หยกเลือดมังกร ตอนที่ 1
พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่พ้นขอบฟ้าเหนือเขตกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ชีวิตวันใหม่กำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครา...บนดาดฟ้าของตึกเก่าย่านชุนชมริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันเป็นที่พำนักของ หยก หนุ่มวัย 20 ปี ผู้ยึดมั่นในความยุติธรรม พูดน้อยต่อยหนัก สู้ไม่ถอยแม้จะต้องหลังชนฝา หยกเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจที่ใกล้สำเร็จการศึกษา
บริเวณที่โล่งบนลานดาดฟ้าถูกใช้ทำเป็นที่เพาะพันธุ์ต้นไม้จำพวกบอนไซ และไม้ประดับสวยงามไว้สำหรับขาย บรรยากาศจึงดูสวยงามและร่มรื่น
ตรงส่วนที่เป็นห้องพักของหยกยามนี้ กิ่งเหมย หญิงสาววัย 20 ผิวขาวอมชมพู สวยหวานเหมือนดอกเหมยซึ่งเป็นเพื่อนกับหยกมาตั้งแต่เด็ก กำลังใช้ดินสอสเก็ตช์ภาพหยกซึ่งนอนหลับอยู่ที่เตียงอย่างไม่รู้สึกตัว กิริยาของสาวสวยมุ่งมั่นเอาการ
สภาพภายในห้องของหยกตกแต่งด้วยรูปรถมอเตอร์ไซค์และโมเดลมอเตอร์ไซค์สวยงาม ภาพถ่ายภาพหนึ่งที่ใส่กรอบตั้งอยู่ใกล้ๆกับโมเดลมอเตอร์ไซค์เป็นภาพของหยกในชุดนักเรียนนายร้อยตำรวจ ระหว่างนั้นหยกกรนเสียงดังออกมาทำเอากิ่งเหมยตกใจ
“ตาบ้า...ตกใจหมด เสียงกรนเหรอเนี่ย นึกว่าเรือหางยาว”
กิ่งเหมยมองหยกที่กำลังหลับสบายก่อนจะนึกอะไรสนุกขึ้นมาได้ หยิบสีมาจากกระเป๋า แล้วใช้สีละเลงหน้าหยกเพื่อแก้แค้น
ค่ำคืนที่ผ่านมานั้น...หยกเปิดแผงขายต้นไม้บอนไซและไม้ประดับสวยงามอยู่ใกล้ๆกับกิ่งเหมยที่ รับจ้างวาดภาพสเก็ตหน้าคนแบบการ์ตูน อยู่ในตลาดนัด
หยกขายต้นไม้ได้แบงค์ร้อย 2 ใบจากลูกค้าก็เอามาโบกโชว์ให้กิ่งเหมยดูแบบจงใจเย้ย หญิงสาวใช้หางตามองไม่ยอมแพ้วาดภาพสเก็ตช์ลูกค้าเสร็จ ลูกค้าชอบมากให้กิ่งเหมยด้วยแบงค์ 500 เธอเลยหันไปโบกเย้ยหยันกลับ หยกไม่ยอมแพ้หันไปเขียนกระดานไวท์บอร์ดที่แขวนหน้าร้านว่า SALE 50% กิ่งเหมยเห็นอย่างนั้น รีบเขียนป้ายหน้าร้านตัวเองว่า SALE 60%
หยกลบไวท์บอร์ดแล้วเขียนลงไปใหม่ว่า SALE 80% หญิงสาวงอน หันไปเขียนป้ายตัวเองใหม่แบบสุดๆแล้วว่า FREE !! แล้วยักคิ้วกวนๆหยกว่าไม่มีทางแข่งกับเธอได้แน่ หยกเลยขำแล้วชี้ให้เธอดูลูกค้าที่มายืนออเต็มหน้าร้านเพียบจนกิ่งเหมยต้องผงะหน้าเสีย ชายหนุ่มหัวเราะสม น้ำหน้าท้องคัดท้องแข็ง
กิ่งเหมยวาดหน้าหยกไป แล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาๆ...ในอู่ซ่อมรถมอเตอร์ไซค์สองพี่น้อง...หยกก้มหน้าก้มตายุ่งอยู่กับการซ่อมมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ส่วนกิ่งเหมยนั่งดู Series เกาหลีอยู่ตรงโซฟาเก่าๆขาดๆ น้ำตาไหลพรากอาบแก้มเพราะอินจัดกับฉากเศร้า หญิงสาวเอาทิชชู่มาสั่งน้ำมูกดัง...พรืด หยกสะดุ้งโหยงหันมาดูว่าเธอดูอะไรเลยลองนั่งดูด้วย
เวลาผ่านไปหน้าจอทีวีเป็นฉากเศร้า กิ่งเหมยยิ่งดูยิ่งน้ำตาแตกแล้วหันไปเห็นหยกกำลังกลั้นน้ำตาเพราะ อินจัดตาม เธอเลยยื่นกล่องทิชชู่ให้ หยกรับมาแล้วสั่งน้ำมูกพร้อมกับกิ่งเหมยเสียงดัง...พรืด
บริเวณบ้านคมทวน พ่อของหยก...เป็นโรงเรียนสอนศิลปะมวยไทยเล็กๆริมแม่น้ำ หยกสอนให้เด็กๆในชุมชน 7-8 คนฝึกท่าแม้ไม้มวยไทยโดยหยกเป็นคนนำทำท่าให้ดู ฝีไม้ลายมือทางเชิง มวยไทยของหยกดูสวยงามและแข็งแกร่ง
กิ่งเหมยนั่งสเก็ตช์ภาพหยกในท่าเชิงมวยต่างๆอยู่ใกล้ๆจนได้หลายท่าบนหน้ากระดาษ แต่ละภาพลายเส้นสวย งาม จนหยกเข้ามาดึงให้เธอไปช่วยสอนเด็กๆ ด้วยกัน
หยกให้กิ่งเหมยชกใส่เขาเพื่อที่เขาจะแสดงให้เด็กๆเห็นว่าจะต้องหลบหมัดยังไง แต่เขาแกล้งจับแขนชองเธอมาล็อคเอาไว้ กิ่งเหมยเลยแก้เผ็ดตอนเขาเผลอกระทืบเท้า กระทุ้งศอกแล้วชกเข้าเบ้าตาชนิดที่เชาไม่ทันตั้งตัว หยกหน้าหงายร้องเจ็บ พวกเด็กๆเฮกันใหญ่ กิ่งเหมยปัดมือชอบใจที่ได้เล่นงานหยก
กิ่งเหมยละเลงสีลงบนหน้าหยก ขณะที่นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาอย่างขำๆ เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็นั่งมองหน้าหยกพลางหัวเราะ ส้มเช้งเพื่อนของเธอเข้ามาเรียก
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
กิ่งเหมยเอานิ้วจุ๊ปาก
“ชู่ววว์ เงียบๆหน่อยสิยัยส้มเช้ง เดี๋ยวอีตาหยกก็ตื่นขึ้นมาหรอก”
ส้มเช้งเห็นก็ตกใจ
“เฮ้ย...นั่นแกไปทำอะไรมัน”
“เอาคืนมั่งไง เมื่อคืนดันมายั่วทำให้ฉันต้องวาดรูปฟรีจนมือแทบหงิก ว่าแต่แกมีอะไร”
“แกก็มัวแต่มาเล่นกับไอ้หยกอยู่นี่แหละ รู้มั้ยว่าอาม่าแกกำลังแย่แล้ว”
กิ่งเหมยตกใจ
“ทำไม...อาม่าฉันเป็นอะไร”
อาม่ายืนตกใจอยู่ที่แผงขายน้ำเต้าหู้ เพราะ กิจชัย นักเลงมาดกวนพาลูกน้องวัยรุ่นมารื้อโต๊ะพังข้าวของจนกระจุย ลูกน้องของกิจชัยเป็นพวกเด็กวัยรุ่นแบบเด็กแว๊นและสก๊อยทั้งชายหญิง แต่งตัวแรงๆเจ็บๆ ทั้งสักทั้งเจาะทั่วตัว
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ อั้วบอกให้หยุด...หยุด” อาม่าพยายามห้าม
พวกกิจชัยไม่ฟัง อาม่าเลยคว้าตะบวยตักน้ำเต้าหู้ที่พื้นขึ้นมาแล้วฟาดเข้ากลางหลังกิจชัยทำเอามันสะดุ้ง
“อู้ย...อีแก่ เล่นทีเผลอเหรอ”
กิจชัยกระชากตะบวยจากมือเขวี้ยงทิ้งแล้วปั้นหน้าโหดเอาเรื่องใส่ อาม่าหน้าตื่น
“จะ...จะทำอะไรอั้ว...อั้ว...อั้วแก่แล้วนะ ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน”
“ปากดีนักนะ ว่าจะใจดีปล่อยให้แก่ตายไปซะหน่อย แต่เปลี่ยนใจแล้วรีบตายไปตอนนี้ เลยดีกว่า”
กิจชัยเงื้อมือจะเล่นงานอาม่า กิ่งเหมยเข้ามาห้าม
“หยุดนะ ถ้าแกทำอาม่าฉันเจ็บล่ะก็ แกเจอดีแน่ไอ้กิจชัย”
กิจชัยชะงักหันไปเห็นกิ่งเหมยเข้ามาพร้อมกับส้มเช้ง กิ่งเหมยหน้าตาเอาเรื่องสุดฤทธิ์
หยกล้างหน้าล้างตา แล้วเช็ดหน้าจนเกลี้ยงจากสีที่กิ่งเหมยละเลงบนหน้า
“กิ่งเหมย...เผลอหลับหน่อยไม่ได้ ยัยตัวแสบเอ้ย!”
หยกรีบเดินมาคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซค์ที่วางอยู่ข้างๆกรอบรูปตัวเองในชุดนักเรียนนายร้อยตำรวจ แต่มือพลาด ไปโดนทำให้กรอบรูปตกแตก...เพล้ง! ชายหนุ่มชะงักหยิบกรอบรูปตัวเองขึ้นมาดูรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี
กิ่งเหมยถูกกิจชัยผลักไหล่จนเซ
“อย่ามาทำซ่าส์กับฉันดีกว่ากิ่งเหมย แกกับอาม่าไม่จ่ายค่าคุ้มครองให้พวกฉัน เพราะ ฉะนั้นพวกแกไม่มีสิทธิ์มาขายของตรงนี้”
กิ่งเหมยจ้องหน้าเอาเรื่องไม่พอใจ ส้มเช้งรีบเข้ามาดึงแขน
“แก...ฉันว่าอย่าไปยุ่งกับพวกมันดีกว่า”
“ถ้ายอมมันก็เท่ากับว่าต้องยอมไปตลอดน่ะสิ ที่ตรงนี้ใครๆก็มีสิทธิ์ขายของกันทั้งนั้น ไอ้กิจชัย...แกต่างหากที่ต้องจ่ายค่าเสียหายที่พวกแกทำลายข้าวของของฉัน”
“เฮ้ยพวกเอ็งได้ยินรึเปล่าวะ...นังกิ่งเหมยมันอยากให้ข้าจ่ายค่าเสียหายให้มันว่ะ”
กิจชัยหันไปหัวเราะกับพวกลูกน้องเสียงดังลั่น เท่านั้นไม่พอมันยังตอกย้ำด้วยการถีบโต๊ะเก้าอี้จนพังไม่มีชิ้นดี
“แกบอกฉันมาอีกทีสิวะนังกิ่งเหมย ว่าแกอยากได้อะไรจากฉัน”
พวกมันถล่มพังร้านของกิ่งเหมยอย่างมันส์มือไม่สนใจ กิ่งเหมยเดือดดาลขบกรามแน่นเจ็บใจหันไปที่หม้อต้มน้ำเต้าหู้ซึ่งกำลังเดือดปุดๆ ใช้ถ้วยตักน้ำเต้าหู้เดือดสาดใส่ พวกลูกน้องกิจชัยทันที พวกมันร้องโอดครวญดิ้นพราดๆ กิจชัยตวาด
“อีกิ่งเหมย...หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
กิ่งเหมยไม่ยอมหยุดสาดน้ำเต้าหู้เดือดใส่ไม่ยั้ง กิจชัยเลยชักปืนออกมา
“นังนี่...ไม่หยุดใช่มั้ย”
“กิ่งเหมย...มันมีปืนหนีเร็ว”
ส้มเช้งรีบเข้าไปฉุดแขนพากิ่งเหมยหนีออกไปพร้อมกับอาม่าทันที กิจชัยเจ็บใจ
“เฮ้ย...ตามมันไป”
กิ่งเหมยพาอาม่าวิ่งหนีพวกกิจชัย เข้าไปในตรอกศาลเจ้าอย่างเหนื่อบหอบ
“ส้มเช้ง...แกพาอาม่ากลับไปศาลเจ้า ฉันจะล่อพวกมันไปอีกทาง”กิ่งเหมยเป็นห่วงอาม่า
“อาเหมย...เรียกตำรวจดีกว่า”อาม่ารีบบอก
“ตอนนี้ไม่ทันแล้วอาม่า ไม่ต้องห่วงนะ เหมยไม่เป็นอะไรหรอก ส้มเช้งรีบพาอาม่าไปเร็ว”
“ระวังตัวด้วยนะแก”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับแล้วให้ส้มเช้งพาอาม่าออกไป ก่อนจะหันไปทางพวกลูกน้องกิจชัยที่ไล่ตามมาแล้ววิ่งหนีไป อีกทาง หลอกล่อให้พวกมันไล่ตามตนเองไป
กิ่งเหมยวิ่งหนีเข้ามาในบริเวณตรอก แล้วต้องชะงักเมื่อเจอลูกน้องกิจชัยมาดักทางข้างหน้า พอจะ ถอยกลับแต่ก็เจอพวกมันเข้ามาปิดทางอีก พวกผู้หญิงกรูกันเข้ามาจิกหัวกิ่งเหมยแล้วระดมตบ กิ่งเหมยสู้กลับรับมือได้ แต่ก็ถูกพวกผู้ชายเข้ามาจับล็อคตัว
“ปล่อยนะ...ปล่อยฉัน”
กิ่งเหมยพยายามขัดขืนแต่สู้แรงพวกมันไม่ได้ พวกผู้หญิงชักมีดสปริงออกมาคิดจะกรีดหน้าเธอ แต่ทันใดนั้น เสียงบิดมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่ม...พวกลูกน้องกิจชัยหันไปเห็นหยกหน้าตาเอาเรื่องบิดคันเร่งจนล้อฟรี
“ไอ้หยก!”
ล้อมอเตอร์ไซค์ของหยกบดถนนจนควันขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่ พวกลูกน้องกิจชัยพากันแตกฮือหนี บางคนโดนเฉี่ยว จนล้มกลิ้งเพราะโดนหยกปัดท้ายมอเตอร์ไซค์ใส่
“กิ่งเหมย...ขึ้นมาเร็ว”
กิ่งเหมยรีบกระโดดซ้อนท้ายกอดหยกแน่นแล้วออกไปด้วยกัน
หยกบิดมอเตอร์ไซค์พากิ่งเหมยลัดเลาะไปตามความวกวนของตรอกศาลเจ้า จนออกมาที่ท่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา หยกเบรกเอี๊ยด ล้อมอเตอร์ไซค์บดถนนจนควันขึ้นโขมง เขาถอดหมวกกันน็อคออกจ้องเขม็งไปที่กิจชัย ซึ่งถือปืนเล็งมาที่เขากับกิ่งเหมย
“เอาสิไอ้หยก...หนีอีกสิวะ ข้าให้ทางรอดเอ็งสองทาง ลงไปตายอยู่ในแม่น้ำหรือไม่ก็ ตายเพราะลูกปืนข้า”
“ไอ้กิจชัย...แกนั่นแหละที่จะไม่รอด ฉันเอาแกเข้าคุกได้นะเว้ย”
กิจชัยหัวเราะกวน
“ถุย! ไอ้หยก ตอนนี้แกมันก็แค่นักเรียนตำรวจ อย่าทำเป็นอวดเก่งไป หน่อยเลย เดี๋ยวก็เหนี่ยวให้พิการเลย”
กิจชัยขึ้นไกเตรียมจะยิงหยก กิ่งเหมยตกใจรีบดึงแขนหยก
“เธอรีบหนีไปเถอะหยก อย่าเอาอนาคตเธอมาเสี่ยงกับพวกกากเดนสังคมอย่างมันเลย”
“เธอนั่นแหละที่ต้องหนีไป ฉันไม่กลัวมันหรอก ไอ้กระจอกอย่างมันฉันรับมือได้”
“เฮ้ย...ไม่ต้องแย่งกันเป็นพระเอกนางเอกหรอก ข้าไม่ชอบละครน้ำเน่า”
กิจชัยยิ้มร้ายนิ้วแตะไกจะยิง แต่ทันใดนั้นกิจชัยก็โดนสลึงที่โผล่มาอย่างไม่รู้ตัวตีด้วยไม้เข้ามือจนปืนตก อ่างเดินหน้าโหดเอาเรื่องเข้ามา
“คะ...คะ...คิดจะเล่นหลานข้า มัน...มัน...มันไม่ง่ายหรอกเว้ย”
อ่างเตะเสยปลายคางทีเดียวกิจชัยหงายหลังตึงสลบเหมือด หยกกับกิ่งเหมยดีใจ ที่อ่างกับสลึง สองพี่น้องร้านมอเตอร์ไซด์มาช่วยไว้
ในร้านมอเตอร์ไซค์สองพี่น้อง...หยกช่วยเอาผ้ามาประคบหน้ากิ่งเหมยซึ่งมีรอยฟกช้ำจากการถูกพวกลูกน้องกิจชัยตบ
“โอ๊ย ! แสบนะหยก นี่หน้าคนนะไม่ใช่หนังกลอง เบาๆหน่อยไม่เป็นเหรอไง”
“ทีอย่างนี้ล่ะทำร้องเจ็บ ทีตอนไปมีเรื่องกับมัน ไม่คิดบ้างว่าจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน”
“คนอื่นที่ว่าน่ะ...ถ้าหมายถึงเธอล่ะก็ ฉันไม่ได้เป็นคนขอร้องให้เธอมาช่วยฉันนะ”
“เหรอ...แล้วถ้าไม่ใช่ไอ้หยกตามไปช่วย ป่านนี้เธอถูกพวกมันกรีดหน้าให้เสียโฉมแล้ว”
“เหรอ...แล้วเธอคิดว่าผู้หญิงหน้าสวยๆอย่างฉันจะยอมปล่อยให้มันกรีดหน้าเล่นงั้นสิ”
อ่างเข้ามา
“จะ...จะเลิกทะเลาะกันได้รึยัง กิน...กิน...กินข้าวแทบจะหม้อเดียวกัน ถะ...ถะ.. แถมยังแก้ผ้ากระโดดน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เบื่อจะเถียงกันมั่งเหรอไง”
กิ่งเหมยโวยลั่น
“น้า! ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้น้าเอาเรื่องโดดน้ำมาพูดอีก”
“จะ...จะอายทำไมล่ะ ก็พวกเอ็งเคยแก้ผ้าโดดน้ำด้วยกันจริงๆ”
“น้า!”
กิ่งเหมยอายหน้าแดงงอนตุ๊บป่อง หยกตัดบท
“เอาล่ะๆ...ยังไงครั้งนี้ถือว่าเธอติดหนี้ฉันก็แล้วกัน แล้วก็อย่าให้พ่อฉันรู้ว่าฉันไปมีเรื่อง กับพวกนักเลง ไม่งั้นโดนพ่อเล่นงานหนักแน่ เข้าใจมั้ย”
หยกชี้นิ้วใส่หน้าเลยโดนกิ่งเหมยจับนิ้วมากัดไปเต็มๆ หยกร้องลั่น สลึงเข้ามาสะกิด หยกโวย
“น้าไม่ต้องมาห้ามผม”
“ข้าไม่ได้ห้าม แต่ข้าจะเตือน”
“เตือนอะไรน้า”
สลึงชี้ไปที่หน้าร้านให้หยกดูว่าคมทวนมายืนอยู่ได้พักใหญ่แล้ว สีหน้าคมทวนดูไม่ค่อยพอใจ
“พ่อ!”
คมทวนหน้านิ่งเดินออกไปแสดงอาการว่าไม่พอใจ กิ่งเหมยเป็นห่วงหยก
“หยก...ให้ฉันไปคุยกับพ่อเธอเอง”
“ไม่ต้องหรอก เธอกลับไปหาอาม่าเถอะ คนอย่างพ่อเคยฟังใครที่ไหน”
หยกพูดไปก็หน้าเครียด กิ่งเหมยไม่สบายใจมองหยก
คมทวนทำความสะอาดนวมอยู่คนเดียวเงียบๆ หยกเข้ามาอธิบาย
“ผมไม่ได้อยากมีเรื่องกับพวกนักเลงนะพ่อ แต่ผมต้องช่วยกิ่งเหมย”
“เอ็งมีวิธีช่วยเพื่อนเอ็งตั้งหลายอย่าง แต่เอ็งกลับเลือกเอาอนาคตไปเสี่ยงกับไอ้พวกนั้น ถ้าเขาไล่เอ็งออกจากโรงเรียน หมดอนาคตได้เป็นตำรวจ มันคุ้มมั้ย...ไอ้หยก!”
“พ่อก็เป็นอย่างนี้แหละ ห่วงแต่ว่าฉันจะไม่ได้เป็นตำรวจ แต่พ่อไม่เคยสนใจหรอกว่าฉัน อยากทำอะไร”
“ไอ้หยก!”
คมทวนไม่พอใจเดินเข้าไปจ้องหน้าลูกชาย แต่แทนที่หยกจะหลบตากลับมองตอบ
“ถึงเอ็งจะว่าข้าบังคับชีวิตเอ็งข้าก็ไม่สน เพราะเวลาที่เอ็งหิวก็ข้านี่แหละป้อนข้าวเอ็ง เวลาเอ็งเจ็บตัวได้แผลกลับมา ก็ข้านี่แหละที่ทำแผลให้เอ็ง แล้วเวลาที่เอ็งร้องไห้ฝัน ร้ายคิดถึงแม่ ก็ข้านี่แหละที่กล่อมเอ็งจนหลับ”
“เรื่องกตัญญูฉันไม่เคยไม่มีให้พ่อ ฉันสำนึกบุญคุณพ่อเสมอ”
“งั้นเอ็งก็ต้องเลิกเถียงข้า ทำตามที่ข้าสั่งทุกอย่าง กลับไปย้ายข้าวของเอ็งกลับมา”
“ไม่…ฉันโตแล้วนะพ่อ ฉันอยากมีอิสระ”
“ไอ้หยก…นี่…ที่เอ็งไม่ฟังข้าแล้ว เพราะเอ็งโกรธที่ข้าสั่งห้ามไม่ให้เอ็งตามหาพ่อแท้ๆของ เอ็งใช่มั้ย!”
คมทวนกับหยกมองหน้าสู้สายตากัน
เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่เข้ามาจอดขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ เจ้าสัวเล้ง ชายวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐานหน้าตาเคร่งขรึมยืนมองท่าเรือด้วยความภาคภูมิใจ ระหว่างนั้น ดวงแข เมียสาวสวยของเขา เข้ามาพร้อมกับนนท์ ลูกน้องคนสนิทของเจ้าสัวและลูกน้องอีกหลายคน
“เครื่องบินที่คุณมานพโดยสารมา กำลังจะถึงสนามบินแล้วครับท่าน ผมส่งคนไปรอแล้ว”
“บอกให้ตรงมาที่นี่เลย”
“ครับท่าน”
ดวงข้าไปถามอย่างอ้อนๆ
“คุณคะ ตกลงจะไม่บอกให้แขรู้เลยเหรอคะว่า เตรียมอะไรไว้รับขวัญมานพ”
เล้งยิ้มบางๆ
“ถ้าบอกก่อนแล้วจะเรียกว่าเซอร์ไพรซ์ได้ยังไง แต่เธอไม่ต้องห่วง สายเลือดคนเดียวของ ฉัน สิ่งที่เขาจะได้คือสิ่งที่ฉันเตรียมไว้เพื่อเขาแล้วเท่านั้น”
เล้งพูดไปก็หันไปมองท่าเรือด้วยความภาคภูมิใจ ดวงแขมองเล้ง แอบยิ้มพอใจ เพราะพอเดาออกว่าเขาเตรียมอะไรไว้ให้ลูกชายตัวเอง
หยกกับคมทวนมองหน้ากัน ด้วยปมปัญหาที่หมักหมมมานานระหว่างพ่อลูก
“ไอ้หยก..ปากเอ็งบอกว่ากตัญญู แต่ถ้าเอ็งไม่คิดจะทำให้ข้าสบายใจ เอ็งก็ไปซะ ข้าไม่ อยากเห็นหน้าเอ็งอีก”
“พ่อ”
คมทวนน้อยใจและเสียใจ หันไปกวาดนวมบนฉันลงมาดัง...โครม!
“ข้าบอกให้ไปไง เอ็งจะไปหัวหกก้นขวิดที่ไหนก็เรื่องของเอ็ง ข้ามันเลี้ยงเอ็งมาได้แต่ตัว”
หยกกำหมัดแน่นน้ำตาซึม แล้วเข้าไปคุกเข่าพนมมือ
“ถึงในตัวฉันจะไม่มีเลือดของพ่ออยู่แม้แต่หยดเดียว แต่ฉันก็มีพ่อเป็นพ่ออยู่แค่คนเดียว ฉันสัญญาว่าฉันจะเป็นตำรวจเพื่อให้พ่อภูมิใจให้ได้”
หยกก้มลงกราบที่เท้าของคมทวนนิ่งไปครู่ ก่อนจะลุกขึ้นมาปาดน้ำตาลูกผู้ชายแล้วเดินจากไป คมทวนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร จนหยกจากไปแล้วคมทวนจึงหันมามองตาม น้ำตาเอ่อเหมือนกัน
เล้งมองนาฬิกาหรูบนข้อมือ
“นนท์...ลูกชายฉันถึงไหนแล้ว”
“สักครู่นะครับท่าน”
นนท์เดินออกไปใช้โทรศัพท์โทรเช็ค ดวงแขหันมาเกาะแขนเล้ง
“แหม...แขว่าคุณใจร้อนอยากเจอหน้าลูกชายมากกว่าแขซะอีก”
“ใช่...ฉันใจร้อน แต่ที่ฉันส่งมานพไปเรียนเพราะอนาคตมันต้องแบกภาระธุรกิจของฉัน กลับมาคราวนี้ฉันจะให้มันเริ่มงานเลยทันที”
“แต่คุณให้มานพเรียนตั้งหลายอย่าง อยู่โน่นก็มีแต่เรียน น่าจะให้เขาเที่ยวพักผ่อนก่อน”
“ถ้าฉันเลี้ยงลูกเหมือนเธอ ตอนที่ธุรกิจของตระกูลฉันพังไม่เหลืออะไร ฉันก็คงกลับมายิ่ง ใหญ่อย่างทุกวันนี้ไม่ได้ คงได้แต่นอนกอดขี้เถ้าคนตายไปแล้ว”
ดวงแขหน้าเสียที่ถูกต่อว่า ระหว่างนั้นนนท์เข้ามารายงาน
“ท่านครับ”
“ว่าไง”
นนท์กระซิบบอกบางอย่าง เล้งชักสีหน้าไม่พอใจรีบเข้าไปบีบแขนดวงแขตะคอกถาม
“ลูกชายฉันหายหัวไปไหน...บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะดวงแข”
ดวงแขตกใจ
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 1 (ต่อ)
บรรยากาศปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำในคอนโดหรูมากกมายไปด้วยลูกหลานไฮโซทั้งชายทั้งหญิง ผู้หญิงสวมใส่ชุด ว่ายน้ำทั้งวันพีซ ทูพีซ บ้างกระโดดน้ำ บ้างลอยคอกอดรัดนัวเนียกับผู้ชาย
เสียงเพลงดังกระหึ่ม มานพนั่งโอบกอดนางแบบสาวสวยในชุดทูพีซอย่างอารมณ์ดี นางแบบสาวอีก คนเดินเซๆ ยิ้มแบบพริ้มๆเข้ามานั่งตักมานพ
“นพ...ของที่เธอเอามาให้พวกเราปาร์ตี้ สุดยอดจริงๆ เอามาจากไหนเหรอ”
มานพยิ้ม
“ถ้าพวกเธอชอบ ฉันก็มีมาให้อีกไม่อั้น สนุกกันให้เต็มที่เลย”
นางแบบสาวหอมแก้มมานพแล้วจูงมือนางแบบที่มานพโอบกอดอยู่ พากันหายเข้าไปอัพยาด้วยกัน ระหว่างนั้นชาญลูกน้องของมานพเดินเข้ามา
“คุณนพครับ...ท่านรู้เรื่องคุณนพแล้วนะครับ”
“งั้นก็หมายความว่าหมดเวลาสนุกของฉันแล้วน่ะสิ...เซ็งว่ะ”
มานพหงุดหงิดอารมณ์ไม่ค่อยดีขึ้นมาทันที
ในห้องสูทคอนโดหรูหรากว้างขวางและตกแต่งอย่างดี ดุจแพร ลูกสาวของตงนักธุรกิจชื่อดัง เดินดูทุกอย่างในห้องอย่างสนใจ ป้าจั่น ซึ่งเป็นพี่เลี้ยงเข้ามากระซิบ
“คุณหนูคะ...ป้าว่า...แพงไปหน่อยนะคะ”
“ไม่หน่อยหรอกค่ะป้า...แพงมากต่างหาก”
“งั้นเราก็ไปเถอะค่ะ”
“เดี๋ยวสิป้า แต่แพงแบบนี้สิดี...ดุจชอบ ดุจจะซื้อค่ะ”
ป้าจั่นตกใจ
“คุณหนู!”
“ไม่ต้องตกใจหรอกป้าจั่น ดุจไม่ซื้อไว้อยู่เองหรอก อยู่บ้านให้ป๋าเลี้ยงสบายกว่าตั้งเยอะ แต่ที่แถวนี้ทำเลทอง อีกไม่นานรถไฟฟ้าก็ผ่าน ถ้าเก็บไว้เก็งกำไรล่ะก็คุ้มกว่าเอาเงินไป ฝากธนาคารอีก”
“แต่เงินเก็บของคุณหนูยังไงก็ไม่พอซื้อหรอกนะคะ”
“จะไปยากอะไรป้า...แค่ดุจอ้อนป๋านิดๆหน่อยๆ ป๋าก็ยอมดุจทุกอย่างแล้ว ป้าไปรอดุจที่ รถนะ เดี๋ยวดุจทำสัญญาเสร็จแล้วจะตามไป”
ดุจแพรบอกป้าจั่นแล้วเดินไปคุยกับพนักงานขาย ป้าจั่นมองตามแล้วยิ้มในความน่ารักและเก่งของดุจแพร
มานพโอบเอวนางแบบนุ่งกระโปรงสั้น เดินมากดเรียกลิฟต์จะลงไปฉันล่าง ประตูลิฟต์เปิด ดุจแพรอยู่ในลิฟต์คนเดียว มานพควงนางแบบเข้าไปในลิฟต์หลังจากประตูลิฟต์ปิดและกำลังลงไป ดุจแพรรู้สึกอึดอัดและไม่ค่อยพอใจเพราะผู้ชายที่ควงนางแบบสาวเข้ามา เล่นกอดจูบนัวเนียกันอย่างไม่มียางอาย เสียงหัวเราะต่อกระซิกกันทำให้ดุจแพรต้องกระแอมเตือน มานพหยุดหันไปมองดุจแพรส่งยิ้มปนกวนให้แล้วหันไปกอดจูบกับนางแบบต่ออย่างไม่แคร์ ดุจแพรอึ้งพึมพำ
“โรคจิต!”
ประตูลิฟต์เปิดที่โถงฉันล่าง ดุจแพรไม่พอใจเดินออกมาเจอป้าจั่นที่รออยู่
“เป็นอะไรไปคะคุณหนู”
“จะบ้าตายน่ะสิคะคุณป้า เจอไอ้พวกโรคจิต”
ป้าจั่นหน้าตื่นตกใจ
“โรคจิต! ไหนคะ”
ดุจแพรหางตากลับไปมองที่มานพซึ่งควงนางแบบหุ่นดีเดินตามมา ป้าจั่นมองตาม
“เนี่ยนะคะโรคจิต...ดูหน้าตาดีนี่คะ”
“ดีอะไรล่ะป้า อย่างกับพวกมาเฟีย รีบไปเถอะ...ดุจสะอิดสะเอียน”
ดุจแพรรีบดึงแขนพาป้าจั่นพาออกไป มานพส่งนางแบบขึ้นรถที่จอดรอให้ออกไปก่อนแล้วหันไปสั่งชาญ
“เห็นผู้หญิงที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้นี้มั้ย”
“ที่ออกมาจากลิฟต์พร้อมคุณมานพเหรอครับ”
“ใช่...ไปสืบมาให้หน่อยว่าเป็นใคร สวยถูกใจฉันว่ะ”
“ครับคุณมานพ”
มานพยิ้มๆ เมื่อนึกถึงความน่ารักของดุจแพร
เล้งบีบแขนพาดวงแขมาคุยอย่างไม่พอใจ
“บอกฉันมา ลูกชายฉันมันหายหัวไปไหน”
“แขไม่รู้ค่ะ...แขก็มากับคุณแล้วจะไปรู้ได้ยังไงว่าตานพหายไปไหน”ดวงแขบอกอย่างกลัวๆ
“อย่ามาย้อนฉัน เพราะเธอเอาแต่โอ๋ลูกฉัน ตามใจมันจนจะเสียคนอยู่แล้ว”
“ตานพไม่เสียคนหรอกค่ะ ก็คงหนีเที่ยวตามประสาวัยเขา พอเที่ยวเบื่อแล้วก็กลับมา ช่วยงานคุณแน่”
“ลูกฉันมันต้องเป็นมังกร มันจะต้องทำให้ตระกูลมังกรวารีของฉันยิ่งใหญ่ แต่ถ้ามันทำ ตัวเป็นได้แค่กิ้งกือ ฉันก็จะไม่เอามันไว้”
“คุณกล้าพอจะตัดเขาออกจากชีวิตคุณได้เหรอคะ ในเมื่อมานพคือสายเลือดมังกรวารี คนเดียวที่เหลือรอดของคุณ”
เล้งชะงักและมือที่บีบแขนดวงแขไว้แน่นเริ่มคลายออกแล้วมองไปที่ท่าเรืออันใหญ่โตมโหราฬมูลค่านับพันล้าน นึกถึงอดีต....
เมื่อ 20 ปีก่อน...ในห้องจัดเลี้ยงโรงแรมมีงานแถลงข่าวเปิดตัว
“โครงการท่าเรือ SIAM BAY โดย Red Dragon Group”
ลูกชายวัย 8 ขวบของเล้งวิ่งเล่นสนุกสนานไปมารอบๆแบบจำลองโครงการท่าเรือ พราวแสงซึ่งเป็นพนักงานเสิร์ฟ ถือถาดเครื่องดื่มเดินผ่านเข้ามา ลูกชายเล้งวิ่งมาชนทำให้พราวแสงทำเครื่องดื่มตกแตก เล้งเข้ามาเห็นพอดี
“อาตี๋ ! ทำไมถึงได้ซนแบบนี้”
พราวแสงรีบบอก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณ ดิฉันต่างหากที่ไม่ทันมอง”
เล้งรีบเข้าไปช่วยเก็บถาดที่ตกพื้นทำให้มือไปแตะโดนมือพราวแสง สบตากันถูกชะตาเพราะความสวย
“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันจะไปตามแม่บ้านให้รีบมาทำความสะอาด”
พราวแสงรีบเดินออกไป เล้งมองตามอยู่ครู่จึงหันมาที่ลูกชายซึ่งภรรยาของเขาเข้ามาพอดี
“ทำไมเธอปล่อยลูกให้มาวิ่งเล่นแบบนี้ งานแถลงข่าวกำลังจะเริ่มแล้ว ถ้าอาตี๋ทำข้าวของ พังขึ้นมา ฉันจะเสียหน้านะ”
“ขอโทษค่ะคุณ...ฉันจะพาอาตี๋ขึ้นไปอยู่บนห้อง”
“เดี๋ยว...ไม่ต้อง ให้อยู่ในงานนี่แหละ ฉันอยากให้ลูกชายฉันเห็นความยิ่งใหญ่ที่ฉันกำลัง จะสร้างขึ้น” เล้งเข้าไปลูบหัวลูกชาย “อย่าซนนะอาตี๋...สิ่งที่จะเห็นต่อไปนี้ มันจะเป็นของลื้อใน อนาคต”
ลูกชายพยักหน้ารับ ภรรยาเล้งพาลูกออกไป ระหว่างนั้นเล้งหันไปเห็นดวงแขแต่งชุดสวยเข้ามา ในงานโบกมือให้แต่เล้งไม่พอใจ
ดวงแขถูกเล้งฉุดกระชากออกมาที่มุมหนึ่ง
“เธอมาที่นี่ทำไม...ฉันสั่งแล้วใช่มั้ยว่าอย่าโผล่หน้ามาให้เมียฉันเห็น”
“เมียคุณไม่รู้เรื่องของเรา หน้าตาฉันเธอก็ไม่รู้จัก ต่อให้นั่งโต๊ะเดียวกันก็ไม่รู้หรอกว่าฉัน เป็นเมียน้อยคุณ”
“ดวงแข!”
“ฉันขอโทษ...แต่ฉันไม่อยากอยู่เฉยๆในวันสำคัญของคุณ ฉันก็อยากมาดูความสำเร็จ ที่คุณภาคภูมิใจ จะได้กลับไปเล่าให้มานพฟังว่าพ่อเขาเก่งมากแค่ไหน”
เล้งบีบปากดวงแขทันที
“ถ้าเธอไม่หุบปากเรื่องนี้ล่ะก็ เธอกับลูกจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแน่”
“คุณ...ฉัน...ฉันเจ็บ”
เล้งจ้องหน้าดวงแขอย่างไม่พอใจแล้วผลักดวงแขไปทางโหงว ซึ่งเป็นผู้ช่วยบิดาของเขาก่อตั้งบริษัทจนเติบโต
“เฮียโหงว...พาดวงแขออกไปอย่าให้มาเกะกะในงาน”
“อาเล้ง เฮียว่ามีอะไรก็พูดกันดีๆ อย่าลงไม้ลงมือเลย”
“เฮียโหงว พ่อผมตายไปแล้ว เพราะฉะนั้นผมไม่จำเป็นต้องฟังคำแนะนำของเฮียอีก เฮียนั่นแหละที่ต้องฟังคำสั่งผมอย่างเดียว พาดวงแขออกไป”
เล้งขึ้นเสียงข่ม โหงวจำเป็นต้องทำตามพาดวงแขออกไป เล้งมองตาม
ภายในงาน...เสียงปรบมือดังขึ้นดังสนั่น ขณะที่เล้งเดินขึ้นไปที่โพเดียม แสงไฟแฟลชวูบวาบ แต่ยังไม่ทันที่จะกล่าวเปิด งาน เสียงปืนก็ดังติดๆกันหลายนัด...เปรี้ยงๆๆๆๆ
ผู้คนในงานแตกตื่นตกใจหวีดร้อง กลุ่มมือปืนสวมหมวกไหมพรมบุกเข้ามากราดยิงใส่อย่างไม่ลืมหูลืมตา เล้งอยู่บนเวทีเห็นลูกกับเมียตัวเองกำลังยืนตกใจอยู่กลางงาน เล้งรีบกระโดดลงมาจะเข้าไปช่วยแต่มือปืน คนหนึ่งเข้ามายกปืนจะยิง เล้งหันไปเห็นพอดีเลยคว้าขวดแชมเปญฟาดใส่มันจนปืนตก มันโผเข้าหาเล้งแล้ว แลกหมัดซัดกันนัว แต่เล้งก็พลาดท่าถูกมันใช้มีดพกเสียบเข้าที่ไหล่ พร้อมกับได้ยินเสียงร้องของภรรยา
“อาตี๋!”
เล้งหันไปเห็นภรรยากอดลูกชายที่ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือด เท่านั้นไม่พอพวกมันยังเข้ามาจ่อประชิดแล้วยิงภรรยาตายต่อหน้าต่อตาทั้งแม่ทั้งลูกอย่างโหดเหี้ยม เล้งอึ้งตะลึง พวกมันจะเข้ามายิงเล้งให้ตายไปตามกัน แต่พราวแสงเข้ามาใช้ขวดแชมเปญฟาดหัวมันจนเสียจังหวะก่อนจะเข้าไปจับมือเล้ง
“รีบหนีเถอะค่ะคุณ…ไปเร็ว”
พราวแสงช่วยพยุงเล้งขึ้นมาแล้วรีบพาออกไปจากห้องจัดเลี้ยงทันทีทิ้งภาพเล้งหันมามองศพลูกกับภรรยาตัวเองที่นอนตายจมกองเลือดและความพินาศย่อยยับที่เกิดขึ้น
พราวแสงพยุงเล้งออกมาที่ลานจอดรถหนีการตามล่าพวกมือปืนที่ยังไล่ตาม พราวแสงเห็นมีรถกระบะส่งของที่คนงานเสียบกุญแจรถคาเอาไว้เธอรีบพาเล้งซึ่งเสียเลือดมากจนแทบ จะไม่มีแรงเข้าไปในรถ ระหว่างนั้นโหงวรีบตามออกมาเห็นเล้งกำลังถูกพาขึ้นรถกระบะ
“อาเล้ง!”
เล้งหันไปเห็นโหงวแล้วหน้าเครียดคิดหนัก พราวแสงหันมาถาม
“คุณ...เขาช่วยคุณได้รึเปล่า”
เล้งคิ้วขมวดคิดหนัก พราวแสงเรียก
“คุณ”
เล้งตัดสินใจ
“ถ้าจะมีคนคิดฆ่าฉัน ก็มีแต่มันคนเดียวนี่แหละ”
โหงวเรียก
“อาเล้ง...อาเล้ง”
พราวแสงถามย้ำ
“แน่ใจนะคุณ”
“ฉันจะตายตอนนี้ไม่ได้ เธอต้องพาฉันไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
พราวแสงไม่เข้าใจตัดสินใจ แต่ทำตามที่เล้งสั่ง เข้าเกียร์เหยียบคันเร่งพุ่งทะยานออกไปทันที โหงวไล่ตามมาไม่ทันได้แต่ยืนมองตามหลัง เห็นเล้งมองผ่านกระจกหลังมาที่ตน
“เล้ง...เล้ง!”
โหงวกับเล้งมองตากันเห็นแววตาโหงวเจ็บใจที่ฆ่าเล้งไม่ได้
พราวแสงพยุงเล้งที่บาดเจ็บเลือดชุ่มไหลผ่านแขนหยดเป็นทางยาวเข้ามาที่เรือนแพริมแม่น้ำ พลางบอก...
“ที่นี่ปลอดภัยที่สุดแล้วค่ะคุณ เป็นบ้านเก่าของพ่อแม่ฉันเอง”
“มีใครรู้จักที่นี่อีกบ้าง”
“ไม่มีหรอกค่ะ มีแต่ฉันคนเดียว”
เล้งพยักหน้ารับ แต่หน้าเริ่มซีดเพราะเสียเลือดไปมาก
“ฉันว่าให้ฉันไปแจ้งตำรวจ แล้วพาคุณไปหาหมอไม่ดีกว่าเหรอ”
“ไม่ได้...มีแต่คนที่อยากให้ฉันตาย ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น”
“แต่อาการคุณไม่ค่อยดีเลย”
“ฉัน...ฉัน...ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ว่าแต่...เธอ...เธอชื่ออะไร”
“ฉันชื่อพราวแสง”
“พราว...พราวแสง”
เล้งยิ้มให้พราวแสงอย่างอ่อนแรงก่อนจะฟุบหมดสติแน่นิ่งไป พราวแสงตกใจ
“คุณ....คุณ...คุณ !”
หลายวันต่อมา...เล้งอาการดีขึ้นมาก เดินออกมาจากเรือนแพมองไปตลิ่ง เห็นพราวแสงกำลังตักบาตรให้พระที่พายเรือมารับบาตร ภาพของพราวแสงสวยงามรับกับแสงอาทิตย์ยามเช้าจนเขาอดมองเธอนิ่งนานไม่ได้ เล้งมองพราวแสงแล้วคิดตัดสินใจอะไรบางอย่างที่เด็ดเดี่ยวและเอาจริง
พราวแสงตักบาตรเสร็จถือถาดเข้ามาที่เรือนแพแล้วเรียกหา
“คุณ...คุณ”
พราวแสงเริ่มสงสัยหาดูจนทั่วเรือนแพก็ไม่พบเลยหน้าเสีย
“โธ่เอ้ย...อย่าทำโง่ๆอย่างนั้นนะคุณ”
โหงวนั่งรถเข้ามาที่บริเวณก่อสร้างท่าเรือ เพื่อมาดูความคืบหน้าของการก่อสร้าง เขาลงจากรถมีพวกวิศวกรคุมก่อสร้างเข้ามาคุยด้วย โหงวโวยวาย
“ทำไมงานถึงไม่คืบหน้าเลย บริษัทไม่ได้เสียเงินจ้างพวกแกให้มานั่งๆนอนๆนะเว้ย”
“เจ้าสัวไม่อยู่ เลยไม่มีใครกล้าตัดสินใจครับ”
โหงวกระชากคอมาตะคอกทันที
“เจ้าสัวตายไปแล้ว...คนที่ตัดสินใจคือฉัน”
โหงวผลักวิศวกรจนเซแล้วหันไปบอกลูกน้อง 2 คน
“พวกแกรออยู่ที่นี่ ฉันจะเข้าไปสั่งงาน”
ลูกน้อง 2 คนรับคำส่วนอีกคนตามโหงวกับวิศวกรเข้าไปด้านในเขตก่อสร้าง เล้งซึ่งแอบซุ่มดูอยู่ห่างๆ มองอย่างอาฆาตแค้น แล้วค่อยๆย่องเงียบเข้าไปข้างหลัง ลูกน้องคนแรกจัดการใช้มือเปล่าปิดปากหักคอมัน แต่อีกคนหันมาเห็นเล้งเลยชักมีดที่พกติดตัวมาด้วยปาใส่..ฉึก มีดเสียบคอมันตายคาที่ เล้งหยิบเอาปืนพกของลูกน้องโหงวมาขึ้นลำ แล้วตามเข้ามาในบริเวณก่อสร้างเห็นโหงวกำลังคุยเรื่องการก่อสร้างอยู่กับวิศวกร เล้งจ้องโหงวเขม็ง ภาพลูกเมียถูกมือปืนยิงตายต่อหน้าต่อตาแว่บเข้ามา เล้งขบกรามแน่น นิ้วแตะที่ไกปืนแล้วเล็งไปที่โหงว
“ไอ้สารเลว...แกต้องชดใช้ชีวิตให้ลูกเมียฉัน”
เล้งกำลังจะลั่นไกแต่พราวแสงเข้ามาจับมือ
“อย่านะคุณ”
“พราวแสง...คุณมาที่นี่ทำไม”
“ฉันตามคุณมาเพื่อจะห้ามคุณ”
“ถอยไป...มันฆ่าลูกเมียผมแล้วแย่งทุกอย่างไปจากผม มันต้องตาย”
“แล้วคิดเหรอว่าถ้าเลือดเปื้อนมือคุณแล้ว คุณจะกลับไปเป็นคนเดิมได้อีก”
เล้งนิ่งไป
“ให้ตำรวจจัดการเรื่องนี้เถอะ”
เล้งคิดอยู่ครู่แล้วตัดสินใจ
“ไม่...สมบัติทุกอย่างเป็นของตระกูลผม ถ้าปล่อยให้คนเลว อย่างมันเอาไปแล้วผมจะกราบไหว้บรรพบุรุษได้ยังไง”
เล้งผลักพราวแสงออกไปแล้วลั่นไกเปรี้ยง แต่กระสุนพลาดไปโดนขาโหงวร้องเสียงดังลั่น ลูกน้องที่ประกบ อยู่กับโหงวรีบชักปืนออกมายิงสวนและพลาดโดนต้นแขนของพราวแสง เล้งตกใจ
“พราวแสง!”
พราวแสงเลือดโชกแขน ลูกน้องโหงวยิงใส่เข้ามาอีก เล้งต้องรีบประครองพราวแสงหนีทันที โหงวเลือดเต็มขามองตามด้วยสายตาเคียดแค้น
“ตามไปฆ่ามันให้ได้สิเว้ย!”
เล้งรีบพาพราวแสงที่เลือดเต็มแขนเข้ามาในเรือนแพ
“เจ็บ...ฉันเจ็บจังเลย”
“ผมขอโทษนะพราวแสง...ผมจะไม่ปล่อยให้คุณเป็นอะไรเด็ดขาด”
เล้งหันไปหยิบกล่องยาแล้วช่วยฉีกแขนเสื้อพราวแสงออกพร้อมกับรีบช่วยทำแผลให้อย่างเป็นห่วง สองคนสบตากันด้วยแววตาห่วงหาอาทรต่อกันและกัน
พราวแสงนอนรักษาตัวอยู่ในเรือนแพ รู้สึกตัวว่าเรือนแพขยับออกจากริมตลิ่งก็รีบเดินออกมา เล้งยืนอยู่ที่ด้านนอกของเรือนแพในมือกำหยกรูปมังกรสีแดงเหมือนเลือด สมบัติประจำตระกูลเอาไว้ แล้วมองเรือ บรรทุกทรายที่กำลังชักลากเรือนแพให้ล่องไปตามลำน้ำ
“นั่นคุณทำอะไร”
“เราอยู่ที่เดิมไม่ได้ พวกมันอาจจะตามเราเจอ ผมเลยต้องให้เรือบรรทุกทรายพาเราล่อง ไปตามแม่น้ำ”
พราวแสงได้รับคำอธิบายก็พอจะเข้าใจจนรู้สึกเจ็บแผล เล้งเป็นห่วง
“แผลคุณยังไม่หายดี กลับเข้าไปข้างในเถอะ ผมจะช่วยล้างแผลให้”
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 1 (ต่อ)
เล้งช่วยปลดกระดุมเสื้อของพราวแสงออกเพื่อเปิดไหล่ข้างที่เป็นแผลถูกยิง ผิวพรรณของหญิงสาวขาวอมชมพูและเห็นเนินหน้าอกเล็กน้อย พราวแสงรู้สึกเขินอายไม่กล้าสบตาเขา
“ผมขอโทษที่ต้องดึงคุณมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“ไม่หรอก...ฉันต่างหากที่หาเรื่องใส่ตัวเอง เป็นเด็กเสิร์ฟดีๆไม่ชอบ หาเรื่องตื่นเต้นใส่ตัว ซะอย่างนั้น”
“คุณเป็นคนดีต่างหากพราวแสง...จะมีสักกี่คนบนโลกนี้ที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือคน ที่ไม่รู้จัก”
“บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าชีวิตฉันไม่เหลืออะไร พ่อแม่ก็ตาย ญาติพี่น้องก็ไม่มี ฉันเลย กล้าทำเรื่องบ้าๆแบบนั้น”
เล้งสงสาร
“ถ้าอย่างนั้นจากนี้ไปคุณจะมีทุกอย่าง...จะมีคนที่ห่วงคุณยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง”
เล้งพูดไปก็มองหญิงสาวด้วยสายตาจริงจัง จนเธออดรู้สึกใจเต้นไม่ได้
“ถ้าไม่มีคุณก้าวเข้ามาในชีวิตผม...ก็คงไม่มีผมในวันนี้ ผมสัญญาว่าจากนี้ไปทั้งชีวิตผม อยู่ในมือคุณคนเดียวแล้วนะพราวแสง”
เล้งพูดไปก็จับไหล่พราวแสง แล้วมองเธอลึกเข้าไปในดวงตา พราวแสงใจสั่นสะท้านเมื่อเขาค่อยๆบรรจงจูบเธอที่ หน้าผากแล้วจับเธอนอนลงบนพื้น สบตากันด้วยอารมณ์ใคร่
เรือนแพล่องไปตามลำน้ำตามเรือบรรทุกทราย พราวแสงยืนมองความสวยงามของลำน้ำแล้วสะดุ้งเมื่อเล้งเข้า มายืนข้างหลังและโอบกอดเธอเอาไว้
“ฉันทำให้เธอตกใจเหรอ”
“จ้ะ ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่”
“คิดอะไร...เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”
พราวแสงนิ่งไปสีหน้ากังวล
“พราวแสง...ถ้าเธอกลัวเรื่องอนาคตของเรา ฉันสัญญาว่าจะไม่เป็นแบบนั้น ทันทีที่เรา ล่องไปถึงนครสวรรค์ ฉันจะไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนของเตี่ยฉัน อิทธิพลของ เขาจะช่วยปกป้องเรา และช่วยให้ฉันกอบกู้สมบัติของตระกูลกลับมาได้”
“ถ้านั่นจะทำให้คุณสบายใจขึ้น ฉันก็ดีใจด้วย...แต่ฉันอยากรู้ว่า การล้างแค้นจะจบลง รึเปล่า...เพราะถ้า...”
พราวแสงนิ่งกังวล
“ทำไมเหรอพราวแสง”
“เปล่า...ไม่มีอะไร”
“เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ตราบใดที่เธอเป็นหนึ่งในคนของตระกูลฉัน ฉันจะปกป้องเธอ ด้วยชีวิต”
เล้งพูดไปก็ถอดสร้อย ที่มีหยกรูปมังกรสีแดงสมบัติประจำตระกูลมาสวมให้
“หยกมังกรวารีสมบัติประจำตระกูล ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นว่าชีวิตเธอมีค่าที่สุดสำหรับฉัน”
พราวแสงกำหยกมังกรวารีที่สวมคอแล้วมองเขา แต่ทันใดนั้นเสียงปืนดังลั่งไปทั่วคุ้งน้ำ...เปรี้ยง พราวแสงสะดุ้งเฮือกเลือดค่อยซึมออกมาจากหน้าอก
“พราวแสง!” เล้งตกใจ
เล้งหันไปทางต้นเสียง มองไปที่สะพานข้ามแม่น้ำ เห็นมือปืนลูกน้องของโหงวเป็นคนใช้ปืนติดลำกล้องยิงใส่ มือปืนกำลังจะยิงใส่อีกนัด เล้งจะประครองพราวแสงหนีแต่เธอกลับผลักเขา
“ไม่ต้องห่วงฉัน…คุณต้องมีชีวิตรอดต่อไป”
“ไม่นะพราวแสง…เราต้องไปด้วยกัน”
“ฉันอยู่กับความอาฆาตแค้นของคุณไม่ได้หรอก”
เปรี้ยง …เสียงปืนดังขึ้นอีก กระสุนเจาะร่างของพราวแสงอีกนัดทำให้เธอร่วงตกลงไปในน้ำทันที
“พราวแสง…พราวแสง!”
เล้งร้องลั่นเหมือนคนบ้าชักปืนที่พกหลังเอวออกมายิงใส่ไม่ยั้ง...เปรี้ยงๆๆๆๆ กระสุนถูกมือปืนแสกหน้าตายคาที่ เล้งรีบกระโดดลงไปในน้ำพยายามดำน้ำหาพราวแสงแต่หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
“พราวแสง…พราวแสง…พราวแสง!”
เสียงเรียกหาพราวแสงของเล้ง ดังเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วผืนน้ำ
โหงวเดินเขย่งเป๋ข้างซ้ายใช้ไม้เท้ายัน เป็นข้างที่ถูกเล้งยิง เดินกระเผลกไปมาอยู่ในคฤหาสน์รอฟังข่าวเรื่องเล้ง
“ทำไมป่านนี้มันยังไม่ติดต่อมาอีก แกไปดูสิ...ถ้ามันทำงานพลาดก็ฆ่ามันซะแล้วเอาชีวิต ไอ้เล้งมาให้ฉันให้ได้”
ลูกน้องกำลังจะออกไป แต่ต้องชะงักเพราะตำรวจหลายนายพากันเข้ามา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“เรามีหมายจับคุณ ข้อหาจ้างวานฆ่าเจ้าสัวเล้ง”
“ฉันเนี่ยนะจ้างวานฆ่าเจ้าสัว...กล่าวหาแบบนี้มันจะเกินไปหน่อยแล้วนะครับคุณตำรวจ”
“เรามีหลักฐานยืนยันว่าคุณเป็นผู้จ้างวานฆ่า”
“หลักฐานอะไร”
ตำรวจไม่ตอบ เพราะตำรวจอีกคนพาเล้งก้าวเข้ามายืนยัน
“ฉันไง...ไอ้สารเลว”
“เล้ง!”
โหงวตกใจหน้าเสียที่เจอเล้งรอดชีวิตกลับมา ตำรวจเข้าไปจับโหงวใส่กุญแจมือพร้อมกับลูกน้องแล้วคุมตัวไป
“ปล่อยฉัน…ปล่อยสิโว้ย…อาเล้ง ฉันขอโทษ ยกโทษให้ฉันด้วย…อาเล้ง…อาเล้ง”
เล้งยืนกำหมัดแน่นไม่สนใจปล่อยให้ตำรวจพาตัวโหงวออกไป ระหว่างนั้นดวงแขรีบเข้ามา
“คุณคะ”
“ดวงแข”
ดวงแขโผเข้ามาซบอกกอดเล้งอย่างดีใจ
“ฉันนึกว่าฉันจะช่วยคุณไว้ไม่ได้แล้วซะอีก”
“ฝีมือเธอเหรอที่เอาหลักฐานจ้างวานของมันไปให้ตำรวจ”
“ค่ะ...ฉันหมั่นไปไหว้บรรพบุรุษของคุณ อ้อนวอนขอให้คุณปลอดภัย แล้วโชคก็เข้าข้าง ทำให้รู้ความลับของมัน”
“ขอบใจเธอมากนะดวงแข”
“ไม่ใช่ฉันคนเดียวนะคะที่ดีใจ...ทายาทของคุณเขาก็ถามหาคุณทุกวันเหมือนกัน”
ดวงแขพูดไปก็หันไปให้เล้งดูมานพที่เดินเข้ามา
“ตานพ...เรียกพ่อสิลูก”
มานพเดินเข้ามาหาเล้งที่พอเห็นสายเลือดตัวเองก็จุกอก
“มานพ”
“พ่อครับ”
เล้งดีใจจนน้ำตาซึม เข้าไปดึงมานพมากอดไว้อย่างดีใจ
“ขอบคุณบรรพบุรุษ ที่ทำให้ฉันยังเหลือสายเลือดมังกรอยู่”
เล้งกอดมานพไว้แน่น ดวงแขมองเล้งกับมานพแล้วแอบยิ้มพอใจอย่างร้ายลึก
ปัจจุบัน...เล้งมองหน้าดวงแขนิ่งแล้วปล่อยมือ...
“ถึงมานพจะเป็นสายเลือดคนเดียวที่เหลือรอดของฉัน แต่ถ้ามันยังทำตัวไม่รักดี ก็อย่า หวังว่าฉันจะยกสมบัติที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อฉันให้มันไปผลาญเล่น”
เล้งเสียงแข็งใส่ดวงแข แล้วเดินไปขึ้นรถคันโตพร้อมกับนนท์ ดวงแขมองตามอย่างเจ็บใจหงุดหงิด
“ตานพนะตานพ...ฉันอุตส่าห์ทำเพื่อแกคนเดียวแท้ๆ...โธ่เอ้ย”
ดวงแขคิดถึงอดีต...ดวงแขพา มานพ ลูกชายวัย 5 ขวบ เข้ามาในห้องโถงของคฤหาสน์ของเล้งที่ใหญ่โตโอ่โถงร่ำรวยมหาศาล มานพเห็นข้าวของแพงๆก็ตื่นตาตื่นใจ
“เป็นยังไง...ชอบใช่มั้ยตานพ”
“ครับแม่ เบ้อเริ่มเทิ่มเลย ใหญ่กว่าบ้านเราไม่รู้ตั้งกี่เท่า”
“แล้วนพรู้มั้ยว่าแม่พานพมาที่นี่ทำไม”
มานพส่ายหน้าไม่รู้ ดวงแขยิ้ม
“แม่จะพานพมาอยู่ที่นี่ไง...ต่อไปนี้ที่นี่จะเป็นบ้านของนพแล้วนะ”
“จริงหรอครับแม่...ไชโย!”
มานพร้องดีใจเสียงดัง ดวงแขหันไปมองที่ภาพถ่ายของเล้งกับลูกเมียที่ตายไปแล้ว ยิ้มอย่างชอบใจ ระหว่าง นั้นเองที่โหงวเดินเข้ามา
“ใครสั่งให้เธอมาที่นี่น่ะดวงแข”
ดวงแขชะงัก หันไปบอกมานพ
“เล่นอยู่แถวนี้ก่อนนะตานพ แม่ไปคุยธุระแป๊บนึง”
ดวงแขบอกมานพ แล้วเข้าไปคุยกับโหงวในห้องทำงานตามลำพัง
“ฉันบอกแล้วไงว่ารอให้จัดงานศพลูกเมียเล้ง ให้เสร็จก่อนแล้วเธอค่อยมา”
“จะช้าจะเร็วยังไงฉันก็ต้องมาเป็นคุณนายบ้านหลังนี้อยู่วันยังค่ำ ฉันไม่อยากให้มานพ อุดอู้อยู่แต่ในบ้านหลังเล็กๆอีก”
“แต่ฉันต้องแน่ใจก่อนว่าไอ้เล้งมันตายไปแล้วจริงๆ เพราะถ้าเกิดมันโผล่กลับมาตอนนี้ ทั้งเธอทั้งฉันได้อดสมบัติของมันแน่”
ดวงแขแปลกใจ
“หมายความว่ายังไง...เธอคิดว่าเล้งยังมีชีวิตอยู่เหรอ”
“มีคนช่วยชีวิตมันไว้...ตอนนี้ฉันกำลังให้ลูกน้องตามหาอยู่”
ดวงแขหน้าเสีย
“โธ่เอ้ย ก็ไหนเธอบอกว่าวางแผนไว้อย่างดีแล้วไง” ดวงแขเริ่มกังวล “นี่ถ้าเกิดเล้งรอด กลับมา แล้วรู้ความจริงเรื่องตานพไม่ใช่ลูกเขาแต่เป็นลูกเธอ ฉันได้โดนเขาฆ่าแน่”
โหงวโมโหบีบแขน
“หุบปากซะดวงแข !...ฉันบอกเธอแล้วไงว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก ความลับ เรื่องตานพจะต้องมีแค่เธอกับฉันเท่านั้นที่รู้ ยิ่งตอนนี้ไอ้เล้งมันไม่เหลือทายาทมังกร ของมันอีกแล้ว ตานพยิ่งเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของเรา”
ดวงแขพยักหน้ารับเข้าใจ แต่ในใจกลับครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่ร้ายกาจ
ค่ำนั้น...ภาพวาดมังกรบนผนังในศาลเจ้าเป็นมังกรที่ดูสง่าน่าเกรงขาม หยกดูมังกรตัวนั้นนิ่งและนานจนกิ่งเหมยเข้ามา
“หยก...ฉันต้องปิดศาลเจ้าแล้วนะ”
หยกยังมองภาพวาดมังกร แล้วก้มมองที่หยกแดงรูปมังกร ซึ่งเป็นสร้อยห้อยคอติดตัวหยกมาตั้งแต่เกิด กิ่งเหมย รับรู้ได้ถึงความเศร้าของเขาจึงเดินเข้าไปยืนใกล้ๆแล้วจับมือเป็นการให้กำลังใจ
“ไม่ใช่เธอคนเดียวซะหน่อยที่เป็นเด็กกำพร้า ฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าพ่อหน้าแม่เหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่เคยคิดทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา”
หยกชะงัก
“นี่เธอว่าฉันเป็นเด็กมีปัญหาเหรอ”
“เปล่านะ...ฉันแค่ไม่อยากเห็นเธอกับพ่อทะเลาะกัน ลองคิดดูสิหยกถึงเธอจะไม่ใช่ลูก ของเขา แต่เขาก็รักเธอมากเลี้ยงเธอมาคนเดียว เขาคงเสียใจถ้าวันหนึ่งเธอจะทิ้งเขา ไปหาพ่อที่แท้จริง”
“ฉันไม่เคยคิดจะทิ้งเขานะกิ่งเหมย ฉันเคยบอกเขาแล้วว่าเขาคือพ่อคนเดียวของฉันเท่า นั้น แต่หัวเด็ดตีนขาดยังไงเขาก็ไม่ยอมให้ฉันรู้จักพ่อแท้ๆของตัวเอง แม้แต่เหตุผลว่า ทำไมเขาจึงทิ้งฉันกับแม่ไป พ่อก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง”
“บางทีเหตุผลที่เขาไม่ต้องการให้เธอรู้อาจจะเป็นเรื่องที่...”
“เรื่องไม่ดีน่ะเหรอ...ฉันกำลังจะเรียนจบเป็นตำรวจแล้วนะ ฉันโตพอที่จะรับรู้ได้ทุกอย่าง”
หยกแกะมือกิ่งเหมยที่กุมมือเขาไว้ แล้วเดินออกไปอย่างหงุดหงิด
“หยก...หยก”
หยกเดินออกมาขึ้นมอเตอร์ไซค์ซึ่งจอดอยู่หน้าศาลเจ้า สตาร์ทรถบิดคันเร่งขับออกไป กิ่งเหมยตาม ออกมาไม่ทันหยก
“หยก...หยก!”
หยกไปลับตา กิ่งเหมยมองตามเป็นห่วงก่อนจะได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาจากด้านหลัง
“อาม่าเหรอคะ”
กิ่งเหมยหันไปแล้วต้องตกใจ เมื่อเห็นแก๊งเด็กแว๊น สาวสก๊อย พวกลูกน้องกิจชัยแสยะยิ้มร้ายเอาเรื่อง
“พวกแก...”
กิ่งเหมยจะถอยหนีแต่พวกมันเข้ามารวบตัว กิ่งเหมยส่งเสียงร้องดังลั่น
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
อาม่าเก็บกวาดพื้นทำความสะอาดด้านหลังศาลเจ้า ได้ยินเสียงแว่วของกิ่งเหมยก็แปลกใจ
“เหมย...กิ่งเหมย”
อาม่าจะออกไปดูแต่ถูกลูกน้องกิจชัย โผล่เข้ามาข้างหลังแล้วเอาผ้าชุบยาสลบโป๊ะเข้าหน้า อาม่าดิ้นอยู่ชั่วครู่ก็ ร่วงผล็อยฟุบหมดสติ
ภายในโกดังร้าง ตง ชายวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐานเดินเข้ามาพร้อมกับเก่งลูกน้องคนสนิท มาพบกับกิจชัยที่รออยู่นานแล้ว พอกิจชัยเห็นตงก็รีบเข้าไปประจบสอพลอ
“สวัสดีครับเสี่ย ที่จริงเสี่ยไม่ต้องเสียเวลามาเองก็ได้ ให้ผมกับลูกน้องจัดการเป็นธุระให้ รับรองสบายหายห่วง”
ตงหน้านิ่งแค่หางตามอง กิจชัยก็ชะงักรีบถอยออกมา
“มันอยู่ไหน”
“ข้างในครับเสี่ย”
ตงหันมาพยักหน้าให้เก่งเดินเข้าไปจัดการก่อน
“ไปได้ตัวมามาจากไหน”
“ก็ตามหายากเหมือนกันครับเสี่ย หลังจากที่มันหายตัวไปพร้อมกับพวกผู้หญิงที่เสี่ยสั่ง ให้มันพาตัวขึ้นมา มันก็หนีไปกบดานหลายที่ แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถผมหรอก”
“แล้วมันบอกรึเปล่าว่าผู้หญิงทั้งหมดอยู่ที่ไหน”
“มันยังปากแข็งครับเสี่ย”
ตงไม่พอใจกระชากคอเสื้อกิจชัย แล้วดึงเอาปืนของกิจชัยที่เหน็บเอวอยู่ออกมา จากนั้นถือปืนเข้าไป ข้างใน กิจชัยรีบตาม
บนโต๊ะอาหารในบ้าน อาหารฝรั่งจัดวางอย่างสวยงาม ดุจแพรเข้ามาตรวจเช็คความพร้อมอีกครั้ง ป้าจั่นเปรยๆ
“สั่งอาหารโรงแรมมาเต็มโต๊ะแบบนี้ นี่ถ้าเสี่ยไม่บอกว่าอร่อย ป้าก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”
“ป้า ! อย่าเอ็ดไปสิเดี๋ยวป๋ากลับมาได้ยินเข้าก็ความแตกหมดสิ”
ป้าจั่นรีบเอามือปิดปากแล้วพยักหน้ารับ
“ค่ะๆๆ ป้าจะบอกทุกคนในบ้านว่าคุณดุจปลุกปั้น สร้างสรรค์เมนูเริ่ดพวกนี้ด้วยฝีมือคุณหนูดุจเอง”
“ดีมากเลยค่ะป้า ทีนี้ก็เหลือแค่รอให้ป๋ากลับมาก็แค่นั้น”
ดุจแพรพูดไปก็หันไปมองภาพถ่ายของตนเองกับตงแล้วยิ้ม เพราะตงเป็นคนที่รักลูกมาก
ด้านในโกดัง เก่งกำลังซ้อมชายคนซึ่งเป็นสายตำรวจ ที่ถูกจับมัดไว้กับเก้าอี้ เก่งซ้อมจนหน้าบวมปูด ชุ่มโชกไปด้วยเลือด แทบจะเผยอปากพูดไม่ได้ พอหยุดซ้อมก็ปล่อยให้ตงเข้าไปกระชากหัวมันขึ้นมา
“ว่าไง...แกอยู่กับฉันมาตั้งหลายปี คิดว่าหักหลังฉันแล้วจะหนีไปได้ง่ายๆงั้นเหรอ”
ชายคนนั่นตื่นกลัวพูดเสียงสั่น
“สะ...สะ...เสี่ย...ผม...ผม...ขอ...โทษ”
“ว่าไงนะ...ขอโทษเหรอ...ได้ ถ้าอยากให้ฉันยกโทษให้ ก็ไปพาผู้หญิงพวกนั้นมาคืนฉัน”
“ผมตามมาให้ไม่ได้หรอกครับเสี่ย ผู้หญิงพวกนั้นหนีกันไปเอง”
“แกคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ แกขายพวกมันให้คนอื่นใช่มั้ย ขายให้ใครบอกมา”
“ผมเปล่า...ผมเปล่าครับเสี่ย”
ตงไม่พอใจคำตอบกระชากคอมันมาชกหน้าไม่ยั้งจนเลือดเปรอะมือ เก่งขัดขึ้น
“ปากแข็งแบบนี้ผมว่าซ้อมให้ตายมันก็คงไม่พูดหรอกครับ”
ตงนิ่งไปครู่แล้วยกปืนเล็งลั่นไก...เปรี้ยง กระสุนเข้าแสกหน้าชายคนนั้นตายคาที่ กิจชัยที่ยืนอยู่ใกล้ๆถึงกับกลืน น้ำลายเอื๊อกเพราะ สยองกับความเหี้ยมของตง
“พวกแกดูไว้เป็นตัวอย่างจุดจบของคนที่กล้าทรยศฉัน มีแต่ตายเท่านั้น...ไอ้กิจชัย!”
กิจชัยสะดุ้งโหยง
“ครับเสี่ย”
ตงโยนปืนคืนให้
“จัดการเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อยด้วย”
ตงเดินออกไป กิจชัยเอาเท้าเขี่ยๆศพชายซึ่งตายจมกองเลือดแล้วยิ้มโหดเหี้ยมปนโรคจิตนิดๆ
อาหารเต็มโต๊ะแต่ละอย่างหรูน่ากิน ตงตักชิมอาหารจานหนึ่ง
“อร่อยนี่ รสชาติอาหารฝีมือลูกสาวป๋าเหมือนที่ป๋า เคยไปกินที่โรงแรมเปี๊ยบเลย”
ป้าจั่นเกือบจะหลุดขำ ดุจแพรเลยรีบขยับเข้าไปหยิกเอว
“เอ่อ...ป้า...ป้าขอตัวไปดูเด็กในครัวก่อนนะคะ”
ป้าจั่นรีบเดินออกไป ดุจแพรรีบอ้อนพ่อต่อ
“ถ้าป๋าชอบก็ต้องกินให้หมดนะ ดุจอุตส่าห์ตั้งใจทำยืนขาแข็งในครัวตั้งหลายชั่วโมง”
“ดุจ...ไม่ต้องใช้วิธีนี้อ้อนขอร้องป๋าหรอก ลูกน้องป๋าเยอะแยะ ป๋ารู้ทุกอย่างแล้ว เงินที่ดุจ อยากเอาไปซื้อคอนโดเก็งกำไร ป๋าก็โอนเข้าบัญชีให้เรียบร้อยแล้วด้วย”
ดุจแพรตกใจ
“ป๋า”
“ป๋าดีใจนะที่ลูกสาวป๋าขยันทำมาหากิน ไม่เหมือนลูกเพื่อนๆป๋า แต่ละคนไม่บ้าแบรนด์ เนมก็บ้าศัลยกรรม เอาอย่างนี้มั้ย...ป๋าจะให้ยืมเงินไปเปิดบริษัท ดุจจะได้มีธุรกิจเป็น ของตัวเอง”
ดุจแพรยิ่งดีใจ
“จริงเหรอคะ...ป๋าใจดีที่สุดเลย คอยดูนะ ดุจจะต้องเป็นนักธุรกิจที่เก่งเหมือน ป๋า จะเอารางวัลนักธุรกิจดีเด่นมาตั้งโชว์แข่งกับป๋าให้ได้”
ดุจแพรกอดพ่อด้วยความดีใจ ตงโอบลูกสาวพลางยิ้มอารมณ์ดี แต่มาสะดุดตรงที่เห็นคราบเลือดที่ชาย แขนเสื้อตัวเอง ตงรีบพับแขนเสื้อเพื่อไม่ให้ลูกสาวเห็น
“มีอะไรเหรอคะป๋า”
“เปล่าจ้ะ...มา...มากินอาหารโรงแรมที่ดุจสั่งมาด้วยกันเถอะ”
“ป๋าอ่ะ” ดุจแพรงอน
หยกเลือดมังกร ตอนที่ 1 (ต่อ)
ในบริเวณศาลเจ้า ส้มเช้งกำลังเอายาดมให้อาม่าดม
“กิ่งเหมย…อาม่าเป็นห่วงกิ่งเหมย พวกไอ้กิจชัยจับกิ่งเหมยไป”
“ส้มเช้งโทรบอกไอ้หยกมันแล้วค่ะอาม่า…กิ่งเหมยจะต้องปลอดภัย”
อาม่าสบายใจขึ้น แต่ไม่คลายความกังวล
อ่างกับสลึงนอนเกะกะอยู่ที่โซฟาเก่าๆ ในร้านมอเตอร์ไซด์สองพี่น้อง เสียงกรนคร่อกๆเหมือนหมูดังแข่งกันไม่หยุด หยกเข้ามาในร้านแล้วรีบไปค้นหาของบางอย่างที่ตู้เก็บเครื่องมือ จนได้ท่อเหล็กแป๊บเหมาะมือ แล้วหันไปเห็น ขวดน้ำมันก๊าด หยิบขึ้นมามอง ระหว่างนั้นสลึงตื่นขึ้นมางัวเงีย
“ไอ้หยกเหรอ...มาทำอะไรดึกๆดื่นๆวะเนี่ย”
.“ฉันลืมของไว้น่ะน้า”
“ให้ข้าช่วยหาให้มั้ย”
“ไม่เป็นไรหรอก น้านอนต่อเถอะ”
“เออๆ ออกไปก็อย่าลืมปิดประตูร้านให้น้าด้วยนะ”
สลึงบอกเสร็จก็กลับไปนอนก่ายกับอ่าง แล้วแข่งกันกรนเสียงดังต่อ หยกหยิบขวดน้ำมันก๊าดขึ้นมามองสีหน้าจริงจังเอาเรื่อง
ณ คฤหาสน์อันใหญ่โตของตระกูลมังกรวารี เล้งยืนมองเรือสำเภาจีนจำลองที่ทำจากไม้เก่าๆ ที่ผ่านกาลเวลามาไม่ต่ำกว่า 40 ปี ด้านหลังเรือสำเภา มีรูปถ่ายพ่อแม่ ภรรยา และอาตี๋ลูกของเล้ง ที่ตายไปแล้วทั้งหมด ระหว่างนั้นดวงแขพามานพเข้ามา
“ไปสิตานพ...ไปขอโทษพ่อเขาซะ”
มานพทำหน้าอย่างเสียไม่ได้แต่ก็เข้าไป
“พ่อ...ผมขอโทษครับ”
เล้งยังนิ่งดวงตาแข็ง ดวงแขพยายามช่วยเจรจา
“คุณคะ...ฉันคุยกับลูกแล้ว ตานพยอมรับผิดทุกอย่าง บอกพ่อเขาสิตานพ”
“พ่อครับ...ผมผิดเอง ผมสัญญาว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ทำตัวเหลวไหลอีก”
เล้งหันมาที่มานพจ้องหน้าแล้วเงื้อมือตบหน้ามานพอย่างแรงทันที...เพี๊ยะ !! มานพหน้าหันเลือดซิบที่มุมปาก เล้งตาแดงก่ำมือสั่นหลังจากที่ตบลูกชายไป น้ำตาของเล้งเอ่ออย่างเจ็บปวด ดวงแขตกใจมากจะเข้าไปดูมานพ เล้งตวาด
“หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องเข้ามา ยังไงฉันก็ไม่ฆ่าสายเลือดของฉันหรอก”
ดวงแขชะงักเพราะเล้งตวาดเสียงดัง เล้งเข้าไปกระชากคอเสื้อมานพแล้วลากมาที่หน้าเรือสำเภาจำลอง
“แกขอโทษฉันคนเดียวไม่ได้หรอกไอ้มานพ เพราะแกไม่ได้ทำให้ฉันเสียใจแค่คนเดียว แต่แกทำให้สายเลือดเดียวกับแกที่ตายไปแล้วต้องผิดหวัง ทุกคนที่แกเห็นอยู่ตรงหน้า ล้วนแต่ต้องสละชีวิตตัวเองเพื่อให้ฉันกอบกู้ตระกูลมังกรวารีให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง แกต้องขอโทษพวกเขา !!”
เล้งผลักไหล่มานพแล้วจับให้คุกเข่า
“ขอโทษพวกเขาสิ มานพ !!”
เล้งสั่งเสียงดังน้ำตาคลอ มานพแอบจิกหน้าร้ายหงุดหงิดไม่พอใจที่ถูกบังคับ รั้งรอที่จะก้มหัวขอโทษคนตาย
หยกขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่ตึกแถวเก่าๆ ซึ่งเป็นโต๊ะสนุกเกอร์ เขาสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่มาด้วย
วัยรุ่นมาดกวนๆ ที่ยืนเฝ้าหน้าตึกหันมาเห็นหยก มันรีบสะกิดเรียกพวก
“เฮ้ย...ไอ้หยกมาแล้วเว้ย”
“ไอ้หยก!! อย่างที่ลูกพี่สั่งไว้จริงๆ ว่ามันต้องมารนหาที่ตายถึงนี่”
พวกวัยรุ่นเตรียมพร้อมอยู่แล้ว มันงัดอาวุธของพวกมันออกมาคนหนึ่งมีโซ่มอเตอร์ไซค์ อีกคนมีสนับมือ หยกจ้องพวกมันเขม็ง อาวุธที่หยกเตรียมมาคือท่อแป๊บเหล็ก คนถือโซ่ร้องเสียงดังวิ่งเข้าใส่ หยกตั้งท่ารับแล้ว โรมรันพันตูกับมัน ก่อนที่มันจะโดนฟาดด้วยท่อแป๊บจนสลบเหมือด คนที่ถือสนับมือเห็นพรรคพวกโดนเล่นงานก็อึ้งไป
หยกหน้าตาเอาเรื่องเดินเข้าหา มันกำสนับมือแน่นพร้อมลุย
ภายในโต๊ะสนุกเกอร์ กิ่งเหมยถูกจับมัดตัวติดกับเก้าอี้มีผ้าปิดปากส่งเสียงร้องอู้อี้ กิจชัยมองอย่างสมเพช
“ไงล่ะนังกิ่งเหมย แซบซ่าส์นักไม่ใช่เหรอ เจอเข้าแบบนี้ยังจะทำปากเก่งอีกมั้ย”
กิ่งเหมยจ้องเขม็งส่งเสียงด่าออกมาไม่หยุดแต่เสียงอู้อี้
“เฮ้ย...พวกมึงดูสิวะ...ขนาดเอาผ้าปิดปากมันยังปากเก่งเลย...สงสัยชาติก่อนมันจะเป็น หมาว่ะ เห่าเก่งชิบเป๋ง”
กิจชัยกับลูกน้องหัวเราะเยาะกิ่งเหมยเสียงดังสนุกกันใหญ่ แต่ทันใดนั้นวัยรุ่นใส่สนับมือที่เฝ้าข้างนอกก็ถูกถีบ กระเด็นเข้ามา ทำเอาทุกคนตกใจ หยกก้าวตามเข้ามาหน้าตาเอาเรื่อง
“ไอ้หยก !! เฮ้ย...จัดการมัน”
พวกลูกน้องจะเข้าไปจัดการหยก แต่กลับถูกหยกปาใส่ด้วยขวดแก้วที่บรรจุน้ำมันก๊าดแตกกระจายไปทั่วห้อง เพล้งๆๆๆ กลิ่นน้ำมันก๊าดคละคลุ้งไปทั่ว หยกชูไฟแช็คขึ้นพร้อมจุด
“เอาสิ...ที่นี่นองไปด้วยน้ำมันหมดแล้ว ถ้าพวกแกอยากจะฆ่าฉัน ก็ถูกไฟครอกตายอยู่ ในนี้ด้วยกันนั่นแหละ”
กิจชัยหน้าตื่น
“ไอ้หยก!”
“คืนกิ่งเหมยมาให้ฉัน...เร็ว!”
หยกจุดไฟแช็คจนไฟลุก กิจชัยมองหยกเขม็งเจ็บใจตัดสินใจเอาไงดี
เล้งจับคอมานพแล้วขึ้นเสียง
“ฉันสั่งให้แกขอโทษทุกคน...ขอโทษสิไอ้มานพ”
มานพทำตามที่เล้งสั่งพนมมือแล้วก้มลงกราบที่พื้นต่อหน้ารูปคนตายและเรือสำเภาจำลอง มานพครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะเริ่มเล่นบทโศกทำเป็นบีบน้ำตาแล้วเอาหัวโขกพื้นไม่หยุด ดวงแขชะงักอึ้ง
“ตานพ…ทำอะไรน่ะลูก”
“แม่อย่ามาห้ามผม…ผมมันเลว ผมทำให้บรรพบุรุษของเราต้องผิดหวัง ผมไม่สมควร ได้รับการยกโทษ”
มานพยังโขกหัวกับพื้นไม่หยุดจนแดงช้ำและแตกได้เลือด เล้งถึงกับยืนอึ้ง ดวงแขเป็นห่วงลูกชาย
“หยุดนะตานพ...แม่บอกให้หยุด...คุณคะ...ห้ามลูกสิ...คุณ...คุณ”
เล้งรีบเข้าไปห้ามดึงมานพมากอดเอาไว้
“หยุดได้แล้วไอ้นพ”
“ไม่ครับพ่อ…ผมมันไอ้ลูกทรพี ผมทำให้พ่อต้องผิดหวัง ทำให้เลือดทุกหยดของตระกูล เราเสียไปอย่างไร้ค่า เจ็บแค่นี้มันยังน้อยไป”
มานพยังพยายามทำร้ายตัวเองอีกจนเล้งต้องเข้าไปดึงมากอดเอาไว้
“พ่อสั่งให้หยุด…พอได้แล้ว…พ่อยกโทษให้แก!”
มานพหยุดชะงัก
“พ่อ!”
เล้งมองหน้ามานพที่มีเลือดไหลซึมออกมาจากแผลที่แตกบนหน้าผาก จึงรีบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดให้
“แกคือสายเลือดคนสุดท้ายของตระกูล เพราะฉะนั้นแกจะต้องไม่เป็นอะไร อย่าให้เลือดของแกไหลออกมาโดยเปล่าประโยชน์อีก…จำไว้นะมานพ”
มานพบีบน้ำตาคลอ
“ครับพ่อ”
เล้งดึงลูกชายมากอดอย่างให้อภัย มานพแอบยิ้มพอใจที่ความกะล่อนปลิ้นปล้อนของตนยังใช้ได้ผลกับพ่ออยู่
กิจชัยจัดการแก้มัดเชือกมัดปากกิ่งเหมยแล้วผลักส่งไปให้หยก
“พวกมันทำอะไรเธอรึเปล่ากิ่งเหมย”
“เปล่า แต่ถ้าเธอไม่มาช่วย พวกมันทำแน่”
“ไม่ต้องห่วงแล้วนะ ฉันจะพาเธอกลับบ้าน”
กิจชัยกับพวกมันขยับจะเข้าใกล้ แต่หยกชูไฟแช็คขึ้นเอาจริง
“อย่านะเว้ย”
หยกขู่แล้วรีบพากิ่งเหมยออกไป กิจชัยแค้นจัด
“ไอ้หยก...อย่าคิดว่าวันนี้มึงจะรอด ตามไปจัดการมัน”
หยกพากิ่งเหมยวิ่งหนีลงมาตามบันได เสียงปืนดังไล่หลัง...เปรี้ยง ๆๆ กระสุนเฉียดไปนิดเดียว
“พวกมันเอาเราตายแน่”
“ทำไงดีล่ะหยก”
หยกเครียดแล้วตัดสินใจหยิบขวดใส่น้ำมันก๊าดที่เหลือในกระเป๋าออกมาปาใส่บันไดจนน้ำมันก๊าดเจิ่งนองไปทั่ว
“ไปรอฉันข้างนอก ฉันจะถ่วงเวลาพวกมันไว้เอง”
“หยก...แต่ว่า...”
“ไม่ต้องห่วงฉันหรอกกิ่งเหมย ฉันรับปากอาม่าว่าจะพาเธอกลับไปให้ได้ แล้วที่สำคัญฉัน ยังไม่ได้เอาคืนที่เธอใช้หน้าหล่อๆของฉันละเลงเป็นกระดาษวาดรูป”
กิ่งเหมยโมโห
“ตาบ้า! นี่ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้นะ”
“เธอจะได้ไม่กลัวไง” หยกจับมือกิ่งเหมยมากุมไว้แล้วมองด้วยสีหน้าจริงจัง “รีบไปเถอะ”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งลงบันไดไป หยกหยิบไฟแช็คขึ้นมาจุดไฟ
กิ่งเหมยวิ่งออกมาที่หน้าตึก ใจระทึกเป็นห่วงหยกที่ยังอยู่ในนั้น เสียงปืนดังปังๆๆดังออกมาจากตึก ไม่หยุด กิ่งเหมยสะดุ้งหน้าเสียจะวิ่งเข้าไป แต่ทันใดนั้นเสียงระเบิดก็ดัง...ตูม ไฟพวยพุ่งออกมาจากในตึก กิ่งเหมยตะลึง
“หยก!”
ทันใดนั้นหยกวิ่งกระหืดกระหอบออกมา ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบเขม่าไฟ ที่แขนบาดเจ็บมีเลือดซิบๆ
“รีบไปเถอะกิ่งเหมย”
“เดี๋ยวหยก…เธอทำอะไรพวกมัน”
หยกมองกิ่งเหมยหน้าเครียดๆและไม่ทันจะตอบ ลูกน้องคนหนึ่งของกิจชัยก็วิ่งออกมาพร้อมไฟที่ลุกท่วมตัวเพราะ ถูกไฟครอกร้องครวญครางเจ็บปวด…กิ่งเหมยตกใจถึงกับผงะที่เห็นคนถูกไฟลุกไหม้ทั้งตัวต่อหน้าต่อตา จนตัวแข็งทำอะไรไม่ถูก
“กิ่งเหมย…กิ่งเหมย…รีบไปเร็ว”
กิ่งเหมยได้สติ หยกรีบพาเธอซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์แล้วรีบบิดคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว กิจชัยวิ่งฝ่ากองเพลิงออกมาหน้าดำเพราะเขม่า เห็นหยกหนีไปได้ก็เจ็บใจ ยิ่งหันไปเห็นลูกน้องตัวเองโดนไฟ คลอกก็ยิ่งโกรธแค้น
“ไอ้หยก มึงกับกูต้องได้ตายกันไปข้างแน่”
หยกพากิ่งเหมยกลับมาที่ศาลเจ้า พอเจอหน้าอาม่าก็โผเข้าไปกอดกันร้องไห้
“อาม่า...”
“กิ่งเหมย...พวกมันทำอะไรลื้อรึเปล่า”
กิ่งเหมยส่ายหน้า
“ถ้าไม่ได้หยกตามไปช่วย กิ่งเหมยคงไม่ได้กลับมาหาอาม่า”
อาม่าดีใจ
“ขอบใจมากนะอาหยก”
ส้มเช้งปลอบ
“รอดกลับมาได้ก็ดีแล้วล่ะแก อาม่าแกเอาแต่ไหว้ขอให้เทพเจ้าคุ้มครองไม่หยุดเลย เออ...แล้วพวกไอ้กิจชัยล่ะหยก”
หยกนิ่งไปครู่
“พวกมันโดนฉันสั่งสอนไปหนัก ต่อไปนี้พวกมันไม่กล้ามายุ่งกับเราอีกแล้วล่ะ สบายใจกันได้แล้ว”
หยกปลอบใจทุกคนแต่สีหน้ากลับมีแววกังวล มีแต่กิ่งเหมยที่มองหน้าเขารู้ว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่เขาพูด
หยกกลับมาที่ห้องนั่งลงบนเตียงแล้วถอดเสื้อตัวนอกออก แขนมีแผลเลือดไหลซิบๆ เขาหาเศษผ้าจะมา ซับเลือดแต่เสียงกิ่งเหมยดังเข้ามา
“ผ้านั่นสกปรกรึเปล่า เดี๋ยวแผลก็ติดเชื้อเป็นบาดทะยักหรอก มา...ฉันทำแผลให้เธอเอง”
กิ่งเหมยทำแผลที่แขนให้หยกจนเสร็จเรียบร้อย หยกมองหน้ากิ่งเหมยเพลินๆ
“มองอะไรฉัน”
หยกชะงัก
“เปล่า...ขอบใจนะ”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจเธอ” กิ่งเหมยนิ่งไปแล้วหน้าเครียดๆ “หยก...แล้วจากนี้ล่ะจะทำยังไง ป่านนี้รังของพวกไอ้กิจชัยคงวอดวายไม่เหลือ แล้วยังคนที่ถูกไฟคลอกนั่นอีก”
หยกบีบไหล่กิ่งเหมยปลอบใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกกิ่งเหมย ถ้ามีอะไรขึ้นมา ไอ้หยกคนนี้จะ รับผิดชอบเอง”
“แต่นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะ ไม่ใช่แค่พวกไอ้กิจชัยอย่างเดียว ไหนจะตำรวจอีกล่ะ ข้อหาวางเพลิงเลยนะหยก”
“แต่ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่าง เราสองคนก็จะไม่รอดกลับมา เชื่อฉันเถอะกิ่งเหมย ไม่มี อะไรที่เธอจะต้องเป็นห่วง...ดึกมากแล้ว...ฉันง่วงจังเลย ขอนอนหน่อยนะ”
หยกล้มตัวลงบนเตียงแล้วหลับไปอย่างง่ายๆ
กิ่งเหมยมองอย่างเป็นกังวล ยิ่งเห็นกรอบรูป ถ่ายของเขาในชุดนักเรียนตำรวจซึ่งกระจกแตกร้าวเป็นทาง หญิงสาวก็ยิ่งใจคอไม่ดี
วันใหม่...ดวงแขนั่งดื่มกาแฟกับอาหารเช้า ขณะที่อ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย จำปา สาวใช้ เข้ามาเติมกาแฟ ระหว่างนั้นมานพใส่สูทเดินผ่านเข้ามาที่หน้าผากมีพลาสเตอร์ปิดแผล ดวงแขหันไปสั่ง
“ไปเตรียมอาหารเช้าให้คุณนพ”
“แล้วพ่อล่ะครับ”
“แกก็รู้ว่าพ่อแกบ้างานขนาดไหน วันๆ นอนแค่สามสี่ชั่วโมงก็รีบแจ้นออกไปทำงานตั้งแต่ ฟ้าไม่ทันสาง”
จำปาเอากาแฟกับชุดอาหารเช้ามาให้แล้วยิ้มหวานให้ แต่โดนมานพใช้หางตามองเหยียดๆจนต้องถอยไปหลบ
“แล้วเรื่องท่าเรือล่ะครับแม่ ตกลงว่าพ่อเขาจะยกให้ผมเมื่อไหร่”
“ที่จริงเขากำลังจะยกให้แกไปบริหารอยู่แล้ว แต่เพราะแกไปทำให้เสียเรื่องเอง”
“แต่ผมก็ขอโทษพ่อไปแล้ว”
“ถึงเขาจะยกโทษให้ แต่เรื่องท่าเรือฉันไม่รู้ เพราะเขาต้องแลกมันมาด้วยชีวิตลูกเมียเขา”
“คนมันก็ตายไปแล้ว พ่อเองก็ไม่รู้จะอยู่ทำงานได้ไปอีกกี่ปี ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา”
“แม่ก็อยากให้เขายกให้แกซะที แต่แกจะมานั่งรอนอนรอ เอาเที่ยวเตร่แบบนี้ไม่ได้ ถึงจะ เป็นสายเลือดของเขาก็เถอะ แต่ก็ต้องพิสูจน์ฝีมือให้เขาเห็นว่าแกไม่ได้ด้อยไปกว่าเขา”
มานพนิ่งคิดไปครู่แล้วเอาจริง
“งั้นผมจะพิสูจนให้พ่อเห็นว่าถึงเวลาที่พ่อควรจะต้องพัก แล้วให้ผมเป็นเจ้าของกิจการทุกอย่างของมังกรวารีซะที”
หยกรดน้ำต้นไม้ไปหาวไปเพราะยังไม่หายง่วงดีนัก ระหว่างนั้นหันไปเห็นคมทวนยืนหน้าตาโกรธจัดพร้อม เอาหนังสือพิมพ์ปาใส่
“ฝีมือแกใช่มั้ยไอ้หยก”
หยกชะงักหยิบหนังสือพิมพ์ที่มีข่าววางเพลิงอาคารขึ้นมาดู
“ครั้งนี้พวกมันเล่นแรงเกินไป ผมจำเป็นต้องช่วยกิ่งเหมยและต้องสั่งสอนไม่ให้มันมายุ่งกับเราอีก”
คมทวนโมโหเข้าไปดึงคอเสื้อ
“สั่งสอนเหรอ...แกกำลังจะได้เป็นตำรวจ แต่กลับไปใช้ศาล เตี้ยกับพวกมัน ทำแบบนี้แกก็ไม่ต่างจากพวกอันธพาลหรอกไอ้หยก”
“งั้นพ่อจะให้ผมทำยังไง กว่าจะรอให้คนอื่นไปช่วย กิ่งเหมยไม่ได้กลับมาแน่”
“แต่ตอนนี้แกจะทำให้เรื่องมันบานปลาย ข้อหาวางเพลิงมีคนบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ ปัญหามันไม่จบอย่างที่แกคิดแน่”
หยกหน้านิ่งสบตาเครียดกับคมทวน
อาม่ากับกิ่งเหมยช่วยกันขายน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋อยู่ ระหว่างนั้นเสียงหวอรถตำรวจดัง มีรถตำรวจขับผ่านไป
“สงสัยจะมีเรื่องแถวนี้นะกิ่งเหมย” อาม่าสงสัย
อาม่าพูดไปก็ทำให้กิ่งเหมยฉุกคิดเป็นกังวลขึ้นมา
“อาม่าคะ...เดี๋ยวกิ่งเหมยมานะ”
“จะไปไหน แล้วใครจะช่วยอาม่าขายปาท่องโก๋ล่ะ”
กิ่งเหมยไม่ยอมบอกแล้วรีบวิ่งออกไปเลย อาม่าแปลกใจ
ในแฟลตชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง ธงรบ นายตำรวจหนุ่ม และกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบ 3-4 นายพร้อมอาวุธปืนพากัน วิ่งขึ้นบันไดแฟลตแล้วมุ่งตรงไปที่ห้องพักห้องหนึ่ง ธงรบส่งสัญญาณมือให้ทุกคนหลบถอยไปก่อนแล้วทำทีเข้าไปเคาะประตูที่ห้องเป้าหมาย รออยู่ครู่ชายคนหนึ่งใน ห้องก็มาเปิดประตูแล้วมองธงรบหัวจรดเท้า
“มารับของที่สั่งไว้”
“รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวเอาของมาให้”
ชายคนนั้นหันหลังให้แล้วเดินเข้าไป ตำรวจที่รออยู่ขยับจะเข้ามา แต่ธงรบเห็นว่าที่เอวของชายคนนั้นเหน็บปืนอยู่ เลยหันไปส่งสัญญาณว่าอย่าเพิ่งเข้ามา ธงรบเตรียมพร้อมเอามือซุกเข้าไปในเสื้อแจ็คเก็ตซึ่งเหน็บปืนเอาไว้แล้วตามเข้าไปในห้อง พวกตำรวจที่รออยู่พา กันมองหน้าเป็นห่วง
“หมวดจะทำอะไรของเขา ลุยเข้าไปคนเดียวเดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก”
ตำรวจอีกคนยิ้ม
“คุณเพิ่งมาทำงานกับหมวด เลยยังไม่รู้จักวิธีการทำงานของหมวดธงรบ”
ระหว่างนั้นเสียงปืนดังขึ้นจากในห้อง...เปรี้ยงๆๆ ตำรวจรีบบอกเพื่อน
“บุกเลย!”
เสียงปืนเป็นสัญญาณให้ทุกคนบุกเข้าไปที่ห้องทันที
คนร้าย 2 คนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ หัวแตก แขนหักโดนพาตัวออกมาจากแฟลต ตำรวจในทีมของธงรบขนลังของกลางมาวางที่ฝากระโปรงรถ ธงรบหยิบขึ้นมาพบว่าเป็นแผ่น VCD/DVD ก็อปปี้ ละคร หนัง ทั้งไทยและต่างประเทศ ทั้งยังมีพวกหนังโป๊อีกมากมาย
“ไอ้พวกละเมิดลิขสิทธิ์เนี่ย จับเท่าไหร่ก็ไม่หมดซะทีนะครับหมวด”
“พวกนี้มันหากินง่าย รวยบนความเหนื่อยยากของคนอื่น บางคนทำจนรวยพอๆกับพวก ค้ายา เราต้องกวาดล้างมันให้ได้มากที่สุด คนทำมาหากินสุจริตจะได้มีกำลังใจทำงาน”
“ครับหมวด”
ธงรบหน้าตาจริงจังเดินไปที่รถยนต์ของตัวเอง หยิบแว่นดำมาสวมแล้วขับออกไป
หยกเดินเข้ามาในบ้าน คมทวนตามมาเข้ามา
“พ่อไม่ต้องห่วงผมหรอก ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ ผมก็พร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำ”
“แกจะรับผิดชอบด้วยอะไร ลำพังตัวเองตอนนี้มีอะไรบ้าง เรียนก็ยังไม่จบ อย่างเดียวที่มี ค่าสำหรับแกที่สุดก็คืออนาคตที่แม่แกหวังเอาไว้ แต่แกกำลังจะทำลายด้วยมือแกเอง”
หยกชะงักสงสัย
“พ่อหมายความว่ายังไง แม่น่ะเหรออยากให้ผมเป็นตำรวจ”
คมทวนนิ่งไปเพราะเผลอพูดออกมาด้วยอารมณ์
“พ่อ...ตลอดเวลาที่พ่อเคี่ยวเข็ญผม ผมนึกว่าพ่อที่อยากให้ผมเป็นตำรวจ”
“จะเป็นใครที่อยากให้แกมีอนาคตที่ดี มันก็ไม่สำคัญหรอก”
“สำคัญสิพ่อ...แม่ตายตั้งแต่ผมยังเล็ก ผมอยากรู้จักชีวิตของแม่ ทำไมแม่ถึงอยากให้ผม เป็นตำรวจ มันเกี่ยวอะไรกับชาติกำเนิดผม”
“แกไม่ต้องรู้อะไรทั้งนั้น แค่ทำตามที่แม่แกต้องการ แค่นั้นก็ช่วยให้วิญญาณแม่แกอยู่ อย่างสงบแล้ว”
“อยู่อย่างสงบ พ่อหมายความยังไง...แม่ตายพร้อมกับความทุกข์อะไร...บอกผมมาสิ พ่อ...บอกผมมา”
หยกเข้าไปจับไหล่คมทวนมาเขย่าเค้นถาม แต่คมทวนปัดมือปากแข็งไม่ยอมพูด
“ฉันไม่มีอะไรจะเล่า รู้ไว้อย่างเดียวก็พอว่าแม่แกเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด เขารักและเสียสละ ทุกอย่างก็เพื่อแก เพราะฉะนั้นในเมื่อเขาฝากให้ฉันดูแลแก ฉันก็ต้องทำให้ได้อย่างที่เขา ต้องการ”
ระหว่างนั้นกิ่งเหมยเข้ามาอย่างเหนื่อยหอบ
“หยก...หยก...แย่แล้ว”
“มีอะไร กิ่งเหมย”
“ตำรวจ...มีตำรวจมาที่นี่ เขาจะมาจับเธอ”
หยกกับคมทวนพากันอึ้ง
โปรดติดตาม "หยกเลือดมังกร" ตอนที่ 2