มาหยารัศมี ตอนที่ 6
สรรชัยเดินมาหยุดยืนระงับอารมณ์อยู่ที่มุมหนึ่งในบริษัท หน้าตาขื่นขมอมทุกข์หนัก ระหว่างนั้นแม่บ้านเดินเข้ามา พร้อมถาดจานอาหารที่ดุจแขสั่งไว้ ถามขึ้น
“คุณสรรชัยคะ...คุณดุจแขออกไปข้างนอกแล้วค่ะ...จะให้…”
สรรชัยรีบตัดบท “เอาไปกินด้วยกันเลยไป”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
แม่บ้านเดินออกไป สรรชัยไล่สายตามองไปด้านล่าง เห็นดุจแขขึ้นรถไปกับจารุณี สรรชัยหน้าขื่นขม ขบกรามแน่น
จารุณีขับรถ มีดุจแขนั่งมาด้วย ดุจแขหน้าตาน่ากลัว ขณะฟังจารุณีเล่า
“ที่ฉันไปสืบรู้เพิ่มเติมก็คือ มันเป็นข้อตกลงตั้งแต่สมัยพ่อแม่ของคุณชาย ที่จะให้ลูกแต่งงานกันแต่ฉันก็ไม่รู้นะว่าทำไมถึงได้เป็นคุณเพ็ญประกายไปซะได้”
“จะใคร ฉันก็ไม่ยอมทั้งนั้น”
ดุจแขเสียงกร้าว ตาวาวโรจน์
จารุณีจอดรถที่หน้าบ้านเมิน บอกดุจแข “ฉันไม่เข้าไปด้วยนะ”
“ทำไม?”
“ยังสะกดคำว่าอายเป็นอยู่ แต่ที่มาด้วย เพราะฉันคือเพื่อนเธอ” จารุณีเหน็บตามนิสัย
ดุจแขอึ้งไป ก่อนบอกเสียงแข็ง “ถ้าเธอมีแฟนเธอจะเข้าใจ” ก้าวลงเดินเข้าไปไม่แคร์
จารุณีมองตาม “ไม่เข้าใจ..เพราะฉันเป็นคนหนึ่งล่ะที่จะไม่วิ่งตามผู้ชาย”
ดุจแขเดินเข้ามาในบ้าน เจอกับเพ็ญประกายที่มองงงๆ ดุจแขมองจ้องเพ็ญประกาย
“โถ! นึกว่าใครที่ไหน คู่หมั้นคุณชาย ที่แท้ก็คุณเพ็ญประกาย...แล้วไงกลายเป็นหมา..เอ๊ย มาหยารัศมีได้ล่ะคะ?”
เพ็ญประกายไม่อยากต่อปาก “ถ้าคุณดุจแขจะมาถามแค่นี้ กลับไปดีกว่าค่ะ”
ดุจแขยิ้มหวาน แต่น้ำเสียงเย็นเยียบ “ก็คงไม่อยู่นานหรอกค่ะ แค่จะมาถามว่า อยากจะหมั้นกับคุณชายถึงขนาดต้องอุปโลกน์ตัวเองเป็นมาหยารัศมีเชียวหรือคะ?”
เพ็ญประกายเถียงไม่ทัน ตกใจ “คุณดุจแข”
ดุจแขยิ้มหยัน “แต่ฉันจะบอกอะไรให้ จะเพ็ญประกาย หรือมาหยารัศมี รวมทั้งผู้หญิงคนไหน ก็ไม่มีทางได้คุณชายไปหรอกค่ะ เพราะหัวใจคุณชายอยู่กับฉัน”
ชุติมาเดินมาได้ยินเข้า หัวเราะชอบอกชอบใจ
“ถ้าหัวใจคุณชายอยู่กับคุณจริงๆ ล่ะก็ คุณไม่วิ่งพล่านเป็นหมาถูกน้ำร้อนลวกมาถึงที่นี่หรอกค่ะ”
ดุจแขหันขวับมองจ้องหน้าชุติมา โดนชุติมาด่าอีกดอก
“มีแต่ผู้หญิงบ้าๆเท่านั้นแหละ ที่วิ่งไล่แย่งผู้ชาย เพราะถ้าคนที่มั่นใจว่าตัวเองมีดีพอ เค้าปล่อยให้ผู้ชายวิ่งตามค่ะ อีกอย่าง คุณมีสิทธิ์ด้วยหรือคะที่จะมาทวงคืนคุณชาย” น้ำเสียงเหยียดเย้ย “ก็แค่แฟนเก่า ไม่ใช่แฟนเก่าธรรมดาด้วย” เบ้ปาก “แต่เป็นแฟนเก่าที่คุณชายไม่เอา”
ดุจแขกำมือแน่น โกรธจัด ชุติมาหัวเราะร่า
“อยากตบฉันหรือคะ? ตบเลยสิ ตบเลย มือก็มีไม่ใช่เหรอ และถ้าคุณไม่ตบ ฉันจะตบคุณเอง”
ชุติมาเงื้อมือขึ้น ตั้งท่าจะตบ ดุจแขร้องกรี๊ด ถอยออกไป
“ไม่ต้องมากระแดะทำท่ากลัว ถ้าหน้าด้านขนาดวิ่งไล่ตามผู้ชายมาถึงนี่ ไม่มีคำว่ากลัวหรอก กลับไปเลยนะ กลับไป ไม่ไปมีตบ”
ดุจแขโกรธจนสั่น “ต่ำ”
“ใช่!! ต่ำ ต่ำมาก มันไม่มีอะไรต่ำไปกว่าการไล่แย่งผู้ชายหรอก โดยเฉพาะผู้ชายที่เค้าไม่เอา เหมือนคุณ” ชุติมากระแทกเสียงใส่
“แก…”
“มะ...จะตบกันเป็นสก๊อยก็มา…ฉันจัดให้ ถ่ายคลิปอัพขึ้นยูทูปเลยเอ้า!” ชุติมาควักมือถือออกมา
ดุจแขด่าอีก “ต่ำ”
ประเมินสถานการณ์แล้วดุจแขจำต้องถอยร่นกลับไปแบบไร้สภาพ เพ็ญประกายหน้าซีดตกใจบอกชุติมา
“ขอบคุณพี่ชุค่ะ”
“ไม่ต้องขอบคุณ...แค่เธอเลิกอุปโลกน์เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เธอจะดีกว่า เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ? แค่เริ่มเธอยังเดือดร้อนขนาดนี้ แล้วต่อไป มันจะไม่แย่ยิ่งกว่านี้อีกเหรอ? ที่สำคัญ เธอภูมิใจเหรอถ้าคุณชายยอมแต่งงานกับเธอเพราะคำว่ามาหยารัศมีไม่ใช่เพ็ญประกาย”
ชุติมาเดินสะบัดหน้าไป เพ็ญประกายยืนอึ้ง ซึมอยู่ตรงนั้น ขณะที่ชุติมาบ่นแว่วๆ มา
“แหม้!!คันไม้คันมือ อยากตบนังดุจแขจริงๆ”
ดุจแขเดินไปยังรถจารุณีที่จอดรออยู่หน้าบ้าน เห็นเดือนแรมกลับจากเรียนพอดี สองคนชะงัก
“เดือนแรม”
“คุณดุจแข”
“เธอมาที่นี่ทำไม?”
“ที่นี่บ้านของแรมค่ะ”
ดุจแขเยาะ “บ้านของเธอ?”
“ทำไม คุณดุจแขต้องทำท่าตกใจด้วยคะ?”
“ไม่ได้ตกใจ แค่ขยะแขยง ที่ผู้หญิงบ้านนี้หน้าด้าน ชอบแย่งแฟนคนอื่นเค้าทุกคน”
ดุจแขเดินไปที่รถ จารุณีได้แต่ทำหน้าเซ็ง ยกมือกุมขมับ
จารุณีขับรถมาตามทาง ดุจแขนั่งหน้าหงิกงอ จารุณีอดเตือนไม่ได้
“บอกตรงๆ นะ มันไม่เข้าท่ามากเลยดุจแข ที่เธอทำตัวอย่างนั้นน่ะ”
ดุจแขกระแทกเสียงใส่ “ก็บอกแล้วไง เธอไม่มีแฟน เธอไม่เข้าใจหรอก”
“ยอมไม่เข้าใจว่ะ เพราะฉันเห็นว่าที่เธอทำมันไม่เข้าท่า หน้าไม่อาย มันไร้ศักดิ์ศรีมาก
ดุจแขปรี๊ด “จารุณี”
“แล้วฉันถามทีเถอะ เธอวิ่งไล่ล่าผู้หญิงแบบนี้ แล้วเธอคิดว่าคุณชายเค้าจะกลับมาหาเธอเหรอ?”
ดุจแขอึ้งนึกตาม จารุณีว่าต่อ
“เธอรู้ว่าไม่...แล้วทำไมเธอไม่ทำตัวให้มีคุณค่า มากกว่าวิ่งไล่ล่าผู้ชายล่ะ?”
ดุจแขหลงตัวเองขึ้นมาอีก “เพราะผู้หญิงสมัยนี้มันหน้าด้าน เกินกว่าจะพูดกับมันได้แบบดีๆ ไงล่ะ”
“งั้นก็คงรวมถึงตัวเธอด้วย เพราะผู้หญิงดีๆ คงไม่มีใครวิ่งไล่ล่าผู้ชาย แต่เค้าจะปล่อยให้ผู้ชาย ไล่ตาม”
ดุจแขได้แต่ค้อนขวับใส่จารุณี รู้ฤทธิ์ปากเพื่อนคนนี้ดี
เพ็ญประกายนั่งร้องไห้ เสียใจหนัก เดือนแรมเดินมาเห็น “พี่เพ็ญ..อุ๊ย..! พี่มาหยา”
“เรียกพี่ว่าเพ็ญเหมือนเดิมดีแล้วแรม” เพ็ญประกายเสียงเครือสั่น “เพราะยังไง..พี่ก็เป็นมาหยารัศมีไม่ได้ เพราะพี่ไม่ใช่ตัวจริง” ตัดพ้อตัวเอง
“พี่เพ็ญ”
เพ็ญประกายน้ำตาไหล พรั่งพรูความรู้สึก “พี่รู้ว่ามันน่าอาย ที่พี่อุปโลกน์ตัวเองเป็นคนอื่น แต่ที่เป็นอย่างนั้น เพราะพี่รักคุณชาย พี่อยากแต่งงานกับคุณชาย เป็นคนที่เหมาะสมที่คู่ควรกับวังศิลาลาย”
ร่างเพ็ญประกายสั่นเทิ้ม เดือนแรมเองก็เหมือนจะตัวสั่น ความในใจของเพ็ญประกายพรั่งพรู
“พี่มีสิทธิ์ที่จะคิดจะฝันอย่างนั้นใช่มั้ยแรม? และคุณดุจแขก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาว่าพี่ เพราะเค้าคืออดีต” เสียงเข้มขึ้นมาทันที “อดีตที่มันผ่านไปแล้ว และไม่มีทางหวนคืนกลับมาอีก”
“ค่ะ” เดือนแรมจ๋อย
เพ็ญประกายมองหน้าเดือนแรม “แต่พี่คือปัจจุบัน คืออนาคตของคุณชาย..ใช่มั้ยแรม?”
เดือนแรมนิ่งไป ลึกๆ เสียใจ สงสารพี่สาว เพ็ญประกายมองสีหน้าเจ็บปวด มีแววเคืองแค้นอยู่ในนั้น
“ใช่มั้ยแรม” เพ็ญประกายถามซ้ำแล้วมองจ้องเขม็ง
“ค่ะ”
เพ็ญประกายมองจ้องหน้าเดือนแรมต่อ “ขอบใจมากนะที่แรมเข้าใจพี่...” เน้นเสียง “อยู่ข้างพี่..พี่รักคุณชาย” เน้นมากขึ้น “...และพี่จะไม่ยอมให้ผู้หญิงคนไหน แย่งคุณชายไปจากพี่...อย่างเด็ดขาด ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม”
เพ็ญประกายจ้องหน้า เดือนแรมหลบสายตาวูบ ลึกๆ เสียใจ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้น เดือนแรมมอง เห็นเป็นชื่อธิติรัตน์ เดือนแรมหน้าถอดสี เพ็ญประกายจ้อง! โทรศัพท์ดังต่อเนื่อง
เดือนแรมพูดอย่างรู้สึกลำบากใจ “แรมรับโทรศัพท์ก่อนนะคะพี่เพ็ญ” ทำท่าจะเดินออกไป
เพ็ญประกายรู้ทันเรียกไว้ “คุยที่นี่ก็ได้จ้ะ ไม่เป็นไร” จ้องหน้าสบสายตา
“เอ่อ...”
“เถอะจ้ะ...หรือเห็นว่าพี่เป็นคนอื่น? และแรมกำลังมีความลับกับพี่?”
เดือนแรมหน้าเสีย จำเป็นต้องรับโทรศัพท์
ธิติรัตน์ที่อยู่ออฟฟิศ ผิดสังเกต รู้สึกเป็นห่วง “แรมเป็นยังไงบ้าง? โอเคหรือเปล่า? ฉันเป็นห่วง”
เพ็ญประกายจดสายตาจ้องหน้าเดือนแรม อยากรู้มาก ใครโทร.มา เดือนแรมมองหน้าเพ็ญประกายเกรงใจ
“เอ่อ...แรมไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“แต่เสียงเธอไม่ดีเลย เดี๋ยวฉันไปหาดีกว่า”
เดือนแรมรีบบอก เสียงมีพิรุธ “แรมไม่ได้อยู่บ้านค่ะ”
ธิติรัตน์พูดเสียงอ่อนโยน ยิ่งเป็นห่วง “แล้วเธออยู่ไหน? ฉันจะได้ไปหา”
“ไม่เป็นไรค่ะ แรมเกรงใจ”
“ไม่ต้องเกรงใจ เธอคือคนพิเศษของฉัน...อยู่ที่ไหน..ฉันจะไปหา”
“เอ่อ....อยู่มหาวิทยาลัยค่ะ” เดือนแรมปด
“โอเค..” น้ำเสียงลังเลแวบหนึ่ง นิ่งคิด “งั้น..เลิกเรียนแล้วโทร.หาฉันด้วย”
“ค่ะ”
เดือนแรมวางสาย เพ็ญประกายจ้องหน้า คาดคั้น “ใครโทร.มาเหรอ?”
“เอ่อ....เพื่อนค่ะ”
เพ็ญประกายยิ้มขื่นขม เพราะจริงๆ ก็ไม่หรอกว่าใครแต่พูดดักคอ “นึกว่าแฟน แรมมีแฟนแล้วหรือยัง?”
“ยังค่ะ ยังไม่มี”
“ดีแล้ว แรมยังเรียนอยู่ อย่าเพิ่งมีเลย อีกอย่าง...พี่อยากแต่งงานออกเรือนเป็นฝั่งเป็นฝากับ คุณชาย ก่อนแรม
เพ็ญประกายเน้นเสียงตรงคุณชายเป็นพิเศษ แล้วเดินออกไป เดือนแรมยืนนิ่งสีหน้าลำบากใจ
เพ็ญประกายเดินมาที่บ้านอีกมุม สีหน้าของเพ็ญประกายเสียใจ น้ำตาไหลออกมา
“ไม่...เราไม่ได้เป็นคนไม่ดี ...นั่นเป็นสิ่งที่เราควรทำ”
เพ็ญประกายปลอบใจตัวเอง
ธิติรัตน์นั่งหงุดหงิดอยู่ที่โต๊ะทำงานในออฟฟิศ คาใจ ข้องใจ นั่งไม่ติด ได้แต่ถามตัวเอง
“วันนี้แรมไม่มีเรียน? แล้วทำไมแรมโกหก หรือว่าคนบ้านนั้นจะทำร้ายแรม”
คิดได้ดังนั้น ธิติรัตน์ก็ผลุนผลันเดินออกไปทันที
เดือนแรมมองมือถือน้ำตาคลอ เสียใจ พูดเสียงแผ่ว
“คุณชาย...แรมขอโทษ...ต่อไป..แรมคงไม่กล้าอยู่ใกล้คุณชายอีก”
เดือนแรมน้ำตาไหลอาบแก้มสวย เสียงมือถือดังขึ้น เดือนแรมสะดุ้ง หยิบขึ้นมาดู เห็นชื่อสรรชัยที่ให้เบอร์ไว้
“คะ..พี่สรรชัย?”
สรรชัยจอดรถอยู่ริมถนนแห่งหนึ่ง บอกเดือนแรมเสียงเศร้า เหมือนคนอกหัก
“พี่มีเรื่องอยากจะคุยกับแรม แรมออกมาคุยกับพี่หน่อยได้มั้ย?”
ในร้านอาหารเล็กๆ เป็นร้านขายข้าวแกง และอาหารตามสั่งง่ายๆ สรรชัยนั่งอยู่กับเดือนแรมสองคนสีหน้าไม่ค่อยดีทั้งคู่
“เรื่องคุณดุจแข แรมเสียใจด้วยนะคะ...”
สรรชัยพยักหน้าแบบขื่นขม “พี่อยากตัดใจจากดุจแขนะแรม แต่เอาเข้าจริง พี่ทำไม่ได้ พี่ยังเจ็บใจ เสียใจทุกครั้งที่เค้า...คิดถึงคุณชาย”
เดือนแรมเงียบ แต่น้ำตาเริ่มคลอ ตอบเสียงแผ่วๆ “แรมเข้าใจค่ะ การต้องทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับใจ มันทำได้ยากจริงๆ”
สรรชัยมอง นึกสงสัย “แรมเป็นอะไรรึเปล่า?”
“เปล่าค่ะ”
สรรชัยพูดอย่างจริงใจ “มีอะไรบอกพี่ได้นะ...ขอให้คิดว่าพี่เป็นพี่ชายคนหนึ่งของแรม”
เดือนแรมมองอย่างซาบซึ้งใจ “ค่ะ พี่สรรชัย”
สองคนมองจ้องตากัน แบบคนมีทุกข์ กำลังปรับทุกข์กันอยู่
ธิติรัตน์ขับรถผ่านมาที่หน้าร้าน จังหวะนั้นเองมีคนจะข้ามถนน ธิติรัตน์ชะลอให้ทาง บังเอิญให้หันหน้ามาทางร้านอาหาร เห็นเดือนแรมนั่งอยู่กับสรรชัย
“เดือนแรม”
ธิติรัตน์ของขึ้นเพราะหึงหวง โกรธขึ้นมาทันที
ธิติรัตน์ขับรถเร็วและแรงตามอารมณ์ร้อนรุ่มในใจ ก่อนจะเบรกเอี๊ยดที่ข้างทาง
“เรารึอุตส่าห์เป็นห่วง รีบบึ่งรถมา ที่แท้! ก็อยู่กับผู้ชาย ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง เชื่อใจไม่ได้จริงๆ
ธิติรัตน์โกรธจัด บึ่งรถแล่นทะยายออกไปเหยียบแทบมิด
เพ็ญประกายเพิ่งอาบน้ำเสร็จ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก สภาพเหมือนคนอกหัก เสียงมือถือดังขึ้น
เพ็ญประกายมอง เห็นเป็นเบอร์ธิติรัตน์ ก็ยิ้มออกมา ดีใจมาก “คุณชาย” รีบรับ “คะคุณชาย?”
ธิติรัตน์อยู่ที่วัง สีหน้าเหวี่ยงสุดๆ หงุดหงิดเต็มๆ บอกแบบออกคำสั่งตามนิสัย
“พรุ่งนี้ผมจะรับคุณไปทานข้าวนะครับ”
เพ็ญประกายเนื้อเต้นดีใจนัก ตอบยังไม่ทันได้เต็มคำ “ค่ะ”
ธิติรัตน์วางสายทันที จากใบหน้ายิ้มแย้มเพ็ญประกายหน้าหมองลง
ส่วนเดือนแรมแยกจากสรรชัย ก็กลับบ้านมาปิดประตูอยู่ในห้องคนเดียว เสียงธิติรัตน์ ดังก้องในหัว
“เลิกเรียนแล้วโทรฯหาฉันด้วย”
เดือนแรมหยิบมือถือขึ้นมา สีหน้าลังเล แต่ตัดสินใจกดโทร.ออก
ธิติรัตน์อยู่ในห้องกำลังโกรธจัด ทำท่าจะขยุ้มกองจดหมายของเดือนแรมทิ้ง เสียงมือถือดัง ธิติรัตน์เดินไปหยิบขึ้นมามอง เห็นเป็นเบอร์เดือนแรม ธิติรัตน์อารมณ์เหวี่ยงอยู่ ไม่รับ โยนมือถือลงบนเตียง
รอสักครู่เดือนแรมหน้าเสีย ลองกดโทร.ออกอีก ธิติรัตน์จะขยุ้มจดหมายอยู่แล้ว มือถือดังขึ้นมาอีก ธิติรัตน์วางจดหมายลง หยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อของเดือนแรมธิติรัตน์ปิดเครื่องใส่หน้า เดือนแรมหน้าจ๋อย
“คุณชายโกรธเราแน่ๆเลย” เดือนแรมหน้าจ๋อย
ด้านธิติรัตน์มองดูกล่องจดหมาย ทำท่าหนักใจ คิดไม่ตกจะทิ้งไม่ทิ้งดี ธิติรัตน์ถอนหายใจเฮือกๆ หงุดหงิด รำคาญใจตัวเองนัก หันมองไปอีกทาง แต่ก็เห็นผ้าพันคอที่เดือนแรมถักให้ แขวนอยู่ ธิติรัตน์ถอนหายใจเฮือกๆ สีหน้าอ่อนลง เหมือนจะหายเหวี่ยง สงบลงแล้ว
สุดท้ายธิติรัตน์ก็ยกกล่องจดหมายไปเก็บที่เดิม สายตาจับจ้องอยู่ที่ผ้าพันคอของเดือนแรม
วันต่อมาธิติรัตน์มาตามนัดกับเพ็ญประกาย กำลังจอดรถในบ้านเมิน สายตาที่ธิติรัตน์มองดูตัวบ้านแบบเหวี่ยงสุดขีดแล้ว
เดือนแรมในชุด นักศึกษาเดินออกมา เห็นธิติรัตน์ ทั้งดีใจ ทั้งตกใจ และทั้งทำตัวไม่ถูก
“คุณชาย”
ธิติรัตน์มองหน้าเหวี่ยงเต็มที่ โกรธไม่พูด ไม่ทัก เดือนแรมบอกเสียงอ่อนหวาน
“เมื่อคืน แรมโทร.หาคุณชาย แต่คุณชายไม่ได้รับสาย”
“ทำไมฉันต้องรับสายทุกครั้งที่เธอโทร.มา ในเมื่อเธอไม่ได้มีความสำคัญกับฉัน” น้ำเสียงเย้ยหยัน
เดือนแรมอึ้ง ไม่โกรธสักนิด พูดบอกพาซื่อ “แต่คุณชายมีความสำคัญมากสำหรับแรม”
ธิติรัตน์เจอไม้อ่อน คราวนี้เป็นฝ่ายอึ้ง ใจอ่อนยวบ สองคนมองตากัน
นัยน์ตาเดือนแรมที่ทอดมองมามีแววเศร้าหมอง หัวใจธิติรัตน์หล่นวูบ นัยน์ตาธิติรัตน์ที่แข็งกร้าวอ่อนลง แต่ยังทำเป็นปากแข็ง เหวี่ยงต่อ
“บอกทำไม? ไม่ได้..อยากรู้! ไปบอกคนที่เค้าอยากรู้จะดีกว่า” ประชดส่ง
“นอกจากคุณชาย แรมไม่เคยอยากบอกอะไรใคร”
ธิติรัตน์เหวี่ยงอยู่ ด่าต่อ “แต่ฉันว่ามี...และคงมีไม่ต่ำกว่า 10 คน”
“คุณชาย” เดือนแรมตกใจ
“ฮึ! พอฉันรู้ทัน เธอก็ทำหน้าซื่อไร้เดียงสาเหมือนเดิม เธอนี่ ร้ายจริงๆ เดือนแรม”
ธิติรัตน์กับเดือนแรมมองจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น เพ็ญประกายเดินมาเห็นจังๆ น้ำตาคลอ
สายตาของเดือนแรมกับธิติรัตน์ ฉายชัดว่ามีความรัก ความห่วงใจ เอื้ออาทรให้แก่กัน เพ็ญประกายหันตัวเดินกลับเข้าไปด้านใน
“แรมขอโทษค่ะ..แต่แรมไม่รู้จริงๆ ว่าแรมทำอะไรให้คุณชายโกรธอีก ไม่ว่าเรื่องอะไร แรมสาบานค่ะว่าแรมไม่ได้ตั้งใจ ถ้าแรมคือคนพิเศษของคุณชาย..คุณชายก็คือคนพิเศษของแรม คนที่แรมเทิดทูน และแรมก็หวังว่า...คุณชายจะเมตตาให้แรมเป็นคนพิเศษเหมือนเดิม”
“ฉันจะทำพิเศษ กับคนที่เค้าเห็นว่าฉันพิเศษ แต่สำหรับคนที่ไม่เห็นค่าของฉัน ฉันจะไม่ทำ” ธิติรัตน์พูดตัดบท “ไปตามคุณมาหยารัศมี บอกว่าฉันมาแล้ว”
เดือนแรมรับคำเสียงเศร้ามาก “ค่ะ” เดินเข้าไปในบ้าน
เพ็ญประกายนั่งนิ่งอยู่ในห้อง แต่ตาขวางแบบเริ่มทนไม่ได้แล้ว เดือนแรมเดินเข้ามาบอก
“พี่เพ็ญคะ..”
เพ็ญประกายคอแข็งขึ้นมา “พี่ชื่อมาหยารัศมี”
เดือนแรมงง..ตามอารมณ์ไม่ถูก “เอ่อ...ค่ะ ...คุณชายธิติรัตน์มาแล้วนะคะ”
“แรมจัดของว่างไปรับรองคุณชายหน่อยไป”
เดือนแรมอึดอัด ไม่อยากไป ลำบากใจ “เอ่อ…”
เพ็ญประกายกับอาการได้ “ทำไม?”
“แรมมีเรียนค่ะ”
“ไปช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอกมั้ง...เพราะบางที แรมก็โดดเรียนอยู่บ่อยๆนี่” เหน็บอยู่ในที
“ค่ะ”
เดือนแรมเดินออกไปสีหน้าไม่สบายใจ เพ็ญประกายมองตาม นึกโกรธ
“พี่ไม่ใช่คนโง่ เธอต้องได้รับบทเรียน ที่บังอาจทำตัวเป็นหอกข้างแคร่ของพี่ เดือนแรม”
ธิติรัตน์นั่งรออยู่ เดือนแรมจัดขนม กาแฟออกไปให้พลางบอก
“พี่มาหยารัศมีให้เรียนว่า เดี๋ยวเธอตามลงมาค่ะ” ทำท่าจะเดินออกไป
ธิติรัตน์เรียกไว้ “เดี๋ยว”
เดือนแรมหันกลับมาหน้าหมอง “คุณชายต้องการอะไรเพิ่มคะ?”
ธิติรัตน์ปากหนัก เพราะจริงๆ อยากให้อยู่ “ก็เธอจะไปไหนล่ะ ไม่คิดจะอยู่ดูแลแขกเลยรึไง?”
เพ็ญประกายเดินเข้ามาพอดี “นั่นสิ..แรมจะรีบไปไหนจ้ะ? หรือว่า..แรมนัดใครเอาไว้”
“เปล่าค่ะ”
เดือนแรมเดินไปหลบอยู่มุมห้อง ชุติมาเดินมาเห็นธิติรัตน์ชะงัก กวาดตามองเห็นเดือนแรมยืนหลบมุมรอรับใช้ ส่วนเพ็ญประกายยิ้มหวานชดช้อย ทรุดตัวลงนั่งข้างธิติรัตน์
ธิติรัตน์เอาแต่มองจ้องเดือนแรม และกระเถิบตัวออกราวอัตโนมัติ เพ็ญประกายหน้าบึ้งขึ้นมาทันที
ชุติมาจดจ้องทุกความเคลื่อนไหว แอบยิ้ม
เพ็ญประกายเริ่มระงับความไม่พอใจไม่อยู่ ทำเป็นงอนใส่ธิติรัตน์
“จริงๆ ถ้าคุณชายไม่ว่าง ไม่ต้องมาหามาหยาก็ได้นะคะ มาหยาเองก็ไม่ได้ว่างซักเท่าไหร่?”
ธิติรัตน์งง ไม่สนใจ ไม่เข้าใจด้วยว่าหมายถึงอะไร “อ้อ! เหรอครับ” ใจอยู่ที่เดือนแรม
เพ็ญประกายยิ่งงอนมากขึ้นอีก ออกอาการสะบัดสะบิ้งกะให้ธิติรัตน์ง้อ เพื่อจะโชว์เดือนแรม “ถ้าคุณชายไม่สะดวก มาหยาก็ไม่อยากรบกวนคุณชาย”
ราชนิกูลผู้เอาแต่ใจ ธิติรัตน์ บอกทันที
“โอเค ถ้าวันนี้คุณไม่สะดวก ผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า”
พูดจบธิติรัตน์ก็เดินออกไป เพ็ญประกายอึ้ง คาดไม่ถึง เรียกไว้ “คุณชาย”
ธิติรัตน์ไม่สนใจหันกลับมา เพ็ญประกายน้ำตาไหล หันขวับมาค้อนเดือนแรมทันที เดือนแรมรีบเดินออกไป
เพ็ญประกายทนไม่ไหว อยากรู้ ตามไปอีก ชุติมาเห็นหมดจดไว้ทุกกิริยา แอบยิ้มสะใจ
ชุติมาเบ้ปาก “เซโรงังไปเลยยัยเพ็ญ สมน้ำหน้าดราม่าหนักแน่ๆ”
หัวเราะชอบอกชอบใจ
ธิติรัตน์จะเดินตรงไปที่รถ เดือนแรมเดินกึ่งวิ่งตามไปร้องถาม “ทำไมคุณชายรีบกลับนักล่ะคะ พี่มาหยาเสียใจ”
“ทำไมต้องเสียใจ? ในเมื่อ เค้าบอกเองว่าไม่ว่าง” ธิติรัตน์ของขึ้นอีก
“พี่มาหยาอาจจะแค่งอน”
“ฉันก็ไม่อยู่ในฐานะที่ต้องง้อใคร?” ธิติรัตน์ยิ้มเยาะ “แต่ดูเหมือนเธอจะเชี่ยวชาญเรื่องมารยาหญิงจังเลยนะ ท่าจะทำบ่อย”
เดือนแรมหน้าเสีย แต่ไม่โกรธสักนิด “คุณชายว่าแรมได้ค่ะ...แต่แรมไม่อยากให้คุณชายคิดไปว่าพี่มาหยา...”
ธิติรัตน์สวนคำออกมา “เหมือนเธอ!”
สองคนมองจ้องหน้า สบตากัน เดือนแรมย้อนอย่างจริงใจ “ถ้าเหมือนแรม...แรมมีแต่ความจริงใจ ความปรารถนาดีให้คุณชาย”
ธิติรัตน์อึ้งไปทันที เห็นดวงตาของเดือนแรมมีแต่ความจริงใจ ใจธิติรัตน์อ่อนยวบลงไปอีก
“ฉันอ่านเธอไม่ออกจริงๆเดือนแรม...ว่าใจจริงแล้ว เธอคิดยังไง?”
เพ็ญประกายเดินออกมายืนมอง “ทั้งคุณชาย ทั้งแรม คงจะเห็นว่าเราโง่!”
เขม้นมอง นึกโกรธสองคนขึ้นมา แล้วสะบัดหน้าเดินเข้าในบ้าน
เพ็ญประกายเดินเข้าบ้าน ชุติมาเดินออกมาจากด้านหลัง หัวเราะเยาะ
“โอ๊ะๆๆๆ โอ๋...อย่าร้องไห้เลยน้า...”
เพ็ญประกายหันมามองตาเขียว ชุติมาหัวเราะเยาะ
“ก็จะเสียน้ำตาให้คนที่เค้าไม่ได้รักไม่ได้สนใจเธอทำไม๊? เปลืองน้ำตาเปล่าๆ”
“อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปหน่อยเลยค่ะ มาหยาไม่ได้ร้องไห้เพราะคุณชาย”
ชุติมาหัวเราะลั่น “เหรอๆๆ?” เหน็บแนมด้วยน้ำเสียงนางมารร้ายมากๆ “แล้ว...มาหยา ร้องไห้ให้ใครจ้ะ? เพราะที่พี่เห็น มาหยางอน แต่คุณชายไม่ง้อ ไม่ง้อไม่พอแถมยังเดินหนีอีกด้วย” จิกสายตาเข้ม “คอยดูเถอะ วันไหนถ้าคุณชายรู้ว่าเธอไม่ใช่มาหยารัศมีตัวจริง เธอจะร้องไห้เสียใจมากกว่านี้ แม่คนลวงโลก”
เพ็ญประกายเยาะกลับ ไม่กลัว “มันก็ไม่มีอะไรเกี่ยวกับพี่ชุอยู่ดี?”
“แล้วถ้าฉัน เอาเรื่องนี้ไปบอกคุณชาย มันจะเกี่ยวรึเปล่า?”
เพ็ญประกายอึ้ง หน้าซีด ชุติมาหัวเราะร่วน
“โอ๊ย!!แค่ขู่เล่นๆ หน้าเธอยังเหลือไม่ถึงสองเซ็นต์” ชุติมาถลึงตากร้าว “ลอง..ถ้าฉันทำจริงๆ.... เธอไม่มีหน้าเอาไว้มองใครๆ แน่ แม่มาหยารัศมีตัวปลอม”
ชุติตาหัวเราะเสียงดังแบบสะใจมาก
เพ็ญประกายกัดฟันกรอด พูดเสียงเย็นเยียบ ช้าชัดและยอกย้อน “ตลกมากมั้ยคะ?”
ชุติมาถลึงตาใส่ “มาก”
เพ็ญประกายไม่พูดอะไร แต่ผลักชุติมาสุดแรง จนชุติมาตกน้ำ ชุติมาร้องลั่น หล่นลงไปใน
น้ำไม่พอ ศีรษะดันโขกเข้ากับขอบสระดังโป๊ก
“โอ๊ย”
เพ็ญประกายมองด้วยสายตายิ้มหยัน “ตลกจังเลยค่ะ ฮึ!” แล้วเดินหนี ไม่สนใจ
ชุติมาเอามือกุมหัว ร้องโอ๊ยๆ อยู่ตรงนั้น อย่างน่าขัน
อ่านต่อหน้า 2
มาหยารัศมี ตอนที่ 6 (ต่อ)
เพ็ญประกายวิ่งร้องไห้จะเข้าบ้าน ชนเข้ากับจันทราที่เดินออกมาพอดี จันทราตกใจร้องลั่น
“ว้าย” พอเห็นเป็นเพ็ญประกายกำลังร้องไห้ จันทราก็ตกใจ “เพ็ญ..เป็นอะไรลูก?”
เพ็ญประกายร้องไห้โฮ “จะให้หนูเป็นมาหยารัศมีได้ยังไง ขนาดคุณแม่ ยังเรียกหนูว่าเพ็ญมิน่า....พี่ชุถึงได้เหน็บหนูนักหนา ว่าหนูเป็นได้แค่ตัวปลอม ที่ถูกอุปโลกน์ตัวเองขึ้นมา”
“ชุมันว่าลูกอีกแล้วเหรอ?”
“ค่ะ...แล้วยังบอกอีกด้วย ว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคุณชาย” เพ็ญประกายตั้งใจฟ้องแม่
จันทรากัดฟันกรอด “นังชุติมา”
จันทราเดินลิ่วออกไป เพ็ญประกายมองตาม มีแววยิ้มเยาะฉายโชนในดวงตาคู่นั้น
ชุติมาเอาหน้าซบกับขอบสระ มือกุมหัวร้องโอดโอย เพราะเจ็บมาก
แม้นเทพเดินมาเจอ มองอย่างงง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจ “อ้าว! เธอ”
ชุติมาเงยหน้าขึ้นมามอง เอามือกุมหัวเจ็บอยู่ แม้นเทพลงนั่งข้างสระถาม
“นึกยังไง ถึงลงไปอยู่ในสระทั้งชุดอย่างนี้?”
“ใครจะบ้าลงมาทั้งชุดอย่างนี้ ยัยเพ็ญมันผลักฉันตกน้ำต่างหาก”
แม้นเทพหัวเราะ “ขนาดคนนิ่มๆ เย็นๆ อย่างยัยเพ็ญ ยังทนเธอไม่ได้ แสดงว่า เธอนี่มัน...จริงๆ…” แม้นเทพค้างคำไม่พูดต่อ แต่มองด้วยสายตาเหยียดเย้ย
ชุติมาโกรธ วางท่านักเลงใส่ ไม่กลัว “อะไร? จริงอะไร?”
“ก็น่ารังเกียจจริงๆ ไงล่ะ”
ชุติมากรี๊ดลั่น “ไอ้บ้าพี่ต้อม ไอ้...ไอ้”
แม้นเทพตะคอก “หยุด!ถ้าเธอเรียกฉันว่าไอ้อีกเพียงคำเดียว ฉันเอาสบู่ถูปากเธอแน่”
ชุติมาลอยหน้าใส่ “กลัวตายล่ะ!”
แม้นเทพมองจ้องหน้าชุติมานิ่ง “โชคดีที่นี่ไม่มีสบู่...มีแต่…”
แม้นเทพกวาดสายตามองไปที่คลอรีนที่ใช้ล้างสระว่ายน้ำ ชุติมาหน้าเหวอรู้ว่า
แม้นเทพเป็นคนจริง ชุติมาร้องลั่น
“อย่านะ!! อย่า”
แม้นเทพลุกขึ้นเดินไปยังขวดคลอรีน ชุติมารีบว่ายน้ำขึ้นมาบนสระทั้งที่ยังเจ็บหัวอยู่
ท่าทางกลัวแม้นเทพมาก แม้นเทพมองตามอมยิ้มขำ
“เก่งจริง แล้ววิ่งหนีทำไม?” วางขวดคลอรีนลงที่เดิม
ชุติมาวิ่งตัวเปียกจะเข้าบ้าน แต่ต้องเบรกเอี๊ยด เมื่อจันทราเดินหน้าบึ้งตึงออกมา
ตรงมากระชากผมชุติมาอย่างแรง จนชุติมาหน้าหงายเงิบ
ชุติมาตกใจ ร้องโอดโอยใหญ่ “อะไรกันคะคุณแม่?”
แม้นเทพเดินตามมาเห็นเข้า ชะงัก รีบแอบฟัง ได้ยินจันทราด่าเสียงดัง
“ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้ว อย่ามายุ่งเรื่องของฉันกับยัยเพ็ญ ยังมาสะเออะ”
จันทราตบผลัวะเข้าที่หน้าอย่างแรง ชุติมาทั้งเจ็บ ทั้งน้อยใจ จันทรากระชากผมอีก
“สะเออะอะไร?” ชุติมายอกย้อนอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
จันทรากัดฟันกรอด กระชากผมแรงขึ้น “ยังจะมาถามอีก...ก็นังคนไหนล่ะที่จะเสนอหน้าไปบอกคุณชายว่ายัยเพ็ญไม่ใช่มาหยารัศมี...ถ้าไม่ใช่แก” ดั้งรั้งแรงขึ้นอีก
ชุติมามองน้อยใจแม่มากยิ่งขึ้น “แล้วคิดว่า หนูทำจริงเหรอ?”
“คนอย่างแกทำได้ทุกอย่าง เพราะแกมีเลือดชั่วของพ่อแก”
เสียงชุติมาเครือสั่น...ทั้งเสียใจทั้งเจ็บปวด “ถึงหนูจะมีเลือดชั่วของพ่อแค่ไหน? แต่หนูก็ไม่เคยคิดทำร้ายแม่ ทำร้ายน้อง ถึงแม้เพ็ญประกายจะไม่รู้ว่าหนูเป็นพี่เลยก็ตาม”
พูดแค่นั้นชุติมาก็ปัดมือของจันทราออกสุแรง วิ่งเตลิดออกนอกบ้านไป จันทราอ่อนลงแล้วนึกเสียใจขึ้นมา
“ชุติมา..ชุติมา” แต่จันทราไม่ยอมตาม ได้แต่ทำหน้าขัดใจ “นังลูกคนนี้ หาแต่เรื่องร้อนใจให้ฉัน สมกับมีเลือดพ่อของแกจริงๆ” เดินเข้าบ้านไปเลย
แม้นเทพมองตามชุติมา สงสัย รีบวิ่งตามไป
แม้นเทพตั้งใจจะไปฉะชุติมา แต่จันทราออกมาฉะก่อน แม้นเทพเลยได้รู้ความจริงบางอย่าง แม้จะรู้ไม่หมด แต่เริ่มเห็นความไม่ชอบมาพากลในความสัมพันธ์ระหว่างชุติมากับจันทรา
ชุติมาร้องไห้ออกไปไกลลิบแล้ว
แดดยามกลางวันร้อนเปรี้ยง ชุติมาวิ่งร้องไห้ออกไปทั้งที่เนื้อตัวเปียกปอน ผู้คนตามทาง
มองฉงน แม้นเทพขับรถตามมา จอดบอก
“หยุดก่อน...ชุติมา หยุด”
ชุติมาหันมามอง แต่ไม่ยอมหยุด วิ่งร้องไห้ไปอย่างเร็วรี่ แม้นเทพทำหน้าขัดใจ ขับรถตาม
ไปจอดขวาง ก้าวลงจากรถ ฉุดมือชุติมา
“ขึ้นรถ”
ชุติมาสะบัดสุดแรงแต่ไม่หลุด “จะตามมาหาเรื่องอะไรฉันอีก?”
“ใครจะหาเรื่องเธอ..มีแต่เธอนั่นแหละ ขยันหาเรื่องใส่ตัวเอง”
ชุติมาฉุน ถลึงตาใส่ “ฉันทำอะไร?”
“ก็...ดูสารรูปตัวเธอสิ ตัวเปียก วิ่งเป็นหมาหอบแดด...อายชาวบ้านมั่งมั้ยน่ะ”
ชุติมากวาดสายตามองสารรูปตัวเอง เห็นชาวบ้านสองข้างทางมองกันเต็มไปหมด อายมาก
“ขึ้นรถ...อยากทำเอ็มวีที่ไหนบอกมา..ฉันจะพาเธอไป”
แม้นเทพลากชุติมาที่ยังร้องไห้อยู่ ขึ้นรถ แล้วขับออกไป
เย็นนั้นธิติรัตน์นั่งทำงานหน้ายุ่ง ครู่นคิดเรื่องคำพูดเดือนแรมอยู่อย่างนั้น
“ถ้าเหมือนแรม...แรมมีแต่ความจริงใจ ความปรารถนาดีให้คุณชาย”
ธิติรัตน์หงุดหงิด นั่งทำงานต่อไม่ได้แล้ว “ตกลงฉันจะคิดยังไงกับเธอดี แรม”
ธิติรัตน์หงุดหงิดมากขึ้น เสียงมือถือดัง ธิติรัตน์มอง เห็นเป็นเบอร์ดุจแข ธิติรัตน์กดทิ้งไม่แยแส
ดุจแขเสียใจ กลายเป็นความโกรธ โทร.ใหม่ ธิติรัตน์ก็กดทิ้งอีก ดุจแขกดอีก ธิติรัตน์กดทิ้งทุกครั้ง ดุจแขกรี๊ด ขัดใจโกรธมาก ทุบโต๊ะดังปัง!!
“คิดว่าจะเอาชนะแขได้เหรอ คุณชาย?”
ดุจแขกดโทร.เข้าออฟฟิศธิติรัตน์ โทรศัพท์สายภายในที่โต๊ะดัง ธิติรัตน์รับ
“ว่าไง?”
“คุณดุจแขขอเรียนสายด้วยค่ะ”
“บอกว่าฉันไม่ว่าง”
ธิติรัตน์วางสายทันที
ดุจแข ถือโทรศัพท์จังงังอยู่กับที่
“ยิ่งคุณชายทำกับแขอย่างนี้ แขจะไม่ปล่อยคุณชายไปไหน? แขจะเอาชนะคุณชายให้ได้”
ดุจแขบอกตัวเอง
ธิติรัตน์เรื่องเดือนแรมอยู่ ต้องมาเจอดุจแขตื๊อไม่เลิก ธิติรัตน์ยิ่งเครียดหนัก
“จะต้องให้พูดแค่ไหน? ต้องทำยังไง? คุณถึงจะเลิกยุ่งกับผมซักที ดุจแข”
น้ำเสียงธิติรัตน์เบื่อหน่าย และรำคาญมาก
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าสวยเบื้อหน้า แม้นเทพขับรถมาจอดที่ริมน้ำ ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ชุติมานั่งนิ่งแบบหมดอาลัยตายอยาก แม้นเทพถามเสียงอ่อนโยน
“จะไม่พูดอะไรเลยเหรอ?”
ชุติมานั่งนิ่ง แม้นเทพบอก “งั้นเธอรออยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวฉันมา…”
ชุติมาเงียบอีก แม้นเทพบอก “ฉันลงไปแล้ว เธอล็อกประตูรถด้วยนะจะได้ปลอดภัย”
แม้นเทพลงไปแล้ว ชุติมาเหลียวมองตาม สายตาขอบคุณอยู่ในที
แม้นเทพ เดินเลือกซื้อหาผ้าขนหนู เสื้อผ้า ให้ชุติมา เลือกแบบใส่ใจ
มาก พินิจว่าอันไหนเหมาะไม่เหมาะ เลือกอยู่หลายอย่าง ระหว่างนั้นเจิมมาซื้อของ พลางคุยโทรศัพท์
“คงไปไม่ได้ว่ะ น้องสาวให้ฉันแสตนด์บายคอยช่วยงาน...เออ...งานในกรุงเทพฯนี่ล่ะ ก็..เรื่องหมูๆน่ะ” นิ่งฟังทางปลายสายพูด
เจิมเลือกของแล้วมาชนแม้นเทพอย่างจัง แม้นเทพหันมามอง เห็นหน้าเจิมชัดๆ เจิมไม่ได้
สนใจแม้นเทพ แต่แม้นเทพมองจ้องเจิมอย่างไม่รักษามารยาท เจิมว่าเอา
“เออ..แล้วเจอกัน เสร็จงานเมื่อไหร่ ฉันจ่ายหนี้ให้แกแน่...ไม่ต้องห่วง น้องสาวฉันมันมีผัวรวย เงินแค่นี้ ขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงหรอก”
เจิมเดินไป แม้นเทพส่ายหน้า มองระอา หันมาเลือกซื้อของต่อ และหยิบชุดชั้นในเร็วๆ เพราะเขินอาย
เย็นย่ำมากแล้ว แม้นเทพเดินมาที่รถ มองหาไม่เห็นชุติมา
“อ้าว! ไปไหนแล้ว”
แม้นเทพกวาดสายตามองอย่างเป็นห่วง เห็นชุติมานั่งกอดเข่าเจ่าจุกที่ริมน้ำไกลออกไป แม้นเทพถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินไปหา
ที่บริเวณริมน้ำแห่งนั้น ชุติมานั่งร้องไห้เงียบๆ เสียใจมาก แต่ไม่ฟูมฟาย แม้นเทพเดินเข้ามายื่นขวดน้ำให้ ชุติมาหันมามอง รับไปดื่ม แม้นเทพยื่นถุงให้อีก
“อะไร?” ชุติมางง
แม้นเทพบอกเสียงอ่อนโยน “เสื้อผ้า รีบไปเปลี่ยนซะ เดี๋ยวไม่สบาย”
ชุติมารับมานัยน์ตาซาบซึ้งใจ “ขอบคุณ...ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีคนห่วงฉัน”
“เค้าอาจจะห่วง แต่เธอไม่รู้ก็ได้”
พอได้ฟัง น้ำเสียงชุติมาสั่นเครือ อดนึกเสียใจขึ้นมาอีก เมื่อคิดถึงจันทรา “ไม่มีหรอก...ขนาดแม่..ยังไม่เคยรักไม่เคยห่วงฉัน”
“แม่ทุกคน รักและห่วงลูกทุกคนนั่นแหละ” แม้นเทพว่าเสียงอ่อนโยน
“เป็นแค่คำพูดกรอกหูมาให้คนเชื่อ แต่สำหรับคนที่ถูกแม่ปฏิเสธอย่างฉันรู้ซึ้งดี”
“เธอพูดเหมือนคนถูกแม่ทิ้ง” ชุติมาดักคอ
ชุติมาน้ำตาคลอ นิ่งเงียบไป ก่อนตัดบทออกมา
“ฉันไปเปลี่ยนเสื้อแล้วกัน...ขอบคุณ..ขอบคุณจริงๆ”
ชุติมาเดินไปแล้ว แม้นเทพเขม้นมองตาม นึกสงสัย
“ต้องมีอะไรระหว่างเธอกับคุณจันทราแน่”
จันทราเดินงุ่นง่าน พลางชะเง้อมองไปที่ประตูรั้ว รอคอยอย่างกระวนกระวาย
“นังลูกไม่รักดี ขยันทำความร้อนใจให้ฉันจริงๆ ป่านนี้แกอยู่ที่ไหน ชุติมา?”
ชุติมาอยู่ในในห้องน้ำในสวนแล้ว หยิบเสื้อออกจากถุง เห็นเป็นเสื้อผ้าสบาย สีสันไม่ฉูดฉาดเหมือนที่ตัวเองชอบใส่ เป็นเสื้อยืดพิมพ์ลาย ตัวใหญ่ กับกางเกงเล ไม่สวย ชุติมาอมยิ้ม
“คงเห็นว่าฉันเสร่อมาก...ดูซิ..แต่ละอย่างที่ซื้อมา...เฮ้อ!”
ปากบ่นแต่ดวงตายิ้มราย แต่พอชุติมาหยิบของในถุงดู แล้วต้องทำหน้าย่น เมื่อสัมผัสกับชุดชั้นใน ชุติมาหยิบออกมา เห็นเป็นชุดชั้นในคล้ายเฟิร์สบรา แต่ไม่ใช่ เป็นแนวชุดชั้นในตัวเล็ก น่ารัก สำหรับเด็กๆ ที่ยังไม่โตเป็นสาว ชุติมาโวยวายลั่น
“เฮ้ย! เป็นสาวแล้วนะโว้ย ไม่ใช่เด็กอนุบาล”
ขณะที่ชุติมาบ่นโวยวาย แต่นัยน์ตาเป็นประกายสดใส มีแววพึงพอใจเจืออยู่ในนั้น
ดุจแขอยู่ในห้องรับแขกที่บ้าน นั่งคอพับคออ่อนสภาพเมามาก จารุณีนั่งข้างๆ ส่ายหน้า มองระอาใจ ขณะที่ดุจแขพร่ำเพ้ออยู่แต่เรื่องธิติรัตน์
“คุณชายต้องเป็นของแข.. แขจะทำให้คุณชายกลับมารักแขเหมือนเดิม”
ทนไม่ไหวจารุณีด่าเอา “เพ้อเจ้อ”
ดุจแขตวาดแว้ด “ไม่ได้เพ้อเจ้อแต่ฉันจะทำจริงๆ คุณชายจะต้องกลับมารักฉันเหมือนเดิมใครที่มันคิดจะมาแย่งคุณชาย ฉันจะจัดการมันให้หมด”
จารุณีระอาหนัก “พูดยังกับเธอมีมือมีเท้าคนเดียว”
“ก็ลองดูสิ...จะมีกี่มือกี่เท้ากี่คน ถ้ามาลองดีกับฉัน มันจะได้รู้ ใครจะอยู่ใครจะไป”
“เธอบ้าไปแล้วจริงๆ ....นี่...มีสติหน่อยสิ ถ้าคุณชายเค้าไม่รักเธอแล้ว เธอก็ปล่อยเค้าไปเถอะอย่าไปยุ่งกับเค้า...แล้วก็หันมามองคนที่รักเธอดีกว่า” จารุณีถอนหายใจ
ดุจแขพูดอ้อแอ้ “ใคร?...ใครที่รักฉัน”
“สรรชัยไง...สรรชัยเค้ารักเธอมาตั้งนาน เธอก็รู้”
ดุจแขตวาดแว้ดอีก “แต่ฉันไม่ได้รักเค้า....คนที่ฉันรักมีคนเดียวคือคุณชาย”
สรรชัยเดินกลับเข้ามาทันได้ยิน สรรชัยอึ้งไปอีก ดุจแขตวาดก้อง
“ได้ยินมั้ย คนที่ฉันรักคือคุณชายคนเดียว!” ดุจแขพิลาปรำพันขึ้นมาอีก
“แต่ตอนนี้เค้าไม่ได้รักเธอแล้ว ยอมรับความจริงบ้าง” ถึงปากร้ายแต่จารุณีก็เป็นห่วงดุจแข
ดุจแขตาขวาง “ไม่..เค้ารักฉัน..คุณชายยังรักฉัน...ถ้าเธอจะพูดอย่างนี้ กลับไปเลยจารุณี กลับไปเล้ย”
“ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันอยู่ ฉันกลับก็ได้ แต่...ตื่นขึ้นมา เธอควรคิดตริตรองและยอมรับความเป็นจริงซะที ระหว่างเธอกับคุณชาย มันจบไปแล้วจริงๆ”
จารุณีโกรธขึ้นมา พูดให้สติแล้วลุกหนีทันที ดุจแขกรี๊ด หยิบของใกล้มือขว้างปาใส่จารุณีพัลวัน แล้วดุจแขก็ร้องไห้ออกมาจารุณีเดินออกไปเจอสรรชัยยืนอยู่
“แขเมาเละเทะเลยค่ะ ฝากคุณดูด้วยแล้วกัน”
จารุณีเดินออกไป สรรชัยมองดุจแขสายตาทั้งรักทั้งเกลียด ตัดสินใจเดินผ่านไป
สรรชัยเดินมาอย่างเจ็บช้ำใจ จะกลับไปยังห้อง แทบหมดแรงทรงตัว สรรชัยได้ยินเสียงดุจแขอาเจียน เสียงนั้นดังมาก สรรชัยสับสน เหมือนกำลังต่อสู้กับหัวใจตัวเอง และสรรชัยก็แพ้หัวใจตัวเองอีกครั้ง เดินกลับลงไปรวดเร็ว
ดุจแขเมาเละเทะ นอนจมกองอ้วกตัวเอง สรรชัยตรงเข้าไปประคองร่างดุจแข
สายตาห่วงใยมาก แล้วสรรชัยก็อุ้มดุจแข อย่างไม่มีความรังเกียจเข้าบ้านไป
ส่วนธิติรัตน์ยืนครุ่นคิดอยู่ภายในวัง คิดไม่ตกสักที ถอนหายใจเฮือกๆ
“ทำไม? ฉันต้องเก็บเรื่องของเธอมาคิดขนาดนี้เดือนแรม?”
หม่อมรัตนาเดินเข้ามาหา ถามเรื่องรับเดือนแรมมาอยู่ที่วัง “ตกลง..เรื่องหนูแรม..เอาไงลูก?”
“ก็...ยังไม่ได้คุยครับ...เพราะผมมาคิดอีกที ...ก็เหมือนที่คุณแม่เตือนน่ะครับว่า..คงไม่เหมาะ”
“ดีแล้วล่ะลูก อืมห์! แล้วเรื่องมาหยารัศมีล่ะลูก ทำไมชายถึงได้คิดว่า มีตัวจริง ตัวปลอม?”
“เพราะมาหยารัศมี...ต้องเป็นลูกของคุณเมิน กับภรรยาคนแรก คือคุณราศีไม่ใช่ลูกที่เกิดจากคุณจันทรา”
หม่อมรัตนาอึ้ง กระจ่างในใจ “หมายความว่า...?”
“คุณจันทรา อุปโลกน์ลูกของเธอให้เป็นมาหยารัศมี”
“คุณพระช่วย!! ทำไมต้องมาหลอกกัน....คุณเมินนะคุณเมิน”
“คุณเมินคงขัดคุณจันทราไม่ได้น่ะครับ แต่ยังไงผมจะต้องตามหามาหยารัศมี คู่หมั้นตัวจริงของผมให้เจอ”
สายตาธิติรัตน์มุ่งมั่นจริงจังมาก
เดือนแรมอยู่ในห้อง เอาการ์ด และจดหมายธิติรัตน์มาดู นั่งทอดถอนหายใจ
“ไม่ว่าคุณชาย จะทำกับแรมยังไง? แรมก็ไม่โกรธ...เพราะคุณชาย คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตแรมค่ะ”
เดือนแรมกอดการ์ด และจดหมายของธิติรัตน์แนบอก
แม้นเทพขับรถมาตามทาง มีชุติมานั่งมาด้วย ดวงหน้าของชุติมาสะอาด ปราศจากเครื่องสำอาง เกลี้ยงเกลา แต่ดูน่ามอง เสื้อผ้าที่ใส่เหมือนเด็กกะโปโล แม้นเทพชำเลืองมองชุติมาบ่อยๆ อย่างเอ็นดู ชุติมาหลุกหลิก ทำหน้างง ๆ
“จะพูดอะไรก็ไม่พูด จะถามอะไรก็ไม่ถาม..มองทำไม?”
แม้นเทพนั่งเงียบเหมือนเดิม
แม้นเทพขับรถเข้าบ้าน มีชุติมานั่งมาด้วย สองคนลงจากรถมองหน้ากัน
“ตกลงคุณจะไม่ถามอะไรฉันจริงๆเหรอ?”
“ก็ไม่ได้อยากรู้อะไร?”
“แล้วมองทำไม?”
“ก็...เธอใส่อย่างนี้น่ารักดี”
ชุติมาแอบเขิน...ซะงั้น “น่ารักเหรอ”
แม้นเทพตาเอ็นดูแต่ปากเหน็บ “ก็...ของพวกนี้มันเหมาะกับเธอ”
“ว่าฉันเหมาะกับของราคาถูก ตกลงจะชมหรือด่าเนี่ย?”
แม้นเทพอมยิ้ม ชุติมาบอกต่อ “ยังไงก็ขอบคุณมาก...อ่ะ!” ยื่นถุงคืนให้
แม้นเทพงง “อะไร?”
“ฉันเป็นสาวแล้ว ไม่ใช่เด็กอนุบาล เอาไว้ใช้เองเถอะ”
พูดจบชุติมาก็วิ่งออกไป เขินมากมาย แม้นเทพงง หยิบของในถุงออกมา จึงเห็นเป็นชุด
ชั้นใน แม้นเทพอมยิ้มอายแทน ตะโกนไล่ตามหลัง
“ยัยบ๊องเอ๊ย”
ชุติมาวิ่งกลับมาฉกถุงจากมือแม้นเทพกลับไป แม้นเทพอมยิ้มขำ เพ็ญประกายมองภาพความสนิทสนมระหว่างแม้นเทพและชุติมา
คืนนั้นเพ็ญประกายร้องไห้เสียใจมากมาย ความเจ็บปวดในหัวใจทบทวี และมากขึ้นทุกวี่วัน ที่สุดความเห็นแก่ตัวก็บังเกิดขึ้น บดบังความดีงามในใจ
“มีแต่คนมีความสุข แล้วฉัน...พี่ยอมเธอไม่ได้อีกแล้ว แรม!”
วันต่อมาเพ็ญประกายเดินลงมาจากชั้นบน จันทราเดินเข้ามาหาเป็นห่วงลูกสาวสุดที่รักมาก
“มาหยาไม่ต้องห่วงนะลูก...แม่จัดการให้แล้ว รับรองต่อไป ชุติมาไม่กล้ามาหาเรื่องลูกอีกแน่ๆ”
“จริงๆ มาหยาก็ไม่ได้ติดใจอะไรพี่ชุนะคะคุณแม่? เพราะพี่ชุคงไม่มีเจตนาแต่ที่มาหยาติดใจ...” เพ็ญประกายเว้นวรรค
“อะไรลูก”
เพ็ญประกายบอกเสียงนิ่มๆ “แรม....ชอบทำตัวใกล้ชิดคุณชาย ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน”
จันทราตาลุกวาว “มันจงใจให้ท่าน่ะสิ”
“คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะคุณแม่...แรมอาจจะไม่ทันระวังตัว มาหยาเป็นห่วงน้อง กลัวว่าจะมีคนเอาไปนินทา ที่ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับว่าที่พี่เขยจนเกินไป”
จันทราตาเขียว คำรามในลำคอ “หื้อ!!มันได้เชื้อแม่มันน่ะสิ จงใจยั่วผู้ชาย...คนมองโลกในแง่ดี เหมือนลูกไม่ทันเกมมันหรอก เดี๋ยวแม่จะจัดการมันเอง”
นัยน์ตาจันทราฉายชัดว่าเกลียดเดือนแรม เพ็ญประกายแอบยิ้มอย่างพอใจ
เดือนแรมทำงานบ้านอยู่ ในขณะที่จันทราแนะนำเจิมกับเมิน
“พี่เจิม...นี่คุณเมิน สามีฉัน”
“สวัสดีครับคุณเมิน” เจิมยกมือไหว้
เมินรับไหว้ จันทราพูดต่อ “พอดีช่วงนี้พี่เจิมมีปัญหานิดหน่อย เลยจะมาขอพักอยู่ที่บ้านเราค่ะ”
“ตามสบาย” เมินเดินเข้าบ้านไปไม่สนใจ
จันทรากับเจิมหันมามองหน้ากัน ยิ้มอย่างรู้กัน จันทราพูดเข้าเรื่องกับเจิม
“หน้าที่ของพี่คือหาโอกาสทำลายนังแรมเพียงอย่างเดียว”
เจิมเขม้นมองไปที่เดือนแรมตาวาวโรจน์ ราวกับเสือร้ายหมายตาจ้องตะครุบเหยื่อ
อ่านต่อหน้า 3
มาหยารัศมี ตอนที่ 6 (ต่อ)
ธิติรัตน์ทำงานด้วยความหงุดหงิดใจ คิดถึงเดือนแรมขึ้นมาอีก
“ถ้าเหมือนแรม...แรมมีแต่ความจริงใจ ความปรารถนาดีให้คุณชาย”
ธิติรัตน์หน้าหงิกงอ ถ้อยคำประโยคนี้ โดนใจ พอๆ กับ คาใจ ราชนิกูลรูปงามจนใจอ่อนยวบ
“เธอทำให้ฉันว้าวุ่นใจอีกแล้วเดือนแรม”
ธิติรัตน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนก้มหน้าก้มตาทำงาน แต่ก็ไม่มีสมาธิอยู่ดี
ไม่ต่างจากเดือนแรมที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง แต่อ่านไม่รู้เรื่อง ในหนังสือมีแต่หน้าของธิติรัตน์
“คุณชายจะรู้มั้ย? เวลาคุณชายโกรธแรม แรมไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลย”
จันทราเปิดประตูเข้ามา เดือนแรมสะดุ้ง
“นั่งเฉยๆ อยู่ได้ บ้านช่องไม่รู้จักทำความสะอาด ออกไปทำเร็ว”
“ค่ะ”
จันทราเขม้นมอง เดือนแรมจำต้องออกไป จันทราแอบเอาคีมดัดตรงที่ล็อกประตูห้องเดือนแรม ให้ล็อกไม่ได้ จันทรายิ้มร้ายแล้วเดินออกไป
ขณะที่เดือนแรมทำงานบ้านอยู่นั้น สังเกตเห็นเจิมมาแอบมองด้วยท่าทางหื่นกระหาย เดือนแรมหันไปจ้องหน้าสบสายตาเจิมไม่พอใจ และพร้อมจะเอาเรื่อง เจิมต้องล่าถอยออกไป
เวลาเดียวกันแม้นเทพว่ายน้ำอยู่ในสระ ออกกำลังกาย เห็นเจิมแวบๆ บ่นงึมงำ
“ทำเป็นเล่นตัว คอยดูเถอะ มีโอกาส พ่อจะขย้ำให้หนำใจเลย”
แม้นเทพชะงัก เขม้นมอง จำได้เคยเจอในร้านสะดวกซื้อ
“ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้?”
แม้นเทพขึ้นมาจากสระ คว้าเสื้อคลุมและผ้าเช็ดตัว เดินตามไปอย่างสงสัย
เจิมเดินสำรวจข้าวของ และมองลู่ทางภายในบ้าน พร้อมกับสอดส่องทางหนีทีไล่ เหมือนดวงตาของพวกมิจฉาชีพ เจิมพึมพำ เมื่อเห็นข้าวข้องราคาแพงเต็มไปหมด
“โอ้โห! ของแต่ละอย่าง แพงๆ ทั้งนั้นเลย มีลู่ทางเมื่อไหร่ จะขนให้เกลี้ยงเลย”
เจิมมองเพลินตา แม้นเทพเดินตามมา เจิมหูไว รับรู้ว่ามีคนตามรีบหลบอย่าง
รวดเร็ว แม้นเทพเดินตามมาจึงไม่เห็น แม้นเทพระแวง นึกถึงคำพูดเจิมขึ้นมาอีก
“น้องสาวให้ฉันแสตนด์บายคอยช่วยงาน...”
แม้นเทพใคร่ครวญครุ่นคิด “หรือน้องสาวของผู้ชายคนนี้คือคุณจันทรา…”
แม้นเทพได้แต่นึกสงสัย เจิมมองแม้นเทพอยู่ อย่างระแวดระวัง
แม้นเทพคาใจเรื่องเจิม จึงมาเล่าหารือกับแม่ฟัง สองคนคุยกัน มะลิเอ่ยขึ้น
“ถึงจะเป็นพี่ชายของจันทราแม่ก็ว่าไม่เหมาะ”
“ผมก็ว่าไม่เหมาะ คุณอาน่าจะห่วงแรมบ้าง”
“งั้นแม่ว่าให้แรมมาอยู่บ้านเราดีกว่า เดี๋ยวแม่จะไปคุยเอง” มะลิสรุป
จันทราบอกกับมะลิและแม้นเทพ ที่มาหาเมิน สายตายิ้ม แต่สีหน้าเอาเรื่อง
“คุณเมินไปทำงานค่ะ และวันนี้ก็คงกลับดึก”
“งั้นเรียกแรมมาหาฉัน”
จันทราโกหก “แรมไปเรียนแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวผมไปบอกแรมที่มหาวิทยาลัยก็ได้ครับคุณแม่” แม้นเทพบอกแม่
จันทราชักหงุดหงิด และสงสัย “มีเรื่องด่วนอะไรหรือคะ?”
“ฉันจะให้แรมไปอยู่บ้านฉัน เพราะอยู่ที่นี่ท่าทางแรมจะไม่ปลอดภัย”
มะลิพูดแค่นั้นก็หมุนตัวเดินกลับไป แม้นเทพตาม ชุติมาแอบฟังอยู่
จันทราเดินยิ้มหน้ากระหยิ่ม พูดกับตัวเอง
“กว่าพวกแกจะพานังแรมไป นังแรมมันก็กลายเป็นพี่สะใภ้ฉันไปแล้วล่ะย่ะ!”
ชุติมาเดินตามมาถามเบาๆ แต่เหวี่ยงอยู่ในที
“ทำไมแม่ต้องพาลุงเข้ามาอยู่ที่นี่ด้วย เดี๋ยวก็ซวยหรอก”
“ซวยยังไง?”
“ก็ลุงเป็นคนไม่ดี เรื่องชั่วๆทุกอย่างทำหมด แม่จะเอาเสนียดเข้ามาในบ้านทำไม?”
“ถ้าแกจะบอกว่าฉันเอาเสนียดเข้าบ้าน มันก็เสนียดตั้งแต่วันที่ฉันพาแกเข้ามาแล้วล่ะ”
ชุติมาหน้าเสีย นึกเสียใจ เสียงเครือๆ “แม่” เริ่มร้องไห้ “หนูเลวนักเหรอในสายตาแม่ แม่ถึงได้เกลียดหนูนักหนา มีแต่หนูนั่นแหละที่โดนกระทำ”
“แกน่ะเหรอโดนกระทำ เฮอะ!! ฉันอยากจะหัวเราะนัก แกนั่นแหละสร้างแต่เรื่องวุ่นวายไม่มีหยุด ขนาดเรื่องแค่นี้แกยังตามมาขัดฉันจนได้”
ชุติมาเสียงเครือๆ อยู่ “ก็หนูหวังดี...หนูไม่อยากให้ลุงนำความเดือดร้อนมาให้แม่ เพราะหนูเชื่อว่า คนเลว อยู่ที่ไหนก็สร้างแต่ความเลว และสุดท้ายแม่นั่นแหละ จะเดือดร้อนเพราะลุง”
“จะเดือดร้อนขนาดไหน ก็ไม่เท่ากับแกทำให้ฉันเดือดเนื้อร้อนใจอย่างทุกวันนี้หรอก พูดออกมาได้ว่าจะแฉยัยเพ็ญ...แกนี่มันได้เลือดพ่อแกจริงๆ นังขี้อิจฉา” จันทราเอานิ้วจิ้มผลักหัว “ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้ ไป๊”
ชุติมาร้องไห้โฮออกมา ก่อนวิ่งผละออกไปด้วยความเสียใจอย่างที่สุด
แม้นเทพในชุดนายทหาร เดินมาเตรียมจะไปทำงาน สวนกับชุติมาที่วิ่งร้องไห้มา
“อ้าว!เธอ”
ชุติมาไม่ได้ตอบอะไร วิ่งผ่านไปทั้งน้ำตา แม้นเทพมองตาม “ร้องไห้อะไรอีก?”
แม้นเทพเดินตามเร็วๆ ร้องเรียกไว้ “ชุติมา”
ชุติมาหยุด แม้นเทพถามอีก “ร้องไห้ทำไมอีก?”
ชุติมายกมือปาดน้ำตา ทำทีเป็นเข้มแข็ง “เปล่า... คุณเป็นห่วงแรมใช่มั้ย?”
แม้นเทพมอง ชุติมาบอกเสียงอ่อย
“ฉันไม่ได้แอบฟังนะ ฉันได้ยิน แต่คุณไม่ต้องห่วงนะ ฉันอยู่นี่...ฉันจะไม่ให้ใครทำอะไรแรม”
แม้นเทพมอง งง แบบคาดไม่ถึง ชุติมาบอกอีก “เพราะคุณดีกับฉัน ฉันก็จะดีกับแรม”
แม้นเทพมอง แล้วยิ้มให้จริงใจและดีใจ “พี่ขอบใจมากชุติมา”
“พี่…” ชุติมาคาดไม่ถึง แม้นเทพเรียกแทนตัวเองว่าพี่
แม้นเทพต่อให้เป็นเชิงอนุญาต “พี่ต้อม...”
“ชุ...ขอบคุณมากค่ะพี่ต้อม ขอบคุณจริงๆ”
ชุติมายิ้มให้แม้นเทพด้วยความดีใจ แม้นเทพยิ้มจริงใจตอบ
“งั้นก็ปาดน้ำตาทิ้งซะ คนเราร้องไห้ได้ แต่อย่าร้องนาน”
“ค่ะ”
ชุติมาพยักหน้าทั้งน้ำตา ทั้งซึ้งใจเรื่อแมนเทพ และเสียใจเรื่องจันทรา
ค่ำคืนนั้น มะลิถามแม้นเทพที่กลับจากกรมกอง เปลี่ยนชุดธรรมดาแล้ว อย่างสงสัย
“คนอย่างชุติมา ร้องไห้เป็นด้วยเหรอ?”
“ผมเห็นหลายครั้งแล้วครับคุณแม่....ล่าสุดก็ทะเลาะอะไรกับคุณจันทราก็ไม่รู้ ได้ยินแว่วๆ ว่าเลือดชั่วเหมือนพ่อ”
“โอ้โห! ว่ากันแรงถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“พิมก็เคยได้ยินค่ะคุณ...ตอนที่คุณจันทราว่าแรม” พิมทำท่าสยอง “ปากคอเราะร้ายเหลือเกิน”
“แต่ชุติมาเป็นหลานของคุณจันทรานี่ครับ...” แม้นเทพท้วง
“ยิ่งเป็นหลาน ยิ่งต้องให้ความเมตตา ถ้าพ่อแม่ของชุติมารู้ว่าลูกถูกว่าอย่างนี้ เค้าคงไม่ยอมให้มาอยู่ที่นี่หรอก”
พิมออกความเห็น “หรือคุณชุติมาจะไม่มีพ่อแม่คะ...คุณชุติมาถึงได้ทนอยู่ให้คุณจันทราโขกสับอยู่อย่างนี้”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ชุติมาก็เป็นคนที่น่าสงสาร” แม้นเทพหน้าหมอง
“เค้าก้าวร้าวขนาดนั้น ต้อมจะสงสารเค้าทำไมลูก?” มะลิดูจะไม่วางใจ
“ก็บางทีชุติมาอาจจะทำตัวก้าวร้าว เพื่อปกปิดความอ่อนแอของตัวเองน่ะครับคุณแม่”
น้ำเสียงของแม้นเทพอ่อนลง ในเนื้อเสียงมีความสงสารปนอยู่
ชุติมานั่งเสียใจอยู่ในห้องนอน ดวงตาแดงช้ำ
“ขนาดนี้ ยังไม่เรียกว่าโดนกระทำเหรอ? มีแม่ แม่ก็ไม่ยอมรับ หวังดี แม่ก็ด่าไม่มีใครรักฉันซักคน แล้วฉันจะเกิดมาทำไม?”
ชุติมาร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ขว้างปาข้าวของภายในห้อง ของที่เหวี่ยงไปโดน
ตะกร้าเสื้อผ้าที่ใช้แล้วคว่ำลง เห็นเสื้อผ้าชุดที่แม้นเทพซื้อให้ ชุติมายืนอึ้งไป นิ่งมอง ก่อนเดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดนั้นขึ้นมามอง
นึกถึงใบหน้า และน้ำเสียงตอนแม้นเทพบอกอย่างอ่อนโยน “เสื้อผ้า รีบไปเปลี่ยนซะ เดี๋ยวไม่สบาย”
ชุติมามองเสื้อผ้าพึมพำออกมา “ถึงพี่ต้อมจะชอบว่าเราแรงๆ แต่เราก็ยังรู้สึกถึงความห่วงใย
แต่สำหรับแม่ เราไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้เลย”
ชุติมากอดเสื้อผ้าที่แม้นเทพซื้อให้ ร้องไห้เสียใจออกมาอีก
วันต่อมาธิติรัตน์ถ่ายรูปนางแบบหน้าใหม่ที่มาแคสต์ ด้วยท่าทางไม่ได้ดั่งใจ ก่อนเดินมาบอกทีมงานเบาๆ
“เดี๋ยวหาคนใหม่มาแคสต์เพิ่มด้วย”
“ค่ะ”
ธิติรัตน์เดินไป ทีมงานแอบบ่น “คุณชายหงุดหงิดจังเลยเน๊าะ”
“เป็นเพราะนางแบบ หรือพวกเราทำงานไม่ได้เรื่อง?” ทีมงานอีกคนว่า
ธิติรัตน์ได้ยิน ชะงัก บอกตัวเองในใจ “เราไม่ควรปล่อยให้แรมมีอิทธิพลต่อเราขนาดนี้”
ธิติรัตน์เดินเข้าไปด้านใน รู้สึกผิดกับตัวเองเหมือนกัน
พอเดินเข้าไปในห้องธิติรัตน์บอกตัวเองเพื่อเรียกสติ “ทำงานๆๆๆ”
เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะดัง ธิติรัตน์รับ “ว่าไง?”
เลขารายงาน “คุณดุจแขขอเรียนสายด้วยค่ะ”
“ฉันไม่ว่าง” ธิติรัตน์ตัดบททำงานต่อ ไม่สนใจ
ดุจแขนอนอยู่บนที่นอนร้องไห้ฟูมฟาย มือกำโทรศัพท์แน่น ริมฝีปากสั่นระริกเหมือนคนเจ็บปวดใจมาก สรรชัยเปิดประตูเข้ามาพร้อมชามข้าวต้ม ได้ยินดุจแขร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ
“คุณชายไม่รักแขแล้วจริงๆ”
สรรชัยยืน อึ้ง สีหน้าเจ็บปวด มือที่ถือชามข้าวต้มสั่น เดินไปหาดุจแข
สรรชัยพูดอ่อนโยน “ผมทำข้าวต้มมาให้ ทานหน่อยนะ” ตักขึ้นมาจะป้อน
“อย่ามายุ่งกับฉัน” ดุจแขปัดมือออก
ข้าวต้มเลอะเนื้อตัวสรรชัย แต่สรรชัยยังนิ่ง พยายามใจเย็นที่สุด
“คุณเอาแต่ดื่มเหล้ามาหลายวันแล้ว ทานข้าวซักหน่อยเถอะ...จะได้ดีขึ้น”
ดุจแขกรีดเสียง ตะคอกกลับ “ฉันบอกว่าไม่” ดุจแขผลักสรรชัยออกอย่างแรง
คราวนี้ชามข้าวต้มหกเลอะสรรชัยทั้งชาม และดุจแขก็ทำท่าจะอาเจียนออกมา สรรชัยรีบวางชามข้าวต้มเข้าไปประคองดุจแขรวดเร็วดุจแขอาเจียนอีก จนเลอะตัวสรรชัยไปหมด แต่สรรชัยไม่รังเกียจรีบประคองดุจแขเข้าไปในห้องน้ำรวดเร็ว
ในห้องน้ำดุจแขโก่งคออาเจียนออกมา สรรชัยลูบหลังให้อย่างห่วงใย
ดุจแขตะโกนไล่ “อย่ามายุ่ง ไปให้พ้น” ผลักไสออกอย่างแรง
ร่างของสรรชัยกระแทกเข้ากับฝาผนังห้องน้ำอย่างแรง ดุจแขเดินโผเผออกไปด้านนอก
ตรงไปจะคว้าขวดเหล้า
สรรชัยเห็นรีบร้องห้าม “อย่า” แล้วรีบตรงมาแย่งขวดเหล้า
ดุจแขไม่ยอมอาละวาดแย่งคืน
“บอกว่าอย่ามายุ่ง ไป๊” ดุจแขตะเพิด
“ไม่!”
สองคนยื้อยุดขวดเหล้ากัน สรรชัยตะโกนก้อง “เลิกบ้าได้แล้ว มานี่”
สรรชัยลากดุจแขกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง จับตัวดุจแขให้อยู่ตรงอ่าง แล้วเปิดน้ำจากฝักบัวราดรดทั้งตัว ดุจแขร้องกรี๊ดๆ
“อย่ามายุ่งกับฉัน อย่ามายุ่ง”
“ผมจะไม่ยุ่งกับคุณเลย ถ้าผมไม่รักคุณ”
ดุจแขอึ้ง เนื่องเพราะตัวเองร้ายขนาดนี้แล้วสรรชัยยังยอมไม่ไป
สรรชัยปิดน้ำ หยิบผ้าขนหนูในตู้ซับหน้าให้ดุจแขเบาๆ อ่อนโยน ขณะที่ดุจแขยืนนิ่ง
สรรชัยบอกน้ำเสียงอ่อนโยน “ในชีวิตคุณจะมีผู้ชายคนไหน รักคุณได้เท่านี้”
สรรชัยวางผ้าขนหนูแล้วเดินออกไป ดุจแขมองตาม เห็นสรรชัยเช็ดอ้วกที่หกเลอะเทอะแบบไม่รังเกียจ ดุจแขมองสีหน้าไม่เข้าใจเหตุใดเขาถึงรักเธอขนาดนี้
ดุจแขคิดในใจอย่างเจ็บปวด “ทำไม?....คนที่อยู่ตรงนี้ ถึงไม่เป็นคุณชาย”
ดุจแขหลับตาลง น้ำตารินไหล ก่อนที่จะได้ยินเสียงสะอื้นออกมา
สรรชัยเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วปิดลง จิตใจสรรชัยห่อเหี่ยว ปล่อยร่างครูดลงกับประตูเหมือนคนหมดแรง
“ในโลกนี้คงไม่มีผู้ชายที่อ่อนแอเพราะความรักได้ถึงขนาดนี้ ใครจะมองว่าโง่ งี่เง่า แต่ถ้ามันแลกกับหัวใจของคุณ ผมยอม ดุจแข!”
สรรชัยยกมือกุมศีรษะ นัยน์ตามีแต่ความรักและเสียใจ
คืนนั้นธิติรัตน์กลับจากออฟฟิศเดินเข้ามาในวัง สีหน้าเคร่ง บึ้งตึง เพราะลึกๆ ยังโกรธเดือนแรมอยู่ไม่วาย ขณะกำลังเดินผ่านห้องโถงใหญ่ก็เห็นรูปเท่าตัวจริงของเดือนแรมตั้งอยู่ ธิติรัตน์ชะงัก หยุดมอง เห็นเดือนแรมในรูปภาพยิ้มให้
ธิติรัตน์มองจ้องดวงตา...นัยน์ตาเดือนแรมหวานซึ้งนัก
“คนยิ่งโมโห ยังจะมายิ้มให้อีก”
ธิติรัตน์มองสบตาเดือนแรมในรูป แล้วก็เผลอตัวยิ้มออกมาน้อยๆ ก่อนที่รู้สึกตัว หน้า
บึ้งขึ้นมาใหม่ ธิติรัตน์เดินหนีจากตรงนั้นไปเร็วรี่ ละเอียดยืนมองอยู่ เห็นกิริยาของธิติรัตน์ทุกอย่าง ละเอียดแอบอมยิ้มขำเอ็นดู ลึกๆ รู้.. ว่าธิติรัตน์คิดอะไรอยู่
ด้านเดือนแรมหยิบมือถือขึ้นมากด ทำท่าจะโทร.ออก เห็นเป็นเบอร์ธิติรัตน์
เวลาเดียวกันธิติรัตน์เอาแต่มองจ้องโทรศัพท์ ไม่มีสายโทร.เข้าสักที ก็มีสีหน้าหงุดหงิด บ่นงึมงำ
“รู้ว่าโกรธ ก็ยังไม่โทร.มาอีก”
เสียงโทรศัพท์ดัง ธิติรัตน์ยิ้ม รีบกดรับโดยไม่ทันมองชื่อ คิดว่าเป็นเดือนแรมแน่
“ว่าไง?” ยิ้มฟัง แล้วหน้าเจื่อนเปลี่ยนเสียง “ตอนนี้ฉันไม่ว่าง เดี๋ยวค่อยคุยกันนะศรัณย์”
ธิติรัตน์วางสายอย่างหัวเสีย มองมือถือ แล้วถามตัวเอง
“เธอจะไม่โทร.มาหาฉันจริงๆ เหรอเดือนแรม?”
ส่วนเดือนแรมหน้าเศร้าสร้อย มองโทรศัพท์บอกกับตัวเอง
“คุณชายยังโกรธอยู่....อย่าเพิ่งโทร.ให้คุณชายหงุดหงิดเลยนะแรม”
สองคนมองโทรศัพท์ แต่ด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน คนหนึ่งยับยั้งใจ อีกคนรอคอย
ระหว่างนั้นเพ็ญประกายยืนมองเดือนแรมอยู่ จดจ้องมองอยู่ที่โทรศัพท์ จับกิริยาเดือนแรมก็รู้ทันทีอะไรคืออะไร
เพ็ญประกายเดินเข้ามาในบ้าน ดวงหน้าหมองเศร้า นิ่ง และร้าย เจอจันทราผู้เป็นแม่
“อ้าว! ทำไมทำหน้าอย่างนี้ล่ะลูก?”
เพ็ญประกายเสียงเครือแล้ว “คุณแม่จำได้มั้ยคะ? ที่เราเคยสงสัย.....คุณชายมีคนอื่น”
จันทราตกใจ “คุณชายมีคนอื่นจริงเหรอ? ผู้หญิงคนนั้นมันเป็นใคร?”
เพ็ญประกาย “แรมค่ะแม่...ผู้หญิงคนนั้นคือเดือนแรม”
“นังแรม!”
จันทราตาวาววับ โกรธจัด
“แม่มันทำให้แม่เจ็บปวด มาถึงตอนนี้มันยังมาทำให้ลูกของแม่ต้องเจ็บปวดอีก” คำรามในลำคอเบาแต่กร้าวเข้ม “สมควรที่ฉันจะต้องจัดการกับแก นังแรม!”
จันทราวาดแผนร้ายในใจอีกครั้ง เพื่อกำจัดเดือนแรมไปพ้นทางรักลูกสาว
รุ่งเช้าเมินยืนนิ่งนึกถึงหน้าราศี เหมือนว่า...เมินเพ่งมองดูรูปราศรีอยู่ นึกถึงวันที่คุยกันเรื่องบ้านในฝัน ราศรีบอกเมินว่าอยากได้บ้านพักตากอากาศ
“ผมกำลังทำความฝันของคุณให้เป็นจริงอยู่นะราศี”
เมินรีบเก็บรูปราศีคืนไว้หลังรูปจันทราในกรอบ
จันทราเปิดประตูเข้ามาทันเห็นตอนเมินวางกรอบรูปไว้บนหัวเตียงพอดี
จันซากระหยิ่มแอบยิ้ม ก่อนจะแสร้งทำหน้าหมอง เดินมากอด ออดอ้อน
“คุณเมินขา...จันไม่สบาย พาจันไปหาหมอหน่อยนะคะ”
เมินยืนนิ่ง “ไปสิ” แล้วเดินออกไป
จันทราอึ้ง เมินไม่ถามอะไรเลย มันขัดกับที่เขามองดูรูปของเธอ
“คุณจะไม่ถามเลยเหรอ ว่าจันเป็นอะไร?”
“จะเป็นอะไร หมอเท่านั้นที่จะบอกคุณได้”
เมินเดินออกไป จันทรางง ฟังดูเหมือนเมินตัดรอน
“ตกลง คุณห่วงหรือไม่ห่วงฉันกันแน่?”
จันทราเดินออกมากับเมินที่หน้าบ้าน เพ็ญประกายยืนรออยู่ ชุติมาเดินมา
พอเห็นจันทราก็เมินไม่ยอมมอง จันทราเรียกทันที
“เอ้า! มาพอดี...เดี๋ยวออกไปข้างนอกด้วยกันชุติมา”
ชุติมาไม่ถามว่าไปไหน ยังโกรธอยู่ “ชุไม่ไปค่ะ”
จันทราพูดแทบเป็นสั่ง เสียงเข้ม “ต้องไป”
ชุติมาชักสีหน้า มองไม่พอใจ จันทราถลึงตาใส่ เห็นรังสีอำมหิต ชุติมาเงียบกริบ
“ชุติมาไม่อยากไป เธอจะไปบังคับทำไม?” เมินแปลกใจ
“ก็เผื่อจันมีอะไรจะใช้น่ะค่ะ” มองค้อนชุติมา “มากับฉัน เร็ว!”
จันทราเดินออกไปกับเมิน เพ็ญประกายตามมา ชุติมามองสีหน้าไม่พอใจ จะเดินตามออกไป แต่แล้วหางตากลับเห็นเจิมลับๆ ล่อๆ อยู่อีกมุม
ชุติมามองเจิมอย่างสงสัย แต่ก็ยอมตามจันทราไป
เจิมแอบมองอยู่ พอเห็นรถของเมินแล่นออกไป และแป้นปิดประตูรั้ว เจิมก็ยิ้มร้ายออกมา เอามือลูบปาก ท่าทางหื่นกระหาย เขม้นมองตรงไปในบ้าน จัดการเดือนแรมตามแผน
เดือนแรมในชุดนักศึกษาจะเดินออกนอกบ้าน แต่แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นเจิมยืนขวางอยู่
เดือนแรมเห็นสายตาของเจิมก็รู้ว่ามาไม่ดีแน่ เดือนแรมถอยกรูดทันที
เดือนแรมกร้าว “อย่าเข้ามานะ”
เจิมหัวเราะร่วน สายตาที่มองมาอย่างหื่นโหย เดินเข้ามาเลียนเสียงล้อ “อย่าเข้ามานะ ...” ก่อนจะเปลี่ยนเสียงกร้าว “ถ้าเข้า แล้วเธอจะทำอะไรฉันได้ มานี่”
เจิมโถมตัวกระชากข้อมือเดือนแรมอย่างแรง จนหนังสือเรียนที่หอบมาตกลงกับพื้นเกลื่อน
เดือนแรมตะโกนเสียงแข็ง “ปล่อยฉัน”
“ฉันหาโอกาสมาตั้งนาน ปล่อยทำไม”
เจิมตรงเข้ามากระชากร่างเดือนแรม เดือนแรมไม่ยอม ยกเข่าขึ้นกระทุ้งเข้าที่จุดยุทธศาสตร์ เจิมตัวงอ ร้องโอ๊ย ปล่อยมือจากเดือนแรม
เดือนแรมตั้งท่าวิ่งหนี แต่เจิมหันมากระชากตัวเดือนแรมเข้ามาใหม่
“แกหนีฉันไม่พ้นหรอกนังแรม” เจิมตะครุบตัวเดือนแรมรวดเร็ว
พนักงานลูกน้องของธิติรัตน์ ในส่วนของทีมโปรดักชั่น กำลังเซ็ตฉากถ่ายภาพนิ่งนางแบบ อยู่ธิติรัตน์เดินมาที่โทรศัพท์เช็คดูไม่มีสายจากเดือนแรม ธิติรัตน์หงุดหงิดนัก
“ยังไม่ยอมโทร.มาอีก ต้องให้บอกหรือไง ว่าฉันโกรธอะไร?”
ธิติรัตน์หงุดหงิดอยู่อย่างนั้น ตั
ด้านเดือนแรมต่อสู้กับเจิมสุดชีวิต ไม่ยอมสู้ตาย ปากก็ตะโกนร้องขงความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยๆๆๆ”
แป้นโผล่หน้ามา พอเห็นก็ตกใจ ถึงจะร้ายกาจแค่ไหน แต่ก็ไม่คิดว่าจันทราจะวางแผนเลวร้ายได้ขนาดนี้ แป้นทำท่าจะเข้าไปช่วย แต่แล้วหยุดกึก
“ถ้าเราเข้าไปช่วย คุณจันทราเอาเราตายแน่ๆ”
แป้นได้แต่มองๆ แล้วรีบหลบไป ใจคอไม่ดีเลย
ที่บริเวณทางเดินระหว่างบ้านเมิน กับบ้านมะลิ แป้นเดินหน้าตาตื่นมา เจอมะลิ แป้นถึงกับผงะ ตกใจ มะลิมองงง
“มีอะไร? ทำไมทำหน้ายังกับเห็นผี?”
“ปะเปล่าค่ะคุณ”
“แล้วนี่ติดอะไรอยู่หรือเปล่า...ถ้าไม่มี ไปช่วยฉันถือของหน่อย ฉันจะไปไปตลาด แม่พิมเค้าไม่สบาย”
“ค่ะๆ”
แป้นรีบรับคำ ไม่อยากอยู่ รับรู้เหตุการณ์ แต่ก็ไม่ยอมช่วยเพราะกลัวจันทราเอาเรื่อง
ธิติรัตน์มองมือถือ แพ้ใจตัวเองทนไม่ไหว กดสายโทร.หาเดือนแรม ที่เวลานั้นกำลังต่อสู้
ดิ้นรน เอาตัวรอดจนกระเป๋าถือหล่น พร้อมๆ กับมือถือร่วงหล่นออกมา
เสียงโทรศัพท์ดัง เดือนแรมคว้ามาจะรับ แต่เจิมเอามือมาตะปบโทรศัพท์จนโทรศัพท์หล่นไปที่พื้นอีก เดือนแรมจะแย่งเจิมปัดออก
ธิติรัตน์ไม่สำเหนียกว่าเกิดเรื่องร้ายกับ เดือนแรม รอสายนานหงุดหงิด
“ยังไม่รับสายอีก”
ธิติรัตน์วางสายไป ทั้งโกรธ และหงุดหงิด ซึ่งที่จริงแอบน้อยใจ
ส่วนเดือนแรม รีบตะครุบมือถือ เห็นมิสคอลหน้าจอ
“คุณชาย!” ไวเท่าความคิดเดือนแรมรีบกดโทร.ออกทันที
“นังแรม” เจิมปัดมือถือออก
มือถือเดือนแรมกระเด็นตกลงพื้นตรงมุมหนึ่ง แต่ยังคงอยู่ในสาย ธิติรัตน์ เห็นเดือนแรมโทร.มา ธิติรัตน์ดีใจ จะกดรับ แต่หน้าตึงโกรธขึ้นมาซะก่อน
“ทำไมฉันต้องรับสายเธอด้วยแรม?”
ธิติรัตน์ไม่รับสายซะอย่างนั้น เดือนแรมตะโกนก้อง
“คุณชาย ช่วยแรมด้วยๆๆๆๆ”
“นังนี่!”
เจิมโมโหตบเดือนแรมอย่างแรง จนร่างล้มคว่ำลงกับพื้น แต่เดือนแรมก็สู้สุดใจยกเท้ายันเจิมโครมใหญ่ เจิมโกรธจัดหันมาเอาเรื่อง ไม่ได้สนมือถือ
มือถือยังดังต่อเนื่อง ธิติรัตน์มองอย่างหงุดหงิด
“โทร.มาอะไรนักหนารำคาญ!!” ปากบ่นว่า แต่ตายิ้ม แล้วในที่สุดก็กดรับ
เดือนแรมต่อสู้ สุดชีวิต จังหวะหนึ่งกรีดร้องสุดเสียง
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย ปล๊อย”
ธิติรัตน์ตกใจ และธิติรัตน์ก็ได้ยินเสียงเจิม
“ไม่มีใครอยู่บ้าน แกหนีฉันไม่รอดหรอกนังแรม”
“แรม”
ธิติรัตน์รีบวิ่งออกไปทันควัน
อ่านต่อหน้า 4
มาหยารัศมี ตอนที่ 6 (ต่อ)
เดือนแรมถูกเจิมทับร่างกดไว้กับพื้น ไร้ทางสู้ เจิมพร้อมทำร้าย ทำท่าจะบีบคอ เดือนแรมใจสั่นมองอย่างหวาดกลัวมาก ร้องอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา
“อย่า..อย่าทำฉัน"
“ฉันก็ไม่ได้พิศวาสแกนักหรอก....แต่ที่ฉันต้องทำ”
เดือนแรมจ้องหน้าเจิม ลุ้นๆ ตั้งใจฟังว่าเจิมจะพูดอะไรต่อ
เจิมเสียงพร่าๆน่ากลัว “อย่าเสียเวลาเลย...ให้ฉันทำหน้าที่ของฉันดีกว่า”
เจิมก้มหน้าลงอย่างย่ามใจ เดือนแรมตกใจกลัวเบือนหน้าหนี ในที่สุดเดือนแรมฮึดสู้ ยกเท้ายันเจิมสุดแรงเกิด เจิมผงะหงายเงิบไปที่พื้นห้อง
เดือนแรมลุกขึ้นแล้วยกเท้ากระทืบที่ลำตัวของเจิมสุดแรง ทั้งโกรธ เกลียด และโมโห เจิมเจ็บ จุก แต่ยังแข็งใจเอามือจับเท้าเดือนแรมเอาไว้และดึงกระชากกลับมาอย่างแรง
“ว้าย!”
เดือนแรมร้องลั่น ก่อนที่ร่างจะถลา ซวนเซล้มลง เจิมเจ็บและโกรธมาก
“แกตายนังแรม”
เจิมตะคอก ตบหน้าเดือนแรมเต็มแรงหลายๆ ที และชกเข้าที่ท้องน้อยอีก เดือนแรมหมดสติไป
“นึกว่าจะแน่!”
เจิมมองเดือนแรม แววตาโกรธ เปลี่ยนเป็นหื่นกระหาย
เมินขับรถมาตามทาง ทุกคนนั่งอยู่ในรถ และการจราจรติดมาก จันทรายิ้มนิ่งคิดในใจ
“แกไม่รอดแน่นังแรม”
แววตามุ่งร้ายฉายโชน ลึกลงไปในสีหน้าเรียบนิ่งของเพ็ญประกาย ไม่รู้ว่าแม่จะทำอะไรเดือนแรม แต่รู้ว่าต้องทำแน่ๆ ชุติมาหน้าเครียด นึกถึงใบหน้าเจิมขึ้นมา
“ลุงต้องคิดทำอะไรชั่วๆแน่” ครุ่นคิดในใจ ชุติมามองมือถือ แกล้งร้อง “อุ๊ย! เพื่อนชุโทร.มา” รับสาย “ว่าไง?แกมากรุงเทพฯเหรอ? ได้ๆ เดี๋ยวเจอกัน” หันมาพูดกับจันทรา “คุณน้าคะ ชุขอลงตรงนี้นะคะ ชุอยากจะไปหาเพื่อน”
จันทราหันมาค้อนชุติมา ไม่พอใจมาก เมินไม่พูดแต่เบนรถเข้าจอดข้างทาง
จันทรางง “จอดทำไมคะคุณ?”
“เค้าอยากไปหาเพื่อน ให้เค้าไปเถอะ” เมินบอก
ชุติมารีบบอกและยกมือไหว้ “ขอบคุณมากค่ะคุณเมิน” มองหน้าเพ็ญประกาย เหน็บส่งท้าย “ค่ำๆ เจอกันที่บ้านนะจ้ะน้องมาหยา”
ชุติมาก้าวลงไป จันทรามองค้อน ไม่พอใจ รถเมินแล่นออกไป ชุติมารีบโบกแท็กซี่
เดือนแรมนอนหมดสติอยู่บนโซฟา เจิมมองอย่างหื่นกระหาย
“ลาภปากจริงๆเล้ย....ได้เงินไม่พอ ยังได้แตะนางฟ้าอีก เกิดกี่ชาติไอ้เจิมไม่มีทางมีบุญอย่างนี้หรอก”
เจิมจะเอามือแตะเดือนแรม เสียงมือถือดังขึ้น เจิมทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ
“บ๊ะ! ใครมาขัดจังหวะวะ” รับสาย “ว่าไง?”
จันทราอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว หลบมาคุยโทรศัพท์ “เป็นไงมั่ง?”
เจิมหัวเราะร่วน “จะเป็นไง นังแรมมันก็นอนอยู่ตรงหน้าพี่แล้วสิจ๊ะน้อง...แค่นี้นะโว้ยฉันจะจัดการนังแรม” เจิมวางสาย
จันทรายิ้มหยันสาแก่ใจ
สมน้ำหน้า แกได้ออกจากบ้าน พร้อมผัวของแกแน่ๆ นังแรม”
ธิติรัตน์ซิ่งรถมาจอดที่หน้าบ้านเมิน เห็นทั้งบ้านเงียบ รถไม่อยู่ ประตูปิด ธิติรัตน์ตัดสินใจปีนรั้วเข้าไปทันที ธิติรัตน์มองไปเห็นเสียมวางอยู่ที่พื้นใต้ต้นไม้ ธิติรัตน์คว้าขึ้นมา แล้ววิ่งเข้าไปในบ้านเร็วรี่
เดือนแรมนอนนิ่งหมดสติอยู่ เมินเพ่งมองดวงหน้าสวยงามตรงหน้าอย่างหลงใหล ชัดเจนว่าสวยมาก
“เธอนี่สวยจริงๆ เลยแรม” เจิมค่อยๆ เอามือไล้ใบหน้า
เดือนแรม ค่อยๆ ปรือตา รู้สึกตัวขึ้นมา เห็นใบหน้าเจิมโน้มใกล้เข้า เดือนแรมตกใจ กรีดร้องสุดเสียง
“อย่า!!” เดือนแรมผลักหน้าเจิมออกอย่างแรง ขอสู้ตาย
เจิมโมโหสุดขีด “นังแรม! ฤทธิ์มากนักใช่มั้ย?”
เจิมบีบคอเดือนแรมอย่างแรง เดือนแรมหน้าซีดจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ธิติรัตน์วิ่งเข้า
มา ไวเท่าความคิด ธิติรัตน์วิ่งรี่เข้าหาเอาเสียมฟาดเข้าที่ต้นคอของเจิมสุดแรงเกิด เท่านั้น ร่างของเจิมก็ร่วงผล็อย ล้มลงหมดสติ
“แรม!”
“คุณชาย!!” เดือนแรมทั้งตกใจทั้งดีใจ คาดไม่ถึง
ธิติรัตน์ดึงร่างเดือนแรมเข้ามากอดแนบแน่น สงสารจับใจ เดือนแรมกอดธิติรัตน์แน่น แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
ชุติมาจะเดินเข้าไปในห้องนั้น เพื่อช่วยเดือนแรม ชุติมาชะงัก หลบแอบมอง เห็นธิติรัตน์กอดปลอบเดือนแรมอ่อนโยน
“ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่นี่ ฉันไม่ยอมให้ใครทำอันตรายแรมได้”
เดือนแรมร้องไห้เนื้อตัวสั่น กอดธิติรัตน์แน่น ชุติมามองภาพตรงหน้า เดาเหตุการณ์ทุก
อย่างออก
ดวงตาชุติมาที่มองไปยังเดือนแรมและธิติรัตน์ซาบซึ้ง ไม่มีแววอิจฉาแม้สักนิด
ลึกๆ ในใจ ชุติมาโหยหาอ้อมกอดนี้
ธิติรัตน์บอกย้ำกับหม่อมแม่ เสียงอ่อนโยนสุภาพ แต่เด็ดขาด และหนักแน่น
“บ้านของแรม คือที่ๆ อันตรายที่สุด เพื่อความปลอดภัยของแรม ผมขออนุญาตพาแรมเข้ามาอยู่ที่นี่นะครับคุณแม่”
หม่อมรัตนามองเดือนแรม เห็นสภาพเดือนแรมที่เนื้อตัวเขียวช้ำ ดวงหน้ายังมีคราบน้ำตา ท่าทียังเสียขวัญอยู่มาก ก็รู้สึกสงสาร หม่อมพยักหน้าตระหนักชัดแล้วว่าลูกชายรักเดือนแรม
“แม่อนุญาต...ไม่ต้องกลัวนะแรม อยู่ที่นี่ ฉันรับรองว่าหนูจะปลอดภัย”
“แรมกราบขอบพระคุณหม่อมกับคุณชายมากค่ะที่กรุณา” เดือนแรมยิ้ม หน้าหมองอยู่
“ฉันจะพาเธอไปแจ้งความ คนที่มันทำร้ายเธอ รวมทั้งคนที่มันบงการ จะต้องได้รับโทษ”
หม่อมรัตนาทักท้วง “แม่ว่าอย่าดีกว่า”
“ทำไมครับคุณแม่? ในเมื่อแรมถูกทำร้ายขนาดนี้ จะปล่อยไว้ได้ยังไง?”
“แม่เกรงว่าเรื่องมันจะลุกลามใหญ่โต ที่สำคัญ แรมเองนั่นแหละจะเป็นคนเสียหาย เพราะถ้ามีคนบงการจริงๆ เค้าคงพร้อมจะสร้างเรื่องทุกอย่างเพื่อทำลายแรม”
หม่อมรัตนาพูดเตือนสติลูกชาย ธิติรัตน์เย็นลง สีหน้าเดือนแรมเวลานั้น แม้ไม่พูดอะไรออก แต่นัยน์ตาเอาเรื่องอยู่ในที
เวลาเดียวกัน เจ๊กอไก่นั่งเขียนข่าวเชียร์เด็กในสังกัด อยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ตรงหน้า มี notebook เปิดอยู่ เจ๊นักปั้นบ่นอุบ
“โอ๊ย! นอกจากต้องหางานให้เด็กในสังกัดแล้ว ฉันยังต้องมานั่งเขียนข่าวอีก เหรอเนี่ย?”
เจ๊กอไก่บ่นงึมงำ พร้อมกับเริ่มพิมพ์ยิกๆ เสียงมือถือดัง เจ๊กดรับ
“ว่าไงแรม?” นิ่งฟัง..ตาโตตกใจพอได้ฟัง “อะไรนะ? เกิดเรื่องขนาดนี้เหรอ?” ฟังต่อ “ได้ๆๆ...เดี๋ยวเจอกัน” วางสาย เอามือทาบอก ตื่นเต้นมาก “นี่มันละครหลังข่าวชัดๆ”
เจ๊กอไก่เก็บnotebook ออกจากร้านไปทันที
เมินได้ฟังนิยายเป็นอีกเรื่องจากปากเจิม เมินถามย้ำอย่างโกรธมาก
“แรมทำเรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ?
เจิมนั่ง อยู่ในอาการเจ็บมาก เอามือคลำบริเวณต้นคอตลอดเวลา
“ครับท่าน...ไอ้ผมก็หวังดี..ไม่อยากให้ทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงภายในบ้าน แต่กลับถูกแฟนของคุณแรมทำร้ายเอา”
จันทรารีบผสมโรง “แฟนของแรม...ผู้ชายสูงๆ หน้าตาดี” จันทราบอกลักษณะ นึกถึงบุคลิกหน้าตาสรรชัย “ใช่มั้ยพี่?”
เจิมรีบรับ “ใช่...” พูดบอกท่าทางตามที่จันทราบอก
จันทราตีหน้าเศร้าสลด ขณะพูดกับเมิน “แสดงว่า แรมยังยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ว่าแรมจะกล้าขัดคำสั่งคุณพ่อ...แล้วยัง...” เพ็ญประกายพูดไม่เต็มคำนัก “พาผู้ชายคนนั้น เข้ามาทำเรื่องน่าอับอายในบ้านอีก”
เดือนแรมพร้อมกับเจ๊กอไก่เดินเข้ามาทันได้ยิน เดือนแรมบอกเสียงห้วน
“โกหก ความจริงคือ...” มองเจิมสลับจันทรา “พี่ชายของคุณอา จะปล้ำแรม”
เจิมกับจันทราประสานเสียงปฏิเสธพร้อมกัน “ไม่จริง!”
“อย่ามาใส่ความพี่ชายของฉัน เรื่องชั่วๆ พี่เจิมไม่เคยทำ” จันทราปฏิเสธทันควัน
เพ็ญประกายทำเป็นไม่พอใจ ต่อว่าแรม “อย่าโยนความผิดให้คนอื่นดีกว่าแรม ถึงแรมจะทำผิดแค่ไหน พี่เชื่อว่า ยังไงคุณพ่อก็ให้อภัย”
“ฉันไม่ให้อภัย!” เมินตวาดเสียงดัง
เดือนแรมเสียใจปนตกใจ “คุณพ่อ...” ร้องไห้อย่างคับแค้นใจ “ทำไมคุณพ่อไม่เคยคิดเชื่อแรมบ้างคะ?”
“ฉันเชื่อ…” เมินทอดจังหวะ ค้างคำพูด
จันทรา กับเพ็ญประกายมองเมิน นึกว่าเมินเชื่อเดือนแรม ในขณะที่เดือนแรมก็มีสีหน้าดีขึ้น
เมินพูดต่อ “...ฉันเชื่อ ความรู้สึกของฉันเอง” แล้วเดินออกไป ไม่มองหน้าเดือนแรมแม้แต่นิดเดียว
เดือนแรมหน้าสลด เสียใจนัก “คุณพ่อ”
จันทรายิ้มหยันอย่างพอใจ “เธอทำแต่เรื่องอับอายขายขี้หน้าให้พ่อเธอจริงๆ เดือนแรม”
เพ็ญประกายออกลาย ร่ายริษยาผ่านเสียงนิ่มๆ “ถ้าเป็นพี่...พี่คงไม่กล้าอยู่สู้หน้าคุณพ่อ”
ชุติมายืนอยู่หน้าห้องมองเพ็ญประกาย สลับกับมองเดือนแรมที่ยืนน้ำตาไหลพราก
“อย่าให้คุณเมินต้องลำบากใจมากไปกว่านี้เลยเดือนแรม” จันทราบอก
เจ๊กอไก่ประเมินเหตุการณ์แล้วจึงตัดบทขึ้น “โอเคค่ะ ถ้าอยากให้แรมออกจากบ้าน หนูให้แรมไปอยู่กับหนูก็ได้”
จันทรารีบอวยส่ง “งั้นก็รีบพาไปเร็วๆ เลย แล้วอย่าพากลับเข้ามาอีก”
“ชัวร์ ปะแรม”
เจ๊กอไก่ฉุดมือเดือนแรมจะพาเดินเข้าไปด้านใน เพ็ญประกายร้อง
“อ้าว! จะเข้าไปทำไม?”
เจ๊กอไก่หันขวับ จีบปากจีบคอเหน็บ “โถ! คุณขา...ใจคอจะให้แรมไปแต่ตัวหรือคะ? ให้เวลาแรมเก็บเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวบ้างเถอะค่ะ ป่ะ!!แรม”
เจ๊กอไก่ลากมือเดือนแรมเข้าไปยังห้อง เจิม จันทราและเพ็ญประกายหันมายิ้มให้กัน
เพ็ญประกายสีหน้าไม่ดีนัก ไม่รู้เรื่องที่เจิมปล้ำเดือนแรม รู้แค่เป็นแผนจันทราที่จะให้เดือนแรมออกจากบ้าน
เดือนแรมกับเจ๊กอไก่ช่วยกันเก็บข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเดือนแรมเข้ากระเป๋าเดินทาง
เดือนแรมมองกล่องของขวัญ ที่ตนวางไว้ หันไปบอกเจ๊กอไก่
“เจ๊...เดี๋ยวหนูมานะ”
“จะไปไหน?”
“ไปหาพ่อ”
เจ๊กอไก่เข้าใจพยักหน้า “ไปเถอะ..ที่เหลือเดี๋ยวเจ๊ช่วยเก็บเอง”
“ขอบคุณค่ะ”
เดือนแรมเดินออกไปพร้อมกล่องของขวัญ เจ๊กอไก่ก้มหน้าเก็บของต่อ เป็นพวก
ของจุ๊กจิ๊กกุ๊กกิ๊กต่างๆ บนโต๊ะหนังสือ เจ๊กอไก่เห็นกรอบรูปเมินวางอยู่
“เอาไปด้วยดีกว่า”
เจ๊กอไก่หยิบกรอบรูปขึ้นมา แต่รีบร้อนซุ่มซ่าม ทำกรอบรูปหล่น กระจกหน้ากรอบรูปเลื่อนออกมา เจ๊กอไก่ร้องว้าย!!
เจ๊กอไก่ตกใจจะหยิบแต่ต้องชะงัก มองเห็นการ์ด และจดหมายหล่นอยู่ด้วยเห็นชัดเจน เจ๊กอไก่หยิบมาอ่าน ไม่ได้ละลาบละล้วงแต่อยากรู้ว่าเป็นจดหมายอะไร
เจ๊กอไก่อ่านถ้อยความ “แรมต้องเข้มแข็ง เชื่อมั่นในคุณความดีของตัวเอง ฉันเชื่อว่า ซักวัน แรมจะได้พ่อที่รักแรมที่สุดกลับคืนมา เป็นกำลังใจให้เด็กดีของฉันเสมอ....ธิติรัตน์”
เจ๊กอไก่ตาโต “คุณชาย” คาดไม่ถึง
เมินอยู่ในห้องแล้ว หยิบรูปของราศรีขึ้นมาดูอีก
“อาจจะดูเหมือนฉันใจร้าย แต่ที่ฉันทำอย่างนี้ ฉันต้องการพิสูจน์ทั้งตัวแรมเองและจันทรา ถ้าแรมดีจริง ทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ!”
เมินเอารูปราศรีซ่อนเก็บหลังรูปจันทราในกรอบเหมือนเดิม ก่อนจะเดินมาที่ประตู
ที่หน้าห้อง เดือนแรมเดินมาน้ำตาไหล
“ของขวัญที่แรมตั้งใจให้ในวันคล้ายวันเกิดของคุณพ่อ แรมขอมอบให้ล่วงหน้าค่ะ”
เดือนแรมวางกล่องของขวัญลง แล้วหันหลังเดินออกไป ประตูเปิดออก เมินเดินออกมา เห็นกล่องของขวัญ พร้อมการ์ดที่เหน็บเอาไว้ เมินหยิบมาอ่าน
“สุขสันต์วันเกิดค่ะคุณพ่อ”
เมินมองตามเดือนแรม ด้วยความรู้สึก สับสน และตื้นตัน
มุมหนึ่งในบ้านเจิมถามจันทรา ท่าทางยังเจ็บๆ อยู่
“นังแรมไปแล้ว ฉันต้องอยู่ต่อมั้ยเนี่ย?”
“ก็ต้องอยู่สิ ขืนพี่ออกไป คุณเมินก็สงสัยกันพอดี แล้วยังไง...พี่ถึงได้สะบักสะบอมอย่างนี้?”
“มีคนมาช่วยมัน”
“ใคร?”
“ฉันไม่รู้ มันทุบฉันสลบก่อน”
“หมายความว่า...”
“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรนังแรม…” เจิมสารภาพ
สีหน้าของจันทราโกรธมาก
“มันรอดอีกจนได้...” จันทราพูดเสียงเกรี้ยวกราดออกมา “ฉันอยากรู้ ใครช่วยมัน?”
ธิติรัตน์จอดรถรออยู่ที่หน้าปากซอย ชะเง้อคอยเดือนแรม
“ทำไมไม่ออกมาซักที หรือมีเรื่องอะไรอีก?”
ธิติรัตน์หงุดหงิด ก้าวลงจากรถ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เดือนแรมกับเจ๊กอไก่เดินพ้นหัวมุม
เจ๊กอไก่เห็นรีบส่งเสียงนำไปก่อน “มาแล้วค่ะคุณชาย”
“ที่บ้านว่ายังไงบ้างแรม?”
เดือนแรมหน้าเศร้า “ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ”
เจ๊กอไก่รีบบอก “เพียงแค่เค้าดีใจมากที่แรมออกไปอยู่ที่อื่นซะได้”
ธิติรัตน์มองเดือนแรมแสนสงสารจับใจ “งั้นไปกันเถอะ ไปเจ๊..เดี๋ยวผมไปส่ง”
เจ๊กอไก่รู้ความสัมพันธ์แล้ว จึงรีบชิ่ง “ไม่เป็นไรค่ะคุณชายดึกมากแล้ว พาแรมกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ...เจ๊นั่งแท็กซี่ไปเองได้”
“ขอบใจมากนะเจ๊ แล้วเจอกัน”
“ขอบคุณค่ะเจ๊” เดือนแรมยกมือไหว้เจ๊กอไก่ ซาบซึ้งใจ
รถของธิติรัตน์วิ่งออกไป เจ๊กอไก่มองตามตาเยิ้ม
“ก็ว่าอยู่..ทำไมสองคนนี้ดูแปลกๆ ที่แท้..เค้ามีประวัติศาสตร์ร่วมกันนี่เอง” เจ๊นักปั้นยิ้มกริ่ม “แหม้!...ฉันอยากมีประวัติศาสตร์แบบนี้มั่งจัง” มองตาม อมยิ้มสุขใจไปกับทั้งคู่
ธิติรัตน์ขับรถไปตามทาง พลางชำเลืองมองเดือนแรมที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยดวงตาเป็นห่วง
ธิติรัตน์เอื้อมมือมาจับมือเดือนแรมไปกุมไว้ อบอุ่น มั่นคง และอ่อนโยน พร้อมบอก
“ฉันอยู่นี่...ต่อไปไม่ต้องกลัวอะไรอีกนะแรม”
“ค่ะคุณชาย”
สองคนยิ้มให้กันลึกซึ้ง อบอุ่นหัวใจ
เดือนแรมที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งอยู่บนเตียง หยิบการ์ดกับจดหมายธิติรัตน์ขึ้นมากอดแนบอก อบอุ่นในหัวใจ มองดูมือตัวเอง ข้างที่ธิติรัตน์จับ เดือนแรมยิ้มเขิน แต่เต็มไปด้วยอบอุ่นหัวใจ
เวลาเดียวกันธิติรัตน์อยู่ในห้องนอนที่วัง หยิบผ้าพันคอที่เดือนแรมถักให้มามองยิ้มพอใจ
ธิติรัตน์มองไปทางห้องเดือนแรม ก่อนจะทอดสายตามองไปที่ดวงจันทร์บนฟ้า
เดือนแรมก็มองดวงจันทร์เหมือนกัน
คืนเดียวกันนั้นชุติมายืนอยู่ที่หน้าต่างห้องของตัวเอง ทอดสายตามองไปยังบ้านมะลิ เห็นแม้นเทพในชุดทหารขับรถมาจอด เดินลงไป ชุติมาแอบมอง เห็นในมือของแม้นเทพถือนมขนาดสองลิตร และผลไม้ถุงใหญ่ออกมา
พิมวิ่งออกมารับ สองคนยิ้มให้กันอบอุ่น แม้นเทพยื่นของให้ป้าพิม แสดงกิริยาเคารพคุ้นเคย แตะแขนส่งป้าพิมเข้าบ้าน ก่อนเดินมาที่รถ หยิบของออกมา ชุติมาน้ำตาคลอ คิดถึงตัวเองที่ไม่มีใครสนใจเลย
“ขนาดแม่บ้านยังได้รับความรักจากพี่...แล้วถ้าเป็นคนพิเศษ พี่ต้อมจะดีกับเค้าขนาดไหน...ชุอยากเป็นคนคนนั้น พี่ต้อม”
ชุติมามองจนแม้นเทพเดินกลับเข้าไปในบ้าน และน้ำตาของชุติมาก็ไหลออกมา
เช้าวันต่อมา เพ็ญประกายยืนอยู่หน้ากระจกในห้อง แต่งตัวสวย และท่าทางมีความสุขมาก เพ็ญประกายยิ้มให้ตัวเอง
“ไม่มีแรม เช้าวันนี้สดใสจริงๆ” พูดกับกระจก “เพ็ญนี่ล่ะจะเข้าไปแทนที่ในหัวใจของคุณชายเอง”
เสียงจันทราเคาะประตูเบาๆ แล้วเปิดเข้ามา
“ว้าว! วันนี้ลูกแม่สวยสดใสจังเลย”
“จริงเหรอคะคุณแม่?”
“จริงสิจ๊ะ...สวยสดใส น่ารักที่สุด...ราศีเจ้าสาวจับจริงๆ”
เพ็ญประกายยิ้มแก้มปริ ระรื่นบอก “ลูกจะไปหาคุณชายค่ะ”
“งั้นหนูต้องสวยกว่านี้นะจ้ะ มะ..แม่ช่วยเติมหน้าให้”
จันทราจะแต่งหน้าให้ เพ็ญประกายจับพู่กันออกจากมือจันทรา
“ลูกแต่งเองดีกว่าค่ะ...”
“งั้น..ตามสบายจ้ะ เอาให้คุณชาย ยกขันหมากมาขอวันนี้ พรุ่งนี้เลยนะลูก”
จันทราเดินออกมาจากห้องด้วยหัวใจปรีเปรม ที่เห็นลูกสาวดูมีความสุขมากมาย
เพ็ญประกายเดินออกมาเจอชุติมา สองคนมองหน้ากัน เพ็ญประกายไม่พอใจชุติมา ชุติมา
ก็มองเพ็ญประกายแบบเอาเรื่องเหมือนกัน เพ็ญประกายหาเรื่อง เสียงนิ่มๆ
“ดูท่าทางพี่ชุ จะไม่อยากอยู่บ้านหลังนี้ เหมือนกับแรม?”
“ภูมิใจมากนักใช่มั้ย ที่ทำให้น้องระหกระเหิน ออกจากบ้านได้” ชุติมาตอกกลับ
เพ็ญประกายมองตาเขียว รู้ว่าถูกย้อน ชุติมาเหยียดปากเย้ยพลางบอก
“ผู้หญิงสองคน ที่ไม่เคยรู้จักกัน แต่สามารถเกลียดกันได้มากมายเพราะผู้ชายคนเดียวฉันยังพอเข้าใจ แต่คนที่เป็นพี่น้องกัน อย่างเธอกับแรม ฉันไม่เข้าใจว่า ทำไมทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้”
“ฉันทำอะไรแรม?”
ชุติมาเบ้ปากใส่ “อี๋! เตี๊ยมกันขนาดนี้ ชวนกันออกนอกบ้าน ลากฉันไปด้วย เพื่อให้ลุงเจิมไปปล้ำแรม ผู้หญิงด้วยกันทำไมทำร้ายกันได้ขนาดนี้เพ็ญประกาย?”
เพ็ญประกายงงจริงๆ “อะไร? พี่ชุพูดอะไร เพ็ญไม่รู้เรื่อง”
ชุติมามองด้วยความหมั่นไส้
“อย่ามาทำไม่รู้เรื่อง เธอน่ะแรดเงียบ! เอาหัวใจคุณชายไม่อยู่ ก็ใช้แผนสกปรก” เสียงเหยียดเย้ย “แต่เสียใจด้วยนะ ที่ฟ้าไม่เป็นใจ แถมฟ้ายังมีตา ให้พระเอกกับนางเอก ได้เห็นใจกัน” ชุติมาหย่อนเสียง “เธออยากรู้มั้ย...ว่าใครมาช่วยแรม”
เพ็ญประกายหน้าซีด ตื่นตระหนก อยากรู้ขึ้นมา ชุติมายิ้มหยัน
“คุณชายธิติรัตน์เป็นคนมาช่วยแรม ได้ยินมั้ยเพ็ญประกาย...คุณชายธิติรัตน์มาช่วยแรม”
พอจันทราได้ฟังก็ถามเพ็ญประกายย้ำอย่างตกใจ เพราะคาดไม่ถึง
“ว่าไงนะ? คุณชายธิติรัตน์น่ะเหรอมาช่วยนังแรม?”
เพ็ญประกายร้องไห้โฮ “ค่ะ...คุณชายธิติรัตน์มาช่วยแรม เพราะแผนสกปรกของคุณแม่
คุณแม่ทำได้ยังไงคะ ให้ลุงเจิมไปปล้ำแรม”
“ที่แม่ทำอย่างนั้นก็เพื่อเพ็ญ...ลองถ้านังแรมมันเป็นเมียของลุงเจิม ผู้ชายดีๆ ที่ไหนจะเข้ามาหามันอีก”
สีหน้าเพ็ญประกายเรียบนิ่ง แต่น้ำเสียงจริงจัง “งั้นคุณแม่ก็ทำตามแผนต่อไปค่ะ อย่าให้พลาด”
จันทรามองหน้าลูกสาวไม่เข้าใจ เพ็ญประกายพูดทั้งน้ำตา เสียงเครือเจ็บแต่ร้าย
“ลูกทนไม่ได้ ที่จะเห็นแรมได้ครอบครองคุณชาย...คุณชายต้องเป็นของลูก คุณชายต้องแต่งงานกับมาหยารัศมีให้เร็วที่สุดค่ะคุณแม่!”
ดูท่า ความริษยาจะกลืนกิน ความดีงามในใจเพ็ญประกายไปหมดสิ้นแล้ว
อ่านต่อตอนที่ 7