มาหยารัศมี ตอนที่ 1
ค่ำคืนนั้น เสียงเพลงดังอึกทึกครึกโครมไปทั่วบริเวณบ้านหลังใหญ่ของเมิน นักธุรกิจใหญ่ผู้ร่ำรวย เช่นเดียวกับวันสุดสัปดาห์ที่ผ่านๆ มา บนเนื้อที่หลายไร่บ้านหลังนี้มักจัดงานปาร์ตี้เป็นประจำ โดยมี จันทรา ภรรยาของเมิน เป็นแม่งาน
จันทราจัดงานปาร์ตี้นี้ขึ้นทุกอาทิตย์ โดยมีจุดมุ่งหมายเดียวคือ ต้องการให้เพ็ญประกาย ลูกสาวได้ผูกสัมพันธ์กับคนร่ำรวย ลูกหลานไฮโซตระกูลดัง เนื่องเพราะพื้นเพของจันทรานั้นเป็นแค่ลูกสาวร้านขายผ้าธรรมดา จึงต้องการยกระดับตัวเองและลูกสาวขึ้นมา ภายในงานปาร์ตี้ที่บ้านหลังนี้ จึงเสมือนเป็นศูนย์รวมของลูกหลานไฮโซทุกคน
แขกทั้งหมดในงานวันนี้ก็เช่นเดียวกัน ล้วนเป็นวัยหนุ่มสาว บางส่วนกำลังแดนซ์กันสะบัดอยู่ตรงริมสระว่ายน้ำ บางส่วนก็แหวกว่ายน้ำเล่นพลางจิบเครื่องดื่ม เล่นโยนลูกบอลอย่างสนุกสนาน
ระหว่างนั้นดุจแขเดินเฉิดฉายควงแขนคุณชายธิติรัตน์เข้ามาในงาน คุณชายธิติรัตน์ หรือ ม.ร.ว.ธิติรัตน์ นั้นดูเนี้ยบ หล่อและเท่มาก มากชนิดที่ทุกคนในงานหันไปมองคุณชายเป็นตาเดียว
จันทราเพิ่งแต่งตัวเสร็จ เดินเยื้องกรายออกมาจากในบ้าน ยืนอยู่ระเบียงชั้นบน มองลงไปเห็นคุณชายที่สนามด้านล่าง จันทรายิ้มอย่างพอใจ สายตามาดมั่นในบางอย่าง
จันทราผลุบหายเข้ามาในห้องทันที
ภายในครัว เดือนแรมเด็กสาวในวัยสิบห้าปี ถักผมเปียข้างเดียว เนื้อตัวขะมุกขะมอม สวมกางเกงขาสั้น เสื้อยืดเก่าคร่ำ แต่งตัวมอมแมมสภาพเหมือนคนใช้ กำลังทำอาหารเป็นคำๆ น่ารัก น่ารับประทาน ก่อนจะเอาใส่ถาดอาหารเดินออกมา เป็นจังหวะเดียวจันทราเดินลงมาจากบันไดเกือบชนแรม แต่ดุแรมซะเอง
“แอร๊ยย!! นังแรม เดินทะเล่อทะล่าไม่ดูตาม้าตาเรือเลยแก สมกับเป็นลูกพวกคนงานชั้นต่ำจริงๆ” จันทราแผดเสียงตวาดใส่
เดือนแรมเสียงเครือ แต่เถียง “แรมเป็นลูกคุณพ่อ”
จันทราหน้าถมึงทึงพูดเยาะเย้ย “ถ้าแกเป็นลูกคุณเมินจริงๆ ทำไมคุณเมินไม่รักแก”
เดือนแรมน้ำตาคลอ บอกออกไปเหมือนสั่งจิตตัวเอง “คุณพ่อรักแรม”
“ไม่รัก....เพราะแกไม่ใช่ลูกเค้า แต่เป็นลูกชู้ แล้วแกก็ยังเป็นบ้า แกเป็นบ้าได้ยินมั้ยนังแรม แกเป็นบ้า!!” จันทราตวาดเสียงดัง
“แรมไม่ได้บ้า” เดือนแรมเถียง
“บ้า” จันทราบอก
เมินเดินออกมาพอดีถาม “มีเรื่องอะไรกัน?”
เดือนแรมจะรีบบอก “คุณพ่อ...”
จันทราแทรกขึ้น ยิ้มหวาน “กำลังสอนแรมอยู่น่ะค่ะคุณเมิน บอกเดินเหินให้ระมัดระวังหน่อย ที่นี่เป็นบ้านของ “ผู้ดี” แรมอยู่ในบ้านผู้ดีก็ต้องทำตัวเป็น “ผู้ดี” เหมือนคุณเมิน”
“ใช่! อย่าทำตัวเป็นไพร่เหมือนพ่อของแก” เมินตวาดเดือนแรม
จันทราพูดเสียงหวานขึ้นมาทันที “รีบเอาอาหารไปเสิร์ฟคุณๆ เร็วเข้าจ้ะแรม”
เดือนแรมน้ำตาคลอมองจันทราแบบไม่พอใจ กดข่มความรู้สึกแล้วจะรีบเดินออกไป
เมินมองตามสีหน้าเจ็บช้ำเรียกไว้ “เดี๋ยว”
เดือนแรมหันมาสีหน้าดีใจ “คะคุณพ่อ?”
“รีบไปแล้วก็รีบกลับเข้ามา อย่าลืมว่าแกน่ะทั้งเป็นบ้า ทั้งสกปรกและเป็นคนบ้า คนสกปรกอย่างแกก็ไม่ควรจะออกไปเดินเพ่นพ่านรวมกับคนอื่น ฉันอาย”
เดือนแรมน้ำตาไหลรินอาบแก้มขณะเดินออกไป เมินมองตามด้วยสายตาทั้งรักทั้งเจ็บและแค้น จันทรามองตามค้อนขวับ รู้ว่าเมินกำลังนึกถึงภรรยาคนเก่า จึงรีบบอกเอาใจอย่างอ่อนหวาน
“เรื่องมันผ่านมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว คุณเมินอย่าคิดมากเลยนะคะ อีกอย่างคุณราศีเธอก็จากไปแล้ว ลืมมันซะดีกว่าค่ะ”
“ลืมไม่ได้ เพราะก่อนตายราศีทำให้ฉันถูกตราหน้าว่าโง่ที่ปล่อยให้ เมียมีชู้ และชู้คนนั้นก็ดันเป็นคนบ้า!! เชื้อบ้าถึงได้ตกมาอยู่กับลูกมัน”
เมินว่าอย่างแค้นจัด จันทราแอบทำหน้าไม่พอใจ แต่ไม่กล้ามาก ได้แต่ย้อนถาม
“ก็ในเมื่อคุณเมินก็รู้ซึ้งอยู่แก่ใจขนาดนี้แล้ว ยังจะเลี้ยงเด็กคนนั้นไว้ทำไมล่ะคะ” พลางมองหน้าเมิน “ถ้าไม่เป็นเพราะว่า คุณเมินยังรักคุณราศีอยู่”
จันทราเดินออกไปอย่างเคืองจัด สีหน้าเมินแดงก่ำ รู้ดีว่าสิ่งที่ราศีพูด คือความจริง แต่ปฏิเสธตัวเอง พูดเสียงสั่นเครือ
“ไม่..ฉันไม่ได้รักเธอราศี ฉันเกลียดเธอ เกลียดลูกเธอ”
ที่บริเวณด้านนอก เสียงเพลงดังอึกทึกครึกโครม จันทราเดินออกมาหน้าหงิกหน้างอ
“ทำเป็นอยากเลี้ยงลูกชู้ไว้แก้แค้น ทั้งที่จริง....ยังรักแม่มันใจจะขาดนี่ถ้าคุณเมินรู้ว่า เด็กนั่นไม่ใช่ลูกนังราศีจะทำยังไง”
ชุติมาเดินมาทางด้านหลังจันทรา ร้องทักด้วยท่าทางดีใจ
“คุณน้าคะ”
จันทราสะดุ้งโหยง หันมาแว้ดใส่
“อะไรของแกชุติมา? เรียกซะฉันตกใจ”
ชุติมาหน้าแหย พูดเสียงอ่อยลง “ขอโทษค่ะ ชุแค่อยากถาม ผู้ชายคนนั้นคือคุณชายธิติรัตน์ใช่มั้ยคะ”
สายตาชุติมามองไปทางสนามหน้าบ้านที่มีผู้คนมากมาย จันทรามองตาม
“ใช่ นั่นล่ะ คุณชายธิติรัตน์ กมเลศ แล้วแกถามทำไม”
“ก็..ชุเห็นว่าเค้าหล่อมากหล่อที่สุดในงาน หล่อเหมือนดารา ชุอยากรู้จักเค้าค่ะ”
จันทราเยาะ “แต่เค้าคงไม่อยากรู้จักแกหรอก”
เพ็ญประกายเดินผ่านมา จันทรารีบบอกลูกสาวทันที
“คุณเพ็ญ ไปต้อนรับคุณชายเร็วลูก”
ชุติมารีบบอก “พี่ไปด้วยเพ็ญ”
จันทราพูดกับชุติมาน้ำเสียงขุ่น ไม่พอใจ “คุณเพ็ญ เธอต้องเรียกคุณเพ็ญว่าคุณเพ็ญ”
ชุติมาหน้างอ “ค่ะคุณน้า.....ไปค่ะคุณเพ็ญ”
ชุติมากอดแขนเพ็ญประกายจะเดินไป จันทราเรียกไว้
“เดี๋ยวชุติมา”
ชุติมาหันมา “คะคุณน้า”
“ฉันให้คุณเพ็ญไปรับคุณชายคนเดียว ส่วนเธอ ไปหาหนุ่มๆ คนอื่น เธอก็รู้ที่ฉันจัดงานปาร์ตี้เพราะอยากหาหนุ่มๆ ที่รวยๆ หล่อๆ ชาติตระกูลดี มาเป็นคู่ของพวกเธอ”
ชุติมาไม่พอใจแต่เก็บไว้ ยิ้มหวานให้ “ขอบคุณค่ะที่หวังดี”
ชุติมาเดินไป พลางบอกตัวเองเบาๆ “แต่ผู้ชายที่ฉันอยากได้คือคุณชาย”
ก่อนไปชุติมาหันมายิ้มให้จันทราแบบขอบคุณ แต่จันทราหน้าบึ้งยังขุ่นใจเรื่องเดือนแรมไม่หาย
เดือนแรมเอาอาหารไปวางบนโต๊ะในงานปาร์ตี้ ที่จัดแบบ cocktail เห็นแขกเหรื่อแต่ละคนกินทิ้งกินขว้าง แถมไม่ทิ้งลงถังขยะ ทิ้งลงพื้น เดือนแรมทำหน้าเสียดายก้มลงเก็บ
ด้านหลังธิติรัตน์ควงแขนดุจแขอยู่ เดือนแรมมัวแต่ก้มหน้าก้มตาทำงาน ส่วนธิติรัตน์ก็ไม่มีสายตามองเด็กปอนๆ แต่ดุจแขชำเลืองมองจ้องหน้าเดือนแรม ใบหน้านั้นสวย และดูดีเกินคนใช้แต่สกปรกนัก
ธิติรัตน์หันมามอง “มองอะไรจ้ะแข”
ดุจแขหัวเราะขำๆ “คนใช้ที่นี่ หน้าตาสวยมากเลยค่ะ เสียแต่สกปรกมอมแมมไปหน่อย”
ธิติรัตน์หันไปมองตาม เป็นจังหวะที่เดือนแรมหันหลังให้ คุณชายมองกลับมาไม่สนใจ
ดุจแขถามเอาใจ “เป็นอะไรคะ? แขก็ยืนอยู่ข้างๆ ทำไมคุณชายทำหน้าไม่มีความสุขเอาซะเลย”
ธิติรัตน์พูดเสียงเบาลง “แขก็รู้ว่าผมไม่ชอบงานแบบนี้ ฟุ้งเฟ้อ สิ้นเปลือง แล้วแขดูสิ...แต่ละคนกินทิ้งกินขว้างไม่เสียดายเอาเสียเลย แล้วยังทำบ้านเค้าสกปรกอีก”
เดือนแรมได้ยินแอบหันมามองธิติรัตน์อย่างชื่นชม ไม่คิดว่าจะมีคนแบบนี้ รู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็น
พอเห็นชุติมากับเพ็ญประกายเดินมา เดือนแรมรีบเดินหลบ แต่ได้ยินชุติมาทักธิติรัตน์กับดุขแขอย่างไร้มารยาท
“คุณชายกับคุณดุจแขมาอยู่มุมนี้เอง ชุเดินตามหาตั้งนาน”
ธิติรัตน์ ดุจแข กับ จารุณี มองชุติมางงๆ เดือนแรมเองก็แอบมองอย่างตำหนิก่อนเดินไป
จารุณีถามน้ำเสียงเหยียดหยาม “ใครคะคุณเพ็ญ”
“พี่ชุติมา... พี่สาวของเพ็ญค่ะ” เพ็ญประกายแนะนำ
ดุจแขพูดเสียงหวานแบบผู้ดี “แขไม่ยักทราบว่าคุณเพ็ญมีพี่สาว”
ชุติมาขัดขึ้นมา “ชุเป็นหลานของคุณน้าจันทราค่ะ”
สามคนทำหน้ารับรู้ ยิ้มทักตามมารยาท แต่ชุติมาก็ไม่รู้ตัว พูดออกมาอีก
“คุณชายกับคุณแขเดินเร็วจัง ตะกี้ชุกับยัย..เอ๊ยคุณเพ็ญเห็นอยู่แว่บๆ รีบตามมาก็ไม่เจอซะแล้ว”
ในใจดุจแขเวลานี้เริ่มรู้สึกแปลกๆ ในท่าทีชุติมา ยิ้มเฝื่อนๆ “พอดีคุณชายไม่ค่อยชอบเสียงดังค่ะ”
“งั้นเข้าไปคุยกันในบ้านมั้ยคะ?” ชุติมายังไม่ยอมเลิก
เพ็ญประกายมองเป็นเชิงปราม “เอ่อพี่ชุคะ...อาหารพร่องแล้ว พี่ชุช่วยบอกเด็กเอามาเติมทีค่ะ”
“เด็กกลัวคุณเพ็ญ คุณเพ็ญไปบอกเด็กเองเถอะค่ะ..พี่อยากคุยกับคุณชาย คุณแข” ชุติมาออกหน้าออกตาอย่างไร้มารยาท
ธิติรัตน์กับดุจแขทำหน้าเหวออีก เพ็ญประกายหน้าเสียรู้สึกอับอาย บอกชุติมา
“เพ็ญมีเรื่องจะคุยกับคุณชาย คุณแข เพ็ญรบกวนพี่ชุด้วยนะคะ”
ชุติมาหน้างอ “ก็ได้ค่ะ” หันมาทอดยิ้มหวานกับธิติรัตน์จนนาทีสุดท้าย “เดี๋ยวชุมานะคะ”
ชุติมาเดินเข้าบ้านไป เพ็ญประกายได้แต่บอกธิติรัตน์กับดุจแขอ้อมแอ้ม
“ขอโทษค่ะ”
ธิติรัตน์กับดุจแขยิ้มเยื้อนให้ ไม่ได้สนใจอะไรชุติมาเลย ส่วนจารุณีทำสีหน้าแบบไม่ชอบใจอย่างแรง
ส่วนภายในห้องครัว เดือนแรมง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารรับแขกอยู่ ชุติมาเดินกระแทกเท้าเข้ามาตะโกนโหวกเหวกโวยวาย
“นังแรม นังแรม นังแร้ม”
เดือนแรมหันมามองไม่พอใจ “แรมอยู่นี่ค่ะ และแรมก็ไม่ใช่คนใช้ อย่ามาเรียกแรมอย่างนี้”
“ถ้าฉันจะเรียกแกจะทำไม” ชุติมาจิกเรียกเป็นจังหวะ “แรม!!นังแรม !!นังแร้ม”
เดือนแรมกำหมัดแน่น แค้นมาก ชุติมาได้ใจหัวเราะเยาะลอยหน้าลอยตายั่วอีก
“ตบซี้ ตบฉันซี้ ฉันจะได้ไปฟ้องคุณน้า...แกคงรู้สินะระหว่างฉันกับแกคุณน้าจะเข้าข้างใคร??!! ไป...เอาอาหารเอาน้ำไปเสิร์ฟ ไป๊”
เดือนแรมไม่อยากมีเรื่อง เอาขวดน้ำหวานเทใส่แก้ว ชุติมาเร่ง
“เร็วนังแรม เร็วกว่านี้อีก เร้ว!! โอ๊ย!ชักช้าจริงแกนี่”
ชุติมาตรงเข้ามากระชากขวดน้ำหวานจากมือเดือนแรม จนทำให้ขวดน้ำกระฉอกหกมาทาง
ด้านหลัง จังหวะนั้นจันทราเดินเข้ามาพอดี น้ำหวานกระฉอกใส่เสื้อผ้าของจันทรา จันทราร้องลั่นตวาดแว้ด
“ว้าย!นังแรม!!ทำไมแกซุ่มซ่ามอย่างนี้”
“แรมเปล่านะคะ ....คุณชุติมา” เดือนแรมพยายามอธิบาย
จันทราสวนทันที “จะชุติมาได้ยังไง? ก็ฉันเห็นอยู่กับตาว่าแกเป็นคนทำ มานี่เลยแกมานี่”
จันทราตรงเข้ามากระชากแขนของเดือนแรมอย่างแรงดึงออกไป เดือนแรมหน้าซีดเผือด กลัวมาก รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แรมเนื้อตัวสั่น
“อย่าค่ะคุณน้า อย่าทำแรม แรมกลัว กลัว..กลัว”
เดือนแรมกรีดร้องดิ้นรน แบบกลัวมาก จันทราดึงกระชากลากเดือนแรม
“เงียบเดี๋ยวนี้นะนังแรม เงียบ”
จันทราเอามือปิดปาก เดือนแรมดิ้นขัดขืน กรีดเสียงร้อง ชุติมารีบวิ่งออกไปเปิดเพลงจาก
เครื่องเล่นที่ต่อเข้ากับลำโพงให้ดังขึ้นอีก จนกลบเสียงร้องของแรมซะสนิท
เวลาเดียวกันที่บ้านของป้ามะลิ พี่สาวเมิน ที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน แต่อยู่ห่างออกไป
เสียงเพลงดังมาตามลม แม้นเทพผู้เป็นลูกชาย เดินลงมาจากบนบ้าน ทำหน้าย่น ถามมารดาที่นั่งดูทีวีอยู่ในห้องโถง
“บ้านน้าเมินมีงานอีกแล้วเหรอครับคุณแม่”
มะลิดูทีวีอยู่รีบบอก “ฮื่อ ก็งานปาร์ตี้ที่แม่จันทรา เค้าจัดหาลูกเขย หลานเขยนั่นล่ะ”
ป้าพิมคนรับใช้ ที่นั่งคอยดูแลอยู่เสริมอย่างกังวล “มีงานทีไร คุณแรมเหนื่อยสายตัวแทบขาดทุกที”
มะลินึกได้รีบบอก “ไปเรียกแรมมาเร็วพิม ถ้าแม่จันทราเค้าว่าอะไรบอกว่าฉันให้แรมมาหา”
พิมหน้าแหยรู้ซึ้งนิสัยจันทรา “ค่ะ แต่บอกอย่างนั้นพิมเกรงว่าคุณจันทรายิ่งจะแกล้งแรม”
“งั้นเดี๋ยวผมไปตามแรมเองครับป้าพิม”
พูดจบแม้นเทพก็เดินออกไปรวดเร็ว
เดือนแรมถูกจันทรากับชุติมาลากตรงมายังบริเวณหลังบ้านที่เป็นห้องเก็บของ แป้นเดินมาพอดี พอเห็นแป้นจันทราก็เรียก
“มาช่วยกันเร็วนังแป้น”
“ค่ะ” แป้นรีบเข้ามาช่วยจันทรากับชุติมาลากกระชากเดือนแรม
เดือนแรมทั้งร้องทั้งดิ้นขัดขืน พอเห็นห้องเก็บของ เดือนแรมเบิกตากว้างกลัวมาก จันทราตะคอกใส่
“คนบ้าอย่างแกมันต้องอยู่ในนี้”
เดือนแรมยื้อตัวเอาไว้ สีหน้ากลัวมาก “ไม่ค่ะคุณน้า แรมกลัว อย่าเอาแรมมาขัง แรมกลัว” ร้องลนลานใหญ่ “พี่เพ็ญ พี่ต้อม ป้าพิม ช่วยแรมด้วย ช่วยแรมด้วย”
“นังแรมบ้า ร้องอยู่ได้ เข้าไป”
ชุติมาผลักแรมเข้าไปด้านใน แล้วแป้นก็จัดการล็อกประตูทันที ชุติมาถามจันทรา
“จะให้พวกเราทำอะไรมันอีกมั้ยคะคุณน้า”
“ไม่ต้อง ให้มันแหกปากร้องไป เสียงเพลงดังขนาดนี้ ต่อให้มันร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครได้ยินหรอก”
จันทราสะบัดหน้าเดินออกไป ชุติมากับแป้นมองหน้ากัน แอบหัวเราะไม่มีเสียง
ชุติมาดัดเสียงผี “ไปอยู่ด้วยกัน เดือนแรม ฉันจะเอาเธอไปอยู่ด้วยกัน”
ด้านในห้องเก็บของทั้งมืด และน่ากลัวมาก เดือนแรมได้ยินที่ชุติมาทำเสียงผีหลอกยิ่งหน้าเหวอ ร้องกรี๊ดๆ กลัวผีมาก
“ผีๆๆๆๆ”
แป้นกับชุติมา ที่อยู่ด้านนอกเอามือปิดปากหัวเราะชอบใจ แล้ววิ่งตามจันทราออกไป
จันทรา ชุติมา และแป้นเดินกระหยิ่มยิ้มย่องออกมา แต่ต้องชะงักเมื่อเจอแม้นเทพ
แม้นเทพถามหน้าตึง “แรมล่ะ”
แป้นหน้าซีด กลัว มองจันทราแบบมีพิรุธ “เอ่อ”
จันทราถลึงตาใส่แป้น ตอบแทน “ดิฉันให้ไปซื้อของ”
แม้นเทพไม่เชื่อ “ของอะไร?”
“ก็ของที่ต้องใช้ในงานเลี้ยงน่ะสิคะพี่ต้อม” ชุติมาเสนอหน้า
แม้นเทพพูดกับชุติมาเสียงเข้ม อย่างไว้ตัว “ฉันชื่อแม้นเทพ พี่ต้อมฉันอนุญาตให้แรมเรียกเท่านั้น” หันมาพูดกับจันทรา “แรมไปซื้อของที่ไหน”
“ไม่ทราบค่ะ ดิฉันมีหน้าที่สั่งอย่างเดียว” จันทราว่า เน้นเสียงตรงคำว่าสั่ง
“งั้นวันหลังคุณจันทราก็กรุณาทำด้วยนะครับ เพราะแรมเป็นลูกสาวของคุณน้าเมิน ไม่ใช่คนใช้” น้ำเสียงห้วนไม่พอใจ “ถ้าแรมกลับมาบอกว่าคุณแม่ของผมให้หา”
แม้นเทพพูดแค่นั้นก็เดินกลับไป
แป้นหน้าเสีย “ทำไงดีคะคุณนาย”
“หุบปากของแกอย่างเดียว เรื่องอื่นฉันจัดการเอง”
จันทราไม่หวั่นเกรงเลยสักนิด แป้นเอามือปิดปาก ชุติมามองแม้นเทพแบบเคืองๆ
ในงานปาร์ตี้เวลานั้น หนุ่มๆ ต่างมองจ้องดุจแขกันแทบทุกคน จารุณีพูดออกมาแบบไม่ยั้งคิดเหมือนเคย
“คุณเพ็ญจะพอใจหรือเปล่าเนี่ย? เป็นเจ้าภาพแท้ๆ แต่ถูกดุจแขขโมยซีนนี่ขนาดมากับคุณชายนะเนี่ย”
ธิติรัตน์ชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ เพราะหึงดุจแข จึงออกอาการขวางๆ “ก็แขเล่นยิ้มให้ทุกคน”
ดุจแขชอบใจหัวเราะคิกคัก “ก็แขชอบยิ้มนี่ ใช่ว่าตั้งใจโปรยเสน่ห์ซักหน่อย”
ดุจแขยิ้มพอใจเสน่ห์ตัวเอง
ระหว่างนั้นแม้นเทพเดินเข้ามา ดุจแขร้องทักทันที
“คุณต้อม”
ธิติรัตน์มอง สีหน้าไม่พอใจ บอกเสียงเข้ม
“ตรงนี้เสียงดัง ผมว่าเข้าไปนั่งข้างบ้านดีกว่าแข”
ดุจแขยิ้มหวาน “ขอแขคุยกับคุณต้อมเดี๋ยวนะคะคุณชาย”
ธิติรัตน์หงุดหงิดขึ้นมา “งั้นผมเข้าไปก่อน”
ธิติรัตน์วางมาดคุณชาย ยิ้มให้แม้นเทพพอไม่ให้เสียมารยาท ก่อนเดินเข้าไปใกล้ตึกหลังใหญ่ ใกล้ๆ กับห้องเก็บของที่เดือนแรมถูกจับขัง!
แม้นเทพเอ่ยถาม “คุณแขมีธุระอะไรกับผมครับ”
“เมื่อไหร่คุณต้อมจะไปทานข้าวบ้านแขคะ? คุณพ่อถามถึงคุณต้อมทุกวัน”
“ช่วงนี้ผมยุ่งมาก ฝากขอบคุณคุณพ่อด้วยนะครับที่นึกถึง เชิญตามสบายนะครับ”
แม้นเทพยิ้มเดินเลี่ยงไป ดุจแขหน้าเสีย บอกกับจารุณีเพื่อนซี้
“คุณต้อมไม่สนใจฉันเลย”
“จะสนได้ยังไงล่ะ..ก็เธอมากับคุณชาย” จารุณีบอก
นั่นเองดุจแขถึงนึกได้ “จริงด้วย...งั้นฉันไปหาคุณชายก่อนนะ”
ดุจแขพูดแค่นั้นก็เดินเข้าไปด้านใน จารุณีทำหน้าเซ็ง
“แล้วจะชวนฉันมาทำไมเนี่ย ถ้าจะทิ้งให้ฉันยืนอยู่คนเดียว”
ท่ามกลางความมืดในห้องเก็บของ เดือนแรมเหงื่อแตกพลั่กกวาดสายตามองรอบๆ
อย่างหวั่นกลัวสุดขีด ตัวสั่นงันงก
ภาพครั้งเก่าในอดีตที่ติดอยู่ใต้จิตสำนึกตามมาหลอกหลอนทันที
ครั้งนั้นเมินกับจันทราช่วยกันผลักเด็กหญิงแรมในวัยเพียงห้าขวบเข้าไปในห้องเก็บของ
เด็กหญิงแรมร้องลั่นด้วยความหวาดกลัว “อย่า...คุณพ่อ อย่าแรม กลัว อย่า”
เดือนแรมผวาออกมากอดแข้งกอดขาเมินผู้เป็นพ่อ เมินยืนตัวแข็งทื่อ สายตาฉายชัดทั้งรักทั้งเกลียด จันทราเป็นฝ่ายจับเดือนแรมกลับเข้าไปอยู่ในห้องเก็บของเหมือนเดิม
“เด็กบ้าอย่างแกต้องอยู่ในนี้”
เด็กหญิงผู้น่าสงสารมองเมินด้วยสายตาวิงวอนร้องอ้อนวอน “ไม่!! พ่อจ๋า..แรมไม่ได้บ้า แรมรักพ่อ แรมรักพ่อ พ่ออย่าขังแรมไว้ในนี้มันหนาว มันมืด แรมกลัว กลัวๆๆๆ”
สายตาเมินที่มองเดือนแรมมีทั้งความสงสารปนความโกรธ ขณะที่จันทราปิดประตูห้องรีบล็อกกุญแจไว้ เสียงเด็กหญิงเดือนแรมร้องกรี๊ดๆ เหมือนคนสติแตก หวาดกลัวมากดังมาจากด้านใน
ตุ๊กแกตัวใหญ่ที่เกาะอยู่ข้างฝา ก็ร้องตุ๊กแกๆ เดือนแรมสะดุ้งหันไปมอง ร้องกรี๊ดออกมาอีก จะหลบไปอีกมุมก็มองเห็นแมงมุมตัวใหญ่ไต่อยู่ แรมกรี๊ดอีก บริเวณพื้นแสนสกปรก แมลงสาปวิ่งกันยั้วเยี้ย เดือนแรมร้องกรี๊ดๆ ผวาไปเกาะข้างฝาทุบประตู
“คุณพ่อปล่อยแรม ปล่อย แรมไม่ได้บ้า ปล่อยแรม”
มีเสียงจากด้านนอก เป็นเสียงครืดคราดเหมือนคนเดินไปมาและเสียงคนร้องโหยหวน ที่แท้เป็นจันทรานั่นเอง เดือนแรมร้องกรี๊ดๆๆๆๆ
“ผีๆๆๆๆ”
เดือนแรมกลัวแทบขาดใจ
เดือนแรมนึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น เนื้อตัวสั่นเท่า กลัวมากๆ กรีดร้องออกมาพร้อมกับส่งเสียงอ้อนวอน
“ปล่อยแรมออกไปนะ แรมกลัว ปล่อยๆๆๆ”
เวลาเดียวกันนั้นที่ด้านนอก ธิติรัตน์เดินเข้ามาใกล้บริเวณห้องเก็บของ แต่แม้จะห่างจากสถานสระว่ายน้ำที่จัดปาร์ตี้แต่เสียงเพลงยังดังก้องอยู่ ธิติรัตน์ชะงัก เมื่อได้ยินเสียงคนร้องแว่วๆมา
“ใครเป็นอะไร” ธิติรัตน์พึมพำ
ในห้องเก็บของเวลานั้น เดือนแรมเอามือทุบฝาผนังร้องขึ้นมาอีก
“แรมกลัว ปล่อยแรม..ปล่อยแรม”
ธิติรัตน์เงี่ยหูฟัง แต่เสียงเพลงที่ดังมากกลบเสียงแรม จนเหมือนเป็นเสียงแว่วๆ ธิติรัตน์ยิ่งสงสัย ทำท่าจะเดินไปที่ต้นเสียงทันที แต่ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียก
“คุณชายคะ คุณชาย”
ธิติรัตน์หันมามองตามเสียง เห็นดุจแขเดินยิ้มเข้ามา
ธิติรัตน์เดินหน้าบึ้งออกมา อาการยังงอนอยู่ ดุจแขเดินมากอดแขนยิ้มประจบเอาใจ
“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ”
“ผมได้ยินเสียงเหมือนคนร้อง” ธิติรัตน์สงสัยนัก
“คนที่ไหนจะมาร้องในนี้คะ?” ดุจแขบอก
“ไม่รู้สิ..ผมได้ยินเสียงร้องแปลกๆ”
มีเสียงกระแทกตัวสุดแรง และเสียงร้องดังขึ้นอีก ดุจแขจึงรีบบอกเหมือนนึกได้
“น้องสาวของคุณเพ็ญหรือเปล่าคะ? แขได้ยินมาว่าแกเป็นบ้า เลยมักจะถูกขังไว้ในห้อง ไม่ให้ออกมาข้างนอก กลัวหนีไปจะเป็นอันตราย”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?” ธิติรัตน์ประหลาดใจ
“ไม่รู้ค่ะ...” ดุจแขลดเสียงลง “แขก็แค่ฟังๆ เค้าเล่ามา คุณชายก็รู้ แขเพิ่งเคยมาบ้านคุณเพ็ญเป็นครั้งแรก อย่าไปสนใจเลยค่ะ” จะดึงแขนธิติรัตน์ให้ออกไป
แต่ธิติรัตน์ยังขืนตัวเอาไว้ “แต่ผมอยากรู้?...เสียงอะไร?” มองไปทางด้านในอย่างมุ่งมั่น
เพ็ญประกายกับชุติมาเดินเข้ามา ชุติมาหน้าซีด รู้ว่าเดือนแรมอยู่ในนั้น รีบบอก
“คงเป็นเสียงที่ดังมาจากด้านนอกน่ะค่ะ เชิญคุณชายกับคุณแขไปสนุกกันต่อดีกว่า” ชุติมากลบเกลื่อน
“จริงด้วย..ออกไปสนุกกับเพื่อนๆดีกว่าค่ะ” ดุจแขว่า
ธิติรัตน์ยังสงสัยอยู่ “แต่ผม”
ดุจแขกระซิบ “ออกไปเถอะค่ะ เดี๋ยวเสียมารยาท”
ดุจแขยิ้มหวานกอดแขนธิติรัตน์เดินออกไป ชุติมาหันมาทำท่าโล่งใจ เพ็ญประกายถามทันที
“แรมถูกขังอีกแล้วใช่มั้ย?”
ชุติมาเชิดหน้าไม่ตอบทำไม่รู้ไม่ชี้ เพ็ญประกายเดินตรงไปยังห้องเก็บของทันที
เพ็ญเดินตรงดิ่งไปยังห้องเก็บของ ชุติมาวิ่งตามร้องห้าม
“อย่านะคะคุณเพ็ญอย่า”
แป้นเดินมา ชุติมาร้องบอก
“มาช่วยกันจับคุณเพ็ญเร็วแป้น คุณเพ็ญจะเปิดประตูให้นังแรม”
“เดี๋ยวคุณนายดุนะคะคุณเพ็ญ” แป้นว่า
“เธอกลัวคุณแม่หรือกลัวคนมาเห็นแล้วกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่เห็นรึไงตะกี้คุณชายยังทำท่าสงสัยเลย เอากุญแจมา”
“เอ่อ” แป้นอึกอัก
เพ็ญประกายบอกเสียงดัง “เอามาเร็ว”
“ค่ะๆๆ”
แป้นจำเป็นต้องล้วงเอากุญแจออกมาให้ เพ็ญประกายรีบเปิดประตูทันที เห็นแรมน้ำตาเขลอะถูกเอาเทปมัดมือมัดปากมัดเท้าไว้
“โธ่เอ๊ย!!แรม”
เพ็ญประกายรีบแก้มัดให้เดือนแรมอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เป็นอิสระแรมโผเข้ากอดเพ็ญร้องไห้ตัวสั่น
“พี่เพ็ญแรมกลัว..พี่เพ็ญแรมกลัว”
“แรมไม่เป็นอะไรแล้วจ้ะ...ไม่เป็นไรแล้ว”
เพ็ญประกายกอดเดือนแรมน้ำตาคลอ ด้วยความสงสารมาก ชุติมากับแป้นแอบเบ้ปากให้กัน ชุติมาตาเขียว
“พี่จะไปฟ้องคุณน้า”
เพ็ญประกายเดินหน้าจ๋อยเข้ามาในบ้าน ขณะที่จันทรายืนหน้าบึ้งรออยู่
“แม่ห้ามแกแล้วใช่มั้ยเพ็ญประกาย ไม่ให้ไปช่วยนังแรม”
“เพ็ญสงสารน้อง”
“เดือนแรมไม่ใช่น้องของแก? แล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับมณีกุลแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้ายังมีมันอยู่ มันจะเป็นคนได้ทุกอย่าง”
เพ็ญประกายงง “ทำไมคุณแม่พูดอย่างนี้คะ ในเมื่อแรมเป็นลูกสาวของคุณราศี ภรรยาคุณพ่อ”
“นังแรมไม่ใช่ลูกนังราศี บอกแล้วไง มันไม่มีอะไรเกี่ยวกับมณีกุล หัวนอนปลายเท้ามาจากไหนก็ไม่มีใครรู้ ถ้าแกไม่อยากให้นังแรมมันชุบมือเปิบเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากแก แกต้องช่วยแม่กำจัดมัน”
เพ็ญประกายทำหน้างุนงง ทั้งสงสัย และไม่เข้าใจ
ธิติรัตน์ขับรถคันหรูมาจอดหน้าบ้านดุจแข ธิติรัตน์หน้าตึง ดุจแขโน้มตัวเข้ามาหา
ดุจแขจูบที่แก้มเบาๆ พูดออดอ้อน “แค่แขไปคุยกับคุณต้อม คุณชายก็โกรธแขหรือคะ”
ธิติรัตน์มีท่าทีอ่อนลง “ไม่ใช่แค่คุณต้อม แขไปคุยกับผู้ชายคนไหน ผมก็ไม่ชอบทั้งนั้น
“งั้น...คุณชายก็รีบตีตราจองแขเร็วๆ สิคะ...หนุ่มๆ หน้าไหนจะได้ไม่กล้ามายุ่ง” ดุจแขเปิดทาง
“แขพูดจริงนะ”
“แขรักคุณชายขนาดนี้ คุณชายยังจะคิดว่าแขพูดเล่นอีกหรือคะ”
ดุจแขยิ้มตาหวาน ยื่นหน้าไปจูบแก้มคุณชายอีก
เช้าวันต่อมาภายในวังศิลาลาย หม่อมรัตนานั่งดูเครื่องเพชรอยู่ มีละเอียดคอยรับใช้อยู่ด้วย ที่มือของหม่อมรัตนาหยิบกำไล
ทองคำขาวประดับเพชรสลักคำว่า “มาหยารัศมี” ชะงักค้างอยู่
“อะไรนะ?ชายจะให้แม่ไปขอหนูดุจแข”
ธิติรัตน์ไม่ได้มองเครื่องประดับในมือมารดา หม่อมรัตนาเก็บเครื่องประดับชิ้นนั้นลงในกล่อง ขณะที่ธิติรัตน์บอกย้ำหม่อมรัตนาอีก
“ครับคุณแม่...ผมกับแขเรารักกัน ผมอยากหมั้นแขไว้ก่อน”
หม่อมรัตนานิ่งไปนิด “รอให้ชายเรียนจบกลับมาก่อนดีมั้ยลูก หมั้นกันซักเดือนสองเดือนพอเป็นพิธีแล้วก็แต่งกันเลย”
ธิติรัตน์พูดแบบเอาแต่ใจ “ผมไปเรียนต่อตั้งห้าปีนะครับคุณแม่ไม่ใช่ห้าวัน”
“ก็เพราะว่าห้าปีน่ะสิ แม่จึงคิดว่าชายควรหมั้นหนูแขเมื่อเรียนจบมาแล้ว ไม่ใช่ชิงหมั้นตั้งแต่ตอนนี้”
“ผมอยากให้แขสบายใจ ผมไม่อยากให้เธอหวาดระแวง” ธิติรัตน์บอก
“ต่อให้แต่งงานแล้ว การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นได้ หากรากรักมันยังไม่ฝังลึกความรักยังมั่นคงไม่พอ แม่อยากให้ชายกับหนูแขเรียนรู้ใจกันและกัน รวมทั้งเรียนรู้หัวใจของตัวเองให้มากกว่านี้”
ธิติรัตน์นึกฉงน “หมายความว่า...”
วันต่อมา ธิติรัตน์แวะมาหาดุจแขที่บ้าน เวลานั้นดุขแขถามธิติรัตน์น้ำตาคลอ ท่าทางเสียใจมาก
“หม่อมแม่คุณชายไม่อยากได้แขเป็นสะใภ้” ดุจแขตัดพ้อ
“ไม่ใช่อย่างนั้นจ้ะแข คุณแม่รักและเอ็นดูแขมาก”
ดุจแขทำท่าจะร้องไห้ “แล้วทำไม?...”
“คุณแม่ท่านต้องการให้ผมพิสูจน์ว่าผมรักและมั่นคงกับแขมากแค่ไหน รวมทั้งพิสูจน์ว่าแขรักและมั่นคงกับผมมากแค่ไหนเหมือนกัน” ธิติรัตน์ว่า
ดุจแขยิ้มทั้งน้ำตา “งั้นแขจะช่วยพิสูจน์ให้หม่อมแม่คุณชายเห็นว่าเราสองคนรักและมั่นคงต่อกันและกัน” ดุจแขกระซิบข้างหู “ขอเพียงแค่คุณชาย รักและมั่นคงกับแขคนเดียวพอ”
“ผมรักและมั่นคงกับแขคนเดียวอยู่แล้ว”
“แขก็เหมือนกันค่ะ แขจะรักและรอคอยคุณชายเพียงคนเดียว”
“ขอบคุณมากแข....แต่ผมอยากให้แขไปเรียนต่อด้วยนะ เราจะได้ไม่ต้องอยู่ห่างไกลกัน”
“ไม่เอาค่ะ แขหัวไม่ดีแขไม่ชอบเรียน คุณชายไปเรียนเถอะค่ะ แล้วก็รีบกลับมาเร็วๆ แล้วกัน แขจะรอ”
ธิติรัตน์โอบกอดดุจแข ท่าทางบ่งบอกว่าสบายใจมากขึ้น แต่สีหน้าดุจแขกลับเป็นกังวล
คืนนั้น นายเขตถามดุจแขหน้าตาซีเรียส สองพ่อลูกคุยกันอยู่ในบ้าน
“ตั้งห้าปี ลูกจะรอคุณชายจริงๆหรือดุจแข”
“ขืนรอ..เราคงได้ล้มละลายก่อน แขรับสภาพนั้นไม่ได้หรอกค่ะคุณพ่อ”
“งั้นลูกต้องหาหลักยึดใหม่”
“คุณต้อม ไม่ได้สนใจแขอย่างที่คุณพ่อต้องการหรอกนะคะ”
“แล้วถ้าเป็นคนอื่น?” เขตปรารภ
“ใครคะ”
“คุณสงคราม พิชิตชัย ถึงจะแก่หน่อย แต่พ่อว่าเข้าที เพราะเค้าเป็น...” เขตบอกไม่ทันจบ
ดุจแขตาลุกวาวสวนขึ้นมาทันที “นักธุรกิจพันล้าน”
ช่วงตอนกลางวัน ที่โรงแรมหรูแห่งนั้น ดุจแขกับนายเขตเดินกันเข้ามา รับภาพสงครามที่ถึงจะสูงวัยแต่ดูภูมิฐานมากหันมา ดุจแขยิ้มชอบในท่าทีของสงคราม ด้านหลังสงครามคือสรรชัย หลานชายที่เป็นทั้งเลขาและผู้ติดตาม สายตาที่สรรชัยมองดุจแข มีแววพึงใจอยู่ในนั้น
ค่ำนั้นดุจแขก้าวลงจากรถตู้คันหรูของสงครามที่มาส่งถึงหน้าบ้าน
“แล้วเจอกันครับคุณแข” สงครามบอก
ดุจแขส่งยิ้มหวานให้ “กู๊ดไนท์ค่ะ”
ดุจแขลงจากรถ สรรชัยมองตาม สงครามหันมาเห็น
“คุณดุจแขเป็นว่าที่เจ้าสาวของฉัน แกอย่ามองเค้าด้วยสายตาแบบนี้สรรชัย มันไม่เหมาะ”
“ครับคุณอา”
สรรชัยขับรถออกไป แต่ตายังแอบมองดุจแขทางกระจกมองหลัง
ดุจแขจะเดินเข้าบ้าน แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นคุณชายยืนพิงรถหลบอยู่ในมุมมืด
ดุจแขทำเป็นยิ้มหวานดีใจ “คุณชาย...ทำไมมาหลบอยู่ตรงนี้คะ”
“ก็ถ้าไม่หลบ ผมคงไม่เห็นว่าแขกลับมากับคุณสงคราม”
“หึงเหรอคะ?” รีบจูบแก้มอ้อน “คุณพ่อให้แขไปคุยงานแทนน่ะค่ะ เข้าไปในบ้านกันดีกว่าค่ะ” ดุขแขคล้องแขนจะพาคุณชายเข้าไป
ธิติรัตน์ขืนตัวไว้ “ไม่..ผมบอกแขแล้วไงว่า ผมไม่อยากให้แขไปไหนมาไหนกับผู้ชาย”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณชาย แขแค่ไปทำงานแทนคุณพ่อ เข้าบ้านกันดีกว่าค่ะ”
ธิติรัตน์ปฏิเสธ “ไม่...แค่เห็นว่าแขถึงบ้านอย่างปลอดภัยผมก็เบาใจแล้ว”
“คุณชายโกรธแข?”
ธิติรัตน์ตัดบท “กู๊ดไนท์...แล้วเจอกัน”
ธิติรัตน์พูดแค่นั้นก็ขับรถออกไป ดุจแขมองตาม สายตาไม่รู้สึกผิดบอกตัวเองอย่างไม่แคร์
“ก็คุณชายทำให้แขต้องทำแบบนี้เอง”
บริเวณด้านนอก เสียงฝนฟ้าเทกระหน่ำไม่ขาดสาย ลมพัดแรง ด้านในจันทรานั่งดูทีวีอยู่ มีชุติมาทาเล็บให้ ส่วนแป้นนั่งนวดเท้าปรนนิบัติ เดือนแรมเดินเข้ามา
จันทราหันมาเห็นหน้าหงิกใส่ทันที “มาที่นี่ทำไมนังแรม”
“แรมมาหาคุณพ่อค่ะ”
“หาทำไม?”
“แรมจะมาขออนุญาตเรียนต่อค่ะ”
“ก็คุณเมินบอกแล้วไง ว่าให้แกเรียนแค่มอสามพอ”
เดือนแรมอ้อนวอน “ขอแรมเรียนต่อนะคะ..แรมจะหาเงินค่าเล่าเรียนเอง แรมจะไม่รบกวนคุณพ่อกับคุณอาเป็นอันขาด”
จันทราบอกเสียงดัง “บอกว่าไม่ก็ไม่”
“คุณอาขา.. ขอแรมคุยกับคุณพ่อเถอะนะคะ” เดือนแรมร้องเรียกเสียงดัง “คุณพ่อขา”
“นังบ้า!! เดี๋ยวคุณเมินก็ตื่นหรอก” จันทรามองไปด้านหลังเรียก “ชุติมา แป้น ลากมันออกไป”
ชุติมากับแป้นลุกขึ้นมาฉุดกระชากแขนเดือนแรมอย่างแรง
“มานี่เลยแม่เดือนแรม”
“ปล่อย ปล่อย”
แรมร้องสุดเสียง เมินเดินงัวเงียออกมาจากห้องตรงมา
“เอะอะเสียงดังอะไรเดือนแรม?”
เดือนแรมอ้อนวอน “คุณพ่อขา..ขอแรมเรียนต่อนะคะ...แรมจะหาเงินเรียนเองค่ะ”
เมินพูดเสียงเข้ม “ไม่!! แกนี่มันบ้า ย้ำคิดย้ำทำจริงๆ”
เมินพูดแค่นั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้อง แรมร้องไห้ตะโกน
“แรมไม่ได้บ้านะคะ แรมไม่ได้บ้า”
จันทรายิ้มเหยียด “บ้า!! แล้วแกก็รู้ใช่มั้ย คนบ้าต้องถูกทำยังไง”
ชุติมากับแป้นหัวเราะ เข้ามาลากเดือนแรม
“มานี่” สองคนประสานเสียง
เดือนแรมกลัวมาก “ไม่....แรมกลัว อย่าขังแรม”
เดือนแรมสะบัดตัวจนหลุด ผลักสองคนล้มลง แล้ววิ่งหนีออกไป จันทราโกรธจัด
“ตามมันไป” จันทราสั่งเสียงดังลั่น
ชุติมา กับแป้นวิ่งออกมา เห็นฝนตกแรง สองคนไม่กล้าฝ่าสายฝน กวาดตามองไปรอบๆ
“นังแรมมันหายไปไหน” ชุติมาหงุดหงิด
“นั่นน่ะสิคะ แหม..ไวยังกับลิง”
“ลิงบ้า” ชุติมาว่า
“ตอนหนีน้ำท่วม” แป้นเสริมพลางหัวเราะชอบใจ
ระหว่างนั้นจันทราตามออกมา
ชุติมารายงานทันที “นังแรมมันหายไปไหนก็ไม่รู้ จะให้ตามมั้ยคะคุณน้า”
“ฝนตก จะไปตามทำไม ดี!!ไปไหนก็ไปเลย จะเป็นจะตายก็เรื่องของมัน”
พูดแค่นั้นจันทราก็สะบัดหน้าเดินกลับเข้าไปในบ้านทันที ชุติมากับแป้นทำหน้าเชิดตามติด
ฝนยังตกหนัก ไม่มีทีท่าจะหยุด เดือนแรมละล้าละวังวิ่งหันหน้าหันหลังไปตามทางฝ่าสายฝน รีบเร่ง เพราะกลัวจันทราจะตามมาจับตัวไป จังหวะหนึ่งเสียงฟ้าร้องดังมาก เดือนแรมร้องว้าย เอามือกอดตัวเอง กลัวเหลือเกินในความมืด หันมาอีกทีเดือนแรมก็ชนเข้ากับผู้ชายสองคนจนล้มลง
“ว้าย”
ผู้ชายสองคนนั้นอยู่ในสภาพเปียกปอน ผมเผ้ากะเซอะกระซังน่ากลัว พวกมันสืบเท้าเข้ามา
ชายหนึ่งในสองมองเดือนแรมอย่างพึงพอใจ “สวย..แต่ซุ่มซ่ามจังเลยน้องสาว”
“คงจะกลัวฟ้าฝน มา..ไปกับพี่ พี่จะดูแลน้องเอง” ชายอีกคนว่า
สองคนปราดเข้ามาหาเดือนแรมถอยหลังกรูด ร้องกรี๊ด
“อย่า”
ไม่ทันจะลุกขึ้น มันก็ปราดเข้ามาฉุด เดือนแรมกลัวจนเนื้อตัวสั่น ขยะแขยง ดิ้นรนขัดขืน
เต็มที่และถีบชายสองคนสุดแรงเกิด แล้ววิ่งหนีอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงสองคนแว่วมา
“ตามไปเร็ว”
ฝนยังคงตกหนักไม่ลืมหูลืมตา เดือนแรม วิ่งหน้าตื่นมาตามทาง กลัวมาก หันรีหันขวาง
เห็นสองวายร้ายตามมาติดๆ พอเดือนแรมหันมามองอีกที ก็เห็นแสงไฟจากรถยนต์คันหนึ่งสาดเข้ามา
“ว้าย” เดือนแรมร้องสุดเสียงแล้วล้มลงไปแน่นิ่ง
ที่แท้เป็นรถของธิติรัตน์ ราชนิกูลหนุ่มรูปงามจอดรถรีบก้าวลงมาดู เห็นเด็กสาวคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่ ธิติรัตน์รีบเดินมาหา ร้องเรียกออกมาด้วยความตกใจ
“หนูๆๆ”
ทว่าเดือนแรมไม่ได้สติแล้ว ธิติรัตน์ตัดสินใจช้อนร่างเดือนแรมอุ้มขึ้นรถทันที
อ่านต่อหน้า 2 พรุ่งนี้ เวลา 9.30 น.
มาหยารัศมี ตอนที่ 1 (ต่อ)
กลางดึกคืนนั้น ธิติรัตน์อุ้มเดือนแรมเข้ามาในบ้านธิดา โดยมีจวนวิ่งตามมาหน้าตาตื่น ร่างของธิติรัตน์และเดือนแรมเปียกปอนพอกัน ธิดากับนพ.เกรียง สามี เดินเข้ามามอง จากงงเปลี่ยนเป็นตกใจ
“อะไรกันชาย?” ธิดาถามน้ำเสียงตกใจ
“ผมขับรถเฉี่ยวเด็กคนนี้...พี่หมอช่วยดูให้ด้วยครับ” ขอร้องนพ.เกรียงขณะวางร่างเดือนแรมบนโซฟา
“ได้ๆ จวนเอากระเป๋าเครื่องมือมา” เกรียงหันไปบอกสาวใช้
“ค่ะๆ”
จวนรับคำแล้วรีบวิ่งออกไป ทุกคนเดินเข้ามาดูเดือนแรม ที่เริ่มรู้สึกตัวแล้ว เดือนแรมเนื้อตัวสั่นสะท้าน เอามือกอดตัวเองนอนขดตัวเป็นกุ้ง
เดือนแรมเพ้อออกมา “อย่า...อย่าขังแรม แรมกลัว....คุณพ่อขา..แรมไม่ได้บ้า แรมไม่ได้บ้าค่ะ”
น้ำตาไหลร้องไห้ออกมาทั้งที่ตายังหลับอยู่ สามคนมองหน้ากันฉงนยิ่งนัก เดือนแรมเพ้อออกมาอีก
“คุณพ่อไม่รักแรม คุณพ่อเกลียดแรมเหมือนคุณน้า!!คุณพ่อเกลียดแรม”
จวนวิ่งเข้ามาพร้อมเครื่องมือ ธิดาดูเป็นกังวลมาก เร่งสามี
“แกเพ้อใหญ่แล้ว รีบตรวจเถอะค่ะพี่หมอ”
เกรียงขยับเข้าไปใกล้เดือนแรม เริ่มตรวจ “ไข้ขึ้นสูงมาก” เกรียงว่า
“แล้วแกบาดเจ็บอะไรมั้ยครับพี่หมอ” ธิติรัตน์กังวลเรื่องที่ตัวเองขับรถเฉี่ยวจนเดือนแรมล้มต่อหน้า
“ไม่...คงจะตกใจจนหมดสติไป แล้วก็ไข้ขึ้น พี่ว่าพาเข้าไปนอนในห้องก่อนดีกว่า เดี๋ยวพี่จะฉีดยาให้แก” เกรียงวินิจฉัยอาการแล้วเอ่ยขึ้น
“ครับพี่หมอ”
ธิติรัตน์ก้มลงอุ้มร่างเดือนแรมตรงไปที่ห้องพักแขกในบ้านทันที
กลางดึก ท่ามกลางความมืดสลัวในห้อง เดือนแรมถูกจวนเปลี่ยนชุดใหม่ให้ นอนอยู่บนเตียง ส่วนอีกมุม ธิติรัตน์ที่เปลี่ยนชุดใหม่เหมือนกัน นั่งหลับอยู่
เดือนแรมเพ้ออีก “มืด...มืด มันมืด แรมกลัว”
ธิติรัตน์สะดุ้ง ลืมตาตื่น รีบปราดไปที่เตียง เดือนแรมสะอื้น เพ้อเพราะพิษไข้ โดยไม่มีน้ำตา
“คุณพ่อ อย่าให้คุณน้าขังแรม แรมกลัว...กลัว”
ธิติรัตน์มองดูอย่างเวทนา “โธ่เอ๊ย”
ราชนิกูลรูปงามเอามือลูบผมเดือนแรมเบาๆ ทันทีที่มือของธิติรัตน์สัมผัส เดือนแรมก็สะดุ้งลืมตาตื่น ธิติรัตน์เองก็ตกใจ ท่ามกลางความมืด เดือนแรมเห็นผู้ชายคนหนึ่ง นั่งอยู่ใกล้ ใกล้มาก นึกประหวั่นในใจ ว่าตัวเองจะถูกทำร้ายและมีท่าทีหวาดกลัวขึ้นมาอีก
เดือนแรมร้องกรี๊ด เอามือผลักธิติรัตน์เต็มแรง “อย่า อย่าเข้ามา กลัวแล้ว กลัว”
ปากบอกว่ากลัว ทว่าเดือนแรมกลับยกเท้ายันธิติรัตน์เต็มแรง แล้วลุกพรวดวิ่งออกไป
ธิติรัตน์ตกใจ คว้าตัวเดือนแรม ร้องห้ามเอาไว้ “อย่าไปแรม อย่าไป”
เดือนแรมยังคิดว่าตัวเองถูกทำร้ายอยู่ จึงดิ้นรนใหญ่ “ไม่...ปล่อยๆๆๆๆ”
เดือนแรมดิ้น ธิติรัตน์คว้าตัวไว้ เกิดการยื้อยุดไปมา ร่างของสองหนุ่มสาวเซไปจนล้มลง ศีรษะธิติรัตน์โขกเข้ากับเตียงอย่างแรง ร้องลั่น
“โอ๊ย”
เกรียงกับธิดาเปิดประตูเข้ามา และเปิดสวิชต์พรึ่บ ไฟสว่างไปทั้งห้อง แต่แล้วเกรียงกับธิดา เดินที่เข้ามาก็ตกตะลึง เมื่อเห็นเดือนแรมนั่งทับบนตัวธิติรัตน์ ส่วนธิติรัตน์หน้าซีด ศีรษะยังโขกอยู่ที่เตียงอยู่เลย เดือนแรมมองธิติรัตน์อย่างตกตะลึง จดจำได้ว่าเคยเห็นในปาร์ตี้ที่บ้านบิดา
เช้าวันต่อมา เดือนแรมนั่งเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ในห้องรับแขก เหลือบมองธิติรัตน์ ธิดาและนพ.เกรียง ทั้งสามนั่งอยู่บนโซฟา ธิดาบอกเสียงอ่อนโยน
“คุณชายธิติรัตน์เป็นน้องชายของพี่ ไม่ใช่คนร้ายหรอกจ้ะแรม”
“เมื่อคืน พี่ขับรถเฉี่ยวแรม” ธิติรัตน์เสริม
เดือนแรมทำหน้างง พยายามนึกตรึกตรอง
“หรือคะ?...แต่ที่แรมจำได้ เมื่อคืนแรมหนีออกมาจากบ้าน ถูกคนร้ายจะฉุดเอา แรมวิ่งหนี แล้วก็เห็นรถคันหนึ่งพุ่งมา แรมล้มลง แล้วแรมก็จำอะไรไม่ได้แล้วค่ะ จำได้อีกทีก็...เห็นคุณชาย”
“งั้น...แรมก็สบายใจได้แล้วนะว่าคุณชายธิติรัตน์ไม่ได้เป็นคนร้าย” เกรียงเอ่ยขึ้น
เดือนแรมลำดับเรื่องราว มองอย่างตื้นตัน “แรมรู้ค่ะว่าคุณชายไม่ได้เป็นคนร้าย คุณชายเป็นคนดี” เดือนแรมยกมือไหว้นอบน้อม “แรมขอบพระคุณคุณชายมากค่ะที่ช่วย ไม่ทิ้งแรมไว้ข้างถนน”
ธิติรัตน์หัวเราะ พลางเอื้อมมือมายีผมเดือนแรมอย่างเอ็นดู “คนทั้งคนจะทิ้งได้ยังไง? บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวพี่พาไปส่ง”
พอได้ยินเดือนแรมก็ร้องไห้ออกมา ถอยตัวหนีลนลาน “ไม่ค่ะ...แรมไม่กลับ แรมไม่กลับ”
ธิดาประหลาดใจ “ทำไม? แรมไม่คิดถึงพ่อกับแม่เหรอ”
“คิดถึงค่ะ แต่แรมไม่มีแม่ มีแต่พ่อ แรมรักคุณพ่อ แต่คุณพ่อไม่รักแรม”
เกรียงไม่อยากเชื่อ “พ่อที่ไหนไม่รักลูก”
เดือนแรมร้องไห้ออกมาอีก “พ่อของแรมค่ะ ตั้งแต่จำความได้ พ่อเรียกแรมว่า เด็กบ้า เด็กสกปรก คุณพ่อไม่เคยกอดแรม ไม่เคยลูบผมแรม เหมือน...คุณชาย”
เดือนแรมสะอื้น ร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บช้ำเสียใจ ผู้ใหญ่ทั้งสามอึ้ง เดือนแรมเล่าต่ออีก
“แล้วคุณพ่อกับคุณน้าก็ชอบจับแรมไปขัง ในห้องมืดๆ มีแต่ตุ๊กแก แมงมุม แมลงสาป แล้วก็มีเสียงผู้หญิงร้องไห้ จะพาแรมไปอยู่ด้วย แรมกลัว กลัวจริงๆ...” เดือนแรมยกมือไหว้ทั้งสาม “คุณพี่...คุณชาย อย่าพาแรมกลับบ้านเลยนะคะ แรมกลัว” น้ำเสียงตอนนี้ละล่ำละลัก “แรมกวาดบ้าน ถูบ้าน ทำกับข้าว ซักเสื้อผ้าได้นะคะ เลี้ยงน้องก็ได้ แรมทำได้ทุกอย่างค่ะ แรมไม่ได้บ้า แรมทำได้ทุกอย่าง”
เดือนแรมมองผู้ใหญ่สามคนด้วยดวงตาเว้าวอน
สามคนออกมาปรึกษากันอยู่ที่หน้าบ้าน ธิดาถามขึ้นเพราะคาใจเหลือเกิน
“แรมแต่งเรื่องหรือเปล่าคะ?”
“ผมว่าไม่ เรื่องที่แรมเล่า น่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะท่าทางของแรมกลัวมาก” เกรียงออกความเห็น
“ก็อาจจะเป็นได้ พ่อของแรมหลงเมียใหม่จนลืมลูก แต่ที่ผมอยากรู้ ทำไมต้องว่าแรมเป็นบ้า?” ธิติรัตน์ติดใจประเด็นนี้
“คุณชายคิดเหมือนพี่เลย พี่ว่ามันต้องมีเงื่อนงำอะไรสักอย่าง เหมือนจงใจสั่งจิตแรม พยายามให้แรมเป็นบ้า” นายแพทย์เกรียงว่า
“งั้นให้แรมอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ค่ะ” ธิดาออกไอเดีย
“ขอบคุณมากครับพี่ดา...เพราะถ้าพี่ดาไม่ยอม ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน จะพาไปวังศิลาลายก็เกรงใจคุณแม่”
ธิดายิ้ม เข้าใจดี “หม่อมน้ารัตนาออกจะเป็นคนใจดี”
“คุณแม่ใจดีครับ..แต่คุณแม่คิดมากไปหน่อย ผมกลัวคุณแม่จะพาแรมส่งตำรวจ ให้ตำรวจตามหาพ่อแม่แรมน่ะสิครับ”
เกรียงพูดเสริมอย่างขำๆ “ถ้าเป็นอย่างนั้น พี่เกรงว่าแรมคงบ้าไปจริงๆ”
“พี่หมอก็พูดไปเรื่อย แต่ดาก็อยากรู้จัง ที่บ้านแรม จะมีใครตามหาแรมหรือเปล่า?”
กลุ่มคนที่ห่วงเดือนแรมมาก ก็คือครอบครัวป้ามะลิของเธอ ซึ่งพอรู้เรื่องจากลูกชาย ป้ามะลิหน้าซีดเผือด ถามย้ำเสียงดัง
“อะไรนะต้อม แรมหนีไปแล้ว”
“ครับ...น้องเพ็ญบอก ตอนนี้ที่บ้านนั้นก็มีน้องเพ็ญที่เดือดเนื้อร้อนใจอยู่คนเดียว นอกจากนั้นคนอื่นเค้าเฉยๆ กันหมด”
มะลิเสียงแข็ง “รวมทั้งนายเมิน”
“ครับ” แม้นเทพว่า
“ใจทมิฬหินชาติ”
พิมเอ่ยขึ้นเสียงอ่อย “คุณเมิน เข้าใจมาตลอดน่ะค่ะว่าคุณแรมเป็นลูกชู้ เลยรังเกียจคุณแรม”
“รักจนไร้สติ ไม่ใช้สมองคิดซะบ้างเลยว่าเมียตัวเองเป็นคนยังไง...ต้อม ต้อมต้องตามน้องกลับมาให้ได้นะลูก” มะลิเป็นห่วงเดือนแรมยิ่งนัก
“ครับคุณแม่”
แม้นเทพตอบด้วยท่าทางกังวล มะลิมีสีหน้าเครียด ได้แต่ยกมือไหว้พึมพำ
“โธ่เอ๊ยแรม...สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองนะลูก”
เดือนแรมปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดบ้านอย่างขยันขันแข็ง โดยไม่รู้เหนื่อย จากเย็นย่ำจวบจนยามค่ำคืน ธิดาเดินถือจานข้าวเข้ามาหา เอ่ยขึ้น “ทำงานทั้งวันเลย หยุดพัก มาทานข้าวได้แล้วจ้ะแรม”
เดือนแรมมองจานข้าว ไม่อยากเชื่อสายตา “โอ้โห! เยอะจังเลยค่ะ แรมไม่เคยกินอะไรอย่างนี้”ธิดากับจวนอึ้ง ทั้งๆ ที่กับข้าวที่ราดมามีเพียงผัดผักกับไข่เจียว เดือนแรมละล่ำละลักต่อ
“แรมกินนิดเดียวค่ะพี่ดาแต่ทำงานได้เยอะ แรมขยันแรมไม่ดื้อ พี่ดาจะให้ทำอะไร แรมทำได้ทุกอย่าง ขอเพียงให้แรมอยู่ ให้แรมได้เรียนหนังสือ เรียนที่ไหนก็ได้ค่ะ นะคะพี่ดา..แรมอยากเรียน”
ธิดาไม่ทันจะตอบ ธิติรัตน์ก็หอบข้าวของพะรุงพะรังเข้ามา เดือนแรมมองอย่างดีใจ
“ซื้อของอะไรมาเยอะแยะคะคุณชาย” ธิดาสงสัย
“ของแรมครับ” ธิติรัตน์บอกยิ้มๆ
เดือนแรมตะลึงคาดไม่ถึง “ของแรม”
“จ้ะ..มาดูซิแรม ใส่ได้หรือเปล่า?”
ธิติรัตน์นั่งลงพลางหยิบเสื้อผ้า ข้าวของออกมาจากถุง เดือนแรมมองตะลึง ตื่นตา เมื่อเห็นเสื้อผ้าชุดสวยสะอาด ธิติรัตน์ยื่นให้ เดือนแรมมองน้ำตาคลอ
“เอาไปใส่ดูซิจ๊ะแรม”
เดือนแรมละล่ำละลัก
“แรมใส่ได้ค่ะ อะไรๆ แรมก็ใส่ได้ ยังไงมันก็สวย ก็ใหม่ กว่าชุดของแรม ตั้งแต่แรมจำความได้ แรมไม่เคยมีชุดใหม่เลย” ก้มลงมองชุดที่ตัวเองใส่ “ชุดที่พี่ดาให้ใส่ เป็นชุดที่ใหม่และสวยที่สุดของแรม”
ธิดาไม่อยากเชื่อ “จริงเหรอแรม”
“ค่ะ....ถึงพี่เพ็ญ คุณป้า พี่ต้อมจะซื้อชุดใหม่มาให้ แต่คุณน้า ก็แอบเอาไปทิ้งอยู่ดี แล้วก็ให้แรมใส่แต่เสื้อผ้าเก่าๆ ขาดๆ แรมกราบขอบพระคุณคุณชายมากค่ะ”
สองคนมองเดือนแรมอย่างเวทนา ขณะที่เดือนแรมกอดเสื้อผ้าแน่น ตื้นตัน ถามออกมาอีก
“พี่ดาคุณชายจะให้แรมทำอะไรหรือเปล่าคะ? แรมทำได้ค่ะทำได้ทุกอย่างเลย”
“ไม่ต้องจ้ะแรม ไม่ต้อง....สิ่งเดียวที่พี่อยากเห็นจากแรม พี่อยากเห็นแรมยิ้มอยากเห็นแรม สบายใจ แรมไม่กลัว...ยิ้มให้พี่สิจ้ะแรม” ธิติรัตน์บอก
เดือนแรมยิ้มให้...ทั้งน้ำตา
ตลอดทั้งวันธิติรัตน์พาเดือนแรมไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ ในห้างสรรพสินค้า เข้าร้านหนังสือ เลือกหนังสือให้อ่าน พาไปเที่ยวสวนสนุก ล่องแก่ง ปีนหน้าผา พาเดือนแรมไปเปิดหูเปิดตา สุดท้ายปิดทริปทัวร์ที่หอดูดาว เดือนแรมตื่นตา มองเห็นดาวเต็มท้องฟ้า
เดือนแรมพูดอย่างตื่นเต้น น้ำเสียงปีติ “ดาวเต็มท้องฟ้า สวยจังเลยค่ะคุณชาย”
“แรมต้องตั้งใจเรียนนะ อนาคตแรมจะได้สดใส เป็นดาวเต็มดวง ไม่ใช่เดือนแรม” ธิติรัตน์บอก
เดือนแรมรับคำมั่น “ค่ะแรมจะตั้งใจเรียน เป็นดาวเต็มดวงให้ได้”
สีหน้าเดือนแรมเวลานี้ มองธิติรัตน์ อย่างขอบคุณ มีแต่ความเคารพ เทิดทูน
อีกวันถัดมาดุจแขอยู่ที่บ้าน นั่งแต่งหน้าอยู่ สีหน้าครุ่นคิดเรื่องธิติรัตน์
“หมู่นี้คุณชายไม่มาหาเราเลย คงจะโกรธอยู่”
ดุจแขหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดโทร.ออก ถามเสียงหวาน “คุณชายอยู่ที่ไหนคะ?”
ตอนกลางวันของวันนั้นดุจแขก็พาตัวเองมาอยู่ที่หน้าบ้านของธิดา
ธิดาเดินออกมารับ ดุจแขยกมือไหว้อ่อนหวาน
“สวัสดีค่ะพี่ธิดา ไม่เจอกันซะนาน”
“ก็คุณแขไม่แวะมาหาพี่นี่ค่ะ”
“คุณชายสิคะ ไม่พาแขมา เจอกันทีไร ก็พาไปเที่ยวตามลำพังทุกที วันนี้นึกยังไงถึงมาบ้านพี่ธิดาซะได้” ดุจแขฟ้องออกมา
“เข้าไปดูเองดีกว่าค่ะ” ธิดาพูดยิ้มๆ พลางเดินนำไป ดุจแขทำหน้างงๆ
ระหว่างนั้นธิติรัตน์กำลังคุยอยู่กับเดือนแรม
“แรมอยากเรียนหนังสือมากเหรอ?”
“ค่ะ..แรมอยากมีความรู้ อยากเป็นคนเก่ง แล้วแรมก็อยากให้คุณพ่อรู้” เดือนแรมบอกเสียงเครือ “ว่าแรมไม่ได้บ้า”
ธิติรัตน์มองอย่างเห็นใจ “ถ้าแรมอยากเรียน ฉันจะส่งให้แรมเรียนเอง”
เดือนแรมถึงกับตะลึง มองธิติรัตน์ตาค้าง ซึ้งใจ ตื้นตันใจมาก น้ำตาจะไหลออกมาอีก ธิดา
เดินนำดุจแขเข้ามา ดุจแขเห็นภาพนั้นพอดี
“คุณชาย”
ธิติรัตน์หันมามองไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย “อ้าว!!มาแล้วเหรอแข?”
เดือนแรมยกมือไหว้ดุจแขทันที “สวัสดีค่ะ”
ดุจแขมองหน้าเดือนแรมจำได้ พึมพำออมา “เด็กคนนั้น” รีบกลบเกลื่อน ไม่พูดต่อยิ้มหวานให้ “แรมใช่มั้ยจ้ะ..พี่ดา เล่าเรื่องแรมให้ฉันฟังหมดแล้ว”
“พี่กับคุณชาย แล้วก็พี่หมอ คุยกันว่า จะให้แรมอยู่กับพี่ที่นี่ค่ะ”
“หรือคะ?...” ดุขแขแปลกใจนิดๆ ยิ้มหวานให้เดือนแรมอีก “ดีใจด้วยนะจ้ะแรม พี่ดา พี่หมอ แล้วก็คุณชาย เป็นคนใจดีมาก”
“คุณแขก็ใจดี” ธิดาว่า
ดุจแขมองค้อนธิติรัตน์ ปากยิ้มตายิ้ม พูดตัดพ้อ เย้าๆ “จะไม่ดีก็คราวนี้ล่ะค่ะพี่ดา...คุณชายไม่ยอมมาหาแขตั้งหลายวัน ที่แท้ก็มัวแต่สนใจแรมนี่เอง”
ครู่ต่อมาบริเวณสวนหน้าบ้าน สองหนุ่มสาวเดินคุยกัน ระหว่างนั้นธิติรัตน์บอกดุจแขด้วยท่าทางแคร์มาก
“ผมแค่สงสารแรม ไม่ได้สนใจแรม อย่างที่แขคิด”
“ใครว่าแขคิดอะไรล่ะคะ?” ดุจแขรีบปฏิเสธ พลางกอดแขนประจบ พูดออดอ้อน “คุณชายขา..แรมเป็นเด็กนะคะ แขไม่อิจฉา ไม่หึงหวงเด็กหรอกค่ะ ที่แขแคร์ คือคุณชายต่างหาก...แขกลัวคุณชายจะโกรธแข”
“แขก็รู้ว่าผมรักคุณ” ธิติรัตน์บอกเสียงจริงจัง
“แขก็รักคุณชาย...รักมากค่ะ ....รักจนไม่อยากให้คุณชายสนใจใครๆ”
ธิติรัตน์ยิ้มอย่างพอใจ “ไหนว่าไม่หึง ไม่หวงแรม”
ดุจแขหัวเราะอย่างมีจริต “ผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจหรอกค่ะ...ถึงจะหึงจะหวง แต่แขก็เข้าใจ อีกอย่าง แรมก็น่าสงสารมากด้วย”
“งั้นแขไม่ว่าอะไรใช่มั้ย ถ้าผมจะรับเป็นผู้ปกครองของแรม” ธิติรัตน์ถาม
“ไม่ว่าเลยค่ะ ไม่ว่าเลย”
ดุจแขยิ้มหวานให้ ธิติรัตน์ยิ้มเยื้อน แสนสบายใจ
วันต่อมา จันทราอุทานออกมาอย่างตกใจ ต่อหน้าดุจแข เพ็ญประกาย ชุติมา และแป้น ภายในห้องรับแขกของบ้าน
“อะไรนะคะ คุณดุจแขเห็นแรมที่บ้านพี่สาวคุณชาย”
“ค่ะตอนแรกก็คิดว่าคนหน้าเหมือน แต่พอได้คุยถึงมั่นใจว่าเป็นแรม เด็กในบ้านคุณเพ็ญจริงๆ”
เพ็ญประกายน้ำตารื้นขึ้นมา “แรมเป็นน้องสาวของเพ็ญค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณแข คุณแม่...เรารีบไปรับแรมกันนะคะ”
“เอ่อ” จันทราอึกอัก
เพ็ญประกายอ้อน “นะคะ”
“จ้ะ” จันทราพูดหวานกับดุจแข “น้าดีใจจนพูดไม่ออกน่ะค่ะ”
ดุจแขยิ้มอย่างรู้ทันแต่กลบเกลื่อน “ถ้าอย่างนั้นคุณน้า รีบไปรับแรมเร็วๆ เถอะค่ะ”
“ค่ะ” จันทรายิ้ม แต่แววตาเป็นกังวล หน้านิ่วคิ้วขมวด
ค่ำคืนนั้น จันทราหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่มุมหนึ่งในบ้าน คิดไม่ตกเรื่องเดือนแรม ขณะที่ชุติมาหน้านิ่วไม่แพ้กัน แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวถามออกมา
“คุณน้าจะไปรับนังแรมจริงหรือคะ?”
“จ้างให้ก็ไม่ไป” จันทราบอกเสียงจริงจัง
“แล้วคุณน้าจะทำยังไง”
ไม่นานหลังจากนั้น ชุติมาวิ่งหน้าตาตื่นมาที่หน้าห้องเพ็ญประกาย ทุบประตูเป็นการใหญ่
“คุณเพ็ญขา..คุณเพ็ญ”
เพ็ญประกายเปิดประตูออกมา “มีอะไรคะพี่ชุ”
ชุติมาละล่ำละลัก “คุณน้าค่ะ..คุณน้าหกล้มหัวฟาดฟื้น”
เพ็ญประกายหน้าซีดเผือด
ตลอดทั้งสัปดาห์ แม้นเทพทั้งในชุดนายทหาร ชุดพลเรือนธรรมดา ตามหาเดือนแรมทุกที่ ทั้งที่สถานีตำรวจ โรงพยาบาล สถานบันเทิง ไม่เว้นแม้กระทั่งอาบอบนวด เพราะวิตกว่าเดือนแรมอาจถูกจับไปขาย แต่ก็ไม่เห็นแม้เงาเดือนแรม
แม้นเทพท่าทางเหนื่อยอ่อน ขับรถมาจอดข้างทาง สีหน้ากลัดกลุ้ม แม้นเทพรำพึงออกมาน้ำเสียงอ่อนโยน “แรม น้องอยู่ที่ไหน” แม้นเทพได้แต่ทอดถอนใจอย่างเป็นทุกข์
วันต่อมาแม้นเทพในชุดนายทหารยศร้อยโทเดินเข้ามาหน้าตากังวล มะลิถามลูกชายทันที
“ได้ข่าวแรมบ้างรึยังต้อม”
“ยังเลยครับคุณแม่ เพื่อนผมที่เป็นตำรวจช่วยตาม ก็ไม่มีใครได้ข่าวอะไร ทั้งอาชญากรรม อุบัติเหตุ คนหาย ไม่มีข้อมูลของแรมเลย” แม้นเทพรู้สึกกังวล “พรุ่งนี้ผมต้องไปราชการทางเหนืออีกตั้งอาทิตย์ ยังคิดไม่ออกเลย จะตามแรมได้ ยังไง? ผมห่วงน้อง”
“ทำใจดีๆก่อนนะคะคุณต้อม อย่างน้อยเราก็ยังหวังได้ว่าคุณแรมยังมีชีวิตอยู่”
“นั่นล่ะฉันยิ่งกังวล ป่านนี้แรมจะกินจะอยู่จะนอนยังไง เฮ้อ!!ถ้าไม่ อยากกลับบ้าน ก็แล้วทำไมแรมไม่มาหาเรา?”
เดือนแรมทำความสะอาดบ้านอยู่ พลางเอ่ยขึ้นธิติรัตน์
“ก็ถ้าแรมไปอยู่บ้านคุณป้า ยังไงคุณพ่อกับคุณน้าก็มาตามกลับไปอยู่ดี”
“ตามกลับไปทำไม”
“ก็คุณพ่อกับคุณน้าว่าแรมบ้านี่คะ...คนบ้าก็ต้องอยู่ในส่วนของคนบ้า”
“พี่หมอเกรียงตรวจดูแล้ว แรมไม่ได้บ้า”
“ขอบคุณคุณชายมากค่ะที่เชื่อแรม ไม่เหมือนคุณพ่อ คุณน้าที่บ้านไม่มีใครเชื่อแรมเลย”
ธิติรัตน์ยิ่งสงสาร “แรม”
“คะ” เดือนแรม
“อาทิตย์หน้าฉันจะไปเรียนต่อที่อเมริกา” ธิติรัตน์บอก
“ค่ะ” เดือนแรมน้ำตาคลอ
ธิติรัตน์สงสารมาก “แรม...แรมไม่ต้องกลัว ไม่ต้องห่วงนะ ฉันฝากให้ พี่ธิดา พี่หมอเกรียง ดูแลแรม ระหว่างที่ฉันไม่อยู่”
เดือนแรมยกมือไหว้ “ขอบพระคุณค่ะคุณชาย...” เบะปากจะร้องไห้ “แต่แรมคงคิดถึงคุณชายมาก”
“ฉันก็คิดถึงแรม”
“แรมจะรอวันที่คุณชายกลับมาค่ะ”
ธิติรัตน์มองอย่างอ่อนโยน เจือความปรานี “เป็นเด็กดีของฉันนะเดือนแรม”
“ค่ะคุณชาย” เดือนแรมมองธิติรัตน์แล้วน้ำตาไหลออกมา
คืนนั้นเดือนแรมอยู่ในห้อง นั่งถักผ้าพันคอไหมพรมสีชมพูอ่อนให้คุณชายทั้งน้ำตา สีหน้ามั่งมั่น
คืนเดียวกันนั้น ณ วังศิลาลาย หม่อมรัตนายื่นกำไลทองคำขาวประดับเพชรสลักชื่อมาหยารัศมีให้ลูกชาย
“อะไรครับ” ธิติรัตน์มองอย่างงวยงงพลางอ่านชื่อที่สลักไว้ “มาหยารัศมี”
“วันที่ชายเรียนจบกลับมาแม่จะบอก แต่ตอนนี้ชายเก็บกำไลไว้กับชายก่อนนะลูก”
“ผมเป็นผู้ชาย...แต่นี่มันเครื่องประดับผู้หญิง”
“ก็เก็บไว้..ให้ผู้หญิงที่ชื่อมาหยารัศมีไง”
“ผมไม่เข้าใจ”
“แม่บอกแล้วไง...วันที่ชายเรียบจบกลับมา ...ชายจะได้รู้ว่ามาหยารัศมีเป็นใคร?”
ธิติรัตน์มองหม่อมแม่งุนงงหนัก และก้มลงมองกำไลที่สลักชื่อมาหยารัศมีอีกครั้ง
วันต่อมาเมินประคองจันทราที่ยังทำท่าอ่อนระโหยโรยแรงเข้ามาในบ้าน มะลิรออยู่ในบ้านแล้ว
“หายดีหรือยังแม่จันทรา?”
“ก็..ค่อยยังชั่วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ช่วยกันตามหาแรมหน่อยดีมั้ย แรมหายไปตั้งหลายวันแล้ว ตาต้อมตามก็ไม่เจอ”
เพ็ญประกายอยู่ตรงนั้นด้วย กำลังจะบอกว่าเจอแล้ว แต่มะลิหันไปพูดแดกดันเมิน
“ถ้าคนเป็นพ่อ ไปตามอาจจะเจอ”
“ผมจะไปตามที่ไหน?” เมินว่า
มะลิเน้นกับน้องชาย “เธอเป็นพ่อนะเมิน”
เพ็ญประกายรีบบอกกลัวเรื่องจะลุกลาม “คุณป้าคะ....ขอโทษค่ะที่เพ็ญไม่ได้แจ้งให้ทราบ เรารู้แล้วค่ะว่าแรมอยู่ไหน? คุณแม่กำลังจะไปรับแรม แต่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน”
เมินตกใจเพิ่งรู้ “เจอแรมที่ไหน?เมื่อไหร่? ทำไมไม่มีใครบอกพ่อ”
“ก็..จันทร์เข้ารพ.นี่คะ” จันทราแก้ตัว
“ถ้าหายดีแล้วก็ไปรับแรมเลยสิ... ฉันเป็นห่วงแรม”
มะลิพูดเสียงแข็ง มองจันทราเป็นเชิงตำหนิ
เวลาต่อมาธิดาคุยโทรศัพท์อยู่พลางชำเลืองมองเดือนแรมหน้าซีด
“ค่ะ.....ฉันจะบอกแรมให้ค่ะ”
ธิดาวางสาย เดือนแรมเดินเข้ามาพร้อมอาหารว่าง หน้าตาสดชื่นแจ่มใส
“พี่ดาขา..ปั้นขลิบไส้ปลาค่ะ แรมทำเอง”
ธิดาหน้าเจื่อนๆ “ขอบใจจ้ะแรม”
เดือนแรมประหลาดใจ “พี่ดาไม่ชอบเหรอคะ”
“ชอบจ้ะ”
“แล้วทำไมพี่ดาทำหน้าอย่างนี้”
ธิดาไม่ตอบ ตัดสินใจถามเรื่องพ่อขึ้นมา “แรม..แรมคิดถึงคุณพ่อมั้ยจ๊ะ”
เดือนแรมหน้าเจื่อน สีหน้าหมองลง “คิดถึงค่ะ คิดถึงมาก แต่คุณพ่อคงไม่คิดถึงแรม”
“แล้วถ้าคุณพ่อท่านคิดถึงแรม เหมือนกับที่แรมคิดถึงท่านล่ะ” ธิดาหยั่งเชิง
เดือนแรมมองหน้าธิดาเป็นเชิงถาม ธิดารีบบอก
“คุณพ่อแรม รู้ว่าแรมมาอยู่ที่นี่ ท่านกำลังจะมารับแรมจ้ะ”
เดือนแรมหน้าซีดเผือด
เย็นวันนั้นที่บริเวณหน้าบ้านธิดา เมินกับจันทราช่วยกันดึงลากเดือนแรมกลับบ้าน
เดือนแรมออกอาการขัดขืนไม่ยอมกลับท่าเดียว “ไม่ค่ะแรมไม่กลับ พี่ดา..พี่หมอช่วยแรมด้วย”
นายแพทย์เกรียงกับธิดามองอย่างสงสาร และเห็นใจเดือนแรม แต่พูดไม่ได้ ในขณะที่เมินนั้นอายมาก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะแรม หยุด”
“ไม่หยุด!แรมไม่อยากกลับบ้าน คุณพ่อคุณน้าจะขังแรม พี่ดา..พี่หมอช่วยแรมด้วย บอกคุณพ่อทีแรมไม่ได้บ้า”
“เดือนแรม” เมินพูดเสียงเข้ม และดุ อับอายมากที่ลูกขัดขืน
จันทราก็รู้สึกอายเช่นกันรีบบอก เสียงหวาน “แรมสติไม่ค่อยดีตั้งแต่เกิดค่ะ ชอบพูดอะไรเพ้อเจ้อ เรื่อยเปื่อย แล้วก็ชอบแต่งเรื่อง แกดูละครมากเกินไปนะค่ะ” และหวานมากขึ้นเมื่อหันมาทางเดือนแรม “แรมจ๋า..ฟังคุณน้านะ..มองหน้าคุณน้า..คุณพ่อคุณน้า รักแรม คิดถึงแรม แล้วก็เป็นห่วงแรมมาก กลับบ้านนะจ้ะแรมคนดี” พลางเข้ามากอดสร้างภาพแม่เลี้ยงแสนดี
เดือนแรมผลักออก “ไม่...แรมไม่กลับ กลับไปแรมต้องถูกคุณพ่อคุณอาจับขังในห้องมืดๆ” เดือนแรมร้องโวยวายเป็นการใหญ่ “พี่ดา..พี่หมอ ช่วยแรมด้วย แรมไม่ไป”
เมินตะคอก “เดือนแรม”
เกรียงทนไม่ได้รีบบอกเสียงสุภาพ “ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันดีกว่าครับคุณเมิน....ถ้าแรมอยากอยู่ที่นี่จริงๆ ผมกับภรรยาช่วยดูแลให้ได้”
“ได้ยังไงคะ แรมไม่ใช่ลูกคุณ” จันทราเน้นคำว่าลูก “ไม่มีใครรักลูกเท่ากับพ่อแม่แท้ๆ หรอกค่ะ”
“แต่คุณพ่อคุณน้า...ไม่ได้รักแรม คุณพ่อไม่ได้รักแรม” เดือนแรมบอก
เมินนั้นทั้งโกรธทั้งอายกระชากแขนเดือนแรมเต็มแรง “เดือนแรม”
ธิดาทนดูไม่ได้ “อย่าใช้กำลังกับแรมเลยนะคะ แรมยังเด็ก”
เมินมองมาเป็นเชิงตำหนิ “ปล่อยให้เป็นเรื่องภายในครอบครัวของผมเถอะครับ”
เกรียงแทรกขึ้น “ทราบครับ ว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัวของคุณ ...แต่คนในครอบครัว ก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรกับเด็กก็ได้ โดยเฉพาะคนเป็นพ่อ”
จันทราฉุนที่ถูกด่ากระทบ มองจ้องหน้าสองคนอย่างเอาเรื่อง “ตกลงคุณสองคนจะไม่คืนแรมให้กับเราใช่มั้ยคะ? ดีค่ะ ดิฉันจะได้แจ้งตำรวจว่าคุณสองคนหน่วงเหนี่ยวกักขังแรม..และคุณหมอเกรียง...ก็ยังพยายามจะทำมิดีมิร้ายกับแรมอีก”
เจอกับลูกแม่ค้าเข้า เกรียงกับธิดาถึงกับเหวอไป เดือนแรมมองคาดไม่ถึง
“คุณอา”
“คนสองคนนี้ไม่ได้หวังดีอะไรหรอก กลับบ้านของเราจ้ะแรม”
เดือนแรมมองธิดากับเกรียงน้ำตาคลอ ยกมือไหว้ขอโทษที่พลอยเดือดร้อนเพราะช่วยตน
“แรมขอโทษพี่ดาแล้วก็พี่หมอค่ะที่นำความเดือดร้อนมาให้ แต่แรมจะจดจำความใจดี พระคุณของพี่ดา พี่หมอ คุณชายไว้ไม่ลืม...แรมถักผ้าพันคอเอาไว้ ฝากเป็นของขวัญให้คุณชายด้วยนะคะ”
เดือนแรมยกมือไหว้ เมินกระชากแขนเดือนแรมแบบไม่ไว้หน้าใครเลย แล้วรีบเดินออกไป
พอจันทราและเมินยกขบวนกลับ ธิดาเปิดเข้ามาในห้องพักของเดือนแรม มองเห็นผ้าพันคอสีชมพูอ่อนวางอยู่ ธิดาหยิบมามองอย่างเวทนา
“โธ่เอ๊ยแรม!!
ธิดามองผ้าพันคอสีชมพูอ่อนในมือ สงสารเดือนแรมจับจิต
ตอนค่ำธิติรัตน์ลงจากรถพร้อมกับกระเป๋า ชุด นักเรียนของเดือนแรม ธิดาเดินมาหาแปลกใจ
“จะเดินทางคืนนี้แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังมาหาพี่อีก?”
“ผมแวะไปซื้อเสื้อผ้า กระเป๋าให้แรมไปเรียนน่ะครับ”
ธิดาสีหน้าหม่นหมอง น้ำตารื้น เดินไปหยิบผ้าพันคอสีชมพูมายื่นให้ “แรมฝากให้คุณชายค่ะ”
“แล้วแรมไปไหนครับ” ธิติรัตน์สงสัย
“ทางบ้านมารับกลับไปแล้วค่ะ”
ธิติรัตน์ตกใจ ถามรัวเร็ว “พี่ดาให้กลับไปทำไม?”
“ก็ถ้าไม่ยอม เค้าจะเอาตำรวจมาจับพี่ ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังอิสรภาพ แล้วก็จะแจ้งข้อหาพี่หมอ พยายามทำมิดีมิร้ายแรมอีก...คุณชายก็รู้แรมอายุแค่ 15 ยังไงก็ต้องอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองอยู่ดี”
“แต่เราบอกตำรวจได้ พวกเค้าใจร้ายกับแรม” ธิติรัตน์แย้ง
“แต่พี่ก็เชื่อว่า ถ้าถึงตำรวจ แรมไม่มีวันบอกว่าถูกพ่อทำร้ายหรอกค่ะ ดูก็รู้แรมรักพ่อมาก”
“โธ่เอ๊ยแรม ป่านนี้เธอจะเป็นยังไง”
ธิติรัตน์หนักใจ ถอนหายใจเฮือกใหญ่มองผ้าพันคอในมือเป็นห่วงเดือนแรมขึ้นมา
พอกลับมาถึงบ้าน จันทราผลักเดือนแรมเข้าไปในห้องเก็บของที่ทั้งมืดทั้งอับสกปรก เมินมองสีโกรธหน้าเรื่องเมื่อตอนเย็น เมินด่าว่าน้ำเสียงดุดัน
“แกเห็นคนอื่นดีกว่าฉันได้ยังไง เข้าไปอยู่ในนั้นเลยนังเด็กบ้า!! เข้าไป”
ระหว่างนั้นเพ็ญประกาย ชุติมา แป้นมาแอบมอง เพ็ญประกายไม่กล้าทำอะไร ได้แต่สงสาร
เดือนแรมแข็งขืนกรี๊ดลั่น อย่างคนสติแตก “ไม่..พ่ออย่า แรมกลัวๆๆๆ พ่อจ๋า แรมกลัว”
เมินพูดอย่างขมขื่น “ฉันไม่ใช่พ่อแก”
จันทราแกล้งทำเป็นพูดจาอ่อนหวาน “เข้าไปอยู่ดีๆ เถอะจ้ะแรม อย่าทำให้คุณพ่อโมโห!!นะจ๊ะคนดี”
“ไม่..แรมไม่อยู่ พี่ดา พี่หมอ คุณชาย ช่วยแรมด้วย” เดือนแรมร้องโวยวาย
เมินโกรธจัด ผลักเดือนแรมเข้าไปแล้วปิดประตูดังปัง ล็อกเอาไว้ เดือนแรมกรีดเสียงดังลั่นกลัวจนแทบบ้า เรียกหาแต่ธิติรัตน์
“คุณชายช่วยแรมด้วย...คุณชายช่วยแรมด้วย”
เพ็ญประกายหน้าเศร้าเห็นใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ชุติมาสะใจ พึมพำออกมา
“หมาหัวเน่าอย่างแก อยู่ในนี้เหมาะแล้ว นังเดือนแรม”
ที่มุมหนึ่งในบ้านเวลาต่อมา จันทรายืนหน้านิ่วอยู่ ชุติมาเดินหัวเราะมา กระซิบประจบ
“ตะกี้ได้แกล้งนังแรม สะใจ๊ สะใจนะคะคุณน้า”
“ไม่! ตะกี้คุณเมินอยู่ ฉันยังทำอะไรมันไม่ได้มาก”
“งั้นตอนนี้คุณเมินขึ้นข้างบนไปแล้ว เราจัดการมันอีกหน่อยมั้ยคะคุณน้า”
“ไม่หน่อยล่ะ ฉันจะจัดหนักให้มันเลย แกไปเรียกนังแป้นมาเร็ว” จันทราสั่งการ
ชุติมายิ้มสะใจ “ค่ะคุณน้า” รีบวิ่งออกไปทันที
จันทรายืนตาขวางยิ้มเหี้ยม “เสร็จฉันแน่นังแรม”
ไม่นานต่อมาประตูห้องเก็บของถูกเปิดออก เดือนแรมที่เนื้อตัวสั่นหันหน้ามามองแบบดีใจ ผวาออกมา แต่แล้วมือของแป้นกลับผลักหน้าผากเดือนแรมเข้าไปใหม่ เดือนแรมร้องด้วยความตกใจ
“ว้าย” เดือนแรมหัวคะมำกระแทกข้างฝา ผวากลัว ชุติมาเย้ยหยันขึ้นทันควัน
“ใคร้...จะบ้าปล่อยแกออกมานังแรม”
ชุติมาเอื้อมมือผลักหัวเดือนแรมอีก เดือนแรมเห็นชุติมากับแป้นยืนจังก้า กลัวชึ้นมาอีก
“อย่าทำอะไรแรมเลยนะคะ”
“ฉันตอบแกไม่ได้หรอก” ชุติมาว่า
เดือนแรมมองอย่างงุนงง แป้นแหกปาก
“คุณนายขา...แป้นขอเรียนเชิญค่า”
จันทราเดินเข้ามา เดือนแรมหน้าซีดเผือด
“คุณน้า” เดือนแรมตกใจ ยิ่งกลัวไปใหญ่ “อย่าทำอะไรแรมเลยนะคะ...แรมกลัว”
จันทรายิ้มเหยียด “แกอุตส่าห์ขอร้อง ฉันจะทำใจดำก็คงไม่ได้”
ชุติมากับแป้นร้องขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจ “คุณน้า” / “คุณนาย”
เดือนแรมรีบยกมือไหว้ “แรมขอบพระคุณคุณอาค่ะที่เมตตาแรม”
“ฉันจะเมตตาแก แต่มีข้อแม้”
เดือนแรมมองอย่างนึกสงสัย จันทราบอกเสียงเย็น “ออกไปจากบ้านนี้ซะ”
เดือนแรมทำหน้าตกใจ “ไม่...แรมไม่ออก แรมไม่ไปไหนทั้งนั้น”
จันทราหลุดปาก “แล้วแกจะอยู่ที่นี่ทำไม ในเมื่อแกไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของมณีกุลเลยซักนิด”
เดือนแรมพูดโต้อย่างทะนง “แรมเป็นลูกคุณพ่อ”
“แกไม่ได้เป็นลูกคุณเมิน แกเป็นลูกชู้” ชุติมาเยาะ
เดือนแรมเถียงอีก “แรมไม่ใช่ลูกชู้”
จันทราหลุดปาก “ใช่แกไม่ได้เป็นลูกชู้” ตรงเข้าไปกระชากเดือนแรม ทั้งเกลียดทั้งหมั่นไส้ “แต่ได้ยินมั้ยว่าแกไม่เกี่ยวอะไรกับมณีกุลแม้แต่นิดเดียว รู้อย่างนี้แล้วแกจะหน้าด้านอยู่ทำไม” ลากออกเดือนแรมออกมา “ออกไป๊”
เดือนแรมยื้อตัวเอาไว้ “ไม่..แรมไม่ออก”
“ฉันบอกให้ออก แกต้องออกไปจากบ้านหลังนี้”
จันทรากระชากร่างเดือนแรมออกมา ชุติมากับแป้นรีบเข้ามาช่วย
เดือนแรมถูกสามคนลากมาตามทางในสวนของบ้าน
“ออกไปจากบ้านนี้เดี๋ยวนี้นังแรม”
เดือนแรมยื้อตัวเอาไว้ “แรมไม่ไป...ไม่ไป”
“แกต้องไป”
สามคนช่วยกันกระชากเดือนแรมอีก เดือนแรมยื้อตัวเอาไว้ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร
“ไม่...แรมไม่ไป”
ชุติมาฉุนขาดแล้ว “โอ๊ย!ทำไมแกหน้าด้านอย่างนี้ นังแรม”
จันทราคาดคั้น “ตกลงแกไม่ไปจริงๆ ใช่มั้ย?”
“ค่ะ คุณน้ากรุณาแรมเถอะนะคะ แรมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น แรมรักคุณพ่อ แรมเป็นห่วงคุณพ่อ”
สีหน้าจันทราเย้ยหยัน “แต่พ่อแกเค้าไม่ได้รักแก ซ้ำยังรังเกียจขยะแขยง ไม่งั้นเค้าจะเอาแกมาขังทำไม”
“ถ้าคุณพ่อไม่รักแรม เกลียดแรม ก็ให้คุณพ่อมาไล่แรมออกจากบ้านเอง คุณน้าไม่มีสิทธิ์”
จันทราปรี๊ดขึ้นมา “ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อฉันเป็นเมียคุณเมิน”
“แต่คุณน้าไม่ใช่พ่อแรม ไม่ใช่แม่แรม คุณอาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแรม”
จันทราตวาดเสียงดัง “นังแรม” ตบปากเดือนแรมอย่างแรง เดือนแรมร้องโอ๊ย แป้นกับชุติมาเชียร์
“ตบมันเลยค่ะคุณนาย” / “คุณน้า ตบมันเลย”
“ปากมันดีอย่างนี้ ตบให้เลือดกบปากมันเลย เร็วนังแป้น”
ชุติมาพยักหน้าให้ แป้นกระโจนมาล็อกตัวเดือนแรมเอาไว้ จันทราเอามือข้างหนึ่งมาบีบ
คางเดือนแรมล็อกไว้ อีกมือง้างจะตบ
“ปากดีนังใช่มั้ย? ปากดีนักใช่มั้ย?”
จันทราตบดังผัวะ เดือนแรมหน้าผงะ หันหน้ามาอ้าปาก ไม่ได้ตั้งใจเถียง จันทราตบ
ปากอีกผัวะๆ
“เก่งนัก แกเถียงสินังแรม เถียงฉันสิ”
เดือนแรมร้องไห้ส่ายหน้า จันทราตะคอกถาม
“บอกมา!!ฉันมีสิทธิ์ไล่แกมั้ย บอกมา”
เดือนแรมส่ายหน้าเจตนาหมายถึงอย่าทำ กลัวเจ็บปวด สายตาอ้อนวอนแต่จันทรายิ่งโกรธ
“นังแรม”
จันทรากระชากผมเดือนแรมอย่างแรง กระชากออกจากมือแป้นและชุติมา ร่างเดือนแรมล้มลงกองกับพื้นอย่างน่าสงสาร เดือนแรมร้องไห้ตาโรย
“ถ้าแกไม่ออกไปจากบ้านหลังนี้ แกจะต้องถูกฉันทรมานทุกวัน ให้มันรู้ไปนังแรม ว่าแกจะแน่กว่าฉัน” หันมาบอกสองคน “เอามันไปขังไว้”
สองสาวประสานเสียง “ค่ะ”
ชุติมากับแป้นตรงมากระชากร่างของเดือนแรมลุกขึ้น ลากไป ชุติมากัดฟันกรอดแล้วด่าออกมา
“สมน้ำหน้า ดื้อด้านนัก แกก็ต้องโดนแบบนี้”
“ถ้าแกไม่ไป แกได้เหลือแต่วิญญาณแน่นังแรม” แป้นผสมโรง
ชุติมากับแป้นช่วยกันผลักเดือนแรมเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูดังโครม เดือนแรมได้แต่ร้องไห้ เจ็บปวดทั้งกายและใจ
ชุติมาเดินไปกระซิบรายงานจันทรา
“เรียบร้อยค่ะคุณน้า ชุขังนังแรมไว้เหมือนเดิมแล้ว”
“ดีมาก” จันทราจะเดินไป
ชุติมารีบเดินไปขวางถาม “แล้วทำไมคุณน้าถึงได้บอกว่า นังแรมไม่มีอะไรเกี่ยวกับมณีกุลคะ” ชุติมาทำหน้าสงสัย “เพราะถึงมันจะเป็นลูกชู้ แต่มันก็คือลูกคุณราศี เมียคุณเมิน”
จันทรามองหน้า “สงสัยใช่มั้ย?”
“ค่ะ” ชุติมายิ้มตาเป็นประกาย
“สงสัยมากๆ ระวังจะเจอเลือดกบปากอย่างนังแรม”
ชุติมารีบเอามือปิดปากตัวเอง หน้าจ๋อย ที่ถูกจันทราดุ
“ไปนอน..แล้วก็อย่าขี้สงสัยนัก ไม่งั้นแกจะถูกเฉดหัวออกจากบ้านนี้ก่อนนังแรม”
“ค่ะ” ชุติมารีบไปแต่บ่นอุบ “ถามแค่นี้ทำไมต้องดุกันด้วย ทำยังกับเป็นความลับ”
จันทรายืนตาขวาง
ส่วนภายในห้องเก็บของ เดือนแรมนอนร้องไห้ทุกข์ระทม เจ็บปวดทั้งกายและใจ คิดถึงธิติรัตน์
“คุณชาย..ไม่มีใครมาช่วยแรมเลย แรมคิดถึงคุณชาย...”
ในขณะที่จันทรานอนหลับอยู่ แต่เมินตื่นมากลางดึกนอนลืมตาโพลง ทำท่าลุกขึ้นมา เมินถามเสียงเบา “แรมจะเป็นยังไงบ้างลูก?”
แล้วเมินก็ล้มตัวลงนอนต่อ จันทราลืมตาขึ้นมามองตาเขียว ไม่พอใจ
ครู่ต่อมาเมินลุกขึ้นยังคงฮึดฮัดเสียงแผ่วๆ “ไม่ต้องไปสนใจเมิน สมควรแล้วที่แรมจะต้องเจออย่างนี้” จากนั้นเมินก็ล้มตัวลงนอนอีก
จันทราแอบผ่อนลมหายใจออกมา ค่อยสบายใจ ที่แท้สามีละเมอ
คนทั้งบ้านหลับใหลท่ามกลางความมืด เพ็ญประกายค่อยๆ ย่องมา ส่วนเดือนแรมที่อยู่ในห้องขังที่มืดมิด นั่งตัวสั่นได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดิน เดือนแรมกลัวมาก หน้าซีดปากสั่น
“ผี...ผีมาอีกแล้ว”
เพ็ญประกายเดินย่องเข้าไปชิดประตู กระซิบเรียก “แรม...พี่มาช่วยแล้ว”
เดือนแรม เงี่ยหูฟัง “พี่เพ็ญ”
“เงียบๆ พี่ขโมยกุญแจแป้นมา”
ว่าพลางเพ็ญประกายล้วงเอากุญแจมา เปิดประตูห้องให้ เดือนแรมลนลานออกมาร้องไห้น้ำหูน้ำตาร่วง
เดือนแรมโถมตัวเข้ากอดเพ็ญประกาย “ขอบคุณค่ะพี่เพ็ญ..ขอบคุณ”
“ไปหาคุณป้าเร็ว”
เดือนแรมละล่ำละลัก “ไม่ค่ะ... วันนี้คุณชายไปเรียนต่อ แรมอยากไปส่งคุณชาย แรมอยากเอาผ้าพันคอไปให้คุณชายด้วยมือของแรมเอง”
มีเสียงเครื่องบินดังกระหึ่มอยู่บนฟ้าเหนือหลังคาบ้าน เดือนแรมนิ่งฟัง
“คุณชาย” เดือนแรมวิ่งออกไปข้างนอกรวดเร็ว เพ็ญประกายวิ่งตามแบบงงๆ
เดือนแรมวิ่งออกไปที่สนามในบ้าน แหงนหน้ามองบนฟ้า เห็นเครื่องบินลำหนึ่งบินอยู่ เดือนแรมร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
“คุณชาย...ถ้าคุณชายอยู่บนนั้น แรมขอให้คุณชายเดินทางปลอดภัย..แรมขอให้คุณชายประสบความสำเร็จทุกอย่าง แรมจะเป็นเด็กดี แรมจะเป็นเด็กดีของคุณชาย แรมจะรอวันที่คุณชายกลับมาค่ะ”
เดือนแรมแหงนหน้ามองจนเครื่องบินลับหายไปกับตา เพ็ญประกายยืนมอง สงสารเดือนแรมจับใจ
อ่านต่อหน้า 3
มาหยารัศมี ตอนที่ 1 (ต่อ)
ตอนกลางวันนั้นเอง จันทรากับชุติมา ชะเง้อชะแง้มองไปทางด้านหน้าบ้าน รอคอยแป้น ชุติมาหงุดหงิดงุ่นง่านชักทนรอไม่ไหว บ่นอุบ
“ป่านนี้ทำไมนังแป้นมันยังไม่มาอีกคะคุณน้า”
“นั่นน่ะสิ ให้ไปหา กิ้งกือ ไส้เดือน แค่นี้มันจะยากอะไรนักหนา” จันทราหงุดหงิด
“เอ๊ะ!หรือว่ากิ้งกือ ไส้เดือน มันจะจมน้ำตายไปหมดแล้วค่ะคุณน้า อาจจะเป็นไปได้นะคะ น้ำท่วมอยู่เป็นเดือนเลย”
“โอ๊ย!! สัตว์พวกนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกมันก็ดื้อด้านเหมือนนังแรมน่ะแหละ”
“จริงด้วยค่ะ..นังแรมมันดื้อด้านจริงๆ”
แป้นวิ่งกระหืดกระหอบมา เอาสองมือไขว้หลังไว้ จันทราถามอย่างร้อนใจ
“ไหน นังแป้นไส้เดือนกิ้งกือ ได้มาแค่ไหน ไปซะนานเลย” ชุติมาร้อนใจ
แป้นยิ้มเผล่ขณะตอบ “ไม่ได้ค่ะ”
ชุติมาปรี๊ดทันควัน “ไม่ได้ยังมาทำหน้าระรื่นอีก” หันมาฟ้องจันทรา “นังแป้นมันต้องอู้งานแน่ๆเลยค่ะ”
แป้นกลัวโดนรีบบอก “เปล่าค่ะเปล่า แป้นไม่ได้อู้งาน แต่แป้นจัดเต็มยิ่งกว่า นี่คร่า..”
แป้นชูมือขึ้นมา เห็นถุงพลาสติกสีใส ในนั้นมีจิ้งเหลนอยู่ หลายตัว มันดิ้นขยุกขยิก จันทรากับชุติมาร้องกรี๊ด
“แอร๊ย...จิ้งเหลน” สองคนประสานเสียงผวากอดกันทำท่าขยะแขยงมากๆ
“ค่ะจิ้งเหลนไม่ใช่จิ้งเหลนธรรมดาด้วยนะคะมันเพิ่งมุดมาจากโถส้วมด้วยค่า” แป้นภูมิใจนำเสนอ
จันทรากับชุติมาทำท่าจะอาเจียน ชุติมารีบบอก
“ชุไม่เอาไปแกล้งนังแรมแล้วนะคะคุณน้า ชุกลัว ชุขยะแขยง”
“ฉันก็ขยะแขยง แต่ก็ดี....นังแรมมันจะได้เข็ดหลาบ ถ้ามันหนีออกไปอีกมันจะถูกขังรวมกับสารพัดสัตว์พวกนี้ ให้มันหัวใจวายตายๆอยู่ในนั้นเลย นังแป้น” จันทราสะบัดหน้ามาสั่งจิกใช้ “เอาไปใส่ในห้องนังแรมเร็ว”
แป้นยิ้มรับคำ “ค่ะคุณนาย” ลุกขึ้นจะวิ่งตรงไปยังห้องมืดที่ขังแรม แต่ต้องชะงักกึกเบรกเอี๊ยด
“อี๋”
“เป็นอะไรนังแป้น” จันทราสงสัย
“นังแรมมันเดินมาโน่นค่ะ”
แป้นชี้มือไป จันทรากับชุติมามองตาม เห็นเดือนแรมถือถังกับไม้ม็อบถูพื้น ทำความสะอาดบ้าน จันทรากับชุติมามองตะลึง
“นังแรมมันออกมาได้ยังไง?” จันทรางงงวย
มุมหนึ่งในบ้าน เพ็ญประกายยอมรับกับจันทราด้วยท่าทางเจี๋ยมเจี้ยม
“เพ็ญปล่อยน้องออกมาเองค่ะคุณแม่”
จันทราแผดเสียงสูง “แกกล้าขัดคำสั่งฉันอีกแล้วเพ็ญประกาย?” ตรงเข้าไปหยิกทึ้งลูกสาว
เพ็ญประกายหน้าแหย รีบหลบ “เพ็ญสงสารน้องค่ะ”
“ก็ฉันบอกแล้วไง มันไม่ใช่น้องแก” จันทราหลุดปาก “คนที่แกควรสงสารคือชุติมาโน่น”
ชุติมาที่ยืนหลบอยู่ตรงประตูแอบฟัง ทำหน้างง เพ็ญประกายเองก็งง แกมสงสัย
“ทำไมคะ? พี่ชุมีอะไรต้องสงสาร”
จันทรารู้สึกตัว “ก็...” ทำหน้าเลิ่กลั่กนึกข้อแก้ตัว “เมื่อเช้า..ชุติมาทำสร้อยทองหล่นหาย ป่านนี้ยังร้องไห้ไม่หยุดเลย”
ชุติมาเอามือควานจับสร้อยตัวเองก็ยังอยู่ ชุติมายิ่งงงหนัก
“ขอโทษค่ะ เพ็ญไม่ทราบ” เพ็ญประกายหน้าจ๋อย
“จำไว้! สิ่งที่ฉันทำมันดี มันถูกต้องทุกอย่าง ฉันทำอะไรไม่ต้องมาขัดฉัน แล้วแกจะได้ทุกอย่าง!!” หันไปมองทาง พูดเสียงเบา “รวมทั้งของทุกอย่างที่เป็นของนังแรม”
เพ็ญประกายหน้าเจื่อน สีหน้าไม่ได้ต้องการอะไรเลย ขณะที่สีหน้าชุติมา แปรเปลี่ยนเป็นอิจฉาเพราะชุติมาคือคนที่อยากได้ทุกอย่างเอง
เช้าวันหนึ่งเดือนแรมอยู่ในชุดนักเรียนม.ปลาย นั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น ยกมือสวัสดีหมอเกรียงและธิดา อย่างนอบน้อม ถามเสียงอ่อนหวาน
“พี่ดากับคุณหมอให้แรมมาหา มีอะไรให้แรมรับใช้คะ?”
ธิดายิ้มหวาน “พี่กับพี่หมอคิดถึงแรมน่ะจ้ะ...แล้วก็มีอีกคน เค้าฝากความคิดถึงถึงแรมมาด้วย”
เดือนแรมเงยหน้ามองธิดา นัยน์ตาเป็นประกายวิบวับ หมอเกรียงยื่นซองจดหมายให้
“คุณชายฝากจดหมายให้แรมจ้ะ”
เดือนแรมยิ้มกว้าง เนื้อเต้น เอื้อมมือไปรับจดหมายมาถือไว้อย่างดีใจ หมอเกรียงยิ้มพลางว่าต่อ
“ความจริงคุณชายก็อยากเขียนอีเมล์หาแรมนะ แต่คุณชายเค้ารู้ว่า แรมคงไม่ได้เล่นคอมพิวเตอร์ ไม่ได้มีไอโฟนไอแพดเหมือนอย่างวัยรุ่นทั่วๆ ไป”
เดือนแรมยิ้มเจื่อนๆ ยอมรับสภาพตัวเอง ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“แต่แรมอยากอ่านจดหมายของคุณชายค่ะ แรมอยากเห็นลายมือของคุณชาย...ลายมือคุณชายคงสวยมาก”
“เดี๋ยวจะหาว่าชมคนกันเอง...สวยหรือไม่สวย...แรมต้องเปิดอ่านจดหมายอ่านเองจ้ะ”
เดือนแรมมองจดหมายปลาบปลื้ม
อ่านจดหมายเหมือนได้เห็นภาพ ได้ยินเสียงของธิติรัตน์ขณะกำลังเขียนจนหมายถึงตัวเอง
“สวัสดีจ้ะ....เด็กดีของฉัน...เดือนแรม...”
ภาพธิติรัตน์นั่งเขียนจดหมายอยู่ผุดขึ้นมา เดือนแรมเดินอมยิ้มอ่านจดหมาย
“ฉันมาถึงอเมริกาแล้ว ที่นี่หนาวมาก เลยมีโอกาสได้ใช้ผ้าพันคอที่เธอถักให้อุ่นดีนะแรม...แต่สงสัยจะเป็นดีไซน์ใหม่ เพราะตรงชายไม่เท่ากัน”
เดือนแรมนึกภาพธิติรัตน์เอามือมาดึงผ้าพันคอที่พันไว้ แล้วอมยิ้มกับตัวเอง แล้วหัวเราะคิก แบบเขินฝีมือตัวเอง อ่านต่อ
“ห่วงนะ ไม่อยากให้แรมคิดมากเรื่องพ่อ แรมต้องเข้มแข็ง เชื่อมั่นในคุณความดีของตัวเอง ฉันเชื่อว่า ซักวัน แรมจะได้พ่อที่รักแรมที่สุดกลับคืนมาเป็นกำลังใจให้เด็กดีของฉันเสมอ...ธิติรัตน์”
เดือนแรมกอดจดหมายมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เหมือนมองและพูดกับธิติรัตน์
“แรมจะเชื่อคุณชาย แรมจะเป็นคนดี แรมขอให้คนดีๆ อย่างคุณชาย พบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ ในชีวิตค่ะ”
เดือนแรมกอดจดหมายเอาไว้แนบอก มีความสุข อิ่มเอิบใจมาก
เดือนแรมเดินกอดกระเป๋าและจดหมายมาตามทาง ดวงตาฉายชัดสุขล้นใจนึกถึงความดีของธิติรัตน์ที่มีต่อตัวเอง ตอนที่ช่วยชีวิตจากนักเลงสองคน พาไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา สีหน้าแววตาของเดือนแรมมีความสุขนัก
ชุติมานั่งทานข้าวในร้านข้างทาง เห็นเดือนแรมเดินยิ้มมา ก็เบ้ปากใส่ เดือนแรมเดินมา แต่แล้วต้องชะงักเมื่อชุติมาโผล่มาจากร้านอาหารข้างทาง ในมือถือขวดน้ำอัดลมดูดท่าทางกวนๆ เดือนแรมตกใจ
“คุณชุติมา”
“ฉันมองแกมาตั้งนานแล้ว แกยิ้มอะไรนังแรม? ฮึ!! แกยิ้มอะไร?”
“จะยิ้มอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของคุณชุ”
“ฉันถามดีๆ ยังมาตีฝีปากกับฉัน อยากเลือดกบปากอย่างวันนั้นใช่มั้ยนังแรม”
ชุติมาปรี๊ดแล้ว เอื้อมมือมาจับคางแรม อีกมือง้างจะตบ จดจำท่าตบของจันทรามาใช้ แต่ถูกเดือนแรมปัดมือออก ชุติมายิ่งโมโห
“นังแรม”
“อย่ามาเรียกจิกแรมอย่างนี้ค่ะ แรมไม่ชอบ อีกอย่างแรมอยู่ของแรมเฉยๆ อย่ามาหาเรื่องแรม”
“ก็ถ้าฉันจะหาเรื่องแก แกจะทำไมห๊ะ??” เหลือบมองสำรวจ เห็นเดือนแรมกอดจดหมายแนบอก นึกรู้ทันที “อ้อ!!จดหมายนี้สินะที่ทำให้แกยิ้มได้ เอามานี่”
ชุติมาจะแย่งจดหมาย เดือนแรมเบี่ยงตัวหลบ ชุติมาโกรธจัด
“ฉันบอกให้เอามานี่” ยื้อยุดจะแย่งไปให้ได้
“อย่ามายุ่งกับแรม” เดือนแรมเบี่ยงตัวออก
สองคนยื้อแย่งจดหมายกันไปมา ยื้อยุดฉุดกระชากกันตามประสาผู้หญิง ในที่สุดจดหมายร่วงหล่นลงกับพื้น เดือนแรมรีบก้มลงไปหยิบ แต่เท้าชุติมากดเหยียบเข้าที่มือข้างนั้นของเดือนแรมอย่างแรง จนร้องโอ๊ยสุดเสียงเจ็บปวดมาก ชุติมาตะคอกใส่
“เอาจดหมายมาให้ฉัน”
“ไม่” เดือนแรมไม่ยอม
“ฉันบอกให้เอามา” กดเท้าลงไปอีกเต็มเท้าแรงมากขึ้น
เดือนแรมน้ำตาไหล เอามืออีกข้างผลักเท้าชุติมาออก แต่ชุติมาไม่ยอม เดือนแรมอ้อนวอน
“ขอจดหมายแรมเถอะค่ะคุณชุ แรมเจ็บ..เจ็บ”
“งั้นก็เลือกเอา แกจะให้จดหมายฉันหรือจะให้ฉันเหยียบมือแก”
ชุติมาออกแรงกดน้ำหนักเท้าลงไปอีก เดือนแรมร้องไห้ไม่ยอม ชุติมาถามเย้ย
“ท่าทางจดหมายนี่ มันคงสำคัญกับแกมาก...แกถึงได้ยอมขนาดนี้ ก็ได้...ถือว่าฉันเมตตาแก” ชุติมาทำเป็นยอมยกเท้าออก
“ขอบคุณค่ะ”
เดือนแรมทำท่าจะหยิบจดหมาย แต่มือเจ็บจนสั่นระริก มือของชุติมาคว้าจดหมายไว้ได้
“มือแกเจ็บ ฉันจะเก็บจดหมายไว้ให้แกแล้วกัน” ชุติมาเยาะเย้ย
“คุณชุ” เดือนแรมตกใจ
“อยากได้ก็ตามมาเอา”
ชุติมาหัวเราะสะใจ วิ่งหนีไปทันที เดือนแรมร้องไห้ วิ่งตามอย่างเจ็บปวด ส่งเสียงอ้อนวอนขอจดหมายคืน
“เอาจดหมายของแรมคืนมาค่ะ เอาจดหมายของแรมคืนมา”
เย็นนั้น ชุติมายื่นจดหมายฉบับนั้นให้จันทราทันที จันทราคว้าหมับ
“ขอแรมคืนเถอะนะคะคุณน้า” เดือนแรมอ้อนวอน
จันทรายกจดหมายขึ้นมาดู “คงจะเป็นจดหมายของผู้ชายสินะ ถึงอยากได้คืนขนาดนี้”
จันทราจ้องหน้าดุใส่ เดือนแรมหลบตา ชุติมายุส่งทันที
“นังแรมมันต้องนัดผู้ชายมาหาแน่ๆ ค่ะคุณน้า”
“เปิดอ่านเลยค่ะคุณนายขา....ถ้ามันนัดผู้ชาย เราจะได้ไปบอกคุณเมิน” แป้นเชียร์ออกนอกหน้า
จันทราทำท่าจะเปิดจดหมาย เดือนแรมขอร้อง “อย่าค่ะ แรมไม่ได้นัดผู้ชาย แรมไม่ได้นัดผู้ชายจริงๆ ค่ะ”
แป้นรีบเสริม “ท่าทางมันมีพิรุธค่ะคุณนาย”
“เปิดอ่านเลยค่ะคุณน้า เปิดเลย” ชุติมาเร่ง
จันทราค่อยๆ เปิดจดหมาย เดือนแรมน้ำตาคลอ ถลันเข้ามาห้าม
“อย่าค่ะ”
จันทราผลักแรมออกจนล้มลงนั่งกองไปกับพื้น ตะคอกด่า
“แกยังไม่เข็ดใช่มั้ย? อยากโดนอย่างวันนั้นรึไงนังแรม”
เดือนแรมส่ายหน้าน้ำตาไหลพราก หวาดกลัว จันทราเปิดจดหมายออก เบ้ปากยิ้มเหยียด
“อยากรู้นักว่าเขียนอะไรมาหากัน ถึงได้หวงนักหวงหนา” เริ่มอ่าน “...ฉันมาถึงอเมริกาแล้ว”
สามคนมองหน้ากัน ชุติมากรี๊ด
“ต๊าย...มาจากอเมริกา อเมริกา ถนนข้าวสารน่ะสิ น้ำหน้าอย่างแก ฉันคงจะเชื่อหรอกว่ามีผู้ชายจากเมืองนอกมาติดพันน่ะ”
จันทราหันมาเย้ย “มันอุตส่าห์เต็มใจให้เค้าหลอกแล้ว เชื่อมันหน่อยแล้วกัน”
แป้นสู่รู้ต่อ “ต่อเลยค่ะคุณนาย ต่อเลย”
จันทราอ่านต่อ “ที่นี่หนาวมาก เลยมีโอกาสได้ใช้ผ้าพันคอที่เธอถักให้ อุ่นดีนะแรม” จันทราทำท่าจะอ้วก “โอ๊ย..ฉันอ่านต่อไม่ไหวแล้ว จะอาเจียน”
“เสร่อ” ชุติมายิ้มเหยียด
“ล้าหลัง ไม่ทันสมัย เชย” แป้นสาระแน
เดือนแรมยังพยายามอ้อนวอน “ขอแรมคืนเถอะค่ะ”
“จะเก็บไว้ทำไม จดหมายเสร่อๆ แบบนี้”
จันทราถือจดหมายยกขึ้นสูง ทำท่าจะฉีกอยู่แล้ว
เดือนแรมร้องลั่น “อย่าค่ะคุณน้า”
จันทราไม่สนใจ ฉีกจดหมายเป็นชิ้นๆ เดือนแรมร้องไห้โฮ สามคนกลับหัวเราะลั่นอย่างสาแก่ใจ
“อยากได้คืนนักใช่มั้ย?? งั้น...ฉันให้แก..อ่ะ..เอาไป”
จันทราเอาจดหมายโปรยลงบนหัวเดือนแรม เศษจดหมายค่อยๆร่วงลงบนหัว เดือนแรมร้องไห้ อย่างน่าเวทนา ขณะที่สามคนหัวเราะดังก้อง เดินจากไป เดือนแรมค่อยๆ เอื้อมมือที่เจ็บอยู่ มากอบเก็บเศษจดหมายที่ฉีกขาดเป็นชิ้นๆ ด้วยมืออันสั่นเทา
คืนนั้น เดือนแรมนั่งน้ำตาไหลอยู่ในห้อง มองเศษจดหมายที่ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
“คุณชายขา...แรมขอโทษค่ะ ที่แรมรักษาจดหมายของคุณชายไม่ได้ แต่ยังไงแรมจะพยายาม ทำให้มันเป็นเหมือนเดิมค่ะ”
มือของเดือนแรมเอาสก๊อตเทปใส แปะจดหมายที่ขาดเป็นชิ้นๆ มาต่อกันอย่างประณีต แต่มันก็ทิ้งร่องรอยไว้ ขรุขระ เดือนแรมมองจดหมายเสียใจยิ่งนัก
“ถึงมันจะไม่สวยงามเหมือนเก่า แต่ความเมตตาของคุณชายในจดหมายฉบับนี้ ยังงดงามเช่นเดิมค่ะ”
เดือนแรมมองจดหมายด้วยสายตาแห่งรักและเทิดทูน
เวลาผ่านไป ตอนสายวันนั้นในวังศิลาลาย หม่อมรัตนานั่งอ่านนิตยสารแฟชั่นอยู่ พลิกไปเรื่อยๆ แต่ต้องชะงักเมื่อถึงหน้าภาพข่าวสังคม และเจอภาพแต่งงานของดุจแขกับสงคราม
สีหน้าหม่อมรัตนาซีดเผือด ตกใจมาก “ดุจแขแต่งงานกับคุณสงคราม.....” เป็นห่วงธิติรัตน์ขึ้นมาทันควัน “ชาย”
แน่นอน...ข่าวร้ายนั้น รู้ถึงหูธิติรัตน์อย่างรวดเร็ว วันนั้นภายในห้องพักที่อเมริกา ธิติรัตน์อยู่ในสภาพเมามาย เสียอกเสียใจกำลังอาละวาด ขว้างปาข้าวของในห้องทิ้งอย่างโกรธจัด ช้ำใจ เสียใจสุดขีด คิดถึงอดีตรักอันหวานชื่นระหว่างตัวเองและดุจแขที่พรั่งพรูออกมาราวสายน้ำไหล
เหตุการณ์แสนหวานดินเนอร์หรูหราท่ามกลางแสงเทียนโรแม้นซ์ ธิติรัตน์รับรถสปอร์ตเล่นกับดุจแข แวะจอดที่ข้างทางมองฟ้าชมบรรยากาศสวยงามตรงหน้าสองคนโอบกอด แสดงความรักแบบฝรั่ง อีกครั้ง...ธิติรัตน์ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมาให้ดุจแขผวากอด จูบตามสไตล์ สองคนเล่นน้ำ ว่ายน้ำ พร่ำพลอดรักกันแสนสุข
ธิติรัตน์ดึงตัวเองออกจากภาพอดีตเหล่านั้น ร้องไห้อย่างเจ็บปวด ทุกข์ทรมานใจ
“ต่อไปฉันจะไม่เชื่อใจผู้หญิงหน้าไหนอีก”
ธิติรัตน์เอามือทุบผนังอย่างแรง ค้างมืออยู่ตรงนั้น ดวงตาวาวโรจน์คั่งแค้น และเจ็บปวด
อ่านต่อหน้า 4
มาหยารัศมี ตอนที่ 1 (ต่อ)
หลายวันผ่านไป หม่อมรัตนารับรู้เรื่องความทุกข์ขมของลูกชาย จึงร้องไห้อย่างโศกเศร้า ขณะเดินเข้ามาในห้องของธิติรัตน์ กวาดสายตามองรอบห้องคิดถึงลูกชาย ก่อนจะหยิบรูปภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกแสนอบอุ่นขึ้นมาดู
“ชาย..ทำไม ลูกถึงให้ค่าผู้หญิงคนนั้น จนมองไม่เห็นค่าของตัวเองเลยลูก”
หม่อมรัตนาปาดน้ำตา วางรูปไว้ที่เดิม สายตาเหลือบไปมองตู้เซฟเล็กๆ ตรงมุมหนึ่งในห้อง หม่อมรัตนาเปิดออกด้วยรู้รหัส หยิบกำไลขึ้นมามอง เห็นคำว่ามาหยารัศมีชัดเจน
“สิ่งที่ท่านชายหวังเอาไว้ คงไม่มีทางเป็นจริงได้ เพราะวันนี้ลูกชายของเราเขาไม่ใช่คนเดิม”
หม่อมรัตนาถือกำไลทองคำขาวฝังเพชรเดินออกมา
จันทรารู้ข่าวดุจแข ยิ้มหน้าบานมีความสุขมาก หันมาบอกเมิน
“คุณดุจแขแต่งงานกับคุณสงครามแล้ว คุณเมินต้องรีบคุยกับหม่อมรัตนา เรื่องงานแต่งงานของคุณชายกับเพ็ญประกายนะคะ”
“ไม่คุย”
จันทรางง “ทำไมคะ? ในเมื่อหม่อมเจ้าธีรธำรง กับคุณสัญญากันแล้วว่าจะให้ลูกแต่งงานกัน และคุณชายกับยายเพ็ญก็มีท่าทีชอบพอกันอยู่”
เมินงง สงสัย “ยายเพ็ญไปเจอคุณชายตั้งแต่เมื่อไหร่”
จันทราอึกอัก “ก็... งานปาร์ตี้ที่บ้านเรา เมื่อหลายเดือนก่อน”
“เธอทำได้ยังไงจันทรา รู้ทั้งรู้ว่าตอนนั้นคุณชายมีแฟนอยู่แล้ว ยังจะเจ้ากี้เจ้าการจับคู่คุณชายกับยายเพ็ญอีก”
“แล้วมันผิดตรงไหนคะ ยังไงคุณชายก็ต้องแต่งงานกับยายเพ็ญอยู่แล้ว”
“ไม่ เพราะยายเพ็ญ..ไม่ได้เป็นมาหยารัศมี และบ้านนี้ก็ไม่มีมาหยารัศมีจำไว้” เมินบอกเสียงหนักแน่น
จันทราทำหน้าบึ้งขัดใจแต่เถียงไม่ได้
ระหว่างนั้นเดือนแรมเดินเข้ามา ชะงัก เห็นสองคนยืนหน้าถมึงทึงใส่กัน จันทราหันมาแว้ด
“ผู้ใหญ่กำลังคุยกัน ออกไป”
“ขอโทษค่ะ”
เดือนแรมเดินออกไป เมินหันมามอง ดวงตามีแววว่าห่วงใยแฝงอยู่ก่อนจะเดินตาม
ออกไป จันทราไม่พอใจอย่างมาก กระฟัดกระเฟียด ร้องตาม
“คุณเมินคะคุณเมิน” จันทราตามเมินและเดือนแรมไป
เดือนแรมเดินออกมาหน้าบ้าน เมินตามมาถามด้วยน้ำเสียงมึนตึงเหมือนเดิม
“มีอะไร?”
“เอ่อ...แรมจะมาเรียนคุณพ่อ ช่วงนี้แรมทำงานพิเศษต้องกลับดึกค่ะ”
“ทำไม...เธอต้องใช้เงินเยอะเหรอ? ถึงต้องกลับดึก?”
“ค่ะ”
“เป็นผู้หญิงกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ มันไม่ดี จะใช้เงินเท่าไหร่ ว่ามา” เมินถาม
จันทราตามออกมาทันได้ยิน พูดห้ามเสียงหวาน “ไม่เอาค่ะคุณเมิน....ที่แรมทำน่ะถูกแล้ว รู้จักรับผิดชอบ ช่วยเหลือตัวเอง...อย่าทำให้ลูกเสียนิสัยเลยค่ะ ตามสบายเถอะจ้ะแรม จะกลับเมื่อไหร่ก็กลับ” หันมาเหน็บเดือนแรม “ถ้าเราไม่ไปยั่วยวนใครเค้าก่อน ไม่มีอันตรายหรอก”
เดือนแรมหน้าเสียรู้ว่าถูกเหน็บเดินตัวลีบออกไป จันทราหันมาต่อว่าเมิน
“คุณจะส่งเสียแรมทำไมคะ? ลืมไปแล้วเหรอ ว่าแรมน่ะลูกชู้”
เมินหน้าบึ้ง สีหน้าบึ้งตึงขึ้นมาอีก
วันนี้ทั้งวันเมินนั่งทำงานหน้าเครียดอยู่ในห้องทำงาน เสียงของจันทราดังก้องในความคิด
“คุณจะส่งเสียแรมทำไมคะ? ลืมไปแล้วเหรอ ว่าแรมน่ะลูกชู้”
เมินวางปากกาในมือลง ท่าทางเครียดจัดทำงานต่อไม่ได้ เมินนั่งเอาศีรษะพิงพนัก
เก้าอี้แบบเหนื่อยล้า เอามือมาคลึงขมับ แต่สีหน้ายังดูเครียดไม่หาย เมินเปิดลิ้นชักหยิบเอายามากิน แล้วหลับตาลง พึมพำกับตัวเอง
“ใช่!!แรมคือลูกชู้”
ท่าทางของเมินมีแต่ความทุกข์ไม่สบายใจ
วันถัดมาหมอเกรียงกับธิดาเดินผ่านมาที่ร้านไอศกรีม swensens ธิดาเอ่ยขึ้น
“ซื้อไอศกรีมไปทานที่บ้านกันนะคะพี่หมอ”
“จ้ะ”
สองคนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์ในร้าน โดยไม่ทันสังเกตว่าที่บริเวณหน้าร้านเดือนแรมอยู่ในชุดพนักงานเชิญแขก กำลังร้องเรียกลูกค้าอยู่
“เชิญรับประทานไอศกรีมก่อนค่ะ”
ธิดาหันไปเห็น “อ้าว!!แรม”
เดือนแรมยกมือไหว้สองคน “สวัสดีค่ะพี่ดา พี่หมอ”
“ทำงานพิเศษที่นี่เหรอ? ไหนบอกว่าขาดเหลืออะไรจะบอกพี่? คุณชายยังฝากเงินให้แรมอยู่นะ” เกรียงบอก
เดือนแรมยิ้มอย่างสดชื่น “แรมชอบทำงานน่ะค่ะ สนุกดี อีกอย่างแรมเกรงใจคุณชายด้วยค่ะ คุณชายเรียนหนักอยู่แล้ว แรมไม่อยากให้คุณชายต้องกังวลใจเรื่องแรม”
“ถ้าไม่อยากให้คุณชายกังวล งั้นแรมต้องรับเงินทุนการศึกษาจากคุณชายด้วยจ้ะ”
พูดจบธิดาก็เปิดกระเป๋า หยิบเงินส่งให้หนึ่งหมื่นบาท
แรมเดือนส่ายหน้า “ไม่ค่ะแรมไม่เอา”
“ถ้าไม่เอา คุณชายคงเสียความตั้งใจแย่” ธิดาว่า
เกรียงสัพยอก “ผู้ใหญ่ให้อะไร ต้องรีบรับไว้นะแรม..เดี๋ยวผู้ใหญ่จะเปลี่ยนใจทีหลัง แล้วจะยุ่ง ช่วงนี้ผู้ใหญ่ยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่”
เดือนแรมยิ้มยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ....แล้วคุณชายเป็นอะไรหรือคะ? ถึงอารมณ์ไม่ดี?”
ธิดาอ้ำอึ้ง “ก็..เรียนหนักน่ะจ้ะ”
“แรมก็เหมือนกัน อย่าหักโหมทำงานจนเสียการเรียนนะ คุณชายเค้าห่วง อย่าให้เสียความตั้งใจของคุณชาย” เกรียงอบรม
เดือนแรมยิ้มมุ่งมั่น สีหน้าปีติชื่นใจ “ค่ะ” พลางยกมือไหว้ “ขอบคุณพี่ดากับพี่หมอมากค่ะ ที่เมตตาแรม”
ที่ด้านหลังเวลานั้น แม้นเทพยืนมองการสนทนาของทั้งสามคนอยู่ ท่าทางไม่ชอบใจนัก
แม้นเทพเดินเคียงมากับเดือนแรมอยู่ในบริเวณบ้านเมิน จังหวะหนึ่งแม้นเทพเอ่ยขึ้น
“ขาดเหลืออะไรพี่อยากให้แรมบอกพี่มากกว่า ยังไงเราก็ครอบครัวเดียวกันพี่ไม่อยากให้แรมรบกวนคนอื่น”
“แรมทราบค่ะพี่ต้อม...” น้ำเสียงยามเอ่ยถึงธิติรัตน์ทั้งเทิดทูนบูชา “ยิ่งคุณชายดีกับแรมเท่าไหร่ แรมก็ยิ่งเกรงใจ”
แม้นเทพชักไม่พอใจแต่เก็บอาการ “ดูแรมจะเทิดทูนคุณชายอะไรนั่นมากเลยนะ”
“ค่ะคุณชายเป็นผู้มีพระคุณต่อแรม และคุณชายก็สอนแต่สิ่งดีๆ ให้กับแรม”
แม้นเทพนิ่ง กดข่มความไม่พอใจ แต่เก็บไม่อยู่ “ทำยังกับชีวิตนี้แรมเพิ่งเจอคนดีแค่คนเดียว กับพี่..พี่ไม่เคยสอนสิ่งดีๆให้กับแรมหรือไง”
เดือนแรมมองแม้นเทพอย่างงุนงง ที่แม้นเทพเหมือนจะหงุดหงิด แม้นเทพรีบบอก
“กลับมาเหนื่อยๆ แรมไปพักผ่อนเถอะ มีอะไรบอกพี่ อย่าลืมแรมยังมีพี่อีกคน”
“ค่ะ”
เดือนแรมเดินกลับไปในบ้าน แม้นเทพมองตาม สีหน้าหึงหวงและเป็นห่วง ชุติมาที่แอบมองอยู่นาน เดินมาหัวเราะคิกคัก เหน็บแหนมตามนิสัยปากไว
“ถึงใส่แว่นดำก็ปิดไม่มิดนะคะพี่ต้อม สายตาที่มองเดือนแรม ห่วงซะ”
แม้นเทพนิ่ง พูดเสียงเข้ม “แล้วตอนนี้ฉันไม่ใส่แว่นดำ เธอเห็นชัดมั้ยชุติมาว่าฉันมองเธอยังไง”
แม้นเทพมองชุติมา ทั้งรำคาญใจ ทั้งไม่ชอบ ชุติมาหน้าเสียแปลสายตาออก
“ถ้ามองกันอย่างนี้ ด่ามาเลยซะยังดีกว่า” ชุติมาว่า
“ดีแล้วที่แปลออก แต่ฉันเป็นผู้ชายจะด่าผู้หญิงคงไม่เหมาะ...ไปกินปลาเยอะๆแล้วกัน เธอจะได้มีความจำดีขึ้น “พี่ต้อม” ฉันให้แรมเรียกเท่านั้น”
พูดจบแม้นเทพก็เดินออกไป ชุติมาทั้งโกรธทั้งอายยืนตัวสั่น ทำได้แต่ตะโกนไล่หลัง
“ก็บอกมาสิ จะให้กินปลาอะไร ด่าอยู่ได้” ชุติมาพูดกับตัวเอง “ฮึ!! รู้ว่าเจอทีไร ถูกด่าทุกที ยังไปยุ่งกับเค้าอยู่อีก เธอนี่สมควรกินปลาเยอะๆ จริงๆ ชุติมา”
ชุติมาได้แต่งอน ค้อนขวักตัวเอง บ่นต่อพลางเดินเข้าบ้าน
“ทีกับยัยแรม สนอกสนใจห่วงใยกันนักเชียว....ทีกับเราล่ะด่าเอาๆ ฉันล่ะหมั่นไส้เธอจริงๆยัยแรม”
แม้นเทพกลับบ้านมายืนกังวลอยู่ที่หน้าต่าง ท่าทางเหมือนคิดอะไรอยู่ มะลิเดินเข้ามาหา
“คิดอะไรอยู่หรือต้อม”
“เรื่องแรมครับคุณแม่ ผมสงสารน้อง”
“เมินใจร้ายใจดำกับแรมจริงๆ”
“กลับจากการฝึก ผมจะลองไปคุยกับคุณน้าดู”
ภายหลังจากแม้นเทพ กับเพื่อนทหารฝึกพิเศษการใช้อาวุธปืนเสร็จในช่วงเช้า แม้นเทพเคลียร์งาน แล้วรีบเดินทางไปที่บริษัทน้าชายทันที
บ่ายวันนั้นเมินนั่งทำงานอยู่ในห้อง แม้นเทพเดินเข้ามาพลางยกมือไหว้ สีหน้าเมินตอนนี้มองหลานชายอย่างอ่อนโยน
“มีธุระสำคัญหรือ ถึงได้มาหาน้าถึงนี่”
“ผมอยากขอความกรุณาคุณน้าเรื่องแรม” แม้นเทพเข้าเรื่อง
เมินหน้าตึงขึ้นมา เสียงห้วน เริ่มไม่พอใจ “มีอะไร”
“ผมเห็นน้องลำบาก”
เหมือนถูกด่ากระทบ เมินไม่พอใจประชดกลับ “แล้วไง ต้อมจะรับแรมไปอุปการะเหรอ?”
“ผมขอโทษครับ ถ้าคุณน้าเห็นว่าผมละลาบละล้วง”
“ใช่..เธอกำลังละลาบละล้วงครอบครัวของน้า”
“ผมเพียงแค่อยากให้คุณน้า ดูแล ห่วงใย สนใจแรมบ้าง”
“ได้...น้าจะสนใจแรม แต่น้าก็คงต้องไปบอกแม่เธอเหมือนกันว่า ให้ดูแลเธอมากกว่านี้หน่อย เธอจะได้ไม่ก้าวร้าวมาสั่งสอนผู้ใหญ่”
เมินมองนิ่งๆ แต่สายตาตำหนิ แม้นเทพหน้าเสีย เมินพูดต่อ
“เพราะเท่าที่ฉันเห็น แรมมีความสุขดี”
แม้นเทพได้แต่นิ่งเงียบงัน
หากมีเวลาว่าง ไม่ว่าจะกลางวันหรือค่ำคืน เดือนแรมมักจะลงนั่งเขียนจดหมายถึงธิติรัตน์เสมอ ด้วยท่าทางเบิกบานใจ มีความสุข ไม่รู้เหนื่อย
“ถึงคุณชาย...ที่รักและเคารพของแรม...แรมกราบขอบพระคุณมากค่ะที่คุณชายไม่ลืม และยังเมตตาแรมเสมอ แรมจะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่คุณชายให้อย่างคุ้มค่าที่สุด”
เดือนแรมเอาสมุดบัญชีที่มีเงินหลายหมื่นบาทขึ้นมาดูอย่างชื่นใจ
“และแรมจะเป็นคนดีให้สมกับความเมตตาของคุณชาย..รักษาสุขภาพด้วยนะคะ...รอวันที่คุณชายประสบความสำเร็จกลับมา...เดือนแรม”
แต่ความปรารถนาดีของเดือนแรมไม่เป็นผล ธิติรัตน์ยังอยู่สภาพเมามาย เดินมาเปิดประตูห้อง มีคนเอาจดหมายมาส่งให้ ธิติรัตน์เหวี่ยงจดหมายทิ้งไม่ใยดี
วันเวลาผ่านไป เนิ่นนาน เดือนแรมเขียนจดหมายหาธิติรัตน์สม่ำเสมอ และธิติรัตน์ก็เหวี่ยงจดหมายทิ้งจนเวลานี้เกลื่อนเต็มห้อง ธิติรัตน์ไม่สนใจทั้งจดหมายและตัวเอง
คืนหนึ่ง ดุจแขอยู่ในชุดนอนเดินลงมาจากบนบ้าน เจอสรรชัยเดินเข้ามา
“คุณสงครามยังไม่กลับเหรอสรรชัย?”
“ครับ..คุณอาบอกจะไปธุระต่อ เลยให้ผมเลยกลับมาก่อน” สรรชัยมองดุจแขอย่างลุ่มหลง
ดุจแขมองตอบอย่างพึงพอใจแต่แกล้งถาม “มองฉันแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
“คุณก็น่าจะรู้...” เดินเข้ามาหาอย่างรักใคร่ “ผมหลงรักคุณตั้งแต่แรกเห็น”
สรรชัยเอื้อมมือมาดึงตัวดุจแขไปกอด ดุจแขทำท่าทีสะบัดสะบิ้งแต่สายตาวิบวับเชิญชวน
“อย่านะ...เดี๋ยวคุณสงครามกลับมาเห็น”
“คุณอาไม่กลับหรอกครับคืนนี้”
สรรชัยค่อยๆ ดันร่างของดุจแขลงไปบนโซฟาในห้องโถง กอดจูบโดยที่ดุจแขไม่ปัดป้อง โอนอ่อนตาม หลับตาพริ้ม
ท่ามกลางความมืดมิดนั้น สงครามเดินเข้ามาภายในบ้าน ดวงตาเหมือนซุกซ่อนความสงสัยอยู่ลึกในใจ
บนโซฟาฉากรักร้อนแรงผ่านไปแล้ว สรรชัยกอดดุจแขที่ยังนอนบนโซฟาอยู่ใบหน้าอิ่มเอมในรสรัก
“ตอนอยู่ต่อหน้าคุณสงครามอย่าทำท่าหึงหวงฉัน ไม่งั้นเค้ารู้เรื่องของเราสองคนแน่”
ดูออกว่าสรรชัยหลงดุจแขมาก “ครับ...คุณอายิ่งเป็นโรคหัวใจอยู่ ผมเป็นห่วง แค่นี้ก็ถือว่าผมเลว จนไม่รู้จะเปรียบอะไรแล้ว ที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา แต่ผมรักคุณ ...รักจนทนไม่ไหวดุจแข”
“อย่าคิดมาก..เรื่องความรักไม่เข้าใครออกใครหรอก..แค่เรามีความสุขก็พอ”
ดุจแขดึงหน้าของสรรชัยมาจูบ สรรชัยกอดจูบดุจแขอย่างลุ่มหลง
สงครามเดินเข้ามาเห็นภาพเหตุการณ์ทุกอย่าง เจ็บจี๊ดที่หัวใจอย่างแรง
“เหมือนที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด”
สองคนผงะ ผละออกจากกันตะลึงตาค้าง
สงครามเค้นพูดออกมาเสียงกระท่อนกระแท่น เพราะหายใจไม่ออก “เลว..เลวทั้งคู่”
สงครามทำท่าจะดึงปืนออกมา แต่ร่างของสงครามกลับทรุดฮวบลงไปกองที่พื้น มือยังไม่ได้จับปืน สงครามเจ็บปวดแทบจะขาดใจ สรรชัยกับดุจแขหน้าซีด ตกใจมาก ร้องออกมาพร้อมกัน
“คุณสงคราม” / “คุณอา”
สองคนปราดไปหาสงคราม แต่ก่อนที่จะถึงตัว สงครามก็ขาดใจตายลงตรงนั้นแล้ว
เช้าวันต่อมาธิดารู้ข่าวการเสียชีวิตของสงครามจากข่าวในหนังสือพิมพ์ ท่าทางตกใจ หน้าซีด หมอเกรียงเดินเข้ามาพอดี
“มีข่าวอะไรหรือคุณ”
“คุณสงคราม สามีของดุจแขเสียแล้วค่ะ”
“หือ!! ทำไมกะทันหันอย่างนั้นล่ะ”
“ข่าวว่าหัวใจวายน่ะค่ะ” ธิดาบอก
“น่าสงสารเค้าเหมือนกันนะ ...พ่อเสียไปไม่นาน นี่ยังเสียสามีอีก” เกรียงหมายถึงดุจแข
“ค่ะดาก็สงสาร แต่ดาก็กลัว” ธิดาว่า
“กลัวอะไร” เกรียงงง
“คุณชายกำลังจะกลับมา...ดากลัวว่าดุจแขจะกลับมาหาคุณชายน่ะสิคะ”
ธิดาพูดด้วยท่าทางเป็นกังวล
เวลาหมุนเวียนผ่านไป ธิติรัตน์ไม่มีกะจิตกะใจจะร่ำเรียน ตัดสินใจเดินทางกลับเมืองไทย เวลานี้ธิติรัตน์อยู่ที่วังศิลาลายแล้ว และกำลังก้มลงกราบแทบเท้าหม่อมรัตนาด้วยท่าทางเสียใจอย่างยิ่งยวด
“ผมกราบขอโทษ ที่ผ่านมาผมทำให้คุณแม่ทุกข์ใจ”
“ลูกไม่เคยทำให้แม่เป็นทุกข์ แต่ที่แม่ทุกข์ใจ เพราะแม่เห็น ลูกของแม่ทุกข์ใจต่างหาก”
ธิติรัตน์เข้มแข็งขึ้นมากแล้ว “แต่ต่อไปจะไม่มีอีกแล้วครับ ผมจะทำให้คุณแม่มีความสุขสิ่งใดที่เป็นความปรารถนาของคุณแม่ ผมจะทำตามทุกอย่าง เพราะผมเชื่อว่าไม่มีใครรักผมเท่ากับคุณแม่อีกแล้ว”
หม่อมรัตนายิ้ม ปลื้มใจ ธิติรัตน์พูดต่อเรื่องที่คาใจ
“ก่อนที่ผมจะไปเรียนต่อ คุณแม่บอกผมเรื่องมาหยารัศมี ผมอยากรู้ว่าเธอเป็นใคร”
“ได้จ้ะ...แม่จะเล่าให้ฟัง”
หม่อมรัตนาเริ่มต้นเรื่องเรื่องราวในอดีตให้ลูกชายฟัง
“ท่านพ่อของลูกกับคุณเมินเป็นเพื่อนที่รักกันมาก และคุณเมินก็เคยช่วยชีวิตท่านพ่อเอาไว้”
อ่านต่อตอนที่ 2