดารา นี่ไม่ใช่ละครแต่มันคือชีวิตจริง ไม่มีผู้กำกับสั่งคัท ไม่มีการถ่ายใหม่ถ่ายซ่อม ผ่านแล้วผ่านเลย ผิดพลาดนิดเดียวนั่นหมายถึงชีวิต และถ้าคุณไม่ปฏิบัติตามแผน คุณจะทำให้ชีวิตพวกเราเสี่ยงไปด้วย”
สุรีกานต์หน้าเจื่อนแต่ยังวางฟอร์ม
“โอเคๆ ฉันขอโทษก็ได้ ฉันก็ไม่ได้อยากมาสายซะหน่อย แต่คิวถ่ายละครมันไม่ได้แน่นอนเหมือนงานราชการนะคุณ ไม่ใช่สี่โมงครึ่งเป๊ะจะวิ่งออกจากห้องได้ที่ไหน วันหลังคุณอยากให้ฉันมาเร็วๆ คุณก็ส่งฮ. ไปรับฉันสิ”
นฤเบศเซ็ง
“รอไว้ให้ผมเป็นผบ.ตร.ก่อนล่ะกัน”
“งั้นชาตินี้ฉันคงไม่ได้นั่ง”
นฤเบศส่ายหัวระอา
“หวังว่าครั้งหน้าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เข้าใจนะ คุณสุรีกานต์”
“ค่ะ ท่านสารวัตรใหญ่”
นฤเบศส่ายหัวเซ็งๆ เดินหนีไปทางรถที่จอดไว้ สุรีกานต์มองตาม
“ตำรวจไทยนี่ขี้บ่นเหมือนคุณหมดเลยหรือเปล่า เผื่อเจอวันหลังฉันจะได้ไม่ต้องไป
เสวนาด้วย”
นฤเบศหันมา
“เฉพาะกับพวกที่ชอบแหกคอก โชว์ออฟ อวดเก่ง ไม่เล่นเป็นทีม… แบบคุณ”
สุรีกานต์ตาโตเพราะถูกด่า ยังไม่ทันได้โต้กลับ นฤเบศที่กำลังจะขึ้นรถก็ยกนิ้วชี้หน้า
“ผมขอเตือนไว้เลยนะ ถ้าคุณไม่ปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดอีกล่ะก็คุณเจอดีแน่”
นฤเบศขึ้นรถแล้วขับออกไป สุรีกานต์โมโหแต่เถียงไม่ทัน เชิดหน้าท้าทาย
“ฉันไม่กลัวนายหรอก ชิ”

สุรีกานต์เปิดประตูเข้ามาในคอนโด ถอดรองเท้า โยนกระเป๋าลงกับโซฟาอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะทิ้งตัวบนโซฟา เธอหยิบมือถือขึ้นมามองอย่างครุ่นคิด
“อยากว่าฉันสายดีนัก งั้นก็รอไปละกัน”
สุรีกานต์เหวี่ยงมือถือไปข้างๆ ไม่สนใจ หยิบรีบโมทมากดเปิดดูหนัง เห็นเป็นหนังสายลับก็ดูอย่างสนใจ

นฤเบศในชุดนอนเดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำ เหวี่ยงผ้าเช็ดหัวลงในตะกร้าก็เหลือบไปเห็นกล้องจิ๋ววางไว้บนโต๊ะทำงาน เขาส่ายหัวเซ็งๆ
“ผู้หญิงอะไรอวดเก่งจริงๆ”
นฤเบศเดินไปทางชั้นเก็บหนังสือจำนวนมาก หยิบอาหารปลามาให้ปลากัด 5 ตัวที่เลี้ยงไว้โถกลม 5 โถ มองมันยิ้มๆอย่างอารมณ์ดี
“กินเข้าไปไอ้ลูกรัก จะได้โตเร็วๆ”
นฤเบศเดินไปที่โต๊ะทำงาน ก่อนจะนั่งลงแล้วหยิบแฟ้มงานมาเปิด

สุรีกานต์นั่งอยู่บนโซฟามองโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะอย่างครุ่นคิด แล้วคว้าไอแพดมาเปิด เชื่อมต่ออยู่ครู่ หน้าจอก็แสดงรูปที่ถ่ายมาวันนี้ สุรีกานต์คลิ๊กดูแต่ละภาพอย่างกระหยิ่มใจ
สารวัตรนฤเบศนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค กล่องข้อความเตือนมีเมลล์เข้า เปิดดูก็เห็นเป็นรูปภาพริชาร์ดหลายรูปที่สุรีกานต์ถ่ายได้วันนี้ มีข้อความแนบมาด้วยว่า
“ฉันไม่ได้นั่งยิ้มอย่างเดียวนะ เห็นมั้ยว่าฉันทำงาน ถึงจะไม่ได้ภาพจากกล้องคุณ แต่ภาพจากกล้องฉันก็เจ๋งใช่มั้ยล่ะ! <( ̄︶ ̄)>”
นฤเบศหลุดขำ
“บ๊องจริง… แต่ก็ ใช้ได้”

นฤเบศคลิกดูรูปแต่ละรูปอย่างพิจารณา

โปรดติดตามตอนที่ 3
กำลังโหลดความคิดเห็น