ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 3
แสงหล้าจะเข้ามาจับที่ทีวีอีก เจ๊เล้งเข้ามากระชากตัวออกไป
“อย่าจับนะ อีแก่โสโครก”
เจ๊เล้งผลักแสงหล้าล้มโครมไปบนเข่งผักเน่า แสงหล้าร้องกรี๊ด ค่อยๆยันร่างลุกขึ้น
“ลูกอะไรของเอ็งมาอยู่ในทีวีข้า”
“นั่น ลูกข้า...ร้องเพลงอยู่นั่นไง”
เจ๊เล้งมองไปที่มิวสิคของรุ้งระวี แล้วหัวเราะ
“นังนักร้องคนนี้นะ ลูกเอ็ง”
“เออ”
“เฮ้ย...พวกเราโว้ย ฟังหน่อย”
แม่ค้าและลูกจ้างเข้ามารุมดู รวมทั้งคนที่นั่งกินอยู่ด้วย
“อีแก่นี่มันบอกว่า นังนักร้องหน้าฝรั่งในทีวีนี่ เป็นลูกสาวมันว่ะ”
ทั้งหมดหัวเราะพร้อมกัน แม่ค้ามองอย่างดูถูกเหยียดหยัน
“บ้าใหญ่แล้ว ถ้านังนักร้องมันเป็นลูกเอ็งจริง ทำไมมันสวยนักวะ ทำไมหนังหน้ามันไม่เหมือนผีเหมือนหน้าเอ็งล่ะ”
ทุกคนหัวเราะกันลั่น
“แถม...หน้ามันยังเป็นฝรั่ง ไง....เคยมีผัวเป็นฝรั่งเหรอ แสดงว่าผัวฝรั่งเอ็งชอบได้เมียหน้าผีงั้นซี” เจ๊เล้งแดกดัน
ทุกคนหัวเราะเฮกันอีก แสงหล้ามองไปรอบๆอย่างเจ็บปวด
“ลูกข้าสวยโว้ย สวยกว่าพวกเอ็งทุกคน” แสงหล้าหันกลับไปที่ทีวี “ดูซีเป็นนักร้องดังแล้ว ลูกแม่”
แสงหล้าจะเข้าไปจับทีวีอีก เจ๊เล้งหันไปสั่งโส่ย
“เฮ้ย...นังโส่ย เปลี่ยนช่องเลย อย่าให้มันดู”
โส่ยกดรีโมทเปลี่ยนช่องทันที หนังจีนกำลังภายใน
“อย่า...อย่าเปลี่ยนช่อง ให้ข้าดูลูกข้าก่อน”
แสงหล้าเข้าแย่งรีโมท โส่ยสะบัดแสงหล้ากระเด็นล้มไปที่พื้น เจ๊เล้งตัก น้ำจากถังแล้วสาดโครมมาเต็มตัวแสงหล้า โส่ยเอาสายยางมาฉีดไล่อีกคน แสงหล้าร้องลั่นแล้ววิ่งกระเซอะกระเซิงหนีไป
“ไม่ต้องมานอนแถวนี้นะนังแก่ แล้วก็ไม่ต้องมาขอเศษข้าวต้มข้ากินด้วย แถวนี้ให้หมานอนเท่านั้นโว้ย” เจ๊เล้งตะโกนไล่หลัง
แสงหล้าวิ่งมาในตรอกเปลี่ยวหลบข้างมุมตึก เนื้อตัวเปียกโชก แล้วทรุดลงร้องไห้ เธอหยิบรูปเก่าคร่ำคร่าออกมา เป็นรูปของรุ้งระวีวัยห้าขวบที่แต่งเป็นแหม่มจ๋า รูปถ่ายเป็นสีแดงแล้วเพราะความเก่า
“ลูกแม่...ลูกแม่เป็นนักร้องแล้ว สมกับที่แม่หวังไว้”
แสงหล้ายิ้มออกมา แล้วเริ่มฮัมเพลง เป็นเพลงลูกทุ่งเนื้อหากล่อมลูกให้นอน เธอร้องอย่างไพเราะในช่วงแรก ได้อารมณ์ทั้งการเอื้อน และการทอดเสียง ก่อนที่เสียงจะแหบแห้งลง และขาดเป็นห้วงๆ แสงหล้าร้องไม่ออกอีก เธอร้องไห้สะอื้นอยู่เพียงลำพังในมุมมืดนั้น
วันรุ่งขึ้น...ณ ไร่อินสรวงที่สงบร่มรื่น บางส่วนเป็นไร่ผลไม้ บางส่วนยังเป็นทุ่งโล่ง มีทิวเขาอยู่ลิบ ๆ
กลางสวนมีบ้านไม้อย่างหรูอยู่บนเนินเขา ทูนอินทร์แต่งตัวแบบลำลอง นั่งเขียนบทเพลงอยู่ที่ระเบียงบ้าน มีกีตาร์โปร่งไว้เทียบคีย์วางอยู่ข้างๆ หนังสือพิมพ์วางอยู่ไม่ห่าง เขาหยิบหน้าปกเพลงของรุ้งระวีขึ้นมามองดู แล้วยิ้มกับตัวเอง ภาพรุ้งระวีที่ยิ้มสวยอยู่บนหน้าปก ทูนอินทร์เพ่งมองแล้วหน้ารุ้งระวีก็เปลี่ยนเป็นหน้าแหม่มจ๋าในวัยเด็กกำลังแลบลิ้นใส่เขา ทูนอินทร์สะดุ้งมองรูปอีกครั้ง
“เรานี่ท่าจะบ้าไปแล้ว”
ทูนอินทร์หันมาแล้วสะดุ้งสุดตัว เพราะส้มป่อย ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า
“ส้มป่อย เข้ามาให้เสียงหน่อย”
“นายเป็นไรคะ เห็นหน้าหนูเป็นตุ๊กแกเหรอคะ เมื่อคืนถึงได้กุมเป้า แล้ววิ่งหนี แหม หน้าหนูออกจะสวย”
“นี่....ไม่ต้องมาพูดดี วิกผมน่ะ เอามาใส่อีกฉันจะฟาดให้”
ส้มป่อยจ๋อยไป
“ค่ะ...ไม่ใส่แล้วค่ะ ไม่ชิลเลย คุณทรให้มาเรียกทานเบรกฟาสท์ค่ะ”
“ฉันยังไม่หิว”
ส้มป่อยเห็นปกซีดี
“อุ๊ย...นี่พี่รุ้งระวีนี่คะ”
ทูนอินทร์มองส้มป่อยอย่างแปลกใจ
“รู้จักด้วยเหรอ”
“ไม่ใช่แค่รู้จักทั้งร้องทั้งเต้น ก็อปได้ทุกท่า” ส้มป่อยร้องไปเต้นไป “ขายจิ้มแจ่วที่แอ้ลเอ้...แอลเอ”
ทูนอินทร์ส่ายหน้า
“พอ...พอ เขาเต้นสวย เราน่ะเต้นซวย”
อินทรเดินมาถึง ส้มป่อยฟ้องทันที
“นายทรขา นายทูนว่าหนูเต้นสู้พี่รุ้งระวีไม่ได้ ไม่จริงใช่ไหมคะ”
อินทรพยักหน้า
“จริง...” อินทรมองเทปรุ้งระวี “แน่ะพี่ ฟังเพลงยายรุ้งอีกแล้ว คิดถึงเขาไม่เลิกละซี้”
ทูนอินทร์รีบเปลี่ยนเรื่อง
“เฮ้ยทร...วันนี้แกว่างไหม”
“ว่าง...ทำไมครับ”
“นี่...” ทูนอินทร์หยิบหนังสือพิมพ์ออกมา “บ่ายนี้มีนักข่าว ไปทำข่าวที่ออฟฟิซนายอิทธิ แถลงข่าวเพลงใหม่ของรุ้งระวี”
อินทรและส้มป่อยเข้ามาชะโงกดู ส้มป่อยดูท่าทางสนใจมาก
“แล้วพี่จะทำไม” อินทรถามอย่างสงสัย
“ฉันยังไม่ได้ให้เขาฟังเพลงฉันเลย วันนี้น่าจะเป็นโอกาสอันดี ไป...เข้ากรุงเทพกันเดี๋ยวนี้เลย”
อินทรหน้าเหวอ
“เอางั้นเลยเหรอ”
“เออซีวะ...ไปเร็ว”
ทูนอินทร์และอินทรลงเรือนไป ส้มป่อยหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านข่าวต่อ
“นายจะไปพบพี่รุ้ง ฝันเป็นจริงแล้วส้มป่อย”
ส้มป่อยนึกขึ้นได้ วิ่งตามไปที่รถ
“นายขา เดี๋ยวค่ะนาย”
ทูนอินทร์หันไปมอง
“มีอะไรยายส้มป่อย”
“นายจะไปพบพี่รุ้งระวีจริงๆ เหรอคะ”
“ก็จริงน่ะซี”
“งั้น....หนูขอลายเซ็นค่ะ”
“ได้ แล้วจะให้เขาเซ็นมาให้”
“เซ็นธรรมดาไม่เอา ต้องเซ็นลงในนี้เท่านั้น”
ส้มป่อยยื่นกล่องกระดาษกล่องหนึ่งให้ ทูนอินทร์รับมา
“ไปละ”
“เดี่ยวค่ะ”
ทูนอินทร์และอินทรหันมา ส้มป่อยยื่นมือถือให้
“อะไรอีกล่ะ”
“ให้พี่รุ้งดูด้วย คลิปหนูอยู่ในมือถือนี่ เขาจะได้เชื่อว่าหนูเป็นเอฟซีของแท้”
อินทรงงๆ
“เอฟซี อะไรของแก”
“อู๊ย...ไม่เข้าใจโลกเลย เอฟซี ก็แฟนคลับไงคะ”
ทูนอินทร์ถอนใจ
“เข้าใจแล้ว...เข้าใจโลกแล้ว”
ทูนอินทร์และอินทรขึ้นรถ อินทรขับรถออกไป ส้มป่อยทำหน้าชวนฝัน
“พี่รุ้งตัวจริงจะสวยแค่ไหนนะ คงน้อยกว่าเรานิดนึง” ส้มป่อยร้องเพลง “ฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ้ แอลเอ้”
ส้มป่อยเต้นไปด้วยท่าทางกะแดะๆ
โถงรับแขกบริษัทอิทธิซาวนด์ จัดมุมเป็นโต๊ะสัมภาษณ์ ด้านหลังมีโปสเตอร์รุ้งระวีขนาดใหญ่
รุ้งระวีใส่เสื้อคลุมปักดิ้นระยับปิดทั้งร่าง ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่เข้ามารุมล้อม ขณะเดียวกัน ขวัญข้าว จุ๊บแจง อาชา แต่งตัวเต็มที่เช่นกัน มองมาทางรุ้งระวีเป็นระยะหน้าตาชิงชัง
อิทธินั่งอยู่ข้างๆ รุ้งระวี ให้สัมภาษณ์ร่วม ส่วนจี่หอยและมะปรางยืนอยู่ในกลุ่มนักข่าว คอยอำนวยความสะดวก
“ใช่ค่ะ...เราจะเริ่มถ่ายมิวสิคเพลงต่อไปในอาทิตย์หน้าค่ะ ทั้งเพลง ผู้บ่าวข้าวจี่ และเพลง หมอลำออนไลน์” รุ้งระวีตอบคำถามนักข่าว
“แล้วเรื่องคอนเสิร์ตละคะ” นักข่าวถาม
“อีกไม่นานหลังจากนี้ เราจะทัวร์คอนเสิร์ตทั้งสี่ภาคเลยครับ” อิทธิตอบแทน
อาชามองกลุ่มสัมภาษณ์อย่างไม่พอใจ
“ดูซี...นักข่าวไม่มีใครสนใจพวกเราเลย” อาชาบอกอย่างเซ็งๆ
จุ๊บแจงไม่พอใจมาก หันมาบอกจวงใจ
“พี่จวง...มันเอาเพลงของแจงไปร้องหมดเลย มันแย่งเพลงแจงนังหน้าด้าน”
“นี่แกนังแจง มันไม่ใช่แค่หน้าด้านแย่งเพลงแกไปร้องนะ มันหน้าด้านแย่งคุณอิทธิไปจากแกอีกด้วย เห็นไหม” ขวัญข้าวใส่ไฟ
จุ๊บแจงโกรธ
“ไม่ต้องพูดก็ได้เจ๊ ฉันเห็นตำตาอยู่แล้วละ”
“อุ๊ย...งั้นก็รู้ตัวแล้วซิ ว่าตอนนี้นังรุ้งมันกำลังตกถังข้าวสาร ส่วนแกกำลังตกถังเหมือนกัน แต่เป็นถัง...”
อาชาแกล้งชะงักไม่พูดต่อ จุ๊บแจงรีบถามอย่างสงสัย
“ถังอะไรอีม้า”
“ถังขี้ไง”
อาชาและขวัญข้าวหัวเราะระรื่นแล้วแยกไป
จุ๊บแจโมโห
“ไม่ยอมนะพี่จวง”
“อย่าเว่อร์น้องแจง เราเป็นนางเอก ไม่ใช่นางร้าย” จวงใจเตือน
จุ๊บแจงทำท่านางเอกทันที จวงใจและจุ๊บแจงแยกไป
มุมหนึ่งของงาน ทูนอินทร์กับอินทรยืนกินของว่าง และเครื่องดื่มอยู่ที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ ทั้งสองใส่แว่นและหนวดอำพรางหน้า ใส่วิกผมม้าเหมือนวงสี่เต่าทอง ถือกล้องถ่ายรูป
“คันหนวดน่ะพี่”
อินทรบ่นๆแล้วทำท่าจะเกา ทูนอินทร์รีบห้าม
“อย่าเกาซีวะ...เดี๋ยวหลุด โอ้โฮ น้องรุ้ง วันนี้ยิ่งดูยิ่งสวยว่ะ”
“อยากให้น้องรุ้ง ได้ร้องสดๆ เพลงใหม่ที่กำลังจะออกเป็นเพลงที่สองหน่อยครับ” นักข่าวบอก
อิทธิยิ้มแย้ม
“ได้เลย...งานนี้เราเตรียมไว้แล้ว”
กลุ่มนักข่าวแปลกใจ
“เตรียมไว้แล้ว...หมายความว่ายังไงคะ”
อิทธิประคองรุ้งลุกขึ้นยืนทันที ทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว สาวหางเครื่องสามนางเดินเข้ามาพร้อมเสียงเพลง ผู้บ่าวข้าวจี่ นักข่าวแยกเป็นทางให้สามสาวตรงมาหารุ้งระวี ทุกคนปรบมือ
ขวัญข้าวหน้าตื่น
“ว้าย...อะไรน่ะ”
อาชามองอึ้งๆ
“มีเซอร์ไพรส์นักข่าวอีกแล้วน่ะซี”
สามสาวหางเครื่อง ประคองรุ้งระวีออกมากลางโถง แล้วสะบัดเสื้อคลุมของเธอออก รุ้งระวี อยุ่ในชุดโชว์บนเวทีเลื่อมระยิบทั้งตัว
รุ้งระวีเริ่มร้องและเต้นอย่างพร้อมเพรียงร่วมกับสาวหางเครื่อง นักข่าวส่งเสียงเชียร์กันทั้งห้อง เพลงจังหวะสนุกสนาน บางคนขยับเท้าตามไปด้วย จุ๊บแจงอิจฉาจนทนไม่ได้
“ยี้...รับไม่ได้ มันต้องเหนือพวกเราทุกแน่ๆ เลย”
อาชาตาลุกวาว
“มันเต้นได้ขนาดนี้ แสดงว่ามันต้องซ้อมมาอย่างดี”
“ฉันต้องหัดเต้นบ้างแล้วละ” ขวัญข้าวเปรยขึ้น
อาชาหันมาหยัน
“เต้นท่าช้างกระทืบโรงน่ะซี”
จังหวะนั้นสร้อยลูกปัดเส้นนึงของหางเครื่องตกที่พื้น กระเด็นมาตรงหน้าขวัญข้าวพอดี เธอรีบเก็บมามองอย่างมีเลศนัย
“แต่เดี๋ยวคงเต้นต่อไม่ได้แล้วละ”
“ทำไมพี่ขวัญ” จุ๊บแจงถามอย่างไม่เข้าใจ
ขวัญข้าวชูสร้อยให้ดู
“นี่ไง”
“ให้แจงเหรอคะ ไม่เอาหรอก ของนังหางเครื่องมัน”
“ไม่ได้ให้แกนังโง่...แต่ฉันจะทำอย่างนี้”
ขวัญข้าวรูดลูกปัดจากสร้อย ร่วงกราวลงกับพื้น ซึ่งเป็นจังหวะที่ รุ้งระวีกำลังหมุนตัวพอดี ส้นสูงเหยียบลงไปบนลูกปัด เกิดอาการเสียหลัก จี่หอย มะปรางและ สาวๆ นักข่าวร้องหวีดขึ้นพร้อมกัน รุ้งระวี ลอยคว้างกลางอากาศ ทูนอินทร์และอินทรมองตาม อ้าปากค้าง
ทูนอินทร์ถลาเข้าไปกลางวง รุ้งร่วงลงมาในอ้อมกอดของเขาพอดี อินทรเข้าประคองร่างพี่ชายไว้อีกที ทูนอินทร์อุ้มรุ้งระวีไว้ในอ้อมแขนยืนสง่าเป็นฮีโร่อยู่กลางห้อง นักข่าวปรบมือเฮกันทั้งห้อง กลุ่มขวัญข้าวมองอย่างเคียดแค้น รุ้งระวีมองหน้าทูนอินทร์อย่างสงสัย
“ขอบคุณค่ะ”
ทูนอินทร์ยิ้มกว้าง
“ชอบอุ้มอยู่แล้วครับ”
“ปล่อยเสียทีซีคะ”
ทูนอินทร์ยิ้มทะเล้นแล้วปล่อยร่างของเธอ อิทธิ จี่หอย มะปรางเข้ามา อิทธิโล่งใจ
“โอ้โฮ...เกือบไปแล้วไหมล่ะ ขอบคุณมากนะคุณ”
ทูนอินทร์ยิ้มแย้ม
“ไม่เป็นไรครับ”
“นักข่าวจากค่ายไหนละ” อิทธิถาม
“ทีวีไทม์ครับ”
จี่หอยคิดๆ
“ใครแกล้งรึเปล่า”
จี่หอยหันขวับไปทางกลุ่มจวงใจ ทุกคนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“งั้นถือว่าแถลงข่าวจบเท่านี้ก็แล้วกัน” อิทธิตัดบท
จี่หอยหันไปหากลุ่มนักข่าว
“ค่ะ...ทุกท่านคะ ตอนนี้แถลงข่าวน้องรุ้งเรียบร้อยแล้ว ก็ตามอัธยาศัยนะคะ จะสัมภาษณ์ ถ่ายรูปได้เตามสะดวกค่ะ อ้อ...เชิญทานของว่างที่มุมบุฟเฟ่ต์เลยนะคะ”
จี่หอยและมะปรางแยกไป อิทธิและรุ้งระวีเผชิญหน้ากับกลุ่มจวงใจ ทูนอินทร์และอินทรมองตาม
“เดี๋ยวเราจะทานกลางวันร่วมกันนะ จะได้ทำความรู้จักกันด้วย” อิทธิบอก
จุ๊บแจงค้อน
“ก็รู้จักตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี่คะ”
“นั่นมันต่อหน้าสื่อ...เดี๋ยวต้องมาอยู่ร่วมบริษัทเดียวกันแล้ว ถือว่าอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน มีกฎกติกามารยาทที่ต้องรับรู้ร่วมกัน” อิทธิบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่มีปัญหาค่ะคุณอิทธิ” ขวัญข้าวหันไปหารุ้งระวี ยิ้มเสแสร้ง “ใช่ไหมคะน้องรุ้ง”
รุ้งระวียิ้มรับ
“ค่ะ ไม่มีปัญหา...ใช่ไหมคะพี่จวง”
จวงใจเจื่อนไปนิดๆ ก่อนจะเชิ่ดหน้า
“ค่ะ”
รุ้งระวีมองจิกสายตา
“ต้องขอบคุณนะคะ ที่เจอกันครั้งแรก ก็ต้อนรับรุ้งอย่างอบอุ่นเลย”
“พูดแปลก...เจอกันครั้งแรกที่ไหนเหรอ” อินทธิถามอย่างไม่เข้าใจ
จวงใจไม่ตอบสะบัดไป จุ๊บแจงรีบตาม อาชารีบเปลี่ยนท่าที
“น้องรุ้ง...มาถ่ายรูปร่วมกับพี่ๆ หน่อยเร็ว พี่นักข่าวเขาเรียกแล้วครับ”
อาชา และขวัญข้าว พารุ้งระวีไปถ่ายอีกมุม
ทูนอินทร์มองอย่างหนักใจ
“โอ้โฮ...แถวนี้มันสมรภูมิชัดๆ เลยนี่หว่า”
“นั่นซีครับ” อินทรเห็นด้วย
จวงและจุ๊บแจง ออกมานอกห้องด้วยอาการหัวเสีย นักข่าวยังอยู่ในห้องโถงด้านนอก
“อยากร้องกรี๊ด แจงจะทนไม่ไหวแล้วนะ”
“ไม่ต้องกรี๊ดค่ะ เรายังมีก๊อกสองที่จะเล่นงานมันได้”
จุ๊บแจงงงๆ
“คิดอะไรคะพี่จวง”
“เมื่อคืน...พี่ลองเช็คภาพมือถือที่เราถ่ายวันนั้นดูอีกที แล้วพี่ก็พบภาพนี้”
จวงใจหยิบมือถือ ออกมา แล้วเปิดภาพให้จุ๊บแจงดู จังหวะนั้น ทูนอินทร์และอินทรเดินมาข้างหลังพอดี จุ๊บแจงมองรูปงงๆเพราะมันเหมือนเดิม
“ก็ภาพนังรุ้งที่ตลาด ใส่แว่นปิดตา เหมือนเดิม”
“ไม่เหมือนค่ะ น้องแจงดูดีๆ”
จุ๊บแจงเพ่องมองภาพในมือถือ เห็นรุ้งระวีกำลังเต้นกับทูนอินทร์กลางตลาดและจังหวะหนึ่ง รุ้งระวีเลิกแว่นขึ้นนิดนึง เห็นหน้าชัดเจนว่าคือรุ้งระวี จวงใจกดภาพแช่ค้างไว้ ทูนอินทร์และ อินทรชะโงกมองตะลึง จุ๊บแจงดีใจ
“พี่จวง...เห็นหน้ามันชัดๆเลย”
“นี่ละค่ะ ก๊อกสอง”
สองสาวแยกไป อินทรหันมาหาทูนอินทร์
“พี่...แสดงว่า ยายหน้าเค็มกับยายจุ๊บแจงไม่ใช่แค่ตามรุ้ง แต่แอบถ่ายรุ้งในมือถือด้วย”
ทูนอินทร์เครียดไป
“ถ่ายติดฉันอีกต่างหาก เฮ้ย...เอาไงดี รุ้งอยู่ไหนวะ”
ทั้งสองออกเดินหา
ทูนอินทร์และอินทร เดินตรงไปยังห้องน้ำเห็นรุ้งระวีเดินหน้าเหนื่อยๆ ออกมาห้องน้ำหญิง ทูนอินทร์เข้าประกบ อินทรดูต้นทางให้
“คุณรุ้งครับ ผมขอสัมภาษณ์หน่อยนะครับ”
“ไปสัมภาษณ์ที่ห้องโถงดีกว่าค่ะ”
“ตรงนี้ดีกว่าครับ แป๊บเดียวละครับ”
รุ้งระวีมองหน้า
“นายเป็นใครน่ะ ทำไมหน้าคุ้นๆเสียงก็คุ้น”
“ผมนักข่าว ทีวีทอง”
รุ้งระวีแปลกใจ
“เอ๊ะ...แต่เมื่อกี้บอกว่า ทีวีไทม์”
“ทองกับไทม์ สำนักเดียวกันนั่นแหละครับ ผมมีเรื่องด่วนจะบอกคุณ”
“เรื่องด่วน...อะไร”
“ไปคุยกันในห้องก่อนไหม”
ทูนอินทร์ชี้ไปห้องน้ำชาย รุ้งระวีหน้าตื่น
“ว้าย...ทะลึ่ง นั่นห้องน้ำชายนะ”
“งั้นเข้าห้องน้ำหญิงก็ได้”
“ยิ่งทะลึ่งใหญ่เลย อย่ามายุ่งกับฉันนะ”
รุ้งระวีจะออกไป ทูนอินทร์รีบคว้ามือ
“นี่คุณ...เดี๋ยวซี”
“ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันร้องนะ”
รุ้งระวีจะกรี๊ด ทูนอินทร์ตะปบปากทันที แล้วรัดร่างของเธอไว้ รุ้งระวีดิ้นสุดชีวิต ทูนอินทร์ลากเธอเข้าไปในห้องน้ำชาย อินทรตะลึงงัน
“เฮ้ย...พี่ อย่าให้มันเป็นเรื่องใหญ่นะ”
ทูนอินทร์ลากรุ้งระวีเข้ามาในห้องน้ำแล้วล็อคประตู ร่างของเธอแนบชิดกับร่างของเขา
“อย่าร้อง...อย่าดิ้น ไม่งั้น...” ทูนอินทร์นึกไม่ออกว่าจะทำอะไร “ตามบทจริงๆ ต้องขู่คุณว่าจะจูบ แต่ไม่เอาละ เอางี้ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก อย่าร้อง...นี่ผมเอง”
รุ้งระวีคุ้นเสียงเลยหยุดดิ้น
“สัญญานะว่าไม่ร้อง”
รุ้งระวีพยักหน้า ทูนอินทร์ปล่อยปากแต่ยังกอดเธอแน่นอยู่ รุ้งระวีหันมามองหน้า
“นายเป็นใคร”
ทูนอินทร์ดึงหนวดและแว่นออก รุ้งระวีตาโตจำได้
“นายเคน นักร้องลงตุ่ม”
“ครับ”
“ทำไมต้องทำกับฉันอย่างนี้”
“นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ผมกำลังช่วยคุณ”
“ช่วยอะไรฉัน”
“ช่วยคุณลวงโลกต่อไปไง”
รุ้งระวีงงๆ สะบัดหลุด แล้วเท้าสะเอวมอง
ทูนอินทร์ รุ้งระวี และอินทร ออกมาจากห้องน้ำ มาที่หน้าห้องโถง เห็นจุ๊บแจงและจวงใจกำลังคิดแผนกันต่อเนื่อง จวงใจถือมือถือในมือกำลังให้ตาลเฉาะดูภาพ จี่หอย และมะปราง กำลังต้อนรับนักข่าวอยู่มุมหนึ่ง
“นั่นไง เตรียมแผนกันอยู่นั่น”
รุ้งระวีตกใจ
“ตายแล้ว ให้นักข่าวดูภาพแล้ว เอาไงดี”
“ผมขอไปใกล้ชิดแหล่งข่าวก่อน”
ทูนอินทร์และอินทรแยกไปที่กลุ่มจวงใจ โดยทำทีไปยืนด้านหลัง จี่หอยกับมะปรางตรงมาหารุ้งระวี
“รุ้ง...เดี๋ยวนักข่าวจะขอถ่ายภาพหมู่ก่อนกลับนะ”
“ได้ค่ะ”
รุ้งระวียังมองอย่างลุ้นไปที่กลุ่มจวงใจ ตาลเฉาะมองภาพแล้วแค้นใจ
“ไม่อยากเชื่อเลย ยายรุ้งย้อมแมวพวกเรางั้นเหรอ แน่ใจนะพี่จวงว่าภาพนี้ของจริง”
“ก็พี่ถ่ายกับมือ ไม่จริงได้ไง ดูวันที่ที่บันทึกซี ก่อนวันที่มันเดินทางมาถึงหนึ่งวันเห็นไหม”
“ข่าว...รุ้งลวงโลก ต้องแซงโค้งขึ้นหน้าหนึ่งแน่ ๆ” ตาลเฉาะบอกอย่างมั่นใจ
จวงใจยิ้มพอใจ
“ชอบจังเลยคำนี้ นังรุ้งลวงโลก เดี๋ยวจะมีการถ่ายรูปหมู่ จังหวะนั้นแหละ ที่เราจะประจานนังรุ้งมัน ตาลเฉาะต้องช่วยพี่นะ”
“ได้ค่ะพี่ แฉเรื่องฉาวแบบนี้ถือเป็นวิชาชีพของตาล แต่...พี่จวงต้องรับปากนะ ว่าจะให้ภาพนี้เฉพาะหนังสือของตาลเล่มแรกเท่านั้น”
“รับปากซี ไป...เราเข้าไปเตี๊ยมกันข้างในดีกว่า”
จวงใจ จุ๊บแจง และตาลเฉาะเข้าไปห้องด้านใน ทูนอินทร์และอินทรรีบตามเข้าไป รุ้งระวีมองตามใจเต้นไม่เป็นส่ำ
รุ้งระวีกับเหล่าศิลปินในค่าย ถ่ายรูปร่วมกัน ทุกคนโพสประชันกันเต็มที่ แต่รุ้งระวีเด่นกว่าคนอื่นเพราะยืนอยู่ตรงกลาง แม้คนอื่นๆจะพยายามโพสให้ตัวเองเด่นกว่า
รุ้งระวีกระวนกระวาย มองหาทูนอินทร์และอินทร แต่ไม่ปรากฏร่างของทั้งสอง จี่หอยเห็นอาการของรุ้งระวีก็สงสัย
“เป็นอะไรน่ะรุ้ง...ดูล่อกแล่กชอบกล”
“เปล่าค่ะ”
จวงใจและตาลเฉาะพยักหน้าให้กัน ตาลเฉาะเดินมาเบื้องหน้า พร้อมมือถือในมือ
“ขอขัดจังหวะหน่อยนะคะ”
ทุกคนหยุดถ่ายเงียบเสียงกันไป
“น้องรุ้งเพิ่งเดินทางมาถึงกรุงเทพเมื่อวานใช่ไหมคะ”
อิทธิและรุ้งระวีมองหน้ากัน
“ใช่ค่ะ” รุ้งระวีตอบ
ตาลเฉาะยิ้มหยัน
“แล้วที่น้องรุ้ง ไปเดินเที่ยวอยู่ที่ตลาดดอนหวาย วันก่อนจะมาถึงหนึ่งวัน มีคำอธิบายไหมคะ”
ทุกคนฮือฮากันขึ้น ถามกันเสียงแซ่ด จี่หอยกับมะปรางตกใจ รุ้งระวีหน้าซีด ขณะที่จุ๊บแจงแสยะยิ้ม
“คุณพูดเรื่องอะไร รุ้งไปเที่ยวตลาดที่ไหน” อิทธิถามเสียงแข็ง
“ดอนหวายค่ะ”
“ไม่จริง เอาที่ไหนมาพูด” อิทธิโวย
“ภาพถูกถ่ายในมือถือนี่แล้วค่ะ ระบุวันด้วยว่าเป็นวันก่อนที่รุ้งจะมาถึงเมืองไทย นั่นแสดงว่าน้องรุ้งไม่ได้เดินทางมาจากแอลเอจริง”
“อ้าว...แล้ววันที่มาถึงสุวรรณภูมิล่ะครับ เราทุกคนก็เห็น” นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น
“ก็รออยู่แค่ที่สนามบินไงคะ แล้วแกล้งเล่นละครว่าเพิ่งลงเครื่อง ผ่านตม.เข้ามาพวกเราถูกหลอกค่ะ” ตาลเฉาะสาธยาย
นักข่าวยิ่งฮือกันเสียงแซ่ด
“และเป็นไปได้ ประวัติทั้งหมดที่ว่าไปอยู่เมืองนอกแต่เด็ก อาจถูกสร้างขึ้นทั้งหมดไม่มีความจริงเลยสักนิด”
อิทธิไม่พอใจ
“พอได้แล้ว ถ้าพูดมากกว่านี้ ผมฟ้องหนังสือคุณจริงๆนะ”
“แต่หลักฐานอยู่ในมือถือเครื่องนี้นะคะ คุณอิทธิ”
ตาลเฉาะชูมือถือขึ้น ทุกคนฮือฮา
“งั้นก็โชว์ภาพมาเลย”
รุ้งระวีตกใจ มองเลยโถงไปเห็นทูนอินทร์และอินทรเข้ามาในโถง หน้าตาเหมือนแผนไม่สำเร็จ
“ภาพถ่ายของคุณรุ้งระวี เธอเดินอยู่ที่ตลาดน้ำดอนหวาย แถมยังเต้นกับกลุ่มคนในตลาด ยืนยันว่าถ่ายก่อนที่พวกเราจะพบเธอที่สนามบินในวันรุ่งขึ้นแน่นอน” ตาลเฉาะยืนยัน
รุ้งระวี จี่หอย มะปรางมองหน้ากัน ใจเต้นระทึก
“เอามาให้ผมดูก่อนได้ไหม”
“ขอให้ดูกันทั้งห้องเลยดีกว่าค่ะ นักข่าวทุกสำนักจะได้เป็นพยานยืนยัน”
นักข่าวต่างพากันเชียร์ให้เปิด
“ใช่ใช่ / เปิดมาเลย / อยากดู”
ตาลเฉาะมองหน้ารุ้งระวีเย้ยๆ
“ว่าไงคะ น้องรุ้ง จะยอมรับหรือปฏิเสธข้อกล่าวหา”
รุ้งระวีมองหน้าทุกคนก่อนตอบ
“รุ้ง ปฏิเสธข้อกล่าวหาค่ะ ไม่เป็นความจริง”
“งั้นก็ต้องหาข้อแก้ตัวดีๆ แล้วละค่ะน้องรุ้ง เพราะน้องรุ้งกำลัง ลวงโลก นะคะ”
อิทธิชักโมโห
“ไม่ต้องเยิ่นเย้อ โชว์ภาพมาเลย”
ตาลเฉาะยิ้ม แล้วกดโชว์ภาพ ชูให้ทุกคนดู ต่างทำหน้าตะลึงงัน กลุ่มนักข่าวเข้ามารุมดู เสียงเพลงฝากจิ้มแจ่วไปแอลเอ ดังคลออยู่ตลอด
ตาลเฉาะยิ้มพอใจ
“เห็นไหมคะ กำลังเต้นอยู่กลางตลาดเลย”
ขวัญข้าวที่มองๆอยู่ก็ขัดขึ้น
“ค่ะ...กำลังเต้น แต่ไม่ใช่ตลาด เหมือนอยู่ในครัว”
“ไม่ใช่น้องรุ้งนี่ครับ” อาชาบอก
ตาลเฉาะหันมือถือมาดู แล้วอึ้ง เมื่อภาพในมือถือเป็นส้มป่อยที่กำลังเต้นเร่าๆอยู่ในครัว ใส่วิก แต่งหน้าเหมือนตัวตลก ร้องเพลงลูกทุ่ง
“เดี๋ยว...นี่เด็กบ้าที่ไหน แล้วมาอยู่ในมือถือนี่ได้ยังไง”
ตาลเฉาะหันไปมอง จวงใจรีบเข้ามาดูกดหาคลิปอื่นๆ แต่ไม่มีอะไร ก็หันไปกระซิบถามตาลเฉาะ
“คลิปมันหายไปไหนล่ะ”
ตาลเฉาะส่ายหน้า
“ไม่รู้”
“ขอผมดูหน่อย”
อิทธิรับมือถือมาดู รุ้งระวี จี่หอย มะปรางเข้ามาดูด้วย ทั้งสามโล่งอก
รุ้งระวีหันไปทางทูนอินทร์และอินทร พยักหน้าให้กัน
“ไหนล่ะ หลักฐาน รุ้งที่ดอนหวาย...อยู่ที่ไหน” อิทธิถามเสียงเข้ม
ตาลเฉาะหน้าเสีย
“แต่เมื่อกี้ตาลเห็นจริง ๆ นะคะ คือว่า...”
“เมารึเปล่า คุณตาล”
ตาลเฉาะพูดไม่ออก อิทธิจ้องหน้าไม่พอใจ
“เด็กหน้าบ้านๆแบบนี้ เห็นเป็นน้องรุ้งได้ยังไง ไปเช็คสายตากับเช็คประสาทได้แล้วนะ”
กลุ่มนักข่าวหัวเราะกันครืน อิทธิหันไปพูดกับกลุ่มนักข่าว
“ถ้าอย่างนั้นขอร้องนะครับ เรื่องความเพ้อเจ้อของคุณตาลเฉาะ ที่กล่าวหาศิลปินค่ายผม ขอให้จบแต่เพียงเท่านี้ ในห้องนี้เท่านั้น ถ้าคุณนักข่าวอยากเอาข่าวนี้ไปลง แล้วเสื่อมเสียมาถึงรุ้งระวี ผมฟ้องถึงที่สุดแน่ๆ”
นักข่าวเงียบงันกันไป ตาลเฉาะทำท่าจะร้องไห้ อิทธิหันไปมองหน้าตาลเฉาะอย่างเอาเรื่อง
“คุณตาล งานนี้ผมต้องคุยกับนายคุณแล้วละ รอฟังผลให้ดีๆ”
ตาลเฉาะแทบร้องไห้โฮ มองมาที่จวงใจอย่างมาดร้ายแล้วออกจากห้อง จวงใจละล้าละลัง จุ๊บแจงหน้าเสีย บรรดานักข่าวส่งเสียงให้แซ่ด
“อยากทราบความเห็นของคุณรุ้ง สำหรับการกล่าวหาครั้งนี้ครับ”
“ไม่มีความเห็นอะไรทั้งนั้นครับ ผมว่าจบแถลงข่าวแต่เพียงเท่านี้” อิทธิตัดบท
จี่หอยรีบกันนักข่าวออก
“จบแถลงข่าวแล้วนะคะ เชิญพี่ๆด้านนอกเลยค่ะ”
จี่หอยกับมะปรางต้อนนักข่าวออก ทูนอินทร์และอินทรออกตามไป จี่หอยผ่านจวงใจแสยะใส่
“เวรกรรมตามทันแกแล้วนังจวง”
อิทธิพารุ้งระวีออกจากห้อง จุ๊บแจงรีบเข้าไปหาจวงใจ
“ภาพมันหายไปไหนคะพี่”
“ไม่รู้...ตอนที่พี่ฝากมือถือไว้น่ะ หนูเอาไปให้ใครดูรึเปล่า”
จุ๊บแจงนึกๆ
“เดี๋ยวนึกก่อน เดี๋ยว...มีนักข่าวผู้ชายสองคน”
“คนไหน”
“เพิ่งออกไปนั่นไง”
จวงใจกับจุ๊บแจงวิ่งตามออกไป จวงใจและจุ๊บแจงวิ่งผ่านกลุ่มนักข่าว ทูนอินทร์และอินทรเห็นสองสาว รีบหนีทันที จวงใจตะโกนลั่น
“นี่แก...หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ทูนอินทร์และอินทรวิ่งออกจากตึกไป จวงและจุ๊บแจงวิ่งตาม
“หลบตรงนี้ก่อนพี่”
อินทรดึงทูนอินทร์หลบเข้ามุม จวงใจกับจุ๊บแจงวิ่งมาถึงไม่เห็นสองคนแล้ว
“มันไปไหนแล้ว”
“แจงว่าที่ลานจอดรถแน่ๆเลย”
สองสาววิ่งไปทางลานจอดรถ ทูนอินทร์และอินทรออกมาจากที่ซ่อน
“เกือบไปแล้ว” ทูนอินทร์โล่งใจ
“งั้นรีบกลับเลยพี่ อยู่ไม่ได้แล้ว”
“ฉันยังไม่ได้คุยกับรุ้งเป็นเรื่องเป็นราวเลย”
“จะเป็นเรื่องก็ตอนอยู่คุยนี่แหละครับ กลับพี่”
อินทรดึงพี่ชายไป ขณะเดียวกันนั้นเสียงรุ้งระวีดังมาจากเบื้องหลัง
“จะรีบกลับไปไหนคะ”
ทูนอินทร์และอินทรหันมาพบว่ารุ้งระวี มะปราง จี่หอยยืนอยู่ ท่าทางเอาเรื่อง
“มีเรื่องที่เราต้องเคลียร์กันหลายเรื่อง”
จี่หอยบอกเสียงเข้ม
อ่านต่อหน้า 2 วันพุธที่ 28 ธ.ค. 54
ต้มยำลำซิ่ง ตอนที่ 3 (ต่อ)
กลุ่มของรุ้งระวี นั่งอยู่ในร้านอาหารใกล้ๆ ออฟฟิศ ตรงข้ามกับทูนอินทร์กับอินทร มองไปยังทั้งสองหนุ่มที่กำลังค่อยๆ ถอดวิก ดึงหนวดและแว่นออก
“เป็นโจรเหรอ ถึงปลอมตัวเก่งขนาดนี้” จี่หอยประชด
ทูนอินทร์ยิ้ม
“ถ้าจะเป็นโจร ก็เป็นโจรปล้นหัวใจน่ะครับ”
จี่หอยอมยิ้ม ให้ท่าทันที
“แล้วมีอย่างปล้นสวาทบ้างไหม”
“มีครับ แต่มักจะกระทืบหลังปล้น”
จี่หอยสะดุ้ง รุ้งระวีมองหน้าทูนอินทร์
“นี่...อย่าเพ้อเจ้อ บอกมาก่อน นายจัดการเรื่องมือถือของยายเจ๊จวงยังไง”
ทูนอินทร์และทรยิ้มให้กัน
“ไม่ยากเลยครับ...ตอนที่ผมตามเข้าไปในห้อง ผมเห็นน้อง จุ๊บแจง ถือมือถือเครื่องนั้นอยู่ ผมก็เลยเข้าไปทาบทันที”
ก่อนจะมีการถ่ายรูปหมู่นั้น จุ๊บแจงถือมือถืออยู่หน้าห้องจัดงาน จวงใจและตาลเฉาะกำลังคุยกันแยกห่างออกมา ทูนอินทร์และอินทรแอบมองอยู่อีกมุมหนึ่ง ทำทีเดินเข้าไปหา จุ๊บแจง ด้วยอาการออกสาว
“น้องจุ๊บแจงขา” ทูนอินทร์เรียกเสียงหวาน
“คะ”
“พี่เพิ่งทราบเรื่องจากพี่จวง มันเป็นความจริงเหรอคะ”
“พี่มาจากค่ายไหนน่ะ”
“พี่เป็นตากล้องให้พี่ตาลเฉาะไง” ทูนอินทร์ชี้ไปทางตาลเฉาะ “พี่ตาลให้มาถ่ายจากมือถือเก็บไว้เป็นหลักฐานเลย”
“เหรอคะ”
“ค่ะ...เราไปถ่ายกันมุมมิดชิดหน่อยไหม”
“ค่ะค่ะ...ว่าแต่พี่ชื่ออะไรคะ”
“พี่ชื่อเก้ง นี่น้องพี่ชื่อกวาง” ทูนอินทร์บอกขำๆ
“เก้ง...กวาง ได้ค่ะ ชื่อระบุเพศเลยเนอะ” อินทรประชด
ทูนอินทร์ทำสะดิ้ง
“ช่ายค่ะ...ตัวเอง”
ทูนอินทร์ อินทรและจ๊บแจง หัวเราะกันร่วนแยกไป จวงใจยังเมาท์กับตาลเฉาะถึงแผนการณ์ไม่ทันสังเกต
ทูนอินทร์กับอินทรพาจุ๊บแจงมาหน้าห้องน้ำ ทูนอินทร์ของดูคลิปในมือถือ
“ไหนคะ น้องแจง”
จุ๊บแจงให้ดูคลิปทันที ตรงจังหวะที่รุ้งระวีเปิดหน้าแว่บหนึ่ง จุ๊บแจงกดหยุดภาพมให้ดู ทูนอินทร์ทำตกใจ
“ว้าย...ยายรุ้งจริงๆด้วย เต้นเร่าๆเหมือนชะนีกลางตลาดเลย”
อินทรรีบทำดี๊ด๊าช่วยเสริมพี่ชาย
“ดูวันที่ถ่ายซีฮะพี่เก้ง ก่อนจะเดินทางมาจริงๆด้วย”
ทูนอินทร์ทำโกรธ
“ต๊าย...นังรุ้งลวงโลก นังชะนีขี้จุ๊”
รุ้งระวีจี่หอย มะปราง ที่นั่งฟังเรื่องราวที่ทูนอินทร์เล่า หันมองหน้ากันไม่พอใจกับคำด่าของทูนอินทร์
“เดี๋ยว...ด่าฉันอย่างนี่เลยเหรอ”
“แหม...คุณ อย่าถือน่า เพื่อให้สมบทสมบาทไง”
ทูนอินทร์รีบเล่าต่อ...
“ดีมากค่ะ เกลียดนัก ชะนีแหลพวกนี้” อินทรเสริม
จุ๊บแจงดี๊ด๊าชอบมาก
“ต๊าย...ชอบคำนี้จังเลย ชะนีแหล”
“น้องจุ๊บแจงคะ...งั้นพี่ขอเข้าไปถ่ายในห้องน้ำนะคะ แสงตรงนี้มันมืด”
“ได้ค่ะ”
ทูนอินทร์และอินทร แยกเข้าห้องน้ำชาย ทูนอินทร์หันไปบอกน้องชาย
“จัดการเร็ว ลบคลิปออกได้ไหม”
อินทรรีบหยิบมือถือขึ้นมาเป็นมือถือของส้มป่อย
“ต้องเปลี่ยนซิมเลยพี่ เพราะลบแล้วมันกู้มาใหม่ได้ เอาซิมยายส้มป่อยนี่ละกัน”
อินทรเอาซิมในเครื่องส้มป่อย เปลี่ยนกับเครื่องของจวงใจ
“เรียบร้อยพี่”
ทูนอินทร์ยิ้มพอใจแล้ว ทั้งสองก็ออกจากห้องน้ำ ส่งมือถือคืนให้จุ๊บแจง
“เรียบร้อยแล้วนะคะพี่”
“ค่ะ ขอบคุณน้องแจงนะคะ ข่าวลงหน้าหนึ่งแน่นอน”
“เอาตัวใหญ่ๆ กลางหน้าเลยนะพี่ รุ้งลวงโลก ชะนีแหล”
“ได้เลยค่ะ”
จุ๊บแจงหัวเราะสะใจแยกไป อินทรกังวล
“จะเผ่นเลยไหมพี่เดี๋ยวถูกจับได้”
“ดูสถานการณ์ก่อน”
ทั้งสองตามจุ๊บแจงไป
รุ้งระวี จี่หอย มะปราง สามสาวมองหน้ากัน ทึ่งในความสามารถของสองหนุ่ม
“ผมก็เปลี่ยนเอาคลิปของหลานผมไปใส่แทน อย่างที่เห็น”
“ขอบคุณที่ช่วย...” รุ้งระวี มองหน้าแล้วถามอย่างสงสัย “แล้วพวกคุณตามฉันมาที่นี่อีกทำไม”
ทูลนิ่งไปนิดพยายามหาคำตอบ
“ก็...ผมเป็นแฟนคลับนี่ครับ ก็ต้องมาเป็นกำลังใจให้คุณรุ้งเป็นธรรมดา”
มะปรางแปลกใจ
“พี่สองคน...ช่วยพี่รุ้งมาสองครั้งแล้วนะคะ”
จี่หอยจ้องหน้าคิดๆ
“นั่นซี...หวังอะไรรึเปล่าเนี่ย”
ทูนอินทร์ยิ้มๆ
“ที่จริงก็หวังนะครับ”
สามสาวหน้าตึงขึ้นมาทันที
“หวังอะไร” จี่หอยถามเสียงเข้ม
“ผมหมายถึงต่อไป เราอาจจะได้ร่วมงานกันน่ะครับ”
รุ้งระวีงงๆ
“ร่วมงาน แบบไหน”
ทูนอินทร์มองหน้ารุ้งระวี
“เออ...เรื่องนี้เป็นความลับ ผมขอคุยกับคุณรุ้งส่วนตัวได้ไหม”
จี่หอยไม่วางใจ รุ้งระวี พยักหน้าให้ จี่หอยกับ มะปราง
“พี่ไปตักบุฟเฟ่ต์ตรงนั้นก็ได้...ไป ปราง”
จี่หอย มะปราง อินทร ลุกไปมุมบุฟเฟ่ต์พร้อมกัน รุ้งระวีหันมาหา ทูนอินทร์
“ว่ามา”
“คือผมแต่งเพลงไว้หลายเพลงน่ะครับ อยากให้คุณรุ้งได้ฟัง เผื่อสนใจจะร้องเพลงของผมบ้าง”
ทูนอินทร์หยิบบทเพลงและเครื่องไอพ็อดออกมา รุ้งระวี รับมาดู
“ทำไมไม่เสนอคุณอิทธิ”
“ผมมันพวกค่ายเพลงอิสระน่ะครับ”
“แต่ฉันมีสังกัดแล้ว”
“ไม่เป็นไร ผมแค่อยากให้คุณรุ้งฟังเพลงของผมเท่านั้น นี่ครับผมทำตัวอย่างมาเรียบร้อย คุณรุ้งฟังได้เลย”
ทูนอินทร์จะส่งหูฟังให้ แต่รุ้งระวี ปฏิเสธ
“ไม่...ฉันอยากให้นายร้องสดให้ฉันฟังมากกว่า”
ทูนอินทร์อึ้งไป
“ร้องสด จะดีเหรอครับ กลางร้านอย่างนี้”
“ไม่ร้อง ฉันก็ไม่ฟังหรอกนะ”
ทูนอินทร์อึ้งไป
อินทรและมะปรางกำลังตักอาหารที่โต๊ะบุฟเฟ่ต์ จี่หอยตักอยู่อีกมุมหนึ่ง
“ผมตักให้”
มะปรางอมยิ้ม
“ขอบคุณ”
จี่หอยมองอย่างหมั่นไส้
“นี่เธอ...ตกลงแนวไหนกันแน่ยะ”
“แนวไหนอะไรครับ” อินทรถามอย่างไม่เข้าใจ
“ก็เป็นเก้งกวางรึเปล่า...กะเทยน่ะ”
อินทรสะดุ้ง
“ผมผู้ชายเต็มร้อยครับ”
จี่หอยมองเหล่
“แน่ใจ”
“ก็ยังชอบสาวสวยอยู่น่ะครับ” อินทรมองมะปราง “ยิ่งขาวๆ ใสๆ น่ารักๆ ยิ่งชอบใหญ่”
จี่หอยเขิน
“อย่างฉันใช่ไหม”
จี่หอยมองอินทรเห็นเขามองไปยังมะปราง ที่ก้มหน้างุดด้วยความอาย
“คนสวยเซ็งเป็ดเลย ยายมะปราง ชอบเหรอตับบดเนี่ย ตักอยู่นั่นแหละ”
มะปรางมองอินทร แล้วรีบหลบตา
ทูนอินทร์อึกอัก รุ้งระวี ยังจ้องหน้า
“ร้องก็ได้ครับ อะแฮ่ม”
ทูนอินมองหน้ารุ้งระวี แล้วเริ่มร้อง ร้องไปได้ท่อนเดียวก็หยุดมาสบตา รุ้งระวีมองเขม็ง ทูนอินทร์เริ่มอึดอัด แล้วเกิดอาการไม่มั่นใจขึ้นมา เริ่มร้องผิด ๆ ถูก ๆจะหยิบเนื้อเพลงมาร้องตาม รุ้งระวี ดึงไว้
“ไม่ต้องดูเนื้อนะ ถ้านายแต่งเองก็ต้องร้องได้ทั้งหมด”
ทูนอินทร์กลืนน้ำลายเอื๊อก แล้วร้องต่อ เริ่มร้องผิดๆ ถูกๆ ยิ่งเห็นสายตารุ้งระวี
จ้องเขม็ง ยิ่งประหม่า แต่แล้วภาพรุ้งระวี ใส่วิกผมบลอนด์ เป็นแหม่มจ๋าตอนสาว แลบลิ้นใส่เขา แว่บเข้ามา
“พี่อยากมีชู้ เอ๊ย...ไม่ใช่ พี่อยากมีคู่ ฤดูเหมันต์...จากน้องไม่เกินสามวัน น้องก็หันไปหาผัวใหม่ เอ๊ย...น้องก็หันไปหารักใหม่...พี่กลับบ้านนา หวังว่าจะเจอกลอยใจ เห็นทีแรกพี่จำไม่ได้ เพราะน้องนมใหญ่กว่าเดิ้ม”
รุ้งระวีสะดุ้ง
“ว้าย...เพลงบ้าอะไร”
“โทษ...เพราะน้องคนใหม่ ไฉไลกว่าเดี้ม...เออ...ขะ...ขอ...ขอเนื้อเพลงเถอะครับ ผมร้องมั่วแล้ว”
รุ้งระวีจ้องหน้า
“ก็แสดงว่าไม่ได้แต่งเอง”
ทูนอินทร์หน้าเสียรีบร้องเพลง
“แต่งเองจริง ๆ ครับ เอ้า...ร้องท่อนแยกให้ฟังก็ได้ เห็นน้องทีไร พี่...ใจละเหี่ย ไม่มีใครเอาทำเมีย เพราะน้องหน้า...เหลือ...เกิน”
รุ้งระวีชักโกรธ
“หยุด...เพลงอุบาวท์อะไรเนี่ย”
ทูนอินทร์หน้าเหวอ
“เดี๋ยวผมร้องอะไรออกไป”
“เพลงทุเรศน่ะซี ไม่ต้องร้องแล้ว...ร้องก็เพี้ยน เนื้อก็เลว ฉันจะกลับแล้ว”
รุ้งระวี ลุกทันที ทูนอินทร์สลดลง
“ผมขอโทษ ผมคงเบลอ ผมร้องอะไรออกไปไม่รู้”
“นายมันโรคจิตชัดๆ”
จี่หอย มะปราง อินทร กลับมาพร้อมอาหาร รุ้งระวี โมโหหันไปบอกเสียงเข้ม
“พี่หอย...กลับ”
จี่หอยหน้าเหวองงๆ
“อ้าว...ยังไม่ได้กินเลย”
“ไม่กินแล้วพี่...กลับ”
รุ้งระวี จี่หอย มะปรางจะออกจากร้าน อินทรรีบเข้าไปถามพี่ชาย
“พี่ทูน...เกิดไรขึ้น”
ทูนอินทร์เซ็งๆ
“ฉันเบลอว่ะ”
“พี่...อย่าลืมที่ยายส้มป่อยขอลายเซ็นนะ”
“เออ...เออ ใช่”
ทูนอินทร์รีบวิ่งไปขวางหน้า สามสาว
“เดี๋ยวครับ ก่อนกลับ ยังไงก็ขอลายเซ็นให้หลานสาวผมหน่อยนะครับ”
รุ้งระวีมองไม่ไว้ใจ
“ไม่ทะลึ่งกับฉันอีกนะ”
“ไม่ครับ”
ทูนอินทร์หยิบกล่องกระดาษออกมาส่งให้ รุ้งระวีเปิดออกพบว่าเป็นลูกโป่งอันเล็ก ดูไปเหมือนถุงยางไม่มีผิด จี่หอยหน้าตื่น
“ว้าย...อะไรน่ะ”
จี่หอยหยิบขึ้นมา มะปรางมองๆ
“เหมือน...ถุงยางค่ะ”
แล้วจี่หอยกับรุ้งระวีก็ร้องออกมาพร้อมกัน
“ถุงยาง กรี๊ดดด”
รุ้งระวี ปากล่องใส่ทูนอินทร์ และอินทร แล้วหยิบข้าวของแถวนั้นปาใส่ จี่หอยชี้หน้า
“โรคจิตจริง ๆ พวกแก”
อินทรชูลูกโป่ง
“เดี๋ยวครับ ดูดีๆ นี่ไม่ใช่ถุงยาง นี่ลูกโป่งครับ”
สามสาวมองลูกโป่งทิ่อินทรหยิบมาให้ดู รุ้งระวีถอนใจ
“แล้วเอาลูกโป่งมาให้ฉันเซ็นชื่อได้ยังไง”
“ก็...คุณรุ้งก็คงต้องเป่ามันก่อนน่ะครับ พอมันพองลม ก็ค่อยเซ็นชื่อลงไป อย่างนี้ไงครับ” ทูนอินทร์แนะ
ทูนอินทร์หยิบลูกโป่งมาเป่า เป็นลูกโป่งแบบลำยาวดูละม้ายของเพศชาย รุ้งระวี จี่หอย มะปรางร้องกรี๊ดพร้อมกัน
“ว้าย...ยิ่งอุบาวท์ ใหญ่เลย / ลามกสุด ๆ / ไอ้โรคจิต”
สามสาวปาของใส่ทูนอินทร์ แล้ววิ่งกระเจิงออกจากร้าน ทูนอินทร์งงๆ
“โรคจิตตรงไหนวะ ก็แค่ลูกโป่ง”
“ก็...มันคิดไปได้น่ะพี่”
อินทรมองลูกโป่งลำยาวแล้วส่ายหน้า
จวงใจและจุ๊บแจง รออยู่หน้าห้องทำงานอิทธิ สักครู่ตาลเฉาะเดินหน้าหงิกออกมา จวงใจถามทันที
“ว่าไงน้องตาล”
“ดีนะคะ ที่คุณอิทธิเขาไม่ถือสา ไม่งั้นเขารายงานพี่ต้อย ตาลตกงานแน่ๆ”
“แล้วบอกไปรึเปล่าว่าได้คลิปมาจากไหน”
“ตาลบอกแต่ว่า ให้ไปถามคนทำงานของคุณอิทธิเอาเอง”
จวงใจโล่งใจ
“ขอบใจมากน้องตาล ที่ไม่พูดถึงพี่”
“ทีหลังไม่ต้องให้ตาลทำอะไรให้อีกแล้วนะ ที่สนามบินนั่นก็หลอกตาลมาครั้งนึงแล้วคราวนี้ก็อีก ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดรูไหนแล้ว”
ตาลเฉาะเดินสะบัดไป จวงใจหันมาทาง จุ๊บแจง
“แจง”
“คะ”
“เข้าไปพบคุณอิทธิ ต้องบอกว่ามือถือนั่นเป็นของแจงนะ ไม่ใช่ของพี่”
จุ๊บแจงงงๆ
“อ้าว...ทำไมล่ะพี่จวง”
“จะมาบอกเป็นของพี่ไม่ได้ งานนี้พี่ไม่เกี่ยวข้อง”
จุ๊บแจงเหวอไป
“ให้แจงรับไปคนเดียวเลยเหรอ”
“ต้องอย่างนั้น เพราะความผิดอยู่ที่เธอ เธอไปเสียรู้ไอ้นักข่าวสองคนนั่นเอง เอาละพูดตามที่พี่บอกทุกอย่าง เข้าใจไหม”
จุ๊บแจงพยักหน้าจ๋อยๆ
จุ๊บแจงเข้ามาในห้อง อิทธิถือมือถือมองหน้าเครียด
“บอกมา มือถือนี่ของใคร”
จุ๊บแจงหน้าสลดลง
“ของแจงเองค่ะ”
“แล้วภาพที่นังตาล มันบอกว่ารุ้งอยู่ที่ตลาดน่ะอยู่ที่ไหน”
“ไม่มีจริงหรอกค่ะ แจงกุเรื่องขึ้นมาเอง”
อิทธิมองเขม็ง จุ๊บแจงเข้ามาใกล้ ไหว้ที่ต้นแขน
“คุณอิทคะ แจงขอโทษ”
อิทธิหันมาแล้วตบหน้าจุ๊บแจงฉาดใหญ่ เธอกรีดลั่นล้มลงไปบนโซฟา จวงใจแอบอยู่หน้าห้องสะดุ้งโหยง อาชาและขวัญข้าวเข้ามาสมทบแอบฟัง
“นี่ยังน้อยไปนะ สำหรับความผิดของเธอ เธอกำลังทำลายบริษัทฉัน รู้ตัวรึเปล่า”
จุ๊บแจงไม่พอใจ
“คุณอิทธิก็กำลังทำลายแจงเหมือนกัน แจงก็เป็นเมียคนนึงของคุณนะ แล้วตอนนี้เพลงของแจงคุณก็เอาไปให้มันร้อง มิวสิคของแจงก็โดนระงับ เพราะจะต้องถ่ายของมันก่อน แจงไม่มีความหมายอะไรแล้วใช่ไหม ตอนนี้”
“เธอยังเป็นนักร้องในค่ายฉันอยู่”
“แค่นั้นเหรอ อย่าบอกนะว่าคุณจะเอามันเป็นเมียอีกคนของคุณ”
“ใช่...ฉันจะแต่งงานกับรุ้ง จดทะเบียนอย่างเป็นทางการด้วย”
จุ๊บแจงอึ้งไป แล้วกรีดร้องเข้าทุบตีอิทธิ
“ไม่มีทาง...แจงไม่ยอมหรอก”
อิทธิจิกผมจุ๊บแจงไว้แน่น
“เธอจะทำอะไร ถ้าเธอทำอะไรแบบวันนี้อีก ฉันจะไล่เธอออก”
“ไม่มีสิทธิ์ไล่แจง แจงเป็นเมียคุณนะ”
อิทธิมองหยัน
“แค่เมียชั่วครั้งชั่วคราว ฉันไม่สน ออกไปได้แล้ว แล้วก็ยังจะหาเรื่องรุ้งอีกละก็ อนาคตในวงการของเธอ ดับแน่นอน” อิทธิตวาดไล่ “...ไป”
จุ๊บแจงร้องไห้โฮ วิ่งออกจากห้องไป
จุ๊บแจงวิ่งร้องไห้ออกมา ผ่านจวงใจ ขวัญช้าวและอาชาไป จวงใจตกใจ
“แจง”
จวงใจ ขวัญข้าว อาชา รีบตามไปที่ห้องรับแขก
“ไม่ต้องร้องนะแจง อดทนไว้” จวงใจเข้ามากอดจุ๊บแจงไว้
“แจงแค่เมียชั่วคราว แค่นางบำเรอมัน”
“นี่...ใจเย็นๆ ถึงจะนางบำเรอ แต่ยังไงเขาก็ไม่ตัดเป็นตัดตายกับแกหรอก” ขวัญข้าวปลอบ
อาชาหันไปหาจวงใจแล้วถามอย่างสงสัย
“พี่จวง...แล้วตกลงคลิปนังรุ้งมันมีจริงหรือไม่มี”
“มีจริงซี ก็พี่เป็นคนถ่ายไว้เอง” จวงใจยืนยัน
อาชาครุ่นคิดแค้นๆ
“ถ้าอย่างนั้น มันก็เป็นฝรั่งย้อมแมวของแท้ เราต้องหาทางแฉมันให้ได้”
“เราต้องร่วมมือกันนะ ไม่งั้นเราจะดับกันทั้งทีม”
ทันใดนั้นเสียงรุ้งระวี ดังเข้ามา
“หรือไม่ก็ดับกันทั้งฝูง”
ทุกคนหันไปมอง รุ้งระวีที่เดินเข้ามาพร้อมจี่หอยและมะปราง
“เอ...ฝูงมันใช้กับสัตว์นะจ๊ะ น้องรุ้ง” อาชาย้อน
รุ้งระวียิ้มหยัน
“ใช่ค่ะ...ก็ที่รวมหัวกันแกล้งฉัน นั่นมันเป็นวิธีของสัตว์ไม่ใช่เหรอคะ”
“เอ...สัตว์ประเภทไหนไม่ทราบ” ขวัญข้าวถาม
รุ้งระวีกวาดสายตามองสามสี่คนเหยียดๆ
“ก็สุนัข หรือหมา ไงคะ มันรวมกันเป็นฝูง ไล่กัดชาวบ้าน ที่เขาเรียกหมาหมู่ สัญชาติสัตว์พวกนี้มันขี้ขลาด ไม่กล้าสู้แบบตัวต่อตัว หรือแบบซึ่งหน้า ระวังนะถ้ายังหมาหมู่กันไม่เลิก เทศบาลเขาจะจับไปทำโรงฆ่าสัตว์ ไว้ทำปุ๋ย ทั้งตัวผู้ตัวเมีย”
รุ้งระวีสะบัดไป จี่หอยหัวเราะคิก
“มะปราง” จี่หอยตีแขนตัวเอง “อุ๊ย...คัน”
มะปรางงงๆ
“คันอะไรคะ”
“เห็บมันกระโดดมาเกาะ อ้อ...เห็บหมาขี้เรือนเยอะจริงๆแถวนี้”
จี่หอยกับมะปรางแยกตามรุ้งระวี ไป ทั้งสี่มองหน้ากันหอบหายใจด้วยความโกรธ ขวัญมองแค้นๆ
“มันว่าเราเป็นหมาขี้เรื้อน”
“มีเห็บอีกต่างหาก” จุ๊บแจงพูดอย่างเจ็บใจ
อาชาเต้นเร่าๆ
“อ๊ายยย...อีแหม่มดอย อีดวกส์ อีเห็ดสด จะด่ายังไงดีให้มันผ่านเซ็นเซอร์”
จวงใจปากสั่นหาคำด่า
“อี...อีปลวกหน้าฝน”
ขวัญข้าวด่าต่อ
“อีข้างล่างเป็นคน ข้างบนเป็นตะเคียน”
“ก็ยังไม่แสบ มันต้อง” อาชามองหน้าจวงใจ “อีแก่แอ๊บเด็ก”
“ใช่...ใช่” จวงใจนึกได้รีบหันไปด่าอาชา “อีข้ามเพศก้ามปู”
“ใช่เลย” ขวัญข้าวมองอาชา “ใช่...อีตุ๊ดตู่เก็กแมน”
อาชามองหน้าขวัญ
“ต๊าย อีหน้าแบนดำตับเป็ด”
จุ๊บแจงรีบห้ามทับ
“เดี๋ยวค่ะ...ไม่ได้ด่านังรุ้งแล้วค่ะ ด่ากันเองแล้ว”
ทั้งสามมองหน้ากันแล้วนึกขึ้นได้ ร้องกรี๊ดดดอย่างเจ็บปวดออกมาพร้อมกัน
ค่ำนั้น...อิทธิทานอาหารค่ำกับรุ้งระวี ตามลำพังใน คฤหาสน์หลังใหญ่ในหมู่บ้านหรู
“บ้านผม รุ้งมาพักได้ตลอดเวลานะ ถือว่าเป็นบ้านอีกหลังของรุ้งก็แล้วกัน คืนนี้รุ้งค้างที่นี่เลยนะ”
“อย่าเลยค่ะ รุ้งกลับไปนอนที่พุทธมณฑลดีกว่า” รุ้งระวีหวั่นๆ
อิทธิเสียอารมณ์ไปนิด
“ทำไม อยากกลับไปเที่ยวตลาดน้ำอีกเหรอ”
รุ้งระวี วางช้อนทันที
“ทำไมพูดอย่างนี้ละคะ คุณอิท”
“ผมรู้นะว่าเรื่องคลิปที่แอบถ่ายรุ้งที่ตลาด มันเป็นเรื่องจริง”
“อ้าว...ก็ยาย จุ๊บแจงบอกแล้วนี่คะว่ากุเรื่องขึ้นมา”
“ยายจุ๊บแจงโกหกน่ะซี แล้วรุ้งก็ไม่บอกความจริงผมด้วย ใช่ไหม”
รุ้งระวี นิ่งไปครู่นึง
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมซักฟอกทั้งเจ๊หอย ทั้งมะปรางแล้ว รับสารภาพทั้งคู่”
“คนของคุณ ทั้งยายจุ๊บแจง ทั้งยายจวง เป็นคนก่อเรื่องนะคะ”
“แต่รุ้งน่าจะเชื่อฟังผมให้มากกว่านี้”
“ขอโทษค่ะคุณอิทธิ จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
รุ้งระวี ทานต่ออย่างอึดอัด ยกแก้วน้ำส้มขึ้นดื่ม อิทธิมองอย่างกระหยิ่ม
ที่บริษัท...จี่หอยและมะปรางเก็บข้าวของเตรียมกลับ
“ฉันเป็นห่วงยายรุ้งจังเลย คุณอิทธิพาไปบ้านแบบนี้ เหมือนครั้งที่พายายจุ๊บแจงไปเชือดเลย”
มะปรางหน้าตื่น
“หา...พี่หอยหมายความว่า”
“เอาไปปล้ำเป็นเมียไง เพียงแต่คราวนั้นนังจุ๊บแจงมันสมยอม เพราะมันอยากขึ้นเป็นคุณนาย แต่รุ้งน่ะ ยังไงเขาก็ไม่ยอมหรอก”
มะปรางร้อนใจ
“เอาไงดีล่ะพี่”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
ทั้งสองเก็บของต่อไป
รุ้งระวีเข้ามาในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างดี อิทธิตามเข้ามา
“พักผ่อนให้สบายนะ เสื้อผ้าเตรียมไว้ให้แล้ว”
“บ้านนี้ ไม่มีใครอยู่นอกจากเราสองคนเหรอคะ”
“ใช่...จะให้คนอื่นมาอยู่รบกวนความสุขของเราทำไม”
อิทธิเข้ามากอดด้านหลัง รุ้งระวีตัวเกร็ง อิทธิระดมจูบข้างแก้ม
“ห้องนี้คือห้องนอนของเรา”
รุ้งระวี สะบัดออกทันทีแล้วหยิบมือถือ
“โทรหาใคร”
“พี่จี่หอย...จะเรียกพี่มาอยู่ด้วย”
“ไม่ต้องเรียก”
อิทธิเข้าแย่งมือถือจากรุ้งระวี ปัดมือถือกระเด็นไปที่เตียง รุ้งระวี พยายามดิ้น
“อย่านะคุณอิทธิ รุ้งบอกแล้วไงว่ารุ้งยังไม่พร้อม”
“ฉันไม่สนแล้ว คืนนี้เธอต้องเป็นของฉัน”
“อย่า”
รุ้งระวีตบหน้าอิทธิฉาดใหญ่ อิทธินิ่งไป มองรุ้งระวี อย่างเกิดอารมณ์มากขึ้น
“อ้อ...ชอบเล่นแบบฝรั่ง เจ็บตัวนิดหน่อย ได้”
อิทธิเหวี่ยงร่างรุ้งระวี ไปบนที่นอน เธอร้องกรี๊ด อิทธิกระโดดทาบทับ รุ้งระวีดิ้น เขารีบจับแขนเธอยึดไว้
“อย่าทำอะไรฉันนะ”
“ไม่ต้องกลัว เจ็บตัวเล็กๆ แต่ฉันไม่ทำอะไรหน้าสวยๆ ของเธอหรอกรุ้งระวี เพราะหน้าเธอจะต้องไว้ขาย”
ขาดคำ อิทธิชกเข้าที่ท้องน้อยรุ้งระวีจุกตัวงอ เขาหัวเราะร่า กระชากเสื้อเธอขาดติดมือ
อ่านต่อตอนที่ 4