แสบสลับขั้ว ตอนที่ 8
ที่บริเวณลานจอดรถ น้ำเพชรวางข้าวของในรถเสร็จ แล้วหันกลับมาแต่ต้องชะงักเมื่อเห็นสายพิณยืนกอดอกมองอยู่
“มาทำไมอีกล่ะ ได้ข่าวว่าลาออกแล้วไม่ใช่เรอะ”
“ไม่ได้ลาออก ... แต่ออกโดยไม่ลา...ออกโดยเจตนา ออกเพราะหงุดหงิดไม่พอใจ”
“นั่นแหละเขาเรียกเป็นทางการว่าลาออก”
“เอ๊ะ ก็ฉันบอกว่า ออกเองโดยไม่ได้ลาใคร แค่ประกาศว่าฉันจะออกใครจะทำไม”
“ไม่มีใครเขาทำไมหรอก อาจจะโล่งใจเสียด้วยซ้ำเพราะเป็นตำแหน่งเฉพาะกิจ ไม่มีเธอก็ประหยัดเงินไปอีกตำแหน่งนึง”
สายพิณขยับไม้ขยับมือ
“แหม ...”
“มีธุระอะไร”
“ฉันจับนายปลาใหญ่ขังไว้”
“หา”
น้ำเพชรทำเสียงตกใจ
ทางด้านปลาใหญ่ ครรชิตและชายสี่ เมื่อเข้ามาในห้องทำงานของปลาใหญ่ ปลาใหญ่ยกขาทั้ง2 ขึ้นวางบนโต๊ะด้วยท่าทางกวนๆ หลังจากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ก็แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
“เอ็งต้องไปบอกป้าไหมให้ปล่อยปลาใหญ่ออกมา”
“บอกสายพิณดีกว่า”
“จ๊ะจ๋า จ๋าจ๊ะ...สายพิณมันดื้อจะตาย”
“มันไม่ดื้อกับเอ็งหรอก มันรักเอ็ง” ชายสี่บอก ปลาใหญ่นิ่งอึ้งไป
“นายเซียน ฉันขอร้องละนะ”
“คุณคันจะต้องเดือดร้อนทำไมในเมื่อปกติปลาใหญ่ก็อยู่ที่นั่นอยู่แล้วป้าไหมก็ใจดี รับรองว่าปลาใหญ่ไม่มีอดอยาก เงินผมก็โอนไปให้ป้าไว้...”
“ไอ้เซียน”
เซียนหลบตา เจื่อนๆ
“ก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่หรอก ...”
“ไม่ได้มากมายน่ะเท่าไหร่”
“เหอะน่า”
“ไอ้เซียน! ที่เอ็งทำนี่เท่ากับยักยอกเงินคนอื่นเขานะเว้ย” ชายสี่ต่อว่า
“เงินคนอื่นที่ไหน เงินฉัน เวลานี้ฉันคือปลาใหญ่”
“เท่าไหร่” ชายสี่ถามย้ำ
“เรื่องนั้นตกลงกันได้ แต่แกต้องช่วยคุณปลาใหญ่ เข้าใจมั้ย!ไม่งั้นถ้ากลับเข้าร่างเดิมกันเมื่อไหร่ ฉันแจ้งความเอาผิดแกแน่” ครรชิตบอก ปลาใหญ่หัวเราะ
“เมื่อไหร่ล่ะครับ อย่างเร็วที่สุดก็ชาติหน้า”
ชายสี่กระชากคอเสื้อปลาใหญ่
“ไอ้เซียน เอ็งชั่วกว่าที่ข้าคิดไว้เยอะ”
ปลาใหญ่ดึงมือชายสี่ออก และผลักไป
“ข้าช่วยอะไรไม่ได้หรอก...ไอ้ชายสี่...ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะพรหมลิขิต!..เอ็งไม่คิดบ้างเรอะว่าอีตอนมาเกิด วิญญาณไอ้ปลาใหญ่ อาจจะแย่งข้ามาเกิดในท้องคนรวย ข้าเลยจำเป็นต้องไปเข้าท้องคนจน” ชายสี่และครรชิต มองหน้ากัน ปลาใหญ่ได้ทีพูดต่อ “พอถึงตอนนี้ก็ให้เกิดมีเหตุการณ์ประหลาดต้องสลับร่างกัน เป็นการเอาคืน...ไอ้เหตุการณ์พิลึกแบบนี้มีที่ไหนในโลก ช่วยกันคิดดูให้ดีซิ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แกก็ทำไม่ถูก”
“แล้วปลาใหญ่ทำถูกหรือครับอีตอนที่มาแย่งท้องคนรวยไปจากผม”
“เอ็งไม่มีหลักฐาน”
“แต่มันเป็น มิเกิ้น”
ครรชิตกับชายสี่ทำหน้างง
“มิเกิ้นบ้าบออะไร”
“มิเกิ้นคือความมหัศจรรย์”
“มิราเคิล ไม่ใช่มิเกิ้น”
“นั่นแหละ อย่างน้อยผมก็แปลถูก”
ชายสี่ทำท่าจะพูดต่อ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ชายสี่หยิบขึ้นมาดู
“ตายละ...ลืมคุณรันไปเลย!” ชายสี่รีบกดรับ “ครับ...ครับ ผมไปเดี๋ยวนี้แล้วละครับ คุณรัน”
ชายสี่รีบเดินออกไป ครรชิตพยายามจะหว่านล้อมปลาใหญ่ใหม่
“นายเซียน....ฉัน“
“ปล่อยมันไปตามเวรกรรมดีกว่า คุณคัน ... ไม่มีใครฝืนพรหมลิขิตได้หรอก เชื่อผมเถอะ”
ปลาใหญ่ลุกเดินออกไป ครรชิตมองตามฉุนๆ
ชายสี่เดินแกมวิ่งตรงมาลานจอดรถของผู้บริหาร ซึ่งรัญญายืนกอดอกหน้าหงิกรออยู่
“ขอโทษครับ คุณรัน...”
ชายสี่ร้องบอกตั้งแต่ยังมาไม่ถึง
“หายไปไหนมา”
“เอ้อ...”
รัญญาเปิดประตูขึ้นรถขณะพูด
“เอ้ออ้าอยู่ได้ขี้เกียจฟัง”
ชายสี่หน้าจ๋อยรีบขึ้นรถขับออกไป
ขณะนั้นสายพิณยังอยู่กับน้ำเพชร น้ำเพชรขับรถพาสายพิณมาหามุมเงียบๆ คุยกัน
“ว่าไง! จะร่วมมือกันไหม เธอก็ได้นายปลาใหญ่คืนไป ส่วนฉันก็ได้พี่เซียนคืนมา”
“แต่วิธีที่เธอจะทำให้ทั้ง 2 คน รถคว่ำ มันอันตรายเกินไป”
“อันตรายก็ต้องเสี่ยง เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ดวงวิญญาณทั้ง 2 คนออกจากร่างโดยไม่รู้ตัว”
“แล้ว ... ถ้าเผื่อ นายเซียนแย่งเข้าร่างคุณปลาใหญ่ได้อีกล่ะ”
“ก็ถือว่าคุณปลาใหญ่ของเธอซวยซ้ำซาก”
“นั่นยังไม่เท่าไหร่...แต่ถ้า 2 คนนั่น เกิดตายจริงๆ”
“ก็ถือว่าถึงฆาต”
“เฮ้ย พูดง่ายๆ ผสมพล่อยๆ ฉันไม่ยอมเป็นฆาตกรไปกับพวกเธอด้วยหรอก ถึงจะสลับร่างกันเขาก็ยังมีตัวตนอยู่ ...ยังพูด..ยังไม่หายไปไหน แต่ถ้าตายไปละก็จะไม่ได้เจอทั้งร่างกายและวิญญาณเลยนะ”
“บอกแล้วว่าต้องเสี่ยง”
“ฉันไม่เสี่ยง”
“ก็ตามใจ! แต่ฉันจะยืนยันความตั้งใจเดิม”
สายพิณลงจากรถก้าวออกไปจากที่นั้นทันที
“นังฆาตรกรนี่ต้องเอาจริงแน่”
น้ำเพชรมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ที่บ้านสายไหม สายไหมยกกับข้าวเข้ามาวางในห้องเซียน เซียนกำลังนั่งอยู่หน้าคอมโดยไม่ได้สนใจ
“ป้าทำแกงจืดฟักให้ เห็นว่าชอบ”
เซียนยังคงง่วนอยู่กับคอมขณะพูด
“ตบหลังแล้วลูบหัว”
“อะไรนะ”
“ป้าน่ะตบหลังแล้วลูบหัว”
“ตบหัวแล้วลูบหลัง”
“ก็ใกล้เคียงกันนั่นแหละ”
“คุณปลาใหญ่ต้องเข้าใจป้านะ” สายไหมเสียงอ่อนลง
“อ๋อ! ผมเข้าใจทุกคนเลยครับ แล้วผมก็มีวิธีของผมด้วย “ สายไหมชะงัก
“วิธีอะไร”
เซียนไม่ตอบง่วนกับงานของตนต่อ
สายไหมเดินออกมาแล้วทรุดตัวลงนั่งหน้าบ้าน สายพิณเดินตรงมา
“ป้าไหม”
“พิณ ป้ากำลังจะโทร.ตามแกพอดี”
“ทำไม มีอะไรเหรอป้า ปลาใหญ่ออกฤทธิ์”
“เปล่า แต่ดูเขาใจเย็นผิดปกติ ไม่เห็นมีท่าทางว่าจะเดือดเนื้อร้อนใจอะไร”
“พิณไปดูเอง”
สายพิณเดินเข้าไปในห้องเซียน ขณะนั้นเซียนกำลังนั่งกินข้าวอย่างปกติ
“เป็นไงบ้าง”
“สบายดี! ป้าไหมแกทำกับข้าวอร่อย อยากจะชวนเธอกินเหมือนกันแต่มันจะหมดแล้ว”
สายพิณมองเซียนอย่างจับผิดขณะที่เซียนดื่มน้ำ
“นายต้องมีแผนแน่”
“ผมเป็นคนฉลาด เพราะฉะนั้น...”
“นายจะทำอะไร จะแหกปากตะโกนเรียกคนช่วย...หรือว่าจะ...”
“ธรรมดาเกินไป”
สายพิณเดินเข้ามาใกล้
“นายปลาใหญ่”
“อีกไม่นานเท่าไหร่ คุณก็รู้เอง”
สายพิณจ้องปลาใหญ่เขม็ง เซียนกระพริบตาตามปกติขณะมองตอบ
ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่ร้านทองกินฮวย กิมฮวยกำลังคุยกับลูกค้าเสียงแจ๋ว
“เวลานี้นะฮะ ซื้อทองดีที่สุดฮ่ะ”
ปลาใหญ่เดินเข้ามา เติมศักดิ์รีบกุลีกุจอต้อนรับ
“อาคุณปลาใหญ่ อาฮวย อาคุณปลาใหญ่มา”
“อาคุณปลาใหญ่มา นี่ ...นี่...นี่...พวกลื้อทุกคนสวัสดีทักทายคุณปลาใหญ่หรือยัง”
ทุกคนรวมทั้งพิชิตรีบไหว้ปลาใหญ่
“ลมอะไรหอบมาครับ คุณปลาใหญ่” พิชิตถาม
“ลมบ้าหมู”
“ลมบ้าหมูเชียวหรือครับ”
“เชิญคุณปลาใหญ่ inside ข้างในดีกว่าฮ่ะ”
“เชิญ...เชิญ...คุณปลาใหญ่”
กิมฉวยกับเติมศักดิ์ช่วยกันต้อนรับปลาใหญ่เข้าไปด้านใน
ปลาใหญ่เข้ามาในห้องรับแขกแล้วนั่งลง กิมฮวยกุลีกุจอรินน้ำชาให้
“เจี๊ยะเต๊ฮ่ะ คุณปลาใหญ่”
“คุณน้ำเพชรกลับมาหรือยังครับ”
“อ๋อ มาแล้วฮ่ะ เพิ่งมาเมื่อสักครู่ อาเติมลื้อขึ้นไปตามอาน้ำเพชร”
“ไม่ต้องครับ... ผมมีธุระสำคัญจะคุยกับป่าป๊าแล้วก็หม่าม้าก่อน”
“หม่าม้าเลยหรือฮะ”
กิมฮวยหัวเราะชอบอกชอบใจ แล้วหันไปสะกิดเติมศักดิ์ให้หัวเราะด้วย เติมศักดิ์รีบผสมโรงหัวเราะ ปลาใหญ่ผสมโรงหัวเราะเอาใจ... ทั้งสามคนหัวเราะจนเหนื่อย
“คุณปลาใหญ่มีธุระอะไรหรือฮะ”
“คือ ...ผมอยากจะทาบทามสู่ขอคุณน้ำเพชร”
“สู่ขออาน้ำเพชร”
“ครับ”
“เอาไปเลย อั๊วยกให้เลย” กิมฉวยบอก เติมศักดิ์ถึงกับสะดุ้ง
“อาฮวย ลื้อยกให้ง่ายๆ ได้ไง มันต้องมีลีลาหน่อย”
“ไม่ต้องลีลงลีลาแล้ว อั๊วยกให้เลย สมกันยังกับกิ่งทองใบหยก”
ปลาใหญ่ยิ้มอย่างพอใจ
ขณะนั้นน้ำกำลังเดินกลับไปกลับมาอย่างใช้ความคิดอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงกิมฮวยดังแจ่มแจ๋ว
“อาน้ำ อาน้ำ เปิดประตูให้อาหม่าม้าหน่อย”
น้ำเพชรเดินไปเปิดประตู แล้วมองหน้าตาตื่นเต้นดีใจของกิมฮวยอย่างแปลกใจ
“ถูกล็อตเตอรี่เหรอ หม่าม้า”
“เปล่า ถูกล็อตเตอรี่ อั๊วยังไม่ดีใจเท่ากับลื้อจะเป็นฝั่งเป็นฝาเลย”
น้ำเพชรซึ่งกำลังยิ้มแย้มชะงักงัน
“เป็นฝั่งเป็นฝา”
“อ้อ ลื้อกำลังเป็นฝั่งเป็นฝาแล้ว อาน้ำ...อาท่านประธานปลาใหญ่มาเจรจาสู่ขอลื้อกับอาหม่าม้าแล้วก็อาเตี่ยเมื่อกี้นี้เอง นั่นแน่! ดีใจจนหน้าเขียวหน้าเหลืองเลย”
น้ำเพชรโกรธจนพูดไม่ออก
ปลาใหญ่และเติมศักดิ์เหลียวมองไปทางประตูทางเข้ามา
“ใจเย็นๆ อาท่านประธาน อาน้ำคงดีใจจนพูดไม่ออก อีกประเดี๋ยวต้องมีเสียงเฮออกมา ลื้อเงี่ยหูฟังดีๆ”
“เงี่ยหูฟัง...”
“นี่ ทำแบบนี้”
เติมศักดิ์ทำท่าเงี่ยหูฟังให้ดู ปลาใหญ่ทำตาม...ทุกอย่างเงียบสนิท
“เงียบเหมือนป่าช้าเลย”
“ปากอัปมงคล”
ทันใดมีเสียงน้ำเพชรแหกปากร้องดังก้อง
“จ๊าก ...ก...ก...ก”
เติมศักดิ์ชอบอกชอบใจ
“นั่นไง”
กิมฮวยกำลังพยายามยื้อยุดฉุดน้ำเพชรอยู่ในห้อง
“อาน้ำ...ใจเย็นๆ ก่อน ใจเย็น”
“ปล่อย หม่าม้า น้ำจะไปฆ่ามัน”
“ไอ๊หยา ฆ่าคนก็ติดคุกน่ะซี”
“ติดเป็นติด อย่างน้อยน้ำต้องเอาเลือดหัวมันออก”
“อาน้ำ นั่นมันอาท่านประธานนะ” น้ำเพชรดิ้นรน เปิดประตูจนได้ แล้ววิ่งลงไปทันที “อาน้ำ”
กิมฮวยรีบตามไป
น้ำเพชรถลาเข้ามาในห้องรับแขกด้วยสีหน้าแววตาถมึงทึง สองมือสั่นเทาเตรียมพร้อม
“นั่นไง ดีใจจนตาถลนเลย”
“ไอ้เซียน”
ปลาใหญ่รีบทยานกระโดดจับเติมศักดิ์เป็นโล่ห์กำบัง
“ไอ๊หยา อาท่านประธาน อาน้ำ นี่มันอะไรกัน”
“อาเตี่ย ถอยมา น้ำจะฆ่ามัน”
“อาท่านประธาน ลื้อรีบกลับไปก่อน” กิมฮวยรีบบอก
“อาเตี่ย กับ อาหม่าม้า ช่วยจับตัวคุณน้ำแน่นๆ นะครับ”
“เออน่า ลื้อรีบออกไป”
“สวัสดีครับ อาเตี่ย.... สวัสดีครับอาหม่าม้า สวัสดีครับ...อาน้ำ”
ปลาใหญ่รีบออกไป น้ำเพชรดิ้นเต็มที่
“จะไปไหน ไอ้เซียนมาให้ฉันตบก่อน”
“อาเซียนที่ไหน นั่นมันอาท่านประธาน”
“นั่นแหละ ไอ้เซียน”
เติมศักดิ์และกิมฮวย ทำหน้างงๆ
ปลาใหญ่รีบวิ่งตรงมาที่รถ กดรีโมท แล้วเข้าไปนั่งพลางถอนใจเฮือก
“เฮ้อ เข้าทางผู้ใหญ่ก็ไม่สำเร็จ ... เอาไงดี”
ปลาใหญ่นิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วขับรถออกไป
ส่วนน้ำเพชรเธอแค้นใจจนน้ำตาไหล
“นั่นมันไอ้เซียน ไม่ใช่คุณปลาใหญ่”
“อาน้ำ...ลื้อเป็นอะไรไป อาเติมอั๊วกลุ้มจริงๆ อาน้ำเห็นอาท่านประธานเป็นอาเซียน”
“สงสัยจะผีเข้า”
“อาเตี่ย หม่าม้า วิญญาณไอ้เซียนมันเข้าสิงคุณปลาใหญ่”
“ไอ๊หยา” กิมฮวยกับเติมศักดิ์ร้องออกมาพร้อมกัน
“อาเตี่ยกับหม่าม้าไม่เข้าใจ”
“อาฮวย ...ลื้อพาอาน้ำขึ้นไปก่อน อั๊วจะไปปิดประตู” เติมศักดิ์บอกแล้วเดินออกไป
“ไป อาน้ำ”
น้ำเพชรพยายามอธิบายขณะกิมฮวยพาขึ้นข้างบน
กิมฮวยพาน้ำเพชรเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู
“อาน้ำ...”
“หม่าม้าคิดว่าน้ำบ้าใช่มั้ยล่ะ”
“บางทีลื้ออาจจะแค่เพี้ยน”
“โธ่! หม่าม้าฟังน้ำหน่อยซิคะ”
“อั๊วก็พยายามจะเชื่อ แต่มันไม่น่าเชื่อ”
น้ำเพชรสูดลมหายใจยาว พยายามตั้งสติ
“เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดน้ำจะเชิญคุณครรชิตมายืนยันกับหม่าม้า คุณครรชิตก็รู้เรื่องนี้ดี”
“ไอ๊หยา! เพี้ยนกันหมดเลย”
น้ำเพชรเริ่มจะท้อ แต่ก็พยายามใหม่
“งั้นหมอแม่นก็ได้ หม่าม้าสนิทกับหมอแม่น”
“อาหมอแม่นก็ไม่ได้เต็มเต็ง”
“เฮ้อ ...”
“อาน้ำ”
“หม่าม้า...พรุ่งนี้น้ำจะเชิญคุณครรชิตมา ยังไงหม่าม้าก็ลองฟังแกดูคุณครรชิตแกรักและสนิทสนมกับคุณปลาใหญ่มาก...ก...แกต้องเข้าข้างคุณปลาใหญ่วันยังค่ำ นะคะหม่าม้า...”
กิมฮวยถอนใจเฮือก มองน้ำเพชรเพ่งพิศและหนักใจ
กิมฮวยเดินออกมาขณะที่เติมศักดิ์รออยู่พอดี
“เป็นไงบ้าง”
กิมฮวยรีบยกนิ้วแตะปากแล้วกระซิบกระซาบเล่าขณะพากันเดินกลับห้อง
พอเข้ามาในห้องเติมศักดิ์ตกใจสุดๆ กับสิ่งที่กิมฮวยเล่าให้ฟัง
“ไอ๊หยา ...อาน้ำอีบ้าบอไปแล้ว”
กิมฮวยถีบเติมศักดิ์โครม
“อาเติม ลื้อว่าลูกบังเกิดเกล้าบ้าได้ยังไง อาน้ำอีไม่ได้บ้า! อีแค่อาจจะเพี้ยนๆ”
“อูย” เติมศักดิ์ค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น “ เพี้ยนมันก็แปลว่าบ้า”
“ไอ้เติม” เติมศักดิ์สะดุ้ง “ไหนลื้อพูดตามอั๊วซิ...เพี้ยน”
“เพี้ยน”
“บ้า”
“บ้า”
“เหมือนกันมั้ย”
“ไม่เหมือน แต่เพี้ยนมันแปลว่า ...”
“ไอ้เติม อย่าบังอาจเถียงอั๊ว ไม่อย่างนั้นลื้อได้นอนเฝ้าหน้าร้านแน่” เติมศักดิ์จำต้องนิ่ง “อั๊วต้องหาวิธีให้อาน้ำยอมโอเค กับอาท่านประธานให้ได้”
สีหน้ากิมฮวยมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง
คืนนั้นครรชิตคุยโทรศัพท์กับเซียนด้วยสีหน้าลังเลเมื่อรู้ว่าเซียนคิดทำอะไร
“เอาอย่างนั้นเลยหรือครับ คุณปลาใหญ่”
“นี่ยังแค่มาตรการเริ่มแรก ปลาใหญ่ยังมีหนักกว่านี้เตรียมไว้ให้อีก ต่อไปนี้ผมจะกดดันทั้งนายเซียนแล้วก็ยัยสายพิณมากขึ้นเรื่อยๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้น “ใครมาเคาะประตู”
“ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
“ไปเปิดประตู แล้วเปิดโทรศัพท์ไอ้อย่างนี้ให้ผมได้ฟังด้วย”
“ครับ”
ครรชิตจัดวางโทรศัพท์ไว้ในมุมที่ไม่มีใครสังเกต แล้วเดินไปที่ประตู
ปลาใหญ่ยืนอยู่หน้าห้องด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ ครรชิตเปิดประตูเดินออกมาเล็กน้อย
“คุณคัน ...ช่วยผมหน่อย”
“เข้ามาข้างในซิ”
ปลาใหญ่เดินตามครรชิตเข้ามาในห้อง
ปลาใหญ่เดินมาทรุดตัวลงนั่งสไตล์เซียน ขาเขย่าเร็วขึ้นตามความเครียดที่เพิ่มขึ้น ครรชิตทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามอย่างใจเย็น
“มีอะไร”
“คุณน้ำเพชร...ผมไปบ้านเขามา”
“ไปทำไม”
“ไปสู่ขอกับคุณพ่อคุณแม่” ครรชิตถึงกับสะดุ้ง
“เฮ้ย”
เซียนขยับมุมปากเยาะๆ กับสิ่งที่ได้ยิน
“ลืมตีนเหมือนวัวลืมตีน “
“ไอ้ที่นายทำน่ะ เขาเรียกว่าหลอกลวงนะเว้ย” ครรชิตบอกกับปลาใหญ่
“ทำไงได้ ผมรักเขา แอบรักมาตั้งนานแล้ว”
“นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่นายเข้ามาสิงร่าง คุณปลาใหญ่”
“ก็ใช่ครับ ...”
“แล้วไง”
“อาเตี่ยกับอาหม่าม้าเขาดีใจแทบจะส่งตัวให้เดี๋ยวนั้น”
“ก็ดีนี่”
“ดีกับผีอะไรล่ะ พอคุณน้ำรู้เข้าผมแทบจะเอาชีวิตไม่รอด”
“แล้วนายมาบอกฉันทำไม”
“ผมมาขอคำแนะนำจากคุณคันว่า ผมควรจะทำยังไงดี”
ครรชิตมองปลาใหญ่ด้วยสีหน้าทำเป็นใคร่ครวญ
ปลาใหญ่ออกมาจากห้องครรชิตแล้วยืนพิงประตูด้วยสีหน้าลังเลเมื่อนึกถึงคำแนะนำของครรชิต
“เป็นฉัน...ฉันจะโทรไปขอโทษแล้วก็ปรับความเข้าใจ”
“โอย จะดีหรือครับ คุณน้ำเพชรเขายิ่งเกลียดขี้หน้าผมอยู่”
“นายต้องใช้ความจริงใจเข้าสู้”
“จ๊ะจ๋า...จ๋าจ้ะ ... ถึงผมจะถ่อย...เถื่อน! ทุเรศขนาดไหน แต่สำหรับคุณน้ำแล้ว ผมจริงใจใสกิ๊งเลย”
“ฝรั่งเขามีคำพูดว่า “ความรักเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่าง” ซึ่งจะคล้ายๆ กับของไทยเราที่ว่า “ ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก” แล้วนายจะมัวลังเลอะไร โทรเลย...ตื้อเลย”
ครรชิตแนะนำด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 8 (ต่อ)
ปลาใหญ่นึกถึงคำเตือนของครรชิตแล้วตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว
“เอาวะ ต้องเชื่อคุณคันแกหน่อย เพราะแกยังไม่มีเมีย เกี่ยวกันมั้ยนี่”
ปลาใหญ่กลับมาที่ห้องแล้วกดโทรศัพท์หาน้ำเพชร ขณะนั้นน้ำเพชรหงุดหงิดกับเรื่องเซียนจนนอนไม่หลับ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพอเห็นเบอร์ปลาใหญ่ นัยน์ตาน้ำเพชรเป็นประกายกราดเกรี้ยวขึ้นทันที
“หน็อยแน่ะ ไอ้เซียน... กำลังนึกแช่งก็โทรมาพอดี!” น้ำเพชรกดรับ “ไอ้เซียน ฉันขอสาปแช่งให้แกตายกลายเป็นศพไม่มีญาติ เดินทางไปไหนก็ไม่ปลอดภัย กินอะไรก็ขอให้ท้องร่วง”
ปลาใหญ่รีบปิดโทรศัพท์
“แช่งเป็นชุดแบบไม่ให้ตั้งตัวเลย สงสัยว่าคาถาคุณครรจะใช้ไม่ได้กับคุณน้ำเพชร”
ปลาใหญ่วางโทรศัพท์ หงายหลังลงนอนด้วยสีหน้าเซ็งสุดๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นครรชิตเดินออกมาที่ระเบียงบ้าน ซึ่งปลาใหญ่นั่งยกขาทั้งสองข้างพาดบนโต๊ะ ดวงตามองครรชิตครุ่นคิด
“เฮ้ย! โต๊ะเขามีไว้วางของ ไม่ใช่วางเท้า”
ปลาใหญ่ยังไม่เอาลง ซ้ำยังกระดิกไปมา
“วางของได้ก็วางเท้าได้” ครรชิตลอบยิ้ม
“ทำไม น้อยอกน้อยใจอะไรมาแต่เช้า”
“เมื่อคืน ผมทำตามที่คุณคันบอกทุกอย่าง แล้วทายซิเป็นไง...โดนด่าเช็ด”
“โบราณว่า ผู้หญิงด่าแปลว่าผู้หญิงรัก”
“นั่นมันโบราณ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงด่าแปลว่าอยากด่า ... ด่าอย่างเดียวไม่พอ แช่งด้วย”
ครรชิตมองปลาใหญ่ซึ่งท่าทางเซ็งจัดครู่หนึ่งแล้วตบไหล่
“ไปได้แล้ว เดี๋ยว 9 โมงเช้ามีประชุม” ปลาใหญ่ชะงัก
“ ประชุมอะไร”
“ก็ประชุมผู้ถือหุ้นไง ไปได้แล้ว”
ครรชิตเดินไป ปลาใหญ่ตามด้วยสีหน้ากังวล
ภายในห้องอาหาร ปกรณ์เลื่อนซอสต่างๆ ให้รัญญาด้วยสีหน้าแววตาสุภาพสุดๆ
“นี่ครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
เกริกก้องมองภาพนั้นตาไม่กระพริบ ขณะที่จันทร์ทิพย์มองท่าทีของปกรณ์และเกริกก้องอย่างกังวล สมศรีหันมามองหน้ากันแว่บหนึ่ง บรรยากาศในห้องนั้นอึดอัดสุดๆ มีแต่รัญญาที่กินแบบไม่รู้ไม่ชี้...ปลาใหญ่และครรชิตเดินเข้ามา จันทร์ทิพย์โล่งใจสุดๆ ทักเสียงใสอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ปลาใหญ่ คุณครรชิต ทำไมลงมาชักนักล่ะคะ”
“คุณปลาใหญ่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จครับ”
ปลาใหญ่นั่งหัวโต๊ะตรงกันข้ามกับปกรณ์ ในขณะที่ครรชิตนั่งทางขวามือของปลาใหญ่ ปลาใหญ่ชะโงกมองในจานของทุกๆ คน
“ไข่ดาวไส้กรอก หมูแฮมอีกแล้ว...อยากกินข้าวแกงน่ะ เข้าใจมั้ยว่าอยากกินข้าวแกง มาอยู่ตั้งหลายเดือนแล้ว”
เกริกก้องเลิกคิ้ว
“มาอยู่ตั้งหลายเดือน”
ครรชิตเตะเท้าปลาใหญ่ ปลาใหญ่ทำหน้าตายตอบออกมา
“หมายถึงว่าตั้งแต่ผมหายป่วยจากโรงพยาบาล น่ะ”
“แต่ปลาใหญ่เคยชอบทานอาหารเช้าเบาๆ”
“ตอนนี้ผมเปลี่ยนเป็นอยากทานหนักๆ แล้ว”
“กินเหมือนผู้ใช้แรงงาน”
“ใช่ครับ” ครรชิตบอก ทุกคนหันมามอง “...แรงงานสมองไง”
ครรชิตพยายามจะให้ทุกคนขำ
“ไม่มีอะไรน่าขำเลย คุณครรชิต”
ครรชิตยิ้มแห้งๆ
“เอาไข่ดาวไส้กรอกมากินก่อนก็ได้ แต่พรุ่งนี้เช้าขอขนมจีนแกงไก่อ้อ! ไข่ดาวอีก 2”
“ไหนว่าอยากกินข้าวไง” รัญญาถาม
“กินขนมจีนก่อน แล้วข้าวทีหลัง” ปลาใหญ่บอกแล้วหันไปทางสมศรี “บอกแม่ครัวว่าแกงไก่ไม่ใช่แกงกระดูกไก่”
สมศรีหันมาทางบอกสมทรง
“คุณปลาใหญ่บอกว่า ...”
“ได้ยินแล้ว”
“ของปลาใหญ่ทำตามนั้น แต่ของคุณก้อง ... คุณรัน ... แล้วก็ฉันเหมือนเดิม” จันทร์ทิพย์บอก
“แล้วคุณครรชิตล่ะคะ”
“ของฉันก็เหมือนเดิม”
สมทรงหันมามองปกรณ์
“ข้าวแกงไก่ก็ฟังดูดีเหมือนกัน สมัยผมอยู่ที่อุดร ...” ทุกคนมองเขม็ง โดยเฉพาะจันทร์ทิพย์ดูใจหายใจคว่ำ
ปกรณ์รู้สึกตัว “... ลอนดอน มักจะทำกินเองประจำ”
“ไหนน้าจันทร์บอกว่า จบจากอมริกา”
“มีช่วงหนึ่งที่ผมไปอยู่ลอนดอนครับ”
จันทร์ทิพย์มีสีหน้าโล่งใจ ขณะที่ปลาใหญ่ยิ้มนิดๆ เหมือนรู้ทัน
น้ำเพชรยังคงมาทำงานตามปกติ น้ำเพชรเปิดคอมเช็คเมล์ตามปกติ ในคอมมีตัวหนังสือแจ้งว่ามีเมล์ น้ำเพชรเปิดเมล์ดูแล้วสะดุ้งเมื่อเห็นภาพเซียนนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียว ทำท่าทางต่างๆ แบบทุเรศๆ น้ำเพชรมองอย่างตะลึงชั่วครู่แล้วหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
ขณะนั้นปลาใหญ่เดินเข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆ นัยน์ตาจับจ้องมองน้ำเพชรซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะสนใจการมาของปลาใหญ่เลยแม้แต่น้อย น้ำเพชรยังคงจับจ้องมองอยู่ที่หน้าจอคอม ปลาใหญ่ค่อยๆ ย่องผ่านน้ำเพชรไปที่ประตูด้วยสีหน้าหวาดๆ ขณะที่น้ำเพชรยังไม่ได้ให้ความสนใจ น้ำเพชรละสายตาจากคอมแล้วปรายตามองปลาใหญ่อย่างเหยียดๆ
ปลาใหญ่เข้ามาในห้องแล้วค่อยๆ ปิดประตูอย่างแผ่วเบา พร้อมกับถอนใจเฮือก ปลาใหญ่ค่อยๆ ย่องต่อไปที่โต๊ะทำงานแล้วนั่งลง เสียงโทรศัพท์ดังกังวานขึ้นจนปลาใหญ่สะดุ้งเฮือก ปลาใหญ่หยิบมาดูแล้วขมวดคิ้วเมื่อเห็นหน้าจอ ขึ้นคำว่า “ไม่มีชื่อ”
“ฮัลโหล”
“เปิด Com.ดูสิ”
เสียงโทรศัพท์ปิดทันที
“เฮ้ย ใครวะ”
คอม มีสัญญาณเหมือนเมล์เข้ามา ปลาใหญ่จัดการเปิดที่จอปรากฏภาพเซียนกับท่าเกรียนทุเรศๆ หลายภาพ
ปลาใหญ่ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธจัด
“ไอ้ปลาใหญ่”
ปลาใหญ่รีบเดินออกไปทันที
ปลาใหญ่เดินออกมาด้วยความรีบร้อนเพราะหงุดหงิดจึงไม่ทันระวังเมื่อเท้าเหยียบเอาเปลือกกล้วยหอมที่วางอยู่ลื่นหกล้มโครมใหญ่
“โอ๊ย”
น้ำเพชรคุยอยู่กับเพื่อนร่วมงาน 2-3 คน หันมามอง ทุกคนปล่อยกิ๊กออกมาแล้วรีบหยุดเดินหนีไป ขณะที่น้ำเพชรยังคงยืนมองปลาใหญ่อย่างเย็นชา
“ใคร ใครเอาเปลือกกล้วยมาวาง” ปลาใหญ่ถามอย่างโกรธจัด
“ไม่รู้”
“แต่ผมรู้ คุณแกล้งผม”
“ไหนล่ะหลักฐาน”
“ก็...ก็...คุณอยู่ตรงนี้”
“ฉันอยู่ตรงนี้ต่างหาก แล้วก็ยืนอยู่กันตั้งหลายคน”
“ทำไมคุณถึงเกลียดผมนัก” ปลาใหญ่ถามอย่างน้อยใจ
“ไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งโง่กันแน่! ...แต่จะบอกให้ก็ได้ ฉันเกลียดแกมากที่สุดในโลก...เกลียดเพราะแกเถื่อน...ทุเรศ...ที่ร้ายที่สุดคือไม่เจียมตัว ไม่เจียมกะลาหัว ใจดำอำมหิต”
ตลอดเวลาที่น้ำเพชรพูดหน้าปลาใหญ่ซีดลง แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ปลาใหญ่หันกลับเดินเข้าไปในห้องเงียบๆ น้ำเพชรมองตามสะใจ
“ดี ฆ่าตัวตายยิ่งดี สมน้ำหน้า”
น้ำเพชรเดินกลับมานั่ง
ปลาใหญ่เดินเข้ามาในห้องแล้วทิ้งตัวลงนอนก่ายหน้าผากบนโซฟาอย่างหมดแรงและเมื่อนึกถึงคำพูดของน้ำเพชรภาพเซียนในร่างของปลาใหญ่ค่อยๆ ปรากฎขึ้นรางๆ ปลายตามีน้ำตาไหลเป็นทาง
ทางด้านครรชิตขณะนั้นกำลังนั่งใช้ความคิด ดวงตามองโต๊ะเซียนซึ่งว่างอยู่อย่างใช้ความคิดเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ... ครรชิตซึ่งกำลังตกอยู่ในภวังค์สะดุ้งแล้วจึงขยับตัวหยิบโทรศัพท์มาดูชื่อแล้วกดรับ
“ว่าไง...หนูน้ำ... อะไรนะ” ครรชิตเปิดคอมดูรูปเซียน ครรชิตตะลึงมองครู่หนึ่งแล้วขำกลิ้ง “ไม่เลว คุณปลาใหญ่มีดีกว่าที่คิด”
น้ำเพชรหัวเราะคิกคักเช่นเดียวกัน
“อูย...มันมากค่ะ ไม่กี่ชั่วโมง ภาพพวกนี้กระจายว่อน’Net แล้วก็มีคนคลิกเข้าไปดูเกือบแสนแล้วนะคะ!..ค่ะ..ถ้ามีอะไรน้ำจะส่งข่าวคะ”
น้ำเพชรวางโทรศัพท์ลงสีหน้ายังคงสะใจ
ที่บ้านสายไหม ขณะนั้นสายไหมกำลังเตรียมข้าวของอย่างวุ่นวาย
“ป้าไหม ป้าไหมจ้ะ”
“อยู่นี่”
สายพิณเดินเข้ามา
“อยู่กันแค่นี้ แกจะตะโกนหาอะไรวะ”
“จุ๊! หาป้าน่ะซิ... ขอกุญแจหน่อยจ้ะ”
สายไหมหยิบจากเอวส่งให้
“เอ้า” สายพิณรับกุญแจมาแล้วเดินไปที่ห้องเซียน “ไอ้พิณ”
สายพิณหันกลับมามอง
“เอ็งจะขังมันไปทำไมวะ ข้าดูๆ มา 2-3 วันแล้วไม่เห็นจะมีอะไรคืบหน้าเลย”
“ก็ทีแรกที่พิณตกลงกับยัยมือตบหุ้มทองว่าจะจับไอ้เจ้าปลาใหญ่กับพี่เซียนไปทำให้เกิดอุบัติเหตุไง”
“ข้าทายว่า เขาไม่ตกลง” สายพิณพยักหน้า “ไม่มีใครเขาคิดพิลึกกึกกือเหมือนเอ็งหรอก”
“พิณก็ยังมั่นใจว่าพิณทำได้ แล้วก็ต้องสำเร็จด้วย”
“แต่ข้ายังคิดหนักว่ะ ไม่อยากเสี่ยง”
“ชีวิตคือความเสี่ยง”
“ใครบอก”
“พิณบอกเอง”
สายพิณเดินไปไขกุญแจ แล้วเดินเข้าห้องไป
สายพิณเข้ามายืนเท้าสะเอวในห้องเซียน ขณะที่เซียนกำลังตบมืออย่างดีใจที่เห็นจำนวนคนที่คลิกดูภาพที่เขาโพสต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆใน’Net เซียนเบือนหน้ามามองสายพิณแว่บหนึ่ง
“เห็นนี่หรือยัง” สายพิณเดินมาดึงปลั๊กออกแล้วยกคอมออกไปไว้ข้างนอก แล้วเดินกลับเข้ามา เซียนลุกเดินไปกระโดดขึ้นนั่งบนเตียง “สายไปแล้วละ”
สายพิณเดินมาใกล้อย่างเอาเรื่อง
“เอามือถือมา”
“หาเอาเอง”
สายพิณเริ่มค้นหาโดยมีเซียนนั่งกระพริบตามอง สายพิณรื้อเสร็จทุกซอกทุกมุมแต่ไม่พบอะไร สายพิณนิ่งคิดครู่หนึ่งแล้วเดินมาที่เตียง
“ลุกขึ้น” เซียนกระพริบตามองโดยไม่ขยับเขยื้อน “บอกให้ลุกขึ้น”
เซียนส่ายหน้า สายพิณฉุนจัดจับแขนเซียนกระชากเต็มแรง แต่เซียนตัวใหญ่กว่ามากไม่ได้ขยับเขยื้อนตาม สายพิณฮึดอีกกระชากเต็มแรง คราวนี้เซียนกระชากกลับ สายพิณตัวลอยมานอนตรงหน้าเซียนหัวพาดตัก สายพิณลุกขึ้นนั่งทันทีด้วยความโกรธจัด
“ไอ้ปลาใหญ่! ตายเสียเถอะ”
สายพิณตั้งท่าวอลเล่ย์แล้วตบไปอย่างแรง เซียนพลิกหลบแล้วจับแขนพิณไขว้หลัง กดคว่ำหน้ากับที่นอน
“คราวก่อนฉันไม่ทันระวังตัว เพราะไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงอย่างเธออยู่ในโลกคราวนี้ไม่มีทางได้กินเสียละ ยัยรู้ด”
สายพิณดิ้นสุดฤทธิ์ พลิกตัวถีบเซียนหน้าหงายแล้วจับกดที่คอ
“บอกมา ยัยรู้ดแปลว่าอะไร” เซียนทำท่าจะหายใจไม่ออก “บอกมา”
เซียนใช้จังหวะหนึ่งเอาขารวบตัวสายพิณไว้ พลิกให้ล้มแล้วตัวเองคร่อม ทั้งคู่ต่อสู้กันพัลวันบนเตียง
“ว้าย” สายไหมร้องด้วยความตกใจ เซียนกับสายพิณสะดุ้งหันมามอง “บัดสีบัดเถลิง”
สายไหมรีบออกไป เซียนกับสายพิณลุกขึ้น สายพิณฉวยจังหวะตบเซียนกระเด็น เซียนร้องลั่น สายพิณถีบเซียนอีกทีก่อนจะเดินออกไป
สายพิณเดินหน้าหงิกออกจากบ้าน สายไหมมองตาม เซียนเดินออกมา
“ไปแล้วหรือครับ”
“คุณปลาใหญ่ ไปปล้ำหลานสาวเขาได้ยังไง”
“ผมเปล่า”
สายพิณกลับเข้ามาอีกที สีหน้าถมึงทึงมองเซียน
“บอกมา ยัยรู้ดแปลว่าอะไร”
“รู้ด แปลว่า หยาบคาย เข้าใจหรือยัง ยัยรู้ด”
“ไอ้ปลาใหญ่บ้า”
สายพิณจะเข้าเล่นงานเซียนอีก สายไหมขวางทันที
“ขอที ไอ้พิณ”
“ก็มันว่าพิณ”
“กลับไปก่อน”
“คำว่า “มัน” เป็น Pronoun แทนสัตว์หรือสิ่งของ ใช้กับคนไม่ได้”
“กูจะใช้”
เซียนทำหน้าเหมือนรังเกียจ
“ยัยร้าย! ยัยรู้ด”
สายพิณกระเหี้ยนกระหือรือจะเล่นงานเซียนให้ได้จนสายไหมชักฉุน
“ไอ้พิณ! กูบอกให้กลับไปก่อน”
“กลับก็ได้...ระวังตัวนะมึง”
สายพิณชี้หน้าเซียนอย่างอาฆาตก่อนจะเดินออกไป สายไหมถอนใจเฮือกหันมาทางเซียน
ที่บ้านชายสี่ มอมนอนก่ายหน้าผาก ขณะที่ป๋องในชุดวินเดินเข้ามา
“ไอ้มอม ยังไม่ลุกอีกเหรอวะ ข้าวิ่งมอ’ไซค์ตั้งหลายรอบแล้วนะเว้ย”
“ก็ดีแล้วนี่” มอมบอกด้วยสีหน้าเฉยเมย
“ดีกะผี นี่มันชั่วโมงเร่งด่วน ไอ้ชายสี่ก็ไม่อยู่คนนึงแล้ว...ไป!ลุงป่องให้มาตาม” มอมยังนิ่งเฉย “ไอ้มอม เอ็งเป็นอะไรไปวะ”
“ข้าสงสัยว่าตัวเองจะอกหัก” ป๋องมองงงๆ “ถ้าเป็นไอ้เซียนตัวจริง ข้าจะไม่ระแวงเพราะรู้ว่ามันไม่ชอบ ไม่รักสายพิณ ถึงสายพิณจะชอบมันก็เถอะ”
“แล้ว...”
“แต่นี่เป็นปลาใหญ่ ปลาใหญ่อาจจะถือโอกาสใช้รูปร่างหน้าตาของไอ้เซียนจีบพิณ”
“อยู่ดีๆ ทำไมเกิดคิดแบบนี้ขึ้นมา ปลาใหญ่มันสิงร่างไอ้เซียนมาตั้งหลายเดือนแล้ว”
“ไม่รู้ซิ อาจจะเป็นความสังหรณ์ใจ”
“ไปทำมาหากินก่อน ไม่งั้นข้าสังหรณ์ว่าเอ็งจะไม่มีเงินใช้”
“เดี๋ยวตามไป”
“อย่าช้านะเว้ย”
“เออน่า”
ป๋องเดินออกไป มอมยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียดตามเดิม
มอมขี่มอเตอร์ไซค์ช้าๆ ผ่านหน้าบ้านเซียนหลบหลีกคนที่เดินผ่านไปมาบริเวณนั้นแล้วจะเลยผ่านไป แต่มอม
ชะงักหันมามองดูแล้วขับมอเตอร์ไซค์ย้อนมาใหม่ มอมจอดมอเตอร์ไซค์แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ขณะนั้นสายไหมและเซียนกำลังถกเถียงกันอยู่ ทั้งคู่หันมามองมอม
“ปลาใหญ่ ฉันอยากถามอะไรหน่อย”
“ทำไมวันนี้ถึงได้มีแต่คนขี้สงสัยกันนัก”
“เอ็งจะถามก็รีบๆ ถามซะ เดี๋ยวข้าจะได้ถามต่อ” สายไหมบอก
“ในฐานะที่ป้าเป็นเจ้าของบ้าน ผมอนุญาตให้ถามก่อน”
“ขอบใจ” สายไหมเบือนหน้ามาทางปลาใหญ่ “คุณปลาใหญ่ เมื่อกี้ไอ้พิณมันโกรธคุณปลาใหญ่เรื่องอะไร”
มอมสะดุ้ง
“เมื่อกี้พิณมาที่นี่หรือป้า”
“เออ...อยู่ดีๆ ก็เข้าไปยกเอาไอ้คอมพิวเตอร์นั่นออกมา แล้วกลับเข้าไปกอดปล้ำกัน”
“เข้าไปกอดปล้ำ ไอ้ปลาใหญ่มึงตาย”
มอมกระโดดถีบเซียนล้มลง แล้วขึ้นไปคร่อมบีบคอ เซียนสำลักกระอักกระไอ
“เฮ้ย ไอ้มอมเบาหน่อย ยังไงมันก็เป็นร่างไอ้เซียนนะเว้ย”
มอมไม่ปล่อย แต่เปลี่ยนเป็นต่อย
“ทั้งไอ้เซียนทั้งไอ้ปลาใหญ่มันเป็นศัตรูหัวใจของฉัน”
เซียนได้จังหวะ ถีบมอมโครมแล้วลุกขึ้น มอมยังไม่ยอมรามือกระโดดเข้าถีบอีก เซียนเบี่ยงตัวหลบแล้วหยิบมีดอีโต้ใกล้ๆ ขึ้นมา สายไหมและมอมตกใจ โดยเฉพาะมอมหายซ่าทันทีหน้าซีดเหลือ 2 นิ้ว
“ไอ้เซียน เอ๊ย ปลาใหญ่อย่านะ”
“ปะ...ปะ...ปลาใหญ่...เรา...พูดคุยกันก่อนดีมั้ย”
“ปลาใหญ่ เดี๋ยวร่างไอ้เซียนมันติดคุก”
เซียนยื่นมีดส่งให้มอมแบบเสียวๆ
“เอ้า”
มอมกระโดดหลบทันที
“อย่า ...”
สายไหมร้องลั่นยกมือปิดหน้า ช่วงเซียนส่งมีดพรวดพราดให้มอม
“มอม นายอยากจะฆ่าฉันไม่ใช่เรอะ เอามีดนี่ไปเลยแล้วแทงฉันให้ตาย จะได้หมดเรื่องปวดหัวพวกนี้เสียที”
มอมและสายไหมค่อยๆ ผ่อนลมหายใจโล่งอก
“เอา...เอา มีดมาให้ป้า”
“ผมจะให้มอม เอาไปซิมอม มัวแต่หน้าสั่นปากซีดอยู่ได้”
“หน้า...หน้าซีดปากสั่น มากกว่ามั้ง นาย...นายวางมีดลงเถอะ”
“อ้าว นายไม่เอาแล้วเรอะ”
“ไม่ ไม่เด็ดขาด”
เซียนทำท่าวางมีดลงเกือบถึงโต๊ะแล้ว แต่ก็หันขวับมาส่งพรวดให้มอมใหม่ มอมและสายไหมร้องลั่น
“ไม่เอาแน่นะ”
“แน่”
เซียนวางมีดลง ท่ามกลางความโล่งใจของสายไหมกับมอม
ยายปิ่นและสายไหมต่างกำลังจัดของเตรียมขาย โดยสายพิณวิ่งช่วยทางโน้นทีทางนี้ที
“ไอ้พิณ เอ็งเป็นหลานใครกันแน่วะ”
ยายปิ่นเหล่มองสายพิณ
“เป็นหลานยายของยายปิ่น แล้วก็เป็นหลานของป้าไหม”
“ฟังมัน”
คนเริ่มเข้ามาซื้อกับข้าวกัน
“วันนี้มีก๋วยเตี๋ยวถังแตกจ้า ทั้งเส้นเล็กเส้นใหญ่ใส่ถั่วงอกร้อนๆ”
คนซื้อบางคนเร่จากร้านยายปิ่นไปร้านสายไหม...ที่หม้อก๋วยเตี๋ยวมีเส้นเล็กและเส้นใหญ่ ผัดกับถั่วงอกใส่ซีอิ๊วน่ากิน ยายปิ่นเหล่มองตามอ้าปากจะพูดแต่ยังไม่ทันพูด กระหังและกระสือเดินเข้ามาดูกับข้าวจนถึงหม้อขาหมู
“วันนี้มีขาแกด้วย”
กระหังบอกทำให้กระสือฉุนจัด
“ไอ้กระหัง ยั่วโทสะแต่เช้าเชียวนะมึง ทำไม! ขาข้ามันเป็นยังไง”
“มันก็เหมือนขาหมูในหม้อน่ะซิ”
“ไอ้กระหัง ไอ้ผีกระหร่อง ไอ้ผีแก่ ...ไอ้...”
“ยู้ด....ด...ด หยุด ไป! เชิญไปทะเลาะกันที่อื่น”
“ก็ฉันหิวข้าวนี่ ไอ้พิณเอาข้าวขาหมูให้ป้าจานนึง ขอไส้เยอะๆ”
กระสืบบอก ขณะนั้นหมอแม่นเดินกระย่องกระแย่งมาที่ร้าน
“ของข้าก็เหมือนกัน” กระหังบอก หมอแม่นเข้ามานั่งร่วมวง
“กินอะไรกันฮึ”
“ข้าวขา ...” กระสือถลึงตามองหน้า “...หมู”
“เออ! งั้นก็เอาเหมือนกัน แต่ของข้าไม่เอาไส้นะเก็บไว้ให้ผีมันกิน”
เซียนเดินมา สายพิณกับสายไหมมองตามแล้วหันมามองหน้ากัน เซียนเดินเลยไปโดยไม่มองใคร สายพิณรีบตักข้าวเสิร์ฟแล้ววิ่งตามเซียนไป
“อ้าว ไอ้พิณ นั่นจะไปไหน”
เซียนเดินมาเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน สายพิณวิ่งเร็วจี๋ตามมา
“ปลาใหญ่ รอด้วย”
เซียนหยุดเดินแต่ไม่หันไปจนสายพิณวิ่งมาหยุดยืนตรงหน้า เซียนมองสายพิณด้วยสีหน้าเฉยเมย
“สายเกินไปที่จะมาขอโทษตอนนี้”
สายพิณคว้าแขนเซียนเดินไปที่มุมหนึ่ง ซึ่งไม่มีผู้คนผ่านหรือสนใจ พิณสายถลึงตาใส่แต่ยังไม่ได้ปล่อยมือ
“ฉันไม่ได้จะขอโทษ”
“กรุณาปล่อยแขนผมก่อน”
เซียนมองมือสายพิณซึ่งจับแขนตัวเองอยู่แล้วมองหน้าสายพิณอย่างเย็นชา สายพิณสะดุ้งก้มมองมือตัวเอง แล้วรีบปล่อย เซียนก้มลงมองที่แขนแล้วเป่าเบาๆ
“นายหาว่ามือฉันสกปรก”
“เธอเพิ่งขายข้าวแกงมา”
“ข้าวแกงเป็นอาหารแบบไทยๆ แต่นายกลับดูถูก”
“โฮ้ย!ยัยรู้ด อย่าโง่ไปหน่อยเลย”
“นายว่าฉันโง่”
เซียนทำท่าเบื่อหน่ายสุดๆ
“เอาละ จะพูดอะไรก็พูดมา”
“ใครอนุญาตให้นายออกมา”
“ฉันออกมาเอง ที่ไม่ไปแจ้งความเอาผิดเธอก็นับเป็นความกรุณาอย่างที่สุดแล้ว แม้แต่ป้าสายไหมแกยังบอกฉันว่าจะไปไหนก็ไป”
“นายแกล้งพี่เซียนทำไม” เซียนเลิกคิ้ว “นายแกล้งทำท่าบ้าๆ บอ ถ่ายคลิปเอาลงเน็ต เพื่อให้คนเข้าใจว่าเป็นพี่เซียน”
“นั่นมันยังเทียบไม่ได้กับที่นายคนนั้นทำกับมัน” เซียนหันหลังแล้วนึกได้หันกลับมาอีก “อ้อ! ฝากบอกแฟนเธอด้วยว่าเขายังต้องโดนอีกเยอะ... เคยได้ยินมั้ยที่เขาพูดกันว่า “ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงท่าน”
เซียนเดินออกไปขณะที่สายพิณมองตามงงๆ
“เคยได้ยินแต่ ...ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตน”
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 8 (ต่อ)
ขณะเดียวกันนั้นที่วินมอเตอร์ไซค์ มอม ลุงป่องและป๋อง กำลังจับกลุ่มนินทาปลาใหญ่
“พูดแล้วยังเสียวไม่หาย ไอ้เซียนว่าบ้าแล้ว ไอ้ปลาใหญ่ยิ่งดีเดือดกว่า แถมนับวันมันยิ่งบ๊า... ยิ่งนับวันยิ่งทำอะไรแปลกๆ” เซียนเดินตรงมา ขณะที่คนอื่นๆ เริ่มขยับตัวจะเตือนมอม “อีแบบนี้ต้องตึ้บให้หายบ้า จริงนะลุง ... ไอ้ป๋อง ... โค...ตะ...ระ เกลียดมันจริงๆ”
“มอม...” ลุงป่องบุ้ยใบ้ให้มอมดูข้างหลัง
“ลุงป่องกลัวไอ้ปลาใหญ่มาได้ยินเรอะ ไม่ต้องเลยลุงเพราะมอมแมมไม่กลัวมัน”
“เออ! เอ็งเก่ง”
“เก่งซีวะ ไม่เก่งไอ้ปลาใหญ่มันจะกลัวจนหัวหดเรอะ”
“อ้าว!ไหนเมื่อกี้เอ็งพูดเหมือนเอ็งกลัวมัน”
“นั่นมันตอนแรก แต่ตอนหลังฉันไม่กลัวแล้ว”
“งั้นก็ดี” มอมชะงัก หันขวับมามอง พอเห็นเซียนถึงกับหน้าเสีย “ปลาใหญ่”
“เพราะฉันก็ไม่ต้องการให้ใครมากลัว ไปละ”
เซียนเดินไปโบกมือเรียกแท๊กซี่ แท็กซี่เข้ามาจอดเซียนขึ้นรถนั่งออกไป
“หยิ่งสะบัดช่อ”
“แสดงว่า พิณเปลี่ยนใจไม่ขังมันแล้ว”
“ไอ้พิณมันก็บ้า ขังหรือไม่ขังมันก็มีค่าเท่ากัน”
“หรือไม่ไอ้พิณมันก็มีแผนใหม่”
“ข้าไม่เห็นได้เรื่องซักกะแผน...ไอ้มอม”
“อะไรลุง”
“เอ็งเลิกระแวงเถอะว่ะ ข้าดูๆ แล้ว ไอ้พิณมันไม่ใช่สเป็คคุณหนูปลาใหญ่หรอก คนรวยเขาก็ต้องเลือกคนรวยด้วยกัน”
“เห็นด้วย ท่าทางมันหยิ่งจะตาย”
มอมค่อยมีสีหน้าดีขึ้น
เซียนมาหาครรชิตที่บริษัท
“มาเร็วนี่ครับ คุณปลาใหญ่”
“รถไม่ติด ผมมีคลิปใหม่ให้ดู”
เซียนเดินมาที่โต๊ะครรชิตแล้วจัดการเปิดคลิปให้ดู ภาพในคลิปเซียนกำลังเต้นท่าน่าเกลียดๆ และทำหน้าทำตาทุเรศๆ ครรชิตปล่อยหัวเราะพรวดออกมา
“ทีแรกผมก็อายเหมือนกันนะ แต่พอมองอีกที มันไม่ใช่ตัวเรานี่หว่าก็เลยไม่อาย นี่คลิป 3 ก็กำลังจะได้ฤกษ์ ON AIR! เร็วๆนี้”
“ถ้าหากไอ้เซียนมันไม่สนล่ะครับ”
“ผมมีแผนเด็ดกว่านี้อีก คุณครรชิตคอยดูก็แล้วกัน”
สีหน้าเซียนมาดหมาย มั่นอกมั่นใจ
ส่วนปลาใหญ่ เขานอนคิดมากจนหลับไป เสียงโทรศัพท์ภายในดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ปลาใหญ่สะดุ้งตกใจตื่นแล้วลุกขึ้นมานั่งงงๆ ครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินไปรับ
“ฮัลโหล”
“เตรียมตัวพร้อมจะไปประชุมหรือยังคะ ท่านประธาน” น้ำเพชรถามเสียงเยาะ
“คุณอาก้องรองประธานไง คุณอาก้องเคยทำหน้าที่แทนผม”
“แต่ครั้งนี้เห็นทีจะไม่ได้ค่ะ เหลือเวลาอีก 5 นาทีให้เตรียมตัว เท่านี้นะคะท่านประธาน”
“ตัดสินใจเรื่องอะไร” ปลาใหญ่ถามอย่างตกใจ
“ก็หลายเรื่องเหมือนกันค่ะ หลักๆ ก็เรื่องแผนป้องกันน้ำท่วมที่นิคมอุตสาหกรรม แล้วก็เรื่อง 3 G...”
น้ำเพชรยังไม่ทันจะพูดจบดี
“แค่เนี้ย โธ่เอ๊ย! นึกว่าเรื่องอะไร! งั้นก็ไปเลยครับ ผมจะสำแดง อิเชน ให้ดูเป็นขวัญตา”
ปลาใหญ่ทำหน้าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อวางสายปลาใหญ่จึงเดินออกจากห้องแล้วเดินนำน้ำเพชรไปอย่างมั่นอกมั่นใจว่ามาถูกทาง
น้ำเพชรยิ้มเยาะ แล้วเดินไปอีกทาง
ปลาใหญ่เดินตรงมาราวกับรู้ว่าห้องประชุมอยู่ที่ไหน ระหว่างทางก็พยักหน้ารับไหว้จากพนักงานด้วยความภาคภูมิโดยพนักงานพากันมองตามงงๆ ลับหลัง และซุบซิบกัน
“ท่านประธานจะไปไหน” ปลาใหญ่เดินมาเรื่อยๆ หน้าเริ่มขมวดมุ่น “อยู่ไหนวะ” ในที่สุดปลาใหญ่หยุดเดินหันมา “คุณน้ำ...อ้าว! เฮ้ย หายไปไหน” บริเวณนั้นไม่มีน้ำเพชร “อ้อ แกล้งให้เราหลงทาง”
ปลาใหญ่จำใจเดินต่อเพราะจะถามใครก็ไม่กล้า ปลาใหญ่เดินไปตามชั้นต่างๆ แต่ก็หาไม่เจอ
ที่ห้องประชุมขณะนั้น ผู้เข้าร่วมประชุมขยับตัวมองไปที่ประตูด้วยความอึดอัด เกริกก้องหันมาสบตาจันทร์ทิพย์ รัญญาแล้วต่างพากันยิ้มในหน้า ครรชิตหันไปกระซิบถามน้ำเพชร
“ทำไมยังไม่มา”
น้ำเพชรกระซิบตอบหน้าตาย
“สงสัยจะหลงทางค่ะ”
ครรชิตสะดุ้งเฮือก
“คุณครรชิต” เกริกก้องเรียกครรชิต
“ครับ”
“ทำไมป่านนี้ท่านประธานยังไม่มา”
“เอ้ย ผม...ผมคาดว่า ท่าน... ท่านคงท้องเสียน่ะครับ ใช่มั้ยคุณน้ำเพชร”
“ใช่ค่ะ”
ครรชิตขยิบหูขยิบตาให้น้ำเพชรออกไปตาม น้ำเพชรลุกขึ้น
“ไม่ต้องไปตามหรอก ให้ท่านเสียตามสบาย เรายังรอกันได้”
เกริกก้องบอกน้ำเพชรจำใจนั่งลง ขณะที่จันทร์ทิพย์หันไปลอบยิ้มกับปกรณ์
ปลาใหญ่ยังคงเดินหาห้องประชุมด้วยสีหน้าเริ่มวิตกกังวล
“ทำไมมันหายากหาเย็นนักวะ” ปลาใหญ่ตัดสินใจเดินไปที่แม่บ้าน ซึ่งกำลังกวาดพื้น “ป้า”
“ท่านประธาน”
ปลาใหญ่กระแอมเล็กน้อย
“คืองี้...เมื่อกี้ฉันรีบจะไปประชุมเลยหกล้มหัวกระแทกพื้น ตอนนี้เลยมึนๆ หาห้องประชุมไม่เจอ”
แม่บ้านค่อยๆ ยกมือชี้ไปทางด้านหลังปลาใหญ่ ปลาใหญ่หันไปมองจึงเห็นหน้าห้องใหญ่เขียนว่า “ห้องประชุม” ปลาใหญ่ค่อยๆ หันกลับมาทำหน้าขรึม
“แสดงว่าสมองฉันยังใช้ได้ ขอบใจ” ปลาใหญ่สูดลมหายใจยาว นัยน์ตาเป็นประกายแค้นๆ “อยากเห็นโง่นักใช่มั้ย เดี๋ยวจัดให้”
ทุกคนในห้องประชุมดูจะอึดอัดมากขึ้น ยกเว้นน้ำเพชรซึ่งเริ่มมีท่าทีสำนึกผิด และกลุ่มเกริกก้องซึ่งมีความสะใจอยู่ลึกๆ
“เอาละ... ในเมื่อท่านประธานจงใจละทิ้งหน้าที่ ผมก็คงจำเป็นจะต้องทำหน้าที่นั้นแทนเพื่อให้การประชุม…”
ทุกคนชะงักแล้วจ้องมองไปที่ประตูทำให้เกริกก้องหันไปมองตาม ปลาใหญ่เปิดประตูเข้ามา ครรชิตถอนหายอย่างใจ เช่นเดียวกับน้ำเพชรน ขณะที่กลุ่มเกริกก้องมีสีหน้าไม่พอใจ
ปลาใหญ่จับเนคไทให้เข้าที่กระแอมแล้ววางมาดเดินมานั่งหัวโต๊ะ ครรชิตเผลอยกนิ้วโป้งให้
“ต้องขอโทษที่มาช้าไปเล็กน้อย เพราะเผอิญเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแทรกเข้ามา”
“ได้ข่าวว่าท่านประธานท้องเสียหรือครับ” ปกรณ์ถามขึ้นมา ปลาใหญ่เบือนหน้ามามอง
“ท้องเสียมันผิดตรงไหน” ทุกคนอมยิ้ม ยกเว้นกลุ่มเกริกก้องที่ยิ้มไม่ออก “เอาละ...เรามาว่ากันถึงแผนป้องกันน้ำท่วมที่โรงงานของเรา...” ทุกคนมองอย่างทึ่งๆ เกริกก้องมองอย่างแปลกใจอย่างไม่คาดคิด “เรื่องนี้เล่นไม่ยาก”
“ท่านประธานเตรียมตัวมาดี”
ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งบอก ผู้ถือหุ้นอีกคนพยักเพยิดเห็นด้วย
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเราทุกคนต้องร่วมมือกัน...” ทุกคนทั้งใจฟังแล้วมองอย่างตั้งใจ “...บรรจุทรายลงกระสอบ...” ทุกคนเหวอ “อ้อ อย่าลืมเอาไปให้คนที่บ้านช่วยกันบรรจุด้วย”
“แล้วถ้าหากว่ากระสอบทรายกั้นไม่ได้ล่ะคะ ไม่ต้องถ้าหรอกค่ะเพราะที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่สำเร็จจริงๆ” รัญญาบอก
“งั้นก็เปลี่ยนเป็นกระสอบหิน” หลายคนปล่อยหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ โดยเฉพาะกลุ่มเกริกก้อง
“สำหรับเรื่อง 3 G ถ้ามันวุ่นวายนัก ก็เพิ่มเป็น 10 G ไปเล้ย!” แต่ละคนทำหน้าเหวอขณะที่กลุ่มเกริกก้องสะใจ น้ำเพชรก้มหน้ารู้สึกผิดส่วนครรชิตกุมขมับ “มีอะไรอีกมั้ยครับ”
ปลาใหญ่กวาดสายตาไปโดยรอบด้วยความภาคภูมิใจ
ปลาใหญ่เดินกลับห้องทำงาน ติดตามด้วยครรชิตและน้ำเพชร
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าเมื่อกี้พูดจาน่าอับอายขายขี้หน้าขนาดไหน” ครรชิตบอก
“ทำไมจะไม่รู้...” ปลาใหญ่ปรายตามองน้ำเพชรแว่บหนึ่ง “ในเมื่อมีคนต้องการให้ผมอับอายขายขี้หน้า ผมก็เลยจัดเต็มให้มันสะใจไปเลย”
น้ำเพชรกัดปาก
“ถ้าหมายถึงกลุ่มคุณก้องละก็ นายโง่มาก”
“ผมต้องกระเสือกกระสนแทบตายกว่าจะจบม.6 แล้วจะให้ชาญฉลาดสามารถเท่าไอ้เด็กนอกอย่างไอ้ปลาใหญ่ได้ยังไง”
“ฉันเสียใจ” น้ำเพชรพูดขึ้นในที่สุด ครรชิตและปลาใหญ่หันมามอง “ที่ทำให้นายปัญญาอ่อนในสายตาของพวกนั้น”
“หนูน้ำ...”
“ฉันหมายความตามที่พูดจริงๆ”
น้ำเพชรเดินออกไปเงียบๆ ครรชิตและปลาใหญ่มองตาม
ครรชิตถอนใจยาวเมื่อรู้ว่าปลาใหญ่ทำลงไปเพราะประชดน้ำเพชร
“หมายความว่าที่นายทำลงไปก็เพื่อประชดหนูน้ำ” ปลาใหญ่นิ่งไม่ตอบ “นายมันเห็นแก่ตัว” ปลาใหญ่ยักไหล่ แล้วนั่งลงเขย่าขา “คิดบ้างไหมว่า นายประชดหนูน้ำแต่ทำให้ผู้คนเขาสมเพชคุณปลาใหญ่”
“ไอ้ปลาใหญ่มันก็ทำให้ผู้คนเขาสมเพชผมเหมือนกัน”
“อ้อ เลยแก้แค้น”
“ผมไม่ใช่คนดิบดีอะไรนี่ ต่อให้ไอ้ปลาใหญ่มันแก้ผ้าลง’เน็ต ...ผมก็ไม่เดือดร้อนเท่ากับที่ผู้คนเขาเห็นไอ้ปลาใหญ่มันเป็นคนโง่หรอก ผมน่ะต้นทุนต่ำ”
“ฉันผิดหวังในตัวนายมาก ฉันคิดว่านายเป็นคนดีกว่านี้”
“โอ๊ะ อย่ามาหวังอะไรกับคนอย่างผมเลย บอกแล้วว่าเป็นคนต้นทุนต่ำ”
ปลาใหญ่ดูสะใจที่เป็นฝ่ายกระทำตอบบ้าง
เซียนเดินกลับไปกลับมาในห้องทำงานครรชิตอย่างหงุดหงิด ยิ่งโมโห ตายิ่งกระพริบหนัก
“ไอ้เซียน มึงตาย”
ครรชิตสะดุ้ง
“คุณปลาใหญ่ อย่าพูดหยาบคายครับ”
“โธ่เอ๊ย คุณครรชิต นี่แค่จิ๊บๆ ลองไปอยู่ที่ชุมชนสู่สุขาซักวันซิรับรองว่าหูชาเลย”
“แต่คุณหนูไม่ควรจะพูดตาม”
“ทำไงได้ แรกๆ ผมฟังไม่ได้ แต่พออยู่นานเข้าก็ชักจะคุ้นๆ”
“ไม่ได้การแล้ว คุณปลาใหญ่ต้องกลับมาอยู่ที่บ้านด่วน”
“ในฐานะไหนล่ะ” เซียนย้อนถาม ครรชิตถึงกับอึ้ง “บอกแล้วไงว่าผมชักจะเคยชินกับที่นั่นแล้ว”
“แต่ผมไม่อยากให้คุณปลาใหญ่ซึมซับ”
“ผมต้องแก้แค้นมัน”
“อย่าให้ถึงกับต้องฆ่าฟันกันเลยนะครับ”
เซียนหันขวับมามองครรชิต
“คุณคัน ที่นั่นไม่ใช่ดงฆาตกรนะครับ ผมจะใช้สติปัญญาแก้แค้น ไม่ใช่อาวุธ”
เซียนบอกด้วยสีหน้ามาดมั่น ขณะที่ครรชิตยังหนักใจอยู่
น้ำเพชรหยิบโทรศัพท์ที่กำลังดังขึ้นมารับ
“คะ...คุณปลาใหญ่ อ๋อ...ได้ค่ะ”
น้ำเพชรวางโทรศัพท์ลงสีหน้าครุ่นคิด
เซียนนัดเจอกับน้ำเพชรที่ร้านกาแฟ น้ำเพชรมองเซียนอย่างเกรงใจแล้วถามขึ้นมา
“คุณปลาใหญ่มีอะไรหรือคะ”
“ไอ้เซียนมันแกล้งให้ผมได้รับความอับอาย”
“คุณครรชิตเล่าให้คุณปลาใหญ่ฟังหรือคะ” เซียนพยักหน้า น้ำเพชรขยับตัวเล็กน้อย “ความจริง ...”
“ช่างมันเถอะ ผมมีวิธีแก้แค้นมัน”
“ยังไงหรือคะ”
“เราจะหมั้นกัน”
น้ำเพชรสะดุ้งเฮือก
“คุณปลาใหญ่”
“ผมรู้ว่ามันแอบชอบคุณ เราจะร่วมมือทำให้มันอกหัก”
“เอ้อ ...”
“ถ้าคุณกลัวว่าจะเป็นการผูกมัดละก็บอกได้เลยว่าไม่ต้องเป็นห่วง ...เพราะผมไม่ได้รักคุณ” น้ำเพชรชะงัก สีหน้าแววตาเจ็บปวด น้ำตาเอ่อขึ้นมาแต่ก็รีบกะพริบถี่ๆให้หายไป “เราจะถอนหมั้นกันเมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติ นั่นคือผมได้กลับเข้าร่างเดิมแล้ว” น้ำเพชรขยับจะพูด เซียนยกนิ้วขึ้นเป็นเชิงห้าม “ผมไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว คุณก็รู้ ...เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเกิดพบคนที่คิดว่าใช่! เราก็ถอนหมั้นกันได้ทันที โดยผมจะรับเป็นสปอนเซอร์งานแต่งให้ คุณอยากได้บรรยากาศยังไงก็บอกมา”
น้ำเพชรน้อยใจสุดๆ
“น้ำไม่สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะ แล้วก็รู้ว่าคุณฐานะร่ำรวย แม้จะไม่เท่าผมก็ตาม” น้ำเพชรสะอึก “แต่ผมอยากจะตอบแทนน้ำใจคุณ เอ๊ะ หรือว่า อยากจะได้บ้าน ...”
น้ำเพชรพยายามข่มความรู้สึก
“น้ำไม่ได้อยากได้อะไรทั้งนั้น โอเค. ค่ะ น้ำจะทำตามแผนของคุณ”
“คุณน้ำ ขอบคุณมาก แต่ผมอยากจะตอบแทนคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“แต่ผมไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร”
น้ำเพชรยกนิ้ว เป็นเชิงห้ามเลียนท่าเดียวกับเซียน
“งั้นคุณปลาใหญ่เลือกเอาเองก็แล้วกัน ถ้าจะให้น้ำช่วยก็ไม่ต้องให้อะไรตอบแทน” เซียนนิ่งไป “ตกลงมั้ยคะ”
เซียนมองหน้าน้ำเพชรใคร่ครวญครุ่นคิด
เซียนบอกครรชิตถึงแผนการนี้ ครรชิตถึงกับสะดุ้ง
“คุณปลาใหญ่ จะดีหรือครับ”
“ดีแน่ และผมกับคุณน้ำเพชรก็ตกลงกันแล้ว”
“เฮ้อ”
“คุณครรชิต งานนี้คุณต้องเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายผม”
ครรชิตกุมขมับ
ส่วนน้ำเพชรเมื่อกลับมาบ้าน น้ำเพชรบอกเรื่องนี้กับกิมฉวย กิมฉวยถึงกับตบโต๊ะโครม
“อั๊วไม่ตกลง”
“โธ่ หม่าม้า”
“อาน้ำ ลื้อมันตาต่ำยิ่งกว่าตาตุ่ม...มีอย่างที่ไหน อาท่านประธานมาสู่ขอลื้อกล้าปฏิเสธ แต่พอไอ้อาเซียนยังไม่ทันมาขอลื้อกลับมาขอแทนมัน อั๊วชีช้ำจริงๆ อีแบบนี้ อั๊วซี้แหงแก๋ไปจะมีหน้าไปเผชิญกับอาบรรพบุรุษได้ยังไง อั๊วจะเอาอะไรไปอธิบายว่าทำไมถึงปล่อยให้ลื้อหมั้นหมายกับไอ้อาเซียน”
“โธ่ ก็น้ำอธิบายแล้วว่า วิญญาณคุณปลาใหญ่อยู่ในร่างไอ้เซียน ส่วนวิญญาณไอ้เซียนก็อยู่ในร่างคุณปลาใหญ่”
“อั๊วไม่เชื่อ”
“งั้นหม่าม้าถามหมอแม่นดูก็ได้”
“อีไม่โกหกแน่นะ”
“แน่นอน...ถ้าหากหมอแม่นยืนยันแน่นอนแล้ว หม่าม้าต้องช่วยอธิบายให้อาเตี่ยฟังด้วยนะคะ”
กิมฮวยมองน้ำเพชร แล้วสะบัดไปอย่างขัดใจ
เซียนโทรศัพท์คุยกับน้ำเพชร
“สำเร็จมั้ย คุณน้ำ”
“พรุ่งนี้ หม่าม้าจะให้หมอแม่นยืนยันค่ะ”
“โอเค งั้นผมจะไปคุยกับหมอแม่นก่อน”
“ดีค่ะ”
“คุณน้ำ...ขอบคุณมาก”
“ค่ะ”
น้ำเพชรวางโทรศัพท์ลง แล้วเดินไปที่หน้าต่างมองออกไปอย่างเศร้าๆ น้ำเพชรน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงคำพูดเซียน
“ถ้าคุณกลัวว่าจะเป็นการผูกมัดละก็บอกได้เลยว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะผมไม่ได้รักคุณ”
น้ำตาน้ำเพชรไหลออกมาเป็นทางด้วยความความเจ็บปวด
“จะไปไหน คุณปลาใหญ่”
สายไหมถามเมื่อเห็นเซียนเตรียมตัวออกจากบ้าน
“ไปธุระแถวๆ นี้หน่อยครับ”
“ระวังตัวด้วยล่ะ” เซียนชะงักหันกลับมามอง “จะให้ไปเป็นเพื่อนมั้ย”
“ไม่ต้องครับ... ขอบคุณ”
เซียนเดินออกไป สายไหมมองตามอย่างเป็นห่วง
เซียนเดินออกมาจากบ้านได้สักพักก็เจอกับชายสี่
“คุณปลาใหญ่” เซียนชะงักหันมามอง ชายสี่ขี่มอเตอร์ไซค์มาจอด “จะไปไหน”
“ไปหาหมอแม่น”
“ขึ้นมาซิ จะไปส่ง”
“ไม่ต้อง”
“ขึ้นมาเถอะน่า ยังไงผมก็ทำงานบริษัทคุณ ถือว่าเป็นการตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ”
เซียนยักไหล่แล้วขึ้นซ้อน ชายสี่ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป
ชายสี่ขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งเซียนที่บ้านหมอแม่น หมอแม่นเปิดประตูรับเซียนกับชายสี่ให้เข้ามาในบ้าน
“มีธุระอะไรกลางค่ำกลางคืน”
“พรุ่งนี้ แม่คุณน้ำเพชรเขาจะเรียกป้าไปพบ”
“หา เอ็งทายอนาคตได้เรอะ”
“เปล่า คุณน้ำโทร.มาบอก”
หมอแม่นมองเซียนสลับมองชายสี่อย่างงงๆ
ขณะนั้นเอ็กซ์เดินลัดเลาะเข้ามาทางหลังบ้านหมอแม่น เอ็กซ์กำลังจะเคาะประตูแต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเซียนดังออกมา
“ป้าช่วยยืนยันกับแม่คุณน้ำให้หน่อยว่าผมคือปลาใหญ่ แล้วที่เห็นว่าปลาใหญ่นั่นที่จริงคือนายเซียน”
“ทำไม”
“เขาบอกให้ทำยังไงก็ทำไปเถอะป้า ยืนยันตามความจริงไปแล้วจบ”
ชายสี่สรุปเอ็กซ์นิ่วหน้าอย่างแปลกใจ
เซียนล้วงกระเป๋าขึ้นมาแล้วเปิดออกหยิบใบละ 1 พันส่งให้
“เอ้า ป้าเอาไว้ใช้”
“เอ็งจะติดสินบนข้างั้นเรอะ”
เซียนเริ่มทำท่ารำคาญ ชายสี่รีบไกล่เกลี่ย
“เรียกว่าสินน้ำใจดีกว่า เพราะความจริงมันก็คือ 2 คนเขาสลับร่างกันอย่างที่ป้ารู้”
“อ้ะ ...ก็ได้”
หมอแม่นดึงเงินมาจากเซียนทันที
“ข้าจะยืนยันตามที่ข้ารู้ข้าเห็นก็แล้วกัน”
“ขอบใจ”
เซียนเดินออกไป
“ขอบใจนะป้า” ชายสี่เดินตามเซียนไป
“ท่าทางไอ้ปลาใหญ่นี่มันหยิ่งจัง”
หมอแม่นบ่นขณะมองตาม
เอ็กซ์หลบเข้าเงามืดขณะที่เซียนและชายสี่เดินออกมา เอ็กซ์มองตามจนทั้งคู่ขี่รถลับตาไปแล้วจึงเคาะประตูเป็นรหัส ประตูเปิดออกเอ็กซ์รีบเข้าไป
หมอแม่นปิดประตูแล้วหันกลับมา
“ปลาใหญ่กับชายสี่ เพิ่งกลับไป”
“เห็นแล้ว ป้ากินข้าวเรอะยัง ฉันซื้อเกี๊ยวน้ำมาฝาก”
“กินแล้วแต่กินอีกได้”
หมอแม่นพูดพลางเดินไปหยิบชามมาใส่เกี๊ยว เอ็กซ์แก้ถุงเกี๊ยวใส่ให้หมอแม่นและข้าวหมูแดงให้ตัวเองพลางกินอย่างหิวโหย
“ผลไม้ก็มีน่ะป้า”
“เออ ...เมื่อกี้เอ็งได้ยินที่ไอ้สองคนมันพูดหรือเปล่า”
“เต็ม 2 รูหู” เอ็กซ์ดื่มน้ำแล้วมองหน้าหมอแม่น “ป้ารู้ใช่ไหมว่า จะต้องทำยังไง”
“ แต่ข้ารับเงินเขามาแล้ว”
“เท่าไหร่”
“พันนึง”
“เจ้านายฉันจ่ายหนักกว่านั้น” หมอแม่นนิ่งคิด “ไม่ต้องคิดมากหรอกป้า เจ้านายฉันนอกจากจะจ่ายหนักแล้วยังโทษหนักด้วย”
หมอแม่นมองหน้าเอ็กซ์ เอ็กซ์แสยะยิ้มโหดๆ
เช้าวันรุ่งขึ้นหมอแม่นมาหากิมฮวยที่บ้าน น้ำเพชรรินน้ำชาและเลื่อนถ้วยขนมให้หมอแม่นอย่างเอาอกเอาใจ
“ขอบใจจ้ะ คุณหนู วันนี้ยังไม่ไปทำงานเรอะ”
“ยังจ้ะป้า ต้องให้เสร็จธุระก่อน”
“ธุระอะไร”
น้ำเพชรเบือนหน้ามองกิมฮวยแว่บหนึ่ง
“คืองี้ป้า เรื่องที่คุณปลาใหญ่กับนายเซียนสลับร่างกันนั่นแหละ”
“ว่าไง อาหมอแม่น อีพูดจริงหรือเปล่า”
หมอแม่นหัวเราะ
“มันจะจริงได้ไง เจ๊”
“อ้าว ป้า”
“คุณหนูเป็นเด็กสมัยใหม่ยุคไอที คุณหนูก็ย่อมรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้”
กิมฮวยตบเข่าฉาด
“นั่นไง”
“มีอย่างที่ไหน วิญญาณคนนี้ไปเข้าร่างคนโน้น วิญญาณคนโน้นมาเข้าร่างคนนี้ เหลวไหลทั้งเพ”
“แต่ป้าก็เห็น ...”
“ก็ทำเป็นเห็นไปยังงั้นเองแหละไม่อยากจะขัดใจ เมื่อคืนเจ้าเซียนมันก็เอาเงินมาปิดปากพันนึง...” หมอแม่นล้วงใบละพันจากชายพกส่งให้ “ฝากคุณหนูคืนมันด้วยละกัน”
“ไอ๊หยา นี่ถึงขนาดติดสินบนกันเลยเรอะ”
น้ำเพชรเจ็บใจจนน้ำตาไหล
“ทำไมป้าทำอย่างนี้”
“เพราะป้าเป็นห่วงคุณหนูน่ะซิ คนเราสมัยนี้ไว้ใจกันยาก”
หมอแม่นพูดพลางเก็บเงินเข้าชายพกตามเดิม
“ได้ยินเรอะยังอาน้ำ ลื้อต้องฟังอาหมอแม่นผู้หวังดีไว้”
“หวังร้ายน่ะซิไม่ว่า”
“ไอ๊หยา อาน้ำ อาหมอแม่นอีแก่แล้วนะ”
“คนแก่แบบนี้ น้ำไม่นับถือหรอก”
น้ำเพชรเดินออกไปกิมฮวยมองตามแล้วหันมาจ้องหมอแม่น หมอแม่นสะดุ้งด้วยความระแวงว่าจะถูกจับได้
“อั๊วต้องขอบใจมากนะ อาหมอแม่นที่ช่วยชี้แนะอาน้ำเพชร”
“ไม่เป็นไร เด็กๆ สมัยนี้เชื่อคนง่าย”
“อั๊วจะแจ้งความจับไอ้อาเซียนโทษฐานโกหกหลอกลวงลูกอั๊ว”
“อย่าเลยเจ๊ เรื่องแล้วก็ให้มันแล้วไป อย่าไปฟื้นฝอยหาตะเข็บให้เสียหาย เอาไว้คราวหน้าถ้ายังไม่เข็ด ค่อยเอาเรื่องมัน”
“ก็ได้ ลื้อนี่เป็นคนดีจริงๆ นะอาหมอแม่น เป็นคนดีแถมยังมีใจเมตตากรุณา สมกับเป็นไอดอลของหมอดู” หมอแม่นยิ้มแห้งๆ “แต่ยังไง อั๊วต้องพูดกับมันไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับอาน้ำอีกต่อไป”
“ฉันจะกลับละ”
หมอแม่นรีบตัดบท
“อั๊วจะไปส่ง...ลื้อมันประเสิรฐที่สุด อาหมอแม่นเอ๊ย เอางี้...อั๊วจะส่งเรื่องของลื้อไปออกรายการเจาะประเด็น”
หมอแม่นสะดุ้งเฮือกหันกลับมา
“อย่านะเจ๊”
“ทำไม อั๊วอยากให้ลื้อเป็นไอดอล”
“ฉัน...ฉัน ไม่อยากมีชื่อเสียง ไม่อยากเป็นไอดอล”
แสบสลับขั้ว ตอนที่ 8 (ต่อ)
น้ำเพชรเดินมาขึ้นรถอย่างหงุดหงิดแล้วหยิบโทรศัพท์มาโทรหาเซียน
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ ยัยหมอแสนทรยศกลับลำกลางอากาศหน้าตาเฉย”
“เอ๊ะ ก็เมื่อคืนก็พูดกันรู้เรื่องแล้วนี่ ทำไมกลับลำง่ายๆ”
“น้ำก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
“คุณอยู่ที่ไหน”
“ที่จอดรถค่ะ”
“งั้นรอเดี๋ยว ผมจะไปหาเดี๋ยวนี้”
เซียนเก็บโทรศัพท์ แล้วเดินออกไป
เซียนขี่มอไชค์มาที่วินมอเตอร์ไซค์ มอมมองขวางๆ
“ฝากมอเตอร์ไซค์ไว้หน่อยนะลุง”
ลุงป่องอ้าปากจะตอบรับ แต่มอมขัดขึ้น
“ที่นี่ไม่รับฝาก”
ลุงป่องและป๋องสะดุ้ง เซียนไม่สนและไม่ได้มองมอม
“ขอบใจลุงมาก” เซียนเดินไป มอมตะโกนตาม
“เฮ้ย บอกว่าไม่รับฝาก” เซียนเดินไปเรียกแท็กซี่อย่างไม่สนใจ “เฮ้ย”
“ไอ้มอม เขาไม่ได้ฝากเอ็งเขาฝากลุงป่อง” ป๋องบอก
“ก็ข้าอยู่วินลุงป่องนี่”
“เอ็งเป็นอะไรวะ ไอ้มอม”
“ฉันเหม็นขี้หน้ามัน มีไรมั้ย”
ผู้โดยสารมาขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ ป๋องขี่ออกไป
แท็กซี่แล่นมาจอดบริเวณที่จอดรถบ้านน้ำเพชร เซียนก้าวลงจากแท็กซี่น้ำเพชรมองพลางส่ายหน้า
“แค่นี้ก็ต้องมาแท็กซี่ คุณหนูเหลือเกิ๊น”
เซียนเดินตรงมาที่รถซึ่งน้ำเพชรเปิดประตูให้ พิชิตเดินถือถุงข้าวผัด โอเลี้ยงผ่านมาช่วงที่น้ำเปิดประตูรับเซียนพอดี พิชิตมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด เซียนเบือนหน้ามาหาน้ำเพชร
“จะทำยังไงดีล่ะคะ”
น้ำเพชรถามอย่างเป็นกังวล
เติมศักดิ์และกิมฮวยฉุนจัดเมื่อฟังรายงานจากพิชิตจบ
“ไอ๊หยา อาน้ำมันไม่รักดี”
“ต้องโทษไอ้เซียน อาพิชิต ลื้อไม่ได้ตาฝาดแน่นะ”
“โธ่! อาซ้อ”
เติมศักดิ์เดินออกไป
“อาเติม ลื้อจะไปไหน”
“ไปจัดการไอ้เซียน”
“เอาปืนมาเก็บก่อน”
เติมศักดิ์ส่งให้อย่างไม่เต็มใจนัก
เติมศักดิ์และกิมฮวยเดินตรงมาที่บริเวณจอดรถ น้ำเพชรขับรถที่มีเซียนนั่งด้วยสวนออกไปโดยมองไม่เห็นพ่อแม่เพราะมัวแต่ปรึกษากันเคร่งเครียด
“อาน้ำ อาน้ำ”
“อาน้ำ อาน้ำ เรียกแท๊กซี่ตามอีไปเลย” เติมศักดิ์ยกมือขึ้นจะโบกแท๊กซี่แต่กิมฮวยดึงลงทันควัน “อะไรฮึ! อาฮวย ลื้อขัดขวางอั๊วทำไม”
“เอาไว้ให้อีกลับมาตอนเย็นดีกว่า”
“ไม่ อีจะพาอาน้ำไปไหนไม่รู้”
“อาน้ำเป็นคนขับรถ ไม่เป็นไรหรอก”
“ลื้อไม่ห่วงลูกเรอะ อาฮวย”
“อั๊วไม่อยากให้เรื่องมันอื้อฉาวคาวโลกีย์”
“อื้อฉาวคาวโลกีย์”
กิมฮวยพยักหน้าหนักแน่น
“ใช่”
กิมฮวยโทรหากน้ำเพชร หลังจากคุยโทรศัพท์กับน้ำเพชรเสร็จกิมฮวยหันกลับมาทางเติมศักดิ์
“อาน้ำบอกว่า สบายใจหายห่วงได้”
“ไอ้เซียงมันอาจจะกำลังเอาปืนจี้อาน้ำอยู่ก็ได้”
“นี่! อาเติม อั๊วก็เกลียดไอ้เซียน แต่อั๊วมั่นใจว่าอาน้ำจัดการได้” เติมศักดิ์ส่ายหน้าขัดอกขัดใจ แล้วเดินมานั่งกระแทกกระทั้น “ถ้าลื้อขืนไปอาละวาดที่นั่น อาท่านประธานก็จะพลอยรู้เรื่องไปด้วยแล้วอีอาจจะมองอาน้ำเพชรในแง่ไม่ดี” เติมศักดิ์ชะงัก “อีอาจจะคิดว่าอาน้ำชอบอาเซียน แล้วเลยเปลี่ยนใจไม่มาสู่ขออาน้ำ”
“เอายังงี้! อั๊วจะยกอาน้ำให้อาท่านประธานเลยโดยไม่ต้องขออนุมัติ”
กิมฮวยพยักเพยิดอย่างเห็นด้วย
น้ำเพชรขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของบริษัท ทั้งคู่นั่งนิ่งๆ ครู่หนึ่ง
“คุณจะเสี่ยงไหม” เซียนถามขึ้นมา
“เสี่ยงอะไรคะ”
“เสี่ยงขัดคำสั่งอาเตี่ยกับหม่าม้าของคุณ”
น้ำเพชรเบิกตากว้าง
“หมายความว่า ...”
เซียนพยักหน้าอย่างแน่วแน่
น้ำเพชรเดินตรงมาที่โต๊ะทำงานโดยระหว่างทางมีพนักงานทักทาย น้ำเพชรยิ้มและทักทายตอบด้วยสีหน้าที่มีความเคร่งเครียดและกังวลเล็กๆ น้ำเพชรเดินมาที่โต๊ะทรุดตัวลงนั่งด้วยสีหน้าท่าทางเหนื่อยหน่ายเกินกว่าจะจัดสิ่งของบนโต๊ะอย่างกระฉับกระเฉงเหมือนเคย
น้ำเพชรถอนใจยาวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
“ไม่เป็นไรถ้าคุณไม่อยากทำ ผมก็โอเคนะเพราะมันออกจะเห็นแก่ตัว”
เซียนบอกเมื่อเห็นแววตาสับสนของน้ำเพชร
“ตกลงค่ะ”
เซียนกระพริบตาถี่ยิ่งขึ้นด้วยความดีใจ
“คุณน้ำ”
“น้ำจะให้ความร่วมมือกับคุณปลาใหญ่”
เซียนรวบมือน้ำเพชรไว้
“ขอบคุณมาก ผมรู้ว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้คุณเสียชื่อเสียง แต่ผมขอให้สัญญาตรงนี้เลยว่าถ้าหากต่อไปคุณไม่รักใคร หรือว่าไม่มีใครคุณ ... เราจะแต่งงานกัน”
“คุณปลาใหญ่”
“ผมพูดจริง”
น้ำเพชรเท้าแขนกับโต๊ะและกุมขมับหลับตา น้ำเพชรอยู่ในอิริยาบถนั้นครู่หนึ่งจนกระทั่งเสียงปลาใหญ่ดังขึ้น
“ฝันหวานถึงใครครับ คุณน้ำเพชร” น้ำเพชรสะดุ้งลืมตาขึ้นทันที แล้วมองสีหน้าทะเล้นของปลาใหญ่อย่างเอาเรื่อง “แต่รับรองได้ว่าไม่ใช่ผมแน่”
“ทีหน้าทีหลัง ถ้านึกหาคำพูดทักทายไม่ได้ก็เข้าไปข้างในเลยดีกว่า ฉันไม่ชอบฟังประโยคเชยๆ ของนาย”
“ว้า!อุตส่าห์นั่งคิดนอนคิดมาตั้งแต่เมื่อคืน”
“งั้นก็เลิกคิดได้เลย เพราะฉันกำลังจะหมั้นกับคุณปลาใหญ่” ปลาใหญ่ตกตะลึง พูดไม่ออก “คุณปลาใหญ่คงไม่ชอบใจนัก ถ้านายมาทำทะลึ่งตึงตังกับฉัน” ปลาใหญ่มีสีหน้าสลดลง เมื่อความรู้สึกกลับคืนมา แล้วเดินกลับเข้าข้างในเงียบๆ “สมน้ำหน้า”
น้ำเพชรบอกอย่างสะใจ
ปลาใหญ่เดินเหมือนลอยๆ มาทิ้งตัวลงนั่งราวกับไร้ชีวิตจิตใจก่อนจะตะเบ็งเสียงดังลั่น ระเบิดความอัดอั้นตันใจออกมา
“โว้ย...ย...ย...ย...ย”
น้ำเพชรอมยิ้มสะใจกับเสียงร้องของปลาใหญ่ที่ดังลอดออกมา
“ยังกับควายถูกเชือด”
กิมฮวยกำลังเจรจากับลูกค้าขณะที่เติมศักดิ์ยืนจังก้ามุมหนึ่งคุมร้าน ส่วนอีกสองพนักงานก็ช่วยกันรับลูกค้าไป
พิชิตนั่งดมยาดมเฝ้าหน้าร้าน
“ราคาทองตอนนี้ค่อนข้างซาอิงขึ้นๆ ลงๆ วูบวาบเหมือนชิงช้าเลยละฮ่ะ”
เสียงมือถือดังขึ้น กิมฮวยหยิบขึ้นมาดู
“อาท่านประธานโทรมา ขอโทษนะฮ้า อาเติมลื้อมาสนทนากับอาลูกค้าผู้น่ารักหน่อย อั๊วจะไปคุยทอระสัปกับอาท่านประธาน”
เติมศักดิ์กุลีกุจอมาทันที
“ได้..ได้ คุยกันเรื่องอะไรล่ะ”
“เรื่องทอง”
กิมฮวยรีบเดินเข้าไปข้างใน ขณะที่เติมศักดิ์คุ้ยฟุ้งกับลูกค้า
กิมฮวยเดินคุยกระฉับกระเฉงเข้ามาในห้อง
“มีอะไรหรือฮ้า อาท่านประธาน Big Fish!”
“ผมมีเรื่องไม่ดีไม่งามอัปยศอดสูมาแจ้งให้อาหม่าม้าทราบครับ”
“ไอ๊หยา ไม่ดีไม่งามอัปยศอดสู”
“ใช่แล้วครับ อาหม่าม้าฟังให้ดีนะครับ คุณน้ำเพชรกำลังจะหมั้นกับไอ้เซียนผู้ต่ำต้อย”
เติมศักดิ์คุยโขมงโฉงเฉงกับลูกค้าและคนอื่นกำลังทำหน้าที่ของตนไป จนกระทั่งเสียงของกิมฮวยร้องลั่นแผดออกมา
“จ๊าก...ก...ก...ก...”
ทุกคนตกตะลึงนิ่งอึ้งกันไปหมด
“อาหม่าม้า อาหม่าม้าซี้แหงแก๋หรือยังครับ”
ปลาใหญ่ทำตกอกตกใจถาม
“ยัง แต่อั๊วอยากจะเป็นลม”
เติมศักดิ์รีบเดินเข้ามาหากิมฮวย
“อาฮวย ลื้อเป็นอะไร แหกปากร้องจนตกอกตกใจกันไปหมด”
“อาน้ำจะหมั้นกับอาเซียน”
เติมศักดิ์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้วแหกปากร้องลั่น ปลาใหญ่ปิดโทรศัพท์แล้วเดินกระหยิ่มยิ้มย่องมานั่ง
“อาเตี่ยกับอาหม่าม้าร้องจ๊ากเลย ไอ้ปลาใหญ่เอ๊ยข้าไม่ปล่อยให้เอ็งคว้าคุณน้ำเพชรไปได้ง่ายๆ หรอก”
ปลาใหญ่บอกออกมาอย่างสะใจ ขณะนั้นกิมฮวยร้องห่มร้องไห้เจ็บอกเจ็บใจสุดๆ
“อาน้ำนะอาน้ำ คนดีๆ ไม่ชอบ ไปชอบคนบ้า”
“อั๊วไม่ยอมเด็ดขาด”
“อั๊วก็ไม่ยอม อั๊วจะยื่นคำขาดให้อาน้ำหมั้นกับอาท่านประธานปลาใหญ่ให้รู้แล้วรู้รอด”
“อ้อ อาน้ำจะดื้อกับอาเตี่ยกับอาหม่าม้าก็ให้มันรู้ไป”
เกริกก้องกำลังปรึกษากับรัญญาอย่างเคร่งเครียดขณะที่จันทร์ทิพย์เดินนำปกรณ์เข้ามา
“ดูเหมือนฉันจะไม่ได้บอกให้เธอพาคนอื่นเข้ามาด้วยนะ”
เกริกก้องถามอย่างไม่พอใจ
“แหม...คนอื่นคนไกลที่ไหนคะ พี่ชายของจันทร์แท้ๆ อย่างน้อยคุณก้องก็จะได้มีแนวร่วมเพิ่มอีก 1 คนนะคะ”
“ไม่เป็นไรจันทร์ ถ้าคุณก้องไม่พอใจพี่ออกไปดีกว่า” ปกรณ์ไหว้เกริกก้องอย่างนอบน้อม “ผมต้องขอประทานโทษด้วยครับ ที่ทำให้คุณก้องหงุดหงิด”
ปกรณ์หันหลังกลับ
“ไม่ต้องไป” ปกรณ์ลอบยิ้มแล้วหันกลับมาทำหน้าตาพินอบพิเทาเจียมเนื้อเจียมตัวเหมือนเดิม “เมื่อคืนไอ้เอ็กซ์มันโทร.มา...” ทุกคนฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ “จับความได้ว่า ตอนนี้ไอ้ปลาใหญ่กับไอ้เซียนกำลังเชือดเฉือนกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะฉะนั้นเราจะถือโอกาสทำลายแนวร่วมของมันทีละคนสองคนให้เหลือไอ้เซียนคนเดียวเหี่ยวแห้งหัวโตในบริษัท”
“ล้ำลึกมากค่ะ คุณก้อง”
“คนแรกเลย รันขอเสนอคุณครรชิต”
ตลอดเวลาปกรณ์ยังคงทำท่าทีไตร่ตรองแบบสงบเสงี่ยม
“น้องรันคิดเหมือนน้าเปี๊ยบ ว่าแต่เราต้องคิดข้อหาให้เหมาะสมจะได้ไม่มีใครตำหนิ”
“นั่นฉันเตรียมพร้อมหมดแล้ว” เกริกก้องกดโทรศัพท์ภายใน “อลิสา...เข้ามา ข้างในซิ”
จันทร์ทิพย์ชะงัก
“เอ๊ะ แม่คนนั้นมาเกี่ยวข้องอะไรด้วย”
เสียงเคาะประตูเบาๆ แล้วอลิสาเดินเข้ามาในมือถือแฟ้มมาด้วย อลิสาหยุดอยู่ตรงประตู
“ขออนุญาตค่ะ”
“ไม่อนุญาต”
“แฟร์ๆ หน่อยซิ ทีฉันยังอนุญาตให้พี่ชายของเธอเข้ามาฟังด้วยได้เลย อีกอย่างอลิสาเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ เข้ามาซิ อลิสา”
“ขอบคุณค่ะ”
อลิสาเข้ามาร่วมกลุ่ม จันทร์ทิพย์ขยับจะพูดแต่ปกรณ์ส่ายหน้าห้าม จันทร์ทิพย์จำกัดฟันเงียบด้วยความเจ็บใจ
อลิสาเปิดแฟ้มแจกเอกสารให้ทุกคน
“นี่เป็นเอกสาร แสดงหลักฐานการทุจริตของคุณครรชิตค่ะ”
แต่ละคนชะงักด้วยความตกใจไม่คาดคิด แม้กระทั่งจันทร์ทิพย์ซึ่งทำท่าจะไม่รับ
“คุณครรชิตน่ะหรือคะ ทุจริต”
“เปล่า”
“อ้าว” ทุกคนร้องออกมาพร้อมกัน
“มันไม่ทุจริต แต่อลิสาสามารถสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัว”
“เก่งจังเลย”
อลิสายิ้มรับสงบเสงี่ยม
“ขอบพระคุณที่ชมค่ะ”
“หวังว่าเธอคงไม่สร้างหลักฐานเท็จ เรื่องอื่นด้วยหรอกนะ”
“ดิฉันทำตามคำสั่งของคุณก้องเกียรติเท่านั้นค่ะ”
“เอาละ ถึงเวลาดำเนินตามแผนแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันไปได้ อลิสา โทร.ตามคุณครรชิตมาพบฉันได้เลย”
“ค่ะ”
ทุกคนเดินออกไป จันทร์ทิพย์ลังเลเล็กน้อยแต่ก็ออกไปโดยดี
ครรชิตค่อยๆ วางโทรศัพท์ลง เซียนถามอย่างแปลกใจ
“มีอะไรหรือ คุณครรชิต”
“คุณก้องเรียกผมไปพบ...เดี๋ยวผมมา”
เซียนพยักหน้าแล้วทำงานต่อขณะที่ครรชิตเดินออกไป
ครรชิตเดินตรงมาที่ห้องทำงานเกริกก้อง อลิสาลุกเดินไปเปิดประตูให้
“คุณก้องกำลังรออยู่ค่ะ”
ครรชิตพยักหน้าพึมพำขอบคุณเบาๆ แล้วเดินเข้าไป อลิสายิ้มกับตัวเอง
“นั่งก่อนซิ คุณครรชิต”
“ขอบคุณครับ”
เกริกก้องเอนตัวพิงพนัก
“คุณทำงานที่นี่มากี่ปีแล้วนะ”
“ก็ตั้งแต่คุณก้องยังเรียนอยู่เลยครับ” เกริกก้องนิ่วหน้านิดหนึ่ง แล้วเปิดลิ้นชักหยิบซองขาวส่งให้
“อะไรหรือครับ”
เกริกก้องโยนซองไปตรงหน้าครรชิต
“เปิดอ่านดูซิ”
ครรชิตหยิบมาเปิดออกอ่านแล้วสะดุ้ง เงยหน้ามองครรชิต
“ผมไม่เคยทุจริต เงินสักแดงเดียวก็ไม่ได้ยักยอก”
“ต้องขอบอกว่าผมเองก็คิดไม่ถึง แต่ก็ต้องยอมจำนนด้วยหลักฐาน”
“หลักฐานอะไร” เกริกก้องเปิดลิ้นชักอีกแล้วหยิบเอกสารส่งให้ ครรชิตรับมาเปิดอ่านแล้ววางลงบนโต๊ะ
“นี่เป็นเอกสารเท็จ”
“ผมก็ไม่แน่ใจ แต่เท่าที่ตรวจดู เงินมันหายไปจริงๆ”
“ผมสาบาน ...”
“ผมต้องทำตามหน้าที่ เสียใจจริงๆ คุณครรชิต ทั้งเสียใจและเสียดายคนเก่าคนแก่ของบริษัท”
ครรชิตนิ่งงันพูดอะไรไม่ออก ในขณะที่เกริกก้องยิ้มเยาะนิดๆ
ครรชิตกลับมาที่ห้อง เซียนหงุดหงิดสุดๆ เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“อาก้องจะทำยังงั้นไม่ได้ ในพินัยกรรมคุณพ่อระบุไว้แล้วว่า ห้ามใครแตะต้องคุณครรชิต”
“แต่ที่นี้เขาระบุความผิดลงไป ซึ่งคุณเกรียงไกรไม่ได้เขียนไว้ชัดเจนในกรณีนี้”
“เขาอาศัยช่องของพินัยกรรม”
“ใช่ครับ”
“คุณครรชิตอย่ายอม เราต้องร่วมมือกันต่อสู้กับการใส่ร้ายป้ายสีของพวกนั้น”
“มันก็ลำบากอยู่นะ คุณปลาใหญ่ เพราะทุกฝ่ายเป็นคนของเขาหมด” ครรชิตบอกอย่างรำบากใจ
“ยังไงผมก็ไม่ยอม” เซียนขยับจะออกไป
“นั่นคุณปลาใหญ่จะไปไหน”
“ไปพูดกับอาก้องให้รู้เรื่อง”
“ในนามของใครครับ” เซียนอึ้ง “อย่าลืมว่าเวลานี้ คุณอยู่ในร่างของนายเซียน ไม่ใช่คุณปลาใหญ่”
“งั้นก็ให้มันเป็นคนพูดในนามของผม”
“คงสำเร็จร็อก คุณยิ่งมีเรื่องกับมันอยู่”
“ยังไงก็ต้องลองดู”
สีหน้าเซียนตัดสินใจ
โปดติดตาม "แสบสลับขั้ว" ตอนต่อไป