xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 13

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 13
 
นับดาวรีบเดินมานั่งที่เดิม จัดแจงทำทีเป็นชมนกชมไม้ สักครู่ ชนะชัยก็เดินมา

“มีอะไรรึเปล่าคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ...เอ่อ...ผมกลับก่อนนะครับคุณดาว ฝากสวัสดีคุณปราบด้วยนะครับ”
“คุณจะไม่เข้าไปก่อนเหรอคะ”
“ไม่หรอกครับ...แล้วก็...เรื่องของคุณกับคุณปราบ ผมขอให้สมหวังนะครับ คุณโชคดีแล้วล่ะที่
ตัดสินใจหนีออกมางานแต่งงาน ผมคงไม่ใช่สามีที่ดีหรอก”
นับดาวอึ้งไป
“คุณจ๊อบ...”
ชนะชัยไม่พูดอะไร เดินจากไป

นับดาวเดินเข้ามาในห้อง ส่วนปราบนั้นหยุดยืนอยู่หน้าห้อง
“คืนนี้คุณนอนห้องผมแล้วกัน เดี๋ยวผมไปนอนข้างนอกเอง”
“ขอบคุณค่ะ คุณเป็นสุภาพบุรุษมากเลย...ว่าแต่ว่า ไว้ใจฉันเหรอ คุณก็รู้นี่นาว่าฉันเป็นคนยังไง”
“อยากรื้อค้นอะไรก็ตามสบาย ไม่มีอะไรที่ผมต้องปิดบัง เรื่องอะไรที่ไม่ควรรู้คุณก็รู้ไปหมดแล้ว ไม่ใช่เหรอ”
นับดาวหัวเราะ
“ฝันดีนะคะ”
“เช่นกันครับ”
นับดาวปิดประตู อมยิ้มอยู่คนเดียว

ปราบเดินออกมาพร้อมหมอนผ้าห่ม เตรียมจะหาที่นอนข้างนอก น้อยหน่าเดินมาหา
“พ่อคะ พ่อไปดูแม่หน่อยสิ แม่เขาเป็นอะไรไม่รู้”
“ทำไม ฟ้าเป็นอะไรเหรอ”
“พ่อเงียบๆนะ”
น้อยหน่าพาปราบมาที่หน้าห้องปรายฟ้า น้อยหน่าเอาหูแนบประตู ทำท่าให้พ่อทำตาม ปราบเอาหูแนบ ได้ยินเสียงปรายฟ้าร้องไห้ น้อยหน่าถอยออกมา ดึงพ่อออกมาคุยด้วย
“เมื่อกี้หน่าลองเคาะเรียกดู แม่เขาก็ไม่เปิด ร้องไห้อย่างงี้มาตั้งนานแล้ว”
ปราบนิ่งคิด
“เอ...พ่อว่าไปตามกำลังเสริมมาช่วยดีกว่า น่าจะทำได้ดีกว่าพ่อ”
ปราบพาน้อยหน่ามาที่ห้องของเขา เคาะประตูเรียก นับดาวออกมา สวมชุดปิยาม่า ครีมพอกหน้าเหลือแต่ลูกตา มองสองพ่อลูกอย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอ”
“น้อยหน่าบอกว่าปรายฟ้าเขาเก็บอยู่ตัวในห้อง ร้องไห้อยู่ตั้งนานแล้ว คุณลองไปคุยกับเขาหน่อยไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
นับดาวเงียบไป น้อยหน่ากังวลใจ
“หน่าห่วงแม่น่ะค่ะพี่ดาว”
“หน่า หน่าเชื่อใจพี่มั้ย”
น้อยหน่าพยักหน้า
“พี่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่เล่าให้เธอฟังไม่ได้ แต่บอกได้ว่าไม่มีอะไรต้องห่วง เป็นการร้องไห้แบบ
ผู้หญิงน่ะ ทีนี้พี่อยากให้หน่าเข้าห้องไปนอนซะ อย่าไปกวนคุณแม่นะ เข้าใจไหม”
น้อยหน่าเงียบไปครู่หนึ่ง
“เอางั้นก็ได้ค่ะ”
นับดาวยิ้ม น้อยหน่าเดินออกไป ปราบมองนับดาวงงๆ
“คุณรู้เรื่องเหรอ”
นับดาวมองซ้ายมองขวา จับมือปราบดึงเข้ามาในห้องแล้วปิดประตู

นับดาวนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะทำงาน ปราบเข้ามายืนเก้ๆกังๆ ดูเขินๆ
“นั่งสิยืนอยู่ทำไม”
“จะให้นั่งที่ไหนล่ะ”
“อยากนั่งไหนก็นั่งสิ นี่ ห้องคุณนะ”
ปราบมองซ้ายมองขวา แล้วนั่งพื้น นับดาวรีบปิดที่หัวเข่า ปราบลุกพรวด
“ไหนบอกนั่งไหนก็ได้ พอนั่งแล้วทำอย่างงี้หมายความว่ายังไง เห็นผมเป็นคนลามกเหรอไง”
“แล้วดันไปนั่งบนพื้นทำไม ทำไมไม่บนเตียงล่ะ ตาบ้า”
“ไม่ดุไปหน่อยเหรอ วิธีที่คุณใช้ชวนผู้ชายขึ้นเตียงน่ะ”
“อ้อ แปลคุณนุ่มนวลกว่าฉันสินะ เวลาจะชวนผู้หญิงขึ้นเตียง”
“ผมไม่เคยชวนใครทั้งนั้น คืนนี้คุณจะเป็นคนแรกที่ได้ขึ้นเตียงผม”
“ตกลงเราจะคุยกันเรื่องบนเตียง หรือว่าคุยเรื่องแฟนเก่าคุณเนี่ย”
“แล้วแต่คุณละกัน คุณเป็นคนลากผมเข้าห้องนี่นา”
“พอได้แล้ว...ไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมจู่ๆปรายฟ้าถึงได้เป็นแบบนั้น”
“จะว่าไปมันก็เรื่องส่วนตัวของเขานะ”
“รับรองว่าถ้าคุณรู้ คุณจะตะลึง”
“คุณอยากเล่าอะไรก็เล่ามาเถอะ ไม่ต้องบิ๊ว”
“คืนนี้แฟนเก่าคุณเจอแฟนเก่าของเขา”
ปราบอึ้งไป คิดตาม เดาออกทันที
“ไม่จริงง่ะ ไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง”
“บังเอิญขนาดนั้นเลยแหละ”
“นักธุรกิจหนุ่ม หล่อ รวยคนนั้น...ที่แท้ก็ชนะชัยเหรอเนี่ย คุณรู้ได้ไง”
“ฉันได้ยินเขาคุยกัน”
ปราบมองนับดาวแบบรู้ทันและตำหนิ
“ใช่ ฉันแอบฟัง แล้วไง ผิดมากมั้ย หา...จะฟังต่อไปมั้ย”
“เลิกลีลาซะทีจะเล่าก็มาเหอะ”
“ที่ฉันเล่าให้คุณฟังเนี่ย ไม่ใช่เพราะคันปากหรอกนะยะ...แต่เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับน้อยหน่า”
ปราบอึ้งไป
“ชนะชัยเป็นพ่อของน้อยหน่าสินะ”
“แต่คุณปรายฟ้าไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขานะ”
ปราบกับนับดาวมองตากัน ขบคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบ

เช้าวันใหม่...นับดาวเดินมาที่ป้ายไร่แห่งความฝัน มองมันอย่างลึกซึ้งหญิงสาวเอาผ้าปูบนพื้นหญ้าแล้วล้มตัวลงนอน มองท้องฟ้า มองเมฆสวยมันทำให้เธอมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อย่างนี้เองละมั้งที่เรียกว่าความสุขความสงบ

เวลาต่อมา...ปราบกับนับดาวกินข้าวเช้าด้วยกัน
“นี่ คนที่ซื้อที่พ่อฉันไปน่ะ เขาจะเอาที่ไปทำอะไรเหรอ”
“ถามทำไม”
“เอ๊ะ อยากรู้ไม่ได้รึไง”
“นึกว่าคุณอยากได้แต่เงิน ไม่คิดว่าจะสนใจอะไรมากกว่านั้น”
“ถามดีๆทำไมต้องแขวะกันด้วย”
“คำตอบคือผมก็ไม่รู้”
“ใครเป็นคนซื้อไป เสี่ยไฝรึเปล่า”
ปราบหัวเราะ
“ผมเกือบตายเพราะไม่ได้ขายให้เสี่ยไฝนี่แหละ ส่วนเรื่องคนซื้อน่ะ ถ้าอยากรู้อะไรมากนักก็โทรไปถามทนายเขาละกัน เดี๋ยวเอาเบอร์ให้”
“ฉันอยากซื้อที่คืน คุณคิดว่าเขาจะขายคืนมั้ย”
ปราบหันมองนับดาว
“คุณจะซื้อที่กลับมาทำไม”
“ฉันอยากอยู่ที่นั่น”
นับดาวยิ้มกับตัวเอง

อลิสาลงจากรถที่หน้าบ้านเจอนับดาวที่ยืนรออยู่ ก็ปรี่มาหาทันทีด้วยความโกรธที่นับดาวหนีงานแต่งงาน
“เธอทำเกินไปแล้วนะนับดาว...”
“มีอะไรเราค่อยไปคุยกันที่บ้านละกันนะคะน้าอะซ่า”
“แล้วคุณปราบล่ะ”
“ไปที่รีสอร์ทคุณสุนทรีน่ะค่ะ”
“แม่ของตะวันวาดน่ะเหรอ ที่ว่าแอบปิ๊งคุณปราบน่ะเหรอ”
“อย่าไปสนใจเลยค่ะ กลับบ้านเถอะค่ะ ดาวเองก็อยากมีเรื่องอยากคุยกับน้าเหมือนกัน”
อลิสากับนับดาวเดินไปที่รถ

อลิสาคุยกับนับดาว อลิสาอึ้งๆอยู่ครู่หนึ่งส่ายหน้า ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“เธอบ้าไปแล้วเหรอดาว จะซื้อที่คืน เอาอะไรคิดเนี่ย หา แค่เดินหนีออกจากงานแต่งงาน ฉันก็
ยังโกรธเธอไม่หายเลยนะ แล้วนี่อะไรอีก ผีเข้าหรือไง”
“น้าจำวันที่ดาวไม่สบาย แล้วน้าออกจากบ้านไปขายที่ได้ไหมคะ...คืนนั้น ดาวเดินออกไปนอกบ้าน แล้วดาวก็พบว่า ดาวเบื่อแล้วค่ะ”
“เบื่ออะไร”
“เบื่อชีวิตแบบนี้...ดาวอยากไปอยู่ที่ไร่แห่งความฝันของพ่อดาว”
อลิสาหัวเราะ
“เธอจะไปอยู่ยังไง ปลูกถั่วงอกเธอยังปลูกไม่เป็นเลยมั้ง แล้วจะไปอยู่ที่ไร่น่ะเหรอ คิดดูให้ดีๆนะดาว ที่นู่นไม่มีห้าง ไม่มีโรงแรม ไม่มีร้านอาหาร แล้วที่สำคัญ ไม่มีงานให้เธอทำด้วย”
“ดาวยอมรับว่าน้าพูดถูกค่ะ แต่ดาวพร้อมจะเรียนรู้ค่ะ”
“ดาว เธอแค่เหนื่อยเท่านั้นเอง น้าเห็นด้วยนะ ไปเที่ยวพักผ่อนเถอะ พอหายเหนื่อยก็ค่อยกลับมา กลับมาเป็นนับดาวว้าวแซ่บคนเดิม”
“น้าอะซ่า...ดาวอยากเปลี่ยนชีวิตของดาวจริงๆนะ”
“แต่น้าไม่อยากเปลี่ยน”
“น้าอะซ่า”
“ดาว...กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมเถอะนะ”
“ไม่ค่ะ ดาวตัดสินใจเด็ดขาดตั้งแต่ตอนที่ดาวเดินออกจากงานแต่งงานแล้วค่ะ”
“เธอไม่คิดถึงน้าเลยใช่มั้ย”
“ดาว เข้าใจ น้าอยากอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่แค่บ้านหลังนี้หรอกดาว น้าชอบชีวิตแบบเดิม ถึงที่ผ่านมา น้าจะไม่ใช่ดาวเด่นแบบเธอ ก็
ตาม”
“ถ้าอย่างนั้น...น้าขายหุ้นของคุณชัชฎา ได้เงินมา รวมกับที่เราเหลือ แล้วแบ่งกันคนละครึ่งก็น่าจะพอให้น้าใช้ชีวิตแบบเดิมได้”
อลิสาอึ้งไป
“แปลว่าเธอจะทิ้งน้าเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่ว่า...เราต่างก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง เรายังคงเป็นน้าหลานกัน ดาวยังรักน้าอะซ่าของดาวคนนี้มากที่สุด...เราก็แค่แยกกันอยู่แค่นั้นเอง”
อลิสาทำใจครู่หนึ่ง ค่อยพยักหน้า
“จ้ะ”
นับดาวยิ้ม เข้ามากอด
“ขอบคุณมากค่ะ”
นับดาวไม่ได้เห็นสีหน้าอลิสาที่บ่งบอกว่ากำลังคิดอะไรอย่างอื่นอยู่

อลิสาคุยมือถืออยู่ที่โถงบ้าน
“หุ้นบริษัทคุณชัชฎาเป็นไงบ้าง พี่ว่าจะขายน่ะ...ยังขึ้นอยู่อีกเหรอ...เอ่อ...”
อลิสามองไปรอบๆไม่เห็นนับดาว
“ไม่จ้ะ ไม่ขายจ้ะ”
อลิสาวางสาย

ที่ร้านกาแฟในห้างกลางกรุงเทพ นับดาวสวมแว่นกันแดดเดินเข้ามา เจอปราบนั่งอยู่ก่อน เธอเดินไปนั่งด้วย
“มานานรึยัง”
ปราบมองนับดาวแกล้งเหน็บ
“เพิ่งมาครับ...เอ ในนี้แดดแรงเหรอครับ”
“ปากอย่างนี้เดี๋ยวก็ได้เอากาแฟล้างหน้าหรอก ยังไงฉันก็เป็นเซเล็บนะยะ แล้วนี่ก็กรุงเทพด้วย ไม่ใช่บ้านนอก เซเล็บอย่างพวกฉันก็ต้องใส่แว่นกันคนอื่นจำได้”
“แต่การที่คุณใส่แว่นมันก็คือประกาศตัวว่าฉันเป็นเซเล็บนะยะ สรุปคืออยากให้คนจำได้แต่
แกล้งทำเป็นไม่อยากใช่มั้ยล่ะ”
“การที่ฉันใส่แว่นกันแดดซักอันนี่มันไปเพิ่มน้ำหนักที่ศีรษะคุณหรือไง”
“แรงแฮะ อ้ะ ไม่ถามก็ได้...มาคุยเรื่องปรายฟ้ากับชนะชัยแล้วกัน”
“ว่ามา”
“ฟังจากที่คุณเล่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะแม่คุณชนะชัย”
“ถ้าคุณรู้จักเขา คุณจะไม่แปลกใจหรอก นางร้ายสุดๆ แถมฉลาดเป็นกรดเลย”
“ยังไงผมก็อยากให้เขาทั้งสองคนได้มีโอกาสปรับความเข้าใจกัน”
“ถามจริงๆเถอะ ถ้าเขากลับไปรักกันจริงๆ คุณทำใจได้เหรอ คุณไม่คิดอะไรกับคุณปรายฟ้าแล้ว
แน่ๆนะ”
“แต่ก่อนน่ะใช่ ผมเคยคิดว่าผมยังรักเขาอยู่ แต่ตอนนี้น่ะไม่ใช่ เพราะตอนนี้ผมรักผู้หญิงคนอื่นไปแล้ว”
นับดาวหลบตา
“อย่าเพิ่งนอกเรื่อง เอาเรื่องปรายฟ้ากับชนะชัยก่อนละกัน...แล้วคุณจะทำยังไง”
“ผมมีแผน”
 
โปรดติดตามตอนต่อไป


หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 13 (ต่อ)
 

“ไหนว่ามาสิ”
“ผมจะให้คุณหลอกชนะชัยว่าปรายฟ้าป่วยชนะชัยก็จะรีบไปหาปรายฟ้า ส่วนผมจะหลอกปรายฟ้าให้ไปที่ห้องเก็บของ พอชนะชัยเข้าไปเจิดก็จะล็อคประตูทิ้งไว้สักคืน ให้ทั้งสองคนติดอยู่ด้วยกัน ทีนี้ผมก็จะให้เจิดปล่อยงูไม่มีพิษเข้าไปทำให้สถานการณ์ตึงเครียดจนทำให้สองคนโอกาสเปิดใจคุยกัน”
นับดาวอึ้งไปหลายวิ
“คุณคิดได้ไงเนี่ย ฉันไม่นึกเลยว่าคุณจะวางแผนอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้ได้”
ปราบหัวเราะ
“จริงๆแล้วมันเป็นแผนที่คนอื่นคิด แต่ไม่ได้ใช้”
“หมายความว่ายังไง”
“ผมปรึกษาเรื่องนี้กับอาป้อง อาป้องเลยบอกว่าพวกเขาเคยคิดแผนนี้ขึ้นมาตั้งใจจะใช้กับคุณกับผมแต่ไม่ได้ใช้”
นับดาวหน้าแดงวูบ
“นอกเรื่องอีกจนได้”
“ก็คุณถาม”
“เอาเหอะๆ ฉันว่าแค่สองคนติดอยู่โกดังค้างคืนด้วยกันแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วสำหรับการคืนดีกัน คุณอย่าลืมสิสองคนเขายังรักกันนะ”
ปราบพยักหน้า
“งั้นก็ตามนั้น จบเรื่องชนะชัยแล้ว...ผมนอกเรื่องได้รึยัง”
นับดาวหน้าแดง
“ยัง...ฉันยังไม่พร้อมจะนอกเรื่อง ตอนนี้ชีวิตฉันวุ่นวายมาก ให้เวลาฉันอีกหน่อยนะนายปราบ”
“ตามสบายครับ คุณก็รู้ว่าผมไม่ใช่คนใจร้อน...ผมจะคอยคุณอยู่เสมอ”
“ขอบคุณค่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน

ค่ำนั้น...ชนะชัยยืนหลบมุมอยู่ตามลำพังที่ทางเข้างานที่จัดขึ้นที่ในโรงแรม เขาดูนาฬิกาแล้วหยิบมือถือโทรออก
“ตอนนี้แม่อยู่ที่ไหนแล้วครับ...ผมอยู่ที่ล็อบบี้แล้วครับ...รออยู่ใกล้ๆโถงลิฟต์นะครับ...ครับ”
ชนะชัยวางสาย สักครู่หนึ่ง เอมี่ก็เดินออกมาจากลิฟต์ มองหาชนะชัย แล้วก็เดินมาหา
“สวัสดีค่ะคุณจ๊อบ”
“สวัสดีครับ”
“เข้าไปในงานเลยไหมคะ”
“คือผมรอคุณแม่อยู่น่ะครับ”
“อ๋อ เมื่อกี้คุณแม่คุณโทรมาบอกเอมี่แล้วค่ะ ว่าท่านมาไม่ได้แล้ว ให้เอมี่เข้าไปในงานกับคุณได้เลย”
ชนะชัยงง เอมี่ก็ควงแขนตรงไปที่งานโดยเขาไม่ทันตั้งตัว นักข่าวคนหนึ่งหันมาเจอเข้า ก็รีบสะกิดกันวิ่งเข้ามา กดชัตเตอร์กันไม่ยั้งทันที ชนะชัยอึ้งๆ แต่เอมี่ยิ้มร่า นักข่าวคนหนึ่งพุ่งเข้ามายิงคำถามทันที
“เอ๊ะ คุณเอมี่แสนหวาน ทำไมวันนี้ควงคุณชนะชัยมาล่ะครับ”
เอมี่ยิ้มแย้ม
“ทำไมคะ คุณชนะชัยน่ะควงไม่ได้เหรอคะ”
“แต่เขาเป็นเจ้าบ่าวของคุณนับดาวเพื่อนรักคุณไม่ใช่เหรอครับ...เมื่อวานซืนเองด้วย”
“อุ๊ยตาย ความแตกแล้วสิคะเนี่ย ว่าทำไมวันนั้นจู่ๆนับดาวก็วิ่งร้องห่มร้องไห้ออกไปจากงานแบบนั้น”
นักข่าวฮือฮาทันที แม้แต่ชนะชัยก็หันมามองเอมี่
“แปลว่า...คุณนับดาวรู้เรื่องคุณชนะชัยกับคุณเอมี่งั้นหรือครับ”
“เรื่องความรักมันบังคับกันไม่ได้หรอกค่ะ...เอมี่ก็ไม่อยากให้ความรักของเราสองคนไปทำร้ายคนอื่น โดยเฉพาะนับดาวเพื่อนรักของเอมี่...แต่...บางครั้งมันก็ช่วยไม่ได้นะจ๊ะดาวจ๋า ฮิๆๆ...แค่นี้ก่อนนะคะ ไปกันเถอะค่ะ”
เอมี่ควงชนะชัยสวีทหวานจ๋อย เดินเข้าไปในงาน

วันต่อมา...นับดาวดูหนังสือพิมพ์หน้าก๊อซซิบ ลงรูปเอมี่ควงกับชนะชัย มีพาดหัวประกอบข่าว
“เอมี่แร๊งแฉตัวเองว่าเป็นคนแย่งแฟนนับดาว...เอมี่ควงชนะชัยเปิดตัวว่าเป็นมือที่สาม ทำเอางานอีเว้นต์ร้อนแทบลุกเป็นไฟ เอมี่ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า ไม่ได้ตั้งใจแย่ง แต่ความรักบังคับกันไม่ได้ เสียใจที่ทำเพื่อนเจ็บ หวังว่าเพื่อนจะเข้าใจและไม่โกรธ...”
นับดาวหัวเราะ วางหนังสือพิมพ์
“ตามสบาย อยากทำอะไรก็ทำ ฉันจะออกจากเกมแล้วย่ะ”
นับดาวนึกอะไรได้
“แต่ว่า...อาจเอามาใช้ประโยชน์ได้เหมือนกัน”
นับดาวหยิบหนังสือพิมพ์มาดูอีกที

ชนะชัยยื่นหนังสือพิมพ์หน้าก๊อซซิบให้ชัชฎาดู
“แม่เห็นมั้ยครับว่าแม่ทำอะไรลงไป”
ชัชฎาชำเลืองดูหนังสือพิมพ์แว่บหนึ่ง
“ไม่มีนักธุรกิจคนไหนเขาสนใจข่าวแบบนี้กันหรอกนอกจากพวกชาวบ้านน่ะ แล้วแกจะเดือดร้อนไปทำไม”
“แม่ทำแบบนี้ พยายามจะจับคู่ผมกับเอมี่อีกเหรอครับ”
“ใช่ คราวนี้ฉันสืบมาชัดเจนแล้ว เอมี่รวยจริง...ดีแล้วล่ะ ที่แกไม่ได้แต่งกับนับดาว”
“แม่ไม่ควรว่าเขาอย่างนั้นนะครับ”
“ก็ได้ ยังไงๆแม่ก็ตั้งใจจะลบยัยนั่นออกจากความทรงจำอยู่แล้ว...แกก็เหมือนกัน ลืมเรื่องยัยนับดาวได้แล้ว ไม่ต้องไปห่วงเขาหรอก ยัยกำมะลอนั่นน่ะ”
ทันใดนั้นมือถือดังขึ้น ชนะชัยเห็นชื่อคนโทรเข้าเป็นนับดาวก็เดินเลี่ยงแม่มา ค่อยรับสาย
“สวัสดีครับคุณดาว”
นับดาวโทรมาจากที่ร้านกาแฟในปั๊ม
“หวัดดีค่ะคุณจ๊อบ”
“จะโทรมาเรื่องคุณเอมี่ใช่ไหมครับ คือเรื่องนี้น่ะ...”
“ค่ะ แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”
“เรื่องอะไรครับ”
“เมื่อกี้คุณปรายฟ้าเขาโทรหาฉัน เขาฝากให้ฉันบอกคุณด้วยว่าขอให้มีความสุขกับคุณเอมี่”
“อะไร เขาเข้าใจผิดแล้ว แล้วทำไมเขาต้องฝากคุณมาบอกผมด้วย”
“ฉันก็ไม่รู้ แต่มันมีบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ จนต้องรีบโทรหาคุณเนี่ย”
“อะไรครับ”
“เขาบอกอีกว่า ลาก่อน แล้วย้ำกับฉันว่าอีกสองชั่วโมงค่อยโทรบอกคุณ...แต่ฉันคิดว่าน่าจะ
บอกเลยดีกว่า”
ชนะชัยตกใจ
“หรือว่า...เขาคิดจะ...คุณรีบโทรหาคุณปราบหน่อยเร็ว”
“ฉันโทรแล้ว ทุกคนที่ไร่เลย ไม่มีใครรับสายซักคน”
ชนะชัยร้อนใจรีบวางสาย วิ่งออกจากบ้านทันที

เจิดเดินผ่านมาเจอป้ายวงกำลังตำส้มตำแจกคนงาน พวกคนงานอยู่ล้อมวงกินอยู่
“โหวันนี้อารมณ์ดี ถูกหวยมาสิท่าตำส้มตำแจกคนงานเนี่ย”
“แก้บนต่างหากย่ะ จะกินมั้ย”
“โห ส้มตำหอยดองของโปรดเลยป้า”
“งั้นเอาจานนี้ไปก่อน”
ป้ายวงตักจากครกส่งส้มตำให้เจิด
“วันก่อนได้ข่าวแกไปมีเรื่องกับนักเลงเหรอ”
“ใช่ ฉันเลยตามพวกมาช่วย ว่าแต่ป้ารู้ได้ยังไง”
“เขาลือกันทั้งตลาดว่านักเลงเห็นเพื่อนแกมันถึงกับกราบเลยเหรอ”
“ใช่ป้า เพื่อนผมเป็นพระอ่ะ”
ว่าแล้วเจิดก็หัวเราะขำ
“อ่ะๆไม่เม้าแล้ว ไปหานายปราบก่อนนะป้า”

ปราบกำลังคุยมือถือกับนับดาว
“ชนะชัยออกมาแล้วใช่มั้ย...งั้นก็น่าจะใกล้ถึงแล้วล่ะ”
ปราบวางสาย เก็บมือถือ เจิดเดินมาหา
“ไปจัดการได้แล้วตามแผน”
“คราวนี้เอาให้แน่นะครับ ครั้งที่แล้วหลอกให้ผมไปรอเก้อจนตีหนึ่งตีสองแน่ะ”
“อย่าพูดมาก จะไปดีๆหรืออยากโดนเตะก่อนไป”
“ไปดีๆ ครับ”
เจิดรีบเผ่นออกไป ปราบมองหาปรายฟ้า เห็นเดินออกมาจากห้องพอดี
“เอ่อ ฟ้าครับ คุณช่วยไปหยิบของที่ห้องเก็บของแถวๆคอกม้าให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”
“ได้สิคะ ปราบจะเอาอะไร”
“ผมอยากได้เชือกน่ะครับ มีอยู่ขดหนึ่งที่ห้องเก็บของ”
ปรายฟ้าพยักหน้าแล้วเดินออกไป

ชนะชัยขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านปราบอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งลงมา เจอปราบนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“อ้าว คุณชนะชัยน่ะเอง สวัสดีครับ”
“คุณปราบ ปรายฟ้าอยู่ไหนครับ”
“ไปเอาเชือกที่ห้องเก็บของครับ”
“เชือก เชือกอะไร”
“ก็เชือกมะนิลาไงครับ เส้นใหญ่ๆ แบบที่เอาไว้ผูกหรือห้อยอะไรหนักๆ”
ชนะชัยหน้าซีด
“ห้องเก็บของอยู่ไหน”
“ใกล้ๆคอกม้าครับ”
ปราบชี้ไปทางคอกม้า ชนะชัยวิ่งออกไปทันที
“เดี๋ยวครับ คุณชนะชัยมีอะไรเหรอครับ”
“ผมไม่มีเวลาอธิบาย”
ชนะชัยวิ่งออกไป ปราบรีบกดโทรศัพท์ เจิดอยู่ในห้องน้ำรีบรับสาย
“เจิดทุกอย่างตามแผนนะ เดี๋ยวพอคุณชนะชัยเข้าไปหาคุณฟ้าที่โกดัง แกรีบปิดโกดังขังพวกเขาเลยนะ พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองปรับความเข้าใจกัน”
เจิดฟังปราบไม่กล้าบอกว่าอยู่ห้องน้ำ
“รับทราบครับ เจ้านาย”
เจิดปล่อยมาอีกพรวด
“อู้ย ไม่น่าไปกินส้มตำหอยดองป้ายวงเล้ย”
เจิดออกมาจากห้องน้ำเดินไปไม่กี่ก้าวก็ตดป๊าดออกมา เจิดกุมก้นรีบวิ่งเข้าห้องน้ำอีกครั้ง

น้อยหน่ากำลังแปรงขนให้เฉาก๊วยอยู่ แปรงหล่นลงพื้น เธอก้มลงไปเก็บทำให้ไม่ทันเห็นปรายฟ้าที่เดินลิ่วไปที่ห้องเก็บของ น้อยหน่าหันหลังเดินไปมุมหนึ่งเอาอาหารให้เฉาก๊วย ชนะชัยวิ่งผ่านไป
ปราบรออยู่ในบ้าน นับดาววิ่งมาหา
“เป็นไงบ้างคุณ”
“ตามแผน คุณชนะชัยไปหาปรายฟ้าที่โกดังแล้ว”
สองคนมองหน้าก่อนรีบออกไป
ปรายฟ้าเข้ามาในห้องเก็บของ มองหาสักพักก็เจอขดเชือก แต่มันพันกับของอย่างอื่น ดูยุ่งเหยิง แถมยังพาดไปพันบนขื่อด้วย ปรายฟ้าค่อยสาวเชือกมา แกะเชือกไปด้วย ชนะชัยเปิดประตูเข้ามา ปรายฟ้าตกใจ ชนะชัยเห็นเชือกในมือของเธอและมีส่วนที่ห้อยบนขื่อ เขารีบเข้ามาแย่งเชือก ปรายฟ้างงๆ
“คุณจะทำอะไรน่ะ”
“คุณนั่นแหละ จะทำอะไร”
ชนะชัยถือเชือกอยู่ในมือ ท่าทางถมึงทึง ปรายฟ้าเข้าใจผิด ถอยกรูด
“อย่าเข้ามานะ จ๊อบ...คุณจะทำอะไรของคุณน่ะ”
“ฟ้า คุณก็รู้ว่าผมคิดยังไงกับคุณ”
“ฉันไม่รู้”
“ผมรักคุณ ผมอยากให้คุณมีความสุข”
ชนะชัยเดินเข้าไปใกล้ ปรายฟ้าถอยจนติดผนัง
“ถ้าเข้ามาอีกฉันจะร้องให้คนช่วยนะจ๊อบ”
“เชื่อผมเถอะฟ้า ยังไงๆเราก็เคยรักกัน”
“แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้รักคุณแล้ว”
“จริงเหรอ”
ปรายฟ้าไม่ตอบรีบเปลี่ยนเรื่อง
“คุณเป็นอะไรไปคุณจ๊อบ มามีอารมณ์อะไรตอนนี้ แถมจะใช้เชือกอีก บ้าไปแล้วหรอไง”
ชนะชัยอึ้งที่รู้ว่าปรายฟ้าเข้าใจผิด
“ไม่ใช่อย่างงั้น เข้าใจผิดแล้ว...”
น้อยหน่าวิ่งเข้ามา ถือคราดกวาดหญ้าชี้ที่ชนะชัย
“คุณจะทำอะไรน่ะ”
“เธอไม่เกี่ยว”
น้อยหน่าแทงคราดใส่ ชนะชัยหลบทัน จับคราดกระชากจนน้อยหน่าเสียหลัก เซถลาหน้าทิ่มเข้ามาในห้องเก็บของ ล้มโครม ปรายฟ้าตกใจ
“หน่า เป็นอะไรมั้ย”
ปรายฟ้าจะวิ่งไปหาน้อยหน่า ชนะชัยจับตัวได้
“ฟ้า อยู่เฉยๆ”
“คุณมาจับฉันทำไมเนี่ย”
“ผมไม่ให้ยอมคุณฆ่าตัวตายหรอก”
ปรายฟ้าชะงัก
“ฆ่าตัวตายอะไรล่ะ ฉันแค่เข้ามาหยิบเชือก”
ชนะชัยหน้าเหวอ
“อ้าว...”
น้อยหน่ามองทั้งสองงงๆ แล้วก็ร้องกรี๊ด เมื่อเจองูเห่าตัวใหญ่มาอยู่ตรงอยู่ข้างหน้าตนเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ปรายฟ้าตกใจ
“น้อยหน่า”
“ช่วยหน่าด้วยค่ะ”
ปรายฟ้าจะเข้าไป ชนะชัยดึงออกมา
“ใจเย็นๆฟ้า เดี๋ยวก็โดนงูกัดหรอก”
“ปล่อยฉัน ฉันจะช่วยลูก”
น้อยหน่าตื่นกลัว
“แม่ ช่วยหน่าด้วย”
 
โปรดติดตามตอนต่อไป พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 13 (ต่อ)
 

ชนะชัยมองปรายฟ้าอึ้งๆ
“ลูก”
ปรายฟ้าพยักหน้า
“ใช่ นั่นลูกคุณ”
ชนะชัยหันขวับมา
“ลูกผมเหรอ”
น้อยหน่าร้องวี้ด งูตกใจแผ่แม่เบี้ย ฉกลงมา ชนะชัยพุ่งมาขวาง โดนงูกัดตรงต้นคอ ปรายฟ้าร้องวี้ด ชนะชัยล้มลง ปรายฟ้าวิ่งเข้ามาดูงูเลื้อยหนีไป ปราบกับนับดาวที่วิ่งเข้ามาเห็นงูเลื้อยหนีไปพอดี นับดาวร้องว้าย กระโดดกอดปราบ
“ไหนคุณว่าแค่ปิดประตูขังเฉยๆ แล้วนี่งูมาจากไหน”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ปราบปล่อยนับดาวตกลงพื้น รีบวิ่งไปหยิบผ้ากระสอบโยนลงไปคลุมงู แล้วเอาลังไม้ครอบอีกที
ปราบเข้ามาดูนับดาว
“ผมขอโทษ เจ็บมั้ย”
“เจ็บสิยะ ถามได้”
“ก็คุณมากระโดดเกาะผมเองนี่”
ปราบกับนับดาวเข้าไปดู ชนะชัยนั่งพิงกำแพงอยู่ ปรายฟ้าจับมือเขาไว้ น้อยหน่ายืนดูชนะชัย
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยหน่า”
“เขาคือพ่อของลูก”
น้อยหน่าชะงัก มองปรายฟ้า
“พ่อแท้ๆของลูก”
น้อยหน่ามองชนะชัย
“พ่อขอโทษนะที่ไม่ได้ทำหน้าที่พ่อ...”
น้อยหน่าอึ้งตะลึงงัน
“คุณ...คุณน่ะเหรอพ่อของหนู”
ปราบเข้ามาดูรอยกัด เห็นแผลแล้วหน้าเครียด
“รีบไปโรงพยาบาลเร็ว”
ปราบพยุงชนะชัย เจิดวิ่งระโหยโรยแรงเข้ามาช่วยประคองชนะชัยอีกแรง
“แกหายหัวไปไหนมาไอ้เจิด”
“เข้าห้องน้ำมาครับ ผมท้องเสีย”
พูดไม่พูดเปล่าเจิดปล่อยตดออกมาอีกป๊าด ปราบส่ายหน้า นับดาวรีบบอกอย่างร้อนใจ
“มัวแต่คุยกันอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวคุณจ๊อบก็ตายพอดี คุณไม่ขันชะเนาะหรือทำอะไรเลยเหรอ”
ปราบส่ายหน้า
“ให้ขันตรงไหนล่ะ ขันก็รัดคอหอยตายกันพอดี”
“ก็คนไม่รู้ ไม่ต้องมาแขวะหรอก ปากยังกะปากกะโถน อ้าวแล้วไม่เอางูไปด้วยเหรอ”
ปราบชักโมโห
“ผมเป็นสัตว์แพทย์นะครับคุณนับดาว”
ชนะชัยดูปราบกับนับดาวเถียงกัน อดยิ้มไม่ได้

ชนะชัยในชุดคนไข้ นอนอยู่บนเตียงในห้อง ปราบ นับดาว ปรายฟ้า น้อยหน่า และหมอ อยู่ข้างๆ
“คุณโชคดีมากๆ ที่มันยังไม่ได้ปล่อยพิษ ร่างกายคุณก็แข็งแรงดี แต่เพื่อความไม่ประมาท รอดูอาการซักคืนละกันนะครับ”
หมอเดินออกไป ปราบกับนับดาวมองตากัน นับดาวแอบสะกิดปราบ
“น้อยหน่าเดี๋ยวพี่มานะ”
ก่อนจะรอคำตอบนับดาวรีบเดินออกมาจากห้องพร้อมปราบ เพื่อเปิดโอกาสให้พ่อแม่ลูกทำความเข้าใจกัน
ทั้งสองออกมาหน้าห้อง นับดาวหันไปมองปราบ
“นี่ คุณรู้ใช่มั้ยว่าคุณจ๊อบไม่เป็นไรมาก”
“ก็ทำนองนั้น งูกัดคนส่วนใหญ่ก็ทำเพื่อป้องกันตัว ที่มันออกมาเผ่นพ่านนี่แสดงว่ามันกำลังหาอาหารอยู่ผมเห็นซากหนูอยู่แถวนั้นพอดี แสดงว่ามันปล่อยพิษไปหมดแล้ว มันแค่ตกใจแล้วก็แว้งกัดเท่านั้นเอง”
นับดาวโล่งใจเมื่อได้ฟังอย่างนั้น

ในห้อง...ปรายฟ้ามองน้อยหน่าที่มองหน้าชนะชัย ทำหน้าไม่ถูก
“เรื่องนี้แม่ผิดเอง แม่โกหกพ่อไปว่าแม่ทำแท้ง เขาเลยไม่รู้ว่าเขามีลูก”
ชนะชัยหน้าสลดรู้สึกผิด
“แต่พ่อก็มีส่วนผิดตั้งแต่ต้น ตอนนั้นถ้าพ่อไม่อ่อนแอเกินไป เราก็คงเป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกกัน
มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว”
ปรายฟ้าจับมือลูกสาว
“น้อยหน่า ตกใจใช่มั้ย”
“ตกใจค่ะ แต่...หน่าก็ดีใจ หน่าอยากอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครอบครัวเหมือนคนอื่น...แต่หน่าไม่เคยคิดว่าพ่อหน่าจะเป็นคุณ...ที่ผ่านมาหน่าไม่ชอบหน้าคุณเลย”
“พ่อรู้ แต่ว่า...ลูกจะยอมรับพ่อเป็นพ่อมั้ย”
“แล้วคุณยอมรับหน่าเป็นลูกหรือคะ”
ชนะชัยยิ้มให้ลูกสาวอย่างจริงใจ
“รับสิ สิบกว่าปีที่ผ่านมาพ่อได้แต่โทษตัวเองที่ปล่อยให้แม่เขาจากไป ไม่คิดไม่ฝันว่าวันนี้พ่อจะได้แม่ ได้ลูกกลับคืนมา พ่อไม่มีวัน...ไม่มีวันที่จะทอดทิ้งใครคนใดคนหนึ่งอีกแล้ว”
น้อยหน่าเงียบไป ปรายฟ้าหันไปบอกลูก
“เรียกพ่อสิลูก”
น้อยหน่านิ่งไปนิดก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่รู้สิคะ...ถึงคุณจะช่วยชีวิตหน่าไว้ แต่ว่า...จะให้เรียกคุณว่าพ่อ...หน่าไม่ชิน”
ชนะชัยยิ้มรับ
“ไม่เป็นไร แค่รู้ว่ามีลูกอยู่ในโลก พ่อก็ดีใจมากแล้ว รวมทั้งคุณด้วยฟ้า”
ชนะชัยมองปรายฟ้าอย่างขอโทษ

ปราบกับนับดาวออกมานั่งคุยกัน จิบกาแฟจากตู้ขายอัตโนมัติไปด้วย
“คุณคิดว่าพวกเขาจะคืนดีกันได้ไหม”
ปราบคิดๆ
“น่าจะนะ อย่างน้อยพวกเขามีน้อยหน่าเป็นโซ่ทองคล้องใจอยู่แล้ว”
“ฉันก็อยากให้พวกเขาคืนดีกัน จะได้มีความสุขกันซะทีทั้งปรายฟ้า ชนะชัย โดยเฉพาะน้อยหน่า ผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมายเหลือเกิน”
“แต่อาจจะยกเว้นคนนั้น”
ปราบมองไป นับดาวมองตาม เห็นชัชฎากำลังเดินเข้ามาที่โถงโรงพยาบาลอย่างรีบร้อน หน้าตาวิตกกังวล ชัชฎาตรงไปที่เคาน์เตอร์ ถามห้องพัก แล้วไปที่ลิฟต์ทันที โดยไม่สนใจอย่างอื่นเลย จนมองไม่เห็นปราบกับนับดาว
“ฉันว่าคุณชัชฎาไม่มีทางยอมให้คุณจ๊อบคืนดีกับคุณฟ้าแน่ๆ...ทำไงดีล่ะนายปราบ”
“ถ้าถามผม ผมก็คงไปชี้แจงเหตุผลให้เขาฟัง หวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจ”
“ไม่มีทาง คุณชัชฎาหัวแข็งสุดๆ ไม่มีใครเปลี่ยนใจเขาได้หรอก...ใช้วิธีทื่อๆอย่างคุณไม่ได้ผลหรอก คนอย่างนี้มันต้องใช้อุบาย”
“เอาเลย งานถนัดคุณนี่”
นับดาวค้อนขวับ

ชัชฎาเปิดประตูเข้ามาในห้อง ชนะชัย น้อยหน่า ปรายฟ้า คุยกันอยู่
“จ๊อบ เป็นไงบ้าง”
ชนะชัยยิ้มให้แม่
“ไม่เป็นไรแล้วครับ หมอบอกปลอดภัยดีแล้วครับ”
“แน่ใจนะ เขาเช็คละเอียดใช่ไหม ย้ายไปเข้าโรงพยาบาลที่กรุงเทพมั้ย”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่เป็นไรจริงๆ”
ชัชฎาโล่งอก แล้วหันไปเห็นปรายฟ้ากับน้อยหน่า
“เธอ...ปรายฟ้า...”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะที่ยังจำฉันได้”
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง...ในที่สุดก็กลับมาหาลูกฉันจนได้ ไม่มีที่ไปแล้วเหรอไง”
“พอเถอะครับแม่ ผมขอให้ฟ้าเขามาอยู่กับผมเอง”
“แกลืมแล้วเหรอว่าเขาทำอะไรกับแกไว้”
“เขาไม่ได้ทำอะไรผมทั้งนั้น แม่ต่างหากที่ทำ ผมรู้ความจริงหมดแล้ว”
“แกเชื่อมันเหรอ ยัยนี่มันโกหก”
น้อยหน่าไม่พอใจ
“คุณเป็นคนยังไงกันเนี่ย หัวใจคุณทำด้วยอะไร”
ชัชฎาชะงักหันขวับมามองน้อยหน่า ชนะชัยรีบบอก
“ลูกผมครับ...หลานสาวคุณแม่”
“ฉันจำได้แล้ว ฉันเจอเธอในงานแต่งงานนับดาว”
“ใช่ค่ะ ตอนนั้นหนูยังรู้สึกคุณเป็นคนใจดี แต่วันนี้ความรู้สึกหนูเปลี่ยนไป”
“เธอเป็นเด็ก เธอไม่รู้อะไรหรอก”
น้อยหน่าหัวเราะ
“เชยจริงๆ สมัยนี้เขาไม่พูดกับเด็กแบบนี้แล้วนะคะ เด็กบางคนรู้มากกว่าผู้ใหญ่ซะอีก”
ชัชฎาอึ้งไป ชนะชัยหัวเราะ
“ท่าทางเขาจะได้เลือดย่าไปเยอะนะครับ”
ชัชฎาหันไปหาปรายฟ้า
“ลูกตาจ๊อบจริงๆเหรอ”
“ค่ะ แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ แล้วจะบอกให้ฉันไปตรวจดีเอ็นเออะไรนั่นน่ะ บอกได้เลยค่ะว่าไม่...แล้วฉันก็ไม่คิดจะเรียกร้องอะไรทั้งสิ้น ถ้าไม่เชื่อก็จบ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ชีวิตใครชีวิตมัน”
ชนะชัยพูดขึ้นอย่างมั่นคง
“แต่ผมเชื่อคุณ ฟ้า”
ชัชฎาหน้าเครียด จ้องหน้าชนะชัย มองปรายฟ้า แล้วไปจบที่หน้าน้อยหน่า

ปราบสวมเสื้อกาวน์ของหมอ เดินมากับนับดาว ท่าทางปราบไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองมากนัก
“นี่ มีแผนอื่นอีกมั้ยเนี่ย”
“แผนนี้แหละ ดีที่สุดแล้ว ทำได้เลยไม่ต้องเตรียมการ”
“คุณบอกเองว่าแม่ชนะชัยเป็นคนฉลาด แล้วเขาจะเชื่อเหรอว่าผมเป็นหมอน่ะ”
“ยังไงคุณก็เป็นหมอสัตว์นะ ถือว่ามีพื้นอยู่ จะหลอกคนอื่นว่าเป็นหมอคนคงไม่ยากหรอก มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ”
“แล้วถ้าขู่เขาไม่สำเร็จล่ะ”
“สำเร็จสิ แค่คุณเก๊กหน้าเครียดๆ บอกคุณชัชฎาว่าถึงพิษงูจะน้อยแต่คุณจ๊อบแพ้พิษงูขั้นรุนแรง เกินเยียวยา อยู่ได้อีกไม่กี่ชั่วโมง...แค่นี้เขาก็สติแตก ไม่มีสมองมาคิดอ่านจับผิดคุณหรอก”
“โอเค แล้วที่เหลือก็เป็นหน้าที่คุณนะ”
“แน่นอน ฉันจะบิ๊วคุณแม่เขาเองว่าให้ไฟเขียวคุณจ๊อบกับคุณฟ้า คุณจ๊อบจะได้มีกำลังใจสู้ชีวิต ตอนที่ฉันเดินเกมส์คุณก็คอยเสริมด้วยละกัน”
ปราบพยักหน้า ทั้งสองเดินมาหยุดที่หน้าห้องชนะชัย ปราบทำท่าจะเคาะประตู แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงไม่เคาะ นับดาวมองมา ปราบมองหน้านับดาวยิ่งแน่ใจความคิดตัวเอง
“คุณหลอกใช้ผมอยู่รึเปล่าเนี่ย”

“หมายความว่าไง”
“จริงๆคุณรู้สึกผิดที่หนีออกมาจากงานแต่งงานแบบนั้น คุณถึงอยากให้ชนะชัยคืนดีกับปรายฟ้า ยิ่งถ้าทำให้แม่เขายอมรับปรายฟ้าได้ คุณก็จะยิ่งลอยตัว ใช่ป่ะ”
นับดาวทำหน้าเซ็ง
“ก็ใช่ แล้วไงล่ะ ช่วยให้คนมีความสุขผิดตรงไหน วินวิน”
“จะให้ผมช่วยคุณก็ได้ แต่แผนของคุณมันยากมาก”
“จะมาไม้ไหนเนี่ย เอาไงก็ว่ามา”
“ผมต้องการกำลังใจ”
“กำลังใจอะไร”
ปราบป่องแก้ม ชี้ที่แก้มตัวเอง
“บ้า ไม่มีทาง”
“ก็ได้ ปล่อยให้คุณชัชฎาไล่ปรายฟ้ากับน้อยหน่าออกมา ชีวิตของชนะชัยก็จมอยู่กับความทุกข์ตลอดไป อาจกลายเป็นโรคซึมเศร้า...เพราะคุณทิ้งเขาในงานแต่งงาน”
“ฉันไม่คิดว่าคุณเป็นผู้ชายที่นิสัยน่าเกลียดแบบนี้”
“ไม่มากไปกว่าที่คุณเคยทำกับผมหรอก...ว่าไง”
ปราบชี้แก้มตัวเอง นับดาวเมิน
“ก็ได้”
ปราบทำท่าจะถอดเสื้อกาวน์ออก แล้วเดินออกมา นับดาวดึงเข้าไป จูบที่แก้ม เนิ่นนาน
“พอใจรึยัง”
“ค่อยมีกำลังใจขึ้นมาหน่อย”
นับดาวสะบัดหน้า เมินไปอีกทาง ปราบเดินกลับมาที่หน้าห้องชนะชัย
“จะบอกอะไรให้ ถ้าคุณไม่จุ๊บผม ผมก็ต้องเข้าไปช่วยชนะชัยอยู่ดีนั่นแหละ”
นับดาวหันมามองแทบอยากจะฆ่า
“ถือว่าหายกันที่ตอนนั้นคุณเอาวัคซีนไอ้เฉาก๊วยมาบลั๊ฟผมไง”
 
โปรดติดตามตอนต่อไป


หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 13 (ต่อ)
 

นับดาวจะโต้ตอบ แต่ปราบชิ่งหนี เคาะประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องทันที...ปราบกับนับดาวเข้ามา แล้วก็ชะงัก ปรายฟ้าอยู่ข้างๆเตียงชนะชัย ชัชฎานั่งคุยกับน้อยหน่าอย่างสนิทสนม ทุกคนหันมามองปราบงงๆที่เห็นเขาใส่เสื้อกราวน์ ปราบหันมาทางชัชฎา ขณะที่นับดาวเอาปราบเป็นกำบังไม่ให้ชัชฎาเห็นเธอ แอบส่งซิกให้คนอื่นๆ
 
“ผมเป็นหมอที่ดูแลคุณชนะชัยน่ะครับ จะมาบอกข่าวร้ายเรื่องผลเลือดของคุณชนะชัยน่ะครับ”
ทุกคนเงียบ แล้วก็ส่งเสียงหัวเราะดังลั่น ปราบกับนับดาวงง ปรายฟ้ายิ้มขำๆ
“คุณกับคุณนับดาว จะมาวางแผนให้คุณแม่ยอมรับฉันใช่มั้ย”
ปราบกับนับดาวหน้าเหวอ ชัชฎาพยายามกลั้นหัวเราะ
“น้อยหน่าเขาบอกก่อนแล้วล่ะ เขาบอกคุณสองคนหายไปนานแบบนี้ สงสัยพวกคุณคงเห็นฉันก็เลยหลบไปวางแผนอะไรกันซักอย่าง...เก่งจริงๆเลยหลานย่า”
ชัชฎากอดน้อยหน่าเข้าไปจุ๊บที่หน้าผาก นับดาวงงมาก มองหน้าชนะชัยแทนคำถาม
“ผมให้คุณแม่เลือกว่าจะยอมรับปรายฟ้าหรือไม่ ปรากฏว่าคุณแม่ยอมรับ”
“เอ่อ...อ๋อ อย่างงี้นี้เอง”
นับดาวยังงงๆ ไม่อยากเชื่อ ชัชฎามองหน้านับดาวยิ้มๆ
“ไม่ต้องงงหรอกจ้ะหนูดาว ยอมได้ก็ยอม จะไปแข็งขืนอะไรกัน คนเขารักกันจริง เวลาผ่านมา
สิบกว่าปียังรักกันอยู่ ไม่ยอมได้ไง จริงไหมจ๊ะ...ดีจังนะเราเนี่ย พ่อกับแม่รักกันซะขนาดนี้”
ชัชฎาหันไปแหย่น้อยหน่า ชนะชัยกระซิบกับปราบและนับดาวเบาๆ
“แม่ผมหลงเสน่ห์น้อยหน่าเข้าเต็มเปาเลยครับ อะไรก็ยอมหมด”
ปราบกับนับดาวหันไปมองชัชฎากับน้อยหน่า ปราบมองอย่างงงๆ
“ยัยแก่นเซี้ยวเนี่ยนะ”
ชนะชัยยิ้มร่าสบายใจ
“นั่นแหละครับ เขาชอบมาก”

น้อยหน่ามาส่งชัชฎาที่รถ
“วันที่พ่อเราเขาออกจากโรงพยาบาล น้อยหน่าไปบ้านย่าไหม ไปค้างคืนเลยก็ได้นะ”
“ค่ะ แต่ให้แม่ไปด้วยนะคะ”
“ไปสิจ๊ะ”
ชัชฎากอดน้อยหน่า
“สวัสดีค่ะ”
น้อยหน่ายกมือไหว้ ชัชฎายิ้มรับไหว้ แล้วขึ้นรถ น้อยหน่าเดินกลับออกไป มือถือดังขึ้น ชัชฎาดูชื่อโทรเข้าแล้วรีบรับสาย
“ว่าไง...อะไรนะ...ถ้าเขาเช็คบัญชีเมื่อไหร่ก็รู้เมื่อนั้น แล้วก็คงฟ้องร้องด้วย...เดี๋ยวฉันจะลองหาทางถ่วงเวลาไว้ก่อน”
ชัชฎาขับรถออกไป

ค่ำนั้น…ปราบกับนับดาวกินข้าวด้วยกันอยู่ในร้านอาหาร
“คุณไปคุยกับคนที่ซื้อที่ฉันไปรึยัง”
ปราบพยักหน้า
“เขาว่าไงบ้าง”
“เขายอมขายคืนให้คุณ”
นับดาวยิ้ม
“เท่าไหร่”
“สองเท่าของที่คุณขายให้เขา”
นับดาวตกใจ
“อะไรนะ จะบ้าเหรอ จะเอากำไรอะไรขนาดนั้น สองเท่าเชียวเหรอ ทุเรศ หน้าเลือด ยังมีความ
เป็นคนรึเปล่าเนี่ย”
“หรือจะให้ขายคืนราคาเดิมก็ได้ แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไร”
“ชื่อเจ้าของที่ต้องเป็นชื่อผม”
นับดาวชะงัก เพ่งมองหน้าปราบ
“คุณฮั้วกับเขาใช่ไหม...นี่ใช่มั้ยวิธีที่คุณจะฮุบที่ดินของพ่อฉันไปคนเดียว”
“ก่อนพูดน่ะ กรุณาคิดก่อนซักนิดนะ ว่าใครดิ้นรนจะขายที่ แล้วใครไม่อยากให้ขาย แล้วมาหา
ว่าผมวางแผนหลอกคุณเนี่ยนะ”
“ที่คุณไม่อยากขายตอนแรก คุณอาจจะแกล้งเพื่อหลอกให้ฉันตายใจก็ได้”
“เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้วคุณนี่”
“พวกคุณมีแผนอะไรกันแน่”
“ไม่มีแผนอะไรทั้งนั้น ก็แค่คุณมาอยู่ที่ไร่นี่จริงๆสิบปี ผมก็จะโอนที่ให้คุณ”
“ฝันไปเหอะ ฉันไม่ชอบให้ใครมาบังคับฉัน...ฉันจะโทรคุยกับทนายของเขาเอง”
ปราบแบมือเป็นเชิงตามใจ อยากทำอะไรก็ทำ

นับดาวกลับมาที่บ้าน เจออลิสาอยู่กับถุงช้อปปิ้งมากมาย
“อะไรคะเนี่ย ช้อปกระจายอะไรขนาดนี้คะคุณน้าอะซ่า”
“คอลเล็กชั่นใหม่ๆทั้งนั้นเลยนะจ๊ะ”
อลิสาเอาสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลายให้ดู นับดาวไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่
“สวยจังเลยค่ะ...ไอ้นั่นก็สวย..อุ๊ย ไอ้นี่ก็สวย”
“ชอบใช่ไหมล่ะ น้าช็อปมาให้เธอเลยน่ะนับดาว”
นับดาวเงียบไป
“ดาวไม่เอาหรอกค่ะ น้าอะซ่าเก็บใช้เถอะค่ะ”
“ทำไมล่ะ ดาวเคยชอบไม่ใช่เหรอ ใส่ไปโชว์งานวันเกิดหม่อมมะรืนนี้ไง”
“ดาวไม่ไปหรอกค่ะ ดาวบอกแล้ว ดาวเบื่อ เราคุยกันจบแล้วนี่นา”
อลิสาเงียบไป
“น้าอะซ่าขายหุ้นแล้วใช่ไหมคะ ดาวจะเอาเงินไปซื้อที่คืน”
“ยัง หุ้นกำลังขึ้น น้าเลยยังไม่ขาย รอให้ได้ราคาดีที่สุดก่อน”
นับดาวมอง รู้สึกน้าสาวเปลี่ยนไป
“งั้นน้าขายส่วนของดาวก่อนก็ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะดาว ใจเย็นอีกนิดเราก็จะได้เงินเยอะขึ้นนะ”
“ดาวไม่ต้องการเงินเยอะๆแล้วล่ะค่ะ”
“ทั้งหมดนี้ เพราะนายปราบใช่มั้ย”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“เธอรักนายปราบจนเพี้ยนไปแล้ว หรือไม่ก็นายนั่นปราบนั่นแหละที่ปั่นหัวเธอจนเธอเปลี่ยนไป
ขนาดนี้”
“ไม่มีใครเปลี่ยนใครหรอกค่ะน้าอะซ่า”
“ดาว เธอแค่หน้ามืดตามัวไปชั่วคราว เธออย่าทำอะไรที่เธอต้องเสียใจภายหลังเลย เชื่อน้าเถอะ น้าขอร้องนะ อยู่กับน้าต่อไปเถอะ”
อลิสาร้องไห้ เข้ามากอด นับดาวพูดไม่ออก อลิสาคิดอะไรบางอย่างในใจ

เอมี่นั่งกดสมาร์ทโฟน ทำอะไรสักอย่าง คนรับใช้เดินเข้ามาหา
“คุณเอมี่คะ มีคนมาหาค่ะ”
“ใคร”
“เขาบอกเขาชื่ออลิสาค่ะ”
เอมี่ขมวดคิ้ว

สาวใช้เดินนำเอมี่เข้ามาที่ห้องรับแขก แปลกใจมากที่เจออลิสา
“สวัสดีจ้ะเอมี่”
เอมี่มองอลิสา ท่าทางไม่ไว้ใจ หันมาถามสาวใช้
“ตรวจค้นอาวุธเขารึยัง”
“ไม่ต้องหรอก วันนี้มาดีจ้ะ”
เอมี่โบกมือให้สาวใช้ออกไป
“สวัสดีค่ะน้าอะซ่า ไม่ทราบยัยดาวตัวแสบมีธุระอะไรกับเอมี่เหรอคะ ถึงกับต้องให้น้าอะซ่าบุกมาหาเอมี่ถึงที่นี่”
“นับดาวไม่รู้เรื่องหรอก น้ามาเอง...น้าจะมาขอความช่วยเหลือเอมี่ ลำพังน้าเองคงทำไม่สำเร็จหรอก”
“เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ทำลายความรักของนับดาว”
เอมี่ดูสนใจขึ้นมาทันที...อลิสาเล่าทุกอย่างให้เอมี่ฟัง เอมี่ขบคิด วางแผน ซักถามเพิ่มเติม อลิสาตอบหมดทุกอย่างไม่มีกั๊ก...อลิสาเล่าจบ
“เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะจ๊ะ”
เอมี่ยิ้มร้าย
“เอมี่ไม่มีวันยอมให้ยัยดาวหนีไปมีความสุขแบบนั้นหรอกค่ะ มันต้องอยู่กับเอมี่ อยู่ในสังคมที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน ไม่มีความจริงใจ ห้ามเผลอ เผลอเป็นโดนเชือด เพราะฉะนั้น เอมี่จะช่วยน้าอะซ่าทำลายความรักของมันซะ”
อลิสายิ้มโล่งอก แล้วก็แทบผงะ เมื่อเห็นเอมี่นั่งขัดสมาธิ เอาน้ำลายทานิ้วแล้ววนๆที่หัวสองข้าง
“ทำอะไรน่ะ”
“ใช้หมองนั่งมาติ๊ไง”
เอมี่หลับตาลงนั่งสมาธิ

นับดาวกับปราบ นั่งคุยกับทนาย ในร้านกาแฟ ทนายบอกกับนับดาว
“ผมจะเป็นทนายเป็นตัวแทนของเขา เพราะฉะนั้นคุณคุยกับผมได้ทุกเรื่อง”
“ลูกค้าคุณเป็นใครบอกได้มั้ย คนที่ซื้อที่ฉันไปน่ะ”
ทนายหยิบเอกสารออกมา
“ในเอกสารก็มีชื่อเขานี่ครับ”
“ฉันหมายถึงว่านายคุณเขาเป็นใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน นึกไงถึงมาซื้อที่ของฉัน”
“อันนั้นบอกไม่ได้ครับ”
“เชอะ แล้วไหนบอกคุยได้ทุกเรื่อง”
ปราบตัดบท
“เข้าเรื่องเถอะคุณดาว อย่าเสียเวลาเลย”
“บอกนายคุณฉันจะขอซื้อที่คืน”
“ผมบอกเงื่อนไขให้คุณปราบรับรู้แล้ว”
“ผมบอกเขาไปแล้ว”
“งั้นก็ตามนั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
นับดาวรีบขัด
“แต่ฉันมี”
ทนายแปลกใจ
“มีอะไรครับ”
“ตอนนี้ฉันเหลือเงินครึ่งนึง ดังนั้นจะขอซื้อที่คืนครึ่งนึง”
ทนายหัวเราะ แต่นับดาวหน้านิ่ง ไม่หัวเราะด้วย
“เอาจริงเหรอ”
นับดาวหน้าตาจริงจัง
“จริง”
ทนายเงียบไปครู่หนึ่ง
“ได้ ผมจะบอกนายผมให้ แล้วจะติดต่อคุณอีกที”
ทนายเดินออกไป ปราบหันมาถามนับดาว
“คุณไม่เห็นบอกผมเลยว่าเหลือเงินครึ่งนึง”
นับดาวถอนใจนิดนึง
“ฉันแบ่งเงินกับน้าอะซ่าคนละครึ่ง ฉันจะย้ายมาอยู่ที่ไร่นี่ ส่วนน้าอะซ่าเขาสมัครใจอยู่กรุงเทพเหมือนเดิม”
“คุณตัดสินใจแน่แล้วเหรอ”
“แน่ที่สุด แต่พอน้าอะซ่าขอร้องว่าอย่าทิ้งเขาไป ฉันก็พูดไม่ออก ไม่รู้จะบอกยังไง แต่ฉันไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตนับดาวแบบเดิมๆอีกแล้ว”
“เรื่องคุณกับน้าอะซ่าผมคงยุ่งอะไรไม่ได้...แต่เรื่องที่ ถ้าเขาไม่ขาย คุณจะมาซื้อที่ไร่ปรีดาก็ได้นะ”
“ขอบคุณมากที่คุณให้โอกาสฉัน แต่ฉันอยากอยู่ในที่ของพ่อฉัน ทำความฝันของพ่อฉันให้เป็นจริง...ถึงจะครึ่งนึงก็ตาม”
นับดาวมุ่งมั่นจนปราบรู้สึกทึ่ง
 
โปรดติดตามตอนต่อไป เวลา 17.00น.

หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 13 (ต่อ)
 

เอมี่กับอลิสาแอบโผล่หน้าออกมาจากรถตู้คันหนึ่ง ที่จอดอยู่ในที่จอดรถของร้านกาแฟ ทั้งสองมองซ้ายมองขวา เห็นปลอดคน อลิสาและชายฉกรรจ์ 3 คนก็ลงจากรถทันที อลิสาชี้ไปที่รถนับดาวและปราบ ชายฉกรรจ์คนหนึ่งไปปล่อยลมยางรถนับดาว ส่วนอีกสองคนไปที่รถปราบ ช่วยกันงัดๆอยู่ครู่หนึ่ง จนกระจกรถเลื่อนลง มีช่องเล็กๆด้านข้างคนขับ ก็หยิบผ้าสีชมพูช็อคกิ้งพิงค์หย่อนลงไป แล้วดันกระจกกลับที่เดิม

นับดาวกับปราบเดินออกมาพอดี เอมี่ที่ดูต้นทางอยู่กดแตรปิ๊น ชายฉกรรจ์ทั้งสามกับอลิสาหันไปมองเจอปราบกับนับดาว อลิสาตกใจมากๆ รีบวิ่งกลับมาที่รถตู้ อารามรีบร้อนสะดุดหกล้ม ชายฉกรรจ์เกือบเหยียบซ้ำ ดีว่าโดดข้ามไปได้ อลิสารีบลนลานลุกขึ้น วิ่งขึ้นรถตู้ ปิดประตู ก่อนที่นับดาวจะทันเห็นเธอ
“ขอบคุณนะที่มาเป็นเพื่อนฉันน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ด้วยความยินดีครับ”
“บ๋ายบายค่ะ”
ปราบโบกมือตอบ นับดาวกำลังจะเดินขึ้นรถ ก็สังเกตเห็นล้อที่แฟบ
“อุ๊ย...”
ปราบได้ยินเสียงก็เดินมาดู
“ทำไมแบนแต๊ดแต๋งี้ล่ะครับคุณดาว”
ปราบมองๆนับดาว เธอฉุนกึก เท้าสะเอว แอ่นอกนิดๆ
“พูดถึงอะไรเหรอคะ”
“ยางรถไงครับ”
“แล้วไป...ฉันจะไปรู้เหรอ สงสัยทับตะปูมามั้ง”
“งั้นเดี๋ยวขึ้นรถผมก่อนละกัน เดี๋ยวผมไปหาช่างให้เขาเอายางมาเปลี่ยน”
ปราบกดรีโมตเปิดประตู เดินขึ้นรถ นับดาวขึ้นอีกด้าน รู้สึกนั่งทับอะไรอยู่ หยิบออกมาดู เป็นกางเกงในผู้หญิงช็อกกิ้งพิ้งค์ ปราบหันมาเจอพอดี สะดุ้งโหยง
“คุณถอดออกมาเมื่อไหร่เนี่ย”
“บ้า ของฉันเมื่อไหร่ล่ะ มันอยู่บนเบาะรถคุณย่ะ...เอ้า เอาไปคืนเจ้าของเขาด้วย”
นับดาวปากางเกงในใส่ ปราบร้องลั่น
“เฮ้ย ผมไม่รู้เรื่อง ผมไม่เคยพาผู้หญิงขึ้นมาทำอะไรบนรถ”
“อ๊ะ หรือของผู้ชาย”
“ผู้ชายก็ไม่มี”
“หรือว่าของคุณ”
“ไปกันใหญ่แล้ว...สงสัยอาป้องคงเอารถผมไปใช้มั้ง เดี๋ยวผมเอาไปคืนเขาเอง”
นับดาวเหล่ปราบนิดนึง แต่ไม่ได้พูดอะไรอีก ปราบขับรถออกไป ในรถตู้ อลิสากับเอมี่เฝ้าดูอยู่ อลิสาแปลกใจ
“แปลกแฮะ ยัยดาวใจเย็นกว่าที่น้าคิดไว้อีก”
“เดี๋ยวสิคะ นี่มันแค่หย่อมความกดอากาศต่ำ...แต่เดี๋ยวเป็นไต้ฝุ่นแน่ๆ ว่าแต่น้าอะซ่าหารถเช่าให้เอมี่ได้รึยังคะ”
“ได้แล้วจ๊ะ หาไม่ยากเท่าไหร่”
“เหมือนแน่นะ”
“เป๊ะเลย น้าให้คนทำทะเบียนปลอมให้แล้วด้วย”
“เยี่ยมเลยค่ะ” เอมี่ยิ้ม

เอมี่นั่งรออยู่ที่ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้า กดเอสเอ็มเอส ข้อความว่า ok แต่ยังไม่ได้กดส่ง รอเวลาอยู่
สุนทรีเดินเข้ามา
“คุณสุนทรีคะ ดิฉันเอมี่ค่ะ สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะคุณเอมี่ แหม ตัวจริงสวยกว่าในจออีกนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ...พอรู้ว่าคุณสุนทรีอยู่กรุงเทพ เอมี่ก็รีบขอนัดเลย โชคดีจังที่คุณสุนทรีว่าง”
“ไม่เป็นไรค่ะ แหม คนดังอย่างคุณเอมี่ขอนัด ยังไงก็ต้องว่างค่ะ”
เอมี่หัวเราะ
“เข้าเรื่องเลยละกันนะคะ คือเอมี่อยากหาสถานที่ภาพยนตร์พรีเซ้นต์แฟชั่นนิวคอลเล็คชั่นน่ะค่ะ พอดีมีน้องเอารูปรีสอร์ตของคุณสุนทรีมาให้ดู มันเป๊ะมากเลยค่ะกับคอนเซ็ปแฟชั่น เอมีเลย อยากไปถ่ายที่นั่นไม่ทราบคุณสุนทรีด้วยว่าสะดวกไหมค่ะ”
“ไม่น่าจะมีปัญหานะคะ แต่อยากรู้เหมือนกันว่าจะถ่ายแนวไหน แฟชั่นเป็นแบบไหน”
“เดี๋ยวเอมี่เอารายละเอียดให้ดูค่ะ”
เอมี่เปิดกระเป๋าทำทีเป็นค้นหาของแต่หาไม่เจอ
“อุ๊ยตายแล้ว เอมี่ลืมไว้ในรถแน่ๆเลย”
“คุณเอมี่ไปเอาก่อนก็ได้ค่ะ ฉันรอได้”
“แต่เอมี่ไม่มีเวลาน่ะสิคะ เอมี่มีนัดต่อด้วย”
“งั้นฉันไปดูที่รถคุณเอมี่เลยก็ได้ค่ะ จะได้ประหยัดเวลา”
“งั้นเหรอคะ เอมีเกรงใจจังเลยค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงจงเกรงใจหรอกค่ะ เวลาคุณเอมี่สำคัญกว่า”
เอมี่กดส่งเอสเอ็มเอส

อลิสาเดินอยู่ในลานจอดรถกับนับดาว
“ทำไมวันนี้ชวนมาช็อปซะไกลขนาดนี้ล่ะคะ น้าอะซ่า”
“เขาบอกว่ามันเหมาะ”
“เขานี่ใครคะ”
“เอ๊ย...เขาไหน น้าพูดว่าน้าว่ามันเหมาะดี ร้านอาหารอร่อยๆเยอะดีน่ะจ้ะ”
ทันใดนั้นมือถืออลิสาส่งสัญญาณมีข้อความเข้า อลิสากดดูแว่บหนึ่ง เห็นข้อความ ok

เอมี่ สุนทรีอยู่ในรถ ที่จอดอยู่ เป็นยี่ห้อ รุ่น สี เดียวกับของปราบ ทะเบียนเดียวกันด้วย ในรถมีข้าวของมากมาย กองสุมกันอยู่
“ขอโทษนะคะ รถรกนิดหนึ่งนะคะ...เอ อยู่ไหนนะ”
เอมี่ทำเป็นรื้อๆ สุนทรีนั่งฝืนยิ้มอยู่ หยิบผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อ
“เปิดแอร์ก่อนไหมคะ”
“ขอโทษทีค่ะ แอร์เสีย คุณสุนทรีรอแป๊บนึงนะคะ”
อลิสาพานับดาวเดินมาแต่ไกล อลิสารีบพูดขึ้น
“เอ๊ะ รถคันนั้นดูคุ้นๆนะ”
“รถคุณปราบนี่คะ”
“ไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง”
“ใช่ค่ะ ทะเบียนก็ใช่ ดาวจำไม่ผิดหรอกค่ะ”
ในรถเอมี่มองด้วยหางตา เห็นอลิสากับนับดาวไกลๆกำลังเดินมา เอมี่แกล้งรื้อของที่อยู่ข้างล่างสุดของปึ๊งเอกสาร ออกแรงขย่มตัวจนรถโคลงไปมา สุนทรีมองๆ
“มีอะไรให้ฉันช่วยมั้ยค่ะ”
“ดีเลยค่ะ ช่วยเอมีหาหน่อยนะคะ”
“ค่ะๆ”
สุนทรีช่วยเอมี่ รื้อๆ อลิสากับนับดาวมองไปที่รถของปราบอย่างงงๆ
“แล้วทำไมรถมันขย่มอย่างงั้นล่ะ”
อลิสาแกล้งทำหน้าตื่น
“หรือว่ารถผีสิง”
“สงสัยคุณปราบคงอยู่ในรถน่ะคะ”
นับดาวเดินลิ่วไปไม่รออลิสา เอมี่กับสุนทรีช่วยหันรื้อหา รถโคลงไปมา เอมี่แกล้งเบียดชนสุนทรี จนผมที่เกล้าอยู่หลุดออกมา
“ว้าย ขอโทษค่ะ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ”
เอมี่เห็นนับดาวเดินใกล้เข้ามา เอมี่ออกแรงขย่มรถแรงสุดๆอีก 3 -4 ครั้ง จนสุนทรีงง
“ฮึ๊บๆๆ...ย้าก”
ครั้งสุดท้าย เอมี่ใส่หมดแรงจนรถยวบ แล้วเอมี่ก็หมดแรงหอบแฮ่ก ดึงเอกสารออกมาได้ สุนทรีตอนนี้ก็หอบเหมือนกัน เหงื่อเต็มใบหน้า
“ได้แล้วใช่ไหมคะ”
“ในที่สุดก็หาเจอ”
“ลงจากรถก่อนเถอะค่ะ ร้อนจังเลย”
เอมี่ไหว้สุนทรี
“เอมี่ขอโทษนะคะ เอมี่ต้องรีบไปแล้วล่ะ เอมี่ฝากคุณสุนทรีดูรายละเอียดก่อนนะคะ แล้วเอมี่
โทรหานะคะ”
“เอางั้นก็ได้ค่ะ”
เอมี่ยิ้มแล้วยกมือไหว้ สุนทรีรับไหว้ ลงจากรถ นับดาวเดินใกล้เข้ามา แต่แล้วก็ชะงัก เมื่อเห็นสุนทรีลงมาในสภาพเหงื่อเต็มหน้า หัวยุ่งกระเซิง สุนทรีสูดอากาศ ท่าทางหอบๆ ถือแฟ้มเดินเข้าไปในห้าง นับดาวตะลึงอึ้ง อลิสาวิ่งตามมา
“เอ๊ะ นั่นคุณสุนทรี ใช่ไหม เขาเข้าไปทำอะไรในรถคุณปราบ หรือว่า...”
นับดาวพูดอะไรไม่ออก เอมี่กดกระจกรถลงนิดหนึ่ง ทิ้งของลงไป แล้วถอยรถ ขับออกไปอย่างรวดเร็ว อลิสาทำเป็นห่วงเป็นใยหลานสาว
“ดาว เป็นอะไรรึเปล่า”
“เอ่อ...”
“ดาวคิดเหมือนที่น้าคิดใช่ไหม”
นับดาวเงียบ อลิสาทำเป็นมองเห็นบางอย่าง
“เอ๊ะ มีอะไรตกอยู่ด้วย”
อลิสาลงจากรถ เดินไปตรงที่ที่รถปราบจอดอยู่เมื่อครู่ นับดาวเดินตามมา
“ว้าย...”
นับดาวตามมา มองเห็นซองถุงยางตกอยู่ซองหนึ่ง อลิสามองไปเห็นอีกซอง อยู่ห่างออกไป
“ตายแล้ว นึกว่าแค่หนึ่งแต่มีถึงสอง”
นับดาวจ๋อย อลิสาเห็นหน้าหลานสาวแล้วแอบรู้สึกผิด

นับดาวกับอลิสาเดินเข้ามาในบ้าน
“ดาว เป็นอะไรรึเปล่า หน้าตาดูไม่ดีเลย”
“ดาวปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”
นับดาวเดินเข้าไปในห้อง ปิดประตู อลิสามองตามไป
“ขอโทษนะดาว...น้าทำด้วยความหวังดีนะ”

เอมี่นั่งฟังอลิสาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก็ยิ้มสะใจ
“น้าไม่สบายใจเลย น้ารู้สึกว่าเขาไม่แสดงออกก็จริง แต่เขาคงรู้สึกเจ็บปวดมาก”
“แหม น้าอะซ่าคิดมากไปแล้วค่ะ โตป่านนี้แล้ว เรื่องแค่นี้ สิวๆ”
“เธอไม่รู้อะไร นับดาวเขามีข่าวเป็นแฟนกับคนนู้นคนนี้ แต่คนที่เขารักจริงๆน่ะ น้าบอกได้เลยว่าไม่มี คุณชนะชัยก็ไม่ใช่”
“จริงดิ ขนาดนั้นเลยเหรอ วู้ สะใจ”
“แล้วอย่างงี้เขาคงไม่ซื้อที่ ไปอยู่ข้างๆปราบแล้วใช่มั้ย”
“ตอนนี้ในใจคงทั้งเกลียด ขยะแขยงแล้วก็ไม่อยากเห็นหน้าคุณปราบเลย แต่เพื่อความชัวร์ เอมี่
จะจัดให้อีกดอก”
“ทำไงเหรอ”
“เอมี่จะไปจ้างนักแสดงที่หน้าตารูปร่างใกล้เคียงกับคุณปราบกับคุณสุนทรี แล้ววางแผนให้ควง
กันเข้าม่านรูดให้นับดาวเห็น ไกลๆหน่อยก็ได้ รับรองคราวนี้กระอักโลหิตแน่ๆ ฮ่าๆๆ”
“เอ่อ จะเล่นกันขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“ใจอ่อนไม่ได้นะคะ ฟันต้องฟันให้ขาด เข้าใจไหมคะ”
“จ้ะ”
อลิสาถอนใจ แล้วก็เอะใจ เมื่อมองไปเห็นทีวีที่เปิดทิ้งไว้อีกห้องหนึ่ง คนใช้นั่งดูอยู่ บนจอทีวีมีภาพนิ่งของชัชฎา เอมี่หันมองตามไป
“เอ๊ะ แม่คุณจ๊อบนี่นา”
เอมี่กับอลิสาเดินเข้ามาดูด้วยกัน เอมี่กดเร่งเสียง
“ตอนนี้กรรมการตลาดหลักทรัพย์จึงสั่งหยุดการซื้อขายหุ้นเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะสอบสวนเรื่องความผิดปกติที่ได้รับแจ้งมาให้กระจ่างเสียก่อน ส่วนเรื่องผู้บริหารนั้นมีกระแสข่าวว่าเป็นเพียงนอมินี ส่วนผู้บริหารตัวจริงคือนางชัชฎา สุทธิการุณ นักธุรกิจหญิงแกร่งในวงการอสังหานั่นเอง”
อลิสาหน้าตื่น อึ้งช็อค
“หยุดการซื้อขาย...”
เอมี่หันมามองหน้าอลิสา
“อุ๊ยตายละ อย่าบอกนะคะว่าน้าอะซ่าถือหุ้นของเขาอยู่ด้วย”
“ค่ะ”
“แย่แล้วค่ะ คือก่อนหน้านี้ซัก 2-3 วันมีข่าวว่าบริษัทคุณชัชฎาน่ะมีแต่เปลือก ข้างในเน่าเละกลวงโบ๋เบ๋หมดแล้ว เขาพยายามปิดบังเรื่องนี้ไว้ ในที่สุดก็ไม่รอด...โดนสั่งแขวนแบบนี้เปิดมาราคาก็คงดิ่งเหวเลยล่ะค่ะ... น้าซื้อไปเท่าไหร่คะ ว๊าย น้าอะซ่าคะ”
อลิสาเป็นลม เอมี่ตกใจ เรียกคนใช้รีบช่วยกันดูแลอลิสา
 
โปรดติดตามตอนต่อไป
 


หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ ตอนที่ 13 (ต่อ)
 
 
อลิสารู้สึกตัวอีกทีที่บ้าน นับดาวคอยดูแลอยู่
“เป็นไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ...นี่น้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เอมี่โทรมาบอกให้ไปรับค่ะ ก่อนหน้าดาวจะไป เอมี่ก็เรียกหมอมาดูน้าอะซ่าแล้ว หมอบอกไม่มีอะไร ดาวเลยพาน้ากลับมาที่นี่...น้าไปทำอะไรที่บ้านเอมี่คะ”
อลิสาตอบอ้อมแอ้ม
“น้าได้ยินข่าวลือเรื่องบริษัทคุณชัชฎา ก็เลยไปคุยกับเอมี่ จนรู้ความจริงแต่ก็ทำอะไรไม่ทันแล้ว ดาวดูข่าวรึยัง”
“ดาวรู้เรื่องแล้วค่ะ”
อลิสาร้องไห้
“น้าขอโทษ น้าไม่น่าโลภมากเลย ถ้าน้าขายหุ้นไปซะตั้งแต่ตอนนั้น...โธ่ เงินตั้งสามร้อยล้าน เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เรามีอยู่...”
“ช่างมันเถอะค่ะ”
“ดาว...เงิน 300 ล้าน...300 ล้านเชียวนะ ช่างมันได้ยังไง”
“แล้วเราจะไม่ช่างมันได้ยังไงล่ะคะ”
“แต่เราไม่เหลืออะไรแล้วนะ”
“ครั้งที่แล้วเราก็เป็นอย่างนี้ เราก็ผ่านมาได้ไม่ใช่เหรอคะ”
“แต่ครั้งที่แล้วเรายังมีที่ดินของพ่อเธออยู่ เรายังมีความหวังที่จะแต่งงานกับคุณจ๊อบ แต่ตอนนี้เราไม่มีที่ดินแล้ว คุณจ๊อบก็พึ่งไม่ได้”
“อย่างน้อยเราก็ยังไถ่บ้านหลังนี้กลับมาได้ แล้วที่สำคัญ น้าอะซ่าก็ยังมีดาว ดาวยังมีน้า ไม่ใช่
เหรอคะ”
“แต่...เธอก็กำลังจะทิ้งน้าไป”
“ดาวคงไม่ไปอยู่ที่นั่นแล้วล่ะค่ะ”
อลิสาเงียบไป
“เพราะนายปราบใช่มั้ย”
“ทำไมน้าคิดอย่างนั้นล่ะคะ”
“เอ่อ...น้าเห็นดาวดูแปลกๆไปตั้งแต่เมื่อวาน เลยเดาเอาน่ะ”
“อย่าพูดถึงเขาเลยค่ะ”
อลิสารู้สึกผิด แต่ก็ได้แต่เงียบ
“เรื่องหุ้นน่ะช่างมันเถอะค่ะ ได้คืนก็ดี ถ้าไม่ได้ก็ช่างมัน น้าอย่าลืมสิคะ เงิน 300 ล้านน่ะเรา
ได้มาจากการขายที่ที่เราไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอยู่ ตอนนี้มันหายไป ก็เหมือนเรากลับมาจุดเดิมแค่นั้นเอง แถมก่อนหน้านี้น้าก็ซื้อของเข้าบ้านมาตั้งหลายอย่าง เราก็เอาไปจำนำได้ แล้วดาวก็รับงานเซเล็บจากพี่ฟู่ กลับมาสู่ชีวิตแบบเดิมของเราไงคะ”
นับดาวกอดปลอบน้าสาว อลิสาได้แต่ถอนใจแต่ก็ยังยิ้มออก โดยไม่เห็นสีหน้าเศร้าๆของนับดาว

ในงานเปิดตัวสินค้าแห่งหนึ่ง...เอมี่ยืนโพสต์ท่าให้นักข่าวถ่ายรูปก่อนเข้างานหลังถ่ายรูปเสร็จ สื่อก็ยื่นไมค์มา
“ตอนนี้เราติดต่อคุณนับดาวไม่ได้เลย ในฐานะเพื่อนสนิท พอรู้ข่าวคราวอะไรบ้างไหมคะ คุณเอมี่แสนหวาน”
“เพื่อนนับดาวน่ะเหรอคะ...โฮะๆๆ...ตอนแรกเอมี่ก็งง ว่าทำไมเพื่อนดาวเผ่นออกงานวิวาห์แบบ
นั้น อ๋อ เพื่อนดาวคงได้กลิ่นอะไรตุๆก่อน ก็เลยชิ่งซะก่อนจะเกิดเรื่องบริษัทเจ๊งกะบ๊ง แต่ได้ข่าวว่าถอนตัวได้แต่ถอนเงินไม่ทันนะคะ จมไปเกือบสามร้อยล้าน ตอนนี้คงนอนเครียด น้ำย่อยไหลย้อนขึ้นหัว เป็นไมเกรนจี๊ดๆ ทำอะไรไม่ถูก พี่นักข่าวอย่าเพิ่งไปรบกวนเขาเลยดีกว่านะค่ะ”
นับดาวเดินแหวกสื่อออกมา อลิสาตามมาด้วย
“แค่สามร้อยล้านยังไม่เป็นไมเกรนหรอกจ๊ะ แต่โดนคนเม้าท์มอยลับหลังน่ะ เครียดกว่าเยอะเลย”
เอมี่ทำหน้าเซ็ง
“นี่เมื่อไหร่แกจะเลิกโผล่มาแบบนี้ซะที ปล่อยฉันโซโลจนจบงานมั่งได้มั้ย”
“แบบนั้นจะไปมันส์อะไร แกคนเดียวขายไม่ออกหรอกย่ะ มันต้องมีฉันเป็นแพคเกจคู่”
“งั้นไปอยู่ด้วยกันที่บ้านฉันเลยมั้ยล่ะ บ้านแกเอาไปปล่อยให้ฝรั่งเช่าก่อน แกจะได้มีเงินใช้”
“ต๊าย ใจกว้าง แต่บ้านแกน่ะฉันอยู่ไม่ได้หรอก ใหญ่โตก็จริงแต่รสนิยมการแต่งบ้านของแกเนี่ย...เฮอะๆ เขาเรียกทัศนะอุจาด ถ้าจะให้อยู่คงต้องหลับตาปี๋ตลอด 24 ชั่วโมงถึงจะอยู่ได้”
“ไม่ต้องห่วง ห้องน้ำคนใช้บ้านฉันน่ะ แกอยู่ได้แน่ๆ เพราะฉันเอารูปกากๆที่แกหลอกขายให้ฉันครั้งที่แล้วไปติดไว้ในนั้น เบิ่งตาดูได้ทั้งวันเลยล่ะจ้ะ เป็นคติธรรมว่าบาปกรรมมีจริง หลอกขายของ 30 ล้าน สุดท้ายตัวเองต้องเจ๊ง 300 ล้าน ฮะๆๆ”
นับดาวถลึงตามอง เอมี่จ้องตอบ นักข่าวถ่ายรูปกันพึ่บพั่บ อลิสายิ้ม รู้สึกมีความสุขชีวิตแบบเดิมๆกลับมาอีกครั้ง

ปราบนั่งดูวิวอยู่คนเดียว ปรายฟ้าเดินมาหา
“เป็นอะไรนี่ มานั่งเหม่ออยู่คนเดียว”
“ก็นั่งปล่อยใจดูบ้าง...คุณจ๊อบ เป็นไงบ้าง”
“ก็ไม่มีอะไรมาก เรื่องคดีก็ว่ากันไป แต่เขาบอกแม่เขาคงรอด เพราะป้องกันตัวเองไว้หลายชั้น”
“ล้มบนฟูกงั้นสิ”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่อาจจะรอดเรื่องกฎหมาย แต่เจ็บน่ะเจ็บจริง ถึงขั้นหมดตัวได้”
“แล้วคุณจ๊อบล่ะ”
“จ๊อบเขามีเงินส่วนของเขาอยู่ เขาจะออกมาทำกิจการของตัวเอง ซื้อบ้านหลังเล็กๆสักหลังแล้วชวนฉันไปอยู่ด้วย”
“คุณว่าไงล่ะ”
“ฉันรับปากเขาไปแล้ว”
“ดีใจด้วยนะ”
“เขาอยากชวนน้อยหน่าไปอยู่ด้วย ถ้าคุณไม่ว่าอะไร”
“ผมก็คงแล้วแต่น้อยหน่า ให้เขาตัดสินใจเอง ถึงตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเขาโตพอจะคิดอ่านเองได้แล้ว”
ปรายฟ้ามองไป เพิ่งสังเกตเห็นว่าข้างตัวปราบเป็นนิตยสารก๊อซซิบ 2-3 เล่ม มีรูปนับดาวออกงานสังคมหลายงาน
“แล้วคุณดาวล่ะ เงียบไปเลยเหรอ”
“ผมโทรไปเขาก็ไม่รับสาย”
“แล้วทำไมไม่ไปหาเขาเลยล่ะ”
“เท่าที่เห็นเนี่ย เขาคงตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตแบบที่เขาชอบ เขาคงไม่กลับมาที่นี่อีกแล้วล่ะ”
“ปราบ ถ้าคุณไม่ไปหาเขา คุณอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้นะ”
ปรายฟ้าเดินจากไป ปราบนั่งนิ่ง
ขณะที่อลิสากับนับดาวนั่งดูทีวี นับดาวนั่งใจลอย
“คุณวงศกรนี่ไม่เจอแป๊บเดียวนี่ ดูแก่ลงตั้งเยอะเลยเนอะ น้าบอกให้ไปฉีดโบท็อกก็ไม่ยอม บอก
แก่ข้างนอกแต่ข้างในฟิตเปรี๊ยะ อันนี้สงสัยจะจริง ได้ข่าวว่าไปจีบนางเอกหนังอีกแล้ว ดาวได้ข่าวหรือเปล่า ท่าทางจะได้แอ้มด้วยนะ”
นับดาวนิ่ง ใจลอย
“ดาว...”
“คะ”
“เอ่อ...ไม่มีอะไรจ้ะ”
นับดาวหันไปมองนอกหน้าต่าง อลิสาชวนคุยต่อ
“แล้วพรุ่งนี้ไปปาร์ตี้ที่บ้านหญิงดึ๋งน่ะ ดาวจะไปทำผมใหม่มั้ย หญิงดึ๋งท่านชอบเปรี้ยวๆน่ะ ไปที่ร้านช่างดี้มั้ย ไม่ได้ไปหาเขาตั้งนานแล้ว...ดาว”
นับดาวหันมาช้าๆ ไม่กระตือรือร้นอะไร
“ไปก็ได้ค่ะ”
นับดาวเดินออกไป อลิสาจ๋อยไป

นับดาวกับอลิสาเดินออกจากลิฟต์ เดินผ่านล็อบบี้โรงแรม ปราบนั่งรออยู่แล้ว ลุกเดินมาหา
นับดาวอึ้ง นึกไม่ถึงว่าจะเจอเขา
“สวัสดีครับคุณดาว”
“ค่ะ”
“ผมโทรหาคุณตลอดแต่คุณไม่เคยรับสายเลย มีอะไรรึเปล่าครับ”
“ไม่ว่างค่ะ”
ปราบมองหน้านับดาว ไม่พูดอะไรอีก
“คุณปราบมีธุระอะไรกับฉันก็รีบพูดมาเถอะค่ะ ฉันต้องรีบไปทำงาน”
“ไหนคุณเคยบอกผมว่าอยากจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไร่...”
นับดาวตัดบท
“เปลี่ยนใจแล้วค่ะ มีอะไรอีกมั้ยคะ”
ปราบอึ้งไปครู่หนึ่ง
“คุณโกรธผมเรื่องอะไรเนี่ย บอกผมให้รู้ตัวหน่อยได้มั้ย”
“ไม่ได้โกรธ แต่ผิดหวัง และไม่คิดว่าคุณจะเป็นคนแบบนั้น”
“ผมเป็นคนแบบไหน”
“ตะกละ กินไม่เลือก ถ้าชอบเขาก็ควรจะทำให้มันถูกต้อง นึกถึงใจของตะวันวาดบ้างไหม”
ปราบงงๆ
“เกี่ยวอะไรกับตะวันวาดด้วย”
อลิสาที่เดินตามมากลัวความแตก รีบเข้ามาตัดบท
“พอเถอะดาว เรารีบไปเถอะ อย่ามาทะเลาะกันตรงนี้เลย ดีไม่ดีเดี๋ยวเจอพวกปาปารัสซี่ถ่ายคลิปไว้อีก”
นับดาวมองหน้าปราบ สะบัดหน้าเดินจากไป อลิสาแอบเป่าปากโล่งอก ปราบเซ็งไม่เข้าใจนับดาว

อลิสากับปกป้องคุยกันอยู่ในร้านกาแฟ
“เป๊บปี้ ถ้าฉันมีอะไรจะเล่าให้คุณฟัง ฉันไว้ใจคุณได้ไหม”
“คุณไว้ใจผมได้เท่ากับที่คุณไว้ใจตัวคุณเอง”
“แต่ฉันไม่ไว้ใจตัวเอง ฉันรู้สึกฉันเป็นคนเลว ฉันทำผิดกับนับดาวอย่างไม่น่าให้อภัย”
“ทำไมคุณว่าตัวเองแบบนั้นล่ะ”
“คุณอย่าเล่าให้ปราบฟังนะ”
“ผมรับปาก”
“นับดาวเขาอยากออกจากวงการ มาทำไร่ทำสวนแบบพ่อแม่เขา แต่ฉันดูออกว่าที่เขาตัดสินใจ
อย่างนั้นก็เพราะเขารักปราบ อยากอยู่ใกล้ๆปราบ ฉันเลยวางแผนให้นับดาวเข้าใจผิดกับปราบ ตอนนี้นับดาวก็เลยเปลี่ยนใจล้มเลิกความตั้งใจที่อยู่ที่ไร่ แต่สภาพจิตใจเขาน่ะสิ เขาดูเศร้าซึม หดหู่อย่างบอกไม่ถูกเลยน่ะค่ะ”
ปกป้องถึงกับอึ้งไป
“คุณทำผิดมหันต์เลยล่ะ คุณอะซ่า”
อลิสาหน้าเสีย
“ฉันรู้ตัว แต่ฉันไม่อยากให้ดาวไปจากฉัน ฉันไม่อยากไปใช้ชีวิตอยู่ไร่แบบนั้น แต่ไอ้จะอยู่คนเดียว ฉันก็ทำไม่ได้แน่ๆ ฉันไม่เก่ง ไม่มั่นใจตัวเองแบบดาว ฉันเลวมากใช่ไหมเป๊ปปี้”
“คุณไม่เลวมากเท่าไหร่หรอกอะซ่า คุณแค่เห็นแก่ตัว”
อลิสาเงียบไป
“ที่คุณบอกผมว่าคุณรักนับดาว...แต่ผมว่าคุณหวงเขามากกว่า เพราะเขาคือหลักประกันในชีวิตคุณ...อะซ่าที่รัก ผมจะบอกให้นะ ถ้าเรายังเป็นเด็กอยู่ เรามีพ่อแม่เป็นหลักประกันของเรา แต่พอเราโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ไม่มีใครเป็นหลักประกันให้เราได้แล้วล่ะ เราต้องเป็นหลักประกันให้ตัวเอง”
“ฉันทำไม่ได้...ฉันไม่เก่งพอ...ฉันจะทำยังไงดีคะเป๊บปี้”
“ลองคิดถึงใจและความรู้สึกของนับดาวดูบ้างสิ แล้วคุณจะรู้ว่าควรทำยังไง”
อลิสาเงียบไป


จบตอนที่ 13


โปรดติดตาม ตอนอวสานวันพรุ่งนี้เวลา 09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น