นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 19
ก้องภพควบคุมเทวัญออกมาจากที่ฝากขัง เทวัญอยู่ในชุดนักโทษมีตรวนติดตัวชะงัก แหงนหน้ามองท้องฟ้าเบื้องบนอย่างอาวรณ์ แบบโหยหาอิสรภาพ ก้องภพมองๆ
“อิสรภาพไม่ได้อยู่ไกล จนถึงขอบฟ้าอย่างที่นายคิดหรอกนะ”
เทวัญได้สติ เม้มปาก รักษาสีหน้าเย็นชา
“ถ้าเพียงแต่นายยอมบอกความจริงทั้งหมดออกมา นายก็จะได้มันคืนไป”
เทวัญตัดบท
“เราจะไปขึ้นรถได้หรือยัง”
ก้องภพมองอ่อนใจ
“คิดหรือว่าทำแบบนี้ จะช่วยพ่อของนายได้จริงๆ”
“ผมไม่ได้ช่วยอะไรท่าน ท่านไม่ได้ทำอะไรผิด ที่ผ่านมาผมทำเองทั้งหมด คุณพูดอะไร ผมไม่รู้เรื่อง”
ก้องภพพูดไม่ออก ได้แต่ถอนหายใจ พยักหน้าให้ลูกน้อง คุมเทวัญขึ้นรถไป ก่อนจะขึ้นไปด้วย ขณะเดียวกัน แสงในชุดวินมอเตอร์ไซค์ ใส่หมวกกันน็อกมิดชิด ซุ่มรออยู่พอเห็นเทวัญกำลังจะขึ้นรถ แสงหยิบมือถือขึ้นโทรหาปองธรรม
“ขบวนเคลื่อนแล้ว เริ่มได้”
ขบวนรถที่คุมเทวัญไปฝากขังที่อื่น มีสามคันเป็นรถกระบะของสถานีตำรวจ ปิดหัว ปิดท้าย 2 คัน รถเก๋งตำรวจที่เทวัญนั่งกับก้องภพอยู่ตรงกลาง แสงขี่มอเตอร์ไซค์มาหน้าเด็ดเดี่ยว ตัดสินใจเข้าขวางหน้ารถที่เทวัญนั่งมา คนขับเบรกแรง พร้อมๆ กับที่ด้านหลังรถกระบะปิดขบวน เบรกไม่ทัน ชนท้ายรถที่เทวัญเปรี้ยง
ก้องภพกับเทวัญตกใจ มองออกไปด้านนอก เห็นรถกระบะที่ปองธรรมขับมาพุ่งชนรถกระบะนำขบวนพอดี รถที่คุมเทวัญถูกบล็อกหัวท้าย อยู่กลางถนน ตำรวจที่คุ้มกัน ในรถทั้งสองคันเห็นท่าไม่ดี หยิบปืนขึ้นมา จะยิงแสง กับปองธรรม แต่พวกปองธรรมกระจายกันยิงเล่นงานพวกตำรวจคุ้มกันร่วงไป ก้องภพกับพลขับยิงสู้และดึงเทวัญหลบลูกกระสุนในรถ ไปพลางๆ เทวัญตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น”
ก้องภพเครียดๆ
“คงมีคนอยากได้ตัวนาย”
เทวัญอึ้ง พลขับหันมา
“ท่านรีบพาผู้ต้องหาหนีไปก่อนครับ ผมจะยิงสกัดให้ท่านเอง”
ก้องภพตัดสินใจ เอากุญแจมือล็อกมือเทวัญกับตัวเองไว้ ก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเห็นพลขับโดนปองธรรมยิงฟุบกับพวงมาลัยปองธรรมเปิดประตูออก มองเทวัญ
“ลงมาเร็วเทพ”
เทวัญนิ่งคิดคาดไม่ถึง
“พ่อ !”
ปองธรรมมองเห็นกุญแจมือที่ก้องภพกับมือของเทวัญ หันไปมองก้องภพที่กำลังชักปืนออก
“ทิ้งปืนเสีย”
ก้องภพจำใจโยนปืนทิ้ง
“แล้วไขกุญแจข้อมือให้ลูกฉันเดี๋ยวนี้”
“ไม่มีทาง ถ้าแกอยากได้ตัวลูกชาย ก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อน”
ปองธรรมแสยะยิ้ม
“ได้...ฉันจะสนองความต้องการของแกเอง”
ปองธรรมเล็งปืนไปที่ก้องภพ จะลั่นไกเทวัญทนไม่ได้ พุ่งไปกอดเอวพ่อ
“อย่าครับพ่อ! อย่าทำบาปมากไปกว่านี้เลย”
กระสุนปองธรรมพลาดเป้า แต่กระสุนนัดหนึ่งโดนอกซ้ายปองธรรม เทวัญตะลึง เห็นอกพ่อค่อยๆ แดงฉานหันไปหาต้นเหตุ พลขับที่ฟุบอยู่ กลั้นใจยิงปองธรรมเป็นเฮือกสุดท้าย แสงที่กำลังจะถอยรถกระบะออกรอสองพ่อลูก หลังจากจัดการตำรวจหมดและลูกน้องตายหมดเหลือแสงกับปองธรรม แสงเห็นปองธรรมล้มลงในอกเทวัญ แสงตาเหลือก
“แย่แล้ว” แสงรีบหนีทันที
ปองธรรม บีบแขนเทวัญแน่น
“รีบหนีไป...พ่อ...พ่อฝาก...น้องด้วย...”
ปองธรรมขาดใจตาย เทวัญกอดศพพ่อแน่น กรีดเรียกโหยหวน
“พ่อ !”
ก้องภพมองภาพตรงหน้าอย่างสะท้อนใจ
รามกับเมขลาถูกมัดมือไพล่หลัง โดนผลักเข้ามาในเซฟเฮาส์ เมขลาสะดุดล้มตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่ลำบากโดนมัด รามอยากช่วยก็ช่วยไม่ได้ ได้แค่มองเป็นห่วง
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
เมขลางอน เม้มปากไม่ตอบ รามมองอย่างสงสาร
“เจ็บมากหรือ”
ธิดาฟังอยู่ปรี๊ดขึ้น ขยุ้มแขนเมขลา
“นั่นสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าแกเจ็บแค่ไหน เจ็บเท่าที่ฉันเจ็บมั้ย”
ธิดาจิกเนื้อแรงมาก เมขลากัดริมฝีปากเจ็บมาก รามมองไม่พอใจ
“หยุดนะ คุณจะทำอะไรน่ะ”
ธิดาคิดๆ ก่อนหยิบไฟแช็คออกมา กดเปิด จิกหัวเมขลาหน้าหงาย รามตกใจ เมขลาพูดไม่ออก เบนหน้าหนี
“ทำแบบนี้ไงล่ะ ฉันอยากจะรู้ว่าถ้านังนี่มันหน้าเหมือนผีลืมหลุม แกยังจะห่วงมันอีกมั้ย”
เมขลาพยายามเบนหน้าหนี ธิดาจ่อๆไฟเข้าไป
“ผมบอกให้หยุด ไม่งั้น อย่าหาว่าผมไม่เตือนคุณนะ”
ธิดาสุดทน เห็นรามห่วงเมขลานัก หันไปตบราม
“ห่วงมันนักใช่มั้ย ทำไม มันดีกว่าฉันตรงไหน ทำไมถึงต้องเป็นมัน ทำไมพวกแกสองคนต้องร่วมมือกันโกหกฉันด้วยฮึ ทำไม”
ธิดาโกรธจัดตบๆๆ รามเลือดออกมุมปาก มองจ้องหน้าธิดา
“เพราะคุณทั้งอำมหิตทั้งโรคจิตแบบนี้ ใครที่ไหนจะรักลง”
ธิดาขัดใจ ควักปืนออกมา
“แก...อย่าอยู่เลย”
เมขลาอ้าปากค้าง
“ไม่นะ อย่ายิงเขา”
ธิดาคลั่ง หันปืนมาที่เมขลา
“ไม่ต้องห่วง ฉันส่งมันไปนรกเสร็จ จะส่งแกตามไปทันที”
ธิดาขึ้นไก แต่กลับถูกเรืองฤทธิ์จับปืนไว้แน่น ธิดาหันไปมองไม่พอใจ
“อย่าสอด”
เรืองฤทธิ์มองธิดาโมโหแต่พยายามข่มใจ
“ผมจะไม่ยุ่ง ถ้างานของเราเสร็จลงเรียบร้อยแล้ว”
ธิดารู้สึกตัว ลดปืนลง สะบัดหน้าไปอีกทาง รามนิ่วหน้ามองเรืองฤทธิ์
“อาจะทำอะไร”
เรืองฤทธิ์ยิ้มชั่วร้าย
“เดี๋ยวแกก็รู้”
ค่ำนั้น...ทรงวาดจ้องทีวีเห็นภาพข่าวนักข่าวอ่านข่าว การบุกชิงตัวเทวัญ เสียงมือถือดังขึ้น ทรงวาดรับสาย
“ฮัลโหล...” ทรงวาดขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงเรืองฤทธิ์ “เธอเองหรือ อะไรนะ...รามกับเมอยู่กับเธอ...รามยังไม่ตายหรือ”
สายทางเรืองฤทธิ์ตัดไป ทรงวาดเข่าอ่อนจะเป็นลม รุจเข้ามารับไว้ทันพอดี ทรงวาดมองรุจ
“เมกับรามถูกจับตัวไป มันต้องการเงิน 100 ล้าน”
“ผมมาหาคุณแม่ก็เพราะเรื่องนี้แหละครับ”
ทั้งสองคนต่างก็กังวล
แสงบอกกับธิดาว่าปองธรรมตายแล้ว ธิดากรีดร้องอย่างเจ็บปวดตบตีแสงอย่างบ้าคลั่ง
“ทำไมแกไม่ช่วยพ่อฉัน แกทิ้งพ่อ หนีเอาตัวรอดมาใช่มั้ย”
แสงโมโหจิกผมธิดาจนหน้าหงาย
“ฉันชักจะเหลืออดกับแกแล้ว ถ้ายังไม่หุบปาก ฉันจะส่งแกไปอยู่กับพ่อเลี้ยง”
ธิดายังด่าไม่หยุด
“ไอ้เนรคุณ พ่อฉันชุบเลี้ยงแกมา แกกล้าทำฉันหรือ”
แสงชกท้อง ธิดาจุก เรืองฤทธิ์รำคาญ
“พอแล้วแสง มากความไปจะเสียเรื่อง เที่ยงคืนนี้ ฉันนัดเจอกับนังแก่ ได้เงินแล้วจะขึ้นเรือหนีออกอ่าวไทย แกอยู่ทางนี้จัดการเก็บไอ้รามกับเมียมัน แล้วไปเจอกับฉันที่เรือ ส่วนนังนี่ แกอยากทำยังไงก็ตามสบาย”
“แล้วแม่มันละครับ”
เรืองฤทธิ์แสยะยิ้ม
“ปลามาเกยตื้นเอง เรื่องอะไรฉันจะปล่อยมันลงทะเลไปอีก”
ทรงวาดโทรหา ก้องภพแต่ไม่สามารถติดต่อได้เลย ทรงวาดวางมือถือเครียดๆ
“ติดต่อท่านไม่ได้เลย แต่แม่ฝากข้อความไว้แล้ว”
“ยัยเมนะยัยเม ฉันก็เคยเตือนแกแล้ว อย่าไปยุ่งเรื่องชาวบ้านแล้วเห็นมั้ย” รุจปล่อยโฮ “คิดช่วยเขาจนตัวตาย”
รุจรีบปิดปากมองไปทางทรงวาด
“ฉันผิดเอง ที่ทำให้หนูเมต้องเป็นแบบนี้ ฉันจะต้องช่วยเขาให้ได้ ถึงจะต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็ตาม”
ทรงวาดคว้ากระเป๋าใส่เงิน จะไป...ทันใดนั้นโรสทะเล่อทะล่าเข้ามา
“ยัยเมอยู่มั้ย เออ...หนูจะมาถามยัยเมว่าเห็นไอ้เย็นบ้างหรือเปล่า”
รุจมองโรสอย่างไม่ค่อยชอบขี้หน้า โรสก็มองด้วยสายตาแบบเดียวกัน
ก้องภพอยู่ในห้องทำงาน หันไปสั่งยงยุทธเสียงเครียด
“รีบติดต่อสายของเรา ให้ค้นหาตัวไอ้แสงให้เจอ เราต้องถอนรากถอนโคนมือไม้ของไอ้วายร้ายปองธรรมให้หมด”
“ครับท่าน”
ภาคภูมิเข้ามา
“ท่านครับ ผมติดต่อผู้กองรามไม่ได้เลย”
ก้องภพหยิบมือถือเพื่อจะโทรหาราม เห็นข้อความทรงวาด รีบเปิดอ่าน ก้องภพตกใจ
“คุณทรงวาดส่งข้อความมาว่า รามกับหนูเมโดนเรืองฤทธิ์จับตัวไปเรียกค่าไถ่ ดาบ เตรียมอุปกรณ์ดักจับสัญญาณมือถือแล้วไปกับฉัน”
ก้องภพรีบไป ทั้งหมดตามก้องภพไป
เมขลากับรามโดนมัดมือไพล่หลังติดกัน เมขลาพยายามบิดข้อมือเพื่อแก้เชือกเลยทำให้รามเจ็บข้อมือไปด้วย
“โอ๊ยนี่คุณนั่งนิ่งๆได้มั้ย มันไม่หลุดง่ายๆอย่างที่คิดหรอกน่า”
เมขลาหน้าบึ้ง น้ำเสียงดูหมางเมิน
“คุณคงคิดว่า ตัวเองเก่งกาจมากสินะท่านผู้กองรามสูร ในสายตาผู้กอง คงเห็นฉันเป็นนังงั่ง นั่งโง่ ทำอะไรก็เสียเรื่องสินะ”
“เอาอีกแล้ว ทำไมผู้หญิงชอบเป็นแบบนี้นะ พูดนิดพูดหน่อยก็อารมณ์ขึ้น ทั้งๆที่เมื่อกี้ก็ดูเหมือนเป็นห่วงเป็นใยผมอยู่”
“ใครห่วงคุณ”
รามอมยิ้ม
“คุณไง ตอนละเมอในห้องนอน ตอนเรียกหาผมที่หน้าหลุมศพ” รามทำเสียงล้อเลียน “คุณราม...ฉันคิดถึงคุณจริงๆ นะ...เห็นๆอยู่ว่าคุณตกหลุมรักผมเข้าให้แล้ว”
เมขลาใช้เล็บจิกมือรามที่โดนมัดติดกัน
“โอ๊ยย”
“เพราะฉันคิดว่าฉันเป็นต้นเหตุทำให้คุณตาย ก็แค่อารมณ์ของคนที่รู้สึกผิดเท่านั้น แต่ตอนนี้ฉันรู้ซึ้งแล้วว่า ฉันก็เป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ทำให้คุณทำงานสำเร็จ”
รามอึ้งสลดลง
“ไม่ใช่นะเม ผมไม่เคย...”
รามยังไม่ทันพูดต่อเย็นผลักประตูเข้ามา พร้อมข้าวกล่อง เย็นโยนให้รามโดยไม่พูดอะไรแล้วจะเดินออกไป รามรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนพี่เย็น พี่อยากมีชีวิตแบบนี้ไปตลอดชีวิตหรือ”
เย็นชะงักหันมามองรามอย่างเคียดแค้น
ก้องภพรีบมาที่บ้านทรงวาด พบเพียงป้าแจ๋มอยู่เพียงลำพังงวาด
“ท่านรีบร้อนออกไปพร้อมกับเพื่อนคุณเม แต่แจ่มไม่รู้ว่าพากันไปที่ไหนค่ะ”
ก้องภพคิดๆ ภาคภูมินึกออก
“มีคนหนึ่งอาจรู้นะครับว่า ที่ซ่อนตัวของพวกมันอยู่ที่ไหน”
ก้องภพกับภาคภูมิกลับไปที่โรงพัก นำตัวเทวัญมาสอบสวน เทวัญตกใจมากเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“น้องผมไม่ใช่ตัวตั้งตัวตีจับรามกับคุณเมไปแน่ๆ ผมอยากเจอน้อง ผมจะพูดกับเขาเอง”
“พ่อคุณมีเซฟเฮาส์ที่ไหนบ้าง ถ้าคุณยอมบอกเรา น้องคุณก็อาจพ้นผิด”
เทวัญพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ เมื่อได้ฟังอย่างนั้น
เย็นกระชากคอเสื้อรามอย่างแค้นจัด...
“ตลอดชีวิตข้า สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุด ก็คือคบเอ็งเป็นเพื่อน คนอย่างเอ็งมันไม่มีหัวใจ”
เย็นง้างหมัดจะชกหน้าราม เมขลารีบห้าม
“อย่านะพี่เย็น ถ้าเขาคิดร้ายกับพี่ ป่านนี้พี่คงไปนอนในคุกแล้ว”
“คุณเป็นเมียมัน ก็ต้องเข้าข้างมันน่ะสิ” เย็นหันมาตวาด
“ฉันเข้าข้างเพื่อนฉันต่างหาก ฉันอยากเห็นโรสมีความสุข ถ้าพี่เย็นยังเดินอยู่ในโลกมืดอย่างนี้ เพื่อนฉันจะเป็นยังไง พี่จะฉุดเขาให้จมปลักหมดอนาคตไปกับพี่หรือ ฉันไม่มีวันยอม”
เย็นอึ้งเมื่อนึกถึงโรส
ธิดานั่งบนเตียงเอาปากจะกัดเชือกที่ผูกข้อมือ แสงเปิดประตูเข้ามาหน้าตาหื่น
“แก้มัดให้ฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะ...”
แสงยิ้มเยาะ
“ฟ้องคุณพ่อ ฮาๆๆ ฉันทนแกมานานแล้วนังตัวดี วันนี้แหละฉันจะเอาคืนแกให้สาสม ชนิดแกต้องจำไปจนวันตาย ฮาๆๆ”
แสงเดินเข้าหา ธิดาถดหนี
“แกจะทำอะไร อย่านะ แกอยากได้อะไรฉันจะให้ ปล่อยฉันไปเถอะ อ๊าย...ไป...อย่า”
แสงปล้ำ ธิดาดิ้นสุดชีวิต ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น แสงชะงัก
“ใครวะ ขัดจังหวะจริง”
เสียงเย็นดังเข้ามา
“มีเรื่องใหญ่แล้วพี่แสง”
แสงเดินไปเปิดประตู
“มีเรื่องอะไร”
หมัดของรามซัดเปรี้ยงเข้าที่หน้าเต็มๆ แสงเซไปข้างหลัง
“ไอ้รามแกออกมาได้ยังไง” แสงมองเย็น “เอ็งทรยศข้าหรือไอ้เย็น”
“ฉันไม่อยากมีจุดจบเหมือนพ่อเลี้ยง พี่แสงถอนตัว แล้วยอมมอบตัวเถอะ ไอ้รามมันรับปากจะกันตัวพี่เป็นพยาน”
แสงแค้นเย็นชักปืนจะยิงเย็น รามเตะปืนในมือแสงหลุด แล้วเข้าต่อสู้กัน รามหันไปสั่งเมขลา
“คุณเมรีบพาธิดาหนีไปก่อน แล้วไปเจอกันที่จุดนัด”
เมขลารีบเข้าไปดึงธิดาพาออกจากห้อง
ทรงวาด รุจและโรสเดินมาที่ริมคลอง โรสไม่ทันระวังลื่นล้ม
“ว้าย”
รุจที่ประคองทรงวาดอยู่หันไปมอง
“ฉันล่ะเบื่อนังชะนีตัวนี้จริงๆ บอกว่าอย่าตามมาก็จะตามมาให้ได้”
โรสลุกยืน
“นังเมมันก็เพื่อนฉันเหมือนกันนะยะ”
“ห่วงเพื่อน หรือจะมาร้องเรียกหา ผัวๆๆ กันแน่”
โรสโกรธ
“ต๊าย ปากหรือนี่ เธอกับฉันเห็นทีจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว”
โรสชี้หน้ารุจทันใดนั้น เสียงปืนหลายนัดดังขึ้น ลูกปืนเฉียดไปเฉียดมาบริเวณใกล้ขาของโรสกับรุจ จนทำให้สองคนผวาเข้ากอดกันแนบแน่น ทรงวาดมองไปทางเสียง ตกใจ
แสงพลาดพลั้ง เกือบโดนรามยิงเพื่อป้องกันตัวแต่เย็นห้ามรามไว้
“อย่าไอ้ราม เอ็งสัญญาแล้วนะจะไว้ชีวิตพี่แสง”
แสงอาศัยตอนรามกับเย็นมัวแต่คุยกัน ผลักสองคนล้ม แล้ววิ่งหนีออกไปจากห้อง
เมขลาพาธิดามาในสวนห่างจากเซฟเฮ้าท์แล้วแก้เชือกให้ ธิดาบีบคอเมขลาทันที
“แกทำให้พ่อฉันตาย แกต้องชดใช้ด้วยชีวิต นังเม”
เมขลาพยายามพูด
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมาแก้แค้นกันนะ เราต้องรีบหนีก่อน”
ธิดาไม่ฟังขาดสติ
“พ่อขา...เอาพ่อฉันคืนมา เอาคืนมา”
เมขลามองไปเห็นแสงวิ่งมาทางด้านหลัง พยายามจะบอกธิดาแต่พูดไม่ออก แสงจิกผมธิดาหน้าหงาย ส่วนเมขลาทรุดลง
“คิดว่าจะหนีฉันพ้นหรือ นังตัวแสบ”
“ปล่อยฉันแสง ถ้าแกฆ่านังเมให้ฉัน ฉันจะให้เงินแก”
“ฮาๆๆ คุณหนูตกอับอย่างแกมีปัญญาหาเงินให้ฉันหรือ เชื่อแกก็โง่แล้ว”
แสงตบธิดาล้มไปที่พื้นแล้วเดินเข้าหา แสงดึงเข็มขัดออกมาตั้งใจรัดคอ ธิดาถดหนี แสงเอาเข็มขัดรัดคอ เมขลาคลานไปคว้าท่อนไม้ฟาดหัวแสงเต็มแรง แสงกุมหัวหมอบกับพื้น เมขลารีบประคองธิดาวิ่ง ลูกน้องวิ่งมาดูแสง
“พี่แสงเป็นไงบ้าง ไอ้รามกับเมียมันหายไปไหนก็ไม่รู้”
“แกไปตามไอ้ราม ฉันจะตามเมียมันไปเอง เจอที่ไหนยิงทิ้งที่นั่น”
แสงแย่งปืนจากลูกน้อง แล้วรีบไล่ตามเมขลาไป
ทรงวาด รุจ โรส วิ่งหนีมาบนสะพาน เรืองฤทธิ์เดินตามมา ลูกน้องยืนคุมเชิงพวกรุจ
“ส่งกระเป๋าเงินมา”
ทรงวาดกอดกระเป๋าแน่น
“ไม่...พี่ต้องได้เห็นรามกับหนูเมก่อน”
“รามกับนังเมมันไปที่ชอบ ที่ชอบแล้ว อีโง่”
ทรงวาดร้องไห้
“เธอฆ่าลูกฉันแล้วหรือ ทำไมเธออกตัญญูกับพ่อของรามอย่างนี้ เธอลืมแล้วหรือว่าถ้าไม่มีคุณโรจน์ เธอก็คงเป็นได้แค่เด็กข้างถนนคนหนึ่ง”
“แล้วแกล่ะ แกทำดีกับครอบครัวนี้ก็เพื่อเงินเหมือนกัน”
รามวิ่งมาถึงปลายสะพานพอดี
“ไม่จริง...ฉันรักพี่โรจน์ รักลูกของเขาเหมือนลูกแท้ๆที่เกิดจากเลือดในอก” ทรงวาดบอกทั้งน้ำตา
รามตะลึงที่เข้าใจผิดทรงวาดมาตลอด ทรงวาดโยนกระเป๋าเงินให้
“แกอยากได้เงินนักแกก็เอาไปเลยถ้าไม่มีราม ฉันก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่ แกยิงฉันให้ตายไปอีกคนเลยสิ ยิงเลย”
ทรงวาดเดินเข้าหา เรืองฤทธิ์ยกปืนขึ้นจะยิง รามโผล่ออกมาพร้อมปืนในมือ
“หยุด ถ้าอายิงแม่ผม ผมสาบานจะไม่มีวันปล่อยอาลอยนวล”
ลูกน้องเรืองฤทธิ์ยังเล็งปืนไปทางพวกรุจอยู่ ทรงวาดหันไปเห็นราม
“ราม...รามลูกแม่”
โรสเห็นเย็นก็ดีใจ
“ไอ้หน้าส้วม”
เย็นก็ดีใจไม่แพ้กัน
“น้องโรส”
เย็นจะวิ่งไปหาโรส ลูกน้องเรืองฤทธิ์ยิงเฉียดหัว เย็นก้มหลบด้วยความกลัว เรืองฤทธิ์เห็นจังหวะดี จะวิ่งหนี รามยิงเปรี้ยงเข้าที่แขน เรืองฤทธิ์ตกสะพานไปพร้อมกับกระเป๋าเงิน รามยิงลูกน้องเรืองฤทธิ์จนปืนหล่น ลูกน้องเรืองฤทธิ์วิ่งหนี เย็นตะโกนลั่น
“อย่าปล่อยให้มันหนี”
รุจ เย็น โรสรีบตาม รามวิ่งมามองหาเรืองฤทธิ์
“อาฤทธิ์ว่ายน้ำไม่แข็ง”
รามกระโดดตามลงไปเพราะยังห่วงเรืองฤทธิ์อยู่
เมขลาลาากธิดาให้วิ่ง แต่ธิดาร้องโอดโอยวิ่งไม่ไหว
“โอ๊ย ฉันไปไม่ไหวแล้ว ปล่อยฉัน”
ธิดาสะบัดมือเมขลาหลุด
“คุณอยากจะตายอยู่ตรงนี้หรือไง ตอนนี้คุณไม่มีพ่อคอยปกป้องแล้วนะ ไม่มีใครช่วยคุณได้นอกจากตัวคุณเอง”
ธิดาตวาดกลับ
“ฉันเจ็บเท้าจะตายอยู่แล้ว แกเบิ่งตาดูสิ อะไรไม่รู้มันทิ่มเท้าฉัน”
เมขลามองเท้าเปล่าของธิดา มีเลือดไหลจากฝ่าเท้า เมขลารีบก้มดูแล้วหันหลังให้ธิดา
“ขี่หลังฉันไป”
ธิดางงมองเมขลาอย่างไม่เข้าใจ
“แกโง่หรือบ้ากันแน่ แกช่วยฉันทำไมทั้งๆที่ฉันอยากฆ่าแก”
“ฉันเป็นแค่เด็กกำพร้าไม่เคยมีพ่อแม่สั่งสอนก็จริง แต่คนที่เลี้ยงฉันมา สอนฉันว่า คนเรามีทางเลือกสองทาง...ทางหนึ่งเป็นคนดี อีกทาง คือเป็นคนเลว แล้วฉันก็เลือกแล้วว่าจะเป็นอะไร”
แสงตามมาห่างๆ มองหาไม่เห็นก็ยิงปืนขึ้นฟ้าขู่
“นังตัวดี ออกมา”
เมขลาได้ยินเสียงปืน รีบสั่งธิดา
“เร็วเข้าสิ ไอ้แสงมันกำลังบ้าเลือด คงไม่คิดแค่ฆ่าคุณอย่างเดียวหรอก”
ธิดากลัวรีบเกาะหลัง เมขลายกธิดาขึ้นพาหนี แสงวิ่งมาเห็น ยิงใส่แต่ระยะไกลไปจึงไม่โดน
อ่านต่อหน้า 2
นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 19 (ต่อ)
รามคว้าตัวเรืองฤทธิ์พายังลอยคลออยู่ในน้ำ เรืองฤทธิ์แกล้งจะจมน้ำ
“ช่วยด้วยราม อาไม่ไหวแล้ว”
รามเข้าช่วยเพราะยังผูกพันกับความเป็นอาหลานอยู่ รามลากขึ้นฝั่ง เรืองฤทธิ์แกล้งหลับตานิ่ง รามตกใจเขย่า
“อาฤทธิ์ๆ”
เรืองฤทธิ์ลืมตา จ่อปืนที่อก รามเจ็บใจ
“อาหลอกผม”
เรืองฤทธิ์ยิ้มหยัน
“ช่วยไม่ได้ ฉันจำเป็นต้องรักตัวเองไว้ก่อน คนที่ไม่เคยกินนอนอยู่ข้างถนนอย่างแก ไม่มีวันเข้าใจหรอก”
รามนึกภาพตอนเรืองฤทธิ์ให้เขาขี่คอ พาวิ่งเล่นหัวเราะกันอย่างสนุกสนานผ่านเข้ามา
“นอกจากพ่อแล้ว ผู้ชายที่ผมไว้ใจ และเคารพศรัทธามาตลอดก็คืออา แต่ทำไมอาถึงทำกับผมแบบนี้”
“แกคิดว่าที่ฉันดีกับแกก็เพราะรักแกหรือ ฉันรักก็แต่เงินของพ่อแกเท่านั้นไอ้โง่ ไปที่ชอบๆเถอะหลานรัก ฝากบอกพี่โรจน์ด้วยนะ ว่าอาคิดถึงสุดหัวใจ ฮ่าๆๆ
เรืองฤทธิ์จะยิง รามหลับตารอความตาย
เมขลาเร่งฝีเท้าจนล้ม ธิดาพลอยหล่นไปด้วย ธิดาเห็นรามกับเรืองฤทธิ์ก่อน
“นั่นรามนี่”
เมขลาเงยหน้ามองเห็นรามกำลังจะโดนยิง
“อย่านะ”
เรืองฤทธิ์กับรามหันมามองเมขลา ธิดาเห็นแสงมาถึงตัวก็ร้องลั่น
“กรี๊ดด”
เมขลาหันไปทางธิดา แสงมาถึงจะยิงธิดา เมขลารีบกำทรายปาใส่ตา แสงปิดตา
ธิดาคว้าไม้ฟาดเปรี้ยงปืนหล่น เมขลาพุ่งเข้าแย่งปืนได้ เรืองฤทธิ์หันมาจะยิงรามอีกครั้ง รามจับข้อมือไว้ดันขึ้นสูงทำให้กระสุนพุ่งขึ้นฟ้า ยื้อปืนกัน เมขลามองปืนในมือทำท่ายิงไม่ค่อยถูก เงอะงะ เล็งไปเล็งมาเพราะกลัวโดนราม...รามจึงตะโกนบอก
“จับปืนให้แน่น เล็งให้ตรง แล้วลั่นไก ยิงเลย”
เมขลาหลับตาแล้วยิงออกไป กระสุนไปโดนลูกมะพร้าว หล่นใส่หัวเรืองฤทธิ์พอดิบพอดี เรืองฤทธิ์สลบเหมือด รามงง ขำไม่ออก แสงแย่งไม้จากธิดาได้ ฟาดธิดาล้มไปแล้วหันมาจะฟาดหัวเมขลา รามตะโกนลั่น
“ระวัง”
รามคว้าปืนของเรืองฤทธิ์ยิงแสง แต่กระสุนดันหมด ขณะแสงจะฟาด รามร้องลั่น
“เม”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยง แสงโดนยิงที่อก ล้มลงตายคาที่ ทุกคนหันไปทางด้านหลังราม เห็นภาคภูมิเป็นคนยิงแสง เทวัญยืนอยู่ข้างๆ ธิดาดีใจปล่อยโฮตะโกนเรียกพี่ชาย
“พี่เทพ”
เทวัญวิ่งมากอดน้องสาว ที่หน้าธิดาผากมีเลือดไหลนิดหน่อยจากบาดแผลจากที่ถูกแสงตี
รามกับเมขลามองกัน ต่างคนอยากเข้าไปกอดกัน แต่ก็ไม่กล้า
เย็นวิ่งตามมาล็อกแขนลูกน้องเรืองฤทธิ์ทั้งสองข้างให้รุจชก รุจชกออกไปสุดแรง แต่ลูกน้องเรืองฤทธิ์หลบหมัดของรุจโดนหน้าเย็นเต็มๆ
“โอ๊ย...ตาข้า”
รุจตกใจ
“ว้าย...ขอโทษ”
เย็นเปิดมือออกตาปูดสีเขียวคล้ำรอบตาเหมือนหมีแพนด้า ลูกน้องเรืองฤทธิ์จะหนี โรสคว้าไม้
“มันต้องฉันเอง คิดจะหนีหรือ นี่แน่ะ”
โรสเหวี่ยงไม้จะตีลูกน้องเรืองฤทธิ์ ลูกน้องเรืองฤทธิ์ก้มหลบทัน ไม้โดนหัวเย็นอีกที
“โอ๊ย”
เย็นล้มหน้าคว่ำไปกับพื้นไม่ไหวติง รุจชกลูกน้องเรืองฤทธิ์จับตัวไว้แน่น โรสรีบไปดูเย็น
“ไอ้หน้าส้วม ฉะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ เฮ้ย ทำไมไม่กระดุกกระดิกเลยล่ะ นายอย่าตายนะ ฉันจะแบกนายไปหาหมอ”
“ฉันว่าทำศพเลยดีกว่า ดูท่าแล้วคงไม่รอดหรอก”
โรสถลึงตาใส่รุจ
“ไอ้ชำรุด แกอย่ามาแช่งแฟนฉันนะ”
เย็นหันหน้ามา
“ยอมรับพี่เย็นเป็นแฟนแล้วหรือจ๊ะน้องโรส”
โรสดีใจแต่ทำเป็นโกรธ
“ไอ้หน้าส้วมนายกล้าหลอกฉันหรือ”
โรสชกหมัดใส่ตาเย็นอีกข้างเย็นร้องลั่น
วันใหม่...เรืองฤทธิ์ถูกจับดำเนินคดี เดินคอตกเข้าเรือนจำ....
ทรงวาดกราบพระในห้องพระอโหสิให้เรืองฤทธิ์
“พี่อโหสิให้เธอ”
กำนันตาลนั่งดูทีวีอยู่ที่บ้าน เห็นก้องภพนั่งโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ร่วมกับราม ภาคภูมิ และยงยุทธในชุดตำรวจเต็มยศ
“เครือข่ายของนายปองธรรมเป็นแก๊งยาเสพติดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย การทลายแก๊งของมันได้สำเร็จ ก็เท่ากับว่าช่วยเยาวชนได้อีกนับแสนนับล้านคน ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของทีมปปส ทุกคน”
“ท่านถูกพวกค้ายาลอบฆ่าหลายครั้ง ท่านไม่กลัวหรือคะ” นักข่าวถาม
ก้องภพหน้าสลดลง
“ลูกชายผมเสียชีวิตเพราะคนติดยา ตั้งแต่นั้นมาผมก็สัญญากับศพของลูกชายว่า จะปราบคนพวกนี้ให้หมดแม้จะเอาชีวิตเข้าแลกก็ตาม”
กำนันตาลนั่งดูก้องภพน้ำตาไหล เข้าใจสามีตนเองว่าทุ่มเททำหน้าที่ ก็เพราะสัญญากับลูกไว้นั่นเอง
ค่ำคืนหนึ่ง...มีการจัดงานเลี้ยงกันในสโมสรตำรวจ เมขลายืนบนเวทีรับโล่ประกาศเกียรติคุณที่ได้ช่วยเหลืองานของกรมตำรวจ จากก้องภพ บรรดาตำรวจ และแม่บ้านตำรวจ ลุกยืนปรบมือให้เกรียวกราว เมขลามองไปทางรามที่ปรบมือยิ้มให้ แต่เธอทำหน้ายักษ์ใส่รีบเมินไปทางอื่น รามเจื่อนไป
เมขลาเดินลงมาด้านล่างเวที แม่บ้านตำรวจหลายคนมารุมมอบช่อดอกไม้ให้จนล้นมือไปหมด
“นอกจากหน้าตาสะสวยแล้ว น้ำใจยังงามยอมเสียสละตัวเองเข้าไปช่วยจับผู้ร้าย ฉันนับถือหนูจริงๆ” แม่บ้านบอกอย่างชื่นชม
“แบบนี้ต้องเรียกว่านางฟ้า ของสมาคมแม่บ้านตำรวจนะคะเนี่ย” แม่บ้านอีกคนพูดขึ้น
ทุกคนหัวเราะอารมณ์ดี เมขลายิ้มแย้มขอบคุณคนที่มอบดอกไม้ให้ รามถือดอกไม้แค่ดอกเดียว ยืนเงอะงะ กำลังจะเข้าไปแสดงความยินดีกับเมขลา ภาคภูมิเข้ามาดึงแขน
“อยู่นี่เองผู้กอง เพื่อนๆผมอยากรู้จักกับผู้กอง มันรอกันอยู่ทางนู้น”
รามโดนลากไป จึงอดไปเคลียร์กับเมขลาเลย
เมขลาเดินออกมาจากงาน ชะงัก เห็นก้องภพกำลังรับนาฬิกาข้อมือจาก กำนันตาล ซึ่งเป็นนาฬิกาข้อมือที่ก้อภพซื้อเป็นของขวัญให้ เมขลารีบหลบดูเพราะสงสัยว่ากำนันตาลเป็นใคร
“ฉันเอานาฬิกามาคืนคุณ”
ก้องภพรับมาอย่างผิดหวัง
“คุณไม่อยากได้มัน ก็น่าจะโยนทิ้งไป ทำไมต้องเดินทางมาถึงนี่ เพียงเพื่อจะคืนมันให้ผม คุณใจร้ายมากนะตาล ผมคิดว่าคุณยอมยกโทษให้ผมแล้วซะอีก”
กำนันตาลยังวางท่า
“ฉันก็เป็นอย่างนี้แหละ เราถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ไง ฉันไปล่ะ”
กำนันตาลเดินไปที่รถ ก้องภพตัดใจเดินกลับเข้าอาคาร กำนันตาลหันมามอง แล้วน้ำตาคลอออกมา
“คนโง่”
ก้องภพเดินกลับมาได้นิดเดียวก็ต้องชะงัก เพราะเมขลาออกมาขวางไว้...
“ท่านสีหน้าไม่ดีเลย มีอะไรหรือคะ หนูพอจะช่วยอะไรได้มั้ย”
ก้องภพฝืนยิ้ม
“เธอนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเหมือนอย่างที่รามเคยบอกไว้จริงๆ” ก้องภพยัดนาฬิกาใส่มือเมขลา “ช่วยเอาไปทิ้งให้ฉันที”
“ผู้หญิงคนนั้น เออ...คือ หนูไม่ได้แอบดูนะคะ พอดีหนูเดินออกมาเห็นพอดี เขาให้ท่านไม่ใช่หรือ ทำไมจะทิ้งซะละคะ”
“มันเป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงานที่ผมซื้อให้เขาเอง แต่เขาเอามาคืน ขอบใจนะหนู”
ก้องภพเดินไป เมขลามองนาฬิกา
“เอ๊ะ ทำไมนาฬิกาไม่เดิน”
เมขลามองกระดาษเล็กๆที่ห้อยอยู่อ่านข้อความที่เขียนไว้
“ช่วยซ่อมให้ด้วย”
เมขลานึกออก รีบตะโกนบอกก้องภพ
“เดี๋ยวค่ะท่าน ภรรยาท่านไม่ได้เอามาคืนนะคะ แต่เขาให้ท่านเอามาซ่อม”
ก้องภพหงุดหงิด
“ทำไมต้องให้ผมซ่อม แถวบ้านเขาไม่มีร้านซ่อมเลยหรือไง”
เมขลาถอนใจเซ็งๆ
“ผู้ชายนี่ไม่เคยเข้าใจผู้หญิงเลย เขาให้ท่านเอาไปซ่อม ก็เพราะอยากติดต่อกับท่านอยู่ แค่นี้ยังไม่เข้าใจหรือคะ”
ก้องภพคิดออก ดึงนาฬิกาไปจากเมขลาแล้วรีบวิ่งออกไปนอกอาคาร
เมขลายืนมองก้องภพ กอดกับกำนันตาล พลอยยิ้มดีใจไปด้วย แต่พอนึกถึงตัวเองหน้าก็หมองลง เมขลาหันกลับไปเจอภาคภูมิกับยงยุทธ์ ประคองปีกรามมายืนตรงหน้าพอดี
“เจอคุณเมพอดี คงต้องให้คุณเมพาผู้กองกลับบ้านแล้วละครับ”
“ฝากด้วยนะครับคุณเม”ยงยุทธ์ยิ้มๆ
“ทำไมต้องฝาก เขาเป็นสามีภรรยากัน นอนบ้านเดียวกันอยู่แล้ว ไปดาบ ราตรีนี้ยังอีกยาวไกล”
ภาคภูมิส่งรามให้เมขลา แล้วออกไป เมขลารับไปอย่างงงๆ
เมขลาพารามกลับมาที่บ้าน ประคองรามให้เดิน รามแกล้งเมากอดดึงล้มไปด้วยกันบนโซฟา
“โอ๊ยย นี่คุณเดินดีๆสิคะ ลุกเร็วเข้า ฉันจะไปส่งที่ห้อง”
รามกอดเมขลาเมขลาไม่ยอมลุก พูดเสียงเมามาย
“ไม่เอา กอดกันอย่างนี้ดีแล้ว”
“คุณเมาแล้วนะ ปล่อยฉัน เดี๋ยวคนมาเห็น”
รามจุ๊บแก้มทันที พูดเสียงปกติ
“ไม่ปล่อย ผัวเมียนอนกอดกันไม่เห็นต้องอายใคร”
“คุณแกล้งเมาหรือ”
“อยากรู้ก็ลองหอมปากผมสิที่รัก ว่าได้กลิ่นหรือเปล่า”
รามยื่นปากจู๋ไปหา เมขลาโมโหหยิกปาก รามร้องลั่น เมขลาผลักรามแล้วลุกยืน
“คุณหลอกฉันจนติดเป็นนิสัยหรือไง หลอกแล้วหลอกอีก จนฉันไม่รู้แล้วว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม ฉันเป็นอะไรกันแน่ เป็นตัวตลกในสายตาคุณหรือ”
รามลุกยืนจับแขนเมขลา
“อ้าวคุณเป็นเมียผมไง”
เมขลาสะบัด
“เมียที่จดทะเบียนสมรส เมียที่คุณต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่เมียแบบ...”
รามมองกวนๆ
“แบบไหน”
“ก็แบบที่คุณ” เมขลาอยากให้รามพูดว่ารัก “ช่างเถอะ ไม่รู้ก็อย่ารู้”
เมขลาจะเดินหนี รามดึงไว้
“คุณจะเอายังไงอีก เรื่องที่ผมเป็นตำรวจ เรื่องที่หลอกว่าตาย ผมก็อธิบายไปหมดแล้ว จะให้คุกเข่าขอโทษเลยมั้ยล่ะ” รามประชด
“คุณไม่เคยรู้เลยว่าใครคิดยังไง แม้แต่แม่คุณเอง ท่านรู้สึกตลอดเวลาว่าคุณไม่รักท่าน แค่คำขอโทษที่คุณพูดไปเมื่อวาน มันไม่ได้ช่วยให้ผู้หญิงที่รักคุณที่สุด มีความสุขได้หรอก”
รามอึ้งไป
ทรงวาดนั่งมองรูปครอบครัว ลูบหน้ารามกับลักษณ์อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ รามเปิดประตูเข้ามา พร้อมมาลัยดอกไม้ เขาเดินเข้าไปคุกเข่ายื่นดอกไม้ให้แม่ ทรงวาดอึ้งพูดไม่ออก รามกราบที่ตัก
“ผมมาขอให้แม่อโหสิกรรมให้ หลังจากลักษณ์ตาย ผมตั้งใจประชดชีวิตหนีออกจากบ้าน ก็เพราะอยากทำให้แม่เจ็บปวด ผมมันเลวจนเกินให้อภัย”
ทรงวาดน้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน
“พอแล้วลูก ไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว เพราะไม่ว่ารามจะทำอะไร แม่ไม่เคยโกรธรามเลยสักครั้ง ลูกกับลักษณ์คือหัวใจของแม่นะ ขอให้รู้ ว่าแม่รักลูก”
รามพยายามพูดออกมา
“ความจริงผมไม่เคยเกลียดแม่เลย ผม คือผม...ผมรักแม่”
ทรงวาดดีใจดึงรามเข้ามากอด
“รู้มั้ยแม่รอฟังคำนี้มาตลอดชีวิตของแม่ ขอบใจนะลูก”
เมขลาแอบดูที่ประตู ยิ้มทั้งน้ำตาคิดถึงแม่ตัวเอง
ค่ำคืนนั้น...เมขลายืนมองท้องฟ้า
“แม่คะหนูก็รู้ว่าแม่ต้องรักหนู แม่คงส่งหนูมาเพื่อช่วยพวกเขาใช่มั้ย ตอนนี้นางฟ้าของแม่ทำหน้าที่จบแล้ว หนูควรกลับไปยังที่ๆหนูควรอยู่ใช่มั้ยคะ”
เมขลาน้ำตาไหล เพราะรู้สึกว่าตัวเองหมดความจำเป็นแล้ว ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมขลาหันไปมองประตูแต่ไม่ยอมเปิด รามยืนอยู่หน้าประตูห้อง
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่าว่าผมจะมาตื๊อขอนอนด้วย ผมก็แค่...อยากมาขอบคุณที่ช่วยหาดอกไม้ให้”
เมขลาชั่งใจ แล้วตัดสินใจเปิดประตู แต่รามไปแล้ว เมขลาถอนใจ ปิดประตู ลากกระเป๋าเสื้อผ้าออกจากตู้ กุญแจหล่นออกมา เมขลาอึ้งหยิบกุญแจขึ้นมามองนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
‘ถึงวันนี้ฉันจะไม่มีคู่รักมาคล้องกุญแจด้วย แต่ฉันขอคล้องกุญแจไว้ที่นี่ก่อนก็แล้วกันนะคะ แล้วถ้าฉันมีแฟนวันไหน ฉันจะชวนเขามาโยนลูกกุญแจทิ้งทีหลัง’
เมขลามองลูกกุญแจ
“มันไม่ควรจะคล้องอยู่คู่กันอีกต่อไป”
เช้าวันใหม่...โรสจัดของบนชั้น ทันใดนั้นมือเย็นที่มีผ้าดำคลุมปิดปืนไว้จี้หลังโรส เย็นดัดเสียงเข้ม
“ส่งเงินค่าคุ้มครองมาเสียดีๆน้องสาว”
โรสหันกลับ ตบบ้องหูเย็นแล้วดึงแว่นดำออก
“ยังติดนิสัยนักเลงไม่เลิกอีกเหรอ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ผู้กองยืนยันว่าพี่ช่วยเป็นสายให้เขา เลยรอดคุกตะรางมาได้ ไป...ไปช่วยกันจัดของ”
โรสบิดหู เย็นเจ็บหน้าบิดเบี้ยว
“พี่แค่ล้อเล่นเองจ๊ะเมียจ๋า”
ขณะเดียวกันนั้น เมขลาถือกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้ามา
“โรส”
โรสเห็นกระเป๋ารีบเดินไปหา
“เม...นี่แกขนกระเป๋าเสื้อผ้ามาทำไมเนี่ย จะย้ายมาอยู่ห้องเก่าแกหรือ”
“เปล่าหรอก”
เย็นมองอย่างสงสัย เพราะไม่เห็นรามมาด้วย
รามมองตู้เสื้อผ้าของเมขลาเห็นเปิดอ้าอยู่ ไม่เหลือเสื้อผ้าเลย ทรงวาดเดินเข้ามา
“หนูเมไปแล้วลูก เขาขอเวลาอยู่คนเดียวสักพัก แม่เองก็ไม่รู้จะห้ามยังไง”
รามชะงักอึ้ง
“แล้วเขาไปไหนครับแม่”
“เห็นว่าหาที่อยู่ได้แล้วจะโทรมาบอกจ๊ะ”
ทันใดนั้น เสียงมือถือรามดังขึ้น รามรับสาย เห็นเป็นเบอร์เย็นก็รีบบอก
“ตอนนี้ผมยังไม่ว่างคุยกับพี่นะ แล้วผมจะโทรกลับ”
รามวางสายไปโดยที่ไม่ฟังว่าเย็นจะบอกว่าเมขลาอยู่ที่ร้าน
รามขับรถออกจากบ้านอย่างรีบร้อน เพราะคิดว่าเมขลาอาจจะเดินทางไปต่างประเทศกับเทวัญระหว่างนั้นได้โทรหารุจไปด้วย เพื่อขอความช่วยเหลือให้เช็ครายชื่อผู้โดยสารให้ แล้วรีบไปหารุจที่สนามบินทันที เมื่อไปถึงพบรุจที่รออยู่แล้ว...
“ผมเช็คเที่ยวบินไปต่างประเทศทุกไฟร์ท ที่จะออกวันนี้แล้วไม่มีชื่อยัยเมกับคุณเทวัญเลย คุณแน่ใจหรือว่าเป็นวันนี้”
รามร้อนใจ
“แล้วคุณติดต่อเมียผมได้มั้ย ผมโทรเข้าก็ปิดเครื่อง”
“ลองถ้าปิดเครื่องอย่างนี้คงไม่ต้องการรับสายใครหรอกครับ แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ยัยเมอาจไปหา”
เมื่อรุจบอกอย่างนั้น รามนึกออกทันที รีบขับรถไปหาละมุนอย่างร้อนใจ
“หนูเมไม่ได้อยู่ที่นี่จ๊ะ” ละมุนบอกเมื่อรามถามถึงเมขลา
“แล้วเขาโทรหาคุณน้าบ้างหรือเปล่าว่าเขาจะไปอยู่ที่ไหน”
“เมื่อวานโทรมาค่ะบอกว่าอยากหลบไปพักผ่อนสักพัก แต่ก็ไม่ยอมบอกว่าจะไปไหน เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือคะ”
ละมุนเป็นห่วง รามถอนใจอย่างกลุ้มๆ
รามมาหาภาคภูมิที่ศูนย์ข้อมูลปปส. เพื่อฟังข่าวเมขลา
“ฉันสืบข่าวจากสายข่าวทางเหนือแล้ว คุณเมไม่อยู่ที่ไร่ชา” ภาคภูมิบอก
รามหันไปทางยงยุทธ
“เจอตัวหรือยังดาบ”
“ยังหาสัญญาณมือถือไม่พบครับ”
รามร้อนรุ่มใจ
“ทำไมช้านักละ ถ้าเป็นผู้ร้ายคงหนีเข้ากลีบเมฆไปแล้ว”
ก้องภพตบบ่ารามปลอบ
“ใจเย็นหน่อย เมียหนีแค่นี้ทำเป็นตื่นเต้นไปได้ เอาอย่างฉันสิ ถูกเมียทิ้งไปตั้งหลายปี ฉันยังไม่เห็นเดือดร้อน”
ทันใดนั้นเสียงกำนัลตาลดังขึ้น
“จริงหรือท่านผู้บัญชาการ”
ก้องภพหันไปเจอกำนันตาลจ๋อยลงทันที
“ไม่จริงหรอกจ๊ะ ผมแค่ปลอบใจลูกน้องเท่านั้น” ก้องภพทำกระแอม “ได้เวลาเลิกงานแล้วฉันขอตัวก่อนแล้วกัน...ไปจ๊ะที่รัก”
กำนัลตาลหันไปหาราม
“ราม รู้มั้ยว่าผู้หญิงทุกคนต้องการอะไร คำพูดที่ผู้หญิงชอบฟัง แต่ผู้ชายกลับไม่ชอบพูดไงล่ะ”
ก้องภพยิ้มหวานให้กำนัลตาล
“ผมรักคุณนะจ๊ะ แบบนี้ใช่มั้ย”
ตาลกระทุ้งศอกใส่ก้องภพ ยงยุทธกับภาคภูมิหัวเราะคิก รามเหม่อๆ นึกถึงเมขลา ทันใดนั้นมือถือดังขึ้น รามสะดุ้ง
“ฮัลโหล!” รามแปลกใจ “คุณเทเรซ่า!”
เป็นเทเรซ่าที่โทร.เข้ามา
อ่านต่อหน้า 3 พรุ่งนี้ จันทร์ 26 ธ.ค. 54
นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 19
ธิดานั่งรอรามอย่างกระวนกระวายใจ อยู่ภายในสวนสาธารณะ เมื่อเห็นรามเดินตรงมา ธิดารีบลุกไปหาทันที
“ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วย พี่เทพหายตัวไป ติดต่อเท่าไหร่ก็ติดต่อไม่ได้”
“หายไปนานหรือยังครับ”
“วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว”
รามนิ่งคิด
“เมก็หายไป ผมว่าจะโทรถามคุณเทวัญอยู่พอดีว่า เห็นเมบ้างหรือเปล่า”
“หมายความว่าหายไปทั้งคู่”
“หรือว่าคุณเทวัญพาเมไป”
ธิดาเถียงแทนพี่ชายทันที
“นายจะกล่าวหาว่าพี่ชายฉันล่อลวงยัยเมงั้นสิ พี่เทพไม่ตาบอด กลับไปหาคนที่มีส่วนทำให้พ่อตัวเองต้องตายหรอก”
รามสะอึก ธิดานั่งลงแบบไม่พอใจ รามนั่งตามพูดดีๆด้วย
“ไหนว่าให้อภัยกันแล้วไง”
“ก็นายเริ่มก่อน นายรักเมียนาย ฉันก็รักพี่ชายฉัน พี่เทพเป็นสุภาพบุรุษไม่รังแกผู้หญิงเหมือน...”
ธิดาจ้องหน้ารามอย่างแค้นไม่หาย ทำเอาเจ้าตัวยิ้มแหยๆ
“เราพักรบเรื่องเก่าๆไว้ก่อนดีมั้ย ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องเอาหัวมาชนกัน ช่วยกันคิดว่า พี่ชายคุณจะไปที่ไหน”
“ก็ได้ แต่นายต้องเลี้ยงข้าวฉันก่อน ฉันไม่ได้กินของดีๆแพงๆมาเป็นเดือนแล้วนะ”
ธิดาหน้าตาละห้อย รามมองอย่างสงสาร จึงให้ธิดาคล้องแขน แล้วพาไปที่รถ
ณ บ้านไม้กะทัดรัดริมแม่น้ำ เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ชั้นล่างเทวัญเตรียมทำเป็นร้านกาแฟเล็กๆ เพราะมีระเบียงติดริมแม่น้ำ ส่วนชั้นบนเป็นที่พักอาศัย เขากำลังทาสีร้านกาแฟอย่างขะมักเขม้น ขณะเดียวกันนั้นเมขลาเดินมาถึง...
“ขอโทษค่ะ เจ้าของร้านอยู่มั้ยคะ”
เทวัญหันกลับมา เมขลายิ้มให้ เทวัญมองมือเธอที่หิ้วกระเป๋าใบใหญ่มาด้วย จึงลุกขึ้นยืนมองด้วยความแปลกใจ
“คุณเม! รู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่”
เมขลายิ้ม แล้วเล่าให้ฟังว่า เธอจำได้ว่าวันที่เขานั่งดูพิมพ์เขียวแบบร้านกาแฟ เขาเคยเล่าให้เธอฟังว่าซื้อที่ดินไว้ผืนหนึ่งจากลูกน้อง ที่เล่นการพนันจนหมดตัว เขาจึงตั้งใจว่า ถ้าวางมือจากธุรกิจของพ่อ จะมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ซึ่งเธอยังคุยกับเขาเล่นๆว่า ถ้าตกงานจะขอหุ้นด้วย และมาครั้งนี้ เธอก็ตั้งใจว่าจะมาขออยู่ด้วย
“โอเคเลยครับ เพราะผมก็ถังแตกเหมือนกัน โชคยังดีที่ดินตรงนี้ผมใช้เงินเก็บส่วนตัวซื้อไว้ เพราะเงินกับทรัพย์สินของพ่อโดนอายัดหมด เรียกว่าชีวิตผมตอนนี้เริ่มต้นจากศูนย์” เทวัญยิ้มอย่างเต็มใจ
“แต่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่มีเงินหรอกค่ะ ถังแตกเหมือนกัน เงินในธนาคารก็เป็นของคุณแม่ฝากให้ ฉันอายที่จะเบิกมาใช้ เอางี้ได้มั้ยคะ ฉันขอลงแรงไปก่อนแล้วกัน”
เมขลาบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เทวัญหัวเราะ
“ผมล้อคุณเมเล่น ถ้าคุณเมลงแรงผมก็มีเงินเดือนให้”
“จริงเหรอคะ ฉันจะแสดงฝีมือให้ดู ว่าลูกน้องคนนี้ทำได้ทุกอย่าง จ้างคนเดียวเหมือนได้พนักงานเพิ่มอีกสิบ”
เมกุลีกุจอคว้าแปรงทาสีโชว์ฝีมือ
“คอยดูให้ดีนะคะ”
เมปาดสีปืดเดียว แปรงทาสีหลุดจากมือกระเด็นเข้าหน้าเทวัญ สีเปื้อนหน้าเทวัญทันที ทำเอาเจ้าตัวอึ้งพูดไม่ออก เมขลายิ้มแหะๆ
“เชื่อแล้วครับว่าฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ” เทวัญพยักหน้ารับขำๆ
ธิดาเขย่าประตูบ้านหลังหนึ่งอย่างเกรี้ยวกราดไม่พอใจ
“ฉันบอกให้เปิดประตูไงเล่า ฟังภาษาผู้ดีไม่กระดิกหรือไง หรืออยากเจอแบบแม่ค้าปากตลาด เดี๋ยวนี้ฉันก็เป็น...”
รามดึงธิดาออกห่าง
“เขาไม่ให้เข้า ก็ไปหาข่าวคุณเทวัญที่อื่นก็ได้”
ธิดาตะโกน
“ไอ้สันต์ไอ้คนเนรคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่เทพเอาเงินมาใช้พยุงธุรกิจแกไว้ แกจะมีบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้เหรอ เสียแรงที่พี่เทพเห็นแกเป็นเพื่อนสนิทที่สุด”
สันต์เดินหน้าบึ้งตึงออกมา
“ถ้ารู้ว่าเป็นเงินจากการค้ายา ผมก็ไม่เอาด้วยหรอก”
สันต์ยื่นเช็คให้
“ห้าพันพอมั้ย ถ้าขอมากกว่านี้ผมไม่มีหรอก ได้แล้วก็รีบไปซะ เดี๋ยวตำรวจจะหาว่าผมมีส่วนกับแก๊งค้ายาด้วย”
ธิดาปัดทิ้ง
“ฉันไม่ได้มาขอเงินแก”
รามชูบัตรตำรวจ
“ระวังคำพูดของคุณด้วย เพราะคุณอาจโดนข้อหา รับเงินผิดกฎหมายมาเพื่อฟอกเงินได้นะครับ”
“เงินผมเป็นเงินบริสุทธิ์ ผู้กองพูดมั่วๆเรียกว่ายัดข้อหานะครับ”
“เมื่อกี้คุณพูดหยกๆว่า ถ้ารู้ว่าเงินที่คุณเทวัญให้เป็นเงินจากการค้ายาก็จะไม่รับ ไม่ใช่เหรอครับ หรือผมฟังผิด”
สันต์จ๋อย เสียงอ่อน
“ผมก็พูดไปเรื่อยเปื่อย”
“ถ้าพูดไปโดยไม่ทันคิด ก็น่าจะขอโทษคุณเทเรซ่าได้สิครับ”
สันต์มองหน้าธิดาที่เชิๆด พูดด้วยห้วนๆ
“ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ”
ธิดาสะบัดพรืดเดินไปขึ้นรถ รามเดินตามไปขึ้นรถ
“เจ๋งไปเลย หน้ามันเหลือสองนิ้ว” ธิดาหัวเราะคิกคัก ยิ้มให้ราม
ธิดากับรามเดินเข้าไปในย่าน คาราโอเกะถิ่นเก่าของเย็น
“นี่มันแถวคาราโอเกะ ที่ผมเคยทำงานกับพี่เย็นนี่ครับ”
ธิดาพยักหน้ารับ
“ตอนนี้มันถูกปิดไปแล้ว แต่ลูกน้องเก่าของพี่เทพบางคนยังทำงานอยู่ย่านนี้ เขาเคารพพี่เทพมาก อาจช่วยเราสืบข่าวพี่เทพได้”
รามชะงัก ตรงหน้ารามกับธิดา นักเลงหลายคนเดินล้อมกรอบเข้ามา ทุกคนมีไม้ในมือ สายตามุ่งร้ายจ้องไปที่ธิดา
“ถนนมีไว้เดิน พี่ยืนขวางทางอย่างนี้ ผมไปไม่ได้นะครับ” รามพูดด้วยอย่างหยั่งท่าที
นักเลงคนหนึ่งชี้หน้าธิดา
“นี่ไงลูกสาวไอ้พ่อเลี้ยงจอมโหด ใครที่เคยถูกมันกดขี่ รีดไถเงิน ฆ่าผัว พรากเมีย พรากลูกสาวมันยืนอยู่ตรงนี้แล้ว เอาคืนกับลูกสาวมันได้ตามใจชอบ”
“พูดงี้ก็ไม่ถูกนะ บ้านเมืองมีกฎหมาย จะเที่ยวทำร้ายใครตามใจชอบไม่ได้” รามพยายามปราม
“อย่ายุ่ง”
นักเลงไม่ฟัง ถือไม้เข้าทำร้ายธิดา รามเข้าปกป้อง ผลักธิดาไปอยู่ด้านหลัง เขาใช้มือเปล่าต่อสู้ หักแขน หักข้อมือให้ไม้หล่นได้อย่างง่ายดาย เตะให้ไม้ลอยไปฟาดหัวอีกคนได้อย่างน่าทึ่ง
“กรี๊ดดด รามช่วยด้วย”
รามหันไปเห็นธิดาที่พยายามวิ่งหนีถูกนักเลงจะทำร้าย จึงวิ่งเข้าไปช่วยไว้ทัน แล้วเห็นนักเลงรุมกันเข้ามาอีก
“วิ่ง”
รามจับมือธิดาวิ่ง ธิดาโวยวาย
“ฉันจะวิ่งได้ไง เดี๋ยวส้นรองเท้าสึก คู่นี้ตั้งเท่าไหร่รู้มั้ย”
“ยังห่วงสวยอีก ถอดออก เร็ว”
ธิดารีบถอด แต่ยังติดความร้ายกาจ เอารองเท้าปาใส่หน้านักเลงที่ตามมา โดนหน้าจังๆ
ธิดาวิ่งหนีไปกับราม โดยมีนักเลงวิ่งไล่กลุ่มใหญ่
ภายในร้านอาหารดูดีมีระดับ ธิดานั่งเขี่ยอาหารกินไม่ลง
“ไหนบอกว่าไม่ได้กินอาหารดีๆมานานแล้วไง ทำไมไม่รีบกินล่ะ หรือมัวแต่ซาบซึ้งที่ผมช่วยชีวิตคุณไว้” รามพยายามพูดให้ธิดาสบายใจ แต่อดจะกวนไม่ได้
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่า จะมีคนเกลียดคุณพ่อมากมายขนาดนี้ ตอนที่พ่อยังอยู่ รอบตัวฉันก็มีแต่พะเน้าพะนอเอาใจ แต่เดี๋ยวนี้...”
ทันใดเสียงจากโต๊ะด้านหลังดังขึ้น
“นี่ไงยัยเทเรซ่า ลูกมาเฟียค้ายา ได้ข่าวว่าถูกยึดทรัพย์จนหมดตัวเลยนะ”
ธิดาสะอึก
“ดีสมน้ำหน้า เขาเรียกบาปกรรมมีจริง” อีกคนพูดอย่างเหยียดๆ
ธิดาทุบโต๊ะลุกยืนจะหันไปเล่นงานโต๊ะด้านหลัง แต่เจอกับผู้ชายพุ่งเข้ามาสาดน้ำใส่หน้าธิดาเต็มๆ
ธิดาตกตะลึง รามรีบลุกมายืนข้างธิดา
“พ่อแกทำให้ลูกสาวฉันต้องติดยา ลูกสาวที่น่ารักของฉัน ต้องกลายเป็นคนวิกลจริต ก็เพราะไอ้พวกนรกส่งมาเกิด พวกแกต้องไม่ตายดี ต้องโดนสาปแช่ง”
ทุกโต๊ะจ้องมองธิดาเป็นตาเดียว รามจะกันผู้ชายออกไป
“ถึงยังไงคุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้”
“ไม่ต้องราม ปล่อยเขา”
ธิดายกแก้วน้ำตัวเองยื่นให้ผู้ชาย
“ถ้าคุณยังไม่หายแค้น ก็สาดมาอีก ฉันก็อยากล้างมลทินให้หมดไปเหมือนกัน” ธิดาร้องไห้ “เอาเลย สาดมาให้พอใจ”
“คุณธิดา”
ธิดาสะเทือนใจเพราะตัวเองรู้ตลอด
“ฉันรู้ว่าพ่อฉันค้ายา แต่ฉันไม่เคยแคร์ ฉันขอแค่มีเงินซื้อกระเป๋าราคาเป็นแสน กินอาหารในร้านหรูๆ ซื้อมันทุกอย่างด้วยเงิน สมแล้วที่ฉันจะโดนแบบนี้ ใครอยากจะด่า จะทำอะไรฉันก็มาเลย”
ทุกคนมองๆว่ายัยนี่เป็นอะไรของมัน รามสงสารธิดา เอาเงินวาง จูงธิดาออกจากร้าน
เมื่อออกมาด้านนอกร้านอาหาร ธิดาหลบมุม มานั่งสะอึกสะอื้น รามนั่งข้างๆ
“ไหล่ผมกำลังว่างอยู่ สนใจใช้บริการก็บอกได้นะ”
ธิดาหันมาดวงตาช้ำ
“นายไม่รังเกียจฉัน เหมือนพวกเขาเหรอ ขนาดฉันยังรู้สึกขยะแขยงตัวเองเลย”
“ผมก็เคยมีชีวิตที่บัดซบ แต่ถ้าผมไม่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนอดีตชีวิตของผม ในวันนี้ก็ได้แค่ไอ้ขยะสังคม”
“แต่ตราบาปที่ฉันทำไว้ มันคงแก้ยาก ฉันไม่รู้จะทำยังไง”
“ไม่เห็นต้องทำอะไร แค่เดินต่อไปก็พอ”
ธิดาซึ้งใจ
“นายบอกจะให้ฉันยืมไหล่ได้ใช่มั้ย”
“ชัวร์”
“ฉันขอยืมสัก1นาทีนะ”
“ผมแถมให้อีก1นาที เป็นบริการเสริม”
ธิดายิ้มออก รามดึงธิดาเข้ามากอดแบบเพื่อน โดยไม่รู้ว่านักข่าวแอบถ่ายรูปทั้งคู่
ที่ฮ่องกง...
เฮียจางในชุดจีน แบบเจ้าพ่อมาเฟียโบราณนั่งอยู่ในเงามืด แต่ดูน่าเกรงขาม ลูกน้องยืนรายงานให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ที่เมืองไทยเกิดปัญหาขึ้นแล้วครับ พ่อเลี้ยงปองธรรมลูกค้ารายใหญ่ของเรา ถูกตำรวจยิงตาย”
“ตำรวจมันได้อะไรไปบ้าง”
“หุ้นส่วนของพ่อเลี้ยงตกอยู่ในมือของตำรวจ มันอาจปูดความลับจนตำรวจไล่สืบมาถึงองค์กรของเรา”
เฮียจางเทน้ำชาลงถ้วยชาอย่างใจเย็น
“มันชื่ออะไร”
“เรืองฤทธิ์ครับเฮีย ข่าวว่ามันมีญาติเป็นตำรวจด้วย”
“ไม่รู้จักตัดไฟ ภัยจะมาถึงตัว ตามอาเหลียงมา”
ลูกน้องก้มหัวแล้วถอยออกไปทันที
ที่ลานฝึกในบรเวณ เหลียงผูกตา ใส่เสื้อยืดรัดรูป กับกางเกงดำ ซ้อมยิงปืน โดยใช้กระป๋องเป็นเป้าตั้งเรียง เขายิงถูกเป้าทุกใบ กระทั่งกระสุนหมด จึงเปลี่ยนกระสุนทั้งหลับตาอย่างคล่องแคล่ว แต่ยังไม่ทันเสร็จ เขาชะงักตั้งใจฟังเสียงบางอย่าง
ใบไม้สีน้ำตาลแห้งกรอบใบใหญ่ ร่วงลงจากต้นช้าๆ เหลียงควักมีดสั้นออกมา ตวัดมือเหวี่ยงมีดสั้นออกไป มีดสั้นพุ่งไปเสียบใบไม้อย่างแม่นยำ แล้วพุ่งไปปักที่กำแพง ขณะที่ลูกน้องเฮียจางเดินเข้ามาพอดี
“พะ พี่เหลียง ผมเอง” ลูกน้องเฮียจางตกใจยืนตัวแข็ง
เหลียงกระชากผ้าผูกตา
“มีอะไร”
“เฮียจางมีงานด่วนให้ทำ”
“เท่าไหร่”
ลูกน้องงง
เมื่อเหลียงมาพบ เฮียจางเลื่อนทองคำแท่งให้เหลียง 1 แท่ง
“พอมั้ยสำหรับการไปเมืองไทยคราวนี้”
“1 แท่งต่อ 1 ศพ”
“ไม่มีปัญหา ขอให้ได้ชื่อคนที่เกี่ยวข้องมาทั้งหมดก่อน ลื้อตามเก็บได้กี่ศพ ก็มารับไปตามนั้น”
“เป้าหมายอยู่ที่ไหน”
“เมืองไทย ตอนนี้อั๊วให้สายเข้าไปส่งข่าวแล้ว ลื้อมีหน้าที่รอรับตัวมันออกมาจากคุก แล้วก็ เค้นเอารายชื่อทั้งหมดออกมา”
เหลียงพนักหน้ารับอย่างมั่นใจว่างานที่ได้รับมอบหมายไม่ยากเลย
ที่เรือนจำ ในเมืองไทย...หญิงนกต่อ นั่งรอยู่หน้ากรงขัง เรืองฤทธิ์เดินออกมากับผู้คุม
“ไหน ญาติที่มาเยี่ยมผม”
ผู้คุมชี้ไป เรืองฤทธิ์งงๆหยิบโทรศัพท์ขึ้นพูด
“พี่ฤทธิ์ ทำไมพี่ถูกจับแล้วถึงไม่บอกฉัน”
เรืองฤทธิ์เดินไปใกล้
“เธอเป็นใคร”
“ฉันหลิน เมียพี่ไง”
“หลิน”
“ฉันรู้ว่าพี่ไม่อยากให้ฉันเดือดร้อน ถึงแกล้งทำเป็นจำฉันไม่ได้ แต่พี่ไม่ต้องกลัวนะ ฉันต้องหาทางช่วยพี่ให้ได้”
เรืองฤทธิ์มองสบตาหญิงคนนั้น รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
“พี่จางฝากเอาขนมเปี๊ยะที่พี่ชอบมาให้ด้วย ผู้คุมเอาไปตรวจแล้วเดี๋ยวเขาคงมาให้พี่ พี่คงจำพี่จางได้ใช่มั้ยจ๊ะ”
เรืองฤทธิ์ดีใจ
“เฮียจาง”
เมื่อได้ขนมมา เรืองฤทธิ์แกะขนม เขาบิขนมออก พยายามดูว่ามีอะไรซ่อน แต่ไม่มี
“ใครเล่นตลกวะ”
เรืองนึกได้ว่าหลินบอกเขาก่อนกลับไปว่า...
‘พี่ต้องกินให้ได้นะ แต่ระวังอย่ากินกระดาษที่ห่อเข้าไปด้วยล่ะ หลินไปนะจ๊ะ...’
เมื่อนึกได้อย่างนั้น เรืองฤทธิ์รีบเอากระดาษรองขนม มาแอบดูว่าเขียนอะไรไว้ ก็ไม่มีแล้วก็สังเกตว่าเป็นกระดาษสองชั้น เรืองฤทธิ์ลอกออก เห็นเป็นข้อความ จึงเปิดข้อความดู
‘พรุ่งนี้ เฮียจางจะให้คนมารับคนป่วยออกไป’
เรืองฤทธิ์ดีใจ รีบขยำกระดาษกลืนเข้าไป
เมขลาเช็ดกระจกหน้าร้านกาแฟด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ พอจะฉีกเปลี่ยนแผ่นใหม่เป็นหน้าข่าวสังคม เธอสะดุดตาที่รูปภาพหญิงชายกอดกัน เพ่งมองจำได้คือภาพรามกอดกับธิดาที่ร้านอาหาร
“คุณเทเรซ่า...ราม”
เมขลารีบอ่านใต้ภาพ เขียนแซวว่า
“เพิ่งหลุดจากคดีใหญ่ เทเรซ่าเซเลปสาวก็ได้ หนุ่ม ดาร์ค ทอล แอนแฮนซั่มมาปลอบใจ ทันที”
เทวัญยกมาม่ามาวางบนโต๊ะ
“วางมือก่อนคุณเม ผมทำของอร่อยมาให้ทาน”
เมขลารีบหลบๆ ฉีกภาพรามกับธิดายัดใส่กระเป๋ากระโปรงเดินไปนั่งกับเทวัญ ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเนี่ยนะฝีมือคุณ ท่าทางทำยากน่าดู”
“ผมไม่ได้ซื้ออะไรไว้เลย เหลือแต่บะหมี่ห่อเดียว ถ้าอยากกินของอร่อยต้องรอพรุ่งนี้”
“คุณกินเถอะ ฉันยังไม่หิว”
แต่เสียงท้องร้องดังมาก เทวัญหัวเราะ
“กินสักหน่อยเถอะพรุ่งนี้จะได้มีแรงทำงานต่อ เดี๋ยวจะหาว่าผมใช้งานโหด ไม่ดูแลลูกน้อง”
“ได้ค่ะเจ้านาย ถ้างั้นไม่เกรงใจนะ”
เมขลาคีบมาม่าใส่ปาก ดูดเส้นเสียงดังไม่มีฟอร์มใดๆ เทวัญมองเธอกินอย่างมีความสุข ลึกๆ เทวัญแอบมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงมือถือปลุกภวังค์เทวัญให้กลับมา เทวัญดูชื่อ
“ผมขอตัวแป๊บนะ ตรงนี้สัญญาณไม่ค่อยดี”
พอเทวัญเดินไป เมขลาหยุดกินทันที สีหน้าเศร้าเพราะยังนึกถึงเรื่องรามกับธิดา เธอหยิบรูปที่ฉีกเก็บไว้ออกมาดูอีกครั้ง
เทวัญหลบมารับโทรศัพท์ แต่ก็ยังมองมือถืออย่างลังเล เสียงโทรศัพท์ยังดังตลอด
สายตาเทวัญจับจ้องไปที่เมขลา ในที่สุดเทวัญก็ตัดสินใจดึงแบตเตอรี่ออก เพื่อตัดการติดต่อกับธิดา
ในรถราม... ธิดาตัดสายทิ้ง รามหันไปมอง
“พี่ชายคุณไม่รับสายเหรอ”
“ฉันว่าพี่เทพ ต้องอยู่ในที่ๆไม่มีสัญญาณโทรศัพท์แหง เพราะทุกทีพี่เทพต้องรับสายฉันตลอด หรือคราวนี้พี่เทพตั้งใจจะทิ้งน้องไปจริงๆ” ธิดาหน้าเสีย “แล้วฉันจะอยู่คนเดียวได้ยังไง”
“อ้าว...แล้วเอาผมไปทิ้งไว้ที่ไหน ผมเป็นเพื่อนคุณนะ มีอะไรก็โทรหาได้ทันที”
ธิดาแกล้งทำเป็นงอนๆ
“ไม่ต้องย้ำคำนี้บ่อยๆก็ได้ คำก็เพื่อน สองคำก็เพื่อน”
รามตีหน้าไม่ถูก
“ผมไม่ได้อยากจะย้ำสักหน่อย”
ธิดาหัวเราะ
“ฉันล้อเล่น ฉันนะไม่ได้คิดอะไรกับนายแล้ว เพราะฉันเป็นฝ่ายสลัดนายทิ้ง คนสวยอย่างฉันยังมีหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวรอต่อคิวอีกเพียบ ขอบใจนะที่มาส่ง”
ธิดาลงจากรถ เมื่อถึงคอนโดที่เธอพัก รามยิ้มขำๆ
“อะไรของเขา พูดเองเออเองหมด”
รามขับรถไป ธิดาหันกลับมามองสีหน้าสลดลง เพราะจริงๆแล้วเธอแกล้งร่าเริงไปอย่างนั้นเอง
อ่านต่อตอนที่ 20
ติดตามอ่านเรื่องราว "นางฟ้ากับมาเฟีย" อย่างละเอียด ทุกบทสนทนา ทุกลมหายใจของตัวละคร สมบูรณ์ที่สุด และตรงตามบทโทรทัศน์ช่อง 7 สี ตั้งแต่ต้นจนอวสาน โดยไม่มีการตัดทอน ทุกวัน ทาง "ละครออนไลน์"